เทพปีศาจหวนคืน 1556-1559
บทที่ 1556 ความยากลําบากของฟางหยวน
“เปรี้ยง!”
สายฟ้าขนาดใหญ่ฟาดลงมาบนแผ่นหลังของฟางหยวน
ฟางหยวนอยู่ในร่างมังกรดาบบรรพกาลและมีเกราะหวนคืน เมื่อสายฟ้าโจมตีเขา คลื่นกระแทกก็ส่งเขาพุ่งลงจากท้องฟ้าขณะที่สายฟ้าถูกสะท้อนกลับไป
จักรพรรดินีอสูรสายฟ้าจึงหลานเย้ยหยันขณะที่ดวงตาของนางหมุนวนและดูดซับสายฟ้าที่สะท้อนกลับมาเข้าไป
ฟางหยวนเกือบพุ่งกระแทกพื้นแต่เขายังสามรถบังคับร่างมังกรให้เปลี่ยนทิศทางและทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าได้อีกครั้ง
“ไส้เดือนน้อย…” จิ้งหลานเยาะเย้ยและกระโจนไปเข้าหาฟางหยวนอีกครั้ง
นางรวดเร็วมาก แม้ฟางหยวนจะอยู่ในร่างมังกรดาบบรรพกาลและมีวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติแต่ความเร็วของเขาก็ยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับจิ้งหลาน
ความเร็วของฟางหยวนอยู่บนจุดสูงสุดของระดับเจ็ด มีเพียงฮุยฟงซื้อและผู้อมตะระดับเจ็ด เพียงไม่กี่คนที่สามารถแข่งขันกับเขา
อย่างไรก็ตามจิ้งหลานเป็นผู้อมตะระดับแปดที่เชี่ยวชาญด้านการเคลื่อนที่ ความเร็วของนาง อยู่บนจุดสูงสุดของระดับแปด
เปรียบเทียบกับความเร็วระดับเจ็ดของฟางหยวน เขายังช้าเกินไป
“รับนี่!” จึงหลานบินไปด้านหลังฟางหยวนและส่งแสงลึกลับออกจากฝ่ามือ
พลังงานลึกลับปะทะเกราะหวนคืนและทําให้มันเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
น้ํากระเด็นออกจากเกราะหวนคืน ความหนาของมันลดลงในอัตราที่สามารถมองเห็นได้
การแสดงออกของฟางหยวนเปลี่ยนแปลงไป เขาสะบัดหางและเร่งหลบหนีด้วยกําลังทั้งหมด
จิ้งหลานหัวเราะเสียงดังและคิด ‘จื่อเว่ยผู้นี้ช่างยอดเยี่ยมนัก ในระยะเวลาสั้นๆ นางก็ประสบความสําเร็จในการอนุมานท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ดที่สามารถตอบโต้เกราะหวนคืนของฟางหยวนได้แล้ว น่าเสียดายที่ท่าไม้ตายนี้ใช้ได้เพียงครั้งคราวเท่านั้น มันมีขีดจํากัดด้านเวลา มิฉะนั้นข้าจะกําจัดปีศาจน้อยตนนี้เสียเดี๋ยวนี้!’
ขณะที่นางกําลังคิดเรื่องนี้ การแสดงออกของนางกลับเปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหัน
ห่างออกไป กําแพงภูมิภาคปรากฏขึ้นในมุมมองสายตาของนาง
‘ดังนั้นปีศาจน้อยตนนี้ก็ต้องการหลบหนีเข้าไปในกําแพงภูมิภาค!’ จิ้งหลานตระหนักได้ทันที
เป็นเรื่องยากสําหรับผู้อมตะในการข้ามกําแพงภูมิภาค ยิ่งระดับการบ่มเพาะสูงเท่าใด มันก็ยิ่งยากลําบากเท่านั้น หลังจากเข้าสู่กําแพงภูมิภาค ผู้อมตะจะถูกกดดัน นอกจากนั้นพวกเขายังต้องเผชิญหน้ากับผลกระทบย้อนกลับทุกครั้งที่พวกเขาใช้ท่าไม้ตาย
มันไม่ใช่เรื่องง่ายสําหรับผู้อมตะระดับหกที่จะข้ามกําแพงภูมิภาค มันอันตรายสําหรับผู้อมตะระดับเจ็ดและยิ่งยากลําบากกว่ามากสําหรับผู้อมตะระดับแปด โดยพื้นฐานแล้วไม่มีผู้อมตะระดับแปดคนใดเดินทางผ่านกําแพงภูมิภาค พวกเขาเต็มใจใช้ทางอ้อมโดยเดินทางผ่านสวรรค์สีดําหรือสวรรค์สีขาวมากกว่า
“ปีศาจน้อยตนนี้เป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด เขาจะได้เปรียบในกําแพงภูมิภาค ข้าจะปล่อยให้ มันเกิดขึ้นไม่ได้!”
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ดวงตาของจิ้งหลานก็ส่องประกายขึ้นขณะที่นางทะยานร่างไปข้างหน้าฟางหยวนเพื่อปิดกั้นเส้นทางของเขา
ฟางหยวนติดอยู่ในการต่อสู้ที่ขมขื่น
เขาเคยใช้วิธีหลบหนีโดยการเข้าไปในกําแพงภูมิภาคมาหลายครั้ง เขามีข้อได้เปรียบอย่างมาก ในกําแพงภูมิภาค ร่างทารกอมตะสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระเมื่ออยู่ภายใน
นั่นหมายความว่าเขาจะปลอดภัยหากเขาสามารถเข้าไปในกําแพงภูมิภาค
แต่จิ้งหลานไม่ให้โอกาสเขา การโจมตีของนางเหมือนคลื่นยักษ์ที่ทําให้ฟางหยวนต้องหลบเลี่ยงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้นความเร็วของจิ้งหลานก็ทําให้นางสามารถกีดขวางเส้นทางของฟางหยวนได้เสมอ
ตอนนี้ฟางหยวนอยู่ไม่ไกลจากกําแพงภูมิภาค แต่ด้วยการคงอยู่ของจิ้งหลาน มันทําให้เขารู้สึกราวกับกําแพงภูมิภาคอยู่ห่างไกลมาก
ท่าไม้ตายอมตะหมื่นมังกร!
ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคย!!
ในสถานการณ์ที่ไม่มีทางเลือก ฟางหยวนต้องใช้สองท่านี้อีกครั้ง มังกรดาบบรรพกาลจํานวนมากเคลื่อนที่กระจัดกระจายกันออกไปในทุกทิศทางเพื่อซ่อนตัวร่างจริงของฟางหยวนและเปิดโอกาสให้เขาเดินหน้าต่อ
“นี่!” ดวงตาของจิ้งหลานเบิกกว้างด้วยความโกรธ นางไม่มีทางจัดการเรื่องนี้ได้อย่างสมบูรณ์
นางเคยทดลองมาแล้ว ท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบของนางไม่สามารถค้นหาร่างจริงของฟางหยวน
แต่นางมีวิธีการเคลื่อนไหวมากมายและในไม่ช้านางก็สามารถกําจัดมังกรดาบบรรพกาลจํานวนนับไม่ถ้วนขณะที่ร่างจริงของฟางหยวนถูกบังคับให้เผยตัวออกมา
อย่างไรก็ตามร่างจริงของฟางหยวนสามารถก้าวไปข้างหน้าได้หลายและเข้าใกล้กําแพงภูมิภาคมากขึ้น
จึงหลานกลายเป็นสายฟ้าพุ่งออกไปและปรากฏตัวขึ้นด้านหน้าฟางหยวนอีกครั้ง
ฟางหยวนถอนหายใจด้วยความขมขื่นและกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายทั้งสองอีกหน มังกรดาบบรรพกาลอาจทรงพลัง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าจิ้งหลาน มันก็เป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยอําพรางร่างจริงของเขาเท่านั้น เปรียบเทียบกับสายฟ้าของจิ้งหลาน มังกรดาบบรรพกาลกลายเป็นเปราะบางมาก
แต่ด้วยวิธีนี้ฟางหยวนจึงสามารถก้าวไปข้างหน้าต่อไปแม้จิ้งหลานจะพยายามขัดขวางก็ตาม
ระยะห่างจากกําแพงภูมิภาคเหลือไม่มากนักแต่ทั้งสองฝ่ายยังต่อสู้กับอย่างดุเดือด ฟางหยวนต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการก้าวไปข้างหน้าทีละเล็กทีละน้อย
“ข้าพบเจ้าแล้ว!” จิ้งหลานเผยรอยยิ้มชั่วร้ายหลังจากทําลายมังกรดาบบรรพกาลทั้งหมดและเปิดเผยร่างจริงของฟางหยวน
นางผลักฝ่ามือออกไปและส่งแสงลึกลับออกมา
แสงลึกลับทําลายเกราะหวนคืนและทิ้งไว้เพียงชั้นน้ำบางๆเท่านั้น
“ดี! คราวนี้มันพัฒนาขึ้นมาก” จิ้งหลานหัวเราะและส่งเสียงชื่นชมเทพธิดาจื่อเว่ย
เทพธิดาจื่อเว่ยยิ้ม “เราตรวจสอบเกราะหวนคืนมานานแล้ว ผลลัพธ์ก่อนหน้าพร้อมกับข้อมูลที่ได้จากผู้อาวุโสกลายเป็นกุญแจสู่การเปลื่นยแปลงเชิงคุณภาพ การอนุมานมักยากลําบากในช่วงแรก แต่จะง่ายดายในภายหลัง ตอนนี้ข้าจะอนุมานท่าไม้ตายอมตะระดับแปดโดยใช้วิญญาณอมตะของผู้อาวุโสเพื่อทําลายเกราะหวนคืน”
“ดี ข้ากําลังรออยู่!” จิ้งหลานตอบกลับเทพธิดาจื่อเวยขณะมองฟางหยวนบินเข้าสู่กําแพงภูมิภาศ
ไม่มีสิ่งใดที่สามารถทําได้เกี่ยวกับเรื่องนี้
จิ้งหลานไม่สามารถค้นหาร่างจริงของฟางหยวน ท่าไม้ตายอมตะสองท่าของเขามีประสิทธิภาพอยู่บ้าง แม้นางจะพยายามขัดขวางฟางหยวนหลายครั้งแต่นางก็ไม่สามารถหยุดเขาจากการเข้าไปในกําแพงภูมิภาค
“แต่เจ้าคิดว่าจะปลอดภัยในกําแพงภูมิภาคงั้นหรือ?”
“เพียงกําแพงภูมิภาค มันจะปิดกั้นข้าจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าจิ้งหลาน ได้อย่างไร? ฮืม!”
พลังปราณสีดําพุ่งออกมาจากรูจมูกของจิ้งหลานและกระจายออกไปปกคลุมร่างกายทั้งหมดของนางเอาไว้ราวกับก้อนเมฆสีดํา
ท่ามกลางก้อนเมฆสีดํา ภูตผีจํานวนนับไม่ถ้วนคํารามอย่างเกรี้ยวกราด พวกมันกระทั่งต่อสู้กันเองและสร้างสายฟ้าขึ้นในก้อนเมฆ
จิ้งหลานเข้าไปในกําแพงภูมิภาคและไล่ล่าฟางหยวนต่อไป
“นางเข้ามาที่นี่จริงๆ!” ฟางหยวนตกตะลึง
“ปีศาจน้อย วิธีของเจ้าอาจได้ผลกับคนอื่น แต่สําหรับข้ามันเป็นเพียงการเล่นกลต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ย้อนกลับไปข้าเคยใช้กําแพงภูมิภาคเป็นสนามรบต่อสู้กับเทพปีศาจจิตวิญญาณ เมื่อเขายังเป็นผู้อมตะระดับแปดมาแล้ว เจ้าโชคร้ายที่พบข้า!”
จิ้งหลานตะโกนและส่งสายฟ้าพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวน
ฟางหยวนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
แต่จิ้งหลานก็ไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีเช่นกัน เลือดไหลออกมาจากริมฝีปากของนางขณะที่นางเริ่มรู้สึกวิงเวียนศีรษะ
การใช้ท่าไม้ตายในกําแพงภูมิภาคจะส่งผลกระทบย้อนกลับไปยังตัวผู้ใช้งาน โชคดีที่นางมีมิติ ช่องว่างเทียมที่แตกต่างจากมิติช่องว่างของผู้อมตะทั่วไป มันไม่มีทรัพยากรอยู่ในภายใน หากทรัพ ยากรถูกทําลาย ผู้อมตะจะพบกับความสูญเสียอย่างมาก
“เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง!”
สายฟ้าโจมตีฟางหยวนและทําลายเกราะหวนคืนอย่างต่อเนื่อง
กระทั่งในกําแพงภูมิภาคฟางหยวนก็ยังไม่สามารถหลบหนีจากจิ้งหลาน
อาการบาดเจ็บของเขารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ร่างมังกรดาบบรรพกาลเต็มไปด้วยคราบเลือด
ขณะเดียวกันก้อนเมฆสีดําที่ปกคลุมร่างของจิ้งหลานก็สลายไปอย่างรวดเร็วและเผยให้เห็น ชุดเกราะสีดําทมิฬของนางแล้ว
ใบหน้าของนางซีดขาวแต่นางยังเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและสาบานว่าจะสังหารปีศาจตนนี้ให้ได้
“ท่าไม้ตายอมตะระดับแปดที่สามารถทําลายเกราะหวนคืนถูกสร้างขึ้นแล้ว!” เป็นเพียงเวลานี้ที่เสียงของเทพธิดาจ่อเว่ยดังขึ้น
จิ้งหลานมีความสุขมาก
เทพธิดาจื่อเว่ยเตือน “ท่านี้ทรงพลังมาก ข้าต้องขอให้ผู้อาวุโสระมัดระวัง ผลก ระทบย้อนกลับจะไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยหากการกระตุ้นใช้งานล้มเหลว”
“อย่ากังวล” จิ้งหลานตอบกลับ
แต่นางกลับล้มเหลวในการกระตุ้นใช้งานถึงสามครั้ง
โชคดีที่นางมีประสบการณ์มากมายและสามารถหยุดได้ทันเวลาเมื่อนางรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติ
ผลกระทบย้อนกลับรุนแรงมาก ชุดเกราะส่วนใหญ่ของนางถูกทําลายไปแล้วและเผยให้เห็นร่างกายที่อยู่ภายใน
ในความพยายามครั้งที่สี่ นางประสบความสําเร็จในที่สุด
“ฟางหยวน ตายซะ!” จิ้งหลานบินอยู่เหนือศีรษะมังกรดาบบรรพกาลและส่งลําแสงขนาด ใหญ่พุ่งเข้าโจมตีมัน
ฟางหยวนไม่มีเวลาหลบ เขาทําได้เพียงมองลําแสงพุ่งลงมาเท่านั้น
บทที่ 1557 ตอบโต้
“ตาย!” จิ้งหลานตะโกนเสียงดัง ดวงตาของนางส่องประกายด้วยความยินดีขณะที่นางมองลําแสงที่ระเบิดขึ้นบนร่างของฟางหยวน
นางเป็นผู้อมตะระดับแปดที่มีพลังการต่อสู้สูงมาก แต่นางต้องอยู่ภายใต้เงาของเทพปีศาจจิตวิญญาณมาตลอดชีวิต นางตื่นขึ้นจากการจําศีลเพราะการระเบิดของภูเขาตงฮันและเมื่อนาง เห็นเทพปีศาจจิตวิญญาณถูกจับโดยไม่สามารถต่อต้าน มันทําให้ความรู้สึกที่นางเก็บซ่อนไว้ในส่วนลึกของหัวใจปะทุออกมา
“เทพปีศาจจิตวิญญาณ เจ้าแข็งแกร่งมาก แต่ตอนนี้เจ้ากลายเป็นนักโทษ ข้าตื่นขึ้นในเวลาที่ดีจริงๆ ด้วยการฆ่าผู้สืบทอดของเจ้าข้าจะสามารถกําจัดความหวาดกลัวที่ มีต่อเจ้าออกจากหัวใจของข้า!”
“ข้าจะตัดหัวฟางหยวนไปให้เจ้าและเจ้าจะถูกข้าฆ่าเช่นกัน! ฮ่าฮ่าฮ่า วันหนึ่งเจ้าจะต้องตายด้วยมือของข้าช่างน่าเหลือเชื่อนัก นี่เหมือนกับความฝันจริงๆ ฮ่าฮ่าฮ่า
จักรพรรดินีอสูรสายฟ้าจึงหลานหัวเราะอย่างบ้าคลั่งอยู่ในใจของนาง
แต่ในจังหวะนี้จึงหลานกลับได้ยินเสียงเตือน “มีบางอย่างผิดปกติ หยุดเดี๋ยวนี้!”
“มันสายไปแล้ว!” ดวงตาของจิ้งหลานเต็มไปด้วยความกระหายเลือดและเจตนาสังหาร แต่ในไม่ช้านางก็รู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย
“เสียงนี้ค่อนข้างคุ้นเคยถูกต้อง มันคือจื่อเว่ย! เดี๋ยว! นางหมายความว่าอย่างไร?” จิ้งหลานคิด
เจตนาสังหารของนางลดลงทันที
นางพยายามถอนตัว
“สายไปแล้ว!” การแสดงออกของฟางหยวนเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน สายตาที่ตื่นตระหนก และหวาดกลัวก่อนหนานี้หายไปอย่างสมบูรณ์และถูกแทนที่ด้วยความมั่นใจ
เขาสะบัดร่างมังกรดาบบรรพกาลแต่เขาไม่ได้หลบ ตรงข้าม เขาพุ่งเข้าไปหาท่าไม้ตายของจิ้งหลาน!
ลําแสงลึกลับปะทะร่างของฟางหยวนอย่างรุนแรง แต่ตอนนี้เกราะหวนคืนของเขากลับมีลักษณะที่แตกต่างไปจากก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง ไม่เพียงมันจะฟื้นคืนสู่สภาพเดิม แต่มันยังปรากฏร่องรอยของแสงลึกลับบางอย่าง
เกราะหวนคืนเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
สถานการณ์กลายเป็นพลิกผัน
การโจมตีของจิ้งหลานไม่สามารถทําลายเกราะหวนคืนและยังถูกสะท้อนกลับไปอย่างราบรื่น
“อันใด!?” รูม่านตาของจิ้งหลานหดเล็กลง แม้นางจะมีประสบการณ์มากมาย แต่การแสดงออกของนางยังเผยให้เห็นถึงตกใจและความหวาดกลัว
ในการต่อสู้ก่อนหน้านี้แม้ฟางหยวนจะสามารถสะท้อนท่าไม้ตายของนางกลับไป แต่นางก็สามารถดูดซับมันและอดทนต่อความเสียหาย
แต่การโจมตีนี้แตกต่างจากก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง
นี่เป็นท่าไม้ตายอมตะระดับแปดที่นางทุ่มเทสุดกําลัง
หากนางประสบความสําเร็จ แน่นอนว่าไม่เพียงเกราะหวนคืนจะถูกทําลาย แต่มันยังสามารถสังหารฟางหยวน อย่างไรก็ตามท่าไม้ตายที่นางมั่นใจกับถูกสะท้อนกลับมาอย่างสมบูรณ์
จิ้งหลานบังคับให้ฟางหยวนอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มีเวลาหลบเลี่ยงการโจมตีของนาง ดังนั้นระยะห่างระหว่างคนทั้งสองจึงค่อนข้างแคบ อย่างไรก็ตามตอนนี้มันกลายเป็นจิ้งหลานที่ไม่มีเวลาเพียงพอที่จะหลบเลี้ยง อารมณ์ของนางผันผวนเพราะเงาของเทพปีศาจจิตวิญญาณหยั่งรากลึกอยู่ในหัวใจของนางและยังมีเหตุผลอีกประการหนึ่ง นั่นคือสภาพในปัจจุบันของนางยังห่างไกลจากจุดสูงสุดอยู่มาก
นางเป็นผู้อมตะระดับแปดบนจุดสูงสุด นางมีความสามารถในการเคลื่อนไหวในกําแพงภูมิภาค แต่ร่างกายของนางไม่ใช่ร่างทารกอมตะ นางจะได้รับผลกระทบย้อนกลับไม่มากก็น้อย
ในขณะที่นางเป็นฝ่ายไล่ล่าฟางหยวนและอยู่ในสถานการณ์ที่ได้เปรียบ นางเต็มไปด้วยความพึงพอใจและความเกลียดชัง ดังนั้นนางจึงมองข้ามบางสิ่ง แต่ตอนนี้นางต้องหลบหนีและเป็นเพียงเวลานี้ที่นางค้นพบว่าสภาพของนางเลวร้ายมาก
ด้วยเหตุผลทั้งหมด จิ้งหลานจึงไม่สามารถหลบและต้องเผชิญหน้ากับลําแสงที่พุ่งเข้ามาเท่านั้น
“บึม!”
ลําแสงปะทะร่างของจิ้งหลานและระเบิดแสงอันเจิดจ้าออกมา กระทั่งฟางหยวนในร่างมังกรดาบบรรพกาลยังต้องปิดเปลือกตาลง
เมื่อเวลาผ่านไป ฟางหยวนพยายามเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง
ฆ่า!
เขาแทบไม่สามารถแยกแยะร่างของจิ้งหลานกับรัศมีแสงสีขาว
ชุดเกราะสีดําทมิฬที่ดุร้ายของนางพังทลายลงอย่างสมบูรณ์แล้ว
เมื่อถูกโจมตี นางจึงได้รับบาดเจ็บสาหัสและหมดสติทันที
ฟางหยวนอ้าปากเผยให้เห็นเขี้ยวอันแหลมคมขณะพุ่งเข้าไปหาจิ้งหลาน
ด้วยร่างกายใหญ่โตของมังกรดาบบรรพกาล ฟางหยวนส่งกรงเล็บออกไป
“บัดซบ! ข้าตกลงสู่หลุมพรางของเขาจริงๆ!” ในวังสวรรค์ ดวงตาของเทพธิดาจื่อเว่ยเบิกกว้างขึ้นด้วยความโกรธ “เกราะหวนคืนถูกแก้ไขทําให้มันก้าวเข้าสู่ระดับใหม่ เกราะหวนคืนก่อนหน้านี้ เป็นกับดักที่เขาเตรียมไว้จัดการข้าฟางหยวน นึกไม่ถึงว่าความสําเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาของ เจ้าจะสูงถึงระดับนี้!”
เดิมทีเทพธิดาจ่อเว่ยประเมินฟางหยวนไว้ค่อนข้างสูง แต่ความจริงที่อยู่ตรงหน้ากลับเหมือน การตบหน้านางอย่างแรง
นางคิดว่าตนเองถือไพ่เหนือกว่ามาตลอด ตั้งแต่การต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน นางเริ่มรวบรวมข้อมูลและพยายามอนุมานวิธีตอบโต้เกราะหวนคืนเสมอมา ในการต่อสู้ระหว่างฟางหยวนกับฟงจิ๋วเก้อ เทพธิดาจื่อเว่ยได้อนุมานอย่างเต็มที่อยู่เบื้องหลัง กระทั่งจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าออกเดินทางมาในครั้งนี้ นางรู้สึกว่าความเข้าใจของนางเพียงพอแล้วและในที่สุดก็ถึงเวลาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ แต่นางไม่เคยคาดหวังว่าทั้งหมดจะเป็นกับดักของฟางหยวน
ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาของฟางหยวนเหนือความคาดหมายของเทพธิดาจื่อเว่ยไปไกลมาก
“แต่มันเป็นไปได้อย่างไร? เดี๋ยว! เขายืมพลังของวิญญาณสติปัญญาหรือไม่? แต่วิญญาณสติปัญญาดุร้ายมาก มีเพียงผู้อมตะระดับเก้าเท่านั้นที่สามารถปรับแต่งและใช้งานมัน ฟางหยวนเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด ด้วยความช่วยเหลือจากแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา แม้พวกเขาจะมีพลังงานอมตะระดับเก้า แต่พวกเขาก็ต้องใช้เจตจํานงของผู้อมตะระดับเก้าในการปรับแต่งมันตามบันทึกของวังสวรรค์ หลังจากเทพอมตะกลุ่มดาวกลายเป็นผู้อมตะระดับเก้า นางยังต้องใช้เวลาเกือบหนึ่งร้อยปีในการกําหราบและปรับแต่งวิญญาณสติปัญญาระดับเก้า!”
เทพธิดาจ่อเว่ยรู้สึกมีนงง
เหงื่อเริ่มไหลลงมาจากหน้าผากของนาง
“ผู้อาวุโสจิ้งหลานได้รับความเสียหายครั้งใหญ่จากการโจมตีนี้ นางต้องอดทน!” เทพธิดาจื่อเว่ยเป็นผู้คิดค้นท่าไม้ตายอมตะระดับแปดนี้ แน่นอนว่านางตระหนักถึงพลังอํานาจของมัน ท่าไม้ตายสายตรวจสอบของเทพธิดาอเว่ยที่วางไว้บนร่างของจิ้งหลานถูกทําลายไปในโจมตีครั้งนี้ นี่ทําให้เทพธิดาจื่อเว่ยไม่สามารถตรวจสอบสถานการณ์ได้อีก
นางส่งเร่งเฉินอี้และคนอื่นๆไปยังกําแพงภูมิภาคเพื่อเป็นกําลังเสริมให้กับจักรพรรดินีอสูรสายฟ้า
อย่างไรก็ตามตัวนางยังอยู่ในวังสวรรค์
ราชันมังกรให้ความสําคัญกับการเลี้ยงดูฟงจินฮวง เขาไม่ได้อยู่ที่นี่ เทพปีศาจจิตวิญญาณต้องได้รับการเฝ้าระวังตลอดเวลา ดังนั้นเทพธิดาอเว่ยจึงไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ
เสียงแตกหักดังมาจากร่างของจิ้งหลาน
กรงเล็บมังกรของฟางหยวนแทงทะลุหน้าอกของนาง
แต่ในช่วงเวลาสําคัญเกราะสายฟ้ากลับปรากฏขึ้นบนหน้าอกของจิ้งหลานด้วยตัวของมันเอง
เมื่อกรงเล็บมังกรปะทะเกราะสายฟ้าดังกล่าว ฟางหยวนรู้สึกราวกับกําลังโจมตีกําแพงเหล็กที่แข็งที่สุด
นี่เป็นท่าไม้ตายอมตะสายป้องกันระดับแปด แม้ผู้อมตะจะไม่รู้สึกตัว แต่มันสามารถทํางานได้ด้วยตัวของมันเอง
อย่างไรก็ตามตอนนี้เกราะสายฟ้าของจิ้งหลานยังไม่สมบูรณ์
ดังนั้นฟางหยวนจึงใช้กําลังทั้งหมดของเขาฉีกกระชากมัน
กรงเล็บมังกรโจมตีอย่างต่อเนื่องและตัดเนื้อของจิ้งหลานจากไหล่ซ้ายไปถึงเอวด้านขวา เกราะสายฟ้าถูกแยกออก กระดูกซี่โครงสามชิ้นของจิ้งหลานถูกตัดออกจากร่างด้วยกรงเล็บของฟางหยวน
ขณะที่กรงเล็บมังกรไม่บุบสลาย!
พลังงานอมตะถูกใช้ไปอย่างรวดเร็วเพื่อรักษาเกราะหวนคืนเอาไว้
หากปราศจากเกราะหวนคืน กรงเล็บมังกรอาจแตกเป็นชิ้นๆไปแล้ว
ความเจ็บปวดที่รุนแรงปลุกจิ้งหลานให้ตื่นขึ้น นางเป็นผู้อมตะระดับแปดและเคยเป็นคู่ปรับของเทพปีศาจจิตวิญญาณ นางเต็มไปด้วยประสบการณ์ ดังนั้นนางจึงตระหนักถึงสถานการณ์อย่างรวดเร็วและกรีดร้องออกมา
แต่มันไม่ใช่เสียงกรีดร้องธรรมดา มันเป็นท่าไม้ตายอมตะ!
ฟางหยวนขมวดคิ้วแต่เขายังปลอดภัย
ในทางตรงข้ามการโจมตีด้วยเสียงของจิ้งหลานถูกสะท้อนกลับไปด้วยเกราะหวนคืน
แก้วหูของจิ้งหลานระเบิดทันที จิตใจของนางตกสู่ความโกลาหลขณะเลือดจํานวนมากไหลออกมาจากใบหู จมูก และดวงตาของนาง
จิ้งหลานมีพลังการต่อสู้ที่ไม่ธรรมดา แต่อาจเป็นเพราะนางพึ่งตื่นขึ้นจากการจําศีลหรืออาจเป็นเพราะนางสะดุ้งตื่นอย่างกะทันหันจากความเจ็บปวดหลังจากตระหนักถึงอาการบาดเจ็บที่ร้ายแรง จิตใต้สํานึกของนางจึงตอบสนองเพื่อป้องกันตัวเองทันทีโดยลืมการคงอยู่ของเกราะหวนคืนไปอย่างสิ้นเชิง นั่นทําให้นางทําเรื่องผิดพลาด มันกลายเป็นการทําร้ายตัวนางเองอีกครั้ง
ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น เขาต้องการใช้ประโยชน์จากสถานการณ์เพื่อฆ่านาง
เขาสะบัดหางมังกรกระแทกร่างของจิ้งหลานอย่างไร้ปรานี
จิ้งหลานทุ่งกระแทกพื้นและฝากหลุมลึกไว้ที่นั่น
“บัดซบ! จิ้งหลานพยายามลุกขึ้น
อาการบาดเจ็บของนางรุนแรงมาก ชุดเกราะของนางหายไปแล้ว กระดูกซี่โครงสามชิ้นของนางถูกแยกออก หัวใจและปอดของนางสามารถมองเห็นได้จากภายนอก
“โฮก…”
ฟางหยวนเปิดปากและส่งลมหายใจมังกรออกไปอย่างต่อเนื่อง
ลมหายใจมังกรปะทะร่างของจิ้งหลานราวกับน้ำตก
จิ้งหลานที่พึ่งลุกขึ้นถูกบังคับให้คุกเข่าลงข้างหนึ่ง
“ข้าถูกบังคับให้คุกเข่าโดยผู้อมตะระดับเจ็ดงั้นหรือ!?” ความรู้สึกอัปยศทําให้จิตใจของจิ้งหลานเต็มไปด้วยความโกรธและความเกลียดชัง
“อ๊าก….” ด้วยเสียงคํารามแห่งความโกรธ สายฟ้าสีน้ำเงินปะทุออกมาจากทุกรูขุมขนบนร่างกายของนาง
“เปรี้ยง!”
สายฟ้าสีน้ำเงินก่อตัวเป็นกําแพงสายฟ้าครึ่งวงกลมและขับไล่ทุกสิ่งออกไปจากบริเวณนั้น
ลมหายใจมังกรที่ปะทะกําแพงสายฟ้าถูกทําลายทั้งหมด
“ท่าไม้ตายอมตะระดับแปดไม่ธรรมดาจริงๆ แต่การเคลื่อนไหวนี้ควรจะเป็นการเคลื่อนไหวสุดท้ายของเจ้าแล้วถูกต้องหรือไม่? ตายซะ! หมื่นมังกร!” ฟางหยวนคำราม
บทที่ 1558 ล่าถอย
ฟางหยวนใช้การโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของเขา
มังกรสีเงินจํานวนนับไม่ถ้วนปิดล้อมจิ้งหลานเอาไว้ทุกทิศทาง
“บัดซบ!” จิ้งหลานกัดฟันแน่นด้วยความโกรธ
ตอนนี้พลังการต่อสู้ของนางตกลงสู่จุดต่ำสุด แต่นางยังสามารถสังหารมังกรดาบบรรพกาลที่พุ่งเข้ามาได้อย่างไม่มีปัญหา
“หนอนพวกนี้ทําร้ายข้าไม่ได้! ฟางหยวน คนขี้ขลาด มาสู้กับข้า!” จิ้งหลานคําราม
ฟางหยวนเย้ยหยันขณะซ่อนตัวอยู่ที่มุมหนึ่ง
หมื่นมังกร
หมื่นมังกร!
หมื่นมังกร
หมื่นมังกร!
โดยไม่คํานึงถึงค่าใช้จ่าย ฟางหยวนกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะหมื่นมังกรอย่างบ้าคลั่ง
กลิ่นอายของจิ้งหลานลดลงอย่างรวดเร็ว นางยังคํารามและยั่งยุฟางหยวน แต่ร่างจริงของเขาไม่ขยับแม้แต่น้อย
หมื่นมังกรเป็นท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ด มันไม่ใช่ปัญหาสําหรับจิ้งหลานที่มีวิญญาณอมตะ และพลังงานอมตะระดับแปด อย่างไรก็ตามทุกครั้งที่นางกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตาย นางจะได้รับผลกระทบย้อนกลับจากกําแพงภูมิภาค
นางมีวิธีที่ทําให้ฟันเฟือนนี้อ่อนแอลง แต่ด้วยอาการบาดเจ็บที่รุนแรงในปัจจุบัน ฟันเฟืองใดๆก็อาจทําให้นางถึงแก่ความตายได้ทั้งสิ้น
และนางยังต้องรักษาตัวเอง แต่อาการบาดเจ็บของนางจะหายโดยง่ายได้อย่างไร?
อาการบาดเจ็บที่เกิดจากการโจมตีของผู้อมตะยากที่จะรักษา มีเพียงร่างทารกอมตะของฟางหยวนเท่านั้นที่เป็นข้อยกเว้นเพียงหนึ่งเดียวบนโลกใบนี้
หลังจากล้มเหลวในการล่อลวงร่างจริงของฟางหยวน จิ้งหลานจึงต้องเป็นฝ่ายบุกโจมตี
หมื่นมังกรไม่สามารถหยุดนางได้แม้นางจะได้รับบาดเจ็บสาหัสก็ตาม หลังจากทั้งหมดนี่ คือจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าที่ยืนหยัดต่อสู้กับเทพปีศาจจิตวิญญาณมาอย่างยาวนานในอดีต
ฟางหยวนถอนหายใจ พลังการต่อสู้ของเขาไม่เพียงพอที่จะคร่าชีวิตผู้เชี่ยวชาญเช่นจึ้งหลาน
ผู้อมตะระดับนี้ไม่สามารถถูกสังหารได้โดยง่าย เว้นเพียงพวกเขาจะถูกซุ่มโจมตีและติดอยู่ใน ท่าไม้ตายเขตแดนอมตะ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาจะต้องถูกฆ่าก่อนที่ท่าไม้ตายเขตแดนอมตะจะถูกทําลาย
แน่นอนว่าจิ้งหลานก็ไม่สามารถฆ่าฟางหวนได้เช่นกัน แม้นางจะรวดเร็ว แต่นางยังไม่สามารถหยุดฟางหยวนจากการเข้ามาในกําแพงภูมิภาค
อย่างไรก็ตามฟางหยวนตระหนักดีว่ากระทั่งเขาจะไม่สามารถสังหารจิ้งหลาน แต่เขายังต้องโจมตีนางต่อไป
“ข้าต้องลดพลังการต่อสู้ของคนผู้นี้ให้มากที่สุดเพื่อให้ข้ามีเวลามากขึ้นในการหลบหนี” เมื่อคิดได้เช่นนี้ฟางหยวนก็ชี้นิ้วของเขาออกไป
ท่าไม้ตายอมตะหมอกสับสน!
เดิมที่มันเป็นหมอกสีม่วงที่ครอบคลุมพื้นที่เล็กๆและสามารถสร้างความสับสนให้กับผู้อมตะระดับแปด แต่หลังจากมันถูกปรับเปลี่ยนโดยฟางหยวน ท่าไม้ตายนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อผู้อมตะระดับแปด แต่มันมีผลอย่างมากต่อผู้อมตะระดับเจ็ดและต่ํากว่า
ไม่เพียงสีของมันที่เปลี่ยนแปลงไป แต่ระยะโจมตีของมันยังเพิ่มขึ้นมาก อย่างไรก็ตามระยะเวลาการทํางานของมันลดลง
หลังการต่อสู้ที่ทะเลทรายผีเขียว ฟางหยวนปรับปรุงท่าไม้ตายนี้อีกครั้งด้วยความสําเร็จบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมที่สูงขึ้น
ด้วยการเพิ่มวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมและวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทาง แห่งการโจรกรรมอีกจํานวนมาก มันสามารถขโมยความสามารถในการรับรู้ทิศทางของศัตรู ดังนั้นพลังอํานาจของท่าไม้ตายอมตะหมอกสับสนจึงเพิ่มสูงขึ้นและอาจส่งผลกระทบต่อผู้อมตะระ ดับแปดได้อีกครั้ง
ทันใดนั้นหมอกจํานวนมากก็กระจายไปทั่วและทําให้จิ้งหลานรู้สึกสับสน
ฟางหยวนฉวยโอกาสนี้ส่งหมื่นมังกรออกไปโจมตีนางทันที
โอ้ ไม่ ข้าขาดวิญญาณอมตะหลายดวง ข้าไม่สามารถแม้แต่จะทําลายท่าไม้ตายระดับนี้ได้” จึ้งหลานพยายามหลายวิธีแต่นางพบว่าตนเองไม่สามารถจัดการท่าไม้ตายอมตะหมอกสับสนของ ฟางหยวนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“หือ? เกิดสิ่งใดขึ้น?” ฟางหยวนสังเกตสถานการณ์ทั้งหมดและรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นจิ้งหลานไม่สามารถทะลวงผ่านหมอกสับสน
แม้ฟางหยวนจะพัฒนาท่าไม้ตายอมตะหมอกสับสนมาแล้ว แต่มันยังเป็นเพียงท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ด
ฟางหยวนไม่คาดคิดว่าท่าไม้ตายนี้จะสามารถหยุดจิ้งหลานได้จริงๆ เขาต้องการเพียงชะลอความเร็วของจิ้งหลานลงเล็กน้อยเท่านั้น
จากด้านนอกหมอกสับสน ฟางหยวนสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของวิญญาณอมตะได้อย่างชัดเจน นี่คือความพยายามในการทําลายหมอกสับสนของจิ้งหลาน
แต่ท่าไม้ตายของนางทําให้หมอกสับสนบางลงเล็กน้อยเท่านั้น
ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายแหลมคม เขากระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะหมอกสับสนอีกครั้งทันที
หมอกสับสนกักขังจิ้งหลานเอาไว้ภายใน
“นางไม่สามารถออกมาได้จริงๆ!” ฟางหยวนเผยรอยยิ้มขมขื่น หากเขารู้เรื่องนี้มาก่อน เขาคงใช้ท่านี้ไปนานแล้วและไม่จําเป็นต้องหลบหนีอย่างน่าสังเวชเช่นนี้
อย่างไรก็ตามผลกระทบของท่าไม้ตายใดๆจะลดลงหากมันถูกใช้หลายครั้ง ไม่เพียงเป้าหมายจะระวังตัวมากขึ้น แต่มันยังจะเปิดเผยข้อบกพร่องและทําให้ฝ่ายตรงข้ามสามารถอนุมานวิธีต่อต้าน
ครั้งนี้มันเป็นเพียงว่าฟางหยวนไม่ได้คาดหวังว่าท่าไม้ตายนี้จะสามารถกักขังจิ้งหลานได้จริงๆ
นี่เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ
“สิ่งนี้เป็นตัวปัญหา!” จิ้งหลานตระหนักถึงเรื่องนี้เช่นกันขณะที่นางรู้สึกถึงกลิ่นอายแห่งความตายที่ใกล้เข้ามาฆ่า!
มังกรดาบบรรพกาลจํานวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าไปในหมอกสับสนและโจมตีจึ้งหลานจากทุกทิศทาง
จิ้งหลานไม่สามารถแยกแยะทิศทางและถูกโจมตีอย่างน่าอนาถ
กําแพงภูมิภาคยังกดดันนางตลอดเวลา ทุกครั้งที่นางใช้ท่าไม้ตายอมตะ นางจะประสบกับผลกระทบย้อนกลับ
“ข้าคือจิ้งหลานผู้ยิ่งใหญ่ จักรพรรดินีอสูรสายฟ้าจะตายที่นี่ไม่ได้!” เมื่อเวลาผ่านไปหัวใจของจิ้งหลานก็เริ่มจมดิ่งลง สถานการณ์ไม่เอื้ออํานวยต่อนางมากขึ้นเรื่อยๆ
“ไม่ ข้าต้องอดทน ข้ายังสู้ได้! แม้ข้าจะตาย ข้าก็ต้องนําฟางหยวนไปพร้อมกัน!” จิ้งหลานมองหน้าอกของตนเอง บาดแผลบนหน้าอกของนางใหญ่มากขณะที่หัวใจของนางยังสามารถมองเห็นจากภายนอก
หัวใจของนางผิดปกติมาก ทุกครั้งที่มันเต้น มันจะปล่อยสายฟ้าสีม่วงออกมาเสมอ
ในความเป็นจริงนี่คือไพ่ตายใบสุดท้ายของนาง
“กล้าหาญและแข็งแกร่ง แม้นางจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่นางยังอดทนและดูเหมือนนางจะยังมีไพ่ตายซ่อนอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นเจตจํานงของนางยังไม่แตกสลาย แม้ข้าจะลอบใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญามากมายแล้วก็ตาม
ฟางหยวนถอนหายใจและต้องยอมแพ้
เวลาเป็นสิ่งสําคัญในขณะนี้ ฟางหยวนจําเป็นต้องอนุมานและฟื้นฟูอาภรณ์วิญญาณโดยเร็วที่สุด
แม้สถานการณ์จะเอื้อประโยชน์ต่อเขา แต่วังสวรรค์จะไม่มองดูอยู่เฉยๆ พวกเขาจะส่งกําลังเสริมมาอย่างแน่นอนและนั้นจะเป็นหายนะที่แท้จริงสําหรับฟางหยวน
ฟางหยวนตัดสินใจจากไปทันที แต่เขาไม่ลืมที่จะใช้ท่าไม้ตายอมตะหมอกสับสนและหมื่นมังกรก่อนที่เขาจะออกเดินทาง
ล่าถอย!
ฟางหยวนเคลื่อนที่ลึกเข้าไปในกําแพงภูมิภาค
ภายในกําแพงภูมิภาคเขาจะปลอดภัย
เขาอนุมานและปรับปรุงอาภรณ์วิญญาณขณะเดินทาง
แต่ไม่นานเขาก็พบว่ามันยังเป็นเพียงอาภรณ์วิญญาณระดับเจ็ด มันจะดีกว่าหากเขาผสานมันเข้ากับผนึกภูตผี
“ผนึกภูตผีเป็นท่าไม้ตายอมตะระดับเก้า แม้มันจะเป็นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งการโจรกรรม แต่ก็มีคําว่าภูตผีอยู่ในชื่อของมันและมีความเกี่ยวข้องกับเส้นทางแห่งจิตวิญญาณเพราะมันสามารถปิดกั้นการรับรู้ของสิ่งมีชีวิตรูปแบบจิตวิญญาณ อาภรณ์ภูตผีเป็นวิธีที่ถูกต้อง ข้าต้องยกระดับท่าไม้ตายนี้ให้สูงขึ้นด้วยการใช้ผนึกภูตผี”
หลังจากพบทิศทางพัฒนาที่ถูกต้อง ฟางหยวนก็เริ่มอนุมานทันที
เขามีวิธีบนเส้นทางแห่งปัญญามากมายรวมถึงระดับความสําเร็จที่เพียงพอโดยเฉพาะความสําเร็จบนเส้นทางแห่งการโจรกรรม
เมื่อเวลาผ่านไป ในที่สุดฟางหยวนก็ประสบความสําเร็จในการอนุมาน เขากระตุ้นใช้งานอาภรณ์ภูตผีอีกครั้ง
วิธีใหม่นี้ทําให้อาภรณ์วิญญาณและผนึกภูตผีมีความเชื่อมต่อกันมากขึ้น ความขัดแย้งระหว่างพวกมันหายไปอย่างสมบูรณ์
สําเร็จ! ฟางหยวนตระหนักถึงประสิทธิภาพของมันและกําหมัดด้วยความยินดี
เขาสามารถปกป้องตนเองจากการอนุมานของวังสวรรค์ได้อีกครั้ง สิ่งนี้จะทําให้เขาปลอดภัยมากขึ้น
แต่หากเขายกเลิกท่าไม้ตายนี้ เขาจะถูกวังสวรรค์ค้นพบในที่สุด
ฟางหยวนรีบเดินทางไปยังภาคเหนือ
การรักษาท่าไม้ตายนี้เอาไว้ต้องใช้พลังงานอมตะจํานวนมากขณะที่เขาสูญเสียพลังงานอมตะ จํานวนมหาศาลไปในการต่อสู้กับจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าก่อนหน้านี้แล้ว
ในการต่อสู้ครั้งนี้ฟางหยวนต้องใช้ท่าไม้ตายอมตะหมื่นมังกรและท่าไม้ตายอมตะหมอกสับสนหลายครั้งอย่างที่ไม่เคยทํามาก่อน
ท่าไม้ตายอมตะเหล่านี้ใช้พลังงานอมตะจํานวนมาก
นอกจากนั้นเขายังใช้พลังงานอมตะกับการอนุมานท่าไม้ตายอมตะอาภรณ์ภูตผีฉบับปรับปรุงใหม่อีกจํานวนหนึ่ง
ทั้งหมดทําให้ฟางหยวนประสบความสูญเสียครั้งใหญ่ แต่มันไม่ได้หมายความว่าเขาไม่มีกําไร สามารถรักษาชีวิตรอด นี่คือผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด! ยิ่งไปกว่านั้นเขายังมีกระดูกซี่โครงสามชิ้นของจักรพรรดินีอสูรสายฟ้า!
“กระดูกซี่โครงสามชิ้นนี้ถูกตัดออกมาด้วยกรงเล็บมังกรของข้า ทุกชิ้นล้วนเป็นทรัพยากรอ มตะที่หาได้ยาก แต่พวกมันมาจากจักรพรรดินีอสูรสายฟ้า ข้าไม่กล้าใช้พวกมัน มันจะดีกว่าหาก ข้าวางขายพวกมันในสวรรค์สีเหลือง!”
บทที่ 1559 ผู้อมตะระดับเจ็ดอันดับหนึ่ง
วังสวรรค์
ในห้องโถงใหญ่ เทพธิดาจื่อเว่ยเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างช้าๆและหยุดอนุมาน นางถอนหายใจ “ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาของฟางหยวนช่างน่าทึ่งนัก เขาสามารถป้องกันการอนุมานของข้าได้อีกครั้ง”
ผู้อมตะระดับแปดเฉินอี้ที่ยืนอยู่ด้านข้างใช้ท่าไม้ตายอมตะต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรม ช่วยเทพธิดาจื่อเว่ยอนุมาน แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังล้มเหลว
เฉินอี้กล่าวด้วยการแสดงออกที่ซับซ้อน “ท่านหญิงจื่อเว่ย มีบางอย่างที่ข้าต้องรายงานท่าน”
“มันคือสิ่งใด?”
เฉินอี้เป็นเพียงผู้ช่วยขณะที่เทพธิดาจื่อเว่ยทุ่มเทความสนใจไปที่ฟางหยวนอย่างเต็มที่ ดังนั้นเฉินอี้จึงเป็นคนแรกที่ค้นพบการกระทําของฟางหยวน
เขารายงาน “กระดูกซี่โครงสามชิ้นของจักรพรรดินีอสูรสายฟ้ากําลังถูกวางขายอยู่ในสวรรค์สีเหลือง
“กระไรนะ!?” การแสดงออกของเทพธิดาจื่อเว่ยเปลี่ยนไปทันที
นางเร่งเชื่อมต่อสวรรค์สีเหลืองและเห็นกระดูกซี่โครงสามชิ้นถูกวางขาย มันดึงดูดความสนใจของผู้อมตะจํานวนมาก
“เป็นไปได้อย่างไร ปีศาจฟางหยวนมีพลังการต่อสู้ถึงระดับนี้แล้วงั้นหรือ!?”
“เห้อ…การเติบโตของเขารวดเร็วเกินไป เขากลายเป็นเจ้าเหนือหัวบนเส้นทางสายปีศาจของรุ่นนี้แล้ว”
“ฟางหยวนเป็นปีศาจต่างโลกและใช้วิญญาณกาลเวลาเพื่อกําเนิดใหม่ เขามีข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ในการบ่มเพาะ”
“ข้าจํานางได้ นี่คือจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าของวังสวรรค์ ผู้ใดจะคิดว่านางจะถูกฟางหยวนปราบปรามจริงๆ!”
“จักรพรรดินีอสูรสายฟ้าจิ้งหลาน นี่คือผู้เชี่ยวชาญที่ยิ่งใหญ่ในอดีต นางยังมีชีวิตอยู่อีกขั้นหรือ?”
“วังสวรรค์ได้รับการยกย่องว่าเป็นกองกําลังอันดับหนึ่ง พวกเขาพยายามจับฟางหยวนและส่ง ผู้อมตะระดับแปดออกมา แต่ดูสิ่งนี้ ฟางหยวนสามารถเอาชนะขณะที่นางตกอยู่ในสภาพที่น่าสังเวช”
เจตจํานงของกลุ่มผู้อมตะวิพากษ์วิจารณ์อย่างไม่รู้จบสิ้น
ร่างของเทพธิดาจื่อเว่ยสั่นสะท้านขึ้นด้วยความโกรธ
ฟางหยวนไม่เพียงขายกระดูกซี่โครงของจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าแต่เขายังใช้วิธีการบางอย่างเพื่อแสดงภาพการต่อสู้ระหว่างเขากับจิ้งหลานอย่างต่อเนื่อง
โดยธรรมชาติแล้วเขาเลือกที่จะแสดงภาพในช่วงเวลาที่เขาโจมตีจึงหลานได้สําเร็จเท่านั้น
“เราควรรายงานเรื่องนี้กับจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าหรือไม่?” เฉินอี้ถาม
จิ้งหลานเอาชนะหมื่นมังกรและกําจัดหมอกสับสนด้วยความยากลําบาก แต่เมื่อนางสามารถออกมา ฟางหยวนก็จากไปนานแล้วและไม่ทิ้งร่องรอยใดๆเอาไว้เบื้องหลัง
แม้เทพธิดาจื่อเว่ยจะสามารถอนุมานตําแหน่งของฟางหยวนได้ในเวลานั้น แต่พลังการต่อสู้ของจิ้งหลานตกลงอย่างมาก สถานการณ์ของนางค่อนข้างเลวร้าย นางจําเป็นต้องพักรักษาตัวเองชั่วระยะเวลาหนึ่ง
เมื่อกําลังเสริมมาถึงในภายหลัง พวกนางก็ออกไล่ล่าฟางหยวนอีกครั้ง
น่าเสียดายที่ฟางหยวนอยู่ลึกเข้าไปในกําแพงภูมิภาค แม้จิ้งหลานจะสามารถไล่ล่าต่อไป แต่กําลังเสริมของนางไม่มีวิธีการเดินทางในกําแพงภูมิภาคและต้องหยุดอยู่ที่ขอบนอกของกําแพงภูมิภาคเท่านั้น
จิ้งหลานไม่ยินดียอมรับความพ่ายแพ้ ด้วยความอัปยศ นางจึงไล่ล่าฟางหยวนต่อไปโดยไม่พักผ่อน แต่ในเวลานั้นเทพธิดาจื่อเว่ยก็สูญเสียความสามารถในการตรวจจับฟางหยวนไปแล้ว
“จื่อเว่ย ปีศาจฟางหยวนอยู่ที่ใด?” จึงหลานตะโกนถามเทพธิดาจื่อเว่ยด้วยความโกรธจัดแต่นางก็ไม่สามารถทําสิ่งใด
จิ้งหลานถูกบังคับให้หยุดไล่ล่าแต่นางยังกัดฟันแน่นและต้องการฆ่าฟางหยวนเพื่อลบล้างความอับอายของตน
เทพธิดาจื่อเว่ยเงียบไปชั่วขณะก่อนจะแจ้งผลลัพธ์กับจิ้งหลาน
“ว่าไงนะ!? เจ้าไม่สามารถค้นหาตําแหน่งของเขางั้นหรือ?” จิ้งหลานไม่พอใจ
“ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาของฟางหยวนไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แต่เขาจะไปที่แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาอย่างแน่นอน เราได้เตรียมการบางอย่างไว้แล้ว แม้เราจะล้มเหลวในครั้งนี้ แต่เราก็ได้กําไรมหาศาลเช่นกัน ไม่เพียงเราจะทําให้เขาสูญเสียพลังงานอมตะจํานวนมาก เรายังบังคับให้เขาเปิดไพ่หลายใบผู้อมตะเช่นเขาจะถูกกําจัดในการต่อสู้เพียงครั้งเดียวได้อย่างไร?” เทพธิดาจื่อเว่ยเกลี้ยกล่อมจิ้งหลาน
จิ้งหลานเงียบ
ไม่นานหลังจากนั้นนางก็ถอนหายใจยาว นางสงบจิตใจลงแล้ว
“ข้าประเมินเขาต่ำเกินไป คนผู้นี้มีพรสวรรค์ที่ไม่น่าเชื่อ เขาคู่ควรที่จะถูกคัดเลือกโดยเจตจํานงสวรรค์และนิกายเงา ครั้งต่อไปที่เราพบกัน ข้าจะไม่ทําพลาดเช่นในครั้งนี้!”
จิ้งหลานไม่ใช่คนบ้าระห่ํา หลังจากได้รับการแจ้งเตือน นางก็สามารถสงบอารมณ์และยอมรับความผิดพลาดของตนเองอย่างตรงไปตรงมา
“หากเปรียบเทียบกับฟางหยวน มีเรื่องที่น่าอึดอัดใจยิ่งกว่า…” เทพธิดาจื่อเว่ยแจ้งข่าวเกี่ยวกับสวรรค์สีเหลืองกับจิ้งหลาน
หัวใจที่พึ่งสงบลงของจิ้งหลานปะทุขึ้นอีกครั้งด้วยความโกรธ
“กระไรนะ!? ชายผู้นี้กล้าขายกระดูกซี่โครงของข้าจริงๆงั้นหรือ? ยืม ช่างอุกอาจนัก!”
จิ้งหลานเชื่อมต่อสวรรค์สีเหลืองและเห็นกระดูกซี่โครงของนางถูกวางขาย ความโกรธของนางพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ดวงตาของนางกลายเป็นแดงก่ำ
ไม่นานหลังจากนั้นนางยังเห็นภาพที่แสดงฉากการต่อสู้ที่ฟางหยวนกําลังทุบตีนาง นี่ทําให้นางกัดกรามจนแทบหัก “บัดซบ! เจ้าสารเลวผู้นี้ในอนาคตเมื่อเขาอยู่ในกํามือของข้า ข้าจะถลกหนัก ดังเส้นเอ็น และเลาะกระดูกของเขาออกมา!”
“แต่…เด็กเลวผู้นี้นาพวกมันไปวางขายจริงๆ เขาระวังตัวมาก นอกจากนั้นเขายังแสดงภาพ การต่อสู้เพียงบางส่วน ช่างไร้ยางอายจริงๆ”
จิ้งหลานสูดหายใจลึกและพยายามสงบจิตใจลง จากนั้นนางก็เริ่มคิด เขาใช้ทรัพยากรมากมายในการต่อสู้ครั้งนี้ รากฐานของเขาได้รับความเสียหายงั้นหรือ? อาจเป็นเพราะเหตุนี้เขาจึงวางขายกระดูกซี่โครงของข้าเพื่อเป็นการชดเชย? ข้าต้องซื้อพวกมันกลับมา!”
ด้านหนึ่งจิ้งหลานต้องการซื้อกระดูกซี่โครงเพื่อเชื่อมต่อกลับไป วิธีนี้จะทําให้การฟื้นตัวของนางรวดเร็วขึ้น
อีกด้านหนึ่งการปล่อยให้ฉากการต่อสู้และกระดูกซี่โครงของนางอยู่ในสวรรค์สีเหลืองแม้แต่วันเดียวก็จะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อชื่อเสียงของวังสวรรค์
ตั้งแต่อดีตอันไกลโพ้น วังสวรรค์ได้รับการยอมรับจากสาธารณชนว่าเป็นกองกําลังอันดับหนึ่งเสมอมา ตอนนี้ฟางหยวนวางขายกระดูกซี่โครงสามชิ้นของจักรพรรดินีจิ้งหลาน นี่เหมือนกับการตบหน้าวังสวรรค์ครั้งใหญ่
ไม่ใช่เรื่องดีที่เทพธิดาอเว่ยจะเคลื่อนไหวเนื่องจากจิ้งหลานเป็นผู้เกี่ยวข้อง
จิ้งหลานตระหนักถึงเจตนาของเทพธิดาจื่อเว่ย ดังนั้นนางจึงต้องกลืนความอัปยศและปกปิดตัวตนเพื่อเข้าไปเจรจากับฟางหยวนในสวรรค์สีเหลือง “เจ้าขายกระดูกซี่โครงเหล่านี้อย่างไร?”
“เจ้าเป็นผู้ใดกันแน่?”
“ข้ามาจากทะเลตะวันออก” จิ้งหลานกัดฟันกล่าว นางไม่เคยคิดว่าจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าที่ยิ่งใหญ่จะต้องปกปิดตัวตนเช่นนี้ “ข้าสนใจกระดูกซี่โครงสามชิ้นนี้มาก”
เจตจํานงของฟางหยวนหัวเราะ “มีผู้คนมากมายที่สนใจมัน”
จิ้งหลานกัดฟันกล่าวต่อ “แต่มีน้อยคนที่จะให้ราคาสูงได้เช่นข้า”
ฟางหยวนไม่ได้ทําตามความคาดหวังของนาง เขาไม่แม้แต่จะถามราคาที่นางเสนอและส่ายศีรษะทันที “ไม่ว่าเจ้าจะเสนอราคาเท่าใด ข้าก็ไม่ขาย!”
“ไม่ขายงั้นหรือ? หากเจ้าไม่ขาย เจ้าจะนําพวกมันมาวางไว้ที่นี่เพื่อสิ่งใด?” จิ้งหลานโกรธมาก
ฟางหยวนเย้ยหยัน “เพื่อความสนุก! เจ้ามีปัญหางั้นหรือ?”
“พรวด!”
จิ้งหลานหมดความอดทนและอักเลือดออกมาทันที “ฟางหยวน! ข้า จิ้งหลาน จะทําทุกอย่างเพื่อฆ่าเจ้า!”
สิบวันต่อมาฟางหยวนก็กลับไปถึงแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา
ระหว่างทาง ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอมตะอาภรณ์ภูตผีตลอดเวลา
‘สุดท้ายข้าก็ไม่ต้องใช้อาภรณ์ภูตผีอีกต่อไป’ ฟางหยวนถอนหายใจด้วยความโล่งอกขณะยก เลิกการทํางานของท่าไม้ตายอมตะอาภรณ์ภูตผี
“ผู้อาวุโสฟางหยวน ในที่สุดเจ้าก็กลับมาแล้ว!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาที่ยืนรออยู่เร่งเข้ามาทักทาย
แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาถูกรุกรานแต่ฟางหยวนไม่ได้เข้าร่วม แล้วเหตุใดจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจึงแสดงออกอย่างเป็นมิตรเช่นนี้?
เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเพราะฟางหยวนวางขายกระดูกซี่โครงของจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าในสวรรค์สีเหลือง
ฟางหยวนไม่ได้ขายพวกมัน ด้านหนึ่งเป็นการตบหน้าวังสวรรค์ อีกด้านหนึ่งเพราะแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา
แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาถูกกลุ่มของฟงจิวเก้อรุกรานและทุบตีอย่างน่าสังเวช นั่นทําให้ขวัญกําลังใจของสมาชิกพันธมิตรมนุษย์กลายพันธุ์ตกต่ําลงอย่างต่อเนื่อง
หลังจากทั้งหมดวังสวรรค์เป็นผู้นําเผ่าพันธุ์มนุษย์กําหราบเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์และกดขี่พวกเขามาตลอด
ดังนั้นเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์จึงรู้สึกหวาดกลัวเผ่ามนุษย์และต้องซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดของโลกใบนี้
อย่างไรก็ตามเมื่อฟางหยวนสามารถทุบตีจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าและเปิดเผยฉากการต่อสู้ในสวรรค์สีเหลือง มันจึงถือเป็นข่าวดีสําหรับเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ เมื่อข่าวแพร่กระจายออกไป มันก็เหมือนแสงอาทิตย์ที่สาดส่องมายังพวกเขาและปัดเป่าความโศกเศร้าทั้งหมดออกไป
“ผู้อาวุโสฟางหยวน ครั้งนี้เจ้าทําได้ดีมาก! ก่อนหน้านี้ข้าพยายามขอยืมมังกรหินแรกกําเนิดจากเผ่ามนุษย์หิน แต่พวกเขาทําตัวคลุมเครือ อย่างไรก็ตามเมื่อข่าวการต่อสู้ของเจ้าถูกเผยแพร่ออกมา ทัศนคติของพวกเขาก็เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากล่าว “ตอนนี้เจ้ากลับมาแล้ว เราสามารถข่มขู่เผ่ามนุษย์หินเพื่อขอยืมมังกรหิน ในเวลานั้นเราจะมีพลังการต่อสู้ระดับแปดเพิ่มขึ้นและการย้ายแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาก็จะไม่เป็นปัญหา!”
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารู้สึกมีขวัญกําลังใจ
แต่ฟางหยวนไม่ได้มองโลกในแง่ดีเหมือนอีกฝ่าย วังสวรรค์ต้องเตรียมการเอาไว้มากมาย มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะย้ายแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา
อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนที่จะอธิบายเรื่องนี้กับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา
ฟางหยวนมองไปยังกลุ่มคนที่อยู่ด้านหลังจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา
คนเหล่านี้เป็นผู้อมตะจากพันธมิตรสี่เผ่าพันธุ์ พวกเขาออกมาต้อนรับฟางหยวนด้วยรอยยิ้ม
ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะปิงหยวนยกย่อง “ผู้อาวุโสฟางหยวนเป็นอัจฉริยะจากสวรรค์ที่แท้จริง กระทั่งจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของท่าน การต่อสู้ครั้งนี้ทําให้ท่านกลายเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดอันดับหนึ่งของโลกใบนี้!”
ปิงหยวนยิ้มกว้าง ฟางหยวนหมั้นหมายกับสตรีเผ่ามนุษย์หิมะ ด้วยเหตุนี้เขาจึงถูกมองว่าเป็นมนุษย์หิมะครึ่งหนึ่ง ปิงหยวนเป็นผู้ริเริ่มแผนการนี้ ดังนั้นยิ่งฟางหยวนแข็งแกร่งเท่าใด นางก็ยิ่งมีความสุขเท่านั้น
ก่อนหน้านี้ฟางหยวนและฟงจิวเก้อครอบบัลลังก์อันดับหนึ่งร่วมกัน แต่หลังจากฟางหยวนแสดงฉากการต่อสู้ที่เขาสามารถเอาชนะจักรพรรดินีอสูรสายฟ้า โลกทั้งใบจึงส่งเสียงโห่ร้องด้วยความอัศจรรย์ใจ
ฟงจิวเก้อบุกแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาแต่เขาไม่ได้เผยแพร่ฉากเหตุการณ์ดังกล่าวออกไป ด้วยเหตุนี้ชื่อเสียงของฟางหยวนจึงพุ่งทะยานขึ้นเหนือฟงจิวเก้อและได้รับการยอมรับจากสาธารณชนว่าเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดอันดับหนึ่งของโลกใบนี้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น