คัมภีร์วิถีเซียน 1531-1532

ตอนที่ 1531 เมฆโลหิต

 

ท้องฟ้าที่แต่เดิมกำลังแจ่มใสไร้กลุ่มเมฆ จุดที่ไกลออกไปพลันกลายเป็นสีแดงสดราวกับยามที่พระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้า  


 


 


จากนั้น เมฆโลหิตจำนวนนับไม่ถ้วนก็ม้วนวนมาจากทางนั้น ชั่วครู่ก็มาถึงเหนือศีรษะของหานลี่อย่างเงียบเชียบ และทอดตัวแผ่ขยายไปยังจุดที่ไกลออกไปอย่างรวดเร็ว 


 


 


ชั่วพริบตาในครรลองสายตาของหานลี่ก็กลายเป็นสีแดงโลหิต กลางอากาศมีกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง ราวกับว่าร่างทั้งร่างไปอยู่ในแดนที่ไม่คุ้นเคยในพริบตาอย่างไรอย่างนั้น 


 


 


หานลี่สูดดมกลิ่นคาวเลือดไปสองครั้ง ใบหน้าพลันซีดเผือดไปเล็กน้อย 


 


 


กลิ่นอายนี้คือกลิ่นคาวโลหิตสดๆ อย่างแน่นอน! 


 


 


เมฆโลหิตจำนวนมากขนาดนี้ ต้องมีโลหิตสดๆ จำนวนมากขนาดไหนถึงได้มีปรากฎการณ์ที่น่าตกตะลึงตรงหน้าได้ 


 


 


ครานี้หานลี่ระมัดระวังตัวขึ้นเป็นอย่างมาก! 


 


 


เขาหยุดลำแสงหลีกหนี ชุดคลุมอัสนีบนร่างปรากฎขึ้น และชั่วครู่ก็กลายเป็นประจุไฟฟ้าสีเขียวขาวชั้นหนึ่ง แล่นเปรี๊ยะปร้าง แทบจะในเวลาเดียวกันบนผิวหนังก็มีลำแสงสีทองปรากฎขึ้นจางๆ เกราะเกล็ดสีทองปรากฎขึ้น แผ่นหลังมีภาพลวงตาสามเศียรหกหัตถ์ปรากฎขึ้น 


 


 


หานลี่เองกลับเอาสองมือกอดอก เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า สองตาหรี่ลงลำแสงสีฟ้าเปล่งแสงสว่างวาบลางๆ 


 


 


ปรากฎการณ์ประหลาดเบื้องหน้า ทำให้เขาจำใจต้องสงสัยว่าตนเองถูกอะไรจับจ้องอยู่หรือไม่ โชคดีจากพลังยุทธ์ของเขาและอิทธิฤทธิ์ใหม่ของเขาในครานี้ ต่อให้เป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมร่างลงมือ ก็ไม่ถึงกับว่าจะไม่มีโอกาสหนี ดังนั้นเขาจึงยังคงเผยสีหน้าสุขุมเยือกเย็นเป็นพิเศษออกมา 


 


 


แน่นอนว่าชั่วพริบตานั้นเขาพลันแผ่จิตสัมผัสออกไป แผ่ขยายครอบคลุมไปรอบด้าน หมายจะตามหาศัตรูที่ซ่อนตัวอยู่ 


 


 


แต่สิ่งที่ทำให้หานลี่รู้สึกหนักอึ้งพลันปรากฎขึ้น 


 


 


เมื่อหานลี่แผ่จิตสัมผัสออกไปในระยะหมื่นลี้ในพริบตา ก็ไม่อาจหาศัตรูที่คาดเอาไว้พบ แต่กลับพบว่าท้องฟ้าที่ห่างออกไปหมื่นลี้ก็เป็นเหมือนกับที่เขาอยู่อย่างไรอย่างนั้นจากจิตสัมผัส ทุกแห่งหนล้วนถูกปกคลุมเอาไว้ด้วยเมฆโลหิตสีแดงสด  


 


 


หานลี่สูดลมหายใจอันเย็นเยียบเข้าไปเฮือกหนึ่ง  


 


 


หรือว่าไม่ได้ถูกใครจับจ้องอยู่ แต่ตกอยู่ในเขตอาคมลึกลับ 


 


 


หานลี่อดที่จะขบคิดเช่นนี้ไม่ได้! 


 


 


หลังจากที่มีสีหน้าเคร่งขรึมสลับกับสดใสชั่วครู่แล้ว ฉับพลันนั้นเขาพลันกลายเป็นสายรุ้งสีเขียวสายหนึ่งพุ่งออกไป หลังจากกระพริบวาบสองสามครั้ง ก็หายไปจากขอบฟ้า 


 


 


ไม่ว่าเหตุใดถึงมีปรากฎการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น เขาก็ควรจะหนีไปให้ไกลจะดีกว่า 


 


 


จากพลังยุทธ์ของหานลี่ในครานี้ เมื่อดำเนินการเต็มอัตรา สายรุ้งสีเขียวก็กลายเป็นเส้นไหมสีเขียวพุ่งแหวกอากาศไปภายในพริบตา ท้องฟ้าด้านนี้มีเสียงดังขึ้น ครู่ต่อมาก็มาปรากฎที่ปลายของขอบฟ้าอีกฝั่ง ชั่วพริบตาก็หนีออกไปร้อยจั้ง 


 


 


ความเร็วเช่นนี้ แทบจะไม่ด้อยไปกว่าผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมร่าง 


 


 


ถึงเจ้าสิ่งนี้จะเป็นสาเหตุที่ทำให้หานลี่พลังยุทธ์ของหานลี่พัฒนาขึ้นในครานี้ก็ตาม แต่สาเหตุสำคัญก็ยังเป็นเพราะความเร็วที่น่าตกตะลึงของกระบี่บินเจ็ดสิบสองเล่มที่หลอมขึ้นใหม่ มันบางเบาและเหมือนล่องหนได้ 


 


 


หานลี่บินด้วยกระบี่บินเล่มหนึ่ง ถึงได้สำแดงความสามารถที่น่าตกตะลึงเช่นนี้ออกมาได้ 


 


 


หานลี่รู้สึกตกตะลึงกับความเร็วของกระบี่ตนเองเป็นอย่างมาก และรู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อย ทันใดนั้นก็ทั้งดีใจสลับกับตื่นตะลึง  


 


 


แต่รอยยิ้มที่ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของหานลี่กลับคงอยู่ได้ไม่นานนัก ครู่ต่อมาก็แข็งค้าง สุดท้ายก็หายวับไปอย่างไม่เห็นเงา สีหน้ายากจะเหลือเชื่อพลันปรากฎขึ้นแทน  


 


 


เห็นเพียงเขาบินออกมาล้านลี้ภายในอึดใจเดียว คาดไม่ว่ายังคงถูกเมฆสีโลหิตประหลาดปกคลุมเอาไว้ ไม่มีท่าทีจะสุดปลายทางเลยสักนิด 


 


 


หานลี่พลันรู้สึกตื่นตกใจ ยิ่งกระตุ้นความเร็วของลำแสงหลีกหนีให้รวดเร็วยิ่งขึ้น 


 


 


เมื่อหานลี่บินอย่างต่อเนื่องมาได้กว่าครึ่งชั่วยาม สีแดงโลหิตกลางอากาศก็ยังคงเหมือนเก่า ในที่สุดลำแสงสีเขียวก็หม่นแสงลง เผยร่างของตนเองออกมาจากลำแสงหลีกหนีอีกครั้ง 


 


 


หานลี่ในครานี้มีสีหน้าเคร่งขรึมเป็นอย่างมาก 


 


 


เห็นได้ชัดว่าเขาตกอยู่ในเขตอาคมประหลาดอะไรสักอย่าง ราวกับว่าไม่มีเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้ แต่เขตอาคมกว้างใหญ่ขนาดนี้ ช่างเป็นสิ่งที่น่าตกใจจริงๆ 


 


 


หานลี่ลอยตัวอยู่กลางอากาศ ขบคิดหาวิธีหนีออกไปอย่างรวดเร็ว 


 


 


แต่ไม่รอให้หานลี่คิดอะไรออก ฉับพลันนั้นเมฆโลหิตกลางอากาศก็หมุนวน คาดไม่ถึงว่าจะมีกอักขระสีโลหิตขนาดเท่ากำปั้นปรากฎออกมา อักขระเหล่านี้หมุนติ้วๆ อยู่ใต้ก้อนเมฆ แล้วเปล่งเสียงร้องทุ้มต่ำออกมา 


 


 


เสียงทุ้มต่ำนี้ดังขึ้นเรื่อยๆ แล้วเริ่มแสบแก้วหูขึ้นเรื่อยๆ 


 


 


หานลี่เห็นสถานการณ์เช่นนี้ พลันใจหายวาบ ไม่ทันต้องขบคิด สองมือพลันร่ายอาคม ลำแสงสีเขียวบนร่างสว่างวาบ กระบี่บินสีเขียวเจ็ดสิบสองเล่มพุ่งออกมาจากส่วนต่างๆ ของร่างกาย ลอยวนล้อมหานลี่เอาไว้ ฉับพลันนั้นพลันกลายเป็นดอกบัวสีเขียวเจ็ดสิบสองดอก บินเริงระบำขึ้นลงไปมา 


 


 


แต่หานลี่กลับไม่หยุดแค่นั้น หลังจากปล่อยกระบี่บินออกมาแล้ว มือหนึ่งพลันตะปบออกไปกลางอากาศ เงาสีดำเปล่งแสงสว่างวาบ ภูเขาขนาดสองสามชุ่นลูกหนึ่งปรากฎขึ้นบนมือ 


 


 


โยนออกไปอย่างไม่ต้องขบคิด! 


 


 


ภูเขาขนาดย่อมสีดำพลันพลิ้วไหว ชั่วพริบตาก็มีความสูงสิบจั้งเศษ ต้านทานอยู่บนศีรษะของหานลี่ ปกป้องด้านบนเอาไว้อย่างแน่นหนา 


 


 


แม้ว่าจะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่หานลี่ก็ยังคงทำการป้องกันหลายชั้นในชั่วพริบตา 


 


 


ในคราที่หานลี่เหมือนกำลังเผชิญหน้ากับศึกใหญ่นั้น อักขระสีโลหิตกลางอากาศก็ลดต่ำลงพร้อมกัน ราวกับว่าหาเป้าหมายเจออย่างไรอย่างนั้น เปล่งแสงสว่างวาบแล้วพุ่งเข้ามาหานลี่พร้อมกัน 


 


 


เหนือศีรษะยังพอว่า มีภูเขาเทวะดูดปราณขนาดมหึมาต้านทานอยู่ อักขระเหล่านั้นไม่อาจผ่านเข้ามาได้ แต่รอบด้านและด้านล่างที่มีอักขระสีโลหิตปรากฎขึ้น กลับพุ่งเข้ามาหาหานลี่อย่างบ้าคลั่ง 


 


 


หานลี่หน้าเปลี่ยนสี ชี้ไปที่ดอกบัวสีเขียวรอบด้านอย่างไม่ต้องขบคิด 


 


 


ชั่วขณะนั้นดอกบัวเหล่านี้พลันหมุนคว้าง ชั่วครู่ก็สร้างภาพมายากระบี่ลำแสงสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนขึ้น สับลงไปที่อักขระสีโลหิตรอบด้านอย่างรุนแรง 


 


 


เสียง “ฉับๆ” ดังขึ้น อักขระทั้งหมดถูกสับออกกลายเป็นหมอกโลหิตในพริบตา พริบตานั้นพลันระเบิดออกรอบด้าน หมอกโลหิตเหล่านั้นหมุนวน คาดไม่ถึงว่าจะม้วนเข้ามาทางช่องว่างของกระบี่ลำแสงสีเขียว 


 


 


แต่หานลี่พลันคำรามเสียงต่ำๆ ออกมา ประจุไฟฟ้าสีเขียวขาวบนร่างเปล่งแสงขึ้นพร้อมกัน รวมตัวกันกลายเป็นตาข่ายไฟฟ้ายักษ์ชั้นหนึ่งท่ามกลางเสียงฟ้าผ่า ชั่วครู่ก็ทยอยกันดีดหมอกโลหิตที่เข้ามาประชิดออกไป 


 


 


ในคราที่หานลี่กำลังรู้สึกผ่อนคลายนั้น ชั่วพริบตานั้นก็จมหายเข้าไปในเมฆโลหิตกลางอากาศอย่างไร้ร่องรอย 


 


 


ชั่วขณะนั้นเมฆโลหิตพลันสั่นเทาอย่างรุนแรง หลังจากเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นดังขึ้น ยันต์โลหิตความกว้างสามสิบจั้งก็ลดระดับลงมาจากหมู่เมฆ แล้วเผยร่างออกมา  


 


 


ยันต์โลหิตชนาดใหญ่เช่นนี้ แม้ว่าจะเป็นหานลี่เห็นเข้าก็ยังมีสีหน้าเขียวคล้ำ 


 


 


สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง เขาชี้ไปที่ภูเขาสีดำเหนือศีรษะ 


 


 


หลังจากภูเขาลูกนี้เปล่งเสียงคำรามออกมา เส้นไหมลำแสงสีเทาจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งออกมา ตัดสลับกันไปมา คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นตาข่ายสีเทายักษ์ผืนหนึ่งเหนือศีรษะ เตรียมประจัญหน้ากับยันต์โลหิตยักษ์ที่กำลังลดระดับลงมา 


 


 


แต่ฉากที่ทำให้หานลี่ตกตะลึงพลันปรากฎขึ้น! 


 


 


ยันต์ยักษ์ไม่ได้ลดระดับลงมาอย่างที่เขาจินตนาการเอาไว้ แต่หมุนวนอยู่ใต้เมฆโลหิต ในเวลาเดียวกันผิวของยันต์ก็มีลำแสงสีโลหิตประหลาดๆ โลดแล่นไปมา 


 


 


หานลี่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเป็นเวลาหนึ่งถ้วยน้ำชา แต่ก็ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น! 


 


 


ขมวดคิ้วมุ่น เขารู้สึกงุนงงกับเจตนาของยันต์ยักษ์ไปเล็กน้อย  


 


 


แต่ทันใดนั้นพลันหน้าเปลี่ยนสี หานลี่ดูเหมือนว่าจะพบอะไรเข้า มือหนึ่งตบไปที่กำไลเก็บของที่มืออีกข้าง 


 


 


ชั่วขณะนั้นม่านลำแสงสีเขียวพลันเปล่งแสงสว่างวาบ กล่องหยกใบหนึ่งบินออกมา หลังจากหมุนวนรอบหนึ่งก็ร่อนลงในมือ 


 


 


บนฝ่ากล่องหยกมียันต์หลากสีสันสองสามแผ่นแปะอยู่ แต่ในครานี้ล้วนสั่นกระพืออยู่บนฝากล่องไม่หยุด ในเวลาเดียวกันก็เปล่งแสงระยิบระยับออกมา 


 


 


สิ่งที่น่าเหลือเชื่อยิ่งกว่าก็คือ ชั่วพริบตาที่หานลี่พินิจมองดีๆ อักขระสีโลหิตกลางอากาศก็ดูเหมือนว่าจะสัมผัสอะไรได้ พลางเปล่งแสงสว่างวาบ 


 


 


เสียง “พรึ่บ” ดังขึ้น ยันต์วิเศษสองสามแผ่นลุกไหม้ในชั่วพริบตา กลายเป็นเถ้าถ่านในพริบตา แล้วหายวับไป แทบจะในเวลาเดียวกัน เสียง “ตูม” ก็ดังสนั่นขึ้น 


 


 


ผิวของกล่องหยกมีลำแสงประหลาดเปล่งแสงสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นลำแสงสีขาวแล้วระเบิดออก สะเก็ดจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมา 


 


 


หากเป็นผู้บำเพ็ญเพียรธรรมดา เกรงว่าคงได้รับบาดเจ็บหนักไม่น้อย 


 


 


 แต่กายเนื้อของหานลี่แข็งแกร่งจนถึงระดับสูงสุด สะเก็ดเหล่านี้พุ่งมาถึงมือและร่างกายเขาแล้ว ก็ทยอยกันร่วงลงไปราวกับกระทบกับเหล็กล้าไร้สนิม 


 


 


ทว่าลำแสงสีขาวพลันหม่นแสงลง หลังจากระเบิดออก สิ่งหนึ่งก็ปรากฎนิ่งอยู่ตรงนั้น 


 


 


ผิวออกเหลือง แต่มีลวดลายดอกไม้สีเขียวดำเป็นเส้นๆ จารึกอยู่ มันเรียวบางราวกับกระบองไม้กระบองหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น 


 


 


คาดไม่ถึงว่าจะเป็นผลทมิฬสวรรค์ของหานลี่!  


 


 


เมื่อเห็นผลทมิฬสวรรค์ ชั่วขณะนั้นยันต์สีโลหิตกลางอากาศก็สั่นคลอนอย่างรุนแรง จากนั้นลำแสงสีโลหิตพลันเปล่งแสงสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าเสียงปังจะดังขึ้น สลายหายไปจากกลางอากาศ 


 


 


หานลี่หน้าเปลี่ยนสีไปสองสามครั้ง เผยสีหน้าตกตะลึงระคนสงสัยเป็นอย่างยิ่งออกมา  


 


 


ทุกอย่างที่อยู่เบื้องหน้าช่างน่าอัศจรรย์นัก! หรือว่าเมฆโลหิตเหล่านี้มาเพราะผลทมิฬสวรรค์ผลนี้! 


 


 


เขาอดที่จะขบคิดเช่นนี้ไม่ได้ 


 


 


แต่ไม่รอให้เขาได้ขบคิดถึงต้นสายปลายเหตุของทุกอย่าง ฉับพลันนั้นเสียงดังสนั่นก็ดังออกมาจากเมฆโลหิตกลางอากาศ 


 


 


หานลี่พลันตกตะลึง รีบร้อนเงยหน้าไปมอง 


 


 


ผลคือสถานการณ์ที่ปรากฎขึ้น ทำให้เขาตกใจจนสะดุ้งโหยง  


 


 


เห็นเพียงเมฆโลหิตกลางอากาศมีเสียงอึกทึกดังขึ้น ชั่วครู่ก็สร้างภาพลวงตาขึ้น ภาพลวงตาเหล่านั้นกว่าครึ่งล้วนเป็นเงาอสูรปีศาจชนิดต่างๆ ส่วนน้อยเป็นคนของเผ่าประหลาดที่หานลี่ไม่เคยเห็นมาก่อน หนึ่งในนั้นยังมีคนของเผ่าวิญญาณเหาะเหินอยู่ไม่น้อย 


 


 


แต่ไม่ว่าเงาอสูรหรือว่าเงาลวงตาของคนเผ่าประหลาด ทุกคนล้วนมีสีหน้าบิดเบี้ยว ดูเหมือนว่าจะเป็นเจ็บปวดยากจะรับไหว 


 


 


“บวงสรวงโลหิต!” จากประสบการณ์ของหานลี่ แค่มองสองสามวูบก็ดูอะไรออก ชั่วครู่ก็ร้องอุทานออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง 


 


 


และในตอนนั้นเอง เงาลวงตาโลหิตทั้งหมดก็รวมตัวกันในเมฆโลหิต จากนั้นลำแสงสีโลหิตก็เปล่งแสงสว่างวาบ เขตอาคมลำแสงสีโลหิตที่แทบจะปกคลุมกว่าครึ่งของท้องฟ้า ค่อยๆ ปรากฎขึ้น 


 


 


หานลี่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง ฉับพลันนั้นพลันพลิกฝ่ามือคว้าผลทมิฬสวรรค์เอาไว้ จากนั้นร่างกายพลันเปล่งแสงสีเขียวสว่างวาบ ชั่วพริบตาก็กลายเป็นเส้นไหมสีเขียวสายหนึ่งพุ่งออกไปร้อยกว่าลี้ 


 


 


เมื่อเขาเห็นสถานการณ์ไม่ชอบมาพากล ก็รีบถอนตัวหนีไปทันที 


 


 


หลังจากกระพริบวาบสองสามครั้ง เส้นไหมสีเขียวก็หายวับไปจากขอบฟ้าอย่างไร้ร่องรอย 


 


 


ส่วนใจกลางเขตอาคมลำสแงยักษ์ในรัศมีสองสามลี้ กลับยังคงก่อตัวขึ้นอย่างไม่ร้อนรน ไม่มีท่าทีจะหยุดเพียงเพราะหานลี่หนีออกมาเลยสักนิด  


 


 


หลังจากผ่านไปหนึ่งมื้ออาหาร ภายใต้การเหาะเหินเต็มอัตรา หานลี่ออกมาในรัศมีล้านลี้ได้ในชั่วอึดใจ แต่ก็ยังคงอยู่ในอาณาเขตปกคลุมของเมฆโลหิต  


 


 


แต่เขตอาคมลำแสงยักษ์นั้นกลับถูกสลัดออกไปอย่างไม่เห็นเงา  


 


 


หานลี่พ่นลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ลำแสงหลีกหนีพลันหยุดชะงักไปเล็กน้อย ในที่สุดก็ลดระดับความเร็วลงชั่วคราว 


 


 


พริบตานี้เมฆโลหิตที่อยู่กลางอากาศพลันเกิดเสียงอึกทึกขึ้น! 


 


 


หานลี่ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยนี้ ก็จิตใจหนักอึ้ง เงยหน้าขึ้นอย่างรีบร้อน  


 


 


เห็นเพียงเมฆสีโลหิตที่แต่เดิมเงียบสงบ พลันสลายออกในทันที จากนั้นท้องฟ้ากว่าครึ่งพลันบิดเบี้ยว ลำแสงสีโลหิตเปล่งแสงสว่างวาบ เขตอาคมลำแสงขนาดยักษ์ปรากฎขึ้น 


 


 


เขตอาคมลำแสงที่ลึกลับเช่นนี้พลันหมุนวน ห่อหุ้มหานลี่เอาไว้ในใจกลางของเขตอาคมลำแสง  


 


 


หานลี่มีสีหน้าซีดขาวไร้สีโลหิต  


 


 


แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเขตอาคมลำแสงนี้มีประโยชน์ใด แต่เขตอาคมยักษ์ที่น่าตกตะลึงเช่นนี้ไล่ตามมาติดๆ อย่างไม่ลดละ แน่นอนว่าย่อมไม่ใช่เรื่องดีอะไร  


 


 


ทันใดนั้นร่างของหานลี่พลันเปล่งแสงสีเขียวออกมาอย่างไม่ต้องขบคิด หมายจะหลีกหนีไปอีกครั้ง  


 


 


ในตอนนั้นเองเขตอาคมลำแสงสีโลหิตกลางอากาศกลับเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้น!   

 

 


ตอนที่ 1532 แย่งชิงสวรรค์ทมิฬ

 

เสาลำแสงหนาๆ สายหนึ่งพ่นออกมาจากใจกลางของเขตอาคม มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณร้อยจั้งเศษ กะพริบวาบแล้วปกคลุมหานลี่เอาไว้ข้างใน 


 


 


ความเร็วขนาดนั้น หานลี่ไม่อาจหลบหลีกได้เลย 


 


 


หานลี่พลันตะลึงงัน 


 


 


และไม่รู้ว่าเสาลำแสงนี้มีประสิทธิภาพที่มหัศจรรย์อย่างไร คาดไม่ถึงว่าจะทะลวงผ่านอากาศเหนือภูเขาเทวะดูดปราณได้ แล้วตรงมาหาเขา 


 


 


รอบด้านล้วนเป็นหมอกสีโลหิต! 


 


 


ในเวลาเดียวกันรอบกายของหานลี่พลันถูกรัดแน่น แม้แต่นิ้วก็ยังกระดิกไม่ได้ 


 


 


หานลี่พลันหน้าเปลี่ยนสี ร่ายอาคมในใจ 


 


 


ชั่วขณะนั้นดอกบัวสีเขียวที่กำลังลอยคว้างอยู่รอบกายพลันกะพริบวาบคราหนึ่ง แล้วกลับคืนรูปเดิมเป็นกระบี่บินความยาวสองสามฉื่อ ภายใต้แสงสาดประกาย ก็กลายเป็นกระบี่ลำแสงเป็นสายๆ สับลงมายังจุดเดียวกันอย่างโหดเ**้ยม 


 


 


กระบี่ลำแสงเปล่งแสงสว่างวาบ ทะลวงผ่านและบินออกไปอย่างง่ายดาย ราวกับว่าเสาลำแสงยักษ์ทั้งเสาเป็นแค่ภาพลวงตาอย่างไรอย่างนั้น  


 


 


แต่หานลี่ยังคงไม่อาจกระดิกตัวได้ บรรยากาศโดยรอบล้วนแข็งกร้าวราวกับเหล็กกล้าไร้สนิม ตรึงแขนขาทั้งสี่และร่างกายของเขาเอาไว้แน่น  


 


 


หานลี่สูดลมหายใจอันเย็นยะเยือกเข้าไปเฮือกหนึ่ง!  


 


 


เห็นเพียงเขตอาคมลำแสงเหนือศีรษะมีอักขระสีโลหิตขนาดน้อยใหญ่ไม่เท่ากันปรากฏขึ้น ดูเหมือนว่าจะมีความเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นเขาพลันไม่สนใจจะรักษากิริยาเอาไว้อีก 


 


 


ร้องตะโกนออกมาเสียงหนึ่ง ผิวของหานลี่มีลำแสงสีทองเรืองรองปรากฏขึ้น เหนือศีรษะมีรูปเทวรูปมารสามเศียรหกหัตถ์ปรากฏขึ้น  


 


 


เทวรูปองค์นี้นั่งขัดสมาธิ แขนทั้งหกร่ายอาคมพร้อมกัน  


 


 


รัศมีสีทองเป็นวงแผ่ออกมาจากร่างเทวรูป 


 


 


ทุกแห่งที่รัศมีกวาดผ่านไป เสาลำแสงสีโลหิตที่แต่เดิมนิ่งสงบพลันมีลำแสงสว่างวาบ ราวกับว่ามีระลอกคลื่นเกิดขึ้นเล็กน้อย 


 


 


แทบจะในเวลาเดียวกันหานลี่พลันสัมผัสได้ว่าบรรยากาศรอบด้านอ่อนเบาลง ราวกับว่าผ่อนคลายออกไปส่วนหนึ่ง 


 


 


ขณะที่กำลังดีอกดีใจ หานลี่พลันบริกรรมคาถา ลมปราณในร่างกายโคจรไปมาไม่หยุด หมายจะกระตุ้นเคล็ดวิชาพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์มารเที่ยงแท้ให้ถึงขีดสุด  


 


 


แต่ในตอนนั้นเอง เขตอาคมลำแสงสีโลหิตที่อยู่สูงขึ้นไปพลันเปล่งแสงสว่างวาบ 


 


 


ฉับพลันนั้นใจกลางของเขตอาคมพลันมีอักขระสีโลหิตแผ่ออกมา จู่ๆ หลุมสีดำสนิทหลุมหนึ่งก็ปรากฏขึ้น ขนาดประมาณยี่สิบสามสิบจั้ง ด้านในมีเสียงร้องคร่ำครวญของภูตผีดังขึ้น เงาโลหิตจำนวนนับไม่ถ้วนหมุนวนไปมาอยู่ในนั้น  


 


 


เสาลำแสงสีโลหิตสายนั้นพลันหมุนวนอย่างรวดเร็ว 


 


 


หานลี่รู้สึกเพียงว่าผิวกายหนักอึ้ง พลังที่เพิ่งได้รับมาพลันสลายหายไปในทันที  


 


 


ในเวลาเดียวกันท่ามกลางลำแสงสีโลหิตรอบด้าน อักขระจำนวนนับไม่ถ้วนพลันปรากฏขึ้น พุ่งเข้ามาหาเรือนร่างของหานลี่ทั้งหมด  


 


 


“เหวอ”  


 


 


หานลี่ที่ในยามปกติจะเยือกเย็นสงบนิ่ง ครานี้ใบหน้าพลันซีดขาวไร้สีเลือด 


 


 


แม้จะไม่รู้ว่าอักขระเหล่านี้มีอานุภาพอย่างไร แต่ตอนนี้เขาถูกควบคุมอยู่ ไม่อาจขยับตัวได้เลยสักนิด จะไม่เป็นได้เพียงเป้านิ่งหรือ 


 


 


ภายใต้ความร้อนใจของหานลี่ เขาพลันร่ายอาคมกระบี่ในใจ กระบี่บินรอบกายพลันเปล่งแสงสว่างวาบ ปรากฏขึ้นรอบทิศทางแล้วหมุนวนโคจร กระบี่ลำแสงสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนสะบั้นลงมาจากทั้งสี่ทิศแปดด้านดุจขุนเขา  


 


 


แต่ทุกแห่งที่ลำแสงสีเขียวกวาดไป อักขระเหล่านั้นจะพลิ้วไหว ล้วนปลอดภัยไร้อันตราย  


 


 


พริบตานั้นพวกมันพลันทะลุผ่านกระบี่ลำแสงตรงไปเบื้องหน้าของหานลี่  


 


 


หานลี่กัดฟัน บนร่างมีไอสีดำเปล่งแสงสว่างวาบ เกราะทมิฬสีดำสนิทชั้นหนึ่งปรากฏขึ้น ในเวลาเดียวกันก็ขับเคลื่อนจิตสัมผัส ชั่วขณะนั้นพลันเชื่อมโยงกับแมลงกลืนทองในถุงอสูรวิญญาณ 


 


 


เขามีสีหน้าโหดเ**้ยมฉายวาบผ่าน หมายจะปล่อยแมลงกลืนทองนับพันตัวด้านในออกมาพร้อมกัน 


 


 


ต่อให้เขตอาคมเบื้องหน้าแปลกพิสดารขนาดไหน จะสามารถต้านทานแมลงกลืนทองโตเต็มวัยจำนวนมากขนาดนี้ได้หรือ 


 


 


ส่วนอักขระเหล่านั้นแน่นอนว่าก็ทำได้เพียงอาศัยเกราะทมิฬบนร่างและความแข็งแกร่งของกายเนื้อต้านทานไป 


 


 


ทว่าต่อให้เขาพัฒนาระดับจนอยู่ในระดับหลอมสุญตาแล้ว แมลงกลืนทองจำนวนมากขนาดนี้ก็ทำได้เพียงต้านทานเอาไว้ชั่วครู่ ยามนี้อันตรายมาเยือนอยู่ตรงหน้า จึงทำได้เพียงค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปเท่านั้น 


 


 


แต่เรื่องที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นก็ทำให้หานลี่ตกตะลึง ชั่วขณะนั้นพลันหยุดเรียกแมลงกลืนทองออกมา  


 


 


ในตอนที่อักขระเหล่านั้นโจมตีลงบนร่างเขา กลับหันเปลี่ยนทิศทางในฉับพลัน แล้วทยอยกันกลายเป็นจุดแสงวิญญาณจมหายเข้าไปในวัตถุที่เขากุมอยู่บนมือ 


 


 


หานลี่รู้สึกเพียงว่าฝ่ามือร้อนฉ่า คาดไม่ถึงว่าผลสวรรค์ทมิฬที่แต่เดิมกำแน่นอยู่จะสั่นสะท้านแล้วหลุดออกจากการจับกุมของนิ้วทั้งห้า กลายเป็นลำแสงสีขาวก้อนหนึ่งพวยพุ่งขึ้นไปบนฟ้า 


 


 


แค่กะพริบวาบสองสามครั้ง เจ้าผลนี้ก็บินสูงขึ้นไปร้อยกว่าจั้งขณะที่มีอักขระโลหิตจำนวนนับไม่ถ้วนล้อมรอบอยู่ 


 


 


แต่ทันใดนั้นผลสวรรค์ทมิฬพลันหมุนติ้วๆ ขนาดขยายใหญ่ขึ้นสองสามเท่า อักขระโลหิตจำนวนนับไม่ถ้วนสั่นสะท้านแล้วแผ่ขยายออก จากนั้นก็เปล่งแสงสีขาวเจิดจ้าราวกับไอกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วน เหล่าอักขระทยอยกันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วถูกตีให้เข้ากันจนแตกออกเป็นชิ้นๆ  


 


 


เมื่อแสงหม่นแสงลง ลำแสงสีขาวพลันสลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย 


 


 


หลังจากที่ผลสวรรค์ทมิฬเปลี่ยนรูปร่างไปแล้ว ก็ลอยคว้างอยู่กลางอากาศไม่ขยับเขยื้อน 


 


 


ได้เห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ หานลี่ตกตะลึงจนตาค้าง 


 


 


แต่เขาก็ได้สติขึ้นมาในทันที ชั่วขณะนั้นพลังปราณที่เก็บสั่งสมไว้พลันทะลักออกมาจากยอดเศียรเทวรูป ราวกับกระแสน้ำอย่างไรอย่างนั้น 


 


 


ชั่วขณะนั้นร่างเทวรูปพลันสั่นเทา หลังจากรัศมีสีทองเรืองรองบนร่างหมุนโคจรไปมาแล้ว ก็เปล่งแสงสว่างวาบและขยายออกไปทั้งสี่ทิศแปดด้าน  


 


 


ครั้งนี้รัศมีเรืองรองพลันลอยขึ้นเหนือศีรษะของหานลี่ราวกับพระอาทิตย์สีทองดวงหนึ่ง 


 


 


“มารศักดิ์สิทธิ์ขี่ตะวัน!”  


 


 


วลีอันน่าพิศวงถูกถ่ายทอดออกมาจากปากของหานลี่  


 


 


ทันใดนั้นเศียรทั้งสามของเทวรูปก็ยืดออกพร้อมกัน แขนทั้งหกโบกสะบัดไปรอบด้าน เสียงกรีดร้องต่ำๆ ยาวๆ ดังออกมาจากปาก  


 


 


ดวงอาทิตย์สีทองขยายใหญ่และหดเล็กลง แล้วพลันระเบิดออก  


 


 


หลังจากเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นดังขึ้น ระลอกคลื่นสีทองเป็นวงๆ พลันซัดกระเพื่อมออกมาราวกับมีรูปร่างจับต้องได้ 


 


 


ทุกแห่งที่ระลอกคลื่นสีทองกวาดผ่านไป ลำแสงสีทองที่แต่เดิมดูเหมือนลายแพรไหมไม่ขยับเขยื้อนพลันเปล่งแสงสว่างวาบ ทันใดนั้นก็ล่าถอยไปด้านหลัง 


 


 


ในรัศมีสิบจั้งเศษซากของลำแสงสีทองล้วนถูกบีบให้ถอยออกไปโดยมีหานลี่เป็นใจกลาง 


 


 


เขาได้อิสระภาพคืนมาในพริบตา 


 


 


อิทธิฤทธิ์ที่เรียกว่ามารศักดิ์สิทธิ์ขี่ตะวันนี้ คือเคล็ดวิชาลับชนิดหนึ่งที่หานลี่เรียนรู้ด้วยตนเองจากเคล็ดวิชามารเที่ยงแท้พราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์ หลังจากบรรลุระดับหลอมสุญตา  


 


 


ความจริงแล้วมันเป็นแค่การอาศัยพลังของเทวรูป นำอานุภาพของเคล็ดวิชาทั้งหมดมารวมเอาไว้ในจุดเดียว แล้วค่อยปล่อยออกมา 


 


 


การโจมตีที่ดูธรรมดาเมื่อครู่ ความจริงแล้วได้สำแดงพลังปราณกว่าครึ่งของหานลี่ไปจนเกลี้ยงแล้ว  


 


 


แน่นอนว่าหานลี่ไม่รู้ว่าหากเคล็ดวิชามารเที่ยงแท้พราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์ผสมเข้ากับเคล็ดวิชาเทวรูปมารในเวลาเดียวกัน จะเป็นธาตุที่พิเศษอย่างสุดๆ และเปลี่ยนเป็นเคล็ดวิชาอีกชนิดหนึ่งได้ เกรงว่าผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์ก็ไม่อาจสลัดการควบคุมของลำแสงโลหิตได้ 


 


 


ไม่พูดไม่ได้ว่าดวงของเขาช่างดีไม่เลวจริงๆ  


 


 


ในเวลาเดียวกันกับที่หลุดพ้นจากพันธนาการ หานลี่ก็สูญเสียพละกำลังไปมหาศาลแล้ว 


 


 


หลุมดำในเขตอาคมลำแสงสีโลหิตกลางอากาศพลันเปล่งเสียงกรีดร้องออกมา เส้นไหมโลหิตสีแดงสดจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมา เพียงกะพริบวาบ ก็ห่อหุ้มผลสวรรค์ทมิฬด้านล่างเอาไว้ได้แล้ว 


 


 


ผลสวรรค์ทมิฬกลับดูเหมือนว่าจะมีจิตวิญญาณอย่างไรอย่างนั้น ผิวของมันสั่นเทาเบาๆ แล้วเปล่งแสงสีขาวจำนวนนับไม่ถ้วนออกมา 


 


 


พริบตานั้น เมื่อลำแสงสีขาวและเส้นไหมโลหิตตัดสลับกันไปมา ก็เปล่งเสียงระเบิดดังเปรี๊ยะๆ ไม่หยุด แม้ว่าลำแสงสีขาวจะคมกริบเป็นพิเศษ ตัดเส้นไหมโลหิตกว่าครึ่งออกเป็นชิ้นๆ แต่ก็ดูเหมือนว่าตอนท้ายจะแผ่วกำลังลง หลังจากหม่นแสงลง เส้นไหมโลหิตที่ไม่สมบูรณ์ก็ยังรัดผลทมิฬสวรรค์เอาไว้อย่างแน่นหนา ราวกับรังไหมโลหิตยักษ์รังหนึ่ง! 


 


 


แม้ว่าผลสวรรค์ทมิฬจะพยายามต่อสู้ดิ้นรนอยู่ในเส้นไหมโลหิต มันสั่นเทาไม่หยุด แต่ลำแสงสีขาวสองระลอกที่ปล่อยออกมาก่อนหน้า ก็เห็นได้ว่าทำให้มันสูญเสียพละกำลังไปจนหมดแล้ว หลังจากถูกเส้นไหมโลหิตดึงลากไป เจ้าผลนี้ก็ยังคงพุ่งเข้าไปในหลุมสีดำสนิท 


 


 


แต่ในตอนนั้นเอง ฉับพลันนั้นด้านล่างลำแสงโลหิตพลันมีลำแสงสีทองระเบิดออกมา ทำให้ลำแสงโลหิตส่วนใหญ่กระจายตัวออก 


 


 


ทันใดนั้นสายรุ้งสีเขียวสายหนึ่งก็พุ่งแหวกลำแสงโลหิตออกมา แค่กะพริบวาบครั้งหนึ่งก็มาอยู่ใกล้กับรังไหมโลหิต ลำแสงวิญญาณกะพริบวาบ พลันกลายเป็นมือยักษ์สีเขียวตะปบลงมา 


 


 


เสียง ปัง ดังขึ้น มือยักษ์สีเขียวคว้ารังไหมโลหิตเอาไว้แน่น ในมือยักษ์มีกระบี่ลำแสงเปล่งแสงสว่างวาบจำนวนนับไม่ถ้วน ตวัดตัดลงไปยังเส้นไหมโลหิตเหล่านั้น 


 


 


แต่เหตุการณ์แปลกประหลาดพลันเกิดขึ้น กระบี่ลำแสงชะงักค้างอยู่เหนือเส้นไหมโลหิต กะพริบแสงสว่างวาบราวกับภาพมายาก็ไม่ปาน ไม่อาจทำอะไรเส้นไหมโลหิตเหล่านั้นได้เลยสักนิด ลำแสงสีเขียวหม่นแสงลง มือยักษ์สีเขียวกลายเป็นเงาร่างของหานลี่ แขนเสื้อของเขาข้างหนึ่งกะพริบแสงสีเขียววาบ แล้วเข้าพันรัดผลทมิฬสวรรค์ทมิฬเอาไว้ 


 


 


แต่เส้นไหมโลหิตเหล่านั้นมีแรงดึงมหาศาลกว่าที่หานลี่จินตนาการเอาไว้ แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น ผลสวรรค์ทมิฬก็ยังลอยสูงขึ้นไปอย่างช้าๆ หากไม่ใช่เพราะตัวของผลสวรรค์ทมิฬเองพยายามดิ้นรนขัดขืน และต่อต้านพลังมหาศาลของเส้นไหมโลหิต เกรงว่าแค่กะพริบวาบสองสามครั้งก็ถูกดึงเข้าไปในหลุมดำกลางอากาศแล้ว 


 


 


แต่เช่นนั้น การที่ผลสวรรค์ทมิฬจะถูกดึงเข้าไปในหลุมดำก็เป็นเพียงเรื่องที่จะเกิดขึ้นในอีกชั่วครู่เท่านั้น 


 


 


หานลี่รู้สึกร้อนใจ ฉับพลันนั้นอีกมือหนึ่งพลันชี้ไปที่กระบี่บินสีเขียวเล่มหนึ่ง 


 


 


หลังจากที่กระบี่บินเล่มนั้นเปล่งเสียงร้องยาวๆ ออกมา ฉับพลันนั้นตัวกระบี่ก็รางเลือนไป คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นรอยสีเขียวจางๆ ราวกับว่าหายตัวไปอย่างไรอย่างนั้น 


 


 


นี่คืออิทธิฤทธิ์ระดับหลอมสุญตาของกระบี่วิญญาณ 


 


 


ทันใดนั้นก็เห็นรอยสีเขียวเปล่งแสงสว่างจ้า เสียง ฉับๆ ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เส้นไหมโลหิตที่ดูเหมือนจะล่องหนไปเช่นกันนั้นพลันถูกสับออกจนนับไม่ถ้วน 


 


 


หานลี่พลันดีอกดีใจ สะบัดแขนเสื้อไปอย่างไม่ต้องขบคิด ชั่วครู่ก็กลายเป็นเส้นไหมสีเขียวสายหนึ่งพุ่งออกไป ในเวลาเดียวกันกระบี่บินเล่มอื่นๆ ก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วไล่ตามมาข้างหลังของหานลี่ จมหายเข้าไปในร่างของเขาอย่างไร้เงา 


 


 


จากความเร็วของหานลี่ แค่กะพริบวาบสองครั้งก็มาอยู่ห่างออกไปสองร้อยจั้งแล้ว เมื่อกะพริบวาบอีกสองสามครั้ง ก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย 


 


 


หานลี่ที่อยู่ท่ามกลางลำแสงหลีกหนี ผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ในที่สุดก็คิดว่าโชคดีรอดพ้นมาได้แล้ว 


 


 


แต่ในตอนนั้นเอง กลางอากาศพลันมีสิ่งแปลกพิกลปรากฏขึ้น! 


 


 


หลุมดำในเขตอาคมลำแสงสีโลหิตหดเล็กลงกลางหลุมดำ หมอกสีแดงโลหิตสายหนึ่งพุ่งออกมา เพียงเลือนหายไปก็ข้ามผ่านระยะทางสองร้อยจั้งด้วยพลังมหาศาลได้อย่างแปลกประหลาด ไล่ตามมาอยู่ข้างกายของหานลี่  


 


 


หานลี่พลันตะลึงงัน หมอกสายนี้รวดเร็วเกินไปแล้ว 


 


 


เขาไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไร ก็รู้สึกว่าเบื้องหน้ามีลำแสงสีโลหิตสว่างวาบ แม้แต่คนและผลสวรรค์ทมิฬก็ถูกม้วนเข้าไปในสีแดงโลหิต 


 


 


ทันใดนั้นผิวหนังของหมอกก็มีลำแสงสีโลหิตสว่างวาบ เปลี่ยนทิศทางพุ่งกลับไป 


 


 


ความเร็วของมันน่าเหลือเชื่อเช่นกัน หลังจากกะพริบวาบก็จมหายเข้าไปในหลุมดำ 


 


 


ชั่วพริบตาที่หมอกกระโจนเข้าไปในหลุมดำ เขตอาคมลำแสงสีโลหิตกลางอากาศก็ส่งเสียงอึกทึกดังสนั่นออกมา ชั่วขณะนั้นเมฆโลหิตรอบด้านพลันหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง ในเวลาเดียวกันพลันมีอัสนีสีโลหิตเป็นสายๆ ปรากฏขึ้น 


 


 


หลังจากที่เขตอาคมลำแสงมีอักขระจำนวนมากทะลักออกมา ก็เริ่มรางเลือนไม่ชัดเจน 


 


 


หานลี่ที่ถูกหมอกล้อมรอบอยู่พลันรู้สึกว่าศีรษะหนักอึ้งแต่เท้าเบาหวิว ชั่วครู่ก็สูญเสียพลังในการบิน จึงพ่นกระบี่บินเล่มหนึ่งออกมาสับไปทางหมอกสายนั้น แต่กลับถูกดีดกลับมาอย่างไม่เป็นผล 


 


 


ครั้งนี้เกรงว่าต่อให้เขาสำแดงกระบี่บินระดับกระบี่วิญญาณหลอมสุญตาออกมา ก็ยังคงไม่อาจแหวกผ่านหมอกผืนนี้ไปได้  


 


 


ในตอนนั้นเอง ลำแสงรอบด้านพลันหม่นแสงลง ทันใดนั้นพลันมีเสียงกรีดร้องโหยหวนของภูตผีดังขึ้น 


 


 


 จากนั้นระลอกคลื่นที่แข็งแกร่งพลันปรากฏขึ้นรอบด้าน 


 


 


หานลี่ร้องอุทานว่า ‘แย่แล้ว’ ในใจ หัวใจตกลงไปถึงตาตุ่ม  

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)