คัมภีร์วิถีเซียน 1553-1534
ตอนที่ 1553 เผ่าจิตยะเยือก
หลังจากหญิงสาวทั้งสองมองเห็นซากศพอย่างชัดเจน แน่นอนว่าย่อมเป็นดีใจเป็นอย่างยิ่ง
ชิงเสี่ยวถอนหายใจยาวๆ ออกมาเฮือกหนึ่ง แล้วคารวะหานลี่พลางเอ่ยว่า
“ขอบคุณท่านอาวุโสหานที่ช่วยลงมือ มิเช่นนั้นครั้งนี้หมู่เกาะกะปารังเพลิงของพวกเราคงต้องสูญเสียสหายร่วมวิถีไปตั้งไม่รู้กี่คนแล้ว”
“ใช่แล้ว แม้แต่ฆราวาสฉลามสีเงินก็ยังไม่ใช่คู่มือของสัตว์ประหลาดตัวนั้น หากมันเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ จะต้องเป็นหายนะครั้งใหญ่กับพวกเราแน่ ขอบพระคุณท่านหานที่สำแดงอิทธิฤทธิ์กำจัดเดรัจฉานตัวนี้!” หญิงสาวกระโปรงดำเอ่ยอย่างนอบน้อมกว่าก่อนหน้า
“ไม่เป็นไร! แม้ว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้จะรับมือยากสักหน่อย แต่เคล็ดวิชาของข้าควบคุมมันได้อยู่สองสามส่วน ทว่าอสูรตัวนี้ไม่เหมือนกับอสูรปีศาจในมหาสมุทร พวกเจ้ารู้จักประวัติความเป็นมาของมันหรือไม่?” หานลี่โบกมือ เอ่ยอย่างคลุมเครือ
“เรื่องนี้ชนรุ่นหลังก็ไม่ทราบ เจ้านี้เพิ่งปรากฏตัวที่นี่เป็นครั้งแรก ตอนนั้นพวกเราและสหายยี่สิบกว่าคนกำลังรวมตัวกันปรึกษาว่าจะจัดการกับอสูรทะเลตัวนี้อย่างไร แมลงเม่าตัวนี้ก็พุ่งออกมาจากม่านหมอกของเกาะ แล้วบินมาถึงเกาะ ขณะที่ไม่ทันได้ระวังตัว สหายที่มีพลังยุทธ์ไม่เพียงพอจำนวนมากถูกเสียงคำรามระเบิดร่างล้มตายไปจำนวนมาก แต่โชคดีที่ฆราวาสฉลามสีเงินลงมือรั้งอสูรตัวนี้เอาไว้ชั่วครู่ ถึงได้ทำให้คนกว่าครึ่งที่เหลือหนีออกมาได้ มิเช่นนั้นหากมันคำรามเต็มกำลัง พวกเราคงต้องเพลี่ยงพล้ำอยู่ที่นี่ทั้งหมดอย่างไม่ต้องสงสัย” เมื่อย้อนคิดถึงความน่ากลัวของแมลงเม่าประหลาด ใบหน้าของชิงเสี่ยวก็ยังคงอดที่จะฉายแววหวาดกลัวออกมาขณะเอ่ยถึงไม่ได้
หานลี่พยักหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว จากนั้นพลันเลื่อนสายตาไป ตกลงบนร่างของบุรุษและหญิงสาววัยเยาว์กลุ่มนั้นที่เดินออกมาหอคอย ปากก็เอ่ยถามไปตามอำเภอใจว่า
“คนเหล่านี้เป็นชาวเกาะนี้หรือ? ร่างกายดูค่อนข้างพิเศษ แต่ก็ไม่ใช่ผู้บำเพ็ญเพียร”
“หึๆ คนเหล่านี้คือคนเผ่าจิตยะเยือก แม้นว่าคนเผ่านี้จะไม่อาจเชื่อมโยงกับจิตวิญญาณฟ้าดินได้ แต่ทุกคนล้วนชาญฉลาด สามารถพ่นไอเย็นเยียบได้ เมื่อโตเต็มวัยใบหน้าจะรักษารูปลักษณ์เอาไว้ดังเดิม มีเพียงตอนที่ถึงจุดสิ้นอายุขัย ถึงจะมีท่าทางแก่ชรา นับว่าเป็นเผ่าหายากเผ่าหนึ่ง ทั้งหมู่เกาะปะการังเพลิงมีอยู่แค่แสนคนกระมัง แต่เป็นเพราะเผ่านี้ไม่อาจให้กำเนิดผู้บำเพ็ญเพียรได้ โดยส่วนใหญ่มักอาศัยเผ่าที่แข็งแกร่งเผ่าอื่น หรือไม่ก็อยู่ใต้อาณัติเผ่าที่แข็งแกร่งให้พวกเขาคอยคุ้มครอง คนของเผ่าจิตยะเยือกนั้น เดิมทีก็พึ่งพาอาศัยฆราวาสฉลามสีเงิน อยู่ในฐานะผู้ปรนนิบัติ” หญิงสาวกระโปรงสีดำอธิบาย
“ทว่าตอนนี้ฆราวาสฉลามสีเงินตายแล้ว เกรงว่าพวกเขาคงต้องหาทางออกใหม่แล้ว” ชิงเสี่ยวถอนหายใจออกมา ดูเหมือนว่าจะรู้สึกเวทนาชาวเผ่าจิตยะเยือกเหล่านี้เป็นอย่างมาก
“อ๋อ คนเผ่านี้มีเอกลักษณ์จริงๆ ด้วย!” หานลี่กลับเพิ่งเคยได้ยินชนต่างเผ่านี้เป็นครั้งแรก จึงอดที่จะพิจารณาบุรุษและสตรีเหล่านี้อีกสองสามครั้งด้วยความสนใจไม่ได้
ส่วนบุรุษและสตรีเหล่านี้หลังจากได้ยินคำพูดของหญิงสาวทั้งสอง หญิงสาวที่เป็นผู้นำก็น้อมคำนับทั้งสามไม่หยุด
“อันใด พวกเจ้าคิดจะคารวะอยู่ใต้อาณัติท่านหาน ขอความคุ้มครอง! หากเป็นเช่นนั้นจริง ท่านหานลองรับพวกเขาไว้เถิด คนเผ่านี้เป็นตัวเลือกของผู้ปรนนิบัติที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นงานเก็บกวาดดูแลจวนหรือว่างานดูแลสมุนไพร ล้วนโดดเด่นไม่เหมือนผู้ใด” หญิงสาวกระโปรงดำดูเหมือนจะมองอะไรออก พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้มเบิกบาน
“อ๋อ พวกนางเข้าใจวิธีการปลูกสมุนไพรวิญญาณ!” หานลี่ได้ยินเช่นนี้ พลันรู้สึกสนใจเล็กน้อย
“เข้าใจแค่ไหน ต่อให้เป็นผู้บำเพ็ญเพียรของเผ่าเบื้องบน พรสวรรค์ในการปลูกสมุนไพรวิญญาณก็ไม่สู้พวกนาง และผู้ที่ติดตามอยู่ข้างกายฆราวาสฉลามสีเงินได้ แน่นอนว่าย่อมเป็นผู้ที่ดีเลิศที่สุดในเผ่า หากปล่อยไว้ภายนอก ไม่แน่ว่าอาจจะมีเผ่าเบื้องบนกลุ่มใหญ่เข้ามาแย่งชิง” ชิงเสี่ยวเองพลางก็เอ่ยพร้อมหัวเราะน้อยๆ ออกมา
“น่าเสียดาย ข้าคุ้นชินกับการอยู่คนเดียว และไม่ชอบให้มีคนมาอยู่ข้างกาย หากสหายทั้งสองชอบ ก็รับไว้เถิด” หานลี่เอ่ยพร้อมกับสั่นศีรษะอย่างไม่ต้องคิด
“อืม ในเมื่อท่านอาวุโสหานกล่าวเช่นนี้ เช่นนั้นชนรุ่นหลังก็ไม่เกรงใจแล้ว จวนของชนรุ่นหลังกำลังขาดแคลนคนพอดี น้องหญิงชิงเราสองคนแบ่งคนเผ่าจิตยะเยือกกันเป็นอย่างไร?” หญิงสาวกระโปรงดำกะพริบตาปริบๆ แล้วเอ่ยกับชิงเสี่ยวพร้อมกับหัวเราะคิกคัก
“ในเกาะของข้ามีข้ารับใช้ไม่น้อยแล้ว ในเมื่อพี่หญิงชอบ ก็รับไว้ทั้งหมดเถิด” ชิงเสี่ยวเผยความใจกว้างออกมา ตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ
หญิงสาวสวมกระโปรงสีดำได้ยินคำนี้ ก็ไม่ได้เกรงใจอีก แล้วเอ่ยถามคนเผ่าจิตยะเยือกเหล่านั้นว่ายอมไปกับนางหรือไม่
ในเมื่อคนเผ่าจิตยะเยือกเหล่านั้นมองเห็นเจ้านายเดิมเพลี่ยงพล้ำไปกับตาตัวเอง เมื่อเผชิญหน้ากับคำเชิญของหญิงสาวกระโปรงดำ แน่นอนว่าย่อมไม่มีทางปฏิเสธอะไร ทันใดนั้นพลันตอบรับด้วยความนอบน้อม จากนั้นเมื่อหญิงสาวสำทับ ก็เริ่มเก็บกวาดในวิหารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดหลังนั้น แล้วเชิญหานลี่และพวกทั้งสามคนเข้าไป
“ท่านหาน จากนี้ไปท่านวางแผนอย่างไร! ยังอยากสังหารอสูรมหาสมุทรตัวนั้นอยู่หรือไม่?” ชิงเสี่ยวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หินในวิหาร เอ่ยปากถามขึ้น
“อืมในเมื่อเป็นเช่นนี้ แน่นอนว่าข้าก็ไม่มีทางปล่อยไปง่ายๆ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องลงมือดูสักครั้ง”หานลี่นั่งอยู่ตรงกลางระหว่างสตรีทั้งสอง แล้วตอบกลับอย่างราบเรียบ
ชิงเสี่ยวและสตรีทั้งสองได้ยิน กลับมองสบตากันเล็กน้อย
“อันใด หรือว่าสหายทั้งสองรู้สึกว่าผู้แซ่หานไม่อาจทำเรื่องนี้ได้” หานลี่เลิกคิ้ว กลับย้อนถามอย่างราบเรียบ
“ก่อนหน้านี้ท่านอาวุโสสังหารแมลงเม่าประหลาดที่มีอิทธิฤทธิ์เกรียงไกร จะไม่มีโอกาสสังหารอสูรมหาสมุทรตัวนั้นได้อย่างไร แต่ท่านหานไม่รู้ว่า สาเหตุที่พวกเราไล่ตามอสูรมหาสมุทรตัวนั้นได้ในครั้งนี้ที่แล้ว กว่าครึ่งล้วนอาศัยสีเงินตัวนั้นของฆราวาสฉลามสีเงิน ยามนี้อสูรวิญญาณตัวนี้และฆราวาสฉลามสีเงินล้วนเพลี่ยงพล้ำไปด้วยกันแล้ว หากจะตามหาอสูรมหาสมุทรตัวนั้นอีก เกรงว่าคงไม่ใช่เรื่องง่าย” หญิงสาวกระโปรงดำรีบร้อนเอ่ยอธิบาย
“มีเรื่องเช่นนี้ ฉลามลำแสงสีเงินผู้นั้นหาอสูรมหาสมุทรเจอได้อย่างไร” หานลี่พลันตะลึงงัน แต่หลังจากครุ่นคิดแล้วก็เอ่ยถามในทันใด
“เรื่องนี้ข้าเคยได้ยินฆราวาสฉลามสีเงินกล่าวว่า ฉลามสีเงินตัวนั้นมีความสามารถลับในการไล่ตามโดยกำเนิด ขอแค่เห็นคราหนึ่ง หากอยู่ในระยะหมื่นลี้ก็จะสัมผัสได้ และค่อยๆ ตามหาจนเจอ ก่อนหน้านี้พวกเราล้วนมาปรากฏตัวที่น่านน้ำในแถบนี้ก่อน ให้ฉลามสีเงินนำทาง ถึงได้ตามหาที่ซ่อนของอสูรมหาสมุทรได้” ชิงเสี่ยวเอ่ยต่อด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“หากเป็นเช่นนั้น คงยุ่งยากแล้ว ดูแล้วข้าคงต้องตามหาจุดที่อสูรมหาสมุทรตัวนั้นเคลื่อนไหวตามลำพังโดยอาศัยดวงแล้ว” หานลี่พลันขมวดคิ้ว
“ในเมื่อนายท่านยึดมั่นว่าต้องตามหาอสูรตัวนี้ ไม่สู้รออีกสองสามเดือน สหายร่วมวิถีที่รวบรวมมาบนเกาะทะเลสาบสีฟ้าก่อนหน้าน่าจะยังเหลืออยู่ และยิ่งไปกว่านั้นยังมีผู้ที่ยังมาไม่ถึงเกาะแห่งนี้จำนวนมาก หากสามารถปลุกเร้าให้คนจำนวนมากเหล่านี้ไปตามหาด้วยกันได้ละก็ จะดีกว่าท่านอาวุโสไปคนเดียวเป็นไหนๆ” หญิงสาวกระโปรงสีดำครุ่นคิดแล้วเอ่ยแนะนำเช่นนี้ออกมา
“เกรงว่าคงจะไม่มีประโยชน์ ข้าจำที่สหายชิงพูดได้ อสูรมหาสมุทรตัวนั้นมีความสามารถไม่ธรรมดา หากแยกกันตามหาละก็ เกรงว่าคนเดียวจะรับมือกับอสูรตัวนี้ได้ยากกว่า แต่หากเดินทางด้วยกัน ความหวังที่จะหาพบก็รางเลือน และยิ่งไปกว่านั้นการค้นหานั้น หากทำได้ในระยะเวลาอันสั้นก็พอเป็นไปได้ แต่หากเป็นระยะเวลานาน เกรงว่าคงมีคนบ่นอยู่ในใจ หากเป็นเช่นนั้นละก็ ไม่สู้ผู้แซ่หานเดินทางคนเดียวจะดีกว่า! ส่วนคนอื่นนั้น หากยอมก็จะดีมาก หากไม่ยอม ผู้แซ่หานก็จะไม่ฝืนใจ” หานลี่เบะปาก เผยรอยยิ้มพร้อมไรฟันสีขาวหิมะขณะเอ่ย
เมื่อได้ฟังหานลี่เอ่ยเช่นนี้ แน่นอนว่าหญิงสาวทั้งสองก็ไม่ได้เอ่ยอะไรอีก
“หากผู้แซ่หานโชคดีชิงผลึกท้องฟ้าเมฆากลับมาได้จริงๆ หวังว่าสหายทั้งสองจะช่วยข้าซ่อมแซมเขตอาคมส่งตัว”
“ท่านอาวุโสโปรดวางใจ ขอแค่มีผลึกท้องฟ้าเมฆา การซ่อมแซมเขตอาคมส่งตัวนั้นให้เป็นหน้าที่ของข้าและน้องหญิงชิงได้เลย” หญิงสาวกระโปรงดำฉีกยิ้มเบิกบาน
ชิงเสี่ยวเองก็รับปากเช่นกัน
จากคำตอบของหญิงสาวทั้งสอง แน่นอนว่าหานลี่พลันพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
จากนั้นเรื่องจึงง่ายเป็นอย่างมาก หานลี่ซักถามตำแหน่งที่อสูรมหาสมุทรปรากฏตัวอย่างคร่าวๆ และวิธีการติดต่อกับหญิงสาวทั้งสองแล้ว ก็กลายเป็นสายรุ้งสีเขียวสายหนึ่งบินออกไป
ชิงเสี่ยวและหญิงสาวกระโปรงดำล้วนออกไปส่งนอกวิหาร ยืนมองลำแสงหลีกหนีสีเขียวหายวับไปจากกลางอากาศ ทั้งสองเริ่มมีสีหน้าแตกต่างกันไป
“จนถึงตอนนี้ข้ายังไม่ค่อยอยากจะเชื่อเลยว่า ท่านอาวุโสหานจะสังหารแมลงเม่าประหลาดตัวนั้นได้จริงๆ ต้องเข้าใจว่าพลังยุทธ์ของเขาดูแล้วไม่ต่างอะไรกับฆราวาสฉลามสีเงินนัก ส่วนฆราวาสฉลามสีเงินกลับไม่เคยประมือกับสัตว์ประหลาดนานนัก” หญิงสาวกระโปรงดำเอ่ยพึมพำ
“ท่านหานบอกไปแล้วไม่ใช่หรือ อิทธิฤทธิ์ของเขาสามารถควบคุมแมลงเม่าประหลาดได้ ดังนั้นถึงได้สังหารสัตว์ประหลาดตัวนั้นได้” ชิงเสี่ยวเงียบขรึมไปเล็กน้อย ถึงได้ตอบกลับด้วยน้ำเสียงแปลกประหลาด
“น้องหญิงชิง ข้ออ้างเช่นนี้เจ้าก็เชื่อหรือ? อย่างน้อยข้าก็ไม่เชื่อ ไม่ต้องพูดความสามารถประหลาดของแมลงเม่าประหลาด แค่พลังปีศาจเข้มข้นก็เพียงพอจะจัดอยู่ในเผ่าเบื้องบนระดับเก้าแล้ว นี่เป็นระดับที่แตกต่างกันถึงสองเท่า ไหนเลยจะบอกว่าควบคุมได้คำเดียว ก็สามารถมองข้ามไป” หญิงสาวกระโปรงสีดำเอ่ยพร้อมกับอมยิ้ม
“พี่หญิงอยากเอ่ยอะไรหรือ?” ชิงเสี่ยวถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
“ไม่มีอะไร จนถึงตอนนี้น้องหญิงชิงก็ยังไม่มีคู่บำเพ็ญเพียรไม่ใช่หรือ ท่านหานมีอิทธิฤทธิ์เกรียงไกรเช่นนี้ ไม่เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมหรือ? หากน้องหญิงคิดว่าไม่เหมาะสมละก็ พี่หญิงก็จะไม่เกรงใจแล้ว” หญิงสาวกระโปรงดำหัวเราะคิกคักออกมา
“พี่หญิงพูดอะไรกัน ข้าเพิ่งเคยพบหน้าท่านหานแค่สองครั้งเท่านั้น จะไปมีความคิดเช่นนั้นได้อย่างไร” ชั่วพริบตาใบหน้าดั่งหยกขาวของชิงเสี่ยวพลันแดงระเรื่อ ปากพลันเอ่ยอย่างโกรธเคือง
“อะไรกัน หากข้าจำไม่ผิดละก็ น้องหญิงชิงติดอยู่ในระดับห้าหลายปีแล้ว หากมีผู้ที่มีอิทธิฤทธิ์เกรียงไกรมาเป็นคู่บำเพ็ญเพียร อาศัยพลังของคู่บำเพ็ญเพียรก็น่าจะทะลวงจุดคอขวดได้อย่างง่ายดาย ส่วนเรื่องที่ยังไม่คุ้นเคยกับท่านหานนั้น จะเป็นไรไป ขอแค่เขาไม่ไปจากน่านน้ำผืนนี้ ก็สามารถพบกันได้บ่อยๆ แล้ว จากความสามารถของน้องหญิง ข้าไม่เชื่อว่าคนผู้นั้นจะไม่หวั่นไหว” หญิงสาวกระโปรงสีดำปิดปากที่กำลังแย้มยิ้มขณะเอ่ย
“พี่หญิงอย่าพูดจาซี้ซั้วเลย ไม่ช้าก็เร็วท่านหานต้องกลับไปยังแผ่นดินใหญ่ของตนเองอยู่วันยังค่ำ จะอยู่กับพวกเราได้อย่างไร! และยิ่งไปกว่านั้นไม่แน่ว่าเขาอาจจะมีคู่บำเพ็ญเพียรอยู่แล้ว” ในที่สุดสีหน้าแดงระเรื่อบนใบหน้าของชิงเสี่ยวก็จางลง กลับมาเป็นสุขุมขณะเอ่ยขึ้น
“อ๋อ นั่นสินะปัญหา ทว่าอสูรมหาสมุทรตัวนั้นเจ้าเล่ห์มาก จุดที่ปรากฏตัวก็กว้างใหญ่ถึงเพียงนี้ ไหนเลยจะสังหารมันได้ง่ายๆ ขอแค่เขาไม่อาจซ่อมแซมเขตอาคมส่งตัวได้ แน่นอนว่าก็ทำได้เพียงต้องอยู่ที่เกาะเพลิงปะการังของพวกเรา เช่นนั้นละก็ ก่อนหน้านี้ท่านหานจะมีคู่บำเพ็ญเพียรหรือไม่ก็ไม่แตกต่างกันแล้ว” หญิงสาวสั่นศีรษะอย่างต่อเนื่องขณะเอ่ย
ครั้งนี้ชิงเสี่ยวได้ยินกลับไม่ได้เอ่ยปากอะไร แค่มองไปยังขอบฟ้าที่หานลี่หายวับไปแวบหนึ่ง ปากพลันลอบถอนหายใจที่แทบจะไม่รู้สึกออกมาเบาๆ
ตอนที่ 1554 อสูรสองตัว
สองเดือนต่อมาบนน่านฟ้าเหนือมหาสมุทรแห่งหนึ่ง ลำแสงสีเขียวสายหนึ่งบินเหาะอยู่กลางอากาศต่ำๆ อย่างเนิบช้า
ฉับพลันนั้นมีเสียงคำรามอสูรดังออกมาจากมหาสมุทรด้านล่าง ผิวน้ำหมุนวนกลายเป็นคลื่นยักษ์สูงยี่สิบจั้งเศษ
มัจฉาประหลาดเขาเดี่ยวเรือนกายสีดำสนิทปรากฏขึ้นในมหาสมุทร ปากที่เต็มไปด้วยเขี้ยวแหลมคมกัดลงมาที่ลำแสงสีเขียวอย่างแรง หมายจะกลืนลงไปในท้อง
สายรุ้งสีเขียวเปล่งแสงเจิดจ้า ฉับพลันนั้นพลันหมุนโคจร ความเร็วในการหลีกหนีเพิ่มขึ้นจากก่อนหน้าสองสามเท่า ชั่วครู่ก็หายวับไปจากจุดที่ไกลออกไป ปรากฏตัวอีกแห่งหนึ่งห่างออกไปสิบจั้งเศษ
มัจฉาประหลาดงับอากาศที่ว่างเปล่า แต่ทันใดนั้นหางพลันตวัดอยู่ในคลื่นยักษ์ แล้วกระโจนหันหัวกลับไปอีกครั้ง
ในครานั้นเองสายรุ้งสีเขียวมีเสียงหวีดร้องดังขึ้น เส้นไหมสีเขียว ยี่สิบสามสิบเส้นเปล่งแสงสว่างวาบ แล้วพุ่งออกไปรัดมัจฉาปลาตัวนี้เอาไว้รอบหนึ่ง
ชั่วขณะนั้นอสูรมหาสมุทรขนาดตัวไม่น้อย พลันกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ร่วงกราวลงมาจากท้องฟ้าปะปนกับโลหิตประหลาดสีเขียวมรกต
กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งปกคลุมผิวน้ำในบริเวณรอบในพริบตา
เส้นไหมสีเขียวเปล่งแสงเจิดจ้าแล้วพุ่งกลับมาทั้งหมด ส่วนสายรุ้งสีเขียวก็กลับมาใช้ความเร็วเช่นเดิมพุ่งตรงเข้ามาอย่างไม่รีบร้อน
ท่ามกลางลำแสงสีเขียวบุรุษหนุ่มอายุยี่สิบกว่าปียืนนิ่งอยู่บนกระบี่ยักษ์สีเขียวหนาสองสามจั้งเล่มหนึ่ง สีหน้าราบเรียบเป็นอย่างยิ่ง
นั่นก็คือผู้ที่ตามหาน่านน้ำที่อสูรมหาสมุทรมักจะปรากฏตัวราวกับฉลามตัวนั้นเป็นเวลาสิบกว่าวันอย่างหานลี่
แม้ว่าจะเข้ามาในน่านน้ำบริเวณนี้ไม่นานนัก แต่หานลี่ก็ยังรู้สึกว่าหากต้องการตามหาอสูรมหาสมุทรในตำนานตัวนั้น เป็นความรู้สึกที่งมเข็มในมหาสมุทรชนิดหนึ่ง
สองสามวันมานี้เขานอกจากจะสังหารอสูรมหาสมุทรธรรมดาที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเหมือนมัจฉาประหลาดก่อนหน้าไปสองสามตัวแล้ว ก็ไม่มีร่องรอยเลยสักนิด
ทว่าโชคดีที่น่านน้ำผืนนี้มีเกาะขนาดเล็กอยู่จำนวนมาก พวกมันขนาดเล็กน้อยก็มีสองสามลี้ ใหญ่หน่อยก็มีขนาดยี่สิบสามสิบลี้ ดังนั้นหานลี่จึงไม่กลัวเรื่องการสูญเสียไอวิญญาณ ขอแค่ทุกๆ ระยะหนึ่งจะหาที่นั่งพักทำสมาธิสักสองวัน ก็สามารถฟื้นฟูพลังปราณได้ดังเดิมแล้ว
แน่นอนว่าหานลี่เองในเวลานี้ ก็ไม่ได้คิดแค่ตามหาอสูรมหาสมุทรตัวนั้น หากสามารถมองทะลุผ่านร้านของเขาก็จะรู้ว่า ในจุดตันเถียนของเขา ทารกวิญญาณสีทองเขียวสองสีขนาดสองสามชุ่นกำลังเอามือกอดอก พ่นเพลิงทารกหลอมโล่ใบเล็กสีสันแวววาวใบหนึ่งไม่หยุด
ลมปราณบนร่างของหานลี่กว่าครึ่งล้วนใช้กับสิ่งนี้
นี่คือโล่ผลึกเกล็ดที่เขาหลอมขึ้นจากการชำแหละซากแมลงเม่าประหลาดตัวนั้น แล้วนำเกล็ดแวววาวร้อยกว่าเกล็ดที่ได้มาประกอบกับวัตถุดิบอื่นหลอมเป็นโล่ระหว่างทางที่ผ่านมา
แม้นว่าโล่ใบนี้จะหลอมขึ้นอย่างไม่ซับซ้อนนัก แต่เป็นเพราะวัตถุดิบทุกอย่างที่ใช้ค่อนข้างพิเศษ นอกจากความแข็งแกร่งทนทานแล้ว คาดไม่ถึงว่าจะถ่ายทอดพรสวรรค์ที่สามารถบิดพลิ้วเคล็ดวิชากระบี่ลำแสงกว่าครึ่งมาได้ นี่จึงทำให้หานลี่รู้สึกดีอกดีใจเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากที่เขาลังเลเล็กน้อย ก็หยดโลหิตลงไปบนสมบัติชิ้นนี้หยดหนึ่ง หลอมให้เป็นสมบัติประจำกายของตนเอง
นอกจากนี้หานลี่ยังนำปีกยักษ์ของแมลงเม่าประหลาด มาหลอมเป็นดาบบินขนาดสองสามชุ่นจำนวนสามร้อยหกสิบเล่ม ทุกเล่มล้วนแหลมคม เพียงพอที่จะตัดโล่เกราะสงครามธรรมดาๆ ได้อย่างง่ายดาย
แต่น่าเสียดายแก่นปีศาจที่หานลี่ตั้งความหวังเอาไว้มากที่สุดมันแตกละเอียดจนไม่รู้จะแตกยังไง มิเช่นนั้นก็อยากค้นหาความลึกลับจากการใช้เสียงคำรามกระตุ้นโลหิตของผู้บำเพ็ญเพียรให้เดือดพล่านของแมลงเม่าประหลาดดู
ถึงอย่างไรเสียการโจมตีด้วยคลื่นเสียงปกติ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจทำให้โลหิตของจิตวิญญาณเที่ยงแท้ในร่างของเขาเกิดความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ได้ และเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ หานลี่พลันรู้สึกไม่สบายใจไปเล็กน้อย
ผู้ใดจะรู้ว่าคาถาตื่นจากจำศีลแปลงกายสิบครั้งของเขา จะมีจุดอ่อนที่ตนไม่รู้หรือไม่! หากเจอกับผู้ที่มีอิทธิฤทธิ์คล้ายกัน จะเกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้นมาหรือไม่!
หานลี่ขบคิดไปพลาง ทอดสายตามองไปรอบด้านไปพลาง บางครั้งก็แผ่จิตสัมผัสออกไปค้นหาทั้งบนผิวน้ำและใต้ท้องทะเล
ตามที่ชิงเสี่ยวสตรีทั้งสองกล่าว อสูรมหาสมุทรปลาวาฬยักษ์ตัวนั้น สองสามร้อยปีที่ผ่านมาเอาแต่เคลื่อนไหวอยู่ในน่านน้ำแห่งนี้ ขอแค่เขาเสียเวลาสักหน่อย ก็น่าจะมีความหวังที่จะพบเจอ
สิ่งสำคัญคืออสูรตัวนี้มีเคล็ดวิชาวารีหลีกหนีที่ร้ายกาจ ยากที่จะสังหารได้
ทว่าในเมื่อเขามาถึงที่นี่แล้ว แน่นอนว่าคิดหาวิธีรับมือมาดีแล้ว อย่างน้อยก็มีความมั่นใจอยู่แปดเก้าส่วน
หลังจากที่หานลี่กวาดตามองผิวน้ำที่สุดลูกหูลูกตาแล้ว หัวคิ้วก็ขมวดมุ่นอย่างไม่ใส่ใจ
ก้นทะเลละแวกนี้มีอสูรมหาสมุทรระดับต่ำเหมือนกับมัจฉาประหลาดตัวเมื่อครู่อยู่ คิดดูแล้วอสูรมหาสมุทรปลาวาฬยักษ์ตัวนั้นคงไม่มาพักพิงอยู่ที่นี่
เขาคิดในใจเช่นนั้น สองเท้าเปล่งแสงสว่างวาบ ความเร็วของสายรุ้งสีเขียวเพิ่มขึ้นสองสามเท่า เปล่งแสงเจิดจ้าแล้วพุ่งออกไปยังขอบฟ้าที่ไกลออกไป
ฉะนั้นเวลาจึงค่อยๆ ผ่านไปทีละวันๆ
ทุกๆ สองสามเดือนหานลี่จะหาเกาะขนาดเล็กแห่งหนึ่งลงนั่งพักผ่อนสักสองสามวัน จากนั้นหลังจากฟื้นฟูพลังลมปราณแล้ว ก็จะออกจากเกาะเริ่มค้นหาต่อ
เป็นผลให้อสูรมหาสมุทรที่ยังไม่บรรลุในละแวกนี้ประสบกับโชคร้าย
หากพบแล้วเป็นฝ่ายโจมตีก่อน แน่นอนว่าล้วนถูกหานลี่สังหารลงอย่างง่ายดาย แต่หากมีสติปัญญาสูงส่งเป็นฝ่ายหลบหลีกไปก่อน หานลี่ก็จะแค่ตรวจสอบว่าไม่ใช่เป้าหมายที่ตามหา แล้วก็ไม่ได้สร้างความยุ่งยากอะไร ปล่อยให้พวกมันหนีไป
ฉะนั้นแม้ว่าหานลี่จะหาอสูรตัวเป้าหมายไม่เจอ แต่กลับพบร่องรอยการเคลื่อนไหวของอสูรตัวนี้อยู่สองสามหน
แม้กระทั่งสองสามวันที่ผ่านมายังพบหนังอสูรขนาดยักษ์ของอสูร ที่ลอกคราบในถ้ำก้นมหาสมุทร แข็งแกร่งทนทานเป็นอย่างมาก และเป็นวัตถุดิบที่หาได้ยาก
หานลี่ไม่ได้นำมันมาหลอมเป็นเกราะสงครามอะไร แม้ว่าผิวหนังอสูรจะแข็งแกร่งแต่ก็ไม่มีทางแข็งแกร่งกว่ากายเนื้อของเขา
เขากลับใช้หนังของอสูรตัวนี้หลอมยันต์วิเศษขึ้นมา มีทั้ง ‘ยันต์เก้าวิมานสวรรค์’ชุดหนึ่ง ‘ยันต์เกราะปราณ’และ ‘ยันชำระพิสุทธิ์’สองสามแผ่น
ยามนี้ยันต์วิเศษสองสามชนิดที่บันทึกไว้ในคัมภีร์หน้ากระดาษที่ฉีกขาด ก็มีเพียงยันต์ขวานนภาที่ไม่อาจหลอมได้
แต่ตั้งแต่ที่หานลี่บรรลุระดับหลอมสุญตา จนสามารถควบคุมพลังปราณฟ้าดินได้แล้ว ก็ดูเหมือนว่าจะไปเปิดความลับอะไรบางอย่าง เขาจึงมีแรงบันดาลใจในการหลอม ‘ยันต์ขวานนภา’ เป็นอย่างมาก
แน่นอนว่าหากอยากหลอมยันชนิดนี้จริง ย่อมเป็นเรื่องที่ยังไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาอีกกี่เดือนหรือกี่ปี
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว หานลี่วนเวียนอยู่ในน่านน้ำละแวกนี้มาสองสามปีแล้วอย่างไม่รู้ตัว
เขากลับไม่ได้รีบร้อน เดิมทีก็เพิ่งบรรลุระดับหลอมสุญตาได้ไม่นาน ยังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องค่อยๆ เรียนรู้ไป แม้ว่าช่วงปีที่ผ่านมาจะไม่ได้ฝึกฝนอะไรนัก แต่กลับได้ประโยชน์จากการเรียนรู้เคล็ดวิชาและอิทธิฤทธิ์เป็นอย่างมาก
วันนี้หานลี่ยังคงทำเหมือนในวันวาน เหาะเหินไปบนผิวน้ำอย่างเงียบๆ ไปพลาง เรียนรู้อะไรอยู่ในใจไปพลาง
ฉับพลันนั้นเสียงกรีดร้องประหลาดที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน พลันดังขึ้นจากจุดที่ไกลออกไปเบื้องหน้า
หานลี่ที่เดิมทีมีสีหน้าราบเรียบ มีสีหน้ากระตือรือร้นขึ้น ดวงตาทั้งสองเปล่งแสงสีฟ้าสว่างวาบพลันเหม่อมองไปเบื้องหน้า
ครู่ต่อมาเขาพลันเผยสีหน้าตกตะลึงระคนดีใจออกมา
“ในที่สุดก็พบแล้ว ทว่าตัวที่ลงมือกับมันคืออะไรกัน!”
หานลี่เอ่ยพึมพำกับตนเอง ทันใดนั้นแสงหลีกหนีพลันเปล่งแสงสว่างจ้า กลายเป็นเส้นไหมสีเขียวเส้นหนึ่งพุ่งตรงออกไปเบื้องหน้า
หลังจากกะพริบวาบสองสามครา สายรุ้งสีเขียวก็พุ่งแหวกอากาศมาปรากฏห่างออกไปสองสามร้องจั้ง เมื่อกะพริบวาบอีกครั้งก็หายไปจากผิวน้ำเบื้องหน้าอย่างไร้ร่องรอย
ห่างจากเกาะขนาดเล็กแห่งหนึ่งไปสองสามร้อยลี้ มีเมฆาทมิฬปกคลุมอยู่ เกลียวคลื่นซัดสาด สิ่งมหึมาสองตัวกำลังเผชิญหน้ากัน หนึ่งในนั้นมีความยาวสองร้อยจั้ง กายท่อนบนหมอบอยู่บนหินโสโครกยักษ์ก้อนหนึ่ง เรือนกายมีเกราะแข็งสีสันแวววาว คาดไม่ถึงว่าจะเป็นกุ้งยักษ์ตัวสีแดงโลหิต
และบนผิวน้ำห่างจากหินโสโครกไป มีอสูรมหาสมุทรที่ดูเหมือนปลาวาฬขนาดใหญ่กว่ากุ้งยักษ์สองสามเท่าลอยอยู่
ที่กล่าวว่าดูเหมือนเป็นเพราะร่างของสัตว์ประหลาดตัวนี้และห่างล้วนเหมือนกับปลาวาฬอย่างไรอย่างนั้น สิ่งเดียวที่ไม่เหมือนกลับเป็นเกล็ดที่อยู่บนหัวของอสูรมหาสมุทร บนหัวมีเขาสีทองและหนวดกุ้งยาวๆ งอกออกมาคู่หนึ่ง คาดไม่ถึงว่าจะดูคล้ายกับมังกรวารีอยู่เจ็ดแปดส่วน
อสูรยักษ์ทั้งสองกำลังคุมเชิงมองกันอยู่ไกลๆ!
กุ้งยักษ์กำลังเปล่งเสียงร้องคำรามประหลาดๆ ไม่หยุด หมอบอยู่บนก้อนหินกลางระลอกคลื่นที่เชี่ยวกราก เมฆาทมิฬเหนือศีรษะและระลอกคลื่นในบริเวณรอบล้วนเป็นสิ่งที่เจ้าตัวนี้เรียกออกมา ท่าทางน่าสะพรึงกลัว
ส่วนสัตว์ประหลาดที่ดูเหมือนปลาวาฬตรงข้ามกลับลอยไปตามแรงคลื่นไม่เปล่งเสียงร้องใดๆ ออกมาราวกับวิญญาณอย่างไรอย่างนั้น แค่ใช้ดวงตาสีขาวประหลาดจ้องเขม็งมายังกุ้งยักษ์สีแดงโลหิต คาดไม่ถึงว่าจะฉายแววละโมบราวกับมนุษย์ออกมา
การเคลื่อนไหวของทั้งสองกลับให้ความรู้สึกว่ากุ้งยักษ์สู้อีกฝ่ายไม่ได้ และยิ่งไปกว่านั้นยังค่อยๆ ถูกกดเอาไว้
ฉับพลันนั้นอสูรยักษ์รูปร่างคล้ายปลาวาฬพลันเลื่อนสายตามองไปบนท้องฟ้าด้านหนึ่งด้วยแววตาฉงนแวบหนึ่ง
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ ท้องฟ้าที่อสูรยักษ์มองไปก็มีลำแสงสว่างวาบ เส้นไหมสีเขียวที่บางจนแทบมองไม่เห็นพุ่งมาด้วยความเร็วน่าเหลือเชื่อ หลังจากกะพริบวาบสองสามครั้ง ก็หยุดอยู่ในบริเวณใกล้เคียงโดยไม่มีท่าทีจะอำพรางลำแสงหลีกหนีเลยสักนิด
ยามนี้ไม่เพียงอสูรมหาสมุทรรูปร่างคล้ายปลาวาฬ แม้แต่กุ้งโลหิตก็เงยหน้าขึ้นมองด้วยท่าทีระวังภัยเช่นกัน
ผลคือลำแสงสีเขียวหม่นแสง ร่างของหานลี่ปรากฏขึ้นตรงกลางระหว่างอสูรยักษ์ทั้งสองอย่างลึกลับ มองลงไปยังอสูรสองตัวด้านล่างด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
“ไม่ผิด เป็นอสูรตัวนี้ เอ๋ คิดไม่ถึงว่าจะมีกุ้งเปลวโลหิตอีกตัวหนึ่งเยี่ยม เยี่ยมมาก ดูแล้วการเดินทางครั้งนี้ช่างคุ้มค่าจริงๆ” หานลี่แค่มองไปสองสามวูบ ปากก็เปล่งเสียงพึมพำด้วยความตื่นเต้นออกมา
จากนั้นพลันสะบัดแขนเสื้อทั้งสองในเวลาเดียวกัน
ชั่วขณะนั้นเสียงไพเราะพลันดังขึ้น กระบี่เล่มเล็กสีเขียวยี่สิบกว่าเล่มพุ่งเข้าไปหาอสูรมหาสมุทรรูปร่างคล้ายปลาวาฬ แต่เมื่อกะพริบวาบกับจมหายไปกลางอากาศอย่างไร้ร่องรอย แค่สะบัดแขนเสื้อข้างหนึ่ง กลับมีเงาสีดำพุ่งออกมา หลังจากลอยละลิ่วอยู่กลางสายลม ก็กลายเป็นภูเขายักษ์สีดำสนิทลูกหนึ่งกดลงไปบนกุ้งโลหิต
จากนั้นหานลี่ใช้สองมือร่ายอาคม ลำแสงสีทองเปล่งแสงสว่างวาบ เผยเทวรูปสีทองสามเศียรหกกรออกมา กรทั้งหกแค่โบกสะบัด ชั่วขณะนั้นเสียง ฟิ้วๆ พลันดังขึ้น เสาลำแสงสีทองหกสายพุ่งออกไป สามสายโจมตีไปยังกุ้งโลหิต สามสายโจมตีไปยังอสูรมหาสมุทรรูปร่างคล้ายปลาวาฬ
คาดไม่ถึงว่าหานลี่จะโจมตีอสูรมหาสมุทรทั้งสองตัวพร้อมกัน และยิ่งไปกว่านั้นยังลงมืออย่างรวดเร็วไม่ปรานีเลยสักนิด
ภายใต้การโคจรเคล็ดวิชามารเที่ยงแท้พราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์เต็มอัตราของหานลี่ ความเร็วของลำแสงสีทองจึงอยู่ในระดับที่น่าเหลือเชื่อ!
แค่กะพริบวาบก็มาอยู่ตรงหน้าอสูรมหาสมุทรทั้งสองตัว
อสูรยักษ์ทั้งสองพลันตะลึงงัน!
ตัวหนึ่งอ้าปากออก พ่นลำแสงสีฟ้าออกมาจากปาก อีกตัวหนึ่งมีลำแสงโลหิตไหลเวียนอยู่บนผิว ปล่อยเปลวเพลิงสีโลหิตขนสองสามออกมาปกป้องตนเองไว้อย่างแน่นหนา
เสียง ปังๆ ดังสนั่นขึ้น หลังจากลำแสงสีทองสามสายปะทะกับลำแสงสีฟ้า ก็โจมตีลำแสงสีฟ้าให้สลายหายไปราวกับต้นไม้ที่แห้งกรอบ เมื่อกะพริบวาบอีกครั้ง ก็โจมตีไปยังร่างของปลาวาฬยักษ์อยากแรง
ชั่วขณะนั้นเสียงร้องแหลมสูงพลันดังออกมาจากปากของอสูรยักษ์ ผิวของมันเปล่งแสงสีฟ้าแล้วเผยรูโลหิตกว้างเท่าชามสามใบออกมา โลหิตจำนวนมากพุ่งออกมาราวกับน้ำพุ ไม่อาจหยุดยั้งได้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น