เทพปีศาจหวนคืน 1524-1527
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1524 วิญญาณอมตะจอมโจรผู้ยิ่งใหญ่
แปลโดย iPAT
แม้ฟางตี้เฉิงจะโกรธ แต่วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ก็อยู่ตรงหน้าพวกเขา นี่เป็นเป้าหมายของตระกูลฟางมานานหลายชั่วอายุคน พวกเขาไม่สามารถล้มเหลวและวิธีบนเส้นทางแห่งทาสของฟางหยวนก็เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการทะลวงทางตัน
ฟางตี้เฉิงยิ้ม “เจ้าต้องการสิ่งใด ตราบเท่าที่เจ้าบอกข้า เราจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อตอบสนองมัน”
ฟางหยวนถามถึงค่าตอบแทนที่เขาจะได้รับแต่ฟางตี้เฉิงกลับส่งคำถามกลับมาที่เขา
ฟางหยวนหัวเราะ “ท่านฟางช่างตรงไปตรงมานัก ข้าไม่ได้โลภมาก ข้าต้องการวิญญาณอมตะระดับเจ็ดเพียงดวงเดียวเท่านั้น”
ฟางหยวนกล่าวและแสดงออกราวกับรู้สึกเขินอาย
‘วิญญาณอมตะระดับเจ็ด!’ หัวใจของฟางตี้เฉิงเต้นแรงขึ้น เขาโกรธมาก แต่ภายนอกเขายังเผยรอยยิ้ม “หากเจ้าสามารถกำหราบอสูรวิญญาณแรกกำเนิดทั้งหมด วิญญาณอมตะระดับเจ็ดก็เหมาะสมแล้ว เมื่อเราได้รับวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ เราสัญญาว่าจะมอบวิญญาณอมตะระดับเจ็ดให้เจ้าอีกหนึ่งดวง”
ฟางตี้เฉิงไม่เพียงตอบรับแต่ยังเพิ่มสิ่งล่อใจเข้าไปอีก
“ข้ารู้สึกละอายใจนัก” ฟางหยวนถอนหายใจ “ข้าต้องการวิญญาณอมตะระดับเจ็ดตอนนี้ มิฉะนั้นข้าจะไม่สามารถตัดสินใจที่จะจ่ายราคามหาศาลและกำหราบอสูรวิญญาณแรกกำเนิดที่เหลือ”
“เหตุใดถึงใจร้อนนัก? เจ้าไม่ไว้ใจตระกูลฟางของข้างั้นหรือ?” ผู้อมตะตระกูลฟางบางคนไม่สามารถควบคุมตนเอง
ฟางหยวนป้องหมัดขึ้น “ทุกท่าน ราคาที่ข้าต้องจ่ายสูงเกินไป รากฐานของข้าจะได้รับความเสียหายอย่างหนัก ข้าสามารถทำมันหลังจากได้รับวิญญาณอมตะระดับเจ็ดเท่านั้น”
“ตกลง อู่เรือพิพากษาของข้ามีวิธีติดต่อกับโลกภายนอก ข้าจะส่งวิญาณอมตะระดับเจ็ดจากฐานทัพใหญ่ของเรามาที่นี่ นี่คือรายชื่อวิญญาณอมตะระดับเจ็ดในคลังสมบัติของเรา เลือกหนึ่งดวงจากรายการนี้” ฟางตี้เฉิงส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับฟางหยวน
มันเป็นวิญญาณอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งข้อมูล!
ฟางหยวนคิด ‘เป็นเรื่องยากที่ข้าจะได้รับวิญญาณอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งข้อมูล หากข้ามีมัน ข้าจะสามารถรวบรวมข้อมูลและค้นหาความลับมากมาย ระหว่างการเกิดใหม่ ความทรงจำของข้าถูกดัดแปลงโดยเจตจำนงสวรรค์ มีกับดักอยู่ในตัวข้า ข้าไม่สามารถพึ่งพาความทรงจำเหล่านั้นได้อย่างสมบูรณ์ ตอนนี้ข้าใช้มรดกของนิกายเงาเป็นข้อมูลหลักในการอ้างอิง แต่สิ่งเหล่านี้จะล้าสมัยเมื่อเวลาผ่านไป วิญญาณอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งข้อมูลมีประโยชน์กับข้ามาก’
ฟางหยวนตรวจสอบวิญญาณอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งข้อมูลและพบรายชื่อวิญญาณอมตะระดับเจ็ดจำนวนหกดวงอยู่ภายใน
‘รากฐานของตระกูลฟางช่างลึกล้ำนัก พวกเขามีวิญญาณอมตะระดับเจ็ดมากกว่าหกดวง ฟางตี้เฉิงไม่ได้ให้ข้าดูทั้งหมดอย่างแน่นอน’
แต่เพียงวิญญาณอมตะระดับเจ็ดทั้งหกดวงก็ทำให้ฟางหยวนรู้สึกตื่นเต้นมากแล้ว
ด้วยมรดกที่แท้จริงของนิกายเงา ไม่ว่าจะเป็นวิญญาณอมตะดวงใด พวกมันก็จะเป็นประโยชน์อย่างมากหากอยู่ในมือของเขา
ในไม่ช้าวิญญาณอมตะดวงหนึ่งก็ทำให้หัวใจของฟางหยวนสั่นไหว เขาตัดสินใจเลือกมันทันที
“วิญญาณอมตะจอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ระดับเจ็ด?” ฟางตี้เฉิงรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินสิ่งที่ฟางหยวนเลือก
นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมแต่ซวนปู้จินเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา
ฟางหยวนไม่อธิบาย เขาไม่จำเป็นต้องอธิบาย ฟางตี้เฉิงให้ฟางหยวนเลือกวิญญาณอมตะเหล่านี้ นั่นหมายความว่าพวกมันไม่มีประโยชน์ต่อพวกเขา ในสถานการณ์ปัจจุบัน ตระกูลฟางกำลังเร่งรีบ แต่มันไม่ใช่สำหรับฟางหยวน หากพวกเขาต้องการถ่วงเวลาและไม่ส่งมอบวิญญาณอมตะให้กับฟางหยวน เขาจะไม่ทำสิ่งใดเลย
‘เป็นไปได้หรือไม่ที่เขาเกรงว่าข้าจะขัดขวางเขา ดังนั้นเขาจึงเลือกแบบสุ่ม หากข้าปฏิเสธเขา เขาจะยอมแพ้ทันทีงั้นหรือ?’ ฟางตี้เฉิงคาดเดา
“สหาย เจ้าต้องการวิญญาณอมตะดวงนี้จริงๆงั้นหรือ?” ฟางตี้เฉิงยืนยันอีกครั้ง
ฟางหยวนลังเลเล็กน้อยก่อนตอบ “ถูกต้อง วิญญาณดวงนี้”
ฟางตี้เฉิงพยักหน้า “เอาล่ะ ข้าจะยอมรับคำขอนี้”
หลังกล่าวจบคำ เขาก็ใช้ท่าไม้ตายและดึงวิญญาณอมตะระดับเจ็ดดวงนี้มาจากฐานทัพใหญ่ของตระกูลฟางทันที
กระบวนการนี้รวดเร็วมาก ในไม่ช้าฟางหยวนก็ได้รับวิญญาณอมตะจอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ ด้วยความช่วยเหลือจากฟางตี้เฉิง เขาสามารถปรับแต่งมันได้อย่างง่ายดาย
ฟางหยวนลอบตื่นเต้นอยู่อย่างลับๆ ‘กำไรของข้ายิ่งใหญ่เกินไป! ตอนนี้ข้าเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งการโจรกรรม ข้าขาดวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการโจรกรรม แต่ผู้ใดจะคิดว่าข้าจะได้รับวิญญาณอมตะจอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ระดับเจ็ดมาในเวลานี้ ไม่เพียงข้าจะสามารถใช้งานมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ข้ายังสามารถเริ่มใช้ผนึกภูตผีได้อีกด้วย’
ฟางหยวนเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งการโจรกรรม มันเป็นเรื่องง่ายมากที่เขาจะสร้างท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งการโจรกรรม
และสิ่งสำคัญที่สุดก็คือผนึกภูตผี!
ท่าไม้ตายอมตะนี้ถูกสร้างขึ้นโดยเทพปีศาจปล้นสวรรค์ มันเป็นท่าไม้ตายอมตะระดับเก้าที่ทรงพลัง แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาฟางหยวนกลับไม่เคยใช้ประโยชน์จากมัน
เหตุผล?
แม้มันจะสามารถปกป้องฟางหยวนจากการตรวจสอบของภูตผีและอสูรวิญญาณ แต่เมื่อเขาพยายามใช้งานท่าไม้ตายอมตะ เขาจะถูกเปิดเผย
ไม่มีผู้ใดสามารถมองเห็นระเบิดที่ฝังอยู่ใต้ดิน แต่เมื่อมันถูกจุดระเบิด ผู้คนจะสัมผัสได้ถึงมัน
นอกจากนี้ผนึกภูตผียังรบกวนอาภรณ์วิญญาณและทำให้ประสิทธิภาพของมันลดลง
ผนึกภูตผีไม่พึ่งพาพลังงานอมตะ มันทำงานด้วยตัวของมันเอง นั่นคือความสามารถของปรมาจารย์สูงสุดบนเส้นทางแห่งการโจรกรรม
ฟางหยวนเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งการโจรกรรม แต่เขาไม่สามารถกระตุ้นใช้งานผนึกภูตผีด้วยตัวเขาเอง แม้เขาจะเข้าใจมันแล้ว แต่เขายังมีคำถามมากมาย
อย่างไรก็ตามคำถามเหล่านี้ไม่สามารถหยุดเขาจากการใช้ประโยชน์จากผนึกภูตผี
สำหรับวิธีใช้งานผนึกภูตผี วิญญาณอมตะจอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ระดับเจ็ดเป็นกุญแจสำคัญในการแก้ปัญหานี้
‘ตราบเท่าที่ข้าเพิ่มวิญญาณระดับมนุษย์เข้าไป ข้าจะสามารถใช้พลังอำนาจของผนึกภูตผีได้บางส่วน!’
ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น
‘แต่ตอนนี้ข้าต้องกำหราบอสูรวิญญาณแรกกำเนิดเหล่านั้น ความอดทนของตระกูลฟางกำลังจะถึงขีดจำกัดแล้ว’ ฟางหยวนต้องการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลฟางเพื่อยึดครองทะเลทรายผีเขียว เขาไม่ต้องการเป็นศัตรูกับพวกเขา
ด้วยเหตุนี้เขาจึงสังหารอสูรวิญญาณแรกกำเนิดสองตัวที่อยู่ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ
อสูรวิญญาณแรกกำเนิดเป็นเรื่องยากที่จะสังหาร แต่พวกมันอยู่ในการควบคุมของฟางหยวนและไม่สามารถต่อต้าน
หลังจากพวกมันตกตายไป ฟางหยนก็ได้รับแก่นแท้อสูรวิญญาณสองชิ้น
แก่นแท้อสูรวิญญาณระดับแปด!
นี่เป็นทรัพยากรที่หาได้ยาก
หากเขาไม่ได้อยู่ในสถานการณ์นี้ ฟางหยวนจะไม่สังหารอสูรวิญญาณแรกกำเนิดทั้งสอง แต่ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกเพราะท่าไม้ตายอมตะทาสแปดสิบต่อร้อยต้องพึ่งพาอสูรวิญญาณจำนวมากในการทำงาน
ฟางหยวนมีอสูรวิญญาณเดียวดายและอสูรวิญญาณบรรพกาลจำนวนมาก แต่พวกมันอนุญาตให้เขาควบคุมอสูรวิญญาณแรกกำเนิดได้เพียงสองตัวเท่านั้น นั่นคือขีดจำกัด
มันเป็นไปไม่ได้ที่ฟางหยวนจะควบคุมอสูรวิญญาณแรกกำเนิดมากขึ้นโดยไม่กำจัดอสูรวิญญาณแรกกำเนิดตัวเดิมทิ้งไป
เขาไม่มีทางเลือก!
นี่คือราคามหาศาลที่ฟางหยวนกล่าวถึง
เขาไม่ได้โกหก มันคือความจริง การสังหารอสูรวิญญาณแรกกำเนิดที่มีพลังการต่อสู้ระดับแปดสองตัวไม่ใช่ราคามหาศาลงั้นหรือ?
อย่างไรก็ตามหลังจากสังหารพวกมัน ฟางหยวนก็ใช้วิญญาณทัศนคติและทำให้ตนเองหน้าซีดขณะที่เลือดเริ่มไหลออกมาจากปากและจมูกของเขา
“ดูเหมือนซวนปู้จินจะไม่ได้โกหก เขาต้องจ่ายด้วยราคามหาศาลจริงๆ” กลุ่มผู้อมตะตระกูลฟางรู้สึกดีขึ้นเมื่อเห็นสิ่งนี้
“แม้จะไม่ใช่เรื่องดี แต่สถานการณ์เร่งด่วนมาก สหาย ข้าหวังว่าเจ้าจะทำอย่างดีที่สุด” ฟางตี้เฉิงเร่งเร้า
“แน่นอน ข้าจะทำอย่างดีที่สุด!” ฟางหยวนตะโกนและเริ่มกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายอมตะทาสแปดสิบต่อร้อยผ่านนักรบบุปผาวายุอีกครั้ง
หลังจากความพยายามสามครั้ง ฟางหยวนก็ประสบความสำเร็จในการกำหราบอสูรวิญญาณแรกกำเนิดกระทิงหางเสือดาว
“พรวด!”
ฟางหยวนกระอักเลือดออกมาจากปาก ใบหน้าของเขาซีดขาว เขาแทบหมดสติไป ณ จุดนั้น
“ซวนปู้จิน ระวัง!”
“รักษาสุขภาพด้วย เรายังต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าสำหรับอสูรวิญญาณแรกกำเนิดตัวสุดท้าย!”
“อาการบาดเจ็บของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ข้าสามารถรักษาให้เจ้า!”
กลุ่มผู้อมตะตระกูลฟางเร่งกล่าว
“ไม่เป็นไร อย่ากังวล” ฟางหยวนโบกมือ แน่นอนว่ามันคือทักษะการแสดง
หลังจากได้ยินถ้อยคำนี้ ความโกรธผู้อมตะตระกูลฟางจากก่อนหน้าก็จางหายไป
ฟางหยวนพยายามอีกครั้งและสามารถกำหราบอสูรวิญญาณแรกกำเนิดตัวสุดท้าย
ความจริงก็คือเขาต้องขอบคุณนักรบบุปผาวายุ หากไม่ใช่เพราะความสามารถของพวกมัน ฟางหยวนจะได้รับอสูรวิญญาณแรกกำเนิดมาได้อย่างไร
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1525 สายฟ้าแห่งชีวิต
แปลโดย iPAT
การเคลื่อนไหวของฟางหยวนทำให้อสูรวิญญาณแรกกำเนิดตัวสุดท้ายที่ปกป้องวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ถูกพรากไป
มิติช่องว่างจักรพรรดิสูญเสียอสูรวิญญาณแรกกำเนิดสองตัวแต่ตอนนี้มันกลับได้รับอสูรวิญญาณแรกกำเนิดอีกสองตัว หนึ่งคือกระทิงหางเสือดาวและอีกหนึ่งคือยักษ์ตาเดียว
‘ซวนปู้จินเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาอย่างแท้จริง ตระกูลฟางของเราวางแผนมานานหลายชั่วอายุคน แต่ตอนนี้คนนอกผู้นี้กลับได้รับประโยชน์มหาศาลขณะที่เรายังไม่ได้รับวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ นอกจากวิญญาณอมตะระดับเจ็ด เขายังสามารถกำหราบอสูรวิญญาณแรกกำเนิดสองตัวและได้รับพลังการต่อสู้ระดับแปด!’
ผู้อมตะตระกูลฟางมีการแสดงออกที่แตกต่างกัน ผลประโยชน์ของฟางหยวนยิ่งใหญ่เกินไป กระทั่งผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สามฟางฮั่วเฉิงยังรู้สึกอิจฉาเล็กน้อยโดยไม่ต้องกล่าวถึงผู้อมตะคนที่เหลือ
แต่นี่เป็นเรื่องปกติ
ตระกูลฟางพยายามอย่างเต็มที่แต่ตอนนี้ฟางหยวนกลับได้รับประโยชน์มากที่สุด ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้อมตะของตระกูลฟางจะรู้สึกอิจฉา
‘ซวนปู้จินมีความสามารถสูงมาก เขามีวิธีกำหราบอสูรวิญญาณแรกกำเนิด! ไม่แปลกใจเลยที่เขาสามารถอาศัยอยู่ในทะเลทรายผีเขียวและรวบรวมกองทัพอสูรวิญญาณ แต่…เหตุใดเขาถึงเลือกวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการโจรกรรม เขามีมรดกที่เกี่ยวข้องกับมันงั้นหรือ?’
‘วิญญาณอมตะจอมโจรผู้ยิ่งใหญ่เป็นหนึ่งในวิญญาณอมตะเสาหลักบนเส้นทางแห่งการโจรกรรม มันถูกสร้างขึ้นโดยเทพปีศาจปล้นสวรรค์ บรรชนของตระกูลฟางได้รับมันมาโดยบังเอิญ ฮืม วิญญาณอมตะของตระกูลฟางจะได้รับโดยง่ายได้อย่างไร เราต้องใช้งานซวนปู้จินให้คุ้มค่า’
ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองฟางตี้เฉิงคิด เขากำลังจะกล่าวบางสิ่ง แต่หลังจากกำหราบอสูรวิญญาณแรกกำเนิดสองตัว ฟางหยวนกลับปิดเปลือกตานั่งลงและแสร้งทำเป็นได้รับบาดเจ็บสาหัส
“สหายซวนปู้จิน!?” ฟางตี้เฉิงเรียก
ฟางหยวนเงียบ
“สหายซวนปู้จิน อาการบาดเจ็บของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” ดวงตาของฟางตี้เฉิงส่องประกายเย็นเยียบ
“ดูเหมือนเจ้าจะได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุใดไม่ให้ข้าช่วยรักษาเจ้า?” ฟางตี้เฉิงยังไม่ยอมแพ้
ฟางหยวนเปิดเปลือกตาขึ้นและกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้งและเหนื่อยหน่าย “อย่ากังวล ข้าสบายดี ข้าสามารถกำหราบอสูรวิญญาณแรกกำเนิดทั้งสองตัว สิ่งสำคัญในเวลานี้คือการเอาชนะวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ ตอนนี้มันหยุดนิ่งและเป็นโอกาสที่ดี หากเจ้าทิ้งโอกาสนี้ไปอาจมีบางสิ่งเกิดขึ้นในภายหลัง”
“มันถูกขังอยู่ในเขาวงกตดอกท้อ จะเกิดสิ่งผิดพลาดขึ้นได้อย่างไร?” ผู้อมตะตระกูลฟางก่นเสียงเย็นด้วยความรังเกียจ
ดวงตาของฟางตี้เฉิงส่องประกายเย็นชาขณะจ้องมองฟางหยวน
แต่ฟางหยวนปิดเปลือกตาลงแล้ว
‘ซวนปู้จินผู้นี้ช่างไร้ยางอายนัก ข้าต้องการให้เขาโจมตีวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์เพื่อตรวจสอบอันตราย แต่เขากลับทำเช่นนี้ น่าเสียดายที่ข้อตกลงพันธมิตรไม่ให้สิทธิข้าออกคำสั่งเขา ตอนนี้ภาพรวมสำคัญกว่า วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์เป็นเป้าหมายของเรามานานหลายชั่วอายุคน เราไม่สามารถปล่อยมันไปได้’ กระทั่งปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งปัญญาฟางตี้เฉิงก็ยังไม่สามารถทำสิ่งใดกับฟางหยวนในเวลานี้
เขาออกคำสั่งให้คฤหาสน์วิญญาณอมตะโจมตีต่อไป กลีบดอกไม้จำนวนนับไม่ถ้วนโบนบินราวกับพายุ
ท่ามกลางพายุกลีบดอกไม้ นักรบบุปผาวายุจำนวนมากก่อตัวขึ้นและพุ่งเข้าโจมตีวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์
“ไปพิสูจน์ความจงรักภักดีของพวกเจ้าเดี๋ยวนี้” ภายในวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ เฉินอี้ออกคำสั่งสนมอินทรีย์และผีเฒ่าไป่จุนด้วยการแสดงออกที่เย็นชา
ทั้งสองมองหน้ากับด้วยความกังวล
สนมอินทรีย์กล่าวอย่างเคร่งขรึม “ด้วยกำลังของเรา การออกไปต่อสู้ก็เหมือนกับการฆ่าตัวตาย โปรดพิจารณาใหม่ด้วย นายท่านเฉินอี้!”
เฉินอี้หัวเราะเสียงเย็น “หากเจ้าขัดคำสั่งข้า เจ้าจะตายอย่างแน่นอน หากเจ้าออกไป ข้าจะสนับสนุนเจ้า ยังมีความหวังที่จะรอดชีวิต ตราบเท่าที่ข้ากำหราบอสูรวิญญาณแรกกำเนิดในตำนานตัวนี้ได้ทันเวลา ข้าจะให้รางวัลพวกเจ้า พวกเจ้ารู้ว่าข้าคือผู้ใด ข้าจะไม่โกหก จงตัดสินใจภายในเวลาสามลมหายใจ”
ทัศนคติของเฉินอี้แข็งกร้าวมาก ผีเฒ่าไป่จุนและสนมอินทรีย์ต้องเชื่อฟังคำสั่งของเขาเท่านั้น
“บึม บึม บึม…”
ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างดุเดือด
ผีเฒ่าไป่จุนและสนมอินทรีย์เป็นผู้อมตะระดับเจ็ด พวกเขาฉลาดกว่าอสูรวิญญาณแรกกำเนิดโดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเขาต่างเป็นปีศาจอมตะที่เต็มไปด้วยประสบการณ์
ผีเฒ่าไป่จุนและสนมอินทรีย์เป็นฝ่ายเสียเปรียบ แต่พวกเขายังสามารถหยุดยั้งนักรบบุปผาวายุ
อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไปผีเฒ่าไป่จุนและสนมอินทรีย์ก็ได้รับบาดเจ็บมากขึ้นและตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย
เฉินอี้ทำงานหลายอย่างพร้อมกัน เขาต้องกระตุ้นใช้พลังอำนาจของวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์และกำหราบชิงโจว นอกจากนั้นเขายังต้องสังเกตการต่อสู้ เขาลอบยกย่องอยู่ภายใน ‘ท่าไม้ตายนี้น่าทึ่งมาก มันสามารถปลดปล่อยท่าไม้ตายหลายท่าออกมา สิ่งนี้ทำให้มันมีความยึดหยุ่นเหมือนค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้โบราณ นี่ไม่ง่ายเลย!’
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็ใช้พลังอำนาจของวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์โดยการยิงลำแสงไปที่ผีเฒ่าไป่จุนและสนมอินทรีย์
ทั้งสองตกใจมากแต่พวกเขาไม่พบสิ่งผิดปกติ
ตระกูลฟางโจมตีต่อเนื่องโดยไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้น
แต่ระหว่างการต่อสู้ พวกเขากลับตระหนักถึงบางสิ่ง
เมื่อใดก็ตามที่ผีเฒ่าไป่จุนและสนมอินทรีย์ได้รับบาดเจ็บ แสงลึกลับจะส่องประกายขึ้นมาจากร่างกายของพวกเขาและทำให้ความเสียหายของพวกเขาหายไป
“นี่เป็นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งไม้ของวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ มันอนุญาตให้ทุกการโจมตีที่พวกเจ้าได้รับย้ายมาที่วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์” เสียงของเฉินอี้ดังขึ้นในใจของคนทั้งสอง
ผีเฒ่าไป่จุนและสนมอินทรีย์รู้สึกมีความสุขและประหลาดใจ
พวกเขามีความสุขที่ตนเองยังมีคุณค่าสำหรับเฉินอี้ ตอนนี้พวกเขาได้รับความช่วยเหลือแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถต่อสู้ต่อไป
พวกเขาประหลาดใจที่เฉินอี้สามารถควบคุมวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างยอดเยี่ยม เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะของมันไปถึงสองท่าแล้วในระยะเวลาสั้นๆตั้งแต่เขามาถึง ดูเหมือนวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์จะตกอยู่ในมือของเขาแล้ว
“หือ?” ฟางตี้เฉิงสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ในไม่ช้า
ผีเฒ่าไป่จุนและสนมอินทรีย์ต่อสู้โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของตนเอง เมื่อพวกเขาได้รับบาดเจ็บ อาการบาดเจ็บของพวกเขาจะหายไปทันที
‘นี่คือสิ่งใด? ไม่เพียงการโจมตีทางกายภาพแต่วิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลาและห้วงมิติก็ไร้ประโยชน์’
ฟางตี้เฉิงรู้สึกหนักใจ เขาออกคำสั่งผู้อมตะตระกูลฟาง “ใช้ท่าไม้ตายรักษาพวกเขา”
ผู้อมตะตระกูลฟางตกตะลึง พวกเขาต้องช่วยศัตรูงั้นหรือ?
แต่ไม่มีผู้ใดกล้าถามฟางตี้เฉิง ทุกคนรีบทำตามคำสั่งของเขาทันที
วิธีรักษาไม่มีประโยชน์ต่อผีเฒ่าไป่จุนและสนมอินทรีย์
“โอ้ ดูเหมือนจะมีผู้มีความสามารถอยู่ด้วย” ดวงตาของเฉินอี้ส่องประกายเจิดจ้า เขาสามารถบอกได้ว่าฟางตี้เฉิงกำลังตรวจสอบท่าไม้ตายของวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์อยู่ในขณะนี้
‘กระทั่งวิธีรักษาก็ไร้ประโยชน์…’ ฟางตี้เฉิงอนุมานและออกคำสั่งอีกครั้ง “ไม่ต้องสนใจพวกเขา โจมตีวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์โดยตรง!”
ผู้อมตะตระกูลฟางบังคับนักรบบุปผาวายุระเบิดตัวเองและปลดปล่อยท่าไม้ตายจำนวนมากออกไปโจมตีวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์
วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์สั่นสะท้านขึ้นแต่แกนกลางของมันยังไม่ได้รับอันตรายใดๆ
เฉินอี้พยักหน้ากับตนเอง
กลยุทธ์ของฟางตี้เฉิงยอดเยี่ยมมาก เขาสามารถอนุมานความสัมพันธ์ระหว่างผีเฒ่าไป่จุน สนมอินทรีย์ และวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ สุดท้ายจึงตัดสินใจตอบสนองได้อย่างชาญฉลาด
ท่าไม้ตายของผู้อมตะตระกูลฟางที่ปลดปล่อยออกมาผ่านนักรบบุปผาวายุได้รับการสนับสนุนจากเขาวงกตดอกท้อ มิฉะนั้นพวกมันจะไม่สามารถส่งผลกระทบต่อวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์
เฉินอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย ตอนนี้เขายังไม่สามารถควบคุมวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างสมบูรณ์ ในบางแง่มุมเขายังไม่สามารถเปรียบเทียบกับชิงโจว
ชิงโจวสามารถบังคับวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ให้เคลื่อนที่ แต่อำนาจในส่วนนี้ยังอยู่ในมือของชิงโจว ดังนั้นเฉินอี้จึงไม่สามารถบังคับให้วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ขยับเขยื้อน
เฉินอี้สามารถสังหารชิงโจวและฉกชิงอำนาจนี้มา แต่ในกรณีนั้นแผนการของเขาจะหยุดชะงัก
ดังนั้นเฉินอี้จึงพยายามกำหราบชิงโจว หากเขาทำสำเร็จ ไม่เพียงเขาจะได้รับความช่วยเหลือจากชิงโจว เขายังสามารถบังคับวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ให้เคลื่อนที่
ตระกูลฟางเปลี่ยนกลยุทธ์ทำให้พวกเขากลายเป็นฝ่ายได้เปรียบ
ผีเฒ่าไป่จุนและสนมอินทรีย์ถูกเพิกเฉย
ทั้งสองมีเป้าหมายของตนเองเช่นกัน พวกเขาถูกเฉินอี้ควบคุมตั้งแต่แรก ตอนนี้ตระกูลฟางไม่สนใจพวกเขา มันทำให้พวกเขามีความสุข พวกเขาพยายามรักษาความแข็งแกร่งและไม่เข้าไปยุ่งกับการต่อสู้ของทั้งสองฝ่าย
วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์โจมตีตระกูลฟางเป็นเวลาหลายนาทีก่อนที่คิ้วของเฉินอี้จะคลายตัวลง
หลังจากไม่นานเขาก็สามารถควบคุมวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ได้มากขึ้น
‘น่าเสียดายที่มันไม่ใช่วิธีป้องกัน แต่หากข้าใช้วิธีนี้ ข้าจะสามารถเปลี่ยนสถานการณ์ได้เช่นกัน’ เฉินอี้คิด
ท่าไม้ตายอมตะสายฟ้าแห่งชีวิต!
วินาทีถัดมาวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ก็สั่นสะท้านขึ้น สายฟ้าสีเขียวปะทุขึ้นรอบๆวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์
“เปรี้ยง เปรี้ยง…”
ภายใต้การปะทุขึ้นของสายฟ้า นักรบบุปผาวายุถูกทำลายลงอย่างต่อเนื่อง
“ท่าไม้ตายนี้!” ดวงตาของฟางตี้เฉิงเปลี่ยนเป็นน่ากลัว
สายฟ้าแห่งชีวิตไม่เพียงทำลายนักรบบุปผาวายุแต่มันยังทำลายเขาวงกตดอกท้อ
แม้พวกเขาจะสามารถเติมเต็มต้นท้อเหล่านั้น แต่สถานที่ที่ถูกสายฟ้าทำลายกลับมีต้นสนเติบโตขึ้นและหยั่งรากลึกอยู่ที่นั่น
สายฟ้าแห่งชีวิตค่อยๆสร้างป่าโปร่งขึ้นรอบๆวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์
แม้มันจะไม่สามารถเปรียบเทียบกับเขาวงกตดอกท้อแต่มันสามารถต่อต้านเขาวงกตดอกท้อ
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1526 โจมตีเฉินอี้
แปลโดย iPAT
‘ช่างเป็นท่าไม้ตายที่พิศวงนัก ชีวิตและความตายหลอมรวมเป็นหนึ่ง เขาวงกตดอกท้อคือไพ่ตายของตระกูลฟาง แต่มันกลับถูกต่อต้าน หากสิ่งนี้ยังดำเนินต่อไป เขตแดนจะพังทลายในที่สุด!’ ฟางตี้เฉิงลอบตกใจ
หากท่าไม้ตายเขตแดนอมตะถูกทำลาย คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง พวกมันจะได้รับความเสียหายครั้งใหญ่
เดิมทีฟางตี้เฉิงมั่นใจในพลังอำนาจของเขาวงกตดอกท้อแต่ตอนนี้เขารู้สึกว่ามันกำลังจะถูกทำลาย
‘สมกับเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์!’ ฟางตี้เฉิงถอนหายใจ
แต่มันก็ทำให้จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของผู้อมตะตระกูลฟางพุ่งทะยานขึ้น
“เราจะใช้รูปแบบที่สาม!” ฟางตี้เฉิงออกคำสั่ง
ผู้อมตะตระกูลฟางทำตามอย่างเชื่อฟัง นักรบบุปผาวายุทั้งหมดระเบิดตัวเอง ดอกไม้และใบไม้ร่วงหล่นลงจนเหลือเพียงกิ่งก้านที่ว่างเปล่า
เมื่อสายฟ้าแห่งชีวิตตกกระทบลงบนป่าต้นท้อเหล่านี้ พลังงานส่วนใหญ่ของมันก็ถูกต้นท้อดูดซับเข้าไปเป็นสารอาหารให้กับตัวมันเอง
“โอ้ ท่าไม้ตายนี้…” ดวงตาของเฉินอี้ส่องประกายขึ้น
เขาสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้ในที่สุด
ท่าไม้ตายที่สามของเขาวงกตดอกท้อดูดกลืนพลังอำนาจของสายฟ้าแห่งชีวิตเข้าไป แม้มันจะไม่สามารถแก้ปัญหาทั้งหมด แต่มันยังสามารถถ่วงเวลาและรักษาเสถียรภาพ
หลังจากใช้ท่าไม้ตายทั้งสามท่าของวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ เฉินอี้ก็ยังไม่สามารถทำสิ่งใดได้มากนัก
“โอ้ ไม่ ชิงโจวยังคงต่อต้านข้า ข้าต้องกดดันมันมากขึ้นและใช้วิธีที่สี่ของวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ แต่นั่นต้องใช้เวลาค่อนข้างมาก ตระกูลฟางย่อมไม่ให้โอกาสข้า!”
เฉินอี้รู้สึกกังวลเล็กน้อย
ตอนนี้เขาทำงานหลายอย่างพร้อมกันไม่ว่าจะเป็นการปราบปรามชิงโจว ควบคุมวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ และเผชิญหน้ากับการโจมตีของตระกูลฟาง
เขาอยู่ในวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์และไม่สามารถโจมตีได้อย่างอิสระ วิธีการส่วนใหญ่ของเขาขัดแย้งกับคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดหลังนี้
ดังนั้นความสามารถทั้งหมดของเขาจึงถูกผนึกเอาไว้
ด้านตระกูลฟาง ฟางตี้เฉิงไม่ได้ส่งผู้อมตะตระกูลฟางออกไปต่อสู้แต่ใช้คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามหลังโจมตีวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์จากสามทิศทาง
“บึม บึม บึม”
วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง วิญญาณระดับมนุษย์จำนวนมากถูกทำลายลงอย่างต่อเนื่อง ในไม่ช้ากระทั่งวิญญาณอมตะก็เริ่มได้รับความเสียหาย
ใบหน้าของผีเฒ่าไป่จุนและสนมอินทรีย์กลายเป็นซีดเผือดด้วยความกตกใจแต่พวกเขาก็ไม่สามารถเข้าแทรกแซง
เฉินอี้เข้าใจความคิดของทั้งสองและเรียกพวกเขากลับเข้าไปในวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง
พวกเขาไม่สามารถต่อต้านการโจมตีจากคฤหาสน์วิญญาณอมตะด้วยร่างกายที่เปลือยเปล่า มันไม่มีประโยชน์ที่จะเสียสละคนทั้งสองในเวลานี้ ตรงข้ามพวกเขาจะมีประโยชน์เมื่อตระกูลฟางบุกเข้ามาในวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์
เวลา!
เฉินอี้ต้องการเวลา
หากเขามีเวลาเพียงพอ เขาจะสามารถควบคุมวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์และกำหราบชิงโจวได้อย่างสมบูรณ์ เมื่อเวลานั้นมาถึงเขาจะสามารถพลิกสถานการณ์
หากนี่เป็นการต่อสู้ทั่วไป ฝ่ายตรงข้ามอาจตกลงสู่หลุมพรางของเฉินอี้ แต่ตอนนี้เขากำลังเผชิญหน้ากับปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งปัญญาฟางตี้เฉิงที่สามารถอนุมานแผนการของเฉินอี้
เฉินอี้ถอนหายใจด้วยความรู้สึกขมขื่น ผู้นำของตระกูลฟางฉลาดมาก แผนการของเขาไม่สามารถดำเนินการต่อ
ทว่าแม้จะอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของนิกายบัวสวรรค์ก็ไม่ท้อแท้
เพราะเขายังมีวิธีเหลืออยู่
ท่าไม้ตายอมตะต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรม!
ในเวลาต่อมาเฉินอี้ก็ปลดปล่อยกลิ่นอายที่ทรงพลังออกมา ควันสีเขียวปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของเขาและก่อตัวเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรม
เมื่อต้นไม้ต้นนี้ปรากฏขึ้น วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ก็เริ่มสั่นสะเทือนราวกับมันกำลังตอบรับเฉินอี้
ในเวลาเดียวกันเฉินอี้ก็สามารถยึดครองวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ได้เร็วขึ้น แรงกดดันที่เขาปล่อยออกมาส่งผลกระทบต่อชิงโจวมากขึ้นเช่นกัน
ชิงโจวรู้สึกไม่ดี ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรมกำลังคุกคามมันอย่างหนักโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผลไม้ที่เน่าเสียใบใหญ่กำลังเติบโตขึ้น
ผลไม้ผลนี้ปล่อยควันสีดำออกมาขณะที่รูปร่างของมันค่อยๆกลายเป็นใบหน้าของชิงโจว
ชิงโจวถือกำเนิดขึ้นด้วยอิทธิพลของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรม เมื่อเห็นสิ่งนี้มันรู้สึกว่าเมื่อควันสีดำหยุดลง มันจะถูกกำหราบอย่างสมบูรณ์
มันจะปล่อยให้เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร?
เป็นไปไม่ได้!
“โฮก…’
ชิงโจวคำรามด้วยความโกรธ
ดวงตาสีแดงก่ำของมันจ้องมองไปที่เฉินอี้ด้วยความเดือดดาล ปากของมันอ้าออกขณะที่มันส่งเสียงคำรามออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง
“เหลือเชื่อ! สมกับเป็นอสูรวิญญาณแรกกำเนิดในตำนาน ชิงโจวรักษาความแข็งแกร่งของมันมาตลอด ตอนนี้ข้าใช้ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรมทำให้มันไม่มีทางเลือกนอกจากต้องตอบโต้!” เฉินอี้ตกใจมาก
ชิงโจวมีสามารถในการวางแผนและพยายามพลิกสถานการณ์
เฉินอี้รีบปราบปรามมัน
ร่างของชิงโจวสั่นสะท้านขึ้น แขนขาของมันถูกกดลงบนพื้นและจมลงไปอย่างรวดเร็ว
แต่ต่อมากลิ่นอายของวิญญาณอมตะก็ปะทุขึ้นจากร่างกายของมัน
มันใช้ท่าไม้ตายอมตะ!
มันถือกำเนิดขึ้นจากดวงวิญญาณของมนุษย์ มันสามารถบ่มเพาะและใช้ท่าไม้ตายอมตะ
ก่อนหน้านี้เพราะการปรากฏตัวของฟางหยวนทำให้มันตกอยู่ในสภาวะบ้าคลั่งและไม่ได้ใช้กลยุทธ์ใดๆ แต่เผชิญหน้ากับเฉินอี้ มันสามารถคิดและใช้วิธีที่เหมาะสมที่สุด
ชิงโจวต่อต้านอย่างรุนแรง
เฉินอี้สูดหายใจลึก ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นซีดขาว เขากัดฟันและพยายามใช้งานต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรมต่อไป
ชิงโจวรู้สึกกดันมาก มันคำรามและกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะครั้งที่สอง
ด้วยเหตุนี้ทั้งสองจึงตกอยู่ในสภาวะชะงักงัน
“เจ้าต้องการให้ข้าเป็นทาส เจ้ากำลังฝันไป!” ชิงโจวคำรามและปลดปล่อยท่าไม้ตายสุดท้าย
ด้วยการใช้วิญญาณอมตะป้ายคำสั่งอสูรวิญญาณระดับแปดเป็นแกนกลาง แสงสว่างปะทุขึ้นอย่างรุนแรง
ท่าไม้ตายอมตะที่ไม่รู้จักสร้างคลื่นแสงระเบิดออกไปนอกวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ผ่านเขาวงกตดอกท้อและกลืนกินทะเลทรายผีเขียวเข้าไปทั้งหมด!
ทะเลทรายผีเขียวที่เคยเงียบงันเกิดการสั่นสะเทือนขึ้นทันที
ต่อมาร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณจำวนนับไม่ถ้วนก็ปะทุขึ้นจากทะเลทรายผีเขียว
“โฮก…”
อสูรวิญญาณทั้งหมดรู้สึกถึงเสียงเรียกของชิงโจวและออกมาเป็นกำลังเสริมให้มัน
การแสดงออกของผู้อมตะตระกูลฟางเปลี่ยนไป
“โอ้ ไม่ ท่าไม้ตายนี้ส่งผลกระทบต่อทะเลทรายผีเขียวทั้งหมด!”
“ทะเลทรายผีเขียวมีอสูรวิญญาณอยู่นับไม่ถ้วน แต่ท่าไม้ตายนี้กลับทำให้พวกมันตอบสนองได้จริงๆ!”
“เขาวงกตดอกท้อเป็นท่าไม้ตายเขตแดนอมตะ มันควรแยกออกจากโลกภายนอก แต่มันกลับไม่สามารถปิดกั้นท่าไม้ตายนี้!”
ขวัญกำลังใจของผู้อมตะตระกูลฟางร่วงหล่นลงทันที ทุกคนต่างตกอยู่ในความกังวล
“ข้ารู้แล้ว!” ฟางตี้เฉิงอนุมานอย่างรวดเร็ว “อสูรวิญญาณแรกกำเนิดที่อยู่ในวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ถือกำเนิดขึ้นจากดวงวิญญาณของคนตระกูลชิงในอดีต มันมีสติปัญญา นั่นทำให้มันกลายเป็นอสูรวิญญาณแรกกำเนิดในตำนาน ทะเลทรายผีเขียวถูกสร้างขึ้นโดยเทพปีศาจจิตวิญญาณจากการกวาดล้างตระกูลชิง ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณถูกทิ้งไว้เบื้องหลังสภาพแวดล้อมนี้!”
“กล่าวได้ว่าทะเลทรายผีเขียวเป็นท่าไม้ตายเขตแดนที่ไม่สมบูรณ์ อสูรวิญญาณแรกกำเนิดในตำนานตัวนี้เป็นเจ้าของท่าไม้ตายนี้ ตอนนี้มันกำลังกระตุ้นใช้งานร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณทั้งหมดในทะเลทรายผีเขียวและทำให้มันกลายเป็นท่าไม้ตายอมตะที่น่าสะพรึงกลัว อสูรวิญญาณจำนวนมหาศาลจะโจมตีพวกเรา เขาวงกตดอกท้อจะพังทลายลงในที่สุด!”
ฟางตี้เฉิงเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งปัญญาที่แท้จริง เขาค้นพบความจริงบางส่วนที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ได้ในที่สุด
เขาออกคำสั่งให้ทุกคนโจมตีอย่างไม่หยุดยั้ง ตระกูลฟางต้องแข่งกับเวลา!
พวกเขาต้องบุกเข้าไปในวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์และสังหารชิงโจวเพื่อแก้ไขสถานการณ์
ขณะเดียวกันเฉินอี้ก็ต้องการต่อต้านตระกูลฟางและกำหราบชิงโจว เขาต้องแข่งขันกับเวลาเช่นกัน
ด้านชิงโจว มันไม่ต้องการตกเป็นทาส มันพยายามต่อต้าน แต่ท่าไม้ตายสุดท้ายของมันที่ใช้วิญญาณอมตะป้ายคำสั่งอสูรวิญญาณเป็นแกนกลางต้องใช้เวลาเพื่อให้เกิดผลลัพธ์
ทั้งสามฝ่ายติดอยู่ในสภาวะชะงักงัน
การต่อสู้มาถึงจุดสำคัญแล้ว แต่ฝ่ายใดจะได้รับชัยชนะ?
“บึม!”
เป็นเพียงเวลานี้ที่ประตูทางเข้าวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ถูกทำลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“บุกเข้าไป!” ดวงตาของฟางตี้เฉิงส่องประกายขึ้น เขาตะโกนออกคำสั่งเสียงดัง
ผู้อมตะระดับเจ็ดของตระกูลฟางหลายคนบินเข้าไป
เมื่อพวกเขาไปถึง พวกเขาก็ตกตะลึงเล็กน้อย
เฉินอี้ ผีเฒ่าไป่จุน สนมอินทรีย์ และชิงโจวปรากฏตัวอย่างไม่ต้องสงสัย ขณะเดียวกันความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดูค่อนข้างซับซ้อน
โดยเฉพาะเฉินอี้ เขาปลดปล่อยกลิ่นอายของผู้อมตะระดับแปดออกมา นี่เป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก
เฉินอี้หัวเราะ เขามองผู้อมตะตระกูลฟางด้วยความรังเกียจ “รนหาที่ตาย!”
ฟางตี้เฉิงที่อยู่ด้านหลังก่นเสียงเย็นและออกคำสั่ง “ฆ่า! คนผู้นี้กำลังทำงานหลายอย่าง เขาไม่สามารถทำสิ่งใดกับพวกเรา!”
ผู้อมตะตระกูลฟางพุ่งเข้าโจมตีทันที
ผีเฒ่าไป่จุนและสนมอินทรีย์ไม่มีทางเลือกนอกจากป้องกัน แต่ผู้อมตะตระกูลฟางมีจำนวนมากกว่าและยังพุ่งเป้าไปที่เฉินอี้
แน่นอนว่าพวกเขาต้องกำจัดผู้อมตะระดับแปดเป็นอันดับแรก!
“รับนี่!”
“แม้จะเป็นผู้อมตะระดับแปดก็ต้องตาย!”
“ยอมรับความตายซะ!”
ฟางฮั่วเฉิงนำกลุ่มผู้อมตะของตระกูลฟางปลดปล่อยท่าไม้ตายที่ทรงพลังออกมา
เฉินอี้ยืนอยู่ที่จุดเดิมโดยไม่ขยับเขยื้อนและปล่อยให้ท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ดทั้งหมดโจมตีเขา
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1527 การต่อสู้ของระดับแปด
แปลโดย iPAT
“บึม บึม บึม…”
ผู้อมตะระดับเจ็ดของตระกูลฟางปลดปล่อยพลังของพวกเขาและโจมตีเฉินอี้
สายฟ้าแลบลั่น แสงสว่างส่องประกายไปทั่ววังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์
กระแสลมกรรโชกแรง แต่เฉินอี้ยังยืนยิ่งโดยไม่ขยับเขยื้อน
ร่างกายของเขาปกคลุมไปด้วยเปลือกไม้และไม่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีของผู้อมตะตระกูลฟาง
“การป้องกันแข็งแกร่งนัก!” ไม่เพียงผู้อมตะระดับเจ็ดที่ตกใจ กระทั่งรูม่านตาของฟางตี้เฉิงยังหดเล็กลง
“เขาเป็นผู้อมตะระดับแปดชั้นแนวหน้า โจมตีต่อไป!” ผู้อมตะตระกูลฟางไม่รู้สึกหดหู่ ฟางฮั่วเฉิงตะโกนและนำสมาชิกตระกูลฟางโจมตีอย่างไม่หยุดยั้ง
“บึม บึม บึม”
เฉินอี้ไม่สามารถหลบหรือหลีกหนี เขารับการโจมตีทั้งหมดเอาไว้โดยตรง
หลังจากการระเบิดจบลง ร่างกายของเขายังถูกปกคลุมไปด้วยเปลือกไม้และกระทั่งแน่นหนากว่าก่อนหน้า
ฟางตี้เฉิงหรี่ตามอง ในที่สุดเขาก็จดจำเฉินอี้ได้ “ดังนั้นเจ้าก็คือผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของนิกายบัวสวรรค์ เฉินอี้ ไม่แปลกใจเลยที่เจ้ามีวิธีป้องกันที่น่าเหลือเชื่อเช่นนี้”
เฉินอี้ ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งจากหนึ่งในสิบนิกายโบราณของภาคกลาง!
แม้ตระกูลฟางจะอยู่ในทะเลทรายตะวันตก แต่พวกเขาก็มีข้อมูลเกี่ยวกับภูมิภาคอื่น
เมื่อตระหนักถึงตัวตนของเฉินอี้จากฟางตี้เฉิง หัวใจของผู้อมตะตระกูลฟางก็จมดิ่งลง
พวกเขารู้สึกกดดัน
ชื่อเสียงของผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของนิกายบัวสวรรค์ทำให้ขวัญกำลังใจของผู้อมตะตระกูลฟางตกต่ำลง
“วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์เป็นของบรรพชนบัวสวรรค์ แต่ตระกูลฟางกลับต้องการฉกชิงมันโดยไม่แยแสต่อภาคกลางงั้นหรือ?” เฉินอี้กล่าวเย้ยหยัน
ผู้อมตะระดับเจ็ดของตระกูลฟางมองหน้ากัน พวกเขาตกตะลึงกับทัศนคติของเฉินอี้
“ฮืม เทพอมตะบัวสวรรค์ทิ้งวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ไว้ในทะเลทรายตะวันตก นั่นหมายความว่ามันเป็นของทะเลทรายตะวันตก เจ้าเป็นเพียงผู้สืบทอด เจ้ากล้าดีอย่างไรมาบิดเบือนการตัดสินใจของบรรพชนของตนเอง?” ฟางตี้เฉิงหัวเราะคิกคัก เขามีความเชี่ยวชาญในการโต้เถียงในฐานะปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งปัญญา เขาจะไม่พ่ายแพ้ในการต่อสู้เช่นนี้
เฉินอี้หัวเราะ “ไร้ประโยชน์ ท่าไม้ตายอมตะสายป้องกันของข้าเรียกว่าเกราะเปลือกไม้ ยิ่งการโจมตีทรงพลังเท่าใด มันก็ยิ่งแข็งแกร่งเท่านั้น หากไม่ทำลายมันในครั้งเดียว มันจะแข็งแกร่งขึ้น!”
เฉินอี้เปิดเผยท่าไม้ตายของตนเองออกมาโดยตรงแต่ถ้อยคำของเขาก็ทำให้จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของศัตรูลดลง
อย่างไรก็ตามในจังหวะนี้กลับเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น
เสียงแหบแห้งดังขึ้นอย่างกะทันหัน “ให้ตาแก่ผู้นี้ลองดู”
ผู้อมตะระดับเจ็ดผู้หนึ่งก้าวออกไปข้างหน้า
รูปลักษณ์ของเขาเปลี่ยนจากเด็กหนุ่มเป็นชายชรากล้ามโตและมีเส้นผมสีขาว เขายกกำปั้นขึ้นและชกไปที่ใบหน้าของเฉินอี้อย่างรวดเร็ว
หัวใจของเฉินอี้เต้นแรงขึ้น เขารู้สึกถึงร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางความแข็งแกร่งจากหมัดที่พุ่งเข้ามา
การแสดงออกของเฉินอี้เปลี่ยนไป เขาไม่สามารถหลบและต้องรับมันไว้เท่านั้น
หมัดปะทะใบหน้าของเฉินอี้ด้วยพละกำลังอันน่าสะพรึงกลัว
เฉินอี้ถูกส่งลอยออกไปราวกับกระสุนปืนใหญ่และพุ่งชนกำแพงวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ เขาไม่ล้มลงบนพื้นแต่ถูกฝังไว้ในผนัง
“พรวด!”
เฉินอี้กระอักเลือดออกมา ศีรษะของเขาแทบพังทลาย แต่แสงสีเขียวก็ส่องประกายขึ้นบนร่างของเขาและรักษาอาการบาดเจ็บของเขาอย่างรวดเร็ว
สำหรับท่าไม้ตายเกราะเปลือกไม้ มันถูกชายชราผู้นี้ทุบทำลายในหมัดเดียว
“ฟางกง ในฐานะผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลฟาง ผู้อมตะระดับแปด เจ้ากลับลอบโจมตี ช่างไร้ยางอายนัก!” เฉินอี้ตะโกนออกมาด้วยความโกรธ
เขาเปิดเผยตัวตนของชายชราผู้นี้ทันที
ฟางกง ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลฟาง!
‘ฟางกงบ่มเพาะบนเส้นทางความแข็งแกร่ง ท่ามกลางผู้อมตะระดับแปดของห้าภูมิภาค เขาเป็นตัวตนที่หาได้ยาก’
‘คนผู้นี้ปกปิดตัวเองได้อย่างแนบเนียน เขาอยู่กับพวกเรามาตลอด ตระกูลฟางช่างมุ่งมั่นนัก พวกเขากระทั่งนำผู้อมตะระดับแปดมาที่นี่ด้วย!’
‘ก่อนหน้านี้การโจมตีระดับเจ็ดเป็นเพียงการล่อลวง นี่ต้องเป็นแผนการของฟางตี้เฉิงอย่างแน่นอน’
ฟางหยวนที่เฝ้ามองสถานการณ์อยู่ค่อนข้างตกใจกับเรื่องนี้
ผู้อมตะระดับแปดของตระกูลฟางปดปิดตัวตนและใช้วิธีลอบโจมตี นี่เป็นเรื่องไร้ยางอายเกินไปจริงๆ
หากข่าวนี้แพร่กระจายออกไป ชื่อเสียงของพวกเขาจะถูกทำลาย
แต่การลอบโจมตีของตระกูลฟางก็มีประสิทธิภาพมาก มันทำให้สถานการณ์พลิกกลับทันที
ทางตันถูกทำลาย
ตอนนี้ตระกูลฟางกลายเป็นฝ่ายควบคุมสถานการณ์
เฉินอี้สูญเสียการควบคุมวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ไปครึ่งหนึ่ง นี่ทำให้เขารู้สึกแย่มาก
แต่เขายังมีโอกาส อาการบาดเจ็บของเขาไม่รุนแรงนัก
เกราะเปลือกไม้ของเฉินอี้พังทลาย แต่เขายังสามารถใช้ท่าไม้ตายของวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์เพื่อโอนย้ายความเสียหายของตนเองไปที่วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์
“ครืน…”
วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์เกิดรอยแตกร้าวขึ้นบนผนังและลุกลามไปถึงหลังคา
เสาขนาดใหญ่หลายต้นแตกหักและกลายเป็นกองซากศพของวิญญาณจำนวนมาก
หัวใจของฟางหยวนเต้นแรงขึ้น เขาคิด ‘การโจมตีของฟางกงช่างทรงพลังนัก แม้มันจะดูเหมือนการชกทั่วไป แต่แท้จริงแล้วมันปกปิดกลิ่นอายเอาไว้ ดังนั้นความเสียหายที่เฉินอี้ได้รับจึงถูกส่งต่อไปยังวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์’
ฟางหยวนยังคิดต่อ ‘แน่นอนว่านี่เป็นเพราะวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ใช้วิธีป้องกันตัวใดๆ มันถูกโจมตีจากภายใน ดังนั้นความเสียหายของมันจึงรุนแรงขึ้นระดับนี้’
“โฮก…”
ขณะที่เสาขนาดใหญ่ของวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์พังทลายลง เสียงคำรามของชิงโจวก็ดังขึ้น
วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ดังนั้นชิงโจวที่ถูกกำหราบจึงได้รับผลประโยชน์จากเรื่องนี้เช่นกัน
มันเงยหน้าและพยายามลุกขึ้นอีกครั้ง
“หุบปาก!” ฟางกงขมวดคิ้วและกระโดดไปทางชิงโจว
ชิงโจวคำรามและเผชิญหน้ากับฟางกง
“บึม!”
ทั้งสองปะทะกัน ชิงโจวกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดเมื่อร่างที่เหมือนภูเขาของมันถูกส่งลอยห่างออกไปโดยฟางกงที่ดูเหมือนมด
ฟางกงสูดหายใจก่อนจะกระโดดไปข้างหน้าอีกครั้ง
ชิงโจวเป็นอสูรวิญญาณแรกกำเนิดในตำนาน แต่มันกลับพ่ายแพ้การต่อสู้ทางกายภาพ
‘ผู้ใดเป็นสัตว์ประหลาดในตำนานกันแน่?’ ฟางหยวนตกตะลึง
เฉินอี้ขมวดคิ้วคิด ‘ฟางกงช่างทรงพลังนัก ข้าไม่สามารถปล่อยให้เขาควบคุมสถานการณ์!’
“รับการโจมตีของข้า!” เฉินอี้เข้าร่วมการต่อสู้และสนับสนุนชิงโจว
ฟางกงสามารถปราบปรามชิงโจวแต่การแทรกแซงของเฉินอี้ทำให้ความได้เปรียบของเขาหายไป
หากเฉินอี้ร่วมมือกับชิงโจว ฟางกงจะไม่สามารถแข่งขันกับพวกเขา
‘ฟางกงบ่มเพาะบนเส้นทางความแข็งแกร่ง เขามีข้อได้เปรียบอย่างมากในสนามรบนี้ สำหรับข้า ข้าสามารถปลดปล่อยทักษะของข้าได้เพียงหกสิบส่วนเท่านั้น’
เฉินอี้รู้สึกขมขื่น
วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ ในการต่อสู้ของตัวตนระดับแปด ไม่มีผู้ใดสามารถเข้าแทรกแซง
ความแตกต่างระหว่างระดับเจ็ดกับระดับแปดยิ่งใหญ่เกินไป
ผู้อมตะระดับเจ็ดของตระกูลฟางต้องล่าถอยออกมาที่เขาวงกตดอกท้อ
ด้านหนึ่งพวกเขาต่อสู้กับผีเฒ่าไป่จุนและสนมอินทรีย์ ในทางกลับกันพวกเขายังต้องกำจัดอสูรวิญญาณจำนวนมาก
‘สถานการณ์ค่อนข้างเลวร้าย!’ การแสดงออกของฟางตี้เฉิงกลายเป็นน่าเกลียด ‘เขตแดนเขาวงกตดอกท้อกำลังจะพังทลาย อสูรวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังวิ่งมาที่นี่ พวกมันมีมากเกินไป แต่ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งยังต่อสู้อยู่ภายใน ตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไร?’
แม้ฟางตี้เฉิงจะเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งปัญญา แต่เขาก็ยังเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด เขาไม่สามารถแก้ปัญหานี้
เมื่อเวลาผ่านไป การวิเคราะห์ของฟางตี้เฉิงก็กลายเป็นความจริง
เขาวงกตดอกท้ออ่อนแอลงเรื่อยๆ ช่องโหว่เริ่มปรากฏขึ้นในบางพื้นที่และสามารถมองเห็นทะเลทรายที่อยู่ด้านนอก
อสูรวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนถูกเรียกมาโดยวิญญาณอมตะป้ายคำสั่งอสูรวิญญาณระดับแปด
ผีเฒ่าไป่จุนและสนมอินทรีย์รู้สึกกดดันมาก พวกเขาไม่กล้าจากไปและทำได้เพียงป้องกันตัวเองเท่านั้น
‘สิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้คือวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์’ ฟางหยวนเปิดเปลือกตาและค่อยๆลุกขึ้นยืน เขาเข้าใจสถานการณ์อย่างชัดเจน
ภายในวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ ผู้อมตะระดับแปดสมคนกำลังต่อสู้กันอยู่
ชิงโจวคำราม ฟางกงเคร่งขรึม เฉินอี้ขมขื่น
แม้พวกเขาจะยับยั้งพลังทำลายล้างของตนเองเอาไว้ แต่มันยังส่งผลกระทบต่อวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์และทำให้คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดหลังนี้กำลังจะแตกสลาย
หากวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์พังทลายลง แล้วพวกเขาจะต่อสู้กันเพื่อสิ่งใด? สิ่งที่พวกเขาต้องการมีเพียงวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์!
“ข้าจะช่วยตระกูลฟางของเจ้าให้ได้รับคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้!” เป็นเพียงเวลานี้ที่ฟางหยวนกล่าวกับฟางตี้เฉิง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น