พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1557-1560
บทที่ 1557 หน่วยตรวจการขวาลงสนาม
สมาชิกผู้ติดตามของหน่วยตรวจการขวาเร่งความเร็วทั้งหมดที่มี พออวี่จ้งเจินโบกมือ สมาชิกของทัพเป่ยโต้วก็ถูกเก็บไว้ในกระเป๋าสัตว์อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เร่งความเร็วเหาะไปข้างหน้า
พวกเซวียนหยวนจัวที่มองมาทางนี้จากที่ไกลๆ ก็เร่งความเช่นกัน ชั่วพริบตาเดียวก็เข้าไปในจุดลึกของดาราจักรแล้ว
ต้องทราบไว้ว่าการเหาะบนดาวเคราะห์ทั่วไปไม่เหมือนกับเหาะในดาราจักร ตอนอยู่ในดาราจักรได้เปรียบเรื่องเร่งความเร็ว แค่ร่ายอิทธิฤทธิ์กระตุ้นก็จะยิ่งเหาะเร็วขึ้นเรื่อยๆ บนพื้นฐานของความเร็วเฉลี่ยแล้ว วรยุทธ์ที่เท่ากันเมื่อเหาะบนดาวเคราะห์ใช้เวลาหนึ่งวัน แต่เมื่ออยู่ในดาราจักรก็ใช้เวลาชั่วแวบเดียวเท่านั้น
เพียงแต่การทำแบบนี้ก็อันตรายเหมือนกัน ถ้าใช้ความเร็วมากเกินไป ถ้าเร็วจนเกินความสามารถในการหลบของตัวเอง ก็จะหลบไม่ทันแล้วชนกับสิ่งของ ถ้าอาศัยความเร็วแบบนั้นชนกับสิ่งของ นั่นก็ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ
ในร้านค้าร้านหนึ่ง จู่ๆ คนงานคนหนึ่งก็เดินออกมาจากโถงด้านหลัง ถอดเสื้อคลุมตัวนอกตลอดทางที่เดิน เผยให้เห็นชุดที่อยู่ข้างใน พอเดินมาถึงหน้าโต๊ะคิดเงินก็โยนชุดคลุมไว้บนนั้น แล้วถือโอกาสถอดหมวกกลมตบลงโบนโต๊ะ
ผู้จัดการร้านที่อยู่หลังโต๊ะคิดเงินลุกขึ้นยืน แล้วถลึงตาถามอย่างโมโหว่า “จ้าวกวง เจ้าจะทำอะไร? ไม่อยากทำแล้วเหรอ?”
คนที่ถูกเรียกว่าจ้าวกวงไม่ได้สนใจ โบกมือเรียกชุดคลุมสีดำปักขอบทองออกมาหนึ่งตัว รัดผ้าคาดเอว ใช้สองมือวางหมวกสีดำปักลายเมฆทองไว้บนศีรษะ ดึงเชือกที่ห้อยลงมาสองข้างผูกใต้คาง แล้วหันขวับมองไปยังผู้จัดการร้านที่อยู่หลังโต๊ะคิดเงิน สง่าราศีแตกต่างกับภาพลักษณ์ของคนงานก่อนหน้านี้ลิบลับ
ผู้จัดการร้านที่เห็นเขาแต่งตัวแบบนี้ตะลึงค้างแล้ว พอคนงานที่ถูกเรียกว่าจ้าวกวงถลึงตาใส่ เขาก็ยิ่งตกใจจนตัวสั่น โซเซถอยหลังไปชิดกับผนังโต๊ะ ใช้สองมือทำท่ายอมจำนน
“ไม่ทำแล้ว!” จ้าวกวงพูดทิ้งท้านแล้วเดินก้าวยาวออกจากประตูไป
กลุ่มคนที่อยู่ในร้านค้านิ่งเงียบราวกับเป็นไก่ที่ทำจากไม้ ผู้จัดการร้านกลืนน้ำลาย แล้วกล่าวเสียงสั่นว่า “คนของหน่วยตรวจการขวา…”
พอนึกถึงเรื่องที่ตัวเองแอบด่าตำหนักสวรรค์ลับหลัง หลายครั้งที่มีจ้าวกวงอยู่ในเหตุการณ์ด้วย ผู้จัดการร้านก็แข้งขาอ่อนทันที ทรุดลงนั่งกับพื้นอย่างอ่อนปวกเปียก ทุกข์ใจราวกับพ่อแม่ตาย!
พอออกจากประตูมาแล้วก็ไม่มีใครกล้าขวางทางจ้าวกวง คนเดินถนนเห็นเครื่องแต่งกายบนตัวเขา ก็พากันหลีกทางให้ทุกคน
จ้าวกวงดึงกระบอกโลหะที่ถืออยู่ในมือออก ปากกระบอกพุ่งขึ้นฟ้า ฟิ้ว! มี ‘ดาวตก’ สายหนึ่งพุ่งขึ้นฟ้าแล้วระเบิดออก
รวดเร็วมาก ตลอดทางมีคนที่สวมเครื่องแต่งกายเหมือนเขาวิ่งออกมาจากหัวถนนและตรอกซอกซอย มีสี่คนมารวมตัวอยู่ข้างหลังเขา จากนั้นทั้งห้าก็ทะยานขึ้นฟ้าไปด้วยกัน เหาะข้ามหลังคาแต่ละหลังและถนนแต่ละสาย จากนั้นไปเหยียบลงหน้าประตูใหญ่ของหอฉางเจิน
ทั้งห้าคนบุกเข้ามาที่ประตูใหญ่หอฉางเจินโดยตรง คนในร้านหลายคนออกมาขวางทันที เห็นเครื่องแต่งกายของพวกเขาแล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยเข้าไป ยกฝ่ามือห้ามพร้อมบอกว่า “ทูตพิเศษทัพตะวันตกกำลังเรียกแม่ทัพภาคอุทยานหลวงมาสืบคดี มีคำสั่งว่า ไม่ว่าใครก็ห้ามรบกวน!”
จ้าวกวงเผยฝ่ามือ ถือป้ายคำสั่งแผ่นหนึ่งพร้อมตะคอกว่า “ฝ่าบาทมีคำสั่ง คดีของน่านฟ้าระกาติง ผู้สืบสวนผู้ถูกสืบสวนทุกคนถูกวางแผนจัดการทั้งหมดโดยหน่วยตรวจการขวา! ข้าได้รับคำสั่งจากทูตตรวจการขวา ตั้งแต่นี้ไป หนิวโหย่วเต๋อจะถูกควบคุมโดยหน่วยตรวจการขวา ไม่ว่าใครก็ห้ามขัดขวาง ผู้ที่ไม่คำตามจะโดนข้อหาขัดคำสั่ง ฆ่าไม่ละเว้น!”
คนที่ขวางอยู่หน้าประตูร้านสีหน้าเปลี่ยนทันที
ชวิ้งๆ! สี่คนข้างหลังจ้าวกวงชักดาบออกมาอย่างรวดเร็ว มีสองคนพุ่งไปเบิกทางข้างหน้า ตรงประตูไม่กล้ามีใครขวาง รีบหลีกไปทางซ้ายและขวา มีบางคนรีบหยิบระฆังดาราออกมาติดต่อข้างใน
ใต้ชายคาทางเดินที่อยู่ติดทะเลสาบ โกวเยว่สีหน้าเปลี่ยนไปมาก หันขวับมาถามว่า “คนของเกาก้วนมาได้ยังไง?”
“คงจะเป็นสายลับใของหน่วยตรวจการขวาที่อยู่ในเมืองรวมกลุ่มกันขึ้นมาขอรับ” หานตงตอบ
“ไม่น่าเชื่อว่าจะยอมเปิดเผยสายลับที่แฝงตัวอยู่ในเมืองอย่างไม่เสียดาย…” โกวเยว่กำหมัดสองข้าง เสียงกระดูกข้อนิ้วโดนบีบเสียงดังกรอบแกรบ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกล่าวออกมาว่า “เกาก้วน!”
ตราบใดที่ไม่ใช่คนของหน่วยตรวจการขวามาเอง เขาก็มีเหตุผลต่างๆ นาๆ มาปฏิเสธได้ ไม่ว่าใครก็ทำอะไรเขาไม่ได้ทั้งนั้น แต่เกาก้วนเป็นคนที่มีอำนาจในการประหารก่อนรายงานความผิด คนที่กล้าขวางคนของเกาก้วน คิดว่าหลังจากเกาก้วนมาแล้วจะไม่กล้าฆ่าเขาเหรอ? อีกฝ่ายประกาศแล้วว่าถ้าขัดคำสั่งจะฆ่าไม่ละเว้น ใครยังจะกล้าขวางอีกล่ะ?
คนที่ขัดคำสั่ง เวลาเกาก้วนสังหารขึ้นมาก็ไม่เคยปรานีอยู่แล้ว!
ทันใดนั้นโกวเยว่ก็โบกมือชี้ “ไปดูหน่อย! ต่อให้จะเสื้อผ้าไม่เรียบร้อย แต่เขาก็เลิกคิดไปได้เลยว่าจะปลีกตัวหนีไปได้!”
หานตงถลันตัวออกไปทันที
ในศาลากลางสวนป่า ก่วงเม่ยเอ๋อร์ทิ้งที่อยู่ในมือดวงจิตน้ำแข็ง ทำให้บนพื้นมีน้ำค้างขาวเหาะ แต่นางกลับอับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
พอเหมียวอี้เห็นนางทำท่าทางอย่างนั้น ก็รู้ว่านางไม่น่าจะรู้เรื่องราวเบื้องลึก จึงกล่าวเสียงเรียบว่า “แม่นางเม่ยเอ๋อร์ ในสุรานี้มีคนใส่ของปลุกกำหนัดเอาไว้”
“หา!” ก่วงเม่ยเอ๋อร์เงยหน้าอย่างตกใจมาก สายตาจ้องไปที่กาสุราอย่างอึ้งๆ
หานตงเหาะจากฟ้าลงมาเหยียบลงนอกศาลา เมื่อเห็นก่วงเม่ยเอ๋อร์ที่เสื้อผ้ายังเรียบร้อย แล้วเหลือบไปเห็นดวงจิตน้ำแข็งในมือเหมียวอี้ ทั้งยังมีน้ำค้างที่เกาะอยู่บนพื้นในศาลา มุมปากก็กระตุกเล็กน้อย ตอนนี้เขากลุ้มใจแล้ว เดิมทีของสิ่งนี้ใช้ดีมาก ใช้จำนวนที่ทำให้คนสังเกตไม่พบว่าตัวเองโดนวางยา ทำไมถึงกลายเป็นอย่างนี้ไปได้ล่ะ?
ในขณะนี้เอง มีคนร่ายอิทธิฤทธิ์ตะโกนเสียงดังกองท้องฟ้าด้านบน “ได้รับคำสั่งจากทูตตรวจการขวา หนิวโหย่วเต๋อ แม่ทัพภาคหนิวอยู่ที่ไหน!”
สุดท้ายก็รอจนคนของเกาก้วนมาถึงแล้ว! เหมียวอี้ร่ายอิทธิฤทธิ์ตอบว่า “หนิวอยู่ที่นี่!”
ผ่านไปไม่นาน เงาร่างของคนห้าคนก็เหยียบลงพื้น จ้าวกวงเผยป้ายคำสั่งอีกครั้ง “ทูตขวามีคำสั่ง ตั้งแต่นี้ไป แม่ทัพภาคหนิวจะถูกดูแลโดนหน่วยตรวจการขวา”
เหมียวอี้พยักหน้าเล็กน้อย “ไปที่ไหนเหรอ?”
“ดูแลอยู่ตรงนี้แหละ ทุกอย่างต้องให้ท่านทูตขวามาถึงก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ” จ้าวกวงตอบ
“ใครกันมาทำกำเริบเสิบสานขนาดนี้!” เสียงตะคอกของหวังเฟยเม่ยเหนียงดังขึ้น คนกลุ่มหนึ่งถลันตัวเข้ามา หวังเฟยอยู่ข้างหน้า พวกโกวเยว่อยู่ข้างหลัง
เสียงตะโดนดังขนาดนี้ หวังเฟยไม่ได้ยินก็แปลกแล้ว นางรู้ว่าคนของหน่วยตรวจการขวามาทำลายแผนการของนาง เรียกได้ว่าไฟโกรธก่อตัวขึ้นในอกทันที
หานตงส่งสายตาสื่อความหมายว่า ‘ยังไม่ได้กัน’ ให้โกวเยว่เงียบๆ ทำให้โกวเยว่หน้าเครียดทันที!
จ้าวกวงไม่รู้จักหวังเฟย แต่พอเห็นชุดสตรีบรรดาศักดิ์บนตัวนางก็ตกใจเช่นกัน กุมหมัดคารวะกล่าวว่า “ได้รับคำสั่งจากหน่วยตรวจการขวาให้มาสืบคดีขอรับ”
“ใครใช้ให้พวกเจ้าบังอาจบุกเข้ามาในเขตห้องนอนของหวังเฟย?” หวังเฟยตะคอกถามอย่างโมโห
รับผิดชอบขอหานี้ไม่ไหวหรอก! จ้าวกวงโบกมือเผยป้ายคำสั่งตรงหน้านาง แล้วกล่าวตอบเสียงดังว่า “ทูตตรวจการขวาเกาก้วนได้รับบัญชาจากสวรรค์ พวกเราได้รับคำสั่งให้มาควบคุมดูแลหนิวโหย่วเต๋อที่นี่ขอรับ ใครกล้าขัดขวางจะโดนข้อหาฝ่าฝืนคำสั่ง ฆ่าไม่ละเว้น! หวังเฟยอยากจะขัดคำสั่งหรือขอรับ?”
พอได้ยินคำว่า ‘เกาก้วน’ หวังเฟยก็ได้สติทันที รู้สึกเหมือนมีไอหนาวพรั่งพรูออกมาจากฝ่าเท้า บรรดาเพื่อนสาวที่นางสนิทคุ้ยเคย มีหลายคนที่โดนเกาก้วนประหารทั้งตระกูลไปแล้ว ยามปกติอยู่ในตระกูลชั้นสูงมีหน้ามีตาขนาดนั้น แต่พอผู้พิพากษาหน้าตายมาถึง สิ่งเหล่านั้นก็ปลิดปลิวหายเหมือนหมอกควัน พวกเพื่อนสาวที่เมื่อวานยังนั่งหัวเราะคิกคักด้วยกัน วันต่อมาก็ศีรษะร่วงพื้นหรือไม่ก็กลายเป็นเชลยถูกคุมขัง ไม่มีใครอยากลิ้มลองรสชาติแบบนั้น
เมื่อมีคำว่า ‘เกาก้วน’ และ ‘ฆ่าไม่ละเว้น’ รวมกัน โดยทั่วไปแล้วก็จะไม่เหลือทางหนีทีไล่ให้กอบกูสถานการณ์เลย เรียกได้ว่าเทพขวางฆ่าเทพ พระขวางฆ่าพระ ประหารทั้งตระกูล แข็งแกร่งทานทน ราวกับไม่ว่าใครจะไปชนก็จะต้องร่างแหลกกระดูกแตก!
คิดไปคิดมาก็ตัวสั่นทั้งๆ ที่ไม่ได้หนาว หวังเฟยเม้มริมฝีปากแน่น
หานตงกลับเอียงหน้าส่งสายตาให้เซี่ยหลิงหลิง เซี่ยหลิงหลิงเดินอ้อมเข้าไปในศาลาทันที ไปเก็บของกินบนโต๊ะ โดยเน้นไปที่กาสุรา แต่ใครจะคิดว่าเม่ยเอ๋อร์จะโบกมือชี้ แล้วสั่งอย่างแค้นเคืองว่า “เหลือสุรากาขั้นไว้ให้ข้า!”
เซี่ยหลิงหลิงทำสีหน้าไม่ถูก เงยหน้ามองไปที่หานตง
โกวเยว่ชำเลืองมองเหมียวอี้ที่นิ่งเงียบไม่พูดจา แล้วไอแห้งๆ ให้หวังเฟย บอกใบ้ว่าอย่าให้เม่ยเอ๋อร์ก่อเรื่อง
หวังเฟยยังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น หลับหูหลับตาสั่งว่า “เม่ยเอ๋อร์ ออกมากับข้า!”
แต่ใครจะคิดว่าเม่ยเอ๋อร์จะลงมือกะทันหัน แย่งกาสุรามาจากมือเซี่ยหลิงหลิง อีกฝ่ายมีหรือที่จะกล้าแย่งคืนมาจากนาง นางพุ่งไปตรงหน้ามารดาแล้วฟ้องว่า “ท่านแม่ มีคน…”
“คุณหนู เลิกก่อเรื่องได้แล้ว!” โกวเยว่พลันตะคอกตัดบท แล้วถลึงตาใส่เซี่ยหลิงหลิงอย่างโมโห “ยังไม่รีบมาพาคุณหนูไปอีก”
“เป็นท่านเหรอ!” ก่วงเม่ยเอ๋อร์หันขวับไปมองเขา เหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว
พ่อบ้านโกวเป็นใครกัน? เป็นคนที่แทบจะออกคำสั่งแทนท่านอ๋องได้! เซี่ยหลิงหลิงมีหรือที่จะกล้าขัดคำสั่ง กอปรกับหานตงส่งสายตาดุร้ายให้ ทำให้นางถลันตัวไปอยู่ข้างกายก่วงเม่ยเอ๋อร์ทันที ดึงแขนก่วงเม่ยเอ๋อร์แล้วควบคุมก่วงเม่ยเอ๋อร์เอาไว้เสียเลย ทำให้ก่วงเม่ยเอ๋อร์พูดไม่ออก แล้วก็พาเดินออกไปโดยแทบจะควบคุมตัว
สายตาระแวดระวังของของพวกจ้าวกวงย้ายจากกาสุราไปที่ใบหน้าเหมียวอี้ เหมือนกำลังเอ่ยถาม
ทว่าเหมียวอี้กลับมีสีหน้าเรียบเฉย ขยี้ดวงจิตน้ำแข็งในมือดูอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็โบกมือเรียกเม็ดที่ตกพื้นเก็บเข้าไว้ด้วยกัน ทำตัวราวกับไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมาก่อน ไม่พูดอะไรทั้งนั้น
เมื่อโดนคนแอบวางแผนลับใส่แบบนี้ ถ้าจะบอกว่าเหมียวอี้ไม่โมโหเลยก็แปลว่าโกหกแล้ว แต่ก่อนที่คดีจะจบ การเปิดโปงเรื่องนี้จะเท่ากับผูกความแค้นกับตระกูลก่วงที่เข้าร่วมสืบคดีนี้ด้วย ที่จริงต่อให้ไม่มีคดีนี้ ภายใต้สถาการณ์ที่ยังไม่เกิดเรื่องขึ้นและยังไม่มีผลลัพธ์อะไร เขาก็จะไม่พูดออกมา จะให้บอกว่าหวังเฟยกับลูกสาววางยาเขาในระหว่างที่พักอยู่ที่นี่เหรอ? ถ้าพูดออกไปก็เท่ากับล่วงเกินตระกูลก่วงแบบถึงตายแล้ว
คนบางคน ฐานะบางฐานะ ต่อให้ทำผิดเรื่องอะไรก็ตาม แต่ก็เท่ากับไม่ได้ทำอยู่ดี
โกวเยว่ยิ้มบางๆ ท่าทีของเหมียวอี้ทำให้เขาพอใจมาก จากนั้นหันตัวายืนมือเชิญหวังเฟย “ในเมื่อหน่วยตรวจการขวามาจัดการคดี หวังเฟย พวกเรากลับกันเถอะ”
หวังเฟยเองก็ทำสีหน้าสงสัยเช่นกัน นางไม่ใช่คนโง่ ดวงจิตน้ำแข็งในมือเหมียวอี้กับที่ตกพื้น ปฏิกิริยาของลูกสาว ทั้งยังมีกาสุรานั่นอีก ในนั้นจะต้องมีปัญหาแน่นอน ถ้าไม่ใช่เพราะโกวเยว่ขัดขวาง นางจะต้องสืบต่อหน้าให้ชัดเจนไปแล้ว
เมื่อทุกคนถอยออกไป กำลังพลของหน่วยตรวจการขวาก็กระจายกันไปเฝ้าตามุมต่างๆ ส่วนจ้าวกวงก็เฝ้าอยู่ข้างกายเหมียวอี้
พอกลับมามองดูลูกสาวตัวเอง เม่ยเหนียงก็เข้าใจทันทีว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนกล้าวางยาลูกสาวนาง!
“ท่านแม่! ไม่น่าเชื่อว่าลูกสติเลอะเลือนและทำเรื่อง่นาอับอายต่อนายท่านหนิว ต่อไปจะให้ข้าเจอเขาอีกได้ยังไง จะให้เขาคิดกับข้ายังไง?” ก่วงเม่ยเอ๋อร์อับอายจนอยากจะโยนเชือกไปมัดไว้บนคาน จากนั้นก็เอาคอขึ้นไปแขวนเสียเลย
เม่ยเหนียงที่หน้าอกกระเพื่อมถี่ด้วยความโมโหกลับค่อยๆ สงบลง ไม่ต้องเดาแล้วว่าใครทำ ทว่าก่วงเม่ยเอ๋อร์ไม่ใช่ลูกสาวของนางคนเดียว ยังเป็นลูกสาวของอ๋องสวรรค์ก่วงด้วย ต่อให้โกวเยว่จะกล้าหาญกว่านี้อีกร้อยเท่า แต่ก็ไม่กล้าถือวิสาสะทำเรื่องแบบนี้กับก่วงเม่ยเอ๋อร์แน่นอน ไม่ต้องบอกก็รู้แล้วว่าใครอนุญาต
นางรู้ว่าเป็นการทำทุกอย่างโดยไม่สนวิธีการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในครั้งนี้ แต่นางคิดไม่ถึงว่าจะไม่สนวิธีการขนาดนี้ แม้แต่ความรักระหว่างญาติมิตรก็ขีดฆ่าทิ้งแล้ว บอกไม่ถูกเลยว่าในใจนางมีรสชาติอย่างไร
หลังจากปลอบใจลูกสาวแล้ว เม่ยเหนียงที่เดินออกมาก็เห็นโกวเยว่กำลังนั่งคุกเข่า นางพบว่าคนที่อยู่รอบๆ หายไปหมดแล้ว
เม่ยเหนียงก้มมองเขาด้วยสายตาเย็นเยียบ “ทำไมไม่บอกข้าสักคำ? ใครให้เจ้าทำแบบนี้?”
“บ่าวถือวิสาสะทำเอง บ่าวยอมให้ฆ่ายอมให้แกง!”
“ท่านอ๋องยินยอมใช่มั้ย?”
“ไม่เกี่ยวอะไรกับท่านอ๋อง ท่านอ๋องไม่รู้เรื่องขอรับ ล้วนเป็นความคิดชั่ววูบที่อยากได้ผลงานของบ่าว บ่าวยอมรับโทษทุกอย่าง”
“เจ้าไปอธิบายกับท่านอ๋องเองแล้วกัน จะลงโทษยังไงก็แล้วแต่ท่านอ๋อง”
บทที่ 1558 ทูตขวามาถึงแล้ว
เรื่องบางเรื่องทุกคนก็รู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว ในเมื่อโกวเยว่คุกเข่าต่อหน้านาง ก็ไม่มีทางพัวพันไปถึงท่านอ๋อง เม่ยเหนียงก็รู้เช่นกันว่านางทำโทษเขาไม่ได้ ทำให้เพียงให้ท่านอ๋องมาจัดการ ส่วนท่านอ๋องจะจัดการลงโทษหรือไม่ ก็ไม่ใช่เรื่องที่นางจะสืบสาวเอาความได้
เงาคนคนหนึ่งเหาะลงมาจากท้องฟ้า มาหยุดลอยอยู่กลางอากาศ อยู่ในระดับเดียวกับตึกบนกำแพงเมืองนอกประตูของสวรรค์ที่ปิดสนิท
ผู้ที่มาสวมหมวกทรงสูงสีดำ ผ้าคลุมที่อยู่ข้างหลังตกลงอย่างช้าๆ เขาก็คือเกาก้วนที่มาถึงก่อนหนึ่งก้าวนั่นเอง
คนของหน่วยองครักษ์จำนวนไม่น้อยที่เฝ้าอยู่บนตึกกำแพงเมืองเคยเจอเกาก้วนมาก่อนที่อุทยานหลวง หลังจากพบว่าเขามาถึงแล้ว แต่ละคนก็มองดูอย่างเงียบๆ
เกาก้วนเองก็มองประเมินทหารพิการที่มาถึงก็รับช่วงต่อเฝ้ามืองทันทีโดยยังไม่ได้จัดการกับร่างกายตัวเอง สุดท้ายก็กล่าวออกมาช้าๆ ว่า “ข้าคือทูตตรวจการขวาเกาก้วน เปิดประตูเมือง!”
ทหารยามที่เฝ้าอยู่บนกำแพงเมืองมองหน้ากันเลิกลั่ก ไม่มีใครตอบกลับ
เมื่อรอไปสักครู่หนึ่ง เกาก้วนก็โบกมือเผยป้ายคำสั่งออกมา ประมุขชิงเป็น ‘คำสั่งมังกร’ ที่ประมุขชิงประทานให้ แล้วกล่าวเสียงต่ำว่า “เปิดประตู!”
ทหารยามคนหนึ่งยกมือกดบนช่องกำแพง เม้มริมฝีปากแน่นแล้วบอกว่า “นายท่านเกา หน่วยตรวจการขวาไม่มีอำนาจออกคำสั่งกับหน่วยองครักษ์ ขออภัยที่ยากจะทำตามคำสั่งได้!”
“ข้าได้รับบัญชาจากสวรรค์ให้มาสืบคดี หรือว่าพวกเจ้าจะฝ่าฝืนคำสั่ง?” เกาก้วนถามเสียงเรียบ
ทหารที่เฝ้าเมืองตอบว่า “พวกเรารู้เพียงว่าต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด บัญชาสวรรค์เป็นอย่างไรพวกเราก็ไม่เข้าใจเช่นกัน นี่ไม่ใช่ป้ายคำสั่งระดมกำลัง ไม่อาจอาศัยแค่คำพูดด้านเดียวของนายท่านเกามาตัดสินว่าใช่บัญชาสวรรค์หรือไม่ ไม่อาจถือวิสาสะเปิดประตูได้ นายท่านเกาได้โปรดติดต่อกับผู้บังคับบัญชาสูงสุดของเราก่อน ถ้าเป็นบัญชาสวรรค์จริงๆ แล้วผู้บังคับบัญชามีคำสั่ง พวกเราก็ย่อมเปิดประตูให้!”
เกาก้วนไม่เปลืองคำพูดอีก ค่อยๆ เหาะลงมาเหยียบพื้น แล้วหันหลังให้ทางประตูเมือง เขายืนตัวตรง ไม่ได้ติดต่อใครทั้งนั้น หลับตาสองข้างรออยู่เงียบๆ
ขณะที่ท้องฟ้ากำลังจะเป็นสีแดง อวี่จ้งเจิน เซวียนหยวนจัวรวมทั้งคนของหน่วยตรวจการขวาก็เหาะลงมาจากฟ้า มาเหยียบลงข้างกายเกาก้วน ขณะกำลังแปลกใจว่าเกาก้วนกำลังทำอะไร เกาก้วนก็เอียงหน้ามองอวี่จ้งเจินพร้อมบอกว่า “ออกคำสั่งให้เปิดประตูเถอะ”
อวี่จ้งเจินกับเซวียนหยวนจัวสบตากันโดยจิตใต้สำนึก พอจะเข้าใจเหตุผลแล้ว พวกเขามองไปบนประตูเมืองพร้อมกัน เห็นได้ชัดว่าทหารที่เฝ้าอยู่บนประตูเมืองปะทะฝีปากกับเกาก้วนแล้ว หน่วยองครักษ์เริ่มจริงจังแล้ว ฟังเพียงคำสั่งราชันสวรรค์กับหน่วยงานภายในหน่วยองครักษ์เท่านั้น หน่วยงานอื่นๆ ไม่สามารถสั่งระดมพลได้
พออวี่จ้งเจินโบกมือ กำลังพลข้างหลังก็แบ่งจากหนึ่งเป็นสิบ แบ่งจากสิบเป็นร้อย แล้วชั่วพริบตาเดียวก็มีกำลังพลนับหมื่นคนอยู่ข้างหลัง
“เปิดประตู!” อวี่จ้งเจินตะโกน
ใครจะคิดว่าทหารที่เฝ้ากำแพงเมืองจะบอกว่า “เพื่อป้องกันไม่ให้มีคนแอบอ้าง กรุณายืนยันตัวก่อน”
แอบอ้างเหรอ? เซวียนหยวนจัวเอียงหน้ามองไปที่อวี่จ้งเจินด้วยสีหน้าแปลกๆ กำลังพลข้างหลังอวี่จ้งเจินก็มองไปบนกำแพงด้วยสีหน้าเหลือเชื่อเช่นกัน
ใบหน้าอวี่จ้งเจินเต็มไปด้วยความโกรธ ไม่น่าเชื่อว่าตัวเองจำออกคำสั่งกับผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ได้แล้ว ล้อเล่นอะไรกัน จึงตะคอกทันทีว่า “ไม่เปิดประตูเมือง อยู่นอกค่ายกลป้องกัน แล้วจะพิสูจน์ตัวตนยังไง!”
ทหารยามบอกว่า “แม่ทัพภาคกำลังอยู่ในเมืองขอรับ” ความหมายแฝงในคำพูดก็คือ ท่านข้ามระดับไปแล้ว
อวี่จ้งเจินหันขวับไปชี้บนกำแพงเมือง อ้าปากพะงาบหลายครั้ง แต่ก็หาเหตุผลมาเถียงไม่ได้
กฎระเบียบบางอย่างนั้นยังมีอยู่ เพียงแต่มันเลือนรางไปช้าๆ ในเมื่ออีกฝ่ายต้องการจะจริงจัง เขาเองก็จะว่าอีกฝ่ายทำผิดไม่ได้ ไม่อย่างนั้นก็แปลว่าใครตำแหน่งสูงก็ทำตามอำเภอใจได้น่ะสิ ถ้าโพ่จวินออกคำสั่งโจมตีวังสวรรค์จะทำยังไงล่ะ?
แน่นอน บนโลกนี้ไม่มีกฎระเบียบอะไรที่สมบูรณ์แบบ ล้วนมีจุดที่ขัดแย้งกันมากมาย กฎระเบียบคือสิ่งที่ไม่มีชีวิต แต่คนคือสิ่งที่มีชีวิต สิ่งนี้ถึงได้มอบโอกาสให้คนหาช่องโหว่ได้
อวี่จ้งเจินวางมือลงแรงๆ แล้วหยิบระฆังดาราออกมาติดต่อเหมียวอี้
ผ่านไปไม่นาน ประตูเมืองก็เปิดช่องออก
เกาก้วนที่เอามือไขว้หลังให้ประตูเมืองหันกลับมามองอวี่จ้งเจินแวบหนึ่งด้วยสายตาเย็นเยียบ จากนั้นหันตัวมา แล้วนำกำลังพลของหน่วยตรวจการขวาเข้าไปในเมือง มุ่งตรงไปที่หอฉางเจิน
ลูกน้องของอวี่จ้งเจินแบ่งกลุ่มเป็นสี่กลุ่ม แล้วไปควบคุมที่ประตูเมืองทั้งสี่ ส่วนกำลังพลอีกกลุ่มมุ่งตรงไปที่ตำหนักคุ้มเมือง ครั้งนี้นับว่ารับหน้าที่เฝ้าตลาดสวรรค์ดาวจิ่วหวนอย่างแท้จริงแล้ว ส่วนอวี่จ้งเจินก็ตามคนของหน่วยตรวจการขวาไปเช่นกัน อยากจะรู้ว่าตอนนี้เหมียวอี้เป็นอย่างไรบ้าง
ที่ด้านนอกประตูใหญ่ของหอฉางเจิน คนกลุ่มหนึ่งเหยียบลงที่พื้น เกาก้วนที่ผ้าคลุมบ่าสีดำยาวลากพื้นเดินก้าวยาวบุกขึ้นบันไดไปโดยตรง
กลุ่มคนที่เฝ้าประตูอยากจะดักถาม แต่ข้างหลังเกาก้วนก็มีคนสองคนถลันตัวออกมา เผยป้ายคำสั่งของหน่วยตรวจการขวาเบิกทาง คนที่หลีกทางช้าไปหน่อย ก็ถูกดาบทวนที่ตามมาข้างหลังดันไปติดผนังด้านข้างทันที ทำให้ไม่กล้าขยับตัวซี้ซั้ว
บุกมาแบบนี้ตลอดทางจนถึงลานบ้านด้านใน
“ทูตขวาเกาให้เกียรติมาเยือนทำไมไม่บอกกันก่อน!”
โกวเยว่ที่ถูกทำให้ตกใจนำคนโผล่หน้าออกมา โกวเยว่กุมหมัดคารวะทักทายพร้อมเสียงหัวเราะมาตั้งแต่ไกลๆ
เกาก้วนหยุดฝีเท้า กลุ่มคนที่อยู่ข้างหลังก็หยุดเดินเช่นกัน รอจนกระทั่งโกวเยว่เข้ามาใกล้ เกาก้วนก็ถามแดกดันว่า “เจ้ามียศขุนนางตำหนักสวรรค์เหรอ?”
โกวเยว่อึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วยิ้มแห้งพร้อมตอบว่า “ไม่มีขอรับ”
อย่าว่าแต่เขาเลย พ่อบ้านในจวนของสี่อ๋องสวรรค์ล้วนไม่มียศขุนนาง ไม่ใช่เราว่าจ้างไม่ไหว แต่เป็นเพราะถ้ามีฐานะขุนนางก็ต้องฟังคำสั่งตำหนักสวรรค์ พอโดนตำหนักสวรรค์ฉวยโอกาสเมื่อไร พวกเขาก็จะถูกย้ายออกจากข้างกายสี่อ๋องสวรรค์ นั่นนับว่าเป็นความเสียหายของสี่อ๋องสวรรค์
“เจ้าคือทูตพิเศษที่ทัพตะวันตกส่งมาเหรอ?” เกาก้วนถามอีก
“ไม่ใช่ขอรับ!” โกวเยว่รู้ตัวเร็ว ในใจแอบตกใจ เขารีบโบกมือตอบ เรื่องบางเรื่องเล่นต่อหน้าเหมียวอี้ได้ แต่ตอนอยู่ต่อหน้าเกาก้วนกลับเล่นไม่ได้ พอเขาหันไปข้างหลัง ก็มีคนหนึ่งคนที่มีฐานะขุนนางตำหนักสวรรค์เดินออกมาทันที แล้วใช้สองมือมอบแผ่นหยกตำแหน่งขุนนางให้แผ่นหนึ่ง “ตอบทูตขวาเกา ข้าน้อยคือทูตพิเศษที่ทัพตะวันตกส่งมาขอรับ”
เพิ่งจะสิ้นเสียง ข้างหลังเกาก้วนก็มีคนมารับแผ่นหยกไปตรวจสอบ จากนั้นก็พยักหน้าให้เกาก้วน
“เหอะๆ! ทูตขวาเกา…” โกวเยว่ที่เหมือนจะพูดอะไรอีกทำสีหน้าเหมือนโดนตะคริวกิน เพราะเกาก้วนไม่ชายตาแลเขา แต่เดินผ่านตัวเขาไปเลย
ถ้าไปแบบนี้เฉยๆ ก็ว่าไปอย่าง แต่ดันพูดทิ้งท้ายไว้ว่า “กักตัวเขาไว้!”
สมาชิกหน่วยตรวจการขวาหลายคนก้าวขึ้นมาข้างหน้าทันที กำลังจะจับตัวโกวเยว่ไว้ แต่คนข้างหลังโกวเยว่ตกใจ รีบถลันตัวออกมาขวางข้างหน้า
เกาก้วนที่อยู่ข้างหน้าหยุดเดินทันที หันตัวเข้ามาช้าๆ แล้วมองภาพเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉยเย็นเยียบ
ชวิ้งๆ! กำลังพลหลายร้อยของหน่วยตรวจการขวาพลันชักอาวุธออกมาทั้งหมด มาล้อมพวกโกวเยว่เอาไว้
โกวเยว่รีบกดมือลง แล้วคนที่มาคุ้มกันเขาก็ถอยออกไปเงียบๆ จากนั้นโกวเยว่ก็ถามด้วยสีหน้าเย็นเยียบว่า “นายท่านเกา ไม่ทราบว่าทำไมต้องจับตัวข้าไว้?”
“จับไว้ให้หมด!” เกาก้วนแสยะยิ้ม
สมาชิกของหน่วยตรวจการขวาออกอาวุธพร้อมกันทันที แล้วจ่ออาวุธบนตัวของคนกลุ่มนี้ ส่วนพวกโกวเยว่ก็ไม่ได้โต้ตอบ โดนควบคุมไว้อย่างนั้นแล้ว
“แค่กๆ!” ข้างหลังเซวียนหยวนจัวมีชายรูปร่างกำยำหนวดยาวคนหนึ่งเดินออกมา เขาคืออันถู ลูกน้องคนสนิทของเทพประจำดาวดินวอกนั่นเอง ตู๋เกออู๋จากทัพซ้าย กุมหมัดคารวะบอกว่า “นายท่านเกา จับคนไปโดยไร้เหตุผลแบบนี้ อาจจะไม่เหมาะสมหรือเปล่า”
“ข้าได้รับบัญชาสวรรค์ให้มาสืบคดี นำตัวผู้น่าสงสัยที่เกี่ยวข้องไปสืบสวนเป็นเรื่องปกติมาก” เกาก้วนพูดทิ้งท้ายแล้วหันหน้าเดินจากไป
ตู๋เกออู๋ทำท่าจะตามไป ยังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่โกวเยว่ส่ายหน้าเบาๆ ให้เขา บอกใบ้ว่าจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น บอกให้เขาไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว
โกวเยว่รู้อยู่แก่ใจ ไม่ว่าใครก็รู้ทั้งนั้นว่าก่อนหน้านี้เขาแอบอ้างชื่อทัพตะวันตกเพื่อพาตัวหนิวโหย่วเต๋อมา เพียงแต่เรื่องแบบนี้ไม่มีทางเปิดเผยได้ก็เท่านั้นเอง ทว่าลมนี้พัดมาเพียงไม่นาน เกาก้วนก็อ้าง ‘ได้รับคำสั่งให้สืบคดี’ มาข่มเขาเหมือนกัน กำลังจงใจจะให้บทเรียนเขา ไม่ได้จะทำอะไรเขาหรอก
ตู๋เกออู๋ทำได้เพียงมองพวกโกวเยว่โดยควบคุมตัวไป พอหันไปเห็นเซวียนหยวนจัวนิ่งเงียบไม่พูดจา ก็แสยะยิ้มให้หนึ่งที
ในสวนป่าเล็กขนาดเล็ก เกาก้วนหยุดเดิน เหมียวอี้ที่อยู่ในศาลากำลังมองประเมินกลุ่มคนที่โผล่มาอย่างกะทันหันอย่างใจเย็น
จากนั้นมองประเมินเหมียวอี้ศีรษะจดเท้าแวบหนึ่ง “พาตัวไป!” เกาก้วนพูดทิ้งท้ายแล้วหันตัวเดินออกไป
จ้าวกวงที่ได้รับคำสั่งให้มาดูแลเหมียวอี้ทำท่าเชิญ แล้วพาเหมียวอี้ตามกลุ่มคนพวกนั้นไป
อวี่จ้งเจินมาที่นี่เพราะประสงค์ของเบื้องบน พอเห็นเหมียวอี้ไม่เป็นอะไร เขาก็ทั้งโล่งใจทั้งโมโห นึกเสียใจทีหลังที่ตอนแรกตอบตกลงรับคนคนนี้เข้ามาในทัพเป่ยโต้ว อีกฝ่ายเอาแต่หาเรื่องให้ตน เหมือนเป็นการทุ่มหินใส่เท้าตัวเองจริงๆ
คนกลุ่มหนึ่งเพิ่งจะเดินออกจากสวนป่าขนาดเล็กไป ก็บังเอิญเห็นหวังเฟยเม่ยเหนียงที่มาเพราะได้ยินข่าว
พอนางปรากฎตัว คนส่วนใหญ่ที่อยู่ข้างหลังเกาก้วนก็กุมหมัดคารวะ มีเพียงเกาก้วนคนเดียวที่ยืนอย่างหยิ่งผยอง จ้องมองด้วยสายตาเยียบเย็น
ระดับอย่างเกาก้วนไม่จำเป็นต้องทำความเคารพนาง เพราะเป็นคนข้างกายราชันสวรรค์ ที่จริงในใต้หล้านี้ก็มีคนที่เขาต้องทำความรพไม่เยอะอยู่แล้ว
“ทูตขวาเกา แบบนี้หมายความว่าอะไร?” เม่ยเหนียงชี้พวกโกวเยว่ที่ถูกควบควบคุมอยู่ข้างหลัง
เกาก้วนกล่าวอย่างเย็นชาว่า “พาตัวผู้น่าสงสัยไปสอบสวนเท่านั้น หรือหวังเฟยอยากจะก้าวก่ายการสิบคดีของตำหนักสวรรค์?”
“ข้อหานี้ใหญ่เกินไปแล้ว” เม่ยเหนียงแสยะยิ้ม “ข้าแค่อยากจะถามว่าพวกเขามีอะไรน่าสงสัย?”
“ในเวลานี้ คนที่ปรากฏตัวในตลาดสวรรค์ดาวจิ่วหวนไม่บ่อยล้วนน่าสงสัย” เกาก้วนตอบอย่างไม่ไว้หน้า
เม่ยเหนียงส่ายหน้า แล้วแสยะยิ้มบอกว่า “ถ้าอิงตามที่นายท่านเกาบอก ถังเฮ่อเหนียนที่โถงฉากเมฆา จั่วเอ๋อร์ที่เรือนเจิดจรัส ต้วนหงตึกจันทราดารา ไม่ใช่ว่าน่าสงสัยกันหมดเลยเหรอ?”
เกาก้วนชำเลืองมองไปข้างหลัง แล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงปกติ “คนที่หวังเฟยเพิ่งเอ่ยชื่อเมื่อครู่นี้ ได้ยินชัดหรือยัง?”
“ได้ยินชัดแล้วขอรับ” ข้างหลังมีคนตอบ
เกาก้วนจ้องไปที่เม่ยเหนียงทันที แล้วบอกว่า “ส่งคนไปจับตัวผู้ที่หวังเฟยกล่าวโทษมาเดี๋ยวนี้”
“รับทราบ!” คนคนนั้นเอ่ยรับคำสั่ง แล้วโบกมือนเรียกกำลังพลกลุ่มหนึ่งจากไป
“…” เม่ยเหนียงเหม่อเล็กน้อย ทำไมกลายเป็นผู้กล่าวโทษแล้วล่ะ นางกล่าวอย่างหงุดหงิดว่า “ข้าปรากฏตัวที่นี่แปลว่าน่าสงสัยด้วยรึเปล่า? เช่นนั้นทูตขวาเกาก็จะจับตัวข้าไปด้วยใช่มั้ย?”
เกาก้วนพูดต่ออย่างไม่ลังเลว่า “หวังเฟยเตือนได้ถูกต้องแล้ว หัวหน้าภาคอวี่!”
“ขอรับ!” อวี่จ้งเจินกุมหมัดขานรับ
เกาก้วนบอกว่า “ส่งกำลังพลไปเดี๋ยวนี้ ล้อมหอฉางเจิน โถงฉากเมฆา เรือนเจิดจรัส ตึกจันทราดาราเอาไว้ ถ้ายังสืบคดีไม่จบ ไม่ว่าใครก็ห้ามเข้าออกโดยพลการ ใครขัดคำสั่ง…ไม่ว่าจะเป็นใคร ฆ่าไม่ละเว้น! ถ้าบังคับใช้กฎแล้วไม่ราบรื่น ก็ถือหัวมาให้ข้า!”
“รับทราบ!” อวี่จ้งเจินเอ่ยรับคำสั่ง แล้วโบกมือไปทางข้างหลัง มีคนออกคำสั่งระดมกำลังพลอย่างรวดเร็ว
“เจ้า…” เม่ยเหนียงชี้เกาก้วน ใบหน้างามโมโหจนซีดขาว
เกาก้วนพลันโบกมือเผย ‘คำสั่งมังกร’ แสดงป้ายนี้ต่อหน้านนางโดยตรง ดวงตาทั้งคู่จ้องนางอย่างเย็นชา
พอเห็นป้ายคำสั่งนี้ เม่ยเหนียงก็เบิกตากว้างทันที นี่ก็คือป้ายคำสั่งที่ราชันสวรรค์มอบให้เฉพาะหน่วยตรวจการขวา เป็นป้ายที่ให้อำนาจในการประหารก่อนแล้วค่อยรายงานความผิด นางนึกไม่ถึงว่าเกาก้วนจะเผยป้ายคำสั่งนี้ต่อหวังเฟยผู้สง่าภูมิฐานอย่างนาง เผยป้ายคำสั่งนี้มาขู่นาง คำพูดที่ขึ้นมาถึงปากแล้ว นางจำต้องกลืนกลับไป ในใจเกิดความหนาวสั่น ก้าวถอยหลังโดยจิตใต้สำนึก
พอเก็บป้ายคำสั่งแล้ว ผ้าคลุมบ่าสีดำก็ขยับตามจังหวะการก้าวเท้าของเกาก้วน เขาเดินผ่านนางไปโดยไม่ชายตามอง
เหมียวอี้ที่โดนคุมตัวอยู่ในกลุ่มนั้นชำเลืองมองเม่ยเหนียงที่ขัดฟันจนฟันแทบแตก เขาแอบปาดเหงื่ออย่างช่วยไม่ได้ ลักษณะการทำงานของเกาก้วนทำให้คนทั่วไปรับไม่ไหวจริงๆ เรียกได้ว่าไม่ว่ากับใครก็ไม่ไว้หน้าทั้งนั้น ต่อให้ล่วงเกินคนทั้งใต้หล้าหมดแล้วก็ไม่เป็นไร
แต่คิดไปคิดมาก็เข้าใจเช่นกัน ผู้พิพากษาหน้าตายท่านนี้เป็นคนที่กลัวการล่วงเกินคนอื่นด้วยเหรอ?
บทที่ 1559 ถูกสอบสวน
ทุกคนของหอฉางเจินเงียบกริบเหมือนจั๊กจั่นหน้านาว นับว่าได้รับรู้ถึงชื่อเสียงบารมีของทูตตรวจการขวาเกาก้วนในตำนานแล้ว สมกับเป็นขุนนางที่ใกล้ชิดอยู่ข้างกายราชันสวรรค์ ไม่เห็นหวังเฟยอยู่ในสายตาเลย และสำหรับคนพวกนี้ บรรยากาศที่เกาก้วนเดินผ่านก็น่าระทึกใจมาก ทำให้คนพวกนี้ตกใจจนไม่กล้าเงยหน้าด้วยซ้ำ
คนกลุ่มนี้มองตามพวกเกาก้วนเดินออกจากประตูใหญ่ของหอฉางเจินไป จากนั้นคนของกองทัพองครักษ์ก็เข้าควบคุมหอฉางเจินไว้อย่างรวดเร็ว
ในระหว่างนั้นเมื่อได้ทราบว่าตัวเองโดนเกาก้วนกักบริเวณแล้วจริงๆ เม่ยเหนียงก็ทั้งโมโหทั้งหวาดกลัว เพราะชนชั้นสูงที่ตายด้วยน้ำมือเกาก้วนมีเยอะเกินไป ไม่รู้ว่าผู้พิพากษาหน้าตายจะยังทำเรื่องอะไรกับนางได้อีก จึงรีบหยิบระฆังดาราออกมาติดต่ออ๋องสวรรค์ก่วง
ในโถงฉากเมฆา การเล่นหมากล้อมจบลงแล้ว โค่วเหวินหลานกำลังเดินเล่นพูดคุยอยู่ข้างกายถังเฮ่อเหนียนในสวนดอกไม้ ทันใดนั้นก็เจอเสิ่นติงเฉินผู้จัดการใหญ่ของร้านค้าตระกูลโค่วรีบเข้ามารายงาน
“เหอะๆ! รู้อยู่แล้วว่าท่านนั้นที่อยู่วังสวรรค์จะทนไม่ไหว นึกไม่ถึงว่าจะให้เกาก้วนลงมือแล้ว” ถังเฮ่อเหนียนหัวเราะพลางส่ายหน้า แล้วถามซ้ำว่า “หอฉางเจินมีความเคลื่อนไหวอะไรมั้ย?”
เสิ่นติงเฉินตอบว่า “เกาก้วนเข้าไปในนั้นไม่นานก็ออกมาแล้ว พวกโกวเยว่ถูกคนของหน่วยตรวจการขวาควบคุมตัวไปแล้วขอรับ หอฉางเจินถูกกองทัพองครักษ์ล้อมไว้แล้ว”
โค่วเหวินหลานสูดหายใจอย่างตกตะลึง ถังเฮ่อเหนียนก็ตกใจเช่นกัน “โกวเยว่โดนควบคุมตัวไปแล้วเหรอ? ทั้งยังล้อมหอฉางเจินไว้ด้วย? หวังเฟยอยู่ในนั้นหรือเปล่า?”
เสิ่นติงเฉินยังไม่ทันตอบอะไร ด้านนอกก็มีเสียงวุ่นวายอยู่พักหนึ่ง
ทั้งสองหันขวับไปมอง เห็นเพียงมีคนคนหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว แล้วรีบร้อนบอกว่า “แย่แล้วผู้จัดการใหญ่ คนของหน่วยตรวจการขวาบุกเข้ามาแล้ว”
ตรงนี้เพิ่งจะพูดจบ คนกลุ่มหนึ่งที่แต่งเครื่องแบบของหน่วยตรวจการขวาก็พุ่งเข้ามาอย่างดุร้ายเหมือนเสือ มาล้อมคนที่อยู่ตรงนี้เอาไว้โดยตรง
โค่วเหวินหลานทั้งตกใจทั้งโมโห ตะคอกว่า “บังอาจ! ไม่รู้เหรอว่าที่นี่คือที่ไหน พวกเจ้าบุกเข้ามาตามอำเภอใจได้เหรอ!”
ถังเฮ่อเหนียนขมวดคิ้วมุ่น แล้วยกมือห้ามโค่วเหวินหลาน จ้องคนที่นำหน้ามาพร้อมถามเสียงต่ำว่า “เหยาซวิ่น เจ้าคิดจะทำอะไร?”
เหยาซวิ่นที่นำกลุ่มมากุมหมัดคารวะ “ท่านถัง ได้รับคำสั่งจากท่านทูตขวา ให้นำตัวท่านไปสอบสวน ได้โปรดให้ความร่วมมือด้วยขอรับ”
ถังเฮ่อเหนียนแสยะยิ้ม แล้วบอกว่า “ให้ความร่วมมือเหรอ? ตำหนักสวรรค์กลายเป็นไร้เหตุผลขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร? หน่วยตรวจการขวามีอำนาจอะไรมาจับคนไปโดยไร้สาเหตุ?”
เหยาซวิ่นตอบเสียงต่ำว่า “หน่วยตรวจการขวาย่อมไม่จับท่านไปสอบสวนโดยไร้สาเหตุอยู่แล้ว เป็นก่วงหวังเฟยที่กล่าวโทษต่อฝูงชนว่าว่าท่านมีจุดที่น่าสงสัยเกี่ยวกับคดีน่านฟ้าระกาติง หวังเฟยเอ่ยปากแล้ว ท่านทูตขวาจะทำเป็นไม่ได้ยินไม่ได้!”
“ก่วงหวังเฟยกล่าวโทษข้าเหรอ?” ถังเฮ่อเหนียนทำหน้าเหม่อ นี่มันสถานการณ์แบบไหนกัน? คิดจนหัวจะแตกแต่ก็ไม่เข้าใจว่ามันสถานการณ์อะไรกันแน่
เหยาซวิ่นก็ไม่พูดมากเช่นกัน พอโบกมือ พวกเขาก็พุ่งเข้าไป จิตใต้สำนึกของถังเฮ่อเหนียนบอกให้ขัดขืน แต่พอยกมือ สุดท้ายก็ยังไม่กล้าโต้ตอบ จึงปล่อยให้โดนควบคุมตัวไว้ ขณะเดียวกันก็ส่ายหน้าบอกใบ้พวกโค่วเหวินหลานที่กำลังโมโหว่าอย่าทำอะไรซี้ซั้ว แล้วก็ถูกผลักไสพาตัวไปแบบนี้แล้ว
พวกโค่วเหวินหลานถามไปส่งถึงประตู แต่กลับถูกคนของกองทัพองครักษ์ขวางไว้และไล่กลับไป ตอนนี้ถึงได้รู้ว่าโถงฉากเมฆาก็ถูกกองทัพองครักษ์ล้อมไว้แล้วเหมือนกัน
แล้วเรื่องแบบเดียวกันนี้ก็เกิดขึ้นที่เรือนเจิดจรัสกับตึกจันทราดาราด้วย จั่วเอ๋อร์กับต้วนหงก็ถูกหน่วยตรวจการขวาพาตัวไปแล้วเช่นกัน แต่ละคนว่านอนสอนง่าย เห็นอยู่ชัดๆ ว่ามีพลังจะต่อต้าน แต่กลับไม่มีใครกล้าต่อต้านสักคน
ภาพเหตุการณ์นี้ ความเคลื่อนไหวนี้ แพร่ไปที่ตลาดสวรรค์อย่างรวดเร็ว ทำให้ตลาดสวรรค์เกิดความปั่นป่วนโกลาหล ในขณะเดียวกัน การมาถึงของเกาก้วน ก็หมายความว่าตลาดสวรรค์ดาวจิ่วหวนถูกเกาก้วนควบคุมไว้โดยสิ้นเชิงแล้ว ไม่ว่าใครก็เข้าออกตลาดสวรรค์ไม่ได้ทั้งนั้น!
ในคุกใต้ดินของตำหนักคุ้มเมือง ผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์เย่อี้ถูกปล่อยตัวออกมาแล้ว ตอนที่เย่อี้เพิ่งจะออกมาจากคุกใหญ่ ก็เห็นกับตาว่าคนแก่สี่คนทยอยกันถูกนำตัวมาคุมขังในคุกใต้ดิน เขาไม่รู้จักสี่คนนี้ แต่บังเอิญเจอลูกน้องตัวเองที่ฟังข่าวมาจากข้างนอกพอดี ถึงได้รู้ว่าใครโดนจับตัวมาขัง เขาตกใจจนเหงื่อกาฬแตก ตอนนี้ถึงได้พบว่าความอยุติธรรมเล็กน้อยที่ตัวเองได้รับไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไรเลย
เย่อี้ไม่มีอำนาจตัดสินใจที่ตลาดสวรรค์อีกแล้ว เบื้องบนของกองทัพองครักษ์มารับช่วงต่ออย่างสง่าผ่าเผย เบื้องบนของตลาดสวรรค์ก็ส่งข่าวมาแล้วเช่นกัน สั่งให้เขานำกำลังพลทุกคนของตลาดสวรรค์ไปรอคำสั่งระดมพลจากกองทัพองครักษ์
ในคุกใต้ดิน เห็นอยู่ชัดๆ ว่ามีคุกว่างตั้งมากมาย ไม่รู้เหมือนกันว่าหน่วยตรวจการขวาคิดอย่างไร ถึงได้จับถังเฮ่อเหนียน โกวเยว่ จั่วเอ๋อร์กับต้วนหงมาขังไว้ในคุกเดียวกัน
สี่คนที่บังเอิญเจอกันที่นี่มองหน้ากันเลิกลั่ก ไม่เคยคิดมาก่อนว่าทั้งสี่คนจะมาเจอกันในสภาพแบบนี้
ตอนนี้ทั้งสี่ถึงได้พบว่า ต่อให้ตัวเองจะฉลาดแผนการเยอะขนาดไหน แต่ยามเผชิญหน้ากับอำนาจของเกาก้วนที่ขนาบเข้ามา ก็ทำให้ทุกอย่างพังลงอย่างง่ายดายในชั่วพริบตาเดียว
“พวกเจ้าก็ถูกกล่าวโทษด้วยเหรอ?” จั่วเอ๋อร์เหล่ตามองทั้งสามพร้อมเอ่ยถาม
เมื่อได้ยินคำนี้ ถังเฮ่อเหนียนก็หันตัวมา ต้วนหงก็หันตัวมา เข้าไปล้อมอยู่ข้างกายโกวเยว่อบ่างช้าๆ แล้วจั่วเอ๋อร์ก็กล่าวเสียงต่ำว่า “โกวเยว่ คนของหน่วยตรวจการขวาบอกว่าหวังเฟยเป็นคนกล่าวโทษพวกเรา เรื่องเป็นยังไงกันแน่?”
โกวเยว่มุมปากกระตุกเล็กน้อย ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าทำไมจับพวกเขาสี่คนโยนมาไว้ด้วยกัน ถ้าจะพูดให้ชัดก็คือ เกาก้วนยังคาใจเรื่องที่เขากำเริบเสิบสานปลอมแปลงคำสั่งของทัพตะวันตก เลยกำลังให้บทเรียนเขา
ภัตตาคารบุปผาวสันต์จันทร์สารท ทรัพย์สินของตระกูลเซี่ยโห้ว มีอยู่ในตลาดสวรรค์ทุกแห่ง
ตั้งแต่ก่อนที่เกาก้วนจะมาถึง ภัตตาคารบุปผาวสันต์จันทร์สารทแห่งนี้ก็ถูกกำลังพลธงมังกรน้ำเงินยึดใช้แล้ว ใช้ทำเป็นสถานที่พักฟื้นชั่วคราว
หลังจากกำลังพลขงอวี่จ้งเจินมาถึง ก็รับช่วงต่อจากกำลังพลธงมังกรน้ำเงินที่อยู่ในคฤหาสน์แล้ว กำลังพลธงมังกรน้ำเงินที่แบ่งประจำอยู่ที่จุดต่างๆ ในเมืองก็มารวมตัวกันแล้วเช่นกัน มารวมตัวกันอยู่ในการควบคุม รอการตรวจสอบ!
มู่อวี่เหลียนผู้บัญชาการใหญ่ธงมังกรน้ำเงินกำลังรอต้อนรับนายท่านหัวหน้าภาคอยู่ตรงประตูภัตตาคารบุปผาวสันต์จันทร์สารท
พออวี่จ้งเจินเห็นนาง สีหน้าก็บึ้งตึงขึงขัง ถามแสกหน้าทันทีว่า “ทำไมถึงให้ท้ายลูกน้องปล้นร้านค้าในตลาดสวรรค์?”
นางแอบออกคำสั่งกับนางไว้แล้ว ว่าให้นางหยุดไม่ให้เหมียวอี้ก่อเรื่อว แต่ดูจากข่าวที่ได้รับมา มู่อวี่เหลียนก็ไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่งเลย
มู่อวี่เหลียนเหลือบมองเหมียวอี้ที่อยู่ในกลุ่มคนแวบหนึ่ง แล้วกุมหมัดคารวะ “ตอบนายท่านหัวหน้าภาค ไม่ได้มีเรื่องแบบนี้เลย แค่ให้พวกพ่อค้าบริจาคยารักษาบาดแผลให้นิดหน่อยเท่านั้น”
อวี่จ้งเจินอยากจะถ่มน้ำลายใส่หน้านางสักที ปั่นหัวเขาเหมือนเขาเป็นคนโง่ ถ้าขอบริจาคยารักษาบาดแผลนิดหน่อย จะมีร้านค้าที่มีขุนนางหนุนหลังร้องเรียนเยอะขนาดนั้นเหรอ?
แต่ตอนนี้เบื้องบนของเซวียนหยวนจัวก็อยู่ข้างๆ ตรงประตูไม่ใช่ที่ที่จะมายืนคุยกัน ต้องข่มใจเอาไว้ก่อน ต้องเชิญให้พวกเกาก้วนเข้ามาก่อน
มู่อวี่เหลียนนำทางอยู่ข้างหน้า พาคนเดินมาถึงสนามพื้นราบที่กว้างโล่งในสวน ตรงนั้นมีกำลังพลนับหมื่นกำลังนั่งรวมตัวกันอยู่
“จัดแถว!” เมื่อพบว่ามีคนของเบื้องบนมาถึงแล้ว ก็มีคนออกคำสั่ง กำลังพลหนึ่งหมื่นที่ได้ยินคำสั่งรีบลุกขึ้น แล้วยืนจัดแถวให้ดี ธงรบของแต่ละกลุ่มถูกตั้งขึ้นมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน
ธงรบแต่ละต้นที่เปื้อนเลือดบ้างฉีดขาดบ้าง ไม่ต้องพูดถึงสภาพกลุ่มคนใต้ธงรบที่สะบักสะบอมเกินทน เห็นคนจำนวนไม่น้อยที่แขนขาด ขาขาดหรือไม่ก็ตาบอดไปข้างหนึ่ง แต่ละคนเจ็บจนสั่นเทิ้มไปทั้งตัว รอยน้ำตาแห้งเม็ดใหญ่ไหลผ่านบนใบหน้าลงมา ตรงแผลที่บาดเจ็บ เนื้ออ่อนก้อนใหม่กำลังเลื้อยขยุกขยิกงอกออกมา เห็นได้ชัดว่าเป็นสภาพหลังจากใช้ยารักษาบาดแผลไปแล้ว คนที่เคยลิ้มลองรสชาติแบบนี้รู้ดีว่าตอนมีเนื้องอกขึ้นมาใหม่นั้นเจ็บปวดทรมานขนาดไหน
จู่ๆ มู่อวี่เหลียนก็พบว่าข้างหลังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรแล้ว พอหันกลับไปมอง ก็พบว่าคนกลุ่มหนึ่งหยุดเดินอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว แต่ละคนกำลังมองมาทางนี้ด้วยสีหน้าจริงจังหนักแน่น
น้ำตาอุ่นๆ ของมู่อวี่เหลียนแทบจะเอ่อล้นออกมา นางมองออกว่าทุกคนเคารพนับถือพวกเขาจากใจจริง สุดท้ายการต่อสู้นองเลือดสนามนั้นก็คุ้มค่า คนที่รบตายไปไม่ได้ตายเปล่า
คนของทัพเป่ยโต้ว คนของหน่วยตรวจการขวา คนของน่านฟ้าดินวอก แต่ละคนมองดูกองทัพพิการอย่างเงียบๆ แค่มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าศึกนั้นโหดร้ายขนาดไหน มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าทัพองครักษ์ห้าหมื่นนั่นโจมตีทัพใหญ่หนึ่งล้านน่านฟ้าระกาติงจนพ่ายแพ้ได้อย่างไร ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าคนพวกนี้รอดชีวิตมาได้อย่างไร
สายตาของเกาก้วนค่อยๆ ย้ายออกจากใบหน้าคนพวกนั้น ไปหยุดอยู่บนธงรบขาดรุ่ยที่กำลังปลิวสะบัดอยู่ข้างบน เขาเงียบงันพูดไม่ออก
สายตาของอวี่จ้งเจินย้ายจากธงรบขาดรุ่ยกลับไปบนตัวกลุ่มทหารที่พิการอีก มุมปากเขากระตุกอย่างรุนแรง จากนั้นก็เม้มปากแน่นทันที
เขารู้ว่าเขาไม่อาจริบของที่คนพวกนี้แย่งมาจากตลาดสวรรค์ได้อีกแล้ว ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีอำนาจจะทำ แต่เขาไม่มีทางออกคำสั่งนี้ได้เลย ถ้าจะให้ออกคำสั่งนี้จริงๆ แล้วพี่น้องของทัพเป่ยโต้วที่มองอยู่ข้างหลังล่ะ…
ในที่สุดตอนนี้เขาก็เข้าใจแล้ว ว่าทำไมหลังจากเกิดศึกใหญ่ในโลกมนุษย์แล้วจะมีการส่งเสริมให้ท้ายทหารมาปล้นชิง สิ่งที่หนิวโหย่วเต๋อทำก็เหมือนกัน เพียงแต่หนิวโหย่วเต๋อหาข้ออ้างมาปิดบังก็เท่านั้นเอง
เขาเองก็รู้เช่นกัน ว่าความรับผิดชอบนี้เขาต้องรับไว้ เป็นอย่างที่มู่อวี่เหลียนบอก เพียงให้ร้านค้าในตลาดสวรรค์บริจาคยารักษาบาดแผลให้เล็กน้อยเท่านั้น เขาทำได้เพียงกัดฟันรายงานขึ้นไปแบบนี้ ให้เบื้องบนชดเชยความเสียหายให้ร้านค้า
ตู๋เกออู๋ที่เทพประจำดาวดินวอกส่งมากำลังลูบเครามองอย่างเงียบๆ สีหน้าเครียดขรึมจริงจัง
เซวียนหยวนจัวเม้มริมฝีปากแน่นขณะย้ายสายตาออกจากตัวคนพวกนั้น เขาหันกลับมาช้าๆ มองไปยังเหมียวอี้ที่เงียบงันอยู่ข้างหลัง เขาแอบถอนหายใจยาว กองทัพองครักษ์สามารถสู้ตายได้ถึงขั้นนี้ ความพ่ายแพ้ของทัพใหญ่หนึ่งล้านของน่านฟ้าระกาติงก็ไม่นับว่าอยุติธรรม!
“เริ่มเถอะ! พาหนิวโหย่วเต๋อเข้ามาก่อน” เกาก้วนพูดทิ้ง้ทาย แล้วเดินไปยังศึกศาลากลางน้ำที่อยู่ไม่ไกล
ย่อมมีคนของหน่วยตรวจการขวามาพาตัวเหมียวอี้ไปยู่แล้ว ทว่าตู๋เกออู๋กลับรีบเดินตามเกาก้วนไป แล้วบอกว่า “ทูตขวาเกา คนของจวนอ๋องยังโดนขังอยู่เลย ท่านต้องการสืบสวนพวกเขาไม่ใช่เหรอ? ไม่สู้พาพวกเขามาถามด้วยเลยสิ?”
เกาก้วนหยุดฝีเท้า แล้วบอกว่า “เรื่องราวมีความสำคัญและเร่งด่วนต่างกัน สืบสวนคดีหลักก่อน ส่วนพวกเขา…ขังอีกสักหน่อยก็แล้วกัน”
คำพูดนี้ย่อมมีเหตุผล! แต่ตู๋เกออู๋กลับแอบร้องอย่างขื่นขม พ่อบ้านใหญ่โกวกับพวกนั้นถูกขังอยู่ด้วยกัน จะให้พ่อบ้านใหญ่โกวอธิบายกับคนอื่นอย่างไรล่ะ อย่าบอกนะว่าจะให้โกวเยว่พูดเองกับปากว่าคำพูดโง่ๆ ของหวังเฟยทำให้คนที่เหลือเข้าไปอยู่ในนั้นด้วย?
ระหว่างตึกศาลา เวทีสำหรับงานบันเทิงในยามปกติกลายเป็นสถานที่สืบสวนแล้ว เกาก้วนขึ้นไปนั่งบนตำแหน่งหลัก อวี่จ้งเจิน เซวียนหยวนจัวและตู๋เกออู๋ยืนอยู่ด้านล่างทางซ้ายและขวา
เหมียวอี้ถูกพาตัวไปยืนอยู่ตรงลานเต้นรำด้านล่าง
คนของสามฝ่ายที่คอยบันทึกคำให้การเตรียมแผ่นหยกไว้เรียบร้อยแล้ว เกาก้วนที่นั่งอยู่เบื้องสูงพยักหน้า ผู้ที่รับหน้าที่สืบสวนตะคอกถามเหมียวอี้ทันทีว่า “คนข้างล่างเป็นใคร?”
“แม่ทัพภาคหนิวโหย่วเต๋อ กองมังกรดำ ทัพเป่ยโต้ว หน่วยองครักซ้ายเจิ้นอี่” เหมียวอี้ตอบเสียงเรียบ
“ไม่ทราบว่าทำผิดเรื่องอะไร?” ผู้สอบสวนถาม
“รู้ว่าทำไมจึงสอบสวนข้า แต่ข้าไม่ได้ทำผิด” เหมียวอี้ตอบ
ผู้สอบสวนบอกว่า “จะทำผิดหรือไม่ทำผิดก็ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะตัดสินได้ ทำไมจึงดักสังหารหัวหน้าภาคฉู่จื่อซานของน่านฟ้าระกาติงจนก่อให้เกิดศึกเลือด แจกแจงรายละเอียดมา”
“ดักฆ่าเหรอ? เหลวไหล! ข้าเพิ่งพ้นโทษและถูกปล่อยตัวจากแดนมรณะดึกดำบรรพ์ เพิ่งเรียกรวมกำลังพลสวนบรรณาการ เตรียมจะเข้าไปผลัดเวรเฝ้าป้องกัน ระหว่างทางที่สมาชิกพักปรับปรุงกำลังที่น่านฟ้าระกาติง…” เหมียวอี้บรรยายเรื่องราวที่ตัวเองเตรียมไว้แล้วอย่างละเอียดตั้งแต่ต้นจนจบ
บทที่ 1560 ถูกสอบสวน (2)
ในขณะเดียวกันนี้เอง กองทัพองครักษ์กับกำลังพงเฝ้าเมืองที่ถูกนำโดยคนของหน่วยตรวจการขวาก็ทำการตรวจสอบและกวาดล้างครั้งใหญ่ที่ตลาดสวรรค์
ตลาดสวรรค์เปิดประตูเมือง ปล่อยเพียงคนออก ไม่ให้คนเข้า พ่อค้าทุกคนของตลาดสวรรค์ถูกไล่ออกไปในรวดเดียว ที่จวนผู้บัญชาการเขตเมืองทั้งสี่ล้วนมีสมุดบัญชีที่บันทึกสมาชิกของร้านค้าต่างๆ ไว้ คนที่ไม่ได้อยู่ในรายชื่อถูกไล่ออกไปหมด แน่นอนว่า ถ้ามีพ่อค้าบางคนยินดีจะออกจากเมืองชั่วคราว ผู้ตรวจสอบก็จะไม่ขัดขวางเช่นกัน หอฉางเจินและกิจการของสี่อ๋องที่ถูกล้อมไว้ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
นี่เป็นคำสั่งที่เข้มงวด ถ้าจบเรื่องแล้วพบว่ายังมีคนที่ไม่ใช่สมาชิกของตลาดสวรรค์อยู่ ก็จะฆ่าไม่ละเว้น!
สมาชิกของบรรดาร้านค้าใหญ่ๆ ก็ทำได้เพียงอยู่ในร้านตัวเองไม่ต้องออกไปไหน ถ้าเห็นใครโผล่หน้าไปที่ถนน ก็จะฆ่าคนนั้น
ผ่านไปไม่นาน ประตูเมืองทั้งสี่ก็ปิดสนิทอีกครั้ง ตลาดสวรรค์ที่คึกคักรุ่งเรืองกลายเป็นตลาดที่ว่างเปล่า ราวกับกลายเป็นเมืองร้างแห่งหนึ่งไปแล้ว มีพ่อค้าแม่ค้าจำนวนไม่น้อยออกจากตลาดไปแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ติดร่างแหซวยไปด้วย
บนหลังคาของร้านค้าที่อยู่ตามจุดสำคัญต่างๆ ในเมืองล้วนมีทหารสวรรค์ยืนจับตาดูถนนโดยรอบ ยังมีกำลังพลอีกกลุ่มที่ตรวจสอบกวาดล้างบรรดาร้านค้าใหญ่ ดูว่าในนั้นยังมีคนนอกอยู่หรือไม่ เหมือนต้องการจะสกัดภัยแฝงเร้นทุกอย่างที่เป็นไปได้
คนที่มีพลังอำนาจมากขนาดนี้ที่ตลาดสวรรค์ได้ในตอนนี้ นอกจากเก้ากวนก็ไม่มีใครแล้ว
พวกถังเฮ่อเหนียนที่ตัวอยู่ในคุกไม่รู้ ว่าคนที่ตัวเองพามาด้วยหรือเตรียมไว้ทั้งก่อนและหลังถูกไล่ออกไปนอกเมืองแล้ว บางคนก็เข้าไปอยู่ในร้านค้าของตัวเองแต่โดยดี หมดโอกาสในแอบการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ตลาดสวรรค์โดนสิ้นเชิง
จวนท่านปู่สวรรค์ ในสวนต้องห้าม
เว่ยซูเดินเนิบนาบอยู่ข้างกายเซี่ยโห้วท่า เซี่ยโห้วท่าส่ายหน้าพลางกล่าวกลั้วหัวเราะว่า “รู้ว่าท่านนั้นจะต้องป่วนแผนการ แต่นึกไม่ถึงว่าจะให้เก้ากวนออกหน้าเอง สุนัขกัดคนอย่างเก้ากวนช่างใช้ปากกัดเก่งจริงๆ ทำให้คนที่สี่อ๋องสวรรค์ส่งมาคุมสถานการณ์หมดประโยชน์แล้ว ทั้งตลาดสวรรค์ถูกควบคุมอยู่ในมือเก้ากวนโดยสิ้นเชิง ลูกน้องคนสนิททั้งสี่ที่สี่อ๋องสวรรค์ส่งมาเพราะความทะเยอะทะยาน ตอนนี้กลายเป็นตัวประกันในมือเก้ากวนแล้ว ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามทั้งนั้น ไม่อย่างนั้นอาจะกลายเป็นข้ออ้างให้เก้ากวนลงมือสังหารก็ได้ ทำให้สี่ตระกูลเหมือนโดนมัดมือมัดเท้า ไม่ทราบว่าสี่คนนั้นจะนึกเสียใจทีหลังรึยัง?”
“ทูตขวาเกาคนนี้ช่างร้ายกาจจริงๆ” เว่ยซูกล่าว
เซี่ยโห้วท่าถอนหายใจแล้วบอกว่า “ประมุขชิงเลี้ยงสุนัขดีๆ เอาไว้น่ะสิ!”
วังสวรรค์ อุทยานสายัณห์
ประมุขชิงที่กำลังเอามือไขว้หลังเดินทอดน่องไปข้างหน้ากล่าวว่า “เก้ากวนกำลังถามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พวกเขาไม่ได้ทำอะไรที่ลับลวงเปิดเผยไม่ได้ พวกเจ้ามีอะไรน่ากังวล รอให้เก้ากวนสอบสวนเสร็จแล้ว แล้วก็ปล่อยตัวพวกเขาไปเอง ถ้าเก้ากวนกล้าพาลหาเรื่องโดยไร้เหตุผล ข้าย่อมมอบความยุติธรรมให้พวกเจ้า เอาล่ะ ข้ามีนัดเล่นหมากล้อมกับสนมสวรรค์ ถ้าไม่มีเรื่องอะไรก็แยกย้ายเถอะ”
สี่อ๋องสวรรค์ที่เดินตามอยู่ข้างหลังมองหน้ากันเลิกลั่ก สุดท้ายก็กุมหมัดคารวะ “ขอรับ!”
รอจนกระทั่งสี่อ๋องออกไปแล้ว ประมุขชิงก็หยุดเดินแล้วหันตัวมา ซ่างกวนชิงเดินเข้ามาใกล้เพื่อรอฟังคำสั่งจากเขา
ใครจะคิดว่าประมุขชิงกลับกล่าวกลั้วหัวเราะว่า “เก้ากวนนี่ช่างเอาแต่สร้างปัญหาให้ข้า”
ซ่างกวนชิงรู้ว่าเขาพูดประชดในความหมายตรงกันข้าม จึงหัวเราะตามแล้วบอกว่า “นี่คือลักษณะการทำงานของทูตขวาเกา เกรงว่าคนในใต้หล้าคงจะกลัวเขากันหมดแล้ว”
ในดวงตาประมุขชิงฉายแววภาคภูมิใจ หัวเราะเบาๆ แล้วบอกว่า “เก้ากวน เจ้าหมอนี่ก็จริงๆ เลย ข้าให้เขาไปแทรกแซงนิดหน่อย ทำจับตัวพ่อบ้านของสี่อ๋องสวรรค์เสียแล้วล่ะ? ทั้งยังจับอย่างมีเหตุผลเต็มปากเต็มคำ ขนาดหวังเฟยฮูหยินของก่วงลิ่งกงก็ยังโดนกักตัวไว้ เขาช่างทำออกมาได้จริงๆ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรพวกเขาเสียหน่อย ทำไมต้องหลับหูหลับตาทำอย่างนั้น จะให้ข้าว่ายังไงดีล่ะ เดี๋ยวข้าจะต้องตามเช็ดก้นให้เขาอีก เฮ้อ! ได้ยินว่าเขายังจับคนของสี่อ๋องขังไว้ด้วยกันแล้ว จงใจทำให้คนของตระกูลก่วงอับอาย”
ซ่างกวนชิงบอกว่า “ท่านนั้นอ้างชื่อทัพตะวันตกอย่างกำเริบเสิบสาน เห็นได้ชัดว่าทูตขวาเกากำลังให้บทเรียนเขา แต่ก็จำเป็นต้องยอมรับ ทูตขวาเกาสมกับเป็นคนที่ทำชั่วมาจนชินแล้ว เวลาจะทำเรื่องแบบนี้ขึ้นมาก็ชำนาญมาก ทำเอาสี่อ๋องพูดอะไรไม่ออก”
“เหอะๆ! ผ่านไปหลายปีขนาดนี้แล้ว ข้าวางใจให้เก้ากวนทำงาน” ประมุขชิงหัวเราะเบาๆ อยู่พักหนึ่ง แล้วจู่ๆ ก็ลูบเคราถามอย่างลังเล “ได้ยินว่าราชินีสวรรค์เรียกสนมสวรรค์ไปตำหนิอีกแล้วเหรอ?”
เสียงของซ่างกวนชิงเบาลงหลายส่วน “ราชินีสวรรค์แบ่งที่นาหลายผืนที่อุทยานหลวงไว้ให้สนมสวรรค์ดูแล แต่สนมสวรรค์กลับไปเคยไปดูแลเลยขอรับ”
“เฉิงอวี่ต้องการจะให้สนมสวรรค์เรียนรูการเสแสร้งเหมือนสนมคนอื่นเหรอ? สนมสวรรค์เป็นคนตรงไปตรงมา ไม่มีทางทำเรื่องออดอ้อนขอความรักพรรค์นั้นหรอก! ข้าไม่ได้ไปหาสนมสวรรค์นานแล้ว ช่วงสองสามวันนี้เตรียมงานต่างๆ ไว้ด้วย ถ้าไม่มีเรื่องสำคัญอะไรก็อย่ามารบกวน ข้าจะไปหาความสำราญกับสนมสวรรค์สักสองสามวัน”
“ขอรับ!”
ด้านนอกวังสวรรค์ ก่วงลิ่งกงเดินก้าวยาวอยู่ข้างหน้า ข้างหลังกลับมีเสียงของอิ๋งจิ่วกวงดังขึ้น “ก่วงลิ่งกง เจ้าไม่คิดจะอธิบายกับทุกคนสักหน่อยเหรอ?”
ก่วงลิ่งกงหยุดเดินแล้วหันตัวมา พอเห็นโค่ว อิ๋ง ฮ่าวเดินเรียงแถวหน้ากระดานเข้ามาพร้อมกัน ก็แสยะยิ้มแล้วบอกว่า “เห็นได้ชัดว่าเก้ากวนจงใจสร้างความแตกแยกระหว่างพวกเรา อิ๋งจิ่วกวง เจ้าคงไม่ได้ตกกลุมพรางหรอกใช่มั้ย?”
“ข้าแค่อยากจะรู้ว่าเมียเจ้ากินอิ่มแล้วไม่มีอะไรจะทำแล้วจริงๆ ใช่มั้ย ถึงได้กัดคนซี้ซั้ว?” โค่วหลิงซวีถาม
พอพูดถึงเรื่องนี้ ก่วงลิ่งกงก็โมโหมากเช่นกัน เขาเข้าใจสถานการณ์ในตอนนนั้นชัดเจนกว่าใคร เขาเองก็ด่าเม่ยเหนียงเสียยับเยินไปยกหนึ่งเช่นกัน มีโกวเยว่อยู่ตรงนั้นด้วย โกวเยว่ยังรู้จักบันยะบันยัง แต่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่เข้าใจอะไรอย่างเจ้าจะหลับหูหลับตาเข้าไปแส่ทำไม
ที่จริงเรื่องเม่ยเหนียงเป็นเรื่องรอง เรื่องที่ทำให้เขาเดือดดาลรำคาญใจที่สุดก็คือ เขากำลังได้เปรียบเรื่องนี้อยู่แล้วแท้ๆ แต่กลับกลายเป็นอย่างนี้ไปได้ เขาหงุดหงิดว่าโกวเยว่ทำงานยังไง แน่นอน เขาเองก็รู้ว่าเรื่องนี้จะโทษโกวเยว่เสียทั้งหมดไม่ได้ การที่เก้ากวนสามารถคุมหน่วยตรวจการขวาได้ก็แปลว่าไม่ใช่ไก่อ่อนอยู่แล้ว เก้ากวนไปคุมสนามด้วยตัวเอง เรื่องบางเรื่องจึงไม่มีทางพูดอะไรได้ เรื่องที่เปลี่ยนให้คนอื่นทำแทนไม่ได้ แต่สามารถส่งให้เก้ากวนทำได้เลย สิ่งนี้ทำให้คนโวยวายไม่ออก
ภัตตาคารบุปผาวสันต์จันทร์สารทที่ดาวจิ่วหวน หลังจากสอบสวนไปยกหนึ่ง ในขณะที่ผู้สอบสวนแทรกถามรายละเอียดเป็นระยะ ท้องฟ้าด้านนอกก็มืดแล้ว บนท้องฟ้าเต็มไปด้วยหมู่ดาว แต่ในตึกศาลากลับสว่างไสวระยิบระยับ
เก้ากวน อวี่จ้งเจิน เซวียนหยวนจัว ตู๋กูอู๋ฟังอยู่ข้างๆ ตลอด ไม่มีใครพูดแทรกเลยตั้งแต่ต้นจนกระทั่งตอนนี้
การสอบสวนครั้งแรกนี้ไม่ได้นับว่าเป็นการสอบสวนจริงๆ หรอก โดยส่วนใหญ่ล้วนเป็นเหมียวอี้ที่บรรยายเรื่องทุกอย่าง ทำแบบนี้เพื่อรอการพิจารณาตัดสิน เตรียมตัวเพื่อสอบสวนอย่างแท้จริงในตอนหลัง
หลังจากทั้งสามฝ่ายบันทึกคำให้การเสร็จแล้ว ก็ส่งให้เหมียวอี้อ่านเอง หลังจากเหมียวอี้ยืนยันแล้วว่าไม่ผิดพลาด ก็ลงตราอิทธิฤทธิ์ของตัวเองลงบนนั้น
จากนั้นเหมียวอี้ก็สูญเสียอิสระแล้ว วรยุทธ์บนตัวถูกควบคุมไว้ ขณะเดียวกันก็ถูกเก้ากวนออกคำสั่งให้คุมตัวไปขังในคุกใหญ่ของตำหนักคุ้มเมือง
ตอนที่ออกจากตึกศาลา เหมียวอี้ก็เจอกับอวิ๋นจือชิวที่ถูกนำตัวมา ทั้งสองสบตากัน เดินเฉียดกันไป พอเหมียวอี้หันกลับมาอีกครั้ง ก็มองส่งอวิ๋นจือชิวถูกนำตัวไปสอบสวนต่อ
ในคุกใหญ่ตำหนักคุ้มเมือง โกวเยว่ไม่ใช่แค่ถูกสอบสวน แต่ถูกกดดันถามจนร้อนรนเหมือนโดนเผา จนใจที่อยู่ในฐานะบ่าวไพร่ ไม่อาจจะบอกคนนอกได้ว่าเป็นเพราะนายหญิงบ้านตัวเองโง่จึงทำให้เกิดเรื่องนี้ พ่อบ้านผู้สง่าผ่าเผยไม่อาจทำตัวเหมือนบ่าวไพร่ระดับต่ำได้ ได้แต่ยืนกรานว่าไม่รู้
แต่สามคนนั้นก็ไม่ใช่ไก่อ่อนเหมือนกัน ทั้งสามรู้ว่าต่อให้เก้ากวนจะหยาบคายสักแค่ไหน แต่ก็ไม่มีทางจับพ่อบ้านของตระกูลท่านอ๋องมาไว้ด้วยกันโดยไร้สาเหตุ ไม่อย่างนั้นเก้ากวนจะได้รับบทเรียนเอง ถึงอย่างไรสี่อ๋องสวรรค์ก็ไม่ได้มีไว้ประดับตำแหน่งเฉยๆ กอปรกับในตอนนี้ทั้งสามคนถูกควบคุมตัวไว้ ไม่สามารถติดต่อกับภายนอกได้ ตอนนี้สถานการณ์ข้างนอกเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ ถูกตัดขาดจากภายนอกโดนสิ้นเชิง ย่อมต้องอยากรู้ความจริงจากปากโกวเยว่อยู่แล้ว จะได้พิจารณาตัดสินได้อย่างสงบใจ
โกวเยว่ไม่พูดความจริง มีหรือที่ทั้งสามจะปล่อยเขาไป ย่อมกดดันถามไม่หยุดอยู่แล้ว
คนพวกนี้ดันถูกขังไว้ด้วยกัน โกวเยว่ไม่มีทางหลบพ้น โดนถามซ้ำไปซ้ำมาจนเหลือทน แทบจะลงไม้ลงมือกันแล้ว
หลังจากเหมียวอี้ถูกจับเข้ามาขัง เป็นเพราะออยู่ห่างกันไม่ไกลมาก ถึงแม้จะมองไม่เห็นตัว แต่กลับได้ยินเสียงคนทะเลาะกัน ตอนนี้เขาถึงได้พบว่าเก้ากวนจับคนพวกนี้มาขังไว้ด้วยกัน เขาแทบจะหัวเราะออกมา พบว่าทูตขวาเกาท่านนั้นจะมีวิธีวางกับดักที่เลิศจริงๆ
หลังจากอวิ๋นจือชิวถูกสอบสวนแล้ว ก็ถูกพาตัวเข้าไปในคุกใหญ่ ถูกขังไว้ตรงข้ามกับเหมียวอี้ ทั้งสองฝ่ายห่างกันหลายก้าว ลูกกรงที่กั้นไว้สามารถทำให้มองเห็นอีกฝ่ายได้ เมื่อทั้งคู่ต่างยืนยันได้แล้วว่าอีกฝ่ายไม่เป็นอะไร ก็วางใจแล้วเช่นกัน
หลังจากสอบสวนอวิ๋นจือชิวแล้ว คนของน่านฟ้าระกาติงที่เข้ามายุ่งเรื่องที่ฉู่จื่อซานบังคับแต่งงานรวมทั้งผู้รอดชีวิตจากศึกเลือดก็ถูกนำตัวมาเช่นกัน พวกเขาถูกสอบสวนทีละคน จากนั้นคนของธงมังกรน้ำเงินก็ถูกสอบสวนขอคำให้การที่ละคน ทั้งยังทยอยเบิกตัวคนนอกจำนวนหนึ่งมาสอบสวนด้วย
การสอบสวนครั้งนี้ใช้เวลาหลายวันมาก ถึงได้นำคำให้การจากทุกฝ่ายมาเทียบกัน สามหน่วยงานที่ร่วมสอบสวนนำคำให้การจาฝ่ายต่างๆ มาเทียบกันทันที แต่ก็พบปัญหาบางอย่างแล้ว
คำให้การของสมาชิกธงมังกรน้ำเงินกับคำให้การของเหมียวอี้เหมือนกันแต่มีความต่างนิดหน่อย ทั้งหมดบอกว่าเจียงอีอีจี้จับตัวประกันบังเอิญตกมาอยู่ในมือของฝ่ายนี้ ส่วนฉู่จื่อซานก็ลงมือกับพวกเขาทันทีโดยไม่ฟังคำอธิบาย พวกเขาต้องปกป้องตัวเองถึงได้โจมตีโต้ตอบ
คำให้การของฝั่งน่านฟ้าระกาติงก็สามารถพิสูจน์คำให้การส่วนหนึ่งขงฝั่งธงมังกรน้ำเงินเช่นกัน แต่น่านฟ้าระกาติงยืนกรานว่าคนที่เจียงอีอีจับตัวไปคืออวิ๋นจือชิว เถ้าแก่เนี้ยหออวิ๋นฮว๋า ฉู่จื่อซานไปเพื่อช่วยชีวิตคนถึงได้บังเอิญเจอกองทัพองครักษ์ ทว่าคำให้การนี้ฟังไม่ขึ้น อวิ๋นจือชิวปฏิเสธว่าตัวเองเคยถูกเจียงอีอีจับตัวไป พวกมู่อวี่เหลียนต่างก็บอกว่าเหมียวอี้ยืนยันในที่เกิดเหตุว่า ‘อวิ๋นจือชิว’ คนนั้นเป็นตัวปลอม ถ้าจะบอกว่าพวกมู่อวี่เหลียนช่วยโกหก เช่นนั้นหลังจากเกิดเรื่องแล้วคนมากมายในตลาดสวรรค์ก็เห็นโผล่หน้ามา ส่วนอวิ๋นจือชิวก็ถูกตำหนักคุ้มเมืองจับตัวไปด้วย สามารถยืนยันได้ว่า ‘อวิ๋นจือชิว’ ที่ถูกเจียงอีอีจับตัวไปนั้นเป็นตัวปลอมแน่นอน
แต่ว่า ในขณะเดียวกันก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่เห็น ‘อวิ๋นจือชิว’ ตัวปลอมตบออกมาจากหออวิ๋นฮว๋าจริงๆ ทั้งยังเห็นนางตบหน้าทหารของน่านฟ้าระกาติงด้วย
ดังนั้นตอนที่อวิ๋นจือชิวถูกสืบสวนอีกครั้ง ผู้สอบสวนถามว่าทำไม ‘อวิ๋นจือชิว’ ตัวปลอมจึงออกมาจากหออวิ๋นฮว๋า อวิ๋นจือชิวก็บอกว่าไม่รู้ บอกว่าตอนนั้นคนที่เข้าออกล้วนเป็นคนของฉู่จื่อซานที่คอยตรวจสอบ คนในร้านไม่สามารถออกไปข้างนอกได้เลย ทำไมถึงมีตัวปลอมโผล่มาได้ก็ต้องถามคนของฉู่จื่อซาน นางไม่มีทางอธิบายได้
จากนั้นเมื่อสอบสวนเหมียวอี้อีกครั้ง รอบนี้ก็เป็นการเอาจริงแล้ว เซวียนหยวนจัวสอบสวนด้วยตัวเอง
ในตึกศาลา เซวียนหยวนจัวเอ่ยปากถามว่า “หนิวโหย่วเต๋อ เจ้ากับอวิ๋นจือชิวมีความสัมพันธ์อะไรกัน?”
“เมื่อเป็นเพื่อนกัน ตอนนี้ ข้านอนกับนางไปแล้ว นางเป็นผู้หญิงของข้า!” เหมียวอี้ตอบ
ช่างหน้าด้านไร้ยางอายจริงๆ! คนในศาลาพูดไม่ออกไปพักหนึ่ง เก้ากวนที่นั่งอยู่เบื้องสูงกวาดสายตามองเขาแวบหนึ่งอย่างเฉยชา ส่วนอวี่จ้งเจินก็สีหน้าบึ้งตึง
เซวียนหยวนจัวถามต่อว่า “ทำไมเรื่องราวบังเอิญขนาดนี้ ฉู่จื่อซานกำลังจะแต่งงานกับนางพอดี เจ้าก็ดันลงมือกับฉู่จื่อซานในเวลานี้? อย่าบอกนะว่าสิ่งนี้ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าเจ้าสังหารฉู่จื่อซานเพราะอวิ๋นจือชิว?”
เหมียวอี้บอกว่า “เป็นความบังเอิญล้วนๆ ข้าเพิ่งถูกปล่อยตัวจากแดนมรณะดึกดำบรรพ์ ไม่รู้เรื่องของฉู่จื่อซานเลย และไม่รู้จักฉู่จื่อซานอะไรนั่นด้วย แต่มีอยู่จุดหนึ่งที่ข้ารับประกันได้ ถ้าข้ารู้ตั้งแต่แรกว่าฉู่จื่อซานต้องการแย่งผู้หญิงของข้า ต่อให้ไม่มีเรื่องในครั้งนี้ ข้าก็จะไม่ปล่อยเขาไปอยู่ดี ตอนหลังพอได้รู้ว่ามีเรื่องนี้ ข้าก็บอกได้เพียงว่าบังเอิญมาก เวรกรรมตามสนอง กลับลดความยุ่งยากได้แล้ว!”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น