ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1554-1569
ตอนที่ 1554 เป็นเด็กดีเชื่อฟังก็จะทำดีกับเธอ
เหยียนหมิงซุ่นลากฟืนมัดใหญ่กลับมา ข้างหลังมีเหมยเหมยที่มือเปล่าตามมาด้วย เสื้อผ้าเรียบร้อย แต่ผมยุ่งเล็กน้อย ใบหน้าแดงระเรื่อเต็มไปด้วยอารมณ์ที่อิ่มเอม
เมื่อครู่โดนคนเลวบางคนหยอกเย้าจนแทบเอาตัวไม่รอด จนเธออ่อนปวกเปียกไปทั้งตัวราวกับโคลน ต้องพักตั้งนานกว่าจะสามารถเดินต่อได้
เหมยเหมยแลบลิ้นปลิ้นตาอยู่หลังเหยียนหมิงซุ่น เห็นอยู่ชัด ๆว่าเมื่อครู่เป็นคนบ้ากาม ตอนนี้กลับแสร้งวางมาดนิ่ง เชอะ ทำไมเมื่อก่อนถึงไม่ค้นพบนะว่าเจ้าหมอนี่มีนิสัยปลิ้นปล้อนแบบนี้!
จะเสแสร้งเกินไปแล้ว!
“รอพวกเธอเก็บฟืนกลับมาคงไม่ต้องย่างเนื้อแล้ว!” จ้าวเสวียหลินกล่าวอย่างโกรธเคือง แต่เมื่อเห็นว่าน้องสาวของตัวเองไม่มีอะไรผิดปกติก็วางใจ
เหยียนหมิงซุ่นทำหน้าเย็นชาใส่เขา ก่อกองไฟขึ้นใหม่แล้วเริ่มย่างเนื้อ คร้านจะย่างกับก้างขว้างคอสองคนนี้ รกหูรกตาชะมัด!
เขาทาน้ำผึ้งและน้ำมันอย่างชำนาญและปรุงรสเข้าไปด้วย เหยียนหมิงซุ่นพลิกกลับไปมาไม่หยุด เสียงน้ำมันลงกองไฟเสียงซู่ซู่กลิ่นหอมฟุ้งกระจาย เหมยเหมยมองด้วยความอยากอาหารจนน้ำลายสอ จ้องเนื้อย่างบนกองไฟไม่วางตา
จ้าวเสวียหลินปิ้งเสร็จไปแล้วหลายไม้ เห็นน้องสาวตัวเองทำหน้าอยากกินขนาดนั้นก็ส่งเนื้อที่ย่างเสร็จแล้วไปให้ “พี่เพิ่งย่างเสร็จ รีบกินเถอะ”
เหมยเหมยยื่นมือไปรับอย่างร่าเริง แต่กลับโดนใครบางคนขวางเอาไว้
“นายย่างเนื้อไม่อร่อยจะท้องเสียเอา เดี๋ยวของฉันก็เสร็จแล้ว”
เหยียนหมิงซุ่นพูดไปพลางพลิกเนื้อไปพลาง แล้วเอาเนื้อแกะที่สุกง่ายกว่าทาด้วยซอสปรุงรสครู่เดียวก็สุก เป่าให้เย็นหน่อยแล้วส่งเข้าปากเหมยเหมย พูดเบา ๆอย่างอ่อนโยนว่า “ระวังร้อนนะ!”
เหมยเหมยพยักหน้ารัว ๆ กัดชิ้นเนื้อไว้ฉีกเบา ๆแล้วเอาเข้าปาก น้ำมันเนื้อกระจายเต็มปาก เนื้อแกะทั้งเนื้อเยอะทั้งนุ่มและยังมีเครื่องปรุงรสที่เหยียนหมิงซุ่นตั้งใจนำกลับมาจากซินเจียงโดยเฉพาะ อร่อยจนลิ้นแทบหลุดออกมาเลย
“อร่อย…พี่หมิงซุ่นเนื้อที่พี่ย่างอร่อยที่สุดเลย!”
เหมยเหมยกัดไปชิ้นหนึ่ง ที่เหลือก็ให้เหยียนหมิงซุ่นกิน สามีภรรยามีสุขก็ต้องร่วมกันแบ่งปันสิ!
“เธอกินให้หมดเลย อีกเดี๋ยวพี่ค่อยย่างใหม่!”
เหยียนหมิงซุ่นไม่กิน เขาไม่ได้ชอบเนื้อย่างเท่าไร ตอนไปปฏิบัติภารกิจส่วนใหญ่ถ้าไม่ทานเนื้อย่างก็พวกอาหารแห้ง ทานจนเขาเบื่อแล้ว
เหมยเหมยกินเนื้อย่างต่ออย่างเชื่อฟัง เห็นเหยียนหมิงซุ่นไม่กินสักคำก็อยากจะย่างให้เขาสักสองสามไม้ แต่มือเพิ่งจะแตะเนื้อก็โดนเหยียนหมิงซุ่นห้ามไว้เสียก่อน “ระวังสะเก็ดฟืนจะกระเด็นใส่มือเอา พี่ย่างให้เธอกินก็พอแล้ว”
“พี่เหยียนหมิงซุ่นดีจริง ๆเลย!” เหมยเหมยปัดก้นเบา ๆแล้วหลบไปอยู่อีกฝั่งอย่างเชื่อฟัง ใจจดจ่อรอป้อน
เหยียนหมิงซุ่นเขี่ยจมูก ทำสายตายียวน“ถ้าเธอเป็นเด็กดี พี่ก็จะดีกับเธอ!”
ถ้าไม่เชื่อฟังก็จะลงโทษบนเตียงให้หนักเลย!
จ้าวเสวียหลินดึงมือกลับด้วยความโมโหแล้วกินเนื้อที่ตัวเองย่างแต่กลับไม่หอมไม่อร่อย รู้สึกว่าเนื้อย่างในมือของน้องสาวอร่อยกว่า
“เนื้อเดียวกัน เครื่องปรุงรสเหมือนกัน ทำไมรสชาติจะไม่เหมือนกัน กินหน่อยสิอยากรู้ว่าจะอร่อยแค่ไหนกันเชียว!” จ้าวเสวียหลินจึงยื่นมือออกไปหยิบเนื้อย่างที่เหยียนหมิงซุ่นย่างเสร็จแล้ว แต่กลับมีฝ่ามือฟาดใส่เขาอย่างแรง ไม่มีความเมตตาเลยสักนิด
“ฉันย่างให้แค่เหมยเหมยกินเท่านั้น ไม่มีส่วนของนายสักหน่อย!”
เหยียนหมิงซุ่นฉกกลับมาคืน เนื้อที่ย่างสุกแล้วก็ส่งมาตรงหน้าเหมยเหมย จ้าวเสวียหลินมองไปที่รอยนิ้วมือทั้งห้าบนหลังมือของเขาแล้วกัดฟันอย่างโมโห แต่เขาจะทำอะไรได้ล่ะ?
จะสู้ก็สู้ไม่ไหว ความน่าเกรงขามของน้องเขยยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย!
บนโลกใบนี้ยังจะมีพี่เขยที่ไหนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมมากกว่าเขาอีกไหม?
จ้าวอิงหัวยิ่งหนักกว่าเขาอีก บนโลกใบนี้ยังจะมีพ่อตาคนไหนที่ต้องคับอกคับใจเท่าเขาอีกไหม?
เหยียนหมิงซุ่นเตือนสติอย่างหวังดีอีกครั้ง “คนย่างเนื้อไม่ใช่คนเดียวกัน รสชาติแน่นอนว่าต้องต่างกันอยู่แล้ว!”
จ้าวเสวียหลินกระพริบตาปริบ ๆ แต่แล้วก็เข้าใจความหมายของเหยียนหมิงซุ่นอย่างรวดเร็ว ด่าว่าเขาโง่สินะ!
เขาอยากจะตอกกลับสักหน่อย แต่เหยียนหมิงซุ่นพูดจบก็หันไปจู๋จี๋กับเหมยเหมยต่อ สะบัดตูดใส่เขาเสียแล้ว
จ้าวเสวียหลินใช้แรงกัดเนื้ออย่างโมโห ลอบคิดวางแผนว่าจะเกลี้ยกล่อมจ้าวอิงหัวรอให้น้องสาวอายุสามสิบก่อนแล้วค่อยแต่งงาน ให้คนแซ่เหยียนนี่อกแตกตายไปเลย!
………………………………………..
ตอนที่ 1555 เปลี่ยนความปวดร้าวเป็นพลัง
จ้าวอิงหัวกลับไม่ได้มองในแง่ดีเหมือนลูกชาย ช่วงหลายวันมานี้เขาโดนเหยียนซินหย่าบีบบังคับอย่างหนัก บีบบังคับให้เขาเอาหลักฐานนั้นออกมาอย่างน่าเวทนา เขาถึงขั้นคุกเข่าบนทุเรียนมาหนึ่งสัปดาห์เลยนะ
พอทุกครั้งทุเรียนที่นั่งทับนิ่มแล้ว ไอ้เด็กบ้านั่นก็จะส่งชุดใหม่มา ส่วนทุเรียนที่นิ่มแล้วภรรยาและลูกสาวก็กินได้พอดีพอดี ปวดเข่าไม่พอยังปวดหัวตุ้บ ๆไปด้วย
ไม่เข้าใจจริง ๆว่าทำไม่ภรรยาและลูกสาวถึงชอบกินอะไรที่เหม็นยิ่งกว่าอุจระแบบนั้นได้นะ?
ดีนะที่ภรรยาลงโทษก็ส่วนลงโทษ แต่ไม่ได้ห้ามน้องชายของเขา สิทธิพิเศษยามค่ำคืนก็ยังมีไม่ขาดตกบกพร่อง ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีล่ะวะ!
แต่อย่างไรเขาก็อยากมีแต่ความสุข เมื่อไรจะได้เลิกนั่งคุกเข่าบนทุเรียนสักทีนะ?
“คุณเอาหลักฐานออกมาเมื่อไรก็เมื่อนั้นแหละ” เหยียนซินหย่าถลึงตาใส่สามีผู้น่าสงสารที่คุกเข่าอยู่บนทุเรียนข้างเตียงอย่างไม่สบอารมณ์
นี่ก็จะครึ่งเดือนอยู่แล้ว หลักฐานก็ไม่เอาออกมาสักที เจ๋งนักใช่ไหม!
จ้าวอิงหัวเบะปาก ก็ได้ งั้นก็คุกเข่าอย่างสงบแบบนี้ต่อไปแล้วกัน!
ถึงอย่างไรคุกเข่านานแล้วเดี๋ยวก็ชิน อีกอย่างถึงอย่างไรเขาก็ไม่เชื่อหรอกว่าจะให้ทำแบบนี้ไปเป็นปีเป็นชาติใช่ไหม?
เหยียนซินย่าเองก็ไม่รีบ ลูกสาวยังมีเวลาอีกหนึ่งปี ถึงแม้ว่าจ้าวอิงหัวจะเอาหลักฐานออกมาตอนนี้ ลูกสาวก็ไม่มีทางได้แต่งงานหรอก ปีนี้ก็แกล้ง ๆสามีไปก่อน และยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยว่าทุกครั้งหลังจากที่จ้าวอิงหัวคุกเข่าบนทุเรียนแล้ว แรงบนเตียงก็ยังใช้ไม่มีหมด ไม่รู้เอาแรงมาจากไหนนักหนา!
หรือว่าให้ผู้ชายคุกเข่าลงบนทุเรียนแล้วจะทำให้อึดถึกขึ้นงั้นเหรอ?
จ้าวอิงหัว: …มันคือการเปลี่ยนความปวดร้าวให้เป็นพลังต่างหากล่ะ!
เจิ้งเสวี่ยซานก็หาจังหวะตลอด แต่ตอนดึกเหมยเหมยไม่อยู่หอพัก และช่วงนี้ตอนกลางวันก็ไม่กลับหอ ในห้องเรียนไม่มีโอกาสอยู่แล้ว เธอไม่สามารถพกกล่องเก็บอุณหภูมิเข้าไปในห้องเรียนได้ แน่นอนว่ามันจะทำให้คนอื่นสงสัย!
โฮ่วเซิ่งหนานให้เวลาเพียงสามวัน โฮ่วเซิ่งหนานเปลี่ยนเข็มฉีดยาอันนั้นทุกวัน น้ำแข็งก็ไม่เคยขาด เจิ้งเสวี่ยซานไม่รู้ว่าในเข็มฉีดยานั้นมีอะไรอยู่ข้างใน เธอไม่กล้าแตะต้องมันเพราะกลัวว่าตัวเองจะติดเชื้อไปด้วย
คาบเรียนช่วงเช้าคาบสุดท้ายจบลง ช่วงบ่ายก็ยังเรียนห้องเรียนเดิม เหมยเหมยไม่ได้กลับหอพัก ส่วนฉีฉีเก๋อกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็ไปทานข้าวที่ร้านอาหารหลังโรงเรียน ช่วงนี้อาหารในโรงอาหารทำอาหารซ้ำซากจำเจ นอกจากก๋วยเตี๋ยวแล้วก็ไม่มีอย่างอื่น เหมยเหมยกินจนเอียนไปหมดแล้ว
เหยียนซินหย่าเดินออกมาจากห้องเรียนห้องหนึ่ง เธอใส่ชุดคลุมขนแกะสีขาวตัวยาวขับให้ดูเป็นสาวพราวเสน่ห์ ดึงดูดให้ทั้งอาจารย์ผู้ชายและนักเรียนชายจำนวนมากต้องหันมอง แต่ก็แค่ชื่นชมอย่างบริสุทธิ์ใจ
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนและฉีฉีเก๋อเรียกอย่างเคารพว่า ‘ศาสตราจารย์เหยียน’ ใบหน้าเต็มไปด้วยความศรัทธายกย่อง ไม่น่าดาวมหาวิทยาลัยถึงได้สวยขนาดนี้ มีแม่ที่หน้าตาสะสวยอย่างศาสตราจารย์เหยียนแล้วจะไม่สวยได้อย่างไรเล่า?
“แม่ หนูไปกินข้าวกับเพื่อนนอกโรงเรียนนะคะ” เหมยเหมยพูดพลางยิ้มตาหยี
เหยียนซินย่าลูบหัวเธอ พูดด้วยความเอ็นดูว่า “มีเงินพอไหม?”
“พอค่ะ แม่ไปด้วยกันไหมคะ?”
“แม่ไม่ไปกวนใจดีกว่า ตอนกลางวันนี้แม่นัดพ่อของลูกไว้แล้ว พวกเธอรีบไปกันเถอะ”
เหยียนซินหย่าไม่ไปกับเด็กวัยรุ่นหรอก เมื่อคืนจ้าวอิงหัวบอกว่าจะพาเธอไปกินอาหารฝรั่งเศส เธอก็รออยู่นี่ไง!
“ทราบแล้วค่ะ…”
เหมยเหมยหรี่ตา หัวเราะร่าแล้วเดินไปกับเพื่อน เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอิจฉาเป็นอย่างมาก “จ้าวเหมย พ่อแม่ของเธอรักกันดีจัง”
“ที่สำคัญก็คือพ่อของฉันหน้าด้านสุด ๆ ฮ่า ๆ!” เหมยเหมยพูดคำนี้ขึ้นมาแล้วหัวเราะแห้ง ๆ เธอรู้ว่าความสัมพันธ์ของพ่อแม่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไม่ค่อยดีนัก เลยไม่ค่อยอยากพูดเรื่องนี้จี้ใจดำเธอ
เจิ้งเสวี่ยซานกัดฟันกรอดเดินตามมาติด ๆ พร้อมสะพายเป้ด้านในมีกล่องรักษาอุณหภูมิสีชมพูที่โฮ่วเซิ่งหนานให้เธอไว้ก่อนหน้านี้
วันนี้เธอจะต้องทำเรื่องนี้ให้สำเร็จสักที
ขอเพียงแค่เธอระวังหน่อยคงไม่มีใครสาวมาถึงเธอได้แน่นอน!
ตอนที่ 1556 เจิ้งเสวี่ยซานพูดอ้อมค้อม
พวกเหมยเหมยไปร้านอาหารประจำที่ไปกันบ่อย ๆ ซึ่งเป็นร้านอาหารเล็ก ๆของคู่สามีภรรยา เก็บกวาดสะอาดสะอ้าน อีกอย่างทั้งคู่ก็มีนิสัยตรงไปตรงมา สิ่งที่สำคัญที่สุดเป็นต้นตำรับอาหารหูหนานที่รสชาติดี
“เถ้าแก่คะ เอาผัดมะเขือยาว วุ้นเส้นผัดเผ็ดหมู ผัดพริกเขียวยาว เนื้อวัวกะทะร้อนและเอาผัดกะหล่ำปลีอีกหนึ่งที่ค่ะ” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอ้าปากสั่งอาหารเป็นชุดด้วยท่าทีจริงจัง
“เธอไม่ลดความอ้วนแล้วเหรอ?” เหมยเหมยถามอย่างแปลกใจ
ฉีฉีเก๋อพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “มีครั้งไหนบ้างที่เธอทำอย่างที่ปากพูด กินเนื้อมากกว่าใครด้วยซ้ำ!”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถลึงตาใส่เธอ “กินอิ่มถึงจะมีแรงลดน้ำหนัก เธอจะพูดมากอะไรนักหนา!”
มองออกแต่ไม่พูดถึงจะเป็นเพื่อนสนิทกัน ยัยสาวมองโกเลียนี้ช่างน่ารำคาญจริง ๆ!
“กินอิ่มมีแต่จะอ้วนขึ้น วัน ๆเธอเอาแต่หลอกตัวเองทั้งนั้น!” ฉีฉีเก๋อตำหนิหล่อนอย่างไม่เกรงใจสักนิด แล้วตะโกนบอกเถ้าแก่อีกครั้งว่า “หมูต้มพริกเสฉวนอีกที่ค่ะ”
เหมยเหมยยิ้มตาหยีพลางมองพวกเธอทะเลาะกัน หางตาเห็นเจิ้งเสวี่ยซานเข้ามาในร้านอาหารจึงคิ้วขมวดเล็กน้อย
ฉีฉีเก๋อก็เห็นเช่นกันจึงถลึงตาใส่อย่างรังเกียจ พลางบ่นว่า “ทำไมทางโรงเรียนยังไม่ไล่คนแบบนี้ออกไปอีกนะ? อยู่หอพักด้วยกันทุกวันมันน่ารำคาญจริง ๆ”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดขึ้นลอย ๆว่า “ผู้หญิงคนนี้มากินข้าวทำไมต้องแบกกระเป๋าเป้ใบใหญ่ขนาดนั้นมาด้วย? เอ๊ะ แล้วยังพกกล่องรักษาอุณหภูมิมาด้วย สมองไม่ได้มีปัญหาใช่ไหมเนี่ย?”
เจิ้งเสวี่ยซานหยิบกล่องรักษาอุณหภูมิออกมาจากกระเป๋าแล้ววางไว้บนโต๊ะอย่างเปิดเผย เธอเปิดกล่องก็เห็นเข็มฉีดยาวางอยู่อย่างสงบ เลือดสีแดงเข้มทำให้เธอไม่สบายใจและหัวใจเต้นเร็ว
ชนะหรือแพ้ทุกอย่างจบลงที่นี่!
เธอจะต้องทำให้สำเร็จ!
นึกถึงภาพจ้าวเหมยมีตุ่มพุพองขึ้นทั่วร่างกายจนกลายเป็นสัตว์ประหลาดที่ทุกคนรังเกียจ เจิ้งเสวี่ยซานก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาจึงตกปากรับคำโฮ่วเซิ่งหนานทำภารกิจนี้ ที่ทำไม่ใช่เพียงเพราะเธออยากอยู่ที่นี่ต่อแต่เพราะเธออยากเห็นจ้าวเหมยโชคร้ายไปด้วย!
เหมยเหมยขมวดคิ้วอย่างสงสัย เจิ้งเสวี่ยซานถือกระเป๋าใบใหญ่แถมเอากล่องรักษาอุณหภูมิมาทานข้าวที่ร้านอาหารด้วย ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ดูผิดปกติ ผู้หญิงคนนี้ต้องการจะทำอะไรกันแน่นะ?
เธออดที่จะระมัดระวังตัวเองไม่ได้ นึกสังหรณ์ใจว่าเจิ้งเสวี่ยซานมีเจตนามุ่งร้าย
“ไม่ต้องไปสนใจเธอหรอก พวกเราก็กินของพวกเราไป” เหมยเหมยแสร้งทำเป็นไม่สนใจแล้วเรียกให้พวกเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกินข้าวต่อ เถ้าแก่นำอาหารมาเสิร์ฟเร็วมาก แค่ครู่เดียวอาหารก็มาครบส่งกลิ่นหอมโชยดึงดูดความสนใจของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนและฉีฉีเก๋อ ทั้งสองกินอย่างใจจดใจจ่อ ไม่ใส่ใจเจิ้งเสวี่ยซานที่น่าสงสัยอีกต่อไป
เหมยเหมยกินอย่างช้า ๆแต่หางตากลับมองไปที่เจิ้งเสวี่ยซานเป็นครั้งคราว กลับเห็นเธอเอาแต่เหม่อลอยไม่ได้กินอาหารมากนัก บางครั้งก็มองมาที่พวกเธอ ในใจของเหมยเหมยพอเดาออกจึงยิ่งระมัดระวังตัวมากขึ้น
เจิ้งเสวี่ยซานกำเข็มฉีดยาขนาดเล็กไว้ในมือ เพื่อความปลอดภัยไม่ให้ใครเห็นเธอจึงจงใจไม่ถอดถุงมือออก เธอคิดว่าการสวมถุงมือกันหนาวคงไม่น่าสงสัยนัก แต่กลับไม่รู้ว่าพฤติกรรมแปลก ๆของเธอ กระตุ้นให้เหมยเหมยระมัดระวังตัวนานแล้ว
“จ้าวเหมย…ฉันขอคุยกับเธอหน่อยได้ไหม?”
เจิ้งเสวี่ยซานพูดเสียงต่ำแต่มือกลับกำเข็มฉีดยาเอาไว้แน่น เดี๋ยวรอตอนที่จ้าวเหมยไม่ทันตั้งตัวเธอก็จะแทงเข็มนี้เข้าไป
โฮ่วเซิ่งหนานเธอบอกว่าจำเป็นต้องฉีดเข้าไปภายในสามนาที ไม่อย่างนั้นก็ไร้ประสิทธิภาพ
ดังนั้นเธอจำเป็นต้องทำอย่างรวดเร็ว!
เหมยเหมยเหลือบไปมองมือขวาของเจิ้งเสวี่ยซาน ในร้านอาหารมีเครื่องทำความร้อน เธอร้อนจนต้องถอดเสื้อคลุมออก ทำไมเจิ้งเสวี่ยซานถึงยังสวมถุงมืออยู่นะ?
ในมือของเธอกำลังถืออะไรไว้อยู่กันแน่?
“ฉันกับเธอไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก เธออย่าเข้ามาทำลายบรรยากาศการกินข้าวของฉันเลย!”
เหมยเหมยพูดอย่างเย็นชา ตึงเครียดไปทั้งตัวไม่กล้าผ่อนคลาย
จ้าวเหมย…เธอจะใจร้ายไปหน่อยไหม…แม้กระทั่งโอกาสแก้ตัวเธอก็ไม่ให้ฉันเลยเหรอ? ฉันขอร้องเธอนะ ฉักคุกเข่าคำนับเธอก็ได้!”
ระยะห่างใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ นัยน์ตาของเจิ้งเสวี่ยซานมีความเหี้ยมโหดพาดผ่าน อยู่ดี ๆก็ฟุบลงกับพื้นราวกับจะกอดขาเหมยเหมยเพื่อขอร้องยกโทษให้ เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนและฉีฉีเก๋อต่างมีสีหน้าดูถูกแต่กลับไม่รู้สึกถึงความผิดปกติ และยังคงกินข้าวต่อไป
…………………………………………..
ตอนที่ 1557 แทงเข้าไปที่เธอทั้งหมด
เหมยเหมยหวาดกลัวภายในใจจนขนลุกซู่ไปทั้งตัว
เธอรู้ว่านี่เป็นปฏิกิริยาตอบสนองตามสัญชาตญาณของร่างกายเมื่อเผชิญอันตราย ไม่ต้องรอให้เธอเบี่ยงหลบก็มีชายหน้าตาธรรมดาพุ่งเข้ามาราวกับสายฟ้าแล้วถีบเจิ้งเสวี่ยซานล้มลงกับพื้น
เหมยเหมยรีบหยิบต้มหมูพริกเสฉวนบนโต๊ะที่ยังร้อนควันกรุ่น ๆอยู่สาดใส่เจิ้งเสวี่ยซานที่ยังคงไม่ยอมแพ้ไป
“โอ๊ย ตาของฉัน…”
น้ำมันสีแดงที่แสบร้อนสาดลงบนหัวและใบหน้าของเจิ้งเสวี่ยซาน เจิ้งเสวี่ยซานอดไม่ได้ที่จะเช็ดหน้าด้วยมือของเธอ เข็มฉีดยาในมือตกลงที่พื้น กลิ้งอยู่สองสามครั้ง เลือดสีแดงเข้มกระเพื่อมไปมาอยู่ในเข็มฉีดยา
ม่านตาของเหมยเหมยหดลง เจิ้งเสวี่ยซานเอาเข็มฉีดยามาทำอะไร?
เลือดข้างในนี้คือของใคร?
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเลือดในเข็มฉีดยานี้ แต่แน่นอนว่าเลือดต้องมีเชื้อโรคแน่ ๆ เจิ้งเสวี่ยซานคงไม่เอาเลือดดี ๆมาแทงเธออย่างไร้ต้นสายปลายเหตุแน่นอน มิน่าล่ะเธอถึงต้องนำกล่องรักษาอุณหภูมิติดมาด้วยเมื่อเธอออกไปข้างนอก
เหมยเหมยโมโหสุดขีด ช่างน่ารังเกียจจริง ๆ!
ในเมื่อจะตายอยู่แล้วยังไม่รู้จักปรับปรุงตัวเอง งั้นก็อย่าโทษว่าเธอไม่เกรงใจแล้วกัน!
หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง เป็นเรื่องที่เธอชอบทำมากที่สุดนักแล!
เหมยเหมยก็สวมถุงมือหยิบเข็มฉีดยาขึ้นมาจากพื้น บนพื้นผิวมีหยดน้ำเกราะอยู่ ความเย็นผ่านถุงมือเข้ามา เหมยเหมยยิ้มเยาะ แทงเข็มฉีดยาเข้าไปที่ตัวของเจิ้งเสวี่ยซานที่ยังคงเช็ดตาอยู่โดยไม่ลังเลสักนิด
เข็มแหลมผ่านเสื้อสเวตเตอร์ตัวหนาแทงลงเข้าเนื้อ จากนั้นใช้แรงกดลงไปอย่างหนักหน่วงสุดเข็มจนไม่มีเลือดเหลือสักหยด
เจิ้งเสวี่ยซานแสบตามาก เอาแต่เช็ดไม่หยุดจนลืมเรื่องเข็มฉีดยาไปอย่างสิ้นเชิง แต่ไม่นานเธอก็รู้สึกเหมือนถูกยุงกัด จากนั้นความเจ็บปวดก็ตามมา
เธอรู้สึกว่าท่าไม่ดีเสียแล้ว ใจตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม
อะไรกำลังแทงเธออยู่นะ?
“จ้าวเหมยแกแทงฉันด้วยอะไร…แกแทงฉันด้วยอะไร?”
เจิ้งเสวี่ยซานตะโกนอย่างตื่นตระหนก อยากจะลืมตาเป็นอย่างมาก แต่กลับไม่มีประโยชน์ มองไม่เห็นอะไรเลย ความมืดทำให้เธอกลัวมากขึ้น สองมือยังคงปัดป่ายไปมาเหมือนคนบ้า
ลูกค้าส่วนใหญ่ในร้านอาหารเป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเมืองหลวง บางส่วนยังเป็นเพื่อนร่วมชั้นของพวกเหมยเหมย ซึ่งตอนนี้กำลังตกใจเป็นอย่างมาก ทำไมอยู่ดี ๆถึงทะเลาะกันได้นะ?
เหมยเหมยหันไปพูดกับฉีฉีเก๋อที่ยังงงเป็นไก่ตาแตกว่า “ไปเอาน้ำสะอาดมาหน่อยสิ”
ฉีฉีเก๋อวิ่งไปยังครัวด้านหลังอย่างงง ๆแล้วเติมน้ำใส่อ่าง เหมยเหมยคว้าตัวเจิ้งเสวี่ยซานที่กรีดร้องหยั่งกับคนบ้าขึ้นมาแล้วจับหัวเธอกดลงไปในอ่างน้ำ ทุกคนต่างก็สูดหายใจเข้าอย่างตกตะลึง
นี่มันฤดูหนาวของเมืองหลวงเชียวนะ!
น้ำเย็นเจี๊ยบแบบนี้จะแข็งตัวเป็นไอติมหรือเปล่า?
เจิ้งเสวี่ยซานตัวสั่นสะท้านจากความหนาวเย็น ปากซีดไปหมดแต่สายตาดีขึ้นมาก ไม่ปวดแสบปวดร้อนเหมือนก่อน เธอลืมตาขึ้นและตะโกนใส่เหมยเหมย “เธอแทงอะไรใส่ฉัน?”
“เป็นของที่เธอพกมาเองไงล่ะ…ดูสิ…ไม่สิ้นเปลืองแม้แต่หยดเดียวเลยนะ!”
เหมยเหมยหัวเราะและแบมือออก เข็มฉีดยาว่างเปล่าเรียบร้อยแล้ว
เจิ้งเสวี่ยซานหน้าซีดขาวราวกระดาษ มองไปที่เข็มฉีดยาว่างเปล่าอย่างเหลือเชื่อ ในที่สุดสิ่งที่เธอกลัวมันก็เกิดขึ้นแล้ว
ในไม่ช้าทั้งตัวของเธอคงมีตุ่มพุพอง กลายเป็นสัตว์ประหลาดน่าเกลียดที่ใคร ๆต่างก็รังเกียจแน่เลย!
ไม่เอานะ!
“จ้าวเหมย…ฉันจะสู้กับเธอให้ถึงที่สุด!”
เจิ้งเสวี่ยซานสูญเสียสติปัญญาการรับรู้ไปทั้งหมดแล้ว ตอนนี้เธอไม่เหลืออะไรแล้ว ทั้งอนาคต หน้าตา การศึกษา…เธอกลายเป็นผู้แพ้อย่างสมบูรณ์ เธอจะเอาหน้าที่ไหนกลับบ้านอีก?
ไม่สู้ให้เธอกับจ้าวเหมยพังพินาศไปด้วยกันเลย!
เจิ้งเสวี่ยซานพุ่งเข้าหาอย่างบ้าคลั่ง ใบหน้าบิดเบี้ยวน่าเกลียดมากทำเอาคนต่างหวาดกลัว นักเรียนใจเสาะบางคนก็วิ่งหนีออกจากร้านอาหารเพราะไม่กล้าอยู่ข้างใน ฉีฉีเก๋อก้าวไปข้างหน้า เตะตัดขาเบา ๆก็ทำเอาเจิ้งเสวี่ยซานลงไปกองที่พื้นแล้ว
“เจิ้งเสวี่ยซานทำไมเธอถึงได้เหมือนหมาบ้าขนาดนี้นะ? ของในเข็มฉีดยาเป็นของที่เอาไว้ทำร้ายคนเหรอ?”
ฉีฉีเก๋อกดเจิ้งเสวี่ยซานที่ดิ้นพล่านไม่หยุดเอาไว้ ซักถามด้วยเสียงเข้ม
ต่อให้เธอโง่แค่ไหนแต่ก็มองออกว่าเลือดในเข็มฉีดยานี้จะต้องไม่ปกติแน่นอน
ตอนที่ 1558 ขอให้ยกโทษให้
เหมยเหมยมองเจิ้งเสวี่ยซานที่ดิ้นพล่านอยู่ที่พื้นเหมือนหมาบ้าอย่างเย็นชา แล้วตะเบ็งเสียงใส่ “เลือดนี้เอามาจากไหน?”
เจิ้งเสวี่ยซานนิ่งชะงัก จู่ ๆก็นิ่งไปไม่เปล่งเสียงสักแอะ
สมองของเธอได้สติขึ้นมาบ้าง รู้ว่าการบอกชื่อโฮ่วเซิ่งหนานออกมาไม่ใช่เรื่องดีจึงไม่พูดออกมา ไม่แน่ว่าโฮ่วเซิ่งหนานอาจจะยังออกหน้าปกป้องเธอบ้าง
ผู้คนที่มุงดูในร้านอาหารเริ่มมีมากขึ้นเรื่อย ๆซึ่งล้วนแต่เป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเมืองหลวง พอเห็นว่าดาวมหาวิทยาลัยเกิดเรื่องขึ้น ทุกคนต่างก็แห่เข้ามามุงด้วย
เหมยเหมยไม่อยากไต่สวนเจิ้งเสวี่ยซานต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ เธอจึงมองผู้ชายที่ปรากฏตัวออกมาเมื่อครู่ หลังจากชายคนนี้เตะเจิ้งเสวี่ยซานล้มลงกับพื้น เขาก็อยู่ข้าง ๆรอรับคำสั่งจากเหมยเหมยอยู่เงียบ ๆมาตลอด
“เอาตัวเขาไปถามให้ชัดเจนว่าในเข็มฉีดยานี้มันคืออะไรกันแน่”
เหมยเหมยขอผ้าขนหนูมาจากเถ้าแก่ แล้วหยิบเข็มฉีดยาที่ว่างเปล่าขึ้นมาแล้วส่งต่อให้ชายคนนั้น ชายคนนี้ถูกส่งมาโดยเหยียนหมิงซุ่นเพื่อปกป้องเธอ
พอผู้ชายคนนั้นผิวปากก็มีชายคนหนึ่งปรากฏตัวในฝูงชน อายุน้อยกว่าเล็กน้อย คนที่แก่กว่าพาตัวเจิ้งเสวี่ยซานเดินจากไป ทิ้งหนุ่มอายุน้อยเอาไว้ปกป้องเหมยเหมยต่อ
นี่คือแก้วตาดวงใจของคุณชายหมิง พวกเขาจะกล้าเพิกเฉยได้อย่างไรกัน!
ทุกคนต่างนิ่งชะงักแล้วมองชายแข็งกร้าวที่ซ่อนตัวอยู่ในฝูงชนอีกครั้งอย่างตกตะลึง แม้ว่าจะสวมเสื้อผ้าสบาย ๆแต่แค่มองก็รู้ว่าเขาต้องเป็นทหารผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน มีรังสีสังหารในร่างกาย ไม่ว่าจะใส่เสื้อผ้าหนาแค่ไหนก็ไม่สามารถปกปิดได้
แม่เจ้า หรือว่านี่คือบอดี้การ์ดในตำนาน?
ดาวมหาวิทยาลัยยิ่งใหญ่ไม่เบานะเนี่ย!
พอเหยียนหมิงซุ่นรู้จากลูกน้องว่าภรรยาของเขาเกือบถูกลอบทำร้ายอีกครั้งก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ จึงเป็นคนสวบสวนเจิ้งเสวี่ยซานด้วยตนเอง
วิธีการ 108 วิธีของเหยียนหมิงซุ่น แม้แต่ KGB ที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นพิเศษก็แทบไม่สามารถต้านทานได้ เจิ้งเสวี่ยซานเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาไหนเลยจะทนไหว เปิดปากบอกทึกอย่างอย่างรวดเร็ว
พอได้ยินว่าเลือดในเข็มฉีดยาเป็นของโฮ่วเซิ่งหนาน เหยียนหมิงซุ่นก็ตกใจจนเหงื่อเย็นไหลออกมาเต็มหลัง โชคดีที่เขาส่งคนไปปกป้องเหมยเหมย ไม่อย่างนั้นเขาไม่อยากจะคิดถึงผลที่ตามมาเลย!
“เรียกคนที่ฉันให้ไปจับตาดูโฮ่วเซิ่งหนานมาสิ” เสียงของเหยียนหมิงซุ่นเย็นยะเยือกเข้ากระดูก
ลูกน้องหลายคนตกใจจนก้มหน้าลง ต่างพากันไว้อาลัยให้เพื่อนร่วมงานทั้งสองคนที่เกือบทำผิดพลาดครั้งใหญ่ ครั้งนี้คุณชายหมิงโมโหมากจริง ๆ!
แล้วเรื่องราวก็คลี่คลายได้อย่างรวดเร็ว ที่แท้ระยะนี้โฮ่วเซิ่งหนานก็เก็บตัวเงียบไม่ออกจากห้องเกือบสิบกว่าวัน ลูกน้องทั้งสองคนยังเด็กจึงอดไม่ได้ที่จะโกรธคิดว่าเจ้านายส่งพวกเขามาจับตาดูผู้หญิงที่วัน ๆไม่ทำอะไร ถือเป็นการดูถูกความสามารถของพวกเขา
ครั้งแรกพวกเขาจริงจังมาก แต่พอจับตาดูไปได้สิบกว่าวัน วัน ๆได้แต่จับตาดูหญิงสาวอัปลักษณ์กินดื่มนอนเข้าห้องน้ำวนเวียนไปเช่นนี้ทั้งสองจึงเริ่มเบื่อหน่าย
ต่อมาเห็นว่าโฮ่วเซิ่งหนานไม่ออกห้องด้วยซ้ำ พวกเขาจึงค่อย ๆผ่อนคลายความระมัดระวังลง จนกระทั่งเริ่มอู้งาน ไม่ไปจับตาดูหล่อนอีก พอกลับมาก็รายงานว่าปกติดีทุกอย่าง
เหยียนหมิงซุ่นมองไปที่ลูกน้องสองคนที่ยืนอยู่ต่อหน้าเขาด้วยความผิดหวัง นี่คือคนมาใหม่ที่เขาเพิ่งเลือกมา พวกเขาทั้งหมดเป็นทหารของกองทัพ เขาคิดว่าเรื่องเล็กน้อยอย่างการเฝ้าจับตาดูไม่น่าจะมีปัญหา แต่ความคิดนั้นกลับนำมาซึ่งเรื่องใหญ่โต
“ส่งกลับไปยังกองทัพเดิม”
เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้ลงโทษพวกเขา สองคนนี้ไม่ใช่ผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างเป็นทางการของเขา ประวัติยังอยู่ในกองทัพเดิม
ทั้งสองหน้าซีดเผือด รู้สึกห่อเหี่ยว นึกเสียใจเป็นที่สุด
น่าเสียดายที่บนโลกใบนี้ไม่มียาแก้โรคเสียใจภายหลัง โอกาสที่จะเป็นของพวกเขามันไม่มีอีกต่อไปแล้ว
เจิ้งเสวี่ยซานฟุบลงไปกับพื้นอย่างหมดแรง มองไปที่เหยียนหมิงซุ่นที่มีรังสีสังหารด้วยความหวาดกลัว ในตอนนี้เธอไม่ได้คิดอะไรเลย ชื่อเสียงเกียรติยศอยู่ไกลเกินเอื้อม เธอแค่อยากรักษาชีวิตตอนนี้ของเธอไว้ วิงวอนขอให้ผู้ชายที่น่ากลัวคนนี้ไว้ชีวิตเธอเท่านั้น
“ฉันบอกไปหมดแล้ว จ้าวเหมยก็ไม่ได้รับบาดเจ็บ ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะ… วันหลังฉันจะอยู่ห่างจากจ้าวเหมยให้ไกลเลย ฉันขอร้องล่ะ!”
เจิ้งเสวี่ยซานคร่ำครวญขอให้ไว้ชีวิตเธอ คุกเข่าบนพื้นและโขกหัวไม่หยุด หน้าผากมีเลือดไหลออกมาแต่ก็ยังคงโขกไม่หยุด
…………………………………………..
ตอนที่ 1559 กวาดล้างวอดวาย
เหยียนหมิงซุ่นมองเจิ้งเสวี่ยซานที่จนตรอกอยู่ที่พื้นอย่างไม่แยแสราวกับเป็นมดตัวน้อย
“โฮ่วเซิ่งหนานบอกเธอว่าเลือดที่อยู่ในเข็มฉีดยาแค่ทำให้คนมีตุ่มพุพองงั้นเหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นถามอย่างเย็นชา
เจิ้งเสวี่ยซานรีบพยักหน้าอย่างแรง “ใช่ โฮ่วเซิ่งหนานบอกแบบนี้ ฉันอยากเรียนต่อแล้วก็คิดว่าคงไม่ได้ทำอันตรายจ้าวเหมยร้ายแรงขนาดนั้น ดังนั้นถึงได้สติพร่าเบลอไปชั่วขณะ ขอร้องล่ะปล่อยฉันไปเถอะนะ ขอร้องล่ะ!”
เหยียนหมิงซุ่นอยู่ดีๆก็ยิ้มออกมา เจิ้งเสวี่ยซานรู้สึกว่ารอยยิ้มของเขาแปลกประหลาดมาก ในใจกลับมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี
“รู้ไหมว่าเลือดนี้เป็นของใคร?” เหยียนหมิงซุ่นถาม
“ของโฮ่วเซิ่งหนาน?” เจิ้งเสวี่ยซานตอบกลับไปตามสัญชาตญาณ
“คำตอบถูกต้อง ฉันจะบอกเธออีกเรื่อง โฮ่วเซิ่งหนานเป็นพาหะของโรค HIV” เหยียนหมิงซุ่นเตือนเธออย่างหวังดี เจิ้งเสวี่ยซานดูงงงวย ไม่เข้าใจคำพูดของเหยียนหมิงซุ่น
เหยียนหมิงซุ่นขี้เกียจเปลืองน้ำลายคุยกับผ๔หญิงแบบนี้ ส่งสัญญาณให้ลูกน้องคนหนึ่งอธิบาย ลูกน้องจึงอธิบายที่มาและอันตรายของไวรัส HIV โดยละเอียด และผลของคนที่ติดเชื้อไวรัสนี้จะเป็นอย่างไร
“ตายแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย และจะเปื่อยเน่าไปทั้งตัวเมื่อตาย……”
เจิ้งเสวี่ยซานหมือนจะตกลงไปในเตาเผาน้ำแข็งก็ไม่ปาน เลือดภายในกายเย็นเฉียบ
เธอ เธอติดโรคที่น่าอับอายและจะตายในอีกไม่ช้านี้แล้ว!
“ไม่…ฉันไม่อยากตาย ขอร้องคุณช่วยฉันด้วย…” เจิ้งเสวี่ยซานโขกหัวอย่างแรง
“HIV เป็นโรคที่ไม่มีทางรักษาให้หายได้และไม่มียารักษาด้วย” ลูกน้องพยายามอธิบายอย่างเต็มที่
ภาพตรงหน้าของเจิ้งเสวี่ยซานมืดลงแล้วเป็นลมล้มไป
“พาไปห้องปฏิบัติการตรวจเลือด”
เหยียนหมิงซุ่นโบกมือทำท่าทางให้ลูกน้อง เจิ้งเสวี่ยซานก็โดนลากไป แม้ว่าโอกาสติดเชื้อผ่านทางเลือดจะสูงมากแต่ก็ไม่ 100% เสมอไป นอกจากนี้เชื้อ HIV ไม่สามารถอยู่รอดในอากาศได้ในระยะเวลาห้าวินาที สิ่งพวกนี้จำเป็นต้องได้รับการยืนยัน
เขากดเล่นภาพบันทึกวิดีโอที่เพิ่งอัดเมื่อครู่อีกครั้ง เม้มริมฝีปากด้วยความพึงพอใจ
ครั้งที่แล้วปล่อยโฮ่วเซิ่งหนานไปทีหนึ่งแล้ว บุญคุณที่ช่วยชีวิตเอาไว้ถือว่าชดเชยคืนแล้ว คราวนี้เขาจะไม่เมตตาอีกต่อไป
นายใหญ่มองเฮ่อเหลียนชิงที่กำลังเจื้อยแจ้วต่อหน้าเขาด้วยความปวดหัว พร้อมเข็มฉีดยาเปล่าวางอยู่บนโต๊ะทำงาน เสียงน่ารำคาญใจจากเครื่องบันทึกดังเข้าหู เขาอยากจะกดปุ่มหยุดเป็นอย่างมากแต่เทปบันทึกเสียงไม่ได้อยู่ในมือของเขา
“เรื่องนี้คุณพูดแล้วกันว่าจะเอาอย่างไร?”
เฮ่อเหลียนชิงรินชาต้าหงเผาอย่างชอบใจ หยุดพูดเพื่อให้นายใหญ่ออกคำสั่ง
นายใหญ่อารมณ์เสียมากเพราะเขาให้โอกาสโฮ่วเซิ่งหนานแล้ว จนถึงขั้นทำให้ภรรยาและลูกชายของเขาขุ่นเคือง เขายอมเปลืองแรงจัดการความขัดแย้งในบ้านแต่โฮ่วเซิ่งหนานกลับก่อเรื่องขึ้นอีก
ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมโฮ่วเซิ่งหนานจึงขอให้เลขานุการของเขาโทรหาอธิการบดีของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงเมื่อไม่กี่วันก่อน เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยเขาจึงไม่ได้ถาม แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าหลานสาวคนนี้จะหลอกใช้เขาเสียด้วยซ้ำ
นายใหญ่โกรธมาก สายใยรักสุดท้ายที่เหลือให้โฮ่วเซิ่งหนานอันน้อยนิดบัดนี้ได้ขาดสะบั้นลงแล้ว
“ฉันจะให้โฮ่วเซิ่งหนานรีบออกประเทศไปให้เร็วที่สุด หลังจากนี้จะไม่กลับประเทศอีก ปล่อยเธอไปตามยถากรรมแล้วกัน”
เฮ่อเหลียนชิงพอใจเป็นอย่างมาก ขอเพียงแค่นายใหญ่ไม่สนใจหลานสาวคนนี้แล้วก็พอ
เหยียนหมิงซุ่นเองก็พอใจมาก โฮ่วเซิ่งหนานโดนบังคับให้ออกไปจากฮวาเซี่ย รอคอยอนาคตที่เป็นดั่งขุมนรกที่ไม่มีวันสิ้นสุดของเธอ
เทียนมู่ได้บอกกับสมาชิกของกลุ่มอัศวินแล้วว่าโฮ่วเซิ่งหนานมีเชื้อ HIV จึงตื่นตระหนกกันยกใหญ่ ทุกคนในกลุ่มอัศวินได้ทำการตรวจสอบอย่างละเอียด ผลลัพธ์ก็คือถูกกวาดต้อนไปจนหมด ยกเว้นเทียนมู่
แล้วก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวออกไป สมาชิกของกลุ่มอัศวินทั้วทุกมุมโลกต่างก็เป็นเหล่าตระกูลผู้สูงศักดิ์ที่โดนจับตามอง เรื่องนี้ไม่ต่างอะไรกับระเบิดปรมาณูที่กลายเป็นเรื่องอื้อฉาวครั้งใหญ่ที่สุดในช่วงปลายศตวรรษ
สุดท้ายองค์กรอัศวินนี้ก็แตกกระเจิง!
ชื่อเสียงของโฮ่วเซิ่งหนานในต่างประเทศนั้นช่างอัปยศอดสูราวกับหนูกำลังข้ามถนน คนเห็นคนเกลียด ไม่มีใครให้เธอทำงานและไม่มีใครคุยกับเธอ
ท้ายที่สุดเธอทนต่อความอัปยศอดสูไม่ไหว ไม่ต้องรอให้เหยียนหมิงซุ่นลงมือเองเธอก็กินยาฆ่าตัวตายในอพาร์ตเมนต์ที่อังกฤษ
ในคอลัมน์เล็ก ๆของหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นมีเอ่ยถึงอยู่ เพียงแต่ไม่มีคนสนใจ
ทุกวันนี้มีทั้งคนเกิดคนตาย ไม่เห็นแปลกอะไร!
ตอนที่ 1560 ไปทุ่งหญ้า
เจิ้งเซวี่ยซานโชคดีมากเพราะได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อ HIV เหยียนหมิงซุ่นก็ไม่ได้เก็บเธอไว้สั่งให้คนไปส่งเธอกลับมหาวิทยาลัยเมืองหลวงด้วยตนเอง และบอกรายละเอียดสภาวะร่างกายของเธอ
ครั้งนี่ไม่ต้องให้เหมยเหมยตามเรื่องเลย ทางผู้บริหารของโรงเรียนก็เตรียมขั้นตอนการไล่ออกอย่างรวดเร็ว ภายในหนึ่งวันเจิ้งเสวี่ยซานก็โดนใล่ออกไปจากประตูใหญ่ของโรงเรียน โดยไม่ให้เธอเข้ามาเหยียบในมหาวิทยาลัยแม้แต่ครึ่งก้าว
เชื้อไวรัส HIV เลยนะ!
นักเรียนในมหาวิยาลัยมีเป็นหมื่น ๆชีวิต ถ้าถูกแพร่ใส่คงติดกันหมด แล้วใครจะเป็นคนรับผิดชอบกัน?
เหมยเหมยไม่สนใจคำพูดของผู้หญิงคนนี้อีก การที่ได้รับเชื้อ HIV มานั้นก็เหมือนชีวิตที่ต้องนับรอวันตาย ก็เป็นดั่งคนใกล้ตายแล้วแหละ
เหยียนหมิงซุ่นไม่กล้าชะล่าใจ เพราะเวลานี้เจิ้งเสวี่ยซานเป็นคนอันตรายมาก ๆเพราะในใจมีแต่ความขมขื่น ยิ่งรู้ว่าตัวเองจะอยู่ได้อีกไม่นาน เป็นไปได้สูงมากที่จะล้างแค้นและก่อเรื่องไม่ดีขึ้นอีก
ผู้หญิงคนนี้ก็เหมือนกับโรคเคลื่อนที่ได้ ซึ่งต้องระวังให้มาก เหยียนหมิงซุ่นจึงส่งคนจับตาดูพฤติกรรมของเจิ้งเสวี่ยซานอย่างใกล้ชิด
เมื่อจัดการนังงูอสรพิษที่ชอบลอบทำร้ายลับหลังอย่างเจิ้งเสวี่นซานได้แล้ว เหมยเหมยก็อารมณ์ดี วันเกิดของเหยียนหมิงซุ่นใกล้เข้ามาแล้ว เธอกำลังยุ่งกับการเตรียมของขวัญวันเกิดที่ยิ่งใหญ่และน่าจดจำ แต่ก่อนหน้านี้ ——
“พี่หมิงซุ่น แม่ม้าที่บ้านของฉีฉีเก๋อจะคลอดแล้ววันนี้ เราจะไปที่ทุ่งหญ้ากันเมื่อไรเหรอ?” เหมยเหมยถามขึ้นระหว่างทานมื้อเย็น
ระยะนี้เหยียนหมิงซุ่นมักจะมากินข้าวที่บ้านตระกูลจ้าว จ้าวเสวียหลินออกไปปฏิบัติภารกิจ จ้าวอิงหัวทำคนเดียวไม่ได้จึงทำได้แค่แกล้งมองไม่เห็นไป พอได้ยินคำพูดของเหมยเหมยในตอนนี้ก็รู้สึกตื่นตัวขึ้นมาทันที
“ไปทำอะไรที่ทุ่งหญ้า? อาหาศหนาวก็หนาว หูจะแข็งเอาได้นะ!” จ้าวอิงหัวบ่น
เหมยเหมยเบะปากและส่งเสียงฮึออกมาอย่างไม่พอใจ เหยียนซินหย่าคีบตูดไก่ชิ้นหนึ่งยัดเข้าปากของจ้าวอิงหัว พร้อมกับหัวเราะร่า “ตอนนี้บรรยากาศที่ทุ่งหญ้าให้อารมณ์อีกแบบหนึ่ง เหมยเหมยไปวาดรูปที่นั่นก็ไม่เลวนะ”
เหยียนหมิงซุ่นแอบชูนิ้วโป้งให้แม่ยาย อมยิ้มพลางบอกว่า “พี่เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว อีกสองวันก็ไปได้เลย”
ตามที่เขารู้มาเฮ่อเหลียนเช่อก็จะไปทุ่งหญ้าด้วย เพื่อจะนำลูกม้ามาฝากหนิงเฉินเซวียนด้วยตัวเอง น่าจะเป็นช่วงสองวันนี้แหละ
เจ้าอิงหัวแอบรู้สึกสะอิดสะเอียนตูดไก่ เขามองไปที่ภรรยาของตัวเองอย่างน่าสงสารแต่ก็ไม่กล้าคายออกมา อดทนกลั้นอาการพะอืดพะอมไว้ นี่เป็นการกินตูดไก่ในรอบเจ็ดปีจึงค่อย ๆเคี้ยวละกลืนลงไป
รู้สึกแย่ชะมัด
กลิ่นตูดไก่กระจายอยู่เต็มปาก!
ตอนนี้โลกทั้งใบเงียบเหมือนไก่!
จากนั้นก็ไม่มีใครคัดค้านการไปทุ่งหญ้าอีก เหมยเหมยเก็บกระเป๋าเดินทางอย่างร่าเริง ส่วนเรื่องลาหยุดก็ให้พ่อแม่จัดการเรียบร้อย มีความสุขกับการเดินทางไปทุ่งหญ้า
จากมหาวิทยาลัยเมืองหลวงขับรถไปบ้านของฉีฉีเก๋อใช้เวลาประมาณ7-8 ชั่วโมง เหยียนซินหย่าลาหยุดให้พวกเธอ10 วัน ซึ่งเพียงพอสำหรับการไปเที่ยวครั้งนี้แล้ว
เหยียนหมิงซุ่นได้พาลูกน้องฝีมือดีติดตามไปด้วยสองสามคน มีเฮ่อเหลียนเช่อมาด้วย ระวังหน่อยก็ดี
ทุ่งหญ้าในฤดูหนาวเต็มไปด้วยหญ้าเหี่ยวเฉา ไม่เห็นสิ่งมีชีวิตสักตัว ช่างแห้งแล้งเหลือเกิน
“ในช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่เนื้อแพะอร่อยที่สุดเพราะได้กินหญ้าแห้ง ทำให้ไม่มีกลิ่นฉุนโดยเฉพาะส่วนไขมัน ฉันให้แม่ทำแพะย่างให้พวกเธอแล้ว รับประกันได้ว่าพวกเธอต้องอร่อยจนหยุดกินไม่ได้เลย”
พอหยุดพักกลางทางก็กินขนมอบแห้งกัน ฉีฉีเก๋อแนะนำอาหารขึ้นชื่อของทุ่งหญ้าอย่างมีความสุข ขณะที่น้ำลายของตัวเองก็ไหลออกมาอย่างไม่หยุด
ทุกคนพักผ่อนได้สักพักก็เตรียมตัวจะเดินทางทางต่อ เหยียนหมิงซุ่นก็เกิดอาการหูอื้อ สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยแล้วให้เหมยเหมยขึ้นรถไปก่อน ทอดสายตามองไปก็เห็นทรายสีเหลืองสาดกระเซ็นแล้วก็มีรถจิ๊บสองสามคัดวิ่งตรงมาจอดอยู่ข้างหน้าพวกเขาอย่างรวดเร็ว
เฮ่อเหลียนเช่อที่อยู่รถคันหน้าสุดโผล่หัวออกมามองไปที่เหยียนหมิงซุ่นอย่างดุดัน และพูดเสียงเย็นชาว่า “ทุ่งหญ้าหมาป่ามากมาย ระวังจะตายเอาได้นะ!”
“ไม่ต้องให้นายเป็นห่วงหรอก ดูแลตัวเองเถอะ ไม่ใช่ว่าแม้แต่กระดูกก็ยังปกป้องไม่ได้!”
เหยียนหมิงซุ่นตอกกลับอย่างเย็นชา ดูเหมือนไม่ใส่ใจแต่ร่างกายอยู่ในสภาวะตื่นตัวพร้อมสังหารได้ทุกเมื่อ
…………………………………………..
ตอนที่ 1561 สวรรค์กลั่นแกล้งพวกเขาแล้ว
เฮ่อเหลียนเช่อสอดส่องอยู่นาน ไม่พบโอกาสที่จะทำประโยชน์ได้เลยจึงกลับมานั่งอย่างหัวเสีย พลันหันไปโบกมือให้เหยียนหมิงซุ่น “ถึงก่อนได้ก่อน!”
เหยียนหมิงซุ่นแค่นเสียงเยาะเย้ยไม่รีบร้อนแม้แต่น้อย เจ้าของลูกม้านั่งอยู่บนรถเขาต่อให้ไปถึงก่อนก็ไม่มีประโยชน์
ขบวนรถของเฮ่อเหลียนเช่อวิ่งไปไกลลิ่วในเวลาอันรวดเร็ว เขาสั่งให้ลูกน้องเพิ่มความเร็วขึ้น เพราะต้องไปถึงสนามม้าของลุงปาเกินก่อนเหยียนหมิงซุ่นให้ได้ ลุงปาเกินก็คือพ่อของฉีฉีเก๋อ สนามม้าของเขาเป็นทุ่งหญ้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ เพาะเลี้ยงม้าแข่งคุณภาพดีมานับไม่ถ้วน
เหมยซูหานเห็นเหมยเหมยในรถ ปลายลิ้นรู้สึกถึงความขมเฝื่อน หลายปีมานี้เขาฝันขาด ๆหาย ๆปะติดปะต่อกันไม่ได้ แต่ก็พอเข้าใจโดยคร่าวแล้ว ทั้งเรื่องที่เหมยเหมยแต่งงานกับเขา แล้วไหนจะการตายของเหมยเหมย รวมทั้งเรื่องราวทั้งหมดหลังการตายของเธอ
เขามั่นใจได้เลยว่า เหมยเหมยต้องเหมือนกับเขาที่ฝันถึงเหตุการณ์ในชาติก่อนเช่นกัน
มิเช่นนั้นเหมยเหมยคงไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงมากถึงเพียงนี้
และคงไม่โกรธแค้นอู่เยวี่ยจนเข้ากระดูกเช่นนั้น
เหมยซูหานหัวเราะเยาะตัวเอง เขาไม่โทษเหมยเหมยเลยที่ไม่คิดสนใจเขา ในความฝันตัวเขาเองได้เป็นผู้ช่วยฆาตกรอย่างอู่เยวี่ยนี่นา!
เขารู้สึกผิดต่อเหมยเหมย!
เฮ่อเหลียนเช่อขับรถไปด้วยพร้อมเหลือบหางตามองคนข้างกายอย่างเหมยซูหาน เห็นเขาขมวดคิ้วอีกแล้ว จึงได้ถอนหายใจอย่างไม่พอใจ ในใจรู้สึกไม่ดีนักเลย
ต้องเป็นเพราะยังหลงเหลือความรู้สึกให้นางชั่วจ้าวเหมยนั่นอยู่แน่ ทุกครั้งที่เจอก็จะนิ่งราวกับคนตาย เขาจึงอดไม่ได้ที่จะโกรธ
เฮ่อเหลียนเช่อรู้สึกอัดอั้นจนถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาเสียงดัง เหมยซูหานไม่อยากได้ยินคงยากจึงหลุดขำ และล้วงหยิบลำไยในกระเป๋าออกมาลูกหนึ่ง ปอกเปลือกออกเผยให้เห็นเนื้อขาวใสเนียน จากนั้นก็เอาป้อนให้เฮ่อเหลียนเช่อ
อาการเศร้าหมองสลายหายไปทันที
เฮ่อเหลียนเช่อลิงโลดยิ้มตาหยี ลดกระจกลงคายเม็ดทิ้ง พยักพเยิดส่งสัญญาณให้เหมยซูหานป้อนต่อ
“อาเช่อ หลายวันก่อนคุณไปกินข้าวกับคุณหนูของตระกูลจางมาใช่ไหม?” เหมยซูหานถามอย่างไม่แสดงอาการใด ๆ
รถเกิดสั่นเครง เฮ่อเหลียนเช่อจึงรีบควบคุมความเร็วให้สมดุล แล้วตอบอย่างไม่ใส่ใจว่า “ใช่ แค่กินข้าวด้วยกันมื้อเดียว สิบนาทีก็ไม่ถึง”
เสียงลอบถอนหายใจดังขึ้น
ความขมขื่นในใจของเหมยซูหานมีมากขึ้น นิ้วเรียวยาวค่อย ๆปอกเปลือกลำไยซึ่งมองดูแล้วช่างเป็นภาพเจริญตานัก เขายื่นลำไยป้อนเข้าปากเฮ่อเหลียนเช่อ นิ้วมือส่งความร้อนผ่านออกมา เฮ่อเหลียนเช่อจึงแลบลิ้นเลียไปทีพลางยิ้มเจ้าเล่ห์
แต่เหมยซูหานกลับดีใจไม่ออกเลย
“อาเช่อ ไม่งั้นนายแต่งงานกับคุณหนูจางไปเถอะ?” เหมยซูหานพูดออกมาอย่างจนใจ
“เอี๊ยด”
เสียงเบรกดังเสียดหูยิ่งทำให้น่ารำคาญใจ เฮ่อเหลียนเช่อมีสีหน้าบึ้งตึงบรรยากาศมาคุทันที รถคันหลังก็หยุดไปตาม ๆกัน ไม่มีใครกล้าขับขึ้นหน้า
“ฉันไม่ชอบคุณหนูจาง แล้วก็ไม่ชอบคุณหนูหลิวนั่นด้วย ต่อไปอย่าพูดแบบนี้อีก”
ความกดอากาศในรถต่ำลงมาก ต่ำจนทำให้คนเราหายใจไม่ออก
ทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องนี้ทีไร เฮ่อเหลียนเช่อก็มักจะโกรธร้ายราวกับเสือดาวแบบนี้อยู่เรื่อย
เหมยซูหานถอนหายใจอีกครั้ง จับมือเฮ่อเหลียนเช่อพลางฝืนยิ้มเอ่ยว่า “ฉันรู้ว่านายไม่ชอบพวกหล่อน แต่อาของนายอยากให้นายแต่งงานกับผู้หญิงสักคน แล้วมีลูก อาเช่อ…นายอย่าทำให้คุณอาโมโหอีกเลยจะได้ไหม?”
ตอนนั้นเขาตกลงกับอู่เยวี่ยไว้เสียดิบดีว่าจะให้อู่เยวี่ยแกล้งแต่งงานกับเฮ่อเหลียนเช่อแล้วทำการผสมเทียมเพื่อมีลูก แต่อู่เยวี่ยตายแล้ว ดังนั้นเรื่องการแต่งงานก็ถือว่าล้มเหลวไป
ต่อจากนั้นมาหนิงเฉินเซวียนก็คอยจัดสรรผู้หญิงสกุลชั้นสูงมากมายมาให้เฮ่อเหลียนเช่อ แต่เฮ่อเหลียนเช่อไม่ถูกใจใครเลย ด้วยเหตุนี้หนิงเฉินเซวียนจึงเริ่มไม่ค่อยพอใจเฮ่อเหลียนเช่อ สองพ่อลูกสามวันดีสี่วันทะเลาะกันจนเป็นเรื่องบานปลายใหญ่โต
เหมยซูหานรู้สึกผิดมาก เขาเกลียดที่กายตนนั้นเป็นชาย ทั้ง ๆที่เขากับเฮ่อเหลียนเช่อมีความรักที่แท้จริงให้กัน ไม่ว่าจะเป็นชาติก่อนหรือชาตินี้ พวกเขาต่างก็รักกันด้วยใจจริง
ทำไมพระเจ้าถึงต้องกลั่นแกล้งพวกเขาเช่นนี้ด้วยนะ?
ตอนที่ 1562 หึงหวง
เฮ่อเหลียนเช่อรู้สึกห่อเหี่ยวลูบมือเหมยซูหานไปมาพลางพูดปลอบโยน “ไม่ต้องกลัว ไม่เป็นไรหรอก อย่างมากคุณอาก็คงด่าให้หายโมโห รอให้หาผู้หญิงที่เหมาะสมได้แล้วมีลูกให้ ก็ไม่เป็นไรแล้ว”
เหมยซูหานกลับไม่ได้มองโลกในแง่ดีขนนาดนั้น เขามีลางสังหรณ์บางอย่างแรงมาก
หนิงเฉินเซวียนไม่มีทางปล่อยเขาไว้แน่!
แต่เขาไม่อยากบอกเรื่องนี้กับเฮ่อเหลียนเช่อ อาเช่อมีเรื่องว้าวุ่นมากพอแล้ว เขาไม่สร้างเรื่องน่าปวดหัวเพิ่มให้อาเช่อ
เหมยซูหานพยักหน้าให้เฮ่อเหลียนเช่อเล็กน้อยแล้วไม่พูดอะไรอีก จากนั้นก็ปอกเปลือกลำไยต่อ ความจริงเขาก็ไม่อยากให้เฮ่อเหลียนเช่อแต่งงานมีภรรยาหรอก โลกของคนสองคน หากมีคนแปลกหน้าเข้ามาแทรกเขาคงไม่มีทางคุ้นชินแน่!
ในเรื่องความรักไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงก็ไม่มีใครใจกว้างอยากให้มีเรื่องด่างพร้อย!
เฮ่อเหลียนเช่อเผยรอยยิ้มอันสดใสให้เหมยซูหาน “วางใจเถอะ มีฉันอยู่นายไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้นแหละ!”
“อืม ออกรถเถอะ อย่าให้คนอื่นมาแย่งลูกม้าไปได้!” เหมยซูหานฝืนยิ้มออกมา พร้อมป้อนเนื้อลำไยให้เขา
เมื่อครู่เห็นเหยียนหมิงซุ่นกับเหมยเหมย คิดไปคิดมาพวกเขาก็คงไปที่นั่นเพราะลูกม้าตัวนั้นแน่นอน หากเป็นสิ่งอื่นเขาคงเกลี้ยกล่อมให้เฮ่อเหลียนเช่อวางมือ แต่ลูกม้าตัวนั้นจะมอบให้เป็นของขวัญวันเกิดของหนิงเฉินเซวียน
ช่วงนี้ความสัมพันธ์ระหว่างหนิงเฉินเซวียนกับเฮ่อเหลียนเช่อตึงเครียดมาก หวังว่าเจ้าลูกม้าน้อยตัวนี้จะทำให้ความสัมพันธ์ของสองพ่อลูกดีขึ้นมาบ้าง
ดังนั้นเขาหวังว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะได้ลูกม้าตัวนี้ไป!
งั้นคงทำได้แค่ขอโทษเหมยเหมยแล้วล่ะ
เฮ่อเหลียนเช่อมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม “ของที่ฉันอยากได้ ใครก็แย่งไปไม่ได้ทั้งนั้น!”
เพราะเจ้าบ้าปาเกินที่ไม่รู้กาลเทศะนั่น เอาแต่บอกว่าจะเลือกคนที่วาสนาต่อกันให้ลูกม้า ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ถ่อมาถึงทุ่งหญ้าด้วยตัวเองหรอก
เหมยเหมยเองก็เห็นเหมยซูหานแต่เขาไม่มีอะไรเปลี่ยนไปมาก แค่ดูเหมือนจะโทรมลงไปบ้าง อีกอย่างความเศร้าโศกที่แสดงผ่านหว่างคิ้วช่างลึกซึ้ง เห็นได้ชัดเจนว่าเหมยซูหานไม่ได้มีชีวิตที่ดีนัก
ธุรกิจของเหมยซูหานเติบโตเครือข่ายกว้างขวางกว่าชาติที่แล้ว แต่โดยทั่วไปเขาเป็นคนถ่อมตัว น้อยมากที่จะเปิดเผยตัวต่อหน้าสาธารณะชน คนในเมืองหลวงที่รู้จักเขาจึงมีอยู่น้อยนิด
แม่เหมยสุขภาพร่างกายแข็งแรงมาตลอด ไม่มีทางจากไปเร็วเหมือนชาติก่อนแน่นอน พ่อของเหมยเหมยซูหานกลับเป็นเหมือนชาติก่อน กินเหล้าติดการพนัน ไม่เอาการเอางาน แต่ในชาตินี้พ่อของเหมยซูหานจากไปเร็วกว่าชาติก่อนหนึ่งปี
เมื่อเพิ่งถึงช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ คนชั่วที่เลี้ยงเปลืองข้าวสุกใช้ชีวิตเหมือนชาติก่อน ดื่มเหล้าเยอะจนพลัดตกลงไปในคูคลอง คืนนั้นไม่มีใครเห็นจึงตัวแข็งตาย
แต่เหมยซูหานเกลียดพ่อตัวเองเข้ากระดูกดำ เขาตายไปคงจะมีความสุขมากกว่าไม่มีทางเสียใจหรอก เช่นนั้นเหตุที่เขามีชีวิตที่ไม่ดีนักคงเป็นเพราะเฮ่อเหลียนเช่อสินะ
“ตอนนี้เหมยซูหานกับเฮ่อเหลียนเช่อเป็นอย่างไรบ้าง?” เหมยเหมยอดไม่ได้ที่จะถามถึง
เหยียนหมิงซุ่นเหลือบมองเธอครั้งหนึ่ง กลิ่นอายความหึงหวงเริ่มแผ่กระจาย ทำไมจู่ ๆถึงได้ถามถึงเหมยซูหาน?
“พี่คิดไปถึงไหนเนี่ย? ฉันแค่ถามไปเรื่อยเปื่อย” เหมยเหมยเอาเมล็ดสนที่แกะเสร็จเมื่อครู่ยัดเข้าปากเหยียนหมิงซุ่น พร้อมส่งสายตาเอือมระอาให้
ฉิวฉิวถอยกลับไปยังมุมเก้าอี้แล้วแทะกินไม่หยุดอย่างเอร็ดอร่อย ในกล่องกระดาษเต็มไปด้วยเปลือกเมล็ดสน
เหยียนหมิงซุ่นเคี้ยวเมล็ดสนในปากอย่างพอใจ รสชาติที่สาวงามป้อนช่างไม่เลวเลย อารมณ์ดีขึ้นมาไม่น้อย
“พวกเขาทั้งสองรักกันจริง หลายปีมานี้ต่อให้มีอุปสรรคก็ไม่เคยแยกจากกัน แต่หนิงเฉินเซวียนไม่เห็นด้วยมาตลอด มักยัดเยียดผู้หญิงให้เฮ่อเหลียนเช่อเสมอ” เหยียนหมิงซุ่นพูดออกไปคร่าว ๆ
มีบางอย่างที่เขาไม่ได้พูด หนิงเฉินเซียนโหดเหี้ยมไร้ความปราณี เขามีใจปรารถนาให้เฮ่อเหลียนเช่อแต่งงานมีลูก เกรงว่าจะลงมือจัดการกับเหมยซูหานอย่างทารุณ
แต่เรื่องพวกนี้ไม่เกี่ยวกับเขา เฮ่อเหลียนเช่อเป็นศัตรูกับเขา เหมยซูหานก็ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเขา
เหมยเหมยถอนหายใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
เธอเข้าไปยุ่งไม่ได้และไม่อยากยุ่งด้วย
ออกเดินทางในตอนเช้าและหยุดพักมาตลอดทาง จนในที่สุดก็ถึงบ้านของฉีฉีเก๋อช่วงพลบค่ำ
ทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ไพลศาล ครอบครัวของฉีฉีเก๋อกลับไม่ได้พักอยู่ในบ้านแบบมองโกเลีย แต่อยู่ในบังกะโลที่ไม่สูงมากนักแต่มีห้องเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเพิงม้า[1] ช่วงฤดูหนาวที่นี่จะอากาศหนาวจัดจึงขังม้าไว้ในบ้าน น้อยมากที่จะปล่อยออกไป
………………………………………………………..
ตอนที่ 1563 ทะเยอทะยานให้ได้มา
พ่อของฉีฉีเก๋อร่างสูงใหญ่กำยำ ผิวกายแดงคล้ำ สวมใส่เสื้อคลุมมองโกเลีย พูดภาษจีนกลางได้อย่างชัดเจน นิสัยดิบเถื่อนแข็งกระด้างและติดจะปากร้ายหน่อย ๆ แต่ต้อนรับอย่างอบอุ่น แม่ของฉีฉีเก๋อเป็นหญิงที่ดูใสซื่อ ภาษาจีนกลางไม่ดีนักและไม่ค่อยพูดด้วย เป็นคนขี้อายแต่เอาการเอางานมาก สามารถทำอาหารประจำแถบทุ่งหญ้าได้รสชาติต้นตำหรับมาก
ฉีฉีเก๋อมีพี่ชายอีกสามคนล้วนแต่งงานไปหมดแล้ว ซึ่งแต่งกับสาวในแถบทุ่งหญ้าและอยู่ช่วยงานที่สนามม้า
ในสนามม้านอกจากแขกสองกลุ่มอย่างเหมยเหมยกับพวกเฮ่อเหลียนเช่อแล้ว ยังมีแขกอีกหนึ่งกลุ่ม บางส่วนมาจากฮ่องกง ซึ่งการพนันม้าเป็นที่นิยมมากในฮ่องกงจนถือเป็นแขกขาประจำของบ้านฉีฉีเก๋อไปแล้ว
ฉีฉีเก๋อจัดเตรียมห้องพักที่ดีที่สุดในบ้านไว้ให้เหมยเหมยเป็นพิเศษ เพราะบ้านของเธอมีชื่อเสียงและห่างไกลจากตัวเมือง ดังนั้นห้องพักภายในบ้านจึงจัดเตรียมไว้เสมอ หนำซ้ำยังสะอาดสะอ้านเหมือนกับโรงแรมเลย
“ช่วงฤดูหนาวอาป๊าและคนอื่นก็จะอยู่บ้าน พออากาศเริ่มอุ่นขึ้นพวกเขาก็จะออกไปเลี้ยงสัตว์ อาป๊าบอกว่าม้าที่ดีไม่ควรเลี้ยงไว้ในเพิง” ฉีฉีเก๋อพูดเสียงเจื้อยแจ้ว พอเธอกลับมาถึงบ้านก็ร่าเริงราวกับลูกนกเห็นป่าเขาลำเนาไพรเสียอย่างนั้น “อาป๊า อาม๊า ดูภาพวาดของหนูสิ เพื่อนหนูวาดให้ สวยไหมคะ?”
ฉีฉีเก๋อหยิบภาพวาดที่บรรจุใส่กรอบเรียบร้อยแล้วออกมา แล้วอวดต่อหน้าพ่อแม่ของเธอโดยใช้ภาษามองโกเลียแจ้ว ๆ
ลุงปาเกินและภรรยาต่างมองอย่างตกตะลึงแล้วก็พูดเจื้อยแจ้วไม่กี่คำ ซึ่งน่าจะกำลังชื่นชมอยู่ ฉีฉีเก๋อหัวเราะร่าเสียงก้องกังวานอย่างอารมณ์ดี
เฮ่อเหลียนเช่อดูออกว่าเหมยเหมยสนิทสนมกับครอบครัวของฉีฉีเก๋อ แล้วก็จำได้ว่าฉีฉีเก๋อนั่งรถกลับมาพร้อมกับพวกเหมยเหมย จึงมีท่าทีดูเคร่งขรึมขึ้นมาทันทีแล้วกวักมือเรียกลูกน้องนายหนึ่งเข้ามา
“ผู้หญิงถึกนั้นเป็นใคร? แล้วเป็นอะไรกับเหมยเหมย?”
ลูกน้องแสดงท่าทีอึดอัดใจไปชั่วขณะ เมื่อครู่เขาได้สอบถามลูกชายของลุงปาเกินมาแล้ว เขาถอยหลังไปหลายก้าวถึงรายงานด้วยอาการตัวสั่น
“ไอ้พวกไร้ประโยชน์ ฉันเลี้ยงพวกแกไว้ทำไม…”
เฮ่อเหลียนเช่ออารมณ์เสียเอามาก ทั้งด่าทั้งถีบแต่กลับถีบโดนอากาศ ทว่าหันหลังไปไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่ลูกน้องต่างถอยกรูไปไกลหลายเมตร ทันใดนั้นจึงโมโหสุดขีด
“แกกล้าหลบฉันเหรอ? ยังเห็นหัวฉันอยู่ไหม!”
ในจังหวะที่เท้าของเฮ่อเหลียนเช่อห่างจากตัวลูกน้องเพียงแค่ครึ่งฟุต เหมยซูหานก็รีบปรี่เข้ามาปรามเฮ่อเหลียนเช่อไว้ พูดจาดีด้วยไม่กี่คำถึงเกลี้ยกล่อมเขาได้ ลูกน้องปาดเหงื่อพลางตะเกียกตะกายลุกออกไป รู้สึกขอบคุณเหมยซูหานจริง ๆ
หลายปีมานี้มีเหมยซูหานอยู่ด้วยพวกเขาจึงใช้ชีวิตดีขึ้นไม่น้อย ไม่เหมือนแต่ก่อนที่พอจัดการอะไรไม่สำเร็จก็จะถูกคุณชายเช่อซ้อมจนปางตาย
“ไอ้หมาขี้เรื้อนเหยียนหมิงซุ่น กล้าที่จะเล่นไม่ซื่อกับฉัน น่าโมโหนัก!”
เฮ่อเหลียนเช่อตึงตังกลับห้องด้วยความโมโห ชกกำปั้นลงโต๊ะ ความมั่นใจที่มีตอนมาหายไปมาก
เหมยซูหานถอนหายใจ เขาเองก็อารมณ์ไม่ดี หากว่าเฮ่อเหลียนเช่อไม่สามารถเอาลูกม้าตัวน้อยกลับไปได้ หนิงเฉินเซวียนต้องดุแน่ สิ่งที่ต้องหนักใจที่สุดก็คือหากเหยียนหมิงซุ่นได้ลูกม้าตัวน้อยนั่นไป ไม่รู้เลยว่าหนิงเฉินเซวียนจะโมโหขนาดไหน!
“เหอะ…ฉันต้องได้ลูกม้าตัวนั่นมา หากหาเรื่องให้ฉันโมโหก็จะเผาสนามม้านี้ทิ้งให้สิ้นซาก!”
น้ำเสียงดุดันของเฮ่อเหลียนเช่อดังขึ้น เหมยซูหานใจเต้นรัวและปวดหัวยิ่งกว่าเดิม
เขากัดฟันแน่น ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้ว
อาหารมื้อค่ำอุดมสมบูรณ์มาก เพื่อต้อนรับแขกจากแดนไกลลุงปาเกินจึงฆ่าแกะอ้วนสองตัว พร้อมก่อกองไฟให้ทุกคนนั่งล้อมย่างเนื้อแกะ เนื้อแกะอันโอชะทำให้ทุกคนอิ่มแปร้อย่างพึงพอใจ
เหมยซูหานกลับไม่มีความอยากอาหาร เอาแต่ใจลอยเหม่อมองเหมยเหมยเป็นพัก ๆ
เหมยเหมยกระเพาะเล็กจึงกินไปเพียงไม่กี่ชิ้น เหยียนหมิงซุ่นและพวกผู้ชายพากันดื่มเหล้า เหมยเหมยบอกเขาก่อนจะปลีกตัวกลับห้องไปพักผ่อน เหมยซูหานเองก็ออกจากงานเลี้ยงตามไปติด ๆ
………………………………………………………………..
[1] สิ่งปลูกสร้างมีทั้งชนิดชั่วคราวขนาดเล็ก และชนิดถาวร ประกอบด้วยหลังคาปีกเดียวแหงนอยู่โดยไม่ติดกับอะไร ซึ่งในที่นี้หมายถึงทำเป็นคอกม้าชั่วคราว ใช้เพื่อเลี้ยงม้าในช่วงฤดูหนาว
ตอนที่ 1564 แอบฟัง
เหมยเหมยเพิ่งเดินมาถึงลานห้องพักแขกพลันได้ยินเสียงฝีเท้าจึงรีบหันกลับไปมอง แต่กลับเห็นเหมยซูหานเดินตามหลังเธอมาอยู่ เธอจึงอดขมวดคิ้วไม่ได้
“เหมย…เหมย…”
เหมยซูหานเปล่งเสียงพูดอย่างยากลำบาก มันจุกอยู่ที่ลำคอ จู่ ๆก็พูดไม่ได้กะทันหัน
ทั้งคู่ต่างพากันเงียบ บรรยากาศก็น่าอึดอัดขึ้นมา
ในความมืดมิดมีสองเงาจากไปในเวลาเดียวกันเพื่อออกไปรายงานเจ้านายของพวกเขา เหยียนหมิงซุ่นกับเฮ่อเหลียนเช่อต่างก็หาข้ออ้างแยกตัวออกไปแล้วแอบย่องมาที่ห้องพักเงียบ ๆ ทั้งสองคนประจันหน้ากันตรงหัวมุม
เดิมทีเฮ่อเหลียนเช่ออยากลงมือแต่สุดท้ายก็เก็บกำปั้นคืน กดเสียงต่ำเพื่อเอ่ยเตือน “ดูผู้หญิงของแกให้ดี อย่าให้มายั่วคนของฉันได้”
เหยียนหมิงซุ่นมองเขาอย่างเย็นชา “แล้วใครกันที่ชอบตอแยผู้หญิงของฉันอยู่เรื่อย? เฮ่อเหลียนเช่อถ้าแกสั่งสอนไม่ได้ ฉันไม่ถือสานะถ้าจะช่วยสั่งสอนแทนแกให้!”
เฮ่อเหลียนเช่อรู้สึกจุกอก อยากเข้าไปซัดหน้าเหยียนหมิงซุ่นสักหมัด แต่ก็กลัวจะทำให้เหมยเหมยซูหานที่อยู่ด้านในตกใจเอา
เขาหันหน้าหนีด้วยความโมโห วันหลังค่อยคิดบัญชีกับไอ้หมาขี้เรื้อนทีเดียว
เหยียนหมิงซุ่นก็ไม่อยากวอแวอะไรเขาอีก แม้เขาจะรู้ดีว่าเหมยเหมยไม่ได้คิดอะไรกับเหมยซูหาน แต่ทำไงได้ล่ะเมียของเขาแสนดีเกินไปมักมีแต่คนสร้างเรื่องให้ เขาต้องดูแลให้ดีกว่านี้หน่อย
ทั้งคู่ต่างก็เป็นยอดฝีมือจึงแอบกลิ้งมุดเข้าไปในลานห้องพักพร้อมหาที่ซ่อนตัว ทั้งคู่ตัวติดกันแนบชิด
ถือว่าเป็นครั้งแรกของทั้งคู่เลยล่ะที่ได้ใกล้ชิดกันขนาดนี้!
เหยียนหมิงซุ่นกับเฮ่อเหลียนเช่อจ้องอีกฝ่ายอย่างดุดัน พร้อมทำหูตั้งด้วยท่าทีตื่นตัว
“มีอะไรก็รีบพูด ฉันจะกลับไปพักผ่อนแล้ว!” เหมยเหมยรออยู่เนิ่นนานแต่เหมยซูหานก็ไม่พูดอะไรสักที จึงปริปากพูดขึ้นก่อน
เหมยซูหานยิ้มเจื่อนแล้วตัดสินใจพูดว่า “เหมยเหมย ลูกม้าน้อยตัวนั้น เธออย่าให้เหยียนหมิงซุ่นแย่งอาเช่อเลยได้ไหม?”
ไม่รอให้เหมยเหมยตอบ เหมยซูหานก็รีบชิงพูดขึ้นว่า “หลายปีมานี้อาเช่อเขา…ลำบาก ลูกม้านี่หาได้ยาก อาของอาเช่อชื่นชอบมาก หากว่าอาเช่อเอาลูกม้าตัวนี้กลับไปไม่ได้ หนิงเฉินเซวียนจะต้องดุด่าเขาแน่เลย…”
เหมยซูหานพูดจาตะกุกตะกัก แต่เหมยเหมยฟังเข้าใจแล้ว เธอไม่ได้มีสีท่าเรียบเฉยเอ่ยเสียงเย็นชาว่า “เฮ่อเหลียนเช่อโดนด่าหรือไม่แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน?”
ตายไปก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ ตอนนั้นยังใช้แส้ฟาดเธออยู่เลย!
เฮ่อเหลียนเช่อคิดไม่ถึงว่าเหมยซูหานมาพบจ้าวเหมยเพื่อพูดเรื่องนี้ รู้สึกจุกอยู่ในอกและเกิดความขมขื่นเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นท่าทีเย็นชาที่เหมยเหมยมีต่อเหมยซูหาน ไฟโทสะในกายจึงปะทุขึ้น
“ต่ำทรามไร้มารยาท หากเป็นคนของฉัน คงโดนแส้ฟาดไปนานแล้ว!” เฮ่อเหลียนเช่อแทบอยากจะใช้แส้ฟาดเหมยเหมย กล้าไร้มารยาทกับคนของเขาถึงขนาดนี้ อยากตายหรือไง?
“เพราะงั้นนายหาแต่งงานกับผู้หญิงไม่ได้ เลยเอาผู้ชายแก้ขัดไปก่อนสินะ” เหยียนหมิงซุ่นตอกกลับอย่างเย็นชา
ความโมโหปะทุขึ้น เฮ่อเหลียนเช่อกัดฟันดังกรอด เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันเอ่ย “เหมยซูหานของฉันแกร่งกว่าจ้าวเหมยเป็นหมื่นเท่า!”
เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะเยาะ พูดประชด “เฮ่อเหลียนเช่อแกนี่ขี้ขึ้นสมองหรือไง? หรือแกหวังให้ผู้หญิงของฉันมีใจหลงใหลในตัวเหมยซูหานงั้นสิ?”
“จะฟาดมันให้ตายเลย!”
เฮ่อเหลียนเช่อพูดโดยไม่ต้องคิด บังอาจยั่วยวนคนของเขา อยากตายหรือไง?
เหยียนหมิงซุ่นใช้สายตามองเขาราวกับมองคนโง่ หันหน้าไปแอบฟังต่อ จนปัญญาจะคุยกับคนขี้ขึ้นสมองแบบนี้ เสียเวลาเปล่า
เฮ่อเหลียนเช่อก็รู้สึกตัวถึงความขัดแย้งในตัวเอง ทำสีหน้าไม่ถูกพลันเงียหูฟังต่ออย่างหงุดหงิด
เหมยซูหานพยายามพูดเกลี้ยกล่อมเหมยเหมย “อันที่จริงอาเช่อไม่ได้เป็นเหมือนคนนอกพูดกันหรอกนะ เขาเป็นคนจิตใจดี ชอบวาดภาพ เล่นเปียโน แล้วก็มีน้ำใจมาก เขาเลี้ยงหมาไว้เยอะมาก แล้วเขาก็ดูแลมันเองทุกตัว…”
เหมยเหมยหัวเราะพรืด เธอทนต่อไปไม่ไหวแล้ว คนที่เหมยซูหานพูดถึงคือเฮ่อเหลียนเช่อ?
เฮ่อเหลียนเช่อจอมวิปริตที่ฆ่าคนเป็นร้อยโดยไม่รู้สึกผิดเนี่ยนะ?
………………………………………………………………..
ตอนที่ 1565 ขอทวงบุญคุณ
เหยียนหมิงที่อยู่ในความมืดก็หลุดขำออกมา เหลือบมองเฮ่อเหลียนเช่อที่ฉีกยิ้มพลันพูดจาถากถางเสียงเบา “เฮ่อเหลียนเช่อแกจิตใจดีมากงั้นเหรอ? วิญญาณนับไม่ถ้วนที่ตายไปด้วยเงื้อมมือแก เกรงว่าโลงศพก็ไม่พอใส่”
เฮ่อเหลียนเช่อชื่นใจเหลือเกิน คนที่รู้ใจเขามีเพียงซูหานเท่านั้น!
“คนพวกนั้นสมควรตาย มีชีวิตอยู่ก็เปลืองข้าวสุกและอากาศ อย่างเช่นแกด้วย!” เฮ่อเหลียนเช่อพูดเสียงเย็นชา อยากฆ่าคนเสียเดี๋ยวนี้เลย
เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะเยาะ “คนที่สมควรตายที่สุดคือแกกับหนิงเฉินเซวียน ทุกวันนี้ถือว่าคุณชายอย่างฉันโปรดสัตว์อย่างพวกแกแล้ว”
สายตาทั้งสี่ปะทะกันดั่งคลื่นใต้น้ำ
เหมยเหมยมองเหมยซูหานที่เอาแต่ชื่นชมเฮ่อเหลียนเช่ออย่างเย้ยหยัน เอ่ยเสียงขัดจังหวะเขาเพราะทนฟังไม่ได้อีกต่อไป
“เหมยซูหานหากไม่ใช่เพราะว่าสมองนายมีปัญหาก็คงตามีปัญหา จอมวิปริตประเภทที่ฆ่าคนมานับไม่ถ้วนอย่างเฮ่อเหลียนเช่อ แปดเปื้อนไปด้วยเลือด นายบอกว่าเขาจิตใจดีงั้นเหรอ? เหอะ ความจิตใจดีของของเขามีให้แค่นายคนเดียวล่ะสิ?”
เฮ่อเหลียนเช่อรักเหมยซูหานอย่างไม่ต้องสงสัย
หนำซ้ำยังเป็นรักแท้จริงร้อยเปอร์เซ็นต์และเป็นความรักนิจนิรันดร์
เหมยซูหานหน้าซีดลง เขาไม่ปฏิเสธความรู้สึกที่มีต่อเฮ่อเหลียนเช่อ แต่หากเป็นคนอื่นเขาคงกล้ายอมรับตามตรง เขาเองก็ไม่ได้รู้สึกว่าการชอบผู้ชายคนหนึ่งเป็นสิ่งที่ผิด
แต่การเผชิญหน้ากับเหมยเหมยหญิงสาวที่ทำให้เขาเกิดความรู้สึกสับสนที่สุด เหมยซูหานกลับรู้สึกขมขื่นจับใจ เป็นความรู้สึกที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูก
ความง่วงของเหมยเหมยทะลักขึ้นมา ไม่อยากเสียเวลากับเหมยซูหานอีกจึงพูดอย่างเย็นชา “ลูกม้าฉันไม่มีทางถอยให้นายหรอก เฮ่อเหลียนเช่อไม่ได้ลูกม้ากลับไปแล้วโดนด่า พี่หมิงซุ่นเองก็ต้องถูกตำหนิหากทำภารกิจไม่สำเร็จเหมือนกัน ถึงเวลานั้นทุกคนต่างคนต่างอาศัยความสามารถของตัวเองก็แล้วกัน!”
เหมยซูหานร้อนรนจนโพล่งออกไป “เหมยเหมยเธอเป็นเพื่อนสนิทกับลูกสาวของลุงปาเกิน ลูกม้าน้อยตัวนั้นต้องเป็นของเธอแน่ นี่มันไม่ยุติธรรมเลยนะ”
“นั่นก็เพราความสามารถของฉัน” เหมยเหมยหัวเราะเยาะ อดไม่ได้ที่จะประชด “นายพูดมาได้เต็มปากว่าไม่ยุติธรรม ตอนทำธุรกิจทำไมไม่เห็นนายจะพูดถึงความยุติธรรมกับคนอื่นเลยล่ะ? เหมยซูหาน ถ้านายไม่มีเฮ่อเหลียนเช่อคอยหนุนหลังอยู่ ลำพังแค่ตัวนายจะสร้างธุรกิจมาได้ขนาดนี้เหรอ?”
เหมยซูหานในชาติก่อน ช่วงเวลานี้คงเป็นเพียงพนักงานธรรมดาของรัฐวิสาหกิจเอง !
เหมยซูหานหน้าซีดเผือด หมดหนทางโต้ตอบ
เหมยเหมยพูดถูกทุกอย่าง โลกใบนี้ไม่มีความยุติธรรมอยู่แล้ว
แต่เขาก็ไม่อยากให้เฮ่อเหลียนเช่อโดนตำหนิ เขาอยากทำอะไรเพื่อเฮ่อเหลียนเช่อบ้าง เหมยซูหานกัดฟันพูดว่า “เหมยเหมย ถือว่าครั้งนี้ฉันขอทวงบุญคุณได้ไหม? ครั้งนี้เธอต้องช่วยฉันนะ”
“บุญคุณอะไร?” เหมยเหมยรู้สึกประหลาดใจ
เหมยซูหานเงียบไปหลายวินาที แต่ก็ยอมพูดออกมา “เหมยเหมยเป็นคนผลักอู่เยวี่ยตกตึกใช่ไหมล่ะ? ตอนนั้นฉันและอาเช่อต่างก็อยู่ข้างล่าง เห็นเองกับตา”
เหมยเหมยใจเต้นระรัว ออกแรงบีบมือฉิวฉิวพลางกอดมันไว้แน่น
เฮ่อเหลียนเช่อที่อยู่ในมุมมืดก็ใจเต้นระส่ำ รูม่านตาหดตัว มือกำหมัดไว้แน่นแต่ก็คลายมืออย่างรวดเร็ว เหยียนหมิงซุ่นอยู่ข้างกายเขาแต่กลับไม่พบความผิดปกติใด
“อู่เยวี่ยโรคจิตกำเริบกระโดดตึกฆ่าตัวตาย เกี่ยวอะไรกับฉัน? เหมยซูหานนายนี่พูดจาซี้ซั้วจริง ๆนะ!” น้ำเสียงเหมยเหมยเป็นปกติเอ่ยปฏิเสธ
เหมยซูหานยิ้มพลางพูดเสียงเบา “เหมยเหมยไม่ต้องกลัวเพราะเรื่องนี้ไม่มีใครรู้ อู่เยวี่ยทำให้เธอตาย สมควรแล้วที่ต้องตาย มันไม่เกี่ยวกับเธอ”
เหยียนหมิงซุ่นใจสั่น คำพูดของเหมยซูหานหมายถึงอะไร?
หรือว่าเหมยซูหานจะฝันเหมือนเหมยเหมย?
หรือเหมยซูหานเคยใช้ชีวิตอยู่ในโลกแห่งความฝันเดียวกันกับเหมยเหมย?
สิ่งที่ค้นพบทำให้เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก
ตอนที่ 1566 สองชีวิต
เหมยเหมยแข็งไปทั้งตัว เธอนึกไม่ถึงว่าเหมยซูหานจะพูดออกมาตรง ๆแต่ก็ยืนยันได้ว่าเหมยซูหานกลับมาเกิดใหม่อย่างไม่ต้องสงสัย
“เหมยซูหานสมองนายมีปัญหาหรือไง? ฉันจะพูดอีกครั้งนะ อู่เยวี่ยฆ่าตัวตายเอง ทางตำรวจก็ปิดคดีไปแล้ว นายฟื้นฝอยหาตะเข็บขึ้นมาแบบนี้ต้องการอะไร?” เหมยเหมยตำหนิด้วยน้ำเสียงติดสั่นเครือ กลับเผยให้เห็นความกระวนกระวายใจของเธอ
เฮ่อเหลียนเช่อเองก็รู้สึกไม่สบายใจ คำพูดคำจาแปลกประหลาดของเหมยซูหาน รวมถึงปฏิกิริยาตอบสนองที่แปลกไปของเหมยเหมย บ่งบอกได้ว่าสองคนนี้มีความลับระหว่างกันและยังเป็นความลับสุดยอดที่ไม่อาจล่วงรู้ได้
เขาเหลือบมองเหยียนหมิงซุ่นที่อยู่ข้าง ๆก็พบว่าเจ้าหมอนี่เข้าสู่โหมดฤดูหนาวอันหฤโหดไปนานแล้ว คนนอกห้ามเข้าใกล้ในระยะหนึ่งลี้
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมา
มีคนอัดอั้นตันใจเป็นเพื่อนเขาแล้ว และฝ่ายตรงข้ามก็เป็นเหยียนหมิงซุ่นด้วย รู้สึกดีเสียเป็นไหน ๆ
เหมยซูหานมองออกว่าเหมยเหมยคัดค้านและต่อต้านจึงเบี่ยงเข้าประเด็น “เหมยเหมย บุญคุณที่ฉันจะพูดคือสิ่งนี้ เธอรู้ไหมว่าทำไมทางตำรวจถึงได้ปิดคดีเรื่องอู่เยวี่ยฆ่าตัวตายลง? ทั้ง ๆที่การตายของอู่เยวี่ยมีข้อสงสัยตั้งหลายจุด ต่อให้เป็นคนทั่วไปก็ยังดูออกว่ามีปัญหา”
เหมยเหมยหัวเราะเยาะแต่ไม่พูดอะไร
ไม่ว่าเหมยซูหานจะพูดอย่างไร เธอแค่กัดฟันไม่ยอมรับเสียก็จบแล้ว
เหมยซูหานไม่ได้ต้องการคำตอบจากเธอ พูดต่อไปว่า “…เป็นอาเช่อที่ปลอมตัวเป็นตำรวจแล้วคอยกันคนในโรงพยาบาลออกไป ทั้งยังกดดันกับทางตำรวจ เพราะงั้นทางตำรวจถึงได้ปิดคดีไปง่าย ๆแบบนั้นไงล่ะ”
เหมยเหมยเลิกคิ้ว เธอเข้าใจมาตลอดว่าเป็นเหยียนหมิงซุ่นแต่กลับนึกไม่ถึงว่าจะเป็นเฮ่อเหลียนเช่อ?
“เฮ่อเหลียนเช่ออยากให้ฉันตาย แล้วทำไมต้องช่วยฉันด้วย?” เหมยเหมยไม่เชื่อ
เหมยซูหานฝืนใจยิ้ม “เป็นฉันเองที่ขอร้องให้อาเช่อช่วย…” เขาเงียบไปสักพัก ใบหน้าเต็มไปด้วยความละอายใจ “เหมยเหมย เมื่อก่อนฉันต้องขอโทษเธอด้วย ฉันอยากจะชดใช้ให้เธอ…”
“ไม่ต้องพูดแล้ว ฉันไม่อยากได้ยินคำพูดเหล่านี้ ชีวิตสองชีวิตกับคำพูดขอโทษเพียงประโยคเดียวจะสามารถชดใช้ได้หรือ? เหมยซูหาน นายมันน่าขยะแขยงไม่ต่างจากอู่เยวี่ยเลย!”
เหมยเหมยทนต่อไปไม่ไหวจึงระเบิดอารมณ์ใส่ ชีวิตก่อนหน้านี้เป็นดั่งฝันร้ายสำหรับเธอ เป็นฝันร้ายราวกับตกเหวสูงลึก
ช่วงชีวิตที่หอมหวานและมีความสุขทำให้เธอค่อย ๆลืมเรื่องราวในอดีตที่แสนทรมานนั้นไป แต่เหมยซูหานกลับปลุกความทรงจำของเธอขึ้นมาอีกครั้ง ไฟโทสะในตัวเหมยเหมยไม่อาจควบคุมได้อีกต่อไปจึงได้ปะทุออกมา
เหยียนหมิงซุ่นใจหล่นวูบ ชีวิตสองชีวิตงั้นเหรอ?
ทำไมถึงเป็นสองชีวิตล่ะ?
ลมหายใจของเขาแรงขึ้น ฉิวฉิวที่อยู่ในอ้อมกอดของเหมยเหมยทำหูกระดิก ตายแล้ว…นายผู้ชายมาตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย?
หางฟูฟ่องของมันฟาดเข้าที่หน้าเหมยเหมยอยู่หลายครั้ง ฉิวฉิวรีบเอ่ยเตือน “นายผู้ชายมาแล้ว”
เหมยเหมยใจหล่นวูบ เหยียนหมิงซุ่นได้ยินไปมากเท่าไรแล้วนะ?
“เหมยซูหานนายอย่ามารบกวนฉันอีก ต่อไปนี้เราเป็นแค่คนแปลกหน้า นายไปที่สถานีตำรวจแล้วบอกว่าฉันฆ่าอู่เยวี่ยเถอะ แล้วแต่นายเลย!”
พอพูดจบเธอก็อุ้มฉิวฉิวกลับห้อง ไม่สนใจเหมยเหมยซูหานที่ยืนอยู่ในลานด้วยท่าทีโดดเดี่ยวอีกต่อไป ค่ำคืนที่หนาวเหน็บทำให้อากาศที่เขาหายใจเข้าไปเย็นลงจนกลายเป็นน้ำค้างแข็งเหมือนประติมากรรมน้ำแข็งก็มิปาน
เสียงเขาถอนหายใจลากยาวอยู่ในลาน ความคับแค้นใจนั้น…
เหมยซูหานหัวเราะเยาะตัวเองแต่ปากกลับแข็งทื่อ ฉีกยิ้มไม่ออกแม้แต่น้อย มือเท้าแข็งจนชา หนาวทะลุทั้งร่างกายและเส้นเลือด
เฮ่อเหลียนเช่อรีบมุดออกไปโอบเขาพาเดินกลับห้องเพื่อรับไออุ่น แต่ในใจกลับร้อนระอุ
“เธอไม่ต้องคิดมาก ต่อให้เหยียนหมิงซุ่นได้ลูกม้าไปก็ไม่เห็นเป็นไร อย่างมากฉันก็แค่แย่งกลับมา” เฮ่อเหลียนเช่อคอยปลอบเขา
เหยียนหมิงซุ่นยิ้มเยาะ คิดว่าเขาตายแล้วหรือไง?
แต่พอหลังจากที่เฮ่อเหลียนเช่อกับเหมยซูหานอยู่ด้วยกันก็ดูมีความเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาหน่อย ถึงเห็นแล้วจะน่ารำคาญไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้น่ารำคาญถึงจุดที่จะทำให้ขุ่นเคืองได้
เพียงแต่…
เขากับเฮ่อเหลียนเช่อ ถูกลิขิตให้เป็นศัตรูกันตราบชั่วนิรันดร์!
ไม่ช้าไม่นานจะต้องมีสงครามนองเลือด!
หากไม่ตายก็ไม่มีวันเลิกรา!
………………………………………………………..
ตอนที่ 1567 ของขวัญวันเกิดที่ไม่ซ้ำใคร
เหมยเหมยพอกลับมาถึงห้องความรู้สึกง่วงก็หายเป็นปลิดทิ้ง จิตใจย่ำแย่มาก เธอเสียใจที่เมื่อครู่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองไว้ได้ แล้วก็ไม่รู้ว่าเหยียนหมิงซุ่นได้ยินไปมากน้อยเพียงใด
เธอถอนหายใจไม่อยากคิดอะไรอีก ในเมื่อเหยียนหมิงซุ่นไม่ถามเธอก็จะไม่พูดอะไร หรือต่อให้ถามออกเธอก็คงไม่พูด
เรื่องบางเรื่อง ถูกกำหนดไว้ให้เก็บไว้เป็นความลับไปชั่วชีวิต!
พออาบน้ำเสร็จเหมยเหมยก็สบายใจขึ้นมาบ้างแล้วทาครีมบนใบหน้า จากนั้นมุดเข้าผ้าห่มเตรียมตัวนอนแต่ร้อนเสียเหลือเกิน เครื่องทำความร้อนในบ้านฉีฉีเก๋อแรงเกินไป ภายในห้องเสมือนฤดูร้อนต่างจากด้านนอกที่หนาวจับใจ
ฉีฉีเก๋อบอกว่ามูลม้าในบ้านเยอะเกิน หากไม่เผาจะกินที่เอา
เหตุผลนี้ไม่เห็นเข้าท่าเลยสักนิด
“ฉิวฉิว แกว่าถ้าพี่หมิงซุ่นได้ยินเข้าจะไม่พอใจหรือเปล่า?” เหมยเหมยนอนไม่หลับ ขดตัวในผ้าห่มก็ร้อนเกินไปจึงสลัดผ้าห่มทิ้ง โอบฉิวฉิวพร้อมกับปรึกษาความในใจ
ฉิวฉิวไม่เปิดเปลือกตา พูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “นายผู้ชายไม่ได้ขี้น้อยใจขนาดนั้น ถ้าเธอยังชอบคิดไปเองเรื่อยเปื่อยนัก งั้นก็เอาช็อกโกแลตมาป้อนฉันเม็ดหนึ่ง หิวแล้ว!”
แต่เหมยเหมยกลับเหม่อลอยไม่ได้สนใจมันเลยสักนิด ฉิวฉิวกลิ้งไปข้างตู้หยิบช็อกโกแลตในกระเป๋าด้วยตัวเอง แต่กลับต้องตกใจจนตัวแข็งทื่อ
ตายแล้ว ช็อกโกแลตละลายหมดแล้ว อ่อนปวกเปียกเหมือนกินขี้เลย
ฉิวฉิวโยนช็อกโกแลตทั้งหมดไปตรงระเบียงหน้าต่างอย่างหัวเสีย แช่แข็งสักคืนก็กินได้แล้ว มันหยิบของส่วนตัวออกมาจากมิติพลางกัดกินอย่างเอร็ดอร่อย
เหมยเหมยยังคงนอนอยู่บนเตียงด้วยใจที่ห่อเหี่ยวเป็นกังวล ฉิวฉิวจึงเอ่ยเตือนอย่างไม่สบอารมณ์ “อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเกิดของนายผู้ชายแล้ว ของขวัญวันเกิดเธอเตรียมไว้หรือยัง?”
“เตรียมไว้นานแล้ว ไม่ต้องให้แกเตือนหรอก!”
เมื่อนึกถึงของขวัญที่ตัวเองจะมอบให้ เหมยเหมยเกิดหน้าแดงก่ำ ยกมือขึ้นมานับนิ้ว หนึ่งวัน สองวัน สามวัน…เหลืออีกสามวันจะถึงวันเกิดพี่หมิงซุ่น
ใกล้แล้ว…
ฉิวฉิวเห็นดังนั้นก็ไม่เข้าใจ แค่งานวันเกิดไม่ใช่เหรอทำไมต้องหน้าแดงด้วย?
“เธอให้อะไรเป็นของขวัญ? ไหนลองว่ามาซิ” ฉิวฉิวมุดขึ้นเตียงถามขึ้นอย่างแปลกใจ
เหมยเหมยกัดริมฝีปากอย่างเหนียมอาย กระพริบตาปริบ ๆ แม่สาวน้อยน่ารักเหลือล้น เหยียนหมิงซุ่นที่อยู่ด้านอกเห็นจนลำคอแห้งผาก ภรรยาของเขานี่ช่างเป็นดั่งปีศาจน้อยจอมยั่วยวนเสียจริง
เขารู้ดีว่าเหมยเหมยกับฉิวฉิวมีใจสื่อถึงกันได้ ไม่ต้องพูดก็สามารถเข้าใจความหมายของอีกฝ่าย แต่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อครู่เหมยเหมยคุยอะไรกับฉิวฉิว ถึงทำให้จู่ ๆเหมยเหมยเขินอายแบบนี้
“ของขวัญที่ฉันเตรียมไว้ให้พี่หมิงซุ่นพิเศษสุด ๆและมีเพียงหนึ่งเดียวในโลก พี่หมิงซุ่นต้องชอบแน่” น้ำเสียงของเหมยเหมยดังขึ้น เดิมทีเหยียนหมิงซุ่นเตรียมจะผลักประตูเปิดเข้าไป แต่พอได้ยินคำพูดเหล่านี้จึงหยุดชะงัก
เหมยเหมยจะให้อะไรเป็นของขวัญวันเกิดเขานะ?
ช่วงนี้ไม่เห็นว่าเธอจะเตรียมอะไรเลย แม่ปีศาจน้อยไปเตรียมตอนไหนกัน?
ฉิวฉิวก็สงสัยเช่นเดียวกัน ส่ายหางไปมาเอ่ยถาม เหมยเหมยดึงหางฟูฟ่องของมันอย่างซุกซน พูดเสริมว่า “ไม่บอกแกหรอก!”
ต้องรอให้ถึงวันเกิดก่อนเธอถึงจะเอาของขวัญออกมา พูดออกมาตอนนี้ก็ไม่ลึกลับสิ!
ฉิวฉิวมองเธอด้วยสายตาเอือมระอา ไม่บอกก็ไม่ต้องบอก คิดว่ามันอยากรู้มากนักหรือไง!
มันใช้ช็อกโกแลตสิบก้อนพนันเลย หากไม่ใช้นาฬิกาข้อมือก็ต้องเป็นเสื้อผ้า ปีไหนบ้างที่ไม่เป็นแบบนี้
อย่างมันสมองของเจ้านายมันจะคิดอะไรที่สร้างสรรค์ได้อีก?
เหมยเหมยร้อนจนทนไม่ไหวจึงวิ่งไปเปิดหน้าต่าง เปิดช่องเล็ก ๆให้ลมหนาวพัดโชยเข้ามา นำเอาความเย็นพัดเข้ามาสู่ห้องที่ร้อนระอุนั่นถึงทำให้เธอรู้สึกสบายตัวขึ้นมา จากนั้นก็นอนคว่ำร่างโครงต้นฉบับของหนังสือเล่มใหม่บนเตียง
เหยียนหมิงซุ่นผลักประตูเข้ามาก็เห็นฉากงดงามที่ทำให้เขาเลือดลมพลุ่งพล่าน
เพราะนอนคว่ำอยู่ ชุดนอนผ้าไหมเนื้อนิ่มจึงหดล่นขึ้นไปอยู่ตรงสะโพกเล็ก ๆของเธอ โค้งมนกลมสวย กระทั่งเห็นกางเกงในสีชมพูตัวจิ๋วของเธอ ส่วนเอวโค้งเว้า เป็นสัดส่วนที่เห็นแล้วทำให้เขารู้สึกลำคอแห้งผากอย่างกระหาย
ยัยปีศาจน้อย!
ตอนที่ 1568 กอบกู้บารมีของคนเป็นสามีขึ้นมาใหม่
เหมยเหมยได้ยินเสียงจากประตู มือเท้าคางหันมองไปทางประตู พอเห็นเป็นเหยียนหมิงซุ่นก็ยิ้มหวาน
รอยยิ้มมีเสน่ห์เหลือล้น!
เหยียนหมิงซุ่นกลืนน้ำลาย คิดว่าพรุ่งนี้มีเรื่องต้องคุยกับลุงปาเกินเสียหน่อย ต้องประหยัดทรัพยากร ต่อให้เป็นมูลม้า ก็ไม่จำเป็นต้องเผาจนเครื่องทำความร้อนต้องระอุขนาดนี้ นี่มันร้อนเกินไป!
“ทำอะไรอยู่เหรอ?”
เหยียนหมิงซุ่นปิดประตูแล้วก้าวเท้ายาว ๆเดินเข้ามา สะบัดมือเพียงครั้งเดียวฉิวฉิวก็ปลิวตกไปอยู่บนพื้นแล้ว เขานั่งลงตรงตำแหน่งเดิมของฉิวฉิว สายตาอันเร่าร้อนจับจ้องไปยังเท้าขาว ๆทั้งสองข้างที่ปัดป่ายไปมา
ขาวนวลราวกับไข่ไก่ที่ปอกเปลือกทิ้ง เท้าเล็กจนเขาสามารถรวบได้ด้วยมือเพียงข้างเดียว เล็บเท้าที่ห่อหุ้มเป็นสีชมพูอ่อน ทั้งเล็กทั้งกลม น่ารักชะมัด
“แล้วทำไมไม่ห่มผ้า?”
น้ำเสียงเหยียนหมิงซุ่นแหบพร่าเล็กน้อย บนตัวยังมีกลิ่นเหล้าอ่อน ๆติดอยู่ดูหลงใหลมาก เขาห่มผ้าห่มให้เหมยเหมยเพื่อห่อหุ้มร่างกายที่แสนเย้ายวนนั้น เห็นมากไปกว่านี้คนที่ทรมานก็คือตัวเขาเอง
“ร้อนจะตาย!”
เหมยเหมยบ่นอุบอิบไม่พอใจ บิดตัวไปมาอย่างนึกรำคาญ บิดจนผ้าห่มหลุดออกเผยให้เห็นสัดส่วนอันน่าเย้ายวน
“เป็นเด็กดีนะ!”
เหยียนหมิงซุ่นเคร่งขรึมลง คอแห้งยิ่งกว่าเดิมแล้วห่มผ้าให้อีกครั้ง ก่อนจะไปรินชาเย็นใส่แก้วดื่ม ดื่มเข้าไปสามแก้วในครั้งเดียวถึงได้รู้สึกสบายตัวขึ้นบ้าง
เหมยเหมยมองเจตนาที่เหยียนหมิงซุ่นห่มผ้าให้ออกพลันแอบนึกขำ จงใจอยากแกล้งเขาจึงสะบัดผ้าห่มทิ้ง ดัดเสียงเลียนแบบสีอันน่าทำเสียงออดอ้อน “อย่าสิ…ก็มันร้อน…พี่ดูสิว่าฉันเหงื่อออกหมดแล้ว!”
เสียงหวานยังวนเวียนดังก้องอยู่ในห้องไปถึงสามวัน หวานจับใจคนฟังเหลือเกิน
ลำคอเหยียนหมิงซุ่นแห้งผากอีกครั้ง เขาดูออกว่ายัยปีศาจน้อยไม่ได้มีเจตนาดี หลังจากวันนั้นที่พยายามยั่วยวนเขาครั้งก่อน เจ้าปีศาจน้อยก็เหมือนเปิดโลกกว้างไปมาก วัน ๆเอาแต่คิดจะจัดการเขา
“พูดดี ๆสิ เหมือนตัวอะไรไม่รู้”
เหยียนหมิงซุ่นตีหน้านิ่งตัดสินใจจะกอบกู้บารมีของคนเป็นสามีขึ้นมาใหม่ จะปล่อยให้เจ้าปีศาจน้อยปั่นหัวไม่ได้อีกแล้ว ไม่งั้นเขาจะหลงเหลือศักดิ์ศรีอยู่อีกเหรอ?
เหมยเหมยแอบได้ใจ ทำสีหน้าไร้เดียงสา “ฉันไม่พูดดี ๆยังไงเหรอ? พี่…หมิงซุ่น!”
เหมยเหมยยื่นมือออกไปสัมผัสช่วงเอวของใครบางคนที่นั่งตัวตรงแข็งทื่อเหมือนก้อนหิน ในใจกลับรู้ดี เกรงว่าตอนนี้เจ้าหมอนี่คงอยากจะฉีกเสื้อผ้าเธอทิ้งเสียมากกว่าล่ะสิ?
เหอะ ดูสิว่าจะเสแสร้งได้อีกนานแค่ไหนกัน?
เหยียนหมิงซุ่นลุกขึ้นยืนในฉับพลันแล้ววิ่งไปรินชาดื่มอีกสามแก้ว นั่นถึงทำให้เขาสามารถควบคุมความรู้สึกที่อยากฉีกชุดนอนที่เป็นสิ่งกีดขวางนั้นเอาไว้ได้ จะยอมให้แม่ปีศาจน้อยทำสำเร็จไม่ได้!
วันนี้เขาจะไม่ยอมเป็นฝ่ายถูกยั่วหรอก!
“รีบนอนได้แล้ว…พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้ามาดูพระอาทิตย์ขึ้น!”
เหยียนหมิงซุ่นทำหน้านิ่งดูจริงจังมาก แต่มีเพียงตัวเขาเท่านั้นที่รู้ว่าเขาใช้แรงมหาศาลแค่ไหน อึดอัดจนจะบ้าตายอยู่แล้ว
เดิมทีเหมยเหมยก็แค่อยากจะหยอกเขา ละครฉากใหญ่ยังมาไม่ถึง นี่เป็นแค่อาหารเรียกน้ำย่อยก่อนมื้อใหญ่เท่านั้นเอง!
“ค่ะ!”
เธอห่มผ้าอย่างว่าง่าย ยิ้มหวานให้เหยียนหมิงซุ่นพร้อมหลับตานอน
เหยียนหมิงซุ่นเก็บมุมผ้านวมให้เธอเสร็จก็ประทับจูบลงบนหน้าผาก จากนั้นก็เปิดประตูออกไป ครอบครัวของลุงปาต้อนรับอย่างอบอุ่นเหลือเกิน วงเหล้ายังไม่เลิกเลย!
พระอาทิตย์ขึ้นบนทุ่งหญ้ากว้างนั้นเป็นภาพที่งดงามมาก พวกเหมยเหมยดวงดีไม่น้อย หลายวันก่อนมีหิมะตกหนัก วันนี้อากาศจึงแจ่มใส พระอาทิตย์ยามเช้าเหมือนหยกสีแดงที่ค่อย ๆเคลื่อนตัวขึ้นสูง
“สวยจัง…”
“รีบถ่ายเก็บไว้เร็ว!”
…
คนที่ตื่นเต้นที่สุดดูเหมือนจะเป็นแขกที่มาจากฮ่องกง ร้องตะโกนเสียงดังพลางยกกล้องถ่ายรูปขึ้นมากดชัตเตอร์ไม่หยุดอย่างร่าเริงคึกคัก
เหมยเหมยจดจ่ออยู่กับการร่างภาพ พระอาทิตย์ขึ้นงดงามขนาดนี้เธอจะต้องวาดออกมาเองกับมือ และจะใช้ในหนังสือเล่มใหม่ของเธอด้วย
อืม จุดดำเนินเรื่องใหม่ในเรื่องถัดไป หรือไม่งั้นใช้ทุ่งหญ้าเป็นฉากดีไหมนะ?
ฆาตกรต่อเนื่องในทุ่งหญ้าคงจะไม่เลวนะ!
…………………………………………………………………..
ตอนที่ 1569 ไปดูดาวกันเถอะ
ฉีฉีเก๋อพาเหมยเหมยไปดูแม่ม้าท้องโตตัวนั้น ขณะนี้เป็นช่วงสำคัญที่ตระกูลปาเกินจะต้องปกป้องเป้าหมาย ทั้งครอบครัวต่างพากันวนเวียนอยู่รอบ ๆตัวมัน
ตัวแม่ม้ามีสีขาวหิมะไม่มีสีอื่นผสมราวกับหยกก็ไม่ปาน จนได้สมญานามว่าเป็นม้าที่งดงามเตะตาที่สุด ไม่แปลกเลยที่ทายาทราชาม้าป่าผู้หยิ่งผยองจะตกหลุมรักมันตั้งแต่แรกเห็น และยังหว่านเมล็ดพันธุ์ไว้ที่ตัวมันด้วย
“วันคลอดที่คาดเดาไว้เดิมคือสองวันนี้ แต่ตอนนี้ไม่มีความเคลื่อนไหวใดเลย อาป๊าบอกว่าอย่างน้อยต้องรออีกสามวันถึงจะคลอด” ฉีฉีเก๋อลูบตัวแม่ม้าอย่างจนใจ เจ้าลูกม้าตัวน้อยนี่ใจแข็งจริง ๆ
แม่ม้ายืนอยู่นิ่ง ๆเชื่องมาก แถมยังแลบลิ้นเลียมือของฉีฉีเก๋อด้วย เหมยเหมยที่ดูอยู่จึงคันยุบยิบในใจ อยากเข้าไปลูบตัวมันบ้าง
“เธอหยิบก้อนน้ำตาลป้อนให้เสวี่ยถวนสิ มันเชื่อฟังมาก ไม่ต้องกลัว” ฉีฉีเก๋อยื่นก้อนน้ำตาลส่งให้เหมยเหมยหนึ่งก้อน บอกเป็นนัยว่าให้เธอกล้าเข้าไปสัมผัสมัน
“เธอชื่อเสวี่ยถวนหรือ? ฉันชื่อจ้าวเหมย ฉันชอบเธอนะ!”
เหมยเหมยจ้องดวงตากลมโตของแม่ม้าพลันรู้สึกใจเต้น แล้วแอบหยิบก้อนน้ำตาลที่ตนเองปั้นเองกับมือป้อนมัน ครั้งก่อนที่ทำยาให้อาจารย์เซียวทำมากไปหน่อยจึงยังเหลืออยู่มาก
เสวี่ยถวนได้กลิ่นหอมของก้อนน้ำตาลจึงสะบัดหางอย่างตื่นเต้น จ้องเหมยเหมยด้วยความหวัง
“ฉันก็จะป้อนให้เธอนี่แหละ ไม่ต้องรีบ!”
เหมยเหมยใช้มือข้างหนึ่งลูบเบา ๆที่หัวของเสวี่ยถวน มืออีกข้างป้อนก้อนน้ำตาลใส่ปากมัน เสวี่ยถวนกลืนก้อนน้ำตาลในครั้งเดียว ทำจมูกฟิดฟัดอย่างสำราญใจ แลบลิ้นเลียมือเหมยเหมยไม่หยุดราวกับกำลังแสดงความขอบคุณต่อเธอ
“ฉันบอกแล้วว่าเธอเกิดมาเพื่อเป็นที่โปรดปราณของสัตว์ แม้ว่าเสวี่ยถวนของเราจะนิสัยไม่ได้แย่แต่ก็ไม่เคยเป็นฝ่ายเข้าหาก่อน แต่มันเห็นเธอครั้งแรกก็กระตือรือร้นขนาดนี้ซึ่งบ่งบอกได้ว่ามันชอบเธอมาก!”
ฉีฉีเก๋อเห็นดั้งนั้นก็นึกอิจฉาในความอ่อนโยนของเหมยเหมย เธอเองก็อยากมีบ้างนี่นา!
หากเป็นเช่นนั้นแม้แต่ป่าอเมซอนเธอก็กล้าไปผจญภัยตัวคนเดียว จะกลัวอะไร?
เหมยเหมยหัวเราะคิกคักแต่ก็ไม่ได้แก้ต่างอะไร เธอเห็นเสวี่ยถวนมองเธอตาปริบ ๆด้วยความหวังจึงเอ่ยถามเสียงเบา “หรือว่าอยากกินน้ำตาลอีกเหรอ?”
แม้ว่าเสวี่ยถวนจะฟังภาษาคนไม่ออกแต่ม้าล้วนมีความปราดเปรื่อง โดยเฉพาะม้าที่ต้องตาทายาทราชาม้าป่าอย่างมัน ความปราดเปรื่องก็ยิ่งเต็มเปี่ยม มันสามารถเข้าใจความหมายที่เหมยเหมยสื่อได้จึงแลบลิ้นเลียมือของเหมยเหมยอีกครั้ง
ก้อนน้ำตาลเมื่อครู่นั้นดีมาก ๆ ลูกน้อยในท้องของมันเองก็ชอบมาก เอาแต่โวยวายจะกินอีก!
เหมยเหมยจึงถามหาก้อนน้ำตาลจากฉีฉีเก๋ออีกครั้ง จากนั้นก็หยิบก้อนน้ำตาลออกมาอีกหนึ่งก้อนพลางขยิบตาให้เสวี่ยถวนพร้อมกับป้อนก้อนน้ำตาลให้มันกิน ทั้งยังกระซิบที่ข้างหูของมัน “ไว้พรุ่งนี้ฉันค่อยมาป้อนเธออีกนะ!”
ยาวิเศษในก้อนน้ำตาลมีอยู่ไม่มาก อีกอย่างถ้าแม่ม้าออกลูกต้องใช้แรงเป็นพิเศษ ถ้าให้เสวี่ยถวนกินมากหน่อยก็ไม่เป็นไร ในทางกลับกันจะมีส่วนช่วยในการคลอดของเสวี่ยถวนด้วย
วันถัดมาเหมยเหมยไปเยี่ยมเสวี่ยถวนอีกครั้ง และยังคงป้อนก้อนน้ำตาลให้มันอีกสองก้อน ความตั้งใจเดิมของเหมยเหมยคืออยากช่วยให้มันคลอดได้ง่าย ๆ แต่ไหนเล่าจะเป็นอย่างที่คิดเพราะลูกม้าตัวน้อยในท้องของเสวี่ยถวนดันติดใจของอร่อย ไม่อยากออกมาเลยสักนิด ท้องของเสวี่ยถวนไร้ซึ่งความเคลื่อนไหวใด ๆ
“ชักจะแปลกเกินไปแล้ว อาป๊าไม่เคยนับวันผิดมาก่อน ทำไมเสวี่ยถวนยังนิ่งอยู่เลยนะ?” ฉีฉีเก๋อประหลาดใจมาก ลุงปาเกินพ่อของเธอกลุ้มใจยิ่งกว่า ทั้ง ๆที่ครั้งก่อนลูบท้องตัวอ่อนยังดิ้นอยู่เลย ภายในอีกไม่กี่วันคงจะคลอดแล้ว ทำไมถึงหดกลับเข้าไปได้ล่ะ?
เหมยเหมยหวั่นใจเล็กน้อย เธอหันไปกระพริบตามองเสวี่ยถวนที่มีท่าทีสบายอุรา แลกเปลี่ยนสายตาที่มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นที่เข้าใจ
เจ้าม้าน้อยไม่อยากรีบออกมานี่เอง เหมยเหมยจึงปลีกตัวไปจัดการธุระของเธออย่างสบายใจ วันเกิดของพี่หมิงซุ่นใกล้เข้ามาแล้ว
เธอต้องการจะมอบของขวัญที่ยากจะลืมเลือนให้กับผู้นำใหญ่สุดที่รักของเธอ!
“พี่หมิงซุ่น เราไปดูดาวที่ทุ่งหญ้ากันดีไหมคะ?” เหมยเหมยถามราวกับขอความคิดเห็น
ภายใต้ความงามของดวงดาวบนท้องฟ้า ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ไพศาล ได้อยู่กับคนรักสองต่อสองมันช่างโรแมนติกที่สุด!
……………………………………………………….
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น