คัมภีร์วิถีเซียน 1524-1525
ตอนที่ 1524 หลอมภูเขาเทวะ
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ หานลี่ก็เข้าไปในห้องลับ นั่งสมาธิลง กวาดตามองไปรอบๆ
ผลคือรูม่านตาหดเล็กลงเล็กน้อย
คาดไม่ถึงว่าเขาจะกำลังมองก้อนหินสีเทาขาวสามก้อนอยู่ตรงมุมหนึ่งของห้องลับ
นั่นคือเศษหินประหลาดที่เขาได้มาจากถ้ำพำนักของมังกรวารีสีฟ้าในทะเลเมื่อหลายปีก่อน ครานั้นเจ้าสิ่งนี้ถูกเขาใช้แมลงกลืนทองจัดการ แต่เป็นเพราะยุ่งอยู่กับการฝึกฝน ครานั้นจึงไม่ได้สนใจจะจัดการกับสมบัติชิ้นนี้
จะว่าไปแล้วเจ้าสิ่งนี้ดูพิสดารมาก เดิมทีหานลี่คิดจะใช้มันหลอมสมบัติที่มีอานุภาพบริสุทธิ์ชิ้นหนึ่ง แต่ต่อมาเมื่อแมลงกลืนทองกลืนก้อนหินเหล่านี้ไปกลับเกิดความเปลี่ยนแปลงที่คาดมิถึงขึ้น
นี่จึงทำให้หานลี่รู้สึกลังเลไปเล็กน้อย
สิ่งที่ทำให้แมลงกลืนทองกลายพันธุ์ได้อีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าเจ้าสิ่งนี้นั้นล้ำค่าขนาดไหน ทว่าการกลายพันธุ์ของแมลงวิญญาณนั้นก็ไม่แน่ว่าจะเป็นเรื่องที่ดี หลังจากลายพันธุ์แล้วแม้ว่าส่วนใหญ่จะมีพลังเพิ่มขึ้น แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่กลายพันธุ์แล้วอ่อนแอลง
เบื้องต้นแมลงกลืนทองพันกว่าตัวที่กลายพันธุ์ของหานลี่ นอกจากจะมีร่างกายที่แข็งแกร่งขึ้นและน้ำหนักมากขึ้นแล้ว อย่างน้อยที่สุดหานลี่ก็ไม่ได้พบความมหัศจรรย์ด้านอื่น
และยิ่งไปกว่านั้นโดยปกติแล้วแมลงวิญญาณกลายพันธุ์แล้วครั้งหนึ่ง ย่อมกลายพันธุ์ครั้งที่สองได้ยาก
ดังนั้นตอนนั้นเขาจึงไม่ได้ให้แมลงวิญญาณโตเต็มวัยทั้งหมดกลืนเจ้าสิ่งนี้ไป สุดท้ายแล้วก็ตัดสินได้ยากว่าเจ้าสิ่งนี้มีประโยชน์อย่างไร
ทว่าครานี้เขาพลันได้ยินเรื่องเกี่ยวกับราชันย์แมลงกลืนทองมาจากชายชราแซ่เจียง ภายใต้ความตื่นเต้นดีใจนั้น จึงไม่มีทางปล่อยให้แมลงกลืนทองกลายพันธุ์ง่ายๆ แล้ว มิเช่นนั้นหากวันข้างหน้าได้วิธีเลี้ยงดูมา แต่เป็นเพราะการกลายพันธุ์จนทำให้ไม่อาจเลี้ยงดูราชันย์มแลงได้ แน่นอนว่าย่อมต้องขัดเคือง
และยิ่งไปกว่านั้นการออกไปครั้งนี้ หานลี่ก็ได้วิธีการจัดการก้อนหินประหลาดเหล่านี้ที่ดียิ่งกว่ามาด้วย
แววตาของหานลี่มีลำแสงสีฟ้าฉายยวาบผ่าน ชูมือขึ้น ยื่นมือสีดำสนิทราวกับน้ำหมึกข้างหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ
นิ้วทั้งห้าสั่นเทาเล็กน้อย ใจกลางฝ่ามือมีลำแสงสีดำสว่างวาบ ภูเขาน้อยๆ ขนาดสองสามชุ่นปรากฎขึ้น
ภูเขาลูกแผ่ลำแสงสีเทาออกมาในชั่วพริบตา กลายเป็นขนาดสองสามจั้ง สีดำสนิทตั้งตระหง่านอยู่กลางอากาศต่ำๆ เบื้องหน้า
ลำแสงสีทองบนร่างสว่างวาบ เงาลวงตาสามหัวหกแขนที่แผ่นหลังของหานลี่ปรากฎขึ้น ปากก็ตะโกนต่ำๆ ออกมา รูปปั้นหกแขนตะปบไปทางก้อนหินที่อยู่ตรงมุมห้องพร้อมกัน
หากเป็นสองสามปีก่อนคราที่หานลี่ยังไม่ได้ผสานโลหิตเที่ยงแท้ของวิหคคุนเผิงและนกยูงห้าสีเข้าไปในร่าง เกรงกว่าการตะปบไปกลางอากาศครั้งนี้ คงไม่อาจรบกวนก้อนหินสีเทาขาวได้
แต่ครานี้เขาไม่เพียงมีพลังยุทธ์เพิ่มขึ้นไปในระดับเทพแปลงขั้นปลาย ระดับความแข็งแกร่งของกายเนื้อก็เพิ่มมขึ้นเพราะโลหิตเที่ยงแท้ทั้งสองชนิดนี้อีกด้วย
ดังนั้นเมื่อตะปบออกไป ก้อนหินก้อนหนึ่งพลันสั่นเทา ห้องลับทั้งห้องสั่นเทา แล้วค่อยๆ ลอยขึ้น บินมาทางหานลี่
หานลี่เห็นเช่นนั้น นิ้วทั้งห้าบนฝ่ามือสีดำพลันหงิกงอเล็กน้อย ชั่วขณะนั้นภูเขาเทวะดูดปราณเบื้องห้าก็เปล่งแสงสีเทาออกมา หมอกเส้นไหมสีเทาจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมา คาดไม่ถึงว่าจะพันรัดก้อนหินสีเทาขาวที่บินเข้ามาเอาไว้อย่างแน่นหนาไร้ช่องโหว่
แขนสีทองทั้งหกของรูปปั้นพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์มารเที่ยงแท้ที่แผ่นหลังเคลื่อนไหวขึ้นพร้อมกัน
ก้อนหินสีเทาพุ่งไปหาภูเขาน้อยๆ สีดำลูกนั้น
ครานี้หานลี่พลันขมวดคิ้วไปเล็กน้อย ปากบริกรรมคาถาออกมา ในเวลาเดียวกันก็ชี้ไปยงั
ภูเขาขนาดย่อมด้วยความเคร่งขรึม
ชั่วขณะนั้นภูเขาเทวะดูดปราณพลันขยายใหญ่ขึ้น หน้าก้อนหินสีเทาขาวมีรูขนาดใหญ่ปรากฎขึ้น ด้านในมีลำแสงสีเทานับหมื่นสาย
นี่คือสิ่งที่หานลี่หลอมภูเขาลุกนี้เข้ากับฝ่ามือของตนเอง จนสามารถควบคุมได้ดังใจ และยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่พลังยุทธ์อยู่ในระดับที่มั่นคง ถึงได้เรียนรู้เคล็ดวิชาลับการเปลี่ยนแปลงนี้ได้
หากเปลี่ยนเป็นก่อนฝึกฝนคาถาร้อยชีพจรหลอมสมบัติ แม้กระทั่งก่อนออกจากเกาะยักษ์ เกรงว่าก็คงไม่อาจทำเช่นนี้ได้
เสียง “ตึง” ดังสนั่นขึ้น ก้อนหินสีเทาขาวที่มีเส้นไหมลำแสงห่อหุ้มและพลังมหาศาลคอยดันอยู่ ชั่วครู่ก็จมหายเข้าไปในรูที่ปรากฎขึ้นบนภูเขาเทวะดูดปราณ
ภายใต้การปะทะกันนั้น ทำให้ภูเขาเทวะดูดปราณสั่นคลอน กระเด็นลอยไปสองสามจั้ง ในเวลาเดียวกันก็ร่อนลงบนพื้นด้วยความหนักอึ้ง
หลังจากที่เสียงอึกทึกน่าตกตะลึงดังขึ้น พื้นดินของห้องลับและม่านลำแสงของเขตอาคมรอบด้านก็สั่นเทาสองสามครั้ง
ตีนภูเขาขนาดย่อมจมลึกเข้าไปในพื้นดินสองสามฉื่อ
แม้ว่าภูเขาเทวะดูดปราณจะมีน้ำหนักไม่น้อย ตอนที่ยังไม่กลายพันธุ์ก็ไม่อาจรับความหนักอึ้งของก้อนหินก้อนนี้ได้
ทว่าโชคดีทั้งห้องลับถูกหานลี่วางเขตอาคมเพิ่มความแข็งแกร่งเอาไว้แล้ว จึงไม่มีพังทลายลงด้วยเหตุนี้
หานลี่ในครานี้มองรูที่ปรากฎขึ้นบนภูเขาเทวะดูดปราณ ใบหน้าเผยสีหน้าแปลกประหลาดออกมา สองมือพลันร่ายอาคม อ้าปากออกอีกครั้ง
ลำแสงสีเงินสว่างวาบ พ่นลูกบอลเพลิงสีเงินกลุ่มหนึ่งออกไป
เมื่อลูกบอลเพลิงออกมาจากปาก ก็หมุนติ้วๆ กลายเป็นวิหคเพลิงตัวหนึ่ง หลังจากหมุนวนรอบหนึ่ง ก็ทะลวงเข้าไปในรูบนภูเขาเทวะดูดปราณภายใต้คาถาที่คอยกระตุ้น
หานลี่สะบัดข้อมืออย่างไม่ต้องขบคิด กำไลเก็บของพุ่งออกมา
กำไลวงนี้แค่เปล่งแสงสว่างวาบ ขวดต่างๆ รวมทั้งกล่องไม้ถูกหมอกลำแสงม้วนออกมา ทยอยกันตกลงบนพื้นเบื้องหน้าของหานลี่
หานลี่แผ่จิตสัมผัสไปบนของเหล่านั้น ฝาต่างๆ เปิดออกโดยอัตโนมัติ เผยวัตถุดิบหลอมอาวุธต่างๆ ออกมา
ส่วนใหญ่ล้วนเป็นวัตถุดิบช่วยเสริมที่หายาก!
กว่าครึ่งในนั้นล้วนเป็นสิ่งที่เขาใช้ศิลาวิญญาณจำนวนมากและสมุนไพรวิญญาณแลกมาจากเมืองเทวะสวรรค์ ส่วนน้อยคือสิ่งที่รวบรวมสะสมมาจากแดนมนุษย์และจากเผ่าวิญญาณสวรรค์
สายตาของหานลี่กวาดไปยังวัตถุดิบเหล่านั้น และหาวัตถุดิบเสริมที่ตนเองต้องการพบในทันที
สะบัดแขนเสื้อ!
หมอกลำแสงสีเขียวบินออกมา ทุกแห่งที่หมอกลำแสงกวาดผ่านไป วัตถุดิบสำเร็จรูปและกึ่งสำเร็จรูปสิบกว่าชนิดทยอยกันบินออกมาจากภาชนะ ถูกหมอกลำแสงส่งไปยังปากหลุมของภูเขาน้อยจนหมด
ทันใดนั้นด้านในพลันมีเสียงไพเราะดังขึ้น จากนั้นลำแสงสีเงินพลันสว่างวาบขึ้นที่ด้านใน อุณหภูมิในบริเวณรอบร้อนฉ่าและบิดเบี้ยวเลือนรางไปเล็กน้อย
หานลี่มีสีหน้าเคร่งขรึม มือหนึ่งชูขึ้น ในมือมีลำแสงสีเทาเปล่งแสงสว่างวาบ ปากรูตรงสันเขามีลำแสงผนึกประสานกัน ความร้อนก็ค่อยๆ สลายไปตาม
คาดไม่ถึงว่าเดิมทีหานลี่จะใช้ทารกวิญญาณของตนเป็นเตาหลอม คิดจะใช้วิหคเพลิงกลืนวิญญาณหลอมก้อนหินสีเทาขาวก้อนนั้นผสมเข้าไปในภูเขาลูกนี้
เช่นนี้ไม่ต้องพูดถึงความแข็งแกร่งที่ไม่มีอะไรตีแตกได้ของก้อนหินเหล่านี้จะเพิ่มประโยชน์ในการป้องกันอะไรให้ภูเขาดูดปราณลูกนี้ แค่เพิ่มน้ำหนักลงไป ก็เพียงพอจะทำให้ภูเขาลูกนี้กลายเป็นเครื่องมือสังหารชิ้นหนึ่งแล้ว
แน่นอนว่าแม้ว่าจะใช้อานุภาพของเพลิงวิญญาณ ก็ยังไม่อาจหลอมก้อนหินเหล่านี้ได้ง่ายๆ มิเช่นนั้นหานลี่คงนำก้อนหินทั้งสามไปวางข้างในพร้อมกันแล้ว แต่ไม่ใช่หนึ่งในสามเช่นนี้
แต่เช่นนั้นหากหลอมก้อนหินเข้าไปในภูเขาเทวะดูดปราณจริงๆ ก็ยังต้องใช้เวลาเวลาสามสิบสี่สิบปี สามก้อนก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยร้อยปี
ระยะเวลานานขนาดนี้ หากใช้เพลิงทารกวิญญาณของหานลี่หลอม ก็ไม่ต้องเสียเวลามากขนาดนั้น ตอนนี้มีเพลิงกลืนวิญญาณหลอมโดยอัตโนมัติ แน่นอนว่าย่อมไม่เป็นอะไรแล้ว
มากสุดก็ร้อยกว่าปี เขาไม่ใช้ภูเขาเทวะดูดปราณอีกก็ได้แล้ว
เมื่อขบคิดเช่นนั้น หานลี่พลันบริกรรมคาถา อาคมสายหนึ่งโจมตีไปยังภูเขาขนาดย่อม แขนสีทองทั้งหกของรูปปั้นที่แผ่นหลังเองก็ตะปบไปที่ภูเขาขนาดย่อมแล้วปล่อยออก
ชั่วขณะนั้นภูเขาขนาดย่อมพลันพลิ้วไหว ชั่วพริบตาขนาดก็หดเล็กลงจนเหลือสองสามฉื่อ จากนั้นก็ลอยไปที่มุมห้องลับแล้วร่อนลงอีกครั้ง
ก้อนหินที่ยังหลอมไม่เสร็จในภูเขาลูกนี้ หานลี่ไม่อาจเก็บเข้าไปในร่างได้ จึงทำได้เพียงปล่อยเอาไว้อย่างนั้น
จากนั้นหานลี่พลันครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วยกมือขึ้นตะปบไปที่กำไลเก็บของกลางอากาศ ชั่วขณะนั้นกล่องหยกสีขาวโพลนพลันบินออกมา แล้วร่อนลงตรงใจกลางฝ่ามืออย่างมั่นคง
นิ้วทั้งห้าของอีกมือหนึ่งปัดไปบนฝากล่อง
ชั่วขณะนั้นฝากล่องพลันบินออกมาเผยแกนผลไม้สีแดงสดขนาดเท่าหัวแม่มือออกมาในเวลาเดียวกัน กลิ่นหอมฉุยพลันลอยมาปะทะจมูก
นั่นคือแกนผลตาข่ายมรกตที่หานลี่ได้มาจากพรรควิหคสวรรค์!
ขอแค่มีเจ้าสิ่งนี้ อาศัยพลังของขวดใบเล็กก็สามารถเร่งการเจริญเติบโตของผลตาข่ายมรกตได้ จากนั้นก็ปรุงยา ‘ยาลูกกลอนตาข่ายสวรรค์’ ในตำนานได้ หากมียาลูกกลอนชนิดนี้ล่ะก็ ขอแค่เขากินคู่กับยาลูกกลอนเพลิงทมิฬเม็ดนั้น ก็อาจจะทำให้ประสิทธิภาพของยาเพิ่มขึ้น อัตราการทลายจุดคอขวดของเขาก็ย่อมเริ่มขึ้นไม่น้อย
หานลี่ใช้นิ้วสองนิ้วคีบแกนผลไม้ขึ้นมา หรี่ตาลงพิจารณาอีกครั้งจากนั้นก็แผ่จิตสัมผัสออกไปนอกห้องลับ
ครู่ต่อมาม่านลำแสงสีเขียวรอบด้านพลันพลิ้วไหว ลำแสงสีดำกลุ่มหนึ่งบินเข้ามา นั่นก็คือทารกวิญญาณที่สอง
ไม่จำเป็นต้องเอ่ยปากอะไรอีก หานลี่เก็บแกนผลไม้ลงไปในกล่องหยกอีกครั้ง แล้วโยนออกไป
มือเล็กๆ ของทารกวิญญาณที่สองพลันกวักมือ สูบกล่องไม้เข้าไปในมืออย่างคล่องแคล่ว จากนั้นร่างกายก็พลิ้วไหว จมหายเข้าไปในม่านลำแสงด้านหลังอีกครั้ง แล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย
หลังจากจัดการเรื่องที่กวนใจมาตลอดสองเรื่องเสร็จแล้ว หานลี่พลันพ่นลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง แล้วหลับตาลงอย่างเชื่องช้า
จากนั้นสิ่งที่เขาต้องทำก็คือ เรียนรู้คาถากระบี่ชุดใหม่ ดูว่า ‘เขตอาคมกระบี่วสันต์รุ่งอรุณ’ ชุดแรกมีอานุภาพแหลมคมจริงหรือไม่ จากนั้นค่อยตัดสินใจละทิ้งเขตอาคมมหากระบี่ทองคำ และหลอมกระบี่ไผ่เขียวตัวต่อเมฆาทั้งเจ็ดสิบสองเล่มของตัวเอง
ดูอานุภาพของเขตอาคมวสันต์รุ่งอรุณก็เป็นประโยชน์ต่อระดับเทพแปลงขั้นปลายพอดี แต่ความลึกลับซับซ้อนของเขตอาคมกระบี่นั้นย่อมเหนือกว่าเขตอาคมมหากระบี่ทองคำอย่างแน่นอน
หลังจากเวลาค่อยๆ ไหลผ่านไป สามเดือนเต็ม ดวงตาหานลี่ก็ขยับแล้วถึงได้ตื่นจากสมาธิ
แต่แววตากลับแปลกประหลาดไปเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าจะมีท่าทางลังเลใจ
“วสันต์รุ่งอรุณ ที่แท้ก็หมายความเช่นนี้นี่เอง ข้าก็ว่าทำไมถึงได้ตั้งชื่อได้ประหลาดเช่นนี้ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเขตอาคมกระบี่ที่มีเคล็ดวิชาลวงตาเป็นหลัก คิดไม่ถึงจริงๆ เช่นนั้นอานุภาพของเขตอาคมนี้ก็ต้องตัดสินจากจิตสัมผัสและเคล็ดวิชาที่ฝึกฝนของผู้บำเพ็ญเพียรที่ติดอยู่ในนั้นว่ามีพลังต้านทานเคล็ดวิชาลวงตาอย่างไร นั่นจะตัดสินได้อย่างไร!” หานลี่ย่นคิ้ว ใบหน้าเคร่งขรึมสลับกับสดใสไม่แน่นอน
หานลี่ครุ่นคิดเป็นเวลาหนึ่งมื้ออาหารเต็มๆ ความคิดเคลื่อนไหว ไม่ใช่แค่ชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียเท่านั้น
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ใบหน้าของเขาก็เผยสีหน้าตัดสินใจออกมา ได้ข้อสรุปแล้ว
จากความสามารถของชิงหยวนจื่อที่สร้างคาถากระบี่มรกตดั้งเดิมได้เพียงลำพัง ยอมละทิ้งเขตอาคมมหากระบี่ทองคำ และใช้เคล็ดวิชาลวงตาเป็นพื้นฐานของเขตอาคมกระบี่ เขตอาคมกระบี่วสันต์รุ่งอรุณชุดนี้จะต้องมีความพิเศษเป็นแน่ ส่วนการใช้เขตอาคมมหากระบี่ทองคำรับมือกับผู้บำเพ็ญเพียรระดับเดียวกันย่อมไม่ใช่ปัญหา แต่วันข้างหน้าหากพบกับระดับหลอมร่าง กลับเห็นได้ชัดว่าเปลืองแรงไปหน่อย
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ‘เขตอาคมกระบี่ม้วนมรกต’ ที่อยู่ด้านหลังเขตอาคมกระบี่วสันต์รุ่งอรุณ ก็จำต้องฝึกฝนการเรียกกระบี่บินถึงจะวางได้
เช่นนั้นหานลี่ที่ชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียแล้วย่อมจำใจต้องละทิ้งเขตอาคมมหากระบี่ทองคำ
ส่วนการหลอมกระบี่บินชุดใหม่นั้น หานลี่ไม่เคยแม้แต่จะคิดมาก่อน
ถึงอย่างไรเสียยิ่งมีกระบี่บินมากก็ไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป ขอแค่ใช้วางเขตอาคมกระบี่ก็พอแล้ว
หากมากเกินไปล่ะก็ แน่นอนว่าย่อมทำให้ความเร็วในการฝึกฝนก็จะยิ่งลดลง
หานลี่ไม่อยากให้สมบัติอาคมประจำกายของตนเองกลายเป็นสิ่งไร้ค่าในท้ายที่สุด
ตอนที่ 1525 ปลูกกระบี่
เมื่อได้ข้อสรุปแล้วหานลี่ย่อมไม่ลังเลอีก มือหนึ่งพลิกฝ่ามือ คัมภีร์ที่ชายชราแซ่เจียงมอบให้ปรากฏขึ้นในมือ
ครั้งนี้เขาไม่เรียนรู้คาถากระบี่ แต่เริ่มศึกษาวิธีหลอมกระบี่บินแทน
ครั้งที่แล้วอ่านผ่านๆ ไปรอบหนึ่ง แต่เรื่องใหญ่เช่นนี้หานลี่ย่อมต้องอ่านให้ละเอียดอีกครั้ง
ไม่นานนักหานลี่ก็ถอนจิตสัมผัสออกมา ดวงตาทั้งสองหรี่ลงเล็กน้อย พลางครุ่นคิด
ตามที่คัมภีร์กล่าวหากจะกำจัดสิ่งโสมมในกระบี่บินให้เกลี้ยงมีอยู่สามวิธีที่ทำได้
วิธีที่หนึ่งเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด และเป็นวิธีที่อันตรายน้อยที่สุด
ทว่าวัตถุดิบต่างๆ ของกระบี่บินของเขาในตอนนี้ถูกหลอมเข้าไปในร่างแล้ว หากจะฝืนแยกออกมาหลอมอีกจะยาวนานแค่ไหน ไม่ต้องคิดก็รู้แล้ว เกรงว่าภายในเวลาสามสี่ร้อยปีคงไม่อาจเห็นผลสำเร็จได้ และยิ่งไปกว่านั้นในเวลานี้จำเป็นต้องกระตุ้นเพลิงทารกวิญญาณไม่หยุด รบกวนการฝึกฝนของตนเองเป็นอย่างมาก
ระยะเวลายาวนานเช่นนี้หานลี่แทบจะโยนวิธีนี้ทิ้งเป็นอันดับแรก
วิธีที่สองก็คือเคล็ดวิชาในคัมภีร์ที่เรียกว่า ‘คาถาเก้าเปลวเพลิงหลอมทอง’ หากสามารถรวบรวมยาลูกกลอนธาตุเพลิงที่พิเศษสองสามชนิดได้ จากนั้นก็กักตนสักเจ็ดสิบแปดสิบปีก็จะสามารถใช้เคล็ดวิชานี้ประกอบกับพลังของยาลูกกลอน กำจัดสิ่งโสมมในกระบี่ตัวต่อเขียวเมฆาได้
ทว่าวิธีเช่นนี้เป็นอันตรายมากและยังต้องทำให้ธาตุไม้ส่วนหนึ่งในกระบี่บินเสียหาย ทำให้ปราณแท้ของกระบี่บินได้รับความเสียหายหนัก ยิ่งไปกว่านั้นยาลูกกลอนธาตุเพลิงเหล่านั้นก็ล้ำค่ามากไม่ได้รวบรวมมาได้ง่ายๆ
ครานั้นชายชราแซ่เจียมได้เอ่ยว่าจะช่วยเขาหลอมกระบี่บินเพื่อเตรียมจะใช้วิธีนี้
วิธีที่ทำลายตนเองเช่นนี้ แน่นอนว่าหานลี่ย่อมไม่สนใจ
ด้วยเหตุนี้จึงเหลือเพียงวิธีสุดท้าย และเป็นวิธีที่เป็นไปไม่ได้สำหรับคนทั่วๆ ไป เป็นวิธีที่ใช้เวลายาวนานที่สุด
ชายชราแซ่เจียงได้กล่าวเอาไว้ในตอนท้ายของวิธีนี้ว่า วิธีเช่นนี้เป็นเพียงการคาดเดาของเขา ไม่ได้ทดลองด้วยตนเอง ทว่าขอแค่ทำตามในคัมภีร์ ก็น่าจะมั่นใจได้แปดเก้าส่วน และหลังจากที่ทำสำเร็จ ประโยชน์ที่ได้รับก็น่าตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
วิธีเช่นนี้ถูกชายชราเรียกว่าวิธีการย้ายดอกไม้รับพฤกษาอย่าง “ปลูกกระบี่”
ในคัมภีร์กล่าวว่าขอแค่ตามหาต้นกล้าวิญญาณของเหล่านี้ได้ ปลูกมันในแดนที่มีไอวิญญาณหนาแน่น จากนั้นก็ใช้วิธีการลับผนึกกระบี่บินไว้ข้างในพฤกษาวิญญาณเหล่านั้น ก็จะสามารถทำให้วัตถุดิบอื่นๆ ของกระบี่บินค่อยๆ กลายเป็นธาตุไม้อย่างช้าๆ ไม่จำเป็นต้องกำจัดอะไรออกจากตัวกระบี่บิน
และหลังจากที่พฤกษาวิญญาณโตเต็มวัย เป็นเพราะใช้พฤกษาวิญญาณเหล่านั้นบ่มเพาะเป็นเวลานาน กระบี่บินเหล่านั้นไม่เพียงจะไม่เสียหาย และยิ่งไปกว่านั้นความบริสุทธิ์ในตัวของมันก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นจนอยู่ในระดับที่น่าเหลือเชื่อ
แม้ว่าจะไม่เห็นว่าอานุภาพของกระบี่บินจะเพิ่มขึ้นในทันที แต่วันข้างหน้าหากหานลี่หลอมเพิ่มขึ้นสักหน่อย ก็จะสามารถทำให้กระบี่บินทั้งหมดไปอยู่ในระดับโปร่งใสได้อย่างง่ายดาย
แน่นอนว่าวิธีที่ดีทั้งสองฝ่ายนั้น ชายชราแซ่เจียงยังไม่ได้ใช้ และยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นแค่การคาดเดา แน่นอนว่าจึงมีช่องโหว่ถึงตายได้
นั่นก็คือวิธีวิธีนี้ต้องเสียเวลาเป็นอย่างมาก!
ในคัมภีร์กล่าวว่า ตั้งแต่ที่ปลูกกระบี่บินไปจนถึงตอนที่เปลี่ยนวัตถุดิบของกระบี่บินนั้น ระยะเวลายย่อมยาวนานกว่าทั้งสองชนิดด้านบน
ถึงอย่างไรเสียพฤกษาวิญญาณก็ต้องใช้เวลาเติบโตทีละนิดๆ ต่อให้เป็นพฤกษาวิญญาณที่ธรรมดาแค่ไหน ไม่ผ่านการบ่มเพาะเป็นพันปี ก็ไม่อาจโตเต็มวัยได้
และในช่วงเวลานี้ ไม่เพียงจะไม่อาจใช้กระบี่บินได้เลยสักนิด ยังต้องรับประกันว่าพฤกษาวิญญาณทั้งหมดจะไม่ตายไปด้วยเหตุอื่นก่อนถึงจะได้ มิเช่นนั้นหากเกิดเรื่องที่คาดไม่ถึงขึ้น ก็จะสูญเสียุทกอย่าง แม้ว่าจะนำกระบี่บินไปหลอมในพฤกษาวิญญาณอื่น ก็ไม่อาจชดเชยได้
ส่วนการปลูกกระบี่ต้องใช้เวลาเท่าไหร่กันแน่นั้น ก็ไม่มีขอบเขตเฉพาะอะไร แต่มีความเป็นไปได้อยู่อย่างหนึ่งที่มั่นใจได้ว่า ปลูกกระบี่ยิ่งนานเท่าไหร่ พฤกษาวิญญาณยิ่งล้ำค่าเท่าไหร่ ความบริสุทธิ์ในท้ายที่สุดของกระบี่บินก็จะยิ่งงดงามมากขึ้นเท่านั้น
หลังจากที่หานลี่อ่านวิธีการเหล่านี้จบ ก็พลันรู้สึกดีใจ ตัดสินใจใช้วิธีการนี้ทันที
บางทีวิธีการปลูกกระบี่อาจจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้สำหรับคนอื่น แต่สำหรับเขาที่มีกำลังในการกระตุ้นพืชพรรณแล้ว กลับเป็นเรื่องที่เหมาะสมพอดี
ขอแค่ใช้ขวดเล็กนี้มากพอ ไม่ต้องพูดถึงพฤกษาวิญญาณพันปี ต่อให้เป็นพฤกษาวิญญาณหมื่นปีสำหรับเขา ก็เป็นเรื่องเล็กเพียงเรื่องหนึ่ง
แต่วิธีการอาศัยขวดเล็กกระตุ้นการเจริญเติบโตของพฤกษาวิญญาณจะมีประโยชน์ต่อการปลูกกระบี่หรือไม่ เขาก็สงสัยอยู่เล็กน้อย
ทว่าถึงอย่างไรเสียวิธีนี้ก็ไม่จำเป็นต้องให้เขาทุ่มเทอะไร แค่เสียเวลาหน่อยก็เห็นผลลัพธ์ที่งดงามแล้ว แน่นอนว่าย่อมต้องลองดูสักครั้ง
หากไม่ได้จริงๆ ล่ะก็ ค่อยเลือกวิธีใดวิธีหนึ่งจากทั้งสองวิธีข้างบนก็ไม่สาย
เมื่อตัดสินใจแล้ว หานลี่พลันสะบัดแขนเสื้อ กล่องหยกสีเขียวมรกตใบหนึ่งปรากฎขึ้น
ฝากล่องบินออกมา ด้านในมีไม้สีเขียวแห้งๆ ดูธรรมดาๆ ต้นหนึ่งวางอยู่ ท่อนล่างมีรากงอกออกมาเล็กน้อย
นี่คือไผ่อัสนีทองพร้อมรากที่หานลี่จงใจเก็บเอาไว้ส่วนหนึ่ง หลังจากหลอมกระบี่บินในตอนแรก เพื่อเก็บเอาไว้ใช้ในภายหลัง
แม้ในคัมภีร์จะไม่ได้กล่าวเอาไว้ แต่ใช้พฤกษาวิญญาณประเภทเดียวกับวัตถุดิบหลักในการหลอมกระบี่บิน แน่นอนว่าย่อมต้องเห็นผลดียิ่งกว่า และยิ่งไปกว่านั้นเมื่อรู้ว่าใบไผ่อัสนีทองสามารถนำมาอัญเชิญจินกังทลายมารอัสนีที่ร้ายกาจกว่าเดิมได้ ก็ยิ่งเป็นผลพลอยได้ เอาไว้ใช้เป็นทางเลือกสำรองได้
หัวใจเต้นตึกตัก หานลี่เรียกทารกวิญญาณที่สองมาอีกครั้ง และส่งกล่องไม้และกระบี่บินเล่มหนึ่งให้มัน
ให้มันนำกระบี่บินเล่มนี้ไปลองทดสอบก่อนแล้วค่อยว่ากัน หากสำเร็จ แน่นอนว่าเขาจะกระตุ้นไผ่อัสนีทองจำนวนมาก และนำกระบี่บินที่เหลือปลูกเข้าไปในต้นไผ่
หลังจากรอให้ทารกวิญญาณที่สองรับกล่องหยกและกระบี่บินจกาไป หานลี่ก็หลับตาลงทำสมาธิชั่วครู่ หลังจากเบิกตาขึ้นอีกครั้ง ก็หยิบขวดเล็กสีขาวนวลใบหนึ่งออกมา
แหงนหน้าขึ้น ของเหลวคางคกเที่ยงแท้ไหลออกจากขวดเข้าไปในปาก ในที่สุดหานลี่ก็เริ่มฝึกฝนอย่างจริงจัง
แม้ว่าสมบัติจะดีขนาดไหน คาถาเคล็ดวิชาจะมหัศจรรย์ขนาดไหน หากไม่มีพลังปราณคอยประคอง ก็เหมือนกับแหนที่ไร้รากอย่างไรอย่างนั้น
จุดนี้หานลี่รู้ดีมาเนิ่นนานแล้ว
เห็นเพียงสองมือของเขาร่ายอาคม ลำแสงสีทองเปล่งแสงสว่างวาบ ในเวลาเดียวกันรูปปั้นมารเที่ยงแท้ที่แผ่นหลังปรากฎขึ้นอีกครั้ง
แขนทั้งหกของรูปปั้นสามหัวหกแขนพลันเคลื่อนไหว ทำสัญลักษณ์อาคมประหลาดๆ ในเวลาเดียวกันสองขาที่ขัดสมาธิอยู่ ก็ทำท่าฝึกบำเพ็ญเพียร
ในเวลาเดียวกันที่ร่างของหานลี่เปล่งแสงสีทองออกมา รูปปั้นพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์มารเที่ยงแท้ก็มีรัศมีสีทองปรากฎขึ้น
รัศมีนี้ใหญ่มโหฬารอย่างไร้ที่เปรียบ ห่อหุ้มรูปปั้นทั้งหมดเอาไว้ พลันมีอักขระสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนทะลักออกมาจากมือสีทองที่กำลังร่ายคาถาไม่หยุด จากนั้นพลันหมุนวนโคจรรอบรัศมีรอบหนึ่งก็ทยอยกันจมหายเข้าไปในร่างของรูปปั้น
หานลี่มีสีหน้าไร้ความรู้สึก เกล็ดสีทองบนร่างปรากฏขึ้นลางๆ ลำแสงวิญญาณไหลเวียนไปมาอยู่บนผิวไม่หยุด ดูลึกลับเป็นอย่างมาก…
การฝึกบำเพ็ญเพียรนับวันแรมปีผ่านพ้นไปในชั่วพริบตา ประตูใหญ่ของห้องลับกลับไม่เคยเปิดออกมาเลยสักครั้ง
และในช่วงเวลานี้ก็เห็นเพียงทารกวิญญาณที่สองกำลังควบคุมหุ่นเชิดวานรยักษ์ตัวหนึ่งปรากฏตัวขึ้นในสวนสมุนไพรเป็นบางครั้ง จากนั้นก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
แต่ด้านนอกถ้ำพำนัก ปีศาจระดับกลางของภูเขาเร้นทมิฬเหล่านั้นก็นำวัตถุดิบล้ำค่าจำนวนมากมาแลกเปลี่ยนกับดอกกระดิ่งพฤกษาด้วยท่าทีลุกลี้ลุกลนสองสามครั้ง
ผลคือทารกวิญญาณที่สองเสียเวลาเร่งการเจริญเติบโตของดอกกระดิ่งพฤกษาไปเล็กน้อย แล้วให้วิญญาณครวญแปลงกายเป็นหานลี่ตบตาปีศาจเหล่านั้น ก็ทำการแลกเปลี่ยนได้อย่างง่ายดาย
เห็นวิญญาณครวญนำดอกกระดิ่งวิญญาณออกมาได้จำนวนมาก ปีศาจเหล่านั้นก็ผ่อนคลายลงสีหน้าลุกลี้ลุกลนสลายหายไปไม่น้อย
เวลาค่อยๆ ไหลผ่านไป สารทฤดูพัดผ่านไป เหมันต์ฤดูพัดผ่านมา เวลาร้อยกว่าปีผ่านไปอย่างเชื่องช้า
บนเกาะยักษ์ไม่มีเรื่องใหญ่โตอะไร ราวกับว่าจะเงียบสงบเช่นนี้ต่อไปอย่างไรอย่างนั้น
แต่วันนี้เหนือภูเขาของถ้ำพำนักหานลี่ มีปรากฏการณ์พิสดารปรากฏขึ้น
เห็นเพียงจู่ๆ กลางอากาศก็มีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้นกลางวันแสกๆ อย่างต่อเนื่อง จากนั้นเมฆวิญญาณสีขาวนวลเป็นก้อนๆ ก็ปรากฏขึ้น จากนั้นพลันไปรวมตัวกันที่ยอดเขา
ในรัศมีหมื่นลี้ของยอดเขามีลำแสงหลากสีปรากฏขึ้นในใต้ดินของต้นไม้พร้อมกัน และพุ่งขึ้นไปกลางอากาศ เมื่อถึงระดับที่มั่นคงลำแสงเหล่านี้ก็ขยายใหญ่ขึ้นทยอยกันปริแตกกันราวกับฟองสบู่ กลายเป็นม่านลำแสงห้าสีพุ่งไปยังถ้ำพำนักของหานลี่อีกครั้ง
แทบจะในเวลาหนึ่งในถ้วยน้ำชาภูเขายักษ์ที่หานลี่พำนักอยู่ก็ถูกปกคลุมด้วยม่านลำแสงห้าสีหนาๆ เป็นชั้นๆ ถูกย้อมเอาไว้ราวกับมีห้าสีอย่างไรอย่างนั้น
และกลางอากาศกลับมีปรากฏการณ์อีกชนิดปรากฏขึ้น!
เห็นเพียงเมฆวิญญาณสีขาวนวลเหล่านั้นจนกลายเป็นวงแหวนเมฆเมฆายักษ์เส้นผ่านศูนย์กลางร้อยลี้เศษ และตรงกลางของวงแหวนเมฆาพายุหมุนสีเขียวพลันก่อตัวขึ้นเป็นกลุ่มๆ เสียงกรีดร้องดังขึ้นม่านลำแสงห้าสีด้านล่างทยอยกันหมุนวนพวยพุ่งเข้าไปในวงแหวนเมฆา จากนั้นก็ฉีกขาดออกเป็นชิ้นๆ แล้วผสมผสานกันอีกครั้ง
จากความรุนแรงของพายุหมุน ลำแสงวิญญาณห้าสีที่ถูกม้วนเข้าไปจึงยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายสีของพายุหมุนก็เปลี่ยนจากสีเขียวเป็นห้าถึงหกสี แต่ม่านลำแสงห้าสีที่บินออกมาจากรอบๆ ในระยะหมื่นลี้กลับไม่ลดลงเลยสักนิด ม่านลำแสงที่ปกคลุมภูเขายักษ์ทั้งลูกกลับหนาขึ้นกว่าเดิมสองสามส่วน
แน่นอนว่าปรากฏการณ์ที่พิสดารเช่นนี้ย่อมทำให้อสูรทั้งหมดรวมทั้งปีศาจระดับต่ำและกลางที่มีสติปัญญาเล็กน้อยในภูเขาเร้นทมิฬพากันตกตะลึง
อสูรธรรมดาสัมผัสได้ถึงแรงกดมหาศาลที่ส่งออกมาจากปรากฏการณ์บนท้องฟ้าก็ถูกทำให้ขวัญกระเจิงจนลงไปหมอบกับพื้นด้วยความสั่นเทาไม่หยุด อสูรที่มีนิสัยดุร้ายพากันตกใจจนขวัญกระเจิง ร่างกายอ่อนยงบ แขนขาไร้เรี่ยวแรง
ส่วนปีศาจระดับต่ำและกลางที่มีสติปัญญาอยู่บ้างก็ทยอยกันบินออกมาจากที่พักแล้วพุ่งไปทางถ้ำพำนักของหานลี่อย่างรีบร้อน
แต่หลังจากที่อยู่ห่างจากปรากฏการณ์ไปพันลี้ ปีศาจทั้งหมดก็ดูเหมือนว่าจะประสบกับเส้นกั้นเขตแดนที่ไร้รูปร่าง ทยอยกันร่อนลำแสงลงมาไม่ได้ตรงเข้าไปอีก
พวกมันมองไปทางภูเขายักษ์ห้าสีรวมทั้งวงแหวนเมฆาประหลาดกลางอากาศที่อยู่ไกลออกไป ทุกตนล้วนเผยท่าทีขวัญผวาออกมา
อสูรน้อยหัววัว งูหลามยักษ์สามหัวและปีศาจที่เคยแลกเปลี่ยนกับหานลี่ก็ทยอยกันปรากฏตัวในบริเวณรอบ
แน่นอนว่าพวกมันย่อมจำได้ว่าสถานที่ใต้ปรากฏการณ์สวรรค์นั้นคือที่ใด ทันใดนั้นก็มารวมตัวกันด้วยความตกตะลึง อดที่จะมองสบตากันไปมาไม่ได้
“หรือว่าคนผู้นั้นพัฒนาระดับขั้นแล้ว! ปรากฏการณ์ที่น่าตกตะลึงเช่นนี้ หรือว่าคนผู้นั้นบรรลุระดับผู้บัญชาการวิญญาณแล้ว?” หัวตรงกลางของงูเหลือมยักษ์สามหัวเปล่งเสียงแหบแห้งที่ฟังได้ยากออกมาชิงเอ่ยขึ้น
“คงจะเป็นเช่นนั้นกระมัง การพัฒนาระดับขั้นเล็กๆ ไม่มีทางมีปรากฏการณ์เช่นนี้แน่” อสูรน้อยหัววัวมองไปยังวงแหวนเมฆาที่อยู่ไกลออกไปแล้วเอ่ยอย่างมั่นอกมั่นใจออกมา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น