ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1530-1533
ตอนที่ 1530 โอ้อวด
เหมยเหมยชี้หน้าเจิ้งซื่อหลินพร้อมด่า “พวกแกสองคนเป็นสัตว์ชั้นต่ำที่ทรยศอาจารย์ อย่าแม้แต่จะคิดที่จะแย่งเอาชีวิตจิตใจของคุณตาไป ฝันไปเถอะ!”
เจิ้งซื่อหลินหันมองเหยียนซินหย่าอย่างโมโห ทำราวกับมองไม่เห็นเหมยเหมย
“น้องเหยียนเธอไม่ควรจะเห็นแก่ตัวเกินไป เพื่อให้ได้ครอบครองสิ่งต่าง ๆของอาจารย์ถึงขนาดยอมปล่อยให้นางเด็กกะโปโลนี่มาสืบทอดมรดกของสำนักเหยียนโดยไม่รู้สึกผิดชอบชั่วดี เธอต้องการจะทำลายของรักของท่านอาจารย์หรือ?”
เจิ้งซื่อหลินพูดอย่างไร้ยางอาย ไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำตัวเป็นสุภาพบุรุษอีกต่อไปแล้ว ความโลภทรัพย์สินอันล้ำค่าทำให้พวกเขากระวนกระวาย แค่ต้องการขับไล่เหยียนซินหย่าออกไปโดยเร็วแล้วดำเนินงานนิทรรศการต่อด้วยตัวเอง จากนั้นค่อยแบ่งสมบัติที่อยู่ในหอนิทรรศการเหล่านี้
เหยียนซินหย่าสงบลง เธอไม่อาจปล่อยให้ลูกสาวต้องออกหน้ารับความไม่เป็นธรรมนี้ต่อไปได้แล้ว เธอต้องเข้มแข็ง
“พวกคุณยังคู่ควรที่จะพูดถึงเรื่องมโนธรรมกับฉันด้วยเหรอ? มรดกของพ่อฉันแน่นอนว่าฉันต้องเป็นคนสืบทอด พวกคุณอย่าคิดที่จะข้องเกี่ยวแม้แต่น้อย ส่วนลูกสาวของฉันจะมีสิทธิ์หรือไม่นั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับพวกคุณ ต่อให้ลูกสาวฉันเรียนศิลปะไม่ได้เรื่องแต่ก็ยังแกร่งกว่าบางคนที่ทรยศอาจารย์เป็นร้อยเท่าแล้วกัน!”
หร่วนหวาไฉ่ที่เงียบมาตลอดหัวเราะเยาะ พูดขึ้นเสียงดัง “ต่อให้เธอยกยอลูกสาวจนกลายเป็นเซียนสวรรค์ ก็เปลี่ยนความจริงไม่ได้ ลูกสาวของเธอไม่มีคุณสมบัติที่จะสืบทอดมรดกสำนักเหยียนได้เลย!”
เหยียนซินหย่ากลับไม่ได้พูดแต่เดินไปยังตู้โชว์ที่ผนังด้านหนึ่งชี้ไปยังไม่กี่ภาพตรงนั้นพลางเอ่ย “นี่คือภาพวาดที่ลูกสาวฉันเข้าร่วมแข่งขันวาดภาพรุ่นเยาวชนระดับประเทศตอนอายุสิบสองปีได้รับรางวัลรองชนะเลิศ ตอนนั้นเธอเรียนวาดรูปได้ไม่ทันถึงครึ่งปีด้วยซ้ำ”
เธอหันไปมองหร่วนหวาไฉ่อย่างเย้ยหยันแล้วพูดว่า “การแข่งขันในปีนั้นเลขาธิการหร่วนเป็นเจ้าภาพด้วยนี่ อีกอย่างโอหยางซานซานศิษย์เอกของคุณถูกปลดเพราะโกงการแข่งขัน หร่วนหวาไฉ่คุณคงไม่ได้ลืมไปหรอกใช่ไหม?”
เรื่องราวของโอหยางซานซานในปีนั้นแม้จะไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่แต่ในวงการศิลปะมีคนรู้ไม่น้อยเลย คนส่วนใหญ่ลืมกันไปหมดแล้ว บัดนี้เหยียนซินหย่าเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาอีกครั้งทุกคนจึงนึกขึ้นมาได้ และมีท่าทีแปลกไป
สีหน้าของหร่วนหวาไฉ่แย่กว่ามาก พร้อมอธิบายขึ้น “เรื่องนี้เป็นเพราะตัวผมเองที่ก่อนเกิดเรื่องไม่ได้ดูคุณสมบัติของศิษย์ก่อน เป็นความรับผิดชอบของผมเอง”
เหมยเหมยอดไม่ได้ที่จะประชด “คนประเภทเดียวกัน อาจารย์เป็นแบบไหนศิษย์ก็เป็นแบบนั้นแหละ!”
เหยียนซินหย่าลูบมือลูกสาวเพื่อปลอบโยน เธอแนะนำภาพวาดไปเรื่อย ๆซึ่งถูกแบ่งตามอายุของเหมยเหมยในแต่ละวัย พัฒนาการดีขึ้นอย่างชัดเจน ใครมีตาก็สามารถมองเห็นได้ทั้งนั้น
“หากพูดถึงจิตวิญญาณในการวาดภาพ ฉันหรือที่จะไม่รู้จักลูกสาวตัวเอง ตอนที่ฉันอายุเท่ากับเธอไม่มีทางวาดภาพที่มีจิตวิญญาณขนาดนี้ได้หรอก ดังนั้นฉันมั่นใจว่าในวันข้างหน้าลูกสาวฉันต้องสำเร็จในวงการศิลปะแน่ และมากกว่าฉันด้วย…”
เหยียนซินหย่าไม่ลังเลที่จะชื่นชม ใบหน้าดูภาคภูมิใจมาก
คนอื่นต่างพยักหน้าไม่หยุด คนส่วนใหญ่ก็ยังคงยึดทัศนคติที่เป็นกลาง บัดนี้เห็นภาพวาดของเหมยเหมยดีมากจริง ๆ เป็นธรรมดาที่จะโอนเอนมาทางเหยียนซินหย่าสองแม่ลูก
“ตอนนี้มีใครกล้าพูดว่าลูกสาวฉันไม่มีสิทธิ์สืบทอดมรดกสำนักเหยียนอีกไหมคะ? เธอเป็นสายเลือดเดียวกับพ่อของฉัน และมีคุณสมบัติที่ดีในการวาดภาพ ถ้าเธอไม่มีสิทธ์ ใครเล่าจะมีศิษย์?”
เหยียนซินหย่าพูดด้วยเสียงอันดังด้วยแววตาดุดัน ต่างไปจากความอ่อนโยนในอดีต
เจิ้งซื่อหลินมีหรือจะยอม เอาแต่พูดว่าเหมยเหมยเรียนหลายอย่าง “ต่อให้มีคุณสมบัติ แต่แบ่งสมาธิทำอะไรหลายอย่างย่อมไม่ดีแน่ น้องเหยียนก็อย่าพึ่งพูดมากไป!”
เหมยเหมยแย่งพูดอย่างโมโห “ฉันแบ่งสมาธิทำหลายอย่างก็เพราะฉันมีความสามารถในการควบคุม โลกแห่งอัจฉริยะ แน่นอนว่าคนโง่ไม่มีทางเข้าใจหรอก!”
สำหรับคนหน้าด้านอย่างเจิ้งซื่อหลิน เหมยเหมยกล้าโอ้อวดด้วยที่ไม่รู้สึกกดดันเลยสักนิด
…………………………………………………….
ตอนที่ 1531 ไม่มีหลักฐาน
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกระลอกโดยเฉพาะเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับฉีฉีเก๋อที่รอบนี้หัวเราะจนน้ำตาเล็ดอย่างไม่เกรงกลัวใด ๆ
คนอื่นก็หัวเราะตามเช่นกัน แต่กลับคิดว่าเหมยเหมยนั้นหลงตัวเองเกินไป มีอย่างที่ไหนจะยกยอตัวเองว่าเป็นอัจฉริยะบ้าง?
เจิ้งซื่อหลินพูดเย้ย “เธอคิดว่าอัจฉริยะคือผักกาดขาวที่มีเกลื่อนกลาดหรือไงที่จะเรียกใคร ๆว่าอัจฉริยะได้ง่ายดายขนาดนั้น?”
“ยังไงก็เก่งกว่าพวกคุณแล้วกัน!” เหมยเหมยพูดตอกกลับเย้ยหยัน
เจิ้งซือหลินมองไปทางผู้เฒ่าสวีแวบหนึ่ง ผู้เฒ่าสวีเลยได้แต่พูดเสียงแข็งว่า “ไม่ว่าอย่างไรซื่อหลินกับหวาไฉ่ล้วนเป็นลูกศิษย์ของตานชิง พวกเขาล้วนมีสิทธิ์สืบทอดสำนักเหยียน…”
เหยียนซินหย่าพูดขัดด้วยความโกรธ “เหลวไหล สองคนนี้คือตัวการสำคัญของการตายพ่อฉัน ถ้าคุณยังช่วยคนชั่วอีกงั้นก็ขอเชิญคุณกลับไป นิทรรศการศิลปะพ่อฉันไม่ต้อนรับคุณ!”
“น้องเหยียนต้องมีหลักฐานนะ ไม่มีหลักฐานก็อย่าหาว่าเราเป็นต้นเหตุที่ทำให้อาจารย์ตาย!” เจิ้งซื่อหลินแค่นหัวเราะอย่างไร้ความกังวลใด
เพราะเขารู้ดีว่าเวลานั้นผู้ที่รู้เรื่องนี้ต่างก็ตายไปบ้าง หนีไปบ้าง เหยียนซินหย่าไม่มีทางหาหลักฐานได้อย่างแน่นอน
เหยียนซินหย่าไม่มีหลักฐานอย่างว่าจริง ๆ ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่มีวันปล่อยสามคนนี้มาจนถึงทุกวันนี้ได้ เจิ้งซื่อหลินยิ่งได้ใจเผยรอยยิ้มดุจปลายมีดคมที่ทิ่มแทงเหยียนซินหย่ากับเหมยเหมยให้ใจเจ็บ
“ฉันยืนยันได้ว่าเหยียนตานชิงตายด้วยฝีมือสามคนนี้!”
เสียงแก่ ๆเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากประตูโถงจัดนิทรรศการที่เรียกให้ทุกคนหันกลับไปดูพร้อมกัน กลับพบว่าเป็นอาจารย์เซียวที่หลายปีมานี้มีข่าวลือว่าป่วยอยู่ เขากำไม้เท้าเดินเข้ามาอย่างยากลำบากภายใต้การประคับประคองของเซียวจิ่งหมิง
เหมยเหมยกับเหยียนซินหย่าตกใจอย่างมาก หากจะพูดถึงผู้รู้เหตุการณ์นั้นก็ใช่ว่าจะไม่มี อาจารย์เซียวก็เป็นหนึ่งในนั้น เมื่อก่อนเขายังเคยเขียนบทความด่าพวกเจิ้งซื่อหลินมาก่อนเลย
แต่อาจารย์เซียวกับเหยียนตานชิงไม่ถูกคอกัน อาจารย์เซียวยอมไม่ได้ที่เหยียนตานชิงมีชื่อเสียงมากกว่าเพราะเขาคิดว่าตัวเองเก่งกว่าเหยียนตานชิง เหยียนตานชิงเองก็ไม่ชอบใจนิสัยรักสนุกของอาจารย์เซียวจนทั้งคู่มีความสัมพันธ์ดั่งไฟกับน้ำที่อยู่ร่วมกันไม่ได้
อีกทั้งสมัยเหยียนตานชิงยังหนุ่ม ๆไม่ใช่คนนิสัยอ่อนโยนหรือพูดได้ว่าอารมณ์ฉุนเฉียวไม่เบาเลย เขามักเขียนบทความด่าอาจารย์เซียวอย่างดุเดือดลงหนังสือพิมพ์บ่อยครั้ง ชี้ด่าเจาะจงชื่อสกุลด้วยถ้อยคำรุนแรงจนผู้อ่านสะอึกกันไปตาม ๆกัน
แน่นอนว่าอาจารย์เซียวก็ไม่ด้อยไปกว่ากันเขียนบทความตอบโต้ด้วยวาจารุนแรงโต้กันไปมาอย่างไม่มีใครยอมใคร
ถึงทั้งคู่จะไม่ถูกคอกันดั่งไฟกับน้ำ ทว่าหลังจากเหยียนตานชิงตายไปอย่างไร้ความยุติธรรมก็มีเพียงอาจารย์เซียวเขียนบทความออกหน้าแทนเขา เพื่อนสนิทคนอื่น ๆต่างเงียบกริบ แม้ว่าจะถูกบีบบังคับโดยปัจจัยต่าง ๆแต่เป็นเรื่องน่าเศร้าใจจริง ๆ
เหยียนซินหย่าเองก็เคยไปหาอาจารย์เซียวให้เขาช่วยออกหน้าให้แต่อาจารย์เซียวกลับปฏิเสธ บอกเพียงว่าจะไม่ยุ่งเรื่องของเหยียนตานชิง
สองปีนี้อาจารย์เซียวสุขภาพแย่ลงเรื่อย ๆ แม้แต่พู่กันยังจับไม่ไหว เหยียนซินหย่าเองก็ไม่อยากรบกวนเขาจึงไม่ได้ไปร้องขอความช่วยเหลือจากเขาอีก กลับคิดไม่ถึงว่าวันนี้อาจารย์เซียวจะมาด้วยตัวเอง
เซียวจิ่งหมิงขยิบตาให้เหมยเหมย วันเวลาไม่ได้ทิ้งร่องรอยไว้บนตัวเขาที่ยังคงชอบวางมาดเป็นนกยูงตัวแก่อย่างแท้จริง
“เหยียนตานชิงถูกใส่ร้ายในตอนนั้นฉันจำมันได้ดี พวกเขาสองคนร่วมมือกับตานเหอเจิ้งใส่ร้ายเหยียนตานชิง อีกทั้งยังทำร้ายลูกศิษย์คนโปรดของเหยียนตานชิงอย่างเซี่ยทิงเทาอีกด้วย”
อาจารย์เซียวใช้ไม้เท้าชี้ไปที่พวกเจิ้งซื่อหลินทั้งสามคนด้วยสายตารังเกียจปนโกรธเคือง เหยียนตานชิงตาบอดที่รับคนแบบนี้มาเป็นลูกศิษย์!
“ท่านไม่ถูกกับอาจารย์ผม ถ้อยคำที่ท่านพูดมักจะ…เหอเหอ…” เจิ้งซื่อหลินแสยะยิ้มแต่ตากลับไม่ยิ้มด้วย ซึ่งความหมายก็คืออาจารย์เซียวโกหก
“เหลวไหล…แก…แค่กแค่กแค่ก…”
อาจารย์เซียวโมโหจนไอรัวยาวจนแทบหายใจไม่ทัน เซียวจิ่งหมิงลูบหลังเขาไม่หยุดด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความกังวลใจ!
ตอนที่ 1532 อาจารย์เซียวออกหน้า
สุขภาพของอาจารย์เซียวแย่มากจริง ๆ ดูไม่สดใสเหมือนวันที่จัดงานเลี้ยงวันเกิดอย่างปีนั้นอีกต่อไปราวกับแก่ลงอย่างฉับพลัน แก่เฒ่าลงอย่างช่วยไม่ได้ ไอไปเพียงไม่กี่ทีเขาก็หายใจไม่ทันเหมือนใกล้จะสิ้นใจ
“พ่อ…”
เซียวจิ่งหมิงเป็นห่วงอย่างมากนับตั้งแต่อาจารย์เซียวสุขภาพแย่ลงเขาก็คืนดีกับพ่อแล้ว ไม่เหมือนอย่างเคยที่คุยกันไม่ถึงสามประโยคดีก็เริ่มทะเลาะกัน กลับใจเป็นลูกกตัญญูอย่างเต็มตัว
อาจารย์เซียวโบกมือปัดอย่างอ่อนแรงเป็นเชิงว่าเขาไม่เป็นไร ความจริงเขาเดาได้ว่าตนจะมีชีวิตอยู่อีกไม่นาน เดิมทีชีวิตนี้ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ยังไม่ได้ทำ แต่ท่าทีที่เปลี่ยนไปของลูกชายสร้างความปลื้มใจแก่เขามากและรู้สึกเสียใจน้อยลง
เดิมทีชีวิตก็เต็มไปด้วยเรื่องน่าเศร้าอยู่แล้ว แต่การที่เขาได้คืนดีกับลูกชายคนสำคัญก่อนตายนับว่าพอใจมากแล้ว
ส่วนอย่างอื่นอย่าคาดหวังเลยดีกว่า!
สองปีมานี้จู่ ๆอาจารย์ก็เหมือนเข้าใจอะไรหลาย ๆอย่างมากขึ้น หนึ่งปีก่อนเขาเป็นฝ่ายเสนอขอหย่าด้วยตัวเองบอกว่าต้องการให้ภรรยาเป็นอิสระ เรื่องนี้ถูกจัดการอย่างเงียบเชียบที่มีเพียงคนน้อยนิดเท่านั้นที่รู้
หลังจากนั้นอาจารย์เซียวก็ใช้ชีวิตเก็บตัวไม่พบปะแขกและไม่ออกงานใด ๆ วัน ๆอยู่แต่ในบ้านแถมเวลาส่วนมากยังนอนอยู่แต่บนเตียง
ถึงขั้นปฏิเสธทีมรักษาที่เซียวจิ่งหมิงจัดไว้ให้บอกว่าไม่กินยาไม่ฉีดยา ปล่อยทุกอย่างไปตามธรรมชาติ อย่าไปบังคับฝืนใจมันเลย!
ท่านผู้เฒ่าหัวรั้นอย่างมากเซียวจิ่งหมิงเลยต้องปล่อยเลยตามเลย แต่ย้ายกลับไปอยู่บ้านใหญ่และลดจำนวนการออกสัมมนางานลง คอยดูแลอาจารย์เซียวให้เต็มที่เพราะไม่อยากให้ตัวเองเสียใจภายหลัง
เหมยเหมยเห็นสภาพแก่ลงของอาจารย์เซียวก็รู้สึกแย่เหมือนกัน แม้เธอจะไม่ชอบใจกับเรื่องไร้ความรับผิดชอบต่อผู้หญิงของอาจารย์เซียว แต่ขณะที่ไม่มีใครยอมก้าวออกมาช่วยพูดแทนเธอกับเหยียนซินหย่าก็มีเพียงอาจารย์เซียวที่ฝืนสังขารมาด้วยตัวเอง
แค่น้ำใจนี้เธอก็รู้สึกขอบคุณมากแล้ว!
เหมยเหมยวิ่งไปเทน้ำแล้วหยดยาวิเศษลงไปสามหยดที่พอจะให้อาจารย์เซียวสุขภาพดีขึ้นบ้าง
“คุณปู่เซียว ดื่มน้ำให้ชุ่มคอหน่อยนะคะ!”
เหมยเหมยยื่นแก้วไปตรงหน้าอาจารย์เซียวที่ยังหอบอยู่ เซียวจิ่งหมิงรับมาป้อนเขาโดยที่อาจารย์จิบเพียงอึกเล็ก จากนั้นก็รู้สึกถึงความหวานจาง ๆและตามมาด้วยความสดชื่นที่แผ่ซ่านจากลำคอลงไปทั่วร่างกาย รู้สึกสบายอย่างบอกไม่ถูก
“อร่อยมาก!”
อาจารย์เซียวดื่มน้ำหมดในทีเดียวแล้วถอนหายใจอย่างอิ่มเอมใจ ตอนนี้เขารู้สึกสบายที่สุดในรอบสองปีมานี้เลย
“พ่อ เป็นไงบ้างครับ?” เซียวจิ่งหมิงถามด้วยห่วงใย
“ดีขึ้นมากแล้ว จัดการธุระสำคัญก่อนแล้วกัน!”
อาจารย์เซียวลุกยืนเองโดยไม่ต้องมีใครประคองอีก แววตาล่องลอยในทีแรกเริ่มดุดันคมเฉี่ยวพลางใช้ไม้เท้าชี้ไปที่เจิ้งซื่อหลินกับหร่วนหวาไฉ่ก่อนจะโต้กลับ “ฉันกับเหยียนตานชิงไม่ถูกกันก็จริงเรื่องนี้แกไม่จำเป็นต้องพูดหรอก แต่ฉันก็แค่ด่าไม่มีวันทำร้ายใคร”
อาการของเขาต่างไปจากสภาพแก่เฒ่าโรครุมเร้าอย่างก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง เหมือนถูกฉีดกระตุ้นให้มีชีวิตชีวาจนน่ากังวลใจ
เซียวจิ่งหมิงเห็นคุณพ่อที่มีเรี่ยวมีแรงด่าเจิ้งซื่อหลินก็ดีใจ ต่อให้ยังกังวลใจอยู่ก็พูดเสียงพึมพำเองว่า “พ่อฉันสดใสมีชีวิตชีวาก่อนตายใช่ไหมนะ?”
เหมยเหมยกลอกตาทีแล้วพูดปลอบโยน “คุณลุงเซียวคิดมากไปแล้ว คุณปู่เซียวอยู่ได้อีกอย่างน้อยสิบปีแน่นอน!”
หากมียาวิเศษของเธอช่วยอย่างน้อยสิบปีก็ไม่มีปัญหาหรอก
เซียวจิ่งหมิงมองเหมยเหมยแวบหนึ่งด้วยความฉงนเพราะไม่ค่อยเชื่อนัก แล้วยังมองคุณพ่อตนที่ก่นด่าต่อไปอย่างมีชีวิตชีวาด้วยความกังวลใจเหมือนเดิม ความรู้สึกเสียใจที่เมื่อก่อนตนมักทำให้คุณพ่อโกรธอยู่เรื่อยก็ยิ่งถาโถมเข้ามา
วันที่ลูกอยากกตัญญูแต่พวกท่านกลับไม่อยู่แล้ว!
แม้อาจาย์เซียวยังอยู่แต่เขากลับรู้สึกเสียใจไปแล้ว เฮ้อ!
อาจารย์เซียวมีชีวิตชีวาขึ้นอย่างผิดปกติ ด่าจนพวกเจิ้งซื่อหลินต้านทานไม่ไหว เพราะเขามีตำแหน่งสูงอยู่ชั้นแนวหน้าที่ยังหลงเหลืออยู่ในวงการศิลปะ ฉะนั้นแม้เขาจะไม่มีหลักฐานอะไรแต่ถ้อยคำที่พูดออกมากลับไม่มีใครกล้าแย้ง
…………………….
ตอนที่ 1533 เหงาดุจหิมะในฤดูหนาว
อาจารย์เซียวแม้จะชราแต่ฉลาดรู้ทันแผนการของพวกเจิ้งซื่อหลินตั้งแต่แรกแล้วเลยด่ากราดไปอย่างไม่ไว้หน้า “ลำพังแค่ฝีมืออย่างพวกแกมาฝนหมึกให้ฉัน ฉันยังรังเกียจ ตอนนั้นถ้าไม่ใช่เพราะพวกแกหน้าด้านตามตื๊อขอเป็นศิษย์คนตาบอดอย่างเหยียนตานชิง ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าพวกแกจะไปเป็นขอทานอยู่ที่ไหนด้วยซ้ำ!
สัตว์เดรัจฉานยังรู้จักตอบแทนบุญคุณ พวกสารเลวที่ใจดำอำมหิตอย่างพวกแกเป็นต้นเหตุให้อาจารย์ตาย แล้วตอนนี้ยังคิดมาแย่งของที่เหยียนชิงตานทิ้งไว้อีก พวกแกยังมีความเป็นคนอยู่ไหม? คนชั่วช้าอย่างพวกแกไม่คู่ควรกับการจับพู่กันด้วยซ้ำ!”
อาจารย์เซียวยิ่งพูดก็ยิ่งโกรธ ครั้งเมื่อเหยียนชิงตานยังมีชีวิตอยู่เขาด่าโต้กลับไปมากับไอ้คนตาบอดนี้ทุกวัน อย่าให้พูดเลยว่ามีชีวิตชีวามากแค่ไหน
แต่เหยียนชิงตานตายไปหลายสิบปีแล้วก็ไม่มีใครที่มีค่าพอให้เขาด่าอีก!
เหงาดุจหิมะในฤดูหนาว
ไม่มีใครเข้าใจความรู้สึกเขาเลย!
อาจารย์เซียวใช้ไม้เท้าเหวี่ยงฟาดพวกเจิ้งซื่อหลิน ทุกคนต่างคาดไม่ถึงว่าผู้เฒ่าที่ต้องให้คนช่วยประคองเดินเมื่อครู่จะมีแรงฟาดใครได้ ภาพเบื้องหน้านี้เปลี่ยนไวเกินไปหรือเปล่า!
เซียวจิ่งหมิงกลับตื่นเต้นอย่างมาก เขานับเวลาดูแล้วว่านับตั้งแต่พ่อมีแรงก็ผ่านไปสิบกว่านาที ถ้าเป็นสภาวะกลับมามีเรี่ยวแรงก่อนตายคงไม่นานขนาดนี้หรอกใช่ไหม?
นั่นบ่งบอกว่าพ่อของหายดีแล้วจริง ๆ!
“ผู้เฒ่าเซียวท่านจะมาเสแสร้งเอาตอนนี้ทำไม? ใครไม่รู้บ้างว่าตอนนั้นคนที่ด่าอาจารย์ผมมากที่สุดก็คือท่าน ท่าน…” หร่วนหวาไฉ่โดนไม้เท้าฟาดลงกลางหลังเจ็บจนต้องสูดปากและแค้นเคืองอย่างมาก
อาจารย์เซียวแค่นหัวเราะ “ตอนนี้ฉันก็จะด่าเหยียนตานชิงเหมือนเดิม มีตาแต่ไม่มีแวว มีตาก็เหมือนคนตาบอด ฉันด่าใครก็ด่าตรงไปตรงมา ใครกล้าที่จะไม่เชื่อบ้าง?”
เหมยเหมยมุมปากกระตุก ทำไมเธอรู้สึกว่าคุณตากับอาจารย์เซียวมีความสัมพันธ์แบบทั้งรักทั้งเกลียดกันนะ?
“แม่ คุณตากับคุณปู่เซียว…” เหมยเหมยถามเสียงเบา
เหยียนซินหย่าตอบกลับอย่างระอา “คุณตาของลูกกับคุณลุงเซียวเป็นแบบนี้มาโดยตลอด เจอหน้ากันก็ด่า ไม่เคยปรองดองกันเลย”
อาจารย์เซียวเอ่ยต่อทุกคนว่า “สัตว์เดรัจฉานจิตใจโหดเหี้ยมที่รังแกทรยศอาจารย์อย่างเจิ้งซื่อหลินกับหร่วนหวาไฉ่ไม่คู่ควรกับงานศิลปะ ยิ่งไม่คู่ควรที่พูดถึงสำนักเหยียน ฉันว่าเหยียนซินหย่าทำได้ดีแล้ว สำนักเหยียนที่อยู่ภายใต้การดูแลของเธอต้องรุ่งเรืองมากขึ้นแน่ วันหลังใครช่วยออกหน้าแทนสารเลวสองคนนี้อีก ฉันเองก็ไม่ได้เขียนบทความด่าคนมานานแล้วเหมือนกัน เหอะ…”
ทุกคนสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย บางคนที่มีความคิดชั่วร้ายในใจก็หวาดผวาจนล้มเลิกความคิดไป
อาจารย์เซียวขึ้นชื่อเรื่องด่าคนได้โหดที่สุด สามารถขุดบรรพบุรุษสิบแปดชั่วโคตรของคุณออกมาด่าได้โดยที่คุณโต้กลับไม่ได้แม้แต่คำเดียว
ไม่อย่างนั้นถ้าตาแก่นี้เขียนบทความด่าคุณทุกวันแล้วจะใช้ชีวิตอย่างไรต่อไปเล่า?
ปัญหาคือคุณเองก็แย้งไม่ได้ ตาแก่นี่ใกล้จะลงโลงอยู่แล้วหนำซ้ำยังป่วยหนักขนาดนี้ ถ้าเกิดโกรธแล้วเป็นอะไรขึ้นมาลูกศิษย์ของอาจารย์เซียวที่กระจายอยู่ทุกมุมโลกคงทำให้พวกเขายิ่งมีชีวิตอยู่ต่อไม่ได้
ตามยอดกลศึกในสามสิบหกข้อควรรีบถอยก่อนดีกว่า!
เพราะการปรากฏตัวของอาจารย์เซียวที่ทำให้แนวโน้มสถานการณ์เปลี่ยนไป ไม่มีใครกล้าช่วยพูดแทนพวกเจิ้งซื่อหลินอีก สองคนนี้ยืนตัวแข็งเหมือนท่อนไม้หน้าหมองอย่างคนขี้แพ้
“ยังไม่ไสหัวไปอีก วันหลังอย่าให้ฉันเห็นพวกแกปรากฏตัวที่นิทรรศการศิลปะของเหยียนตานชิงอีก!” อาจารย์เซียวมองพวกเจิ้งซื่อหลินอย่างรังเกียจ เพราะสารเลวสองคนนี้ที่ทำให้คู่ปรับเพียงหนึ่งเดียวในชีวิตของเขาต้องตาย
เขาเสมองตานเหอเจิ้งที่ยืนทำหน้าไม่ถูกอย่างนึกรังเกียจอีกทีก่อนพูดประชดประชันอย่างไร้ความปรานี “ตานเหอเจิ้งแกก็พอมีความสามารถอยู่บ้าง ถ้าไม่ได้คิดตุกติกก็คงแยกตัวออกไปก่อตั้งสำนักใหม่ได้สบาย ๆ ทำร้ายผู้อื่นเท่ากับทำร้ายตนเอง ผลลัพธ์ของแกในตอนนี้ถือเป็นกรรมที่แกเคยก่อไว้กับเหยียนตานชิง สมน้ำหน้า!”
ตานเหอเจิ้งตัวสะท้านเฮือกปล่อยให้น้ำตาแห่งความเศร้าเสียใจไหลริน
เขาเสียใจมากจริง ๆ!
แต่บนโลกนี้ไม่มียารักษาโรคนี้!
เหยียนตานชิงฟื้นคืนชีพขึ้นมาไม่ได้อีกแล้ว
เขาเองก็กลับไปเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้อีกแล้ว!
พวกเจิ้งซื่อหลินรู้ว่าวันนี้คงทำอะไรไม่ได้อีก หากอยู่ต่อไปก็มีแต่จะทำให้ตัวเองอับอายจึงดันตานเหอเจิ้งคิดจะแอบย่องหนีออกไปแล้วค่อยคิดหาวิธีอื่น
“ช้าก่อน ฉันมีเรื่องจะประกาศ!” เหยียนซินหย่าตะโกน
…………………………
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น