เทพปีศาจหวนคืน 1562-1565
บทที่ 1562 ราชันภูต
“อสรพิษสายฟ้า!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตะโกน
ในเวลาต่อมาบอลสายฟ้าสองลูกก็หลอมรวมเป็นหนึ่งและก่อตัวเป็นอสรพิษสายฟ้า
สายฟ้าคือหยาง อสรพิษคือหยิน อสรพิษสายฟ้าประกอบด้วยหยินและหยางทําให้มันดูยิ่งใหญ่แต่ยังมีความอ่อนโยน
มันเลื้อยไปรอบๆหินที่มีขนาดเท่าภูเขาและบดขยี้ภูเขาหินจนกลายเป็นฝุ่นผง
นี่เป็นหนึ่งในท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมที่ทรงพลังที่สุดที่สาธารณชนรู้จัก
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามีต้นกําเนิดมาจากบรรพชนผมยาว เขามีความสามารถโดยธรรมชาติที่พิเศษมาก
ท่าไม้ตายนี้ถูกยกระดับให้เป็นท่าไม้ตายอมตะระดับแปดด้วยการใช้วิญญาณอมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม
พวกเขาจะไม่สามารถปรับแต่งภูเขาเกราะคชสารซึ่งเป็นทรัพยารรอมตะระดับแปดได้โดย ปราศจากอสรพิษสายฟ้าระดับแปด
ภูเขาเกราะคชสารเป็นทรัพยากรอมตะบนเส้นทางแห่งข้อมูล
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาทําการแปรรูปทรัพยากรอมตะมาเป็นเวลาหลายชั่วโมงแล้ว
ภูเขาเกราะคชสารที่กลายเป็นผงรวมตัวกับทรัพยากรอมตะอื่นๆ ภายใต้วิธีการของจิต วิญญาณแผ่นดินหลางหยา พวกมันก่อตัวเป็นวังวนแสงหลากหลายสีสันที่หมุนวนตลอดเวลา
“เสร็จแล้ว หยุดค่ายกลวิญญาณอมตะได้” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนหยุดใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมทันที
เมื่อค่ายกลวิญญาณอมตะหยุดทํางาน กลิ่นอายของวังวนแสงหลากสีก็กระจายออกไป ขณะเดียวกันวิญญาณสติปัญญาที่อยู่ห่างออกไปก็ทําตัวราวกับลูกแมวที่ได้กลิ่นปลา มันบินเข้ามาและกระโดดเข้าสู่วังวนแสงหลากสีอย่างรวดเร็ว
“ดังนั้นวิญญาณสติปัญญาก็เป็นเช่นนี้” ฟางหยวนกล่าว
“ตํานานกล่าวว่าเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณสติปัญญาต้องใช้ทรัพยากรอมตะบนเส้นทางแห่งข้อมูลจํานวนมาก โดยธรรมชาติแล้ววิญญาณสติปัญญาจะได้รับประโยชน์จากพื้นที่ที่เต็มไป ด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางแห่งข้อมูล”
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากล่าว
ฟางหยวนเข้าใจทันที
เคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณสติปัญญาไม่ถูกบันทึกไว้ในมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณและมรดกที่แท้จริงของนิกายหลางหยา กระทั่งวังสวรรค์ก็มีบันทึกไว้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ฟางหยวนไม่สามารถควบคุมวิญญาณสติปัญญาแต่เขาสามารถเคลื่อนย้ายวังวนแสงหลากสี
สําหรับวิญญาณอายุยืนสีพันปี เขาได้รับมันหลังจากดูดซับความหมายที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมแล้ว
“รบกวนผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งแล้ว ข้าจะค่อยๆชําระหนี้ในภายหนัง” ฟางหยวนกล่าวอย่างจริงใจต่อจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา
แม้วิธีย้ายวิญญาณสติปัญญาจะเรียบง่ายแต่ค่าใช้จ่ายของมันก็ไม่น้อย
ทรัพยากรอมตะระดับแปดจํานวนมากถูกรวบรวมมาเพื่อสร้างวังวนแสงหลากสีขณะที่วังวน แสงหลากสีจะค่อยๆสลายไป มันไม่มีประโยชน์ใดนอกจากการล่อลวงให้วิญญาณสติปัญญาย้ายที่อยู่
ค่าใช้จ่ายนี้เป็นภาระของฟางหยวนโดยธรรมชาติ
หลังจากหารือกับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา ทั้งสองฝ่ายตกลงให้ฟางหยวนชําระหนี้ในภายหลัง ท้ายที่สุดฟางหยวนก็พึ่งผ่านการต่อสู้ที่ดุเดือดมา เขาจําเป็นต้องเติมเต็มคลังเก็บพลังงานอมตะอย่างเร่งด่วน
ทั้งหมดเป็นเพราะสถานะของฟางหยวนที่เปลี่ยนแปลงไป หลังการต่อสู้กับจักรพรรดินีอสูรสายฟ้า เขาสามารถเจรจาต่อรองกับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาได้ดีขึ้น
“เวลามีจํากัด ข้าต้องใช้เวลาอนุมานวิธีที่ดีที่สุดในการแก้ไขสถานการณ์” ฟางหยวนกล่าว
“ดี ข้าต้องรบกวนเจ้าแล้ว” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารู้สึกผ่อนคลายลงเมื่อได้ยินฟางหยวนกล่าวเช่นนี้
ฟางหยวนกลับไปที่เมืองเมฆาของเขา
ฟงจิวเก้อบุกแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาและปล้นชิงเมืองเมฆาหลายเมืองแต่อาจเป็นเพ ราะโชคของฟางหยวนที่เมืองเมฆาที่สองของเขาไม่ถูกฉกชิงไป
ฟางหยวนเก็บตัวอยู่ในห้องลับ แม้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์จะพยายาม ขอเข้าพบเขาแต่เขาปฏิเสธทั้งหมด
ภายในมิติช่องว่างจักรพรรดิ
ท่าไม้ตายอมตะความแข็งแกร่งเปลี่ยนชีวิตและความตาย!
“ท่าไม้ตายนี้เป็นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่ง มันไม่เหมาะสมกับร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของข้า ข้าต้องเปลี่ยนมันให้เป็นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาในอนาคต
ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนกลายเป็นผีดิบอมตะและปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าวิญญาณสติปัญญา
หลังจากชั่วครู่วิญญาณสติปัญญาก็ปล่อยแสงแห่งปัญญาออกมา ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนนั่งไขว้ขาและเริ่มคิดอย่างรวดเร็ว
ปัญหาเกี่ยวกับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ที่กลุ่มของฟงจิวเก้อทิ้งไว้ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาเป็นภาระของฟางหยวน
อย่างไรก็ตามเปรียบเทียบความปลอดภัยของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยากับตัวเขา แน่นอนว่าตัวเขาสําคัญกว่า
“ตอนนี้สิ่งสําคัญที่สุดคือการยกระดับท่าไม้ตายอมตะอาภรณ์ภูตผี มิฉะนั้นเมื่อข้าออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา พลังงานอมตะที่ใช้ในการรักษาอาภรณ์ภูตผีเอาไว้จะสูงเกินกว่าที่ข้าจะแบกรับไหว
หากอาภรณ์ภูตผีไม่ได้รับการยกระดับ ฟางหยวนจะไม่ปลอดภัย
หากตําแหน่งของเขาถูกค้นพบ สถานการณ์ของเขาจะเลวร้ายอย่างไม่ต้องสงสัย
ก่อนหน้านี้ฟางหยวนคิดว่าอาภรณ์ภูตผีของเขาเพียงพอแล้วสําหรับการป้องกันการอนุมานของวังสวรรค์
แต่ตอนนี้วังสวรรค์มีเบาะแสมากมายเกี่ยวกับฟางหยวน อาภรณ์ภูตผีในปัจจุบันไม่เพียงพอที่จะปกป้องเขา
การอนุมานนี้ดําเนินไปนานกว่าหนึ่งเดือน
แน่นอนว่าแสงแห่งปัญญาไม่ได้ถูกใช้งานตลอดเวลา
กระบวนการทั้งหมดดําเนินไปอย่างราบรื่นเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากฟางหยวนเป็นปรมาจารย์ เอกบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมและกึ่งปรมาจารย์สูงสุดบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม นอกจากนั้นเขายังมีความเข้าใจเกี่ยวกับผนึกภูตผี อาภรณ์วิญญาณ และท่าไม้ตายอื่นๆกระบวนการนี้ ล่าช้าเล็กน้อยเนื่องจากการขาดความสําเร็จบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ
อย่างไรก็ตามความยากลําบากที่เกิดขึ้นถูกแก้ไขหลังจากฟางหยวนเพิ่มวิญญาณอมตะป้ายคําสั่งอสูรวิญญาณระดับแปดเข้าไป
นั่นทําให้ท่าไม้ตายอมตะอาภรณ์ภูตผีเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ฟางหยวนเปลี่ยน อมันเป็นท่าไม้ตายอมะตราชันภูต!
ราชันภูตมีองค์ประกอบหลักสี่ส่วนคือท่าไม้ตายอมตะอาภรณ์วิญญาณ ท่าไม้ตายอมตะผนึกภูตผี ท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตน และวิญญาณอมตะป้ายคําสั่งอสูรวิญญาณ
“แม้ข้าจะประสบความสําเร็จในการอนุมานท่าไม้ตายอมตะราชันภูต แต่มันก็เป็นเพียงฉบับเริ่มต้นเท่านั้น ข้ายังต้องพัฒนามันอย่างต่อเนื่อง
“ร่างหลักจะรับผิดชอบเรื่องนี้ ส่วนร่างแยกจะอนุมานวิธีจัดการร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ที่ถูกทิ้งไว้โดยฟงจิวเก้อ
เวลาในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาผ่านไปครึ่งเดือน ในที่สุดฟางหยวนก็ออกมาจากห้องลับ
ฟางหยวนค้นพบวิธีแก้ปัญหาเกี่ยวกับร่องรอยของพลังงานแห่งเตที่ฟงจิวเก้อทิ้งไว้แล้ว
เขาบอกวิธีนี้กับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาและทําให้ฝ่ายหลังต้องสบถสาปแช่งความเจ้าเล่ห์และชั่วร้ายของวังสวรรค์ออกมาทันที
ปรากฏว่าหากใช้วิธีการบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมเพื่อกําจัดร่องรอยของพลังงานแห่งเที่ถูกทิ้งไว้ มันจะกลายเป็นการช่วยสนับสนุนร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋เหล่านั้น ท่าไม้ตายอมตะชําระล้างตัวเองไม่มีประโยชน์เช่นกัน วังสวรรค์ไม่ใช่คู่แข่งของเทพปีศาจจิตวิญญาณใน แง่ของเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ แต่รากฐานบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของพวกเขาไม่ด้อยกว่า แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ท้ายที่สุดโลกใบนี้ก็มีปรมาจารย์สูงสุดบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมอยู่สามคน นอกจากบรรพชนผมยาว มรดกส่วนใหญ่ของอีกสองถูกรวบรวมไว้โดยวังสวรรค์
ฟางหยวนเป็นกึ่งปรมาจารย์สูงสุด เขามองเห็นแผนการนี้และเสนอวิธีที่ง่ายที่สุดในการจัดการกับมัน
ฟางหยวนสามารถจัดการกับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋เหล่านี้ได้อย่างรวดเร็วเมื่อแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาย้ายที่ สําหรับวิธีการอื่น พวกมันต้องใช้เวลานับสิบปี
แต่ปัญหาก็คือการย้ายแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา
“เราจะทําอย่างไร? บางที่วังสวรรค์อาจจงใจวางแผนนี้เพื่อบังคับให้เราย้ายแดนศักดิ์สิทธิ์” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากังวลมาก
ฟางหยวนก็กังวลเช่นเดียวกัน
วังสวรรค์ไม่ได้เคลื่อนไหวในช่วงเวลานี้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขายอมแพ้ มีแนวโน้มสูงมากที่พวกเขาจะเตรียมการบางอย่างเอาไว้และกําลังรอให้แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาเผยที่ตั้งของมันออกมา
แต่หากพวกเขาไม่ย้ายแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา วังสวรค์จะพบตําแหน่งของพวกเขาไม่ช้าก็เร็ว
“ดูเหมือนว่าเราต้องย้ายเท่านั้น นี้คือเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะหมื่นตัวตน หากมันถูกหลอมรวม พลังการต่อสู้ของข้าจะเพิ่มสูงขึ้น” ฟางหยวนมอบเคล็ดลับการหลอมรวม วิญญาณอมตะให้กับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา
นี้เป็นผลจากการอนุมานของเขา
ด้วยความสําเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมระดับกึ่งปรมาจารย์สูงสุด ฟางหยวนมั่นใจว่านี้ เป็นเคล็ดลับที่ดีที่สุด
“วิญญาณอมตะหมื่นตัวตน?” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาถูกล่อลวงทันที แม้เป้าหมายของ เขาจะแตกต่างจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาคนก่อน แต่เขายังมีต้นกําเนิดมาจากบรรพชนผมยาว
“มันเป็นวิญญาณอมตะระดับเจ็ด แต่ทรัพยากรอมตะหลายอย่างในคลังสมบัติของนิกายกําลังขาดแคลน มันเป็นเรื่องยากที่จะหาซื้อในช่วงเวลาสั้นๆ แม้จะเป็นสวรรค์สี เหลืองก็ตาม” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเผยรอยยิ้มขมขื่น
“อย่ากังวล ข้าจะรวบรวมทรัพยากรอมตะเหล่านี้ด้วยตัวเอง” ฟางหยวนโบกมือและเผยรอยยิ้มเล็กน้อย
เขาตั้งใจใช้โอากสนี้เพื่อทดสอบพลังอํานาจของท่าไม้ตายอมตะราชันภูตในการต่อสู้จริง!
บทที่ 1563 เมิ้งตู๋
ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของแดนน้ําแข็ง ทางทิศเหนือของเมืองหมึก ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของทุ่งพิษ และทางใต้สุดของเผ่าเมิ้งมีสถานที่ที่เรียกว่าทุ่งใบมีดร่วงโรย
มันเป็นที่ราบที่ไม่มีต้นหญ้าเติบโตขึ้น
เมิ้งตู๋เดินหน้าไปทีละก้าวบนทุ่งใบมีดร่วงโรย
คนผู้นี้มีรูปร่างสูงใหญ่และมีผิวสีทองแดง เขาสวมชุดเกราะที่เผยให้เห็นไหล่ กางเกงของเขาม้วนขึ้นเผยให้เห็นต้นขา
เขากําลังเดินด้วยเท้าเปล่า
พื้นดินดูธรรมดาแต่มันคมราวกับใบมีด ขณะที่เมิ้งตู๋เดินอยู่บนพื้นเหล่านี้ ทุกย่างก้าวของเขาจะทิ้งรอยเลือดเอาไว้เบื้องหลัง
แต่การแสดงออกของเขาไม่มีการเปลี่ยนแปลง เขาปิดเปลือกตาและขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะครุ่นคิดถึงความสงสัยที่อยู่ในใจ
“ทุ่งใบมีดร่วงโรยเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งใบมีด ข้าเดินด้วยเท้า เปล่าอยู่ที่นี่มานานหลายปีแต่สิ่งที่ข้ายังขาดคือระดับความสําเร็จบนเส้นทางแห่งกระบี่ของข้างั้นหรือ?”
เส้นทางแห่งกระบี่เป็นเส้นทางสายเล็กๆ มันไม่สามารถเปรียบเทียบกับเส้นทางสายหลักเช่น เส้นทางแห่งโลหะ เส้นทางแห่งไฟ เส้นทางแห่งปฐพี และอื่นๆ
เส้นทางแห่งกระบี่ เส้นทางแห่งดาบ และเส้นทางแห่งใบมีดเป็นเส้นทางที่มีความใกล้ชิดกันอย่างมาก
เพราะพวกมันมีที่มาเดียวกันคือวิญญาณใบมีด
เกี่ยวกับวิญญาณใบมีด มันถูกบันทึกไว้ในตํานานมนุษย์คนแรก เมื่อมนุษย์คนแรกติดอยู่ในเหวธรรมดา ในสถานที่แห่งนี้บางแห่งเป็นโคลนที่เน่าเหม็น บางแห่งเต็มไปด้วยหนามแหลม บางแห่งยังมีวิญญาณใบมีดอยู่บนพื้น เมื่อมนุษย์คนแรกเหยียบลงไป ฝ่าเท้าของเขาจะได้รับบาดเจ็บจากความแหลมคมของใบมีด บางแผลของเขาใหญ่ขึ้นเรื่อยๆและมีเลือดไหลออกมา มันเป็นความเจ็บปวดที่ฝังลึกอยู่ในใจของเขา
วิญญาณใบมีดเป็นต้นกําเนิดของเส้นทางแห่งใบมีด เส้นทางแห่งดาบ และเส้นทางแห่งกระบี่
วิญญาณใบมีดเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ทุ่งใบมีดร่วงโรยเป็นหนึ่งในสถานที่เพียงไม่กี่แห่งใน ห้าภูมิภาคที่ผลิตวิญญาณชนิดนี้ขึ้นมาและมันอยู่ภายใต้การปกครองของเผ่าเมิ้ง
เมิ้งตู๋เป็นผู้อมตะระดับเจ็ดที่บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งกระบี่ เขาเป็นอัจฉริยะตั้งแต่เด็กและ เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงของภาคเหนือและเป็นหนึ่งในเสาหลักของเผ่าเมิ้ง
หลายปีก่อนเขาขออนุญาตจากผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่าเพื่อมาที่ทุ่งใบมีดร่วงโรยแห่งนี้ ด้านหนึ่งเขาต้องการดูแลแหล่งทรัพยากรของเผ่า อีกด้านเขาทําสิ่งนี้โดยคํานึงถึงการบ่มเพาะของเขา
ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งกระบีของเขาติดอยู่ในระดับถึงปรมาจารย์เอก เขาเลียนแบบมนุษย์คนแรกโดยหวังว่าจะใช้ทุ่งใบมีดร่วงโรยเพื่อก้าวเข้าสู่ระดับปรมาจารย์เอก
แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา แม้เขาจะได้รับกําไรอยู่บ้าง แต่เขาก็ยังถูกม่านบางๆขวางไว้จากการก้าวเข้าสู่ระดับปรมาจารย์เอก
เมิ้งตู๋เป็นคนมุ่งมั่นและแน่วแน่ เขาปฏิเสธที่จะยอมแพ้แม้มันจะไร้ประโยชน์มานานหลายปีแล้วก็ตาม
‘เห้อ…การก้าวเข้าสู่ระดับปรมาจารย์เอกช่างยากลําบากนัก! ผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่า ต่างยกย่องข้าว่าเป็นอัจฉริยะบนเส้นทางแห่งกระบในรอบพันปี แต่ข้ายังติดอยู่ในระดับกึ่งปรมาจารย์หลังจากผ่านไปหลายร้อยปี’
“แม้ข้าจะสัมผัสได้ถึงม่านบางๆที่กีดขวางอยู่แต่ขากลับรู้สึกราวกับมันอยู่ไกลยิ่งกว่าขอบฟ้า และยากลําบากเหมือนการปืนปานขึ้นสู่สรวงสวรรค์
‘แต่ข้าต้องเดินต่อไป วิธีนี้ยังมีผลอยู่บ้าง สักวันข้าจะกลายเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งกระบี่ได้อย่างแน่นอน!’
“หือ? ผู้ใด?”
เป็นเพียงเวลานี้ที่ค่ายกลวิญญาณที่ปกป้องทุ่งใบมีดร่วงโรยอยู่ถูกทําลายลงอย่างกะทันกัน และเผยให้เห็นท้องฟ้าที่สดใส
ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นและพุ่งเข้าโจมตีเมิ้งตู๋ทันทีโดยไม่กล่าวสิ่งใด
“ช่างกล้าหาญ” เมิ้งตู๋คํารามด้วยความโกรธ เขาไม่ได้หลบแต่ตอบโต้โดยตรง
การปะทะทําให้เมิ้งตู๋ถูกส่งกลับหลังขณะที่อีกฝ่ายทรงตัวได้อย่างมั่นคง
‘ท่าไม้ตายอมตะของข้าเต็มไปด้วยพลังทําลายล้าง ข้าสามารถทําลายการป้องกันของผู้อมตะ ระดับเจ็ดทั่วไปได้อย่างง่ายดาย แต่คนผู้นี้กลับไม่ได้รับบาดเจ็บหลังจากถูกโจมตีโดยตรง! นี่คือศัตรูที่แข็งแกร่ง!’
เมิ้งตู๋ประหลาดใจ เขาตั้งหลักและตะโกนเสียงดัง “เจ้ากล้าบุกรุกอาณาเขตของเผ่าเม็งของข้าบอกชื่อของเจ้ามา!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า” ฟางหยวนหัวเราะอย่างบ้าคลั่งและกล่าวด้วยน้ําเสียงที่เปลี่ยนไป “เมิ้งตู๋ เจ้าจําข้า ไม่ได้แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเพราะคนตายไม่จําเป็นต้องรู้มากเกินไป!”
เคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะหมื่นตัวตนต้องใช้วิญญาณใบมีดจํานวนมาก ยิ่งไปกว่านั้นมันยังต้องใช้ทรัพยากรอมตะระดับเจ็ดชนิดพิเศษที่อยู่ในทุ่งใบมีดร่วงโรยที่มีชื่อว่าสุราใบมีด
สุราชนิดนี้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มันเป็นสิ่งผิดปกติที่เกิดจากคราบเลือดที่เมิ้งตู๋ทิ้งไว้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เลือดของเขาซึมลึกลงไปใต้ดินและผสานเข้ากับร่องรอยของพลังงานแห่ง เต๋าบนเส้นทางแห่งใบมีของสถานที่แห่งนี้จนเกิดเป็นสุราใบมีด
ฟางหยวนรู้เรื่องนี้จากความทรงจําในชีวิตก่อนหน้า เขารู้ว่าเมิ้งตู๋ฝึกฝนอย่างขมขึ้นอยู่ที่นี่เพื่อ ยกระดับความสําเร็จของเขาแต่กลับไม่ประสบความสําเร็จ
หลังจากล้มเหลว เมิ้งตู๋้เปลี่ยนวิธีโดยการส่งวิญญาณใบมีดเข้าไปในหัวใจของตนเพื่อ ทําควมเข้าใจเส้นทางแห่งกระบี่ ท่าไม้ตายที่เขาสร้างขึ้นไม่สมบูรณ์และมีผลข้างเคียงที่ร้ายแรง จิตใจของเขาค่อยๆได้รับผลกระทบ บ่อยครั้งที่เขาตกอยู่ในสภาพบ้าคลั่ง
เมิ้งรู้ดีว่านี้ไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง แต่เขายังยืนกรานที่จะฝึกฝนต่อไปอย่างไม่ลดละและ ซ่อนผลข้างเคียงของมันจากผู้คน
เมื่อสงครามห้าภูมิภาคเริ่มขึ้น เมิ้งตู๋เข้าร่วมในการต่อสู้ อย่างไรก็ตามผลข้างเคียงของมัน เกิดขึ้นระหว่างการต่อสู้เขากลายเป็นปีศาจที่คลุ้มคลั่งและสังหารผู้อมตะจากเผ่าเดียวกัน
หลังจากเลิ้งตู้ฟื้นคืนสติ เขาปกปิดร่องรอยทั้งหมดและยังสร้างเหตุผลเท็จเพื่อปกปิดสิ่งนี้จากเผ่า
อย่างไรก็ตามเมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง สุดท้ายผู้อมตะภาคเหนือจึงสังเกตเห็นความผิดปกติ และค้นพบความจริงในที่สุด
เมิ้งตู๋เผชิญหน้ากับแรงกดดันมหาศาล วังสวรรค์ยังมาหาเขาและยุยงเขา
เมิ้งรู้สึกโชคดีในตอนแรกและต้องการใช้ประโยชน์จากวังสวรรค์เพื่อชดเชยความผิดพลาดของเขา แต่เขาจะสามารถวางอุบายต่อวังสวรรค์ได้อย่างไร เขาเป็นเพียงผู้อมตะบนเส้นทางแห่งกระบี่ที่โดดเดี่ยว
เมิ้งตู๋ทําผิดพลาดซ้ําแล้วซ้ําอีกกระทั่งเขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเข้าข้างวังสวรรค์
เพื่อสนับสนุนตัวหมากเบี้ยชิ้นนี้ วังสวรรค์ช่วยอนุมานวิธียกระดับความสําเร็จให้เขา มันคือสุราใบมีดที่อยู่ลึกลงไปใต้ดินของทุ่งใบมีดร่วงโรยแห่งนี้
เมิ้งตู๋ทําตามคําแนะนําของวังสวรรค์และขุดสุราใบมีดจํานวนมากขึ้นมาดื่ม
เมื่อเขาจิบสุราเล็กน้อย อวัยวะภายในของเขาราวกับถูกใบมีดกรีดเฉือน เมื่อเขาดื่ม มากขึ้น เขารู้สึกเจ็บปวดจนแทบอยากตาย เมื่อเขาดื่มต่อไป เขากลายเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้น ทางแห่งกระบี่!!
จากนั้นเป็นต้นมาเขาก็อุทิศตนให้กับวังสวรรค์และกลายเป็นสายลับที่มีสถานะสูง เป็นอันดับสองในภาคเหนือรองจากองค์ชายฟงเซี่ยน
ต่อมาเป็นเพราะความโชคดีของหม่าหงหยุน เมิ้งตู้จึงถูกเปิดเผย
ฟางหยวนอนุมานและยืนยันว่าสถานที่แห่งนี้มีสุราใบมีดอยู่จริง แม้ปริมาณของมันจะไม่มาก แต่เขาต้องการเพียงเล็กน้อยเท่านั้น สําหรับเมิ้งตู๋ ฟางหยวนเลือกเขาอย่างระมัดระวังเพื่อทดสอบท่าไม้ตายอมตะราชันภูต
ฟางหยวนไม่สามารถหาผู้อมตะระดับแปดเพื่อทดสอบพลังอํานาจของท่าไม้ตายราชันภูต สําหรับผู้อมตะระดับเจ็ดทั่วไป พวกเขาไม่มีประโยชน์สําหรับฟางหยวน อย่างไรก็ตาม เมิ้งตู๋เป็นผู้อมตะระดับเจ็ดบนจุดสูงสุดและมีชื่อเสียงในฐานะกึ่งปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งกระบี่ นี่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
ดังนั้นฟางหยวนจึงเดินทางมายังทุ่งใบมีดร่วงโรยและท้าทายเมิ้งตู๋โดยตรง
การโจมตีก่อนหน้านี้เป็นท่าไม้ตายลับของเมิ้งตู๋ พลังของมันเหนือกว่ามาตรฐาน แต่ข้าสามารถป้องกันมันได้ด้วยราชันภูต การป้องกันของมันค่อนข้างดี”
ฟางหยวนลอบประเมินอยู่ภายในใจ
เขากระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายอมตะราชันภูตมานานแล้ว
ร่างของฟางหยวนถูกปกคลุมไปด้วยชุดเกราะทองสัมฤทธิ์ที่สง่างาม บนศีรษะสวมมงกุฎทองคํา ใบหน้าถูกปกคลุมไปด้วยชั้นเมฆหมอกสีดําที่ดูคลุมเครือ
การโจมตีของเมิ้งตู๋ไม่สามารถสร้างความเสียหายใดๆให้ฟางหยวน เกราะทองสัมฤทธิ์บนหน้าอกของเขามีรอยขีดข่วนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
แต่ด้วยการใช้รากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของฟางหยวน รอยขีดข่วนเหล่านี้ก็หายไป อย่างรวดเร็ว
นี่คือความพิเศษของราชันภูต!
ท่าไม้ตายอมตะผนึกภูตผีระดับเก้าไม่มีค่าใช้จ่าย มันทํางานด้วยตัวของมันเอง ขณะที่อาภรณ์ วิญญาณอาศัยรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ
ราชันภูตเป็นการผสมผสานระหว่างท่าไม้ตายอมตะทั้งสอง มันไม่ต้องใช้พลังงานอมตะแต่ พึ่งพาเพียงรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของฟางหยวน
“เมิ้งตู๋ เจ้าฝึกฝนอยู่ที่นี่มานานหลายปี เจ้าสามารถสร้างท่าไม้ตายใหม่ๆ แต่น่าเสียดา ยที่เจ้าจะไม่ได้ใช้มันก่อนตาย!” ฟางหยวนยั่วยุ
เมิ้งตู๋หัวเราะด้วยความโกรธและมองฟางหยวนด้วยสายตาเย้ยหยัน “ไม่ว่าเจ้าจะเป็นผู้ ใดเจ้าก็กําลังรนหาที่ตาย เคยมีค่ายกลวิญญาณอมตะขนาดใหญ่อยู่ที่นี่ แต่เจ้ารู้หรือไม่ ว่าเหตุใดข้าถึงโน้มน้าวให้เผ่านํามันออกไป?”
“เพราะตราบเท่าที่มีข้าอยู่ที่นี่ มันก็ไม่จําเป็นต้องมีกําลังเสริมใดๆเพื่อปกป้องสถานที่แห่งนี้!”
เมิ้งตู๋กระทืบเท้าขวาลงบนพื้น
ในเวลาต่อมาพื้นดินก็เกิดการสั่นสะเทือนขณะที่แสงกระบี่จํานวนนับไม่ถ้วนพุ่งขึ้นมาล้อมรอบ ฟางหยวนเอาไว้ทุกด้าน
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1564 พึงพอใจ
ในชั่วพริบตาฟางหยวนก็ถูกปิดล้อมด้วยปราณกระบี่จํานวนนับไม่ถ้วน
“ไม่ว่าเจ้าจะเป็นผู้ใด ท่าไม้ตายสายป้องกันของเจ้าก็ยอดเยี่ยมมาก!” เมิ้งตู๋มองฟางหยวนด้วยรอยยิ้ม
“แต่!” เมิ้งตู๋เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและเผยสายตาที่เต็มไปด้วยความเห็นใจ “เจ้าไม่ควรมาหาข้าที่นี่”
“ฮ่าฮ่าฮ่า แท้จริงแล้วไม่ใช่เรื่องผิดหากจะมาสร้างปัญหาให้ข้าที่นี้ แต่เวลาของเจ้าค่อนข้างแย่ หากเป็นช่วงเวลาที่ข้าพึ่งมาถึงที่นี่ เจ้าอาจยังมีโอกาสรอดชีวิต แต่ตอนนี้…ฮ่าฮ่าฮ่า…”
เมิ้งตู๋หัวเราะและส่ายศีรษะ
ฟางหยวนกล่าวต่อประโยคของเมิ้งตู๋ “แต่ตอนนี้สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยร่องรอยของเจ้าแล้ว เจ้าพยายามทะลวงเข้าสู่ระดับปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งกระบี่ ดังนั้นเจ้าจึงส่งอิทธิพลต่อร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ของที่นี่และสามารถสร้างสภาพแวดล้อมที่ใกล้เคียงกับท่าไม้ตายเขตแดนอมตะดังเช่นที่ข้าเห็นอยู่ในขณะนี้”
“เจ้า!” การแสดงออกของเมิ้งตู๋้เปลี่ยนไปทันที เขาคิดว่าไม่มีผู้ใดล่วงรู้ไพ่ตายของเขาและด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่คาดหวังว่านอกจากฟางหยวนจะไม่แปลกใจแต่เขายังกล่าวความลับนี้ออกมาโดยตรง
ฟางหยวนยังกล่าวต่อไป “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดข้าถึงมาหาเจ้า? นั่นเป็นเพราะเจ้ามีวิธีนี้ อย่างไรก็ตามมันยังไม่ใช่ท่าไม้ตายเขตแดนอมตะที่แท้จริงและเจ้าก็ไม่สามารถควบคุมมันได้ตามใจปรารถนา ดังนั้นแม้ข้าจะติดอยู่ในกับดัก แต่ไม่ใช่ว่าเจ้าก็ติดอยู่ในกับดักเช่นเดียวกันงั้นหรือ?”
รูม่านตาของเมิ้งตู๋หดเล็กลงด้วยความตกใจ
“เจ้าเป็นผู้ใดกันแน่!?”
ฟางหยวนหัวเราะคิกคักและกวาดตามองไปรอบๆ “แม้เจ้าจะมีปราณกระบี่มากมาย แต่คุณภาพของมันยังไม่ได้มาตรฐาน ข้ามีวิธีการที่คล้ายคลึงกัน เหตุใดพวกเราไม่มาประลองกันสักเล็กน้อย?”
ฟางหยวนสะบัดผ้าคลุมที่อยู่บนแผ่นหลังและส่งภูตผีร่างมนุษย์จํานวนมากที่มีใบหน้าชั่วร้าย กรงเล็บที่เหมือนใบมีด และดวงตาแดงก่ำที่น่ากลัวออกมา
“ตาย!” เมิ้งตู๋บังคับปราณกระบี่พุ่งเข้าโจมตีอสูรกายที่น่ากลัวเหล่านั้นทันที
ปราณกระบี่ดูแหลมคมและน่าสะพรึงกลัว แต่เปรียบเทียบกับภูตผีของฟางหยวน มันเหมือนหนูกับรถม้า
ภูตผีของฟางหยวนคํารามและใช้แขนของพวกมันบดขยี้ปราณกระบี่ทั้งหมด
พวกมันออกวิ่งและอาละวาดไปทั่วพร้อมกับส่งเสียงกรีดร้องออกมา
“ภูตผีเหล่านี้ช่างทรงพลังนัก! แต่ละตัวมีพลังการต่อสู้ระดับเจ็ด!” เมิ้งตู๋้มีประสบการณ์ เขาสังเกตเห็นรายละเอียดเหล่านี้ได้ในระยะเวลาสั้นๆ แต่นั่นก็ทําให้หัวใจของเขาราวกับถูกภูเขากดทับ เปลือกตาของเขากระตุกอย่างรุนแรง
“แต่มันไม่สําคัญ ปราณกระบี่ของข้าถูกสร้างขึ้นจากพลังงานแห่งเต๋าตามธรรมชาติของทุ่งใบมีดร่วงโรย คุณภาพของมันอาจไม่ดีนัก แต่ปริมาณของมันแทบไร้ขีดจํากัด!”
เมิ้งตู๋สงบจิตใจลง
“ความแข็งแกร่งของบุตรแห่งภูตเหล่านี้ค่อนข้างดี” ฟางหยวนประเมินและรู้สึกพึงพอใจ
ฟางหยวนดัดแปลงภูตผีเหล่านี้มาจากอสูรวิญญาณบรรพกาลจากทะเลทรายผีเขียวโดยได้รับแรงบันดาลใจมากจากเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะเทพโลหิต
ฟางหยวนเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งเลือดและเส้นทางแห่งปัญญา ตอนนี้เขาอนุมานเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะเทพโลหิตสําเร็จแล้ว
ปัจจุบันฟางหยวนเป็นกึ่งปรมาจารย์สูงสุดบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม เขาสามารถดัดแปลงเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะให้เป็นท่าไม้ตายอมตะ
ดังนั้นฟางหยวนจึงสามารถดัดแปลงท่าไม้ตายอมตะเทพโลหิต
ท่าไม้ตายอมตะบุตรแห่งภูตได้รับแรงบันดาลใจมาจากท่าไม้ตายอมตะเทพโลหิตรวมถึงมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณ ตัวอย่างเช่นท่าไม้ตายอมตะดัดแปลงอสูรวิญญาณ
เทพปีศาจจิตวิญญาณสามารถดัดแปลงอสูรวิญญาณที่อยู่ในประตูแห่งชีวิตและความตาย นั่นทําให้พวกมันภักดีต่อเขาและเผชิญหน้ากับราชันมังกรโดยไม่เกรงกลัวต่อความตาย
นอกจากนี้ยังมีท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ ชีวิตและความตายพลิกผัน
เทพปีศาจจิตวิญญาณสร้างท่าไม้ตายนี้ขึ้นด้วยความเข้าใจที่เขามีต่อประตูแห่งชีวิตและความตาย
ประตูแห่งชีวิตและความตายเป็นสถานที่เช่นไร?
เมื่อสิ่งมีชีวิตใดๆตาย ดวงวิญญาณของพวกมันจะถูกดึงเข้าสู่ประตูแห่งชีวิตและความตาย เพียงเมื่อเทพปีศาจบัวแดงทําลายวิญญาณชะตากรรม พลังอํานาจของประตูแห่งชีวิตและความตายจึงอ่อนแอลง นั่นทําให้ดวงวิญญาณจํานวนนับไม่ถ้วนยังติดอยู่ในโลกของสิ่งมีชีวิตและค่อยๆกลายเป็นอสูรวิญญาณ
ท่าไม้ตายอมตะชีวิตและความตายพลิกผันสามารถดึงดวงวิญญาณออกมาจากประตูแห่งชีวิต และความตาย
ฟางหยวนรวมท่าไม้ตายนี้เข้ากับท่าไม้ตายอมตะราชันภูตได้อย่างสมบูรณ์ นั่นทําให้เขาสามารถปลดปล่อยภูตผีจํานวนมากออกมา
ในไม่ช้าบุตรแห่งภูตบางตนก็ส่งเสียงกรีดร้องอันโหยหวนออกมา ต้นขาของมันถูกตัดออกและตกลงบนพื้น ปราณกระบี่จํานวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าโจมตีมันอย่างพร้อมเพรียง
แต่ด้วยความตั้งใจของฟางหยวน ‘กลับมา’
บุตรแห่งภูตตนนี้กลายเป็นกลุ่มเมฆหมอกและบินกลับเข้าไปในผ้าคลุมที่อยู่บนแผ่นหลังของฟางหยวนทันที
“มันมีความสามารถเช่นนี้ด้วยงั้นหรือ?” เมิ้งตู๋้ต้องประหลาดใจอีกครั้ง มือที่ไพล่หลังของเขาคลายออกขณะที่เขาจ้องมองฟางหยวนด้วยความตื่นตะลึง
นี่มันไร้ยางอายเกินไป!
เมิ้งตู๋ตั้งใจใช้ปริมาณของปราณกระบี่สังหารบุตรแห่งภูตแต่เขาไม่คาดหวังว่าพวกมันจะสามารถกลับไปได้เช่นนี้
ในทางทฤษฎี ท่าไม้ตายสามารถถอดรหัสได้ แต่เมิ้งตู๋เป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งกระบี่ไม่ใช่ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา อย่างไรก็ตามกระทั่งผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ยิ่งใหญ่ก็ยังยากที่จะถอดรหัสท่าไม้ตายอมตะบุตรแห่งภูต
แม้แต่เทพธิดาจื่อเว่ยก็ไม่สามารถถอดรหัสมันได้ทันที
ในกรณีของเกราะหวนคืน นางต้องรวบรวมเบาะแสมากมายก่อนจะได้ผลลัพธ์บางอย่าง
บุตรแห่งภูตของฟางหยวนใช้ผนึกภูตผีเป็นรากฐาน ท่าไม้ตายอมตะระดับเก้านี้ถือเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพในระดับเดียวกับแม่น้ำหวนคืน แล้วเมิ้งตู๋จะทําลายมันได้อย่างไร?
เมิ้งตู๋ไม่สามารถอนุมานสิ่งใด เขาทําได้เพียงรวบรวมความกล้าเพื่อต่อสู้กับฟางหยวนต่อไปเท่านั้น
อย่างไรก็ตามบุตรแห่งภูตมีจํานวนจํากัด เมื่อพวกมันได้รับบาดเจ็บสาหัส ฟางหยวนก็จะเรียกพวกมันกลับไป
ในสนามรบ บุตรแห่งภูตมีจํานวนลดลงเรื่อยๆ ขณะที่ปราณกระบี่ราวกับไร้ขีดจํากัด ท้ายที่สุดฟางหยวนก็มีเวลาจํากัด เขาไม่สามารถดัดแปลงมันได้มากกว่านี้
ห้รากฐานของทุ่งใบมีดร่วงโรยอ่อนแอลงมากกว่าครึ่ง” การแสดงออกของเมิ้งตู๋กลายเป็นมืดมน
ราคาที่เขาต้องจ่ายสูงมาก เขาต้องใช้ผลประโยชน์ในอนาคตของเผ่าเพื่อต่อสู้กับฟางหยวน
แต่ไม่ว่าเขาจะต้องเสียสละมากเพียงใด เมิ้งตู๋ก็ยังต้องใช้กลยุทธ์นี้ต่อไป
คํากล่าวก่อนหน้านี้ของฟางหยวนทําให้เขาหวาดกลัว เขาถือว่าฟางหยวนเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดในชีวิตของเขา ดังนั้นเขาจึงใช้ทุกวิธีที่เขามีเพื่อจัดการกับฟางหยวน
แต่นี่คือสิ่งที่ฟางหยวนตั้งใจ
มีเพียงเมิ้งตู๋ผู้นี้เท่านั้นที่สามารถเป็นหินลับมีดที่ดีที่สุดในการทดสอบท่าไม้ตายอมตะราชันภูตของเขา
ตอนนี้เหลือบุตรแห่งภูตอยู่ในสนามรบน้อยกว่าสิบตน ขณะที่ปราณกระบี่ราวกับคลื่นยักษ์ที่ถาโถมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ความเร็วในการฟื้นตัวพอรับได้ การแสดงออกของฟางหยวนไม่เปลี่ยนแปลง เขายืนอยู่ที่จุดเดิมราวกับต้นไม้ใหญ่ที่ไม่สั่นไหว
ตอนนี้บุตรแห่งภูตชุดแรกที่กลับมาหาฟางหยวนฟื้นตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์แล้ว
แน่นอนว่าพวกมันพึ่งพารากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของฟางหยวน
สิ่งนี้ยังเกี่ยวข้องกับความลึกซึ้งบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม
ในอีกมุมมองหนึ่ง บุตรแห่งภูตที่กําลังรักษาตัวเองก็เหมือนกับขั้นตอนการหลอมรวมวิญญาณ
“หากข้านบุตรแห่งภูตที่หายดีแล้วออกมาอีกครั้ง ข้าสงสัยว่าเมิ้งตู๋จะแสดงออกอย่างไร?” ฟางหยวนเผยรอยยิ้มอยู่ภายในใจแต่เขาไม่ได้ทําเช่นนั้น ตรงข้าม เขาใช้วิธีการอื่น
“ข้าอยากเห็นพลังอํานาจของราชันภูต” ในเวลาต่อมาฟางหยวนก็ตะโกนอยู่ในใจ “ระเบิดวิญญาณ!”
ทันใดนั้นแสงสีดําทมิฬก็ระเบิดออกไปรอบๆ
บุตรแห่งภูตไม่ได้รับอันตรายจากแรงระเบิด ร่างของพวกมันเพียงสั่นไหวไปตามแรงกระแทกเล็กน้อยเท่านั้น
อย่างไรก็ตามปราณกระบีทั้งหมดราวกับเปลวเทียนที่อ่อนแอท่ามกลางลมพายุและดับลงทันที
ในเสี้ยวพริบตาสนามรบกลายเป็นว่างเปล่า ปราณกระบี่ทั้งหมดถูกทําลายลงอย่างสมบูรณ์
เมิ้งตู๋ถูกส่งกลับหลับไปหลายร้อยก้าวจากแรงระเบิด เขาคุกเข่าลงและพยายามใช้ท่าไม้ตายอมตะสายป้องกันของตนจนถึงขีดสุด
“ทรงพลังนัก!” เมิ้งตู๋พยายามลุกขึ้นยืนและมองไปที่ฟางหยวนด้วยร่างกายสั่นคลอน “ท่าไม้ตายของเขาช่างยอดเยี่ยมนัก มันเป็นท่าไม้ตายที่มีทั้งพลังโจมตีและพลังป้องกันในหนึ่งเดียว! การป้องกันของมันแข็งแกร่งมากและยังสามารถส่งทหารออกมา แต่จุดแข็งที่สุดของมันคือพลังโจมตี ข้าไม่เคยเห็นหรือได้ยินเกี่ยวกับท่าไม้ตายนี้มาก่อน มันถูกสร้างขึ้นโดยคนผู้นั้นหรือ? เขาเป็นผู้ใดในโลกนี้กันแน่?
“ผลลัพธ์ของระเบิดวิญญาณดีมาก” ฟางหยวนพยักหน้า
บุตรแห่งภูตตนหนึ่งถูกใช้เพื่อสร้างระเบิดวิญญาณที่มีพลังการต่อสู้ระดับเจ็ด
“การป้องกัน บุตรแห่งภูต การฟื้นฟู และระเบิดวิญญาณ…แง่มุมเหล่านี้อยู่ในระดับเจ็ดทั้งหมด แต่พลังอํานาจที่แท้จริงของราชันภูตอยู่ในอีกสองแง่มุม มาลองกัน”
ขณะที่ฟางหยวนกําลังคิดถึงเรื่องนี้ เมิ้งตู๋ก็พุ่งออกมาและตะโกน “รับท่าไม้ตายอมตะกระบี่สวรรค์พิภพของข้า!”
ท่าไม้ตายอมตะมือปีศาจปล้นวิญญาณ!
พริบตาต่อมามือภูตผีก็ปรากฏขึ้นด้านหลังเมิ้งตู๋และพุ่งเข้าสู่ร่างกายนของเขาโดยตรงก่อนจะบินออกมาและหายไปทันที
“พรวด!”
เมิ้งตู๋กระอักเลือดคําโตออกมาจากปาก วิญญาณอมตะที่เป็นแกนกลางของท่าไม้ตายอมตะกระบี่สวรรค์พิภพถูกปล้น! ท่าไม้ตายอมตะของเขาล้มเหลว เขาพบกับฟันเฟือนและได้รับบาดสาหัสทันที
เกิดสิ่งใดขึ้น? วิญญาณอมตะของข้าอยู่ที่ใด!?” หัวใจของเมิ้งตู๋้สั่นสะท้านขึ้นด้วยความหวาดกลัวอย่างไม่ที่เคยเป็นมาก่อน!
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1565 ถูกบังคับให้ตาย
ก่อนหน้านี้ในทะเลทรายผีเขียว ฟางหยวนใช้มือปีศาจปล้นวิญญาณขโมยวิญญาณอมตะป้ายคําสั่งอสูรวิญญาณระดับแปด
มือปีศาจปล้นวิญญาณเป็นเพียงท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ด แกนกลางของมันคือวิญญาณอมตะจอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ระดับเจ็ด แต่ด้วยความช่วยเหลือจากท่าไม้ตายอมตะอาภรณ์ภูตผี มันจึงสามารถขโมยวิญญาณอมตะระดับแปดจากร่างของชิงโจวอสูรวิญญาณแรกกําเนิดในตํานาน
ย้อนกลับไปในเวลานั้นระยะการโจมตีของมือปีศาจปล้นวิญญาณสั้นมาก ฟางหยวนต้องเข้าไปใกล้เป้าหมาย
หลังจากกลับมา ฟางหยวนดัดแปลงอาภรณ์ภูตผีและสามารถเพิ่มท่าไม้ตายอมตะมือปีศาจปล้นวิญญาณเข้าไปในในท่าไม้ตายอมตะราชันภูตได้อย่างสมบูรณ์ ตอนนี้ไม่เพียงมือปีศาจปล้นวิญญาณจะมีระยะการโจมตีที่ยาวไกลแต่มันยังสามารถปกปิดตัวเองอีกด้วย
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เมิ้งตู๋จะถูกโจมตี ตรงข้าม มันจะเป็นเรื่องผิดปกติหากเขาไม่ถูกโจมตี
“นี่คือวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกระบี่ของเจ้างั้นหรือ?” ฟางหยวนถือวิญญาณอมตะระดับเจ็ดที่อยู่ในรูปลักษณ์ของกระบี่ที่มีปีกเอาไว้ในมือ
เหงื่ออันเย็นเยียบไหลลงมาจากหน้าผากของเมิ้งตู๋ เขามองฟางหยวนด้วยดวงตาเบิกกว้างและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “เจ้าเจ้าคว้าวิญญาณอมตะไปจากมิติช่องว่างของข้าได้จริงๆ! เจ้าได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์งั้นหรือ?”
“มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์…ฮ่าฮ่า เจ้าเดาถูกแล้ว ข้าได้รับหนึ่งในนั้น มาจริงๆ” ฟางหยวนหัวเราะขณะเก็บวิญญาณอมตะเข้าไปในมิติช่องว่างจักรพรรดิต่อหน้าเมิ้งตู๋และปิดผนึกมันไว้บนภูเขาผนึกสวรรค์
เปลือกตาของเมิ้งตู๋กระตุกอย่างแรง
วิญญาณอมตะกระเหินไม่ใช่วิญญาณหลักของเมิ้งตู๋ แต่เขาต้องใช้ทรัพยากรมากมายเพื่อยกระดับมันจากวิญญาณระดับห้า เขาเสียทั้งเวลาและพลังงานอย่างมากไปกับมัน เขาไม่เคยคิดว่าจะมีวันที่มันถูกปล้นชิงไปต่อหน้าเช่นนี้
ความโกรธปะทุขึ้นในหัวใจของเมิ้งตู๋แต่สิ่งที่มีมากกว่าคือความหวาดกลัว
ในอดีตเหตุใดเทพปีศาจปล้นสวรรค์จึงกลายเป็นหายนะของโลกใบนี้? มันไม่ใช่เพราะวิธีการขโมยวิญญาณอมตะของเขางั้นหรือ? เทพปีศาจปล้นสวรรค์สามารถขโมยสิ่งของที่อยู่ในมิติช่องว่างของผู้อมตะและตอนนี้ฟางหยวนกําลังใช้วิธีเดียวกันกับเทพปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ สิ่งนี้เหมือนกับเมฆดําที่ปกคลุมหัวใจของเมิ้งตู๋
เมิ้งตู๋้รักษาอาการบาดเจ็บของตนและกล่าวด้วยท่าทางเคร่งเครียด “เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมและยังได้รับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ ดังนั้นเจ้าควรตระหนักถึงกฏที่บรรพชนของเจ้ากําหนดไว้ เทพปีศาจปล้นสวรรค์เคยกล่าวว่า โจรมีเกียรติของตนเอง เว้นที่ว่างไว้เสมอ และอย่าแสดงท่าที่เย่อหยิ่งเกินไป เมื่อเจ้าขโมยวิญญาณอมตะของข้าไปแล้ว เจ้ายังต้องการสิ่งใดอีก หากเจ้าต้องการสิ่งใด ข้าสามารถให้เจ้ายืม”
ย้อนกลับไปเทพปีศาจปล้นสวรรค์อาละวาดไปทั่วโลกโดยไม่มีผู้ใดสามารถหยุดเขา
แต่เทพปีศาจปล้นสวรรค์ไม่ได้ชั่วร้ายโดยธรรมชาติ เขาเป็นคนดี เขาให้ความสําคัญกับเกียรติและศักดิ์ศรี ทั้งหมดที่เขาต้องการคือการกลับบ้าน การปล้นชิงทรัพยากรของเขาถูกใช้เพื่อจุดประสงค์นี้ทั้งสิ้น
หลังจากผู้อมตะทั้งห้าภูมิภาคล่วงรู้ถึงเป้าหมายของเขาเช่นเดียวกับที่รู้ว่าพวกเขาไม่สามารถป้องกันวิธีการของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาพบเทพปีศาจปล้นสวรรค์ พวกเขาจะให้ยืมสิ่งที่เทพปีศาจปล้นสวรรค์ต้องการตราบเท่าที่มันไม่เป็นอันตรายต่อชีวิตของพวกเขา
เทพปีศาจปล้นสวรรค์ไม่มีความโลภที่ไม่รู้จักพอ หลังจากที่เขาได้รับสิ่งที่ต้องการ เขาจะไว้ชีวิตผู้อมตะเหล่านั้นและปล่อยให้พวกเขาจากไป ในกรณีส่วนใหญ่เขาจะนําไปเฉพาะสิ่งที่เขาต้องการเท่านั้น เขาไม่สนใจวิญญาณอมตะหรือทรัพยากรอมตะไม่ว่าพวกมันจะล้ำค่าเพียงใดก็ตาม
ตั้งแต่ฟางหยวนเป็นผู้สืบทอดของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ เมิ้งตู๋ก็รู้ว่าตนเองไม่สามารถเอาชนะและเนื่องจากสถานการณ์ค่อนข้างเลวร้าย เขาจึงร้องขอความเมตตาโดยตรง
ฟางหยวนขมวดคิ้วพึมพํา “หากเจ้าต้องการทําสิ่งนี้จริงๆ มันไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้”
หลังจากกล่าวจบประโยค ดวงตาของฟางหยวนก็ส่องประกายขึ้นขณะที่เขาผลักฝ่ามือส่งคลื่นสีดําออกไป
คลื่นสีดําพุ่งไปยังเมิ้งตู๋
เมิ้งตู๋ไม่หลบ ตรงข้าม เขาหัวเราะ “เจ้าคิดจริงๆหรือว่า ข้า เมิ้งตู๋ จะขอร้องขอความเมตตา!?”
เขาถูกคลื่นสีดํากลืนกินเข้าไปแต่หลังจากไม่นานร่างกายของเขาก็ระเบิดแสงสว่างอันเจิดจ้าออกมา
“บึม!”
เขาระเบิดตัวเองและทําให้ทุ่งใบมีดร่วงโรยเกิดความปั่นป่วนครั้งใหญ่
หลังจากการระเบิดไม่มีแม้แต่ซากศพของเมิ้งตู๋เหลืออยู่ ขณะที่เกราะราชันภูตของฟางหยวนถูกทําลายไปมากกว่าครึ่ง
“เมิ้งตู๋ระเบิดตัวเองจริงๆ” ฟางหยวนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
สิ่งนี้ค่อนข้างแตกต่างจากความทรงจําในชีวิตแรกของฟางหยวน
หากเมิ้งตู๋เป็นคนไม่สนใจชีวิตและความตาย เหตุใดเขาถึงเข้าร่วมกับวังสวรรค์?
ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงเลือกที่จะเชื่อว่าเมิ้งตู๋ตั้งใจร้องขอความเมตตาจริงๆ
แน่นอนว่าฟางหยวนไม่มีความตั้งใจที่จะปล่อยเมิ้งตู๋ไป แต่ในจังหวะที่เขากําลังจะเคลื่อนไหว เมิ้งตู๋กลับชิงระเบิดตัวเองไปก่อน
มันเป็นความมุ่งมั่นและเจตจํานงที่ตรงไปตรงมาอย่างแท้จริง
“บางที่ธรรมชาติของเมิ้งตู๋อาจค่อยๆเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ ท้ายที่สุดแล้วเมื่อเวลาเปลี่ยนไป ความคิดของมนุษย์ที่เปลี่ยนแปลง ในชีวิตแรกของข้า มันเป็นเพราะวังสวรรค์วางแผนอันแยบยลเพื่อกดดันเมิ้งตู๋
ฟางหยวนส่ายศีรษะและกวาดตามองทุ่งใบมีดร่วงโรยเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะจากไป
วิญญาณเกือบทั้งหมดที่อยู่ในทุ่งใบมีดร่วงโรยถูกทําลายในการต่อสู้ครั้งนี้ แต่ศักยภาพในการเติบโตของพวกมันกลับยิ่งใหญ่ขึ้น เพราะการระเบิดตัวเองของเมิ้งตู๋ทําให้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของเขากระจายไปในทุ่งใบมีดร่างโรยแห่งนี้
ฟางหยวนได้รับประโยชน์เพียงเล็กน้อยในการต่อสู้ครั้งนี้
นอกจากการทดสอบท่าไม้ตายอมตะราชันภูต เขาก็ได้รับเพียงวิญญาณอมตะกระบี่เห็นระดับเจ็ดดวงเดียวเท่านั้น มันยังไม่ถึงเป้าหมายเดิมที่เขาตั้งใจซึ่งก็คือดวงวิญญาณของเมิ้งตู๋และแดนศักดิ์สิทธิ์ของเขา
เจตจํานงอันแน่วแน่ของเมิ้งตู๋ทําให้ผลประโยชน์ของฟางหยวนลดลง
หลังจากฟางหยวนแสดงวิธีขโมยวิญญาณ เมิ้งตู๋้ก็ตระหนักว่าวิญญาณอมตะของเขาจะถูกขโมยไปทีละดวง ด้วยอาการบาดเจ็บสาหัสและความจริงที่ว่าเขาติดอยู่ที่นี่ เขาไม่มีความหวังที่จะหลบหนี ดังนั้นเขาจึงระเบิดตัวเองเพื่อไม่ให้ศัตรูได้รับผลประโยชน์ใดๆ จากมุมมองของเขา นี่เป็นการกระทําที่สมเหตุสมผลที่สุด
“เป็นเรื่องยากที่จะเตรียมตัวสําหรับความตาย เมิงผู้นี้ช่างกล้าหาญนัก ในชีวิตแรกของข้า เขาเข้าข้างวังสวรรค์ เขาถูกเผ่าของเขาและโลกผู้อมตะภาคเหนือทอดทิ้ง นั่นทําให้เขาเสื่อมเสียชื่อเสียงและกลายเป็นคนไร้ยางอาย สําหรับชีวิตนี้แม้เขาจะตายแต่เขาก็ตายอย่างมีเกียรติ” ฟางหยวนถอนหายใจ
อย่างไรก็ตามเป้าหมายของฟางหยวนประสบความสําเร็จแล้ว
ก่อนที่เขาจะขโมยวิญญาณอมตะของเมิ้งตู๋ เขาลอบนำสุราใบมีดขึ้นมาจากใต้ดินเรียบร้อยแล้ว
ฟางหยวนถอนตัวออกมาอย่างรวดเร็ว
ทุ่งใบมีดร่วงโรยเป็นเขตปกครองของเผ่าเมิ้ง เมื่อเมิ้งตู๋พบผู้บุกรุก เขาต้องส่งข้อความกลับไปแจ้งเผ่า
ไม่นานหลังจากนั้นเผ่าเมิ้งจะตระหนักถึงการเสียชีวิตของเมิ้งตู๋และผู้อมตะจํานวนมากจะมาตรวจสอบทุ่งใบมีดร่วงโรย
ฟางหยวนได้รับทรัพยากรที่เขาต้องการมาแล้ว หากมองไปยังอนาคต เพื่อขัดขวางวังสวรรค์ มันไม่คุ้มที่จะสังหารผู้อมตะของภาคเหนือ หากภาคเหนืออ่อนแอลง วังสวรรค์จะได้รับประโยชน์
ขณะที่ฟางหยวนไม่ได้อยู่ในการต่อสู้ เกราะราชันภูตก็เปลี่ยนเป็นเกราะอ่อนบางๆที่ซ่อนอยู่ในชุดคลุมของเขา
“โอ้ มีคนอนุมานข้า?” หลังจากบินมาได้ระยะหนึ่งการแสดงออกของฟางหยวนก็เปลี่ยนแปลงไป
เผ่าเมิ้งเป็นกองกําลังใหญ่ พวกเขามีผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา ความตายของเมิ้งตู๋ทําให้พวกเขาต้องค้นหาผู้กระทําความผิด
ฟางหยวนสูดหายใจและสังเกตการเปลี่ยนแปลงของท่าไม้ตายอมตะราชันภูตอย่างระมัดระวัง
เกราะราชันภูตต่อต้านการอนุมานของผู้อมตะเผ่าเมิ้งอย่างต่อเนื่อง
ฟางหยวนป้องกันการอนุมานจากอีกฝ่ายขณะเดียวกันเขาก็คํานวณค่าใช้จ่ายด้านรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ
หลังจากชั่วครู่ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของเผ่าเมิงก็หยุดอนุมาน
ฟางหยวนพยักหน้าด้วยความยินดี “การป้องกันการอนุมานของราชันภูตทรงพลังกว่าอาภรณ์ภูตผี มันอยู่ในระดับแปด แม้แต่เทพธิดาอเว่ยก็ไม่สามารถทําลายการป้องกันนี้”
พลังโจมตีและพลังป้องกันของท่าไม้ตายอมตะราชันภูตอยู่บนจุดสูงสุดของระดับเจ็ด บุตรแห่งภูตเป็นการโจมตีที่รับมือได้ยาก ไม่เพียงพวกมันจะมีความยืดหยุน แต่พวกมันยังสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
สิ่งที่น่าอัศจรรย์ยิ่งกว่าก็คือมือปีศาจปล้นวิญญาณ สิ่งนี้สามารถขโมยวิญญาณอมตะระดับแปด ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว มันสามารถกําหนดชัยชนะและบังคับให้เมิ้งตู๋ระเบิดตัวเองทันที
ในระดับที่ใกล้เคียงกับมือปีศาจปล้นวิญญาณคือการป้องกันการอนุมาน นี่คือสิ่งที่ฟางหยวนต้องการมากที่สุด
“อย่างไรก็ตามท่าไม้ตายอมตะราชันภูตยังสามารถพัฒนาได้มากกว่านี้
“ข้าควรออกแบบท่าไม้ตายเขตแดนอมตะโดยใช้ราชันภูตเป็นแกนกลาง
“ครั้งนี้หากเมิ้งตู๋ไม่ได้ปิดผนึกสถานที่และขังตัวเองไว้ภายใน เขาจะสามารถหลบหนี การฆ่าเขาจะยากกว่านี้มาก
“นอกจากนั้นหากข้ามีท่าไม้ตายเขตแดนอมตะ เมื่อเมิ้งตู๋ระเบิดตัวเอง ข้าจะรับรู้ได้เร็วกว่านี้
ฟางหยวนจะปรับปรุงและพัฒนาตนเองอยู่เสมอ เขาเชื่อว่าท่าไม้ตายอมตะราชันภูตยังมีช่องว่างให้พัฒนาได้มากกว่านี้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น