ข้ามกาลบันดาลรัก 156.1-156.3
ตอนที่ 156.1
พี่ใหญ่อยากให้ข้าใช้แผนการหรือ?
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินผ่านทาสหลวงที่ได้รับการสั่งสอนดีแล้วหนึ่งรอบ ไม่เจอที่เหมาะสม จึงเดินมาหน้าทาสหลวงที่ยังไม่ได้รับการสั่งสอน พินิจพิจารณา
ยายหวังงุ่นง่านใจ คิดจะเข้าไปพูดเตือน ถูกเปาอีฝานรั้งไว้ “เจ้าไม่ต้องปากมาก ให้นางเลือกของนางเอง”
ยายหวังจนใจ ทำได้เพียงยืนว้าวุ่นใจข้างๆ
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินผ่านทาสหลวงที่ยังไม่ได้รับการสั่งสอนหนึ่งรอบ ยายหวังเห็นนางไม่ถูกชะตาใคร ถอนใจโล่งอก คาดไม่ถึงว่าเมิ่งเชี่ยนโยวกลับหมุนตัวกลับมาหยุดตรงหน้าชายฉกรรจ์ที่ถูกเฆี่ยนเมื่อวาน เพ่งพินิจเขาอย่างถี่ถ้วน
ยายหวังตื่นเต้นจนใจจะหลุดออกมาแล้ว ไม่สนใจเปาอีฝานที่อยู่ข้างๆ รีบเดินไปพูดต่อหน้าเมิ่งเชี่ยนโยว “แม่นาง คนผู้นี้เจ้าซื้อไม่ได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวแสร้งถามอย่างกังขา “เหตุใดถึงซื้อไม่ได้?”
ยายหวังพูด “คนผู้นี้เป็นทาสหลวงที่เพิ่งถูกส่งตัวมาเมื่อวาน ข้ายังไม่ทันได้สั่งสอนเขา ได้ยินว่าเมื่อก่อนเขาเป็นคุณชายของสำนักคุ้มภัยมีชื่อแห่งหนึ่ง รู้วรยุทธ์เป็นอย่างดี จากการแต่งกายของแม่นางก็ไม่เหมือนเป็นคนในเมือง ซื้อพวกเขากลับไปก็ไร้ประโยชน์ สู้เลือกทาสหลวงที่ซื่อสัตย์เชื่อใจได้กลับไปดีกว่า เอาไปเป็นคนรับใช้ทั้งทำไร่ไถ่นาก็ได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า
ยายหวังนึกว่านางเชื่อความคิดตนเอง ก็ให้โล่งอก
เมิ่งเชี่ยนโยวใช้น้ำเสียงเด็กน้อยไร้เดียงสาพูดขึ้น “แต่ข้าอยากซื้อเขาจะทำอย่างไรดี?”
ยายหวังลื่นพรืด เกือบจะล้มหัวคะมำ ร้อนรนคิดจะพูดเตือนอีก “แม่นาง”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่สนใจนางแล้ว เบือนหน้าหันไปพูดกับอ้อนวอนเปาอีฝาน “คุณชายเปา ข้าอยากซื้อเขา”
เปาอีฝานเห็นนางแสร้งทำเป็นไม่รู้ความ ลอบขบขันในใจ ใบหน้ากลับพยักหน้าให้ความร่วมมือ “ได้ เช่นนั้นก็ซื้อเขา”
ยายหวังร้อนใจเร่าๆ รีบพูดกับเปาอีฝาน “คุณชายเปา ฟังข้าก่อน แม่นางท่านนี้ไม่เหมาะจะซื้อคนผู้นี้จริงๆ”
เปาอีฝานขมวดคิ้ว พูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ตลาดกลางแห่งนี้มีไว้ซื้อขายมนุษย์ ตอนนี้สหายข้าพึงพอใจคนผู้นั้น เจ้ากลับไม่ยินยอมขาย หรือเจ้ามีเส้นสนกลในที่บอกคนอื่นไม่ได้?”
ยายหวังโบกมืออุตลุด “คุณชายเปา มิได้เป็นอย่างที่ท่านคิด คนตามท้องถนนก็เห็นแล้ว คนผู้นี้ถูกคุมตัวส่งมาเมื่อวานจริงๆ ข้ายังไม่ทันได้สั่งสอนเขา ข้ามิได้คิดจะห้ามแม่นางท่านนี้ซื้อตัวเขา ข้าแค่เป็นกังวลว่าพอนางซื้อกลับแล้วเกิดเรื่องขึ้น ข้าจะรับผิดชอบไม่ไหว”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “ท่านเพียงขายคนผู้นี้ให้ข้า ต่อไปจะดีหรือร้ายไม่เกี่ยวกับท่าน ท่านไม่ต้องรับผิดชอบ หากท่านเป็นกังวลจริงๆ เราเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรก็ได้”
“เอ่อ” ยายหวังพูดไม่ออก
เปาอีฝานชักสีหน้าเข้ม
ยายหวังเห็นสีหน้าเขา ครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วกัดฟันพูด “แม่นางอยากซื้อคนผู้นี้ก็ได้ ต้องจ่ายเงินมาหนึ่งร้อยตำลึง”
เปาอีฝานโกรธเกรี้ยว “ยายหวังตัวดี เจ้าเห็นว่าสหายข้าอยากซื้อ ถึงจงใจตั้งราคาสูงลิบใช่หรือไม่? มีใครไม่รู้บ้างว่าทาสหลวงชั้นดีที่สุดหนึ่งคนเพิ่งจะมีราคาเพียงสิบตำลึง เจ้าเรียกราคาเกินควรเช่นนี้ อยากบีบให้พวกเราล้มเลิกใช่หรือไม่?”
ยายหวังเห็นเปาอีฝานโมโหจริงๆ แล้ว รีบร้อนโบกมือ “คุณชายเปาอาจจะยังไม่รู้ ข้าไม่ได้คิดจะเรียกราคาเกินควร แต่คนผู้นี้มีคนจับจองไว้แล้ว ให้ค่ามัดจำไว้ห้าสิบตำลึง บอกว่าวันนี้ยามบ่ายจะเข้ามารับคน ตอนนี้อยู่ๆ พวกท่านก็จะมาซื้อเขาไป พอลูกค้าท่านนั้นมาถึงข้าจะตอบพวกเขาไม่ได้”
เปาอีฝานไม่เชื่อ พูดอย่างฉุนเฉียว “เหลวไหล พวกเขาเพิ่งจะถูกคุมตัวมาตอนบ่ายวานนี้ จะมีคนมาซื้อล่วงหน้าได้อย่างไร?”
ยายหวังเห็นเขาไม่เชื่อ สาบานต่อฟ้า “คุณชายเปา ข้าพูดล้วนเป็นความจริง เมื่อวานตอนเที่ยง มีคนนำภาพวาดหนึ่งมาหาข้า บอกว่ายามบ่ายจะมีคนกลุ่มหนึ่งถูกคุมตัวมา ให้ข้าจักต้องเก็บคนในภาพวาดนี้ไว้ ทั้งมอบเงินมัดจำให้ข้าห้าสิบตำลึง บอกว่าพอซื้อคนเสร็จจะให้ข้าอีกห้าสิบตำลึง ข้าทำการค้ามนุษย์มานานหลายปี ไม่เคยเจอผู้ซื้อใจถึงเช่นนี้มาก่อน เกิดเป็นความละโมบ จึงรับเงินเขาไว้ รับปากว่าจะเก็บคนไว้ให้เขา”
ฟังยายหวังพูดจบ เมิ่งเชี่ยนโยวและเปาอีฝานหันหน้ามองกัน จากนั้นเมิ่งเชี่ยนโยวก็รับคำอย่างชื่นบาน “ได้ ข้าจะให้ท่านหนึ่งร้อยตำลึง แต่ข้ามีเงื่อนไข”
ได้ยินนางบอกว่าจะจ่ายเงินหนึ่งร้อยตำลึง ยายหวังปิติยินดี รีบร้อนพูด “เงื่อนไขอะไร เจ้าพูดมา”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “ท่านต้องบอกข้า คนที่คิดจะซื้อเขานอกจากให้เงินท่านหนึ่งร้อยตำลึงเพื่อซื้อเขาแล้ว ยังพูดอะไรกับท่านอีก?”
ได้ยินนางถามเช่นนี้ ยายหวังสะท้อนแววตา ตะกุกตะกักพูดไม่ออก
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดกับเปาอีฝาน “คุณชายเปา ดูท่าท่านคงต้องไปบอกใต้เท้าเปา ยายหวังอายุมากแล้ว ตลาดซื้อขายมนุษย์นี้สมควรจะเปลี่ยนคนมาทำได้แล้ว”
เปาอีฝานขมวดคิ้วยู่ย่น มองยายหวังด้วยใบหน้าคาดเดาไม่ได้แวบหนึ่ง
ยายหวังตกใจสะท้าน ลนลานพูด “ข้าพูดๆ คนผู้นั้นยังพูดว่า หลังจากที่เขาซื้อตัวคนผู้นี้ไป คนที่เหลือในครอบครัวพวกเขาหากเป็นหญิงให้คิดหาวิธีนำไปขายหอโคมเขียว ส่วนผู้ชายนำไปขายให้โรงรับชำเราบุรุษ” พูดถึงตรงนี้ น้ำเสียงยายหวังเริ่มกระเส่า “ทว่า ข้าไม่ได้รับปาก แม้ข้าจะมีอาชีพค้ามนุษย์ แต่ข้าก็อยากให้คนที่ออกไปจากมือข้าได้มีทางไปที่ดี ไม่ยินดีทำเรื่องที่ผิดต่อฟ้าดินเช่นนี้”
เปาอีฝานแค่นเสียงหึ
ยายหวังนึกว่าเขาไม่เชื่อที่ตัวเองพูด ใบหน้าขาวซีด
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินมาตรงหน้าชายฉกรรจ์ แหงนหน้าพูดกับเขา “เจ้าได้ยินคำที่ยายหวังเพิ่งพูดไปแล้ว คาดว่าคนที่พวกเจ้าล่วงเกินยังไม่ยอมรามือง่ายๆ ถึงคิดแผนอำมหิตเช่นนี้ ตอนนี้ข้าอยากถามเจ้า เจ้ายินดีจะไปกับข้า ต่อไปเชื่อฟังแต่ข้าเพียงผู้เดียวหรือไม่”
ชายฉกรรจ์พิจารณานางอย่างละเอียด ถามขึ้น “แม่นางซื้อข้าไป ไม่กลัวจะเกิดเรื่องยุ่งยากหรือ?”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มอ่อน พูดว่า “ข้าชอบให้มีคนมาหาเรื่องยุ่งยาก”
ชายฉกรรจ์ตะลึงงัน ครู่ใหญ่ถึงพูดว่า “หากแม่นางซื้อพวกเราทั้งหมดไป ข้าขอสาบานต่อฟ้า ต่อไปชีวิตข้าจะเป็นของท่าน แม่นางให้ข้าทำอะไรข้าก็จะทำ จะไม่ฝ่าฝืนต่อต้านเด็ดขาด”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มถาม “ฆ่าคนวางเพลิงเจ้าก็ยินดี?”
ชายฉกรรจ์ตอบอย่างไม่ลังเล “ขอเพียงเป็นแม่นางสั่ง ข้าก็จะทำ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ได้ ตกลงตามนี้!”
ไม่คิดว่านางจะยอมรับข้อเสนอของตนเองง่ายดายเช่นนี้ ชายฉกรรจ์นิ่งงัน แต่คนในครอบครัวเขากลับเผยแววตาปลาบปลื้มใจ
เมิ่งเชี่ยนโยวหันกลับไปพูดกับยายหวัง “ข้าจะซื้อคนทั้งหมดนี้ ท่านดูว่าต้องใช้เงินเท่าใด?”
ยายหวังทั้งตกใจระคนดีใจ ตกใจที่ตัวเองมองพลาดไป ไม่คิดว่าเด็กสาวบ้านนาอย่างเมิ่งเชี่ยนโยวจะมือเติบเช่นนี้ พริบตาเดียวก็ซื้อคนมากมายเหล่านี้ ทั้งดีใจที่ตัวเองไม่ต้องลงแรงอะไรก็หาเงินได้มากกว่าปกติหลายเท่าตัว จึงไม่ค้ากำไรเกินควรอีก พูดอย่างตรงไปตรงมา “ผู้หญิงและเด็กโตราคาห้าตำลึง เด็กเล็กสามตำลึง ส่วนผู้ชายที่เหลือคิดราคาสิบตำลึง ทั้งหมดเป็นผู้ชายสามคน ผู้หญิงสามคนเด็กโตสี่คน เด็กเล็กหนึ่ง รวมทั้งหมดเจ็บสิบแปดตำลึง แม่นางซื้อเยอะ ข้าจะลดราคาให้เหลือเจ็บสิบห้าตำลึงก็พอ”
ยายหวังนึกว่าเมิ่งเชี่ยนโยวรับปากเป็นมั่นเหมาะ การค้านี้ของตัวเองจะถือว่าสำเร็จแล้ว ไม่คิดว่าเมิ่งเชี่ยนโยวกลับส่ายหน้า พูดว่า “เจ็ดสิบห้าตำลึงมากเกินไป พวกเราไม่มีเงินจ่ายให้มากเช่นนั้น”
รอยยิ้มที่คิดคำนวณไว้แล้วของยายหวังพังครืน พูดว่า “จะมากได้อย่างไร? ที่ข้าให้เป็นราคาตามจริง”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มเล็กน้อยแล้วพูด “ท่านให้ราคาตามจริงก็จริง ทว่านั่นเป็นราคาของคนที่ถูกสั่งสอนมาแล้ว พวกเขาเพิ่งมาถึงเมื่อวาน ท่านยังไม่ทันได้สั่งสอนเขา ข้าเอากลับไปแล้วยังต้องสิ้นเปลืองแรงพลังอบรมสั่งสอนพวกเขาด้วยตัวเอง ดังนั้นนี่จึงไม่ใช่ราคาตามจริง”
ยายหวังแทบอยากจะเอามือตบปากตัวเองแรงๆ สักสองสามที เมื่อครู่เพื่อไม่ขายชายผู้นั้น ถึงต้องหาข้ออ้างเหล่านั้น แต่ไม่คิดว่าตัวเองจะยกก้อนหินทุ่มขาตัวเองเสียได้ ตอนนี้เมิ่งเชี่ยนโยวใช้ข้ออ้างของตัวเองมาต่อรองราคากับตัวเอง ตอนนี้ตัวเองก็ยังไม่รู้ว่าจะตอบกลับอย่างไร
ขบคิดได้พักใหญ่ ยายหวังถึงหยั่งเชิงถามอย่างจนใจ “เช่นนั้นแม่นางต้องการราคาเท่าไหร่?”
เมิ่งเชี่ยนโยวชูนิ้วมือสองนิ้ว “ยี่สิบตำลึง!”
ยายหวังตกใจร้องลั่น “ไม่มีทาง ราคานี้ต่ำเกินไป เงินที่ข้าใช้ซื้อพวกเขามายังมากกว่านี้อีก”
เมิ่งเชี่ยนโยวชี้ชายฉกรรจ์แล้วถาม “รวมเขาด้วยเล่า?”
ยายหวังสะอึกกึก ครู่ใหญ่ถึงพูดเสียงเบาอย่างไม่พอใจ “เช่นนั้นก็ไม่ได้ ยี่สิบตำลึงน้อยเกินไป อย่างไรเจ้าก็ควรให้สามสิบตำลึง”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดทันควัน “ตกลง”
ครั้งนี้ยายหวังเสียใจตีปากตัวเองสองครั้งจริงๆ
เปาอีฝานเห็นการกระทำของนาง แอบยิ้มขบขัน
เมิ่งเชี่ยนโยวหยิบตั๋วแลกเงินหนึ่งร้อยสามสิบตำลึงมอบให้ยายหวัง “ท่านนับก่อน” ยายหวังรับตั๋วแลกเงินมาอย่างไม่ยินดี ลองนับดู ไม่ขาดไม่เกินหนึ่งร้อยสามสิบตำลึงพอดี ปั้นหน้ายิ้มพูดทันควัน “แม่นาง ให้เยอะกว่านี้ได้หรือไม่ เงินเท่านี้น้อยเกินไปจริงๆ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ได้”
ยายหวังดีอกดีใจ
เมิ่งเชี่ยนโยวคลำหาอยู่เป็นนานถึงล้วงเงินหนึ่งเจี่ยวออกมา มอบให้ยายหวังด้วยใบหน้าเจ็บปวด “อ่ะ มีแค่นี้แล้ว ให้ท่านหมดเลย”
ยายหวังตะลึงงัน
เปาอีฝานทนไม่ไหว หัวเราะพรืดเสียงดังลั่น
เมิ่งเสียนก็พ่นหัวเราะออกมา
แม้แต่ชายฉกรรจ์ที่ถูกซื้อตัวไปก็อดไม่ได้แย้มยิ้มออกมา
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นยายหวังไม่รับ ถามอย่างไร้เดียงสา “ท่านรังเกียจว่าน้อยใช่หรือไม่? แต่ข้าไม่มีเงินแล้วจริงๆ”
ยายหวังยื่นมือออกไป
เมิ่งเชี่ยนโยวกลับเก็บเงินหนึ่งเจี่ยวกลับคืน พูดงึมงำ “เมื่อรังเกียจว่าน้อยก็ช่างเถอะ ระหว่างทางกลับพวกเรายังเอาไปซื้อซาลาเปากินได้อีกเยอะ”
ยายหวังกางมือลอยเคว้งอยู่ในอากาศ มองนางอย่างไม่อยากเชื่อ
เปาอีฝานเค้นหัวเราะเสียงดังสนั่น
หลังจากเก็บเงินดีแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวก็พูดกับยายหวังที่ยังยื่นมืองงงัน “เอาสัญญาทาสของพวกเขามา”
ยายหวังพูดอะไรไม่ออกแล้ว เดินเข้าไปหยิบสัญญาทาสของคนทั้งหมดในบ้านออกมามอบให้นางแต่โดยดี
เมิ่งเชี่ยนโยวตรวจดู แน่ใจว่ามีของทุกคนครบ นำใส่อกเสื้ออย่างวางใจ แล้วหันไปพูดกับชายฉกรรจ์และคนอื่นๆ ในครอบครัว “ไปเถอะ” พูดจบหันหลังเดินออกไปจากลานโล่ง
ชายฉกรรจ์เดินตามหลังไปโดยไม่ลังเล
คนในครอบครัวเดินตามติดเขาไปอย่างไม่เป็นสุข
คนอื่นในลานบ้านมองพวกเขาอย่างอิจฉา
น้ำเสียงขุ่นเคืองของยายหวังลอยไล่หลังมา “มองอะไร ยังไม่รีบไสหัวกลับไปหลังเรือน!”
เมิ่งเชี่ยนโยวยกยอมุมปากเผยรอยยิ้มอ่อน
เปาอีฝานและเมิ่งเสียนเดินรั้งท้าย
คนทั้งหมดออกมาด้านนอกแล้ว
ตอนที่ 156.2
พี่ใหญ่อยากให้ข้าใช้แผนการหรือ?
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดกับชายฉกรรจ์ “พวกเราจะไปโรงเตี๊ยมเยว่ไหลทางตะวันออกของเมือง พวกเจ้าตามไปได้หรือไม่”
ชายฉกรรจ์พยักหน้า
เมิ่งเสียนจูงรถม้ามา เมิ่งเชี่ยนโยวตะโกนพูดกับเปาอีฝาน “คุณชายเปา พวกเราขอกลับโรงเตี๊ยมก่อน จัดการพวกเขาเรียบร้อยแล้ว พวกเราค่อยไปหาพี่ซุน”
เปาอีฝานขานรับ ก้าวขึ้นรถม้า กลับไปโรงเตี๊ยมพร้อมเมิ่งเชี่ยนโยว
หลงจู๊และเสี่ยวเอ้อเห็นเปาอีฝานเข้ามาด้วย ยิ่งทักทายอย่างพินอบพิเทา
เมิ่งเชี่ยนโยวล้วงเงินออกมาวางบนโต๊ะคิดเงิน พูดกับหลงจู๊ “ท่านช่วยจองห้องธรรมดาให้ข้าเพิ่มอีกห้าห้อง อีกประเดี๋ยวจะมีคนตามมา”
หลงจู๊รับคำด้วยความยินดี เก็บไว้เรียบร้อย หยิบกุญแจห้าดอกมอบให้เสี่ยวเอ้อ
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดกับเสี่ยวเอ้ออีกว่า “เจ้าช่วยไปต้มน้ำจำนวนหนึ่ง พอพวกเขามาถึงให้พวกเขาได้อาบน้ำก่อน”
เสี่ยวเอ้อพยักหน้า เดินไปบอกเสี่ยวเอ้อหลังร้านให้ต้มน้ำมากหน่อย เดี๋ยวจะมีคนอาบน้ำ
ทำเรื่องทั้งหมดนี้เสร็จ เมิ่งเชี่ยนโยวและเปาอีฝานนั่งรอคนพวกนั้นมาถึงในโถงกลาง
รอได้ครู่ใหญ่ พวกเขาก็ยังมาไม่ถึง เปาอีฝานขมวดคิ้วมุ่น พูดว่า “พวกเขาคงไม่หนีไปแล้วดอกนะ?”
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า พูดอย่างมั่นใจ “ไม่มีทาง”
รออีกสองเค่อ คนทั้งหมดถึงเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้า
ชายฉกรรจ์เดินมาตรงหน้าเมิ่งเชี่ยนโยว พูดว่า “พวกเราไม่ได้มีเจตนาจะถ่วงเวลา แต่เพราะพวกเราไม่เคยมายังอำเภอนี้ ไม่รู้ว่าโรงเตี๊ยมอยู่ที่ไหน ต้องถามทางมาตลอดถึงหาเจอ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า พูดสั่งเสี่ยวเอ้อ “เจ้าไปเปิดห้องพักห้าห้องที่ข้าจองไว้ แล้วนำน้ำร้อนไปส่ง ให้พวกเขาได้ล้างเนื้อล้างตัว”
เสี่ยวเอ้อเห็นคนเหล่านี้คือทาสหลวงที่ถูกคุมตัวมาเมื่อวาน ยืนตะลึงงันอ้าปากค้างนานแล้ว ได้ยินคำพูดของเมิ่งเชี่ยนโยว ถึงหันกลับไปมองหลงจู๊
หลงจู๊เองก็ตกใจไม่น้อย แต่เพราะทำการค้ามานานหลายปี ย่อมสุขุมหนักแน่นกว่าเสี่ยวเอ้อ ไม่แสดงออกทางใบหน้า สั่งการเสี่ยวเอ้อ “รีบไป!”
เสี่ยวเอ้อเดินนำหน้า เปิดห้องพักธรรมดาห้าห้องของชั้นหนึ่งออก
เมิ่งเชี่ยนโยวหันไปพูดกับชายฉกรรจ์ “ข้าจองห้องพักไว้ห้าห้อง พวกท่านเข้าไปชำระล้างเนื้อตัวก่อน เมื่อเสร็จเรียบร้อยให้ร้องเรียกเสี่ยวเอ้อ ให้เขาเตรียมสำรับอาหารให้พวกเจ้า”
ชายฉกรรจ์พูดอย่างตื้นตัน “ขอบคุณแม่นาง”
คนอื่นก็กล่าวขอบคุณตาม
เสี่ยวเอ้อเปิดห้องพักทั้งห้าไว้แล้ว ชายฉกรรจ์และคนอื่นๆ ในครอบครัวแยกย้ายกันเดินเข้าไป
เสี่ยวเอ้อเดินไปหลังร้านให้คนหาบน้ำร้อนเข้ามา นำไปวางไว้ทุกห้อง
เมิ่งเชี่ยนโยวล้วงเงินสองสามตำลึงออกมาวางบนโต๊ะคิดเงิน พูดกับเสี่ยวเอ้อ “เจ้าเห็นรูปร่างของพวกเขาแล้ว ช่วยไปซื้อเสื้อผ้ามาให้พวกเขาคนละชุดด้วยเถอะ”
เสี่ยวเอ้อรับคำ หยิบเงินแล้ววิ่งออกไป
หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จ เมิ่งเชี่ยนโยวพูดกับเปาอีฝานอย่างรู้สึกผิด “คุณชายเปา ข้ายังต้องรออยู่ที่นี่ เอาอย่างนี้เถอะ ท่านไปหาพี่ซุนก่อน เลือกสถานที่ให้แน่นอน ประเดี๋ยวข้าจะตามไปพบพวกท่าน”
เปาอีฝานใคร่ครวญ เห็นพ้อง ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไป
ไม่นานเสี่ยวเอ้อก็ซื้อเสื้อผ้ากลับมา
เมิ่งเชี่ยนโยวลุกขึ้นยืน เดินมาหน้าห้องห้องหนึ่ง เคาะประตูห้อง เปล่งเสียงดังพูด “ข้าให้เสี่ยวเอ้อซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่มาให้พวกเจ้า วางไว้หน้าประตู พวกเจ้าอาบน้ำเสร็จแล้ว ออกมาเอาด้วย” พูดจบ นำเสื้อผ้าวางไว้หน้าประตู
เสียงขอบคุณอีกครั้งของชายฉกรรจ์ดังลอยมา
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินกลับมานั่งที่โถงกลาง รอคอยอย่างอดทน
หลังจากที่ทุกคนอาบน้ำเสร็จ เปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาดชุดใหม่แล้ว ต่างออกมาเบื้องหน้าเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างไม่เป็นสุข
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดกับเสี่ยวเอ้อ “ไปยกอาหารมาให้พวกเขา”
เสี่ยวเอ้อพยักหน้า วิ่งไปหลังเรือน
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดกับชายฉกรรจ์ “ข้ายังมีธุระ ต้องออกไปอีก ยังไม่รู้ว่าจะกลับมาตอนไหน พวกเจ้ากินข้าวอิ่มแล้ว อย่าเที่ยวเดินสะเปะสะปะ กลับไปพักผ่อนในห้อง พรุ่งนี้พวกเราถึงจะกลับบ้านได้”
นับตั้งแต่ออกมาจากสำนักคุ้มภัยถูกทางการจับกุมตัว คนเหล่านี้ไม่รู้เลยว่าตัวเองจะต้องมีจุดจบเช่นใด ต่างประหวั่นพรั่นพรึง ใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ตอนนี้ในที่สุดก็ถูกเมิ่งเชี่ยนโยวซื้อตัวมา ผ่อนคลายความรู้สึกลง ความเหนื่อยล้าสารพันถาโถมเข้ามา ได้ยินเมิ่งเชี่ยนโยวพูดเช่นนี้ ดีใจยกใหญ่ ต่างพูดขอบคุณด้วยความซาบซึ้ง “ขอบคุณแม่นาง ขอบคุณแม่นาง”
เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อย เมิ่งเชี่ยนโยวเดินออกจากโรงเตี๊ยม มาหยุดข้างรถม้า เห็นเมิ่งเสียนกำลังยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ตรงนั้น ก็หลุดขำ
เมิ่งเสียนพูดตำหนิ “เจ้ายังจะหัวเราะ อยู่ๆ เจ้าก็ซื้อคนมากเช่นนี้ กลับไปจะบอกท่านพ่อท่านแม่อย่างไร?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดเตือนเขา “พี่ใหญ่ ไม่ต้องเป็นห่วง ท่านพ่อท่านแม่เป็นคนจิตใจโอบอ้อม ถึงตอนนั้นข้าจะพูดถึงชีวิตของคนที่ซื้อมาให้น่าสมเพชเวทนาหน่อย พวกเขาจะต้องไม่ตำหนิพวกเรา”
เมิ่งเสียนเห็นว่านางคิดไว้แล้วว่ากลับไปจะพูดกับท่านพ่อท่านแม่อย่างไร ก็วางใจลง จงใจพูดว่า “พวกเราตกลงกันแล้ว พอกลับไปเจ้าต้องบอกท่านพ่อท่านแม่ เป็นเจ้าที่ตัดสินใจซื้อคนโดยพลการ ข้าไม่รู้เรื่องด้วย”
เมิ่งเชี่ยนโยวรู้ว่าเขาหยอกเย้าตัวเอง จึงส่งยิ้มพูด “เช่นนั้นได้อย่างไร หากท่านพ่อท่านแม่บันดาลโทสะ ข้ายังต้องให้พี่ใหญ่มาช่วยออกรับแทนนะ”
เมิ่งเสียนหลุดขำ ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจพูดว่า “เจ้านี่นะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวแลบลิ้นปลิ้นตาอย่างซุกซนให้เขา
เมิ่งเสียนหัวเราะลั่น
เมิ่งเชี่ยนโยวมานั่งที่คานรถด้านหน้า พูดคุยสรวลเสกับเมิ่งเสียนจนมาถึงภัตตาคารที่นัดไว้
เปาอีฝานและซุนฮุ่ยรออยู่หน้าประตูนานแล้ว เห็นพวกเขาเข้ามา ซุนฮุ่ยร้องทักทายนางอย่างดีใจ “น้องโยวเอ๋อร์”
เมิ่งเชี่ยนโยวขานรับ กระโดดลงรถม้า
ซุนฮุ่ยตกใจสะดุ้ง รีบเข้าไปถามไถ่ “น้องเมิ่งเชี่ยนโยว เจ้าไม่เป็นอะไรนะ?”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มตอบ “ไม่เป็นไร”
ซุนฮุ่ยตำหนินาง “ข้าตกใจหมดเลย ต่อไปเจ้าห้ามทำเช่นนี้เด็ดขาด”
เมิ่งเชี่ยนโยวรู้ว่านางเป็นห่วงตัวเอง แย้มยิ้มตอบ “ก็เพราะข้าเห็นพี่ซุน ดีใจจนลืมตัว คราวหน้าจะไม่ทำเช่นนี้แล้ว”
ซุนฮุ่ยได้ยินแย้มยิ้มหวานละมุน
เปาอีฝานที่อยู่อีกด้านยิ้มมองพวกนาง
ซุนฮุ่ยดึงแขนเมิ่งเชี่ยนโยวมาอย่างสนิทสนม พูดว่า “ไป พวกเราขึ้นไปคุยกันข้างบนเถอะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า เดินตามนางเข้าภัตตาคาร
เมิ่งเสียนมอบรถม้าให้เสี่ยวเอ้อหน้าประตู เดินตามเปาอีฝานเข้ามาด้วย
คนทั้งหมดเข้ามาในห้องรับรอง นั่งเรียบร้อย เปาอีฝานถึงเอ่ยปากพูด “ข้าให้คนส่งข่าวบอกเจียงเฟิงและอี่หยวนแล้ว พวกเขาน่าจะใกล้ถึงแล้ว”
สิ้นเสียง ประตูห้องรับรองก็เปิดออก ฟินและอันอี่หยวนเดินเข้ามา
คนทั้งหมดร้องเรียกทักทายกัน แล้วทั้งสองจึงนั่งลง
เสี่ยวเอ้อยกอาหารที่สั่งไว้แล้วเข้ามา คนทั้งหมดเริ่มลงมือรับประทาน
ซุนฮุ่ยดีใจมาก เอาแต่คีบอาหารให้เมิ่งเชี่ยนโยวไม่หยุด “น้องโยวเอ๋อร์ ไม่เจอกันตั้งนาน ข้าคิดถึงเจ้าจะแย่แล้ว ไม่เช่นนั้นพอกินข้าวเสร็จตามไปนอนกับข้าที่บ้านสักสองสามคืนดีไหม”
เมิ่งเชี่ยนโยวปฏิเสธโดยอ้อม “พี่ซุน วันนี้น้องชายข้ามาเข้าร่วมการสอบถงเซิงระดับอำเภอ พรุ่งนี้พวกเราก็ต้องกลับแล้ว ไม่มีเวลาแล้วจริงๆ เอาอย่างนี้ เอาไว้พี่ซุนว่างเมื่อไหร่ มาอยู่ที่บ้านพวกเราสักระยะหนึ่งก็ได้”
ซุนฮุ่ยมองเปาอีฝานอย่างไม่พอใจแวบหนึ่ง ยิ้มพูด “ข้าเองก็อยาก แต่คดีพวกค้ามนุษย์ของเขาอืดอาดไม่มีความคืบหน้า พวกเราก็เลยไม่มีหน้าไปหาเจ้า”
ได้ยินนางเอ่ยถึงคดีพวกค้ามนุษย์ เปาอีฝานรีบพูดต่อ “ข้าสืบมานาน ในที่สุดก็ได้เบาะแสบางอย่างแล้ว ในเมืองฟู่มีองค์กรค้าเด็กโดยเฉพาะแห่งหนึ่ง ได้ยินว่าพวกเขาแบ่งคนที่เข้าร่วมองค์กรเป็นกลุ่มย่อยแตกต่างกัน แต่ละกลุ่มย่อยมีหน้าที่รับผิดชอบไม่เหมือนกัน ไม่ก้าวก่ายกัน หลังจากจับเด็กได้ ก็จะส่งให้องค์กร คนในองค์กรจะดำเนินการขายเด็กทิ้ง ข้ายังสืบรู้มาว่าพวกมันจะลงมืออย่างระมัดระวัง จะไม่เคยอยู่ในที่เดิมสองครั้ง ครั้งก่อนที่พวกเราโชคดีเจอพวกมันได้ เพราะองค์กรพวกมันได้รับใบสั่งชุดใหญ่ อีกฝ่ายต้องการให้พวกมันจับเด็กชายและเด็กหญิงอย่างละยี่สิบคน คงเพราะใกล้ถึงวันนัดส่งมอบคนแล้ว พวกมันใจร้อน ถึงเสี่ยงพักอยู่ที่นั่นอีกคืน รอให้คนในเมืองส่งตัวเด็กออกมา”
ได้ฟังคำพูดเขา ซุนฮุ่ยพูดอย่างหวาดหวั่น “โชคดีที่พวกเขาละโมบ พักที่นั่นอีกคืน ไม่เช่นนั้นคงจะตามเมิ่งเจี๋ยกลับมาไม่ได้ง่ายๆ”
คนทั้งหมดพยักหน้า
เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “เมื่อคุณชายรู้เรื่องพวกนี้แล้ว ก็ตามสืบต่อเถอะ ใช้เวลานานหน่อยก็ไม่เป็นไร รวบตัวพวกมันให้ได้ทั้งหมด จะได้ขจัดทุกข์ให้ราษฎรด้วย”
เปาอีฝานพยักหน้า “ข้าเองก็คิดเช่นนี้ ดังนั้นจึงไม่รีบร้อน แต่คนที่ส่งไปสืบข่าวเมื่อวานกลับมาบอกว่า อีกสองเดือน องค์กรนี้จะมีการรวมตัวกันครั้งใหญ่ที่เมืองฟู่ คนที่ถูกส่งไปในที่ต่างๆ จะต้องกลับมา ข้าคิดว่าถึงตอนนั้นค่อยลงมือ”
เมิ่งเชี่ยนโยวสนับสนุน “เป็นเรื่องดีอย่างหาที่สุดไม่ได้แล้ว ทางการจะได้ไม่ต้องสิ้นเปลืองแรงกำลังออกตามหาพวกเขา”
คนที่เหลือทั้งหมดพยักหน้าเห็นพ้อง
ซุนฮุ่ยคีบอาหารให้เมิ่งเชี่ยนโยวอีก พูดว่า “อย่าเอาแต่พูดคุย รีบกินอีกหน่อย อาหารจะเย็นหมดแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวขอบคุณ เคี้ยวหงุบๆ
คนทั้งหมดก็ไม่พูดคุยอีก ก้มหน้ากินข้าว
ตอนที่ 156.3
พี่ใหญ่อยากให้ข้าใช้แผนการหรือ?
พอกินอิ่ม เมิ่งเชี่ยนโยวถึงพูดกับเปาอีฝาน “คุณชายเปา ข้ายังมีเรื่องอยากรบกวนท่าน”
เปาอีฝานพูด “แม่นางเมิ่งไม่ต้องเกรงใจ มีเรื่องอะไรก็พูดมาได้เลย”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “ท่านช่วยหารถม้าให้ข้าสักคันได้หรือไม่ คนในครอบครัวข้าเยอะ รถม้าคันเดียวน้อยเกินไป”
เปาอีฝานตอบ “ข้านึกว่าเรื่องใหญ่อะไร ที่แท้ก็ซื้อรถม้าสักคัน เรื่องนี้ไม่ยาก ประเดี๋ยวพวกเราไปเลือกม้าดี พร้อมด้วยตัวรถ แล้วส่งไปให้เจ้าที่โรงเตี๊ยม”
เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวขอบคุณ ถามขึ้น “ต้องใช้เงินประมาณเท่าใด ข้ามอบให้ท่าน”
เปาอีฝานกำลังจะพูด ซุนฮุ่ยก็แย่งพูดก่อน “ให้เงินอะไรกัน ถือว่าพี่สาวคนนี้ให้รถม้าเป็นของขวัญเจ้าแล้วกัน”
เมิ่งเชี่ยนโยวปฏิเสธอุตลุด “ได้ที่ไหนกัน?”
“มีอะไรไม่ได้ ถ้าเจ้ารู้สึกรับไม่ได้จริงๆ เอาไว้พอข้าไปบ้านเจ้า ก็ทำของอร่อยให้ข้ากินเยอะอีกหน่อย” ซุนฮุ่ยพูด
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มตอบ “เรื่องนี้ยิ่งไม่มีปัญหาเลย ไม่ว่าพี่ซุนมาอยู่บ้านพวกเรานานแค่ไหน ข้ารับประกันจะไม่ทำให้ซ้ำกันเลย”
ซุนฮุ่ยได้ฟังดีใจยกใหญ่ “เช่นนั้นก็ว่าตามนี้ อีกสักระยะหนึ่งข้าจะต้องไปขอนอนบ้านพวกเจ้าสักหลายวันหน่อย”
คนทั้งหมดพูดคุยสัพเพเหระอีกครู่หนึ่ง
เมิ่งเชี่ยนโยวก็พูดขึ้น “ข้ายังมีธุระ ต้องไปแล้ว”
ซุนฮุ่ยยังอาวรณ์
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “รอให้อาการของคุณชายจูหายดี พวกท่านไปพักที่บ้านข้าหลายๆ วัน ข้ายังคิดจะทำพระกระโดดกำแพงให้พวกท่านกินด้วย”
บอกลาคนทั้งหมดแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งรถม้ากลับมาโรงเตี๊ยม พ้นประตูเข้ามาก็ถามเสี่ยวเอ้อทันที “มีคนที่มีลักษณะเหมือนบัณฑิตมาหาพวกเราหรือไม่?”
เสี่ยวเอ้อส่ายหน้า “ข้าเฝ้าอยู่ที่นี่ตลอด ไม่มีเลยขอรับ”
เมิ่งเชี่ยนโยวชักสีหน้าเข้ม หันไปพูดกับเมิ่งเสียน “พี่ใหญ่ พวกเราไปโรงเรียนประจำอำเภอ”
เมิ่งเสียนเห็นสีหน้านางไม่ดี ยับยั้งนาง “น้องสาว ไม่แน่ว่าท่านพี่ใหญ่มีเรื่องอะไรทำให้มาช้า พวกเรารออีกหน่อยเถอะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ “ไม่ต้องรอแล้ว พี่ใหญ่ไม่มีทางมาเอง พวกเราไปรับเขาเองเถอะ”
เมิ่งเสียนเห็นนางมีท่าทีแน่วแน่ ไม่มีทางเลือก จำต้องสอบถามเส้นทางไปโรงเรียนประจำอำเภอกับเสี่ยวเอ้อ แล้วบังคับรถม้ามาถึงหน้าประตูโรงเรียน
บรรดานักเรียนกำลังเรียนหนังสือ ประตูโรงเรียนปิดสนิท
เมิ่งเชี่ยนโยวลงจากรถม้า เดินตรงมาที่หน้าประตูใหญ่ ใช้มือทุบตีประตูใหญ่ของโรงเรียนเบาๆ
อาจารย์เวรด้านในขานรับ เปิดประตูออก เห็นสาวน้อยคนหนึ่งยืนอยู่ด้านนอก ถามอย่างประหลาดใจ “แม่นางน้อย มีเรื่องอันใด?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดกับอาจารย์อย่างมีมารยาท “ข้าเป็นลูกพี่ลูกน้องของเมิ่งเหริน เกิดเรื่องกับครอบครัวพวกเรา ข้าตั้งใจมารับพี่ชายกลับบ้าน ท่านช่วยไปเรียกเขามาให้พวกเราได้หรือไม่”
อาจารย์มองประเมินนาง แล้วพูด “พวกเจ้ารอสักครู่ ประเดี๋ยวก็ถึงเวลาเลิกเรียนแล้ว ถึงตอนนั้นข้าจะไปเรียกเขามาให้”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดอย่างร้อนใจ “รบกวนท่านไปตามเขามาตอนนี้เลยได้หรือไม่? บ้านพวกเราอยู่ค่อนข้างไกล ข้ากลัวจะกลับไปไม่ทันก่อนฟ้ามืด”
อาจารย์เห็นนางดูรีบร้อนเร่งเร้า คิดเองว่าจะต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นในครอบครัว ลนลานพูด “ได้ เจ้ารอประเดี๋ยว ข้าจะไปเรียกเขามาให้เดี๋ยวนี้”
เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวขอบคุณ
อาจารย์ปิดประตูใหญ่เดินเข้าไปด้านใน ไม่นานเท่าไหร่ ประตูใหญ่ก็เปิดออกอีกครั้ง เมิ่งเหรินถูกอาจารย์เรียกตัวออกมา
เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวยืนอยู่หน้าประตูโรงเรียน เมิ่งเหรินหน้าซีดขาวฉับพลัน ถามเสียงต่ำ “น้องโยวเอ๋อร์ ไยต้องบีบคั้นกันเช่นนี้?”
เมิ่งเชี่ยนโยวแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน พูดกับเขาเสียงดังลั่น “พี่ใหญ่ ที่บ้านเกิดเรื่อง ท่านปู่ให้ข้ามารับท่าน ท่านกลับไปเก็บข้าวของ แล้วตามพวกเรากลับบ้านเถอะ”
เมิ่งเหรินเห็นนางพูดเหลวไหลด้วยท่าทีขึงขัง โมโหเดือดดาล กัดฟันกรอดๆ พูด “ที่บ้านจะเกิดเรื่องใหญ่อะไรได้ ถึงต้องให้ข้ากลับไปให้ได้?”
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นเขาไม่สำนึกผิด ต่อต้านถึงที่สุด ชักสีหน้าเคร่งขรึม กดเสียงต่ำพูด “ข้าทำบันไดให้ท่านไม่ลง อยากให้ข้าใช้วิธีไม่ธรรมดาใช่หรือไม่?”
เมิ่งเหรินหน้าขาวซีดโดยสิ้นเชิง ยืนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น
อาจารย์เวรมองมาอย่างประหลาดใจ เมิ่งเชี่ยนโยวรีบพูดแก้เก้อ “พี่ใหญ่ข้าตกใจตะลึงค้างกับข่าวของครอบครัว ยังตกอยู่ในภวังค์”
อาจารย์มองเมิ่งเหริน เห็นเขาใบหน้าซีดขาว รีบร้อนพูด “นักเรียนผู้นี้ ในเมื่อครอบครัวเจ้าเกิดเรื่องใหญ่ จงรีบกลับไปขอลากับอาจารย์ประจำชั้น แล้วรีบกลับบ้านไปเถอะ ช้ากว่านี้จะไม่ทันการ”
เมิ่งเหรินตกใจตื่นด้วยคำพูดของอาจารย์ เงยหน้าขึ้น มองเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างแค้นเคือง
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดอย่างมีนัยแฝง “ท่านพี่ใหญ่ ท่านอย่าใจร้อน เรื่องนี้ข้าจะกลับไปปรึกษาท่านปู่และลุงใหญ่ก่อน หากพวกเขาเห็นพ้อง ข้าจะพาท่านกลับมาส่ง”
พอได้ยินนางพูดว่าจะกลับไปปรึกษากับคนในครอบครัว เมิ่งเหรินก็โล่งใจ ท่านปู่วาดหวังต่ออนาคตของตนเองสูงมาก ทุ่มเทแรงกำลังหลายปีไว้ที่ตัวเขา จะต้องไม่เห็นด้วยให้ตัวเองไม่ได้เข้าสอบขุนนาง คิดถึงตรงนี้ สีหน้าก็ผ่อนคลายลง หันไปพูดกับเมิ่งเชี่ยนโยว “เจ้ารอประเดี๋ยว ข้าจะไปทำเรื่องลากับอาจารย์ประจำชั้น”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้ฉุดรั้ง
ไม่นานเมิ่งเหรินก็ลาเรียนเสร็จเดินออกมา
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นเขาไม่นำสิ่งของใดติดตัวออกมา มุ่นหัวคิ้วถาม “ท่านพี่ใหญ่ไม่นำสิ่งของติดตัวกลับไปหรือ?”
เมิ่งเหรินตอบ “ไม่ต้องยุ่งยากแล้ว ข้าขอลาอาจารย์ประจำชั้นไว้เพียงสามวัน สามวันให้หลังข้าก็กลับมาแล้ว”
พูดจบเดินอาดๆ มาข้างรถม้า
เมิ่งเสียนเห็นเขาเดินมา สะท้อนแววตา ร้องเรียกอย่างละอายใจ “พี่เมิ่งเหริน”
เมิ่งเหรินไม่รับคำ ขึ้นนั่งบนรถม้า
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้ามา พูดอย่างไม่ยำเกรง “อี้เซวียนน่าจะสอบเสร็จแล้ว พวกเรายังต้องไปรับเขา ท่านพี่ใหญ่เดินกลับไปโรงเตี๊ยมรอพวกเราเองเถอะ”
เมิ่งเหรินโมโห “อย่างไรพวกเราก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน เจ้าอย่าทำให้มากเกินไป”
เมิ่งเชี่ยนโยวย้อนถาม “ข้าทำมากเกินไปอย่างไร เพราะพวกเราเป็นลูกพี่น้องลูกน้องกัน ถึงไม่ควรมีเพียงท่านข้าสองคนนั่งอยู่ในรถม้า”
เมิ่งเหรินโต้เถียงไม่ออก โมโหลุกขึ้น สะบัดชายแขนเสื้อจากไป
เมิ่งเสียนพูดอย่างเป็นกังวล “น้องสาว เจ้าปฏิบัติต่อพี่ใหญ่เช่นนี้ เขาจะผูกใจเจ็บกับเจ้าได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดอย่างไม่แยแส “นี่ยังน้อยไป ภายหน้าเขาจะต้องแค้นข้ายิ่งกว่านี้”
เมิ่งเสียนนิ่งงัน ครู่หนึ่งถึงพูดขึ้น “เจ้าจะทำไปไย พี่ใหญ่กระทำผิด สมควรให้ลุงใหญ่และท่านปู่ลงโทษ”
เมิ่งเชี่ยนโยวถอนใจ “พี่ใหญ่ ท่านไม่รู้อะไร ด้วยนิสัยของพี่ใหญ่ หากเขาสอบขุนนางได้จริงๆ ภายหน้าจะต้องนำพาภัยพิบัติมาสู่พวกเราทั้งครอบครัว สู้ดับฝันเขาเสียแต่ตอนนี้ ให้พวกเราทั้งหมดได้อยู่เย็นเป็นสุข”
เมิ่งเสียนยังคงไม่เข้าใจ
เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่อธิบายกับเขาเพิ่ม เปลี่ยนหัวข้อพูด “พี่ใหญ่ ใกล้เวลาแล้ว พวกเราไปสนามสอบรออี้เซวียนเถอะ”
เมิ่งเสียนจำต้องยุติการสนทนา บังคับรถม้ามาถึงด้านนอกสนามสอบระดับอำเภอ
ด้านนอกสนามสอบมีคนยืนออจำนวนมาก จับกลุ่มถกเถียงเรื่องบางอย่าง
เมิ่งเสียนหาที่โล่งกว้างจอดรถม้า นั่งบนรถม้ารอเวลาพร้อมเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างสงบ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน เสียงกระดิ่งบอกหมดเวลาสอบถึงดังขึ้น เมิ่งเชี่ยนโยวลงจากรถม้า เดินตามกลุ่มคนมายืนรอหน้าประตูโรงเรียน
บรรดานักเรียนถือสิ่งของของตัวเอง ทยอยเดินออกมา
ร่างเล็กจ้อยของเมิ่งอี้เซวียนคั่นกลางระหว่างบรรดานักเรียน เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวกำลังรอตนเองอยู่ด้านนอกประตู รีบสาวเท้าเดินออกมาอย่างดีใจ
เมิ่งเชี่ยนโยวรับกระเป๋านักเรียนจากตัวเขามาถือ ไม่ได้ถามเขาเรื่องการสอบ พูดขึ้นตามตรง “พี่ใหญ่รออยู่ทางนั้น พวกเรากลับโรงเตี๊ยมเถอะ”
เมิ่งอี้เซวียนพยักหน้า เดินมาข้างรถม้าพร้อมนาง
เมิ่งเสียนเห็นพวกเขาเดินมา กำลังจะอ้าปากถามเขาว่าสอบเป็นอย่างไร? เมิ่งเชี่ยนโยวแอบโบกมือให้เขา เมิ่งเสียนเข้าใจทันที ยิ้มพูด “อี้เซวียนเหนื่อยแย่แล้ว รีบขึ้นรถ พวกเรากลับไปพักผ่อนที่โรงเตี๊ยม”
ต้องสอบต่อเนื่องหลายวิชา เมิ่งอี้เซวียนรู้สึกเหนื่อยล้าไม่น้อย ได้ฟังก็พยักหน้า ขึ้นรถม้าไปแต่โดยดี
เมิ่งเสียนค่อยๆ บังคับรถม้ามุ่งหน้าไปโรงเตี๊ยม เมิ่งอี้เซวียนเล่าเรื่องการสอบว่าเป็นอย่างไรให้นางฟังอย่างตื่นเต้น
เมิ่งเชี่ยนโยวอมยิ้มนั่งฟังไปตลอดทาง
มาถึงโรงเตี๊ยม เมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งอี้เซวียนเพิ่งจะลงจากรถม้า เสี่ยวเอ้อรีบวิ่งเข้ามารับหน้า ชี้คนรับใช้ที่จูงรถม้าอยู่อีกด้านพูดว่า “แม่นาง คนรับใช้คนนั้นบอกว่ามาหาท่าน มารอท่านนานแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินไปตรงหน้าคนรับใช้ ถามขึ้น “เจ้ามาหาข้า?”
คนรับใช้ถามอย่างนอบน้อม “ท่านคือแม่นางเมิ่ง?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า
คนรับใช้พูด “นี่เป็นรถม้าที่คุณชายของพวกเราให้นำมาส่งให้แม่นาง กำชับข้าจะต้องส่งมอบให้แม่นางต่อหน้า ดูว่าท่านมีตรงไหนไม่พอใจ หากว่ามี คุณชายจะเปลี่ยนให้ท่านทันที”
เมิ่งเชี่ยนโยวพินิจดูม้า พบว่าดีกว่าตัวที่ได้ไปครั้งก่อน พยักหน้าพอใจ “กลับไปบอกคุณชายพวกเจ้า ข้าพอใจมาก ภายหน้ามีโอกาสข้าจะต้องขอบคุณเขาอย่างดี”
คนรับใช้รับคำ มอบบังเ**ยนในมือให้เมิ่งเชี่ยนโยวอย่างนอบน้อม ซอยเท้าเดินจากไป
เมิ่งอี้เซวียนเห็นว่าซื้อรถม้าอีกครั้งแล้ว เข้ามาด้วยใบหน้าปิติ ลูบคลำตัวม้า
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มถามเขา “ชอบหรือไม่?”
เมิ่งอี้เซวียนพยักหน้า
เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “ชอบก็ดี ต่อไปจะใช้ม้าตัวนี้รับส่งเจ้าไปโรงเรียน”
เมิ่งอี้เซวียนยิ่งดีใจกว่าเดิม
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดขึ้นอีก “ข้ายังหาคนสองคนไว้ ต่อไปจะมีหน้าที่รับส่งเจ้าและเหลียงไฉไปโรงเรียนโดยเฉพาะ ตอนนี้พวกเขากำลังพักผ่อน ตอนค่ำเจ้าก็จะได้พบพวกเขาแล้ว”
เมิ่งอี้เซวียนรอยยิ้มแข็งค้าง พูดอย่างไม่ยินดี “ต่อไปเจ้าก็จะไม่สนใจข้าแล้วหรือ?”
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า “ไม่หรอก หากข้ามีเวลาว่างก็ยังจะไปรับเจ้า”
ได้ยินนางพูดเช่นนี้ เมิ่งอี้เซวียนดีอกดีใจอีกครั้ง
เมิ่งเชี่ยนโยวมอบบังเ**ยนให้เสี่ยวเอ้อที่ยังตะลึงค้าง กำชับเขาให้จูงรถม้าทั้งสองคันไปดูแลหลังร้านให้ดี ถึงกลับเข้าห้องพักชั้นบนไปพร้อมเมิ่งเสียนและเมิ่งอี้เซวียน พูดกับเมิ่งอี้เซวียนที่อ่อนล้า “เหนื่อยแย่แล้วสิ เจ้าพักสักหน่อยเถอะ ถึงเวลาอาหารค่ำข้าค่อยเรียกเจ้าขึ้นมากินข้าว”
เมิ่งอี้เซวียนเหน็ดเหนื่อยแทบทนไม่ไหวนานแล้ว ได้ยินนางพูดเช่นนี้ ขึ้นไปนอนบนเตียงอย่างเชื่อฟัง ไม่นานก็หลับสนิทไป
เมิ่งเชี่ยนโยวห่มผ้าให้เขา พูดกับเมิ่งเสียน “พี่ใหญ่ ท่านเองก็พักหน่อยเถอะ ตอนค่ำเราจะไปกินข้าวภัตตาคารที่พี่รองทำงาน จะได้ไปหาเขาด้วย”
เมิ่งเสียนพูดขึ้น “แต่พวกเราไม่รู้ว่าพี่รองอยู่ที่ไหน?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “พวกเราถามพี่ใหญ่ได้”
พูดถึงตรงนี้ เมิ่งเสียนถึงนึกขึ้นได้ว่าเมิ่งเหรินยังมาไม่ถึง ถามอย่างเป็นห่วง “น้องสาว นานขนาดนี้แล้วพี่ใหญ่ยังมาไม่ถึง คงไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นนะ?”
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า “พี่ใหญ่อยู่โรงเรียนประจำอำเภอมาหลายปี คุ้นเคยกับตัวอำเภอเป็นอย่างดี ท่านไม่ต้องเป็นห่วงเขา”
เมิ่งเสียนได้ยินก็วางใจลง
เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “ท่านกับอี้เซวียนพักผ่อนก่อนเถอะ ข้าจะไปดูพวกคนที่ซื้อมาวันนี้ว่าตื่นหรือยัง”
เมิ่งเสียนพยักหน้า
เมิ่งเชี่ยนโยวค่อยๆ งับประตูห้องให้พวกเขา เดินลงมาชั้นล่าง ชักสีหน้าเข้มนั่งรออยู่กลางห้องโถง ดูว่าเมิ่งเหรินจะมาถึงตอนไหน
เสี่ยวเอ้อเห็นนางทำหน้าถมึงทึง ตกใจเข้าไปหลบอยู่หลังโต๊ะคิดเงิน แม้แต่เสียงร้องเรียกจากแขกคนอื่นยังไม่กล้าขานรับเสียงดัง
กระทั่งฟ้ามืดลง เมิ่งเหรินถึงเดินเอื่อยเฉื่อยเข้ามาโรงเตี๊ยม
เห็นท่าทีเบาสบายของเขา เมิ่งเชี่ยนโยวพูดถากถาง “ใช้เวลานานขนาดนี้พี่ใหญ่ถึงมาถึง ท่านคลานมาหรืออย่างไร?”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น