เทพปีศาจหวนคืน 1556-1559

 บทที่ 1556 ความยากลําบากของฟางหยวน


 


“เปรี้ยง!”


 


สายฟ้าขนาดใหญ่ฟาดลงมาบนแผ่นหลังของฟางหยวน


 


ฟางหยวนอยู่ในร่างมังกรดาบบรรพกาลและมีเกราะหวนคืน เมื่อสายฟ้าโจมตีเขา คลื่นกระแทกก็ส่งเขาพุ่งลงจากท้องฟ้าขณะที่สายฟ้าถูกสะท้อนกลับไป


 


จักรพรรดินีอสูรสายฟ้าจึงหลานเย้ยหยันขณะที่ดวงตาของนางหมุนวนและดูดซับสายฟ้าที่สะท้อนกลับมาเข้าไป


 


ฟางหยวนเกือบพุ่งกระแทกพื้นแต่เขายังสามรถบังคับร่างมังกรให้เปลี่ยนทิศทางและทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าได้อีกครั้ง


 


“ไส้เดือนน้อย…” จิ้งหลานเยาะเย้ยและกระโจนไปเข้าหาฟางหยวนอีกครั้ง


 


นางรวดเร็วมาก แม้ฟางหยวนจะอยู่ในร่างมังกรดาบบรรพกาลและมีวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติแต่ความเร็วของเขาก็ยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับจิ้งหลาน


 


ความเร็วของฟางหยวนอยู่บนจุดสูงสุดของระดับเจ็ด มีเพียงฮุยฟงซื้อและผู้อมตะระดับเจ็ด เพียงไม่กี่คนที่สามารถแข่งขันกับเขา


 


อย่างไรก็ตามจิ้งหลานเป็นผู้อมตะระดับแปดที่เชี่ยวชาญด้านการเคลื่อนที่ ความเร็วของนาง อยู่บนจุดสูงสุดของระดับแปด


 


เปรียบเทียบกับความเร็วระดับเจ็ดของฟางหยวน เขายังช้าเกินไป


 


“รับนี่!” จึงหลานบินไปด้านหลังฟางหยวนและส่งแสงลึกลับออกจากฝ่ามือ


 


พลังงานลึกลับปะทะเกราะหวนคืนและทําให้มันเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่


 


น้ํากระเด็นออกจากเกราะหวนคืน ความหนาของมันลดลงในอัตราที่สามารถมองเห็นได้


 


การแสดงออกของฟางหยวนเปลี่ยนแปลงไป เขาสะบัดหางและเร่งหลบหนีด้วยกําลังทั้งหมด


 


จิ้งหลานหัวเราะเสียงดังและคิด ‘จื่อเว่ยผู้นี้ช่างยอดเยี่ยมนัก ในระยะเวลาสั้นๆ นางก็ประสบความสําเร็จในการอนุมานท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ดที่สามารถตอบโต้เกราะหวนคืนของฟางหยวนได้แล้ว น่าเสียดายที่ท่าไม้ตายนี้ใช้ได้เพียงครั้งคราวเท่านั้น มันมีขีดจํากัดด้านเวลา มิฉะนั้นข้าจะกําจัดปีศาจน้อยตนนี้เสียเดี๋ยวนี้!’


 


ขณะที่นางกําลังคิดเรื่องนี้ การแสดงออกของนางกลับเปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหัน


 


ห่างออกไป กําแพงภูมิภาคปรากฏขึ้นในมุมมองสายตาของนาง


 


‘ดังนั้นปีศาจน้อยตนนี้ก็ต้องการหลบหนีเข้าไปในกําแพงภูมิภาค!’ จิ้งหลานตระหนักได้ทันที


 


เป็นเรื่องยากสําหรับผู้อมตะในการข้ามกําแพงภูมิภาค ยิ่งระดับการบ่มเพาะสูงเท่าใด มันก็ยิ่งยากลําบากเท่านั้น หลังจากเข้าสู่กําแพงภูมิภาค ผู้อมตะจะถูกกดดัน นอกจากนั้นพวกเขายังต้องเผชิญหน้ากับผลกระทบย้อนกลับทุกครั้งที่พวกเขาใช้ท่าไม้ตาย


 


มันไม่ใช่เรื่องง่ายสําหรับผู้อมตะระดับหกที่จะข้ามกําแพงภูมิภาค มันอันตรายสําหรับผู้อมตะระดับเจ็ดและยิ่งยากลําบากกว่ามากสําหรับผู้อมตะระดับแปด โดยพื้นฐานแล้วไม่มีผู้อมตะระดับแปดคนใดเดินทางผ่านกําแพงภูมิภาค พวกเขาเต็มใจใช้ทางอ้อมโดยเดินทางผ่านสวรรค์สีดําหรือสวรรค์สีขาวมากกว่า


 


“ปีศาจน้อยตนนี้เป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด เขาจะได้เปรียบในกําแพงภูมิภาค ข้าจะปล่อยให้ มันเกิดขึ้นไม่ได้!”


 


เมื่อคิดได้เช่นนี้ ดวงตาของจิ้งหลานก็ส่องประกายขึ้นขณะที่นางทะยานร่างไปข้างหน้าฟางหยวนเพื่อปิดกั้นเส้นทางของเขา


 


ฟางหยวนติดอยู่ในการต่อสู้ที่ขมขื่น


 


เขาเคยใช้วิธีหลบหนีโดยการเข้าไปในกําแพงภูมิภาคมาหลายครั้ง เขามีข้อได้เปรียบอย่างมาก ในกําแพงภูมิภาค ร่างทารกอมตะสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระเมื่ออยู่ภายใน


 


นั่นหมายความว่าเขาจะปลอดภัยหากเขาสามารถเข้าไปในกําแพงภูมิภาค


 


แต่จิ้งหลานไม่ให้โอกาสเขา การโจมตีของนางเหมือนคลื่นยักษ์ที่ทําให้ฟางหยวนต้องหลบเลี่ยงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้นความเร็วของจิ้งหลานก็ทําให้นางสามารถกีดขวางเส้นทางของฟางหยวนได้เสมอ


 


ตอนนี้ฟางหยวนอยู่ไม่ไกลจากกําแพงภูมิภาค แต่ด้วยการคงอยู่ของจิ้งหลาน มันทําให้เขารู้สึกราวกับกําแพงภูมิภาคอยู่ห่างไกลมาก


 


ท่าไม้ตายอมตะหมื่นมังกร!


 


ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคย!!


 


ในสถานการณ์ที่ไม่มีทางเลือก ฟางหยวนต้องใช้สองท่านี้อีกครั้ง มังกรดาบบรรพกาลจํานวนมากเคลื่อนที่กระจัดกระจายกันออกไปในทุกทิศทางเพื่อซ่อนตัวร่างจริงของฟางหยวนและเปิดโอกาสให้เขาเดินหน้าต่อ


 


“นี่!” ดวงตาของจิ้งหลานเบิกกว้างด้วยความโกรธ นางไม่มีทางจัดการเรื่องนี้ได้อย่างสมบูรณ์


 


นางเคยทดลองมาแล้ว ท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบของนางไม่สามารถค้นหาร่างจริงของฟางหยวน


 


แต่นางมีวิธีการเคลื่อนไหวมากมายและในไม่ช้านางก็สามารถกําจัดมังกรดาบบรรพกาลจํานวนนับไม่ถ้วนขณะที่ร่างจริงของฟางหยวนถูกบังคับให้เผยตัวออกมา


 


อย่างไรก็ตามร่างจริงของฟางหยวนสามารถก้าวไปข้างหน้าได้หลายและเข้าใกล้กําแพงภูมิภาคมากขึ้น


 


จึงหลานกลายเป็นสายฟ้าพุ่งออกไปและปรากฏตัวขึ้นด้านหน้าฟางหยวนอีกครั้ง


 


ฟางหยวนถอนหายใจด้วยความขมขื่นและกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายทั้งสองอีกหน มังกรดาบบรรพกาลอาจทรงพลัง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าจิ้งหลาน มันก็เป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยอําพรางร่างจริงของเขาเท่านั้น เปรียบเทียบกับสายฟ้าของจิ้งหลาน มังกรดาบบรรพกาลกลายเป็นเปราะบางมาก


 


แต่ด้วยวิธีนี้ฟางหยวนจึงสามารถก้าวไปข้างหน้าต่อไปแม้จิ้งหลานจะพยายามขัดขวางก็ตาม


 


ระยะห่างจากกําแพงภูมิภาคเหลือไม่มากนักแต่ทั้งสองฝ่ายยังต่อสู้กับอย่างดุเดือด ฟางหยวนต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการก้าวไปข้างหน้าทีละเล็กทีละน้อย


 


“ข้าพบเจ้าแล้ว!” จิ้งหลานเผยรอยยิ้มชั่วร้ายหลังจากทําลายมังกรดาบบรรพกาลทั้งหมดและเปิดเผยร่างจริงของฟางหยวน


 


นางผลักฝ่ามือออกไปและส่งแสงลึกลับออกมา


 


แสงลึกลับทําลายเกราะหวนคืนและทิ้งไว้เพียงชั้นน้ำบางๆเท่านั้น


 


“ดี! คราวนี้มันพัฒนาขึ้นมาก” จิ้งหลานหัวเราะและส่งเสียงชื่นชมเทพธิดาจื่อเว่ย


 


เทพธิดาจื่อเว่ยยิ้ม “เราตรวจสอบเกราะหวนคืนมานานแล้ว ผลลัพธ์ก่อนหน้าพร้อมกับข้อมูลที่ได้จากผู้อาวุโสกลายเป็นกุญแจสู่การเปลื่นยแปลงเชิงคุณภาพ การอนุมานมักยากลําบากในช่วงแรก แต่จะง่ายดายในภายหลัง ตอนนี้ข้าจะอนุมานท่าไม้ตายอมตะระดับแปดโดยใช้วิญญาณอมตะของผู้อาวุโสเพื่อทําลายเกราะหวนคืน”


 


“ดี ข้ากําลังรออยู่!” จิ้งหลานตอบกลับเทพธิดาจื่อเวยขณะมองฟางหยวนบินเข้าสู่กําแพงภูมิภาศ


 


ไม่มีสิ่งใดที่สามารถทําได้เกี่ยวกับเรื่องนี้


 


จิ้งหลานไม่สามารถค้นหาร่างจริงของฟางหยวน ท่าไม้ตายอมตะสองท่าของเขามีประสิทธิภาพอยู่บ้าง แม้นางจะพยายามขัดขวางฟางหยวนหลายครั้งแต่นางก็ไม่สามารถหยุดเขาจากการเข้าไปในกําแพงภูมิภาค


 


“แต่เจ้าคิดว่าจะปลอดภัยในกําแพงภูมิภาคงั้นหรือ?”


 


“เพียงกําแพงภูมิภาค มันจะปิดกั้นข้าจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าจิ้งหลาน ได้อย่างไร? ฮืม!”


 


พลังปราณสีดําพุ่งออกมาจากรูจมูกของจิ้งหลานและกระจายออกไปปกคลุมร่างกายทั้งหมดของนางเอาไว้ราวกับก้อนเมฆสีดํา


 


ท่ามกลางก้อนเมฆสีดํา ภูตผีจํานวนนับไม่ถ้วนคํารามอย่างเกรี้ยวกราด พวกมันกระทั่งต่อสู้กันเองและสร้างสายฟ้าขึ้นในก้อนเมฆ


 


จิ้งหลานเข้าไปในกําแพงภูมิภาคและไล่ล่าฟางหยวนต่อไป


 


“นางเข้ามาที่นี่จริงๆ!” ฟางหยวนตกตะลึง


 


“ปีศาจน้อย วิธีของเจ้าอาจได้ผลกับคนอื่น แต่สําหรับข้ามันเป็นเพียงการเล่นกลต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ย้อนกลับไปข้าเคยใช้กําแพงภูมิภาคเป็นสนามรบต่อสู้กับเทพปีศาจจิตวิญญาณ เมื่อเขายังเป็นผู้อมตะระดับแปดมาแล้ว เจ้าโชคร้ายที่พบข้า!”


 


จิ้งหลานตะโกนและส่งสายฟ้าพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวน


 


ฟางหยวนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด


 


แต่จิ้งหลานก็ไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีเช่นกัน เลือดไหลออกมาจากริมฝีปากของนางขณะที่นางเริ่มรู้สึกวิงเวียนศีรษะ


 


การใช้ท่าไม้ตายในกําแพงภูมิภาคจะส่งผลกระทบย้อนกลับไปยังตัวผู้ใช้งาน โชคดีที่นางมีมิติ ช่องว่างเทียมที่แตกต่างจากมิติช่องว่างของผู้อมตะทั่วไป มันไม่มีทรัพยากรอยู่ในภายใน หากทรัพ ยากรถูกทําลาย ผู้อมตะจะพบกับความสูญเสียอย่างมาก


 


“เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง!”


 


สายฟ้าโจมตีฟางหยวนและทําลายเกราะหวนคืนอย่างต่อเนื่อง


 


กระทั่งในกําแพงภูมิภาคฟางหยวนก็ยังไม่สามารถหลบหนีจากจิ้งหลาน


 


อาการบาดเจ็บของเขารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ร่างมังกรดาบบรรพกาลเต็มไปด้วยคราบเลือด


 


ขณะเดียวกันก้อนเมฆสีดําที่ปกคลุมร่างของจิ้งหลานก็สลายไปอย่างรวดเร็วและเผยให้เห็น ชุดเกราะสีดําทมิฬของนางแล้ว


 


ใบหน้าของนางซีดขาวแต่นางยังเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและสาบานว่าจะสังหารปีศาจตนนี้ให้ได้


 


“ท่าไม้ตายอมตะระดับแปดที่สามารถทําลายเกราะหวนคืนถูกสร้างขึ้นแล้ว!” เป็นเพียงเวลานี้ที่เสียงของเทพธิดาจ่อเว่ยดังขึ้น


 


จิ้งหลานมีความสุขมาก


 


เทพธิดาจื่อเว่ยเตือน “ท่านี้ทรงพลังมาก ข้าต้องขอให้ผู้อาวุโสระมัดระวัง ผลก ระทบย้อนกลับจะไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยหากการกระตุ้นใช้งานล้มเหลว”


 


“อย่ากังวล” จิ้งหลานตอบกลับ


 


แต่นางกลับล้มเหลวในการกระตุ้นใช้งานถึงสามครั้ง


 


โชคดีที่นางมีประสบการณ์มากมายและสามารถหยุดได้ทันเวลาเมื่อนางรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติ


 


ผลกระทบย้อนกลับรุนแรงมาก ชุดเกราะส่วนใหญ่ของนางถูกทําลายไปแล้วและเผยให้เห็นร่างกายที่อยู่ภายใน


 


ในความพยายามครั้งที่สี่ นางประสบความสําเร็จในที่สุด


 


“ฟางหยวน ตายซะ!” จิ้งหลานบินอยู่เหนือศีรษะมังกรดาบบรรพกาลและส่งลําแสงขนาด ใหญ่พุ่งเข้าโจมตีมัน


 


ฟางหยวนไม่มีเวลาหลบ เขาทําได้เพียงมองลําแสงพุ่งลงมาเท่านั้น


บทที่ 1557 ตอบโต้


 


“ตาย!” จิ้งหลานตะโกนเสียงดัง ดวงตาของนางส่องประกายด้วยความยินดีขณะที่นางมองลําแสงที่ระเบิดขึ้นบนร่างของฟางหยวน


 


นางเป็นผู้อมตะระดับแปดที่มีพลังการต่อสู้สูงมาก แต่นางต้องอยู่ภายใต้เงาของเทพปีศาจจิตวิญญาณมาตลอดชีวิต นางตื่นขึ้นจากการจําศีลเพราะการระเบิดของภูเขาตงฮันและเมื่อนาง เห็นเทพปีศาจจิตวิญญาณถูกจับโดยไม่สามารถต่อต้าน มันทําให้ความรู้สึกที่นางเก็บซ่อนไว้ในส่วนลึกของหัวใจปะทุออกมา


 


“เทพปีศาจจิตวิญญาณ เจ้าแข็งแกร่งมาก แต่ตอนนี้เจ้ากลายเป็นนักโทษ ข้าตื่นขึ้นในเวลาที่ดีจริงๆ ด้วยการฆ่าผู้สืบทอดของเจ้าข้าจะสามารถกําจัดความหวาดกลัวที่ มีต่อเจ้าออกจากหัวใจของข้า!”


 


“ข้าจะตัดหัวฟางหยวนไปให้เจ้าและเจ้าจะถูกข้าฆ่าเช่นกัน! ฮ่าฮ่าฮ่า วันหนึ่งเจ้าจะต้องตายด้วยมือของข้าช่างน่าเหลือเชื่อนัก นี่เหมือนกับความฝันจริงๆ ฮ่าฮ่าฮ่า


 


จักรพรรดินีอสูรสายฟ้าจึงหลานหัวเราะอย่างบ้าคลั่งอยู่ในใจของนาง


 


แต่ในจังหวะนี้จึงหลานกลับได้ยินเสียงเตือน “มีบางอย่างผิดปกติ หยุดเดี๋ยวนี้!”


 


“มันสายไปแล้ว!” ดวงตาของจิ้งหลานเต็มไปด้วยความกระหายเลือดและเจตนาสังหาร แต่ในไม่ช้านางก็รู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย


 


“เสียงนี้ค่อนข้างคุ้นเคยถูกต้อง มันคือจื่อเว่ย! เดี๋ยว! นางหมายความว่าอย่างไร?” จิ้งหลานคิด


 


เจตนาสังหารของนางลดลงทันที


 


นางพยายามถอนตัว


 


“สายไปแล้ว!” การแสดงออกของฟางหยวนเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน สายตาที่ตื่นตระหนก และหวาดกลัวก่อนหนานี้หายไปอย่างสมบูรณ์และถูกแทนที่ด้วยความมั่นใจ


 


เขาสะบัดร่างมังกรดาบบรรพกาลแต่เขาไม่ได้หลบ ตรงข้าม เขาพุ่งเข้าไปหาท่าไม้ตายของจิ้งหลาน!


 


ลําแสงลึกลับปะทะร่างของฟางหยวนอย่างรุนแรง แต่ตอนนี้เกราะหวนคืนของเขากลับมีลักษณะที่แตกต่างไปจากก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง ไม่เพียงมันจะฟื้นคืนสู่สภาพเดิม แต่มันยังปรากฏร่องรอยของแสงลึกลับบางอย่าง


 


เกราะหวนคืนเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่


 


สถานการณ์กลายเป็นพลิกผัน


 


การโจมตีของจิ้งหลานไม่สามารถทําลายเกราะหวนคืนและยังถูกสะท้อนกลับไปอย่างราบรื่น


 


“อันใด!?” รูม่านตาของจิ้งหลานหดเล็กลง แม้นางจะมีประสบการณ์มากมาย แต่การแสดงออกของนางยังเผยให้เห็นถึงตกใจและความหวาดกลัว


 


ในการต่อสู้ก่อนหน้านี้แม้ฟางหยวนจะสามารถสะท้อนท่าไม้ตายของนางกลับไป แต่นางก็สามารถดูดซับมันและอดทนต่อความเสียหาย


 


แต่การโจมตีนี้แตกต่างจากก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง


 


นี่เป็นท่าไม้ตายอมตะระดับแปดที่นางทุ่มเทสุดกําลัง


 


หากนางประสบความสําเร็จ แน่นอนว่าไม่เพียงเกราะหวนคืนจะถูกทําลาย แต่มันยังสามารถสังหารฟางหยวน อย่างไรก็ตามท่าไม้ตายที่นางมั่นใจกับถูกสะท้อนกลับมาอย่างสมบูรณ์


 


จิ้งหลานบังคับให้ฟางหยวนอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มีเวลาหลบเลี่ยงการโจมตีของนาง ดังนั้นระยะห่างระหว่างคนทั้งสองจึงค่อนข้างแคบ อย่างไรก็ตามตอนนี้มันกลายเป็นจิ้งหลานที่ไม่มีเวลาเพียงพอที่จะหลบเลี้ยง อารมณ์ของนางผันผวนเพราะเงาของเทพปีศาจจิตวิญญาณหยั่งรากลึกอยู่ในหัวใจของนางและยังมีเหตุผลอีกประการหนึ่ง นั่นคือสภาพในปัจจุบันของนางยังห่างไกลจากจุดสูงสุดอยู่มาก


 


นางเป็นผู้อมตะระดับแปดบนจุดสูงสุด นางมีความสามารถในการเคลื่อนไหวในกําแพงภูมิภาค แต่ร่างกายของนางไม่ใช่ร่างทารกอมตะ นางจะได้รับผลกระทบย้อนกลับไม่มากก็น้อย


 


ในขณะที่นางเป็นฝ่ายไล่ล่าฟางหยวนและอยู่ในสถานการณ์ที่ได้เปรียบ นางเต็มไปด้วยความพึงพอใจและความเกลียดชัง ดังนั้นนางจึงมองข้ามบางสิ่ง แต่ตอนนี้นางต้องหลบหนีและเป็นเพียงเวลานี้ที่นางค้นพบว่าสภาพของนางเลวร้ายมาก


 


ด้วยเหตุผลทั้งหมด จิ้งหลานจึงไม่สามารถหลบและต้องเผชิญหน้ากับลําแสงที่พุ่งเข้ามาเท่านั้น


 


“บึม!”


 


ลําแสงปะทะร่างของจิ้งหลานและระเบิดแสงอันเจิดจ้าออกมา กระทั่งฟางหยวนในร่างมังกรดาบบรรพกาลยังต้องปิดเปลือกตาลง


 


เมื่อเวลาผ่านไป ฟางหยวนพยายามเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง


 


ฆ่า!


 


เขาแทบไม่สามารถแยกแยะร่างของจิ้งหลานกับรัศมีแสงสีขาว


 


ชุดเกราะสีดําทมิฬที่ดุร้ายของนางพังทลายลงอย่างสมบูรณ์แล้ว


 


เมื่อถูกโจมตี นางจึงได้รับบาดเจ็บสาหัสและหมดสติทันที


 


ฟางหยวนอ้าปากเผยให้เห็นเขี้ยวอันแหลมคมขณะพุ่งเข้าไปหาจิ้งหลาน


 


ด้วยร่างกายใหญ่โตของมังกรดาบบรรพกาล ฟางหยวนส่งกรงเล็บออกไป


 


“บัดซบ! ข้าตกลงสู่หลุมพรางของเขาจริงๆ!” ในวังสวรรค์ ดวงตาของเทพธิดาจื่อเว่ยเบิกกว้างขึ้นด้วยความโกรธ “เกราะหวนคืนถูกแก้ไขทําให้มันก้าวเข้าสู่ระดับใหม่ เกราะหวนคืนก่อนหน้านี้ เป็นกับดักที่เขาเตรียมไว้จัดการข้าฟางหยวน นึกไม่ถึงว่าความสําเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาของ เจ้าจะสูงถึงระดับนี้!”


 


เดิมทีเทพธิดาจ่อเว่ยประเมินฟางหยวนไว้ค่อนข้างสูง แต่ความจริงที่อยู่ตรงหน้ากลับเหมือน การตบหน้านางอย่างแรง


 


นางคิดว่าตนเองถือไพ่เหนือกว่ามาตลอด ตั้งแต่การต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน นางเริ่มรวบรวมข้อมูลและพยายามอนุมานวิธีตอบโต้เกราะหวนคืนเสมอมา ในการต่อสู้ระหว่างฟางหยวนกับฟงจิ๋วเก้อ เทพธิดาจื่อเว่ยได้อนุมานอย่างเต็มที่อยู่เบื้องหลัง กระทั่งจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าออกเดินทางมาในครั้งนี้ นางรู้สึกว่าความเข้าใจของนางเพียงพอแล้วและในที่สุดก็ถึงเวลาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ แต่นางไม่เคยคาดหวังว่าทั้งหมดจะเป็นกับดักของฟางหยวน


 


ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาของฟางหยวนเหนือความคาดหมายของเทพธิดาจื่อเว่ยไปไกลมาก


 


“แต่มันเป็นไปได้อย่างไร? เดี๋ยว! เขายืมพลังของวิญญาณสติปัญญาหรือไม่? แต่วิญญาณสติปัญญาดุร้ายมาก มีเพียงผู้อมตะระดับเก้าเท่านั้นที่สามารถปรับแต่งและใช้งานมัน ฟางหยวนเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด ด้วยความช่วยเหลือจากแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา แม้พวกเขาจะมีพลังงานอมตะระดับเก้า แต่พวกเขาก็ต้องใช้เจตจํานงของผู้อมตะระดับเก้าในการปรับแต่งมันตามบันทึกของวังสวรรค์ หลังจากเทพอมตะกลุ่มดาวกลายเป็นผู้อมตะระดับเก้า นางยังต้องใช้เวลาเกือบหนึ่งร้อยปีในการกําหราบและปรับแต่งวิญญาณสติปัญญาระดับเก้า!”


 


เทพธิดาจ่อเว่ยรู้สึกมีนงง


 


เหงื่อเริ่มไหลลงมาจากหน้าผากของนาง


 


“ผู้อาวุโสจิ้งหลานได้รับความเสียหายครั้งใหญ่จากการโจมตีนี้ นางต้องอดทน!” เทพธิดาจื่อเว่ยเป็นผู้คิดค้นท่าไม้ตายอมตะระดับแปดนี้ แน่นอนว่านางตระหนักถึงพลังอํานาจของมัน ท่าไม้ตายสายตรวจสอบของเทพธิดาอเว่ยที่วางไว้บนร่างของจิ้งหลานถูกทําลายไปในโจมตีครั้งนี้ นี่ทําให้เทพธิดาจื่อเว่ยไม่สามารถตรวจสอบสถานการณ์ได้อีก


 


นางส่งเร่งเฉินอี้และคนอื่นๆไปยังกําแพงภูมิภาคเพื่อเป็นกําลังเสริมให้กับจักรพรรดินีอสูรสายฟ้า


 


อย่างไรก็ตามตัวนางยังอยู่ในวังสวรรค์


 


ราชันมังกรให้ความสําคัญกับการเลี้ยงดูฟงจินฮวง เขาไม่ได้อยู่ที่นี่ เทพปีศาจจิตวิญญาณต้องได้รับการเฝ้าระวังตลอดเวลา ดังนั้นเทพธิดาอเว่ยจึงไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ


 


เสียงแตกหักดังมาจากร่างของจิ้งหลาน


 


กรงเล็บมังกรของฟางหยวนแทงทะลุหน้าอกของนาง


 


แต่ในช่วงเวลาสําคัญเกราะสายฟ้ากลับปรากฏขึ้นบนหน้าอกของจิ้งหลานด้วยตัวของมันเอง


 


เมื่อกรงเล็บมังกรปะทะเกราะสายฟ้าดังกล่าว ฟางหยวนรู้สึกราวกับกําลังโจมตีกําแพงเหล็กที่แข็งที่สุด


 


นี่เป็นท่าไม้ตายอมตะสายป้องกันระดับแปด แม้ผู้อมตะจะไม่รู้สึกตัว แต่มันสามารถทํางานได้ด้วยตัวของมันเอง


 


อย่างไรก็ตามตอนนี้เกราะสายฟ้าของจิ้งหลานยังไม่สมบูรณ์


 


ดังนั้นฟางหยวนจึงใช้กําลังทั้งหมดของเขาฉีกกระชากมัน


 


กรงเล็บมังกรโจมตีอย่างต่อเนื่องและตัดเนื้อของจิ้งหลานจากไหล่ซ้ายไปถึงเอวด้านขวา เกราะสายฟ้าถูกแยกออก กระดูกซี่โครงสามชิ้นของจิ้งหลานถูกตัดออกจากร่างด้วยกรงเล็บของฟางหยวน


 


ขณะที่กรงเล็บมังกรไม่บุบสลาย!


 


พลังงานอมตะถูกใช้ไปอย่างรวดเร็วเพื่อรักษาเกราะหวนคืนเอาไว้


 


หากปราศจากเกราะหวนคืน กรงเล็บมังกรอาจแตกเป็นชิ้นๆไปแล้ว


 


ความเจ็บปวดที่รุนแรงปลุกจิ้งหลานให้ตื่นขึ้น นางเป็นผู้อมตะระดับแปดและเคยเป็นคู่ปรับของเทพปีศาจจิตวิญญาณ นางเต็มไปด้วยประสบการณ์ ดังนั้นนางจึงตระหนักถึงสถานการณ์อย่างรวดเร็วและกรีดร้องออกมา


 


แต่มันไม่ใช่เสียงกรีดร้องธรรมดา มันเป็นท่าไม้ตายอมตะ!


 


ฟางหยวนขมวดคิ้วแต่เขายังปลอดภัย


ในทางตรงข้ามการโจมตีด้วยเสียงของจิ้งหลานถูกสะท้อนกลับไปด้วยเกราะหวนคืน


 


แก้วหูของจิ้งหลานระเบิดทันที จิตใจของนางตกสู่ความโกลาหลขณะเลือดจํานวนมากไหลออกมาจากใบหู จมูก และดวงตาของนาง


 


จิ้งหลานมีพลังการต่อสู้ที่ไม่ธรรมดา แต่อาจเป็นเพราะนางพึ่งตื่นขึ้นจากการจําศีลหรืออาจเป็นเพราะนางสะดุ้งตื่นอย่างกะทันหันจากความเจ็บปวดหลังจากตระหนักถึงอาการบาดเจ็บที่ร้ายแรง จิตใต้สํานึกของนางจึงตอบสนองเพื่อป้องกันตัวเองทันทีโดยลืมการคงอยู่ของเกราะหวนคืนไปอย่างสิ้นเชิง นั่นทําให้นางทําเรื่องผิดพลาด มันกลายเป็นการทําร้ายตัวนางเองอีกครั้ง


 


ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น เขาต้องการใช้ประโยชน์จากสถานการณ์เพื่อฆ่านาง


 


เขาสะบัดหางมังกรกระแทกร่างของจิ้งหลานอย่างไร้ปรานี


 


จิ้งหลานทุ่งกระแทกพื้นและฝากหลุมลึกไว้ที่นั่น


 


“บัดซบ! จิ้งหลานพยายามลุกขึ้น


 


อาการบาดเจ็บของนางรุนแรงมาก ชุดเกราะของนางหายไปแล้ว กระดูกซี่โครงสามชิ้นของนางถูกแยกออก หัวใจและปอดของนางสามารถมองเห็นได้จากภายนอก


 


“โฮก…”


 


ฟางหยวนเปิดปากและส่งลมหายใจมังกรออกไปอย่างต่อเนื่อง


 


ลมหายใจมังกรปะทะร่างของจิ้งหลานราวกับน้ำตก


 


จิ้งหลานที่พึ่งลุกขึ้นถูกบังคับให้คุกเข่าลงข้างหนึ่ง


 


“ข้าถูกบังคับให้คุกเข่าโดยผู้อมตะระดับเจ็ดงั้นหรือ!?” ความรู้สึกอัปยศทําให้จิตใจของจิ้งหลานเต็มไปด้วยความโกรธและความเกลียดชัง


 


“อ๊าก….” ด้วยเสียงคํารามแห่งความโกรธ สายฟ้าสีน้ำเงินปะทุออกมาจากทุกรูขุมขนบนร่างกายของนาง


 


“เปรี้ยง!”


 


สายฟ้าสีน้ำเงินก่อตัวเป็นกําแพงสายฟ้าครึ่งวงกลมและขับไล่ทุกสิ่งออกไปจากบริเวณนั้น


 


ลมหายใจมังกรที่ปะทะกําแพงสายฟ้าถูกทําลายทั้งหมด


 


“ท่าไม้ตายอมตะระดับแปดไม่ธรรมดาจริงๆ แต่การเคลื่อนไหวนี้ควรจะเป็นการเคลื่อนไหวสุดท้ายของเจ้าแล้วถูกต้องหรือไม่? ตายซะ! หมื่นมังกร!” ฟางหยวนคำราม


บทที่ 1558 ล่าถอย


 


ฟางหยวนใช้การโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของเขา


 


มังกรสีเงินจํานวนนับไม่ถ้วนปิดล้อมจิ้งหลานเอาไว้ทุกทิศทาง


 


“บัดซบ!” จิ้งหลานกัดฟันแน่นด้วยความโกรธ


 


ตอนนี้พลังการต่อสู้ของนางตกลงสู่จุดต่ำสุด แต่นางยังสามารถสังหารมังกรดาบบรรพกาลที่พุ่งเข้ามาได้อย่างไม่มีปัญหา


 


“หนอนพวกนี้ทําร้ายข้าไม่ได้! ฟางหยวน คนขี้ขลาด มาสู้กับข้า!” จิ้งหลานคําราม


 


ฟางหยวนเย้ยหยันขณะซ่อนตัวอยู่ที่มุมหนึ่ง


 


หมื่นมังกร


 


หมื่นมังกร!


 


หมื่นมังกร


 


หมื่นมังกร!


 


โดยไม่คํานึงถึงค่าใช้จ่าย ฟางหยวนกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะหมื่นมังกรอย่างบ้าคลั่ง


 


กลิ่นอายของจิ้งหลานลดลงอย่างรวดเร็ว นางยังคํารามและยั่งยุฟางหยวน แต่ร่างจริงของเขาไม่ขยับแม้แต่น้อย


 


หมื่นมังกรเป็นท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ด มันไม่ใช่ปัญหาสําหรับจิ้งหลานที่มีวิญญาณอมตะ และพลังงานอมตะระดับแปด อย่างไรก็ตามทุกครั้งที่นางกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตาย นางจะได้รับผลกระทบย้อนกลับจากกําแพงภูมิภาค


 


นางมีวิธีที่ทําให้ฟันเฟือนนี้อ่อนแอลง แต่ด้วยอาการบาดเจ็บที่รุนแรงในปัจจุบัน ฟันเฟืองใดๆก็อาจทําให้นางถึงแก่ความตายได้ทั้งสิ้น


 


และนางยังต้องรักษาตัวเอง แต่อาการบาดเจ็บของนางจะหายโดยง่ายได้อย่างไร?


 


อาการบาดเจ็บที่เกิดจากการโจมตีของผู้อมตะยากที่จะรักษา มีเพียงร่างทารกอมตะของฟางหยวนเท่านั้นที่เป็นข้อยกเว้นเพียงหนึ่งเดียวบนโลกใบนี้


 


หลังจากล้มเหลวในการล่อลวงร่างจริงของฟางหยวน จิ้งหลานจึงต้องเป็นฝ่ายบุกโจมตี


 


หมื่นมังกรไม่สามารถหยุดนางได้แม้นางจะได้รับบาดเจ็บสาหัสก็ตาม หลังจากทั้งหมดนี่ คือจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าที่ยืนหยัดต่อสู้กับเทพปีศาจจิตวิญญาณมาอย่างยาวนานในอดีต


 


ฟางหยวนถอนหายใจ พลังการต่อสู้ของเขาไม่เพียงพอที่จะคร่าชีวิตผู้เชี่ยวชาญเช่นจึ้งหลาน


 


ผู้อมตะระดับนี้ไม่สามารถถูกสังหารได้โดยง่าย เว้นเพียงพวกเขาจะถูกซุ่มโจมตีและติดอยู่ใน ท่าไม้ตายเขตแดนอมตะ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาจะต้องถูกฆ่าก่อนที่ท่าไม้ตายเขตแดนอมตะจะถูกทําลาย


 


แน่นอนว่าจิ้งหลานก็ไม่สามารถฆ่าฟางหวนได้เช่นกัน แม้นางจะรวดเร็ว แต่นางยังไม่สามารถหยุดฟางหยวนจากการเข้ามาในกําแพงภูมิภาค


 


อย่างไรก็ตามฟางหยวนตระหนักดีว่ากระทั่งเขาจะไม่สามารถสังหารจิ้งหลาน แต่เขายังต้องโจมตีนางต่อไป


 


“ข้าต้องลดพลังการต่อสู้ของคนผู้นี้ให้มากที่สุดเพื่อให้ข้ามีเวลามากขึ้นในการหลบหนี” เมื่อคิดได้เช่นนี้ฟางหยวนก็ชี้นิ้วของเขาออกไป


 


ท่าไม้ตายอมตะหมอกสับสน!


 


เดิมที่มันเป็นหมอกสีม่วงที่ครอบคลุมพื้นที่เล็กๆและสามารถสร้างความสับสนให้กับผู้อมตะระดับแปด แต่หลังจากมันถูกปรับเปลี่ยนโดยฟางหยวน ท่าไม้ตายนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อผู้อมตะระดับแปด แต่มันมีผลอย่างมากต่อผู้อมตะระดับเจ็ดและต่ํากว่า


 


ไม่เพียงสีของมันที่เปลี่ยนแปลงไป แต่ระยะโจมตีของมันยังเพิ่มขึ้นมาก อย่างไรก็ตามระยะเวลาการทํางานของมันลดลง


หลังการต่อสู้ที่ทะเลทรายผีเขียว ฟางหยวนปรับปรุงท่าไม้ตายนี้อีกครั้งด้วยความสําเร็จบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมที่สูงขึ้น


 


ด้วยการเพิ่มวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมและวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทาง แห่งการโจรกรรมอีกจํานวนมาก มันสามารถขโมยความสามารถในการรับรู้ทิศทางของศัตรู ดังนั้นพลังอํานาจของท่าไม้ตายอมตะหมอกสับสนจึงเพิ่มสูงขึ้นและอาจส่งผลกระทบต่อผู้อมตะระ ดับแปดได้อีกครั้ง


 


ทันใดนั้นหมอกจํานวนมากก็กระจายไปทั่วและทําให้จิ้งหลานรู้สึกสับสน


 


ฟางหยวนฉวยโอกาสนี้ส่งหมื่นมังกรออกไปโจมตีนางทันที


 


โอ้ ไม่ ข้าขาดวิญญาณอมตะหลายดวง ข้าไม่สามารถแม้แต่จะทําลายท่าไม้ตายระดับนี้ได้” จึ้งหลานพยายามหลายวิธีแต่นางพบว่าตนเองไม่สามารถจัดการท่าไม้ตายอมตะหมอกสับสนของ ฟางหยวนได้อย่างมีประสิทธิภาพ


 


“หือ? เกิดสิ่งใดขึ้น?” ฟางหยวนสังเกตสถานการณ์ทั้งหมดและรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นจิ้งหลานไม่สามารถทะลวงผ่านหมอกสับสน


 


แม้ฟางหยวนจะพัฒนาท่าไม้ตายอมตะหมอกสับสนมาแล้ว แต่มันยังเป็นเพียงท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ด


 


ฟางหยวนไม่คาดคิดว่าท่าไม้ตายนี้จะสามารถหยุดจิ้งหลานได้จริงๆ เขาต้องการเพียงชะลอความเร็วของจิ้งหลานลงเล็กน้อยเท่านั้น


 


จากด้านนอกหมอกสับสน ฟางหยวนสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของวิญญาณอมตะได้อย่างชัดเจน นี่คือความพยายามในการทําลายหมอกสับสนของจิ้งหลาน


 


แต่ท่าไม้ตายของนางทําให้หมอกสับสนบางลงเล็กน้อยเท่านั้น


 


ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายแหลมคม เขากระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะหมอกสับสนอีกครั้งทันที


 


หมอกสับสนกักขังจิ้งหลานเอาไว้ภายใน


 


“นางไม่สามารถออกมาได้จริงๆ!” ฟางหยวนเผยรอยยิ้มขมขื่น หากเขารู้เรื่องนี้มาก่อน เขาคงใช้ท่านี้ไปนานแล้วและไม่จําเป็นต้องหลบหนีอย่างน่าสังเวชเช่นนี้


 


อย่างไรก็ตามผลกระทบของท่าไม้ตายใดๆจะลดลงหากมันถูกใช้หลายครั้ง ไม่เพียงเป้าหมายจะระวังตัวมากขึ้น แต่มันยังจะเปิดเผยข้อบกพร่องและทําให้ฝ่ายตรงข้ามสามารถอนุมานวิธีต่อต้าน


 


ครั้งนี้มันเป็นเพียงว่าฟางหยวนไม่ได้คาดหวังว่าท่าไม้ตายนี้จะสามารถกักขังจิ้งหลานได้จริงๆ


 


นี่เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ


 


“สิ่งนี้เป็นตัวปัญหา!” จิ้งหลานตระหนักถึงเรื่องนี้เช่นกันขณะที่นางรู้สึกถึงกลิ่นอายแห่งความตายที่ใกล้เข้ามาฆ่า!


 


มังกรดาบบรรพกาลจํานวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าไปในหมอกสับสนและโจมตีจึ้งหลานจากทุกทิศทาง


 


จิ้งหลานไม่สามารถแยกแยะทิศทางและถูกโจมตีอย่างน่าอนาถ


 


กําแพงภูมิภาคยังกดดันนางตลอดเวลา ทุกครั้งที่นางใช้ท่าไม้ตายอมตะ นางจะประสบกับผลกระทบย้อนกลับ


 


“ข้าคือจิ้งหลานผู้ยิ่งใหญ่ จักรพรรดินีอสูรสายฟ้าจะตายที่นี่ไม่ได้!” เมื่อเวลาผ่านไปหัวใจของจิ้งหลานก็เริ่มจมดิ่งลง สถานการณ์ไม่เอื้ออํานวยต่อนางมากขึ้นเรื่อยๆ


 


“ไม่ ข้าต้องอดทน ข้ายังสู้ได้! แม้ข้าจะตาย ข้าก็ต้องนําฟางหยวนไปพร้อมกัน!” จิ้งหลานมองหน้าอกของตนเอง บาดแผลบนหน้าอกของนางใหญ่มากขณะที่หัวใจของนางยังสามารถมองเห็นจากภายนอก


 


หัวใจของนางผิดปกติมาก ทุกครั้งที่มันเต้น มันจะปล่อยสายฟ้าสีม่วงออกมาเสมอ


 


ในความเป็นจริงนี่คือไพ่ตายใบสุดท้ายของนาง


 


“กล้าหาญและแข็งแกร่ง แม้นางจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่นางยังอดทนและดูเหมือนนางจะยังมีไพ่ตายซ่อนอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นเจตจํานงของนางยังไม่แตกสลาย แม้ข้าจะลอบใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญามากมายแล้วก็ตาม


 


ฟางหยวนถอนหายใจและต้องยอมแพ้


 


เวลาเป็นสิ่งสําคัญในขณะนี้ ฟางหยวนจําเป็นต้องอนุมานและฟื้นฟูอาภรณ์วิญญาณโดยเร็วที่สุด


 


แม้สถานการณ์จะเอื้อประโยชน์ต่อเขา แต่วังสวรรค์จะไม่มองดูอยู่เฉยๆ พวกเขาจะส่งกําลังเสริมมาอย่างแน่นอนและนั้นจะเป็นหายนะที่แท้จริงสําหรับฟางหยวน


 


ฟางหยวนตัดสินใจจากไปทันที แต่เขาไม่ลืมที่จะใช้ท่าไม้ตายอมตะหมอกสับสนและหมื่นมังกรก่อนที่เขาจะออกเดินทาง


 


ล่าถอย!


 


ฟางหยวนเคลื่อนที่ลึกเข้าไปในกําแพงภูมิภาค


 


ภายในกําแพงภูมิภาคเขาจะปลอดภัย


 


เขาอนุมานและปรับปรุงอาภรณ์วิญญาณขณะเดินทาง


 


แต่ไม่นานเขาก็พบว่ามันยังเป็นเพียงอาภรณ์วิญญาณระดับเจ็ด มันจะดีกว่าหากเขาผสานมันเข้ากับผนึกภูตผี


 


“ผนึกภูตผีเป็นท่าไม้ตายอมตะระดับเก้า แม้มันจะเป็นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งการโจรกรรม แต่ก็มีคําว่าภูตผีอยู่ในชื่อของมันและมีความเกี่ยวข้องกับเส้นทางแห่งจิตวิญญาณเพราะมันสามารถปิดกั้นการรับรู้ของสิ่งมีชีวิตรูปแบบจิตวิญญาณ อาภรณ์ภูตผีเป็นวิธีที่ถูกต้อง ข้าต้องยกระดับท่าไม้ตายนี้ให้สูงขึ้นด้วยการใช้ผนึกภูตผี”


 


หลังจากพบทิศทางพัฒนาที่ถูกต้อง ฟางหยวนก็เริ่มอนุมานทันที


 


เขามีวิธีบนเส้นทางแห่งปัญญามากมายรวมถึงระดับความสําเร็จที่เพียงพอโดยเฉพาะความสําเร็จบนเส้นทางแห่งการโจรกรรม


 


เมื่อเวลาผ่านไป ในที่สุดฟางหยวนก็ประสบความสําเร็จในการอนุมาน เขากระตุ้นใช้งานอาภรณ์ภูตผีอีกครั้ง


 


วิธีใหม่นี้ทําให้อาภรณ์วิญญาณและผนึกภูตผีมีความเชื่อมต่อกันมากขึ้น ความขัดแย้งระหว่างพวกมันหายไปอย่างสมบูรณ์


 


สําเร็จ! ฟางหยวนตระหนักถึงประสิทธิภาพของมันและกําหมัดด้วยความยินดี


 


เขาสามารถปกป้องตนเองจากการอนุมานของวังสวรรค์ได้อีกครั้ง สิ่งนี้จะทําให้เขาปลอดภัยมากขึ้น


 


แต่หากเขายกเลิกท่าไม้ตายนี้ เขาจะถูกวังสวรรค์ค้นพบในที่สุด


 


ฟางหยวนรีบเดินทางไปยังภาคเหนือ


 


การรักษาท่าไม้ตายนี้เอาไว้ต้องใช้พลังงานอมตะจํานวนมากขณะที่เขาสูญเสียพลังงานอมตะ จํานวนมหาศาลไปในการต่อสู้กับจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าก่อนหน้านี้แล้ว


 


ในการต่อสู้ครั้งนี้ฟางหยวนต้องใช้ท่าไม้ตายอมตะหมื่นมังกรและท่าไม้ตายอมตะหมอกสับสนหลายครั้งอย่างที่ไม่เคยทํามาก่อน


 


ท่าไม้ตายอมตะเหล่านี้ใช้พลังงานอมตะจํานวนมาก


 


นอกจากนั้นเขายังใช้พลังงานอมตะกับการอนุมานท่าไม้ตายอมตะอาภรณ์ภูตผีฉบับปรับปรุงใหม่อีกจํานวนหนึ่ง


 


ทั้งหมดทําให้ฟางหยวนประสบความสูญเสียครั้งใหญ่ แต่มันไม่ได้หมายความว่าเขาไม่มีกําไร สามารถรักษาชีวิตรอด นี่คือผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด! ยิ่งไปกว่านั้นเขายังมีกระดูกซี่โครงสามชิ้นของจักรพรรดินีอสูรสายฟ้า!


 


“กระดูกซี่โครงสามชิ้นนี้ถูกตัดออกมาด้วยกรงเล็บมังกรของข้า ทุกชิ้นล้วนเป็นทรัพยากรอ มตะที่หาได้ยาก แต่พวกมันมาจากจักรพรรดินีอสูรสายฟ้า ข้าไม่กล้าใช้พวกมัน มันจะดีกว่าหาก ข้าวางขายพวกมันในสวรรค์สีเหลือง!”


บทที่ 1559 ผู้อมตะระดับเจ็ดอันดับหนึ่ง


 


วังสวรรค์


 


ในห้องโถงใหญ่ เทพธิดาจื่อเว่ยเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างช้าๆและหยุดอนุมาน นางถอนหายใจ “ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาของฟางหยวนช่างน่าทึ่งนัก เขาสามารถป้องกันการอนุมานของข้าได้อีกครั้ง”


 


ผู้อมตะระดับแปดเฉินอี้ที่ยืนอยู่ด้านข้างใช้ท่าไม้ตายอมตะต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรม ช่วยเทพธิดาจื่อเว่ยอนุมาน แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังล้มเหลว


 


เฉินอี้กล่าวด้วยการแสดงออกที่ซับซ้อน “ท่านหญิงจื่อเว่ย มีบางอย่างที่ข้าต้องรายงานท่าน”


 


“มันคือสิ่งใด?”


 


เฉินอี้เป็นเพียงผู้ช่วยขณะที่เทพธิดาจื่อเว่ยทุ่มเทความสนใจไปที่ฟางหยวนอย่างเต็มที่ ดังนั้นเฉินอี้จึงเป็นคนแรกที่ค้นพบการกระทําของฟางหยวน


 


เขารายงาน “กระดูกซี่โครงสามชิ้นของจักรพรรดินีอสูรสายฟ้ากําลังถูกวางขายอยู่ในสวรรค์สีเหลือง


 


“กระไรนะ!?” การแสดงออกของเทพธิดาจื่อเว่ยเปลี่ยนไปทันที


 


นางเร่งเชื่อมต่อสวรรค์สีเหลืองและเห็นกระดูกซี่โครงสามชิ้นถูกวางขาย มันดึงดูดความสนใจของผู้อมตะจํานวนมาก


 


“เป็นไปได้อย่างไร ปีศาจฟางหยวนมีพลังการต่อสู้ถึงระดับนี้แล้วงั้นหรือ!?”


 


“เห้อ…การเติบโตของเขารวดเร็วเกินไป เขากลายเป็นเจ้าเหนือหัวบนเส้นทางสายปีศาจของรุ่นนี้แล้ว”


 


“ฟางหยวนเป็นปีศาจต่างโลกและใช้วิญญาณกาลเวลาเพื่อกําเนิดใหม่ เขามีข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ในการบ่มเพาะ”


 


“ข้าจํานางได้ นี่คือจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าของวังสวรรค์ ผู้ใดจะคิดว่านางจะถูกฟางหยวนปราบปรามจริงๆ!”


 


“จักรพรรดินีอสูรสายฟ้าจิ้งหลาน นี่คือผู้เชี่ยวชาญที่ยิ่งใหญ่ในอดีต นางยังมีชีวิตอยู่อีกขั้นหรือ?”


 


“วังสวรรค์ได้รับการยกย่องว่าเป็นกองกําลังอันดับหนึ่ง พวกเขาพยายามจับฟางหยวนและส่ง ผู้อมตะระดับแปดออกมา แต่ดูสิ่งนี้ ฟางหยวนสามารถเอาชนะขณะที่นางตกอยู่ในสภาพที่น่าสังเวช”


 


เจตจํานงของกลุ่มผู้อมตะวิพากษ์วิจารณ์อย่างไม่รู้จบสิ้น


 


ร่างของเทพธิดาจื่อเว่ยสั่นสะท้านขึ้นด้วยความโกรธ


 


ฟางหยวนไม่เพียงขายกระดูกซี่โครงของจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าแต่เขายังใช้วิธีการบางอย่างเพื่อแสดงภาพการต่อสู้ระหว่างเขากับจิ้งหลานอย่างต่อเนื่อง


 


โดยธรรมชาติแล้วเขาเลือกที่จะแสดงภาพในช่วงเวลาที่เขาโจมตีจึงหลานได้สําเร็จเท่านั้น


 


“เราควรรายงานเรื่องนี้กับจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าหรือไม่?” เฉินอี้ถาม


 


จิ้งหลานเอาชนะหมื่นมังกรและกําจัดหมอกสับสนด้วยความยากลําบาก แต่เมื่อนางสามารถออกมา ฟางหยวนก็จากไปนานแล้วและไม่ทิ้งร่องรอยใดๆเอาไว้เบื้องหลัง


 


แม้เทพธิดาจื่อเว่ยจะสามารถอนุมานตําแหน่งของฟางหยวนได้ในเวลานั้น แต่พลังการต่อสู้ของจิ้งหลานตกลงอย่างมาก สถานการณ์ของนางค่อนข้างเลวร้าย นางจําเป็นต้องพักรักษาตัวเองชั่วระยะเวลาหนึ่ง


 


เมื่อกําลังเสริมมาถึงในภายหลัง พวกนางก็ออกไล่ล่าฟางหยวนอีกครั้ง


 


น่าเสียดายที่ฟางหยวนอยู่ลึกเข้าไปในกําแพงภูมิภาค แม้จิ้งหลานจะสามารถไล่ล่าต่อไป แต่กําลังเสริมของนางไม่มีวิธีการเดินทางในกําแพงภูมิภาคและต้องหยุดอยู่ที่ขอบนอกของกําแพงภูมิภาคเท่านั้น


 


จิ้งหลานไม่ยินดียอมรับความพ่ายแพ้ ด้วยความอัปยศ นางจึงไล่ล่าฟางหยวนต่อไปโดยไม่พักผ่อน แต่ในเวลานั้นเทพธิดาจื่อเว่ยก็สูญเสียความสามารถในการตรวจจับฟางหยวนไปแล้ว


 


“จื่อเว่ย ปีศาจฟางหยวนอยู่ที่ใด?” จึงหลานตะโกนถามเทพธิดาจื่อเว่ยด้วยความโกรธจัดแต่นางก็ไม่สามารถทําสิ่งใด


 


จิ้งหลานถูกบังคับให้หยุดไล่ล่าแต่นางยังกัดฟันแน่นและต้องการฆ่าฟางหยวนเพื่อลบล้างความอับอายของตน


 


เทพธิดาจื่อเว่ยเงียบไปชั่วขณะก่อนจะแจ้งผลลัพธ์กับจิ้งหลาน


 


“ว่าไงนะ!? เจ้าไม่สามารถค้นหาตําแหน่งของเขางั้นหรือ?” จิ้งหลานไม่พอใจ


“ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาของฟางหยวนไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แต่เขาจะไปที่แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาอย่างแน่นอน เราได้เตรียมการบางอย่างไว้แล้ว แม้เราจะล้มเหลวในครั้งนี้ แต่เราก็ได้กําไรมหาศาลเช่นกัน ไม่เพียงเราจะทําให้เขาสูญเสียพลังงานอมตะจํานวนมาก เรายังบังคับให้เขาเปิดไพ่หลายใบผู้อมตะเช่นเขาจะถูกกําจัดในการต่อสู้เพียงครั้งเดียวได้อย่างไร?” เทพธิดาจื่อเว่ยเกลี้ยกล่อมจิ้งหลาน


 


จิ้งหลานเงียบ


 


ไม่นานหลังจากนั้นนางก็ถอนหายใจยาว นางสงบจิตใจลงแล้ว


 


“ข้าประเมินเขาต่ำเกินไป คนผู้นี้มีพรสวรรค์ที่ไม่น่าเชื่อ เขาคู่ควรที่จะถูกคัดเลือกโดยเจตจํานงสวรรค์และนิกายเงา ครั้งต่อไปที่เราพบกัน ข้าจะไม่ทําพลาดเช่นในครั้งนี้!”


 


จิ้งหลานไม่ใช่คนบ้าระห่ํา หลังจากได้รับการแจ้งเตือน นางก็สามารถสงบอารมณ์และยอมรับความผิดพลาดของตนเองอย่างตรงไปตรงมา


 


“หากเปรียบเทียบกับฟางหยวน มีเรื่องที่น่าอึดอัดใจยิ่งกว่า…” เทพธิดาจื่อเว่ยแจ้งข่าวเกี่ยวกับสวรรค์สีเหลืองกับจิ้งหลาน


 


หัวใจที่พึ่งสงบลงของจิ้งหลานปะทุขึ้นอีกครั้งด้วยความโกรธ


 


“กระไรนะ!? ชายผู้นี้กล้าขายกระดูกซี่โครงของข้าจริงๆงั้นหรือ? ยืม ช่างอุกอาจนัก!”


 


จิ้งหลานเชื่อมต่อสวรรค์สีเหลืองและเห็นกระดูกซี่โครงของนางถูกวางขาย ความโกรธของนางพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ดวงตาของนางกลายเป็นแดงก่ำ


 


ไม่นานหลังจากนั้นนางยังเห็นภาพที่แสดงฉากการต่อสู้ที่ฟางหยวนกําลังทุบตีนาง นี่ทําให้นางกัดกรามจนแทบหัก “บัดซบ! เจ้าสารเลวผู้นี้ในอนาคตเมื่อเขาอยู่ในกํามือของข้า ข้าจะถลกหนัก ดังเส้นเอ็น และเลาะกระดูกของเขาออกมา!”


 


“แต่…เด็กเลวผู้นี้นาพวกมันไปวางขายจริงๆ เขาระวังตัวมาก นอกจากนั้นเขายังแสดงภาพ การต่อสู้เพียงบางส่วน ช่างไร้ยางอายจริงๆ”


 


จิ้งหลานสูดหายใจลึกและพยายามสงบจิตใจลง จากนั้นนางก็เริ่มคิด เขาใช้ทรัพยากรมากมายในการต่อสู้ครั้งนี้ รากฐานของเขาได้รับความเสียหายงั้นหรือ? อาจเป็นเพราะเหตุนี้เขาจึงวางขายกระดูกซี่โครงของข้าเพื่อเป็นการชดเชย? ข้าต้องซื้อพวกมันกลับมา!”


 


ด้านหนึ่งจิ้งหลานต้องการซื้อกระดูกซี่โครงเพื่อเชื่อมต่อกลับไป วิธีนี้จะทําให้การฟื้นตัวของนางรวดเร็วขึ้น


 


อีกด้านหนึ่งการปล่อยให้ฉากการต่อสู้และกระดูกซี่โครงของนางอยู่ในสวรรค์สีเหลืองแม้แต่วันเดียวก็จะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อชื่อเสียงของวังสวรรค์


 


ตั้งแต่อดีตอันไกลโพ้น วังสวรรค์ได้รับการยอมรับจากสาธารณชนว่าเป็นกองกําลังอันดับหนึ่งเสมอมา ตอนนี้ฟางหยวนวางขายกระดูกซี่โครงสามชิ้นของจักรพรรดินีจิ้งหลาน นี่เหมือนกับการตบหน้าวังสวรรค์ครั้งใหญ่


 


ไม่ใช่เรื่องดีที่เทพธิดาอเว่ยจะเคลื่อนไหวเนื่องจากจิ้งหลานเป็นผู้เกี่ยวข้อง


 


จิ้งหลานตระหนักถึงเจตนาของเทพธิดาจื่อเว่ย ดังนั้นนางจึงต้องกลืนความอัปยศและปกปิดตัวตนเพื่อเข้าไปเจรจากับฟางหยวนในสวรรค์สีเหลือง “เจ้าขายกระดูกซี่โครงเหล่านี้อย่างไร?”


 


“เจ้าเป็นผู้ใดกันแน่?”


 


“ข้ามาจากทะเลตะวันออก” จิ้งหลานกัดฟันกล่าว นางไม่เคยคิดว่าจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าที่ยิ่งใหญ่จะต้องปกปิดตัวตนเช่นนี้ “ข้าสนใจกระดูกซี่โครงสามชิ้นนี้มาก”


 


เจตจํานงของฟางหยวนหัวเราะ “มีผู้คนมากมายที่สนใจมัน”


 


จิ้งหลานกัดฟันกล่าวต่อ “แต่มีน้อยคนที่จะให้ราคาสูงได้เช่นข้า”


 


ฟางหยวนไม่ได้ทําตามความคาดหวังของนาง เขาไม่แม้แต่จะถามราคาที่นางเสนอและส่ายศีรษะทันที “ไม่ว่าเจ้าจะเสนอราคาเท่าใด ข้าก็ไม่ขาย!”


 


“ไม่ขายงั้นหรือ? หากเจ้าไม่ขาย เจ้าจะนําพวกมันมาวางไว้ที่นี่เพื่อสิ่งใด?” จิ้งหลานโกรธมาก


 


ฟางหยวนเย้ยหยัน “เพื่อความสนุก! เจ้ามีปัญหางั้นหรือ?”


 


“พรวด!”


 


จิ้งหลานหมดความอดทนและอักเลือดออกมาทันที “ฟางหยวน! ข้า จิ้งหลาน จะทําทุกอย่างเพื่อฆ่าเจ้า!”


 


สิบวันต่อมาฟางหยวนก็กลับไปถึงแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา


 


ระหว่างทาง ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอมตะอาภรณ์ภูตผีตลอดเวลา


 


‘สุดท้ายข้าก็ไม่ต้องใช้อาภรณ์ภูตผีอีกต่อไป’ ฟางหยวนถอนหายใจด้วยความโล่งอกขณะยก เลิกการทํางานของท่าไม้ตายอมตะอาภรณ์ภูตผี


 


“ผู้อาวุโสฟางหยวน ในที่สุดเจ้าก็กลับมาแล้ว!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาที่ยืนรออยู่เร่งเข้ามาทักทาย


 


แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาถูกรุกรานแต่ฟางหยวนไม่ได้เข้าร่วม แล้วเหตุใดจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจึงแสดงออกอย่างเป็นมิตรเช่นนี้?


 


เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเพราะฟางหยวนวางขายกระดูกซี่โครงของจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าในสวรรค์สีเหลือง


 


ฟางหยวนไม่ได้ขายพวกมัน ด้านหนึ่งเป็นการตบหน้าวังสวรรค์ อีกด้านหนึ่งเพราะแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา


 


แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาถูกกลุ่มของฟงจิวเก้อรุกรานและทุบตีอย่างน่าสังเวช นั่นทําให้ขวัญกําลังใจของสมาชิกพันธมิตรมนุษย์กลายพันธุ์ตกต่ําลงอย่างต่อเนื่อง


 


หลังจากทั้งหมดวังสวรรค์เป็นผู้นําเผ่าพันธุ์มนุษย์กําหราบเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์และกดขี่พวกเขามาตลอด


 


ดังนั้นเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์จึงรู้สึกหวาดกลัวเผ่ามนุษย์และต้องซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดของโลกใบนี้


 


อย่างไรก็ตามเมื่อฟางหยวนสามารถทุบตีจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าและเปิดเผยฉากการต่อสู้ในสวรรค์สีเหลือง มันจึงถือเป็นข่าวดีสําหรับเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ เมื่อข่าวแพร่กระจายออกไป มันก็เหมือนแสงอาทิตย์ที่สาดส่องมายังพวกเขาและปัดเป่าความโศกเศร้าทั้งหมดออกไป


 


“ผู้อาวุโสฟางหยวน ครั้งนี้เจ้าทําได้ดีมาก! ก่อนหน้านี้ข้าพยายามขอยืมมังกรหินแรกกําเนิดจากเผ่ามนุษย์หิน แต่พวกเขาทําตัวคลุมเครือ อย่างไรก็ตามเมื่อข่าวการต่อสู้ของเจ้าถูกเผยแพร่ออกมา ทัศนคติของพวกเขาก็เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากล่าว “ตอนนี้เจ้ากลับมาแล้ว เราสามารถข่มขู่เผ่ามนุษย์หินเพื่อขอยืมมังกรหิน ในเวลานั้นเราจะมีพลังการต่อสู้ระดับแปดเพิ่มขึ้นและการย้ายแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาก็จะไม่เป็นปัญหา!”


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารู้สึกมีขวัญกําลังใจ


 


แต่ฟางหยวนไม่ได้มองโลกในแง่ดีเหมือนอีกฝ่าย วังสวรรค์ต้องเตรียมการเอาไว้มากมาย มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะย้ายแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา


 


อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนที่จะอธิบายเรื่องนี้กับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา


 


ฟางหยวนมองไปยังกลุ่มคนที่อยู่ด้านหลังจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา


 


คนเหล่านี้เป็นผู้อมตะจากพันธมิตรสี่เผ่าพันธุ์ พวกเขาออกมาต้อนรับฟางหยวนด้วยรอยยิ้ม


 


ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะปิงหยวนยกย่อง “ผู้อาวุโสฟางหยวนเป็นอัจฉริยะจากสวรรค์ที่แท้จริง กระทั่งจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของท่าน การต่อสู้ครั้งนี้ทําให้ท่านกลายเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดอันดับหนึ่งของโลกใบนี้!”


 


ปิงหยวนยิ้มกว้าง ฟางหยวนหมั้นหมายกับสตรีเผ่ามนุษย์หิมะ ด้วยเหตุนี้เขาจึงถูกมองว่าเป็นมนุษย์หิมะครึ่งหนึ่ง ปิงหยวนเป็นผู้ริเริ่มแผนการนี้ ดังนั้นยิ่งฟางหยวนแข็งแกร่งเท่าใด นางก็ยิ่งมีความสุขเท่านั้น


 


ก่อนหน้านี้ฟางหยวนและฟงจิวเก้อครอบบัลลังก์อันดับหนึ่งร่วมกัน แต่หลังจากฟางหยวนแสดงฉากการต่อสู้ที่เขาสามารถเอาชนะจักรพรรดินีอสูรสายฟ้า โลกทั้งใบจึงส่งเสียงโห่ร้องด้วยความอัศจรรย์ใจ


 


ฟงจิวเก้อบุกแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาแต่เขาไม่ได้เผยแพร่ฉากเหตุการณ์ดังกล่าวออกไป ด้วยเหตุนี้ชื่อเสียงของฟางหยวนจึงพุ่งทะยานขึ้นเหนือฟงจิวเก้อและได้รับการยอมรับจากสาธารณชนว่าเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดอันดับหนึ่งของโลกใบนี้

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)