ลำนำบุปผาพิษ 1540-1547

 บทที่ 1540 ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้ว่างจนเบื่อหน่าย 1


กู้ซีจิ่วไร้ซึ่งวาจา


เธอมองสองมือของตน ต่อไปตนจะกลายเป็นตัวประหลาดเช่นนั้นหรือ?


เมื่อสัมผัสตัวผู้คนก็จะดูดพลังวิญญาณของผู้อื่นมา…


เช่นนั้นภายหน้าเธอจะอยู่กับตี้ฝูอีได้อย่างไร?


หัวใจคล้ายถูกบางสิ่งบีบรัดอย่างช้าๆ จิตใต้สำนึกของเธอไม่ยินดีที่จะเชื่อ “นี่เป็นแค่นิทานที่คุณเคยได้ยินมา…คุณก็รู้นี่ ตำนานอย่างไรเสียก็เป็นตำนาน ในตำนานยังคงมีน้ำมากมายนัก สามารถกลับดำให้เป็นขาวได้ ไม่ได้เผยทั้งหมด บางทีเขาคงจะฝึกฝนวิชามารอะไรเข้า ไม่อาจบอกกล่าวผู้คนได้ ดังนั้นจึงแต่งนิทานเช่นนี้ออกมา…”


หลงซือเย่มองเธอครู่หนึ่ง สักพักก็ถอนหายใจแล้วเอ่ยขึ้น “ซีจิ่ว ปกติเธอไม่ใช่คนที่ชอบหนีความจริงเลยนะ ไม่ว่าพบเจออุปสรรคอะไรล้วนชอบเผชิญหน้าตรงๆ”


กู้ซีจิ่วเงียบงัน


หลงซือตบไหล่เธอเบาๆ “วางใจเถอะ ต่อให้ถูกสวรรค์ลงทัณฑ์แบบนี้เหมือนกัน ก็ใช่ว่าจะไม่มีหนทางแก้เลย ปีนั้นหลังจากที่ฉันได้ยินเรื่องนี้ ในใจก็ไม่ยินยอมอย่างยิ่ง ไม่พอใจที่พวกเราทำได้เพียงเบิกตารับบทลงโทษจากดินแดนเบื้องบนเช่นนี้ ดังนั้นต่อมาฉันได้ทำการรักษาผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายคลึงกัน พบว่าหลังจากที่เขาฝันว่าถูกฟ้าผ่า ร่างกายก็เกิดความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง อันที่จริงก็เหมือนได้รับกัมมันตรังสีชนิดหนึ่งเข้า พันธุกรรมในร่างกายจึงเกิดความเปลี่ยนแปลง…”


หลงซือเย่พูดศัพท์เฉพาะบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับด้านนี้ออกมา ศัพท์เฉพาะพวกนี้สำหรับคนอื่นแล้วดั่งภาษาสวรรค์ฟังไม่เข้าใจ แต่สำหรับกู้ซีจิ่วที่มีความเข้าใจเช่นเดียวกันแล้ว ค่อนข้างเข้าใจได้ง่าย


หลงซือเย่ค้นคว้ารักษาอยู่หลายปี ในที่สุดก็พบว่าบทลงโทษประเภทนี้อันที่จริงไม่ได้เกี่ยวพันไปถึงดวงวิญญาณ เพียงทำให้เซลล์ในร่างของผู้ป่วยกลายพันธุ์ไป พันธุกรรมเปลี่ยนแปลงไปอย่างผิดปกติไม่สามารถใช้วิธีทางการแพทย์รักษาให้หายขาดได้ มีหนทางแก้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น…เปลี่ยนร่าง!


ตอนนั้นหลงซือเย่กำลังศึกษาค้นคว้าการโคลนนิ่งอยู่พอดี และต้องการตัวทดลองเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงทำสร้างร่างโคลนนิ่งของคนผู้นั้นออกมาร่างหนึ่ง หลังจากคนผู้นั้นคืนชีพขึ้นมาในร่างโคลนนิ่ง บทลงโทษอันวิปริตนั้นก็หายไปเลย…


เพียงแต่ร่างโคลนนิ่งในยามนั้นเป็นแค่รุ่นทดลองของหลงซือเย่ จึงมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง ไม่เพียงแต่พลังยุทธ์สู้ร่างเดิมไม่ได้เท่านั้น ยังไม่อาจฝึกฝนบ่มเพาะพลังวิญญาณต่อไปได้อีกด้วย ดังนั้นคนผู้นั้นมีชีวิตอยู่ในร่างโคลนนิ่งได้สี่สิบปี สุดท้ายก็ถึงแก่กรรม


เมื่อหลงซือเย่กล่าวถึงกระบวนการนี้ออกมา หัวใจกู้ซีจิ่วก็สั่นไหวทันที!


ร่างปัจจุบันของเธอก็เป็นร่างโคลนนิ่งเหมือนกัน หากว่าร่างโคลนนิ่งนี้ได้รับทัณฑ์สวรรค์ต้องคำสาป เช่นนั้นเธอก็สามารถย้ายกลับร่างเดิมได้! ร่างเดิมร่างนั้นเธอยังถูกเก็บรักษาไว้ที่เผ่าเงือก!


เมื่อทราบวิธีแก้ไขแล้ว หัวใจที่เดิมทีค่อนข้างหนักอึ้งของกู้ซีจิ่วก็ผ่อนคลายขึ้นไม่น้อย


เจตนาของหลงซือเย่คือเขาสามารถสร้างร่างโคลนนิ่งให้เธออีกร่างได้ กู้ซีจิ่วส่ายศีรษะ เอ่ยขอบคุณในความปรารถนาดีของเขา บอกว่าตนมีวิธีของตนแล้ว


หลงซือเย่ถอนหายใจเบาๆ คราหนึ่ง ไม่บังคับฝืนใจเธอเช่นกัน และไปส่งเธอกลับจวนแม่ทัพ ยามที่บอกลากัน หลังซือเย่ได้กล่าวประโยคหนึ่งกับเธอย่างจริงจังยิ่ง “ซีจิ่ว ไม่ว่าเธอจะพบเจอปัญหาอะไร ขอให้เธอจำไว้ ฉันจะอยู่ข้างเธอเสมอ!”


หัวใจกู้ซีจิ่วอุ่นวาบ พยักหน้าอย่างหนักแน่น “ได้ ฉันจะจำไว้!”


หลงซือเย่ถึงได้กล่าวอำลาแล้วจากไป


กู้ซีจิ่งมองดูแผ่นหลังของเขา นัยน์ตามีแววใคร่ครวญลึกซึ้งพาดผ่าน


เธอจำเรื่องที่เคยได้ยินจากตี้ฝูอีได้ วิญญาณของหลงฟั่นแข็งแกร่งกว่าหลงซือเย่มากนัก หากว่าไม่มีการแทรกแซงจากภายนอก หลงฟั่นจะ ‘กลืนกินหลอมรวม’ หลงซือเย่ได้สมบูรณ์ จะมีความทรงจำของหลงซือเย่ แต่บุคลิกหลักกลับเป็นหลงฟั่น


————————————————————————————-


บทที่ 1541 ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้ว่างจนเบื่อหน่าย 2


และยามนี้ถึงแม้หลงฟั่นจะถูกผนึกไว้แล้ว ทว่าเนื่องจากเขาแข็งแกร่งมากเกินไป ยังต้องให้ตี้ฝูอีผนึกใหม่อีกครั้งทุก หนึ่งเดือน ยามนี้ผ่านไปเกือบหนึ่งเดือนแล้ว ไม่รู้ว่าตี้ฝูอีเสริมกำลังผนึกให้เขาใหม่แล้วหรือยัง?


เธอกลับมาในห้องนอน เดิมทีคิดอยากจะติดต่อตี้ฝูอีเพื่อถามเรื่องผนึกของหลงซือเย่ ทว่าตอนหายันต์ถ่ายทอดเสียงก็นึกขึ้นได้ว่ายันต์นั้นถูกเผาไปแล้ว ยังต้องสร้างใหม่ขึ้นมาหนึ่งอัน


ติดต่อตี้ฝูอีไม่ได้ชั่วขณะ เธอครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วจึงติดต่อหลีเมิ่งซย่าในทันที ให้นางช่วยตรวจสอบคนที่หลงซือเย่เคยช่วยเหลือไว้…


หลีเมิ่งซย่าเป็นถึงประมุขหอเงาราตรี คนของหาเงาราตรีเป็นสายลับผู้เชี่ยวชาญการสืบหาข้อมูลข่าวสาร กู้ซีจิ่วเพียงนอนหลับไปตื่นหนึ่ง วันถัดมาก็ได้ข้อมูลของคนผู้นั้นทั้งหมดแล้ว


ข้อมูลละเอียดครบถ้วนยิ่งนัก แม้แต่บนร่างคนผู้นั้นมีไฝกี่เม็ดก็สืบหามาจนถึงที่สุด


สี่สิบปีก่อนมีคนผู้นี้อยู่จริง เขาเคยเป็นโรคประหลาดอย่างหนึ่ง ผิวหนังสัมผัสกับใครคนนั้นตาย คนที่เขาสัมผัสตัวจะถูกดูดพลังวิญญาณจนหมดเกลี้ยงในพริบตา จากนั้นก็ตายจากไป ต่อมาคนผู้นี้มาขอให้หลงซือเย่รักษา หลงซือเย่ใช้เวลาสามปีเพื่อรักษาโรคประหลาดชนิดนี้ของเขา ทว่าหลังจากหายดี พลังวิญญาณของเขากลับลดฮวบ ได้แต่ใช้ชีวิตที่เหลืออย่างเรียบง่าย


เหมือนกันกับที่หลงซือเย่เล่าให้กู้ซีจิ่วฟังทุกประการ นี่แสดงว่าหลงซือเย่ไม่ได้พูดจาโป้ปด


เมื่อรู้เรื่องนี้ กู้ซีจิ่วก็มีความมั่นใจแล้ว


เธอสงบจิตใจแล้วเริ่มสร้างยันต์ถ่ายทอดเสียงขึ้นมาใหม่ ผ่านไปสองวัน ในที่สุดเธอก็สร้างอันใหม่ขึ้นมาได้แล้ว


เรื่องแรกที่ต้องทำหลังจากสร้างยันต์ถ่ายทอดเสียงสำเร็จก็คือติดต่อตี้ฝูอี สองวันที่ผ่านมาเจ้าคนผู้นี้ราวกับหายตัวไป ไม่มีข่าวคราวแม้แต่น้อย ไม่มาให้เธอเห็นหน้า ทำให้เธอรู้สึกไม่สบอารมณ์


ดังนั้นเธอจึงรีบเอ่ยถามทันทีที่ต่อสายติด “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ตอนนี้ทำอะไรที่ไหนอยู่? ไม่ทราบว่าพอจะเจียดเวลาสักครู่มาคุยกับข้าหน่อยได้หรือไม่?”


ตี้ฝูอีนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง “เงยหน้าขึ้นมอง”


หืม?


กู้ซีจิ่วเงยหน้าขึ้นจริงๆ มองไปทางหน้าต่างที่เปิดไว้ เห็นตี้ฝูอียืนอยู่บนยอดของต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งในสวนเธอ มองเธอด้วยรอยยิ้ม อ้าแขนผายมาทางเธอ


หัวใจกู้ซีจิ่วพลันสั่นไหว ร่างกายพุ่งทะยานออกไปทางหน้าต่าง ร่อนลงตรงหน้าของตี้ฝูอี ทว่าไม่ได้โผเข้าสู่อ้อมกอดเขา


มือทั้งสองข้างพลันกอดอก กวาดสายตามองเขารอบหนึ่งอย่างช้าๆ “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย นี่คืออยากกอดอย่างงั้นรึ?”


ตี้ฝูอีเดินมาข้างหน้าก้าวหนึ่ง “ไหนให้ข้ามองดูเจ้าดีๆ”


กู้ซีจิ่วหันมองเขาด้วยใบหน้าเรียบเฉย “มีอันใดน่าดู? ข้าไม่ใช่ข้าแบบเดิมอย่างนั้นหรือ? ท่านดูมาแปดปีแล้ว ดูจนจะเบื่อหน่ายแล้ว…”


ตี้ฝูอียกชายเสื้อขึ้นจับแขนนางในทันที เขาออกแรงเพียงเล็กน้อยรั้งนางไว้ในอ้อมกอด ริมฝีปากจุมพิตลงที่หน้าผากนางคราหนึ่ง “ถ้อยคำกล่าวโทษมากมายขนาดนี้เชียวหรือ? คิดถึงข้าจนขุ่นข้องหมองใจไปแล้วหรือ?”


ร่างกายกู้ซีจิ่วพลันแข็งทื่อเล็กน้อย ถึงแม้ใบหน้าพริ้มเพรายังคงเคร่งขรึม ทว่าหัวใจกลับแปรปรวนดังคลื่นทะเล!


เธอยังคงปากแข็ง “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายคิดมากเกินไปแล้ว! ข้าไม่มีทางคิดถึงท่านหรอก! ข้ายุ่งมาก หากท่านไม่มา ข้าก็เกือบจะลืมไปแล้วว่าท่านรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร!”


หลายวันมาแล้วที่ไม่ได้โผเข้าสู่อ้อมกอดนี้ ยามนี้เธออยู่ในอ้อมกอดเขาอีกครั้งหนึ่ง ไม่ใช่ว่ากู้ซีจิ่วไม่คิดถึง ทว่าท้ายที่สุดเธอยังคงมีปมในใจ ทำให้เธอไม่อยากกอดเขากลับ ดังนั้นแขนทั้งสองข้างของเธอยังคงแข็งทื่ออยู่ข้างกายสองฝั่ง ไม่ได้โอบเอวของเขาไว้


เธอเป็นผู้หญิงแข็งแกร่ง มีความเป็นตัวของตัวเองสูงเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อื่น ถึงขนาดมีชาวบ้านเคารพบูชาเธอโดยมองเห็นเธอเป็นเทพไปแล้ว


บทที่ 1542 ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้ว่างจนเบื่อหน่าย 3


ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา เธอก็เป็นเหมือนเด็กน้อยคนหนึ่งโดยไม่รู้ตัว


จะเจ้าแง่แสนงอน จะโผเข้ากอด จะร้องห่มร้องไห้…


นิ้วมือของตี้ฝูอีพลันชี้ปลายจมูกนาง “โง่งม เจ้าเผายันต์ถ่ายทอดเสียงจนมอดไหม้แล้ว สองวันมานี้ข้าอยากติดต่อเจ้าแค่ไหนก็ติดต่อไม่ได้ นี่ไม่ใช่ว่าเพิ่งทำธุระมาได้ช่วงหนึ่ง ข้าก็มาหาเจ้าแล้วหรือไร”


เมื่อเขาอธิบายเช่นนี้ ทำให้กู้ซีจิ่วรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย ส่งเสียงชิคราหนึ่ง “ไม่ได้โทษท่านเสียหน่อย…” หากเขาไม่ได้เย็นชาต่อเธอ ทำร้ายจิตใจเธอด้วยการหมางเมิน ทำให้เวลาเธอทำสิ่งใดก็คิดฟุ้งซ่าน ไม่เช่นนั้นจะเผายันต์ถ่ายทอดเสียงได้อย่างไร?


“อืม โทษข้าเอง” ตี้ฝูอีกลับยอมรับความผิด ใช้คางถูไถกลางศีรษะนาง “ไม่โกรธแล้วนะ หืม?”


กู้ซีจิ่วไม่ได้โกรธเขา อย่างไรเสียฐานะของเขาก็ค้ำคออยู่ตรงนั้น ยุ่งง่วนในช่วงนี้ก็ถือเป็นเรื่องปกติ


อวี่ผู้ยิ่งใหญ่แก้ปัญหาน้ำท่วม ผ่านบ้านสามครั้งแต่ไม่เข้า เขาแข็งแกร่งกว่าอวี่ผู้ยิ่งใหญ่ยิ่งนัก และไม่มาหาเธอแค่เพียงสองวันเอง…


ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็ใช้แขนข้างหนึ่งกอดเขากลับด้วยเห็นแก่หน้าของเขา “ยากนักที่ท่านจะมาหาข้าที่บ้านด้วยตัวเอง ครั้งนี้คิดจะมาหาข้าเดี๋ยวเดียวแล้วจากไปหรือ”


ตี้ฝูอียิ้ม โอบเอวนางไว้ด้วยแขนข้างหนึ่ง “ไป ข้าพาเจ้าออกไปเที่ยว!”



สองปีมานี้ ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมผู้นั้นทำลายทวีปแห่งนี้ไปไม่น้อย บ้านเมืองลุกเป็นไฟ


หลังจากตี้ฝูอีกลับมาใหม่ ยังมีอีกหลายสิ่งที่รอการฟื้นฟู ประชาชนต้องได้รับการบำรุงขวัญ ขุนนางต้องได้รับการปรับเปลี่ยน ปัญหาหลังเกิดศึกสงครามต้องได้รับการเยียวยา…


บางอย่างเขาต้องไปจัดการด้วยตัวเอง บางอย่างก็ต้องมาถามจากเขา


สมแล้วที่เขาเป็นผู้ปกครองทวีปแห่งนี้ จัดการฟื้นฟูความสงบเรียบร้อยให้กลับมาเหมือนเดิมได้อย่างง่ายดาย ในเวลาไม่เกินสิบกว่าวัน ทวีปแห่งนี้หวนคืนความมีชีวิตชีวาไม่น้อย ชาวบ้านที่ระหกหะเหินสิ้นเนื้อประดาตัวก็กลับบ้านได้อีกครั้ง ทำไร่ไถนา ทำประมง ทอผ้าล่าสัตว์ ค่อยๆ กลับมาใช้ชีวิตปกติได้ดังเดิม


กู้ซีจิ่วรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงนี้เมื่อเดินไปตามท้องถนน ถึงแม้ชาวบ้านส่วนใหญ่จะมีสีหน้าซีดเซียว ทว่ามีชีวิตชีวายิ่งนัก เดินเหินอย่างวีรบุรุษผู้กล้า ทำการสิ่งใดมีคึกคักฮึกเหิม


หลายวันมานี้ กู้ซีจิ่วนับว่าเป็นที่รู้จักดีนัก ชาวบ้านตามท้องถนนแทบทุกคนรู้จักเธอ


หลังเธอออกจากบ้านไม่นานก็มีคนจำได้ เปรียบเสมือนดาราที่มีแฟนคลับรายล้อม ก้าวเดินลำบากยิ่งนัก พวกเขากล่าวทักทายเธออย่างกระตือรือร้น ถามไถ่สารทุกสุขดิบเธอ…


ทว่าตี้ฝูอีกลับสวมชุดสีเขียวเรียบง่ายอยู่ข้างกาย เขาเก็บซ่อนความสามารถและปกปิดรูปลักษณ์กึ่งหนึ่ง พวกชาวบ้านจึงจำเขาไม่ได้ ยังคิดว่าเขาเป็นสหายของกู้ซีจิ่ว จึงมองข้ามเขาไป…


แน่นอนว่าต่อให้เขาปกปิดรูปลักษณ์ไปกึ่งหนึ่งแล้วก็ยังหล่อเหลาล่มบ้านล่มเมือง ดึงดูดสายตาสตรีผู้งดงามไม่น้อย พวกนางแอบส่งสายตาให้เขา สอบถามฐานะของเขาเป็นการส่วนตัว


ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็เข้าใจว่าทำไมตี้ฝูอีถึงได้สวมใส่หน้ากากบดบังใบหน้าไว้ตลอดเวลา เพราะหากออกมาเที่ยวเตร่ ด้วยรูปลักษณ์แท้จริงที่ไม่ได้แปลงโฉม คนก็จะจำได้!


เขาในชุดเรียบง่ายตามติดข้างกายเธอในยามนี้ รอยยิ้มบนริมฝีปากอ่อนโยนยิ่งนัก มองไม่เห็นรอยยิ้มที่เฉียบคม ถึงขั้นที่ดูอารมณ์ดี ราวกับคุณชายตระกูลสูงส่งเดินทางท่องเที่ยวยามวสันต์ มองดูสบายตายิ่งนัก


กู้ซีจิ่วไม่ถนัดการรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้ หลังจากเธอรับมืออยู่ไม่นานก็ลากตี้ฝูอีหายตัวไป


พฤติกรรมเช่นนี้ของเธอย่อมทำให้ชาวบ้านรู้สึกว่าลึกลับซับซ้อน และความลึกลับซับซ้อนแสดงถึงความสูงศักดิ์ เหล่าชาวบ้านยิ่งเคารพบูชาเธอถึงขั้นที่มีบางคนหมอบกราบคำนับไปยังทิศทางที่เธอหายตัวไป ประหนึ่งพบเจอเทพเซียนก็ไม่ปาน…


ช่วงเวลาหนึ่งก้านธูปต่อมา ณ ตรอกที่ค่อนข้างเงียบสงบห่างไกลแห่งหนึ่ง กู้ซีจิ่วซักถามตี้ฝูอีที่อยู่ข้างกาย…


————————————————————————————-


บทที่ 1543 ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้ว่างจนเบื่อหน่าย 4


“ท่านรู้อยู่แล้วกระมังว่าจะดึงดูดสายตาผู้คนรอบข้าง? เหตุใดจึงไม่เตือนข้าเล่า?”


ตี้ฝูอีพลันกอดอก กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ความรู้สึกที่มีคนเคารพนับถือเช่นนี้เป็นอย่างไร?”


กู้ซีจิ่วนิ่งอึ้ง


แรกเริ่มย่อมรู้สึกถึงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ ทว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไปก็รู้สึกหวาดระแวงอยู่บ้าง ทำสิ่งที่ตัวเองต้องการจะทำตามใจชอบไม่ได้


กู้ซีจิ่วเข้าใจเหตุผลหลักที่ตี้ฝูอีใช้ฐานะตัวตนมากมายขนาดนี้ท่องไปทั่วอาณาจักรอย่างอิสระเสรีแล้ว…


ฐานะเทพศักดิ์สิทธิ์ของเขาสูงส่งเกินไป หนาวเหน็บและเงียบเหงา เขาย่อมรู้สึกโดดเดี่ยวอยู่แล้ว


ทว่าก็ไม่อาจละทิ้งฐานะนั้น ดังนั้นหากเขาต้องการทำสิ่งใดก็เปลี่ยนไปใช้ฐานะคนธรรมดาได้! แสวงหาความสำเร็จ เสาะหาความท้าทาย…


เธอทอดถอนใจ “ข้าก็อยากเปลี่ยนฐานะไปเที่ยวเตร่ได้อย่างมีความสุข!”


ตี้ฝูอีดึงนางแล้วเดินไป “เช่นนั้นยังมัวรีรออันใด? ไปสิ! พวกเราเปลี่ยนฐานะไปเที่ยวกัน!”


ภายในโกดังร้านเสื้อผ้าแห่งหนึ่ง เสื้อผ้ามากมายหลากหลายละลานตา


ตี้ฝูอีลากกู้ซีจิ่วไปยืนอยู่ในโกดัง ชายเสื้อพลันสะบัด “เสื้อผ้าที่นี่ครบครัน สามลัทธิเก้าอาชีพ[1]ล้วนมีหมด เจ้าอยากเปลี่ยนเป็นฐานะอะไร? ข้าจะเปลี่ยนตามให้เข้ากับเจ้า”


กู้ซีจิ่วนึกไม่ถึงว่าเขาจะถูกใจเสื้อผ้าของร้านตัดเสื้อธรรมดา ยิ่งนึกไม่ถึงว่าเขาจะพาเธอมาเพื่อขโมยมัน!


ทั้งสองคนแอบลอบเข้าทางประตูหลังประหนึ่งหัวขโมย!


กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าน่าขบขันทว่าก็ประหลาดใจ เธอครุ่นคิดแล้วจึงเลือกเสื้อผ้าชุดหนึ่ง นั่นคือชุดของแม่ค้าธรรมดา เธอแปลงโฉมอีกครั้ง ยังคงเป็นหญิงงามคนหนึ่ง แต่ไม่ได้งามขนาดทำให้ผู้คนเห็นแวบหนึ่งแล้วไม่อาจละสายตาได้


ตี้ฝูอีเปลี่ยนชุดทันทีเช่นกัน เป็นคุณชายเจ้าของกิจการ มือถือพัดจีบ มีหยกห้อยเอว ทุกท่วงท่ากิริยาแฝงด้วยความหล่อเหลาสง่างามที่ค่อนข้างเฉิ่มเชย


กู้ซีจิ่วมองดูรูปลักษณ์เช่นนี้ของเขา อดไม่ได้ที่จะยกนิ้วหัวแม่มือให้ “ยอดเยี่ยม!”


คนผู้นี้แปลงเป็นมังกรเหมือนมังกร แปลงเป็นพยัคฆ์เหมือนพยัคฆ์ ยามนี้ หากไม่ใช่เพราะเธอรู้ว่าเป็นเขา พบเจอและถูกเขาเดินชนเข้าบนท้องถนนเกรงว่าคงไม่มีทางจำได้!


ตี้ฝูอีจูงมือนาง “ไปกันเถอะ พวกเราไปเดินเล่นกัน!”


กู้ซีจิ่วยังคงมีขีดจำกัดยิ่งนัก ก่อนจากไป เธอทิ้งทองคำขาวก้อนโตไว้บนชั้นวางของหลายก้อนเพื่อชดเชยความเสียหายของร้านนี้



ทั้งสองคนเดินเล่นบนถนนอย่างสบายอารมณ์


ความจริงกู้ซีจิ่วไม่ได้เดินเล่นมาเป็นเวลานานแล้ว ยามนี้จึงเดินอย่างสบายอดสบายใจยิ่งนัก


โดยเฉพาะยามมีเขาอยู่เป็นเพื่อนข้างกาย ความสบายใจยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวี


วันนี้ตี้ฝูอีมีความอดทนยิ่งนัก เดินเล่นเป็นเพื่อนเธอไปตามถนน เยี่ยมชมร้านค้าต่างๆ มากมาย พบเจอสิ่งของที่เหมาะสมหรือถูกใจก็ซื้อให้เธอสองชิ้น เขาต่อรองราคาเป็นเช่นกัน สิ่งของราคาหนึ่งร้อยตำลึง เขากลับซื้อมาได้ในราคาสิบตำลึงอย่างมีชั้นเชิง ลักษณะของพ่อค้าผู้มีไหวพริบปฏิภาณ แทบจะทำให้พ่อค้าเร่ขาดทุนย่อยยับ…


กู้ซีจิ่วประหลาดใจเมื่อเห็นท่าทางเจ็บใจเป็นที่สุดของพ่อค้าเร่ “ท่านมีความสามารถนัก! ประสบการณ์ชีวิตของท่านมากมายเหนือธรรมดาจริงๆ!”


ตี้ฝูอีใช้มือคาดคะเนน้ำหนักของถุงผ้าดิ้นทองด้ายเงินนั้น “ต้นทุนของสิ่งนี้ราคาเพียงแค่แปดตำลึงสามอีแปะ ข้าให้เขาสิบตำลึงก็นับว่าให้เขาได้กำไรแล้ว”


กู้ซีจิ่วไร้ซึ่งวาจา


นี่เขารู้หมดเลยหรือ?!


“เมื่อก่อนท่านเคยเป็นพ่อค้าเร่หรือไง? เหตุใดจึงรู้ราคาต้นทุนของคนอื่นได้?!”


ตี้ฝูอีดึงนางเข้าสู่อ้อมกอดแล้วเดินต่อไป “เด็กน้อย ความจริงชีวิตของข้าก่อนที่จะพบเจอเจ้าน่าเบื่อยิ่งนัก เพื่อตามหาความสุขเล็กๆ น้อยๆ ของตัวเอง นอกจากคณิกาในหอนางโลมแล้ว อาชีพอื่นข้าก็เคยทำมาหมด!”


กู้ซีจิ่วนิ่งอึ้ง


————————————————————————————-


[1] สามลัทธิเก้าอาชีพ หมายถึง กระแสวิชาชีพต่าง ๆ ที่แตกแขนงออกหลายสาขา


บทที่ 1544 เกรงแต่ว่าเจ้าจะไล่สังหารข้า


คนผู้นี้ว่างมากจนน่าเบื่อหน่ายขนาดนี้เลยหรือ? มิน่าหลังจากเธอทะลุมิติมา เขาถึงได้ไล่กวดเธอไม่ยอมปล่อยประหนึ่งแผ่นยาหนังสุนัข เพื่อแสวงหาความสุขใหม่นี่เอง!


วันนี้ตี้ฝูอีเดินจูงมือเธอตลอด กู้ซีจิ่วเริ่มหวาดกลัวว่าจะดูดพลังวิญญาณของเขามา จึงแอบระวังอยู่ตลอดเวลา


ทว่าเขาจูงมือเธอเป็นเวลานานก็ไม่มีสิ่งใดผิดปกติ ในที่สุดเธอจึงวางใจลงได้


ฝ่ามือของเขาอบอุ่น ยามจูงมือเธอ ความอบอุ่นนั้นส่งผ่านจากฝ่ามือมาถึงเธอตลอด ราวกับส่งผ่านเส้นเลือดเข้าไปถึงก้นบึ้งในหัวใจ


‘เรื่องโรแมนติกที่สุดที่ข้าเคยคิดถึงก็คือการจูงมือท่าน ค่อยๆ แก่เฒ่าไปด้วยกันกับท่าน’


ถึงแม้เธอและเขาต่างไม่มีทางแก่เฒ่า ทว่าความรู้สึกที่จับมือ อิงแอบซึ่งกันและกันเช่นนี้ ก็เป็นความละโลบที่ไร้ขีดจำกัดของเธอเช่นกัน


เธอไม่ได้เรียกร้องสิ่งใด เพียงขอแค่ได้จับมือเคียงคู่กันไปอย่างนี้ยามว่างก็พ


คำนวณดูแล้ว ความจริงเธอและเขาก็ไม่ได้อยู่ด้วยแบบนี้มาเกือบหนึ่งเดือนแล้ว กู้ซีจิ่วพึงพอใจมาก


เธอเอนกายพิงในอ้อมกอดเขา พลางกินถังหูลู่ที่เป็นของท้องถิ่นไม้หนึ่ง ถังหูลู่แบบนี้แตกต่างกับของสังคมในปัจจุบัน เย็นและอมเปรี้ยวเล็กน้อย มีรสชาติของแอปเปิลนิดหน่อย เป็นของกินกู้ซีจิ่วชอบอย่างหนึ่ง


ความจริงตี้ฝูอีไม่ชอบของกินประเภทนี้ แต่เมื่อกู้ซีจิ่วแกล้งเอาใส่เข้าปากเขาลูกหนึ่ง แต่เขาก็กินเข้าไปแต่โดยดีแม้จะจนใจ ทั้งยังแสดงความเห็นหลังจากกินเสร็จ “ของสิ่งนี้เย็นและหวานไปหน่อย”


ระหว่างเขาเอ่ยความเห็น กู้ซีจิ่วจึงใส่เข้าปากเขาไปอีกลูกหนึ่ง “เด็กดี กินมากหน่อยท่านก็จะไม่รู้สึกถึงความหวานของมันแล้ว”


กู้ซีจิ่วรู้ว่าเขาไม่ชอบรสหวาน จงใจจิ้มน้ำตาลอีกหนึ่งรอบจากถาดของร้านค้า ดังนั้นลูกที่ใส่เข้าปากตี้ฝูอีนี้จึงเคลือบน้ำตาลเยอะที่สุด


หากเป็นเมื่อก่อน ตี้ฝูอีจะคายของสิ่งนี้ออกดั่งอาวุธลับไปนานแล้ว ทว่าเขาคงรู้สึกว่าหลายวันมานี้ตนหมางเมินนาง ไม่ว่านางจะซุกซนอย่างไรเขาก็หวานอมขมกลืน จึงกลืนถังหูลู่ที่หวานจนเลี่ยนลูกนั้นลงไป


กู้ซีจิ่วมองเขากินลงไปตาไม่กะพริบ รู้สึกฉงนอยู่บ้าง “เอ๊ะ รสนิยมการกินของท่านเปลี่ยนไปแล้วหรือ? ชอบรสหวานแล้ว?”


เธอเลียคำสุดท้ายที่เหลืออยู่ ยังรู้สึกว่าหวานเกินไปเลย คนที่รักการกินของหวานอย่างเธอยังรับค่อยไม่ไหว…


ตี้ฝูอีอมยิ้ม “ความหวานเช่นนี้หากินไม่ได้บ่อยครั้ง ภรรยาข้า ต่อให้เจ้าป้อนยาพิษให้ข้ากิน ข้าจะกลืนลงไปด้วยรอยยิ้ม”


คนผู้นี้เอ่ยคำหวานขึ้นมาแต่ละครั้งหวานยิ่งกว่าน้ำตาลเสียอีก!


กู้ซีจิ่วหันหน้ามองเขา “เหตุใดวันนี้ท่านอารมณ์ดีขนาดนี้?”


“เอาใจเจ้า” ตี้ฝูอีหัวเราะเบาๆ “หากไม่เอาใจเจ้าอีก เกรงแต่ว่าเจ้าจะไล่สังหารข้า”


เขาเข้าใจและรู้ว่าควรทำอย่างไรเป็นอย่างดี


กู้ซีจิ่วพึงพอใจ “ข้าไม่ไล่สังหารท่านหรอก ข้าแค่จะหย่ากับท่าน!”


ตี้ฝูอีหัวเราะเริงร่า “อย่างนั้นหรือ? เจ้าคิดจะหย่ากับข้าอย่างไร? ให้หนังสือหย่าร้างใบหนึ่งกับข้าหรือ?”


กู้ซีจิ่วได้ใจ “ข้าจะแปะหนังสือหย่าไว้ทั่วร่างกายท่าน!”


ทั้งสองคนพูดคุยพลางแย้มยิ้ม เดินเล่นและกินไปตลอดทาง ผลลัพธ์ของการกินเช่นนี้คือกู้ซีจิ่วค่อนข้างอิ่มตื้อ…


เธอคล้องแขนตี้ฝูอี แทบจะแนบชิดติดร่างกายเขา “ข้าไม่อยากเดินแล้ว” ร่างกายเธอรู้สึกอิดโรยเล็กน้อย ต้องการนอนพักผ่อน


ตี้ฝูอีแหงนหน้ามองท้องนภา รัตติกาลมาเยือน จันทรากลางเวหา ลอยอยู่ตรงนั้นทั้งกลมและโต ดวงจันทร์ส่องสว่างดวงดารามืดมิด เมฆขาวดุจแพรบางหมุนวนอยู่รอบจันทร์กลมโต


กู้ซีจิ่วแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าตามเขา เธอพึงพอใจมาก


เธอกลับมาพบกับเขาอีกครั้งในคืนจันทร์เพ็ญ


เธอชอบค่ำคืนนี้!


ตี้ฝูอีโอบกอดเอวนางพลางเอ่ยถาม “ข้าจะพาเจ้าไปที่แห่งหนึ่ง”


————————————————————————————-


บทที่ 1545 วันนี้ท่านอยากสวมบทจักรพรรดิผู้อ่อนแออีกแล้วหรือ?


“ที่ไหน?”


นิ้วของตี้ฝูอีลูบไล้ริมฝีปากเธอเบาๆ “หลับตาลงสิ”


กู้ซีจิ่วไม่รู้ว่าเขาคิดจะทำอะไร ด้วยเหตุนี้เธอจึงหลับตาลง


ตี้ฝูอีโอบเอวของเธอไว้…


เกิดเสียงสายลมหวีดหวิว เวลาผ่านไปชั่วระยะหนึ่งถ้วยชา ในที่สุดตี้ฝูอีก็เปิดปากเอ่ย “เอาล่ะ ลืมตาได้”


กู้ซีจิ่วลืมตาขึ้น มองไปรอบๆ ตะลึงงันเล็กน้อย


ผืนสมุทรสีครามเข้ม ท้องทะเลอันไร้ที่สิ้นสุด ระลอกคลื่นซัดสาด ลมทะเลแฝงไอเค็มชื้น พัดต้องร่างแล้วค่อนข้างเย็นเล็กน้อย


แสงจันทร์ทอดลงบนผิวสมุทร สะท้อนตามคลื่นทะเล ดังแสงทองที่หักเห


หัวใจกู้ซีจิ่วสั่นไหวเล็กน้อย ทิวทัศน์นี้ค่อนข้างคุ้นตา คืนจันทร์เพ็ญเมื่อหลายปีก่อน เขาก็เคยพาเธอมายังสถานที่ที่คล้ายกันนี้


และก็ใช่จริงๆ ตี้ฝูอีเอ่ยถามเธอ “อยากไปเยือนตำหนักแก้วผลึกแห่งนั้นหรือไม่?”


เมื่อนึกถึงตำหนักแก้วผลึกที่หรูหรางดงามแห่งนั้น ความอบอุ่นพลันผุดขึ้นมาในหัวใจของกู้ซีจิ่ว พยักหน้าแล้วตอบ “อยาก!”


ตี้ฝูอีจูงมือเธอเขยิบเข้าใกล้ผิวสมุทร “วันนี้เจ้ามาเปิดทางสู่ก้นสมุทรแห่งนี้ ให้ข้าได้ลิ้มรสการถูกคนรักปกป้องคุ้มครองบ้างแล้วกัน”


กู้ซีจิ่วเงียบไป เธอถลึงตาใส่เขาแวบหนึ่ง “วันนี้ท่านอยากสวมบทจักรพรรดิผู้อ่อนแออีกแล้วหรือ?”


ตี้ฝูอีจึงเอนศีรษะซบไหล่เธอเสียเลย “อืม ตอนนี้ข้าอ่อนแอมาก ต้องการให้เจ้าปกป้อง เมียจ๋า ภารกิจสำคัญเช่นการเปิดอาณาเขตคงต้องมอบให้เจ้าแล้ว”


กู้ซีจิ่วอับจนวาจา หากให้ประชาชนในทวีปซิงเยวี่ยได้เห็นท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายของพวกเขาทำตัวแอ๊บแบ๊วแบบนี้เข้า รู้ว่าจะตกใจตาถลนสักแค่ไหน


ยามนี้พลังยุทธ์ของกู้ซีจิ่วเพียงพอแล้ว ตี้ฝูอีก็ยืนอยู่คอยชี้ไม้ชี้มือบอกอยู่ตรงนี้ว่าต้องเปิดเส้นทางอย่างไร บอกละเอียดยิ่งนัก โดยพื้นฐานกู้ซีจิ่วก็เฉลียวฉลาดอยู่แล้ว ฝึกรอบเดียวก็ทำเป็นแล้ว


เนื่องจากต้องลงไปใต้สมุทรลึก มหาสมุทรลึกมีแรงดันสูงถ้าควบคุมไม่ดีก็มีความเป็นไปได้ที่จะกดทับทั้งสองคนจนแบนได้ ดังนั้นหลังจากกู้ซีจิ่วเรียนจนเป็นแล้วจึงคิดจะฝึกควบคุมดูอีกสักสองสามครั้ง


แต่ตี้ฝูอีกลับฉุดมือเธอพุ่งลงไปทันที “ไม่ต้องฝึกแล้ว ลงมือปฏิบัติจริงดูเลย!”


กู้ซีจิ่วอยากจะซัดเขาเหลือเกิน เพียงแต่ยามนี้ไม่มีเวลามาสนใจแล้ว รีบร่ายเวทวิชาทันที…


หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม กู้ซีจิ่วก็พาตี้ฝูอีโดยสารเขตแดนที่ก่อขึ้นจากพลังวิญญาณลักษณะคล้ายฟองอากาศ ล่องลอยมาจนถึงก้นสมุทร มองเห็นตำหนักแก้วผลึกหลังนั้นอยู่ไกลๆ


ทันทีที่มองเห็นตำหนักแก้วผลึกหลังนั้น กู้ซีจิ่วก็ถอนหายใจยาวๆ ด้วยความโล่งอก การลงมาเที่ยวนี้ของเธอไม่ง่ายเลยจริงๆ!


เนื่องจากไม่คุ้นเคยกับการควบคุมจึงเกิดสถานการณ์ล่อแหลมขึ้นต่อเนื่องกันหลายครั้ง ส่วนตี้ฝูอีผู้นี้บอกว่าจะไม่ช่วยก็ไม่ช่วยเลยจริงๆ ระหว่างเดินทางไม่ว่าจะเห็นเธอยุ่งมือเป็นระวิงแค่ไหนเขาก็นั่งสอดมืออยู่ในแขนเสื้อดั่งตาเฒ่า ขอรับความคุ้มครองอย่างเดียว ทำให้กู้ซีจิ่วอยากเตะเขาออกไปยิ่งนัก!


โชคดีที่ปฏิกิริยาตอบสนองของเธอว่องไว สติปัญญาสูง ควบคุมได้ดี เมื่อเผชิญอันตรายต่อเนื่องกันหลายครั้ง เธอล้วนแก้ไขได้สำเร็จทั้งสิ้น


การฝึกภาคปฏิบัติที่เสี่ยงตายเช่นนี้เป็นวิธีที่ฝึกฝนหล่อหลอมคนได้ดีที่สุด รอจนถึงยามที่ได้เห็นตำหนักแก้วผลึกแห่งนั้น กู้ซีจิ่วก็ใช้เคล็ดวิชาชุดนี้จนคล่องแคล่วยิ่งนักแล้ว


จะว่าไปก็แปลก ที่ตั้งของตำหนักแก้ผลึกนี้ถูกน้ำทะเลกัดเซาะได้ง่ายยิ่งนัก แต่กลับดูใหม่เอี่ยมอยู่ตลอด กระเบื้องเคลือบส่องแวววาว กำแพงกระดองเต่ากระวาววาม ปะการังตั้งชะลูด ไข่มุกดั่งตะวันดวงน้อย ส่องสะท้อนอยู่เหนือตำหนักแก้วผลึก ทำให้ตำหนักแก้วผลึกที่เดิมทีค่อนข้างอ้างว้างดูมีชีวิตชีวาขึ้นมา


สำหรับสถานที่แห่งนี้กู้ซีจิ่วก็นับว่ามาเยือนถิ่นเก่าเช่นกัน เธอมองเห็นโขดหินตรงหน้าประตู อักษรที่เธอจารึกลงบนโขดหินเมื่อปีนั้นยังคงอยู่ ไม่ถูกกัดเซาะไปเลยสักนิด ราวกับเพิ่งจารึกไว้ใหม่ๆ


กู้ซีจิ่ว ตี้ฝูอี ระหว่างสองนามนี้มีหัวใจที่ปักทะลุอยู่หนึ่งดวง เสมือนศรรักของกามเทพ


บทที่ 1546 ยังคงเปี่ยมด้วยอารมณ์ศิลป์อยู่!


กู้ซีจิ่วตื่นเต้นยินดี ลูบนามสองนามนั้น เอ่ยถามตี้ฝูอี “ท่านว่าสองนามนี้จะคงอยู่ ณ ที่แห่งนี้ไปถึงพันปีหมื่นปีหรือไม่? และบางทีอาจอยู่ไปชั่วลูกชั่วหลาน คงอยู่ไปตลอดกาลหรือเปล่า?”


ตี้ฝูอีก็วนรอบโขดหินนั้นรอบหนึ่งเช่นกัน “อาจจะได้กระมัง ที่มีเวทวิชาพิเศษค่อยปกป้องไว้ ทุกสิ่งจะคงอยู่ไปตลอดกาล”


ทั้งสองจูงมือกันเดินเข้าไป กู้ซีจิ่วพบว่าด้านในมีข้าวของใหม่ๆ เพิ่มขึ้นไม่น้อยเลย โขดหินรูปแบบเก่าแก่เรียบง่าย ฉากกันลมยาทองวาดลายวิหคบุปผา จารึกโคลงหยกงาม…


มีแม้กระทั่งเรือนหอที่จัดแต่งอย่างวิจิตรงดงามยิ่งนักด้วย!


กู้ซีจิ่วมองเรือนหอนั้นตะลึงงันไปครู่หนึ่ง เรือนหอนั้นตกแต่งตามที่กู้ซีจิ่วเคยฝันไว้ทุกอย่าง ในความโอ่อ่าอลังการแฝงกลิ่นอายเก่าแก่โบราณไว้


หวั่นไหว! เมื่อกู้ซีจิ่วได้เห็นเรือนหอนี้มีความรู้สึกเพียงอย่างเดียวคือใจสั่นหวั่นไหว!


เธอยืนอยู่ที่เดิมครู่หนึ่ง หันไปถามตี้ฝูอี “หลายวันนี้ที่ท่านหายหน้าไปก็เพื่อจัดเตรียมสิ่งนี้หรือ?” เขาอยากสร้างเซอร์ไพรส์ใหญ่ให้เธอกระมัง?


ตี้ฝูอีโอบเอวเธอ “ชอบหรือไม่?”


กู้ซีจิ่วพยักหน้า “ชอบ!”


ตี้ฝูอียิ้มแวบหนึ่ง จูงเธอเข้าไปด้านใน “ที่นี่คืออาณาเขตส่วนตัวที่แท้จริงของพวกเรา มีเพียงเจ้ากับข้า”


ที่นี่มีเพียงนางกับเขาจริงๆ ผู้ใดก็อย่าฝันว่าจะได้เข้ามา สามารถพักผ่อนได้ สามารถอ่อนแอได้ สามารถผ่อนคลายได้ สามารถรักใคร่หวานชื่นได้…


ชั่วชีวิตของคนเรามีอาณาเขตที่เป็นของตัวเองอย่างแท้จริงไม่มากนัก ต่อให้เป็นเรือนหอ แต่เมื่อวิวาห์แล้วก็ต้องก็ต้องถอดเครื่องใช้มงคลเหล่านั้นออกไป ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเครื่องเรือนธรรมดา จากนั้นก็ใช้ชีวิตตามปกติ เรือนหอนั้นก็ค่อยๆ กลายเป็นเรือนนอนธรรมดา…


แต่เรือนหอนี้สามารกลับคงอยู่ไปได้ตลอดกาล ต่อให้เวลาเคลื่อนคล้อยไปนับหมื่นปี ที่นี่ก็ไม่มีวันเลือนหายไป


ที่นี่คือมหาสมุทรลึก และข้าวของในเรือนหอเหล่านี้ก็ดูประณีตอย่างยิ่ง เห็นทีว่าเขาคงสิ้นเปลืองความคิดจิตใจไปมากจริงๆ


เขาคงจะอยากเซอร์ไพรส์เธอกระมัง?


ดูท่าเซลล์ประสาทด้านความโรแมนติกของเขาคงไม่ได้สูญหายไปตามระยะเวลาที่แต่งงานกัน ยังคงเปี่ยมด้วยอารมณ์ศิลป์อยู่!


เพียงแต่…


เธอเอียงคอถามตี้ฝูอี ท่านเตรียมสถานที่แห่งนี้ไว้สำหรับพิธีวิวาห์ของพวกเราหรือ? งั้นท่านวางแผนจะไปเจรจาเรื่องสู่ขอที่จวนแม่ทัพยามใด?“


ตี้ฝูอีนิ่งไปครู่หนึ่ง ยกมือเขกหน้าผากเธอเล็กน้อย “สงวนท่าทีหน่อย! เรื่องเช่นนี้ล้วนเป็นฝ่ายชายที่ต้องเร่งรัดฝ่ายหญิง ไหนเลยจะมีฝ่ายหญิงที่มาเร่งรัดฝ่ายชายเช่นนี้กัน?”


กู้ซีจิ่วร้องชิคราหนึ่ง หากเขาเป็นตัวตั้งตัวตีเช่นนั้นได้ ตัวเธอไหนเลยจะต้องมาเร่งรัดเขาอย่างร้อนใจเช่นนี้?


อย่างไรก็ตาม ในเมื่อเขาจัดเตรียมเรือนหอที่โอ่อ่างดงามถึงเพียงนี้ไว้ที่นี่อย่างเหมาะสมแล้ว เช่นนั้นเรื่องที่จะไปสู่ขอยามไหนจัดงามวิวาห์เมื่อใดเขาคงมีแผนการอยู่ในใจแล้ว เธอไม่จำเป็นต้องวอแวเกาะติดเขาดั่งขนมหนิวผีถัง[1]แล้ว ทำให้เธอดูราวกับจะขายไม่ออก!


เฮอะ เขาต้องการให้เธอสงวนท่าทีหน่อยใช่ไหม? รอจนถึงยามที่เขามาสู่ขอเธออย่างเป็นทางการ เธอจะเล่นตัวกับเขาหนักๆ สักยก ทำให้เขารู้ว่าสิ่งใดที่เรียกว่าสงวนท่าที!


ถึงอย่างไรทั้งสองก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันมาเกือบหนึ่งเดือนแล้ว ยามนี้เรือนหอมีแล้ว เตียงหลังใหญ่ก็มีแล้ว เตียงใหญ่หลังนั้นยังเป็นเตียงผลึกสีชมพูอ่อนอีกด้วย ส่องประกายสลัวๆ ราวกับกำลังเชิญชวนผู้เป็นเจ้าของให้มาพักผ่อนตรงนี้


เดินเที่ยวเตร่มาทั้งวันแล้ว อีกทั้งก่อนหน้านี้ก็ใช้วิชาแหวกทะเลมาด้วย กู้ซีจิ่วจึงเหนื่อยล้ายิ่งนักจริงๆ อยากนอนพักผ่อนบนเตียงสักงีบอย่างยิ่ง


เพียงแต่ เมื่อเธอเห็นเจ้าตัวที่อยู่ข้างกายผู้นี้ แววตาที่คล้ายจะยิ้มมิเชิงยิ้มกลับดูลุ่มลึกยิ่งนัก มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย วงแขนที่ร้อนผ่านเล็กน้อยโอบรัดเอวเธอ เป็นการบ่งบอกถึงเรื่องหนึ่ง…เขาปรารถนาเธอ!


อันที่จริงเธอก็ปรารถนาเขาเช่นกัน เพียงแต่พอนึกถึงหลายวันมานี้ที่เขาหมางเมินตน กู้ซีจิ่วก็รู้สึกว่าไม่อาจให้เขาสมปรารถนาได้ง่ายๆ มิเช่นนั้นเขาจะคิดว่าเรียกให้เธอมาจะไล่ให้เธอไปยังไงก็ได้!


————————————————————————————-


บทที่ 1547 ดาวอีกดาวอาจเป็นเจ้าก็ได้…”


“ใช่แล้ว ท่านได้ตกแต่งแห่งนั้นใหม่ด้วยหรือไม่? ข้าจะไปดูสักหน่อย” กู้ซีจิ่วแกะแขนของเขาออกอย่างไร้เยื่อใย ใช้วิชาเคลื่อนย้ายหนีไปเลย


ตี้ฝูอีนิ่งอยู่ที่เดิม


เขาเกลียดวิชาเคลื่อนย้ายของนาง ทำให้นางลื่นไหลดุจปลาไหลน้อย ทำให้คนอยากจะจับก็จับไว้ไม่อยู่!


กูซีจิ่วเคลื่อนย้ายไปที่ลานนั้นโดยตรง เมื่อมาถึงเธอก็ต้องตกตะลึง


นภาดาษดารา!


แสงดาวสุกสกาวเต็มฟากฟ้า


ท้องฟ้าเหนือลานแห่งนั้นเสมือนส่องด้วยกล้องโทรทรรศน์ระดับสูง แทบจะมองเห็นวิถีโคจรของดาวแต่ดวงได้เลย ถึงขั้นที่มองเห็นว่าดวงดาวเหล่านั้นแต่ละดวงมิได้มีแสงสว่างเยือกเย็นอีกต่อไป แต่เป็นสีสันที่แท้จริงของดวงดาว ฟ้าเอย ขาวเอย เหลืองเอย เขียวเอย…


บ้างก็สว่างดังดอกไม้ไฟ บ้างก็มืดสลัวไร้แสง แถมยังมีที่นุ่มนวลดุจอัญมณีด้วย มากมายสารพัด


กู้ซีจิ่วยืนอยู่บนลาน รู้สึกเหมือนยืนอยู่ในอวกาศที่ว่างเปล่า ดวงดาวนับไม่ถ้วนโคจรอยู่รอบตัวเธอ แต่ละดวงมีวิถีเป็นของตัวเอง


สายตาของเธอถูกดาวใหญ่สองดาวกลางท้องนภาดึงดูดไว้


ดาวใหญ่สองดวงนั้นมีสีสันแตกต่างจากดาวดวงอื่นๆ พวกมันเป็นสีรุ้ง! ลอยขนานกันอยู่ตรงนั้น แสงสีรุ้งส่องออกมารอบตัวพวกมัน แทบจะส่องสะท้อนไปทั่วท้องนภา


ดาวใหญ่สองดวงนั้นต่างมีดาวเล็กดาวน้อยจำนวนหนึ่งห้อมล้อมอยู่รอบกายตน ราวกับเป็นระบบสุริยะจักรวาลสองแห่งที่อยู่ตรงข้ามกัน


งามเหลือเกิน!


กู้ซีจิ่วเงยหน้ามองดาวสองดวงนั้น ไม่อาจหักใจละสายตาไปได้


ข้างกายมีลมโชยมาวูบหนึ่ง ตี้ฝูอีร่อนลงข้างกายเธอ เขาก็เงยหน้ามองดาวใหญ่สองดวงนั้นเหมือนกัน จากนั้นก็มองดวงตาของเธอที่สุกสกาวยิ่งกว่าแสงดารา ถามอย่างเรียบเฉย “มองอะไรอยู่?”


กู้ซีจิ่วดึงให้เขานั่งลงข้างกายทันที ชี้ไปที่ดาวใหญ่กลางนภาสองดวงนั้น “ดาวสองดวงนั้นงดงามนัก!”


ตี้ฝูอียิ้ม “ใช่แล้ว งดงามยิ่ง อืม เห็นดาวสองดวงนั้นแล้วเจ้ามีความคิดอย่างไร?”


ความคิดเหรอ?


กู้ซีจิ่วเอนกายนอนบนเก้าอี้เสียเลย โยกไกวเล็กน้อย “จะมีความคิดอันใดได้เล่า? พวกมันอยู่เคียงข้างกัน ส่องสว่างไปทั่วฟากฟ้า ให้ความรู้สึกเหมาะสมกลมกลืนยิ่งนัก”


ตี้ฝูอีนอนลงเป็นเพื่อนเธอด้วย “ข้าจำได้ว่ามีประโยคหนึ่งกล่าวไว้ ท้องนภาไร้สองตะวัน ปวงชนไร้สองราชัน บนฟ้ามีดวงดาวที่เจิดจ้าอยู่สองดาว…พวกมันจะต่อสู้กันขึ้นมาหรือไม่?”


กู้ซีจิ่วร้องชิคราหนึ่ง “นี่ท่านคงไม่รู้กระมัง? ท้องนภาไร้สองตะวันอันใดกัน? ความจริงแล้วหลอกลวงคนทั้งนั้น! จะบอกกับท่านตามจริง อันที่จริงมีดวงดาวมากมายบนท้องนภาที่ส่องสว่างกว่าดวงอาทิตย์ ร้อนแรงกว่าดวงอาทิตย์ ถึงขั้นที่ใหญ่กว่าดวงอาทิตย์ด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ท้องฟ้าจึงไม่ได้มี ‘ตะวัน’ เพียงดวงเดียวจริงๆ ทว่ามี ‘ตะวัน’ อยู่มากมายก่ายกอง กว้างไกลไร้ขอบเขต อย่าว่าแต่ดวงดาวที่เจิดจ้าสองดวงนี้เลย ต่อให้มีเพิ่มมาอีกหลายร้อยดวงก็ไม่มีความหมายอะไร พวกมันต่างมีวิถีโคจรเป็นของตัวเอง ไม่มีทางชนกัน…”


กู้ซีจิ่วถ่ายทอดความรู้พื้นฐานด้านดาราศาสตร์ให้เขา ดูเหมือนเธอจะนึกอะไรขึ้นมาได้ “ใช่แล้ว ข้าจำได้ว่าข้าเคยได้ยินท่านพูดไว้ ดาวบนฟากฟ้านี้แทนตัวคนผู้หนึ่ง ดาวใหญ่ตรงใจกลางน่าจะเป็นตัวแทนของท่านกระมัง? เอ๊ะ แปดปีก่อนข้าจำได้ว่ามีดาวใหญ่สีรุ้งเพียงดวงเดียวนี่นา แล้วอีกดวงโผล่ขึ้นมาตอนไหนกัน?”


เธอเพ่งพิศดาวใหญ่สองดวงนั้นอย่างละเอียด จู่ๆ ก็ดวงตาเห็นธรรมขึ้นมา “ใช่แล้ว ดาวใหญ่อีกดวงน่าจะเป็นตัวแทนของข้ากระมัง?! ยามนี้พวกมันลอยเคียงกันอยู่ตรงนั้นเหมือนสามีภรรยาอยู่ร่วมกันยิ่งนัก”


ตี้ฝูอีเงียบไปครู่หนึ่ง


แววตาเขาวูบไหวเล็กน้อย มือข้างหนึ่งโอบไหล่นาง “ฉลาดมาก! ดาวอีกดาวอาจเป็นเจ้าก็ได้…”


กู้ซีจิ่วมุ่นคิ้ว “ต้องเป็นข้าอยู่แล้ว! และมีเพียงข้าถึงจะคู่ควรอยู่ข้างกายท่าน…”


————————————————————————————-


[1]  ขนมหนิวผีถัง เป็นขนมที่ทำจากแป้งและน้ำตาล ด้านนอกคลุกงาขาวไว้ รสสัมผัสเหนียวนุ่มหวานหอม

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)