คัมภีร์วิถีเซียน 1547-1548.1

ตอนที่ 1547 ผลึกท้องฟ้าเมฆา

 

หลังจากกะพริบวาบอีกครั้ง เส้นไหมบางพลันหดตัวกลับมา ไม่อาจขัดขวางได้เลยสักนิด


 


 


เมื่อเห็นฉากนี้ใบหน้าของหานลี่พลันเผยสีหน้าครุ่นคิดออกมา ทันใดนั้นพลันร่ายอาคมกระตุ้น


 


 


พ่นเส้นไหมสีทองเงินออกมาจากปากของวิหคเพลิงอีกครั้ง เป้าหมายกลับเปลี่ยนเป็นเก้าอี้ไม้ตัวหนึ่งในห้อง


 


 


เหตุการณ์ทำให้หานลี่รู้สึกใจหายวาบพลันปรากฏขึ้น!


 


 


หลังจากเส้นไหมบางเปล่งแสงสว่างวาบผ่านเก้าอี้ไม้ไป เก้าอี้ไม้แต่เดิมแผ่กลิ่นอายของพฤกษาจางๆ ออกมา ชั่วพริบตาพลันเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท จากนั้นกลายเป็นควันสีเขียวกลุ่มหนึ่งแล้วสลายหายไป


 


 


เส้นไหมสีทองเงินนี้มีพิษร้ายแรง!


 


 


หานลี่พ่นลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง มือหนึ่งร่ายอาคม วิหคเพลิงสีเงินหมุนโคจรรอบหนึ่ง พุ่งไปตรงหาเขา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในร่างกายอย่างไร้ร่องรอย


 


 


ส่วนหานลี่พลันหลับตาทั้งสองข้าง ดูเหมือนว่าจะอยากเข้าสู่ภวังค์สมาธิ


 


 


แต่ครู่ต่อมาฉับพลันนั้นเขาพลันลืมตาทั้งสองข้างขึ้น ในเวลาเดียวกันพลันขมวดคิ้วมุ่นน้อยๆ


 


 


ในคราวเดียวกันนั้นเขาพลันมีสีหน้าแปลกพิกล คำพูดหนึ่งดังมาจากด้านนอก


 


 


“ชนรุ่นหลังชิงเสี่ยว มาคารวะท่านหาน หวังว่าท่านหานจะยอมออกมาพบสักหน่อยเจ้าค่ะ!”


 


 


คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเสียงของสตรีที่แปลกหูคนหนึ่ง ค่อนข้างทุ้มต่ำ แต่ก็เต็มไปด้วยความดึงดูดใจ ชวนให้รู้สึกว่าไม่อาจปฏิเสธได้


 


 


“ชิงเสี่ยว?” หานลี่รู้สึกฉงนเล็กน้อย มั่นใจได้ว่าเขาเพิ่งเคยได้ยินชื่อนี้เป็นครั้งแรก


 


 


เมื่อขบคิดเช่นนั้น หานลี่พลันแผ่จิตสัมผัสออกไปนอกเขตอาคม ทัศนียภาพนอกห้องปรากฏขึ้นสู่ครรลองสายตา


 


 


เห็นเพียงที่สวนด้านนอก ไม่รู้ว่ามีหญิงสาววัยแรกแย้มสวมชุดชาววังสีเขียวปรากฏตัวขึ้นตั้งแต่เมื่อใดก็สุดจะรู้ได้ อายุยี่สิบห้ายี่สิบหกปี หน้าตางดงามสะคราญ และแฝงเอาไว้ด้วยความสูงศักดิ์สง่างาม


 


 


หลังจากหานลี่กวาดจิตสัมผัสไปบนเรือนร่างของนางแล้ว ก็พบว่าสตรีผู้นี้ดูท่าจะอายุอานามไม่มากนัก คาดไม่ถึงว่าจะอยู่ในระดับเทพแปลงขั้นกลาง นับว่ามีพลังยุทธ์ไม่อ่อนแอ


 


 


เขาขบคิดเล็กน้อย แล้วเอ่ยปากอย่างเอื่อยเฉื่อยว่า


 


 


“สหายคือผู้ใด ไม่ใช่คนเผ่าเพลิงอาทิตย์บนเกาะเมฆาเพลิงสินะ! รู้ว่าผู้แซ่หานอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”


 


 


“ชนรุ่นหลังคือท่านอาจารย์ของไป๋จูเอ๋อร์แห่งเผ่าเพลิงอาทิตย์ เดิมทีได้ยินว่าเผ่าเพลิงอาทิตย์ประสบวิกฤต ดังนั้นจึงได้รีบมาช่วยเหลือ แต่คิดไม่ถึงว่า ท่านจะลงมือช่วยให้เผ่าของลูกศิษย์ข้าฟาดเคราะห์ไปแล้ว ชนรุ่นหลังได้ยินลูกศิษย์กล่าวว่า ท่านมีอิทธิฤทธิ์เกรียงไกรนัก อาจจะเป็นอาวุโสที่จัดอยู่ในอันดับสามของเผ่าเบื้องบน ดังนั้นจึงมาเยี่ยมเยียนสักหน่อย หวังว่าท่านจะยอมชี้แนะสักครั้ง” หญิงสาวเอ่ยด้วยสีหน้าอมยิ้ม ในน้ำเสียงเผยความซื่อสัตย์ออกมา


 


 


“เจ้าคืออาจารย์ของแม่หนูผู้นั้น? เอาล่ะ เดิมที่ข้าคิดว่าจะออกจากการกักตนอีกสองสามวัน หาสหายร่วมวิธีในละแวกนี้สอบถามเรื่องราวสักหน่อย ในเมื่อสหายมาที่นี่แล้ว ข้าก็คงต้องพบหน้าสักหน่อย” หานลี่ได้ฟังพลันรู้สึกประหลาดใจเล็กๆ แต่ทันใดนั้นก็หัวเราะอย่างแผ่วเบาออกมา


 


 


ชิงเสี่ยวได้ยินหานลี่กล่าวเช่นนั้นพลันตะลึงงัน ไม่รอให้ตอบกลับอะไร ฉับพลันนั้นลำแสงสีขาวที่เดิมครอบคลุมบ้านไม้อยู่พลันสลายตัวออก จากนั้นประตูไม้พลันเปล่งเสียง “แอ๊ด” ดังขึ้น เปิดออกโดยอัตโนมัติ


 


 


หลังจากหญิงสาวตรึกตรองเล็กน้อย ก็สาวเท้าเดินเข้าไปด้วยสีหน้าราบเรียบ


 


 


เมื่อเข้าไปในบ้านไม้ สตรีผู้นี้มองปราดเดียวก็เห็นหานลี่ที่นั่งอยู่บนเตียงไม้ด้านหนึ่งของบ้าน ดวงตาคู่งามฉายแววประหลาดใจ


 


 


เห็นได้ชัดว่าหน้าตาของหานลี่ดูอ่อนเยาว์มาก ทำให้เซียนชิงเสี่ยวผู้นี้รู้สึกประหลาดใจ แต่เมื่อนางกวาดจิตสัมผัสไปบนร่างของหานลี่อีกครั้ง ใบหน้าพลันเผยสีหน้าเคารพนบน้อมออกมา ทำความเคารพหานลี่พลางเอ่ยว่า


 


 


“ท่านอาวุโสอยู่ในอันดับสามของเผ่าเบื้องบนดังคาด ดูแล้วครั้งนี้ชนรุ่นหลังคงมาถูกแล้ว”


 


 


“ลมปราณของสหายเองก็ไม่ได้อ่อนแอ นั่งคุยกันก่อนเถิด!” แววตาของหานลี่มีลำแสงสีฟ้าเปล่งแสงสว่างวาบ พลางพิจารณาหญิงสาวสองสามวูบ หลังจากชักสายตากลับมา ก็เอ่ยอย่างราบเรียบ


 


 


ชิงเสี่ยวเอ่ยปากขอบคุณ นั่งลงบนเก้าอี้ไม้ตัวหนึ่งที่อยู่ใกล้กับเตียงไม้


 


 


“สหายชิงฝึกฝนเคล็ดวิชาธาตุวายุสินะ!” ฉับพลันนั้นหานลี่พลันเอ่ยถามเช่นนี้ออกมา


 


 


ประโยคที่เปล่งออกมาทำให้หญิงสาวหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย รู้สึกประหลาดใจ


 


 


“ท่านอาวุโสทราบได้อย่างไร หรือว่าท่านอาวุโสเคยพบชนรุ่นหลังมาก่อน!” ชิงเสี่ยวอดไม่ไหวเอ่ยถามขึ้น


 


 


“เปล่า ทว่าลมปราณที่โคจรอยู่บนร่างของสหายนั้นวิเศษมาก ในเรือนร่างแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายสมบัติที่มีธาตุวายุหนักหน่อย ถึงได้เอ่ยถามเช่นนี้” หานลี่ตอบกลับอย่างราบเรียบ


 


 


หานลี่ตอบกลับอย่างผ่อนคลายเช่นนี้ แต่หญิงสาวกลับตะลึงงัน ต้องเข้าใจว่าการมองปราดเดียวก็รู้ระดับพลังยุทธ์ของผู้คนนั้นไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร แต่หากธาตุของสมบัติที่ซ่อนอยู่ในร่างก็ยังมองออกในปราดเดียว นั่นไม่ใช่สิ่งที่ชนชั้นสูงธรรมดาๆ จะทำได้


 


 


ทันใดนั้นสตรีผู้นี้พลันรู้สึกร้อนใจ ใบหน้าเผยสีหน้าเคารพนบน้อมขึ้นหลายส่วน แล้วจึงเอ่ยถามอย่างระมัดระวังว่า


 


 


“ท่านอาวุโสช่างมีสายตาเฉียบแหลมนัก! ชนรุ่นหลังฝึกเคล็ดวิชาธาตุวายุเป็นหลักจริงๆ จูเอ๋อร์ของข้ากล่าวว่า ท่านอาวุโสเป็นผู้ฝึกฝนกระบี่คนหนึ่ง และยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ใช่คนในน่านน้ำเกาะปะการังเพลิงของพวกเรา ไม่ทราบว่าท่านอาวุโสมาจากน่านน้ำแห่งใด หรือว่ามาจากแผ่นดินใหญ่เสียงเพรียกอัสนี”


 


 


หานลี่ได้ฟังคำถามนี้ กลับหัวเราะออกมา


 


 


“ข้าน้อยทั้งไม่ได้มาจากในน่านน้ำละแวกนี้ ทั้งไม่ได้มาจากแผ่นดินใหญ่เสียงเพรียกอัสนี”


 


 


เมื่อได้ฟังคำตอบของหานลี่ สตรีผู้นั้นพลันขมวดคิ้วดำขลับ แต่ฉับพลันนั้นกลับนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงอดที่จะเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้งไม่ได้


 


 


“ท่านอาวุโสกล่าวเช่นนี้ หรือว่ามาจากแผ่นดินใหญ่แห่งอื่น?”


 


 


“เซียนชิงเป็นผู้ที่ชาญฉลาดโดยแท้” หานลี่ตอบกลับพร้อมกลั้วหัวเราะ


 


 


ได้ฟังคำยอมรับของหานลี่ หัวใจของสตรีผู้นั้นพลันเต้นระรัว ชั่วครู่สีหน้าตกตะลึงถึงได้ค่อยๆ หายไป แต่กลับพ่นลมหายใจยาวๆ ออกมาเฮือกหนึ่ง


 


 


“ท่านอาวุโสมาจากแผ่นดินใหญ่อื่นได้ อิทธิฤทธิ์ยิ่งใหญ่แค่ไหนแค่คิดก็รู้แล้ว มิน่าล่ะเผ่าราชันย์ตาข่ายทมิฬสองตนนั้นถึงได้ถูกท่านอาวุโสหานสังหารได้อย่างง่ายดาย ท่านอาวุโสเป็นผู้บำเพ็ญเพียรจากแผ่นดินใหญ่อื่นที่มาในน่านน้ำของเราเป็นคนแรกในรอบหมื่นปี”


 


 


“หึๆ เช่นนั้น! ผู้แซ่หานก็ควรจะรู้สึกเป็นเกียรติสินะ ทว่าที่ข้าน้อยมาปรากฏตัวที่นี่ ล้วนเป็นอุบัติเหตุ ไม่ได้คิดมาที่นี่” หานลี่กระตุกมุมปากขึ้น เผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา


 


 


“ไม่ว่าท่านอาวุโสจะมาที่นี่ได้อย่างไร คิดดูแล้วเคล็ดวิชาและอิทธิฤทธิ์ของท่านอาวุโสจะต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่ ส่วนชนรุ่นหลังนั้นช่วงนี้พบปัญหาในการฝึกบำเพ็ญเพียร ขอท่านอาวุโสโปรดชี้แนะได้หรือไม่” ชิงเสี่ยวแย้มยิ้มเบิกบาน


 


 


“ชี้แนะคงมิกล้า ผู้แซ่หานเองก็รู้สึกว่าเคล็ดวิชาของแผ่นดินใหญ่เสียงเพรียกอัสนีดูลึกลับ และรู้สึกสนใจเช่นกัน เราสองคนน่าจะแลกเปลี่ยนกันได้”หานลี่แทบจะไม่ได้ขบคิดอะไร ก็พยักหน้าอย่างราบเรียบ


 


 


ชิงเสี่ยวได้ยินพลันรู้สึกยินดี ทันใดนั้นปากพลันเอ่ยขอบคุณเป็นพัลวัน


 


 


แน่นอนว่าสตรีผู้นี้ย่อมรู้ดีว่า แม้หานลี่จะเอ่ยอย่างเกรงใจ แต่พลังยุทธ์ของทั้งสองแตกต่างกันราวฟ้ากับเหวหากแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการฝึกบำเพ็ญเพียรกัน แน่นอนว่าผู้ที่พลังยุทธ์ต่ำกว่าย่อมได้เปรียบ


 


 


ดังนั้นเวลาต่อจากนั้นสตรีผู้นี้จึงเริ่มขอคำชี้แนะเรื่องปัญหาในการฝึกบำเพ็ญเพียรกับหานลี่ แม้ว่านางและหานลี่มีเคล็ดวิชาที่แตกต่างกัน แต่ในด้านการฝึกบำเพ็ญเพียรนั้นการพบกับจุดคอขวดและความยากในการเรียนรู้เคล็ดวิชาก็เชื่อมโยงกันได้


 


 


หานลี่กลับไม่ได้ปิดบัง หลังจากฟังและขบคิดเสร็จแล้ว ก็ชี้แนะให้อย่างละเอียด


 


 


แม้นว่าหานลี่จะพูดไม่มากนัก แต่จากฐานะผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมสุญตาของเขา แน่นอนว่าย่อมทำให้ข้อสงสัยจำนวนไม่น้อยของสตรีกระจ่างชัดขึ้น


 


 


สิ่งที่ทำให้เสี่ยวหงดีใจจนบ้าคลั่งก็คือ เมื่อตั้งใจฟังอย่างละเอียด ดวงตาคู่งามพลันมีความสำเร็จโดดเด่นปรากฏขึ้นไม่หยุด


 


 


แน่นอนว่าด้วยเหตุนี้ สตรีจึงเผยความลึกลับจุดที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงของเคล็ดวิชาที่ตนเองฝึกฝนออกมาสองสามส่วน


 


 


จุดที่ลึกลับหน่อย ทำให้หานลี่ซึมซับและเชื่อมโยงกัน ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้ประโยชน์


 


 


การพูดคุยกันของทั้งสองในรอบนี้ใช้เวลาไปครึ่งวัน เมื่อหานลี่ตอบปัญหาข้อสงสัยข้อสุดท้ายของสตรีแล้ว หลังจากที่เสี่ยวหงหลับตาคู่งามลงเรียนรู้ชั่วครู่ ฉับพลันนั้นพลันเบิกตาทั้งสองข้างขึ้นหยัดกายลุกขึ้น คารวะหานลี่ยกใหญ่ ปากก็เอ่ยอย่างซาบซึ้งใจว่า


 


 


“ขอบพระคุณท่านอาวุโสที่ชี้แนะ สิ่งเหล่านี้เพียงพอจะทำให้ชนรุ่นหลังฝึกบำเพ็ญเพียรอย่างหนักไปได้อีกยี่สิบสามสิบปี”


 


 


“ไม่เป็นไรหรอก นี่ก็เป็นวาสนาของสหายเอง อีกอย่างผู้แซ่หานก็มีเรื่องอยากจะซักถามสหายเช่นกัน ถือว่าเราแลกเปลี่ยนกันก็แล้วกัน” หานลี่กลับเอ่ยด้วยสีหน้าราบเรียบ


 


 


“ท่านอาวุโสมีปัญหาตรงไหนก็พูดมาเถิด หากชนรุ่นหลังทราบ จะต้องบอกอย่างไม่ปิดบังเจ้าค่ะ!” หญิงสาวตอบกลับอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด


 


 


“ความจริงแล้วก็ไม่มีอะไรมาก ข้าน้อยแค่อยากถามเซียนชิงหน่อยว่า แดนแห่งนี้ของพวกเจ้ามีเขตอาคมส่งตัวระยะไกลที่สามารถส่งไปยังแผ่นดินใหญ่อื่นได้หรือไม่” เมื่อเอ่ยประโยคนี้ออกมา หานลี่พลันมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นสองสามส่วน


 


 


“เขตอาคมส่งตัว! หรือว่าท่านอาวุโสอยากกลับไปยังแดนของตนเอง!” ชิงเสี่ยวย่อมเดาเจตนาของหานลี่ออก


 


 


“ใช่แล้ว อาการบาดเจ็บของข้าน้อยฟื้นฟูกลับมาพอสมควรแล้ว และมาอยู่ที่นี่ด้วยความบังเอิญจริงๆ จากประสบการณ์ที่ข้ารู้มา ปกติแล้วสถานที่ที่มีผู้ฝึกฝนอาศัยอยู่จำนวนมาก จะมีเขตอาคมส่งตัวระยะไกลอยู่” หานลี่พลันพยักหน้า


 


 


“แม้ว่าสิ่งที่ท่านอาวุโสกล่าวจะมีเหตุผล แต่คำพูดของข้า เกรงว่าคงจะทำให้ท่านอาวุโสผิดหวัง” หญิงสาวได้ฟังคำนี้ของหานลี่ ใบหน้ากลับอดที่จะเผยรอยยิ้มขมขื่นออกมาไม่ได้


 


 


“อะไร พวกเจ้าไม่มีเขตอาคมส่งตัวหรือ!” หานลี่รู้สึกจิตใจหนักอึ้ง พลางเอ่ยถามด้วยเสียงเคร่งขรึม


 


 


“หากท่านอาวุโสมาไวสักสองสามพันปี เกาะปะการังเพลิงของพวกเราก็ยังมีเขตอาคมส่งตัวอยู่แห่งหนึ่ง ที่สามารถส่งไปยังแผ่นดินใหญ่เสียงเพรียกอัสนีได้ แต่สองสามพันปี เขตอาคมนี้กลับถูกอสูรยักษ์ที่มาจากน่านน้ำอื่นทำลายลง และยิ่งไปกว่านั้นแม้แต่ผู้บำเพ็ญเพียรระดับสูงสองสามคนที่คอยปกปักรักษาเขตอาคมนี้ก็ยังถูกอสูรตัวนั้นกลืนกิน นอกเสียจากว่าท่านอาวุโสจะมั่นใจว่าสามารถบินจากที่นี่กลับไปยังแผ่นดินเสียงเพรียกอัสนีได้ภายในรวดเดียว ความจริงแล้วยามนี้น่านน้ำผืนนี้ได้กลายเป็นทางตันไปแล้ว ข้าคิดว่านี่คงเป็นสาเหตุที่ชาวตาข่ายทมิฬเหล่านั้นปรากฏตัวอย่างไม่กลัวเกรง และทำการโจมตีเผ่าตระกูลวา” ชิงเสี่ยวถอนหายใจขณะเอ่ย


 


 


“หรือว่าเขตอาคมส่งตัวนั้นซ่อมแซมไม่ได้?” หานลี่พลันตะลึงงันไปชั่วครู่ แล้วถึงได้ถามขึ้นมาด้วยสีหน้าดูไม่ได้


 


 


“หากวัตถุดิบครบถ้วนละก็ การซ่อมแซมก็ไม่ใช่ปัญหา” หญิงสาวตอบกลับอย่างไม่ต้องขบคิด


 


 


“ฟังจากความหมายของเซียนชิงแล้ว ไม่มีทางเสาะหาวัตถุดิบให้ครบได้!” หานลี่เลิกคิ้วพลันเอ่ยถาม


 


 


เขามั่นใจว่าในตัวตนเองมีวัตถุดิบล้ำค่าจำนวนมาก แน่นอนว่าในใจจึงเต็มไปด้วยความคาดหวัง


 


 


“วัตถุดิบอื่นยังพอว่า สิ่งเดียวที่ต้องมาทำเป็นแกนกลางเขตอาคมส่งตัวคือผลึกท้องฟ้าเมฆาก้อนหนึ่ง เจ้าสิ่งนี้เป็นของที่หายากเกินไป ในแผ่นดินใหญ่เสียงเพรียกอัสนีของพวกเราก็มีเหมืองแร่ชนิดนี้อยู่แค่สองสามแห่ง ไม่มีทางหาพบที่นี่ได้” หญิงสาวอธิบายอย่างละเอียดยิบ


 


 


“ผลึกท้องฟ้าเมฆา!” หานลี่ได้ยินชื่อนี้ ชั่วขณะนั้นพลันขมวดคิ้วแน่น


 


 


เขาเพิ่งจะเคยได้ยินวัตถุดิบนี้เป็นครั้งแรก


 


 


นั่นก็ไม่แปลก เขตอาคมส่งตัวเป็นของลึกลับขนาดนั้น เกรงว่าวิธีการวางของแต่ล่ะแผ่นดินก็คงไม่เหมือนกัน วัตถุดิบที่ใช้แน่นอนว่าย่อมแตกต่างกัน


 


 


เมื่อเห็นสีหน้าของหานลี่เคร่งขรึมขึ้นเรื่อยๆ ฉับพลันนั้นชิงเสี่ยวพลันเอ่ยประโยคที่ทำให้หานลี่ตะลึงงัน ทันใดนั้นก็รู้สึกดีอกดีใจขึ้นมา 

 

 


ตอนที่ 1548-1 เกาะทะเลสาบสีฟ้า

 

“อะไรนะ ผลึกท้องฟ้าเมฆาถูกอสูรมหาสมุทรตัวนั้นกลืนลงท้องไปแล้ว และยิ่งไปกว่านั้นอสูรมหาสมุทรยังคงแหวกว่ายอยู่ในน่านน้ำบริเวณนี้” หานลี่รู้สึกยากจะเชื่อโดยแท้


 


 


“ใช่แล้ว ตอนนั้นอสูรมหาสมุทรตัวนั้นอาศัยกระแสน้ำขึ้นลงสร้างปัญหา ถึงได้เข้ามาในเขตอาคมส่งตัวได้ และกลืนเขตอาคมส่งตัวกว่าครึ่งลงไป ผลึกท้องฟ้าเมฆาก็อยู่ในนั้น แต่เดิมอสูรตัวนี้ออกจากน่านน้ำแห่งนี้แล้ว แต่ร้อยกว่าปีก่อน ไม่รู้เพราะสาเหตุใดจึงมีคนพบอสูรตัวนี้ที่ส่วนลึกของมหาสมุทรทางทิศใต้ เผ่าเบื้องบนสิบกว่าคนที่พบในตอนนั้น หนีออกมาได้แค่สองคน คนที่เหลือล้วนเพลี่ยงพล้ำไป ยี่สิบสามสิบปีต่อมา เพื่อสร้างเขตอาคมส่งตัวขึ้นใหม่อีกครั้ง คนของน่านน้ำของพวกเราได้รวบรวมกำลังคนหมายจะไปสังหารอสูรตัวนี้อยู่สองสามครั้ง แต่อสูรตัวนี้มีอิทธิฤทธิ์เกรียงไกรนัก และยิ่งไปกว่านั้นยังเจ้าเล่ห์เพทุบาย เมื่อคนอยู่มากก็ซ่อนตัวอยู่ใต้ท้องทะเล เมื่อคนน้อยก็ทำการโจมตีผู้ที่อยู่ลำพัง ข้าจึงสูญเสียกำลังคนไปไม่น้อย” ชิงเสี่ยวถอนหายใจออกมา เอ่ยอย่างรู้สึกจนปัญญาเล็กน้อย


 


 


“อสูรตัวนี้มีอิทธิฤทธิ์ลมปราณชนิดใด ถึงได้รับมือยากปานนั้น”หานลี่เผยสีหน้าแปลกประหลาดออกมา


 


 


จากความรู้ทั่วไปแล้ว อสูรมหาสมุทรตัวนั้นต่อให้มีพลังยุทธ์สูงส่งแค่ไหน หากถูกผู้บำเพ็ญเพียรกลุ่มหนึ่งไล่สังหาร ก็ไม่มีทางโชคดีรอดพ้นได้


 


 


“อสูรตัวนี้จัดอยู่ในอสูรประเภทไหน ยามนี้พวกเราก็ยังไม่อาจแยกแยะได้ ดูเหมือนว่าจะเป็นอสูรมหาสมุทรกลายพันธุ์ตัวหนึ่ง มองไกลๆ ดูเหมือนปลาวาฬยักษ์ตัวหนึ่ง แต่สามารถหดตัวเล็กใหญ่ได้ตามอำเภอใจ ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถสำแดงเคล็ดวิชาวารีหลีกหนีได้ เมื่อกลายพันธุ์จนแข็งแกร่งขึ้น ก็สามารถเคลื่อนย้ายระยะพันลี้ได้ในพริบตา ต่อให้พวกเราบีบให้อสูรตัวนี้อับจนหนทาง มันแค่สำแดงเคล็ดวิชานี้ออกมา ก็สามารถทะลวงฝ่าวงล้อมออกมาได้อย่างง่ายดาย ไม่อาจกักขังมันได้จริงๆ และยิ่งไปกว่านั้นอสูรมหาสมุทรตัวนี้มีนิสัยดุร้ายมาก นอกจากฆราวาสฉลามสีเงินอันดับหนึ่งในน่านน้ำของพวกเราแล้ว ที่เหลือก็ไม่มีผู้ใดกล้าเผชิญหน้ากับอสูรตัวนี้ตามลำพัง” สตรีขมวดคิ้วดำขลับขณะเอ่ย ดูเหมือนว่าจะกลัดกลุ้มเป็นอย่างยิ่ง


 


 


เมื่อฟังเรื่องเหล่านี้ สีหน้าดีใจของหานลี่พลันหม่นหมองลง และรู้สึกว่ารับมือได้ยาก


 


 


แต่เมื่อเขาพิจารณาอย่างละเอียด จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัยอีกว่า


 


 


“หลายปีขนาดนี้ ผลึกท้องฟ้าเมฆาก้อนนั้นยังอยู่ในร่างของอสูรมหาสมุทรจะไม่ได้รับความเสียหายหรือ? ไม่ใช่ถูกดูดซับหรือหลอมไปหมดแล้วกระมัง”


 


 


“เรื่องนี้ท่านอาวุโสหานโปรดวางใจ ผลึกท้องฟ้าเมฆามีธาตุมิติเวลา นอกเสียจากใช้พลังมิติเวลาโจมตีมันเช่นกัน มิเช่นนั้นก็ไม่อาจทำลายมันได้ แม้ว่าอสูรมหาสมุทรตัวนั้นจะมีธาตุที่ค่อนข้างซับซ้อน แต่ตัวมันไม่มีความสามารถด้านมิติเวลา จุดนี้พวกเราที่ผ่านมาไล่สังหารมันมาหลายปี สามารถมั่นใจได้แล้ว” หญิงสาวเอ่ยอย่างมั่นอกมั่นใจเป็นอย่างมาก


 


 


หานลี่พลันพยักหน้า ในที่สุดก็กำจัดความกังวลในใจไปได้ แล้วเริ่มขบคิดไม่ได้ปริปากใดๆ


 


 


“สหายชิง เจ้ารู้ตำแหน่งที่อสูรมหาสมุทรตัวนั้นปรากฏตัวคร่าวๆ หรือไม่?” หานลี่เอ่ยซักถาม


 


 


“ท่านอาวุโสคิดจะสังหารอสูรตัวนี้” หญิงสาวแววตาเปล่งประกาย แล้วเอ่ยถามอย่างเคร่งขรึม


 


 


“ใช่แล้ว หากบินไปยังแผ่นดินใหญ่เสียงเพรียกอัสนีย่อมเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ต่อให้บินไปยังแผ่นดินใหญ่เสียงเพรียกอัสนีอย่างไม่หยุดพัก อย่างน้อยที่สุดก็ต้องใช้ครึ่งปี หากท่องอยู่ในส่วนลึกของมหาสมุทรในเวลานานขนาดนั้น นอกเสียจากว่าข้าจะมีอิทธิฤทธิ์มากกว่าเดิมสักสิบเท่า มิเช่นนั้นแปดเก้าส่วนก็คงต้องเพลี่ยงพล้ำระหว่างทาง แต่หากอยากหาวิธีกลับไปยังแผ่นดินใหญ่เดิม ก็ต้องไปยังแผ่นดินใหญ่เสียงเพรียกอัสนีที่อยู่ใกล้ที่สุดก่อน ที่นั่นถึงจะอาจจะมีเขตอาคมส่งตัวระดับสุดยอดที่ข้ามผ่านแผ่นดินใหญ่ได้ พวกเจ้าวางแผนจัดการกับอสูรมหาสมุทรตัวนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก็เพื่ออยากซ่อมแซมอาคมส่งตัวสินะ”หานลี่ลูบใต้คางไปมา แล้วเอ่ยอย่างราบเรียบ


 


 


“ท่านอาวุโสพูดถูกเจ้าค่ะ! แม้นว่าน่านน้ำแห่งนี้จะมีชีพจรวิญญาณ แต่สมุนไพรวิญญาณและวัตถุดิบช่วยเสริมที่ต้องใช้ในการฝึกฝนต่างๆ ก็ขาดแคลนไปมากแล้ว คนจำนวนไม่น้อยล้วนติดอยู่ที่จุดคอขวด ไม่อาจพัฒนาได้ หากผ่านไปอีกสักสองสามพันปี คิดดูแล้วที่นี่คงขาดแคลนยาลูกกลอนแล้ว หากท่านอาวุโสหมายตาอสูรตัวนี้จริงๆ ไม่สู้ร่วมมือกับพวกเราเป็นอย่างไร” เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้ หญิงสาวพลันหยุดชะงัก หลังจากฉีกยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยอย่างสงบเยือกเย็น


 


 


“ไม่ปิดท่านอาวุโส ครั้งนี้ที่ข้าออกจากจวน ก็เพราะฆราวาสฉลามสีเงินอันดับหนึ่งในน่านน้ำของเรา อยากรวบรวมคนไปสังหารอสูรมหาสมุทรตัวนั้นอีกสักครั้ง ที่ชนรุ่นหลังมาเยี่ยมเยียนคารวะท่านอาวุโส ความจริงแล้วก็มีเจตนามาเชื้อเชิญเจ้าค่ะ”


 


 


“หากพวกเจ้าสามารถซ่อมแซมเขตอาคมส่งตัวได้จริงๆ ผู้แซ่หานก็ไม่รังเกียจที่จะร่วมมือด้วยสักครั้ง” หานลี่ฉีกยิ้ม และตอบกลับอย่างไม่ต้องขบคิด


 


 


“ท่านอาวุโสโปรดวางใจ วัตถุดิบที่เหลือและปรมาจารย์ด้านเขตอาคม พวกเรามิได้ขาดแคลน ขอแค่มีผลึกท้องฟ้าเมฆา จะต้องซ่อมแซมเขตอาคมส่งตัวให้เป็นดังเดิมได้อย่างแน่นอน” ชิงเสี่ยวได้ยินพลันรู้สึกยินดีปรีดาขึ้นมา


 


 


“แบบนั้นจะดีที่สุด!” หานลี่พยักหน้า


 


 


“ครั้งนี้หากมีท่านอาวุโสลงมือช่วยเหลือละก็ คิดดูแล้วก็มีโอกาสสำเร็จเป็นอย่างมาก ฆราวาสฉลามสีเงินนัดหมายเอาไว้แล้วว่าสี่เดือนให้หลัง ให้ไปรวมตัวกันที่เกาะทะเลสาบสีฟ้าทางทิศใต้ ถึงยามนั้นค่อยตามหาอสูรมหาสมุทรตัวนั้นพร้อมกัน หากท่านมีเจตนาจะเข้าร่วมภารกิจนี้ ก็เก็บเทียบเชิญของฉลามสีเงินเอาไว้ แล้วนำไปด้วยก็พอ” ชิงเสี่ยวพลิกฝ่ามือ หยิบแผ่นป้ายสีเงินเรืองรองออกมา ส่งมอบให้


 


 


หานลี่กวักมือเรียก แผ่นป้ายนั้นถูกดูดเข้ามาอยู่ในมือทันที แล้วก้มหน้าลงพิจารณาสองแวบ


 


 


ตัวป้ายเป็นแสงสีเงินระยิบระยับ ราวกับทำมาจากเงินบริสุทธิ์ก็ไม่ปาน ผิวของมันสลักคำว่า ‘ฉลาม’ ตัวใหญ่เอาไว้


 


 


หานลี่ไม่มีสีหน้าประหลาดใจ พลางเก็บแผ่นป้ายกลับไป


 


 


เมื่อเห็นหานลี่ตอบรับด้วยความตรงไปตรงมากเช่นนี้ ชิงเสี่ยวพลันรู้สึกยินดี หลังจากสนทนาปราศรัยกับหานลี่อีกชั่วครู่ ในที่สุดก็ยืนขึ้นอย่างนอบน้อมแล้วขอตัวลา


 


 


เมื่อหญิงสาวกลายเป็นลำแสงสีขาวสายหนึ่งพุ่งขึ้นไปบนท้องออกจากบ้านไปแล้ว ในห้องไม้พลันเปล่งแสงของเขตอาคมปรากฏขึ้นอีก ในเวลาเดียวกันประตูไม้ก็ค่อยๆ ปิดลงอีกครั้ง


 


 


สองเดือนต่อมา เสียงหวีดร้องอันไพเราะดังขึ้นที่ตีนเขาอย่างต่อเนื่องไม่หยุดจนได้ยินไปทั่วทุกสารทิศ


 


 


มนุษย์อสรพิษเผ่าเพลิงอาทิตย์บนเกาะล้วนได้ยินเสียงหวีดร้องนี้แทบทุกคน ไม่ว่าจะตำแหน่งสูงต่ำ ล้วนมองไปด้วยสีหน้าฉงนสงสัย


 


 


ในขณะที่มนุษย์ฮูหยินกำลังปรึกษางานราชการกับมนุษย์อสรพิษเผ่าเพลิงอาทิตย์ระดับสูงอยู่ในวิหารนั้น เมื่อได้ยินเสียงนี้ พลันเดินออกมาจากวิหารพร้อมกับหน้าที่เปลี่ยนสี ยืนอยู่กลางจัตุรัส แล้วมองไปทางภูเขาขนาดย่อมลูกนั้นพร้อมกัน


 


 


นางแววตาเปล่งประกายสว่างวาบ สีหน้าเปลี่ยนสีไปมา


 


 


ชั่วครู่เสียงร้องยาวๆ พลันหยุดลง


 


 


ทันใดนั้นสายรุ้งสีเขียวสายหนึ่งพลันพุ่งออกมาจากตีนเขา หลังจากเปล่งแสงสว่างวาบก็มาอยู่สูงสุด จากนั้นหลังจากหมุนวนรอบหนึ่ง ก็บินไปยังริมขอบเกาะ


 


 


ไม่นานนักสายรุ้งสีเขียวพลันปรากฏขึ้นบนผิวน้ำห่างจากเกาะเพลิงเมฆาไปพันลี้ และพุ่งตรงไปยังทิศใต้โดยไม่คิดจะหยุดพัก


 


 


หานลี่ที่อยู่ท่ามกลางลำแสงหลีกหนีนั้นมีสีหน้าไร้ความรู้สึก ควบคุมลำแสงหลีกหนีตรงไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วไปพลาง ขบคิดถึงเรื่องของตนเองไปพลาง


 


 


ถ้าหากครั้งนี้สามารถร่วมมือกับคนในน่านน้ำแห่งนี้สังหารอสูรมหาสมุทรตัวนั้นได้อย่างราบรื่นจะเป็นการดีที่สุด เช่นนั้นก็สามารถไปยังแผ่นดินใหญ่เสียงเพรียกอัสนีได้แล้ว จากนั้นก็ตามหาวิธีการกลับไปยังแผ่นดินใหญ่เฟิงหยวน


 


 


หากไม่สำเร็จละก็ เขาก็มีเพียงต้องอยู่ในน่านน้ำแห่งนี้ชั่วคราว รอโอกาสอื่นหรือค่อยไปไล่สังหารอสูรตัวนั้นต่อในวันข้างหน้า


 


 


ถึงอย่างไรเสียจากขวดเล็กและยาลูกกลอนจำนวนมากที่เขาพกติดตัวมา ก็เพียงพอจะประคับประคองการฝึกฝนไปได้ระยะหนึ่ง


 


 


แต่จะว่าไปแล้ว!


 


 


ออกมาจากเผ่ามนุษย์นานขนาดนี้ หานลี่ก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์ของชาวเผ่ามนุษย์ในตอนนี้เป็นอย่างไร


 


 


จะมีสงครามกับชนต่างเผ่าอื่นอีกหรือไม่ เมืองเทวะสวรรค์ยังปลอดภัยอยู่หรือเปล่า?


 


 


ในฐานะที่เป็นหนึ่งในสมาชิกของเผ่ามนุษย์แม้นว่าจะอยู่อาศัยในเมืองเทวะได้ไม่นาน แต่ก็ไม่มีทางทนเห็นเผ่ามนุษย์ถูกทำลายแน่


 


 


ทว่าอีกสาเหตุสำคัญที่เขาอยากกลับไปเผ่ามนุษย์ ก็เพราะกังวลใจว่าหนานกงหวั่นจะขึ้นมายังแดนวิญญาณได้


 


 


แม้ว่าจากการคาดเดาแล้ว การที่หนานกงหวั่นจะอาศัยพลังของข้อขึ้นมาในแดนวิญญาณ จะยังทำไม่ได้ในระยะเวลาสั้นๆ


 


 


แต่บางสิ่งผู้ใดก็ไม่อาจมั่นใจได้เต็มร้อย


 


 


หากภรรยาที่น่ารักของเขาผู้นี้มีวาสนาอะไร บรรลุระดับเทพแปลงได้ในระยะเวลาอันสั้น ยามนี้มาปรากฏตัวในแดนมนุษย์ ก็อาจจะเป็นได้


 


 


และจากความสามารถและพลังยุทธ์ของเขาในเวลานี้ ก็เพียงพอจะพึ่งพาตนเองได้ในแดนมนุษย์แล้ว สามารถปกป้องคุ้มครองหนานกงหวั่นได้


 


 


เมื่อคิดถึงหน้าตาภรรยารักของตน แม้ว่าหานลี่จะฝึกฝนจนมาอยู่ในระดับที่หัวใจเปรียบดังวารีเหือดแห้ง ก็อดที่จะใจลอยไม่ได้


 


 


แต่หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เขาพลันรวบรวมสติ เพ่งสมาธิไปกับการมุ่งไปข้างหน้า


 


 


การเร่งเดินทางในครั้งนี้ ราบรื่นกว่าที่หานลี่คิดเอาไว้


 


 


นอกจากสังหารวิหคปีศาจที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงไปสองตัวระหว่างทางแล้ว คาดไม่ถึงว่าจะไม่ได้พบกับอสูรมหาสมุทรเลยสักนิด หลังจากผ่านไปเดือนกว่า ในที่สุดเขาก็มาถึงน่านน้ำที่แปลกตาตามในแผนที่


 


 


เวลานี้เขากำลังเหาะเหินไปพลาง แผ่จิตสัมผัสตรวจสอบผิวน้ำรอบๆ ไปพลาง


 


 


ตามแผนที่แล้ว เขาน่าจะอยู่ใกล้กับ ‘เกาะทะเลสาบสีฟ้า’แต่เมื่อทอดสายตาออกไป ผิวน้ำในบริเวณโดยรอบกลับว่างเปล่าไม่มีร่องรอยของเกาะเลยสักนิด


 


 


หานลี่รู้สึกประหลาดใจไปเล็กน้อย แต่หลังจากบินไปได้อีกร้อยกว่าลี้ ฉับพลันนั้นพลันหน้าเปลี่ยนสี ปรับความเร็วขึ้นพุ่งออกไป


 


 


ผลคือหลังจากผ่านไปหนึ่งมื้ออาหาร หานลี่พลันเข้ามาในน่านน้ำที่แปลกประหลาดแห่งหนึ่ง


 


 


ท้องฟ้าเปลี่ยนไปในพริบตา บนผิวน้ำมีหิมะปกคลุมอยู่ หิมะสีขาวโพลนจำนวนนับไม่ถ้วนปลิวพลิ้วปะปนไปกับสายลมเย็นยะเยือก ให้ความรู้สึกหนาวเย็นจนเสียดแทงกระดูก


 


 


สิ่งที่แปลกประหลาดก็คือ ด้านล่างผิวน้ำกลับไม่มีเค้าลางจะแข็งตัวเลยสักนิด และมีความร้อนระอุแฝงอยู่


 


 


บรรยากาศแปลกประหลาดทั้งร้อนและหนาวสองอย่างตัดสลับกันไปมานั้น ทะเลหมอกสีขาวจึงค่อยๆ หนาแน่นขึ้น


 


 


หานลี่บินอยู่ท่ามกลางพายุหิมะไปสักระยะหนึ่ง ตะปบมือไปยังอากาศเบื้องหน้า วารีมหาสมุทรกลุ่มหนึ่งถูกสูบเข้ามาอยู่ในมือ คาดไม่ถึงว่าจะร้อนระอุ อุณหภูมิสูงลิ่ว


 


 


หานลี่ขมวดคิ้วมุ่น มองไปยังหมอกสีขาวหนาทึบไกลออกไป ลำแสงหลีกหนีกลับไม่หยุดพักเลยสักนิด เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายเข้าไปในส่วนลึกของทะเลหมอก


 


 


เมื่อหานลี่เข้าไปในส่วนลึก พายุหิมะกลางอากาศพลันเย็นยะเยือกขึ้นเรื่อยๆ และผิวน้ำด้านล่างกลับตรงกันข้าม ราวกับน้ำเดือดปุดๆ อย่างไรอย่างนั้น


 


 


แม้กระทั่งบางแห่งบนผิวน้ำ น้ำทะเลยังหมุนวนส่งเสียงปุดๆ ออกมา


 


 


แต่หานลี่กลับทำเป็นมองไม่เห็นสถานการณ์แปลกประหลาด แค่มุ่งตรงเข้าไปในทะเลหมอก


 


 


หลังจากที่บินอยู่ในม่านหมอกได้ยี่สิบสามสิบลี้ ฉับพลันนั้นเบื้องหน้าพลันเปล่งประกาย ม่านหมอกหายวับไป


 


 


เบื้องหน้าบนผิวมหาสมุทรพลันมีเกาะน้ำแข็งแวววาวปรากฏขึ้น


 


 


พายุหิมะกลางอากาศหยุดลงแล้ว แต่อุณหภูมิกลับหนาวเย็นกว่าก่อนหน้าสามส่วน และน้ำเทละก็เริ่มจับตัวเป็นน้ำแข็ง ปรากฏเป็นน้ำแข็งบางๆ ชั้นหนึ่ง ความร้อนระอุหายวับไป


 


 


หานลี่ไม่ต้องขบคิดอะไรให้มากความ กระตุ้นลำแสงหลีกหนี ชั่วขณะนั้นพลันพุ่งไปที่เกาะน้ำแข็ง


 


 


มองไกลๆ เกาะแห่งนี้มีขนาดไม่นับว่าเล็กนัก แม้กระทั่งยังใหญ่กว่าเกาะเพลิงเมฆาของเผ่าเพลิงอาทิตย์อยู่สองสามเท่า


 


 


เกาะแห่งนี้น่าจะเป็น ‘เกาะทะเลสาบสีฟ้า’ ตามในแผนที่


 


 


จากความเร็วของหานลี่ แน่นอนว่าย่อมมาถึงขอบของเกาะน้ำแข็งได้ในพริบตา


 


 


แต่ไม่รอให้เขาได้บินเข้าไปในเกาะ ฉับพลันนั้นในส่วนลึกของเกาะเบื้องหน้า พลันมีเสียงคำรามทุ้มต่ำดังขึ้น


 


 


หานลี่ได้ยินเสียงคำรามนี้ พลันหน้าเปลี่ยนสี โลหิตในร่างกายของเขาเดือดพล่าน

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)