คัมภีร์วิถีเซียน 1549-1552
ตอนที่ 1549 การต่อสู้ที่ดุเดือด
คลื่นไร้รูปร่างนี้มีอิทธิฤทธิ์ใดก็สุดจะรู้ได้ คาดไม่ถึงว่ากระบี่ไผ่เขียวตัวต่อเมฆาจะไม่อาจต้านทานได้
ชิงเสี่ยวและหญิงสาวกระโปรงดำเห็นฉากนั้น หน้าพลันซีดขาวอีกครั้ง
ยามนี้พวกนางเพิ่งจะดึงระยะห่างออกจากแมลงเม่าประหลาดได้เล็กน้อยเท่านั้น ขอแค่เสียงคำรามดังขึ้นอีกครั้ง ก็ไม่อาจหลบหนีเอาชีวิตรอดได้
หานลี่เห็นกระบี่บินยี่สิบสามสิบเล่มระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ ใบหน้าไม่ได้สีหน้าตกตะลึงหรือโกรธเกรี้ยวออกมา กลับแค่นเสียงอย่างเย็นชา ฉับพลันนั้นมือหนึ่งพลันร่ายอาคมอย่างรวดเร็ว เพ่งสมาธิชี้ออกไป
เหตุการณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจพลันปรากฏขึ้น!
เศษซากกระบี่บินที่แต่เดิมกลายเป็นลำแสงสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วน พลันเปล่งเสียงหวีดร้องออกมา จากนั้นพลันวนล้อมรอบแมลงเม่ายักษ์ คาดไม่ถึงว่าจะรวมตัวกันกลายเป็นกระบี่บินเล่มเล็กเปล่งแสงเย็นเยียบท่ามกลางลำแสงสีเขียว ฟื้นฟูกลับมาอยู่ในสภาพเดิม
กระบี่บินทั้งหมดเปล่งแสงสว่างวาบ เส้นไหมสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนตัดสลับกันไปมา สับแมลงเม่าประหลาดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอีกครั้ง
อิทธิฤทธิ์นี้แน่นอนว่าเป็นอิทธิฤทธิ์กระบี่มายาของกระบี่บิน
ยามนี้ชิงเสี่ยวและสตรีทั้งสองพลันตกตะลึงจนปากอ้าตาค้าง แต่พวกนางพลันได้สติขึ้นในทันที เพิ่มความเร็วลำแสงหลีกขึ้นสองสามส่วน หลังจากกะพริบวาบสองสามครา ในที่สุดก็หนีมาอยู่ใกล้เคียงกับหานลี่ แล้วถึงได้หยุดชะงักลงเล็กน้อย
“ขอบพระคุณท่านอาวุโสที่ช่วยชีวิต ทว่าสัตว์ประหลาดตัวนั้นทรงพลังเกินไป พวกเรารีบหนีกันเถิด” ชิงเสี่ยวพ่นลมหายใจยาวๆ ออกมาเฮือกหนึ่ง แล้วเอ่ยกับหานลี่อย่างรีบร้อน
“เชิญสหายทั้งสองตามสะดวกเถิด! ข้ารู้สึกสนใจสัตว์ประหลาดตัวนี้อยู่เล็กน้อย อยากดูว่าจะสังหารมันได้หรือไม่” หานลี่ตอบกลับอย่างราบเรียบ
“ท่านอาวุโส อสูรตัวนี้มาจากไหนก็สุดจะรู้ได้ ความร้ายกาจไม่ได้มีเพียงเท่านี้ แม้แต่ฆราวาสฉลามสีเงินก็ยังต้องจบชีวิตอย่างน่าอนาถในเงื้อมมือมัน พวกเรารีบถอนกำลังออกจากที่นี่ แล้วไปคิดหาแผนการใหม่มาต่อกรกับเจ้าเดรัจฉานนี่ก็ยังไม่สาย” หญิงสาวกระโปรงดำเองก็เอ่ยชักจูงด้วยความหวังดี
เห็นได้ชัดว่าถึงแม้หานลี่จะเผยความสามารถที่ตกตะลึงออกมา สตรีทั้งสองก็ไม่คิดว่าหานลี่จะสังหารแมลงเม่าประหลาดตัวนี้ได้จริงๆ
“สหายทั้งสองโปรดวางใจ! ต่อให้ผู้แซ่หานไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน แต่ก็รักษาชีวิตได้ไม่ต้องกังวล” หานลี่ฉีกยิ้มน้อยๆ แล้วสั่นศีรษะ
ยามนี้หลังจากจุดที่ไกลออกไปมีลำแสงสีเทาเปล่งแสงสว่างวาบ แมลงเม่าประหลาดพลันหลอมซากศพเข้าด้วยกันอีกครั้ง ฟื้นคืนชีพกลับมาดังเดิม แต่เมื่อถูกสังหารครั้งที่สอง ก็ทำให้สัตว์ประหลาดตัวนี้โกรธจนเนื้อเต้น อ้าปากบนหัวสิงโตอันใหญ่โตออก เสียงคำรามที่ดังกว่าเดิมดังออกมาจากปาก ในเวลาเดียวกันปีกทั้งสองก็กระพือไปมาไม่หยุด
ชั่วขณะนั้นท่ามกลางอากาศในบริเวณรอบพลันมีเสียงดังสนั่นราวกับฟ้าร้อง ในเวลาเดียวกันระลอกคลื่นเป็นวงๆ พลันแผ่ออกมาจากร่างของแมลงเม่าประหลาด กระจายไปทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้านอย่างต่อเนื่อง
กระบี่บินทั้งหมดแตกออกเป็นเสี่ยงๆ อีกครั้งท่ามกลางระลอกคลื่น จากนั้นพลันถูกบดให้ละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ ปีกทั้งสองของแมลงเม่าประหลาดพลันหยุดกระพือ ยังไม่คิดจะหยุดลงมือ
แม้ว่าเป็นเพราะแมลงเม่าตัวนี้เกี่ยวข้องกับกระบี่บิน และไม่ได้เข้าใกล้หานลี่เลยสักนิด แต่การร้องคำรามครั้งนี้ ชิงเสี่ยวและหญิงสาวกระโปรงสีดำที่เพิ่งจะกลับมามีสีหน้าปกติ ชั่วพริบตาพลันหน้าแดงเถือกอีกครั้ง ดูเหมือนว่าโลหิตรอบกายจะพุ่งทะลุออกมาจากผิวหนัง
หานลี่แค่ขมวดคิ้วแน่น หลังจากเพิ่มอานุภาพของเคล็ดวิชามารเที่ยงแท้พราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์ในร่างสองส่วน จึงไม่เป็นอันตรายใดๆ แต่เมื่อกวาดสายตาไปเห็นหญิงสาวทั้งสองกำลังตกอยู่ในอันตราย มือข้างหนึ่งพลันตบไปกลางอากาศอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าสองครั้ง
เห็นเพียงฝ่ามือมีลำแสงสีทองสว่างวาบ เสาลำแสงสีทองสองสายเปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในร่างของหญิงสาวทั้งสอง
ชิงเสี่ยวและหญิงสาวทั้งสองรู้สึกว่าโลหิตที่กำลังเดือดพล่านในร่างพลันผ่อนคลายลงกว่าครึ่ง สีโลหิตบนใบหน้าลดลงไปกว่าครึ่ง
จิตใจที่กำลังบีบแน่นของหญิงสาวทั้งสองพลันผ่อนคลายลง! รู้ว่าหานลี่ลงมือช่วยเหลือ ปากพลันเอ่ยขอบคุณเป็นพัลวัน
“เสียงคำรามของอสูรตัวนี้ช่างแปลกพิกลนัก ขอบเขตอานุภาพกว้างใหญ่มาก สหายทั้งสองรีบไปเถิด” หานลี่โบกมือ แล้วเอ่ยเช่นนี้ออกมา
เขาเห็นกลางอากาศที่อยู่ไกลออกไปโดยมีแมลงเม่าเป็นศูนย์กลางในระยะพันจั้งเศษ กำลังเกิดสภาวะที่อากาศบิดเบี้ยวอย่างเห็นได้ด้วยตาเนื้อ พื้นที่กว้างใหญ่ถึงเพียงนี้ คาดไม่ถึงว่าบัดเดี๋ยวพลันเลือนราง บัดเดี๋ยวพลันชัดเจนขึ้น แปลกประหลาดราวกับภาพลวงตา
และไม่รู้ว่าเหตุการณ์ประหลาดนี้เกิดขึ้นจากเสียงคำรามของสัตว์ประหลาดตัวนี้หรือว่าเป็นผลกระทบมาจากคลื่นที่ปีกทั้งสองกระพือออกมา
หญิงสาวทั้งสองที่เดิมทีถูกเสียงคำรามของแมลงเม่าประหลาดทำให้ขวัญผวา ยามนี้มองเห็นเหตุการณ์แปลกประหลาดอยู่ไกลๆ ไหนเลยจะกล้าลังเลอะไรอีก เมื่อชักจูงอีกสองครั้ง เห็นว่าหานลี่ยังคงไม่มีท่าทีจะไปด้วยกัน จึงทำได้เพียงคารวะหานลี่ แล้วกลายเป็นสายรุ้งสองสายอีกครั้ง พุ่งแหวกอากาศบินออกไป
ครั้งนี้พวกนางพลันบินออกไปร้อยกว่าลี้ภายในอึดใจเดียว หลังจากบินออกนอกเกาะน้ำแข็ง เสียงคำรามที่ดังเข้าโสตประสาทบัดเดี๋ยวได้ยินบัดเดี๋ยวไม่ได้ยิน ไม่มีผลกระทบอีก
หญิงสาวทั้งสองผสานลำแสงหลีกหนีเข้าด้วยกัน ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ จากนั้นพลันมองไปยังทิศทางที่มาด้วยความหวาดผวา
“พี่หญิงชิง ผู้นั้นคือท่านหานที่เจ้าพูดถึงหรือ?” หลังจากหญิงสาวกระโปรงดำมีสีหน้าสุขุมเยือกเย็นขึ้น ก็อดไม่ไหวเอ่ยถามขึ้น
“ไม่ใช่อาวุโสผู้นั้นแล้วจะเป็นผู้ใดได้? ท่านหานและฆราวาสฉลามสีเงินอยู่ในระดับเดียวกัน ทว่าความสามารถน่าจะแข็งแกร่งกว่าเป็นอย่างมาก” ชิงเสี่ยวพยักหน้าขณะเอ่ย
“แต่ต่อให้มีอิทธิฤทธิ์ขนาดไหน ก็ไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของสัตว์ประหลาดได้ ถึงอย่างไรเสียขนาดฆราวาสฉลามสีเงินและอสูรวิญญาณตัวนั้นของเขาร่วมมือกัน รับมือกับสัตว์ประหลาดตัวนั้นได้เพียงสองสามกระบวนท่า ก็เพลี่ยงพล้ำไปพร้อมกันแล้ว หัวอสรพิษด้านล่างของสัตว์ประหลาดตัวนั้นน่ากลัวกว่าด้านบนหลายส่วน ท่านอาวุโสหานยังอยู่ที่เดิม ช่างไม่ชาญฉลาดเอาเสียเลย” หญิงสาวกระโปรงดำถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
“เรื่องนี้มันพูดยาก ดูจากท่าทางไม่เป็นไรจากเสียงคำรามของท่านหาน จะต้องมีอิทธิฤทธิ์ป้องกันตัวที่ยิ่งใหญ่แน่ และยิ่งไปกว่านั้นยังมีท่าทางเชื่อมั่นขนาดนั้น ต่อให้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของแมลงเม่าประหลาด แต่ก็น่าจะหนีได้ไม่มีปัญหา พวกเรารออยู่ที่นี่ชั่วคราวเถิด ดูว่าผลเป็นอย่างไรแล้วค่อยว่ากัน หากไม่ได้จริงๆ พวกเราคงทำได้เพียงเรียกชนชั้นสูงของเผ่าต่างๆ มาวางเขตอาคมที่มีอานุภาพยิ่งใหญ่สักสองสามเขตต่อกรกับสัตว์ประหลาดตัวนี้แล้ว” ชิงเสี่ยวเชื่อมั่นในตัวหานลี่อยู่เล็กน้อย และยิ่งไปกว่านั้นยังคิดการณ์ไกลมาก
“ต่อกรกับเดรัจฉานระดับนี้ คงมีเพียงต้องอาศัยพลังของเขตอาคมแล้ว มิเช่นนั้นต่อให้รวบรวมคนมามากขนาดไหน พอมันคำรามก็ทำได้เพียงทยอยกันล้มตายเท่านั้น แต่ถือว่าโชคดีสัตว์ประหลาดตัวนี้มาปรากฏตัวที่นี่เร็วหน่อย หากช้ากว่านี้สักสองสามเดือน สหายร่วมวิถีที่มารวมตัวกันที่นี่คงไม่ทันได้ระวังตัว และคงเพลี่ยงพล้ำไปอีกไม่รู้กี่คน” หญิงสาวหัวเราะอย่างขมขื่นออกมา รู้สึกโชคดีขึ้นมาเล็กน้อย
“นั่นมันก็ใช่ แต่สัตว์ประหลาดตัวนี้ไม่เหมือนกับอสูรมหาสมุทร มาจากที่ใดกัน” ชิงเสี่ยวมองขอบฟ้าตรงทิศของแมลงเม่าประหลาด สายตามีแววฉงนสงสัยแวบผ่าน พลางเอ่ยพึมพำ
หญิงสาวกระโปรงดำมีสีหน้างุนงงฉายแววผ่านบนใบหน้าเช่นกัน แน่นอนว่าย่อมไม่อาจอธิบายอะไรได้
……
หลังจากที่สตรีทั้งสองบินออกห่าง หานลี่พลันเห็นกระบี่บินของตนเองถูกพลังไร้รูปร่างบดออกเป็นชิ้นๆ จนไม่รู้จะแหลกละเอียดอย่างไร มุมปากพลันกระตุกขึ้น แล้วกลับเผยรอยยิ้มเย็นชาเล็กๆ ออกมา
แม้ว่าอสูรประหลาดเบื้องหน้าจะอยู่ในระดับหลอมสุญตาขั้นปลาย แต่อิทธิฤทธิ์ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ธรรมดา กระนั้นเขาผู้ซึ่งเป็นผู้ฝึกตนคู่บำเพ็ญเพียรซึ่งฝึกฝนเคล็ดวิชามารเที่ยงแท้พราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่สาม และยิ่งไปกว่านั้นยังมีอิทธิฤทธิ์เหนือชั้นสองสามชนิด จะไปกลัวสัตว์ประหลาดตัวนี้ได้อย่างไร
ทันใดนั้นเห็นสองมือของเขาร่ายอาคม ลำแสงสีทองเปล่งแสงขึ้นบนเรือนร่าง เหนือศีรษะมีรัศมีสีทองปรากฏออกมา
ท่ามกลางรัศมีลำแสง เทวรูปสามเศียรหกกรพลันค่อยๆ ชัดเจนขึ้น ดวงตาที่โกรธเกรี้ยวทั้งสองเบิกออก กรทั้งหกร่ายอาคม
ปากพลันร้องตะโกนเสียงต่ำๆ เทวรูปสีทองหกกรโบกสะบัดกรทั้งหกไปที่แมลงเม่ายักษ์พร้อมกัน
เสียง พรึ่บๆ ดังขึ้น เสาลำแสงสีทองขนาดหนาเท่าปากชามหกสายพ่นออกมาจากใจกลางฝ่ามือ หลังจากกะพริบวาบ ก็จมหายเข้าไปในเงาสีเทาบิดเบี้ยวไกลออกไป เห็นว่ากำลังจะโจมตีไปบนร่างของแมลงเม่ายักษ์
แต่ฉากที่แปลกประหลาดพลันปรากฏขึ้น!
ร่างของแมลงเม่ายักษ์พลันรางเลือน ลำแสงหกสายพลันเปลี่ยนทิศ คาดไม่ถึงว่าจะอ้อมผ่านร่างของแมลงเม่ายักษ์ไป โจมตีไปกลางอากาศแล้วสลายหายไป
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนั้น หานลี่อดที่จะตกตะลึงไม่ได้ แต่ทันใดนั้นมือสีดำสนิทข้างหนึ่งก็ยื่นออกมาจากแขนเสื้อ และปรบไปทางแมลงเม่ายักษ์ที่อยู่ไกลออกไปเบาๆ
ชั่วขณะนั้นม่านลำแสงสีเทาพลันพ่นออกมาจากนิ้วทั้งห้า จากนั้นพลันรวมตัวกัน กลายเป็นม่านลำแสงสีเทาผืนหนึ่ง ม้วนตรงไปยังฝั่งตรงข้าม
ลำแสงเทวะดูดปราณอันยิ่งใหญ่มหาศาลนี้ แผ่ขยายออกกลางทางไม่หยุด ปกคลุมท้องฟ้ากว่าครึ่งเอาไว้
ท่าทียิ่งใหญ่นี้ทำให้ดวงตาสีเขียวมรกตคู่นั้นของแมลงเม่าประหลาดที่อยู่ท่ามกลางเงาสีเทาอันรางเลือนเปล่งแสงสว่างวาบไม่หยุด คลื่นไร้รูปร่างที่ปีกทั้งสองปล่อยออกมาเปลี่ยนทิศทาง ล้วนตรงไปยังด้านบนไอสีเทา
เมื่อทั้งสองสัมผัสกัน เสียงอึกทึกของฟ้าผ่าพลันดังขึ้น คลื่นลำแสงสีเทาตัดสลับกันไปมาพลางเปล่งแสงสว่างวาบ ท้องฟ้าทั้งผืนบัดเดี๋ยวสว่างวาบบัดเดี๋ยวมืดทะมึน คาดไม่ถึงว่าจะปรากฏท่าทีไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน
หานลี่มีสีหน้าเคร่งขรึม นิ้วทั้งห้าบนฝ่ามือสีดำบิดเบี้ยวไปเล็กน้อย
ชั่วขณะนั้นท่ามกลางม่านลำแสงสีเทาบนท้องฟ้าพลันมีเงาสีดำปรากฏออกมา จากนั้นภูเขาสีดำลูกหนึ่งพลันปรากฏขึ้น จากนั้นพลันขยายใหญ่ขึ้น กะพริบวาบสองสามหน แล้วกลายเป็นมีขนาดพันจั้งเศษ
นั่นก็คือภูเขาเทวะดูดปราณ!
แมลงเม่าประหลาดเห็นเช่นนั้นพลันตะลึงงัน แต่ทันใดนั้นพลันร้องคำรามลั่นออกมา คลื่นไร้รูปร่างพลันผนึกเข้าที่ใจกลาง คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นเสาลำแสงกึ่งโปร่งใสที่มองเห็นได้ตาเปล่าสายหนึ่งออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วพุ่งไปยังตรงตีนเขายักษ์
ดูจากฉากที่กระบี่บินของหานลี่ถูกคลื่นไร้รูปร่างบดให้ละเอียดนั้น เห็นได้ชัดว่าอานุภาพของมันยิ่งใหญ่มาก เวลานี้ถูกรวมเข้าด้วยกัน ความเสียหายของสมบัติยุทธภัณฑ์จะเป็นอย่างไรไม่ต้องคิดก็รู้แล้ว
หากเป็นก่อนที่เนินหินจะหลอมเข้าไปในภูเขาเทวะดูดปราณนั้น ภูเขาลูกนี้จะต้านทานเสาลำแสงกึ่งโปร่งใสนี้ได้หรือไม่นั้นก็พูดยาก แต่หลังจากที่หลอมเนินหินเข้าไปสองครั้ง ความแข็งแกร่งของภูเขาลูกนี้ก็อยู่ในระดับที่น่าเหลือเชื่อแล้ว
เห็นเพียงตรงตีนเขายักษ์มีลำแสงสีเทาขาวเปล่งแสงสว่างวาบ เสาลำแสงโจมตีไปบนนั้นแล้วเปล่งแสงอึกทึกออกมา แล้วระเบิดลำแสงสีขาวเจิดจ้าออกมา
หลังจากลำแสงสีขาวหม่นลง เสาลำแสงพลันสลายหายไป ตรงตีนยอดเขาไม่มีรอยแยกปรากฏขึ้น ไม่มีท่าทีได้รับความเสียหายเลยสักนิด
แมลงเม่าประหลาดพลันตะลึงงัน แทบจะไม่เชื่อฉากที่ตนเองมองเห็น
ส่วนหานลี่ที่อยู่ไกลออกไปกลับร่ายอาคมด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ชั่วขณะนั้นยอดเขาที่เป็นดังภูเขาไท่ซานพลันกดทันลงมาทีละนิดๆ
แม้ว่าระลอกคลื่นเป็นวงๆ จะปรากฏออกมาจากปีกทั้งสองข้างของแมลงเม่าไม่หยุด แต่ภายใต้ความแข็งแกร่งดุดันของยอดเขาที่ทยอยกันสัมผัสแล้วสลายออก ไม่อาจต้านทานพลังมหาศาลอันหนักอึ้งของภูเขาเทวะดูดปราณได้
เห็นยอดเขาสีดำปกคลุมแมลงเม่ายักษ์ทั้งตัวเอาไว้ ดูเหมือนว่าครู่ต่อมาจะสามารถกดทับจนกลายเป็นน้ำจิ้มเนื้อได้ ฉับพลันนั้นหัวที่เป็นดังสิงโตของแมลงเม่ายักษ์พลันรางเลือน คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นหัวงูเหลือมยักษ์ที่หลับตาทั้งสองข้างแน่น
อสูรงูเหลือมสีดำเขียวพลันเบิกตาทั้งสองข้างขึ้น เผยดวงตาประหลาดสีทองเรืองรองคู่หนึ่งออกมา แววตาเย็นเยียบเปล่งประกาย ชั่วครู่ก็ชูคอขึ้นจ้องเขม็งไปยังยอดเขาสีดำ
เสียงซือๆ ดังออกมาจากปากของงูเหลือม ฉับพลันนั้นกระพือปีกทั้งสองข้าง ฝุ่นลำแสงสีเทาขมุกขมัวพลันแผ่ขยายออกไป ปกคลุมร่างของสัตว์ประหลาดตัวนี้เอาไว้ ทำให้มองไม่เห็นเงาร่างของมันเลยสักนิด
ตัวประหลาดนี้ดูเหมือนว่าจะอยากสำแดงอิทธิฤทธิ์อะไรสักอย่างออกมา
หานลี่เห็นเช่นนั้นอยู่ไกลๆ ใบหน้าพลันฉายแววโหดเ**้ยม มือร่ายอาคมกระตุ้น
ยอดเขาสีดำเปล่งเสียงกรีดร้องออกมาขณะกดทับลงมา ตีนยอดเขากดทับลงไปในฝุ่นลำแสงสีเทา
ตอนที่ 1550 พลังมหาศาล
ปัง เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นท้องฟ้าดินดังขึ้น!
เมื่อยอดเขาสีดำจมหายเข้าไปในฝุ่นลำแสงเล็กน้อย ฉับพลันนั้นพลันหยุดชะงักกลางอากาศ ราวกับถูกอะไรต้านทานไว้
ครั้งนี้หานลี่พลันเผยสีหน้าตกตะลึงออกมา
ภูเขาเทวะดูดปราณหนักเท่าใดนั้น แน่นอนว่าไม่มีผู้ใดรู้ดีได้มากกว่าเขา อย่างน้อยที่สุดหากเปลี่ยนเป็นเขาที่ยังไม่บรรลุระดับหลอมสุญตา คงไม่มีทางยกภูเขาลูกนี้ได้ แต่หลังจากบรรลุระดับหลอมสุญตาแล้ว อาศัยเคล็ดวิชามารเที่ยงแท้พราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์ประกอบกับกายเนื้อที่แข็งแกร่ง ถึงจะพอฝึกรับน้ำหนักที่หนักอึ้งของภูเขาลูกนี้ได้
แต่แมลงเม่าประหลาดที่อยู่ตรงหน้าตัวนี้ รับเรื่องนี้ได้อย่างไร
ภายใต้ความตะลึงงัน หานลี่พลันร่ายอาคมอย่างไม่ต้องขบคิด เหนือศีรษะมีเทวรูปสีทองปรากฏขึ้น กรทั้งหกร่ายรำ รัศมีลำแสงสีทองหมุนคว้าง ฉับพลันนั้นเปลวเพลิงสีทองพลันบินออกมาเป็นกลุ่มๆ แต่หลังจากพุ่งออกมาได้สิบจั้งเศษ พลันกลายเป็นพายุสีทองอ่อนผืนหนึ่ง ม้วนตรงไปยังฝั่งตรงข้าม
ไม่รอให้เข้าใกล้ฝุ่นลำแสงสีเทา พลันมีเสียงแหวกอากาศดังขึ้น ชั่วครู่มีดวายุจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งออกมาจากพายุหมุน เปล่งแสงสว่างวาบแล้วพุ่งหายเข้าไปในฝุ่นลำแสง
“กึกๆ” ดังอึกทึกขึ้น มีดวายุทั้งหมดโจมตีโดนอะไรสักอย่าง แต่จากนั้นกลับไม่มีสุ้มเสียงใดอีก ราวกับไม่ได้สร้างบาดแผลใดให้กับแมลงเม่าประหลาดที่อยู่ด้านใน
หานลี่หรี่ตาทั้งสองข้างลง ร่ายอาคมกระตุ้นทันที
พายุหมุนสีทองเปล่งเสียงหวีดร้องแล้วหมุนกวาดออกไป พัดฝุ่นลำแสงสีเทาเหล่านั้นให้สลายหายไปกลางอากาศในพริบตา เผยทุกอย่างที่เดิมถูกปกคลุมไว้ออกมา
หานลี่เพ่งสมาธิมองไป สีหน้าพลันเปลี่ยนสี
หลังจากที่เห็นฝุ่นลำแสงหายไป เผยร่างอันใหญ่โตของแมลงเม่าประหลาดออกมาแล้ว!
ร่างอันใหญ่โตอ้วนท้วมแต่เดิมมีเกล็ดสีดำเขียวชั้นหนึ่งปกคลุมอยู่ มีขนาดประมาณหนึ่งฝ่ามือ หางที่ดูเหมือนหางงูเหลือมซึ่งหลอมด้วยเหล็กกล้าพลันปรากฏขึ้นที่ด้านล่าง ในเวลาเดียวกันทั้งสองฝั่งของร่างกายพลันมีแขนประหลาดที่ดูราวกับถังน้ำปรากฏขึ้นสองแขน เกล็ดสีเขียวกระจายตัวไปทั่วเช่นกัน และกำลังยกมือขึ้นกลางอากาศพร้อมกัน คาดไม่ถึงว่าจะยกยอดเขาเทวะดูดปราณที่กดทับลงมาเอาไว้
ในสถานการณ์เช่นนี้แม้ว่าจะเป็นหานลี่เห็นแล้วก็ยังหางตากระตุก
หลังจากที่เจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้แปลงกายเป็นสัตว์รูปร่างประหลาดยังพอว่า เหตุใดถึงมีพลังมหาศาลถึงเพียงนี้ ดูจากท่าทางสบายๆ ของมัน พลังน่าจะเหนือกว่าเขาสามส่วน
ทว่าแววตาของหานลี่พลันฉายแววเย็นเยียบ กระบี่บินที่แตกละเอียดจนไม่รู้จะแตกยังไงใกล้กับสัตว์ประหลาดเปล่งแสงสีเขียวสว่างวาบ กลายเป็นเส้นไหมสีเขียวยี่สิบสามสิบเส้นพุ่งไปยังร่างของสัตว์ประหลาดอีกครั้ง
ไม่รู้เพราะเหตุใด หลังจากที่หานลี่เห็นแมลงเม่าประหลาดแปลงกาย ชั่วขณะนั้นลึกๆ แล้วพลันรู้สึกว่าร่างกายที่เป็นอมตะของอีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว ดังนั้นจึงเรียกกระบี่บินทั้งหมดกลับมาอีกครั้งอย่างไม่เกรงใจ เตรียมสังหารอสูรประหลาดตัวนี้
เสียงร้องซือๆ ดังออกมาจากปากของแมลงเม่างูเหลือมประหลาดตัวนั้น จากนั้นเกล็ดสีเขียวบนผิวหนังพลันมีโล่กึ่งโปร่งแสงเล็กๆ ปรากฏขึ้นอย่างเนืองแน่น ประกอบกันเป็นรูปหกเหลี่ยม ราวกับสร้างขึ้นจากผลึกวารีอย่างไรอย่างนั้น ปกคลุมร่างกายของเขาเอาไว้
เส้นไหมสีเขียวพุ่งออกไป ลำแสงสีขาวเปล่งแสงสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าจะทยอยกันเปลี่ยนทิศทางแฉลบผ่านไปด้านข้าง ไม่อาจทำอันตรายได้เลยสักนิด
หานลี่เห็นเช่นนั้น สีหน้าพลันดูไม่ได้ไปเล็กน้อย ยามที่คิดจะสำแดงอีกครั้ง สองแขนของแมลงเม่ายักษ์พลันบิดเบี้ยวแล้วเหยียดตรงขึ้นอีกครั้ง
ชั่วขณะนั้นเสียงแหวกอากาศดังเสียดแก้วหูพลันดังขึ้น ยอดเขาสีดำสูงพันจั้งถูกสัตว์ประหลาดตัวนี้โยนขึ้นไปกลางอากาศ
ทันใดนั้นโล่ผลึกวารีที่เนืองแน่นพลันเปล่งแสงสว่างวาบพร้อมกัน เสียงกังวานพลันดังขึ้น คาดไม่ถึงว่าจะปริแตกออกพร้อมกัน กลายเป็นลำแสงสีขาวเจิดจ้าเป็นดวงๆ ชั่วพริบตาก็รวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียว
มองจากไกลๆ ดูเหมือนดวงอาทิตย์ยักษ์สีขาวปรากฏขึ้นอย่างไรอย่างนั้น
ลำแสงเจิดจ้าแสบตานี้ แม้ว่าจะเป็นหานลี่ก็ยังอดที่จะหลับตาทั้งสองข้างลงไม่ได้ ในใจพลันร้อนว่า “แย่แล้ว” ออกมา
ครู่ต่อมาพลันเปิดเปลือกตาขึ้น แววตามีลำแสงสีฟ้าเปล่งประกายขึ้นเช่นกัน
ลำแสงสีขาวช่างแสบตานัก แม้ว่าอยู่ภายใต้อิทธิฤทธิ์เนตรวิญญาณ เมื่อหานลี่มองไปก็ยังคงรู้สึกเจ็บปวดดวงตา ทว่าเวลาชั่วพริบตานั้น เขาพลันมองเห็นสถานการณ์ในม่านลำแสงสีขาวอย่างชัดเจน
มุมปากพลันกระตุกเล็กน้อย!
ตรงกลางลำแสงสีขาวนั้นว่างเปล่า ไหนเลยจะมีเงาร่างแมลงเม่าประหลาด ชั่วพริบตาที่เขาหลับตาลงนั้น สัตว์ประหลาดตัวนี้พลันหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
จากประสบการณ์การต่อสู้ที่มากมายของหานลี่ ไหนเลยจะมอบโอกาสงามๆ ให้อีกฝ่าย พริบตาที่พบว่าแมลงเม่าประหลาดหายตัวไปนั้น พลันสะบัดแขนเสื้ออีกข้างหนึ่งอย่างไม่ต้องคิด หัวกะโหลกสีขาวหยกห้าหัวพลันพุ่งออกมาจากแขนเสื้อ บินวนล้อมรอบหานลี่เอาไว ในเวลาเดียวกันก็พ่นเปลวเพลิงห้าสีออกมา เพียงพอจะปกคลุมในอาณาบริเวณร้อยจั้งเศษ
ผลคือหานลี่ที่อยู่ด้านข้างห่างออกไปยี่สิบสามสิบจั้ง เสียงร้องประหลาดๆ พลันดังขึ้น เงาสีดำขนาดเจ็ดแปดจั้งเงาหนึ่งปรากฏขึ้นท่ามกลางเปลวเพลิงห้าสี
นั่นก็คือแมลงเม่าประหลาดที่หายไปตัวนั้น!
แต่แค่อสูรประหลาดในเวลานี้ร่างกายหดเล็กลงสิบเท่า และยิ่งไปกว่านั้นการเคลื่อนไหวในเปลวเพลิงยังช้าลงหลายเท่า ยามนั้นท่าทางเหมือนถูกกักเอาไว้ข้างใน
หานลี่เห็นเช่นนั้นพลันรู้สึกดีอกดีใจ อ้าปากออกอย่างไม่ต้องขบคิด พ่นเปลวเพลิงสีเงินกลุ่มหนึ่งและหม้อใบเล็กสีเขียวใบหนึ่งออกมาในเวลาเดียวกัน
หลังจากเปลวเพลิงสีเงินหมุนวน พลันกลายเป็นวิหคเพลิงสีเงินขนาดสองสามฉื่อกระโจนออกมา
ส่วนหม้อใบเล็กสีเขียวพลันเปล่งเสียงร้องหึ่งๆ ออกมา ฝาหม้อเปิดออก เส้นไหมสีเขียวพุ่งออกมาจากร่องเล็กๆ แต่ทันใดนั้นก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป
ครู่ต่อมาแมลงเม่าประหลาดพลันรวบรวมระลอกคลื่นที่เหนือศีรษะ เส้นไหมสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบขึ้นกลางอากาศ กระจายตัวออกที่ด้านล่าง ชั่วพริบตาก็ปกคลุมแมลงเม่าประหลาดในเปลวเพลิงเอาไว้
แต่ผิวของงูเหลือมพลันเปล่งประกาย โล่ผลึกใบเล็กปรากฏขึ้นอีกครั้ง แต่กลับต้านเส้นไหมสีเขียวเอาไว้ภายนอก
ยามนี้วิหคเพลิงสีเงินถึงได้เปล่งแสงสว่างวาบแล้วมาอยู่เบื้องหน้า
หานลี่เห็นเช่นนั้น ปากพลันบริกรรมคาถาอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก วิหคเพลิงสีเงินยังไม่ทันโจมตีมาหาแมลงเม่าประหลาด ก็อ้าปากออกอีกครั้ง เส้นไหมบางๆ สีทองเงินสายหนึ่งพุ่งออกมา
นั่นก็คือวิหคเพลิงกลืนวิญญาณที่เพิ่งกลืนกินคลื่นลำแสงภยันตรายลงไป
เส้นไหมบางๆ เพียงกะพริบวาบก็จมหายเข้าไปราวกับมองไม่เห็นการป้องกันของโล่ผลึก ครู่ต่อมาพลันทะลวงผ่านทรวงอกของอสูรประหลาดอย่างง่ายดาย แล้วพุ่งออกมาอีกด้าน
ทรวงอกของอสูรประหลาดมีรูโลหิตบางๆ ขนาดเท่าหัวแม่มือปรากฏขึ้น แต่รอบด้านกลับไหม้เกรียม ไม่มีโลหิตสดๆ ไหลออกมา หากเป็นอสูรประหลาดธรรมดาๆ ทรวงอกถูกทะลวงผ่านเช่นนี้ ต่อให้ไม่จบชีวิตในทันที ก็ต้องล้มลงกับพื้นทันที
แต่แมลงเม่าประหลาดตัวนี้แค่ก้มหน้ามองบาดแผลที่ทรวงอกของตนเอง แววตาเปล่งประกายเลียนแบบมนุษย์อย่างไม่น่าเชื่อ จากนั้นหัวงูเหลือพลันชูขึ้น เปล่งเสียงกรีดร้องแหลมสูงสะเทือนฟ้าดินออกมา
และในยามนั้นเอง เส้นไหมบางสีทองเงินที่ทะลุออกไปพลันหมุนวน แล้วพุ่งกลับมาอีกครั้ง หมายจะทะลวงผ่านร่างของอสูรประหลาดตัวนี้อีกครั้ง
ทว่าครั้งนี้เล็งไปที่หัวของอสูรตัวนี้อย่างชัดเจน
แต่ฉับพลันนั้นผิวของแมลงเม่าประหลาดพลันมีแสงสีเขียวเจิดจ้าปรากฏขึ้น จากนั้นแขนทั้งสองพลันอาศัยพลังมหาศาลทะลวงผ่านเปลวเพลิงลำแสงไปอย่างสบายๆ โจมตีไปยังทรวงอกอย่างรุนแรง
เสียง ปัง ราวกับอัสนีฟ้าฟาดกลางวันแสกๆ ดังขึ้น คลื่นเสียงที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าแผ่ขยายไปทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน เมื่อเปลวเพลิงห้าสีสัมผัสกับคลื่นเสียง คาดไม่ถึงว่าจะถูกบีบให้กระจายตัวออก
แทบจะในเวลาเดียวกัน แมลงเม่าประหลาดหัวงูเหลือมพลันเลี้ยวโค้งไปร้อยแปดสิบองศา ดวงตาสีแดงทองพลันจ้องเขม็งไปยังเส้นไหมสีทองเงินบางๆ ที่พุ่งเข้ามาด้วยความเย็นชา
เสียง พรึ่บๆ ดังขึ้น พ่นลำแสงสีทองสองสายออกมาจากดวงตาสีทอง เปล่งแสงสว่างวาบแล้วรวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียว โจมตีไปยังคลื่นลำแสงภยันตรายที่ดาหน้าเข้ามา
ผลคือหลังจากทั้งสองสัมผัสกัน เสียงอึกทึกพลันดังขึ้น คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นลูกบอลลำแสงสีทองเงินกลุ่มหนึ่ง จากนั้นพลันสั่นคลอนแล้วระเบิดออกหายวับไป
ส่วนวิหคเพลิงกลืนวิญญาณพลันสยายปีกทั้งสองข้างออก แล้วถึงได้กระโจนออกไป
งูเหลือมยักษ์กลับอ้าปากออก พ่นของเหลวสีดำกลุ่มหนึ่งออกมา ชั่วครู่ก็กักวิหคเพลิงเอาไว้ข้างใน ครานั้นไม่อาจหลบหลีกได้
จากนั้นหางยักษ์ของแมลงเม่าประหลาดพลันตบไปที่กลางอากาศด้านล่าง ร่างกายบิดเบี้ยว คาดไม่ถึงว่าจะพุ่งไปหานลี่ราวกับลูกธนู แต่ระหว่างทางอากาศรอบๆ พลันบิดเบี้ยว ร่างของแมลงเม่าประหลาดหายวับไปอย่างแปลกพิกล
หานลี่เห็นเหตุการณ์เช่นนี้ พลันใช้มือหนึ่งตบไปที่หว่างคิ้วของตนเองโดยไม่ปริปาก
ลำแสงสีดำสว่างวาบ เนตรทำลายล้างเปล่งแสงสว่างวาบปรากฏขึ้น
จากนั้นศีรษะของเขาพลันพลิ้วไหวเล็กน้อย ลำแสงเทวะทำลายล้างเป็นสายๆ พุ่งออกไปทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน จากนั้นพลันทยอยกันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายไปอย่างไร้ร่องรอย
เสียง ปัง ดังสนั่นขึ้น!
เหนือศีรษะของหานลี่สูงขึ้นไปสิบจั้งเศษ เมื่อลำแสงสีดำสายหนึ่งพุ่งเข้าไปด้านใน ร่างของแมลงเม่าประหลาดพลันปรากฏขึ้นอย่างซวนเซ รูม่านตาเปล่งลำแสงสีทอง ลำแสงสีทองสองสายพุ่งออกไป
หางอสรพิษตบลงอีกครั้ง กลายเป็นเงาสีเขียวสายหนึ่งกวาดไปทางหานลี่ กลายเป็นเงาร่างไม่สมบูรณ์ราวกับภูเขากวาดมา
ในเวลาเดียวกันท่อนบนของแมลงเม่าประหลาดตัวนี้พลันยืดออก คาดไม่ถึงว่าจะยืดยาวขึ้นสองสามเท่าราวกับไม่มีกระดูก เมื่อมาถึงเหนือศีรษะของหานลี่ แขนประหลาดพลันโบกสะบัด กรงเล็บแหลมคมจำนวนนับไม่ถ้วนพลันตะปบมาทางหน้าผากของหานลี่พร้อมกับเสียงแหลมๆ สองเสียง
ขณะที่สัตว์ประหลาดตัวนี้กำลังเสียเปรียบอย่างต่อเนื่อง คาดไม่ถึงว่าจะขยับเข้ามาให้ด้วยความโกรธ เตรียมจะฉีกอีกฝ่ายเป็นชิ้นๆ เพื่อระบายความโกรธแค้น
หานลี่เห็นแมลงเม่าประหลาดมีท่าทีเตรียมพร้อมตะลุมบอน สีหน้าไม่ตกตะลึงแต่กลับยินดี
ไม่เห็นว่าเขาเคลื่อนไหวใดๆ เทวรูปสีทองเหนือศีรษะพลันเปล่งแสงสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าจมหายเข้าไปในร่างของหานลี่อย่างไร้ร่องรอย
ครู่ต่อมาหานลี่พลันร้องตะโกนออกมา ไม่เพียงบนร่างจะมีเกล็ดสีทองเรืองรองปรากฏขึ้น ในเวลาเดียวกันแผ่นหลังพลันมีแขนสี่แขนที่ดูเหมือนแขนทองคำบริสุทธิ์ปรากฏออกมา พลิ้วไหวพร้อมกัน ในมือต่างๆ ล้วนมียุทธภัณฑ์สีทองที่ค่อนข้างเลือนรางปรากฏขึ้น
ยุทธภัณฑ์ทั้งหกชนิดแบ่งออกเป็นมีด กระบี่ ไม้เท้า แหวน สาก และเหล็กท่อน
เนตรทำลายล้างตรงหว่างคิ้วเปล่งแสงสว่างวาบ ลำแสงสีดำหนาๆ สายหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบแล้วพุ่งออกไปก่อน ต้านทานลำแสงสีทองสองสายที่ประจันหน้าเข้ามา
จากนั้นแขนทั้งหกพลันพลิ้วไหว ยุทธภัณฑ์สีทองสองชิ้นโจมตีไปยังด้านข้างหางอสรพิษขนาดใหญ่ นอกจากนี้สมบัติอีกสี่ชิ้นยังแบบออกเป็นสองๆ โบกสะบัดไปทางศีรษะ สร้างเงาอาวุธสีทองออกมาปกคลุมท้องฟ้า
เมื่อหางอสรพิษ กรงเล็บเงาและลำแสงสีทองสัมผัสกัน เสียง ปังๆๆ ดังสนั่นพลันดังขึ้น
ร่างของหานลี่สั่นเทาจนถอยร่นไปสองก้าว แขนสีทองทั้งหกเปล่งแสงสีทองสว่างวาบ ชั่วขณะนั้นยุทธภัณฑ์ในมือทั้งหกที่แต่เดิมก็รางเลือนอยู่แล้วพลันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ แล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
สถานการณ์ของแมลงเม่ายักษ์ที่อยู่ตรงข้ามก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าใดนัก!
ไม่เพียงหางของอสรพิษจะถูกดีดกลับมา เนื้อหนังบนแขนประหลาดสองข้างยิ่งรางเลือน ได้รับบาดเจ็บไม่น้อย
บางทีอสูรประหลาดตัวนี้คงจะมีพละกำลังเหนือหานลี่เท่าหนึ่ง แต่จากความแข็งแกร่งของร่างกายแล้ว กลับไม่อาจไล่ตามได้ โล่ผลึกแวววาวที่คอยคุ้มครองร่างกายเหล่านั้น ดูเหมือนว่าจะมีผลต่อการโจมตีกับอาวุธประเภทใบมีด จึงไม่มีผลอะไร
ตอนที่ 1551 พิษประหลาด
แมลงเม่าประหลาดเปล่งเสียงซือๆ ออกมาจากปากไม่หยุด เห็นได้ชัดว่าการโจมตีเมื่อครู่ทำให้มันรู้สึกประหลาดใจ แต่ทันใดนั้นดวงตาสีแดงทองก็ฉายแววโหดเ**้ยมออกมา สองมือพลิ้วไหว กายเนื้อบนแขนที่รางเลือนมีลำแสงสีเขียวปรากฏขึ้นชั้นหนึ่ง บาดแผลหายเป็นปลิดทิ้งอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกันปีกที่แผ่นหลังพลันสะบัด เปล่งแสงสีขาวนวลเจิดจ้า
ปีกทั้งสองเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป กลับเผยมีดบินโปร่งใสเป็นร้อยๆ เล่มออกมา ทุกเล่มล้วนมีความยาวครึ่งฉื่อ ลำแสงเย็นเยียบเปล่งแสงสว่างวาบ ไอทมิฬกดดันผู้คน
ทันใดนั้นแววตาของตัวประหลาดตัวนี้พลันฉายแววโหดเ**้ยม มีดบินที่แผ่นหลังเปล่งเสียงหึ่งๆ ออกมา ดูเหมือนหมายจะกระโจนเข้ามาอีกครั้ง
และในตอนนั้นเองหานลี่กลับเปล่งเสียงหัวเราะออกมา ลำแสงสีทองเปล่งแสงสว่างวาบขึ้นบนร่าง เกล็ดที่ปรากฏขึ้นบนผิวหนังทยอยกันหายไป แขนสีทองทั้งสี่เองก็รางเลือนหายวับไป
นี่ทำให้แมลงเม่าประหลาดที่สติปัญญาไม่ต่ำต้อยนักตะลึงงัน การโจมตีอดที่จะหยุดชะงักลงไม่ได้
ส่วนหานลี่ที่อยู่ตรงข้ามกลับใช้มือหนึ่งร่ายคาถา แผ่นหลังมีเสียงฟ้าฟาด ปีกขนนกผลึกลำแสงคู่หนึ่งปรากฏขึ้น แค่ขยับคนก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
ครู่ต่อมาเสียงฟ้าผ่าดังออกไปยี่สิบสามสิบจั้ง ร่างของหานลี่เปล่งแสงสว่างวาบปรากฏขึ้น แต่ไม่ได้สำแดงเคล็ดวิชาป้องกันตัวใดๆ กลับใช้มือกอดอก เผยสีหน้าอมยิ้มขณะมองไปยังแมลงเม่าประหลาด
แม้นว่าแมลงเม่ายักษ์จะรู้สึกฉงนสงสัย แต่นิสัยความโหดเ**้ยมก็กดระงับความสงสัยไปในพริบตา ปากพลันร้องซือๆ ออกมา เกล็ดบนร่างลุกชัน ไล่ตามไป
แต่ยามนั้นหานลี่พลันลูบฝ่ามือแล้วฉีกยิ้มน้อยๆ ปากก็พ่นคำว่า
“ร่วง ร่วง ร่วง!”
คำว่า‘ร่วง’ออกจากปากสามคำ แมลงเม่าประหลาดพลันรู้สึกหัวหนักอึ้ง ความรู้สึกวิงเวียนหน้ามืดปะทุขึ้นมาที่ศีรษะ จากนั้นทรวงอกพลันรู้สึกคันยิบๆ ร่างกายส่วนหนึ่งสูญเสียความรู้สึกไป ซวนเซไปมาอย่างไม่อาจทำกายให้มั่นคงได้
แน่นอนว่าอสูรประหลาดทั้งตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยว รีบร้อนก้มหน้าลงมองถึงพบว่า ตรงกลางรูโลหิตที่ทรวงอกไม่อาจสมานหากันได้ หนึ่งของร่างกายกลายเป็นสีดำสนิท ในเวลาเดียวกันกลิ่นคาวคละคลุ้งก็โชยออกมาจากผิวหนัง
ส่วนจุดที่ปกติเป็นสีม่วงดำ นั่นก็คือจุดที่สูญเสียความรู้สึกไป
คิดไม่ถึงเลยว่ามันจะถูกพิษประหลาดที่ไม่เคยพบมาก่อน! พิษชนิดนี้มีคุณสมบัติในการอำพรางตัว คาดไม่ถึงว่าอาการที่ทำให้มันสูญเสียความรู้สึกนั้นมันกลับไม่รู้ตัวมาก่อนเลย และเมื่ออาการกำเริบ ก็แผ่ไปทั่วร่างแล้ว
แมลงประหลาดรู้สึกตะลึงงันไม่น้อย!
อ้าปากออกพ่นลำแสงสีเขียวออกมาอย่างไม่ต้องขบคิด ด้านในมีไข่มุกกลมสีเขียวมรกตขนาดเท่าไข่ไก่อยู่เม็ดหนึ่ง เปล่งแสงสว่างวาบแล้วไปถึงรูโลหิตตรงทรวงอก
ไข่มุกกลมหมุนคว้าง ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงเจิดจ้าแสบตา ในเวลาเดียวกันกลิ่นหอมกลุ่มหนึ่งก็โชยออกมาจากไข่มุกกลม ทำให้กลิ่นคาวคละคลุ้งเจือจางไป พิษสีม่วงดำที่กำลังแพร่ออกมาแข็งแน่น ชั่วพริบตาพลันหยุดขยายขนาดออกมา
หานลี่เห็นสถานการณ์เช่นนั้น พลันรู้สึกประหลาดใจอยู่สองสามส่วน
ความรุนแรงของพิษจากคลื่นลำแสงภยันตรายนั้น เขาเคยเห็นมากับตา คาดไม่ถึงว่าจะไม่ทำให้มันจบชีวิตในทันที เห็นได้ชัดว่ากายเนื้อของมันมีพลังต้านทานพิษอย่างแน่นอน
แต่ทันใดนั้นหานลี่พลันหัวเราะอย่างเย็นชาออกมา ร่างกายพลันกระโจนไปข้างหน้า ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ กลายเป็นวิหคยักษ์สีเขียวความยาวสิบจั้งตัวหนึ่ง แล้วกระโจนเปล่งแสงสว่างวาบออกไปในเวลาเดียวกัน
แค่กะพริบวาบสองครั้ง วิหคยักษ์ก็พาพายุหมุนสีเขียวมาปรากฏตัวเหนือศีรษะของแมลงเม่าประหลาดที่กำลังติดพิษ
สองปีกสยายออก เสียงฟ้าผ่าดังสนั่นขึ้น!
ชั่วพริบตานั้นผิวของวิหคยักษ์พลันมีประจุไฟฟ้าสีทองหนาๆ ปรากฏขึ้นเป็นสายๆ กรงเล็บยักษ์สีทองอ่อนคู่หนึ่งตะปบลงมา
แมลงเม่าประหลาดที่อยู่ด้านล่างพลันร่างกายสั่นเทา มีดประหลาดที่แผ่นหลังพุ่งออกมาราวกับห่าฝน
วิหคยักษ์เผชิญหน้ากับลำแสงสีขาวที่ดาหน้าเข้ามาก็ไม่ได้สนใจ ไม่ลดความเร็วการบินลงเลยสักนิด
หลังจากเสียงเคร้งๆๆ ดังขึ้น มีดประหลาดทั้งหมดที่โจมตีไปยังปีกขนนกก็ทยอยกันดีดตัวกลับมา ใบมีดที่ดูเหมือนแหลมคมเป็นพิเศษ คาดไม่ถึงว่าจะไม่อาจทำอันตรายวิหคยักษ์ได้เลยสักนิด
นี่กลับไม่น่าแปลกประหลาดเลยสักนิด กายเนื้อของหานลี่เดิมทีก็แข็งแกร่งจนถึงขีดสุดแล้ว ประกอบกับที่แปลงกายเป็นวิหคคุนเผิง กายเนื้อก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นหลายส่วน แน่นอนว่าย่อมไม่ใช่สิ่งที่มีดแหลมคมจะทำอันตรายได้ กลับกันกรงเล็บแหลมคมคู่หนึ่งกลับฉีกการต้านทานด้วยใบมีดแหลมคมสิบกว่าเล่มได้อย่างง่ายดายแล้ว ทะลวงเข้าไปในร่างของแมลงเม่าประหลาดอย่างรวดเร็วราวกับฟ้าผ่า
แต่หลังจากเห็นกรงเล็บลำแสงเปล่งแสงสว่างวาบแล้ว เงาร่างแมลงเม่าประหลาดก็ฉีกออกเป็นชิ้นๆ ด้านในว่างเปล่า ดูไม่มีเลือดเนื้อในนั้นเลยสักนิด
คิดไม่ถึงว่าแมลงเม่าประหลาดตัวจริงจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย เหลือเอาไว้เพียงเปลือกบางๆ ชั้นหนึ่งเท่านั้น แม้กระทั่งไข่มุกกลมสีเขียวที่ใช้กำจัดพิษตรงหน้า ยามนี้ก็เปล่งแสงสว่างวาบสลายหายไป ทว่ามันเป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น
วิหคยักษ์พลันตะลึงงัน แต่หลังจากกวาดสายตาไปรอบๆ พร้อมกับลำแสงสีฟ้าที่เปล่งประกายจางๆ แล้ว ทันใดนั้นปึกทั้งสองพลันกระพือไปมาสองสามครา ชั่วขณะนั้นประจุไฟฟ้าสีทองบนเรือนร่างพลันดีดออกอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นพลันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วรวมตัวกันกลายเป็นประจุไฟฟ้าสีทองขนาดหนาเท่าปากชาม เปล่งแสงสว่างวาบแล้วดีดตัวออกไป มีความยาวประมาณยี่สิบสามสิบจั้ง
เสียงหวีดร้องดังสนั่นขึ้น!
ชั่วพริบตาประจุไฟฟ้าสีทองก็กะพริบวาบอยู่ห่างออกไปในรัศมีสองสามร้อยจั้ง กระโดดไปมาอย่างลึกลับไม่หยุด แค่พริบตาก็อยู่ห่างออกไปไกลโข
เสียงดังสนั่นดังขึ้น!
ประจุไฟฟ้าระเบิดออกกลางอากาศห่างออกไปห้าสิบจั้ง เส้นไหมไฟฟ้าบางเบาจำนวนนับไม่ถ้วนกะพริบระยิบระยับ กลายเป็นตาข่ายสีทองขนาดยักษ์ปกคลุมลงมา
แต่ด้านล่างพลันมีลำแสงสีเขียวมรกตเปล่งประกาย ตาข่ายไฟฟ้าสีทองถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว
และขณะที่ลำแสงอัสนีสีทองกำลังกะพริบระยิบระยับ ด้านล่างพลันมีเงาร่างซวนเซปรากฏขึ้น
นั่นก็คือแมลงเม่าประหลาดที่ใช้กลยุทธ์จักจั่นลอบคราบ!
แต่แค่เจ้าตัวประหลาดในยามนี้ร่างกายสองในสามกลายเป็นสีม่วงดำ มีเพียงลำแสงสีเขียวที่เปล่งแสงระยิบระยับไปมา คาดไม่ถึงว่าจะมีไข่มุกสีเขียวเม็ดนั้นแฝงอยู่ ทำให้พิษยังคงวนเวียนไปมาอยู่ที่คอ ไม่อาจพุ่งมาที่ศีรษะได้
แขนอีกสองข้างและหางดูเหมือนว่าจะมีพลังต้านทานพิษ ท่ามกลางลำแสงสีเขียวอ่อน มีแค่ไอสีดำอ่อนปรากฏขึ้นชั้นหนึ่งเท่านั้น
ทว่าเช่นนั้นก็เห็นได้ชัดว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้ถูกพิษกำเริบ ท่าทางจะล้มแหล่มิล้มแหล่
มิน่าล่ะมันจึงไม่กล้าประมือกับหานลี่อีกครั้งเลยแม้แต่น้อย สะกดพิษและคิดจะหนีในทันใด
ทว่าน่าเสียดายถึงแม้ว่ามันจะเชี่ยวชาญเคล็ดวิชาอำพรางกาย ก็ไม่อาจหลบซ่อนจากเนตรวิญญาณวารีกระจ่างของหานลี่ได้ ถูกหาพบในพริบตา
เพื่อต้านทานกับอัสนีเทวะปัดเป่าภยันตราย มันยังจำใจต้องทำใจดีสู้เสือโคจรพลังลมปราณเข้าต้านทาน
ผลคือด้วยเหตุนี้ พิษที่เพิ่งจะสะกดลงได้พลันกำเริบขึ้นมาอีกครั้งในทันใด ทำให้มันไม่อาจต้านทานได้อีก
ในเวลาเดียวกันวิหคสีเขียวพลันพุ่งออกมาท่ามกลางประจุไฟฟ้า ปีกทั้งสองเปล่งแสงสว่างวาบ ร่างกายอันใหญ่โตเปล่งแสงสว่างวาบสองสามคราแล้วมาปรากฏตรงแมลงเม่าประหลาด สายตามองมาด้านล่างด้วยความเย็นชา
แม้นว่าหานลี่ที่แปลงเป็นวิหคยักษ์จะไม่ใช่จิตวิญญาณเที่ยงแท้คุนเผิงที่แท้จริง แต่เป็นเพราะมีโลหิตของจิตวิญญาณเที่ยงแท้ แน่นอนว่าจึงยังคงมีพลังอานุภาพที่แข็งแกร่ง
แมลงเม่าประหลาดที่อยู่ด้านล่างเห็นเช่นนั้น ในที่สุดดวงตาสีทองก็ฉายแววหวาดกลัว ผิวเปล่งแสงสีเทาสว่างวาบ หลบหนีไปด้วยเคล็ดวิชาหลีกหนีอะไรสักอย่างอีกครั้ง
แต่ครู่ต่อมาพลันมีเสียงก้องกังวานดังขึ้น คาดไม่ถึงว่าไข่มุกสีเขียวมรกตในปากจะแตกตัวออกอย่างประหลาด
ความเปลี่ยนแปลงที่พิสดารนี้ทำให้หานลี่และแมลงเม่าประหลาดตะลึงค้าง
แต่ทันใดนั้นแมลงเม่าประหลาดก็เปล่งเสียงร้องแหลมสูงออกมา ทันใดนั้นร่างกายพลันระเบิดลำแสงเจิดจ้าออก ขยายใหญ่ขึ้นสองสามเท่าในเวลาเดียวกัน
แต่งูเหลือมยักษ์กลับเอียงหัว ลำแสงสีเทาสว่างวาบ หัวสิงโตอีกหัวหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างแปลกประลหาด
จากนั้นสัตว์ประหลาดตัวนี้พลันพลิ้วกาย กระโจนเข้ามาหานลี่ด้วยสีหน้าที่โหดเ**้ยม แขนสองข้างโบกสะบัด กรงเล็บลำแสงเต็มท้องฟ้าพุ่งแหวกผ่านอากาศส่งเสียง ฟิ้วๆ รวมตัวกันกลายเป็นกรงเล็บเงายักษ์สองข้าง
ท้องฟ้าในบริเวณสองสามลี้มีดวงลำแสงจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น ครู่ต่อมาพลันถูกกรงเล็บยักษ์ทั้งสองสูดเข้าไป
กรงเล็บเงาทั้งสองขยายใหญ่ขึ้น ให้ความรู้สึก ปกคลุมทั้งท้องฟ้าเอาไว้ และค่อยๆ ตะปบไปทางหานลี่อย่างเชื่องช้า
ขณะที่กรงเล็บเงากำลังตะปบลงมา หานลี่รู้สึกเพียงว่าไม่ว่าตนเองจะหลบหลีกอย่างไร ก็ไม่อาจหลบหลีกการโจมตีนี้ได้ รูม่านตาอดที่จะหดเล็กลงไม่ได้
ดังนั้นวิหคยักษ์พลันเปล่งเสียงร้องไพเราะออกมาจากปากทันที!
ผิวมีลำแสงสีเขียวโคจรไปมา เพียงชั่วลมหายใจ วิหคยักษ์พลันกลายเป็นนกยูงที่ถูกลำแสงห้าสีห่อหุ้มเอาไว้ มีขนาดแค่สองสามจั้ง แต่เปลวเพลิงที่ปกคลุมรอบกายกลับดูเจิดจ้าแสบตาราวกับมีรูปร่าง
คาดไม่ถึงว่าหานลี่จะกระตุ้นคาถาตื่นจากจำศีลแปลงกาย ชั่วครู่ก็กลายเป็นนกยูงห้าสี
มองเห็นกรงเล็บเงาแปลกประหลาดคู่นั้น ไม่รู้เพราะเหตุใดหานลี่ถึงได้แปลงกายเช่นนี้ไปตามความรู้สึก
ผลคือฉากที่น่าตกตะลึงพลันปรากฏขึ้น!
มองเห็นกรงเล็บเงาตะปบมา ขนนกบนตัวของนกยูงห้าสีพุ่งออกมาในเวลาเดียวกัน ชั่วพริบตาก็หลอมละลายไปที่ผิวของเปลวเพลิงลำแสง
ชั่วขณะนั้นลำแสงวิญญาณห้าสีพลันขยายใหญ่ขึ้นสองสามเท่า จากนั้นกรงเล็บเงายักษ์ที่โถมเข้ามาด้านล่างพลันหมุนวน
มองจากไกลๆ ราวกับสายธารลำแสงห้าสีสายหนึ่งกำลังไหลย้อนกลับ!
สองหัวของแมลงเม่าประหลาดเห็นท่าทางน่าหวาดกลัวของนกยูงห้าสีและลำแสงห้าสี ชั่วขณะนั้นแววตาพลันฉายแววไม่อยากจะเชื่อ
ทว่ายามนี้มันกลับไม่อาจควบคุมการโจมตีของตนเองได้
เปล่งแสงสว่างวาบ กรงเล็บเงายักษ์และลำแสงห้าสีปะทะกันในพริบตา
ผลคือคาดไม่ถึงว่าจะเงียบเชียบ!
ลำแสงห้าสีกะพริบวาบๆ กรงเล็บเงายักษ์จมหายเข้าไปในธารลำแสงราวกับฟองสบู่ แล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
ท่าทางน่าดุดันก่อนหน้า ราวกับเป็นแค่ดอกถานฮวาชั่วค่ำคืน
แต่เพื่อความปลอดภัย หานลี่ไม่ก้าวเข้าไปแต่กลับถอย บนผิวมีลำแสงห้าสีเปล่งแสงสว่างวาบ นกยูงปรากฏอีกที่ห่างออกไปยี่สิบจั้งเศษอย่างลึกลับ
หลังจากที่แมลงเม่าประหลาดดูเหมือนจะโจมตีไร้ผลแล้ว กลับลอยอยู่ที่เดิมนิ่ง
หัวทั้งสองจ้องเขม็งมายังหานลี่ สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
แต่ครู่ต่อมา ไอพิษสีม่วงดำพลันหมุนวนกวาดออกไป หัวทั้งสองกลายเป็นสีม่วงดำ
ทำให้สัตว์ประหลาดร่างกายสั่นเทา ดวงตาทั้งสี่สูญเสียสติสัมปชัญญะ ทันใดนั้นก็ร่วงลงสู่พื้นอย่างรวดเร็วราวกับไร้กระดูก
และในตอนนั้นเองนกยูงห้าสีพลันหุบปีกทั้งสอง ร่างกายหดเล็กลงสองสามเท่า กลับคืนร่างคนอีกครั้ง
หานลี่ลอยนิ่งอยู่ตรงนั้น จ้องมองแมลงเม่าประหลาดที่ตกลงไปด้วยความเย็นชา ไม่มีท่าทีจะบินเข้าไปเลยสักนิด
เสียง “ตูม” ดังขึ้น ร่างสีม่วงดำของแมลงเม่าประหลาดกระแทกลงบนน้ำแข็ง ขยับตัวไม่ได้อีก
หานลี่พลันเลิกคิ้ว แล้วถึงได้ใช้มือหนึ่งตะปบไปกลางอากาศ
เสียง พรึ่บ ดังขึ้น ลูกบอลเพลิงสีเงินลูกหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบแล้วปรากฏขึ้น
นั่นก็คือเพลิงกลืนวิญญาณที่ถูกแมลงเม่าประหลาดกักเอาไว้แต่เดิม!
ภายใต้ความคิดที่เคลื่อนไหวของหานลี่ ลูกบอลเพลิงสีเงินพลันพุ่งไปด้านล่าง และเปล่งแสงสีเงินสว่างวาบกลางทาง กลายเป็นวิหคเพลิงสีเงินระยิบระยับตัวหนึ่งอีกครั้ง
วิหคตัวนี้แค่กะพริบวาบ ก็มาอยู่เหนือซากศพของแมลงเม่าประหลาด สยายปีกทั้งสองออกคิดจะกระโจนเข้ามา
ในตอนนั้นเองสองหัวของวิหคเพลิงพลันระเบิดออกพร้อมกัน กลายเป็นหมอกสีโลหิต
กลางหมอกโลหิตมีเสียง พรึ่บๆ ดังขึ้น เพลิงสีเขียวขนาดเท่ากำปั้นสองดวงปรากฏขึ้น และพุ่งไปยังทิศทางตรงข้าม
ตอนที่ 1552 โคมโบราณในส่วนลึกมหาสมุทร
หานลี่ที่อยู่กลางอากาศเห็นเช่นนั้น สองมือพลันร่ายอาคมโดยไม่ได้กล่าวใดๆ ลูกไฟสีเขียวลอยวนไปมากลางอากาศ เส้นไหมสีเขียวสองกระจุกเปล่งแสงสว่างวาบปรากฏขึ้นกลางอากาศ
เส้นไหมสีเขียวกระจายตัวออก เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป ปกคลุมเพลิงสีเขียวสองกลุ่มเอาไว้ข้างใน
ชั่วขณะนั้นเพลิงสีเขียวพลันพลิ้วไหวไปมาและส่งเสียงร้องประหลาดๆ ไม่หยุดท่ามกลางเส้นไหมสีเขียว แต่กลับไม่อาจดิ้นรนให้ออกมาได้
เวลานี้ท้องฟ้าในละแวกใกล้เคียง หม้อใบเล็กสีเขียวใบหนึ่งพลันปรากฏขึ้น
หานลี่แววตาเปล่งประกายเย็นเยียบ มือหนึ่งชี้ออกไป
วิหคเพลิงสีเงินที่บินไประเบิดเสียงอึกทึกออกมา ชั่วครู่ก็กลายเป็นลูกบอลเพลิงสองลูกพุ่งออกไป
หลังจากเสียง ตูมๆ ดังขึ้น ก็โจมตีไปยังลูกบอลเพลิงสีเขียวสองลูกที่ถูกกักเอาไว้
หลังจากเสียงเพรียกแหลมๆ สองเสียงดังขึ้น ลูกบอลเพลิงสองลูกก็เปล่งแสงสีเขียวสว่างวาบท่ามกลางเปลวเพลิงสีเงิน คาดไม่ถึงว่าจะผนึกรวมกันกลายเป็นสิ่งกลมๆ คล้ายกับลูกตาสองลูก ราวกับกะพริบตาใส่หานลี่ ดูเหมือนว่าจะมีลำแสงประหลาดเปล่งแสงสว่างวาบ
หานลี่ใจหายวาบ ร่างแทบจะเลือนหายไปตามความรู้สึก ชั่วพริบตาพลันสลายหายไปจากที่เดิม
ครู่ต่อมาเพลิงสีเขียวสองกลุ่มพลันหายวับไปท่ามกลางลำแสงสีเงิน ถูกสังหารทิ้งไปจากยุทธภพนี้
กลางอากาศอีกแห่งห่างออกไปสิบจั้งเศษ เงาร่างของหานลี่พลันปรากฏขึ้นท่ามกลางลำแสงสีเขียว ดวงตาทั้งสองจ้องเขม็งไปที่เบื้องล่าง แต่หัวคิ้วพลันขมวดแน่น
จิตวิญญาณของสัตว์ประหลาดระดับสูงชนิดนี้มีประโยชน์เป็นอย่างมาก แต่ไม่รู้ว่าความจริงแล้วของอีกฝ่ายเป็นอย่างไร เขาจึงไม่กล้าปล่อยให้พวกมันรอดชีวิตไปได้ เพื่อไม่ให้มันมีอะไรเกิดขึ้นในภายหลัง
ส่วนมหายุทธ์ค้นวิญญาณยิ่งไม่เหมาะกับการใช้กับผู้ที่มีระดับสูงกว่าตนเอง มิเช่นนั้นอาจจะถูกมหายุทธ์ค้นวิญญาณแว้งกัดได้
ทว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้มีจิตวิญญาณที่เป็นเอกเทศสองดวง จึงทำให้เขารู้สึกประหลาดใจไปเล็กน้อย
และยิ่งไปกว่านั้นสิ่งประหลาดที่จิตวิญญาณแปลงเป็นสิ่งสุดท้ายนั้น ดูเหมือนว่าจะแปลกประหลาดไปเล็กน้อย แต่เขาตรวจสอบตนเองอย่างละเอียดแล้ว ก็ไม่มีความผิดปกติอะไรเกิดขึ้น ดูแล้วน่าจะยังไม่ทันได้กระตุ้นอะไรเข้า ก็ถูกเพลิงกลืนวิญญาณสังหารไปแล้ว
เมื่อขบคิดเช่นนั้น หานลี่พลันพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ เฮือกหนึ่ง แล้วใช้มือหนึ่งกวักเรียกจุดที่ไกลออกไป แล้วสะบัดแขนเสื้ออีกครั้ง
ชั่วขณะนั้นไม่เพียงเปลวเพลิงสีเงินและเตานภาสูญที่บินกลับมา แม้แต่ยอดเขาเทวะดูดปราณและกระบี่ไผ่เขียวตัวต่อเมฆาทั้งเจ็ดสิบสองเล่มที่อยู่ไกลออกไป ก็ทยอยกันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วมาปรากฏตรงหน้า ถูกดูดกลับเข้าไปในร่าง
หานลี่ถึงได้มีลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบขึ้นบนผิวกาย คนค่อยๆ ร่อนลงด้านล่าง
หานลี่กลับไม่รู้ว่าในตอนที่เขาสังหารแมลงเม่าประหลาดนั้น ท่ามกลางส่วนลึกสีดำสนิทของมหาสมุทรที่อยู่ไกลออกไปตั้งไม่รู้เท่าไหร่ มีวิหารใต้ดินหลังหนึ่งที่สร้างขึ้นจากก้อนอิฐหยกสีขาวนวล
และในห้องลับอันมืดมิดที่อยู่ลึกที่สุดของวิหารบนพื้นดิน มีโคมไฟโบราณสัมฤทธิ์ขนาดสองสามฉื่อเรียงอยู่สิบสองดวง ด้านบนมีดวงไฟสีเขียวอ่อนขนาดน้อยใหญ่ไม่เท่ากันเปล่งแสงเรืองๆ
ดวงไฟเหล่านี้ใหญ่หน่อยก็มีขนาดเท่าไข่ไก่ เล็กน้อยก็มีขนาดเท่าหัวแม่มือ
ด้านหน้าโคมไฟโบราณเหล่านี้ เงาร่างคนผ่ายผอมคนหนึ่งกำลังนั่งสมาธิอยู่ ก้มหน้าลงเล็กน้อย ร่างทั้งร่างและใบหน้าถูกเสื้อคลุมสีทองอ่อนห่อหุ้มเอาไว้
ผิวของเสื้อคลุมมีลำแสงวิญญาณเปล่งแสงระยิบระยับ ด้านบนมีตัวอักษรโบราณสลักอยู่
ในพริบตาที่หานลี่สังหารจิตวิญญาณทั้งสองของแมลงเม่าประหลาดนั้น ดวงไฟขนาดกลางหนึ่งในโคมไฟโบราณดวงหนึ่งพลันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วมอดดับไป
เสียงกรอดดังขึ้น เงาร่างผ่ายผอมเปล่งเสียงแปลกประหลาดออกมา ใบหน้าที่เดิมก้มหน้าอยู่ค่อยๆ เงยขึ้น เปลวเพลิงสีเขียวสองกลุ่มปรากฏขึ้นในเวลาเดียวกัน ทำให้เผยใบหน้าของเขาออกมา
คาดไม่ถึงว่าจะเป็นใบหน้าโครงกระดูกสีขาวโพลนหัวหนึ่ง แต่เปลวเพลิงสีเขียวทั้งสองดวงกลับเปล่งแสงระยิบระยับอยู่ที่เบ้าตา ช่างแปลกประหลาดยิ่ง
โครงกระดูกหันหน้าไป สายตาจ้องเขม็งไปยังโคมไฟโบราณที่มอดดับไปด้วยความเย็นชา จมูกดูเหมือนจะแค่นเสียงหึด้วยความเย็นชาแฝงความโกรธเกรี้ยวเอาไว้ออกมา ฉับพลันนั้นพลันอ้าปากออกพ่นลำแสงสีดำกลุ่มหนึ่งออกมา
ตราประทับสี่เหลี่ยมสีดำก้อนหนึ่งปรากฏออกมา!
ผิวของมันเรียบลื่นเป็นพิเศษ แต่สลักมังกรเที่ยงแท้สีดำสนิทตัวหนึ่งเอาไว้ วนรัดรอบตราประทับอยู่สองสามรอบ
เสียงร่ายคาถาอันไม่คุ้นเคยดังออกมาจากปากของโครงกระดูก ตราประทับสีดำมีลำแสงผินหนึ่งบินพวยพุ่งออกมา ทันใดนั้นของยักษ์สีดำสนิทที่เหมือนกันพลันเปล่งแสงสว่างวาบท่ามกลางหมอกลำแสงแล้วร่วงลงมา
เมื่อพิจารณาอย่างละเอียดท่ามกลางดวงไฟสลัวๆ แล้ว กลับเป็นร่างสีเขียวมรกตยาวสามสี่จั้งร่างหนึ่ง ส่วนหัวดูเหมือนอสูรประหลาดของวัวยักษ์
อสูรประหลาดตัวนี้นอนนิ่งอยู่บนพื้น ถ้าหากไม่ใช่เพราะทรวงอกกำลังขยับขึ้นลงเล็กน้อย เกรงว่าคงถูกคนคิดว่าเป็นเพียงซากศพซากหนึ่งเท่านั้น
โครงกระดูกอ้าปากออก เปลวเพลิงสีเขียวขนาดเท่าเมล็ดถั่วกลุ่มหนึ่งลอยออกมา ทันใดนั้นพลันเปล่งแสงสว่างวาบ แล้วจมหายเข้าไปในร่างของอสูรประหลาดอย่างไร้ร่องรอย
ร่างของอสูรประหลาดสั่นเทา ผิวมีเสียงเปรี๊ยะๆ ดังขึ้น จากนั้นพลันค่อยๆ ลืมตาวัวคู่หนึ่งขึ้น คาดไม่ถึงว่าจะปีนขึ้นมาจากพื้น
ตอนแรกมันดูเหมือนจะกำลังงัวเงีย แต่หลังจากกวาดตาไปรอบด้านแวบหนึ่ง แววตากลับกระจ่างชัดขึ้น สองมือกำหมด เงยหน้าขึ้นร้องคำรามเสียงดังสนั่น
เสียงฟ้าผ่าดังขึ้น ประจุไฟฟ้าสีเขียวเป็นสายๆ ปรากฏขึ้นบนร่างของอสูรวัว ตัดสลับและพัวพันกันไปมา
และดวงตาที่เปล่งแสงสีเขียวระยิบระยับของโครงกระดูกพลันเปล่งเสียงแหบแห้งที่ดูคล้ายกับเสียงมนุษย์ออกมา ดูเหมือนว่าจะออกคำสั่งอะไรสักอย่างกับอสูรประหลาด
ชั่วขณะนั้นร่างอสูรประหลาดหัววัวพลันขยับ ประจุไฟฟ้าบนเรือนร่างเปล่งแสงเจิดจ้าขึ้น
หลังจากเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น อสูรตัวนี้พลันอาศัยพลังอัสนีหลีกหนีหายวับไปท่ามกลางประจุไฟฟ้าสีเขียว
ในห้องลับกลับเข้าสู่ความมืดมิดอีกครั้ง
เปลวเพลิงสีเขียวในดวงตาของโครงกระดูกเปล่งแสงสว่างวาบ สายตาตกลงบนโคมไฟโบราณที่ดับมอดไปดวงนั้นอีกครั้ง จากนั้นนิ้วของหัวกระดูกสีขาวโพลนพลันชี้ไปกลางอากาศ
เสียง ปัง ที่เบาจนแทบไม่ได้ยินดังขึ้น เปลวเพลิงของโคมไฟโบราณที่ดับมอดไปกลับมาลุกไหม้อีกครั้ง แต่แค่เปลวเพลิงมีขนาดแค่เมล็ดถั่ว อ่อนแอไร้กำลัง ราวกับว่ามอดไปได้ภายในอึดใจเดียว
หลังจากทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว เปลวเพลิงสีเขียวในดวงตาของโครงกระดูกก็เปล่งแสงระยิบระยับสองสามครั้ง เอียงศีรษะขบคิด เลื่อนสายตาออกจากโคมไฟโบราณ
แต่ครู่ต่อมามันพลันวาดนิ้วไปกลางอากาศเบื้องหน้า เป็นรูปวงกลมวงหนึ่ง
พริบตาที่วงกลมนี้ปรากฏขึ้น กลางอากาศพลันมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นกระจกสีเงินระยิบระยับบานหนึ่ง หมุนคว้างไปมาอยู่ตรงหน้าของโครงกระดูกไม่หยุด
โครงกระดูกเองก็ไม่ได้เคลื่อนไหว อ้าปากออก พ่นลำแสงสีเขียวกลุ่มหนึ่งออกมา
ชั่วขณะนั้นผิวกระจกพลันเปล่งแสงสว่างจ้า บนนั้นมีภาพปรากฏขึ้น
ภาพเหล่านั้นบ้างก็ชัดเจนเป็นอย่างมาก ราวกับอยู่ใกล้แค่คืบก็ไม่ปาน บ้างกลับรางเลือนราวกับถูกอะไรสักอย่างปกคลุมเอาไว้กว่าครึ่ง แต่ทัศนียภาพและสิ่งของที่ปรากฏขึ้นในภาพทุกภาพล้วนแตกต่างกัน บ้างก็มีมนุษย์ บ้างกลับเป็นอสูร แต่ทุกสิ่งล้วนแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง
ฉับพลันนั้นนิ้วของโครงกระดูกพลันชี้ไปที่กระจก ภาพบนกระจกพลันหยุดชะงัก นิ่งค้างไม่เคลื่อนไหว
ด้านในมีเงาลวงตาของชายหนุ่มที่กำลังเอามือไพล่หลังปรากฏขึ้น ใบหน้าไร้ความรู้สึก สวมชุดคลุมสีเขียว
ไม่ใช่หานลี่แล้วจะเป็นผู้ใดได้!
โครงกระดูกจ้องไปที่ใบหน้าของหานลี่ในกระจกอย่างเย็นชาอยู่พักใหญ่ แล้วถึงได้โบกมืออย่างไม่ใส่ใจ
เสียงแกรกพลันดังขึ้น กระจกแตกออกเป็นเสี่ยงๆ จากใจกลาง ทันใดนั้นพลันกลายเป็นดวงลำแสงสีเขียวแล้วหายวับไป
เปลวเพลิงสีเขียวในดวงตาของโครงกระดูกลุกไหม้อยู่อีกชั่วครู่ แล้วพลันมอดดับไป จากนั้นพลันก้มหน้าลงต่ำ เงาร่างทั้งร่างไม่ขยับเขยื้อนอีก
……
ในเวลาเดียวกันหานลี่ที่ร่อนลงมาด้านข้างซากแมลงเม่าประหลาดที่กลายเป็นสีม่วงดำ แล้วมองพิศดูมันอีกครั้ง
อสูรประหลาดตัวนี้มีระดับสูงส่งขนาดนี้ แน่นอนว่าสิ่งที่อยู่บนร่างของมันจะต้องเป็นวัตถุดิบที่ล้ำค่าเป็นอย่างยิ่งแน่นอน ทว่านอกจากแก่นอสูรของอสูรตัวนี้แล้ว สิ่งที่หานลี่สนใจมากที่สุดก็คือเกล็ดบนร่างของแมลงเม่าประหลาดที่สามารถสร้างโล่ผลึกวารีได้ รวมทั้งปีกยักษ์ที่สามารถสร้างใบมีดแหลมคมได้
ทว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาชำแหละซากอสูรตนนี้ หานลี่พลันสะบัดแขนเสื้อ กำไลเก็บของบินออกมา บินวนอยู่กลางท้องฟ้า ชั่วขณะนั้นพลันพ่นม่านลำแสงสีเขียวออกมา
หลังจากทำทุกอย่างเสร็จแล้ว หานลี่พลันใช้มือหนึ่งกวักเรียกกำไลเก็บของกลับมา หลังจากกวาดสายตามองรอบด้าน พลันขบคิดเล็กน้อย ผิวเปล่งแสงสีเขียว กลายเป็นสายรุ้งสีเขียวสายหนึ่งพุ่งออกไปยังขอบฟ้า
ดูจากทิศทางแล้วคาดไม่ถึงว่าจะไม่ได้ออกไปข้างนอก แต่ตรงไปยังส่วนลึกของเกาะน้ำแข็งที่แมลงเม่าประหลาดบินหนีไป
ครั้งนี้ไม่ได้บินนานนัก
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ หานลี่พลันลอยอยู่หน้าเหล่าสิ่งปลูกสร้างที่พังทลายไปกว่าครึ่ง
สิ่งปลูกสร้างเหล่านี้มีขนาดประมาณสองสามลี้ บ้านเรือนทั้งหมดเปล่งแสงระยิบระยับไม่หยุด คาดไม่ถึงว่าจะสร้างขึ้นจากน้ำเย็นเยียบทั้งหมด
ทว่าระหว่างสิ่งปลูกสร้างน้ำแข็งเหล่านี้ นอกจากคราบโลหิตและเสื้อผ้าที่ฉีกขาด ทุกแห่งล้วนว่างเปล่า ดูเหมือนว่าทุกคนจะถูกแมลงเม่าตัวนั้นสังหารจนตายอย่างไรอย่างนั้น
หานลี่พลันขมวดคิ้ว ร่อนลงตรงหน้าวิหารที่ดูเหมือนจะใหญ่ที่สุด
แต่เมื่อสองเท้าของเขาร่อนลงพื้น ฉับพลันนั้นพลันหน้าเปลี่ยนสี ชักสายตามองไปยังหอที่ดูธรรมดาๆ อีกหอหนึ่ง
“ผู้ใดหลบอยู่ตรงนั้น ออกมาเดี๋ยวนี้!” ร่างของหานลี่รางเลือนไปเล็กน้อย คนก็มาปรากฏใกล้กับหอคอย ในเวลาเดียวกันปากก็ตะโกนเอ็ด
“ใต้เท้าไว้ชีวิตด้วย พวกเราคือองครักษ์ที่ใต้เท้าฆราวาสฉลามสีเงินเรียกมา!” เสียงสั่นเทาของหญิงสาวดังออกมาจากหอคอย
จากนั้นประตูใหญ่ของหอคอยที่ปิดสนิทพลันเปิดออก คาดไม่ถึงว่าจะมีบุรุษและหญิงสาววัยเยาว์กลุ่มหนึ่งเดินออกมา คนเหล่านี้ไม่ว่าบุรุษหรือหญิงสาวล้วนหน้าตาสวยสดงดงามเป็นพิเศษ แต่ส่วนใหญ่ล้วนอายุสิบหกสิบเจ็ดปี ผู้นำคือหญิงสาวสวมชุดขาวอายุยี่สิบปีเศษ เมื่อออกมาก็พาบุรุษและหญิงสาวยี่สิบสามสิบคนออกมาคารวะหานลี่
พวกเขาล้วนเผยสีหน้าตื่นตระหนกออกมา!
สายตาของหานลี่กวาดไปยังเรือนร่างของบุรุษและสตรีเหล่านั้น ใบหน้ามีสีหน้าประหลาดใจฉายแวบผ่านไป
คนเหล่านี้มองปราดเดียวก็ดูเหมือนชาวเผ่ามนุษย์ทั่วไป ไม่มีลมปราณบนเรือนร่างเลยสักนิด แต่เมื่อพิจารณาอย่างละเอียดจะพบความแตกต่างในนั้น ผิวของบุรุษและสตรีเหล่านี้ล้วนแวววาวเป็นพิเศษ ในเวลาเดียวกันบนเรือนร่างยังแผ่ไอเย็นเยียบออกมา ทุกคนล้วนสวมเสื้อผ้าบางเบา ราวกับไม่กลัวหิมะและน้ำแข็งบนเกาะอย่างไรอย่างนั้น
หานลี่พลันขมวดคิ้ว ตอนที่กำลังจะเอ่ยปากอะไรนั้น ฉับพลันนั้นพลันหันหน้าไปพร้อมกับหน้าที่เปลี่ยนสี
ผลคือหลังจากผ่านไปชั่วครู่ ท้องฟ้าพลันมีลำแสงวิญญาณสว่างวาบ จากนั้นสายรุ้งสองสายพลันเปล่งแสงสว่างวาบพุ่งเข้ามา ความเร็วหาที่เปรียบ หลังจากกะพริบสองสามคราก็มาอยู่กลางท้องฟ้าในบริเวณนั้น
หลังจากหม่นแสงลง เผยเงาร่างอรชรอ้อนแอ้นสองสายออกมา นั่นก็คือชิงเสี่ยวและหญิงสาวกระโปรงดำสองคนนั้น
เมื่อหญิงสาวทั้งสองปรากฏตัว ก็เผยสีหน้าตกตะลึงระคนดีใจผสมปนเปกัน
“ท่านอาวุโสหาน ในเมื่อท่านอยู่ที่นี่ หรือว่าแมลงเม่ายักษ์ตัวนั้นถูกท่าน…” ชิงเสี่ยวเอ่ยถามด้วยความสงสัย ใบหน้ามีสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
หญิงสาวกระโปรงดำที่อยู่ด้านข้าง พลางกั้นลมหายใจตั้งใจฟัง
“อืม สัตว์ประหลาดตัวนั้นถูกสังหารแล้ว”
หานลี่หัวเราะน้อยๆ แล้วสะบัดข้อมือ
ลำแสงเปล่งแสงสว่างวาบ หลังจากเสียง ปัง ดังขึ้น ซากของแมลงเม่าประหลาดพลันปรากฏบนพื้น
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น