คัมภีร์วิถีเซียน 1560-1561

ตอนที่ 1560 อานุภาพของเคล็ดวิชาลวงตา

 

“หากข้าน้อยกล่าวว่า ‘ไม่’ ล่ะ!” หานลี่เอ่ยซักถามอย่างเยือกเย็น


 


 


“สหายเป็นผู้ที่กลับมาจากนอกมหาสมุทร น่าจะไม่มีทางไม่รู้จักอะไรควรไม่ควรขนาดนั้นกระมัง! ต่อให้สมบัติดีขนาดไหน หากเพลี่ยงพล้ำ แล้วจะมีประโยชน์อันใด” ชนต่างเผ่าในลำแสงสีแดงหัวเราะหึๆ


 


 


“สหายคงไม่ได้คิดจะลงมือกับข้าน้อยสินะ? ที่นี่ล้วนมีทหารไล่ล่าของเผ่าหนอนมีเขา หรือว่านายท่านอยากเป็นนักโทษของเผ่าหนอนมีเขาไปด้วยกัน!” หานลี่น้ำเสียงเคร่งขรึม สีหน้าเย็นชาดุจน้ำแข็ง


 


 


เมื่อฟังคำพูดของหานลี่ ชนต่างเผ่าในลำแสงสีแดงพลันขมวดคิ้ว แต่ทันใดนั้นก็พลิกฝ่ามือ ในมือมีขวดโปร่งใสปรากฏขึ้น ยกขึ้นตรงหน้าตา ให้หานลี่มองเห็นได้ชัดเจน


 


 


เห็นเพียงในขวดมียาลูกกลอนสีแดงสดคล้ายกับโลหิตเม็ดหนึ่ง เป็นยาลูกกลอนที่แผ่ลำแสงสีทองออกมา!


 


 


“สหายหานต่อให้เจ้านำของสิ่งนี้ไปส่งให้เผ่าหมื่นโบราณ อย่างมากที่สุดก็คงได้เพียงยาลูกกลอนมหัศจรรย์เม็ดหนึ่งเท่านั้น แม้ว่าข้าน้อยจะไม่มียาลูกกลอนนี้อยู่ในมือ แต่กลับมียาที่เป็นรองยาชนิดนี้อยู่อย่าง ‘ยาลูกกลอนโลหิตสีทอง’ ยาลูกกลอนชนิดนี้สามารถช่วยให้สหายได้บรรลุจุดคอขวดระดับสามได้ ข้าน้อยจะใช้ยาลูกกลอนนี้แลกกับกล่องหยกในมือของสหายหานเป็นอย่างไร?”ชนต่างเผ่าในลำแสงสีแดงจ้องเขม็งไปยังหานลี่ พลางเอ่ยเช่นนี้ออกมา


 


 


“ยาลูกกลอนโลหิตสีทอง!” รูม่านตาของหานลี่หดเล็กลง


 


 


แม้นว่าจะเพิ่งเคยได้ยินยาลูกกลอนชนิดนี้ครั้งแรก แต่เมื่อกวาดจิตสัมผัสไป กลิ่นหอมที่โชยออกมาจากขวดนั้นไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน


 


 


เขาจ้องเขม็งไปยังขวดผลึกวานรในมือของอีกฝ่าย อดที่จะเงียบขรึมไม่พูดอะไรไม่ได้ ดูเหมือนว่ากำลังขบคิดข้อเสนอของอีกฝ่ายจริงๆ


 


 


“ทางที่ดีที่สุดพี่หานรีบตัดสินใจจะดีกว่า ทหารไล่ล่าของเผ่าหนอนมีเขาเหล่านั้นอาจมาถึงที่นี่ได้ตลอดเวลา” ชนต่างเผ่าในลำแสงสีแดงเห็นเช่นนั้นพลันรู้สึกดีใจ แต่กลับกระตุ้นด้วยสีหน้าราบเรียบ


 


 


แต่ชนต่างเผ่าผู้นี้กลับไม่ได้ใส่ใจ เงาสีดำใต้ฝ่าเท้าเปลี่ยนเป็นยาวขึ้นกว่าก่อนหน้าตั้งแต่เมื่อไหร่ก็สุดจะรู้ได้ ทว่าความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ นอกเสียจากว่าจะจ้องเขม็งไปที่เงาใต้ฝ่าเท้าของหานลี่ตั้งแต่แรก มิเช่นนั้นคงไม่อาจมองปราดเดียวก็เห็นความผิดปกติอะไรได้


 


 


และแทบจะในเวลาเดียวกัน สองเท้าของหานลี่ก็มีเส้นไหมสีเขียวจางๆ ที่แทบจะมองไม่เห็นจมหายเข้าไปในดินโคลนอย่างเงียบเชียบ แล้วทยอยหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย


 


 


“ขอบังอาจเรียนถามสหายมาจากเผ่าใดหรือ?” หานลี่เอ่ยถาม


 


 


“หมายความว่าอย่างไร เผ่าเพลิงจันทราของพวกเราแยกแยะง่ายจะตายไป สหายจะถามทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วไปทำไม!” ชนต่างเผ่าในลำแสงสีแดงพลันตะลึงงัน แล้วแค่นเสียงด้วยความเย็นชาขณะเอ่ยตอบ


 


 


“งั้นหรือ ข้ายังนึกว่าสหายคือคนของเผ่าหนอนมีเขา คิดจะนำกล่องหยกในมือของข้าน้อยไป จากนั้นก็จะลงมือทันที!” หานลี่เผยสีหน้าแปลกประหลาดออกมาขณะเอ่ย


 


 


“หรือว่าสหายสติปัญญาเลอะเลือน ข้าน้อยคือชาวเพลิงจันทรา จะอยู่ฝั่งเผ่าหนอนมีเขาได้อย่างไร” ชนต่างเผ่าในลำแสงสีแดงพลันตะลึงงัน แต่ทันใดนั้นพลันเอ่ยตำหนิแล้วเผยสีหน้าโกรธแค้นออกมา


 


 


“สหายเป็นคนของเพลิงจันทราจริงหรือไม่ ข้าน้อยไม่ได้ใส่ใจ แต่ก่อนหน้านี้นายท่านอยู่ในหอคอยเพียงลำพัง แล้วทำอะไรลงไป หรือว่าจะจะปฏิเสธหรือ? เอาของให้เจ้า ไม่สู้เอาของในมือส่งให้ผู้แซ่หานจัดการแทนเป็นอย่างไร ข้าน้อยไปส่งอันเดียวก็ส่ง สองอันก็ส่งเหมือนกัน!” หานลี่เอ่ยอย่างราบเรียบ


 


 


คนพูดเหล่านี้เพิ่งพูดได้เพียงครึ่ง ในที่สุดสีหน้าของชนต่างเผ่าในลำแสงสีแดงก็เปลี่ยนไป เมื่อเอยจบประโยคสุดท้ายจบ ฉับพลันนั้นชาวเพลิงจันทราผู้นั้นก็ใช้สองมือร่ายอาคม ผิวมีลำแสงสีแดงไหลโคจรไปมา จันทราสีแดงดวงหนึ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า แค่กะพริบวาบ ก็จมหายเข้าไปกลางอากาศสูงอย่างไร้เงา


 


 


แทบจะในเวลาเดียวกัน ร่างของชนต่างเผ่าผู้นี้ก็รางเลือน ในเวลาเดียวกันกลางลำแสงสีแดงพลันมีเงาลวงตาที่เหมือนกันทุกกระเบียดนิ้วปรากฏขึ้นสามสาย


 


 


ทั้งสามเอาสองมือไพล่หลังเช่นกัน มองไปยังหานลี่ด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกไม่ได้พูดอะไร


 


 


เมื่อเผชิญหน้ากับท่าทีแปลกประหลาดของอีกฝ่าย หานลี่กลับยืนนิ่งอยู่ที่เดิม กลับหยักมุมปากขึ้น ปรบมือพร้อมหัวเราะยกใหญ่


 


 


“แผนการแยบยลดังคาด ปล่อยพลังวิญญาณออกไปดึงความสนใจของเผ่าหนอนมีเขาก่อน จากนั้นก็ใช้แผนกลยุทธ์ยอมถอยเพื่อชัยชนะ ทำให้ข้าไม่อาจจากไปได้ทันสินะ


 


 


เมื่อเห็นหน้าตาของหานลี่ เงาร่างคนสามสายในลำแสงสีแดงก็เผยสีหน้าแปลกประหลาดออกมา แต่ปากพลันเอ่ยอย่างเย็นชาว่า


 


 


“แม้ข้าจะไม่รู้ว่าเจ้ารู้ว่าข้าทิ้งร่องรอยเอาไว้ในเทวรูปหุ่นเชิดได้อย่างไร แต่ในเมื่อข้าเรียกคนอื่นมาแล้ว เจ้าก็อย่าคิดหนีเลย หากเจ้ารู้ว่าอะไรควรไม่ควร นำกล่องหยกส่งให้ข้าดีๆ ผู้แซ่หงก็อาจจะขอร้องให้ไว้ชีวิตเจ้าก็เป็นได้” เงาลวงตานี้เผยท่าทางเชื่อมั่นออกมา!


 


 


มิน่าล่ะเผ่าหนอนมีเขาเหล่านั้นจึงอยู่ห่างจากพวกเขาไปแค่สิบลี้เศษเท่านั้น มาถึงได้ในชั่วครู่


 


 


“ที่เจ้าปล่อยออกไปเมื่อครู่คือสิ่งนี้สินะ” หานลี่หยักมุมปากเผยสีหน้าลึกลับออกมา ฉับพลันนั้นมือหนึ่งพลันตะปบไปกลางอากาศด้านล่างอย่างส่งเดช


 


 


ลำแสงสีแดงสว่างวาบ ลำแสงสีแดงเพลิงขนาดเท่าศีรษะลูกหนึ่งปรากฏที่ใจกลางฝ่ามือ


 


 


“เป็นไปไม่ได้ เจ้าทำได้อย่างไร” เงาลวงตาสามสายในลำแสงสีแดงร่างกายสั่นเทาไปพร้อมกัน เผยสีหน้าตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยวออกมา


 


 


ลำแสงสีแดงในเวลานี้นั่นก็คือสิ่งที่พลังปราณจันทราสีแดงซึ่งพุ่งออกไปก่อนหน้าสร้างขึ้น!


 


 


แต่ไม่รอให้หานลี่ตอบอะไร เงาร่างคนในลำแสงสีแดงก็พลิ้วกาย เงาลวงตาสามสายถอยร่นไปด้านหลังพร้อมกันช้าๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยสีหน้าระวังภัย


 


 


หานลี่เห็นเช่นนั้นพลันตกตะลึง แต่ทันใดนั้นก็หัวเราะอย่างเย็นชา


 


 


มือหนึ่งพลิกฝ่ามือ ลำแสงสีขาวสว่างวาบ ยันต์วิเศษสีแดงที่แปะอยู่บนกล่องปรากฏขึ้นในมือ โยนขึ้นไปกลางอากาศหมุนคว้างลอยนิ่งอยู่


 


 


จากนั้นนิ้วมือพลันร่ายไปด้านบน


 


 


ลำแสงเย็นเยียบสว่างวาบ กระบี่ลำแสงสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนดีดตัวออกไป ตรงไปหากล่องหยก


 


 


“เจ้าเสียสติไปแล้ว!” ชาวเพลิงจันทราที่แต่เดิมถอยร่นไปด้านหลังเห็นการเคลื่อนไหวของหานลี่ ชั่วขณะนั้นพลันตกใจจนสะดุ้งโหยง แต่ทันใดนั้นก็ร้องตะโกนออกไปตามสัญชาตญาณ


 


 


เห็นเพียงเงาลวงตาสองสายเคลื่อนไหว ชั่วครู่ก็พุ่งออกจากลำแสงสีแดง ความเร็วไร้ที่เปรียบ แค่กะพริบวาบก็มาอยู่กลางอากาศ


 


 


หนึ่งในนั้นกลายเป็นมือยักษ์สีแดงตะปบไปทางกล่องหยก


 


 


เงาลวงตาอีกสายหนึ่งหยุดชะงัก ใบหน้าโหดเ**้ยมร่างกายเปล่งแสงสีแดงประหลาด กลายเป็นสายรุ้งสีแดงสดสายหนึ่งพุ่งไปหาหานลี่


 


 


ส่วนเงาลวงตาที่สามกลับยืนนิ่งงันอยู่ท่ามกลางลำแสงสีแดงที่อยู่ไกลออกไป


 


 


เห็นได้ชัดว่าการเคลื่อนไหวเมื่อครู่ของหานลี่เป็นสิ่งที่คาดเดาได้ยาก ทำให้ชาวเพลิงจันทราผู้นี้ระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก คาดไม่ถึงว่าจะกล้าเพียงควบคุมร่างแยกสองตนให้ทำการโจมตี ส่วนตนเองยังคงอยู่ในที่ปลอดภัย


 


 


ราวกับความเร็วของเงาลวงตาสองสายมากกว่าที่หานลี่คาดการณ์เอาไว้จึงไม่ทันได้ทำการรับมืออะไร


 


 


มือยักษ์ที่อยู่กลางอากาศคว้ากล่องหยกเอาไว้ ในเวลาเดียวกันเงาลวงตาอีกสายหนึ่งก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป กลายเป็นสายรุ้งสีแดงสดทะลวงผ่านร่างของหานลี่


 


 


จากนั้นลำแสงสีแดงพลันหม่นแสงลง เงาลวงตาปรากฏขึ้นอีกครั้งห่างจากด้านหลังของหานลี่ไปสองสามจั้ง จากนั้นก็หันหน้ากลับมามอง


 


 


เห็นเพียงหานลี่มีเพลิงลำแสงปรากฏขึ้น คาดไม่ถึงว่าจะเปล่งเสียงเปรี๊ยะๆ แล้วกลายเป็นลูกบอลเพลิงสีแดงสดเผาไหม้


 


 


ชั่วพริบตาเงาร่างหานลี่ก็หายวับไปจากเพลิงลำแสง


 


 


ชาวเพลิงจันทราในลำแสงสีแดงเห็นว่าได้กล่องหยกมาอยู่ในมือและสังหารหานลี่ได้อย่างง่ายดาย กลับตะลึงงันรู้สึกแปลกๆ


 


 


แต่ไม่รอให้เขาได้ขบคิดอะไรมือยักษ์สีแดงกลางอากาศที่คว้ากล่องหยกเอาไว้ก็มือลำแสงสีเขียวไหลวนโคจร คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นไข่มุกกลมสีเขียวขนาดเท่ากำปั้น


 


 


ไม่รอให้มือยักษ์สีแดงมีปฏิกิริยาตอบสนอง ไข่มุกกลมเม็ดนี้ก็เปล่งแสงเจิดจ้าระเบิดออก


 


 


เสียงฟ้าผ่าดังขึ้น ประจุไฟฟ้าสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมา ชั่วครู่ก็ทะลวงผ่านมือยักษ์สีแดงจนเป็นรูพรุน


 


 


สุดท้ายมือยักษ์ก็เปล่งแสงเจิดจ้าแล้วหายวับไปโดยอัตโนมัติ


 


 


“เอ๋!” เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ ชาวเพลิงจันทราในลำแสงสีแดงพลันตะลึงงันหน้าซีดขาวอ้าปากออกพ่นโลหิตบริสุทธิ์สีเขียวมรกตออกมา


 


 


“ข้าก็นึกว่าเคล็ดวิชาแปลงกายลึกลับอะไร ที่แท้ก็เป็นแค่เคล็ดวิชาแยกจิตวิญญาณ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ร่างแยกทั้งสองของเจ้าข้าน้อยก็ขอเก็บไปอย่างไม่เกรงใจละนะ” ฉับพลันนั้นเสียงของหานลี่พลันดังขึ้นจากทั้งสี่ทิศแปดด้าน จากนั้นตรงเงาลวงตาชนต่างเผ่าที่สองซึ่งยืนอยู่บนพื้นพลันมีเส้นสีดำที่บางเบาจนแทบมองไม่เห็นสว่างวาบมีดยาวสีทองเล่มหนึ่งสับลงมาจากด้านบน


 


 


การเคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับสายฟ้าก็ไม่ปาน


 


 


หลังจากเสียงร้องอันน่าอนาถดังขึ้นร่างเงาลวงตาก็ถูกสับออกเป็นสองส่วนอย่างรวดเร็วราวกับฟ้าฟาด ซากศพสองส่วนร่วงลงบนพื้น ทันใดนั้นพลันกลายเป็นดวงลำแสงแล้วสลายหายไปเช่นกัน


 


 


ยามนี้ลำแสงสีทองถึงได้เปล่งประกาย นักรบชุดเกราะสวมเกราะสีทองมือหนึ่งถือมีดยาวกรูกันออกมาจากโคลนด้านล่างอย่างลึกลับ


 


 


ชั่วพริบตาที่ร่างแยกถูกทำลายชาวเพลิงจันทราในลำแสงสีแดงก็น่าซีดขาวไปหลายส่วน จากนั้นพวงแก้มพลันมีสีแดงระเรื่อ


 


 


ท่าทางสูญเสียปราณแท้ไปไม่น้อย


 


 


แต่ชาวเพลิงจันทราผู้นี้ก็ตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว แทบจะในเวลาเดียวกันที่ร่างแยกที่สองถูกทำลาย ก็อ้าปากออกพ่นระฆังใบเล็กสีเขียวออกมาจากปาก นิ้วร่ายอาคมไปที่มันอย่างรวดเร็ว


 


 


เสียง แก๊ง แสบแก้วหูดังขึ้น คลื่นเสียงไร้รูปร่างแผ่ออกมาจากระฆังไปทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน


 


 


จากนั้นชาวเพลิงจันทราในลำแสงสีแดงพลันมีสีหน้าโหดเ**้ยมฉายแวบผ่านไป


 


 


เขาไม่เชื่อว่าในสถานการณ์เช่นนี้เขาจะยับยั้งเผ่าหนอนมีเขาที่เขาเรียกมาได้ ทว่าเขาก็ไม่สนใจที่จะต่อกรกับหานลี่อยู่ที่นี่ต่อเช่นกัน ร่างกายพลิ้วไหวกลายเป็นลำแสงสีแดงพุ่งออกไป


 


 


แต่เสียงแค่นเสียงด้วยความเย็นชาพลันดังขึ้น เมื่อลำแสงสีแดงบินไปได้ห้าสิบหกสิบจั้ง กลางอากาศพลันมีลำแสงสีเขียวสว่างวาบ ดอกบัวสีเขียวดอกหนึ่งปรากฏขึ้น จากนั้นพลันรางเลือน จากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสี่ จากสี่เป็นแปด


 


 


ชั่วพริบตากลางอากาศพลันมีแต่ลำแสงสีเขียว


 


 


ดอกบัวสีเขียวเหล่านี้หมุนติ้วๆ พริบตาก็ขยายใหญ่จนมีขนาดสองสามจั้ง ชั่วครู่ก็ปกคลุมท้องฟ้าไว้อย่างแน่นหนา


 


 


ยามนี้ชาวเพลิงจันทราพลันตกตะลึงไม่น้อย!


 


 


แต่ก็ชูสองมือขึ้นโดยไม่ปริปาก มีดสั้นสีเงินและแผ่นป้ายสีทองพุ่งออกมาพร้อมกัน


 


 


เมื่อมีดสั้นพุ่งออกมาก็กลายเป็นมีดยักษ์ยาวสองสามจั้ง สับลงไปกลางอากาศ


 


 


หลังจากแผ่นป้ายสีทองเปล่งเสียงหึ่งๆ ออกมา ฉับพลันนั้นพลันมีลำแสงสีทองเรืองรองพุ่งออกมาจากแผ่นป้าย ภาพลวงตามังกรวารีแผ่นหลังมีปีกคู่หนึ่ง แยกเขี้ยวตะปบเล็บกระโจนออกมา


 


 


ปังๆ เสียงดังสนั่นขึ้น ลำแสงสีเงินและเงาสีทองโจมตีไปยังดอกบัวยักษ์สีเขียวพร้อมกัน


 


 


เมื่อทั้งสองสัมผัสกัน แม้ว่าดอกบัวยักษ์สีทองจะมีอักขระทะลักออกมา แต่ครู่ต่อมาก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ


 


 


ชาวเพลิงจันทราที่ตามมาติดๆ เห็นเช่นนั้นพลันรู้สึกดีใจแต่ครู่ต่อมารอยยิ้มบนใบหน้าก็แข็งค้างในทันที


 


 


เห็นเพียงดอกบัวสีเขียวที่แตกสลายออก เปล่งแสงสีเขียวสว่างวาบมีดอกบัวยักษ์อีกดอกปรากฏขึ้นเบื้องหน้า 

 

 

 


ตอนที่ 1561 ศัตรูตัวฉกาจ

 

ชาวเพลิงจันทราเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ พลันหน้าเปลี่ยนสี ทันใดนั้นพลันกระตุ้นสมบัติสองชิ้นทำการโจมตีไปพลาง ปากบริกรรมคาถาไปพลาง ดูเหมือนว่าจะสำแดงอิทธิฤทธิ์ที่ร้ายกาจอะไรออกมา


 


 


แต่ในตอนนั้นเอง เสียงราบเรียบของหานลี่พลันดังขึ้นอีกครั้ง


 


 


“ในเมื่อนายท่านตกอยู่ในเขตอาคมกระบี่ของข้า หากจะไป ก็ต้องให้ผู้แซ่หานเป็นผู้ส่งเจ้าไปด้วยตนเอง!”


 


 


เมื่อเอ่ยจบ ฉับพลันนั้นดอกบัวตรงข้ามพลันสลายออก กลายเป็นเงาลำแสงสีเขียวเต็มท้องฟ้า มีดยักษ์สีเงินและเงามังกรวารีสีทองกระโจนเข้ามา ชั่วครู่ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยราวกับดินโคลนจนลงไปในมหาสมุทร


 


 


แม้แต่ร่องรอยสักนิดก็ยังไม่ปรากฏให้เห็น


 


 


ชาวเพลิงจันทรารู้สึกจิตใจหนักอึ้ง เดิมทีร่างกายที่คิดจะรีบออกไปพลันหยุดชะงัก


 


 


และในตอนนั้นเองเงาลำแสงสีเขียวตรงหน้าพลันเปล่งแสงเจิดจ้า จากนั้นราวกับคลื่นยักษ์ม้วนเข้ามาอย่างไรอย่างนั้น


 


 


ชาวเพลิงจันทราตกใจจนสะดุ้งโหยง ปล่อยอาคมที่แต่เดิมพร้อมจะปล่อยออกไปอย่างไม่ลังเล


 


 


เห็นเพียงร่างของเขามีลำแสงสีแดงหมุนติ้วๆ มีดำแสงสีแดงขนาดเท่าฝ่ามือจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น กระตุ้นเล็กน้อย ก็เริงระบำวนล้อมรอบไปทั้งสี่ทิศ


 


 


เสียง ฟิ้วๆ แหวกอากาศดังขึ้น!


 


 


ชั่วพริบตามีดแหลมที่เริงระบำจนกลายเป็นพายุหมุนสีแดงพลันปรากฏห่อหุ้มร่างของเขาเอาไว้


 


 


เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ชาวเพลิงจันทราถึงได้ผ่อนคลายลง


 


 


ครู่ต่อมา ม่านลำแสงสีเขียวพลันม้วนวนเข้ามาอย่างเงียบเชียบราวกับภาพลวงตา


 


 


แต่หลังจากที่เขาเพ่งมองไปก็พลันรู้สึกตื่นเต้น


 


 


เห็นเพียงลำแสงสีเขียวสว่างวาบ ทิวทัศน์รอบด้านรางเลือน คาดไม่ถึงว่าเขาจะอยู่ในทุ่งหญ้าสีเขียวมรกต


 


 


รอบด้านล้วนเต็มไปด้วยต้นหญ้าสีเขียวชอุ่มสูงสองสามชุ่น และมีดอกไม้เปล่าแซมอยู่หลากสีสัน ไกลออกไปมีเสียงวิหคเพรียกดังแว่วมา ช่างเป็นทัศนียภาพวิหคเพรียกกลิ่นมวลดอกไม้หอมที่น่าหลงใหล ทำให้ผู้คนอดที่จะสบายอารมณ์และผ่อนคลายลงอย่างไม่รู้ตัว


 


 


“เคล็ดวิชาลวงตา!”


 


 


ชาวเพลิงจันทราเองก็ไม่ธรรมดา แววตาหลงใหลฉายแวบผ่านก็ร้องอุทานออกมาอย่างได้สติ


 


 


เขามองไปกลางอากาศอย่างรวดเร็ว


 


 


เห็นเพียงสูงขึ้นไปมีสีฟ้าเข้ม นอกจากก้อนเมฆสองสามก้อนที่อยู่ไกลออกไปแล้วคาดไม่ถึงว่ามองปราดเดียวจะมองไม่เห็นสุดขอบของทุ่งหญ้า ส่วนชาวเพลิงจันทราก็สัมผัสได้ว่าจุดที่สองฝ่าเท้าเหยียบย่ำอยู่อ่อนนุ่มเป็นพิเศษ ในเวลาเดียวกัน ในจมูกก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายต้นไม้ใบหญ้าที่เข้มข้น คาดไม่ถึงว่าจะไม่อาจมองหาข้อบกพร่องได้เลยสักกระผีก ร่างทั้งร่างดูเหมือนอยู่ในทุ่งหญ้าที่ไร้ขอบเขต!


 


 


“ทลาย”


 


 


ชาวเพลิงจันทรามีสีหน้าเคร่งขรึม แต่ปากก็ตะโกนออกมากัดปลายลิ้นของตนเองในเวลาเดียวกันสองมือก็ชูขึ้น


 


 


มองเห็นมีดลำแสงสีแดงข้างกายในพายุหมุนหยุดชะงัก จากนั้นก็พุ่งออกมาสี่ทิศแปดด้านราวกับห่าฝน


 


 


ร่องรอยสีขาวเป็นสายๆ ปรากฏขึ้นกลางอากาศ มีดสีแดงเหล่านั้นแหลมคมเป็นอย่างมาก คาดไม่ถึงว่าจะดูราวกับว่าจะสับท้องฟ้าออกตรงๆ


 


 


ทุกอย่างรอบด้านเต็มไปด้วยมีดสีโลหิตที่สับลงมา ม่านลำแสงจางๆ ปรากฏขึ้น จากนั้นทัศนียภาพพลันรางเลือนทุ่งหญ้าท้องฟ้าบิดเบี้ยวหายวับไป


 


 


เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ชาวเพลิงจันทราพลันรู้สึกดีอกดีใจ ทลายเคล็ดวิชาลวงตาที่ดูเหมือนว่าจะไม่ธรรมดาได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ ช่างเป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายโดยแท้


 


 


แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาเพิ่งจะเผยออกมา ทัศนียภาพรอบด้านที่บิดเบี้ยวกลับระเบิดลำแสงสีเขียวเจิดจ้าออกมา


 


 


ชนต่างเผ่าอดที่จะหรี่ตาทั้งสองข้างลงไม่ได้ แต่ทันใดนั้นผิวกายพลันมีลำแสงสีแดงสว่างวาบ รอบกายมีมีดลำแสงจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นอีกครั้งปกคลุมไว้รอบด้าน


 


 


ทว่าชาวเพลิงจันทรารู้สึกเพียงว่าเบื้องหน้ามีเส้นลำแสงมืดหม่น หลังจากเพ่งพินิจมองสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเหยเก


 


 


เห็นเพียงทัศนียภาพรอบด้านเปลี่ยนไป รอบกายล้วนเป็นต้นไม้ยักษ์สูงเทียมฟ้าขนาดยี่สิบสามสิบจั้ง ทุกต้นล้วนลำต้นเหยียดตรง ใบไม้ปกคลุมหนาแน่นแทบจะปกคลุมทั้งท้องฟ้าเอาไว้อย่างแน่นหนา


 


 


เขาตกอยู่ในป่ารกอีกครั้ง


 


 


เห็นได้ชัดว่าเขาไม่อาจสลัดเคล็ดวิชาลวงตาออกได้และจมปลักอยู่ในนั้นอีกครั้ง


 


 


สถานการณ์เช่นนี้แน่นอนว่าย่อมทำให้ชาวเพลิงจันทราทั้งตกตะลึงทั้งโกรธเกรี้ยว


 


 


แต่ครั้งนี้ไม่รอให้เขากระตุ้นความสามารถอันใด ใต้ฝ่าเท้ากลับสั่นคลอนอย่างรุนแรงราวกับแผ่นดินไหว จากนั้นต้นไม้รอบด้านพลันล้มระเนระนาดลงราวกับอ่อนแอต้านลมไม่ไหว ชั่วขณะนั้นเงาสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนก็ทอดตัวลงมา


 


 


ชาวเพลิงจันทราพลันตกตะลึงไม่ทันได้ขบคิดมีดแหลมคมที่ผิวกายพลันสับออกไปกลางอากาศทันที


 


 


ชั่วพริบตาต้นไม้เหล่านั้นไม่ทันได้เข้าประชิดชาวเพลิงจันทรา ก็ถูกสับออกเป็นชิ้นๆ ท่ามกลางลำแสงสีแดง!


 


 


ชาวเพลิงจันทรารู้สึกผ่อนคลายลงยามที่กำลังที่จะกระตุ้นมีดลำแสงให้ออกไปรอบทิศ เพื่อทลายเคล็ดวิชาลวงตาอีกครั้ง ฉับพลันนั้นเสียง “ปังๆ” พลันดังขึ้น เงาสีดำกลางอากาศที่ถูกมีดลำแสงสับลงมากลับแข็งแกร่งกว่าที่คิด


 


 


มีดลำแสงสีแดงสับลงมาก็ทยอยกันเปล่งแสงเจิดจ้าแล้วหายวับไป


 


 


ส่วนเงาสีดำพลันพลิ้วไหวสร้างภาพลวงตาใหญ่ขึ้นสองสามเท่า จากนั้นก็กดลงมา


 


 


นั่นคือยอดเขาสีดำขนาดร้อยจั้งเศษ


 


 


“เอ๋” ชาวเพลิงจันทราพลันตกตะลึง ทำได้เพียงแหงนหน้าอ้าปากพ่นหมอกสีแดงออกมา


 


 


ด้านในมีอะไรสักอย่างอยู่รางๆ!


 


 


แต่เมื่อหมอกสีแดงและภูเขาน้อยสัมผัสกัน แค่เปล่งแสงสีแดงสว่างวาบก็เผยสมบัติรูปทรงเหมือนกระดานไม้สีแดงสดปรากฏขึ้น ผิวของมันมีอักขระจำนวนนับไม่ถ้วนเปล่งประกายระยิบระยับ


 


 


แม้ว่าไม้กระดานนี้จะมีอานุภาพไม่น้อย แต่จะรับอานุภาพอันมหาศาลของภูเขาเทวะดูดปราณได้อย่างไร


 


 


ภูเขาสีดำทับไม้กระดานจนลำแสงสีแดงแตกกระจายในพริบตา และเปล่งแสงสว่างวาบไม่หยุดก็มาถึงเหนือศีรษะของชนต่างเผ่า


 


 


“แย่แล้ว!”


 


 


ชาวเพลิงจันทราทำได้เพียงเปล่งเสียงออกมาร่างทั้งร่างถูกภูเขาสีดำกดทับเอาไว้


 


 


ในเวลาเดียวกันทัศนียภาพพลันบิดเบี้ยว กลายเป็นดวงลำแสงละเอียด ภาพลวงตาทั้งหมดหายวับไป ชาวเพลิงจันทราปรากฏกายขึ้นกลางหุบเขาที่เดิมอีกครั้ง


 


 


แต่ใต้ฝ่าเท้าของเขากลับว่างเปล่าถูกยอดเขาสีดำกดทับเอาไว้


 


 


ครู่ต่อมาเสียงอึกทึกดังสนั่นพลันดังขึ้นจากพื้นดิน!


 


 


ภูเขาสีดำกดลงที่พื้นด้านล่างจนกลายเป็นหลุมลึกขนาดสองสามชุ่น


 


 


ชาวเพลิงจันทรากลายเป็นน้ำจิ้มเนื้ออยู่ในหลุม


 


 


แม้ว่าเขาและหานลี่จะอยู่ในระดับหลอมสุญตาเช่นเดียวกัน แต่กายเนื้อกลับอ่อนแอกว่าที่คิด


 


 


น่าเวทนาชาวเพลิงจันทราระดับหลอมสุญตาผู้นี้ไม่ได้มีความสามารถแค่ที่แสดงออกมาเมื่อครู่


 


 


แต่น่าเสียดายที่เขาสำแดงเคล็ดวิชาลับแปลงกายออกมาในตอนแรก ก็ถูกหานลี่ใช้ไข่มุกอัสนีและยันต์เกราะเอกแปลงเป็นหุ่นเชิดเงาเข้าโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำให้ปราณแท้ได้รับบาดเจ็บ จากนั้นเขาก็ตกอยู่ในเคล็ดวิชาลวงตาเขตอาคมกระบี่หลากวสันต์ของหานลี่ ถูกภูเขาเทวะดูดปราณที่ยากจะแยกแยะว่าของจริงหรือปลอบลอบโจมตี ทำให้สูญเสียกายเนื้อไปอย่างง่ายดาย และไม่อาจพลิกตัวกลับมาได้อีก


 


 


ทว่ายามนี้ศพใต้ภูเขาสีดำพลันเปล่งแสงสีแดงเจิดจ้า ไข่มุกกลมขนาดเท่าไข่ไก่พุ่งออกมา จมหายไปในพื้นดินด้านล่าง


 


 


ฉับพลันนั้นตีนยอดเขาสีดำพลันมีหมอกลำแสงสว่างจ้า ลำแสงสีเทาพุ่งออกมา ชั่วพริบตาก็ม้วนไข่มุกกลมสีแดงออกมาจากดิน ทำให้มันไม่อาจกระดิกกระเดี้ยได้เลยสักกระผีก


 


 


จากนั้นลำแสงสีเทาพลันเปล่งประกาย ไข่มุกกลมถูกโยนออกไปบนพื้นอย่างแรง


 


 


ในเวลาเดียวกันยอดเขาเปล่งแสงสีเขียวสว่างวาบ เงาร่างคนสายหนึ่งปรากฏขึ้น มือหนึ่งกวักเรียกไข่มุกกลมกลางลำแสงสีเทาเบาๆ


 


 


เสียง สวบ ดังขึ้น ชั่วพริบตานั้นพลังมหาศาลพลันดูดไข่มุกกลมเข้ามาอยู่ในมือ


 


 


เงาร่างคนนั่นก็คือหานลี่เอง


 


 


เขาก้มหน้าลงมองที่อยู่ในมือสองแวบ


 


 


เห็นเพียงไข่มุกกลมเม็ดนี้มีลำแสงสีแดงสว่างวาบ ด้านในโปร่งแสง คาดไม่ถึงว่าจะมีคนตัวเล็กขนาดสองสามชุ่นซ่อนอยู่


 


 


ดูจากหน้าตาแล้วเหมือนกับชาวเพลิงจันทราทุกกระเบียดนิ้ว แค่ส่วนหัวมีเขาเล็กๆ ที่บางเบาจนแทบมองไม่เห็นงอกออกมา


 


 


“เจ้าเกี่ยวข้องกับเผ่าหนอนมีเขาดังคาด! ข้าน้อยก็ประหลาดใจอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าสหายคือคนของเผ่าหนอนมีเขาหรือว่าคนเผ่าเพลิงจันทรา” หานลี่ดูเหมือนจะใช้สองนิ้วบีบไข่มุกลมอย่างส่งเดช ใบหน้ากลับเผยรอยยิ้มเย็นเยียบออกมา


 


 


คนตัวเล็กในไข่มุกกลม กลับหลับตาทั้งสองข้างลงไม่ได้กล่าวอะไร


 


 


“ในเมื่อเจ้าวางแผนฉกกล่องในมือของผู้แซ่หาน ก็น่าจะรู้สิ่งที่เกี่ยวข้องกับเจ้าสิ่งนี้สินะ หากเจ้ารู้ตัวยอมบอกสิ่งที่ข้าอยากรู้ ไม่แน่ว่าข้าอาจจะ…”


 


 


“เจ้าจะปล่อยจิตวิญญาณดั้งเดิมของข้าหรือ?”


 


 


ไม่รอให้หานลี่เอ่ยจบ คนตัวเล็กในไข่มุกกลมพลันลืมตาขึ้น ตอบด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก


 


 


“ไม่ได้ ทำได้เพียงลดความเจ็บปวดจากวิชาค้นจิตวิญญาณเท่านั้น!” หานลี่ขมวดคิ้ว ตอบกลับอย่างเย็นชา


 


 


“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูด หากอยากใช้เคล็ดวิชาค้นจิตวิญญาณกับข้า ทางที่ดีที่สุดก็อย่าเสียแรงเลย จิตสัมผัสของเขาถูกเผ่าศักดิ์สิทธิ์ลงอาคมเอาไว้ ต่อให้เผ่าศักดิ์สิทธิ์ระดับสามสำแดงเคล็ดวิชาค้นวิญญาณกับข้า จิตสัมผัสของข้าก็จะแค่ระเบิดออกเท่านั้น” มนุษย์ตัวน้อยเผยรอยยิ้มเยาะออกมา


 


 


หานลี่ได้ฟังคำตอบพลันขมวดคิ้ว ทันใดนั้นพลันหรี่ตาทั้งสองข้างลงจ้องเขม็งไปยังมนุษย์ตัวน้อยในไข่มุกกลม สองมือถูกกันไปมา!


 


 


ได้ยินเพียงเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น! ท่ามกลางประจุไฟฟ้าสีทองที่เปล่งประกาย ชั่วพริบตานั้นไข่มุกกลมพลันปริแตก มนุษย์ตัวน้อยด้านในกลายเป็นเถ้าถ่านเช่นกัน


 


 


แม้ว่าหานลี่จะไม่รู้ว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดเป็นความจริงหรือไม่ แต่เขาไม่มีเวลาจะมาซักไซ้ต่อ


 


 


เพื่อป้องกันไม่ให้จิตสัมผัสของอีกฝ่ายถูกลงสัญลักษณ์อะไรอีก เขาจึงไม่อาจปล่อยให้จิตวิญญาณดั้งเดิมของอีกฝ่ายหนีไปได้ ดังนั้นเมื่อเห็นว่าได้สิ่งที่ต้องการ ก็ลงมืออย่างโหดเ**้ยมอย่างไม่ลังเล


 


 


หานลี่ไม่รู้ว่าในชั่วพริบตาที่จิตวิญญาณดั้งเดิมของชาวเพลิงจันทราถูกทำลาย เขายักษ์สีเงินที่ลอยอยู่เหนือเมืองแสงมรกต กลางวิหารสีทองแห่งหนึ่ง จะมีคนร้องอุทานว่า “เอ๋” ออกมา


 


 


“พี่ถู เกิดเรื่องอันใดขึ้น?” อีกคนเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ


 


 


“อาคมที่ข้าร่ายไว้ในจิตสัมผัสของหงอิ๋นหายไป ดูเหมือนว่าเขาจะเพลี่ยงพล้ำไปแล้ว” ชายชราเคราสั้นผู้สวมชุดคลุมสีเงินคนหนึ่ง นั่งอยู่บนเก้าอี้สีขาวโพลนเอ่ยขึ้นพร้อมกับคิ้วที่ขมวดแน่น บนหัวของเขามีเขาสั้นสีแดงสดงอกออกมา มือหนึ่งตะปบออกไปกลางอากาศ แผ่นป้ายไม้สีเขียวปรากฏขึ้นในมือ


 


 


ใจกลางแผ่นป้ายไม้มีผลึกหินสีแดงเม็ดหนึ่ง มันแตกละเอียดเป็นชิ้นๆ


 


 


“อันใด ฐานะของเขาถูกเปิดเผย และถูกล้อมโจมตีหรือ?” อีกคนเอ่ยซักถาม สวมชุดคลุมสีเงินเช่นกัน เป็นชายวัยกลางคนที่มีอายุเพียงสี่สิบปีเศษ ซักถามด้วยฉงนสงสัย


 


 


“อาจจะเป็นเช่นนั้นกระมัง ถึงอย่างไรเสียพลังยุทธ์ของหงเมี่ยก็ไม่ได้อ่อนแอ และจากข่าวที่เขาส่งมา ในเมืองแสงมรกตก็ไม่ได้มีเผ่าศักดิ์สิทธิ์ระดับสามอาศัยอยู่ หากถูกล้อมโจมตี ก็น่าจะไม่เพลี่ยงพล้ำไปอย่างง่ายดายเช่นนี้ หรือว่าก่อนที่พวกเราจะมามีเผ่าศักดิ์สิทธิ์ระดับนั้นเข้ามาในเมืองอย่างกะทันหัน หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ แม้ว่าคนที่มาถึงก่อนจะตรวจตราทั้งวัน ก็อาจจะสัมผัสไม่ได้” ชายชราลูบเคราตนเองแล้วพยักหน้าขณะเอ่ย


 


 


“หากเป็นเช่นนั้นละก็ เพื่อเป็นการป้องกัน พวกเราไปดูด้วยตัวเองสักรอบเถิด ช่างไม่เข้าใจเอาเสียเลย การลงมือชิงสมบัติครั้งนี้ คาดไม่ถึงว่าจะขอรบกวนพวกเราให้ลงมือกับเผ่าศักดิ์สิทธิ์ระดับนั้น” ชายวัยกลางคนถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง แล้วมีท่าทีไม่คิดเช่นนั้น

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)