ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1510-1529

 ตอนที่ 1510 แผนซ้อนแผน


“ขอแค่เธอหาทางให้จ้าวเหมยมาร่วมงานปาร์ตี้วันเกิดถังม่านลี่ได้ ทางคุณปู่เธอฉันจะจัดการเอง” โฮ่วเซิ่งหนานพ่นควันบุหรี่ออกมาอย่างมั่นใจ


ยายโง่ถังม่านลี่ไม่รู้จักเจียมตัว ถ้าอย่างนั้นเธอก็จะหาคนที่เจียมตัวช่วยทำหน้าที่แทน


เจิ้งเสวี่ยซานกำลังต่อสู้กับความคิดตัวเองพักใหญ่ถึงกัดฟันพยักหน้า “ได้!”


แค่พาไปร่วมงานปาร์ตี้วันเกิดเท่านั้นเอง เธอจะต้องทำให้ได้!


ข้อเสนอที่โฮ่วเซิ่งหนานหยิบยื่นให้น่าเย้ายวนเหลือเกิน เธอต้องคว้าโอกาสนี้ไว้ไม่อย่างนั้นต้องรอไปถึงไหนกว่าคุณปู่จะยอมเปิดเผยสถานะของเธอ เธอไม่อยากรออีกแล้ว


หลังทานข้าวเสร็จพวกเหมยเหมยกลับไปพักผ่อนที่หอพักซึ่งคนอื่น ๆก็อยู่กันพร้อมหน้า ตอนนี้เจ็ดคนในหอพักเริ่มแตกคอกันแบ่งเป็นกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยอย่างชัดเจน


ถังม่านลี่กับเจิ้งเสวี่ยซานรวมถึงสวีจื่อเซวียนค่อนข้างสนิทกัน ส่วนสีอันน่าไปไหนมาไหนเพียงคนเดียวไม่สนิทกับใครเป็นพิเศษ แม้แต่กับเพื่อนผู้หญิงร่วมห้องเรียนก็ไม่มีปฏิสัมพันธ์อะไรนัก เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับฉีฉีเก๋อกลับสนิทกันมากขึ้นเพราะเหมยเหมย


“พรุ่งนี้พวกเธอต้องไปร่วมงานปาร์ตี้วันเกิดฉันที่สโมสรจินตี้นะ อย่าไปผิดที่ล่ะ” ถังม่านลี่เห็นพวกเหมยเหมยแล้วจึงจงใจพูดเสียงดังอย่างได้ใจ


“แหม…รอบนี้แฟนเธอทุ่มทุนจังนะ ไปจัดงานปาร์ตี้วันเกิดที่สโมสรจินตี้ ที่นั่นราคาอย่างต่ำตั้งสี่ร้อยแปดสิบแปดเชียว” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนรู้แหล่งบันเทิงในเมืองหลวงดีเลยยิ้มตาหยีแซว


นับตั้งแต่สโมสรอันดับหนึ่งประสบความสำเร็จก็มีสโมสรผุดขึ้นกลางเมืองหลวงราวกับดอกเห็ด ซึ่งมีทั้งราคาสูงต่ำคละกันไป สโมสรอันดับหนึ่งนับว่าอยู่ขั้นกลางไปทางสูง แวดวงสังคมของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไปสนุกกันที่นั่นเป็นประจำ


ถังม่านลี่ยิ่งได้ใจกว่าเดิม “ครอบครัวพอลรวยอยู่แล้ว เขารักฉันขนาดนี้เงินแค่นี้เล็กน้อย”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเหลือบมองข้อมือเธอแวบหนึ่งเห็นว่าว่างเปล่าเลยแค่นเสียงที พูดแดกดันใส่ “นั่นสิ…คนยิ่งรวยยิ่งขี้เหนียว ถังม่านลี่กว่าเธอจะจับคนรวยที่ยอมเสียเงินเพื่อเธอได้ไม่ง่ายเลยนะ จับให้แน่น ๆล่ะ!”


ถังม่านลี่กลับคิดว่าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกำลังอิจฉาเธอเลยยิ่งดีใจจึงชวนเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับฉีฉีเก๋อไปร่วมงานปาร์ตี้วันเกิดเธอด้วย พวกเธอสองคนต่างปฏิเสธพร้อมกัน ล้อเล่นหรือไง พวกเธอไม่อยากรนหาที่ตาย!


เจิ้งเสวี่ยซานตาประกายวาวแล้วพูดอ้อมค้อม “ถังม่านลี่เธอลืมจ้าวเหมยไปแล้วเหรอ เราอยู่หอเดียวกันแล้วยังเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน เธอต้องยุติธรรมสิ!”


ถังม่านลี่พูดแค่นเสียงใส่ “เจ้าตัวอาจจะไม่อยากไปก็ได้!”


“ใครว่าฉันไม่อยากไปกัน ฉันก็อยากไปเปิดหูเปิดตาที่สโมสรจินตี้เหมือนกันนี่นา คืนพรุ่งนี้กี่โมง? ห้องไหน?” คำพูดของเหมยเหมยสร้างความตกใจแก่คนทั้งหอพักโดยเฉพาะเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนที่พยายามขยิบตาให้เธอ


ให้ตาย ดาวมหาวิทยาลัยสมองส่วนไหนผิดปกติ?


เจิ้งเสวี่ยซานก็ตกใจเหมือนกัน เดิมทีเธอเตรียมคำพูดไว้เกลี้ยกล่อมจ้าวเหมย แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจ้าวเหมยจะตอบตกลงง่ายดายขนาดนี้ ทำเอาเธอนึกแปลกใจ


เหมยเหมยกลับคิดว่าถังม่านลี่ได้รับคำสั่งจากพอลมาถึงจงใจจัดงานปาร์ตี้วันเกิด โฮ่วเซิ่งหนานถึงบอกว่าให้หลอกล่อเธอออกมาอยู่ตามลำพัง ทางถังม่านลี่ถึงขนาดไปจัดงานปาร์ตี้วันเกิดที่สโมสรจินตี้แต่คนขี้เหนียวที่แม้แต่นาฬิกาข้อมือราคาร้อยกว่าหยวนยังไม่ยอมซื้อให้อย่างพอลจะควักเงินมากมายมาจัดงานปาร์ตี้วันเกิดให้ถังม่านลี่ ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามันผิดปกติ


เป็นไปได้ที่พอลกับโฮ่วเซิ่งหนานจะร่วมมือกันมาจัดการเธอ


เธอจะไปดูสักหน่อยว่านางแพศยาโฮ่วเซิ่งหนานจะทำอย่างไรกับเธอ ทางที่ดีจับจุดอ่อนนางแพศยานี้ให้ได้แล้วให้นายใหญ่ได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของหลานสาวของเขาให้ชัดเต็มสองตาดีกว่า


แต่เธอก็ไม่คิดจะไปเพียงคนเดียวแต่พาฉิวฉิวกับฉาฉาไปด้วย ส่วนทางเหยียนหมิงซุ่นเธอเลือกจะไม่บอกแล้วกัน หลายวันนี้เขางานยุ่งมากกลับบ้านดึกทุกวัน ขอแค่กลับไปถึงบ้านก่อนเหยียนหมิงซุ่นจะถึงบ้าน เหยียนหมิงซุ่นก็ไม่มีทางรู้ละ!


ขณะเดียวกัน ณ ที่ **ไห่


เฮ่อเหลียนชิงมองตาแก่ที่สีหน้าผิดปกติอย่างนึกสมน้ำหน้าและอารมณ์ดีเป็นพิเศษ แถมยังให้เลขาช่วยเติมชาต้าหงเผา[1]ให้อีกด้วย


…………………………


ตอนที่ 1511 ทำลาย


“อ่านเข้าใจไหมว่าหมายถึงอะไร? ต้องให้อธิบายไหม?”


เฮ่อเหลียนชิงเอ่ยเหน็บแนมประโยคหนึ่ง เขากำลังดื่มด่ำลิ้มรสชา จะว่าไปชาต้าหงเผาจะต้องมาดื่มถึงที่บ้านของนายใหญ่เพราะเป็นต้นตำรับที่สุดในโลกแล้ว ในหนึ่งปีได้ผลผลิตไม่ถึงหนึ่งจิน เขาแบ่งไว้ได้เพียงแค่หยิบมือ และใช้มันไปจนหมดแต่แรกแล้ว


นายใหญ่มองตาขวางใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์ โยนแผ่นรายงานในมือทิ้งไปด้านข้าง รู้สึกอับอายขายหน้าไปเสียหมด โดยเฉพาะการอยู่ต่อหน้าคนอย่างเฮ่อเหลียนชิงนี่ด้วย หากตอนนี้โฮ่วเซิ่งหนานอยู่ต่อหน้านายใหญ่ล่ะก็ เขาคงจะยิงหลานสาวจอมเฮงซวยคนนี้ทิ้งเสียแล้ว


“ต่างประเทศมันอันตรายจริง ๆ ตอนนั้นผมไม่ควรส่งโฮ่วเซิ่งหนานออกนอกประเทศ จะต้องเป็นเพราะเพื่อนร่วมห้องหรือไม่ก็เพื่อนของเธอที่มีโรคนี้อยู่แพร่เชื้อโดยไม่ทันระวัง” นายใหญ่ถอนใจ เพื่อรักษาหน้าโฮ่วเซิ่งหนานและตัวเขาเอง


แต่เฮ่อเหลียนชิงจะยอมเห็นด้วยง่าย ๆงั้นเหรอ?


หากเขาพูดง่ายขนาดนั้น ก็ไม่เรียกว่าเฮ่อเหลียนชิงแล้วล่ะ


เขายิ้มเยาะ พลางหันไปส่งสายตาให้เหยียนหมิงซุ่นที่ยืนเงียบอยู่ด้านหลัง เอ่ยเสียงหลง “เอาของพวกนั้นออกมาให้นายใหญ่ดู เลี่ยงไม่ให้ใครบางคนตาบอด”


เหยียนหมิงซุ่นแววตาเป็นประกาย หยิบเอกสารกองใหญ่ในกระเป๋าออกมาอย่างเชื่อฟัง แล้ววางลงบนโต๊ะอย่างนอบน้อม สายตาจับจ้องนายใหญ่ไม่วางตา


เขารอวันนี้มานานแล้ว!


จู่ ๆในใจนายใหญ่ก็เกิดสังหรณ์ใจแปลก ๆ สองพ่อลูกคู่นี้ต่างก็มีความชั่วร้ายสูสีกัน สิ่งที่หยิบออกมานั้นจะต้องไม่ใช่ของดีแน่ แต่ต่อให้เขาคิดไปเองขนาดไหนก็คิดไม่ถึงว่านั่นจะเป็นภาพโป๊เปลือยของหลานสาวสุดที่รักของตน


ระดับความมันเร่าร้อน ภาพโป๊เปลือยของถังป๋อหู่[2]เทียบไม่ได้เลยสักนิด แม้แต่ตัวเขาที่ยอมรับว่าเป็นผู้มีประสบการณ์เคยเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อนยังเลือดลมสูบฉีดเดือดพล่าน …โมโหชะมัด!


สมแล้วที่นายใหญ่เป็นผู้ที่โชกโชนเรื่องปลิ้นปล้อนมามาก แม้จะปะทุไฟโทสะขึ้นมาแค่ไหนแต่ใบหน้ากลับเรียบนิ่ง ไม่แม้กระทั่งเลิกคิ้ว แต่กลับดูเอกสารกองนั้นจนหมด


“ของพวกนี้เป็นหมิงซุ่นที่สืบหามาเหรอ?” นายใหญ่เอ่ยเสียงต่ำ ดูไม่ออกว่าชอบใจหรือโมโหกันแน่


เฮ่อเหลียนชิงแย่งพูดขึ้น “ผมให้หมิงซุ่นไปสืบหาเอง ในเมื่อวันข้างหน้าจะเข้ามาอยู่ใต้ชายคาเดียวกับผม รายละเอียดเบื้องลึกเบื้องหลังแน่นอนว่าต้องสืบหาให้ชัดเจนตามธรรมเนียมนั่นแหละ แต่ตอนนี้…” เขากลับเปลี่ยนเป็นท่าทีอยากร้องไห้แต่ไร้น้ำตา พูดขึ้นมาอย่างน่าสงสาร “ไม่ง่ายเลยกว่าที่ผมจะมีลูกชายสักคน คุณเองก็ไม่ควรจะดับไฟธูปของผม จนไม่มีคนมาร่วมไว้ทุกข์ให้ในยามตาย…”


แม้นนายใหญ่จะรู้ว่าเฮ่อเหลียนชิงกำลังเล่นละครตบตาอยู่ แต่เขาจะพูดอะไรได้?


ใครใช้ให้เขามีหลานสาวที่น่าอับอายคนนั้นกันเล่า!


“ตอนนั้นผมแค่พูดไปเรื่อยเปื่อย ไม่ได้หมายหมั้นอย่างเป็นทางการ คุณจะกังวลอะไร?” นายใหญ่ฝืนยิ้มแล้วเอ่ยกลับไปไม่กี่ประโยค


เฮ่อเหลียนชิงกลับไม่ยอมรามือง่าย ๆ ดำเป็นนายที่พูด ขาวก็เป็นนายที่พูด เห็นว่าเขายอมคนง่ายขนาดนั้นเชียว?


“แต่ลูกสะใภ้ของผมไม่มีแล้ว…คุณดูสิ ดูสิ…ส่วนตาเฒ่าจ้าวนั่นไม่รู้ว่าไปฟังความคิดของไอ้บ้าคนไหนมา นึกไม่ถึงว่าจะทำเรื่องโง่เง่าแบบนี้ได้ ลูกสะใภ้ดี ๆก็ลอยหายไปในพริบตา…ช่างน่าโมโหนัก…”


เฮ่อเหลียนชิงโยนหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นลงบนโต๊ะ มุมปากของนายใหญ่กระตุกยิ้มที่มุมปาก จะจุกอกตายอยู่แล้ว


ขึ้นไม่ได้ แล้วก็ลงไม่ได้ด้วย!


เพราะว่าไอ้บ้าคนนั้นก็คือเขา!


จ้าวหวายซานจัดการได้มีประสิทธิภาพค่อนข้างสูงแต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกถูกเหน็บแนม เป็นครั้งแรกที่เขายกก้อนหินขึ้นมาทุบเท้าตัวเอง อีกนิดเดียวกระดูกก็แทบแหลกละเอียดแล้ว


ให้ตายเถอะ!


“คุณจ้าวก็เลอะเลือนเสียจริง หลานเขยดี ๆอย่างหมิงซุ่นกลับไม่ชอบ อายุมากก็ยิ่งเลอะเลือน ไว้วันหลังฉันต้องบอกเขาเสียหน่อย!” นายใหญ่เอ่ยยิ้ม ๆ เพียงไม่กี่วินาทีก็กลับมาเป็นปกติ ดูไม่ออกแม้แต่น้อยว่าเวลานี้เขาโกรธมากเพียงใด


เฮ่อเหลียนชิงจึงยอมคล้อยตาม ถึงอย่างไรเขาก็เป็นนายใหญ่ ต้องไว้หน้าเขาเสียหน่อย!


“แล้วเรื่องโฮ่วเซิ่งหนานจะเอาอย่างไรต่อ? นายท่านอย่าหาว่าผมพูดจาไม่น่าฟังล่ะ ตอนนี้การใช้ชีวิตของเชิ่งหนานค่อนข้างยุ่งเหยิงมากจริง ๆ รวมทั้งโรคในตัวของเธอ ผมกลัวว่าเมื่อถึงเวลานั้นทางมหาวิทยาลัยจะกลายเป็นหมู่บ้านเอดส์เอานะ!” เฮ่อเหลียนชิงแสดงท่าทีจริงจังมาก


…………………………………………………..


[1] ชาต้าหงเผา (大红袍) เป็นชาที่มาจากเขาอู่อี๋ซาน มณฑลฮกเกี้ยน ชาต้าหงเผา จัดอยู่ในประเภทชาอู่หลง (หรือชากึ่งหมัก) ชาต้าหงเผามีความหอมอันเป็นเอกลักษณ์คือ หอมแบบมีกลิ่นปิ้งไฟผสมกับกลิ่นดอกไม้


[2] เขาได้ชื่อว่าเป็นผู้มีสติปัญญา สามารถสอบได้เป็นที่หนึ่งแห่งเจียงหนาน และยังมากความสามารถเป็นที่ยอมรับในฝีมือ อาทิ การวาดภาพ แต่งกลอน และเขียนพู่กันจีน


ตอนที่ 1512 พูดจี้ใจดำ


เฮ่อเหลียนชิงไม่เกรงใจเลยสักนิด มหาวิทยาลัยเมืองหลวงเป็นโรงเรียนเก่าของเขา ไม่มีทางยอมให้เมล็ดพันธุ์เน่าอย่างโฮ่วเชิ่งหนานมาทำลายได้แน่!


นายใหญ่มีท่าทีหนักแน่นและลังเลเล็กน้อย เหยียนหมิงซุ่นถึงได้ส่งเสียงเอ่ย “ผมแน่ใจแล้วว่าโฮ่วเชิ่งหนานมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับอาจารย์พอลที่เป็นชาวต่างชาติของมหาวิทยาลัย นอกจากนี้ยังมีเจ้าชายไฟซาลแห่งตะวันออกกลาง เขาก็เป็นนักเรียนต่างชาติเช่นกัน ตอนนี้สองคนนี้มีแนวโน้มที่จะติดเชื้อไวรัส HIV อีกอย่าง…พอลและไฟซาลมีชีวิตส่วนตัวที่ค่อนข้างมั่วไปทั่ว เปลี่ยนแฟนไวเสียยิ่งกว่าเปลี่ยนเสื้อผ้าอีก…”


เขาไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น แต่ความหมายชัดเจนมาก


หลานสาวคนนั้นของคุณเป็นฐานไวรัสเคลื่อนที่ ทั้งยังเชื่อมความสัมพันธ์กับคนไปทั่ว หากว่านายใหญ่ยังไม่คิดหาวิธีจัดการอีกละก็ทั้งเมืองคงได้รับอันตรายจากผู้หญิงคนนี้!


“ผมต้องจัดการอยู่แล้ว หมิงซุ่นนายไปแยกเอากลุ่มคนที่น่าสงสัยทั้งหมดออกมากักตัวเพื่อตรวจสอบ” นายใหญ่เอ่ยเสียงขรึม


“โฮ่วเชิ่งหนานล่ะ?” เฮ่อเหลียนชิงไม่ยอมลดราวาศอก


นายใหญ่มีสีหน้าขึงขังจ้องเขาอย่างขุ่นเคือง “ฉันบอกแล้วว่าทั้งหมด หรือนายหูหนวกแล้ว?”


ไอ้แก่หนังเหนียวนี่ต้องจงใจแน่ จงใจอยากเห็นเขาเป็นตัวตลก ชาติชั่วทั้งรากเหง้าจริง ๆ!


เฮ่อเหลียนชิงก็ไม่ได้โมโหพลางหันไปโบกมือให้เหยียนหมิงซุ่นเป็นนัย ๆ “รีบไปจัดการ ระวังวิธีการด้วยอย่าให้คนอื่นตื่นตูมเอาได้!”


“รับทราบ ผมจะไปเดี๋ยวนี้!”


เหยียนหมิงซุ่นก็โล่งใจ ถือว่าสามารถอธิบายกับภรรยาตนได้แล้ว สองวันก่อนเหมยเหมยถามเขาว่าทำไมถึงยังไม่จัดการโฮ่วเชิ่งหนาน เขาไม่แม้แต่จะตอบคำถาม ขายขี้หน้าชะมัด


บัดนี้ด้านนอกใกล้เวลาพลบค่ำ เหยียนหมิงซุ่นส่งเฮ่อเหลียนชิงกลับสวนฟาร์ม จากนั้นพาลูกน้องไปจัดการแยกคนมากักตัว พยายามจับให้หมดภายในคืนนั้น แบบนี้ก็สามารถอธิบายกับภรรยาได้แล้ว


ตอนนี้ที่เป็นเวลาเลิกเรียน นักศึกษาต่างแยกย้ายกันไปหมดแล้ว ตามหาตัวคงยุ่งยากพอตัว


ถึงอย่างไรการใช้ชีวิตของโฮ่วเชิ่งหนานก็ค่อนข้างมั่วไปทั่ว หนึ่งแพร่เป็นสิบ สิบแพร่เป็นร้อย พอนับอย่างละเอียดก็เชื่อมกันเหมือนกับใยแมงมุมมิปาน


เหยียนหมิงซุ่นแบ่งลูกน้องออกเป็นสามกลุ่ม ตัวเขานำคนไปจับโฮ่วเชิ่งหนานด้วยตัวเอง หนึ่งกลุ่มไปตามหาไฟซาลและพอล อีกหนึ่งกลุ่มมีจำนวนคนมากสุดไปเสาะตามหาบรรดาผู้หญิงที่สองคนนี้เคยมีความสัมพันธ์ด้วย


ในที่สุดท้องฟ้าก็มืดสนิท เหยียนหมิงซุ่นและลูกน้องต่างแยกย้ายกันไปจัดการ ทุกคนล้วนเตรียมพร้อมอาวุธมาอย่างดี แม้ว่าครั้งนี้ฝ่ายตรงข้ามจะไม่ได้มีอาวุธหรือพละกำลังใด ๆ แต่ระดับความอันตรายนั้นมีไม่น้อยไปกว่าผู้ก่อการร้ายเลย


ทางด้านเหมยเหมยกลับเตรียมตัวเพื่อไปร่วมงานปาร์ตี้วันเกิดของถังม่านลี่ เธอไม่ได้กลับบ้าน แค่โทรไปบอกให้ลุงเหลาทราบ เธอจะไปร่วมงานเลี้ยงของเพื่อนร่วมชั้น ให้ลุงเหลาไปรับเธอที่สโมสรจินตี้ในเวลาสามทุ่มครึ่ง


ลุงเหลาไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก แต่เพื่อความปลอดภัยเขาจึงไปส่งเหมยเหมยที่สโมสรจินตี้ด้วยตัวเอง อีกทั้งยังรออยู่หน้าประตูใหญ่ ไม่กล้าปล่อยปละละเลยแม้แต่น้อย


คนของไฟซาลเห็นลุงเหลาเข้า พลันนึกถึงความยุ่งยากอยู่ลึก ๆจึงเตรียมที่จะลงมือด้านในสโมสร


พอลเห็นเหมยเหมยยังนึกประหลาดใจ ยังคิดว่าถังม่านลี่คงเปลี่ยนใจจึงได้รีบแจ้งข่าวโฮ่วเชิ่งหนาน เพื่อให้เธอส่งคนมา


ถังม่านลี่อารมณ์ดีสุด ๆครองไมโครโฟนไว้ไม่ยอมปล่อย เลือกเพลงฮ่องกงและไต้หวันจำนวนมาก อย่าพูดเชียวว่าเธอมีพรสวรรค์ด้านการร้องเพลงขนาดไหน มีหลายเพลงที่ฝึกแค่รอบสองรอบก็ร้องออกมาได้เลยทั้งยังร้องได้ดีเสียด้วย กลบกลิ่นอายบ้านนอกเสียมิดชิด


สวีจื่อเซวียนและสีอันน่าต่างก็อารมณ์ดี ฉีฉีเก๋อกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลับเบื่อหน่ายและตีตัวออกห่างจากถังม่านลี่ พวกเธอเห็นว่าเหมยเหมยมาด้วย รู้สึกไม่วางใจถึงได้ตามมาสมทบ


เจิ้งเสวี่ยซานจิตใจฟุ้งซ่าน ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูอยู่หลายครั้ง โฮ่วเชิ่งหนานได้มอบหมายภารกิจให้เธอหนึ่งอย่าง ให้เธอชักจูงจ้าวเหมยออกมาจากเปาเซียง[1] ถ้าให้ดีคือพาไปที่ห้องน้ำ


เหมยเหมยกลับเอาแต่จ้องถังม่านลี่ อยากรู้ว่าต่อไปผู้หญิงคนนี้จะทำอะไร โดยไม่ได้สังเกตถึงความผิดปกติของเจิ้งเสวี่ยซานเลยสักนิด


ลูกน้องของเหยียนหมิงซุ่นตามหาแหล่งที่อยู่ของไฟซาลและพอลได้อย่างรวดเร็วพลางนึกแปลกใจ จึงได้รายงานต่อเหยียนหมิงซุ่น


“ทั้งหมดไปรวมตัวกันที่สโมสรจินตี้? ทำไมถึงได้บังเอิญขนาดนี้?” เหยียนหมิงซุ่นเองก็รู้สึกแปลกใจ แต่ทันใดนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไป เมื่อครู่เขาโทรกลับไปที่บ้าน ป้าฟางบอกว่าเหมยเหมยก็ไปที่สโมสรจินตี้เพื่อร่วมงานเลี้ยงของเพื่อนร่วมชั้น


“รีบไปที่สโมสรจินตี้เดี๋ยวนี้ ให้ด่วนที่สุด!” เหยียนหมิงซุ่นออกคำสั่ง


…………………………………………………………….


ตอนที่ 1513 ใจไม่หวังดีแน่


พอลโทรเข้าไปยังเบอร์ที่พักของโฮ่วเชิ่งหนาน พอไม่มีคนรับสายจึงได้ฝากข้อความไว้กับเบอร์ รอให้โฮ่วเชิ่งหนานโทรกลับ เพียงแต่รอได้ไม่นานเขาก็คร้านที่จะสนใจแล้วจึงจดจ่อร่วมฉลองกับถังม่านลี่ วาจาและพฤติกรรมช่างกล้ามาก ทำราวกับเหมยเหมยและคนอื่นๆไม่มีตัวตนก็มิปาน


ความจริงแล้วการกระทำหลาย ๆอย่างของพอลดูจะเกินไปมาก ต่อให้อยู่ต่างประเทศ การกระทำของเขาล้วนไม่มีการให้เกียรติผู้หญิงเลย แต่ถังม่านลี่กลับไม่คิดเช่นนั้น คิดแค่ว่าต่างประเทศก็เปิดเผยเช่นนี้จึงให้ความร่วมมือต่อพอลดีมาก หยอกเย้ากันไปมาราวกับไม่มีคนอยู่ตรงนั้น


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมองจนไฟออกตา ก่นด่าเสียงต่ำ “ไร้ยางอาย ทำตามใจไม่สนผิดชอบชั่วดี อีกหน่อยจะต้องน้ำตาเช็ดหัวเข่า!”


เหมยเหมยนั่งมองอยู่เนิ่นนาน ไม่เห็นการกระทำใด ๆจากถังม่านลี่ มัวแต่สนใจเล่นสนุกอยู่กับพอลจึงรู้สึกแปลกใจมาก


หรือเธอเดาผิดไป?


“นึกไม่ถึงเลยว่าตอนนี้ยังมีแตงโมอยู่ รสชาติก็ไม่เลวด้วยนะ จ้าวเหมยเธอกินไหม?” เจิ้งเสวี่ยซานกลับยื่นแตงโมชิ้นหนึ่งมาให้กะทันหัน พลางยิ้มอ่อนโยน


เหมยเหมยประหลาดใจมาก เจิ้งเสวี่ยซานแบ่งปันแบบนี้เป็นด้วยเหรอ?


“ไม่ล่ะ ฉันไม่ชอบกินแตงโมของตอนนี้” เหมยเหมยปฏิเสธอย่างเย็นชา


เจิ้งเสวี่ยซานเห็นปฏิกิริยาของเธอเป็นดั่งที่คาด เธอกัดฟันกรอดจงใจเอ่ยว่า “จ้าวเหมย ฉันทำผิดตรงไหนเหรอ เธอพูดออกมาได้เลยฉันจะแก้ไข”


เหมยเหมยขมวดคิ้วเล็กน้อย “เธอคิดมากไปแล้ว”


“แล้วทำไมเธอถึงไม่กินแตงโมของฉัน? กลัวว่าฉันจะวางยาพิษเหรอ?” เจิ้งเสวี่ยซานยื่นแตงโมให้อีกครั้งด้วยท่าทีจริงจัง มือค้างอยู่กลางอากาศ ดูเหนือความคาดหมาย


แตงโมช่วยขับปัสสาวะ ตอนนี้อากาศก็เย็นกินเข้าไปต้องนึกอยากเข้าห้องน้ำแน่ เพื่อให้ภารกิจของโฮ่วเชิ่งหนานสำเร็จ เจิ้งเสวี่ยซานถึงยอมเปลืองสมองคิดหาวิธี


แต่กลับเป็นแผนการที่สูญเปล่า!


“ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ชอบกินแตงโม เจิ้งเสวี่ยซานเธอชอบกินก็กินไปเยอะ ๆหน่อย ขอโทษด้วยที่ฉันกินเป็นเพื่อนไม่ได้!”


เหมยเหมยระอาการเซ้าซี้ของผู้หญิงคนนี้มากจึงทอดสายตาไปยังถังม่านลี่ เห็นเธอยังคงร้อนแรงอยู่กับพอลจึงแอบผิดหวัง


เหมือนเธอจะคิดมากเกินไป!


แต่ก็ไม่รู้ว่าโฮ่วเชิ่งหนานจะใช้วิธีไหนจัดการเธอ?


เหมยเหมยเองไม่มีอารมณ์ที่จะอยู่ร่วมงานต่อ จึงหันไปบอกกับถังม่านลี่ว่าจะกลับ แต่ก็เห็นว่าหล่อนไม่สนใจพูดจารั้งอะไรเลยสักนิด เหมยเหมยจึงคิดว่าเธอคิดมากเกินไป


ลุกขึ้นพลางเดินออกไปด้านนอก เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับฉีฉีเก๋อก็เดินตามออกมาด้วย


เจิ้งเสวี่ยซานแอบกระวนกระวายใจ เนื้อเป็ดอยู่ในปากแต่กลับจะลอยวับหายไป เธอไม่ยอมล้มเลิกเด็ดขาด


“โอ๊ย ฉันกินแตงโมเยอะเกินไป ต้องไปเข้าห้องน้ำหน่อย”


เจิ้งเสวี่ยซานตามออกมาอย่างเงียบ ๆ ห้องน้ำและประตูใหญ่อยู่ตรงข้ามกัน เหมยเหมยไม่ได้สนใจเธอ เดินตรงออกประตูไป เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับฉีฉีเก๋อก็เดินตามหลังไป


“ฉีฉีเก๋อ เธอไปห้องน้ำเป็นเพื่อฉันหน่อยได้ไหม? ฉันไม่กล้าไปคนเดียว” เจิ้งเสวี่ยซานเรียกเอ่ย


“เหมยเหมย พวกเธอรอฉันสักครู่ เดี๋ยวฉันกลับมา”


ฉีฉีเก๋อเป็นคนมีน้ำใจ เมื่อเห็นว่าห้องน้ำค่อนข้างมืดจึงตกปากรับคำอย่างง่ายดาย เจิ้งเสวี่ยซานมองเหมยเหมย ก่อนจะเอ่ย “จ้าวเหมยเธอไปด้วยไหม?”


เหมยเหมยรู้สึกประหลาดใจอย่างหนึ่ง ฉิวฉิวที่อยู่ในกระเป๋าก็พูดขึ้นว่า “ไปดูหน่อยก็ได้ คน ๆนี้ต้องมีใจไม่หวังดีแน่”


“ได้สิ ฉันก็อยากเข้าอยู่พอดี”


เหมยเหมยตกปากรับคำ เจิ้งเสวี่ยซานพลันแอบดีใจ หันไปพยักหน้าเล็กน้อยให้บริกรหน้าประตู คนกลุ่มหนึ่งจึงเดินไปทางห้องน้ำ รวมถึงเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนที่ปวดฉี่กะทันหัน ห้องน้ำเงียบสงัด ไม่มีใครอยู่เลย เงียบกริบจนน่าแปลกใจ


“ผิดปกติจัง แต่ก่อนฉันมาเที่ยวเล่นแถวนี้ ห้องน้ำยังต้องต่อคิวเลย ทำไมวันนี้แม้แต่ผีสักตัวก็ไม่มี?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมองไปรอบทิศด้วยท่าทีฉงน


เจิ้งเสวี่ยซานสีหน้าเปลี่ยนไป เอ่ยขึ้นยิ้ม ๆ “อาจเพราะบังเอิญเป็นพวกเรามาล่ะมั้ง ห้องน้ำของที่นี่ดีกว่าที่โรงเรียนเราอีกนะ จุดเครื่องหอมด้วย!”


เธอเดินอยู่ด้านหน้า พลางหยุดรอเหมยเหมยและคนอื่น ๆ


“ด้านในมีคนอยู่ เป็นผู้ชายทั้งหมด” ฉิวฉิวเอ่ยอีกครั้ง


……………………………………………………….


[1] ห้องที่จุคนได้จำนวนหนึ่ง มีขนาดเล็ก และใหญ่ตาลำดับ ส่วนใหญ่จะเป็นห้องในโรงแรม ภัตตาคาร หรือร้านคาราโอเกะ


ตอนที่ 1514 จ่ายเงินให้พ้นเคราะห์


ในตอนนี้เหมยเหมยมั่นใจมาก คนที่โฮ่วเซิ่งหนานหามาไม่ใช่ถังม่านลี่ แต่เป็นเจิ้งเสวี่ยซาน


เธอแอบยิ้มเยาะแต่ไม่ได้ตามเข้าไป พลางยื่นมือเข้าไปในกระเป๋า และกดเครื่องรับส่งวิทยุไม่กี่ครั้ง ลุงเหลาที่รออยู่ด้านนอกก็รับทราบ


“ห้องน้ำนี่ดูผิดปกตินะ ฉันไม่เข้าไปดีกว่า ฉีฉีเก๋อ เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพวกเราไปกันเถอะ”


เหมยเหมยจงใจหมุนตัวกลับ เพื่อหลอกล่อให้คนด้านในออกมา อยู่ด้านนอกค่อยลงมือสะดวกหน่อย


เธอหันไปส่งสายตาให้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอีกครั้ง เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตอบสนองอย่างรวดเร็วจึงเข้าไปลากฉีฉีเก๋อที่กำลังจะเดินเข้าไปในห้องนั้น หายวับกลับมาอยู่ข้างกายเหมยเหมยอย่างว่องไว และมองไปรอบ ๆอย่างระมัดระวัง


เจิ้งเสวี่ยซานเห็นท่าไม่ดี จึงจงใจพูดขึ้นเสียงดัง “จ้าวเหมยเธอนี่เล่นสนุกอะไรอยู่ ในห้องน้ำมีอะไรทำไมถึงไม่กล้าเข้า!”


ไฟซาลที่อยู่ด้านในได้ยินเข้าก็เดือดพล่าน ทิ้งบุหรี่ในปากที่พึ่งจุดลงพื้นแล้วหันไปส่งสัญญาณมือให้ลูกน้อง บรรดาลูกน้องพวกนี้ล้วนเป็นพวกนักเลงพเนจรในเมืองหลวง ไฟซาลกระทำการอย่างใจกว้างกวาดซื้อไอ้น้องชายกลุ่มนี้มาได้อย่างง่ายดาย


เหมยเหมยไม่ได้ใส่ใจเจิ้งเสวี่ยซาน ทำทีจะออกไป มีชายกลุ่มหนึ่งโผล่ออกมาจากห้องน้ำหญิง เมื่อเห็นการแต่งตัวของพวกเขา ดูก็รู้ได้ว่าเป็นพวกนักเลง เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหนังศีรษะตึงเปรี๊ยพลันนึกเสียใจขึ้นมา


นี่เธอตามมาดูความครึกครื้นบ้าอะไรเนี่ย?


ครั้งนี้เล่นแรงเกินไปแล้ว!


“คิดจะหนี? คุณชายไฟยินยอมแล้วหรือ?” ชายคนแรกที่มีแก้มลิงปากแหลมหัวเราะเยาะอย่างบ้าคลั่ง คุณชายไฟจากปากของเขาก็คือไฟซาลที่ยืนอยู่กลางกลุ่มคน ใช้ภาษาฮวาเซี่ยที่แข็งกระด้างออกคำสั่ง “อย่ามัวไร้สาระอยู่ จับพวกมันทุกคนไว้!”


หญิงสาวไม่กี่คนนี้หน้าตาไม่เลวเลยต้องขายได้ราคาดีแน่ ไฟซาลไม่สนใจเลยว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ เขารับคำสั่งมาจากโฮ่วเซิ่งหนานเชียวนะ ผู้หญิงคนนี้คงไม่กล้าที่จะไม่ช่วย


ส่วนจะจับคนเดียวหรือสี่คนคงต้องดูอารมณ์เขาแล้วล่ะ!


เจิ้งเสวี่ยซานตกใจมาก พลันได้สติก็อยากจะเอ่ยว่าเธอคือคนของโฮ่วเซิ่งหนาน แต่คำพูดติดอยู่ตรงปากก็ต้องกลืนมันกลับลงไป


เธอจะเปิดเผยไม่ได้เด็ดขาด!


อีกอย่างมีหรือที่ไอ้หนวดนี่จะไม่รู้ว่าเธอจัดการแทนโฮ่วเซิ่งหนาน บ่งบอกได้ว่าไอ้หนวดนี่แทบจะไม่สนใจอะไรเลย งั้นเธอพูดหรือไม่พูดจะต่างกันตรงไหนล่ะ


“พวกแกจะทำอะไร?” เจิ้งเสวี่ยซานมองคนกลุ่มนั้นอย่างหวาดกลัว ก้าวถอยหลังไม่หยุด


เหมยเหมยมองอย่างไม่สบอารมณ์ คว้าแส้ออกมาจากกระเป๋า ไม่ทันรอให้เธอลงมือ เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็ตะโกนเสียงดัง “จะนิ่งอยู่ทำไมล่ะ วิ่ง!”


หลังจากพูดจบเธอก็วิ่งออกไปด้วยความเร็วดั่งสายฟ้าแลบ เจ้าอ้วนที่หลักแหลมคนหนึ่ง


เพียงแต่…


ประตูห้องน้ำก็ถูกคนขวางอยู่ด้วย เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถอยกลับด้วยสีหน้าไม่สู้ดี แข้งขาอ่อนไปหมด


แม่เจ้า!


หากเธอรักษาชีวิตน้อย ๆเอาไว้ได้จะเรียกบรรดาพี่น้องมาจัดการไอ้พวกกากเดนกลุ่มนี้ให้ตาย!


“ในกระเป๋าฉันมีเงินสดอยู่สองพันหยวน แล้วยังมีเครื่องประดับบนตัวฉันที่อาจได้อยู่หลายหมื่นหยวน และจะเลี้ยงน้ำชาด้วย ฉันรู้จักพี่ผิวดำด้วยนะ ไม่แน่ว่าพวกเราอาจจะเป็นคนรู้จักกันก็ได้ พวกพี่ให้ทางสะดวกแก่เราจะดีกว่า?”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเข่นเขี้ยวหยิบธนบัตรกองหนึ่งออกมาจากกระเป๋า เป็นเงินที่เธอเพิ่งกดออกมาจากธนาคาร ค่าครองชีพครึ่งเดือน ยังมีพวกสร้อยคอ ข้อมือก็ยอมถอดออกแล้วโยนลงพื้น


“พวกเธอก็รีบเอาของมีค่าออกมาเร็วจะได้จ่ายเงินให้พ้นเคราะห์” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเอ่ยเสียงเบา


วิธีนี้ถือว่าใช้การได้ดีเลยล่ะ พวกนักเลงนี่มีหรือที่จะเคยเห็นเงินเยอะขนาดนี้ มองเงินและเครื่องประดับบนพื้นดวงตาเป็นประกาย ใจเต้นอย่างเห็นได้ชัด


ไฟซาลเอ่ยเสียงเย็นชา “แค่จัดการเสร็จ นอกเหนือจากเงินบนพื้นนั่นและค่าตอบแทน ฉันเพิ่มให้อีกห้าพันหยวน!”


พวกนักเลงดวงตาเป็นประกายยิ่งกว่าเดิม มีท่าทีโลภกระหายมากขึ้น


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนใจตกไปที่ตาตุ่ม แม่คุณเอ๊ย


ชาติชั่วทั้งโคตรเหง้าไอ้หนวดนี่เลย!


“พูดจาไร้สาระ พวกเธอรีบไปก่อน ทางนี้ฉันจัดการเอง!”


มือของเหมยเหมยพึ่งได้ผ่อนคลาย ฉีฉีเก๋อก็พุ่งตัวไปด้านหน้าอย่างกล้าหาญพลันถีบชายที่ยืนคุ้มกันประตูจนล้มลง อีกคนหนึ่งก็ถูกเธอรัดไว้ เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอดไม่ได้ที่จะตาลุกวาว


………………………………………………………………


ตอนที่ 1515 แพ้ราบเป็นหน้ากลอง


“ฉีฉีเก๋อเธอขวางไว้ พวกเราจะไปตามคนข้างนอกมาช่วย”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนลากเหมยเหมยออกไปด้านนอก เหมยเหมยสะบัดมือเธอออก “เธอออกไปเรียกคนมา ฉันจะไปช่วยฉีฉีเก๋อ”


“อย่าเลย แขนขาเรียวบางอย่างเธอจะช่วยอะไรได้ พวกเราออกไปตามคนมา คนละร้อยหยวน ฉันเรียกได้ยี่สิบคน” ไม่รู้ว่าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเก็บธนบัตรและเครื่องประดับบนพื้นไปตอนไหน ความเร็วเช่นนี้ช่างยอดเยี่ยมนัก


เหมยเหมยผลักไปครั้งหนึ่งแต่กลับไม่ขยับ!


เธอที่โมโหอยู่นั้นจึงออกแรงถีบสะโพกเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน “รีบไม่ตามคนมา ถึงเวลานั้นฉันจะคืนเงินเธอสองเท่า!”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถูกถีบออกมาไกลหลายเมตร เจ็บจนอ้าปากร้อง พอหันกลับไปมองก็เห็นเหมยเหมยใช้แส้ฟาดจนพวกคนชั่วล้มลง นึกไม่ถึงว่าพอร่วมมือกับฉีฉีเก๋อพวกเขาก็พอจะรับมือพวกนักเลงสิบกว่าคนนั้นได้


ตายล่ะ!


ที่แท้เธอต่างหากที่เป็นไก่อ่อน!


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนลูบจมูกอย่างเศร้า ๆ กุมสะโพกไว้พลางวิ่งไปด้านนอกตามคนมา ชนเข้ากับลุงเหลาที่รีบมาหลังจากรู้เรื่องเข้า เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนรู้จักเขาจึงดีอกดีใจพลางชี้เข้าไปด้านใน “ด้านในมีคนร้าย รีบไปช่วยคุณหนูของคุณเร็ว!”


ลุงเหลารีบเร่งฝีก้าว เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนลูบจมูกตัวเองอีกครั้ง แล้วเธอยังต้องไปตามคนอีกไหม?


ตามดีกว่า ดาวมหาวิทยาลัยพูดแล้วว่าจะคืนให้สองเท่า!


สองพันหยวนเลยนะ!


ขาดทุนเสียเปล่า!


“ฉีฉีเก๋อ เธอระวังไอ้หนวดตัวใหญ่นั่น อย่าให้โดนเลือดของมันนะ!” เหมยเหมยเอ่ยเตือนเสียงเบา แม้ว่าฉีฉีเก๋อจะไม่เข้าใจความหมาย แต่เธอรู้ว่าเหมยเหมยไม่มีทางทำร้ายเธอจึงพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง พลางหันไปยกตัวนักเลงคนหนึ่งทุ่มลงพื้น ล้มจนเท้าทั้งสี่ชี้ขึ้นฟ้า


สีหน้าของไฟซาลเริ่มเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม ลอบคิดว่าผิดแผนแล้ว


นึกไม่ถึงว่าผู้หญิงสองคนนี้จะต่อสู้เป็นหนำซ้ำฝีมือยังไม่เลวด้วย แข็งแกร่งกว่าพวกนักเลงไร้ประโยชน์ที่เขาหามาเชียวล่ะ


“ไอ้พวกไร้ประโยชน์พวกนี้ฉันจัดการได้ในสามนาที แค่ปล่อยฉันออกไปข่วนสักสองสามทีก็พอ” ฉิวฉิวทนไม่ไหวแล้ว


เหมยเหมยกำลังจะตอบตกลงแต่ฉับพลันเธอคิดว่าไม่ถูกต้อง คนเราสามารถติดเชื้อไวรัส HIV ได้ สัตว์ก็สามารถติดเชื้อได้เหมือนกัน ว่ากันว่าเดิมทีเจ้าเชื้อไวรัส HIV ติดต่อจากกอลิล่ามาสู่มนุษย์!


“ไม่ได้ เลือดของคนพวกนี้มีไวรัส หากว่าติดเชื้อเข้าคงแย่เลย แกกับฉาฉาอย่าขยับล่ะ อีกเดี๋ยวลุงเหลาก็มาแล้ว”


เหมยเหมยฟาดแส้ไปอีกไม่กี่ครั้ง ไม่กล้าให้เจ้าพวกนี้เสี่ยงอันตราย แม้ว่าฉิวฉิวจะยืดอกรับประกันว่าพิษร้อยชนิดก็ทำอะไรมันไม่ได้ก็ตามที


ประสิทธิภาพในการต่อสู้ของนักเลงพวกนี้ไม่ได้สูงนัก เพียงแค่คนเยอะกว่า ลุงเหลามาถึงอย่างรวดเร็ว มีเขามาเพิ่มอีกคน เจ้าพวกนักเลงนี่ก็เละเป็นเต้าหู้ แพ้ราบเป็นหน้ากลอง


ไฟซาลเห็นท่าไม่ดี รู้ดีว่าเรื่องวันนี้จัดการไม่สำเร็จแน่จึงคิดหาโอกาสหนี ดันถูกลุงเหลาจับตัวไว้ พวกนักเลงที่นอนกองอยู่บนพื้นร้องโอดครวญดังแว่วมา หากมือไม่หักก็ขาหัก น่าเวทนาเกินจะทนดูได้


“ลุงเหลา หักแขนหักขาพวกมัน แต่อย่าให้เลือดออกล่ะ” เหมยเหมยเอ่ยเสียงขรึม


“ตุบตับตุบตับ…”


เกิดเสียงดังกร๊อบแกร๊บราวกับหักอ้อยดังติดกันสี่ครั้ง ไฟซาลเจ็บปวดจนกลิ้งไปมาอยู่บนพื้น


พวกนักเลงกลัวจนหัวหดไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง ๆ แอบดีใจที่พวกมันแขนขาขาดแค่ข้างเดียว


“ทางนี้…พวกนายวิ่งให้เร็วหน่อย…ไม่ได้กินข้าวหรือไง!”


เสียงหอบหายใจของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนดังขึ้น ด้านหลังตามมาด้วยเสียงเจื้อยแจ้วของคนกลุ่มหนึ่ง เพียงแค่เธอได้เห็นชิ้นส่วนที่นอนกองอยู่บนพื้นก็เกิดอาการมึนงง นานครู่หนึ่งกว่าจะได้สติถึงได้ควักเงินสองร้อยหยวนออกมาจากกระเป๋า


“ไม่มีอะไรแล้ว…สองร้อยหยวนนี่เป็นการเลี้ยงของว่างมื้อดึกพวกนายแล้วกัน…”


“ยัยโรคจิต…คิดจะเล่นลูกไม้กับพวกเรา…”


คนกลุ่มนั้นสบถบ่นด่าออกมาแล้วจากไป ไม่ได้มีอะไรไม่พอใจ วิ่งมาไม่ทันถึงหนึ่งลี้ก็ได้เงินฟรี ๆสิบหยวนแล้ว ถือว่าคุ้มค่าดี


ลุงเหลากำลังล้วงโทรศัพท์เคลื่อนที่ เหยียนหมิงซุ่นก็พาลูกน้องมาถึงแล้ว เขาเห็นเหมยเหมยปลอดภัยดีจึงโล่งใจ แล้วหันไปโบกมือให้ลูกน้องนำตัวกลุ่มคนที่อยู่บนพื้นนี้ออกไป


ตอนที่ 1516 หาโฮ่วเซิ่งหนานไม่เจอ


เหมยเหมยพาเหยียนหมิงซุ่นไปที่เปาเซียง พอลและถังม่านลี่ยังบรรเลงบทเพลงอันเร่าร้อนอยู่ พลอดรักกันเสมือนข้างกายไร้ผู้คน เจิ้งเสวี่ยซานก็เดินตามหลังมาดูท่าว้าวุ่นใจไม่น้อย


แต่มากกว่านั้นคือความโชคดี โชคดีที่ไฟซาลไม่ปล่อยเธอไป เช่นนี้เธอปิดปากไม่ยอมรับก็พอแล้ว ไม่มีหลักฐานใดจ้าวเหมยไม่มีทางทำอะไรเธอได้


“จ้าวเหมยทำไมเธอกลับมาล่ะ? อยากร้องเพลงเหรอ?” ถังม่านลี่ลดเสียงสูงลง ส่งยื่นไมโครโฟนให้อย่างพึงพอใจ เธอเข้าใจว่าเหมยเหมยไม่อยากไปจากมโมสรจินตี้จึงวกกลับมาอีกครั้ง


เหยียนหมิงซุ่นมองสองคนนี้เพียงปราดเดียวก็จำได้ ตะโกนด้วยเสียงทุ้ม “เอาตัวพวกมันไป ระวังตัวด้วย!”


“นี่…พวกนายจะทำอะไร…พวกนายเบิกตาดูให้ชัด…แฟนหนุ่มของฉันเป็นชาวต่างชาตินะ พวกนายทำอะไรระวังหน่อย…” ถังม่านลี่ตกใจมาก แต่ฉับพลันก็ตะโกนขึ้นมาด้วยเสียงแข็งกร้าว


ราวกับว่าเหยียนหมิงซุ่นและคนอื่น ๆไม่กล้าทำอะไรพอลอย่างแน่นอน ไม่รู้สึกกลัวสักนิด


พอลเองก็ตีหน้านิ่งขรึมตะโกนด่า ไม่มีอะไรมากไปกว่าการที่เขาบอกว่าตัวเองเป็นชาวต่างชาติแขกบ้านแขกเรือนเพื่อไม่ให้เหยียนหมิงซุ่นทำลายมิตรภาพระหว่างประเทศ เหยียนหมิงซุ่นสีหน้าเรียบนิ่ง บรรดาลูกน้องของเขาลงมืออย่างรวดเร็ว เพียงชั่วครู่ก็พาตัวสองคนนั้นออกไปแล้ว


“เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ทำไมถึงต้องเอาตัวถังม่านลี่และพอลไปด้วย?” สวีจื่อเซวียนและสีอันหน้าตื่น พลันเข้าใจว่าเหมยเหมยแก้แค้นในที่สาธารณะ จงใจเรียกคู่หมั้นมาจับตัวไป!


“ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเธอ เฉากุ้ย นายไปส่งพวกเธอกลับโรงเรียน” เหยียนหมิงซุ่นมีท่าทีไม่แยแส เรียกชื่อลูกน้องคนหนึ่งออกมา ซึ่งก็คือครูฝึกหน้านิ่งแห่งทะเลสาบต้าหมิงผู้นั้นนั่นเอง


“ครับ พี่ใหญ่!”


ครูฝึกหน้านิ่งยืนตรงยืดอกรับคำสั่งอย่างนอบน้อม มองไปยังสีอันน่าและคนอื่น ๆ ความน่าเกรงขามในอดีตยังคงอยู่ สีอันน่าและคนอื่น ๆแทบไม่กล้าหายใจแรง เดินตามหลังครูฝึกไปอย่างเชื่อฟัง ในใจกลับเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง


ไม่แปลกเลยที่ตอนนั้นครูฝึกดูแลจ้าวเหมยเป็นอย่างดี มีนัยยะแอบแฝงนี่เอง


ที่แท้ก็เป็นพี่สะใภ้สินะ!


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลับตื่นตระหนก ไขมันส่วนขาและหน้าท้องล้วนสั่นกระเพื่อม เธอไม่ได้ยืนอยู่ผิดฝ่ายจริง ๆด้วย คิคิ!


เจิ้งเสวี่ยซานเดินตามหลังไปเงียบ ๆ เหมยเหมยเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง มุมปากอมยิ้ม วันหลังค่อยสั่งสอนผู้หญิงคนนี้ ตอนนี้ต้องจัดการโฮ่วเซิ่งหนานก่อน


“โฮ่วเซิ่งหนานกับคนอื่นล่ะ?” เหมยเหมยถาม พอลและไฟซาลเจ้าชู้จนเป็นนิสัย ผู้หญิงข้างกายมีมากจนนับไม่ถ้วน หลายวันมานี้ไม่รู้ว่าพวกเขาได้สานสัมพันธ์กับผู้หญิงอื่นอีกไหม?


เหยียนหมิงซุ่นแสดงท่าทีจริงจัง “คนอื่น ๆควบคุมไว้ได้แล้ว เหลือแค่โฮ่วเซิ่งหนานที่ยังหาตัวไม่เจอ ไม่รู้ว่าเธอไปไหน”


เขาและลูกน้องร่วมกันหามาค่อนคืนแล้วแต่ไม่เจอแม้แต่เงาของโฮ่วเซิ่งหนาน รู้เพียงแค่ช่วงบ่ายเธอเร่งรีบโบกรถแท็กซี่คันหนึ่ง จากนั้นเป็นเพราะรถติด คนของเขาจึงคลาดเธอไป


เหมยเหมยเองก็รู้สึกแปลกใจ คิดไปคิดมาก่อนจะเอ่ยว่า “โฮ่วเซิ่งหนานนอกเสียจากเพื่อนผู้ชายแล้ว เธอก็ไม่มีเพื่อนผู้หญิงเลย เธอจะต้องไปเจอผู้ชายแน่นอน”


ท่าทีของเหยียนหมิงซุ่นเปลี่ยนไปเล็กน้อย ราวกับนึกอะไรขึ้นมาได้จึงลูบหัวเหมยเหมย “ฉลาดมาก พี่รู้แล้วว่าโฮ่วเซิ่งหนานอยู่ที่ไหน”


โรงแรมนานาชาติจิงตูระดับห้าดาว


เทียนมู่และโฮ่วเซิ่งหนานร่วมกินมื้อค่ำแบบฝรั่งเศสสุดแสนโรแมนติก เมื่อกลับมาถึงห้องของเถียนมู่ พึ่งเข้าห้องมาเถียนมู่ก็สวมกอดโฮ่วเซิ่งหนาน จูบดูดดื่มจนมิอาจผละออกจากกันได้


“เจสสิก้า…คืนนี้อยู่ที่นี่นะ…” เถียนมู่กระชากเสื้อผ้าของโฮ่วเซิ่งหนาน ดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าที่แสนอ่อนโยนเปลี่ยนไปราวกับสัตว์ร้ายมิปาน


โฮ่วเซิ่งหนานไม่เต็มใจอย่างมาก ร่างกายหยุดชะงัก เธอไม่ชอบเถียนมู่จริง ๆแต่เถียนมู่กลับจับจุดอ่อนได้ จะให้เคนรู้ไม่ได้เด็ดขาด


“…ได้สิ…ฉันไปอาบน้ำก่อนนะ!”


“ได้…อาบไปด้วยแล้วก็…”


เถียนมู่อุ้มโฮ่วเซิ่งหนานเดินไปยังห้องอาบน้ำ เสื้อผ้ากระจายอยู่ตามพื้น…


………………………………………………………………….


ตอนที่ 1517 เธอเป็นผู้มีพาหะเชื้อไวรัส HIV


เหยียนหมิงซุ่นรีบพาตัวพวกเขาไปที่โรงแรม ผู้จัดการโรงแรมเห็นเหยียนหมิงซุ่นชูบัตรโชว์สถานะก็ตกใจจนวิญญาณแทบออกจากร่าง ไหนจะกล้าชักช้ารีบนำเอาคีย์การ์ดห้องไปเปิดให้ด้วยตัวเอง ขณะนี้ภายในห้องอาบน้ำอบอวลไปด้วยความเร่าร้อน ละครฉากเด็ดกำลังฉายอยู่!


“โครม!”


เหยียนหมิงซุ่นถีบประตูห้องอาบน้ำด้วยเท้าเดียว ทำให้ทั้งสองคนที่อยู่ในนั้นตกใจไม่น้อย เถียนมู่จึงรีบดึงผ้าเช็ดตัวออกมาพันตัวเขาและโฮ่วเซิ่งหนานไว้


“พวกนายจะทำอะไร? รู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?” เถียนมู่ก่นด่าอย่างหัวเสีย


“เหยียนหมิงซุ่น…ฉันกับเขาไม่ได้เป็นอย่างที่นายเห็น…นายอย่าเข้าใจผิด…” โฮ่วเซิ่งหนานคิดว่าเหยียนหมิงซุ่นมาจับชู้จึงรีบอธิบาย แต่เหยียนหมิงซุ่นกลับรู้สึกว่าเหมือนได้ยินคำพูดเสนียดหู


“ให้เวลาพวกคุณสองนาที รีบสวมเสื้อผ้าเสีย”


เหยียนหมิงซุ่นคร้านที่จะเห็นเนื้อหนังที่แสนน่าเกลียดของสองคนนี้จึงสั่งลูกน้องจับตาดูให้ดี แล้วตัวเขาก็ออกไปรอที่ระเบียงพลันพรูลมหายใจยาวอย่างโล่งอก


นับว่าจัดการเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว!


“เหยียนหมิงซุ่นนายบ้าไปแล้ว ฉันจะโทรหาคุณลุง…”


โฮ่วเซิ่งหนานและเถียนมู่ถูกพาตัวออกมา ในเวลานี้เธอถึงได้รู้สึกตัวว่าผิดปกติพลางดิ้นบิดตัวไปมาอย่างบ้าคลั่ง เหยียนหมิงซุ่นเห็นก็นึกโกรธจึงเดินเข้าไปถีบซ้ำอยู่สามครั้ง


‘ตุบตับ’


กรามหัก แขนทั้งสองร่วงลงอย่างไร้เรี่ยวแรง


โลกสงบลงในชั่วขณะ


“ฉันได้รับคำสั่งมาจากนายใหญ่ให้มาพาตัวเธอกับคนรักของเธอไป ไฟซาลและพอลไปรออยู่ก่อนแล้ว รีบไปเถอะ!” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยอย่างเย็นชา


เถียนมู่มีสีหน้าเปลี่ยนไปมากหันมองโฮ่วเซิ่งหนานอย่างเหลือเชื่อ “เธอเต็มใจที่ร่วมรักกับไฟซาลแต่ไม่เต็มใจทำกับฉัน? เคนรู้เรื่องไหม?”


“ไม่ใช่นะ…เถียนมู่ฟังฉันพูดก่อน…ฉัน…” โฮ่วเซิ่งหนานรีบแก้ตัว เถียนมู่และเคนสนิทกันมาก เธอต้องเกลี้ยกล่อมเถียนมู่จะปล่อยให้เขาพูดจาไร้สาระไม่ได้


ต่อให้เธอแต่งงานกับเคนไม่ได้แต่เธอไม่อยากทำลายความสัมพันธ์แบบคนรักกับเคน นี่คือหลักประกันพื้นฐานที่ทำให้เธอสามารถใช้ชีวิตอยู่ในยุโรปได้เป็นอย่างดี


เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะเยาะไปที พลันเอ่ยเย้ยหยัน “โฮ่วเซิ่งหนานได้รับการตรวจพบว่าเป็นผู้มีพาหะเชื้อไวรัส HIV คุณเถียนมู่อย่ามัวแต่คิดหึงหวงเลย กลับไปกับผมแล้วเข้ารับการตรวจจะดีกว่า”


“HIV? นายพูดบ้าอะไร? ฉันจะเป็นผู้มีพาหะ HIV ได้ไง? เดือนที่แล้วฉันเพิ่งไปตรวจเลือดมา ทุกอย่างปกติ เหยียนหมิงซุ่นนายกำลังใส่ร้ายฉัน!”


โฮ่วเซิ่งหนานโกรธมาก เคนมีทีมแพทย์ส่วนตัวโดยเฉพาะไว้ให้บริการเฉพาะกลุ่มอัศวิน ทุกเดือนจะมีการตรวจร่างกายเป็นประจำ ตรวจสอบได้อย่างครอบคลุม ไม่รู้เหรอว่าร่างกายของเธอนั้นดีแค่ไหน นึกไม่ถึงว่าไอ้บ้าเหยียนหมิงซุ่นนี่จะกุเรื่องจอมปลอมขึ้นมาซึ่ง ๆหน้า!


เหอะ ตลกสิ้นดี!


เถียนมู่เองก็ไม่เชื่อ เพราะเดือนที่แล้วเขาเข้ารับการตรวจพร้อมโฮ่วเซิ่งหนาน ทั้งคู่แข็งแรงดีมาก จะเป็นไปได้อย่างไรที่หลังจากนั้นหนึ่งเดือนจะติดเชื้อ HIV?


เขามองชายหนุ่มตรงหน้าที่เป็นสุภาพบุรุษจอมเหี้ยม รูม่านตาก็หดลง ชายผู้นี้แหละที่โฮ่วเซิ่งหนานหลอกใช้เคนโดยไม่มีลังเลเพื่อเข้าไปช่วยเขาในเขตทะเลทรายที่แสนอันตราย ในใจเถียนมู่เกิดรู้สึกหึงหวงขึ้นมา


ชายผู้นี้อะไรดีนักนะ?


เถียนมู่จำเหยียนหมิงซุ่นได้ ดังนั้นเขาจึงเอามาข่มขู่โฮ่วเซิ่งหนานเพราะอยากจะมีค่ำคืนแสนหวาน แต่เหยียนหมิงซุ่นได้ทำลายเรื่องดีไปเสียแล้ว


เหยียนหมิงซุ่นหยิบรายงานผลเลือดอย่างละเอียดของโฮ่วเซิ่งหนานออกมาจากกระเป๋า คอลัมน์ตรง HIV ปรากฏผลเป็นบวก และยังกำกับไว้ว่าเป็นกรณีพิเศษด้วย เลือดลมบนใบหน้าของโฮ่วเซิ่งหนานจางหายไป ร่างกายสั่นเทิ้มไม่หยุด


เธอติดเชื้อไวรัส HIV จริงหรือ?


ทำไมถึงเป็นแบบนี้?


เธอไม่เชื่อ!


พอลและไฟซาลต่างก็ไม่เชื่อเช่นกัน หลังจากที่พวกเขาและถังม่านลี่ถูกพาตัวไป ลูกน้องของเหยียนหมิงซุ่นเจาะเลือดพวกเขาคนละสองหลอดอย่างไม่เกรงใจแล้วส่งมอบให้กับห้องปฏิบัติการของมหาวิทยาลัยทางการแพทย์ ผลการตรวจเลือดจะทราบได้ในวันรุ่งขึ้น พอลและคนอื่น ๆจึงถูกกักตัวไว้ในสวนฟาร์ม


เฮ่อเหลียนชิงยกห้องใหญ่ให้ซึ่งเมื่อก่อนเอาไว้ใช้สำหรับขังหมู คงเพียงพอให้คนพวกนี้พักแล้วล่ะ


ตอนที่ 1518 ฉันต้องกลับไปพักที่บ้านแล้ว


พอลและไฟซาลที่ได้ยินว่าเป็นการตรวจหาเชื้อ HIV ต่างก็รู้สึกกลัวจนแข้งขาอ่อน แน่นอนว่าพวกเขารู้ถึงความน่ากลัวของโรคเอดส์ เรียกได้ว่าตอนนี้ถือเป็นไวรัสที่น่ากลัวที่สุด


“เป็นไปไม่ได้…คู่ขาของพวกเราล้วนเป็นหญิงสาวใสสะอาดและถูกครรลองคลองธรรม…ไม่มีโรคแน่นอน พวกคุณต้องเข้าใจอะไรผิดแน่!” พอลตะโกนอย่างบ้าคลั่ง ริมฝีปากซีดเซียวสั่นเทิ้ม


ไฟซาลไม่ได้แกร่งไปกว่าเขานัก เดิมทีก็บาดเจ็บอยู่แล้ว นี่ยังมาถูกซัดจนน่วมอีก ครึ่งค่อนชีวิตที่เหลือจบกันแล้ว


“แต่พวกนายมีคู่ขาคนเดียวกัน โฮ่วเชิ่งหนานเป็นผู้มีพาหะ HIV ขอให้พระเจ้าคุ้มครองพวกนายเถอะ!” ครูฝึกมองเยาะเย้ยคนพวกนี้ที่เสียใจจนแทบสิ้นลม


ตอนฟินทำไมไม่นึกว่าจะต้องมีวันนี้เล่า!


เขาเหลือบมองถังม่านลี่ที่ไม่รู้อะไรเลย ในแววตาจึงฉายแววดูถูกมากขึ้นจึงรู้ได้เลยว่าเด็กสาวคนนี้ไม่ใช่คนดี ขอให้ตัวเองโชคดีเถอะ!


วันถัดมาผลการตรวจเลือดออกมาแล้ว พอลและไฟซาลติดโดนเชื้อเข้าแล้ว แต่คนที่โชคดีก็คือคู่ขาของพวกเขาที่ไม่ได้ไปมาหาสู่กันพักใหญ่ จึงหลุดพ้นกรรมในครั้งนี้ไปได้ แม้แต่ถังม่านลี่ก็ไม่มีปัญหาถึงแม้ว่าวันนั้นพอลจะไม่ได้สวมถุงยางก็ตาม


แม้จะเป็นการติดต่อโดยทาง ‘เพศสัมพันธ์’ โดยตรงก็ไม่ได้แปลว่ามีโอกาสติดต่อร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ที่อันตรายที่สุดคือพวกเซ็กหมู่ จึงพูดได้เพียงว่าถังม่านลี่โชคดีที่ไม่ต้องตกอยู่ในความเสี่ยงสูงร่วมกับพอล


เถียนมู่เองก็หลุดพ้นครั้งนี้ได้อย่างมหัศจรรย์เพราะเขายังไม่ทันจะได้จัดการกับโฮ่วเชิ่งหนาน รวมทั้งพรสวรรค์ของเขาไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นตอนอยู่ในองค์กรอัศวินเขาจึงไม่ค่อยเป็นที่นิยมของบรรดาสาว ๆเท่าที่ควร


ตอนนั้นเขารู้สึกเศร้าสลดมาก แต่บัดนี้เจ้าหมอนี้โชคดีขนาดไหนนะ


ขอบคุณต่อบิดามารดาที่ประทานน้องชายตัวน้อยมาให้เขา!


เหมยเหมยได้ทราบผลตรวจจึงเกิดไม่พอใจเอามาก


“เจ้าคนญี่ปุ่นนั่นโชคดีเสียจริง ทำไมถึงไม่ติดเชื้อไปด้วยล่ะ!” พระเจ้าไม่ยุติธรรมเลย


เหยียนหมิงซุ่นตบเบา ๆเพื่อปลอบเธอ ความจริงเขาเองก็ไม่พอใจนัก และยิ่งนึกเสียดายที่เมื่อวานเขาไปถึงเร็วเกินไปหากไปช้าอีกครึ่งชั่วโมง รอให้เถียนมู่และโฮ่วเชิ่งหนานจัดการธุระเสร็จไม่แน่ว่าอาจจะหนีไม่พ้น


“แล้วโฮ่วเชิ่งหนานจะเป็นอย่างไรต่อ? พอลกับไฟซาลก็ด้วย?” เหมยเหมยอารมณ์ดี นัยน์ตาเผยรอยยิ้มอันชั่วร้าย ทางที่ดีพวกรักสนุกควรตาย ๆไปเสียจะได้ไม่รกโลก


แน่นอน ว่ามันเป็นไปไม่ได้!


“สองวันนี้ไฟซาลและพอลจะถูกส่งตัวกลับประเทศ จากนี้ไปจะเข้ามาเหยียบฮวาเซี่ยไม่ได้อีกตลอดชีวิต ทางด้านโฮ่วเชิ่งหนานยังไร้ซึ่งข่าวคราว เดาว่าคงอยู่ในฮวาเซี่ยต่อไปไม่ได้แล้ว”


สีหน้าเหยียนหมิงซุ่นฉายแววรู้สึกผิด โฮ่วเชิ่งหนานช่วยเขาไว้ครั้งหนึ่ง น้ำใจครั้งนี้เขาต้องชดใช้คืน ดังนั้นตอนนี้เขาคงทำได้เพียงรอคำตอบจากนายใหญ่ ไม่อาจลงมือตามใจชอบได้


แต่เป็นครั้งนี้ครั้งเดียว ครั้งนี้ได้ถือว่าเขาได้ทดแทนบุญคุณแล้ว


ไม่เช่นนั้นเพียงเพราะความคิดที่โฮ่วเชิ่งหนานจะเอาเหมยเหมยไปขายในซ่องโสเภณีที่ตะวันออกกลาง เขาคงฆ่าเธอทิ้งเป็นร้อยครั้งก็ไม่อาจหายแค้นได้ ครั้งหน้าหากโฮ่วเชิ่งหนานจะทำร้ายเหมยเหมยอีก ก็อย่าหาว่าเขาลงมือโหดเหี้ยมไร้ความปราณีแล้วกัน


หน้าของนายใหญ่ก็ไร้ประโยชน์!


เหมยเหมยรู้ดีแก่ใจ เธอคีบกระดูกชิ้นหนึ่งวางลงในชามเหยียนหมิงซุ่น เอ่ยขึ้นยิ้ม ๆ “ขอเพียงโฮ่วเชิ่งหนานไม่ออกมากระโดดโลดเต้นต่อหน้าฉันก็พอแล้ว เรื่องอื่นเราไม่ต้องสนใจหรอก”


เธอก้มหน้ากินข้าวไปคำ ก่อนจะเอ่ยว่า “พ่อแม่ของฉันจะมาถึงเมืองหลวงอาทิตย์หน้า ฉันต้องกลับบ้านตัวเองแล้ว”


“เคร้ง”


กระดูกหมูที่เหยียนหมิงซุ่นเพิ่งคีบขึ้นมาร่วงลงชาม อารมณ์เสียชะมัด


บ้าเอ๊ย ทำไมเขาถึงได้ลืมเรื่องนี้ไปได้ จ้าวอิงหัวจอมน่ารำคาญกำลังจะมาที่เมืองหลวง ถึงเวลานั้นเหมยเหมยต้องกลับไปอยู่ที่บ้านตัวเอง นั่นเป็นสัจธรรมที่ไม่อาจเลี่ยงได้


แต่เขาไม่ยอมหรอก!


เขาเคยชินกับการนอนกอดภรรยาตัวหอมนุ่มนิ่มทุกคืนวัน จู่ ๆก็หายไปทิ้งให้เขาเฝ้าห้องว่างเปล่าเพียงลำพัง เขาพอทนได้แต่น้องชายเขาทนไม่ได้นี่นา!


…………………………………………………………..


ตอนที่ 1519 ร้อนใจไปเถอะ


เหมยเหมยเห็นปฏิกิริยาของเหยียนหมิงซุ่นได้อย่างชัดเจน แอบนึกได้ใจแล้วคีบกระดูกชิ้นหนึ่งขึ้นมาแทะ หางตาเหลือบมองใครบางคนที่มีอาการลุกลี้ลุกลน


เหอะ ตอนอยู่ด้วยก็ไม่คว้าโอกาสไว้เอง สาวน้อยอย่างฉันถวายตัวให้ถึงที่ก็ยังไม่ยอมกิน ตอนนี้ฉันจะไม่อยู่ด้วยแล้ว!


กอดหมอนแล้วนอนฝันหวานไปเถอะ!


ร้อนใจจนอกแตกตายไปเลย!


เรื่องวางแผนปล้ำที่ล้มไม่เป็นท่านั้นทำเอาเหมยเหมยอัดอั้นมาจนตอนนี้ ทั้ง ๆที่รู้ว่าเหยียนหมิงซุ่นอยากทำตัวเป็นคนรักษาสัตย์แต่เธอก็อารมณ์เสียอยู่ดี


ก็ใจแคบนี่นา


จะแกล้งให้เจ้าหมอนี่ใจร้อนตายไปเลย!


“พี่หมิงซุ่น พี่อย่ากินแต่ข้าวสิกินกับข้าวด้วย!” เหมยเหมยคีบขิงสดยื่นให้เหยียนหมิงซุ่นอย่างซุกซน เขาเอาเข้าปากโดยไม่แม้แต่จะดู เคี้ยวไปไม่กี่ครั้งถึงได้รู้ว่าผิดปกติจึงรีบคายออกมา กลับเห็นเหมยเหมยหัวเราะอย่างขบขัน


“เหมยเหมยดีใจมากหรือไงที่ได้กลับไปอยู่ที่บ้าน?”


เหยียนหมิงซุ่นขยับเข้าใกล้หญิงสาว ตาจ้องตา จมูกแนบจมูก มือที่ไม่รู้ความเริ่มสอดเข้าไปในเสื้อไหมพรม นัยน์ตาฉายแววอันตราย


“เปล่านะ…ฉันไม่อยากห่างจากพี่หมิงซุ่นสักหน่อย แต่ฉันต้องทำตัวเป็นเด็กดีเชื่อฟังพ่อแม่…” เหมยเหมยพยายามยืดเอวให้ตรง เมินเฉยต่อความรู้สึกสยิวจากฝ่ามือที่ส่งผ่านมาจากใครบางคน


เธอจะต้องไม่หลงกล!


ต้องอดทนไว้!


เหยียนหมิงซุ่นกัดฟันด้วยความโกรธ แสดงท่าที ‘ซื่อสัตย์’ หน่อยได้ไหม?


ความพึงพอใจในแววตาได้ปรากฏความคิดไปไกลภายในใจของหญิงสาวนานแล้ว เกรงว่าอยากจะไปจากที่นี่นานแล้วสิท่า?


“ไม่อยากห่างจริงเหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นอุ้มเหมยเหมยขึ้นมาบนตัก ข้าวก็ไม่กินต่อแล้ว ความงามนั้นให้รสอร่อยกว่า


“อืม…ไม่อยากห่าง แต่ฉันยังไม่ได้แต่งงานกับพี่หมิงซุ่นเลย จะให้อยู่ก่อนแต่งไม่ได้”


เหมยเหมยกระพริบตาปริบ ๆด้วยท่าทีไร้เดียงสา แทบอยากควักเอาความจริงใจที่เต็มด้วยไทเทเนียมอัลลอยด์ทั้งยี่สิบสี่ชิ้นออกมาให้เหยียนหมิงซุ่นดู ในใจแอบหลุดขำ ช่วยไม่ได้ก็ไม่แต่งงานกับฉันเองนี่


สมน้ำหน้า!


เหยียนหมิงซุ่นจุกอยู่ในอก เจ้าเด็กแสบนี่นับวันยิ่งฉลาดเป็นกรด แม้แต่เขายังไม่อาจเอาคืนได้


ใครใช้ให้เขาไร้เหตุผลกับเรื่องนี้กันเล่า!


“หลายวันก่อนไม่รู้ว่าใครกันที่ดื่มเหล้าเสริมความกล้า หนำซ้ำยังสวม…” เหยียนหมิงซุ่นกลั้นขำ พูดเอื้อนเอื่อยอย่างมีเหตุผล เหมยเหมยเขินอายจนหน้าแดงก่ำแล้วจ้องเขาตาเขม็ง เอ่ยขึ้นอย่างโมโห “นั่นเพราะเป็นเด็กน้อยด้อยวิชา ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว เชอะ!”


เกลียดนัก!


เธอลุกออกจากตักของเหยียนหมิงซุ่น แล้วจากไปด้วยความโมโห ไม่กินมันแล้ว


เหยียนหมิงซุ่นที่เพิ่งหลุดปากพูดออกไปก็นึกเสียดาย แอบด่าตัวเองซื่อบื้อพลันรีบตามออกไป


โอบเหมยเหมยไว้พลางพูดออดอ้อนเรื่องสิทธิผลประโยชน์ของเขาต่อจากนี้ หน้าตาและศักดิ์ศรีของลูกผู้ชายเขาสามารถวางลงไว้ก่อน


สามีผู้เป็นสุภาพบุรุษต้องมีความยืดหยุ่น ขนาดหานซินยังยอมอับอายคลานผ่านหว่างขาคนอื่นได้ เขาแค่ง้อภรรยาจะเป็นไรไป?


อารมณ์โมโหของเหมยเหมยนั้นมาไวแล้วก็หายไว เพียงครู่เดียวก็กลับมารักกันหวานชื่นอีกครั้ง ความจริงเธอไม่อยากกลับไปอยู่ที่บ้าน เธออยากอยู่กับเหยียนหมิงซุ่นแต่ถ้าไม่กลับไปอยู่ก็คงไม่ใช่เรื่องอีก จ้าวอิงหัวและเหยียนซินหย่าไม่มีทางยอมแน่


คืนนั้น เหยียนหมิงซุ่นนอนไม่หลับ


หญิงสาวในอ้อมกอดหลับฝันหวาน กอดแขนเขาเอาไว้แน่น ถูแขนไปมาอยู่บ่อยครั้ง เผยให้เห็นยิ้มหวานละมุน ทุกอย่างงดงามถึงเพียงนี้ เขาจะยอมปล่อยมือได้หรือ?


แต่งงานคือหนทางที่ดีที่สุดจริงเหรอ?


แต่การเขียนตัวอักษรสีดำบนกระดาษสีขาวนั้นมันทำยากจัง!


“ปีศาจน้อยชอบทรมานคนอื่น จะให้พี่ทำอย่างไรกับเธอดีนะ?” เหยียนหมิงซุ่นคิดจนหัวโตพลางจิ้มใบหน้าของหญิงสาวอย่างอดไม่ได้ แล้วหัวเราะออกมาอย่างจนปัญญา


เหมยเหมยที่ยังไม่ได้หลับลึกแอบได้ยินเสียงถอนใจของเหยียนหมิงซุ่นอย่างเลือนราง มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อย พึงพอใจอย่างหาที่สุด


เรื่องนี้คงต้องให้เธอจัดการ!


ปล่อยเขาไปอย่างนั้นก่อน ให้ร้อนใจตายไปเลย!


ตอนที่ 1520 ขับไล่


เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้บอกเหมยเหมยเรื่องหนังสือพิมพ์ นายใหญ่เรียกจ้าวหวายซานมาคุยด้วยพักหนึ่ง ว่ากันว่าตอนที่จ้าวหวายซานออกมา ยังไม่ทันทำอะไรก็ตกม้าตายเสียก่อน ผลกระทบที่ชายชราผู้นี้ได้รับคงไม่น้อยเลย


แต่ไม่ควรเห็นใจเลยสักนิด


พอลและไฟซาลถูกขับไล่ออกจากมหาวิทยาลัยอย่างรวดเร็ว พวกเขาไม่ทันแม้แต่จะยื่นเรื่องพิจารณากลับถูกสถานทูตของประเทศตนรับตัวกลับไป เชื่อว่าช่วงชีวิตที่เหลืออยู่ของพวกเขาไม่มีทางราบรื่นแน่นอน


ตามที่ศาสตราจารย์อาวุโสพูดสองคนนี้ไม่ได้โชคดีไปกว่าโฮ่วเซิ่งงหนานที่ติดเชื้อไวรัส HIV ธรรมดาเลย ไม่เกินหนึ่งปีก็จะมีอาการกำเริบ และตอนนี้ยังไม่มียารักษาโรคเอดส์เฉพาะซึ่งนั่นก็เท่ากับเป็นนักโทษประหาร


ชีวิตก้าวเข้าสู่การนับเวลาถอยหลัง ผ่านพ้นไปหนึ่งวันก็นับว่าเป็นกำไรแล้ว!


ส่วนโฮ่วเซิ่งงหนาน เมื่อตระกูลโฮ่วรู้ว่าเธอเป็นโรคเอดส์ ไหนเล่าจะกล้าให้เธอเข้าบ้าน แม้แต่ข้าวของของเธอก็โยนทิ้งนอกบ้าน นายใหญ่ยังคงห่วงเรื่องหน้าตาอยู่บ้าง แต่คุณผู้หญิงที่ไม่ชอบใจโฮ่วเซิ่งงหนานมานานแล้วก็อาศัยครั้งนี้หลบพ้นจากหล่อนได้สักที


คุณผู้หญิงพูดกับนายใหญ่เช่นไรใครเล่าจะรู้ แต่ก็ยืนยันได้ว่าโฮ่วเซิ่งงหนานได้สูญเสียนายใหญ่ที่เป็นดั่งภูเขาพักพิงให้เธอไปเรียบร้อยแล้ว เพราะนายใหญ่สั่งให้เธอกลับต่างประเทศไปเสีย หากจะสร้างความพินาศก็ให้ไปทำกับชาวต่างชาติ พ่อแม่ตายก็ไม่ต้องกลับประเทศ


เท่ากับว่าเป็นการขับไล่โฮ่วเซิ่งงหนานทางอ้อม


แต่นายใหญ่ประนีประนอมให้ระยะเวลาโฮ่วเซิ่งหนานนานกว่า ซึ่งต่างจากพอลและคนอื่นที่ซึ่งแม้แต่ช่วงเวลาเก็บข้าวของก็ไม่มีให้ ช่วงที่ไฟซาลจากไปมือเท้ายังไม่ทันสมานแผลหายดีด้วยซ้ำ


จนถึงตอนนี้ถังม่านลี่ยังไม่กลับสู่สภาวะปกติเลย ดูงงงวยทึ่มทื่อ ไม่พูดไม่จา เอาแต่เหม่อลอยอยู่บนเตียง สภาวะจิตใจไม่ปกติมาก ๆ


“จ้าวเหมย เธอพูดความจริงกับฉันมา มิสโฮ่วเป็นซิฟิลิสหรือหนองใน? ถังม่านลี่ติดเชื้อไปด้วยใช่ไหม?” ช่วงพักกินมื้อเที่ยง เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกระซิบกระซาบถามข้างหูเหมเหมยอย่างลับ ๆล่อ ๆ


เธอทนมาตั้งหลายวันแล้วนะ!


เหมยเหมยเหลือบมองเธอทีหนึ่งก่อนจะพูดล้อเล่นว่า “เธอก็เข้าใจเยอะเหมือนกันนี่!”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหัวเราะคิกคักโดยไม่สามารถแสดงท่าทีหยาบคายออกมาได้ “บนเสาไฟฟ้ามีแผ่นโฆษณาเล็ก ๆนั่นเต็มไปหมด ไม่อยากรับรู้คงยาก”


“ไม่ใช่ทั้งนั้นแหละ เป็นเชื้อไวรัส HIV นั่นก็คือโรคเอดส์ พวกเธอรู้ใช่ไหม?” เหมยเหมยไม่ได้ปิดบัง


ฉีฉีเก๋อฟังไม่เข้าใจ เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลับตกใจจนถาดเกือบหล่นคว่ำ ใบหน้าอ้วนกลมซีดเซียว ตะโกนขึ้นอย่างร้อนรน “ไม่ได้ ฉันต้องกลับไปอยู่ที่บ้าน ไม่สิ ต้องย้ายมหาวิทยาลัย จำเป็นต้องย้ายมหาวิทยาลัย อยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว…”


โรคเอดส์เลยนะ!


หากติดเชื้อก็เท่ากับตาย!


เธอยังเป็นวัยรุ่นสดใสวัยแรกแย้ม แม้แต่รสปากของผู้ชายเป็นแบบไหนยังไม่ทันได้ลิ้มลองเลย หากต้องมาตายเพราะเรื่องนี้ มันช่างไร้ความอยุติธรรมยิ่งกว่าโต้วเอ๋อ[1]เสียอีก!


“เธอจะลนลานไปทำไม? ถังม่านลี่ไม่เป็นไร สองคนนั้นที่เป็นก็ถูกส่งตัวกลับประเทศไปแล้ว มหาวิทยาลัยของเราปลอดภัยดี” เหมยเหมยจ้องเธอเขม็งอย่างไม่สบอารมณ์ ฟังเสียงลมเป็นฝน นิสัยแบบนี้นี่ช่าง…


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนได้ยินว่าไม่เป็นไรจึงวางใจทันทีแล้วนั่งลงกินข้าวอีกครั้ง ฉีฉีเก๋อที่นั่งอยู่ข้าง ๆยังคงมึนงง ไม่เข้าใจถึงความกลัวของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเลยสักนิด


ความไม่รู้บางครั้งนับว่าเป็นความสุขแหละเนอะ!


เหมยเหมยไม่ได้ใส่ใจถังม่านลี่สักนิด เส้นทางเบื้องหน้าเธอเป็นคนเลือกเอง จะเดินบนเส้นทางที่ถูกต้องหรือบนเส้นทางที่เต็มด้วยขวากหนามล้วนเป็นสิ่งที่เธอเลือกเอง ไม่อาจโทษคนอื่นได้ ต่อให้นึกเสียใจก็เปล่าประโยชน์


ข่าวลือในโรงเรียนมีอยู่มาก ส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นข่าวที่กระทบกับนักศึกษาหญิงอย่างถังม่านลี่ มีจำนวนคนอยู่มาก แค่ในมหาวิทยาลัยก็มีเป็นจำนวนยี่สิบคนแล้ว ล้วนแต่เป็นสาวน้อยวัยรุ่ยหน้าตาสะสวย กระทั่งมีบางคนเคยทำแท้งค์ นักเรียนหญิงบางคนรับไม่ได้กับข่าวลือเสีย ๆ หาย ๆจึงแอบลาออกแล้วกลับบ้านไป


อันที่จริงพึ่งพาตัวเองก็สามารถมีชีวิตในอุดมคติได้แต่ผู้หญิงพวกนี้กลับคิดไม่ได้ คิดแค่จะทำลายตัวเอง ไม่น่าเห็นใจเลยสักนิด


เพียงชั่วข้ามคืนโฮ่วเซิ่งหนานจากเจ้าหญิงผู้สูงส่งก็ตกร่วงไปอยู่ในโคลนตม ไม่มีเลยสักคนที่จะคอยยื่นโบกมือให้เธอ แม้แต่เถียนมู่ยังตกใจกลัวจนต้องบินกลับญี่ปุ่นไปทันที


ยามนี้ไม่มีแม้แต่เงาของเพื่อนพ้องน้องพี่ในวันวาน ไหนยังต้องคอยแบกรับการเยาะเย้ยจากคนอื่นไม่ซ้ำหน้า มีหรือที่โฮ่วเซิ่งงหนานจะยอมรับได้จึงเกลียดเหมยเหมยเข้ากระดูกดำยิ่งกว่าเดิม เธอรู้สึกว่าความโชคร้ายในตอนนี้ล้วนเป็นนังจ้าวเหมยที่นำพามาให้


………………………………………………………….


ตอนที่ 1521 จัดทำนิทรรศการภาพวาด


อากาศเริ่มเย็นลงเรื่อย ๆ เหมยเหมยเองก็เริ่มจะยุ่งมากขึ้นจึงไม่ได้สนใจคนอย่างโฮ่วเชิ่งหนานอีกต่อไป


ได้ยินจากเหยียนหมิงซุ่นว่าโฮ่วเชิ่งหนานยังอยู่ที่เมืองหลวง ทว่าเอาแต่เก็บตัวอยู่ในบ้านไม่ออกไปไหน ไม่เหมือนกับแต่ก่อนที่ชอบออกมาเที่ยวระเริงคงเพราะไม่อาจสู้หน้าใครได้ เหยียนหมิงซุ่นจึงส่งลูกน้องสองคนคอยจับดูเธอไว้ ตราบใดที่ผู้หญิงคนนี้ยังไม่ออกไปจากเมืองหลวง ก็ไม่มีวันไหนที่จะทำให้วางใจได้เลย


จ้าวอิงหัวสองสามีภรรยามาถึงเมืองหลวงแล้ว เหยียนซินหย่าไม่แม้แต่จะทำความสะอาดบ้าน มาถึงก็มัวยุ่งอยู่แต่กับงานนิทรรศการภาพวาด เหมยเหมยสงสารผู้เป็นแม่จับใจจึงคอยประกบตามเป็นลูกมือให้ ยุ่งจนหัวหมุนไปด้วย


ส่วนจ้าวอิงหัวนั้นยุ่งกว่าพวกเธอมาก ตำแหน่งงานใหม่ของเขาเป็นงานที่ต้องรับผิดชอบการนำเข้าและส่งออกสินค้า ฮวาเซี่ยในปี 1990 เพราะเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการนำเข้าหรือส่งออก ฮวาเซี่ยถือได้ว่ามีส่วนแบ่งของโลกที่มากพอตัว ซึ่งไม่อาจดูถูกได้เลย


เพราะเหตุนี้ตำแหน่งของจ้าวอิงหัวจึงสำคัญมาก ข้าราชการคนใหม่ก็ล้วนจะต้องทำงานบางอย่างเพื่อแสดงศักยภาพในตัวเองออกมา เขาเพิ่งคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมของงานได้ไม่เท่าไหร่ก็ถูกส่งไปสำรวจงานในต่างประเทศ ใช้เวลาอยู่บนเครื่องบินมากกว่าอยู่บ้านเสียอีก


แม้จ้าวอิงหัวมีใจอยากจะอบรมสั่งสอนลูกสาว แต่เขาไม่อาจแยกร่างออกไปทำสิ่งอื่นได้เลย มีใจอยากทำแต่เกินความสามารถที่จะทำได้


ส่วนเหยียนซินหย่ามองเหยียนหมิงซุ่นเป็นลูกเขยไปแล้ว แต่ไหนแต่ไรมาก็เป็นคนพูดง่าย อีกทั้งในหนึ่งวันเธอแทบอยากจะนอนในหอนิทรรศการตลอด 24ชั่วโมง จึงไม่มีอารมณ์จะสนใจลูกสาวนัก


ดังนั้นการที่คู่รักอย่างจ้าวอิงหัวจะกลับมาหรือไม่ ชีวิตของทั้งคู่นั้นก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก


ยามค่ำคืน เหยียนหมิงซุ่นสวมกอดภรรยาของตนไว้พลางยิ้มพอใจ


นับจากนี้ต้องให้จ้าวอิงหัวบินทุกวัน!


เพื่อชีวิตที่มีความสุขของเขาและเหมยเหมย คงต้องทรมานว่าที่พ่อตาแม่ยายในอนาคตเสียแล้ว!


ถึงอย่างไรคู่สองสามีภรรยาคงไม่มาใส่ใจเรื่องเจอกันน้อยจากกันมากในช่วงหนึ่งถึงสองปีนี้หรอก!


นิทรรศการภาพวาดกำหนดจัดในวันที่ 5 ธันวาคมเป็นระยะเวลาสิบวัน ทางด้านเหยียนซินหย่าตระเตรียมงานอย่างขันแข็ง นำผลงานตลอดชั่วอายุของเหยียนตานชิงทั้งหมดมาที่เมืองหลวงและจัดแบ่งหมวดหมู่เป็นอย่างดี


ครั้งนี้เหยียนซินหย่าตั้งใจจะจัดแสดงผลงานทั้งหมดของพ่อให้โลกได้เห็น ไม่ใช่แค่เพียงภาพวาด แต่ยังมีความเรียง ต้นฉบับการแปล ศิลปะภาพวาดบนกำแพงของเหยียนตานชิงเป็นต้น เธออยากให้โลกรู้จักตัวตนที่แท้จริงของพ่อ ซึ่งไม่ใช่อาจารย์เหยียนในตำนาน


เจิ้งซื่อหลินและคนอื่น ๆต่างก็ไร้ซึ่งความเคลื่อนไหว เหมยเหมยรู้ดีว่าพวกเขาไม่มีทางนิ่งดูดายแน่ เพียงแค่ไม่รู้ว่าครั้งนี้พวกเขาจะทำเช่นไร เหมยเหมยไม่กล้าประมาทจึงให้เหยียนหมิงซุ่นส่งคนไปจับตาดูสามคนนี้มาตลอด


งานนิทรรศการใกล้เข้ามาแล้ว เหมยเหมยขอลาโดยเฉพาะเพื่อไปช่วยงานที่หอนิทรรศการ เมื่อสามวันก่อนมีคนมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่ล้วนมาจากแวดวงวรรณกรรมและศิลปะและประชาชนทั่วไป แล้วยังมีนักข่าวคนดังจากสื่อต่าง ๆด้วย ทำให้หอนิทรรศการเนืองแน่นจนแม้แต่น้ำหยดเดียวก็ไม่อาจไหลผ่านไปได้


“คุณเหยียน ทำไมคุณปล่อยให้เวลาล่วงเลยมาจนหลายปีถึงได้ตัดสินใจจัดนิทรรศการภาพวาดของอาจารย์เหยียน?” มีนักข่าวถามขึ้น


เหยียนซินหย่าอมยิ้มเล็กน้อยเอ่ยขึ้นอย่างใจเย็น “เพราะว่าหลายปีมานี้ฉันคัดแยกผลงานของคุณพ่อที่ยังเหลืออยู่มาตลอด และในปีนี้ก็พึ่งจะคักแยกเสร็จ เพราะงั้นฉันถึงตัดสินใจจัดนิทรรศการภาพวาดขึ้นในปีนี้”


“สำนักเหยียนมีแค่คุณเหยียนคนเดียวที่เป็นผู้สืบทอดหรือเปล่า? ท่านอาจารย์ยังมีผู้สืบทอดอีกไหม?”


สีหน้าเหยียนซินหย่าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เอ่ยเสียงดัง “ไม่ค่ะ ยังมีรุ่นพี่อีกคนชื่อว่าเซี่ยทิงเทา เขาเป็นศิษย์ที่น่าภาคภูมิใจของพ่อฉัน ความสามารถของฉันยังไม่ถึงครึ่งพี่เขาเลยค่ะ”


“ตอนนี้คุณเซี่ยอยู่ที่ไหน? ดูเหมือนจะไม่เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของเขาเลย!” มีคนถามขึ้น


เหยียนซินหย่าถอนหายใจเฮือกใหญ่เผยท่าทีเจ็บปวด “รุ่นพี่ของฉันหายตัวไปเมื่อยี่สิบปีก่อน ทุกวันนี้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร”


หลายปีมานี้จ้าวอิงหัวและเหยียนหมิงซุ่นส่งคนไปเสาะหาเบาะแสที่ฮ่องกงแต่กลับไม่มีข่าวคราวของเซี่ยทิงเทาเลย เกรงว่าจะโชคร้ายมากกว่าโชคดี เพียงแค่เหยียนซินหย่านึกถึงรุ่นพี่ที่พ่อของตนถือเสมือนเป็นลูกชายแท้ ๆและอาจไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว ใจของเธอก็เหมือนดั่งถูกมีดกรีดแทง


หากว่ารุ่นพี่ยังอยู่ เธอจะพ่ายแพ้ต่อพวกเจิ้งซื่อหลินสามคนนั้นเป็นเวลาหลายปีขนาดนี้ได้อย่างไร?


อย่างไรก็ตามยังถือว่าพละกำลังของเธอนั้นอ่อนแอเกินไป!


ทันใดนั้นมีเสียงแหลมสูงดังขึ้น “ได้ยินว่าอาจารย์เหยียนยังมีลูกศิษย์อีกสองคน ตอนนี้ล้วนเป็นคนดังในวงการศิลปะของประเทศเรา พวกเขาคือหร่วนหวาไฉ่และเจิ้งซื่อหลิน เหตุใดคุณเหยียนถึงไม่เอ่ยชื่อพวกเขาล่ะ?”


…………………………………………………………..


[1] โต้วเอ๋อ เป็นตัวละครจากบทละครเรื่อง “ความทุกข์ระทมของโต้วเอ๋อ” (窦娥冤)


ตอนที่ 1522 บุรุษเป็นทาสจนชั่วกัป สตรีเป็นโสเภณีจนชั่วกัลป์


เหมยเหมยเงยหน้ามองด้วยสายตาดุดัน หันไปทางหมู่มวลนั้นเพื่อหาต้นตอแต่กลับไม่เจอตัวคนพูด


รู้อยู่แล้วว่าคนชั้นต่ำสามคนนั้นไม่มีทางรามือง่าย ๆ อย่างไรเสียนี่ก็เริ่มขึ้นแล้ว


เหยียนซินหย่ายิ้มเยาะ “พ่อของฉันมีเซี่ยทิงเทาคนเดียวที่เป็นลูกศิษย์ หร่วนหวาไฉ่กับเจิ้งซื่อหลินพวกเขาทรยศต่ออาจารย์จนทำให้พ่อฉันต้องตาย คนชั้นต่ำแบบนี้จะเป็นศิษย์ของพ่อฉันได้อย่างไร?”


ฝูงชนที่อยู่ในความโกลาหลพลันเกิดความประหลาดใจ


นี่เป็นครั้งแรกที่เหยียนซินหย่าแสดงท่าทีเด็ดเดี่ยวต่อหน้าสารธารณะชน ซึ่งปกติแล้วเธอมักจะพูดจ้าอ้อมคอมถนอมน้ำใจ


หลายคนในหออย่างฉีฉีเก๋อต่างก็พากันมาที่หอนิทรรศการ รวมถึงถังม่านลี่ก็มาด้วย เธอดีขึ้นมากแล้วเพียงแค่มีนิสัยรักสันโดษมากขึ้น ไม่ได้ร่าเริงแจ่มใสเหมือนแต่ก่อน


“หร่วนหวาไฉ่กับเจิ้งซื่อหลิน สองชื่อนี้ฟังดูคุ้นหูมาก…ฉันเคยได้ยินมาจากไหนนะ?” ฉีฉีเก๋อลูบท้ายทอยอย่างนึกแปลกใจ


เจิ้งเสวี่ยซานหน้าเปลี่ยนสีแต่กลับเป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว ใจกระดอนขึ้นมาถึงลำคอ วันนี้คุณปู่จะปรากฏตัวไหม?


แล้วภาพวาดนั้นเขาจะหยิบออกมาไหม?


เจิ้งเสวี่ยซานกระวนกระวายใจ เธอรู้สึกเสียใจขึ้นมา หากวันนี้คุณปู่หยิบภาพวาดนั้นออกมาจ้าวเหมยต้องสงสัยในตัวเธอแน่ ครั้งก่อนที่สโมสรจินตี้ เหมยเหมยก็สงสัยในตัวเธออยู่แล้ว


แต่อย่างไรเสียจ้าวเหมยก็ทำอะไรเธอไม่ได้ เจิ้งเสวี่ยซานคิดถึงจุดนี้ก็นึกดีใจอย่างอดไม่ได้ ต่อให้คู่หมั้นของจ้าวเหมยจะเก่งกาจสักแค่ไหน แต่หากไม่มีหลักฐานก็ทำอะไรเธอไม่ได้อยู่ดี!


เจิ้งเสวี่ยซานอุ่นใจขึ้นอีกครั้ง ภาพวาดครั้งนี้ก็เช่นกันเธอระมัดระวังขนาดนั้น ในหอคนสัญจรไปมาตลอด ต่อให้จ้าวเหมยสงสัยในตัวเธอก็ทำอะไรเธอไม่ได้เช่นกัน ไม่มีใครรู้ถึงความสัมพันธ์ของเธอกับเจิ้งซื่อหลิน


นอกเสียจากโฮ่วเซิ่งหนาน!


ตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นยังเอาตัวเองไม่รอด เจิ้งเสวี่ยซานจึงไม่กังวลเลยสักนิด เธออยากรู้มากกว่าว่าคุณปู่จะเอาภาพวาดนั่นไปทำอะไร?


ฉีฉีเก๋อยังคงครุ่นคิดว่าหร่วนหวาไฉ่กับเจิ้งซื่อหลินเป็นใคร เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจึงยกมือตบเข้าที่ขมับ พร้อมกดเสียงดุ “เธอนี่มันโง่จริง ๆ สองคนนี้เป็นจิตกรจีนแนวหน้า ชื่อเสียงโด่งดังไม่น้อย พวกเขา…”


พอพูดถึงตรงนี้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็ปิดปากเงียบทันที แก้คำพูดว่า “ก็สองคนนี้เป็นนักวาดภาพ แม้ชื่อเสียงโด่งดังแต่ฝีมือไม่เท่าไหร่เลยและ ไม่ใช่คนดีอะไรนัก!”


แม่ของดาวมหาวิทยาลัยพูดออกมาแบบนั้นแล้ว อีกอย่างหร่วนหวาไฉ่สองคนนั้นจะเป็นคนดีไหม เธอก็ไม่อาจจะพูดออกมาว่าดีได้ กอดขาของดาวมหาวิทยาลัยให้แน่นถึงจะเป็นหนทางที่ถูกต้อง


อีกอย่างชื่อเสียงของหร่วนหวาไฉ่สองคนนี้ในวงการศิลปะก็ไม่ได้มีดีอะไรนัก เธอไมได้พูดผิดนี่!


เจิ้งเสวี่ยซานสีหน้าเปลี่ยนไปมาก กัดฟันกรอด โกรธแค้นเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอยู่ในใจ


ฉีฉีเก๋อนึกขึ้นได้ในทันที “ที่แท้ก็คนชั่ว คนโลภเช่นนี้ไม่คู่ควรกับการวาดภาพเลยสักนิด!”


เหมยเหมยหัวเราะเยาะเอ่ย “ถูกต้อง แม้แต่ความเป็นมนุษย์ก็ไม่คู่ควรที่จะเป็น สัตว์เดรัจฉานสวมเสื้อผ้าในคาบคน เทียบกับสัตว์ชั้นต่ำยังไม่ได้เลย!”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหดคอลงอย่างว่าง่าย ดูเหมือนดาวมหาวิทยาลัยกับสองคนนี้จะมีความอาฆาตแค้นต่อกันสินะ!


แม้ว่าเจิ้งเสวี่ยซานจะไม่ได้สนิทกับเจิ้งซื่อหลินนัก แต่เธอก็มีคุณปู่เป็นไอดอลตั้งแต่เด็ก พอตอนนี้ได้ยินเหมยเหมยพูดทำลายเกียรติยศชื่อเสียงของคุณปู่ก็พลันโมโหอย่างห้ามไม่ได้ จึงเอ่ยเสียงเย็นชา “จ้าวเหมยเธอพูดถึงผู้อาวุโสทั้งสองของวงการศิลปะแบบนี้ ไม่คิดว่ามันเกินไปหน่อยเหรอ?”


เหมยเหมยมองเธออย่างเย็นชา มุมปากยกเชิด “สัตว์ชั้นต่ำแบบนั้นคู่ควรที่จะเป็นผู้อาวุโส? เกิดมาเป็นคน แต่กลับเลือกทำตัวเป็นดั่งสัตว์เดรัจฉาน คนชั่วช้าที่ทรยศหักหลังและทำให้อาจารย์ต้องตาย คนรุ่นหลังของมันที่เป็นบุรุษต้องเป็นทาสจนชั่วกัป สตรีเป็นโสเภณีจนชั่วกัลป์ ทุกภพทุกชาติไม่อาจพลิกผันชะตาได้…”


“พอแล้ว…จ้าวเหมยเธออย่าว่ามากเกินไป!” เจิ้งเสวี่ยซานโมโหจนตัดบทเหมยเหมย


“เพื่อนเจิ้ง เธอโมโหอะไร? ฉันไม่ได้ว่าเธอนี่ หรือว่าเธอเป็นญาติกับเจิ้งซื่อหลินเหรอ?” เหมยเหมยเอ่ยเย้ยหยัน


เจิ้งเสวี่ยซานใจเต้นแรง เอ่ยปฏิเสธทันที “เธออย่าพูดจาไร้สาระ ฉันจะเป็นญาติกับอาจารย์เจิ้งได้ไง ฉันแค่ทนไม่ได้ที่ฟังเธอพูดถึงผู้อาวุโสแบบนี้”


“ทนฟังไม่ได้ก็ไม่ต้องฟัง ฉันไม่ได้เชิญมาเสียหน่อย” เหมยเหมยไม่ไว้หน้าเธอแม้แต่น้อย


เรื่องที่สโมสรจินตี้ยังไม่ได้คิดบัญชีเลยนะ!


เหอะ…ได้เห็นดีกันแน่!


………………………………………………………………


ตอนที่ 1523 ความจริงในตอนนั้น


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแปลกใจมาก เธอคลับคล้ายคลับคลาเหมือนจะรู้อะไรบางอย่าง ดูเหมือนว่าหร่วนหวาไฉ่กับเจิ้งซื่อหลินจะเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์เหยียน แต่เรื่องบุญคุณความแค้นไม่ค่อยรู้แน่ชัดนัก รู้เพียงว่าอาจารย์เหยียนและภรรยาไม่อาจมีชีวิตรอดจากยุคนั้นได้แล้วสิ้นใจลงอย่างน่าเวทนา


ดูจากตอนนี้แล้วมีบางสิ่งถูกปิดซ่อนเอาไว้อยู่!


ขณะนี้นักข่าวคนนั้นก็กัดไม่ปล่อย เอาแต่ยิงคำถามที่มุ่งร้ายขึ้นมาเป็นพัก ๆราวกับยกตนข่มท่าน เหยียนซินหย่าโมโหจนหน้าแดง มือสั่นเทา


เหมยเหมยก้าวขึ้นไปอย่างรวดเร็ว ลูบแขนเหยียนซินหย่าเบา ๆแล้วรับไมโครโฟนเอ่ยด้วยเสียงอันดัง “ชั่วชีวิตของคุณตาฉันใช้ชีวิตสงบและงดงามมาตลอด ไม่เคยทำเรื่องที่ผิดต่อประเทศและประชาชน แต่เพราะถูกหร่วนหวาไฉ่ เจิ้งซื่อหลิน ตานเหอเจิ้ง สัตว์เดรัจฉานชั้นต่ำไร้ยางอายทั้งสามคนนั่นใส่ร้ายให้กลายเป็นพวกจารชนข้ามชาติ จนต้องตายอยู่ในคุกอย่างน่าเวทนา และคุณยายของฉันก็ด้วย”


การตายของเหยียนตานชิงสามีภรรยาถูกเก็บเป็นความลับตลอดมา น้อยมากที่จะมีคนเอ่ยถึง เหมยเหมยพูดขึ้นมาแบบนี้ ด้านล่างจึงเกิดเสียงเซ็งแซ่ขึ้นมา ไม่อยากจะเชื่อเลย


เหยียนซินหย่านึกถึงสภาพอันน่าสังเวชหลังการตายของพ่อแม่ น้ำตาก็ไหลอย่างห้ามไม่ได้ ไม่อาจปกปิดความโศกเศร้าเบื้องลึกไว้ได้


เหมยเหมยโอบไหล่ของเธอ พร้อมกับพูดขึ้นเสียงดังอีกครั้ง “ตอนนั้นตานเหอเจิ้งเป็นเพื่อนของคุณตา แต่หร่วนหวาไฉ่กับเจิ้งซื่อหลินเป็นลูกศิษย์ของคุณตา ภาพวาดของทั้งสามคนได้รับคำชี้แนะจากคุณตา ได้รับความรู้และผลประโยชน์ไปมาก แต่กลับไม่รู้จักบุญคุณคน ร่วมมือกันเขียนจดหมายปลอมใส่ความจนทำให้คุณตาคุณยายต้องตาย ทำให้พวกเขาต้องตายก่อนเวลาอันควร ไม่เช่นนั้นพวกท่านจะต้องทำประโยชน์ให้กับสังคมและประเทศชาติมากกว่านี้แน่”


เธอนิ่งไปสักพัก ก่อนจะชี้ไปที่ภาพวาดบนผนังภาพหนึ่งที่เป็นภาพขยายใหญ่บนเวที เอ่ยว่า “คุณยายเยวี่ยอ้ายเหลียนเป็นนักเต้นรำแนวหน้าระดับประเทศ นี่คือภาพการแสดงในต่างประเทศของเธอเมื่อยังมีชีวิตอยู่ ตอนที่ท่านและคุณตาต้องตาย เป็นช่วงเวลาที่งดงาม…”


เหยียนซินหย่าไม่อาจควบคุมตัวเองได้อีก ใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดใบหน้าเอาไว้


เหมยเหมยใบหน้านองด้วยคราบน้ำตา แม้ว่าเธอจะไม่เคยเจอคุณตาคุณยายแต่เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ เพียงแค่นึกถึงการตายที่น่าอนาถเช่นนั้น ใจของเธอก็พลันเจ็บปวดเหมือนกับถูกมีดแทง


ฉีฉีเก๋อได้ยินก็โมโห ออกแรงฟาดเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไปทีหนึ่งแล้วสบถด่า “ถ้าสัตว์ชั้นต่ำแบบนี้อยู่ที่ทุ่งหญ้าบ้านฉันนะ คงถูกมัดไว้กับม้าแล้วให้มันลากวิ่ง วิ่งหลายชั่วโมง ให้พระเจ้าตัดสินว่าจะให้พวกมันมีชีวิตต่อไหม”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเจ็บจนต้องกัดฟัน ลมพัดผ่านท้ายทอย


มัดไว้กับม้าแล้วลากวิ่งหลายชั่วโมง ขนาดคนเหล็กยังวิ่งจนร่างแยกออกจากกัน ยังบอกว่าให้พระเจ้าตัดสินอีกเหรอ?


อยากจะมอบสองเสียงนี้ให้แม่สาวซื่อบื้อสองคน ‘เหอะเหอะ’ !


เจิ้งซื่อหลินพูดขึ้นอย่างเย็นชา “นี่เป็นเพียงแค่คำพูดจากจ้าวเหมยเพียงฝ่ายเดียว ใครจะรู้ได้ว่าเหยียนตานชิงเป็นจารชนจริงไหม”


“จ้าวเหมยไม่มีทางโกหกใคร เธอเป็นคนดี คุณตาของเธอก็ต้องเป็นคนดีแน่ ฉันเชื่อจ้าวเหมย สัตว์ชั้นต่ำสามตัวนั่นต้องทำเรื่องเลวทรามแน่” ฉีฉีเก๋อจ้องเจิ้งเสวี่ยซานด้วยความโมโห


เจิ้งเสวี่ยซานหมายจะพูดอีกสักนิด เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหัวเราะเยาะพูดจาเยาะเย้ย “เพื่อนเจิ้ง เธอคงจะไม่ใช่ญาติของเจิ้งซื่อหลินจริง ๆหรอกใช่ไหม? ทำไมเธอถึงได้ปกป้องสามคนนี้จังล่ะ?”


“ฉันแค่ทนเห็นพวกเธอไม่รู้อะไรชัเจน แล้วใส่ร้ายผู้อาวุโสที่มีคุณธรรมและบารมีสูงส่ง” เจิ้งเสวี่ยซานยังคงหนักแน่นด้วยท่าทีนิ่งสงบ


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแสยะยิ้มจ้องหน้าเธอ หล่อนต้องมีอะไรในใจแน่ ครั้งก่อนที่สโมสรจินตี้ก็ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆแต่เสียดายที่ไม่มีหลักฐาน


เจิ้งเสวี่ยซานกลัวว่าถ้าพูดเยอะจะเผยพิรุธเอา จึงไม่กล้าพูดอะไรอีกได้แต่ปิดปากเงียบอีกครั้ง


ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยความโมโห แต่ตัวเธอเองกลับไม่รู้สึกตัว


แขกหลายคนเป็นผู้อาวุโสในวงการศิลปะ ส่วนใหญ่ล้วนรู้จักเหยียนตานชิง ข่าวลือก็เป็นเรื่องที่อดหนักใจไม่ได้ พลางทอดถอนหายใจไม่หยุด และรู้สึกโกรธเคืองเจิ้งซื่อหลินสามคนนั้นมากขึ้น


“เหอะ พวกเราเคารพต่ออาจารย์มากจะทำร้ายอาจารย์ได้อย่างไร เหยียนซินหย่าเธออย่ามาใส่ร้ายป้ายสีกันนะ!” น้ำเสียงที่แสนโกรธเคืองดังขึ้น ทุกคนหันหน้าไปมองอย่างพร้อมเพรียงจึงได้เห็นเจิ้งซื่อหลินสามคนนั้นที่ไม่รู้ว่าปรากฎตัวตั้งแต่เมื่อไหร่


ตอนที่ 1524 ต่ำช้าไร้ยางอาย


เจิ้งงซื่อหลินและหร่วนหวาไฉ่เข็นวีลแชร์ ในวีลแชร์นั้นมีชายชรารูปร่างซูบผอมผิวเหลืองซีดคนหนึ่งนั่งอยู่ หน้าหันมองด้านข้างงุดต่ำลง แววตาขุ่นมัว ไร้ซึ่งชีวิตชีวา ปากก็บิดเบี้ยว


ตาเหลือกปากเบี้ยว เห็นได้ชัดว่าเป็นผลสืบเนื่องจากโรคหลอดเลือดในสมอง


หลายปีมานี้ตานเหอเจิ้งไร้ซึ่งชื่อเสียงและไม่เคยปรากฏตัวต่อสาธารณะชน ได้ยินเพียงว่ามีปัญหาด้านสุขภาพ ตอนนั้นเหมยเหมยบอกว่าพระเจ้าคงมีตา กรรมตามสนองเข้าแล้ว


เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าอาการของตานเหอเจิ้งจะเลวร้ายกว่าที่เธอคิดไว้มาก!


พระเจ้าไม่ได้ตาบอดไปเสียหมดนี่นา!


“นี่ตานเหอเจิ้งไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ?” เกิดเสียงซุบซิบขึ้นในฝูงชน แปลกประหลาดมาก


เจิ้งซื่อหลินพูดขึ้นเสียงดัง “เหยียนซินหย่าไม่ใช่เพราะฉันกับหวาไฉ่รวมพลเลือกตานเหอเจิ้งเป็นอาจารย์ ถึงได้จงใจใส่ร้ายว่าพวกเราฆ่าอาจารย์หรอกนะ? เหตุผลที่พวกเราฝากตัวเป็นศิษย์เราก็บอกกับเธอไปหลายครั้งแล้ว แต่เธอกลับไม่ยอมฟัง แล้วยังทำลายชื่อเสียงของฉันกับหวาไฉ่อยู่หลายครั้งหลายหน”


เมื่อพูดถึงตรงนี้ความเศร้าโศกก็ปรากฏบนใบหน้าของเจิ้งซื่อหลินทั้งสองคน แววตาพร่ามัว ถอนหายใจยาว


“เห็นแก่ท่านอาจารย์และอาจารย์แม่ พวกเราถึงยอมเธอ เพียงแต่พออธิบายให้เธอฟังเธอกลับไม่ยอมฟังเลย เอาแต่จะโยนความผิดมาให้ฉัน วันนี้ไม่ว่าอย่างไรพวกเราจะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว ต้องเอาความจริงในตอนนั้นเผยแพร่สู่สาธารณะชนให้ได้”


ตานเหอเจิ้งที่นั่งอยู่บนวีลแชร์ร่างกายสั่นเทิ้ม มือไม้ที่สั่นนั้นปัดป่ายไม่หยุด อ้าปากแต่กลับไม่มีเสียงพูด น้ำลายไหลย้อย


“อย่าดิ้น…”


หร่วนหวาไฉ่ก้มหน้าพูดกดเสียงเบาไม่กี่ประโยค แววตาแข็งกร้าว ตานเหอเจิ้งหัวใจหล่นวูบ นึกถึงหลานชายที่ไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไรในต่างประเทศ มีหรือที่เขาจะกล้าโต้แย้ง?


ความเศร้าโศกเวิ้งว้างทะลักขึ้นมาถึงขีดสุด!


กรรมตามสนองแล้ว!


ตอนนั้นเขาทำร้ายเพื่อน บัดนี้กลับโดนลูกศิษย์แว้งกัด ทำร้ายหลานชายตน!


น้ำตาซึมไหลริน คนอื่นต่างมองด้วยความไม่เข้าใจว่าร้องทำไม?


หร่วนหวาไฉ่ส่งสายตาเตือนเขาทีหนึ่ง เอ่ยด้วยโทสะ “คนที่ทำให้ท่านอาจารย์กับอาจารย์แม่ตายในตอนนั้นก็คือเขา คนทรยศต่ำช้าไร้ยางอายนี่ จดหมายใส่ร้ายนั่นก็เป็นเขาที่เขียน พวกเราได้แต่มองท่านอาจารย์และอาจารย์แม่ถูกคนชั่วทำร้ายแต่กลับไม่มีกำลังพอที่จะช่วยเหลืออะไรได้เลย ปวดใจเหลือเกิน…”


ทั้งคู่ต่างกุมหน้าร้องไห้ ทุบอกชกหัวอย่างเจ็บปวด


เสียงร้องไห้ดูโศกเศร้า ผู้ที่ได้ยินต่างหลั่งน้ำตาเศร้าเสียใจ


บางคนที่ไม่รู้ความจริงก็ถูกหลอกจนหลงเชื่อเสียสนิท จิตใจจึงโอนเอนไปทางฝั่งหร่วนหวาไฉ่พวกนั้น คิดว่านั่นอาจเป็นเรื่องเข้าใจผิดจริง ๆ


เหยียนซินหย่าโกรธจนร่างกายสั่นเทิ้มไม่หยุด เหตุใดในโลกนี้ถึงยังมีคนหน้าไม่อายเช่นนี้อยู่นะ?


เหมยเหมยด่าออกไปอย่างเหลืออด “พวกคุณพูดออกมาได้เต็มปากว่าคนที่ทำให้คุณตาคุณยายต้องตายคือตานเหอเจิ้ง แล้วทำไมพวกคุณถึงยังไหว้คนทรยศแบบนี้เป็นอาจารย์อีก? หรือว่านี่คือความเคารพที่พวกคุณมีต่อคุณตาของฉัน?”


ทันใดนั้นผู้คนต่างก็โอนเอนมาทางฝั่งจ้าวเหมยอีกครั้ง สายตาที่มองหร่วนหวาไฉ่และคนอื่นนั้นไร้ซึ่งความปราณี


เจิ้งซื่อหลินสองคนนั้นกลับไม่สะทกสะท้าน “เหตุที่ต้องกราบไหว้ตานเหอเจิ้งเป็นอาจารย์ เพียงแค่อยากจะหาหลักฐานว่าเขาเป็นคนใส่ร้ายท่านอาจารย์ เพื่อแก้แค้นแทนท่านอาจารย์และอาจารย์แม่ หลายปีก่อนฉันก็อธิบายกับน้องเหยียนไปแล้ว แต่เธอก็ไม่ยอมเชื่อ อีกทั้งมักจะทำให้พวกเราต้องเสียชื่อเสียงตามสื่อต่าง ๆอีก…เฮ้อ…”


เหยียนซินหย่าโกรธจนดวงตาแดงก่ำ เธอไม่เก่งเรื่องต่อล้อต่อเถียงอยู่แล้ว ถึงอย่างไรก็เถียงสู้คนถ่อยต่ำช้าไร้ยางอายทั้งสองคนนี้ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ


“แม่คะ อย่าโกรธตัวเองเลย พวกมันไม่มีจุดจบที่ดีแน่!” เหมยเหมยปลอบโยนพลางลูบไหล่เหยียนซินหย่า


เธอหายใจเข้าลึก ๆ ความไร้ยางอายของหร่วนหวาไฉ่กับเจิ้งซื่อหลินนั้นมีมากกว่าที่เธอคิดเอาไว้ ตานเหอเจิ้งถูกสองคนนี้บงการเข้าให้แล้ว


ตอนนี้ทั้งสองคนต่างโยนความผิดทั้งหมดไปให้ตานเหอเจิ้ง หนำซ้ำยังแก้ต่างว่าทำไปเพื่อแก้แค้นแทนอาจารย์ โดยไม่ลังเลที่แบกรับความอับอายมาหลายปี แสร้งว่าเป็นลูกศิษย์ที่ดีที่อดทนต่อความอับอายนั่น


หากปล่อยให้พวกเขาทำสำเร็จล่ะก็ คุณตาคุณยายที่อยู่ใต้พสุธาคงไม่มีทางจิตใจสงบแน่


………………………………………………………………….


ตอนที่ 1525 ถ้ามีความสามารถจริงก็อย่ามุดออกมาจากท้องผู้หญิง


เหยียนซินหย่ากับพวกเจิ้งซื่อหลินต่างก็ยืนหยัดในคำพูดของตัวเอง ฟังดูก็ล้วนมีเหตุผล ทุกคนต่างก็ไม่รู้แน่ชัดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้น ตอนนี้จึงสับสนมึนงงไปหมด


คนส่วนมากคิดว่านี่เป็นเหตุการณ์เข้าใจผิด หนำซ้ำยังมีพวกคนดี อยากจะเคลียร์สถานการณ์ โดยหวังจะให้ศิษย์พี่ศิษย์น้องอย่างเหยียนซินหย่ากับหร่วนหวาไฉ่คืนดีกัน


“เข้าใจผิดกันพอพูดให้กระจ่างเข้าใจแล้วก็ดี ความอยุติธรรมของตานชิงบัดนี้ได้ถูกลบล้างมลทินแล้ว ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการส่งเสริมสำนักเหยียนให้เจริญรุ่งเรือง หลานซินหย่าอย่าโทษว่าฉันพูดจาไม่น่าฟังเลย ทุกวันนี้สำนักเหยียนถอยลงไปมาก เกรงว่าเธอคนเดียวต่อให้มีใจอยากทำแต่กำลังคงไม่ไหวหรอก!”


คนที่พูดเป็นผู้อาวุโสในวงการศิลปะแซ่อวี๋ อายุมากกว่าเหยียนตานชิงเล็กน้อย แต่ชื่อเสียงกลับไม่ได้โด่งดังเท่าเหยียนตานชิงเลย เพียงแต่ในวงการศิลปะให้ความสำคัญต่อลำดับความอาวุโส


เฉกเช่นนักวาดภาพอาวุโสอย่างเขา ฝีมือวาดภาพปานกลาง แค่อายุยืนยาวก็เพียงพอแล้ว


ช่วงเวลาที่หลงเหลืออยู่จึงเป็นสิทธิ์ของเขาที่จะได้อบรมสั่งสอนผู้อื่น


เหมยเหมยแอบเยาะเย้ย พูดออกมามันดูง่าย เกรงว่าผู้เฒ่าอวี๋คงรวมหัวไปกับพวกหร่วนหวาไฉ่ตั้งแต่แรกแล้วสินะ?


เธอไมได้พูดอะไร ชักอยากจะเห็นว่าจะมีพวกเสือสิงห์กระทิงแรดตัวไหนกระโดดออกมาอีก!


ผู้เฒ่าอวี๋เพิ่งพูดเสร็จ ชายชราอีกคนหนึ่งก็พูดเสริมต่อ สถานการณ์ไม่ต่างไปจากผู้เฒ่าอวี๋ ผู้อาวุโสนั้นแซ่สวี และยังเป็นคนแก่ที่อายุมากแต่ความสามารถน้อย อาศัยเพียงความชราของตนและโอ้อวดคุณสมบัติเก่า ๆอย่างได้ใจ


“คุณอวี๋พูดถูก สำนักเหยียนหวังพึ่งผู้หญิงคนเดียวอย่างซินหย่าไม่ได้แน่นอน ฉันเคยเกลี้ยกล่อมเธอครั้งหนึ่งแล้วว่าต้องใจกว้างเข้าไว้ คนเราไม่ควรคิดเล็กคิดน้อย หวาไฉ่กับซื่อหลินมีศิษย์อยู่มากมาย ส่วนตัวแล้วก็ประสบความสำเร็จ ศิษย์พี่ศิษย์น้องอย่างพวกเธอควรจะร่วมแรงร่วมใจร่วมมือกันทำให้สำนักเหยียนรุ่งเรือง อย่าได้ปล่อยให้ความพยายามของตานชิงต้องสูญเปล่า!”


ผู้เฒ่าสวีพูดเกินจริงยิ่งกว่า แค่ไม่ได้พูดเรื่องที่สำนักเหยียนด้อยลงอย่างชัดเจนเท่านั้น ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะเหยียนซินหย่าใจแคบเกินไป ไม่มีความผ่อนปรนต่อกันเสียเลย


เหมยเหมยเอ่ยเยาะเย้ย “ผู้อาวุโสท่านนี้ช่างพูดไม่คิดเอาเสียเลย ความแค้นที่ฆ่าพ่อแม่ตนคงมิอาจอยู่ร่วมใต้ฟ้าเดียวกันได้หรอก หรือท่านผู้อาวุโสสามารถจับมือคืนดีกับฆาตกรที่ฆ่าพ่อตัวเองได้งั้นสิ? เช่นนั้นคุณก็คงจะเป็นคนที่มีความอดทนมากจริง ๆ ใจกว้างเปรียบดั่งมหาสมุทร ฉันยังเทียบไม่ติดเลยค่ะ!”


“พรืด”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหลุดเสียงขำออกมา ดาวมหาวิทยาลัยช่างปากคอเราะรายนัก ได้ยินแล้วช่างสะใจจริง ๆ!


ผู้เฒ่าสวีได้ยินดังนั้นจึงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ด่าว่า “เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างเธอจะรู้อะไร ไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่ ซินหย่าเธอคงต้องอบรมสั่งสอนแล้วล่ะ ผู้ใหญ่คุยกันใช่เวลาที่เด็กอย่างเธอจะพูดแทรกได้เหรอ?”


เหยียนซินหย่ากลับมาเป็นปกติแล้ว เอ่ยพูดอย่างเรียบเฉย “ที่ลูกสาวฉันพูดคือสิ่งที่ฉันอยากจะพูด หากว่าไม่เข้าหูคุณ ก็เชิญตามสบายค่ะ”


“เธอ…ไม่รู้จักความหวังดีของคนอื่น…เหอะ ไม่แปลกเลยที่สำนักเหยียนตกอับมาจนถึงทุกวันนี้” ผู้เฒ่าสวีแสดงสีหน้าบึ้งตึง


เหมยเหมยเยาะเย้ยกลับ “ต่อให้สำนักเหยียนของเราจะตกอับ แต่ก็แกร่งกว่าบางคนที่ไม่มีชื่อเสียงไม่มีสำนักเป็นของตัวเอง อีกอย่างใครบอกว่าสำนักเหยียนตกอับกันคะ? ภาพวาดของแม่ฉันมีชื่อเสียงทั้งในและต่างประเทศ เป็นที่แกร่งแย่งในระดับสากล ปัจจุบันผลงานที่เป็นที่นิยมมากกว่าของแม่ฉันในวงการศิลปะของฮวาเซี่ยเกรงว่าจะมีไม่เท่าไรนะคะ!”


“เหอะ ก็แค่ผู้หญิง จะทำอะไรที่มีชื่อเสียงได้!”


ผู้เฒ่าสวีหัวเราะเย้ยหยัน ใบหน้าฉายแววดูถูก


คนที่มีความคิดเช่นเดียวกับเขามีจำนวนไม่น้อยเลย คนส่วนใหญ่ต่างพากันพยักหน้า พวกเขาเพียงแค่ไม่ได้เอ่ยออกมาเท่านั้น ในใจต้องคิดเช่นเดียวกันแน่


“หรือว่าท่านผู้อาวุโสเกิดออกมาจากก้อนหินเหรอคะ? หรือดูถูกผู้หญิง?


คุณดูถูกผู้หญิงถึงขนาดนี้ ถ้าเก่งมากนักก็อย่ามุดออกมาจากท้องผู้หญิง อย่ากินนมของผู้หญิง อย่าให้ผู้หญิงคลอดลูกแล้วอบรมเลี้ยงดูลูกสิ!”


เหมยเหมยได้ยินจึงเกิดโทสะ สิ่งที่น่ารำคาญที่สุดคือโรคมะเร็งผู้ชาย[1]


ดูถูกผู้หญิงแต่ทุกเรื่องก็ไม่พ้นผู้หญิง แม่เจ้า เก่งมากก็ไปเป็นเทพเถอะ!


……………………………………………………………………….


[1] คำแสลง บ่งบอกว่าชายถือยึดมั่นถือมั่นว่าตนนั้นเป็นใหญ่


ตอนที่ 1526 พวกแกมีชีวิตอยู่ก็ผิดแล้ว


“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ ทั้งหอนิทรรศการเสียงหัวเราะของเธอกับฉีฉีเก๋อดังที่สุดแล้ว จนทำให้บางคนต้องหันมามองพวกเธอ ทั้งคู่จึงรีบปิดปากแต่ไหล่ทั้งสองข้างสั่นกระเพื่อมไม่หยุด


สีหน้าผู้เฒ่าสวีบึ้งตึงจนเปลี่ยนเป็นเขียวปัด มือไม้สั่นไม่หยุด “เด็กไม่รู้…เธอ…เธอ…”


เธออยู่แบบนั้นนานสองนานก็ไม่พูดออกมาสักที


โมโหจนเลอะเลือนแล้ว!


เหมยเหมยไม่ได้มองเขาอีกแล้วหันกลับไปมองผู้เฒ่าอวี๋คนก่อนหน้านี้ สองคนนี้ไม่ใช่คนดีอะไร จะต้องเป็นคนที่พวกเจิ้งซื่อหลินขอมาให้ช่วยแน่ ซึ่งไม่จำเป็นต้องเกรงใจอะไร


“ผู้อาวุโสท่านนี้ทำไมถึงคิดว่าแม่ของฉันมีใจอยากทำแต่กำลังไม่พอล่ะคะ? ทุกท่านลองออกไปไถ่ถามโลกภายนอกดู สำนักภาพวาดที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกคือสำนักไหนดูสิ? ไม่ใช่ว่าฉันคุยโวโอ้อวดนะแต่หลายปีมานี้สำนักเหยียนมีชื่อเสียงโด่งดังไม่มีตก ทั้งหมดล้วนมาจากความพยายามของแม่ฉัน แข็งแกร่งกว่าศิษย์จอมหลอกลวงบางคนตั้งหลายร้อยเท่า


ท่านผู้อาวุโสคะชื่อเสียงของท่านได้มาไม่ง่าย อย่าทำตัวเหมือนว่ายิ่งแก่ก็ยิ่งแยกแยะผิดถูกไม่ได้จนทำลายชื่อเสียงอันน้อยนิดที่ได้มาอย่างยากลำบากเลย”


ผู้เฒ่าอวี๋มีสีหน้าบึ้งตึงทันทีพลันตวาดใส่ “ผู้ใหญ่อย่างเราพูดกันอยู่ เด็กกะโปโลอย่างเธอจะพูดเหลวไหลอะไรนักหนาไม่รู้จักมีมารยาทบ้างเลย”


“คุณตาของฉันคือเหยียนตานชิง เป็นคนในสำนักเหยียน ทำไมจะไม่มีสิทธิ์พูดล่ะ?”


เหมยเหมยไม่ยอมผ่อนปรนสักนิด สำหรับผู้อาวุโสแบบนี้ เธอไม่ชี้หน้าด่าก็นับว่าใจดีมากแล้ว


ผู้ช่วยคนอื่น ๆที่ถูกเจิ้งซื่อหลินเรียกมาต่างเข้าใจว่าเหยียนซินหย่าไม่ถนัดต่อปากต่อคำ คิดว่าเพียงร่วมมือกันปลุกปั้นสักหน่อยก็สามารถช่วยพวกเจิ้งซื่อหลินได้แล้ว


แต่ไหนเล่าจะรู้ว่าเหยียนซินหย่ากลับมีลูกสาวฝีปากดีไม่เบา ดูปากเล็ก ๆนั่นสิดุดันเสียยิ่งกว่าปืนกล ผู้เฒ่าอวี๋และผู้เฒ่าสวีต่างถูกเธอจัดการด้วยคำพูดเหน็บแนมจนหมดซึ่งศักดิ์ศรีแล้ว


อีกอย่างแม่เด็กกะโปโลนี่ก็ไม่ได้พูดผิด ไม่ง่ายเลยที่พวกเขาจะได้รับชื่อเสียงอันน้อยนิดนั้นมา แต่ยังไม่ทันแก่ก็แปดเปื้อนมลทินเสียแล้ว!


คนพวกนี้ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วปิดปากเงียบพร้อมกันอย่างมิได้นัดหมาย ทำให้เจิ้งซื่อหลินและคนอื่นต้องผิดหวัง


เจิ้งซื่อหลินและหร่วนหวาไฉ่ส่งสายตาให้กัน เรื่องในวันนี้พวกเขาต้องทำให้สำเร็จ


ทั้งสองมองดูผลงานมากมายของเหยียนตานชิงที่อยู่ในหอนิทรรศการ แววตาส่อประกายความโลภ


พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าเหยียนซินหยาจะเก็บของมีค่าไว้มากมายถึงเพียงนี้ ของพวกนี้ล้วนเป็นของมีค่าที่ไม่อาจตีราคาได้ พวกเขาจะยอมรามือได้เช่นไร?


ถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นศิษย์ที่เหยียนตานชิงรับเข้าสำนักอย่างเป็นทางการ เหยียนตานชิงเองก็ไม่มีลูกชายด้วย พวกเขาก็เสมือนลูกชาย มรดกเหล่านี้ต้องตกเป็นของพวกเขาถึงจะถูก


เหยียนซินหย่าเป็นเพียงหญิงสาวที่แต่งงานออกไปแล้วมีสิทธิ์อะไรที่จะได้ของเหล่านี้?


ต้องทำให้ผู้หญิงคนนี้ยกทุกอย่างให้อย่างว่าง่ายให้ได้!


จู่ ๆตานเหอเจิ้งก็ดิ้นพล่านไปมาเหมือนจะลุกขึ้น หร่วนหัวไฉ่จึงออกแรงกดตัวเขาลง พร้อมพูดข้างหูเขาว่า “ไอ้แก่ แกอยากให้ตระกูลตานธูปหัก[1]หรือไง?”


“พวก…แก…” พวกแกต้องถูกกรรมตามสนอง!


ตานเหอเจิ้งได้รับแรงกระตุ้น น้ำลายไหลยืดมากกว่าเดิม ทำให้ปกคอเสื้อด้านหน้าเปียกชื้น แต่ไม่มีผู้ใดเห็นใจเขาสักคน


คนชั่วที่ใช้มีดแทงข้างหลังผู้อื่น ต่อให้ต้องตายก็สมควรแล้ว!


หร่วนหวาไฉ่ยิ้มอย่างพอใจ เหตุที่เก็บชีวิตตานเหอเจิ้งเอาไว้ก็เพื่อให้เขาเป็นแพะรับบาปแทนพวกเขาสองพี่น้องในวันนี้


มิเช่นนั้นพวกเขาจะไหว้ไอ้แก่นี่เป็นอาจารย์ในปีนั้นไปทำไม?


“น้องเหยียน พี่เซี่ยจะเป็นตายเช่นไรบ้างก็ไม่รู้ เกรงว่าจะเจอเคราะห์ร้ายเข้าเสียมากกว่า บัดนี้เรื่องที่แย่ลงจะผงาดกลับมาดีขึ้นใหม่ เป็นช่วงเวลาเหมาะสมที่ควรปล่อยวางและทำการใหญ่ให้สำเร็จ พวกเราศิษย์พี่ศิษย์น้องควรจะทิ้งอดีตไปเสีย แล้วร่วมมือกันสร้างชื่อเสียงให้สำนักเหยียน ทำให้ท่านอาจารย์ตายตาหลับสักที!”


เจิ้งซื่อหลินพูดด้วยความจริงใจ ถึงกับบีบน้ำตาที่น่าขยะแขยงออกมา


เหยียนซินหย่าก่นด่าอย่างโมโห “หากพวกแกยังมีชีวิตอยู่ พ่อแม่ฉันคงไม่มีทางตายอย่างสงบสุขในหลุมศพหรอก!”


……………………………………………….


ตอนที่ 1527 นางหนูไม่มีสิทธิ์สืบทอดมรดก


เจิ้งซื่อหลินมองเหยียนซินหย่าอย่างเจ็บปวด ชี้ไปยังตานเหอเจิ้งพูดว่า “น้องเหยียน ความจริงในตอนนั้นก็เป็นอย่างที่พี่พูด ตานเหอเจิ้งยอมรับแล้ว น้องดูสินี่คือหนังสือสารภาพของตานเหอเจิ้ง เขาเป็นคนเขียนเองกับมือ ครั้งนี้น้องจะได้ยอมเชื่อพวกพี่เสียที!”


เขาหยิบกระดาษไม่กี่แผ่นออกมาจากกระเป๋า ซึ่งไม่ได้ยื่นให้เหยียนซินหย่า แต่กลับเอาให้ผู้อาวุโสสูงส่งที่น่าเคารพในวงการศิลปะดู


“ถูกต้อง เป็นลายลักษณ์ที่ตานเหอเจิ้งเขียนกับมือ ลายเซ็นก็เป็นของจริง เฮ้อ ตานเหอเจิ้งเป็นคนชั่วช้าเช่นนี้จริงหรือ ยากจะคาดเดาได้เลยจริง ๆ!” ฝูงชนจำนวนมากทอดถอนหายใจไปตาม ๆกัน สายตาที่จ้องมองตานเหอเจิ้งฉายแววรังเกียจมากกว่าเดิม


ทำให้อาจารย์เหยียนผู้มีความสามารถล้นหลามต้องตาย ยังกล้ามีชีวิตอยู่ต่ออีกเหรอ?


เหยียนซินหย่ากลับไม่ได้ดู ‘หนังสือรับสารภาพ’ อะไรนั่นเลย เธอมองออกว่าตานเหอเจิ้งถูกเจิ้งซื่อหลินสองคนนั้นควบคุมไว้อยู่ หนังสือรับสารภาพฉบับนี้คงเขียนตามความปรารถนาของสองคนนี้แน่นอน มีอะไรน่าดูนักล่ะ?


“ตอนนี้ตานเหอเจิ้งพูดไม่ได้ พวกคุณจะพูดอะไรก็พูดได้นี่ ความจริงที่เกิดขึ้นในตอนนั้นแม่ฉันรู้ดีที่สุด เจิ้งซื่อหลิน หร่วนหวาไฉ่ พวกคุณทำอะไรไว้ต่างก็รู้ดีอยู่แก่ใจ อย่ามาเล่นละครตบตาเสียเลย!”


เหมยเหมยก่นด่าอย่างโมโห แต่เสียดายที่เวลาผ่านมานานเกินไป มีหลักฐานมากมายที่หาไม่เจอ


หนำซ้ำในตอนนั้นคุณตาคุณยายยังถูกเอาตัวไปอย่างลับ ๆ คนที่รู้ความจริงมีอยู่ไม่มาก ตอนนี้ไม่พบใครที่พอจะเป็นพยานชี้ตัวพวกเจิ้งซื่อหลินได้เลย เกลียดจริง ๆ!


“เด็กกะโปโลอย่างเธอมีสิทธิ์อะไรมาพูดกับฉัน ไม่รู้เด็กไม่รู้ผู้ใหญ่เลย วันนี้ฉันจะสั่งสอนมารยาทแทนอาจารย์เธอเอง สำนักเหยียนไม่ควรปล่อยให้นางหนูนี่มาทำลายชื่อเสียง!”


เจิ้งซื่อหลินตีหน้าขรึมสั่งสอนเหมยเหมยอย่างไม่แยแส แต่กลับไม่มีใครกล้าออกหน้าพูดแทนเหยียนซินหย่าสองแม่ลูกเลย ดูเหมือนจะเห็นดีด้วยกับฐานะของพวกเจิ้งซื่อหลินว่าเป็นศิษย์ของสำนักเหยียน


เจียงจื้อหรู่ที่ยืนอยู่ด้านข้างทนดูต่อไปไม่ได้ รีบเอ่ยแทรก “ตอนนี้พวกคุณยังเป็นคนสำนักตานเหอเจิ้ง จะเข้ามายุ่มย่ามคนของสำนักเหยียนได้อย่างไร? ไม่สอดคล้องกับกฎระเบียบเอาเสียเลย!”


คนอื่น ๆต่างพากันพยักหน้า


ซึ่งนับว่าเป็นหลักเหตุผลที่ถูกต้อง ตอนนั้นพวกเจิ้งซื่อหลินไหว้ตานเหอเจิ้งเป็นอาจารย์ ผ่านตามกระบวนการขั้นตอนอย่างเป็นทางการ


“พวกเราแยกตัวออกมาจากตานเหอเจิ้งเมื่อสิบปีก่อนแล้ว นี่คือจดหมายในตอนนั้น เชิญทุกท่านดูได้”


เจิ้งซื่อหลินเตรียมการณ์ไว้แต่แรกแล้ว หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาอย่างผ่อนคลาย เป็นจดหมายของเขากับหร่วนหวาไฉ่ที่ขอตัดความสัมพันธ์อาจารย์ศิษย์กับตานเหอเจิ้ง กระดาษสีขาวอักษรสีดำ ชัดเจน ระบุช่วงเวลาเมื่อสิบปีก่อนจริง


“ในเมื่อสิบปีก่อนตัดความสัมพันธ์กันแล้ว ทำไมพวกคุณถึงยังคงใช้ชื่อในนามศิษย์ของตานเหอเจิ้งมาตลอดสิบปีนี้ล่ะคะ ฉันไม่เคยเห็นพวกคุณออกมาปฏิเสธเลยสักครั้ง!” เหมยเหมยพูดประชด


เจิ้งซื่อหลินสีหน้าเปลี่ยนไป พูดไม่ออกเสียแล้ว


จดหมายฉบับนี้เป็นเขาเองที่ปลอมแปลงขึ้นมาเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ช่วงสิบปีก่อนเป็นช่วงเวลาที่ตานเหอเจิ้งมีหน้ามีตาที่สุด พวกเขาจะโง่ตัดความสัมพันธ์ได้อย่างไร


เหมยเหมยพูดประชดต่อ “ไม่ใช่แค่พวกคุณไม่ออกมาปฏิเสธ แล้วยังอาศัยเกียรติอิทธิพลของตานเหอเจิ้งไม่น้อยเลย มิเช่นนั้นแค่อาศัยคุณสมบัติธรรมดา ๆของพวกคุณ ไหนเล่าจะมีสิทธิ์ได้เป็นถึงผู้อำนวยการและเลขาธิการของสมาคมศิลปะได้”


สายตาของคนอื่นที่มองพวกเจิ้งซื่อหลินก็เปลี่ยนไป ความจริงเป็นเช่นนั้น


ฝีมือการวาดภาพของสองคนนี้ยังเทียบกับพวกเขาไม่ได้เลยแต่กลับก้าวหน้ากว่าพวกเขา นั่นไม่ใช่เพราะพวกเขาเป็นศิษย์เอกของตานเหอเจิ้งหรือ!


อีกอย่างแม้ว่าตานเหอเจิ้งทำตัวเป็นคนต่ำช้าไร้ยางอายแต่ฝีมือการวาดภาพของเขานั้นดีเยี่ยม หนำซ้ำยังสร้างสำนักขึ้นมาเอง แข็งแกร่งกว่าพวกเจิ้งซื่อหลินเยอะเลย


เจิ้งซื่อหลินแอบโมโห รู้ดีว่าหากปล่อยให้เหมยเหมยพูดต่อไป มีหวังได้เผยพิรุธแน่


ต้องรีบเบี่ยงเบนประเด็นจะดีกว่า เขาพูดหัวเราะเยาะ “สรุปแล้วคือพวกเราไม่ได้รู้สึกอับอายอะไร ถูกผิดคงไม่ต้องอธิบายคนรุ่นหลังตัดสินเองได้ วันนี้เราสองพี่น้องมาที่นี่ก็เพื่ออนาคตของสำนักเหยียน น้องเหยียนไม่มีแม้แต่ลูกศิษย์ เธอคิดจะสร้างชื่อเสียงให้สำนักเหยียนไดอย่างไร?”


“ใครบอกว่าไม่มี? ฉันนี่แหละที่เป็นศิษย์ของแม่ ไม่จำเป็นต้องเปลืองสมองพวกคุณ” เหมยเหมยตะเบ็งเสียงดัง


เจิ้งซื่อหลินมองเธออย่างไม่สบอารมณ์ ทันใดนั้นได้หยิบภาพวาดภาพหนึ่งออกมาจากกระเป๋า พูดประชดว่า “คนอย่างเธอเนี่ยนะ? นี่คือภาพที่เธอวาดสินะ? ฝีมือแค่นี้จะสร้างชื่อเสียงให้สำนักเหยียนได้อย่างไร?”


………………………………………………………………


[1] ธูป เปรียบเสมือนลูกหลานที่เป็นชาย หรือคนรุ่นหลังในตระกูล หัก หมายถึง การตัดขาด การฆ่าล้มล้าง ดังนั้น ธูปหัก จึงหมายถึงการล้มล้างคนในตระกูลที่เหลืออยู่


ตอนที่ 1528 ขโมยภาพวาด


ภาพวาดในมือของเจิ้งซื่อหลินไม่ได้ใหญ่นัก ขนาดราวหนึ่งตารางฟุตดูเหมือนจะเป็นภาพเหมือน


ฉีฉีเก๋อชะงักแล้วขยี้ตาอย่างเหลือเชื่อ ไม่ได้ดูผิดไปเพราะในมือของเจิ้งซื่อหลินคือภาพวาดที่เหมยเหมยมอบให้เธอเป็นของขวัญวันเกิด ภาพเหมือนที่เธอยังไม่ทันใส่กรอบเลย


“ภาพวาดของฉันไปอยู่มือคุณได้อย่างไร? คุณมันไอ้แก่หัวขโมย คืนภาพวาดฉันมานะ!”


ฉีฉีเก๋อพุ่งเข้าไปโดยไม่คิดเลยสักนิดเพื่อต้องการแย่งภาพของเธอคืนมา เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็เอาไม่อยู่ หนำซ้ำเธอยังแปลกใจมาก ภาพสุดที่รักของฉีฉีเก๋อไปอยู่ในมือคนคนนั้นได้อย่างไร?


เหมยเหมยเห็นว่าเป็นภาพวาดของตนตั้งแต่แรก รวมถึงเสียงตะโกนของฉีฉีเก๋อที่ได้ยินจึงรู้ว่าภาพนั่นเธอไม่ได้เป็นคนให้ก็พลันนึกโล่งใจแต่ก็แปลกใจไม่น้อย เจิ้งซื่อหลินได้ภาพวาดนั้นมาอย่างไร?


แต่เธอนึกคำตอบออกมาได้อย่างรวดเร็วจึงหันไปมองทางเจิ้งเสวี่ยซาน แม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะทำทีเหมือนไม่มีอะไร แต่เธอกำหมัดเอาไว้แน่นและยังกัดปากล่างไว้แน่น บ่งบอกได้ว่าตอนนี้เธอกำลังกังวลมาก


ต้องเป็นเจิ้งเสวี่ยซานที่ขโมยภาพวาดมาแน่!


แต่เจิ้งเสวี่ยซานขโมยเอาภาพวาดไปทำไม?


ฉีฉีเก๋อพุ่งตัวไปหาเจิ้งซื่อหลิน ต้องการจะแย่งภาพวาดของเธอคืน เจิ้งซื่อหลินเบี่ยงหลบทัน


ถามขึ้นยิ้ม ๆ “นี่คือภาพวาดของเธอเหรอ?”


“แน่นอน ไม่เห็นหรือไงว่าบนภาพนั่นคือฉัน? ไอ้แก่หัวขโมย กล้าขโมยภาพวาดของฉัน เอาคืนมาเดี๋ยวนี้นะ!”


ฉีฉีเก๋อโมโหเป็นอย่างมาก เหมยเหมยพูดถูกทั้งหมด เขาเป็นสัตว์ชั้นต่ำตัวหนึ่งที่อยากจะถลกหนังคน!


“ภาพวาดนี่ฉันไม่ได้ขโมยมานะแต่มีคนเอาไปขายที่ตลาดมืด ฉันเห็นว่าเป็นภาพวาดของลูกหลานท่านอาจารย์จึงซื้อกลับมาด้วยราคาที่สูง แม่สาวน้อยเธออย่าใส่ร้ายคนดีหน่อยเลย”


เจิ้งซื่อหลินมีท่าทีสงบพร้อมกับชี้ไปที่ลายเซ็นต์ด้านบนที่มีชื่อของจ้าวเหมยอยู่จริง


ฉีฉีเก๋อเป็นคนใส่ซื่อ เข้าใจว่าตนเองใส่ร้ายผู้อื่นเข้าจริงจึงเอ่ยขึ้นว่า “คน ๆนี้เป็นขโมย คุณเอาภาพฉันคืนมาเงินที่คุณซื้อภาพวาดมาฉันคืนให้ก็ได้”


“ไม่ต้องรีบ ฉันไม่อยากได้เงินของเธอ ภาพวาดก็คืนให้เธอก็ได้แต่เธอตอบฉันมาก่อนหนึ่งคำถาม” เจิ้งซื่อหลินพูดกลั้วหัวเราะ


ฉีฉีเก๋อมองเขาอย่างเอือมระอา หากไม่เป็นเพราะกลัวทำภาพพัง เธอคงลงมือแย่งมานานแล้ว


“ภาพวาดนี้จ้าวเหมยวาดเองกับมือใช่ไหม?” เจิ้งซื่อหลินถาม


“เมื่อกี้คุณก็พูดเองว่าเป็นเหมยเหมยวาด ตอนนี้จะมาถามฉันเพื่ออะไรอีก?”


มองเจิ้งซื่อหลินราวกับคนโง่ จ้องมองภาพวาดในมือเจิ้งซื่อหลินไม่วาง


เจิ้งซื่อหลินหัวเราะแก้เก้อ แต่ก็พอใจในคำตอบของฉีฉีเก๋อมาก ชูภาพวาดในมือยกสูงให้คนอื่นได้เห็นอย่างจัดเชน


“ทุกคนเห็นชัดแล้วใช่ไหม? นี่คือภาพวาดที่ลูกสาวน้องเหยียนวาดเองกับมือ เมื่อครู่แม่สาวน้อยนี่ก็พูดแล้ว เธอจะทำให้สำนักเหยียนมีชื่อเสียงโด่งดัง แต่ว่า…”


เจิ้งซื่อหลินเงียบไปพักหนึ่งเพื่อกระตุ้นให้คนฟังอยากรู้ แล้วถึงพูดต่อ “ฝีมือการวาดภาพเป็นอย่างไรผมขอไม่พูด ทุกคนล้วนเป็นมืออาชีพดูออกอยู่แล้ว ที่ผมอยากจะบอกคือ แม่เด็กกะโปโลที่ชื่อจ้าวเหมยมีภาวะความคิดที่ซับซ้อนเกินไป ทำทั้งภาพวาดตะวันตก ทั้งเขียนหนังสือการ์ตูน ทั้งยังเรียนเต้นรำ ทุกท่านรู้กันดีการจดจ่อไม่ควรแบ่งออกไปหลายทาง อยากทำเรื่องใดให้สำเร็จต้องแน่วแน่และจดจ่ออยู่เพียงเรื่องเดียวเท่านั้น”


เขาหันมองเหมยเหมยอีกครั้ง พูดแฝงอย่างมีนัยยะ “ปณิธานความคิดของเจ้าเด็กนี่ปกติดี แต่ผมก็ยังสงสัยว่าความสามารถของจ้าวเหมยจะสามารถสร้างชื่อเสียงให้สำนักเหยียนได้จริงหรือ?”


เจิ้งซื่อหลินถอนหายใจอีกครั้งด้วยท่าทีราวกับห่วงใยเป็นกังวล หร่วนหวาไฉ่เองก็มีท่าทีเช่นเดียวกัน


เหมยเหมยแสยะยิ้ม ที่แท้ก็วางแผนจะทำแบบนี้นี่เอง!


ขยันวางแผนเก่งไม่เบานะเนี่ย!


“ฉันเรียนหลายอย่างนั่นเพราะตอนที่คุณตายังอยู่มักพูดเสมอว่าศิลปะทุกแขนงล้วนเชื่อมโยงกัน ดูเหมือนว่าการเต้นรำหรือศิลปะการแสดงพื้นบ้านจะไม่มีความเกี่ยวข้องกัน แต่ความเป็นจริงนั้นล้วนมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับการวาดภาพหมด ดังนั้นงานอดิเรกของคุณตาจึงมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการแปล การแกะสลัก เขียนพู่กันจีน แต่งเพลง…ท่านเรียนรู้หลายแขนง…”


เจิ้งซื่อหลินพูดประชด “ท่านอาจารย์เป็นผู้มีพรสวรรค์ ร้อยปีก็ยากที่จะหาได้ แม่สาวน้อยเธอโอ้อวดโดยไม่กระดากปากบ้างเหรอ กล้าเอาตัวเองมาเปรียบเทียบกับอาจารย์ท่าน!”


………………………………………………………


ตอนที่ 1529 มนุษย์ไม่อาจเปรียบเปรยกับเดรัจฉานได้


คำพูดของเจิ้งซื่อหลินได้รับความเห็นชอบจากคนจำนวนมาก เหยียนตานชิงเป็นยอดอัจฉริยะที่หาได้ยาก คนอื่นหากเรียนมากเกินไปคงเลอะเลือนไปแล้ว แต่เหยียนตานชิงกลับเรียนรู้ได้หมดทุกอย่างและเรียนรู้เป็นอย่างดี


สามารถพูดได้ว่าเป็นดาวินชีของฮวาเซี่ยเลยล่ะ!


จนถึงปัจจุบันอย่าว่าแต่ในประเทศเลย ต่อให้ทั่วโลกก็ยากที่หาใครสักคนที่โดดเด่นได้เท่าเหยียนตานชิง เด็กกะโปโลอย่างจ้าวเหมยกล้าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับเหยียนตานชิง ช่างเป็นเรื่องตลกเสียจริง!


เหมยเหมยหัวเราะเยาะไปที “ฉันพูดว่าจะเทียบชั้นกับคุณตาตั้งแต่เมื่อไร ฉันแค่เลียนแบบวิธีการเรียนรู้ของคุณตาเท่านั้นเอง เจิ้งซื่อหลินคุณพูดพล่ามอะไรอยู่?”


“เหอะ วิธีการของท่านอาจารย์ใช่ว่าคนธรรมดาทั่วไปจะเลียนแบบได้!” เจิ้งซื่อหลินพูดเหน็บแนมใส่ กล้าเรียกอาจารย์ได้เต็มปาดเต็มคำ คนที่ไม่รู้ความจริงคงเข้าใจว่าเขาเป็นศิษย์รักของเหยียนตานชิงจริง ๆสิท่า!


เหมยเหมยฟังจนเอือมจึงด่าโต้กลับว่า “คุณไม่มีสิทธิ์เรียกคุณตาว่าอาจารย์ คุณกับหร่วนหวาไฉ่ไม่ใช่คนของสำนักเหยียนมานานแล้ว ในเมื่อไม่ใช่สัตว์เดรัจฉานคนเราก็ควรมียางอายบ้าง!”


“เธอกล้ามากนักนะ…เหอะ ปากดีแล้วจะมีประโยชน์อะไร? ฝีมือการวาดภาพของเธอมันไม่ได้เรื่องก็ไม่มีสิทธิ์สืบทอดสำนักเหยียน” เจิ้งซื่อหลินไม่ได้โกรธแต่กลับหัวเราะร่า ในที่สุดก็พูดจุดประสงค์ของตัวเองออกมาเสียที


“ไร้ยางอายที่สุด…” เหยียนซินหย่าดวงตาแดงก่ำ


เธอเข้าใจถึงจุดประสงค์ของเจิ้งซื่อหลินในทันที หากไม่เกินคาดล่ะก็คงรู้ว่าพ่อของเธอเก็บของล้ำค่าไว้มากมายขนาดนี้ถึงมีใจคิดโลภขึ้นมา


ไม่ว่าจะเป็นวงการเพลง อักษรและการวาดภาพ หากผ่านขั้นตอนเข้าเป็นศิษย์แล้วก็ไม่ต่างอะไรกับลูกชายเลย แม้ว่าในทางกฎหมายจะไม่รับรองสิทธิการสืบทอดมรดกของพวกเขา แต่ในวงการศิลปะนั้นเป็นกฎที่ไม่ได้ระบุเป็นลายลักษณ์อักษร


หากว่าคุณยังคิดที่จะอยู่ในวงการศิลปะต่อไปก็ต้องทำตามกฎของสายอาชีพนี้ มิเช่นนั้นคงต้องโดดเดี่ยวและกระทำการใดอย่างยากเข็ญ


เจิ้งซื่อหลินกับหร่วนหวาไฉ่ทำทุกอย่างเป้าหมายสูงสุดก็คือการกลับเข้าสู่สำนักเหยียน แบบนี้พวกเขาก็จะสามารถสืบทอดมรดกของเหยียนตานชิงได้ตามธรรมเนียม อีกทั้งยังมีอำนาจเหนือกว่าเหยียนซินหย่าด้วย


เหมยเหมยเองก็เข้าใจเป็นอย่างดีจึงแอบด่าพวกชั้นต่ำไร้ยางอายในใจ


เธอไม่มีทางปล่อยให้ไอ้ชั่วสองคนนี้สมปรารถนาแน่นอน!


“ฉันเป็นหลานสาวแท้ ๆของเหยียนตานชิง ใครบอกว่าฉันไม่มีสิทธิ์สืบทอดมรดก? คุณทำตามกฎที่ไหนไม่ทราบ?” เหมยเหมยเยาะเย้ย


“แน่นอนว่าตามกฎของวงการศิลปะ สำนักเหยียนไม่ได้มีแค่แม่ของเธอคนเดียว คนมีความสามารถปรากฏตัวขึ้นมาไม่ขาดสาย ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องให้เด็กกะโปโลอย่างเธอมาตัดสินใจ!” เจิ้งซื่อหลินไม่ปกปิดความโลภของตนอีกต่อไป


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเห็นแล้วยังนึกโมโห ก่นด่าเสียงต่ำ “เหอะ…ไอ้แก่นี่ไม่คิดจะอาศัยความสามารถตัวเองเลย พ่อของฉันยังไม่หน้าด้านหน้าทนเท่ามันเลย!”


ฉีฉีเก๋อโกรธจนทนไม่ไหว หากไม่ใช่เพราะว่าตัวเธอนั้นต่ำต้อยคำพูดไร้น้ำหนักล่ะก็ เธอคงวิ่งเข้าไปช่วยเพื่อนด่าอีกแรงให้หายโมโห


“ต่อให้พ่อเธอจะหน้าด้านก็ยังเป็นคน จะไปเทียบกับสัตว์เดรัจฉานแบบนั้นทำไม?”


ฉีฉีเก๋อด่าอย่างโหดร้าย เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตบหน้าขาไปทีหนึ่ง “ถูกต้อง อย่างน้อยพ่อของฉันก็เป็นคนนี่ ไม่อาจเทียบกับสัตว์เดรัจฉานได้เลย!”


พอเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดจบก็รู้สึกว่าผิดปกติ จึงใช้หลังมือตบฉีฉีเก๋อไปทีหนึ่ง “พ่อเธอสิที่หน้าด้านหน้าทน!”


พ่อของเธอจะหน้าด้านแค่ไหนก็เป็นผู้ใหญ่ เธอด่าได้ แต่คนอื่นไม่มีสิทธิ์ด่า!


ฉีฉีเก๋อลูบท้ายทอยปอย ๆอย่างน้อยใจที่สุด


ไม่ใช่เธอที่พูดก่อนเสียหน่อย ทั้ง ๆที่เป็นยัยอ้วนนี่พูดก่อนแท้ ๆเลย!


สีหน้าเจิ้งเสวี่ยซานแย่มาก แทบอยากจะฉีกปากของนางโง่สองตัวนี้เสีย แต่เธอก็ไม่อาจเปิดเผยสถานะได้ ช่างอึดอัดใจเสียจริง


เพียงแค่รอให้คุณปู่สืบทอดสำนักเหยียนได้ ถึงเวลานั้นเธอจะสั่งสอนพวกโง่นี่ให้สาสม ให้พวกมันได้รู้ว่าตามติดจ้าวเหมยไม่มีทางมีอนาคตที่ดีได้หรอก!

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)