ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1534-1549
ตอนที่ 1534 บริจาคทั้งหมด
เหยียนซินหย่ายิ้มให้อาจารย์เซียวเชิงขอบคุณเล็กน้อยแล้วกล่าว “คุณลุงเซียวมาพอดี ช่วยเป็นพยานให้ฉันทีนะคะ”
อาจารย์เซียวสงสัยหน่อย ๆ แต่เขาไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่บอกให้เหยียนซินหย่าป่าวประกาศออกมา ส่วนเขาใช้ไม้เท้านั่งตระหง่านอยู่บนเก้าอี้พลางถลึงตาจ้องไปยังผู้คนด้านล่างนิ่ง ทำท่าเหมือนจะช่วยตัดสินใจแทนสองแม่ลูกเหยียนซินหย่าเอง
เหยียนซินหย่ามองพวกเจิ้งซื่อหลินอย่างดูถูกดูแคลนแวบหนึ่งแล้วสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่เพื่อป่าวประกาศสิ่งที่เธอตัดสินใจมานานแล้ว และได้รับการสนับสนุนจากสามีและลูก ๆเต็มที่
“พวกนี้คือผลงานและของสะสมของคุณพ่อฉันในวันที่ยังมีชีวิตอยู่ จะมากก็ไม่มาก จะน้อยก็ไม่น้อย พวกมันล้วนเป็นน้ำพักน้ำแรงของคุณพ่อฉันกว่าครึ่งชีวิต ตอนนั้นที่พ่อฉันถูกจับกุมตัวไปสิ่งที่ไม่เคยลืมก็คือของสะสมพวกนี้ ท่านเองก็ไม่ได้กลับมาอีกแต่ฉันรักษาสิ่งที่เป็นน้ำพักน้ำแรงท่านเอาไว้ได้…”
เหยียนซินหย่าพูดด้วยความเศร้าใจ น้ำตาไหลลงอีกครั้ง
เหมยเหมยเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตาให้เธอ เหยียนซินหย่ายิ้มแล้วพูดต่อ “ตอนที่คุณพ่อฉันยังอยู่เคยพูดไว้หลายครั้งว่าหลังจากท่านอายุเลยร้อยปีจะบริจาคของสะสมพวกนี้ให้ประเทศ ตอนนี้คุณพ่อไม่อยู่แล้ว แต่ฉันยังอยากจะช่วยให้ท่านสมหวัง ฉะนั้น…”
ทุกคนใจหล่นวูบกันถ้วนหน้า
พวกเขาพอจะเดาสิ่งที่เหยียนซินหย่าจะพูดต่อไปได้แต่กลับไม่กล้าที่จะเชื่อ
ผลงานสะสมปาต้าซานเหรินรวมถึงผลงานของนักวาดคนอื่น ๆที่เหยียนตานชิงสะสมไว้ไม่ว่าชิ้นใดหากขายไปก็ได้เงินพอจะให้ครอบครัวธรรมดาครอบครัวหนึ่งอิ่มท้องไปทั้งชีวิต
นิทรรศการนี้ไม่ได้กำลังเปิดให้ชมผลงานศิลปะแต่เป็นภูเขาเงินภูเขาทองทั้งนั้น!
เหยียนซินหย่ายอมได้อย่างนั้นหรือ?
“ฉะนั้นของสะสมของคุณพ่อฉันจึงตัดสินใจจะบริจาคให้พิพิธภัณฑ์ซึ่งได้เซ็นสัญญากับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไปแล้ว รอจบงานนิทรรศการในอีกสิบวันถัดจากนี้ไปนิทรรศการนี้ก็จะเปิดให้ชมแค่ผลงานของคุณพ่อฉัน ส่วนของสะสมอื่น ๆจะเก็บเข้าพิพิธภัณฑ์ทั้งหมด”
เหยียนซินหย่าพรูลมหายใจยาวเผยยิ้มปลาบปลื้มใจหน่อย ๆ ราวกับเห็นคุณพ่อกำลังยิ้มให้เธอและชมเธอว่าทำได้ดีแล้ว
“เธอมีสิทธิ์อะไรมาตัดสินใจเอง? ของสะสมของอาจารย์ก็มีส่วนของเราด้วย เธอมีสิทธิ์อะไรบริจาคมัน!”
เจิ้งซื่อหลินกับหร่วนหวาไฉ่รู้สึกเพียงถูกคนเอามีดกรีดเอาเนื้อไปทีละชิ้น ๆ เจ็บจนหายใจไม่ออก
นั่นเงินของพวกเขาทั้งนั้น!
เงินมากมายขนาดนี้หายวับไปแล้ว!
เหมยเหมยแค่นหัวเราะ หน้าด้านหน้าไม่อายเลยจริง ๆ กำลังจะด่ากลับแต่อาจารย์เซียวชิงเปิดปากเสียก่อน “ไสหัวไป พวกสารเลวใจดำอำมหิต!”
เจิ้งซื่อหลินคิดจะตอบโต้แต่คนที่เหยียนหมิงซุ่นจัดมาเห็นโอกาสอันเหมาะเหม็งเลยลากพวกเขาสามคนออกจากงานนิทรรศการไป
คนพวกนี้ทำหน้านิ่งขรึมเผยกลิ่นอายนักฆ่าที่เย็นยะเยือกเข้ากระดูก
ทุกคนถึงนึกได้ว่าเหยียนซินหย่าแต่งงานกับใครซึ่งไม่ใช่คนที่จิตรกรคนธรรมดาอย่างพวกเขาจะต่อกรได้เลยรู้สึกเกรงกลัวไม่กล้าแย้งแต่อย่างใด
ไม่มีพวกเจิ้งซื่อหลินคอยก่อกวนงานนิทรรศการก็ดำเนินต่อไปอย่างราบรื่น อาจารย์เซียวอยู่ไม่นานก็ขอตัวกลับ
“ขอบคุณค่ะคุณลุงเซียว ไว้วันหน้าฉันจะไปเยี่ยมหาท่านอีกทีนะคะ” เหยียนซินหย่าพูดขอบคุณ
วันนี้หากไม่ได้อาจารย์เซียวช่วยกู้หน้าไว้ พวกเจิ้งซื่อหลินคงไม่ยอมรามือง่าย ๆแน่
อาจารย์เซียวตีหน้านิ่ง “ไม่ต้องขอบคุณ ฉันแค่รู้สึกว่าสารเลวพวกนี้มันขัดหูขัดตา วงการศิลปะจะถูกคนพวกนี้สร้างความปั่นป่วนให้เสียบรรยากาศได้” เขาเว้นช่วงไปแล้วเอ่ยต่อ “ฉันก็ช่วยเธอได้แค่นี้แหละ สองคนนี้คงยังไม่ยอมแพ้แน่ เธอต้องระวังตัวนะ เฮ้อ แค่เสียดายที่ไม่รู้ว่าศิษย์พี่เธอเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง ไม่อย่างนั้น…”
อาจารย์เซียวไม่ได้พูดต่อแต่ทุกคนล้วนเข้าใจความหมายเขาดี
ประเทศจีนเป็นประเทศสังคมชายเป็นใหญ่มาโดยตลอด การที่ผู้หญิงคนหนึ่งคิดจะประคองสำนักใดสำนึกหนึ่งมันยากเกินไปจริง ๆ
ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับความสามารถของผู้หญิงแต่อย่างใด
……………………………..
ตอนที่ 1535 ไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไร
อาจารย์เซียวรู้สึกประทับใจเซี่ยทิงเทาอยู่ไม่น้อย พ่อหนุ่มคนนี้มีพรสวรรค์เต็มเปี่ยม เป็นคนดีและเคารพนับถือสองสามีภรรยาเหยียนตานชิงดั่งพ่อแม่แท้ ๆ ไม่งั้นตอนนั้นเซี่ยทิงเทาคงไม่ออกหน้าแทนอาจารย์แล้วโดนสั่งไปประจำอยู่ต่างแดนเพียงลำพังหรอก
“ไม่มีข่าวจากเขาเลยเหรอ?” อาจารย์เซียวถาม
เหยียนซินหย่าทำหน้าเศร้าพลางส่ายศีรษะตอบ “ไม่มีเลยค่ะ ส่งคนไปตามสืบที่ฮ่องกงก็แล้วแต่ก็ไม่ได้ข่าวกลับมาเลย เกรงว่าจะเป็นข่าวร้ายมากกว่าข่าวดี…”
“เฮ้อ พระเจ้าอิจฉาคนมีความสามารถ!”
อาจารย์เซียวถอนหายใจ ผู้มีความสามารถส่วนมากดันอายุขัยสั้น คนที่ใจเหี้ยมอย่างเจิ้งซื่อหลินกลับอายุยืนยาวกว่าใคร พระเจ้าช่างตาบอดจริง ๆ!
เหยียนซินหย่าเองก็ทำหน้าเศร้า หากรุ่นพี่อยู่เธอจะลำบากขนาดนี้หรือ?
รุ่นพี่มีความสามารถมากกว่าเธอเป็นร้อยเท่าด้วยซ้ำไป!
งานนิทรรศการผ่านพ้นไปด้วยดี มีคนเข้าเยี่ยมชมจากทั่วทั้งประเทศและถึงขั้นมีแขกมาจากแดนไกล หวังเพียงได้เห็นผลงานของเหยียนตานชิงสักครั้ง บางคนตื้นตันใจจนน้ำตาคลอเบ้า เห็นท่าคงเป็นแฟนคลับตัวยงของแท้เลยล่ะ
ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา
ชายวัยกลางคนหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังดูคลิปบันทึกหนึ่งซึ่งเป็นสถานการณ์ในงานนิทรรศการที่คนถ่ายคลิปนั้นมีความละเอียดมากโดยถ่ายผลงานทุกชิ้นไว้ โดยในนั้นยังมีรูปถ่ายตอนเหยียนตานชิงยังมีชีวิตอยู่ด้วย
“อาจารย์…”
หนุ่มวัยกลางคนน้ำตานองหน้าปากสั่นระริก
เขารู้สึกผิดต่ออาจารย์ เขาไร้ความสามารถเกินไป!
“ร้องไห้แล้วมีประโยชน์อะไร? อาจารย์ของนายตายไปก็สมควรแล้ว สงสารอ้ายเหลียนที่ต้องลำบากเพราะเขา…”
คนที่เดินมากล่าวตำหนิกลับเป็นคุณกู้ผู้มีบุคลิกดูดี ดวงตาแดงก่ำปล่อยน้ำตาไหลริน บัดนี้หมดซึ่งความดูดีอย่างที่เคยเป็นแล้ว
หากตอนนั้นอ้ายเหลียนแต่งงานกับเขาแล้วจะตายอย่างน่าอนาถไปตั้งแต่ยังสาวได้อย่างไร?
ชายวัยกลางคนคือเซี่ยทิงเทาซึ่งเป็นศิษย์พี่ของเหยียนซินหย่าที่กำลังคิดถึงอยู่นั่นเอง เขามองไปทางคุณกู้อย่างไม่พอใจ “คุณน้า อาจารย์กับอาจารย์แม่ผมรักกันดี ท่านอย่าพูดแบบนี้”
“เขาเป็นต้นเหตุที่ทำให้อ้ายเหลียนตายทำไมฉันจะว่าไม่ได้? ถ้าไม่ใช่เพราะเขานายคงไม่ต้องหลบ ๆซ่อน ๆแบบนี้มาเกือบครึ่งชีวิตเหรอ? ทำให้ฉันต้องไล่ตามหาไปทั่ว!” คุณกู้ตวาดด้วยความโกรธ
ไอ้คนไร้หัวใจพอมีอาจารย์กลับลืมน้าตัวเอง เหยียนตานชิงนั่นมีอะไรดีนักหนานะ?
แต่ละคนถึงยอมเขาไปกันหมดแบบนี้!
เซี่ยทิงเทาทำหน้าจริงจังกล่าว “คุณน้าท่านอย่าพูดแบบนี้ อาจารย์มีบุญคุณต่อผมมาก ผมแค่เกลียดตัวเองที่ตายแทนอาจารย์ไม่ได้ ไม่ได้ ผมต้องกลับประเทศ ผมจะกลับไปช่วยน้องเหนียน”
คนทรยศสามคนนั้นเขาจะต้องกลับไปกำจัดด้วยตัวเองเพื่อแก้แค้นให้อาจารย์กับอาจารย์แม่!
“สถานะของแกในตอนนี้จะกลับไปยังไง? กลับไปสร้างปัญหาให้เหยียนซินหย่า?” คุณกู้ตวาดใส่อย่างไม่สบอารมณ์นัก
จะว่าไปแล้วหลานชายคนนี้ของเขายามโชคดีก็ดีจริง ๆแต่ยามโชคร้ายก็ร้ายจริง ๆลอยแพอยู่กลางมหาสมุทรอยู่ตั้งนานไม่โดนปลาฉลามคาบไปกินแต่กลับโดนลูกสาวเจ้าพ่อค้ายารายใหญ่ที่สุดของสามเหลี่ยมทองคำช่วยชีวิตไป
เซี่ยทิงเทาหน้าตาดีดูเป็นคนอ่อนโยนอบอุ่น ไหนจะยังวาดรูปเก่ง ฝีมือพู่กันจีนก็ดีเยี่ยม ลูกสาวเจ้าพ่อค้ายาคนนี้ตกหลุมรักเซี่ยทิงเทาเข้า ซึ่งเขาแตกต่างไปจากพวกลูกน้องผู้หยาบคายไร้มารยาทของคุณพ่อเข้าเต็มเปาและจะแต่งงานกับเขาให้ได้
ส่วนเซี่ยทิงเทาเพราะลอยแพอยู่กลางมหาสมุทรมานานเลยทำให้สมองได้รับการกระทบกระเทือนมีความทรงจำไม่ปะติดปะต่อกัน จำได้เพียงว่าเขาเป็นคนจีน วาดรูปเป็น พูดภาษาต่างประเทศเป็นแต่ลืมชื่อตัวเองรวมถึงคนสนิทไปจนเกลี้ยง
อย่าเห็นว่าลูกสาวเจ้าพ่อค้ายามีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดเท่านั้น แต่เธอถึงขั้นเรียนจบมหาวิทยาลัยชั้นนำของสหรัฐอเมริกาแล้วยังมีการงานมั่นคง หน้าตาก็สะสวย นิสัยอ่อนโยน มีผู้หญิงหน้าตาสวยวนเวียนอยู่ข้างกายทุกวัน ไหนจะยังอยู่ในช่วงที่เซี่ยทิงเทาเศร้าเสียใจกับการที่สูญเสียความทรงจำพอดี
แล้วเขาจะไม่หวั่นไหวได้อย่างไร?
การแต่งงานจึงเกิดขึ้นตามคาด
ตอนที่ 1536 จ้างนักฆ่าดีไหม
เซี่ยทิงเทาเพิ่งรู้หลังจากที่แต่งงานกันมาหลายปีว่าที่แท้แล้วพ่อตาของเขามีเบื้องลึกเบื้องหลังมากขนาดนี้ แม้จะรู้สึกเสียใจอยู่บ้างแต่เขาไม่ได้หย่าร้างกับภรรยา ในเมื่อแต่งงานใช้ชีวิตร่วมกันมาหลายปีแล้วจะไม่มีความรักได้อย่างไร?
อีกทั้งเขาถูกภรรยาช่วยชีวิตเอาไว้ เขาจะเป็นคนเนรคุณไม่ได้
หนำซ้ำภรรยาของเขานอกจากว่ามีจุดบอดแค่เรื่องคุณพ่อที่เป็นเจ้าพ่อค้ายาเสพติดแล้วก็ไม่มีจุดด้อยอื่นให้ได้กล่าวถึงอีก จะว่าไปแล้วเขาเสียด้วยซ้ำที่เป็นฝ่ายได้เปรียบ
หลายปีมานี้ความทรงจำของเซี่ยทิงเทาค่อย ๆกลับมาทีละนิด การมาเยือนของคุณกู้ทำให้เขาจำเรื่องอดีตได้ทั้งหมด บัดนี้เมื่อเขารับรู้ว่าพวกเจิ้งซื่อหลินสามคนนี้ยังมีชีวิตอยู่ดีก็ยิ่งเคียดแค้น
แต่คุณกู้ก็พูดไม่ผิด แม้เขากับภรรยาจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจของพ่อตา และเขาเองก็ไม่เคยย่างกรายเข้าไปเหยียบดินแดนสามเหลี่ยมทองคำมาก่อนเพราะใช้ชีวิตอยู่ประเทศสหรัฐอเมริกากับภรรยามาโดยตลอด
แต่เรื่องที่เขาเป็นลูกเขยเจ้าพ่อค้ายากลับเป็นความจริง
สิ่งที่สร้างความลำบากใจแก่เขายิ่งกว่าคือพ่อตาเขาติดบัญชีรายชื่อสิบอันดับบุคคลอันตรายของทางรัฐบาลฮวาเซี่ย สามีของเหยียนซินหย่าเป็นผู้มียศตำแหน่งสูงของราชการ เขากลับไปด้วยสถานะนี้มีแต่จะสร้างมลทินแก่อาจารย์และก่อปัญหาให้น้องเหยียน
“เฮ้อ!”
เซี่ยทิงเทาเอามือกุมหน้าอย่างเจ็บปวด ช่างเกลียดที่ตัวเองไร้ความสามารถเช่นนี้เหลือเกิน
คุณกู้เองก็ระอากับสถานะของหลานชายอย่างมาก เขาสืบมานานแล้วว่าคุณพ่อของหลานสะใภ้เป็นบุคคลอันตรายที่เคยต่อสู้กับทางกองทัพจีนมาก่อน นอกจากนี้เจ้าพ่อค้ายารายนี้ยังมีศัตรูมากมาย ในทุก ๆวันต้องใช้ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายเพราะไม่แน่ว่าวันไหนอาจพลาดท่าตกลงมาตายได้เลย
มิน่าเจ้าพ่อค้ายารายนี้ถึงส่งตัวลูกสาวสุดรักไปพำนักที่ประเทศสหรัฐอเมริกาไม่ให้เธอกลับสามเหลี่ยมทองคำ คิด ๆ แล้วคงเพื่อปกป้องลูกสาวสินะ!
“นายก็ไม่ต้องคิดแล้ว ถือซะว่านายตายกลางมหาสมุทรไปแล้ว นายไม่ใช่เซี่ยทิงเทาอีกแต่เป็นไห่เทียนชื่อ” คุณกู้พูดเสียงเข้ม
เมื่อนั้นเซี่ยทิงเทาจำชื่อตัวเองไม่ได้ ลูกสาวเจ้าพ่อค้ายาจึงตั้งชื่อให้เขาว่าไห่เทียนชื่อและใช้มาเรื่อย ๆจนถึงทุกวันนี้
เซี่ยทิงเทาเจ็บปวดอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ จู่ ๆเขาก็มีแผนผุดขึ้นมาในใจเลยกัดฟันพูดว่า “ฉันออกเงินจ้างนักฆ่าไปฆ่าไอ้สัตว์เดรัจฉานสามตัวนั่นเป็นการแก้แค้นให้อาจารย์ดีไหม”
หากชีวิตนี้แก้แค้นให้อาจารย์กับอาจารย์แม่ไม่ได้แล้วเขาจะมีหน้าใช้ชีวิตต่อไปอย่างไรเล่า?
ในเมื่อตัวเขาไม่อาจกลับประเทศได้แต่เขาจ้างคนได้ คอยช่วยน้องเหยียนดูแลสอดส่องสำนักเหยียนอย่างลับ ๆ
คุณกู้แค่นหัวเราะ “นายคิดว่าตำรวจในประเทศโง่เหรอ? อีกอย่างตอนนี้พวกเจิ้งซื่อหลินมีเรื่องกับเหยียนซินหย่าเสียใหญ่โต ถ้าจู่ ๆตายไปเหยียนซินหย่าต้องตกเป็นผู้ต้องสงสัยมากที่สุด นายอยากให้น้องเหยียนของนายเดือดร้อนสินะ!”
เซี่ยทิงเทาทำหน้าสลดในฉับพลัน คอตกหมดกำลังใจ
คุณกู้โบกมือปัดอย่างระอา “เอาเถอะ ๆฉันยังพอมีเส้นสายในประเทศบ้าง กลับไปจะช่วยน้องเหยียนของนายสักหน่อยแล้วกัน”
“ขอบคุณครับคุณน้า!”
เซี่ยทิงเทารู้สึกขอบคุณอย่างมากแต่ถูกคุณกู้กลอกตาใส่ทีหนึ่ง
“นายอย่าเพิ่งรีบขอบคุณฉัน รีบเปลี่ยนนามสกุลลูกชายทั้งสองคนของนายกลับมาด้วย ตอนนั้นฉันรับปากพ่อนายไว้นะว่าอย่างน้อยนายต้องมีลูกชายสองคน คนหนึ่งต้องสกุลกู้ ตระกูลกู้ของเราต้องมีคนสืบสกุลต่อ!”
คุณกู้ย้ำเตือนอย่างจริงจัง แต่ดีที่หลานสะใภ้เก่งจึงมีลูกชายถึงสามคน เป็นการปลอบประโลมชั้นดีเชียว!
“คุณน้าวางใจได้ ผมจะให้พวกอ้ายเต๋อหัวเคารพต่อบรรพบุรุษแน่นอน”
หญิงมาดดีบุคลิกสง่างามคนหนึ่งเดินเข้า เธอเคารพนับถือคุณกู้อย่างมาก เธอคือลี่ลี่อันภรรยาของเซี่ยทิงเทานั่นเองและเป็นนักออกแบบเพชรพลอยที่ประสบความสำเร็จสูงจนมีแบรนด์เป็นของตัวเอง
นอกจากพื้นเพครอบครัวแล้ว ถือว่าคุณกู้พอใจในตัวหลานสะใภ้คนนี้อย่างมาก แต่มีลูกถึงสามคนจะให้หลานหย่าร้างคงไม่ได้
ลี่ลี่อันมองสามีด้วยความรู้สึกผิดเพราะทุกอย่างเป็นความผิดของเธอจนเป็นเหตุให้สามีกลับประเทศบ้านเกิดไม่ได้ เธอต้องทำอะไรสักอย่าง!
นึกถึงเรื่องที่เพิ่งได้ยินเมื่อสักครู่ ลี่ลี่อันก็กัดฟันและตัดสินใจจะกระทำบางอย่าง!
……………………….
ตอนที่ 1537 ฉันจะกลับไปนอนที่บ้านแล้วนะ
งานนิทรรศการศิลปะสิบวันจบลงด้วยดี เหยียนซินหย่ากับเหมยเหมยต่างถอนหายใจโล่งอก ของสะสมของเหยียนตานชิงที่เหยียนซินหย่าได้ส่งมอบแก่รัฐบาลตามสัญญาช่องโทรทัศน์ก็ได้รายงานข่าวนี้เช่นกัน เหล่าสื่อมวลชนมากมายต่างแย่งกันทำข่าวชมเชยความใจกว้างของเหยียนซินหย่า
ส่วนผลงานอื่น ๆของเหยียนตานชิงยังคงมีการจัดให้เยี่ยมชมอย่างต่อเนื่อง เหยียนซินหย่าได้จัดนิทรรศการไว้ในคฤหาสน์ที่เหมยเหมยซื้อไว้ล่วงหน้าตั้งนานแล้วโดยเหยียนหมิงซุ่นได้สั่งให้คนติดตั้งระบบป้องกันขโมยไว้โดยเฉพาะซึ่งขึ้นชื่อว่ามีความปลอดภัยมากที่สุดในประเทศ
คฤหาสน์หลังนี้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์จัดนิทรรศการส่วนตัวของเหยียนตานชิงที่มีการเปิดให้ซื้อบัตรเข้าชม ส่วนรายได้จากการขายบัตรเข้าชมนั้นจะนำมาใช้สำหรับบริหารพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ทั้งที่ความจริงแล้วนั้นเงินรายได้จากบัตรเข้าชมไม่เพียงพอเลยสักนิด เหมยเหมยเองก็ได้ให้การสนับสนุนเงินส่วนตัวไปไม่น้อย
แต่เพื่อชื่อเสียงของคุณตาและให้เหยียนซินหย่าได้ทำตามใจหวัง เงินพวกนี้ก็คุ้มค่ากับการใช้จ่าย
หลายวันมานี้เหยียนหมิงซุ่นออกจะน้อยใจเล็กน้อยเพราะเหมยเหมยไม่ให้เขายุ่งเรื่องพิพิธภัณฑ์ แค่ให้เขาส่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาเฝ้าดูแลพิพิธภัณฑ์เท่านั้น ส่วนเขายังเทียบกับลูกน้องไม่ได้ด้วยซ้ำเพราะถูกสั่งห้ามไม่ให้แสดงตัวในงานพิพิธภัณฑ์
เพราะเหมยเหมยบอกว่าจะใช้กฎในวงการศิลปะลงโทษพวกเจิ้งซื่อหลิน
หากปล่อยให้เขาจัดการพวกเจิ้งซื่อหลินคงไปกราบขอขมาสองสามีภรรยาเหยียนตานชิงที่นรกภูมิตั้งแต่แปดร้อยปีก่อนแล้ว ยังจะมีชีวิตเสวยสุขมาจนถึงตอนนี้ได้อีกหรือ?
แค่นี้ก็ช่างแต่สิ่งที่เรียกให้เหยียนหมิงซุ่นอัดอั้นตันใจมากที่สุดคือจู่ ๆจ้าวอิงหัวก็กลับมา ขณะเดียวกันยังมีจ้าวเสวียหลินที่เขาสั่งให้ไปปฏิบัติภารกิจต่างประเทศอีกคน
สองพ่อลูกคู่นี้ไม่รู้ว่าวางแผนมาล่วงหน้าหรือเปล่า จึงกลับมาบ้านไล่หลังกันไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงดีอย่างกะทันหัน
“พี่ฉันกลับมาแล้วค่ะ คืนนี้ฉันต้องกลับไปค้างที่บ้าน!”
เหมยเหมยดีใจอย่างมากเธอไม่ได้เจอจ้าวเสวียหลินมาเกือบปีแล้ว ก่อนหน้านี้ต่อให้เจอกันก็เวลากระชั้นชิดเพราะจ้าวเสวียหลินมักมีภารกิจคั่งค้างเสมอเลยกลับมาค้างที่บ้านได้ไม่กี่วันแล้วมักถูกเรียกกลับไปกะทันหันทุกที
เหยียนหมิงซุ่นตีหน้านิ่งพูดด้วยน้ำเสียงใจเย็น “พ่อเธอกับพี่ของเธอต้องเหนื่อยจากการเดินทางแน่นอน ให้พวกเขาพักผ่อนก่อนไว้คืนนี้เราค่อยกลับไป”
พรุ่งนี้ต่อให้เขาต้องคิดหาวิธีอื่นก็ต้องส่งตัวขัดขาสองคนนี้ออกไปให้ได้!
เหมยเหมยคิดๆ แล้วก็เห็นด้วยจึงไม่ค้านอะไร แต่ทว่า–
“กริ๊ง”
โทรศัพท์แผดเสียงดังกะทันหันเหมือนกำลังเร่งเร้า
จ้าวอิงหัวเป็นคนโทรมา
“เหมยเหมย ทำไมลูกยังไม่กลับบ้าน พ่อเอาของขวัญจากต่างประเทศมาฝากด้วยนะ พี่ชายของลูกก็มีของขวัญมาฝากเหมือนกัน” จ้าวอิงหัวหัวเราะเสียงดังลั่นจนเกิดเสียงอื้ออึงในหูโทรศัพท์
เหยียนหมิงซุ่น “…”
ต้องจงใจอย่างแน่นอน!
เหมยเหมยวางสายแล้วเหลือบมองเหยียนหมิงซุ่นที่ทำหน้าถมึงทึงก็ลอบขำคนเดียว
แม้เธอจะไม่อยากย้ายกลับบ้าน แต่ในเมื่อคุณพ่อสั่งเธอก็ต้องกลับบ้านแต่โดยดีล่ะ!
อีกอย่างเธอก็อยากสั่งสอนใครบางคนสักหน่อย ใครให้เธอเป็นคนใจแคบกันล่ะ!
“พี่หมิงซุ่น…พ่อฉันรออยู่ล่ะ…” เหมยเหมยพูดเตือนใครบางคนที่เริ่มเคลื่อนตัวช้าลงเพราะคลำหากุญแจรถจนเสียเวลาไปพักใหญ่ ทั้งที่ปกติเป็นคนมีระเบียบมากที่สุด
เหยียนหมิงซุ่นกัดฟันและไม่พอใจเหมยเหมยที่ดีใจออกนอกหน้า “เหมยเหมยดีใจที่ได้ห่างกับพี่เหรอ?”
“เปล่านี่…ฉันก็ไม่อยากเหมือนกัน…” ดวงตากลมโตของเหมยเหมยกระพริบปริบ ๆอย่างใสซื่อ “แต่ฉันยังไม่ได้แต่งงานกับพี่เลย…ก็ต้องย้ายไปอยู่ที่บ้านสิ!”
ฉันเสนอตัวขนาดนั้นแล้วใครให้พี่ไม่ยอมรับไว้กันล่ะ?
ดูถูกเสี่ยวหลงเปาของเธอหรือไง?
หึ!
เหยียนหมิงซุ่นกัดฟันอีกครั้งเหมือนมีบางอย่างทิ่มแทงใจ
สาวงามอยู่ในอ้อมแขนแต่ดันกลืนกินไม่ได้ บนโลกนี้มีใครที่อยู่ยากกว่าเขาอีก?
หางตาเหลือบเห็นสายตาได้ใจของเหมยเหมย เหยียนหมิงซุ่นก็อดขำไม่ได้นับวันก็ยิ่งขี้งอนขึ้นเรื่อย ๆ ผ่านไปตั้งนานแล้วยายคนนี้ยังแค้นฝังใจอยู่เชียว!
“ไปเถอะ พี่ส่งเธอกลับบ้าน ค้างที่บ้านหลาย ๆวันเลยนะ!” เหยียนหมิงซุ่นสลัดความขุ่นมัวก่อนหน้านี้ไปแล้วมองด้วยแววตาเปื้อนยิ้ม
เหมยเหมยมองเขาด้วยความสงสัยหลายที เมื่อกี้ยังมีเมฆฝนปกคลุมอยู่เลยตอนนี้พระอาทิตย์กลับส่องแสงเสียแล้ว?
หรือว่าเหยียนหมิงซุ่นไม่ได้อาลัยอาวรณ์เธอเลยสักนิด?
ตอนที่ 1538 แม่ยายเห็นลูกเขย ยิ่งเห็นยิ่งชอบ
จู่ๆ เหมยเหมยก็ไม่พอใจขึ้นมาปากกระจับยู่เข้าหากันเล็กน้อย ตวัดตามองไปทางเหยียนหมิงซุ่นที่แววตายังเปื้อนยิ้มอยู่ไร้ความอาลัยอาวรณ์ใด ๆ
ความรู้สึกน้อยใจเริ่มก่อตัวขึ้นมาในใจและกระจัดกระจายไปในอากาศ
“พี่อยากให้ฉันกลับไปมากเลยใช่ไหม?” เหมยเหมยถามด้วยความน้อยใจ ซึ่งไม่ทันสังเกตว่าอำนาจตกไปอยู่ที่เหยียนหมิงซุ่นอีกแล้ว
เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้มแสร้งทำเป็นพูดอย่างใจกว้าง “พ่อเธอกับพี่ของเธอนาน ๆจะกลับมาที เหมยเหมยก็ต้องกลับไปอยู่กับพวกเขานานหน่อย”
เหมยเหมยมองเขาอีกหลายที แต่ก็ไม่เห็นท่าทีอาลัยอาวรณ์แม้แต่น้อยเลยอดแค่นเสียงไม่ได้ หันขวับไปอีกฝั่งด้วยความโกรธ
เหยียนหมิงซุ่นเห็นแล้วก็ขำ สมแล้วที่ไม่ควรใช้เหตุผลกับผู้หญิง
เขาบีบปากที่เบะบึ้งตึงของหญิงสาวทีหนึ่งแล้วพูดเชิงหยอกว่า “ยิ่งโตยิ่งใจน้อยนะเรา ฉันอยากให้เธอเปลี่ยนสถานะเป็นคุณนายเหยียนเสียตอนนี้เลยด้วยซ้ำ แต่ใครให้พ่อเธอกับพี่ของเธอวางกับดักฉันล่ะ”
เหมยเหมยถึงนึกเรื่องนี้ขึ้นได้เลยเริ่มโทษตัวเอง
เธอเองที่เป็นฝ่ายงี่เง่าทั้งที่เป็นความผิดของคุณพ่อกับพี่ชายทั้งนั้น พวกเขาชอบยุ่งไม่เข้าเรื่องจริง ๆ!
เหมยเหมยกลอกตาทีหนึ่ง สัญญาที่มีการเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรเธอคงเปลี่ยนมันไม่ได้ แต่ยังพอมีช่องโหว่อยู่บ้าง ไม่ต้องรีบ เล่นตัวสักพักก่อนค่อยว่ากันทีหลัง
จ้าวอิงหัวกลับมาเห็นที่บ้านเงียบเหงาไร้ชีวิตชีวาก็รู้ทันทีว่าลูกสาวตนไม่พักที่บ้านพลันก็อารมณ์เสียขึ้นมาทันที
หน็อยแน่ไอ้ตัวดี ต่อหน้ารับปากดิบดีแต่ลับหลังกลับเล่นตุกติก
“ทำไมคุณไม่ดูแลเหมยเหมยให้ดี?” จ้าวอิงหัวไม่พอใจเพราะตอนนี้ลูกสาวไม่เหมือนวัยเด็กอีกแล้ว เขาไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าหมอนั่นจะอดทนไหว
หากใช้ตัวเองเป็นเกณฑ์ตัดสินจ้าวอิงหัวคิดว่าลูกสาวตนต้องเสียความบริสุทธิ์ไปแล้วแน่ ๆ ซึ่งทำให้เขาบันดาลโทสะหน้าดำบึ้งตึงเป็นก้อนถ่าน!
เหยียนซินหย่ากลับรู้สึกว่าเขาคิดมากเกินไป “เหมยเหมยโตขนาดนี้แล้วเธอรู้ขอบเขตตัวเองดี ทำไมต้องคอยจับตาดูทุกวัน?”
“คุณ…คุณนี่มัน…ชายหญิงอยู่กันสองต่อสอง คุณลองคิดดู…” จ้าวอิงหัวหายใจหอบหนัก หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นที่พูดแบบนี้เขาคงด่ากราดกลับไปจนอีกฝ่ายหาทางกลับบ้านไม่ถูกแล้ว
แต่นี่เป็นภรรยาของตน แล้วเขาจะทำอย่างไรได้เล่า?
เหยียนซินหย่ากลับไม่ใส่ใจพลางตอบกลับด้วยท่าทีเฉยเมย “คุณนี่คิดไม่ได้สักที เหมยเหมยกับหมิงซุ่นก็ขาดแค่ทะเบียนสมรสใบเดียว สองสามีภรรยาอยู่ด้วยกันดีจะตาย ฉันว่าพวกเขาในตอนนี้ก็มีความสุขดี จะไปยุ่งอะไรมากมายเล่า?”
จ้าวอิงหัวหน้างอเป็นตูด…
ทำใจฟาดไม่ลงจริง ๆ!
เหยียนซินหย่าฉุกนึกขึ้นได้ก็ปรบมืออย่างตื่นเต้นก่อนกล่าว “เหมยเหมยของเราอายุสิบเก้าแล้วนี่นา อีกปีเดียวก็บรรลุนิติภาวะแล้ว ฉันต้องไปเตรียมเงินสินเดิมให้เหมยเหมย ทำไมคุณไม่เตือนฉัน ไม่รู้ว่าเวลาปีเดียวจะพอหรือเปล่า?”
สองพ่อลูกจ้าวอิงหัวชักสังหรณ์ใจไม่ดีเลยถามเสียงเบาหวิว “เวลาหนึ่งปีไม่พออะไร?”
“แต่งงานไง!”
เหยียนซินหย่าตวัดตาใส่สามีกับลูกชายแวบหนึ่งเหมือนมองคนโง่ สมองโดนหมาแทะไปแล้วหรือไงกัน!
“แต่งงานอะไร? ฉันไม่อนุญาต!” จ้าวอิงหัวเด้งตัวสูงสามคืบ หัวใจเหมือนโดนมีดกรีดทำเอาเขาเจ็บเจียนตาย
ลูกสาวสุดรักที่กว่าเขาจะได้กลับคืนมา อย่างน้อยต้องรั้งไว้สามสิบปีถึงจะยอมให้แต่งงาน
ไม่สิ ทางที่ดีไม่ต้องแต่งตลอดชีวิตเลยยิ่งดี!
เหยียนซินหย่าตวัดฝ่ามือใส่แล้วพูดเสียงดุ “คุณลองไม่อนุญาตดูสิ ลูกเขยคนนี้ฉันเอาไว้แน่ คุณไปหาลูกเขยแสนดีแบบนี้ได้จากที่ไหนอีก?”
“ไปหาตามท้องตลาดมีถมเถไป!” จ้าวอิงหัวพึมพำกับสิ่งที่ตรงข้ามกับความคิดเลยเสียงอ่อนลงไม่น้อย
หลายปีมานี้ภรรยาเขาโหดขึ้นเรื่อย ๆ เขาไม่กล้าขัดขืน!
“ฉันเตือนไว้เลยนะ เดี๋ยวตอนกินข้าวทำตัวให้ดี ๆหน่อย อย่าทำหน้าเหมือนศพให้เห็น!”
เหยียนซินหย่าวุ่นอยู่ในครัวพักหนึ่งก็ถือมีดออกมาหันด้านคมวาววับใส่ ทำเอาสองพ่อลูกจ้าวอิงหัวเสียวสันคอวาบ ยังจะกล้าพูดขัดเสียที่ไหน?
“พ่อ แม่ พี่ หนูกลับมาแล้วค่ะ!” เสียงสดใสของเหมยเหมยดังขึ้น
…………………….
ตอนที่ 1539 เอาทุเรียนให้
มีเหยียนซินหย่าคอยกันท่าไว้อยู่บรรยากาศช่วงมื้ออาหารเย็นเลยยังดำเนินไปอย่างกลมเกลียวกันดี เหยียนซินหย่าคอยตักกับข้าวให้เหยียนหมิงซุ่นเรื่อย ๆ เพราะกับว่าที่ลูกเขยคนนี้เธอยิ่งเห็นก็ยิ่งพอใจ หน้าตาดีแล้วยังมากความสามารถ ที่สำคัญยังปฏิบัติต่อลูกสาวเธออย่างดีมาตลอด
ลูกเขยแสนดีขนาดนี้หายากนี่นา!
“หมิงซุ่น ปีนี้เธออายุยี่สิบสี่แล้วสินะ?” เหยียนซินหย่าถามด้วยความห่วงใย
“ครับ เดือนหน้าก็ยี่สิบสี่ปีเต็มแล้ว”
เหยียนหมิงซุ่นตอบกลับอย่างนอบน้อมแต่กลับคิดวางแผนในใจไม่หยุด เรื่องสัญญาลายลักษณ์อักษรนั่นความจริงก็ใช่ว่าจะยกเลิกไม่ได้สักหน่อย!
ต้องวางแผนดี ๆ!
“ยี่สิบสี่ปีก็ไม่น้อยแล้วนะ เหมยเหมยเองพริบตาเดียวก็ใกล้ยี่สิบแล้ว พวกเธอจะชักช้าต่อไปแบบนี้ไม่ได้ เธอได้วางแผนอะไรไว้บ้างไหม?” ในที่สุดเหยียนซินหย่าก็โยงเข้าเรื่องสำคัญสักที
เธอคิดง่ายมาก สิ่งที่สามีเป็นห่วงก็ใช่ว่าจะเกิดขึ้นไม่ได้ เพราะเหยียนหมิงซุ่นอยู่ในวัยหนุ่มเลือดร้อนเห็นสาวงามสุดเย้ายวนอยู่ทุกวันจะทนไปได้สักกี่น้ำ?
หากต้องรอให้พวกเขาพลาดท้องขึ้นมาสู้ให้รีบแต่งกันไปเลยจะดีกว่า!
อย่างไรเสียเธอเชื่อในตัวเหยียนหมิงซุ่นว่าถ้าแต่งงานไปแล้วต้องดีกับลูกสาวเธออย่างแน่นอน สิ่งสำคัญที่สุดถ้าแต่งงานไปก็มีลูกน้อยได้ เธอเคยวาดฝันถึงลูกน้อยของเหมยเหมยกับเหยียนหมิงซุ่นมานับครั้งไม่ถ้วน ทั้งลูกชายและลูกสาวจนถึงขั้นเคยจิตนาการอุ้มแฝดสองแฝดสามแฝดสี่ด้วยซ้ำ แค่พอคำนึงถึงความปลอดภัยของลูกสาวตนเลยไม่กล้าคิดลึกไปมากกว่านั้น
“แค่ก แค่ก แค่ก…”
จ้าวอิงหัวกับจ้าวเสวียหลินไอขึ้นมาพร้อมกันจนหน้าแดงคอแดงเป็นการขัดภาพจิตนการของเหยียนซินหย่า
แต่งงาน?
ฝันไปเถอะ!
เหยียนหมิงซุ่นลอบขำคนเดียวพลางเหลือบมองสองพ่อลูกคู่นี้ด้วยสายตานิ่ง ๆแวบหนึ่งแล้วหันไปมองเหยียนซินหย่าก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงจริงใจ “เดิมทีผมกะจะรอให้เหมยเหมยอายุครบยี่สิบปีค่อยแต่งงาน…”
เหยียนซินหย่ายิ้มอย่างพึงพอใจ วางแผนไว้ก็ดีแล้ว
“แต่ว่า…” เหยียนหมิงซุ่นโพล่งขึ้นทำเอารอยยิ้มบนใบหน้าเหยียนซินหย่าหายวับไปในพริบตา สีหน้าเริ่มไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไร
หรือว่าเธอมองเหยียนหมิงซุ่นผิดไป?
จ้าวอิงหัวมีพิรุธสุดขีด หากให้ภรรยารู้เรื่องสัญญาลายลักษณ์อักษรนั่น จะทำโทษเขาให้นอนพื้นหรือเปล่านะ?
“ที่รักรีบกินเนื้อซี่โครงสักชิ้นสิ ฝีมือที่รักดีขึ้นเรื่อย ๆเลยนะ” จ้าวอิงหัวคีบเนื้อซี่โครงผัดกระเทียมสับให้เหยียนซินหย่าหนึ่งชิ้นโดยหวังอยากให้จบประเด็นนี้
จ้าวเสวียหลินเองก็ตักน้ำซุปปลาให้แสดงความกตัญญู “แม่ทานซุปปลาสิ ผู้หญิงทานน้ำซุปจะช่วยเรื่องความงามได้ แม่ทานเยอะ ๆนะ!”
เหยียนหมิงซุ่นแค่นยิ้มในใจ คิดจะกลบเกลื่อนง่าย ๆแบบนี้หรือ?
ไม่มีทาง!
เหมยเหมยทำเป็นไม่เห็นบรรยากาศมาคุกลางโต๊ะอาหารพลางทานเนื้อซี่โครงอย่างเอร็ดอร่อยต่อไป แต่ทำหูตั้งรอฟังอย่างจดจ่อ
เหยียนหมิงซุ่นบอกกับเหยียนซินหย่าที่สีหน้าไม่ค่อยดีนักว่า “สองปีก่อนผมยังอ่อนหัดเกินไปเลยโดนลุงจ้าวหลอกล่อให้เขียนสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรรับปากว่าจะไม่แต่งงานกับเหมยเหมยก่อนเรียนจบ น้าเหยียนรู้ดีว่าผมเป็นคนยังไง ปกติพูดคำไหนคำนั้น ผมก็เลย…”
น้ำเสียงที่แฝงด้วยความน้อยใจเต็มพิกัดพร้อมทำหน้าไม่ค่อยยินยอมพร้อมใจเท่าไร
เหยียนซินหย่าถึงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเลยตวัดตามองสองพ่อลูกอย่างเย็นชา สองคนนี้รีบก้มหน้างุดทานข้าวเปล่าคำโต
“ฉันรู้อยู่แล้วว่าหมิงซุ่นเป็นเด็กดี ทานกับข้าวเยอะ ๆของพวกนี้เป็นเมนูโปรดของเธอทั้งนั้นเลย”
เหยียนซินหย่าไม่ได้คุยเรื่องแต่งงานต่อไป ต่อหน้าว่าที่ลูกเขยยังคงต้องรักษาภาพพจน์ของสามีให้ดี เดี๋ยวกลับห้องไปค่อยซักถามหมอนั่นที่กล้าตัดสินใจเรื่องใหญ่นี้ลับหลังเธอ?
หัวเข่าคันนักสินะ?
จ้าวอิงหัวแอบคร่ำครวญในใจ ภรรยาต้องทำใจลงโทษลูกชายไม่ได้แล้วต้องมาลงที่เขาคนเดียวอีกแน่เลย!
หรือว่ายื่นขอสัมมนาเป็นการหนีสักช่วงดี?
“น้าเหยียน ทุเรียนพวกนี้เป็นของฝากที่ผมสั่งให้คนเอามาจากประเทศไทยโดยเฉพาะ เก็บไว้หลายวันหน่อยรสชาติจะดีกว่านี้ คุณน้าทานหมดแล้วผมค่อยเอามาให้อีกนะครับ”
หลังทานข้าวเสร็จเหยียนหมิงซุ่นก็ขอตัวลากลับบ้านแล้วเอาทุเรียนเปลือกออกเขียว ๆที่เขาบรรจงคัดสรรมาอย่างดีมอบให้ จากนั้นปรายตามองจ้าวอิงหัวแวบหนึ่งด้วยสายตามีเลศนัยพร้อมกระตุกยิ้มที่มุมปาก
ตอนที่ 1540 เล่นงานพ่อ
รอเหยียนหมิงซุ่นกลับไปเหยียนซินหย่าที่ยังทำหน้าสดใสระรื่นก็ปรับสีหน้าโดยฉับพลัน จากความสดใสเป็นหน้าขรึม มองสองพ่อลูกจ้าวอิงหัวอย่างเย็นชา
“สัญญาลายลักษณ์อักษรนั่นล่ะ? เอาออกมาให้ฉันดูสิ!”
“ไม่อยู่บ้าน ผมเอาไปเก็บไว้ในตู้เซฟธนาคารแล้ว” จ้าวอิงหัวสารภาพแต่โดยดี
เหมยเหมยกลอกตาทีแล้วอดพูดไม่ได้ว่า “พ่อ พ่อกลั่นแกล้งลูกสาวเก่งจริง ๆ!”
จ้าวอิงหัวถลึงตาใส่เธอแวบหนึ่ง “ไม่รู้จักเหนียมอายบ้าง ลูกเพิ่งอายุเท่าไหร่? ตอนนี้มีแต่สนับสนุนให้แต่งงานช้าลงมีลูกช้าลง เราต้องให้ความร่วมมือกับนโยบายรัฐสิ”
“งั้นตอนนั้นทำไมพ่อมาสู่ขอแม่หนูเร็วขนาดนั้น? ตอนนั้นแม่หนูเพิ่งอายุสิบแปดเอง!” เหมยเหมยยอกย้อน
เรื่องที่ตัวเองยังทำไม่ได้กลับบีบบังคับให้พี่หมิงซุ่นของเธอทำ เหอะ!
จ้าวอิงหัวหน้าถมึงทึงกว่าเดิม ไอ้ลูกไม่รักดี!
“ตอนนี้ไปเทียบกับยุคนั้นได้เหรอ? แม่ของลูกเป็นสาวแก่ตั้งแต่วัยสิบแปดแล้วก็ต้องแต่งงานสิ สมัยนี้อายุสิบแปดยังไม่บรรลุนิติภาวะตามกฎหมายเลย ลูกลองไปดูต่างประเทศสิผู้หญิงเขาปลูกฝังเรื่องการพึ่งพาตัวเอง ไม่เป็นผู้หญิงอ่อนแอที่คอยพึ่งพาผู้ชาย ลูกก็หัดเรียนรู้ไว้บ้าง!”
จ้าวอิงหัวพร่ำบ่นไม่หยุดไม่หย่อนเพราะระยะนี้ไปต่างประเทศบ่อย แม้จะงานยุ่งมากแต่กลับได้เปิดหูเปิดตาไม่น้อย เขารู้สึกว่าลูกสาวสามารถเลียนแบบผู้หญิงที่พึ่งพาตัวเองเป็นหลักอย่างประเทศตะวันตกได้นี่นา!
เขาต้องชูแขนชูขาสนับสนุนเต็มที่แน่นอน!
เหยียนซินหย่าสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยแล้วเอามือบิดหูจ้าวอิงหัวพร้อมด่า “คุณว่าใครเป็นสาวแก่? จ้าวอิงหัวนี่คุณหาว่าฉันแก่ใช่ไหม? ได้ ฉันไม่พึ่งพาคุณแล้ว ฉันจะหัดพึ่งพาตัวเองเหมือนผู้หญิงต่างชาติ พรุ่งนี้ไปสำนักงานเขตเลย ฉันจะคืนอิสระให้คุณเอง!”
จ้าวอิงหัวหน้าซีด เขาไม่ได้อยากให้ภรรยาเขาเลียนแบบนะ!
“ที่รัก…ซินหย่า…คุณฟังผมพูด…”
จ้าวอิงหัวพยายามขยิบตาส่งสัญญาณให้จ้าวเสวียหลินกับเหมยเหมยเป็นเชิงให้พวกเขารู้เวลาหน่อยว่าควรหายตัวไปเองได้แล้ว
ไม่อย่างนั้นเขาในฐานะหัวหน้าครอบครัวยังจะเหลือศักดิ์ศรีอะไรอีก?
เหมยเหมยหัวเราะสมน้ำหน้าไม่ได้เห็นใจพ่อตัวเองเลยสักนิด ใครให้เขาขุดหลุมฝังตัวเองกันล่ะ?
“แม่ ทุเรียนพวกนี้สดดีจัง โอ๊ย หนามพวกนี้เวลาตำมือก็เจ็บไม่เบานะเนี่ย!” เหมยเหมยกลอกตารอบหนึ่งแล้วสาบานว่าจะเล่นงานพ่อตัวเองให้ถึงที่สุด
หลายวันก่อนเธอเพิ่งคุยกับเหยียนซินหย่าถึงสามสิบหกกลยุทธ์ในการสั่งสอนผู้ชาย ซึ่งทุเรียนก็ถือว่าเป็นกลเหนือกล!
เทียบกับการให้คุกเข่าบนกระดานซักผ้ายิ่งช่วยให้ผู้ชายหลาบจำได้มากกว่า หลังจบเรื่องยังได้ลิ้มรสชาติแสนอร่อย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว!
จ้าวอิงหัวไม่เข้าใจเพราะคนยุคสมัยนี้ยังไม่รู้ว่าเปลือกทุเรียนมีประโยชน์การใช้งานด้านนี้ได้อีก เขาเพียงคิดว่าเสียงของลูกสาวนั้นช่างขัดหูเหลือเกินเลยถลึงตาใส่อีกที เหมยเหมยหัวเราะคิกคักบิดขี้เกียจทีหนึ่งก็ขอตัวกลับไปพักผ่อนที่ห้อง
–เส้นแบ่งเขตทุเรียน–
คืนนี้หลับสนิททั้งคืน พอเหมยเหมยตื่นเช้าอย่างสดใสก็ไปช่วยงานที่ห้องครัว เหยียนซินหย่าดูสดใสน่าเย้ายวนมากกว่าเดิมบวกกับใบหน้าที่ดูอิ่มเอมก็ชัดเจนแล้วว่าต้องถูกหล่อเลี้ยงด้วยความรักมาแหง
เหมยเหมยลอบส่ายศีรษะ แม่ของเธอใจอ่อนเกินไปแล้ว ไม่พ้นสามประโยคก็ถูกจ้าวอิงหัวหลอกขึ้นเตียงเสียได้!
ไม่รู้ว่าเรื่องสำคัญของเธอผลเป็นอย่างไรบ้าง?
เหมยเหมยไม่ได้รีบร้อนเท่าไร ในเมื่อเธอได้ตัดสินใจแล้วว่าต่อให้แต่งงานหรือไม่ก็ช่าง แต่กับเรื่องบางเรื่องเธอต้องสะสางให้เสร็จก่อน!
“เหมยเหมยไม่ต้องรีบ สัญญาลายลักษณ์อักษรนั่นแม่จะให้พ่อของลูกเอาออกมาให้แน่ ๆ แม่จะเริ่มเตรียมสินเดิมให้ลูกเดี๋ยวนี้เลย!”
เหยียนซินหย่าดูออกตั้งนานแล้วว่าลูกสาวอยากแต่งงานเหลือเกินเลยให้คำมั่นสัญญาเธอไว้ก่อน
ลูกสาวโตแล้วก็รั้งไว้ไม่ได้ รั้งไว้ก็จะเกิดความขัดแย้งเสียเปล่า ๆ อีกอย่างตอนนี้ทั้งเธอและสามีต่างงานยุ่งกันทั้งคู่ก็มีเหยียนหมิงซุ่นคอยดูแลลูกสาวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่งงานไปจะได้ถูกต้องตามหลักขนบประเพณีกว่าเดิม!
เหมยเหมยที่ถูกเดาความคิดออกก็หน้าแดงแล้วพูดเสียงกระเง้ากระงอด “หนูไม่ได้รีบร้อนสักหน่อย!”
“เหอะ! ไม่รีบก็รอไปอีกหลายปีเลยงั้น!”
จ้าวอิงหัวเดินกะเผลก ๆลงมาจากชั้นบน เจ้าหัวขโมยเหยียนหมิงซุ่นต้องจงใจให้ทุเรียนแหง ให้ตายเถอะ เจ็บจนน้ำตาเขาแทบเล็ด ถ้าไม่ใช่เพราะเขาไหวพริบดีใช้แผลรวบตัวละก็เช้านี้ต้องลงจากเตียงไม่ได้แน่ ๆ
“แม่ ทุเรียนทานหมดแล้วหนูจะให้พี่หมิงซุ่นเอามาอีกนะ ผลไม้ชนิดนี้มีประโยชน์ต่อผู้หญิงมาก แม่ต้องทานเยอะ ๆนะคะ” เหมยเหมยถลึงตาใส่ทีหนึ่งแล้วเริ่มแผนการเล่นงานคุณพ่อต่อ
จ้าวอิงหัว “…”
…………………………..
ตอนที่ 1541 หลุมพ่อใครคนนั้นไปกลบเอง
เหยียนหมิงซุ่นเชื่อใจเหยียนซินหย่าอย่างมากว่าแม่ยายในอนาคตคนนี้จะไม่ทำให้เขาผิดหวัง ขอแค่เธอหลอกล่อให้จ้าวอิงหัวเสนอทำลายสัญญาลายลักษณ์อักษรนั่นทิ้ง เหยียนหมิงซุ่นสาบานว่าในเวลาที่เหลืออันแสนยาวนานของชีวิตนี้เขาจะกตัญญูต่อเหยียนซินหย่าราวกับแม่แท้ ๆเลย
ช่วงนี้จ้าวอิงหัวไม่มีงานสัมมนาเพราะช่วงก่อนหน้านี้ออกบ่อยเกินไป เพื่อทำตามภารกิจที่เหยียนหมิงซุ่นมอบหมายไว้หัวหน้าของเขาจึงโยนหน้าที่การสัมมนางานทั้งหมดของทั้งแผนกให้จ้าวอิงหัวเพียงคนเดียว แต่นี่ก็จะโหดเกินไปมั้ง เขาเป็นถึงหัวหน้าแสนดีผู้มีความเที่ยงธรรมเชียวนะ
เหยียนหมิงซุ่นคิดว่าเขาควรหางานให้จ้าวอิงหัวสักหน่อยเผื่อเจ้าหมอนี่จะว่างเกินไป
ดังนั้นเรื่องแถลงการณ์บนหนังสือพิมพ์ของคุณปู่จ้าวจึงวางเด่นหราอยู่กลางโต๊ะทำงานของจ้าวอิงหัว
เหยียนหมิงซุ่นพอใจที่เห็นสีหน้าจ้าวอิงหัวเปลี่ยนไป ก่อนหน้านี้ที่เขาไม่จัดการตาแก่จ้าวสักทีก็เพื่อเก็บไว้ให้จ้าวอิงหัวจัดการเอง หลุมที่พ่อใครขุดไว้ก็ต้องให้คนนั้นไปกลบเองสิ!
“ผมว่าคุณปู่ว่างเกินไปหน่อยนะ หรือบางทีอาจมีใครในตระกูลเป่าหูเขาอีก ถ้าคุณจัดการไม่ได้ ผมจะให้พี่สองของคุณพาคุณปู่กลับบ้านเกิดใช้ชีวิตปลูกดอกไม้ทำไร่นาก็ไม่เลวเหมือนกัน”
“ฉันจะจัดการพวกเขาเอง”
จ้าวอิงหัวกัดฟันกรอดนึกโกรธเคืองคุณปู่
ช่วยใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสงบสุขไม่ได้หรืออย่างไร?
ต้องสร้างปัญหามากมายขนาดนี้ให้ได้อย่างนั้นหรือ?
ระยะนี้สุขภาพของท่านผู้เฒ่าจ้าวไม่สู้ดีนัก หลังจากคุยกับนายใหญ่เสร็จสุขภาพจิตของเขาเหมือนต้นไม้ต้นเล็กที่โดนลมพายุซัดกระหน่ำเหี่ยวเฉาอย่างรวดเร็วกลายเป็นคนที่ไร้ชีวิตชีวาและดูแก่ลงทันตา
หลังเลิกงานจ้าวอิงหัวไม่ได้กลับบ้านเลยแต่แวะไปที่บ้านของคุณปู่ซึ่งเป็นบ้านทรงสี่ประสานอันเงียบสงบแห่งหนึ่ง เชฟหยวนก็ตามมาด้วยเช่นกัน ยกเว้นว่าไม่ได้อาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่แต่ที่เหลือก็ยังได้รับการปฏิบัติเหมือนเดิมทุกประการ
สองสามีภรรยาจ้าวอิงหย่งก็อยู่ด้วย พอพวกเขาเห็นจ้าวอิงหัวก็ตกใจ แต่ไม่นานจ้าวอิงหย่งก็มีสีหน้าขุ่นเคือง
“ไม่ได้เจอกันนาน วันนี้ทำไมผู้ว่าจ้าวถึงมีเวลาว่างมาได้ล่ะ?” จ้าวอิงหย่งทักด้วยน้ำเสียงประชดประชัน ในใจอิจฉายิ่งกว่า
เมื่อก่อนน้องชายคนเล็กที่ไม่เป็นโล้เป็นพายที่สุดกลับกลายเป็นลูกที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในบ้าน ไม่ว่าจะเรื่องหน้าที่การงานหรือระดับตำแหน่งที่ล้วนอยู่สูงกว่าเขามาก ก่อให้เกิดความรู้สึกบางอย่างที่บอกไม่ถูกขึ้นภายในใจของจ้าวอิงหย่งพ่อคิดจะทำอะไร?”
คุณปู่ใจหล่นวูบแต่ทุกอย่างก็อยู่ในความคาดหมายไว้แล้ว
จ้าวอิงหย่งเองก็ใจหล่นวูบเช่นกันเพราะเขารู้ดีถึงเรื่องบนหนังสือพิมพ์กว่าใคร แถลงการณ์ฉบับนี้เขาเป็นคนแต่งเองด้วยซ้ำ!
“นี่อะไรของนาย? นี่เป็นคำสั่งของนายใหญ่เชียว นายเก่งจริงก็ไประบายอารมณ์ต่อหน้านายใหญ่สิจะมาวางท่าอวดเก่งอะไรต่อหน้าพวกเรา!” จ้าวอิงหย่งเล่นใหญ่แต่ใจฝ่อไปแล้วพูดเสียงดังลั่น
อันหย่าฟางได้ยินเสียงเอะอะเลยเดินออกมา พอเห็นหนังสือพิมพ์ก็เริ่มวิตก จ้าวอิงหย่งกับคุณปู่แอบลงแถลงการณ์โดยปกปิดเธอไว้ ไหนจะจ้าวเสวียเอ๋อร์ที่เห็นหนังสือพิมพ์ไปด้วยอีกคน ตอนนี้เธอเพิ่งรู้ว่าพ่อสามีตัวเองกับสามีเพิ่งทำเรื่องโง่ ๆ อะไรลงไป
แต่เธอก็ไม่คิดจะเข้าไปยุ่งเรื่องนี้ ขอแค่ไม่โยงมาถึงเธอกับลูกและครอบครัวฝั่งแม่ของเธอ เธอก็จะไม่สนใจไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม
จ้าวอิงหัวตอบกลับเสียงเย็นชา “นายใหญ่เอามีดข่มขู่พวกพี่เหรอ? พี่สอง ใจพี่คิดอะไรอยู่ผมรู้ดี คิดจะหลอกใช้ลูกสาวผมเลื่อนตำแหน่งสินะ? วันนี้ผมจะบอกพี่ให้นะว่าสายงานราชการของพี่ถึงจุดจบแล้ว รอปลดเกษียณอย่างสงบเถอะ!”
จ้าวอิงหย่งสีหน้าเปลี่ยนไปแล้วถามเสียงดุดัน “นายหมายความว่ายังไง? นายพูดมาให้รู้เรื่องนะ!”
จ้าวอิงหัวไม่ได้สนใจเขาแต่หันไปมองคุณปู่แล้วกล่าวขึ้นหลังตัดสินใจเด็ดขาด “ถ้าพ่อรู้สึกว่าอยู่ในเมืองแล้วน่าเบื่อก็ให้พี่สองพากลับไปอยู่บ้านเกิดเป็นเพื่อนพ่อแล้วกัน ที่นั่นสภาพแวดล้อมเงียบสงบ อากาศก็ดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพของพ่อมากกว่า!”
“จ้าวอิงหัวนายมีสิทธิ์อะไรมาจัดการแบบนี้? นายคิดว่าตัวเองเป็นใคร?” จ้าวอิงหย่งโต้เสียงเดือดดาลเพื่อปกปิดความลนลานในใจเขา
เขายังคิดจะไต่เต้าขึ้นไปทีละขั้น ๆ แล้วจะยอมโดนปลดเกษียณได้อย่างไรกัน?
แต่เขากลับเชื่อว่าจ้าวอิงหัวจะทำแบบนี้จริง ๆอย่างบอกไม่ถูก!
จู่ ๆเขาก็เกิดเสียใจภายหลังขึ้นมาแล้วสิ!
ตอนที่ 1542 ไม่นับญาติ
จ้าวอิงหัวมองจ้าวอิงหย่งอย่างเย็นชาด้วยสายตาที่แฝงด้วยความผิดหวัง แต่เป็นความเจ็บปวดใจเสียส่วนใหญ่ ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่เหล่าพี่ชายของเขากลายเป็นคนเห็นแก่ตัวได้ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์ภายในครอบครัวกันขนาดนี้แล้ว?
“ผมมีสิทธิ์อะไรงั้นเหรอ? มีสิทธิ์เพราะพวกพี่หลอกใช้ลูกสาวผมครั้งแล้วครั้งเล่าไง!” จ้าวอิงหัวตาแดงก่ำสื่ออารมณ์เดือดดาลออกมาทางสีหน้าและวาจา คำรามเสียงต่ำ “ใครคิดจะทำร้ายภรรยาและลูกผม ผมจะเอาชีวิตมัน! ถ้าพวกพี่ไม่ใช่คนในครอบครัวผม จ้าวอิงหย่งพี่คิดว่าพี่จะเสียแค่ตำแหน่งการงานงั้นเหรอ?”
“นายหมายความว่ายังไง?”
จ้าวอิงหย่งใจหายวาบแล้วมองจ้าวอิงหัวนิ่ง แต่กลับไม่กล้าสบตาตรง ๆเพราะความน่าเกรงขามของเขาจนต้องรีบก้มหน้างุดลงอย่างอดไม่ได้
กลับเป็นคุณปู่จ้าวมากกว่าที่หัวใจเต้นรัว เรื่องที่เขากังวลมากที่สุดได้เกิดขึ้นแล้ว
พี่น้องแตกคอทะเลาะกันเองเป็นสิ่งที่น่าหวาดกลัวที่สุด!
“อิงหัว เป็นความคิดของฉันเอง พี่สามของแกไม่รู้เรื่องอะไรด้วย ถ้าแกจะโทษก็โทษฉันเถอะ!” คุณปู่พูดด้วยเสียงแหบพร่าเผยให้เห็นความชราอย่างชัดเจน นายพลผู้แข็งแกร่งไม่หวาดหวั่นต่อสิ่งใดในอดีต บัดนี้กลายเป็นตาเฒ่าสูงวัยที่พร้อมจะล้มเสมอแม้มีเพียงลมพัดผ่าน ดูท่าทางน่าสลดใจเหลือเกิน
จ้าวอิงหัวเหมือนโดนหนามยอกที่อกเลยเบือนหน้าหนี ไม่อยากเห็นสภาพนี้ของคุณพ่อ
เขากลัวตัวเองใจอ่อน
“พ่อต้องรับผิดชอบเป็นหลักอยู่แล้ว ตอนนั้นที่แม่ผมกับพี่ใหญ่พี่สะใภ้ใหญ่ร่วมมือวางแผนทำร้ายเหมยเหมย พ่ออย่าบอกผมนะว่าไม่รู้เรื่องอะไรด้วย? เหตุผลที่พ่อทำเป็นไขสือเกรงว่าคงมีใจคิดจะหลอกใช้เหมยเหมยช่วยกอบกู้ตระกูลจ้าวให้ผ่านช่วงวิกฤตด้วยสินะ?”
จ้าวอิงหัวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาและได้พูดสิ่งที่เขาคิดอยากจะพูดมาโดยตลอด เดิมทีเขาไม่อยากมองคุณพ่อที่เขาให้ความเคารพนับถือมาแต่เด็กในแง่ร้าย แต่เหยียนหมิงซุ่นได้วิเคราะห์ให้เขาฟังแล้วและเขาไม่อาจปฏิเสธทุกคำกล่าวหาได้เลย
เขาปฏิเสธไม่ได้ว่าคุณพ่อของเขาต่างหากที่มีเจตนามุ่งร้ายต่อลูกสาวมากที่สุด!
คุณปู่ตัวสั่นสะท้าน ถ้อยคำของลูกชายคนเล็กได้ทิ่มแทงส่วนลึกของหัวใจเขาซึ่งเป็นส่วนที่อ่อนแออย่างมากของเขา
เขาจะหลอกตัวเองไม่ได้อีกต่อไป
จ้าวอิงหัวเห็นคุณปู่เงียบตอบก็ยิ่งผิดหวังกว่าเดิม “พ่อ ทำไมพ่อถึงกลายเป็นแบบนี้? เหมยเหมยเป็นหลานสาวแท้ ๆ ของพ่อนะ หรือว่าที่พ่อแสดงท่าทีว่ารักเป็นเรื่องจอมปลอมทั้งหมดเลยเหรอ?”
“ฉันรักหลานสาวแน่นอนแต่เธอเป็นหลานสาวของตระกูลจ้าว ในฐานะคนตระกูลจ้าวก็ย่อมมีส่วนที่ต้องเสียสละเพื่อตระกูลจ้าว นี่เป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของเธอ” คุณปู่พูดเสียงแหบพร่า เขาไม่ได้คิดว่าตัวเองมีส่วนผิดแต่อย่างใด
เขาไม่เหมือนคุณย่าสักหน่อยที่บีบบังคับให้หลานสาวแต่งงานกับคนโรคจิตอย่างเฮ่อเหลียนเช่อ เขาคิดไว้แล้วว่าจะเลือกชายหนุ่มที่คู่ควรทั้งพื้นเพครอบครัวและหน้าตาให้ด้วยตัวเอง ไม่มีทางเป็นรองเหยียนหมิงซุ่นแน่นอน
เขาไม่รักหลานสาวตรงไหนกัน?
“ตระกูลจ้าวทำอะไรเพื่อเหมยเหมยบ้าง? พ่อมีสิทธิ์อะไรขอให้เธอเสียสละ? ตระกูลจ้าวมีผู้ชายตั้งมากมายตายไปหมดแล้วเหรอ? ถึงต้องขายหลานสาวเพียงคนเดียวไป?”
จ้าวอิงหัวเห็นสีหน้าย่ำแย่ของจ้าวอิงหย่งก็แค่นเสียงพูดว่า “ไม่ง่ายเลยกว่าผมจะได้ลูกสาวคืนมา พวกพ่อไม่รักแต่ผมรัก! หลังจากนี้ไปถ้าใครกล้าวางแผนคิดไม่ซื่อกับลูกสาวผม อย่าหาว่าผมไม่นับญาติแล้วกัน!”
“จ้าวอิงหัวนายคิดจะทำอะไร? นายอย่าลืมสิว่าแกสกุลจ้าว!” จ้าวอิงหย่งตวาดใส่อย่างโกรธเคือง
“สกุลจ้าวแล้วยังไง? ไล่ต้อนนักผมเปลี่ยนไปใช้สกุลเหยียนก็ได้ หลังจากนี้ไปเหมยเหมยของผมก็จะใช้สกุลเหยียน ดูสิว่ายังมีไอ้คนหน้าไม่อายคนไหนกล้าขอให้เหมยเหมยเสียสละเพื่อตระกูลจ้าวอีก!”
จ้าวอิงหัวเป็นคนไม่กลัวฟ้ากลัวดินมาตั้งแต่เล็ก หลายปีนี้ที่ทำงานในแวดวงการเมืองก็หนักแน่นขึ้นมาก แต่ตอนนี้เขากำลังโกรธเลยไม่คิดจะเสแสร้งอีกต่อไป ตีหน้าขรึมมองตาขวางเผยท่าทางเหมือนโจรที่หากเจรจาไม่สำเร็จก็พร้อมลุยอย่างเดียว
คุณปู่โกรธจนไอไม่หยุดแทบขาดใจตาย อันหย่าฟางลูบหลังให้เขาเรื่อย ๆแต่กลับไม่ช่วยอะไร
“ได้ ตอนนี้นายเก่งแล้วนี่ ฉันสู้นายไม่ได้ แต่จ้าวอิงหัวแกอย่าลืมว่านายก็เป็นลูกชายของคุณพ่อ ตอนนี้พ่อสุขภาพแบบนี้นายต้องหาทางช่วย!”
จ้าวอิงหย่งน้ำเสียงอ่อนลงกะทันหันแล้วเปลี่ยนประเด็นไปเรื่องสุขภาพของคุณปู่อย่างมีเหตุผล
…………………….
ตอนที่ 1543 ไม่มียาวิเศษ
ถ้อยคำนี้ของจ้าวอิงหย่งทำให้จ้าวอิงหัวหมดทางที่จะยอกย้อนจริง ๆ ไม่ว่าคุณปู่จะทำอะไรสุดท้ายแล้วก็เป็นพ่อของเขา ทั้งยังเป็นคุณพ่อที่เขาให้ความเคารพนับถือมาตั้งแต่เด็ก
ตอนนี้พอเห็นสภาพดูไม่จืดของคุณปู่จ้าวอิงหัวก็ไม่ได้รู้สึกดีไปกว่ากันเลย แต่เขากลับไม่เข้าใจความหมายของจ้าวอิงหย่ง
“ฉันจะมีทางแก้อะไร? ฉันไม่ใช่คุณหมอสักหน่อย คุณหมอว่าไงบ้าง?” จ้าวอิงหัวตอบกลับด้วยเสียงไม่เป็นมิตรนัก
คุณปู่ไออีกหลายทีจนหน้าแดงคอแดงกระทั่งพอจะปรับลมหายใจได้ก็โบกมือปัดพูดเสียงหอบว่า “คุณหมอรักษาอาการป่วยได้แต่ช่วยชีวิตไม่ได้ ร่างกายที่ผุพังร่างนี้ของฉันใช้ชีวิตได้นานขนาดนี้ก็ถือว่าได้กำไรแล้ว มีอะไรให้ไม่พอใจอีก”
จ้าวอิงหย่งรีบเอ่ยขึ้น “พ่อ พ่อเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของตระกูลเราเชียวนะ ถ้าพ่อล้มไปสักคนบ้านเราก็คงกระจัดกระจายน่ะสิ!”
นี่เป็นความในใจของเขาแน่ ๆ ต่อให้คุณปู่ไม่เป็นที่ชอบใจของนายใหญ่นักแต่คุณงามความดีและชื่อเสียงเกียรติยศของเขามีให้เห็นกันอยู่จึงเป็นที่พึ่งของเขาจ้าวอิงหย่งได้ตลอดชีวิต
หากคุณปู่ตายไปจริง ๆ จ้าวอิงหย่งไม่มีความมั่นใจเลยว่าจะกลับไปใช้ชีวิตในกองทัพได้อีก ใครจะเห็นหัวเขาล่ะ?
เขาไม่เหมือนจ้าวอิงหัวหรอกนะที่หากไม่มีคุณปู่แล้วยังมีครอบครัวฝั่งภรรยาและลูกเขยคนเก่งอีก!
คุณปู่ไออีกระลอกพลันรู้สึกเหมือนใกล้ตายเพราะอาการดูแย่เหลือเกิน
จ้าวอิงหัวอดพูดไม่ได้ “ฉันว่าส่งพ่อไปรักษาที่โรงพยาบาลซีซันเถอะ ที่นั่นอากาศดี ดีต่อสุขภาพของพ่อ”
จ้าวอิงหย่งหัวเราะประชดประชัน “โรงพยาบาลซีซันมีประโยชน์อะไร? ที่นั่นมียาวิเศษอะไรงั้นเหรอ? แกอย่าคิดเก็บซ่อนไว้อีกเลย ไม่เห็นหรือไงว่าพ่อเราอาการหนักแค่ไหนแล้ว?”
จ้าวอิงหัวชะงักแล้วตะคอกกลับไปด้วยความโกรธ “เก็บซ่อนอะไร? ฉันซ่อนอะไร?”
“ยาวิเศษ!เหมยเหมยมียาวิเศษ จ้าวอิงหัวแกอย่าคิดปฏิเสธ ถ้าแกยังเป็นลูกชายของพ่อก็ให้เหมยเหมยเอายาวิเศษมาต่อชีวิตให้พ่อ ไม่อย่างนั้นแกก็ชั่วยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน!”
จ้าวอิงหย่งชี้นิ้วก่นด่าจ้าวอิงหัว คราวนี้เขาด่าอย่างมีเหตุผล เปิดปากกล้าพูดในสิ่งที่คนอื่นไม่กล้าพูด!
จ้าวอิงหัวปัดมือตรงหน้าทิ้งเด้งตัวลุกขึ้นด่ากลับ “จ้าวอิงหย่งสมองฟั่นเฟือนหรือไง? เหมยเหมยของฉันเอายาวิเศษมาจากไหน? เธอเรียนวาดรูปไม่ได้เรียนรักษาโรค!”
จ้าวอิงหย่งแค่นหัวเราะ “แกคิดจะโกหกใคร? แกดูตัวเองสิยิ่งอยู่ยิ่งหนุ่มลง ฉันผมหงอกใกล้ขึ้นเต็มหัวอยู่แล้วแต่แกไม่มีแม้แต่เส้นเดียว แล้วก็เมียแกป่วยใกล้ตายแต่ตอนนี้กลับแข็งแรงเหมือนวัว จ้าวอิงหัวแกเห็นฉันเป็นคนโง่จริง ๆเหรอ?”
จ้าวอิงหัวชะงัก รายละเอียดที่มักมองข้ามไปในชีวิตประจำวันเริ่มไหลย้อนกลับมาเข้ามาพร้อมกัน
จ้าวอิงหย่งพูดไม่ผิด สุขภาพร่างกายของเขายิ่งอยู่ยิ่งแข็งแรง
สมัยวัยหนุ่มทั้งคืนยังทำได้แค่สามสี่รอบ แต่ตอนนี้เขากลับยิ่งสู้ยิ่งคึก เมื่อคืนทำไปตั้งสี่รอบเชียวแหนะ!
จุดนี้ไม่เป็นไปตามเกณฑ์ผู้ชายวัยสี่สิบที่อ่อนแรงเลยนี่นา!
หรือว่า…?
จ้าวอิงหัวเกิดข้อสงสัยขึ้นภายในใจแต่ไม่แสดงออกทางสีหน้าเลยพูดประชดกลับ “พี่ทำเรื่องผิดศีลธรรมเยอะเกินไปเลยผมหงอกขึ้นต่างหาก”
จ้าวอิงหย่งตวาดเสียงขุ่นเคือง “จ้าวอิงหัวนายอยากเห็นพ่อของเราตายเหรอ? ไอ้คนจิตใจชั่วช้าอำมหิต!”
“เดี๋ยวฉันจะติดต่อโรงพยาบาลซีซันส่งพ่อไปรักษาตัวที่นั่น จ้าวอิงหย่งถ้าพี่มีกำลังเหลือมาด่าคนแบบนี้ ทางที่ดีก็คิดเผื่อไว้เถอะว่าหลังเกษียณแล้วจะทำอะไรได้บ้างจะดีกว่านะ?”
จ้าวอิงหัวเอ่ยเรื่องปลดเกษียณขึ้นอีกครั้ง เขาไม่ได้พูดเล่น ๆ ในเมื่อจ้าวอิงหย่งไม่สงบเสงี่ยมสักทีก็ดับความหวังเขาไปอย่างเด็ดขาดเสียเลย
อย่างไรเสียพี่สามของเขาก็ไม่ใช่คนมีความสามารถอยู่แล้ว ดำรงตำแหน่งไปอยู่เลี้ยงเสียข้าวสุกเปล่า ๆ เก็บโอกาสไว้ให้คนวัยหนุ่มจะดีกว่า!
“จ้าวอิงหัวแก…แกต้องใจดำขนาดนี้เชียวเหรอ?” จ้าวอิงหย่งกระวนกระวายสุดขีด
“พี่เริ่มก่อนนะผมถึงทำแบบนี้ ผมเตือนพี่ไปตั้งนานแล้วพี่ไม่จำเลยเหรอ?”
จ้าวอิงหัวตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว เพราะเรื่องที่จะให้จ้าวอิงหย่งเกษียณเป็นความต้องการของเหยียนหมิงซุ่น
ต่อให้เขาไม่ทำเช่นนี้ เหยียนหมิงซุ่นก็ไม่มีวันปล่อยจ้าวอิงหย่งไปหรอก
ตอนที่ 1544 แม้เรื่องเล็กน้อยก็ต้องแก้แค้น
จ้าวอิงหัวอยู่เพียงครู่เดียวก็กลับ ก่อนไปเขาพูดอีกครั้งว่า “เหมยเหมยไม่เคยมียาวิเศษ ถ้าฉันได้ยินข่าวลือข้างนอก พวกพี่ก็อย่าหาว่าฉันไม่นับญาติแล้วกัน!”
ตอนนี้เขายังไม่มั่นใจว่าลูกสาวมียาวิเศษจริงหรือไม่ แต่เขาเตรียมตัวไว้ก่อนไม่อย่างนั้นหากข่าวลือไปถึงหูของนายใหญ่ต้องเกิดปัญหาใหญ่แน่
จ้าวอิงหย่งตะโกนไล่หลังมาอย่างไม่ยอมแพ้ “ชาวิเศษกับน้ำวิเศษตอนนั้นนายลืมไปแล้วเหรอ? จ้าวอิงหัวนายเห็นคนใกล้ตายแต่ไม่คิดจะช่วย นายยังมีความเป็นคนอยู่อีกไหม?”
“ชาวิเศษกับน้ำวิเศษจ้าวเสวียเอ๋อร์เป็นคนหาเจอไม่ใช่เหรอ? แล้วเกี่ยวอะไรกับเหมยเหมยด้วย?” จ้าวอิงหัวเอ่ยด้วยเสียงเย็นชาประโยคหนึ่งแล้วก็หันหลังเดินจากไป
เขาผิดหวังต่อจ้าวอิงหย่งเหลือเกิน โชคดีที่ตอนนั้นคุณปู่ยังสติไม่เลอะเลือนมากถึงบอกคนนอกว่าจ้าวเสวียเอ๋อร์เป็นคนตามหาชาวิเศษกับน้ำวิเศษเจอและไม่มีใครรู้ว่าเกี่ยวข้องกับเหมยเหมย
จ้าวอิงหย่งมองจ้าวอิงหัวกระแทกปิดประตูเสียงดังสนั่นลั่นจนเขาได้สติ
“พ่อ ตอนนี้จะทำอย่างไรดี?” จ้าวอิงหย่งจนปัญญาก็ยิ่งนึกโทษว่าทำไมตอนนั้นคุณปู่ถึงบอกไปว่าลูกชายเขาเป็นคนตามหาชาวิเศษเจอจนทำให้ตอนนี้เป็นผู้ถูกกระทำแทน
คุณปู่ย่นหน้าเข้าหากันเหมือนดอกเบญจมาศที่แห้งเหี่ยว ขับให้ดูเย็นยะเยือกอย่างมาก
“ตอนนี้อิงหัวกำลังโกรธอยู่ ให้เขาใจเย็นก่อนเถอะ ไว้วันหลังค่อยพูดเรื่องนี้กัน”
คุณปู่ถอนหายใจแล้วค่อย ๆลุกขึ้นยืนหิ้วกรงนกเตรียมไปเดินเล่น
สุขภาพถดถอยลงทุกวันจนเล่นไทเก็กไม่ได้อีกแล้วจึงทำได้แค่เลี้ยงนกไว้เล่น ๆ!
“พ่อ ถ้ายืดเยื้อปล่อยให้ร่างกายพ่อเป็นแบบนี้ต่อไป…” จ้าวอิงหย่งกังวลอย่างมาก เขากลัวคุณปู่ตายยิ่งกว่าใคร
“สบายใจเถอะ ฉันยังทนได้อีกระยะหนึ่งไม่ตายง่าย ๆหรอก!” คุณปู่พูดเสียงเย็นชาแล้วเดินเอามือไขว้หลังออกจากบ้านไป
จ้าวอิงหย่งถามต่อ “พ่อ แล้วเรื่องที่จะปลดเกษียณผมล่ะจะทำไงดี? อิงหัวเขาเอาจริงเหรอ?”
“จริงไม่จริงรอดูอีกไม่กี่วันข้างหน้าก็รู้แล้วไม่ใช่หรือไง แกจะรีบร้อนไปทำไม?”
คุณปู่ไม่ใส่ใจเรื่องนี้เท่าไร เขาไม่เคยตั้งความหวังในตัวลูกชายคนที่สามมาก่อนจึงไม่สนใจนักว่าจะโดนปลดเกษียณหรือไม่ ในเมื่อรุ่นที่สามของตระกูลจ้าวผงาดขึ้นแล้ว จ้าวอิงหย่งเกษียณไปก็ดีอย่ามาจับจองที่แล้วไม่ทำงานดีกว่า!
ส่วนยาวิเศษท่านผู้เฒ่ายังไม่ผิดหวัง เขาไม่เชื่อว่าลูกชายคนเล็กจะใจเหี้ยมขนาดนี้!
เขาจะเดิมพันกับความกตัญญูของลูกชายคนเล็กดู!
อันหย่าฟางไม่ปริเสียงพูดสักคำเดียวตั้งแต่เริ่ม ยาวิเศษ ปลดเกษียณ…เรื่องพวกนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ เธอแค่อยากใช้ชีวิตเงียบ ๆคอยปกป้องลูกชายเธอ ส่วนเรื่องอื่นเธอไม่อยากยุ่งและไม่สามารถเข้าไปยุ่งได้ด้วย
จ้าวอิงหัวสั่งดำเนินการอย่างรวดเร็ว วันรุ่งขึ้นคุณปู่ก็ถูกรับไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลซีซันซึ่งได้รับการดูแลเป็นอย่างดีในเมื่อเป็นถึงนายทหารอาวุโส
ส่วนหนังสือราชการยื่นเกษียณของจ้าวอิงหย่งไม่ได้ดำเนินการเร็วขนาดนั้น เพราะต่อให้เป็นคนไร้ความสามารถแต่ก็เป็นทหารและมีตำแหน่งทางราชการไม่ธรรมดาด้วย จึงต้องใช้เวลาในการตรวจสอบเอกสารสักระยะหนึ่ง
ทว่าครั้งนี้จ้าวอิงหัวตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะต้องไล่จ้าวอิงหย่งออกจากตำแหน่งให้ได้ เผื่อพี่สามของเขาจะไม่ต้องผุดความคิดที่ไม่ควรมีขึ้นทุกวันแล้วถูกใครหลอกใช้อีก
เหมยเหมยพักผ่อนอยู่บ้านสองวันก็ไปเรียนอย่างสดใสพลังเต็มเปี่ยม
เจิ้งซื่อหลินกับหร่วนหวาไฉ่เหมือนหมาขี้แพ้ที่เสียชื่อเสียง แม้จะยังไม่ถึงขั้นใครเห็นใครก็รุมทำร้ายแต่ก็ไม่แตกต่างกันแล้วล่ะ คงเป็นไปไม่ได้อีกหากคิดจะมีชีวิตที่ดูดีในวงการศิลปะเหมือนอย่างเคย!
หลังจากอาจารย์เซียวกลับถึงบ้านในวันนั้น ร่างกายก็กระชุ่มกระชวยราวกับหาหญิงสาววัยสิบแปดได้อีกคน เขาฮึดเขียนเรียงความด้วยท่วงท่าอันทรงเกียรติแสนภาคภูมิด่าพวกเจิ้งซื่อหลินทั้งสามคนจนไม่เหลือสภาพ
ปัจจุบันอาจารย์เซียวเป็นอาจารย์ที่มีอิทธิพลสูงสุดในวงการศิลปะการวาดรูปของฮวาเซี่ย คำพูดหนึ่งประโยคของเขามีน้ำหนักจนมิอาจมองข้ามได้ และยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเรียงความที่เขาเขียนขึ้นมาโดยเฉพาะเลย
เพื่อเป็นการตอบแทนอาจารย์เซียวเหมยเหมยจึงทำยาลูกกลอนให้โดยเฉพาะ ซึ่งมีส่วนประกอบเป็นน้ำวิเศษผยมแป้งและน้ำตาลจากน้ำผึ้ง ใช้น้ำมันทอดแล้วอ้างว่าเป็นยาลูกกลอนอายุวัฒนะจากแพทย์ชื่อดังเพื่อมอบให้อาจารย์เซียว
มีบุญคุณก็ตอบแทนหากมีความแค้นย่อมต้องชำระ ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังเป็นคนใจแคบที่ต่อให้เป็นเรื่องเล็กน้อยก็ต้องเอาคืน
เรื่องรูปของฉีฉีเก๋อ เธอยังไม่ลืมหรอกนะ!
………………………
ตอนที่ 1545 เคารพอยู่ห่างๆ
หลายวันมานี้เจิ้งเสวี่ยซานใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่มีสมาธิ ยามนอนก็หลับไม่สนิทจึงดูโทรมลงไม่น้อยหลังผ่านไปได้เพียงไม่กี่วัน
“ทำความผิดเลยมีพิรุธสินะ รูปนั้นต้องเป็นเธอที่ขโมยไปร้อยเปอร์เซ็นต์!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดเสียงหนักแน่นแล้วคีบผัดเส้นมันฝรั่งใส่ปากคำใหญ่ก่อนจะขมวดคิ้วเคี้ยวตุ้ย ๆด้วยความแค้น
กินแต่ผักอยู่ทุกวันไม่เห็นผอมลง หรือว่าเธอจะสังเคราะห์แสงได้กันนะ?
พระเจ้าช่างรังแกเธอเสียจริง!
ฉีฉีเก๋อทานหมูตุ๋นน้ำแดงเนื้อแทรกมัน ขบเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อยจนเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตวัดฝ่ามือฟาดเธอทีหนึ่งด้วยความเจ็บใจ “เธอกินเนื้อก็ไปกินตรงนู้นไป อย่ามายั่วหน้าฉัน”
“เห็นเธอวัน ๆไม่กินเนื้อก็ไม่เห็นผอมลงเลย มันไม่ดีต่อสุขภาพนะ อยากผอมวันหลังก็ไปเรียนมวยปล้ำกับฉัน เดือนนี้ฉันผอมลงสองโลครึ่งแล้วนะ”
ฉีฉีเก๋อไม่สนใจเธอพลางยัดหมูตุ๋นน้ำแดงใส่ปากอีกชิ้นตามด้วยข้าวสวยคำโต เคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อยจนเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนปวดใจกว่าเดิม
คนที่ทานเนื้อทุกวันผอมลงสองโลครึ่ง ส่วนเธอที่แทะหญ้าทุกวี่วันกลับไม่ผอมลงแม้แต่ขีดเดียว
พระเจ้ายังจะให้เธอมีชีวิตอยู่ต่อไปไหม?
“มวยปล้ำบ้าอะไร? ฉันยอมแทะหญ้าทุกวันก็ไม่ไปเล่นมวยปล้ำหรอก!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทานผัดผักใส่น้ำมันน้อย ๆอีกคำโตเคี้ยวเสียงดังกรุบอย่างเคียดแค้น
ให้เธอออกกำลังกายสู้เอาชีวิตเธอไปเลยดีกว่า!
แค่ทานผักทุกวันไม่ให้อ้วนมากกว่านี้เธอก็พอใจแล้ว!
ฉีฉีเก๋อเบะปาก อยากลดความอ้วนก็ต้องออกกำลังกาย ทานแต่ผักแต่หญ้าจะมีประโยชน์อะไร?
รูปวาดนั้นเธอไม่กล้าเก็บไว้ที่หอพักอีกแต่ฝากไว้ที่เหมยเหมย เธอเองก็สงสัยว่าเจิ้งเสวี่ยซานเป็นคนขโมยรูปไปเหมือนเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน แต่–
“เราไม่มีหลักฐาน เจิ้งเสวี่ยซานก็ไม่มีทางยอมรับหรอก” ฉีฉีเก๋อบอก
เหมยเหมยทานข้าวคำสุดท้ายในกล่องข้าวอย่างใจเย็นแล้วแค่นหัวเราะที “ศาลต่างหากที่ต้องใช้หลักฐาน ฉันไม่จำเป็นต้องใช้มัน”
ฉีฉีเก๋อไม่เข้าใจเลยทำหน้ามึนงง เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลับเข้าใจพลันรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาทันที
“ให้ฉันหาพวกมาช่วยไหม? ฉันเปล่าโม้นะ เพื่อนพวกนั้นของฉันแต่ละคนเป็นมืออาชีพเรื่องเอากระสอบครอบหัวเลยล่ะ!”
เหมยเหมยกระตุกยิ้มที่มุมปาก นี่เห็นเธอจะไปเป็นอันธพาลหาเรื่องใครงั้นหรือ?
“จะฆ่าไก่จะใช้มีดฆ่าวัวไม่ได้ ไม่ต้องลำบากให้เพื่อนของเธอมาหรอก” เหมยเหมยปฏิเสธทางอ้อมไป
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็ไม่ได้ผิดหวังอะไร เธอเทผัดผักและผัดเส้นมันฝรั่งในถ้วยเธอใส่ถังเก็บเศษอาหารข้าง ๆแล้ววิ่งเหยาะไปตักหมูตุ๋นน้ำแดงและข้าวสองทัพพีบวกเนื้อสเต็กอีกสองชิ้นใหญ่ ๆ
นี่มันผิดปกติจริง ๆ!
“เธอไม่ลดความอ้วนแล้วเหรอ?” เหมยเหมยสงสัย
“ลดสิ แต่วันนี้เป็นสถานการณ์ฉุกเฉินไง ฉันต้องกินอิ่มท้องถึงจะมีแรงสั่งสอนนางแพศยานั่น จะพลาดเรื่องสำคัญไปไม่ได้!”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทำหน้าหนักแน่นแล้วทานหมูตุ๋นน้ำแดงชิ้นหนึ่งอย่างตะกละตะกลาม ซอสเลอะเต็มปาก ฟันเคี้ยวสัมผัสรสชาติหอมกรุ่นในโพรงปาก เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถอนหายใจอย่างอิ่มเอมใจแล้วเขมือบเหมือนเสือหิวโซ ยัดเข้าปากคำโตคำแล้วคำเล่า
เหมยเหมยเอามือปิดปากแอบขำ ทั้งที่ตัวเองอยากกินแท้ ๆแต่หาเหตุผลมาอ้างเหลือเกิน
ฉีฉีเก๋อก็เบะปาก วันก่อนบอกว่าเพื่อเป็นการฉลองที่นิทรรศการศิลปะของคุณตาเหมยเหมยจบลงด้วยดีเลยทานไปมื้อใหญ่ ห้าวันก่อนบอกว่าเดินชมนิทรรศการมากไปหากไม่กินข้าวคงไม่มีแรงเลยทานไปอีกมื้อใหญ่
แล้วก็เจ็ดวันก่อน…สิบวันก่อน…
ยายอ้วนนี่มักหาข้ออ้างทานเนื้อเสมอ แล้วยังมีหน้ามาบอกว่าตัวเองแทะแต่หญ้าทุกวี่วัน?
หน้าไม่อายจริง ๆ!
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนซัดข้าวกับเนื้อเข้าไปชามโต จากนั้นก็ดูมีชีวิตชีวาสีหน้าอิ่มเอมใจก่อนพยักพเยิดปลายคางหนาให้เหมยเหมยแล้วเดินเชิดอยู่ข้างหน้า
เจิ้งเสวี่ยซานตักข้าวมาทานที่หอพักซึ่งพวกสีอันน่าเองก็อยู่ เห็นพวกเหมยเหมยเข้ามาพวกเธอแค่ปรายตามองครู่เดียวไม่ได้พูดอะไรแต่บรรยากาศกลับไม่เป็นธรรมชาติเฉกเช่นปกติ
เพราะเหยียนซินหย่าได้ดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ประจำคณะศิลปกรรมศาสตร์ที่ยังมีสอนห้องเหมยเหมยอีกหนึ่งคาบ
มีคุณปู่ที่สุดแสนจะน่าทึ่งขนาดนี้แล้วยังมีแม่เป็นศาสตราจารย์อีก ได้ยินมาว่าคุณพ่อยังเป็นผู้ดำรงตำแหน่งสูงในทางราชการ คู่หมั้นก็ยิ่งมีอิทธิพลเหนือใคร…
โลกของจ้าวเหมยห่างไกลจากพวกเธอมากเกินไป คอยเคารพอยู่ห่าง ๆจะดีกว่า จะได้ไม่ทิ่มแทงใจอยู่ร่ำไป!
ตอนที่ 1546 ฉันถามเธอตอบ
เจิ้งเสวี่ยซานได้ยินเสียงปิดประตูก็อดมือสั่นไม่ได้ เนื้อซี่โครงในช้อนตักซุปร่วงตกลงถ้วย ซึ่งยิ่งทำให้หมดความอยากอาหารจากที่ไม่อยากอาหารเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
หลายวันมานี้เธอกังวลอยู่เสมอว่าจ้าวเหมยจะกลับมาเรียนแล้วเอาคืนเธอ ในที่สุดวันนี้จ้าวเหมยก็มาเรียนสักทีแต่ช่วงเช้ากลับผ่านพ้นไปอย่างสงบสุข แต่เธอไม่ได้สบายใจขึ้นเลยกลับยิ่งกังวลใจมากกว่าเดิม
แต่ตอนนี้เธอกลับใจเย็นลงแล้ว
จ้าวเหมยไม่มีหลักฐาน ต่อให้สงสัยเขาแล้วจะทำอย่างไรได้ล่ะ?
เธอแค่ไม่ยอมรับก็จบ!
เจิ้งเสวี่ยซานที่คิดได้เลยเริ่มลงมือทานข้าวต่ออย่างใจเย็นไม่รีบร้อนนัก ทานด้วยท่วงท่าสง่างามอีกทั้งยังบอกกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนว่า “ตอนนี้เป็นเวลาพักเที่ยง ปิดประตูเบา ๆหน่อย ห้องอื่นจะไม่พอใจเอา”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนชะงักอยู่นานกว่าจะได้สติกลับมา
โอ้โห นี่หรือคนชั่วที่ชิงกล่าวโทษคนอื่นก่อนในตำนาน?
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวจะเสียงดังยิ่งกว่านี้ ฉีฉีเก๋อเธอช่วยปิดประตูให้ฉันที ปิดให้สนิทหน่อยนะ!” เหมยเหมยเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่กลับทำให้คนได้ยินรู้สึกหวาดผวาในใจ
เจิ้งเสวี่ยซานใจหล่นวูบ พอจะสังหรณ์ใจได้ว่าคนที่เหมยเหมยจัดการก็คือเธอ แต่เธอไม่คิดว่าจ้าวเหมยจะกล้าลงไม้ลงมือกลางวันแสก ๆแบบนี้ ในเมื่อยังอยู่ในเขตมหาวิทยาลัยอยู่นะ!
แต่ว่า–
ฉีฉีเก๋อเพิ่งปิดประตูลงเหมยเหมยก็ก้าวมาตรงหน้าเจิ้งเสวี่ยซานแล้วกระชากคอเสื้อเธอไม่ต่างจากที่คาดไว้เท่าไร เธอกับเจิ้งเสวี่ยซานสูงพอ ๆกัน แม้เจิ้งเสวี่ยซานจะมีหุ่นบึกบึนกว่าเธอแต่เพราะขาดการฝึกฝนเลยมีไหวพริบและแรงสู้เหมยเหมยไม่ได้ ถูกจับตัวไว้ได้เพียงครู่เดียว
“แกร๊ง”
ช้อนของทุกคนร่วงตกพื้นโต๊ะ ทำหน้าตกใจแต่กลับไม่กล้าออกเสียง
ก่อนหน้านี้มีตัวอย่างของถังม่านลี่ให้ดูแล้ว พวกเธอไม่ได้โง่ขนาดนั้น!
“จ้าวเหมย เธอคิดจะทำอะไร? ที่นี่คือมหาลัยนะ!” เจิ้งเสวี่ยซานเองก็กลัวแต่ทำใจดีสู้เสือ เสียงสั่นเครือกลับทรยศความลนลานที่ก่อตัวขึ้นภายในใจเธอ
เหมยเหมยแค่นเสียงหัวเราะผลักเจิ้งเสวี่ยซานที่พยายามดิ้นรนไว้บนเตียงก่อนจะดึงผ้าพันคอที่แขวนไว้หัวเตียงมาผูกมือสองข้างของเจิ้งเสวี่ยซานเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว เธอใช้เงื่อนการผูกที่เหยียนหมิงซุ่นใช้สอนคนในกองทัพที่ยิ่งดิ้นรนเท่าไรก็ยิ่งรัดแน่นกว่าเดิม
เจิ้งเสวี่ยซานเห็นใบหน้าเย็นชาของเหมยเหมยถึงเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคิดผิดไปแล้ว
คุณหนูใหญ่อย่างจ้าวเหมยคิดจะสั่งสอนใครยังต้องมีเหตุผลด้วยหรือ?
ขัดหูขัดตาก็คือเหตุผลที่ดีที่สุด น่าขำที่เธอยังนึกระรื่นใจอยู่ฝ่ายเดียวที่อีกฝ่ายไม่มีหลักฐาน!
เจิ้งเสวี่ยซานรู้ว่าวันนี้หนีไม่รอดแล้ว เธออ้าปากกว้างคิดจะร้องขอความช่วยเหลือแต่เหมยเหมยคว้าปลอกหมอนมายัดปากเธอจนไม่เหลือช่องว่างอีก
พวกสีอันน่าตกใจแทบแย่แม้เมื่อก่อนเคยมีเหตุทะเลาะวิวาทกันในมหาวิทยาลัยบ้าง แต่ล้วนเป็นเพียงสงครามน้ำลาย มีอย่างจ้าวเหมยที่ไหนที่ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ลงไม้ลงมือกันเลย?
“จ้าวเหมย…เธอใจเย็นหน่อย ถ้าอาจารย์รู้เข้าต้องลงโทษเธอแน่!” สวีจื่อเซวียนเรียกความกล้าลุกขึ้นพูดเกลี้ยกล่อมปกติเธอสนิทกับเจิ้งเสวี่ยซานไม่น้อย ยามเพื่อนตกทุกข์ได้ยากเธอคงนิ่งดูดายเฉย ๆไม่ได้หรอก
เหมยเหมยกวาดตามองทุกคนอย่างเยือกเย็นแวบหนึ่งแล้วพูดเตือน “คิดจะฟ้องอาจารย์เชิญตามสบาย ฉันไม่ห้ามหรอก!”
สีอันน่ากับถังม่านลี่ก้มหน้าลงพร้อมกันพยายามทานข้าวต่อ
สวีจื่อเซวียนตาแดงก่ำ เธออยากไปตามอาจารย์มากแต่เธอไม่กล้า บทเรียนสดใหม่จากถังม่านลี่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานเธอไม่อยากโดนจ้าวเหมยแก้แค้น
เธอมาอยู่เมืองหลวงระยะหนึ่งแล้วพอได้เจอคนเก่งมากมาย ความเหลิงและความเย่อหยิ่งของสวีจื่อเซวียนก็ค่อย ๆถูกลับจนทู่ และยอมก้มศีรษะให้กับความจริงอย่างปฏิเสธไม่ได้
เหมยเหมยกระตุกยิ้มอย่างพอใจก่อนหันมองเจิ้งเสวี่ยซานที่ทำหน้าตื่นตกใจ ถามเสียงเย็นชา “ตอนนี้ฉันถามเธอตอบ พยักหน้าหรือส่ายหัวเท่านั้น เข้าใจไหม?”
……………………
ตอนที่ 1547 ตายก็ไม่ยอมรับ
เหมยเหมยไม่คิดจะให้เจิ้งเสวี่ยซานยอมรับในสิ่งที่เธอทำ เธอแค่อยากซ้อมผู้หญิงคนนี้เป็นการระบายอารมณ์แล้วฉีกหน้าเสแสร้งจอมปลอมการเป็นผู้ดีของเธอให้ขาดสะบั้น
“ที่สโมสรจินตี้เธอร่วมมือกับโฮ่วเซิ่งหนานจงใจจะเล่นงานฉันใช่ไหม?” เหมยเหมยถามเสียงเย็นชา
เจิ้งเสวี่ยซานส่ายศีรษะรัว เธอจะยอมรับไม่ได้เด็ดขาด
เหมยเหมยกระทืบเท้าใส่หน้าท้องของเจิ้งเสวี่ยซานทำเอาเจิ้งเสวี่ยซานเจ็บจนน้ำตาเล็ดแต่กลับปริเสียงร้องไม่ได้ คนอื่น ๆเห็นเข้าก็ตกใจหวาดผวาและเหงื่อผุดขึ้นแผ่นหลังจนไม่หยุดหย่อน
วันนี้จ้าวเหมยใส่รองเท้าหนังหัวเหลี่ยมมา กระทืบทีต้องเจ็บขนาดไหนกันนะ!
“คิดว่าไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไรงั้นเหรอ? ไฟซาลสารภาพหมดแล้ว”
เหมยเหมยกระทืบเท้าใส่อีกทีโดยที่เธอเลือกเตะจุดที่มีเนื้อหนังมากที่สุด มีแต่จะสร้างความเจ็บเป็นเท่าตัวแต่กลับไม่เกิดแผลช้ำใน เจิ้งเสวี่ยซานเจ็บจนกลิ้งไปมาแต่กลับมีสติสัมปชัญญะครบถ้วนดี หากไฟซาลสารภาพไปหมดแล้วทำไมทางตำรวจถึงไม่มาตามจับเธอ?
ฉะนั้นจ้าวเหมยต้องกำลังหลอกเธอแน่ ๆ!
เจิ้งเสวี่ยซานยังคงส่ายศีรษะแรง ๆส่ายจนเหมยเหมยเกิดบันดาลโทสะ ผู้หญิงคนนี้เห็นแล้วว่าเธอไม่มีหลักฐานและคิดไว้แล้วว่าเธอไม่กล้าเอาถึงชีวิต โมโหจะตายอยู่แล้ว!
เหมยเหมยกระทืบไปอีกหลายทีด้วยแรงโทสะก่อนเปลี่ยนเรื่องไปที่รูปวาด
“เธอเป็นคนขโมยภาพวาดไปใช่ไหม?”
เจิ้งเสวี่ยซานยังคงส่ายศีรษะขณะที่เหงื่อชุ่มไปทั้งหน้า ผมแนบติดหน้าผากขับให้ดูสภาพโทรมเหลือเกิน
“เรื่องนี้เธอไม่ยอมรับก็เปล่าประโยชน์ เจิ้งเสวี่ยซาน จะให้ฉันจับตัวเจิ้งซื่อหลินมาเทียบคำตอบดูไหมละ? เธอเก็บความลับได้เก่งจริง ๆนะ มีคุณปู่แท้ ๆที่เก่งกาจขนาดนี้กลับไม่ยอมเปิดเผยสถานะเลยสักนิด”
ถ้อยคำของเหมยเหมยก่อให้เกิดคลื่นยักษ์ใหญ่ที่ทุกคนต่างตกใจกันถ้วนหน้า
บุคคลที่ชื่อเจิ้งซื่อหลินเป็นที่คุ้นหูกันดี!
เขาเป็นคุณปู่ของเจิ้งเสวี่ยซานได้อย่างไร?
เจิ้งเสวี่ยซานกลับยิ่งลนลานเพราะเธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าเบื้องหลังครอบครัวที่เธอปกปิดมาอย่างดีกลับถูกจ้าวเหมยตามสืบจนรู้ได้ คราวนี้ควรทำอย่างไรดีล่ะ?
เหมยเหมยพูดต่อ “พ่อของเธอเกิดจากภรรยาคนแรกของเจิ้งซื่อหลิน ตามหลักแล้วเธอควรเป็นหลานสาวคนโตของตระกูลเจิ้งถึงจะถูก แต่เจิ้งซื่อหลินไม่ชอบพ่อของเธอเลยไม่นับญาติมาโดยตลอด เพื่อที่เธอจะได้รับการยอมรับจากเจิ้งซื่อหลินเลยแอบขโมยรูปที่ฉันวาดให้ฉีฉีเก๋อเพื่อเอาใจเจิ้งซื่อหลินสินะ…
เหอะ แต่เสียดายที่ขโมยไก่ไม่ได้ยังเสียข้าวไปอีกกำมือ บรรพบุรุษลูกหลานตระกูลเธอนิสัยเหมือนกันหมด เก่งแต่เล่นตุกติกลับหลังคนอื่น เป็นหัวขโมยที่ชอบเล่นงานคนในที่ลับ!”
เหมยเหมยเล่าเบื้องหลังชีวิตเจิ้งเสวี่ยซานหมดเปลือกภายในไม่กี่ประโยค ซึ่งแต่ละประโยคราวกับใบมีดที่ปักลงกลางใจเจิ้งเสวี่ยซานจนเจ้าตัวยังชะงักนิ่งไป
คนอื่น ๆเมื่อเห็นท่าทางที่นิ่งทื่อไปของเธอและไม่คิดจะโต้แย้งใด ๆเลยรู้ว่าสิ่งที่เหมยเหมยพูดมาคงไม่พ้นความจริงเท่าไร เลยเลือกที่จะเชื่อเหมยเหมยก่อนจะแสดงสีหน้าดูถูกดูแคลน
ปกติดูเป็นลูกคุณหนูที่ได้รับการอบรมเลี้ยงดูมาอย่างดี พูดอะไรก็ดูมีความรู้ไปหมด แต่ตัวเองกลับแอบทำในสิ่งที่มีแต่หัวขโมยเขาทำกัน
รู้คนรู้หน้าแต่ไม่รู้ใจจริง ๆ!
ฉีฉีเก๋อโกรธในฉับพลันพุ่งเข้าไปตะคอกใส่ “เธอมันจิตใจสกปรก เธอไม่คู่ควรกับการเป็นหัวหน้าห้อง และไม่คู่ควรเป็นสมาชิกพรรคสักนิด!”
“ใช่ ฉีฉีเก๋อพูดไม่ผิดหรอก เจิ้งเสวี่ยซาน เธอรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงไม่ใช้กฎหมายมาจัดการเธอ?” เหมยเหมยก้มมองเจิ้งเสวี่ยซานไม่ละสายตา เห็นความกลัวและอ้อนวอนในสายตาเธอแต่กลับไม่สะทกสะท้าน
“เพราะฉันจะลงโทษเธอด้วยตัวเอง หลังจากนี้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยของเธอจะสนุกมากเลยล่ะ รอดื่มด่ำให้เต็มที่เลยนะ!”
เหมยเหมยกระทืบใส่ร่างเจิ้งเสวี่ยซานอีกหลายทีถึงเอาปลอกหมอนในปากเธอออกแล้วแกะปมผ้าพันคอที่พันข้อมือเธอออก เจิ้งเสวี่ยซานนอนอ่อนแรงอยู่บนเตียงเจ็บจนหน้ามืด เหงื่อที่ผุดขึ้นเต็มตัวซึมผ่านเสื้อผ้าจนแนบเนื้อและรู้สึกหนาวสะท้านไปทั้งตัว
แต่กลับไม่สู้ความหนาวเหน็บในหัวใจของเธอได้
เธอไม่รู้ว่าจ้าวเหมยจะใช้วิธีไหนจัดการตัวเธอเอง!
“จ้าวเหมย…เธออย่าคิดว่าครอบครัวเธอมีตำแหน่งใหญ่โตแล้วจะใส่ร้ายฉันได้ง่าย ๆ ต่อให้คุณปู่ฉันคือเจิ้งซื่อหลินแล้วเธอมีสิทธิ์อะไรถึงมั่นใจว่าฉันเป็นคนขโมยภาพวาดไปล่ะ?” เจิ้งเสวี่ยซานพูดเสียงหอบเพราะเธอไม่อยากยอมแพ้
ตอนที่ 1548 เล่นชิงช้า
เหมยเหมยกระทืบเจิ้งเสวี่ยซานเข้าอีกทีเจ็บจนไออีกหนึ่งระลอก พวกสีอันน่าเห็นแล้วสะดุ้งจนเนื้อเต้น ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเหมยเหมยจะใจกล้าขนาดนี้ นี่มันเหมือนโจรหญิงชัด ๆ!
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลับเชยชมด้วยดวงตาวาววับ กำหมัดหลวม ๆ อยากไปร่วมกระทืบด้วยอีกหลายทีเสียจริง
“เจิ้งเสวี่ยซานเธอไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาใช่ไหม? ได้ ฉันจะถามเธออีกที!”
เหมยเหมยกระชากตัวเจิ้งเสวี่ยซานขึ้นอย่างโกรธเคืองก่อนกระชากผ้าปูที่นอนมาพันรอบตัวเธอไว้ คนอื่น ๆไม่รู้ว่าเหมยเหมยคิดจะทำอะไรเลยได้แต่ยืนมองอยู่อย่างนั้น แต่ลางสังหรณ์เตือนว่าใกล้จะเกิดเรื่องใหญ่แล้ว
“เธอจะ…ทำอะไร? จ้าวเหมย…เธอปล่อยฉันนะ…”
เจิ้งเสวี่ยซานผวาถึงขีดสุด น้ำตาที่กลั้นไว้แต่แรกไหลพรากในที่สุด เจ้าตัวดิ้นพล่านสุดชีวิตแต่กลับเปล่าประโยชน์ เหมยเหมยลากผ้าปูที่นอนที่ผูกรอบตัวเธอมาถึงริมหน้าต่าง
คนอื่นต่างพากันตกใจรีบถอยหนีไม่กล้าห้ามเพราะเหมยเหมยในขณะนี้เหมือนยมทูตก็ไม่ปาน หน้าตายังคงสวยงามดั่งเดิมแต่ความเยือกเย็นที่แผ่ออกมาจากรอบตัวกลับหนาวซึมเข้ากระดูกพวกเธอ
เหมยเหมยเปิดหน้าต่างให้ลมหนาวหลั่งไหลเข้ามา เรียกให้ทุกคนตัวสะท้านด้วยความหนาว
เหมยเหมยยกตัวเจิ้งเสวี่ยซานขึ้นด้วยสองมือ แต่ดีที่ขอบหน้าต่างนี้ไม่สูงนักแต่ก็เสียแรงเธอไปมากเหมือนกันกว่าจะยกตัวเจิ้งเสวี่ยซานไปวางไว้บนขอบหน้าต่างได้
“จ้าวเหมย…เธอทำอะไร…เธอปล่อยฉันนะ…เธอบ้าไปแล้ว!”
เจิ้งเสวี่ยซานถึงรู้ทันว่าเหมยเหมยคิดจะทำอะไรพลันก็สติแตกกระเจิง จ้าวเหมยจะเอาชีวิตเธอไปแล้ว!
กลางวันแสก ๆเธอไม่กลัวโดนจับเข้าคุกหรือ?
เจิ้งเสวี่ยซานเห็นสีหน้าเย็นชาไม่กระวนกระวายของเหมยเหมยก็ใจดิ่งถึงก้นเหว จ้าวเหมยไม่นึกกลัวเลยสักนิดบ่งบอกว่าต่อให้เธอฆ่าคนจริง ๆก็จะไม่เป็นไรแน่ ๆ
“จ้าวเหมย เธอรีบปล่อยฉัน เธออย่าทำเรื่องบ้า ๆนะ!”
เจิ้งเสวี่ยซานเว้าวอนแต่เหมยเหมยไม่สะทกสะท้านใด ๆยังคงมุ่งหน้าทำต่อไปเงียบ ๆ ฉีฉีเก๋อสับสนอย่างมากเธอทั้งอยากเกลี้ยกล่อมให้เพื่อนอย่าคิดทำเรื่องโง่ ๆเพราะไม่คุ้มค่าเลยหากทำกับคนไร้ความสำคัญอย่างเจิ้งเสวี่ยซาน แต่เธอก็กลัวเหมยเหมยในตอนนี้ถึงได้ตบตีกับความคิดอยู่ในใจ
เธอมองไปทางเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเพื่อขอความช่วยเหลือแต่กลับเห็นยายอ้วนนี้สองขาสั่นพรึ่บ มือขาวอวบประคองตัวเองไว้แน่นถึงจะทรงตัวไม่ให้ทรุดนั่งกับพื้นได้
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตกใจจริง ๆ เธอไม่คิดว่าดาวมหาวิทยาลัยจะเอาจริง?
คุณหนูใหญ่เหริ่นอย่างเธออย่างมากก็แค่เอากระสอบครอบหัวหรือตามไปดักรอหน้าปากซอยบ้างอะไรบ้าง เรื่องที่ต้องเลือดตกยางออกไม่เคยทำมาก่อน!
“เหมยเหมย เธอใจเย็นหน่อย ทำเพราะหล่อนมันไม่คุ้มหรอก!” สุดท้ายฉีฉีเก๋อก็เรียกความกล้าในการห้ามจนได้ เธอจะมองเพื่อนทำผิดต่อหน้าต่อตาเฉยแล้วไม่ห้ามไม่ได้
“พวกเธอไม่ต้องยุ่ง ตายฉันรับผิดชอบเอง!”
เพิ่งสิ้นเสียงเหมยเหมยก็ยัดปลอกหมอนใส่ปากเจิ้งเสวี่ยซานแล้วผลักลงไป เจิ้งเสวี่ยซานตกใจกรีดร้องเสียงดังแต่กลับไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา
เจิ้งเสวี่ยซานมองไปชั้นล่างด้วยความสะพรึง ห้องพักพวกเธออยู่ชั้นสามซึ่งชั้นล่างเป็นพื้นปูนซีเมนต์ หากล้มกระแทกลงไปจริง ๆต้องตายแน่นอน
ผ้าปูที่นอนฟากหนึ่งห่อหุ้มกายเธอไว้โดยอีกฟากหนึ่งถูกเหมยเหมยผูกรอบเสาเตียงไว้ เจิ้งเสวี่ยซานเหมือนกำลังนั่งชิงช้าที่แกว่งไปมาอยู่ระเบียงหน้าต่างชั้นสาม
“เจิ้งเสวี่ยซาน ตอนนี้เธอบอกฉันมาว่าใครเป็นคนขโมยภาพวาดไป?”
เหมยเหมยแกะปมอีกฟากของผ้าปูออกให้หย่อนลงไปอีกนิด เจิ้งเสวี่ยซานที่ตัวดิ่งลงไปทำเธอตกใจอยากจะสลบให้รู้แล้วรู้รอดแต่ดันไม่สลบ ได้แต่ส่ายหน้าระรัวปล่อยน้ำตาไหลอาบแก้ม
“ยังไม่ยอมรับอีก? ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็อย่าหาว่าฉันใจเหี้ยมแล้วกัน!”
เหมยเหมยหย่อนผ้าปูลงอีกหนึ่งช่วงต่อ จึงทำให้ดิ่งลงอย่างรวดเร็วจนเจิ้งเสวี่ยซานคิดว่าตัวเองจะต้องร่วงตกลงไปแล้ว ความหวาดผวาที่มาจากก้นบึ้งของหัวใจพังทลายเส้นป้องกันตัวของเธอไม่เหลือซาก
“ฉันบอกแล้ว…เธออย่าปล่อยมือนะ…ฉันจะพูดให้หมดเลย…ขอร้องล่ะ!”
เจิ้งเสวี่ยซานร่ำไห้อ้อนวอน เธอกลัวจริง ๆ จ้าวเหมยคือปีศาจที่ไม่ใช่เพื่อนร่วมชั้นที่จัดการได้ง่าย ๆอย่างที่เธอเคยมีมาก่อน ความคิดภายในใจทั้งหมดของเธอไม่เคยปกปิดได้ยามอยู่ต่อหน้าจ้าวเหมย
…………………………..
ตอนที่ 1549 สารภาพหมดเปลือก
เวลานี้เป็นเวลาพักเที่ยงพอดีทั้งยังเป็นช่วงฤดูหนาวที่ลมหนาวพัดโกรกทำให้บริเวณชั้นล่างไม่มีใคร ต่อให้มีคนเดินผ่านไปมาก็ไม่แหงนหน้ามองขึ้นมาชั้นบน ทำให้ไม่มีใครเห็นเจิ้งเสวี่ยซานที่ห้อยอยู่กลางอากาศจนถึงตอนนี้
เจิ้งเสวี่ยซานร่ำไห้น้ำตาไหลขี้มูกโป่ง เหมือนยายบ้าคนหนึ่งที่หมดซึ่งความสง่าอย่างที่เคยมี
เหมยเหมยปล่อยผ้าปูให้สุดเลยลอยเคว้งอยู่กลางอากาศอย่างนั้น ก่อนหน้านี้เจิ้งเสวี่ยซานไม่เคยรู้สึกว่าตึกสามชั้นสูงสักเท่าไร แต่ตอนนี้เธอเหมือนอยู่บนขั้นบันไดสู่สวรรค์ ภาพเบื้องหน้ามืดมนอยากจะสลบเหมือดไปทั้งอย่างนี้ให้รู้แล้วรู้รอดเสีย
แต่เธอในเวลานี้กลับมีสติยิ่งกว่าช่วงเวลาไหน ๆ
ความอุ่นแผ่ซานสู่เบื้องล่าง หากชั้นล่างมีคนยืนอยู่ตอนนี้ต้องพบว่าบนพื้นมีน้ำเจิ่งนองเล็ก ๆแถมยังมีกลิ่นฉุนเสียด้วย
เจิ้งเสวี่ยซานทั้งกลัวทั้งอายทั้งแค้น เธอไม่เคยขายหน้าขนาดนี้มาก่อนนับตั้งแต่รู้ความมา สิ่งที่เธอแสดงให้คนภายนอกเห็นมีแต่ความสง่างามกริยาวาจาอย่างเหมาะสมโดยเสมอมา แต่ตอนนี้…
เจิ้งเสวี่ยซานไม่สนใจเรื่องพวกนี้อีกแล้ว เธอแค่อยากมีชีวิตต่อไป
ยัยบ้าจ้าวเหมยอาจเป็นไปได้ที่จะฆ่าเธอ!
เธอไม่อยากตายเลยนี่นา!
เหมยเหมยห้อยเจิ้งเสวี่ยซานอยู่อย่างนั้นพักใหญ่โดยไม่พูดอะไร แค่มองด้วยสายตาเย็นชาสีหน้าเรียบเฉย พวกสวีจื่อเซวียนตกใจจนเป็นใบ้ไปแล้วเพราะพวกเธอถึงรู้ตัวว่าเมื่อก่อนจ้าวเหมยออมมือกับเธอมากแค่ไหน!
ผ่านไปราวสิบห้านาทีก็ผึ่งลมอยู่อย่างนั้น หยาดเหงื่อและน้ำปัสสาวะที่เปียกชุ่มบนตัวเจิ้งเสวี่ยซานทำให้เสื้อผ้าเย็นชื้นแทรกเข้ากระดูก อีกทั้งก่อนหน้านี้ในห้องมีฮีทเตอร์เจิ้งเสวี่ยซานเลยถอดเสื้อกันหนาวออกสวมเพียงเสื้อไหมพรมตัวเดียว พอตอนนี้ถูกจับห้อยอยู่ข้างนอก เจิ้งเสวี่ยซานจึงหนาวปากสั่นระริกริมฝีปากช้ำม่วงไปหมด
ไม่มีใครกล้าเอ่ยปาก ต่อให้มีลมหนาวพัดเข้ามาจากหน้าต่างทำให้อุณหภูมิในห้องลดลง พวกสวีจื่อเซวียนก็ไม่กล้าบ่นแม้แต่คำเดียวได้แต่สวมเสื้อกันหนาวเพื่อสร้างความอุ่นให้แก่ร่างกาย
รอเจิ้งเสวี่ยซานเกือบปางตายเหมยเหมยถึงลากขึ้นมาดึงปลอกหมอนในปากออกพลางถามเสียงเย็นชา “คิดดีหรือยัง?”
เจิ้งเสวี่ยซานหนาวจนน้ำตาน้ำมูกแทบจับตัวเป็นก้อนน้ำแข็ง โดนลมซัดจนเจ็บแสบไปทั้งใบหน้า แล้วจะยังกล้าปากแข็งเสียที่ไหนอีก ได้แต่พยักหน้ารัวหวังว่าเหมยเหมยจะยอมเมตตาดึงเธอเข้าไปข้างใน
“เธอเป็นคนขโมยรูปใช่ไหม?”
เหมยเหมยฉุดเธอขึ้นมาเล็กน้อยแต่ไม่ได้ดึงกลับเข้าห้องไป ทิ้งร่างส่วนใหญ่ห้อยอยู่ข้างนอกเหมือนเดิมแต่ก็รู้สึกปลอดภัยกว่าการถูกจับห้อยกลางอากาศทั้งตัวอย่างนั้น
เจิ้งเสวี่ยซานลังเลชั่วครู่เหมยเหมยก็ปล่อยมือให้ผ้าปูดิ่งลงไป เจิ้งเสวี่ยซานสะดุ้งรีบตะโกนออกมา “ฉันเอาไปเอง ขอร้องล่ะอย่าปล่อยมือ…ฉันยอมบอกทุกอย่างเลย!”
“ฉีฉีเก๋อ เอาปากมาจดไว้ เจิ้งเสวี่ยซานเธอเล่าเรื่องที่เธอทำมาให้ละเอียดล่ะ ถ้าคิดจะปิดบังแม้แต่น้อยฉันคงจับเชือกต่อไม่ไหวแล้วล่ะ ล้มกระแทกเป็นหรือตายฉันคงไม่กล้ารับปากหรอกนะ”
น้ำเสียงเยือกเย็นของเหมยเหมยเหมือนหลุดมาจากนรกที่ทำเอาทุกคนสะท้านเฮือกไปตาม ๆกัน ฉีฉีเก๋อยังยืนนิ่งงันไม่ได้สติแต่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนที่ได้สติมาก่อนก็รีบหยิบกระดาษปากกาจากลิ้นชักขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
ฉีฉีเก๋อเองก็หลุดจากภวังค์เลยรีบหยิบกระดาษปากกาออกมาเช่นกัน เหมยเหมยถึงบอกให้เจิ้งเสวี่ยซานเริ่มสารภาพได้
เจิ้งเสวี่ยซานสติพังไปหมดแล้ว เหมยเหมยให้เธอพูดอะไรเธอก็ได้สารภาพออกไปทั้งหมดโดยไม่มีปิดบังแม้แต่น้อย
รวมไปถึงแผนที่ร่วมมือกับโฮ่วเซิ่งหนานในสโมสรจินตี้ และเรื่องที่เธอขโมยภาพวาดไปก็ล้วนสารภาพไปอย่างละเอียด สวีจื่อเซวียนเบิกตากว้างอย่างเหลือเชื่อ ไม่ว่าอย่างไรเธอก็คิดไม่ถึงว่าหัวหน้าห้องเจิ้งที่เห็นเป็นเสมือนพี่สาวคนโตคนนี้จะเป็นคนต่ำช้าร้ายกาจแบบนี้?
ฉีฉีเก๋อกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนบันทึกปากคำไว้อย่างดี เหมยเหมยเอาเข็มปักผ้าที่ใหญ่ที่สุดจากลิ้นชักเจิ้งเสวี่ยซานออกมาแล้วจิ้มที่นิ้วโป้งเธอแรง ๆให้เลือดซึมออกมาไม่นานก็ประทับลายนิ้วมือสองนิ้วเป็นอันเสร็จสิ้น
เหมยเหมยเก็บบันทึกปากคำสองฉบับไว้อย่างดีถึงยอมเมตตาดึงเจิ้งเสวี่ยซานให้เข้ามาในห้อง ในสภาพที่ตัวแข็งเป็นแท่งน้ำแข็งและเกล็ดหิมะเกาะเต็มหน้า
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น