คัมภีร์วิถีเซียน 1556-1559

ตอนที่ 1556 แดนที่ถูกล้อม

 

หานลี่กวาดสายตาไปอย่างร้อนรน ผลคือตะลึงงัน


 


 


เบื้องหน้าคือจัตุรัสขนาดสองสามพันจั้ง ล้วนสร้างขึ้นจากศิลาสีขาวชนิดหนึ่ง และด้านในล้วนเต็มไปด้วยฝูงชนที่ไม่รู้ว่ามีอยู่กี่คนก็สุดจะรู้ได้


 


 


คนเหล่านี้ล้วนสวมเกราะรูปทรงต่างๆ ดูคล้ายคลึงกับมนุษย์ แต่ในรายละเอียดยิบย่อยนั้นกลับแตกต่างกันเป็นอย่างมาก


 


 


บ้างก็มีหูยาวๆ สองข้าง ราวกับหูกระต่าย บ้างก็มีขนสีดำปุกปุย ราวกับลิงชิมแปนซีตัวสูง และยังมีลำแสงสีทองระยิบระยับปกคลุมเรือนกายอยู่ ราวกับทั่วสรรพางค์กายคือเกราะสีทอง มองไม่เห็นเครื่องหน้าเลยสักกระผีก แม้กระทั่งชาวตระกูลวาที่ร่างมนุษย์ท่อนบนร่างอสรพิษท่อนล่างก็ยังปะปนอยู่ในนั้น


 


 


แต่ที่เยอะที่สุดก็ยังคงเป็นชนต่างเผ่าผิวสีเขียวอ่อน ใบหน้าซีดขาว พวกเขาทุกคนล้วนสวมเกราะสงครามสีเขียว มือถือขวานยาวเปล่งแสงสีแดงระยิบระยับ


 


 


ชนต่างเผ่าเหล่านี้มีทั้งบุรุษและสตรี แต่ทุกคนล้วนกำลังสุมหัวกัน ใบหน้ามีความร้อนใจอย่างสุดขีด


 


 


ทว่าคลื่นลมปราณบนร่างกายของคนเหล่านี้มีทั้งมากและน้อย พลังยุทธ์ทั้งสูงและต่ำ แต่ส่วนใหญ่ล้วนอยู่ในระดับสร้างปราณและระดับจิตวิญญาณสีทอง ระดับก่อกำเนิดและระดับเทพแปลงนั้นไม่ใช่ว่าจะไม่มี แต่ก็มีเพียงหร็อมแหร็ม รวมตัวกันอยู่อย่างสันโดษ กลายเป็นกลุ่มใหญ่


 


 


พวกเขาส่วนใหญ่ล้วนยืนอยู่หน้าสุด กำลังซุบซิบอะไรด้วยเสียงแผ่วเบา


 


 


หานลี่กวาดจิตสัมผัสไปอย่างรวดเร็ว กลับพบชนต่างเผ่าระดับหลอมสุญตาสามคนในบรรดาชนชั้นสูงเหล่านั้น แล้วพลันตะลึงงัน


 


 


จากสิ่งที่ชิงเสี่ยวกล่าว อีกด้านของเขตอาคมส่งตัวนี้ น่าจะเป็นเมืองขนาดเล็กที่มีผู้ดูแลกลุ่มเล็กๆ ผลัดเปลี่ยนกันบริหารสองสามกลุ่ม


 


 


ตามทฤษฎีแล้วผู้ที่นั่งบัญชาการซึ่งมีพลังยุทธ์สูงสุดก็จะอยู่แค่ระดับเทพแปลงคนสองคนเท่านั้น ปกติแล้วจะมีผู้บำเพ็ญเพียรมาปรากฏตัวแค่สี่ห้าพันคน


 


 


แต่ตอนนี้ในจัตุรัสเบื้องหน้าไม่เพียงมีผู้บำเพ็ญเพียรมารวมตัวกันนับพันหมื่นคน คาดไม่ถึงว่าจะมีผู้ที่อยู่ในระดับเดียวกับเขามากขนาดนี้


 


 


นี่จะไม่ทำให้หานลี่ประหลาดใจได้อย่างไร


 


 


หรือว่าไม่ได้ติดต่อกันสองสามพันปี ‘เมืองแสงมรกต’ เล็กๆ แห่งนี้ก็มีความเปลี่ยนแปลงอะไรแล้ว


 


 


แล้วยิ่งไปกว่านั้นจิตสัมผัสของเขายังสัมผัสได้ว่าทั้งจัตุรัสแห่งนี้มีคลื่นเขตอาคมอยู่รางๆ และทุกคนก็ยืนอยู่บนพื้นไม่เห็นผู้ใดเหาะเหินเดินอากาศ เห็นได้ชัดว่าที่นี่มีเขตอาคมห้ามเหาะเหินอยู่


 


 


หานลี่แววตาเปล่งประกายสองสามครา สูดลมหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง ทันใดนั้นก็เดินเข้าไปในฝูงชนอย่างเนิบช้า


 


 


ในยามที่หานลี่อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นนั้น ตรงจุดที่ชนต่างเผ่าระดับหลอมสุญตารวมตัวกัน ผู้ที่หัวโตเป็นพิเศษและยิ่งไปกว่านั้นยังดูเหมือนคนแคระก็ร้องอุทานออกมาเบาๆ มือหนึ่งล้วงเข้าไปในอกเสื้อควักจานไม้ออกมา


 


 


ด้านบนมีดวงไฟหลากสีสันและมีอักขระไม่คุ้นเคยลอยพลิ้วไปมาอยู่


 


 


“อันใด พี่หยวนพบอะไรหรือ” ชนต่างเผ่าผิวสีเขียวอ่อนอีกคนหนึ่งเอ่ยปากถาม


 


 


“อยู่ๆ ที่นี่ก็มีสหายร่วมวิถีระดับสามเพิ่มมาคนหนึ่ง หากข้าจำไม่ผิดละก็เขตอาคมส่งตัวในเมืองที่ใช้ได้ถูกเผ่าหนอนมีเขาตัดไปแล้ว เหตุใดถึงมีคนส่งตัวมาที่นี่อีก!” ชนต่างเผ่าหัวโตผู้นั้นมีสีหน้าประหลาดใจ


 


 


“มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ หรือว่ายามนั้นเผ่าหนอนมีเขาเกิดสะเพร่าปล่อยให้เขตอาคมส่งตัวนี้หลุดรอดไป ถ้าหากเป็นเช่นนั้นละก็รีบตามหาคนผู้นี้แล้วซักถามให้ละเอียดเถิด” ชนต่างเผ่าผิวสีเขียวอ่อนหน้าเปลี่ยนสีพลางเอ่ยด้วยความยินดี


 


 


“นั่นเป็นไปไม่ได้เขตอาคมส่งตัวทั้งหมดข้าได้ตรวจสอบด้วยตัวเองมาแล้วครั้งหนึ่ง ทั้งหมดไร้ประสิทธิภาพหมดแล้วแน่นอน” ชนต่างเผ่าหัวโตจ้องเขม็งไปยังจานไม้ในมือแล้วสั่นศีรษะเป็นพัลวัน


 


 


“ไม่ต้องพูดพร่ำไร้สาระรีบตามหาคนผู้นี้ แค่ถามพวกเราก็รู้แล้วไม่ใช่หรือ พี่หยวนจากลำแสงวิญญาณในมือของเจ้าน่าจะหาตำแหน่งคนผู้นั้นได้เจอได้อย่างง่ายดายสินะ” ชนต่างเผ่าที่มีลำแสงสีแดงเพลิงห่อหุ้มกายอีกคนหนึ่งได้ยินบทสนทนาของทั้งสองก็อดไม่ไหวเอ่ยปากขึ้น


 


 


“หึๆ คนผู้นี้เพิ่งปรากฏตัว ยังอยู่ในจัตุรัสข้าใช้เขตอาคมล็อตตำแหน่งเอาไว้แล้ว อยู่ตรงนั้น” ชนต่างเผ่าหัวโตแววตาเปล่งประกาย ชั่วครู่ก็มองไปยังตำแหน่งของหานลี่


 


 


แน่นอนว่าคนอื่นๆ ย่อมเหลือบไปมองแวบหนึ่ง


 


 


แม้ในจัตุรัสจะคลาคล่ำไปด้วยผู้คน และยิ่งไปกว่านั้นหานลี่เองก็ใช้เคล็ดวิชาอำพรางพลังยุทธ์ แต่เมื่ออยู่ท่ามกลางชนต่างเผ่าระดับต่ำก็ยังคงสะดุดตาอยู่ดี จึงถูกชนต่างเผ่าระดับหลอมสุญตาเหล่านี้หาพบได้ในทันที


 


 


ยามนี้หานลี่เพิ่งจะเข้ามาใกล้คนเหล่านั้นก็ได้ยินเข้าสองประโยค เมื่อถูกชนต่างเผ่าระดับหลอมสุญตาเหล่านั้นมองมา ก็มองกลับไปตามสัญชาตญาณโดยทันที จึงประสานสายตาเข้ากับคนเหล่านั้น


 


 


ขมวดคิ้วมุ่น เขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่คนเหล่านี้ได้ตามหาตนพบได้อย่างรวดเร็ว ทว่าหลังจากครุ่นคิดเล็กน้อยก็เดินไปหาทั้งสามคนด้วยท่าทีทะนงองอาจ


 


 


หลังจากผ่านไปชั่วครู่เขาก็ยืนอยู่ตรงหน้าชนต่างเผ่าระดับหลอมสุญตาสี่คน พลางพิจารณาอีกฝ่ายสองสามแวบ


 


 


“สหายเพิ่งมาถึงเมืองแสงมรกตสินะ! ไม่ทราบว่ามีนามเรียกขานอย่างไร?” มือของชนต่างเผ่าหัวโตมีลำแสงสว่างวาบ จานไม้หายวับไป จากนั้นพลันเอ่ยถามอย่างราบเรียบ


 


 


“ข้าน้อยแซ่หาน เพิ่งมาถึงเมืองแห่งนี้จริงๆ ที่นี่เกิดอันใดขึ้นหรือว่ากำลังจะเปิดสงครามอะไรกัน?” หานลี่กวาดสายตาไปซ้ายทีขวาทีแล้วกลับย้อนถามด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก


 


 


“ที่แท้ก็สหายหานนี่เอง ดูแล้วสหายคงส่งตัวมาจากสถานที่อันไกลแสนไกลสินะ มิเช่นนั้นจะไม่รู้ว่าเผ่าหนอนมีเขาเริ่มยึดเผ่าเมฆาสวรรค์ทั้งสิบสามของพวกเราได้อย่างไร?” ชายหัวโตจ้องเขม็งไปยังหานลี่หลังจากผ่านไปชั่วครู่ถึงได้เผยสีหน้าแปลกประหลาดออกมาขณะเอ่ย


 


 


“เผ่าหนอนมีเขา!” หานลี่พลันหน้าเปลี่ยนสีไปยกใหญ่


 


 


เผ่านี้จัดอยู่ในสิบเผ่าขนาดใหญ่ของทั้งแดนวิญญาณ


 


 


“พี่หานเรื่องอื่นเจ้าค่อยอธิบายภายหลังได้ แต่เจ้าส่งตัวมายังเมืองแสงมรกตได้อย่างไร ตามหลักการแล้วเขตอาคมส่งตัวมายังเมืองตามช่องทางอื่นๆ ถูกเผ่าหนอนมีเขาตัดขาดไปตั้งนานแล้ว” ชนต่างเผ่าผิวสีเขียวที่อยู่ด้านข้างอดไม่ไหวเอ่ยถามขึ้น


 


 


“ข้าน้อยส่งตัวมาจากนอกมหาสมุทร” หานลี่ไม่ได้ปิดบังอะไรพลางตอบกลับอย่างแช่มช้า


 


 


“นอกมหาสมุทร? เมืองแสงมรกตเล็กๆ แห่งนี้มีเขตอาคมส่งตัวด้วยหรือ?” เมื่อได้ยินคำนี้ชนต่างเผ่าที่มีลำแสงสีแดงปกคลุมพลันรู้สึกประหลาดใจ


 


 


“เขตอาคมส่งตัวไปนอกมหาสมุทรมีอยู่สองแห่งจริงๆ ทว่าพวกมันเสียไปตั้งหลายปีแล้ว สหายมาจากนอกมหาสมุทรใด” ชนต่างเผ่าหัวโตเผยสีหน้าตกใจออกมาเช่นกัน


 


 


“หมู่เกาะปะการังเพลิง!”


 


 


ความคิดของหานลี่แวบผ่านไปมาอย่างรวดเร็วแต่ก็ตอบกลับไปอย่างหมดเปลือก


 


 


“ที่แท้ก็ที่นั่นเอง! หากข้าจำไม่ผิดละก็เขตอาคมนั้นเสียหายไปตั้งหลายพันปีและตัดขาดความสัมพันธ์กับเมืองแสงมรกตไปตั้งนานแล้ว สหายอธิบายได้หรือไม่” ชายหัวโตเอ่ยพึมพำเผยสีหน้าฉงนสงสัยได้อย่างไม่อาจปิดบังได้


 


 


“ความจริงแล้วนั้นง่ายมาก…” หานลี่อธิบายเรื่องที่เขตอาคมส่งตัวถูกทำลายในปีนั้นอย่างละเอียดด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปลง แต่ระหว่างนั้นก็ไม่ได้เอ่ยถึงประวัติความเป็นมาของตนเองเลยสักนิด จึงทำให้คนเหล่านั้นคิดว่า หานลี่เป็นผู้บำเพ็ญเพียรที่มาจากมหาสมุทรผืนนั้น


 


 


“สุดท้ายแม้ว่าข้าน้อยจะบังเอิญชิงผลึกท้องฟ้าเมฆากลับมาได้ แต่ตอนที่ซ่อมแซมเขตอาคมกลับเกิดอุบัติเหตุขึ้น ไม่ใช่แค่บันทึกเขตอาคมส่งตัวที่มีปัญหาผลึกท้องฟ้าเมฆาที่อยู่ในท้องของอสูรมหาสมุทรก็เกิดกลายพันธุ์ เมื่อทดสอบเขตอาคมนี้จึงส่งตัวได้ครั้งละหนึ่งคนเท่านั้น และยิ่งไปกว่านั้นและทุกครั้งที่ส่งตัวจะต้องรออีกเจ็ดวันถึงจะสามารถส่งตัวได้อีกครั้งได้ มิเช่นนั้นจะพังในทันที” หานลี่เอ่ยอย่างกลัดกลุ้ม


 


 


ตอนนี้แม้ว่าเขาจะอยากอาศัยเขตอาคมจากไปในทันทีก็เป็นไปไม่ค่อยได้


 


 


เมื่อได้ฟังคำพูดก่อนหน้าชนต่างเผ่าทั้งสามพลันเผยสีหน้าตื่นเต้นดีใจออกมา เมื่อได้ยินสองประโยคสุดท้ายกลับหน้าเปลี่ยนสี


 


 


“เช่นนั้นเขตอาคมส่งตัวที่สหายใช้ก็ใช้การไม่ได้อีกแล้วหรือ” ชนต่างเผ่าผิวสีเขียวรู้สึกสิ้นหวัง


 


 


“เช่นนั้นแหละ!” หานลี่ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง


 


 


“ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อคำพูดของสหายหานแต่แค่เรื่องนี้มันเป็นเรื่องใหญ่มาก พวกเราต้องไปตรวจสอบด้วยตัวเอง พี่หานไม่มีข้อคิดเห็นอะไรสินะ” หลังจากที่ชนต่างเผ่าทั้งสามมองสบตากันแวบหนึ่ง ชนต่างเผ่าหัวโตก็หัวเราะแห้งๆ พลางเอ่ยออกมา


 


 


“ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” หานลี่หัวเราะน้อยๆ ออกมา


 


 


“พี่หง เจ้าอยู่พบคนอื่นที่นี่ก่อนพวกเราจะไปตรวจสอบเขตอาคมส่งตัวนั้นสักหน่อย” หลังจากที่ชนต่างเผ่าหัวโตหันหน้ากลับไปก็เอ่ยกับชนต่างเผ่าที่อยู่ในลำแสงสีแดงด้วยความเคร่งขรึม


 


 


“ตกลง ทั้งสองรีบไปรีบกลับล่ะ!” ชนต่างเผ่าในลำแสงสีแดงลังเลเล็กน้อยแต่ก็พยักหน้าตอบรับ


 


 


ดังนั้นทั้งสองคนจึงตามหานลี่ไปยังเขตแดนของจัตุรัส


 


 


หลังจากผ่านไปชั่วครู่ทั้งสามคนก็กลับมายังห้องโถงส่งตัวที่หานลี่เดินออกมา


 


 


เขตอาคมส่งตัวอันนี้อยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ


 


 


“มีร่องรอยห้วงเวลาอยู่เพิ่งมีคนใช้เขตอาคมส่งตัวที่นี่จริงๆ” ชนต่างเผ่าผิวสีเขียวกวาดจิตสัมผัสไปทั่วทั้งห้องโถงแล้วเอ่ยขึ้นทันที


 


 


ชนต่างเผ่าหัวโตกลับเดินเข้าไปในเขตอาคมส่งตัวในทันที หลังจากเดินวนสองสามรอบ มือหนึ่งพลันร่ายอาคม ลำแสงสีเขียวสายหนึ่งโจมตีไปที่เขตอาคมส่งตัว


 


 


ชั่วขณะนั้นเขตอาคมส่งตัวที่เงียบกริบก็เปล่งเสียงหึ่งๆ ขึ้นทันที ลำแสงสีขาวอ่อนปรากฏขึ้น


 


 


เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ชนต่างเผ่าผิวสีเขียวพลันเบิกตาทั้งสองข้างเผยสีหน้าตื่นตะลึงออกมา


 


 


แต่ครู่ต่อมาเขตอาคมส่งตัวกลับหยุดเปล่งเสียง ลำแสงวิญญาณสลายหายไปกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง


 


 


“ไม่ได้เขตอาคมอีกด้านไม่มั่นคงท่าทางถูกปิดไปแล้ว” ชนต่างเผ่าหัวโตมีสีหน้าเคร่งขรึมและเอ่ยอย่างเนิบช้า


 


 


เมื่อได้ยินคำนี้ชนต่างเผ่าผิวสีเขียวพลันมีสีหน้าเคร่งเครียด


 


 


“สหายทั้งสองสถานการณ์ของเมืองแห่งนี้วิกฤติขนาดนั้นเชียวหรือ? เรื่องของเผ่าหนอนมีเขาอธิบายให้ข้าน้อยฟังได้หรือไม่” หานลี่กลับเอ่ยถามขึ้นในยามนั้นด้วยความเยือกเย็น


 


 


“มีอะไรให้ต้องพูดถึงกัน สหายเองก็เห็นว่าเมืองแสงมรกตเล็กๆ ของพวกเรามีเพียงผู้บำเพ็ญเพียรจำนวนมากมารวมกันแค่นั้นเอง พวกเขาส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้ที่หนีมาจากละแวกนี้ เดิมทีก็อยากอาศัยเขตอาคมส่งตัวของเมืองเราหนีไปแต่กลับคิดไม่ถึงว่าเผ่าหนอนมีเขาจะลงมืออย่างรวดเร็วเช่นนี้ เขตอาคมที่เชื่อมโยงกับเมืองอื่นๆ ของเผ่าเราทั้งหมดล้วนสูญประสิทธิภาพไปพร้อมกัน เดาว่าไม่เมืองเหล่านั้นถูกโจมตีก็เป็นเพราะคนของเผ่าหนอนมีเขาส่งคนมาตัดขาดการเชื่อมโยงกับเมืองนี้ แต่ในเมื่อสหายเพิ่งมาถึง ดูแล้วกว่าครึ่งคงเป็นเพราะเหตุผลแรก ส่วนทัพหน้าของเผ่าหนอนมีเขานั้นมาถึงเมืองแล้ว กำลังรอแม่ทัพอยู่ ส่วนพวกเราก็กำลังรวบรวมกำลังพลทิ้งเมืองนี้จากไป แต่สิ่งสำคัญก็คือกองทัพหน้าของเผ่าหนอนมีเขาพวกนั้น จะหนีไปได้หรือไม่ก็เป็นเรื่องที่พูดยาก อย่างน้อยที่สุดผู้ที่อยู่ในระดับสูงอย่างพวกเรา พวกเขาก็ไม่มีทางปล่อยไปง่ายๆ แน่” ชนต่างเผ่าหัวโตอธิบายพร้อมกับหัวเราะอย่างขมขื่น


 


 


หานลี่ได้ฟังคำเหล่านี้ สีหน้าพลันดูไม่ได้

 

 

 


ตอนที่ 1557 เรือสงคราม

 

ในครานั้นเองฉับพลันนั้นพลันมีเสียงอึกทึกดังออกมาจากด้านนอกประตูหิน กำแพงรอบด้านมีลำแสงสีขาวปรากฏขึ้น กะพริบระยิบระยับ พื้นดินสั่นคลอน ราวกับห้องโถงทั้งหมดจะพังทลายลงมาอย่างไรอย่างนั้น


 


 


“นี่มันอะไรกัน เกิดเรื่องอะไรขึ้น!”


 


 


การสั่นสะเทือนนี้แน่นอนว่าไม่อาจส่งผลกระทบให้คนเบื้องหน้าได้ แต่ก็ทำให้ทั้งสามคนอดที่จะหน้าเหยเก ชนต่างเผ่าผิวสีเขียวร้องอุทานออกมาด้วยความตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยว จากนั้นชนต่างเผ่าผิวสีเขียวและชนต่างเผ่าหัวโตพลันมองสบตากันแวบหนึ่ง ลำแสงหลีกหนีปรากฏขึ้นแทบจะในเวลาเดียวกัน จากนั้นพลันกลายเป็นสายรุ้งสีเขียวสายหนึ่งพุ่งออกไป ร่างกายรางเลือน หายวับไปจากที่เดิม


 


 


แม้ว่าจัตุรัสแห่งนี้จะวางเขตอาคมห้ามเหาะเหินเอาไว้ แต่จากพลังยุทธ์อย่างพวกเขา ขอแค่ฝืนควบคุมพลังปราณในร่าง เขตอาคมระดับนี้ย่อมไม่อาจผูกมัดพวกเขาไม่ให้สำแดงเคล็ดวิชาหลีกหนีได้ แต่แค่มันจะเสียลมปราณมากหน่อยเท่านั้น


 


 


ส่วนหานลี่เองก็ไม่ลังเลอะไร หลังจากกวาดสายตาไปที่เขตอาคม ลังเลเล็กน้อย พลันสะบัดแขนเสื้อ ลำแสงสีเขียวสายหนึ่งพุ่งออกมาวนล้อมรอบเขตอาคม


 


 


เสียง ปังๆ ดังขึ้น ชั่วพริบตาลำแสงสีเขียวพลันสับมันจนแหลกละเอียด จากนั้นถึงเปล่งแสงสว่างวาบแล้วพุ่งออกไป


 


 


ยามนี้ผิวของหานลี่ถึงได้มีลำแสงวิญญาณปรากฏขึ้น พาเงาที่ไม่สมบูรณ์แบบออกไป


 


 


เมื่อเขาออกมาจากประตูหิน เห็นเพียงว่าในจัตุรัสกำลังเกิดความวุ่นวาย ผู้คนกำลังวิ่งกรูกันเข้าไปหลบตามอาคารโดยรอบ


 


 


กลางอากาศเหนือจัตุรัส มีม่านลำแสงสีฟ้าอ่อนปรากฏขึ้นตั้งแต่เมื่อใดก็สุดจะรู้ได้ ห่อหุ้มเมืองทั้งเมืองเอาไว้ ส่วนด้านนอกม่านลำแสงสูงขึ้นไปตั้งไม่รู้เท่าใด ลูกบอลลำแสงสีขาวขนาดน้อยใหญ่ไม่เท่ากันจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังโจมตีลงมาราวกับห่าฝน


 


 


บนม่านลำแสงระเบิดลำแสงเจิดจ้าออกมา ในเวลาเดียวกันเสียงอึกทึกพลันดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เครื่องป้องกันสั่นคลอนไม่หยุด ท่าทางจะต้านทานเอาไว้ไม่ไหว


 


 


หานลี่พลันตะลึงงัน เงยหน้าจ้องมองนอกม่านลำแสงอย่างร้อนรน รูม่านตาเปล่งแสงสีฟ้าสว่างวาบไม่หยุด


 


 


ผ่านไปชั่วครู่ หลังจากที่หางตาของหานลี่กระตุกสองสามครั้ง ก็สูดลมหายใจเย็นยะเยือกเข้าไปเฮือกหนึ่ง


 


 


ภายใต้อิทธิฤทธิ์เนตรวิญญาณของเขา เขามองเห็นการโจมตีเหล่านั้นอย่างชัดเจน


 


 


สูงขึ้นไปสามสี่พันจั้ง มี ‘หมู่เกาะ’ ยักษ์ปรากฏขึ้น


 


 


ไม่ผิด มันกำลังกะพริบระยิบระยับ ราวกับสร้างขึ้นจากเงินบริสุทธิ์อย่างไรอย่างนั้น ‘หมู่เกาะเงิน’ มีขนาดเกือบหมื่นจั้ง ส่วนตีนหมู่เกาะนั้นกลับมีเสาผลึกสีขาวเต็มไปหมด ผิวของมันมีอักขระเปล่งแสงวิบวับ กำลังพ่นลูกบอลลำแสงออกมา เดียรดาษเต็มท้องฟ้า


 


 


“แย่แล้ว นี่คือเรือสงครามยักษ์ของเผ่าหนอนมีเขา! จะเป็นไปได้อย่างไร หรือว่าแม่ทัพของเผ่าหนอนมีเขามาถึงแล้ว” ชนต่างเผ่าหัวโตควักกระจกสีฟ้าออกมาตั้งแต่เมื่อใดก็สุดจะรู้ได้ จ้องเขม็งไปสองสามแวบ ก็ร้องอุทานด้วยเสียงแหบแห้งออกมา


 


 


“ตอนนี้พูดไปจะมีประโยชน์อะไร พวกเรารีบหนีกันเถิด พี่หยวน เจ้านั่งบัญชาการเมืองนี้มาตั้งหลายปี จะต้องรู้ทางลับหนีออกนอกเมืองอยู่บ้างสินะ” ชนต่างเผ่าผิวสีเขียวที่อยู่ใกล้เคียง ได้ยินคำนี้ พลันรีบร้อนถามขึ้น


 


 


“ข้าน้อยรู้อยู่ทางหนึ่ง ที่สามารถเชื่อมตรงไปยังภูเขาน้อยห่างออกไปสี่สิบลี้เศษ ทว่าในเมืองมีสหายร่วมวิถีเผ่าต่างๆ เยอะขนาดนี้ ก็ไม่อาจปล่อยไว้ได้ ข้าจะให้ทุกคนไปรวมตัวที่ประตูเมือง ให้ทุกคนหนีไปตาโชคชะตาฟ้าลิขิตก็แล้วกัน หากดวงดี ไม่แน่ว่าอาจจะหนีออกมาได้ส่วนหนึ่ง” ชนต่างเผ่าหัวโตมีสีหน้าลังเลฉายแวบผ่าน ทันใดนั้นพลันกัดฟันเอ่ยขึ้น


 


 


“ได้ ตามนั้น” ชนต่างเผ่าที่มีลำแสงสีแดงห่อหุ้มร่างกายพุ่งมาจากอีกด้านของจัตุรัส ได้ยินคำนี้ก็เอ่ยเห็นด้วยอย่างต่อเนื่อง


 


 


หานลี่และชนต่างเผ่าผิวสีเขียวเองก็ไม่มีความเห็นอื่น


 


 


ชายหัวโตเห็นเช่นนั้น ก็ไม่ลังเลอีก!


 


 


ผิวของเขาเปล่งแสงสีเหลืองสว่างวาบ ฉับพลันนั้นลำแสงสีเหลืองสายหนึ่งพลันพุ่งออกไปจากร่าง พลิ้วไหวเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นเงาลวงตายักษ์สูงร้อยจั้ง


 


 


เครื่องหน้าและอาภรณ์ล้วนเหมือนกับชนต่างเผ่าหัวโตทุกกระเบียดนิ้ว


 


 


เงาลวงตายิ่งใหญ่ขนาดนี้ ประกอบกับลำแสงสีทองที่เจิดจ้า แน่นอนว่าย่อมแสบตาเป็นอย่างยิ่ง


 


 


ฉับพลันนั้นเงาลวงตาพลันตะโกนทุ้มต่ำออกมา น้ำเสียงราวกับระฆังโบราณอย่างไรอย่างนั้น ทุกคนที่ได้ยินเสียงนี้ พลันรู้สึกจิตสัมผัสสั่นคลอน แต่เดิมที่มีสีหน้าตื่นตะลึง อดที่จะรู้สึกผ่อนคลายลงเป็นอย่างมากไม่ได้


 


 


ชั่วขณะนั้นสายตานับพันนับหมื่นคู่ในจัตุรัสพลันชะงัก ล้วนจ้องมองไปยังเงาลวงตาชายหัวโตกลางอากาศ


 


 


ส่วนเงาลวงตาที่ชนต่างเผ่าหัวโตเอ่ยนั้น ถึงได้เอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า


 


 


“สหายทุกท่านไม่ต้องร้อนใจ เขตอาคมป้องกันของเมืองเราเพียงพอที่จะต้านทานได้อีกระยะหนึ่ง ไม่มีทางถูกทำลายแน่ ตอนนี้ทุกคนรีบไปรวมตัวกันที่ประตูเมืองทั้งสี่แห่ง อีกหนึ่งเค่อข้าจะถอนเขตอาคมที่ประตูเมือง ให้เหล่าสหายหนีไป ทว่าก่อนที่จะหนีไป ข้าขอเตือนเหล่าสหายก่อน ครั้งนี้เผ่าหนอนมีเขาทำการโจมตีโดยไม่ได้ประกาศล่วงหน้า มีเจตนาจะทำลายล้างเผ่าเมฆาสวรรค์ทั้งสิบสามเผ่าของพวกเรา ทุกคนอย่าคิดจะกดความคับแค้นเข้าข้างคนผิด จากที่ข้ารู้มาผู้ที่ถูกจับได้ ไม่ถูกโยนไปเป็นทาสที่คุกน้ำแข็งเพลิงทมิฬของเผ่าหนอนมีเขา ก็จะถูกค้นวิญญาณไปเป็นยุทธภัณฑ์ปรุงยา” ชนต่างเผ่าหัวโตเอ่ยประโยคที่เคร่งขรึมออกมา!


 


 


ชนต่างเผ่าในจัตุรัสมองสบตากันแวบหนึ่ง จากนั้นพลันร้อนตะโกนออกมา แตกฮือออกหนีไป


 


 


หลังจากออกจากจัตุรัสแล้ว ทุกคนพลันกลายเป็นลำแสงหลีกหนีตรงไปยังประตูเมืองทั้งสี่ทันที


 


 


ชนต่างเผ่าหัวโตเพิ่งร่ายอาคม กลางอากาศมีเงาลวงตาปรากฏขึ้น เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป จากนั้นเขาพลันหันหน้าไป เอ่ยกับหานลี่และพวกทั้งสามว่า


 


 


“เหล่าสหายตามข้ามา พวกเราเป็นเป้าหมายที่ค่อนข้างใหญ่ ไม่อาจไปกับพวกเขาได้” คนอื่นๆ เองพลันทยอยกันพยักหน้า


 


 


ดังนั้นทั้งสี่คนจึงกลายเป็นลำแสงสี่สายบินออกจากจัตุรัสในพริบตา


 


 


เวลานี้ม่านลำแสงสีฟ้าเหนือเมืองถูกลูกบอลลำแสงระเบิดออกจนมีลำแสงสีขาวปกคลุมจนมิด


 


 


ลำแสงป้องกันสีฟ้าเริ่มเปล่งแสงครืดๆ ต่ำๆ ออกมา นี่หมายความว่าเขตอาคมขีดจำกัดแล้ว ชนต่างเผ่าหัวโตบินไปพลางมองไปกลางอากาศไม่หยุดไปพลาง ใบหน้าเผยสีหน้าทุกข์ระทม


 


 


“อันใด พี่หยวนยังเสียดายเมืองนี้อีกหรือ!” ชนต่างเผ่าในลำแสงสีแดงเอ่ยประโยคนี้อย่างราบเรียบ


 


 


“ผู้แซ่หยวนนั่งบัญชาการเมืองแสงมรกตมาพันกว่าปี เขตอาคมป้องกันทั้งหมดของเมืองนี้ล้วนเป็นฝีมือของข้าน้อย เวลานี้ต้องจำใจทิ้งไป แน่นอนว่าย่อมรู้สึกเสียดายอยู่บ้าง” ชนต่างเผ่าหัวโตต่างไม่ได้ปิดบัง ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งขณะเอ่ย


 


 


“พี่หยวนไม่ต้องเศร้าใจถึงเพียงนี้ แม้ว่าเผ่าหนอนมีเขาจะยิ่งใหญ่ แต่หากพวกเราเผ่าเมฆาสวรรค์ทั้งสิบสามเผ่าร่วมมือกัน ก็ไม่เห็นว่าจะด้อยกว่าเผ่านี้ตรงไหน ไม่แน่ว่าอาจจะแย่งคืนกลับมาได้สักวัน” ชนต่างเผ่าในลำแสงสีแดงเอ่ยปลุกปลอบ


 


 


“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้นกระมัง” ชนต่างเผ่าหัวโตต่างหัวเราะอย่างขมขื่น


 


 


“พี่หยวน แม่ทัพของเผ่าหนอนมีเขาจะมาอย่างรวดเร็วเพียงนี้ได้อย่างไร สายลับที่ส่งออกไปสองวันก่อนยังบอกว่าพวกเขาต้องใช้เวลาอีกสองวันไม่ใช่หรือ เหตุใดวันนี้เรือสงครามของเผ่าหนอนมีเขาถึงมาถึงได้ หรือว่าทัพหน้าของเผ่าหนอนมีเขาใช้เล่ห์เหลี่ยมอันใด” ชนต่างเผ่าผิวสีเขียวเอ่ยถาม


 


 


“ข้าก็ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทัพหน้าเผ่าหนอนมีเขาไม่ได้นำสิ่งใดที่มีระดับเดียวกับ ‘เรือสงคราม’ มาด้วย แต่เรือสงครามที่ปรากฏในตอนนี้คือเรือสงครามระดับ ‘ป้อมปราการ’ ที่เป็นรองระดับ ‘เขตแดน’ และระดับ ‘เมือง’ ด้านในน่าจะมีผู้ที่มีพลังยุทธ์ถึงเผ่าศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราจะต่อกรได้” ชายหัวโตแซ่หยวนสั่นศีรษะด้วยสีหน้าเคร่งขรึม


 


 


“หึ ต่อให้ข้างในไม่มีเผ่าศักดิ์สิทธิ์ เรือสงครามลำใหญ่เช่นนี้ระดับเดียวกันกับพวกเราก็คงมีแน่ ก็มีเพียงต้องหนีเอาชีวิตรอดเช่นกัน หวังเพียงว่าผู้ที่อยู่บนเรือสงครามจะไม่สังเกตเห็นพวกเรา ไปสนใจคนอื่นแทน” ชนต่างเผ่าในลำแสงสีแดงต่างหัวเราะ หึๆ ออกมา


 


 


หานลี่ได้ยินแล้วพลันตะลึงงัน อดที่จะมองไปทางชายหัวโตแซ่หยวนแวบหนึ่งไม่ได้ เห็นเขามีสีหน้าราบเรียบไม่ได้มีท่าทีปฏิเสธ ก็เข้าใจขึ้นมาในทันที!


 


 


ที่แท้เมื่อครู่ที่คนผู้นี้บอกกับคนอื่นๆ ให้หนีไปความจริงแล้วคืออยากให้พวกเขาดึงความสนใจของเผ่าหนอนมีเขาจะได้ทำให้แผนจักจั่นลอกคราบของเขาสำเร็จและหนีไปได้อย่างเงียบๆ


 


 


ทว่าแม้ว่าหานลี่จะรู้สึกใจหายวาบ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา


 


 


เมื่อเผชิญหน้ากับเรื่องที่เกี่ยวพันกับชีวิตน้อยๆ ของตัวเอง แน่นอนว่าไม่อาจกล่าวหาว่าการกระทำของอีกฝ่ายไม่ถูกต้องได้


 


 


ทว่าในใจของหานลี่กลับรู้สึกระมัดระวังตัวต่อชนต่างเผ่าทั้งสามคนนี้ขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว


 


 


จากพลังยุทธ์ของทั้งสี่คน แน่นอนว่าย่อมบินได้อย่างรวดเร็ว แค่พริบตาพวกเขาก็มาถึงหน้าหอคอยที่ดูธรรมดาแห่งหนึ่ง


 


 


ประตูบานใหญ่ของหอคอยนี้ปิดสนิทอยู่!


 


 


ชนต่างเผ่าแซ่หยวนไม่รอให้ร่อนลำแสงหลีกหนีลงไปก็สะบัดแขนเสื้อพายุหอบหนึ่งม้วนวนออกไป


 


 


ประตูใหญ่ดูเหมือนถูกพลังมหาศาลโจมตี ชั่วครู่พลันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ หายวับไป


 


 


หานลี่และพวกเปล่งแสงสว่างวาบตรงเข้าไปในหอคอยในทันที


 


 


ชั้นหนึ่งของหอคอยนั้นว่างเปล่า นอกจากโต๊ะเก้าอี้สองสามตัวแล้วก็มีเพียงเทวรูปนิรนามพิงกำแพงสูงสองสามจั้งองค์หนึ่ง


 


 


เทวรูปนี้มีเรือนกายสีดำกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น ท้องใหญ่ดุจหม้อ สี่เนตรสี่กร ขาทั้งสองลีบแบน ท่าทางแปลกพิกล


 


 


หลังจากหานลี่และพวกกวาดตามองหารอบๆ ต่างมองออกว่าอะไรคือทางเข้า อดไม่ได้ที่จะมองทางชนต่างเผ่าแซ่หยวนพร้อมกัน


 


 


ชนต่างเผ่าหัวโตแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นสายตาของหานลี่และพวก สองเท้าของตนเองไม่เคลื่อนไหว คนกลับลื่นล้มตรงหน้าเทวรูป


 


 


อ้าปากออกพ่นผลึกกลมสีเหลืองออกมาเม็ดหนึ่ง จากนั้นพลันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในศีรษะของเทวรูปอย่างไร้ร่องรอย


 


 


เสียง “ครืดๆ” ดังขึ้น ลำแสงเจิดจ้าสว่างวาบ คลื่นที่ดูเหมือนระลอกคลื่นของผิวน้ำปรากฏออกมาจากผิวของเทวรูป


 


 


เทวรูปที่แต่เดิมไม่มีชีวิตชีวา ดวงเนตรทั้งสี่เปล่งแสงสีเหลืองเจิดจ้ากรทั้งสี่โบกสะบัดเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าเสียงอึกทึกจะดังขึ้นพร้อมกับหยัดกายลุกขึ้นยืน


 


 


คาดไม่ถึงว่าเทวรูปองค์นี้จะเป็นหุ่นเชิดตัวหนึ่ง


 


 


แต่เมื่อชนต่างเผ่าหัวโตใช้สองมือร่ายอาคมกระตุ้นหุ่นเชิดนี้ฉากที่น่าตื่นตะลึงพลันปรากฏขึ้น


 


 


เห็นเพียงกรทั้งสี่ของหุ่นเชิดโบกสะบัดลำแสงสีเหลืองสว่างจ้า ร่างกายขยายขึ้นสองสามเท่า จนร่างกายแทบจะคับแน่นชั้นหนึ่ง จากนั้นกรพลันตบไปที่ท้องตนเอง


 


 


ลำแสงวิญญาณเปล่งแสงสว่างวาบ ยันต์เขตอาคมประหลาดปรากฏขึ้น จากนั้นเสียง ชิ้ง พลันดังขึ้น ท้องของเทวรูปหุ่นเชิดเผยประตูบานเล็กออกมาบานหนึ่ง และเปิดออกมาด้านนอกโดยอัตโนมัติ


 


 


ที่ว่างขนาดสองสามจั้งปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน ส่วนพื้นของที่ว่างมีเขตอาคมส่งตัวขนาดเล็กสองสามจั้งอยู่!


 


 


ชนต่างเผ่าแซ่หยวนก้าวเข้าไปอย่างไม่ลังเล เดินเข้าไปในท้องของหุ่นเชิดและยืนอยู่บนเขตอาคมส่งตัว

 

 

 


ตอนที่ 1558 ทหารไล่ล่า

 

“เหล่าสหาย เขตอาคมนี้จะส่งตัวไปในทางลับ ข้าขอล่วงหน้าไปก่อน” ชนต่างเผ่าแซ่หยวนฉีกยิ้ม ยกมือขึ้นอาคมสายหนึ่งโจมตีไปยังเขตอาคมส่งตัว


 


 


เขตอาคมเปล่งแสงสีขาว ร่างชนต่างเผ่ารางเลือน หายวับไปจากกลางเขตอาคมอย่างไร้เงา


 


 


เหลือไว้เพียงหุ่นเชิดเทวรูปที่ยังยืนนิ่งงันอยู่ที่เดิม


 


 


“พี่หยวนช่างมีความคิดที่ยอดเยี่ยมจริงๆ คาดไม่ถึงว่าจะนำเขตอาคมส่งตัวไปไว้ในตัวหุ่นเชิด” คนผิวสีเขียวฉีกยิ้ม สาวเท้าตามไป ในเวลาเดียวกันมือหนึ่งก็ยกขึ้นกระตุ้นเขตอาคม คนถูกส่งตัวออกไป


 


 


“พี่หาน เชิญท่านก่อนเถิด” แต่หลังจากที่ชนต่างเผ่าในลำแสงสีแดงกวาดสายตามาบนเรือนร่างของหานลี่แล้ว ก็เอ่ยอย่างถ่อมตน


 


 


หานลี่ได้ยินแล้วพลันรู้สึกประหลาดใจ แต่ก็พยักหน้าด้วยสีหน้าราบเรียบ ร่างกายพลิ้วไหวตรงไปเบื้องหน้า


 


 


ส่งตัวไปอย่างรวดเร็ว! หานลี่ไม่ทันได้รู้สึกไม่สบายตัวอะไรด้วยซ้ำ คนก็มาปรากฏตัวอยู่ในถ้ำขมุกขมัว


 


 


สอดส่ายสายตาไปซ้ายทีขวาที ถ้ำมีพื้นที่ไม่ใหญ่นัก ขนาดสิบจั้งเศษเท่านั้น แต่เพดานถ้ำกลับมีผลึกศิลาเปล่งแสงแขวนอยู่ สะท้อนทุกอย่างในนั้นอย่างชัดเจน


 


 


ส่วนตรงกำแพงถ้ำด้านข้างมีทางเดินสี่เหลี่ยมสูงสองสามจั้งอยู่


 


 


ชนต่างเผ่าหัวโตและชาวผิวสีเขียวยืนอยู่ด้านข้าง ชายหัวโตมองจานอาคมในมือด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แววตาเปล่งประกายกำลังขบคิดอะไรสักอย่าง


 


 


หานลี่พลิ้วกายเดินออกมาจากเขตอาคมส่งตัวใต้ฝ่าเท้า ชั่วครู่ใจกลางเขตอาคมก็มีลำแสงสีขาวสว่างวาบ ชนต่างเผ่าลำแสงสีแดงปรากฏกาย


 


 


เมื่อเห็นทุกคนมาครบแล้ว ชายหัวโตพลันเงยหน้าฉีกยิ้มกับทุกคน คิดจะเอ่ยปากพูดอะไร ฉับพลันนั้นเสียงอึกทึกพลันดังขึ้นทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน ถ้ำทั้งถ้ำสั่นคลอนเบาๆ


 


 


ชั่วขณะนั้นทุกคนในถ้ำพลันหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย


 


 


“อย่าเสียเวลาเลย พวกเรารีบออกจากที่นี่กันเถิด เกรงว่าเครื่องป้องกันของเมืองนี้คงจะประคับประคองได้อีกไม่นานแล้ว” ชาวผิวสีเขียวเอ่ยอย่างร้อนใจ


 


 


“อืม นี่ก็เป็นเวลาพอสมควรแล้ว ข้าจะเปิดเขตอาคมตรงประตูเมืองทั้งสี่ออก ให้คนอื่นหนีไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน”


 


 


ชาวหัวโตพยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม โยนจานอาคมในมือขึ้นไปกลางอากาศ สองมือร่ายอาคมอย่างรวดเร็ว


 


 


อาคมหลากสีสันเป็นสายๆ กะพริบวาบจมหายเข้าไปในจานอาคม


 


 


หลังจากผ่านไปชั่วครู่อาคมก็เปล่งเสียงคำรามต่ำๆ ออกมา ผิวของมันลำแสงไหลโคจรอยู่ สุดท้ายเสียง ปัง พลันดังขึ้นแล้วแตกสลายออก


 


 


ฉากนี้ทำให้คนที่เหลืออีกสามคนตกตะลึงไปพร้อมกัน


 


 


ยุทธภัณฑ์ควบคุมระเบิดตัวเอง นี้ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ง่ายดายแค่การปิดเขตอาคมสินะ


 


 


“ข้าระเบิดเขตอาคมใต้เมืองแสงมรกตแล้ว หลังจากนี้หนึ่งชั่วยาม เมืองทั้งเมืองจะกลายเป็นเถ้าธุลี” ชายหัวโตดูเหมือนจะมองความตกใจของทั้งสามออก ปากจึงร้องหึๆ ออกมาขณะเอ่ย


 


 


“ระเบิดเขตอาคม!” เมื่อได้ยินหานลี่พลันใจหายวาบ


 


 


คนผู้นี้ช่างจิตใจโหดเ**้ยมเสียจริง!


 


 


แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะไปรวมตัวกันที่ประตูเมืองทั้งสี่ แต่ในเมืองจะต้องมีคนธรรมดาและผู้บำเพ็ญเพียรที่แอบอยู่ในเมืองไม่ออกไปอยู่ไม่น้อย


 


 


เช่นนั้นนับว่าเมืองแสงมรกตแห่งนี้ก็กลายเป็นหลุมฝังศพแล้ว


 


 


ชนต่างเผ่าอีกสองคนได้ยิน ก็มองสบตากันแวบหนึ่งด้วยความประหลาดใจ


 


 


แต่ทั้งสามล้วนไม่ทันได้เอ่ยอะไร เพราะว่าขณะที่ชายหัวโตพูด ลำแสงหลีกหนีพลันปรากฏขึ้น กลายเป็นลำแสงสีเหลืองสายหนึ่งพุ่งไปยังทางเดินสายนั้น


 


 


หานลี่และพวกจึงต้องกลายเป็นลำแสงหลีกหนีแล้วติดตามไป


 


 


เวลานี้กลางอากาศบนพื้นดิน ตรงประตูเมืองต่างๆ ของเมืองแสงมรกต เดิมทีมีม่านลำแสงปกคลุมทั้งเมืองเอาไว้ จู่ๆ ตรงประตูเมืองก็มีรูเส้นผ่าศูนย์กลางขนาดร้อยจั้งเศษปรากฏขึ้น


 


 


ชนต่างเผ่าจำนวนนับไม่ถ้วนที่มารวมตัวกันอยู่ตรงประตูเมือง กลายเป็นลำแสงจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกไป ราวกับดาวตกอย่างไรอย่างนั้น ทยอยกันหนีเตลิดไปทั่วทุกสารทิศ


 


 


พริบตานั้นลำแสงหลีกหนีเหล่านั้นก็ร่อนลงบนพื้น จมหายเข้าไปในดินอย่างไร้ร่องรอย บ้างก็กลิ้งหลุนๆ อยู่บนพื้นหญ้า อำพรางกายหายไปอย่างไร้เงาเช่นกัน


 


 


นี่คือเคล็ดวิชาหลีกหนีของชนต่างเผ่าที่เชี่ยวชาญด้านดินและต้นไม้


 


 


แต่คนส่วนใหญ่ยังคงขับเคลื่อนยุทธภัณฑ์เหาะเหินต่างๆ ใต้ร่าง บินต่ำๆ ออกไป


 


 


แทบจะทุกคนดูเหมือนนัดกันไว้ล่วงหน้าแล้ว คนส่วนใหญ่ล้วนเปิดแนบเอาชีวิตรอดกันเป็นรูปพัด ไม่มีผู้ใดรวมตัวกัน


 


 


ยามนี้ ‘หมู่เกาะ’สีเงินของชนชั้นสูงเผ่าหนอนมีเขากลางอากาศเหนือเมืองย่อมพบเรื่องที่ชาวเมืองหนีไปแล้ว ทันใดนั้นเกาะยักษ์พลันเปล่งแสงสีเงินระยิบระยับ ด้านบนมีอินทรีสองหัวขนาดยักษ์บินออกมาหลายตัว


 


 


อินทรียักษ์เหล่านั้น ไม่เพียงมีสองหัว ร่างกายใหญ่ยักษ์ขนาดสามสี่จั้ง บนร่างยังมีเกราะสงครามหยาบๆ สวมอยู่ กรงเล็บยักษ์ทั้งสองสวมปลอกนิ้วทำจากทองเอาไว้ แหลมคมเป็นอย่างยิ่ง เปล่งประกายเย็นเยียบชวนให้ตะลึงงัน


 


 


อินทรียักษ์เหล่านี้มีประมาณพันกว่าตัว บินออกมาจากเกาะยักษ์ สยายปีกทั้งสองออกแล้วตรงไปยังชนต่างเผ่าในเมืองแสงมรกตที่กำลังวิ่งกันอุตลุดด้านล่าง ทุกตัวล้วนมีความเร็วที่น่าตะลึงงัน ไม่ด้อยไปกว่าผู้บำเพ็ญเพียรระดับจิตวิญญาณสีทอง


 


 


เมื่ออินทรียักษ์เหล่านั้นบินไปจนหมด บนเกาะยักษ์ก็ยังคงมีลำแสงสว่างวาบ มีอีกกลุ่มหนึ่งบินออกมา


 


 


แต่ครั้งนี้สิ่งที่บินออกมา กลับเป็นเรือไม้สีดำขนาดแค่สิบจั้ง


 


 


เรือไม้เหล่านั้นมีความยาวสิบจั้ง สลักอักขระสีดำมะเมื่อมเอาไว้ ด้านบนมีนักรบสวมชุดเกราะสีครามสีเงินนั่งอยู่ตั้งแต่สามไปจนถึงห้าคน


 


 


‘เรือไม้’ สีดำเหล่านี้ บินออกมาร้อยกว่าลำภายในอึดใจเดียว ความเร็วด้อยกว่าอินทรียักษ์เหล่านั้นเล็กน้อย แต่เมื่อกะพริบวาบ ก็อยู่ห่างออกไปแปดเก้าจั้ง ความเร็วยังคงเหนือกว่าลำแสงหลีกหนีของชนต่างเผ่าส่วนใหญ่ที่อยู่ด้านล่าง


 


 


หลังจากเผ่าหนอนมีเขาปล่อยกองทัพไล่ล่าออกมาสองกลุ่ม เกาะยักษ์ก็เงียบสงบลง แต่หลังจากนั้นไม่นาน เสียงคำรามก็ดังออกมาจากเกาะ เงาร่างยักษ์เจ็ดแปดสายบินออกจากเกาะ


 


 


 เจ้าพวกนี้ทุกตัวล้วนมีขนาดยี่สิบสามสิบจั้ง แผ่นหลังมีปีกห้าสีคู่หนึ่ง


 


 


ภายใต้การพินิจมองอย่างละเอียด คาดไม่ถึงว่าจะเป็นอสูรรูปร่างคล้ายมังกรวารีติดปีกที่โหดเ**้ยม!


 


 


นอกจากปีกที่งดงามเป็นพิเศษคู่หนึ่งแล้ว มังกรวารีติดปีกก็มีเรือนกายสีทองระยิบระยับ ไม่แตกต่างกับมังกรวารีธรรมดาเลยสักกระผีก


 


 


เมื่อพวกมันบินออกมาจากเกาะ ร่างกายอันใหญ่โตแค่พลิ้วไหว ร่างของมันก็หายวับไปจากกลางอากาศ


 


 


ครู่ต่อมามังกรวารีสีทองติดปีกพลันมาปรากฏตัวห่างออกไปสามสิบสี่สิบจั้ง ความเร็วของมันทำให้ผู้คนตกตะลึงปากอ้าตาค้าง


 


 


หลังจากทหารไล่ล่าสามระลอกบินออกมาจากเกาะยักษ์ตามลำดับแล้ว ชนต่างเผ่าที่หลบหนีอยู่ไกลๆ ก็เกิดความร้อนรน ทยอยกันพยายามหนีไปให้ไกลอย่างสุดชีวิต


 


 


แต่แม้นว่าชนต่างเผ่าเหล่านี้จะมีอยู่มากมายหลายคน แต่พลังยุทธ์ก็แตกต่างกันไป ผู้ที่มีพลังยุทธ์สูงหน่อยนั้นหนีออกไปเกินยี่สิบสามสิบลี้ตั้งนานแล้ว เหลือไว้เพียงจุดดำๆ ผู้ที่มีพลังยุทธ์ย่ำแย่ที่สุดบินออกจากเมืองแสงมรกตไปได้แค่สิบลี้เศษเท่านั้น


 


 


และยิ่งไปกว่านั้นคนเหล่านี้ยังมีจำนวนมากที่สุด แทบจะในครู่ต่อมาก็ถูกอินทรียักษ์สองหัวไล่ตามทัน


 


 


อินทรียักษ์เหล่านี้โฉบลงไปทีละตัวๆ พาพายุกระหน่ำลงมาด้วย กรงเล็บที่แหลมคมสวมปลอกนิ้วคู่นั้นของพวกมัน ทะลวงผ่านลำแสงวิญญาณและยุทธภัณฑ์ป้องกันตัวของชนต่างเผ่าระดับต่ำเหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย ตะปบไปยังหัวและไหล่ทั้งสองอย่างแรง แล้วออกแรงฉีกไม่ก็โยนขึ้นไปกลางอากาศ


 


 


ชั่วพริบตาร่างของชนต่างเผ่าเหล่านี้ก็ถูกฉีกออกเป็นสองส่วน โลหิตสดๆ สาดกระเซ็น บ้างก็ถูกโยนขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างไม่อาจควบคุมตัวเองได้ ถูกอินทรียักษ์สองสามตัวที่รอคอยอยู่แล้วกรูกันเข้ามาจิกกิน ชั่วพริบตาร่างกายก็มีรูโลหิตมากกว่าสามสี่รู ชีวิตปลิดปลิวไปตั้งแต่บัดนั้นเช่นกัน


 


 


แน่นอนว่าชนต่างเผ่าบางพวกก็ไม่ยอมนิ่งเฉยรอความตาย คนจำนวนไม่น้อยรวมตัวกัน บ้างก็ปล่อยยุทธภัณฑ์ออกมาบ้างก็สำแดงเคล็ดวิชา ชั่วขณะนั้นการโจมตีหลากสีสันจึงทยอยกันโจมตีไปยังอินทรียักษ์ที่โฉบลงมาด้านล่าง


 


 


ทว่าการโจมตีของคนเหล่านี้มันมีอานุภาพต่ำต้อยเกินไป เกราะสงครามสีขาวบนร่างของอินทรียักษ์เหล่านั้นมีพลังป้องกันที่แข็งแกร่งมาก


 


 


นอกจากแค่สิบกว่าตัวที่ถูกโจมตีจนร่วงลงมาโดยไม่ทันตั้งตัวแล้ว การโจมตีที่เหลือที่โจมตีไปบนร่างของอินทรียักษ์ ล้วนถูกเกราะสงครามเปล่งแสงสีขาวเป็นชั้นๆ ออกมาต้านทานไว้


 


 


และอินทรียักษ์เหล่านี้กลับถูกการโจมตีเหล่านี้ทำให้โกรธเกรี้ยว ปากเปล่งเสียงร้องแหลมๆ ออกมา ทยอยกันโฉบลงมาอีกครั้ง เริ่มการโจมตีที่ดุดันยิ่งกว่าเดิม


 


 


ชั่วพริบตาพลันมีเสียงกรีดร้องอันน่าเวทนาดังขึ้น บนพื้นดินมีซากศพที่มีโลหิตไหลนองสองสามร้อยศพ


 


 


ยามนี้เรือไม้สีดำด้านหลังพลันบินออกมาจากกลางอากาศ


 


 


เห็นเพียงนักรบชุดเกราะที่ยืนอยู่ด้านบน ต่างกำลังตวัดอาวุธต่างๆ ไปมา เมื่อลำแสงสีเงินร่วงลงมาจากท้องฟ้า คนปกติเมื่อโดนโจมตี ก็ทยอยกันร่างกายระเบิดออก ไม่อาจต้านทานได้เลย


 


 


แต่โชคดีที่นักรบชุดเกราะเหล่านั้นไม่ได้สนใจผู้ที่มีพลังยุทธ์ต่ำต้อยเหล่านั้น เรือไม้สีดำกะพริบวาบอย่างต่อเนื่อง พุ่งแฉลบผ่านอากาศต่ำๆ ไปไล่ตามชนต่างเผ่าที่มีพลังยุทธ์ค่อนข้างสูงด้านหน้า


 


 


ส่วนมังกรวารีประหลาดสองสามตัวที่บินออกมาท้ายสุด ก็พุ่งเข้าไปไล่ล่าชนต่างเผ่าที่มีพลังยุทธ์สูงที่สุดเบื้องหน้าโดยไม่แม้แต่จะหยุดพัก


 


 


จากความเร็วของพวกเขา การไล่ตามชนต่างเผ่าระดับสูงเหล่านั้นล้วนเป็นเรื่องที่ใช้เวลาเพียงชั่วครู่


 


 


ยามนี้ใจกลางของเมืองแสงมรกตฉากสงครามการไล่สังหารและสังหารกลับพลันกระจายไปทั่ว!


 


 


แทบจะในเวลาเดียวกัน ห่างจากเมืองแสงมรกตไปสิบลี้เศษ บนหุบเขานิรนามแห่งหนึ่ง กำแพงหินที่ดูธรรมดาพลันเปล่งแสงสีเขียวสว่างวาบ เสียงระเบิดอึกทึกพลันดังขึ้น


 


 


หลังจากที่ระเบิดออก รูยักษ์สีดำสนิทพลันปรากฏขึ้นบนกำแพงหิน


 


 


จากนั้นเสียง “สวบๆ” พลันดังออกมาจากถ้ำ สายรุ้งสองสามสายพุ่งออกมาจากด้านใน จากนั้นพลันหมุนโคจร ลำแสงหม่นแสงลง เผยร่างชนต่างเผ่าสี่คนออกมา


 


 


นั่นก็คือหานลี่และพวก!


 


 


แม้ว่าเป็นเพราะที่นี่ค่อนข้างเปล่าเปลี่ยวรกร้าง และยิ่งไปกว่านั้นเป็นเพราะไม่ได้อยู่ตรงประตูเมืองสักบาน ดังนั้นจึงไม่มีทหารไล่ล่าของเผ่าหนอนมีเขาใดๆ มาปรากฏกาย แต่ชายหัวโตและพวกก็ยังคงมีสีหน้าระแวดระวัง รีบร้อนกวาดจิตสัมผัสไปในบริเวณรอบแล้วดึงกลับมาในทันที


 


 


“คนของเผ่าหนอนมีเขาไม่ได้อยู่แถวนี้ รีบไปกันเถิด จากนี้พวกเราต้องแยกกันเดินทางคนละทาง หากรวมตัวกัน เกรงว่าจะหลบซ่อนจากหูตาของเผ่าหนอนมีเขาได้ยาก” ชายผิวสีเขียวมีสีหน้ายินดี แล้วชิงเอ่ยขึ้น


 


 


“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว ทว่าก่อนที่เหล่าสหายจะไป ข้าน้อยมีเรื่องไหว้วานสักหน่อย เหล่าสหายอย่าปฏิเสธล่ะ!” ชายหัวโตพยักหน้า กวาดสายตาไปที่คนที่เหลือทั้งสามคน ลังเลเล็กน้อย แล้วพลันเอ่ยขึ้น


 


 


“ช่วย ช่วยอะไร?” ชนต่างเผาในลำแสงสีแดงได้ยิน พลันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย


 


 


หานลี่และชายผิวสีเขียวเผยสีหน้าแปลกประหลาดออกมา

 

 

 


ตอนที่ 1559 ของในกล่อง

 

 


 


ชายหัวโตสูดลมหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง ขยับฝ่ามือควักกล่องหยกสีขาวอ่อนออกมาสามใบ


 


 


ทุกใบมียันต์วิเศษสีแดงสดสองสามแผ่นแปะอยู่ อักขระยันต์ลอยอยู่รางๆ


 


 


“กล่องใบนี้มีของสำคัญมากกับเผ่าเมฆาสวรรค์ทั้งสิบสามเผ่าของพวกเรา หากสหายทั้งสามนำของสิ่งนี้ไปส่งให้พวกเราที่เผ่าหมื่นโบราณได้ แน่นอนว่าย่อมมีผลประโยชน์ที่คาดไม่ถึงแน่ แต่หากเหล่าสหายถูกเผ่าหนอนมีเขาไล่ตามทัน ทางที่ดีที่สุดก่อนจะโดนจับ ให้ทำลายกล่องใบนี้ทันที มิเช่นนั้นหากตกอยู่ในมือของเผ่าหนอนมีเขา จะเป็นการเรียกความเจ็บปวดมาสู่ดวงวิญญาณ” ชายหัวโตเอ่ย สะบัดข้อมือ กล่องหยกสามใบบินมาหาหานลี่และพวก


 


 


ชายผิวสีเขียวและหานลี่ย่อมรับไว้คนละกล่องตามจิตสำนึก


 


 


“พี่หยวน ในนี้คือสิ่งใดกันแน่ คาดไม่ถึงว่าจะต้องระมัดระวังเช่นนี้” ชนต่างเผ่าในลำแสงสีแดงพิจารณากล่องหยกในมือสองแวบ แล้วเอ่ยถามด้วยความฉงนเล็กน้อย


 


 


“คือสิ่งใด ข้าน้อยก็ไม่อาจอธิบายให้กระจ่างได้ แต่ข้ารับประกันกับพวกเจ้าได้ว่า แค่อาศัยเจ้าสิ่งนี้ก็สามารถแลกหุ่นเชิดระดับเชื่อมวิญญาณหรือสมบัติอื่นๆ ในระดับเดียวกันกับเหล่าอาวุโสของเผ่าหมื่นโบราณได้” ชายหัวโตสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง เอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม


 


 


“อะไรนะ หุ่นเชิดระดับเชื่อมวิญญาณ!” เมื่อคำนี้หลุดออกไป ชายผิวสีเขียวก็ร้องอุทานออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง


 


 


มีเพียงหานลี่ที่เพิ่งเคยได้ยินของสิ่งนี้เป็นครั้งแรก แน่นอนว่าจึงมีสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง กลับเป็นชนต่างเผ่าในลำแสงสีแดง ที่แววตาเปล่งประกายสองสามครา


 


 


“พี่หยวนไม่ได้ล้อเล่นกระมัง ของสิ่งนี้สามารถแลกสมบัติสะท้านฟ้าได้ เช่นนั้นหากข้านำของสิ่งไปขอแลกกับ ‘ยาลูกกลอนมหัศจรรย์’ เผ่าของเจ้าจะยอมตกลงหรือ”ฮูหยินลี่ว์เอ่ยถามอย่างตื่นเต้น


 


 


“ยาลูกกลอนมหัศจรรย์ล้ำค่ากว่าหุ่นเชิดเชื่อมวิญญาณ ข้าไม่รับประกันว่าท่านอาวุโสจะยอมมอบให้เจ้า แต่ก็เป็นไปได้เจ็ดแปดส่วน” ชายหัวโตลังเลเล็กน้อย แล้วถึงได้ตอบกลับอย่างรอบคอบ


 


 


เมื่อได้ฟังคำตอบเช่นนี้ของชนต่างเผ่าแซ่หยวน ชายผิวสีเขียวกลับรู้สึกมั่นใจขึ้นสองสามส่วน


 


 


ทันใดนั้นเขาก็ไม่เอ่ยอะไรอีก แต่นิ้วทั้งห้าที่คว้ากล่องหยกเอาไว้กลับออกแรงบีบมากขึ้นสองสามส่วนอย่างไม่รู้ตัว ในเวลาเดียวกันดวงตาที่จ้องเขม็งไปยังกล่องหยก ก็หมุนติ้วๆ ไปมา


 


 


และในยามนั้นหานลี่ก็ใช้จิตสัมผัสตรวจสอบของในกล่องหยกไปตั้งนานแล้ว แต่เมื่อสัมผัสกลับผิวของกล่องหยกก็ถูกพลังอาคมดีดกลับมา ไม่อาจแทรกเข้าไปได้


 


 


ดูแล้วยันต์อาคมสองสามแผ่นที่แปะอยู่บนฝากล่อง คงมีผลในการตัดจิตสัมผัส


 


 


“ทางที่ดีที่สุดสหายทั้งสามอย่าคิดเปิดกล่องออกระหว่างทางเลย มิเช่นนั้นหากเกิดอะไรขึ้น อย่ามาโทษว่าผู้แซ่หยวนไม่เตือนล่ะ” ชายหัวโตดูเหมือนว่าจะมองความคิดของคนอื่นออก จึงเอ่ยเตือนออกมา


 


 


“หึ ในกล่องมีอะไรที่ร้ายกาจอยู่หรือ!” ชายผิวสีเขียวแค่นเสียงหึเบาๆ


 


 


“ของในกล่องเป็นของสำคัญมากสำหรับเผ่าเมฆาสวรรค์ทั้งสิบสามของพวกเรา เขตอาคมที่วางอยู่ย่อมไม่ได้มีเพียงยันต์อาคมแค่สองสามแผ่นนี้ แน่นอนว่าหากสหายทั้งสามหนีรอดพ้นจากการถูกไล่ล่าจริง และมั่นใจว่าจะทำลายเขตอาคมของผู้แซ่หยวนได้ ก็ลองเปิดดู” ชายหัวโตหัวเราะอย่างชั่วร้าย


 


 


“ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่า หลังจากมอบของให้เผ่าของเจ้า จะสามารถแลกเปลี่ยนเป็นสมบัติล้ำค่าได้ หากอาวุโสของเผ่าเจ้ารับของไปแล้ว เกิดเปลี่ยนใจไม่ยอมจะทำอย่างไร” หานลี่เอ่ยปากอย่างราบเรียบ


 


 


เมื่อได้ยินคำถามของหานลี่ ชนต่างเผ่าในลำแสงสีแดงและชายผิวสีเขียวพลันมองสบตากันแวบหนึ่ง ใบหน้าเผยสีหน้ากังวลออกมาเช่นกัน


 


 


ชายหัวโตได้ฟังพลันขมวดคิ้ว หลังจากตรึกตรองชั่วครู่ ถึงได้เอ่ยอย่างไม่ค่อยเต็มใจว่า “หากพวกเจ้าไม่วางใจเผ่าหมื่นโบราณของพวกเรา ก็สามารถนำกล่องหยกไปมอบให้เผ่าอื่นๆ ในสิบสามเผ่าเมฆาสวรรค์ได้ ล้วนจักได้รับประโยชน์ไม่น้อยเช่นเดียวกัน แต่ขอเตือนก่อนว่า ของสิ่งนี้ไม่ได้มีค่าอะไรกับเผ่าอื่นๆ เท่าเผ่าหมื่นโบราณของพวกเรา ดังนั้นประโยชน์ที่จะได้รับ ย่อมน้อยลงไปไม่น้อย อย่างน้อยที่สุดยาระดับเทวาอย่างยาลูกกลอนมหัศจรรย์ ก็อย่าคิดถึงเลย”


 


 


หลังจากชายหัวโตเอ่ยเช่นนี้ ไม่เพียงชายผิวสีเขียวและชนต่างเผ่าในลำแสงสีแดงที่เผยสีหน้าครุ่นคิดออกมา


 


 


หานลี่ลูบคางไปมา แล้วรู้สึกสนใจของที่บรรจุอยู่ในกล่องเช่นกัน


 


 


“ในเมื่อของเหล่านี้สำคัญขนาดนี้ เหตุใดพี่หยวนไม่นำกลับไปส่งด้วยตนเอง เหตุใดต้องตกมาถึงมือของพวกเรา?” ชนต่างเผ่าในลำแสงสีแดงเอ่ยซักถาม


 


 


“ของเหล่านี้เพิ่งมาอยู่ในมือของข้าได้ไม่นาน และยิ่งไปกว่านั้นเพิ่งได้มา เผ่าหนอนมีเขาก็ส่งคนส่วนหนึ่งมาล้อมเมืองแสงมรกต ต้องเข้าใจว่าเมืองแสงมรกตเป็นแค่เมืองการค้าเล็กๆ ที่ไม่สะดุดตาเท่านั้น ตามหลักการแล้วไม่มีทางพบกับการโจมตีที่รวดเร็วเช่นนี้ ดังนั้นข้าน้อยจึงสงสัยว่าฝั่งเผ่าหนอนมีเขาอาจจะได้ข่าวอะไรมา หากข้าพกของเหล่านี้ติดตัวไว้ละก็ อันตรายจะยิ่งมากขึ้น” ชายหัวโตกลับไม่ได้ปิดบัง เอ่ยสิ่งที่กังวลใจออกมาตรงๆ


 


 


“เจ้าบอกว่ากองทัพเผ่าหนอนมีเขามาเพื่อของในกล่องนี้” ชายผิวสีเขียวอดที่จะสูดลมหายใจเย็นยะเยือกเข้าไปเฮือกหนึ่งไม่ได้ แล้วเผยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อออกมา


 


 


แววตาของหานลี่ฉายแววตกตะลึง


 


 


“นี่เป็นแค่การคาดเดาของข้าน้อย อาจจะไม่ใช่เรื่องจริง สาเหตุที่ผู้แซ่หยวนไหว้วานสหายทั้งสาม ก็เพื่อกันไว้ก่อนเท่านั้น” ชายหัวโตมีสีหน้าผ่อนคลายลงขณะเอ่ย


 


 


“เยี่ยม ในเมื่อพี่หยวนกล่าวเช่นนี้ ข้าน้อยก็จะดูแลเจ้าสิ่งนี้ไว้ชั่วคราวก็แล้วกัน” ชนต่างเผ่าในลำแสงสีแดงดูเหมือนจะตัดสินใจแล้ว ลำแสงสีขาวในมือเปล่งแสงสว่างวาบ กล่องหยกถูกเก็บลงไป


 


 


ชายผิวสีเขียวมีสีหน้าบัดเดี๋ยวเคร่งขรึมบัดเดี๋ยวสดใส ฉับพลันนั้นพลันโยนกล่องในมือขึ้น จากนั้นพลันอ้าปากออก ลิ้นยาวๆ สีเขียวแวววาวม้วนออกมา กลืนกล่องหยกเข้าไปในท้อง


 


 


ชั่วพริบตาทั้งสามคนก็มีเพียงหานลี่คนเดียวที่ใช้มือหนึ่งถือกล่องหยกเอาไว้ แววตาเปล่งประกายไม่แน่นอน


 


 


“อันใด พี่หานมีอะไรสงสัยหรือ” ชายหัวโตประหลาดใจเล็กน้อย แล้วหันหน้าไปเอ่ยถามขึ้น


 


 


“สหายหยวนไม่ถามประวัติความเป็นมาของข้าน้อย ก็มอบของสิ่งนี้ให้ข้า ไม่กลัวว่าจะมอบหมายคนผิดหรือ?” หานลี่มุมปากกระตุก เหลือบตามองกล่องหยกในมือแวบหนึ่ง ฉับพลันนั้นพลันเอ่ยถามพร้อมกับอมยิ้ม


 


 


“หึๆ แม้ว่าข้าน้อยจะดูไม่ออกว่าสหายมาจากเผ่าใด แต่กลับมั่นใจได้ว่าไม่ใช่คนของเผ่าหนอนมีเขา ส่วนอิทธิฤทธิ์ของสหายนั้น คิดดูแล้วอาศัยอยู่นอกมหาสมุทรเป็นเวลา สังหารอสูรมหาสมุทรแล้วฝึกฝนจนมาอยู่ในระดับนี้ได้ ย่อมต้องไม่ธรรมดาแน่” ชายหัวโตเอ่ยพร้อมกับฉีกยิ้ม


 


 


“อืม ในเมื่อสหายมั่นใจเช่นนี้ และก่อนหน้ายังพาข้าน้อยเข้ามาในอุโมงค์ลับ ผู้แซ่หานจะช่วยเหลือก็แล้วกัน” หลังจากที่ความคิดของหานลี่แล่นไปมาอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็พยักหน้าตอบรับ


 


 


กล่องหยกในมือพลิ้วไหว ถูกเขาเก็บเข้าไปในกำไลเก็บของด้วยสีหน้าราบเรียบ


 


 


แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่า ‘หุ่นเชิดเชื่อมวิญญาณ’ และ ‘ยาลูกกลอนมหัศจรรย์’ คือสมบัติระดับใด แต่สิ่งที่ทำให้สิ่งมีชีวิตระดับหลอมสุญตามองว่าเป็นสมบัติได้ ย่อมต้องล้ำค่าเป็นพิเศษ ส่วนของในกล่องที่สามารถทำให้สิ่งที่เรียกว่า ‘เผ่าเมฆาสวรรค์ทั้งสิบสาม’ ยอมแลกเปลี่ยนด้วย มูลค่าย่อมมากกว่าถึงจะถูก


 


 


 ยามนี้มีเรื่องดีๆ เข้ามาหา แน่นอนว่าเขาย่อมไม่มีทางปล่อยไปง่ายๆ ถึงอย่างไรเสียฟังจากคำพูดของอีกฝ่าย ทหารไล่ล่าในครั้งนี้มีอัตราที่ระดับผสานอินทรีย์ขึ้นไปจะปรากฏตัวไม่มากนัก เขาจึงพอรับมือได้


 


 


ส่วนหลังจากนี้จะนำของสิ่งนี้ไปแลกหรือไม่ ก็ค่อยว่ากัน


 


 


“เอาล่ะ ในเมื่อสหายทั้งสามตอบตกลงแล้ว พวกเราก็แยกย้ายกันเถิด ตอนนี้ทหารไล่ล่าน่าจะไล่สังหารคนอื่นอยู่ เป็นโอกาสดีในการหลบหนี ผู้แซ่หยวนไปก่อนล่ะ” เมื่อเห็นหานลี่เองก็รับกล่องหยกไป ชายหัวโตจึงเผยสีหน้าเบิกบานใจออกมาขณะเอ่ย


 


 


จากนั้นเมื่อเขากวาดสายตาไปรอบๆ มือหนึ่งเขวี้ยงออกไป โยนสิ่งที่คล้ายกับลูกข่างเหล็กสีดำสนิทออกมา


 


 


เจ้าสิ่งนี้ตอนแรกมีขนาดแค่สองสามฉื่อ แต่เมื่อสองมือของเขาร่ายอาคมอีกครั้ง ก็ขยายใหญ่ขึ้นจนมีขนาดสามสี่จั้ง


 


 


ผิวของชายหัวโตมีลำแสงสีเหลืองสว่างวาบ กลายเป็นเงาลวงตาสายหนึ่งจมหายเข้าไปในลูกข่างเล็ก


 


 


 “ใช่แล้ว! จากที่ข้ารู้มา เพื่อต่อกรกับการโจมตีของเผ่าหนอนมีเขา อาวุโสของพวกเราทั้งสิบสามเผ่าล้วนไปรวมตัวกันที่ ‘เมืองเมฆา’ เผ่าหมื่นโบราณและเหล่าอาวุโสในเผ่าต่างๆ ที่มีสติปัญญาล้วนไปนั่งบัญชาการในเมืองแห่งนั้นด้วยตนเอง หวังว่าสองสามเดือนต่อจากนี้ พวกเราจะได้พบกันอีกครั้งที่เมืองสวรรค์” ชายหัวโตดูเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เสียงอู้อี้จึงดังออกมาจากลูกข่าง


 


 


“เมืองเมฆา” ชายผิวสีเขียวและพวกได้ยินพลันหน้าเปลี่ยนสี


 


 


หานลี่ได้ฟังแล้วก็เผยสีหน้าขบคิดออกมา


 


 


“เมืองเมฆา” ชื่อนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะเคยได้ยินชิงเสี่ยวกล่าวถึง แต่ยามนี้กลับนึกไม่ออก ทว่าไม่เป็นไร เขาพกแผนที่ของน่านน้ำในบริเวณนี้มา แม้นว่าจะเป็นของเมื่อสองสามพันปีก่อน แต่สำหรับผู้บำเพ็ญเพียรอย่างพวกเขาแล้ว แน่นอนว่าย่อมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก


 


 


จากนั้นเห็นลูกข่างเหล็กยักษ์หมุนติ้วๆ กลายเป็นลำแสงรูปทรวงกรวยทะลวงเข้าไปใต้ดินอย่างไร้ร่องรอย


 


 


“สหายทั้งสองโปรดรักษาตัว ข้าน้อยขอตัวลา” ชายผิวสีเขียวหวาดกลัวทหารไล่ล่าของเผ่าหนอนมีเขาเป็นอย่างมาก แทบจะในพริบตาที่ชายหัวโตจากไป ก็คารวะกับหานลี่และพวกทั้งสองทันที


 


 


จากนั้นร่างของเขาพลันรางเลือน ผิวและอาภรณ์เปลี่ยนเป็นโปร่งใส หลังจากผ่านไปชั่วครู่ คนก็ดูเหมือนหายไปจากกลางอากาศ


 


 


นี่มันเคล็ดวิชาหลีกหนีอะไรกัน?


 


 


หานลี่พลันตะลึงงัน รูม่านตาเปล่งแสงสีฟ้ากวาดมองออกไปอย่างอดไม่ได้


 


 


ผลคือหลังจากที่เสียแรงไปมากแล้ว เขาถึงได้มองเห็นยังจุดที่ไกลออกไป มีเงาร่างคนที่เกือบล่องหนหนีไปไกลสิบจั้งเศษแล้ว


 


 


“หึๆ นี่คือเคล็ดวิชาอำพรางกายที่เป็นเอกลักษณ์ของเผ่าเขียวเข้ม หากสำแดง นอกจากผู้ที่มีพลังยุทธ์เหนือกว่าเขาหรือผู้ที่มีอิทธิฤทธิ์วิเศษ ไม่เช่นนั้นก็ไม่อาจสัมผัสถึงเขาได้ แต่ข้อบกพร่องเพียงอย่างเดียวก็คือเมื่อสำแดงอิทธิฤทธิ์นี้ จะไม่อาจบินข้ามอากาศไปได้ ความเร็วเชื่องช้าไปหน่อย” ในยามที่หานลี่จ้องเขม็งไปยังจุดที่ไกลออกไป แผ่นหลังพลันมีเสียงหัวเราะแผ่วเบาของชนต่างเผ่าในลำแสงสีแดงดังขึ้น


 


 


“อ๋อ เคล็ดวิชาอำพรางกายนี้ช่างวิเศษนัก!” หานลี่ชักสายตากลับมา พลางหันกายออกมาเอ่ย


 


 


แม้ว่าจะบอกว่าไม่มีทางเหาะเหินไป แต่ความเร็วในการกระโดดนั้น ชายผิวสีเขียวก็จมหายเข้าไปในผืนป่าอย่างไร้ร่องรอยได้ภายในพริบตา


 


 


“พี่หานก็จะไปหรือ? ทว่าก่อนจะไป ข้าน้อยมีข้อแนะนำ สหายอยากฟังหรือไม่?” ชนต่างเผ่าในลำแสงสีแดงเอาสองมือไพล่หลัง มองมายังหานลี่พลางเอ่ยถาม


 


 


“ข้อแนะนำอะไร?” หานลี่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แล้วตอบกลับอย่างราบเรียบ


 


 


“นายท่านไม่ได้มาจากเผ่าเมฆาสวรรค์ทั้งสิบสามสินะ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดต้องเสี่ยงอันตรายเอาของสิ่งนี้ไปส่งด้วย ไม่สู้มอบสิ่งที่พี่หยวนให้มามาให้ข้าน้อยเป็นอย่างไร” ชนต่างเผ่าในลำแสงสีแดงเอ่ยอย่างราบเรียบ


 


 


“เจ้าอยากได้กล่องหยกใบนี้?” หานลี่มีสีหน้าประหลาดใจปรากฏขึ้น สองตาหรี่ลง แล้วถึงได้ถามย้อนกลับอย่างไม่มั่นใจนัก


 


 


“ใช่แล้ว ข้าน้อยสนใจของในกล่องหยกจริงๆ ถึงอย่างไรเสียถึงยามนั้นข้าน้อยเอาของไปส่งใบหนึ่งก็ต้องส่งอยู่แล้ว สองใบก็ต้องส่งอยู่ดี ไม่สู้ให้ผู้แซ่หงลำบากแทนล่ะ” เสียงของชนต่างเผ่าในลำแสงสีแดงเปลี่ยนเป็นทุ้มต่ำเป็นพิเศษ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)