เทพปีศาจหวนคืน 1519-1523
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1519 สร้างปัญหา
แปลโดย iPAT
ฟางอันเล่ยถูกดาบลิ้นสีม่วงแทง ร่างกายของนางแข็งค้างขณะที่ใบหน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วง
ดาบลิ้นสีม่วงรวดเร็วมาก มันแทงทะลุร่างของนางและพุ่งต่อไปที่ฟางหยวน
แต่เมื่อถึงจุดนี้ฟางหยุนและฟางเล้งก็ตอบสนองได้แล้ว พวกเขาควบคุมและปลดปล่อยพลังอำนาจของคฤหาสน์วิญญาณอมตะทำให้ดาบลิ้นสีม่วงถูกผลักดันกลับไป
เถาวัลย์เลื้อยพันเข้าห่อหุ้มร่างกายของฟางอันเล่ยเอาไว้ขณะที่ดอกไม้หลากหลายสีสันเติบโตขึ้น มันกำลังรักษาอาการบาดเจ็บของนาง
ใบหน้าของฟางหยวนกลายเป็นเคร่งขรึม ดวงตาของเขาซ่อนความเย็นชาเอาไว้ เขากำลังครุ่นคิดอย่างหนัก
กำลังเสริมของตระกูลฟางมาถึงแล้ว ตอนนี้มีคฤหาสน์วิญญาณอมตะสามหลังได้แก่ หอดอกไม้ร่วงโรย กรงสัตว์อสูร และอู่เรือพิพากษา คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามหลังสามารถสร้างท่าไม้ตายเขตแดนอมตะเขาวงกตดอกท้อที่ทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ
ในชีวิตแรกของฟางหยวน ระหว่างสงครามห้าภูมิภาค ท่าไม้ตายเขตแดนอมตะนี้สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลฟางเป็นอย่างมาก นอกจากนั้นข้อมูลของนิกายเงายังเน้นย้ำให้ระวังสิ่งนี้
หลังจากต่อสู้มาระยะหนึ่ง ฟางหยวนรู้สึกถึงความแปลกประหลาดบางอย่างของวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์
ก่อนหน้านี้ชิงโจวเปิดประตูวังและโจมตีด้วยพลังทั้งหมด นั่นทำให้ฟางหยวนได้เรียนรู้ความจริงบางอย่าง
ดูเหมือนมันจะเป็นอสูรวิญญาณแรกกำเนิดที่ควบคุมคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดหลังนี้แต่มันไม่สามารถปลดปล่อยพลังอำนาจที่แท้จริงของคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดหลังนี้ออกมาได้อย่างเต็มที่
คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดสามารถโจมตีและป้องกัน การโจมตีด้วยการพุ่งชนเป็นวิธีการที่ตรงไปตรงมาและประหยัดเวลามากที่สุด แต่คฤหาสน์วิญญาณอมตะมีความสามารถทุกประเภทเช่นดอกไม้กระจกหรือกล้วยไม้แห่งหุบเขาที่ว่างเปล่าของหอดอกไม้ร่วงโรย กล่าวถึงคุกทมิฬของเผ่าไห่ มันก็สามารถเก็บสัตว์อสูรบรรพกาลเอาไว้ภายในและทำให้พวกมันตกเป็นทาส
คฤหาสน์วิญญาณอมตะแต่ละหลังมีพลังอำนาจพิเศษที่แตกต่างกัน หากคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดไม่สามารถใช้ท่าไม้ตายของมันและทำได้เพียงเคลื่อนที่ไปรอบๆ มันย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ดทั้งสามหลังของตระกูลฟาง
แต่หากตระกูลฟางสามารถกำหราบหรือยึดครองคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดหลังนี้ได้สำเร็จ แล้วฟางหยวนจะได้รับสิ่งใด?
ตามข้อตกลงพันธมิตร ฟางหยวนจะได้รับเพียงวิญญาณอมตะระดับหกและทรัพยากรอมตะเท่านั้น
นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้ว่าหลังจากตระกูลฟางได้รับคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด พวกเขาจะบังคับให้ฟางหยวนทำข้อตกลงใหม่
ในสถานการณ์ปัจจุบัน เมื่อเห็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะอยู่ต่อหน้า ฟางหยวนจะไม่ต้องการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้อย่างไร
แต่การจะทำเช่นนั้นได้ เขาต้องสร้างสมดุลระหว่างความแข็งแกร่งของทั้งสองฝ่าย ดังนั้นฟางหยวนจึงพึ่งพาดาบลิ้นสีม่วงเพื่อทำให้ตระกูลฟางอ่อนแอลงโดยการกำจัดฟางอันเล่ย
เมื่อข้อตกลงพันธมิตรถูกสร้างขึ้นแล้ว ฟางหยวนจะต่อสู้กับตระกูลฟางโดยตรงได้อย่างไร?
อย่างไรก็ตามข้อตกลงพันธมิตรที่สร้างขึ้นก่อนหน้าค่อนข้างหละหลวม พวกมันแทบไม่ครอบคลุมสิ่งใดเลย
ดังนั้นฟางหยวนจึงปลอดภัยหลังจากวางแผนกำจัดฟางอันเล่ย
ฟางอันเล่ยไม่รู้เกี่ยวกับช่องโหว่นี้งั้นหรือ?
แน่นอนนางรู้!
ในความเป็นจริงนี่เป็นเจตนาแอบแฝงที่ชั่วร้ายของตระกูลฟางตั้งแต่เริ่มต้น
ฟางอันเล่ยวางแผนใช้ประโยชน์จากฟางหยวน ดังนั้นหากนางเพิ่มข้อตกลงมากเกินไป มันจะเป็นการทำร้ายตัวเอง
ด้วยเหตุนี้ฟางอันเล่ยจึงจงใจสร้างข้อตกลงที่หละหลวม นอกจากนั้นสถานการณ์ยังเร่งด่วน แม้ฟางหยวนจะค้นพบและโต้แย้ง นางก็สามารถใช้ข้อแก้ตัวนี้
และแน่นอนว่าฟางหยวนค้นพบ!
เขาเป็นคนเจ้าเล่ห์และเป็นนักวางแผนเช่นกัน แต่เขาแสร้งทำเป็นไม่สังเกตเห็นและทำตัวราวกับตกเป็นเหยื่อ
“ช่างกล้าหาญนัก!”
“เราต้องฆ่าสิ่งชั่วร้ายเหล่านี้!”
ผู้อมตะตระกูลฟางกรีดร้องด้วยความโกรธหลังจากเรียนรู้สถานการณ์ของฟางอันเล่ย
กรงสัตว์อสูรและอู่เรือพิพากษาเข้าสู่สนามรบอย่างรวดเร็ว
แต่ก่อนที่พวกมันจะสามารถทำสิ่งใด วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ก็ปลดปล่อยแสงระยิบระยับออกมา
ชิงโจวพยายามอย่างที่ดีที่สุดแต่ยังไม่สามารถสังหารฟางหยวน ตอนนี้มันอ่อนแอลงมากด้วยการปราบปรามของวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์
วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์เริ่มปลดปล่อยพลังอำนาจออกมาด้วยตัวของมันเอง แสงสีเขียวแพร่กระจายไปทั่วสนามรบ ผีเฒ่าไป่จุน สนมอินทรีย์ และอสูรวิญาณที่เหลือบินเข้าไปในวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์
พวกมันถอย!
สิ่งนี้อยู่นอกเหนือความคาดหมายของทุกคน
กระทั่งฟางหยวนยังตกใจเล็กน้อย นี่ไม่ใช่เรื่องปกติ
ผู้อมตะตระกูลฟางลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะบังคับคฤหาสน์วิญญาณอมตะออกไล่ล่าวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์
ผู้อมตะตระกูลฟางบางคนบินออกมจากกรงสัตว์อสูรและเข้าไปใจหอดอกไม้ร่วงโรย “อันเล่ย!”
แต่ฟางอันเล่ยหมดสติไปแล้ว
ฟางหยุนและฟางเล้งเต็มไปด้วยความกังวล ฟางเล้งกล่าวด้วยความรู้สึกผิด “เราไม่สามารถตอบสนองได้ทันเวลา มันเป็นความผิดของเรา”
ผู้อมตะตระกูลฟางมองพวกเขาอย่างดุเดือด “แน่นอนว่ามันเป็นความผิดของพวกเจ้า!”
ต่อมาสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป เขาตรวจสอบและพบว่าฟางอันเล่ยกำลังจะตาย เขาตะโกน “อันเล่ย เจ้าต้องอดทน!”
เขาทดลองใช้วิธีรักษาทั้งหมดแต่ยังไม่เป็นผล
ในเวลานี้แสงสีส้มก็พุ่งออกจากกรงสัตว์อสูรตรงเข้าสู่หน้าผากของฟางอันเล่ย
สีม่วงบนใบหน้าของฟางอันเล่ยเลือนหายไป นางรอดชีวิตแต่นางยังไม่ได้สติ
“ท่าไม้ตายนี้แปลกมาก มันเป็นท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณแต่ส่งผลกระทบบนเส้นทางแห่งพิษ นางถูกวางยาพิษ! ข้าทำได้เพียงระงับอาการบาดเจ็บของนางเอาไว้แต่ข้าไม่สามารถรักษา!” เป็นเพียงเวลานี้ที่ผู้อมตะสูงอายุเดินเข้ามา เขาอยู่ในชุดคลุมสีเหลืองและแสดงออกอย่างเคร่งขรึม
“คารวะผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สาม” ฟางหยุนและฟางเล้งเร่งทักทาย
‘ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สามของตระกูลฟาง ฟางฮั่วเฉิง…’ ฟางหยวนนึกถึงข้อมูลของคนผู้นี้
“เป็นเจ้า! เจ้าเข้ามาซ่อนตัวในหอดอกไม้ร่วงโรยและทำให้อันเล่ยถูกโจมตี! เจ้าคืออาชญากรที่อยู่เบื้องหลังสิ่งนี้!” ผู้อมตระกูลฟางที่ประคองร่างฟางอันเล่ยเอาไว้กรีดร้องมาที่ฟางหยวน
ฟางหยวนมองด้วยสายตาเย็นชาและก่นเสียงเย็นด้วยความเย่อหยิ่ง “เจ้าคือผู้ใด?”
“ข้าคือฟางเฉิน…” ผู้อมตะผู้นั้นตอบ
แต่ก่อนที่เขาจะกล่าวจบประโยค ฟางหยวนก็โบกแขนเสื้อ “ข้าไม่สนว่าเจ้าคือผู้ใด หากเจ้าไม่มีความสุข เราก็มาสู้กัน ไม่ว่าจะดวลด้วยการต่อสู้หรือวาทะกรรม ข้าก็จะรับคำท้า หากเจ้าต้องการใช้กองกำลังของตระกูลฟางจัดการข้า ซวนปู้จิน ฮ่าฮ่า เจ้าสามารถทดลอง”
หลังกล่าวจบคำ ดวงตาของฟางหยวนก็ส่องประกายเย็นเยียบและกวาดตามองไปรอบๆด้วยท่าทางของผู้ชนะ
“ไม่!” ฟางเล้งและฟางหยุนหวาดกลัวมาก ฟางหยวนแข็งแกร่งมาก พวกเขาเกรงว่าทั้งสองฝ่ายจะต่อสู้กัน
ในความคิดเห็นของพวกเขา ไม่ใช่เรื่องผิดปกติที่ฟางหยวนจะเข้ามาซ่อนตัวในหอดอกไม้ร่วงโรย
การใช้ประโยชน์จากคฤหาสน์วิญญาณอมตะเป็นเรื่องปกติของผู้อมตะโดยไม่ต้องกล่าวถึงผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา
ฟางหยวนช่วยพวกเขาเอาไว้ ฟางหยุนรู้สึกว่าเขาเป็นผู้มีพระคุณ สิ่งสำคัญฟางหยวนมีบทบาทอย่างมากในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ หากเขาไม่กำหราบอสูรวิญญาณแรกกำเนิดแมงมุมเหิน หอดอกไม้ร่วงโรยอาจพังพินาศไปแล้ว
สำหรับการโจมตีของดาบลิ้นสีม่วง ฟางหยวนอาจไม่คาดคิดว่าฟางอันเล่ยจะถูกโจมตี
ในความเป็นจริงกระทั่งฟางหยุนและฟางเล้งก็ไม่คาดหวังว่าฟางอันเล่ยจะไม่สามารถหลบมัน นี่เป็นเหตุผลว่าเหตุใดพวกเขาถึงตกตะลึงกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“ฟางเฉิน ระวังคำพูดด้วย สหายซวนปู้จินเป็นพันธมิตรของตระกูลฟาง เรามีข้อตกลงพันธมิตร เขาต่อสู้อย่างหนักในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ เจ้าจะใส่ความเขาได้อย่างไร?” ฟางฮั่วเฉิงตำหนิ
หลังจากนั้นเขาก็หันหน้ามาทางฟางหยวน “ฟางเฉินเป็นสามีของฟางอันเล่ย เขาเป็นห่วงภรรยามากเกินไป เขาไม่ได้ตั้งใจสร้างความขุ่นเคืองให้กับสหาย ข้าหวังว่าเจ้าจะยกโทษให้เขา”
ฟางเฉินเป็นสามีของฟางอันเล่ย?
ฟางหยวนเข้าใจทันทีว่าฟางเฉินเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษที่ถูกคัดเลือกให้เข้าสู่ตระกูลฟางผ่านการแต่งงานกับฟางอันเล่ย หลังจากนั้นเขาจึงเปลี่ยนมาใช้แซ่ฟาง
หลังจากถูกดุ ฟางเฉินก็ก้มหน้าลงและไม่กล้ากรีดร้องอีก เขาพยายามรักษาฟางอันเล่ยแม้มันจะไร้ประโยชน์ก็ตาม
ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น เขาคิด ‘ฟางหยุนและฟางเล้งกังวล ฟางฮั่วเฉิงเป็นจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ ฟางเฉินก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน ในฐานะเขยของตระกูลฟาง เขาต้องแสดงบทบาทของตนและดูแลภรรยาที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่น่าเสียดายที่ข้าไม่กลัวพวกเขา’
ฟางหยวนไม่กลัวเพราะข้อตกลงพันธมิตร
ฟางอันเล่ยทำข้อตกลงพันธมิตรในนามของตระกูลฟาง หากตระกูลฟางละเมิดข้อตกลง ฟางอันเล่ยต้องเผชิญหน้ากับผลกระทบย้อนกลับที่รุนแรง ในสภาพปัจจุบันของนาง นางจะทนได้อย่างไร?
ผลกระทบย้อนกลับจะฆ่านางทันที!
นี่คือสิ่งที่ฟางหยวนอยากเห็น
แน่นอนว่ามีวิธีทำลายข้อตกลงพันธมิตร แต่วิธีการเหล่านั้นมีความเสี่ยง พวกมันไม่ปลอดภัย
กระทั่งตระกูลฟางจะมีวิธีการดังกล่าว แต่ในสภาพปัจจุบันของฟางอันเล่ย พวกเขาย่อมไม่กล้าใช้งานมัน
อาจกล่าวได้ว่าฟางอันเล่ยที่หมดสติอยู่ในขณะนี้คือปราการป้องกันของฟางหยวน
ฟางหยวนเย้ยหยัน “สหาย ฟางฮั่วเฉิง ตระกูลฟางของเจ้าต้องให้คำตอบที่ดีแก่ข้า มิฉะนั้นข้าจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไป!”
“อา…” ฟางหยุนและฟางเล้งมองหน้ากันน พวกเขาไม่รู้ว่าผู้อาวุโสซวนปู้จินต้องการทำสิ่งใด
กระทั่งฟางเฉินที่กำลังก้มหน้าลงก็หันหน้าไปมองฟางหยวน สายตาของเขามีความหมายว่า ‘คนผู้นี้ช่างเอาแต่ใจนัก ทั้งที่ข้าไม่ได้ยั่วยุเจ้าอีก แต่เจ้ากลับสร้างปัญหาให้เราโดยตรง?’
ฟางฮั่วเฉิงรู้สึกสับสนแต่ยังกล่าวอย่างเหมาะสม “สหายหมายความว่าอย่างไร? ตระกูลฟางของข้าทำสิ่งใดผิดเช่นนั้นหรือ?”
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1520 การเจรจาล้มเหลว
แปลโดย iPAT
ฟางหยวนก่นเสียงเย็น เขามองฟางฮั่วเฉิงโดยไม่เกรงกลัว สายตาของเขาเย็นชาและมีทัศนคติที่ไม่ยอมถอย
ภายใต้การจ้องมองของทุกคน เขากล่าว “ข้า ซวนปู้จิน เป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา ข้าจะถูกหลอกง่ายๆได้อย่างไร? เหตุใดผู้อมตะตระกูลฟางถึงตกอยู่ในเงื้อมมือของผีเฒ่าไป่จุนในการต่อสู้ครั้งนี้? ตระกูลฟางของพวกเจ้านำคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ดสองหลังออกมาพร้อมกับผู้อมตะอีกหลายคน ตั้งแต่เมื่อใดที่ตระกูลฟางสามารถระดมพลได้ตามต้องการ?”
หอดอกไม้ร่วงโรยเงียบลง
ก่อนหน้านี้ฟางหยวนมีข้อมูลไม่เพียงพอ แต่ตอนนี้เขาสามารถอนุมานหลายสิ่งจากข้อมูลที่กระจัดกระจาย
การแสดงออกของฟางเฉินเปลี่ยนไป ดวงตาของเขากลายเป็นมืดมน
ฟางหยุนและฟางเล้งมองหน้ากันด้วยท่าทางอึดอัดใจ
ฟางฮั่วเฉิงหัวเราะเสียงดัง “สหายซวนปู้จิน เจ้ากล่าวได้ถูกต้อง ข้าจะไม่ซ่อนมันจากเจ้า นี่เป็นแผนการของตระกูลฟางมาหลายชั่วอายุคน เราวางแผนที่จะยึดครองคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดหลังนี้ เราต้องได้รับมัน สหาย หากเจ้าช่วยเรา เราจะแสดงความขอบคุณอย่างสุดซึ้ง ดูนี่”
หลังกล่าวจบคำ เขาก็มอบวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลระดับมนุษย์ให้กับฟางหยวน
ฟางหยวนตรวจสอบและพบว่ามันเป็นข้อตกลงพันธมิตร
กฎคือตราบเท่าที่ฟางหยวนช่วยเหลือตระกูลฟางยึดครองวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ ตระกูลฟางจะมอบวิญญาณอมตะระดับเจ็ดให้เขา เขาจะได้รับอนุญาตให้เลือกวิญญาณอมตะจากคลังเก็บสมบัติของตระกูล นอกจากนี้ยังมีทรัพยากรอมตะระดับหกและเจ็ดอีกจำนวนมาก
แน่นอนว่าการรักษาความลับคือประเด็นสำคัญที่สุด
วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลเน้นย้ำเรื่องนี้ หากฟางหยวนไม่ตกลง ตระกูลฟางก็จะไม่บังคับเขา แต่เขาต้องจากไปและเก็บตัวอยู่อย่างเงียบๆเป็นระยะเวลาหนึ่ง
‘โอ้ วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์คือคฤหาสน์วิญญาณอมตะที่ถูกสร้างขึ้นโดยเทพอมตะบัวสวรรค์งั้นหรือ?’
‘ข้อมูลเกี่ยวกับคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้หายากมาก กระทั่งมรดกที่แท้จริงของนิกายเงาก็ไม่ได้กล่าวถึงเรื่องนี้’
‘ตระกูลฟางวางแผนมานานแล้ว พวกเขาต้องการยึดครองวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์มาตลอด’
‘พวกเขาใช้เวลา ทรัพยากร และกำลังคนมากมายเพื่อสิ่งนี้ แน่นอนว่าพวกเขาต้องเก็บมันไว้เป็นความลับ’
ฟางหยวนได้เรียนรู้หลายสิ่ง
ข้อตกลงการรักษาความลับไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ หากเป็นฟางหยวน เขาก็จะทำเช่นเดียวกัน
ตระกูลฟางพูดคุยกับฟางหยวนอย่างสุภาพและต้องการดึงเขาเข้าร่วมเพราะความแข็งแกร่งของเขาโดยเฉพาะเมื่อเขาเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่หายาก
ในเวลาเดียวกันเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นตระกูลฟางจึงต้องระวังเป็นพิเศษ พวกเขาต้องคิดอย่างรอบคอบกับทุกการเคลื่อนไหว แน่นอนว่าพวกเขาไม่ต้องการยั่วยุฟางหยวน
หากคนผู้นี้มีวิธีการพิเศษบางอย่างและทำลายแผนการของตระกูลฟาง พวกเขาจะทำอย่างไร?
ตอนนี้ปัญหาของฟางหยวนไม่ได้เกี่ยวข้องกับการรักษาความลับแต่เขาจะได้รับสิ่งใดจากเหตุการณ์นี้
กำไรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแน่นอนว่าเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์อย่างไม่ต้องสงสัย
ฟางหยวนมีพลังการต่อสู้ระดับแปด แม้เขาจะอยู่ในหอดอกไม้ร่วงโรยและถูกผู้อมตะตระกูลฟางปิดล้อม แต่เขาก็สามารถหลบหนีออกไปได้อย่างง่ายดาย
ในทางตรงข้ามหากเขาทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเขากับตระกูลฟางเพื่อวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ที่ยังไม่ได้รับ มันจะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่
ยังไม่ต้องกล่าวว่าฟางหยวนจะสามารถเอาชนะตระกูลฟางที่เตรียมตัวมาอย่างเพียงพอได้หรือไม่ กระทั่งวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นเรื่องยากที่ฟางหยวนจะสามารถปราบปราม
นอกจากนั้นฟางหยวนยังต้องการแก่นแท้อสูรวิญญาณจำนวนมากจากทะเลทรายผีเขียวเพื่อบ่มเพาะจิตวิญญาณ
หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ฟางหยวนตัดสินใจที่จะเดินตามเกมส์ของพวกเขา มันเร็วเกินไปที่จะต่อต้านตระกูลฟางขณะที่ข้อตกลงพันธมิตรก็ไม่สามารถแก้ไข
แต่ฟางหยวนยังมีวิธียื้อเวลาและสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะชำระล้างตัวเองได้ในภายหลัง
ดังนั้นฟางหยวนจึงเปิดปากกล่าว “หากตระกูลฟางได้รับวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ ความแข็งแกร่งของพวกเจ้าก็จะพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดของทะเลทรายตะวันตก แต่กระนั้นพวกเจ้าก็เสนอเพียงเมล็ดถั่วให้ข้าเท่านั้น นั่นไม่น้อยไปงั้นหรือ?”
หลังกล่าวจบคำ ฟางหยวนก็ทำลายวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลทิ้งไปทันที “ในความเป็นจริงข้าสามารถให้ความร่วมมือแต่สิ่งที่พวกเจ้าเสนอยังน้อยเกินไป”
ฟางฮั่วเฉิงเห็นความเย่อหยิ่งของฟางหยวน เขาคิด ‘ข้อมูลถูกต้อง คนผู้นี้เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งและมั่นใจในตัวเอง!’
เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “สหาย นี่หมายความว่าเจ้าต้องการร่วมมือกับตระกูลฟางของเรา นั่นเป็นเรื่องที่ดี”
“ท้ายที่สุดแล้ววังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ก็มีต้นกำเนิดมาจากเทพอมตะบัวสวรรค์ มันเป็นตำนาน ข้าจะไม่เข้าร่วมในเหตุการณ์สำคัญนี้ได้อย่างไร? นอกจากนั้นหากข้าไม่เข้าร่วม ตระกูลฟางของเจ้าจะมั่นใจในตัวข้าได้อย่างไร?” ฟางหยวนกล่าว
ฟางฮั่วเฉิงชมเชย “ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าเข้าใจอย่างชัดเจน เราไม่ใช่คนตระหนี่ เราสามารถเจรจาเงื่อนไขที่เจ้าต้องการ อย่างไรก็ตาม…ค่าตอบแทนต้องตรงกับคะแนนที่ได้รับ ข้าแน่ใจว่าเจ้าเห็นด้วยกับเรื่องนี้”
ฟางหยวนยิ้ม “แน่นอน เรามาตรวจสอบคะแนนกันเถอะ ประการแรก แม้ข้าจะไม่ทำสิ่งใดเลย การรักษาความลับก็เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือ พวกเจ้าต้องตอบแทนข้าในเรื่องนี้ ประการที่สอง ข้าช่วยฟางหยุนและฟางเล้ง แม้ข้าจะทำเรื่องนั้นโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่มันก็ถือเป็นการช่วยเหลือแผนการของพวกเจ้าอย่างไม่ต้องสงสัย ก่อนหน้านี้ข้าไม่ต้องการรางวัลใดๆ แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว นอกจากนั้นข้ายังถูกโจมตีและช่วยป้องกันหอดอกไม้ร่วงโรย ข้าต่อสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่งในการต่อสู้ที่อันตราย ข้าต้องการค่าตอบแทนสำหรับเรื่องนี้ สุดท้ายแม้หลังจากที่ข้าทุ่มเทความพยายามอย่างหนัก สมาชิกตระกูลฟางของเจ้ายังกล่าวหาและใส่ร้ายความตั้งใจที่ดีของข้า เขาทำให้ข้าเสียอารมณ์เป็นอย่างมาก ข้าต้องการให้ชดเชยเรื่องนี้เช่นกัน”
ฟางหยุนและฟางเล้งมึนงงเมื่อได้ยินคำกล่าวของฟางหยวน
‘เหตุใดมันถึงเกี่ยวข้องกับข้า?’ ฟางเล้งตะลึง ‘และ…ทำให้เสียอารมณ์ก็ต้องชดเชยด้วยงั้นหรือ?’
ใบหน้าของฟางฮั่วเฉิงกระตุก เขาได้เห็นแล้วว่าการเจรจากับผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมาก
ฟางหยวนระบุความต้องการมากมายขณะที่ฟางฮั่วเฉิงพยายามลดระดับความต้องการเหล่านั้น
แต่เขาจะแข่งขันกับฟางหยวนได้อย่างไร?
ฟางหยวนตั้งใจเรียกร้องด้วยเงื่อนไขที่ซับซ้อนและไร้เหตุผล หลังจากฟางฮั่วเฉิงเจรจาและเปลี่ยนคำศัพท์ ฟางหยวนจะกลับไปใช้คำก่อนหน้าและแก้ไขย้อนหลัง
การใช้วิธีนี้ทำให้ฟางฮั่วเฉิงสับสนกับการเปลี่ยนแปลงและไม่สามารถเจรจาต่อไป
แต่ฟางหยวนไม่ยอมปล่อยเขาไป เขายังเดินหน้าเรียกร้องอย่างไม่หยุดยั้ง
ในที่สุดการเจรจาก็จบลง
“ข้าไม่สามารถยอมรับเงื่อนไขนี้ สหายซวนปู้จิน เจ้าลองพิจารณาดู ข้าจะอยู่ในคฤหาสน์วิญญาณอมตะกรงสัตว์อสูร หลังจากเจ้าได้ข้อสรุปแล้ว เราจะสร้างข้อตกลงพันธมิตร” เขาจากไปด้วยใบหน้ามืดมน
ฟางฮั่วเฉิงกลับไปยังกรงสัตว์อสูร
การเจรจาล้มเหลว!
ฟางเฉินชำเลืองมองฟางหยวนด้วยสายตาพึงพอใจ
ฟางหยุนและฟางเล้งมีความรู้สึกที่ซับซ้อน ฟางหยวนเป็นผู้มีพระคุณของพวกเขา แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของตระกูล ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจเงียบและไม่กล่าวสิ่งใด
ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบาง ฟางฮั่วเฉิงกล่าวว่าเขาไม่สามารถยอมรับได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าตระกูลฟางจะไม่สามารถยอมรับ เรื่องนี้สำคัญเกินไป ฟางฮั่วเฉิงจากไปเพราะเขาไม่สามารถเอาชนะฟางหยวนด้วยคำพูด ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนกลยุทธ์
‘หึหึ ตระกูลฟางต้องการวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่ามันจะสำเร็วหรือล้มเหลว ข้าก็ต้องได้รับประโยชน์จากข้อตกลงพันธมิตร ประการแรก มันเป็นการแสดงความจริงใจของข้า ประการที่สอง แม้ข้าจะไม่ได้รับวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิื แต่ข้าก็ต้องได้ค่าชดเชยที่เหมาะสม’
ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สามของตระกูลฟางจากไปแล้ว แต่ฟางหยวนไม่รู้สึกร้อนรน
ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งคือผู้ปกครองสูงสุดของตระกูลฟางขณะที่ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองคือนักวางยุทธศาสตร์ นี่คือสองคนที่มีอำนาจที่แท้จริง ฟางหยวนต้องการสร้างข้อตกลงกับพวกเขา
‘ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลฟางเป็นผู้อมตะระดับแปดขณะที่ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองฟางตี้เฉิงเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งปัญญา แต่เขาเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด คนที่จะมาเจรจากับข้าควรจะเป็นเขา’
ดังคาด ครู่ต่อมาคฤหาสน์วิญญาณอมตะอู่เรือพิพากษาก็บินเข้ามาใกล้
ฟางฮั่วเฉิงบินจากกรงสัตว์อสูรไปยังอู่เรือพิพากษาเพื่อพบกับผู้อมตะผู้หนึ่ง “ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองเป็นอย่างไรบ้าง?”
ฟางตี้เฉิงกล่าว “วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์เร็วมาก เราตามมันไม่ทัน แต่เราใช้วิธีติดตามการเคลื่อนไหวของมันแล้ว มันไม่สามารถหลบหนีไปจากพวกเรา ตอนนี้เราต้องซ่อมแซมหอดอกไม้ร่วงโรยและรวมคฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามเข้าด้วยกันเพื่อสร้างท่าไม้ตายเขตแดนอมตะเขาวงกตดอกท้อเพื่อดักจับวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์’
ฟางฮั่วเฉิงรายงาน “ซวนปู้จินเป็นคนที่รับมือได้ยาก การเจรจาของเราล้มเหลว”
“เช่นนั้นหรือ?” ฟางตี้เฉิงยิ้ม ดวงตาของเขาส่องประกายขึ้น
ฟางฮั่วเฉิงเผยรอยยิ้มขมขื่น “เขาไหลลื่นมาก คำกล่าวของเขาเต็มไปด้วยกับดัก ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา แต่เขาอยู่ในหอดอกไม้ร่วงโรย สถานที่แห่งนั้นถูกแยกออกจากโลกภายนอก แม้เขาจะสร้างเงื่อนไขที่ไร้สาระ แต่เขาก็ต้องการสร้างข้อตกลงพันธมิตรกับพวกเรา มันแสดงให้เห็นถึงความจริงใจของเขา”
ฟางตี้เฉิงไตร่ตรอง “นี่อาจไม่ใช่ความจริงใจ เขาอาจกล้าหาญ ฟางอันเล่ยได้รับบาดเจ็บ เขาค่อนข้างน่าสงสัย แต่เพื่อแผนการของตระกูล เขาต้องอดทนในตอนนี้ อย่างไรก็ตามความอดทนอาจทำให้เกิดผลเสียที่ยิ่งใหญ่ หลังจากการเจรจาล้มเหลว คนผู้นี้ก็ยังคงอยู่ในหอดอกไม้ร่วงโรย เขาน่าจะรอให้ข้าไปเจรจากับเขา ได้ ข้าจะไปพบเขา”
หลังจากนั้นฟางตี้เฉิงก็บินมาพบฟางหยวนในหอดอกไม้ร่วงโรย
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาพบกัน
ฟางตี้เฉิงสังเกตฟางหยวนและพยักหน้าอยู่ในใจ ‘มั่นใจและเย่อหยิ่ง เขาต้องมีแง่มุมที่ไม่ธรรมดา เพียงสามารถหลบหนีจากการโจมตีของวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ก็แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเขาแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเขาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งปัญยา ข้าจะดูแคลนเขาไม่ได้’
ฟางหยวนประเมินฟางตี้เฉิงที่ดูธรรมดาและคิด ‘คนผู้นี้คือฟางตี้เฉิง เขาปกปิดกลิ่นอายเอาไว้อย่างเต็มที่ แม้ข้าจะไม่รู้สึกถึงความพิเศษใดๆจากเขา แต่เขาต้องซ่อนบางสิ่งเอาไว้อย่างแน่นอน สมกับเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ยิ่งใหญ่’
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1521 เขาวงกตดอกท้อ
แปลโดย iPAT
ตระกูลฟางเป็นมหาอำนาจของทะเลทรายตะวันตกมาอย่างยาวนาน พวกเขามีชื่อเสืองในด้านคฤหาสน์วิญญาณอมตะและมีมรดกบนเส้นทางแห่งปัญญาที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง
คฤหาสน์วิญญาณอมตะเป็นท่าไม้ตายอมตะที่สร้างขึ้นจากวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนที่มีพลังอำนาจครอบคลุมทุกแง่มุม
ตระกูลฟางทำวิจัยคฤหาสน์วิญญาณและออกแบบพวกมัน พวกเขาจะไม่สามารถทำเรื่องเช่นนั้นได้หากปราศจากความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญา
อาจกล่าวได้ว่ามรดกบนเส้นทางแห่งปัญญาของตระกูลฟางน่าเหลือเชื่อมาก หลังจากพัฒนามาหลายชั่วอายุคน กระทั่งฟางหยวนที่ได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณยังสามารถเรียนรู้หลายสิ่งจากเหตุการณ์นี้
แน่นอนว่าผู้รับสืบทอดมรดกบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ยอดเยี่ยมย่อมต้องมีความสามารถบางอย่าง
ในรุ่นปัจจุบันฟางตี้เฉิงเป็นผู้รับสืบทอดมรดกนี้และยังเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งปัญญาอีกด้วย
เขาไม่ได้พึ่งพาอาณาจักรแห่งความฝันเพื่อบรรลุระดับปรมาจารย์เอกแต่มันเกิดจากการทำงานหนักและการค้นคว้าทีละขั้นตอนของตัวเขาเอง
ตระกูลฟางมีผู้รับสืบทอดมรดกบนเส้นทางแห่งปัญญาในแต่ละรุ่น แต่ในช่วงพันปีที่ผ่านมา ฟางตี้เฉิงเป็นคนเดียวที่บรรลุระดับปรมาจารย์เอก
เพื่อบรรลุระดับนี้ คนผู้หนึ่งจำเป็นต้องมีพรสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่ ทรัพยากรเพียงอย่างเดียวไม่สามารถผลิตตัวตนระดับนี้
ฟางตี้เฉิงและฟางหยวนเจรจากัน ทั้งสองต่อสู้ด้วยคำพูด มันเหมือนกับนักดาบสองคนต่อสู้กันอยู่ในพื้นที่ปิด
ฟางหยวนตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบทีละน้อย มันเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบาก
‘สมกับเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งปัญญา น่าประทับใจ’ ฟางหยวนทำให้ฟางฮั่วเฉิงมึนงงแต่ฟางตี้เฉิงหลับสามารถแก้ปัญหาได้อย่างง่ายดาย
ฟางตี้เฉิงฉลาดหลักแหลมและมีความทรงจำที่ยอดเยี่ยม เขาสามารถคิดได้อย่างมีเหตุมีผล ฟางหยวนไม่สามารถทำให้เขาสับสน
นอกจากฟางหยวนจะเจรจากับฟางตี้เฉิงเกี่ยวกับผลประโยชน์ของตนเอง พวกเขายังวิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบันรวมถึงหารือเกี่ยวกับวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์และสถานการณ์ของตระกูลฟางกระทั่งความเป็นไปได้ทั้งหมดของทะเลทรายตะวันตกในเวลาเดียวกัน
สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถทำความเข้าใจได้ด้วยสมองของมนุษย์ทั่วไป พวกเขาจำเป็นต้องใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาและสร้างกลุ่มความคิดจำนวนนับไม่ถ้วนเพื่ออนุมานและโต้เถียง
ฟางหยุนและฟางเล้งมึนงงไปอย่างสมบูรณ์ พวกเขารู้สึกว่าฟางหยวนและฟางตี้เฉิงเป็นสัตว์ประหลาดที่น่าเหลือเชื่อ
สัตว์ประหลาดสองตัวนี้พูดออกมาโดยไม่ต้องใช้เวลาคิด คำพูดของพวกเขาแหลมคมราวกับดาบ การฟังบทสนทนาของพวกเขาทำให้ผู้ฟังรู้สึกราวกับเป็นคนโง่
‘ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปัญญาของข้าไม่เพียงพอ แม้ข้าจะมีวิญญาณอมตะ แต่ข้าพึ่งได้รับพวกมันมาไม่นานและพวกมันก็ไม่ใช่ชุดวิญญาณที่สมบูรณ์ เปรียบเทียบกับฝ่ายตรงข้าม รากฐานของข้ายังอ่อนแอเกินไป’
‘ในอนาคตหากข้าต้องต่อสู้กับตระกูลฟาง ข้าต้องฆ่าคนผู้นี้เป็นคนแรก!’
ในแง่ของเส้นทางแห่งปัญญา ฟางตี้เฉิงเหนือกว่าฟางหยวน แต่ฟางหยวนมีพลังการต่อสู้ระดับแปดที่เหนือกว่าฟางตี้เฉิงมาก
ฟางตี้เฉิงคิด ‘ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาของคนผู้นี้ช่างน่าทึ่งนัก หากเขาเข้าร่วมกับตระกูลฟาง มันจะยอดเยี่ยมมาก!’
เขารู้สึกต้องการดึงบุคคลที่มีพรสวรรค์ผู้นี้เข้าสู่ตระกูลฟาง
แน่นอนว่านี่เป็นกรณีที่เขาไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของฟางหยวน
“ฮ่าฮ่าฮ่า” ฟางหยวนหัวเราะออกมาอย่างกะทันหัน
ผู้อมตะตระกูลฟางรู้สึกสับสนเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะดังกล่าว
ฟางหยวนป้องหมัดโค้งคำนับฟางตี้เฉิง “ข้าได้ยินชื่อเสียงของผู้อาวุโสมานานแล้ว ครั้งนี้ข้าได้เรียนรู้มากมายจริงๆ”
ทัศนคติที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของฟางหยวนทำให้ทุกคนรู้สึกประหลาดใจ พวกเขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดฟางหยวนถึงริเริ่มใช้ถ้อยคำที่อ้อนน้อมมากขึ้น
“ก่อนหน้านี้ข้าสร้างปัญหาให้กับตระกูลของท่าน ตอนนี้เมื่อเห็นทักษะของท่านแล้ว ข้าจะทำเช่นนั้นต่อไปได้อย่างไร?” ฟางหยวนขอโทษแต่ยังแฝงความเย่อหยิ่งเอาไว้
‘โอ้ ข้าเข้าใจแล้ว คนผู้นี้มีความภาคภูมิใจในตัวเอง เขาทดสอบข้า หลังจากเห็นความสามารถของข้า ในที่สุดเขาก็ยอมรับข้า เขาก็น่าประทับใจเช่นกัน’ ฟางตี้เฉิงรู้สึกประทับใจ ‘ด้วยบุคลิกและความสามารถระดับนี้ แต่เขากลับไม่ได้หยิ่งยโส เขาจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อตระกูลฟาง แต่ตอนนี้วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์สำคัญที่สุด เรื่องของเขาสามารถรอได้’
เนื่องจากฟางหยวนเลือกที่จะถอยหลังหนึ่งก้าว ทั้งสองฝ่ายจึงไม่จำเป็นต้องโต้เถียงกันอีก พวกเขาเริ่มสร้างข้อตกลงใหม่อย่างรวดเร็ว
ข้อตกลงพันธมิตรที่สร้างขึ้นในครั้งนี้เข้มงวดมาก มันไม่มีช่องโหว่ใดๆ กระทั่งฟางหยวนยังลอบขมวดคิ้ว เงื่อนไขทั้งหมดระบุไว้อย่างชัดเจน แม้เขาจะสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะชำระล้างตัวเองกำจัดมันออกไปได้ แต่มันก็ไม่ง่ายที่จะหลุดพ้นจากข้อจำกัดเหล่านี้
แน่นอนว่าตระกูลฟางถูกผูดมัดด้วยข้อตกลงที่เท่าเทียม
ตั้งแต่ข้อตกลงพันธมิตรถูกสร้างขึ้น ทั้งสองฝ่ายก็กลายเป็นคนใกล้ชิด ฟางหยุน ฟางเล้ง และคนอื่นๆมองฟางหยวนด้วยสายตาที่อบอุ่นมากขึ้น
“วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์มีความสำคัญมาก ได้รับความช่วยเหลือจากสหายซวนปู้จินถือเป็นพรของพวกเรา ข้าหวังว่าเจ้าจะไปที่อู่เรือพิพากษากับข้าเพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้” ฟางตี้เฉิงเชิญ
ฟางหยวนลอบกลอกตา
ฟางตี้เฉิงผู้นี้ยังไม่ไว้ใจเขาหลังจากสร้างข้อตกลงพันธมิตรและต้องการให้ฟางหยวนอยู่ใกล้ๆ
ปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งปัญญาเป็นตัวตนที่รับมือได้ยากอย่างแท้จริง
แต่ความมั่นใจของฟางหยวนอยู่ที่พลังการต่อสู้ของเขา เขาไม่กลัวตระกูลฟาง ในความเป็นจริงเขาต้องการให้ตระกูลฟางโจมตีเขา ด้วยวิธีนี้เขาจะสามารถทำตามข้อตกลงพันธมิตรที่ว่าหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งวางแผนต่อต้านอีกฝ่าย อีกฝ่ายจะสามารถตอบโต้โดยไม่ต้องคำนึงถึงข้อตกลงพันธมิตร
หลังจากจัดการเรื่องของฟางหยวน ฟางตี้เฉิงก็เริ่มซ่อมแซมหอดอกไม้ร่วงโรย
ครึ่งวันต่อมาผู้อมตะตระกูลฟางก็ร่วมมือกันซ่อมแซมหอดอกไม้ร่วงโรยได้อย่างสมบูรณ์
การซ่อมแซมคฤหาสน์วิญญาณที่ได้รับความเสียหายเป็นเรื่องยากแต่ตระกูลฟางเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้
ไม่นานหลังจากนั้นกำลังเสริมของตระกูลฟางก็มาถึง มีผู้อมตะระดับเจ็ดจำนวนสองคนและผู้อมตะระดับหกอีกหนึ่งคน
หลังจากรักษาอาการบาดเจ็บของฟางอันเล่ยให้คงที่ นางถูกส่งกลับไปที่ฐานทัพใหญ่ของตระกูลฟางโดยฟางเฉินในสภาพหมดสติ
หนึ่งในสองกำลังเสริมระดับเจ็ดเข้าประจำการแทนฟางอันเล่ยเพื่อควบคุมหอดอกไม้ร่วงโรย
ด้วยวิธีนี้ตระกูลฟางก็มีผู้อมตะมากกว่าสิบคนอยู่ในทะเลทรายผีเขียวและครึ่งหนึ่งยังเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด! ท่ามกลางพวกเขามีผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองฟางตี้เฉิงและผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สามฟางฮั่วเฉิงที่มีชื่อเสียงในทะเลทรายตะวันตกรวมอยู่ด้วย
อาจกล่าวได้ว่าตระกูลฟางระดมกำลังรบส่วนใหญ่ของพวกเขาออกมาในภารกิจนี้ พวกเขาแสดงความปรารถนาที่มีต่อวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ออกมาอย่างชัดเจน
‘ตระกูลฟางนำผู้อมตะออกมามากมาย พวกเขาวางแผนมานานแล้ว พวกเขาอาจส่งกองกำลังอื่นไปปกป้องแหล่งทรัพยากรหรืออาจมีพันธมิตรลับ’
หากเกิดข้อผิดพลาด ตระกูลฟางอาจถูกต่อต้านโดยกองกำลังอื่นและประสบความสูญเสียครั้งใหญ่ นี่เป็นความเสี่ยงที่พวกเขาต้องแบกรับ
‘แต่เพื่อคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ ความเสี่ยงนี้คุ้มค่า!’ ฟางหยวนพยักหน้าอยู่ในใจ เขาเห็นด้วยกับการกระทำนี้
หลังจากพักผ่อนชั่วครู่ คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามหลังก็บินออกไปพร้อมกัน
ฟางหยวนยืนอยู่ข้างกายฟางตี้เฉิง
สิ่งที่ไม่คาดคิดคือฟางตี้เฉิงให้ฟางหยวนมีส่วนร่วมในการควบคุมคฤหาสน์วิญญาณอมตะอู่เรือพิพากษา
การให้สิทธิในการควบคุมคฤหาสน์วิญญาณอมตะก็เหมือนกับการเปิดเผยความลับของมันให้เขาฟัง
หากฟางหยวนสามารถเรียนรู้ความลึกซึ้งของอู่เรือพิพากษาได้ในช่วงเวลานี้ มันจะไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะจัดการมันในอนาคต
เมื่อเห็นการแสดงออกของฟางหยวน ฟางตี้เฉิงเผยรอยยิ้มพึงพอใจ “สหาย เจ้าสงสัยงั้นหรือว่าเหตุใดข้าถึงเชื่อใจเจ้ามากนัก? ฮ่าฮ่า ในความเป็นจริงมันไม่ใช่ปัญหาสำหรับเราแม้เจ้าจะสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับอู่เรือพิพากษา ประการแรก เรามีข้อตกลงพันธมิตร ประการที่สอง บางสิ่งพูดง่ายในทางทฤษฎี ประการที่สาม การออกแบบอู่เรือพิพากษาของเราไม่เคยหยุดนิ่ง ความจริงก็คือพวกเราพัฒนาคฤหาสน์วิญญาณอมตะของเราตลอดเวลา’
ฟางหยวนถูกล่อลวง “ข้าได้เรียนรู้มากมายในวันนี้”
ฟางตี้เฉิงหัวเราะเสียงดัง “กล่าวถึงเรื่องนี้ข้าไม่แน่ใจเกี่ยวกับสถานการณ์ของเจ้า เจ้าบ่มเพาะอยู่ในทะเลทรายผีเขียวมาตลอดเลยงั้นหรือ?”
ฟางหยวนไม่ตกใจเมื่อถูกถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาเตรียมรับมือไว้แล้ว เขาตอบได้อย่างเหมาะสม กระทั่งฟางตี้เฉิงก็ไม่รู้สึกถึงสิ่งผิดปกติ
ทั้งสองพูดคุยกันต่อไปขณะที่ผู้อมตะคนอื่นๆในอู่เรือพิพากษาให้ความสำคัญกับการควบคุมคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้
‘ดูเหมือนฟางตี้เฉิงจะต้องการดึงข้าเข้าสู่ตระกูล’ ฟางหยวนรู้สึกขบขันอยู่ภายใน
แต่ภายนอกเขายังแสดงออกอย่างสงบนิ่ง
“เรามาถึงแล้ว” หลังจากบินมาได้ระยะหนึ่ง ฟางตี้เฉิงก็ออกคำสั่งให้คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามหลังหยุดเคลื่อนไหว
ที่นี่ยังอยู่ในอาณาเขตของทะเลทรายผีเขียว แต่มันดูเหมือนทะเลทรายทั่วไปที่ไม่โดดเด่น
ฟางตี้เฉิงหรี่ตามอง “วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ถูกซ่อนไว้ลึกลงไปใต้ดิน จัดตั้งเขตแดน!”
ท่าไม้ตายเขตแดนอมตะเขาวงกตดอกท้อ!
ทันใดนั้นต้นไม้จำนวนมากก็เติบโตขึ้นในรัศมีหนึ่งพันลี้
‘ยอดเยี่ยม!’ หัวใจของฟางหยวนสั่นคลอนเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้
นี่เป็นท่าไม้ตายเขตแดนอมตะที่สามารถดักจับแม้กระทั่งผู้อมตะระดับแปด มันน่าประทับใจมาก
ท้ายที่สุดสิ่งนี้ก็เกิดขึ้นด้วยการรวมพลังของคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ดสามหลัง
“โอ้ พวกเขาอยู่ที่นี่งั้นหรือ?” ลึกลงไปใต้ดิน หัวใจของเฉินอี้เต้นแรงขึ้น
ตอนนี้เขาแทรกซึมเข้าไปในวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์แล้ว!
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1522 เกราะสวนผัก (อ่านฟรี)
แปลโดย iPAT
นิกายบัวสวรรค์ถูกสร้างขึ้นโดยเทพอมตะบัวสวรรค์ในยุคของเขา มันเป็นนิกายอันดับหนึ่งของภาคกลางอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ตอนนี้สถานะของมันลดลงมาอยู่ในระดับกลางๆเท่านั้น
ยุคสมัยเปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นผู้คนหรือองค์กรย่อมไม่มีสิ่งใดคงอยู่ได้ตลอดไป ไม่มีกองกำลังใดแข็งแกร่งหรืออ่อนแอตลอดกาล
ในฐานะผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของนิกายบัวสวรรค์ เฉินอี้ได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะบัวสวรรค์ เขามีความสามารถในการแทรกแซงวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์
เทพธิดาจื่อเว่ยเชี่ยวชาญในการใช้คนให้ถูกกับงาน นางรู้ว่าเฉินอี้สามารถยึดครองวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ได้เพียงลำพังและมีโอกาสสูงที่เขาจะประสบความสำเร็จในการกำจัดอสูรวิญญาณแรกกำเนิดในตำนาน
แต่มีอุปสรรคที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นระหว่างทาง
‘เพราะอสูรวิญญารแรกกำเนิดชิงโจวถือกำเนิดขึ้นในวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ มันได้รับพลังอำนาจบางส่วนมาจากต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรม ดังนั้นมันจึงสามารถสัมผัสได้ถึงบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับเทพปีศาจจิตวิญญาณ หากข้าสามารถจับมันได้ ข้าจะสามารถค้นคว้าและทำให้ข้าเข้าใจต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรมได้มากขึ้น สิ่งสำคัญที่สุดคือข้าจะสามารถใช้มันเพื่อค้นหาสมาชิกนิกายเงา!’
เฉินอี้ถูกล่อลวง
เดิมทีการยึดครองวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์และสังหารชิงโจวอาจมีปัญหาอยู่บ้างแต่ตอนนี้ชิงโจวอ่อนแอลงแล้วและยังถูกกำหราบโดยวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์อย่างสมบูรณ์ ขณะที่เฉินอี้เป็นผู้อมตะระดับแปดของนิกายบัวสวรรค์ เขาแข็งแกร่งมาก ดังนั้นการยึดครองวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์และกำจัดชิงโจวจึงไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป
อย่างไรก็ตามเฉินอี้ต้องไตร่ตรองอย่างรอบคอบ
เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของนิกายบัวสวรรค์ เขามีสถานะสูงที่สุดที่นั่น หากเขาประสบความสำเร็จในภารกิจนี้ เขาจะเข้าสู่วังสวรรค์ เขาจะไม่ใช่ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของนิกายบัวสวรรค์อีกต่อไป ขณะเดียวกันสถานะในวังสวรรค์ของเขาจะตกต่ำลงอย่างมาก
วังสวรรค์เป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก หลังจากเฉินอี้เข้าร่วม เขาจะเป็นเพียงคนใหม่และมีสถานะต่ำที่สุด
เฉินอี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของนิกายบัวสวรรค์มานาน เขาเคยชินกับการเป็นผู้มีอำนาจสูงสุด เขารู้สึกไม่สบายใจหากสถานะของเขาจะตกต่ำลง เขาต้องการเปลี่ยนสิ่งนี้และยกระดับสถานะของตนเองหากเป็นไปได้
และเพื่อยกระดับสถานะของตนในวังสวรรค์ เขาต้องทำตัวให้เป็นประโยชน์
‘หากข้าสามารถควบคุมชิงโจว ข้าจะสามารถออกไล่ล่านิกายเงา ข้าจะกลายเป็นคนสำคัญของวังสวรรค์ สถานะของข้าจะพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ข้าจะไม่อยู่ในจุดที่น่าอึดอัดในฐานะคนใหม่อีก’
‘บรรพชนบัวสวรรค์มีต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรม แต่ท่าไม้ตายนี้เป็นเส้นทางแห่งไม้ ท่านอาจไม่ได้ทำนายสถานการณ์ในวันนี้เอาไว้ หากท่านรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ในตอนนี้ ท่านจะเข้าใจว่าเหตุใดข้าถึงทำสิ่งนี้’ เฉินอี้ตัดสินใจ
หลังจากแทรกซึมเข้าสูงวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ เขาใช้มันกำหราบชิงโจว
แต่ในช่วงเวลาที่เขาพยายามปราบปรามอสูรวิญญาณแรกกำเนิดในตำนานตัวนี้ คฤหาสน์วิญญาณอมตะของตระกูลฟางกลับปรากฏขึ้นและจัดตั้งเขตแดนอมตะเขาวงกตดอกท้อ
เฉินอี้ตระหนักได้ทันที ‘พวกเขามาถึงแล้ว’
เขายังสามารถรักษาความสงบ เรื่องนี้เป็นไปตามความคาดหมายของเขา
“ไป!” เฉินอี้ที่ยืนอยู่ในวังหันหน้าเข้าหาชิงโจวและสะบัดแขนเสื้อออกคำสั่งผีเฒ่าไป่จุนและสนมอินทรีย์
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา พวกเขาถูกกำหราบเรียบร้อยแล้ว
ผีเฒ่าไป่จุนและสนมอินทรีย์ต้องการต่อต้าน แต่หลังจากตระหนักถึงตัวตนของเฉินอี้และอำนาจในการสะกดข่มเจ้านายของพวกเขา ทั้งสองจึงกลายเป็นลูกน้อยของเฉินอี้ไปในที่สุด
“โฮก…”
ประตูวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์เปิดออกขณะที่อสูรวิญญาณจำนวนมากพุ่งออกมา
อีกด้านหนึ่ง ประตูทางออกของคฤหาสน์วิญญาณอมตะของตระกูลฟางก็เปิดออกเช่นกัน
ในฐานะปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งปัญญาและผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองฟางตี้เฉิงเป็นผู้นำของภารกิจนี้
เขาออกคำสั่งให้ผู้อมตะหลายคนออกไปต่อสู้
‘เขาวงกตดอกท้อช่างยอดเยี่ยมนัก ในความเป็นจริง วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ควรจะอยู่ลึกลงไปใต้ทะลทราย แต่หลังจากเขาวงกตดอกท้อถูกจัดตั้งขึ้น วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์กลับถูกเปิดเผยออกมาทันที’ ฟางหยวนที่ยังอยู่ในอู่เรือพิพากษายกย่องอยู่ในใจ
ท่าไม้ตายเขตแดนอมตะเขาวงกตดอกท้อเปลี่ยนสภาพแวดล้อมไปอย่างสมบูรณ์และยังเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ใช้งาน
ภูมิประเทศที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ที่ซ่อนอยู่เผยตัวออกมา
ฟางหยวนไม่เข้าใจกลไกที่อยู่เบื้องหลังสิ่งนี้ เขาทำได้เพียงคาดเดาบางสิ่งเท่านั้น
คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามหลังถูกซ่อนไว้ในขณะนี้ พวกมันเป็นแกนกลางที่ค้ำจุนท่าไม้ตายเขตแดนอมตะเขาวงกตดอกท้อ
ที่ใจกลางของเขาวงกตดอกท้อคือคฤหาสน์วิญญาณอมตะที่น่าเกรงขามวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์
ตอนนี้ประตูวังเปิดออกพร้อมกับอสูรวิญญาณจำนวนมากที่พุ่งออกมา ท่ามกลางพวกมันมีอสูรวิญญาณแรกกำเนิดสามตัว
อสูรวิญญาณแรกกำเนิดทั้งสามเป็นตัวที่ฟางอันเล่ยและฟางหยวนเคยต่อสู้มาก่อนหน้านี้ อสรพิษมีปีก กระทิงหางเสือดาว และยักษ์ตาเดียว
ด้านตระกูลฟาง พวกเขามีผู้อมตะหกคน ผู้อมตะระดับหกสองคน ผู้อมตะระดับเจ็ดสี่คน ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สามฟางฮั่วเฉิงเป็นผู้นำกลุ่มบุกโจมตี
กองทัพอสูรวิญญาณไม่ได้โจมตีผู้อมตะตระกูลฟางแต่ยืนนิ่งอยู่รอบๆวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์
เมื่อการต่อสู้เริ่มขึ้น ผู้อมตะตระกูลฟางตกตะลึงเป็นอย่างมาก พวกเขาโจมตีอย่างรุนแรง แต่อสูรวิญญาณเหล่านั้นกลับได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยและสามารถฟื้นฟูตัวเองได้อย่างรวดเร็ว
“เกิดสิ่งใดขึ้น?”
“อสูรวิญญาณเหล่านี้ดูผิดปกติ พวกมันจัดขบวนรบได้อย่างเป็นระเบียบ”
ขณะที่ผู้อมตะตระกูลฟางรู้สึกสงสัย เฉินอี้ตะโกนและทำให้วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ปลดปล่อยแสงสีเขียวออกมา
แสงสีเขียวควบรวมเป็นเกราะไม้ติดอยู่บนร่างของอสูรวิญญาณเหล่านั้นและปกป้องพวกมันตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
ฟางหยวนไม่เข้าใจแต่การแสดงออกของฟางตี้เฉิงกลับเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด เขาอุทาน “ท่าไม้ตายอมตะของวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ เกราะสวนผัก!”
“เกราะสวนผัก?” ฟางหยวนถาม
ฟางตี้เฉิงมองเขาและเผยรอยยิ้มขมขื่น “นี่คือข้อมูลทั้งหมดที่ตระกูลฟางมี เรารู้เพียงชื่อและลักษณะของมันแต่ไม่รู้ผลกระทบที่แน่ชัด”
ฟางหยวนมองไปที่สนามรบด้วยความสนใจ “สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับเทพอมตะบัวสวรรค์ มันย่อมไม่ง่าย เราควรตรวจสอบมันก่อน”
ฟางตี้เฉิงพยักหน้า “ถูกต้อง”
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1523 กรรโชกทรัพย์
แปลโดย iPAT
ผู้อมตะตระกูลฟางยังโจมตีกองทัพอสูรวิญญาณอย่างต่อเนื่องและสร้างเป็นฉากที่เหมือนทุ่งดอกไม้ไฟหลากหลายสีสัน
ใบหน้าของผู้อมตะตระกูลฟางสะท้อนแสงแต่การแสดงออกของพวกเขากลับค่อนข้างน่าเกลียด
“แม้จะมีอสูรวิญญาณบางตัวถูกสังหาร แต่มันกลับมีผลเพียงเล็ก เกราะสีเขียวของพวกมันเชื่อมต่อและแบ่งปันความเสียหายให้พวกมันเท่าๆกัน ช่างน่าอัศจรรย์นัก!”
ผู้อมตะระดับหกของตระกูลฟางไม่พอใจกับผลลัพธ์ดังกล่าว
ในจังหวะนี้ผู้อมตะหญิงชุดสีม่วงของตระกูลฟางก็บินออกมาจากคฤหาสน์วิญญาณอมตะกรงสัตว์อสูร
“ให้ข้าลองดู” นางตะโกนและกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะที่เตรียมเอาไว้
ทันใดนั้นควันพิษก็ปรากฏขึ้นและเคลื่อนเข้าปกคลุมวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์รวมถึงกองทัพอสูรวิญญาณทั้งหมด
ท่ามกลางควันพิษ นกกระจอกจำนวนนับไม่ถ้วนบินออกไปราวกับลูกศร สิ่งนี้เกิดจากท่าไม้ตายอมตะ
นกกระจอกหลายสิบล้านตัวบินเข้าโจมตีกองทัพอสูรวิญญาณและสร้างเป็นฉากที่วุ่นวาย
แต่ในไม่ช้าผู้อมตะตระกูลฟางก็แสดงออกด้วยใบหน้ามืดครึ้ม
ท่าไม้ตายอมตะนี้ดูยิ่งใหญ่แต่ผลลัพธ์ของมันกลับตรงกันข้าม
“กระทั่งท่าไม้ตายอมตะนกกระจอกลูกศรเมฆาบนเส้นทางแห่งพิษของฟางจื่อก็ยังไร้ประโยชน์ ดูเหมือนเกราะสวนผักจะไม่มีจุดอ่อน” ฟางตี้เฉิงขมวดคิ้วลึก
เขาหันหน้าไปทางฟางหยวน “ข้าสงสัยว่าสหายซวนปู้จินคิดเห็นอย่างไร?”
ฟางหยวนส่ายศีรษะ “ข้าไม่พบจุดอ่อนใดๆเช่นกัน แต่ในความคิดเห็นอันต่ำต้อยของข้า วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ดูเหมือนจะแตกต่างจากก่อนหน้า ตอนนี้มันเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น เกราะสวนผักเป็นเพียงแง่มุมหนึ่ง สิ่งสำคัญคืออสูรวิญญาณเหล่านั้นสามารถประสานงานและสร้างความร่วมมืด พวกมันปกป้องวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ มันแตกต่างจากก่อนหน้านี้มากเกินไป”
ฟางตี้เฉิงพยักหน้า
เขารู้ว่าฟางเล้งกับฟางหยุนเคยต่อสู้กับวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์มาก่อน มันสามารถพุ่งชนได้เท่านั้นและไม่เคยปลดปล่อยท่าไม้ตายอมตะใดๆออกมา
อย่างไรก็ตามตอนนี้วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์กลับไม่เคลื่อนไหว มันเหมือนป้อมปราการที่ทำให้ตระกูลฟางไม่สามารถทำสิ่งใด
ความแตกต่างระหว่างการต่อสู้ทั้งสองครั้งทำให้ฟางตี้เฉิงรู้สึกกังวล
‘ข้าใช้ท่าไม้ตายเขตแดนอมตะเขาวงกตดอกท้อแต่วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์กลับไม่ตอบโต้ มันเพียงป้องกันตัวและไม่เคลื่อนไหว เป็นไปได้หรือไม่ว่ามันกำลังถ่วงเวลา?’
ฟางตี้เฉิงคิดเกี่ยวกับความเป็นไปได้ทั้งหมดก่อนจะตัดสินใจ
เขาออกคำสั่งผู้อมตะตระกูลฟางที่กำลังต่อสู้อยู่ในสนามรบ “กลับมา เราจะใช้เขาวงกตดอกท้อโจมตี!”
เขาวงกตดอกท้อเป็นท่าไม้ตายเขตแดนอมตะ มันสามารถดักจับผู้อมตะระดับแปด มันไม่ใช่สิ่งที่สามารถรับมือได้โดยง่าย
ผู้อมตะของตระกูลฟางบินกลับเข้าไปในคฤหาสน์วิญญาณอมตะของพวกเขาก่อนที่เขาวงกตดอกท้อจะเริ่มทำงาน
คลื่นแสงสีเขียวจากเขาวงกตดอกท้อพุ่งเข้าไปหาวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ กองทัพอสูรวิญญาณถูกบังคับให้ล่าถอย พวกมันถูกส่งลอยกลับหลังและไม่สามารถต่อต้าน
อสูรวิญญาณคำรามแต่พวกมันก็ไม่สามารถทำสิ่งใด
เฉินอี้ขมวดคิ้วอยู่ในวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ “เขาวงกตดอกท้อไม่ธรรมดาจริงๆ”
เขายังอยู่ระหว่างการปราบปรามชิงโจว ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถควบคุมวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างอิสระ
วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ปลดปล่อยแสงสว่างออกมาอีกครั้งและช่วยปกป้องอสูรวิญญาณทั้งหมด
อสูรวิญญาณแรกกำเนิดทั้งสามตัวราวกับได้รับการสนับสนุนครั้งใหญ่ ร่างกายของพวกมันขยายขึ้นและกลายเป็นสัตว์ประหลาดขนาดมหึมา
สัตว์ประหลาดร่างยักษ์ทั้งสามราวกับภูเขาที่ปิดกั้นคลื่นแสงสีเขียวเอาไว้ทั้งหมด
ในจังหวะนี้เขาวงกตดอกท้อพลันเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง
คลื่นแสงสีเขียวจางหายไปก่อนที่รัศมีแสงสีแดงจะปรากฏขึ้นราวกับดวงดาวบนท้องฟ้าในยามราตรี
พวกมันกลายเป็นดอกไม้ที่สดใสเบ่งบานอยู่ในสวน กลีบดอกไม้จำนวนนับไม่ถ้วนลอยอยู่กลางอากาศ
กลีบดอกไม้ค่อยๆควบรวมและกลายเป็นร่างมนุษย์พฤกษาจำนวนมากลอยอยู่บนท้องฟ้า
“นี่คือท่าไม้ตายอมตะที่เรียกว่านักรบบุปผาวายุ สหาย ข้าขอรบกวนให้เจ้าช่วยควบคุมส่วนหนึ่งของพวกมันด้วย” ฟางตี้เฉิงกล่าวกับฟางหยวน
ฟางหยวนพยักหน้า หลังจากได้รับอนุญาต เขาก็สามารถควบคุมนักรบบุปผาวายุร่างมนุษย์
ในความพยายามครั้งแรก ฟางหยวนสามารถควบคุมนักรบบุปผาวายุได้สิบสองตน
“หือ?” ดวงตาของฟางหยวนเปล่งประกายด้วยความประหลาดใจ “นักรบบุปผาวายุสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะของผู้ควบคุมด้วยการระเบิดตัวเองไปพร้อมกัน”
“เจ้าช่างฉลาดนัก นี่คือวิธีใช้นักรบบุปผาวายุ” ฟางตี้เฉิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ฟางหยวนทดลองใช้ท่าไม้ตายอมตะความคิดอุกกาบาตเพลิง
ทันใดนั้นนักรบบุปผาวายุที่เขาควบคุมก็บินไปที่วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์และระเบิดตัวมันเอง
หลังจากจุดชนวน ความคิดอุกกาบาตเพลิงก็พุ่งลงสู่พื้น
วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ไม่เคลื่อนไหวแต่อสูรวิญญาณแรกกำเนิดทั้งสามถูกความคิดอุกกาบาตเพลิงโจมตีและทำให้ร่างกายของพวกมันสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง
ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น เขายกย่องด้วยความประหลาดใจ “ท่าไม้ตายถูกปลดปล่อยออกมาด้วยความเร็วเกือบเท่ากับร่างต้นใช้ด้วยตัวเอง ไม่เพียงมันจะสามารถแก้ไขจุดอ่อนของคฤหาสน์วิญญาณอมตะ แต่มันยังช่วยให้เราสามารถใช้ประโยชน์จากจำนวนโดยไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่าย”
ขณะที่เขากล่าวถ้อยคำเหล่านี้ เขาก็บังคับนักรบบุปผาวายุตรงไปยังอสูรวิญญาณแรกกำเนิดทั้งสาม
ท่าไม้ตายอมตะทาสแปดสิบต่อร้อย!
หลังจากถูกโจมตีด้วยท่าไม้ตายนี้ ร่างของอสูรวิญญาณแรกกำเนิดทั้งสามก็หยุดนิ่ง พวกมันถูกโจมตีด้วยพลังงานที่ไร้รูปแบบ
ในเวลาเดียวกันนักรบบุปผาวายุอีกสามตนก็ระเบิดตัวเองและปลดปล่อยท่าไม้ตายอีกสามท่าออกมา
แต่ในเวลาต่อมาวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ก็ปลดปล่อยแสงสีเขียวออกมารักษาอาการบาดเจ็บของพวกมันอย่างรวดเร็ว
การต่อสู้ที่ดุเดือด!
แม้ท่าไม้ตายอมตะนักรบบุปผาวายุจะยอดเยี่ยม แต่วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ก็แข็งแกร่งเช่นกัน นอกจากนั้นอสูรวิญญาณแรกกำเนิดทั้งสามก็เหมือนป้อมปราการที่ไม่สั่นคลอน
ฟางหยวนมีวิธีการมากมายที่ยังไม่ได้ใช้ เขาไม่ได้ใช้ไพ่ตายที่แท้จริงออกมา แต่ผู้อมตะของตระกูลฟางก็เช่นกัน ดังนั้นสถานการณ์จึงกลายเป็นชะงักงัน
ฟางตี้เฉิงขมวดคิ้ว เขาวงกตดอกท้อมีวิธีการโจมตีเพียงสามรูปแบบ ตอนนี้พวกเขาใช้ไปแล้วสองแต่สถานการณ์ยังไม่เปลี่ยนแปลง
การป้องกันของวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ทรงพลังเกินไป
เมื่อฟางตี้เฉิงกำลังจะใช้วิธีที่สาม ฟางหยวนกลับเคลื่อนไหว
ทาสแปดสิบต่อร้อย!
ทาสแปดสิบต่อร้อย!
ทาสแปดสิบต่อร้อย!
นักรบบุปผาวายุสามตนระเบิดตัวเองและปลดปล่อยท่าไม้ตายอมตะทาสแปดสิบต่อร้อยออกมาพร้อมกัน
ท่าไม้ตายทั้งสามพุ่งเป้าไปที่อสูรวิญญาณแรกกำเนิดอสรพิษมีปีกและทำให้ร่างของมันแข็งค้างราวกับรูปปั้น หลังจากไม่นานมันก็ตกเป็นทาสของฟางหยวน
อสูรวิญญาณแรกกำเนิดตัวที่สอง!
ไม่ว่าจะเป็นเฉินอี้หรือฟางตี้เฉิง ทั้งสองต่างตกใจ
วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์สนับสนุนอสูรวิญญาณแรกกำเนิดเหล่านี้ด้วยชุดเกราะสวนผัก พวกมันมีการป้องกันที่แข็งแกร่งและสามารถรักษาตัวเองได้ทันที มันยากที่จะถูกทำลาย
แต่ฟางหยวนกลับเพิกเฉิยต่อสิ่งเหล่านี้และควบคุมอสูรวิญญาณแรกกำเนิดโดยตรง
“สหาย เจ้ามีวิธีการที่น่าทึ่ง ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งทาสคือจุดอ่อนของเกราะสวนผัก ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถใช้มันต่อไป” ฟางตี้เฉิงหยุดก่อนกล่าวต่อ “เราจะตอบแทนเจ้าอย่างเต็มที่!”
เฉินอี้ก่นเสียงเย็น “เขาใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนนี้จริงๆ น่าเสียดายที่พวกมันไม่ได้ถูกสร้างขึ้นจากวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ พวกเราสามารถใช้เพียงกองทัพอสูรวิญญาณเท่านั้น หากข้าใช้ทหารของวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาจะกำหราบมันได้อย่างไร?”
ภายในอู่เรือพิพากษา ฟางหยวนเผยรอยยิ้มขมขื่น “ข้าเพียงโชคดีเท่านั้น ก่อนหน้านี้ข้าใช้มันกำหราบอสูรวิญญาณแรกกำเนิดตัวหนึ่งไปแล้ว นี่คือตัวที่สอง มันเป็นขีดจำกัดของข้า หากต้องใช้มันอีกครั้ง ข้าต้องจ่ายด้วยราคามหาศาล! ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองมีความคิดเห็นอย่างไร?”
ได้ยินสิ่งนี้ ฟางตี้เฉิงรู้สึกโกรธมาก เขาคิด ‘ซวนปู้จินผู้นี้รีดไถข้าทันทีที่มีโอกาส! ราคามหาศาลงั้นหรือ? เขาหมายความว่าเขาสามารถใช้งานมันได้อีกครั้งแต่นั่นจะขึ้นอยู่กับค่าตอบแทนที่เราจะมอบให้เขา เรามีข้อตกลงพันธมิตร เขาไม่สามารถโกหกเรื่องนี้ แต่ผู้ใดจะคิดว่าเราจะถูกกรรโชกทรัพย์โดยคนนอกเพียงเพราะตระกูลฟางของเราขาดผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งทาสที่แข็งแกร่ง!’
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น