ลำนำบุปผาพิษ 1510-1515

 บทที่ 1510 ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์มาแล้ว 5


ถึงแม้ข้ามิอาจเห็นด้วยกับหลักการนี้ของเขา ทว่าก็หยุดยั้งเขาไม่ได้ ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ส่งข้ามาช่วยเหลือเขาก่อนกักตน บอกว่าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเป็นผู้ตัดสินโชคชะตา ให้ข้าฟังเขาทุกเรื่อง ดังนั้น ข้าจึงไม่เอ่ยถามเขามากมายนักเมื่อทำการสิ่งใด เพียงแต่สอนวิชาเซียนให้เขาบ้าง ใครจะไปคาดคิดว่าเขากลับเป็นตัวปลอม…”


เซียนหญิงลี่หวางผู้นี้ฝีปากดียิ่งนัก ยามนี้นางผลักความรับผิดชอบออกได้อย่างหมดจด แม้แต่เทพศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกนางลากลงน้ำไปด้วย


นางเตรียมการมาดียิ่งนัก โดยปกติ ถึงแม้นางสนิทสนมกับทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอม ทว่าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมล้วนเป็นผู้สั่งการเรื่องราวเลวร้าย นางแทบจะไม่ได้ปริปากพูดจาอันใดเลย ดังนั้นในสายตาของพวกชาวบ้าน นางเป็นแค่ตัวประดับข้างกายของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเท่านั้น เป็นบุคคลที่ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเคารพ และไม่เห็นว่านางทำเรื่องเลวร้ายอันใดจริงๆ…


พวกชาวบ้านยังไม่เข้าใจความเป็นจริง อีกทั้งผู้คนนับถือเทพศักดิ์สิทธิ์มาโดยตลอด ย่อมเห็นนางสูงส่งเช่นกัน


เมื่อนางพูดถ้อยคำเหล่านี้ออกมา พวกชาวบ้านล้วนมองหน้ากันไปมา ทว่ากลับไม่มีใครโต้แย้ง


ตี้ฝูอีกลับยิ้มด้วยรอยยิ้มเรียบเฉย ทว่าแววตากลับแหลมคมยิ่งนัก “ข้าจะตรวจสอบเรื่องราวที่เจ้ากระทำเหล่านั้นอย่างถึงที่สุด หากเจ้าทำเจ้าก็หนีไม่รอด หากเจ้าไม่ได้ทำก็สาวไม่ถึงตัวเจ้า เรื่องราวเหล่านี้ยังไม่ต้องเอ่ยถึง เจ้าบอกว่าเจ้าเป็นฮูหยินเทพศักดิ์สิทธิ์อย่างงั้นรึ? เจ้าคงรู้ว่าการแอบอ้างเป็นฮูหยินเทพศักดิ์สิทธิ์จะได้รับโทษทัณฑ์เยี่ยงไร?”


เซียนหญิงลี่หวางหยุดชะงัก “เดิมข้าก็คือฮูหยินเทพศักดิ์สิทธิ์ จริงแท้แน่นอน จะมาแอบอ้างอันใดกัน?!”


“ใครเป็นผู้แต่งตั้งฮูหยินเทพศักดิ์สิทธิ์อย่างเจ้า? มีหลักฐานหรือไม่?” ตี้ฝูอียกมือกอดอก


“ย่อม…ย่อมเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์ยอมรับ พวกเราเป็นสามีภรรยากันยังจะต้องให้ผู้ใดมาเป็นพยานอีกเล่า? หากเจ้าต้องการพยานหลักฐานจริงๆ เทพศักดิ์สิทธิ์เป็นพยานให้ข้าได้!” เซียนหญิงลี่หวางเชิดหน้าขึ้น


ตี้ฝูอีเคยพบเจอคนหน้าด้าน ทว่าไม่เคยพบเจอคนหน้าด้านขนาดนี้มาก่อน!


ในขณะที่เขากำลังจะพูดอะไร ซุ่มเสียงเยือกเย็นดุจหยกน้ำแข็งสายหนึ่งพลันส่งผ่านกลางอากาศ “ข้ามีฮูหยินที่เป็นคนสำคัญขนาดนี้อย่างเจ้าตั้งแต่เมื่อใด?”


ซุ่มเสียงแฝงไอสลัวอันเย็นยาบของภูเขาและสายธาร นั่นคือเสียงของเทพศักดิ์สิทธิ์


ฝูงชนล้วนนิ่งอึ้ง


สายตานับไม่ถ้วนมองตามเสียงกลางอากาศไป มีหลายคนยืนอยู่กลางอากาศอย่างสง่าผ่าเผย


ผู้นำอาภรณ์ตัวใหญ่ เกศาขาวดุจหิมะ เรือนกายปานหยก มีลำแสงหมุนวนรอบกาย ท่าทางของเขาทรงพลังยิ่งนัก เมื่อปรากฏกายราวกับยึดครองลำแสงฟ้าดิน ทำให้ทุกคนที่รายล้อมเขาล้วนกลายเป็นฉากหลัง


ความจริงคนที่ยืนรอบกายเขาก็เป็นบุคคลที่มีฐานะสูงส่งเช่นกัน เทียนจี้เยวี่ย เชียนเยวี่ยหร่าน ฮวาอู๋เหยียน หลงซือเย่…


สีหน้าของพวกชาวบ้านล้วนกลายเป็น “ศูนย์”


ทุกคนต่างรู้สึกว่าวันนี้ตัวเองได้กำไรแล้วจริงๆ!


สานุศิษย์สวรรค์ทั้งห้าล้วนมาถึงแล้ว! ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ เทพศักดิ์สิทธิ์ผู้ลึกลับซับซ้อนมาตลอดก็มาถึงแล้วเช่นกัน!


เทพศักดิ์สิทธิ์ไม่ปรากฏกายสักครั้งในรอบหลายปี วันนี้กลับปรากฏกายที่นี่เป็นครั้งแรก พวกชาวบ้านแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง!


หลังจากกู่ฉานโม่ตกตะลึงครู่หนึ่ง แววตาฉายแววความปีติยินดี โบยบินขึ้นไปคารวะในทันที “เทพศักดิ์สิทธิ์!”


หลังจากคนอื่นๆ ตกตะลึงแวบหนึ่ง ก็คุกเข่าบนพื้นดินอย่างตื่นเต้นดีใจ “เทพศักดิ์สิทธิ์!”


“เทพศักดิ์สิทธิ์มาแล้ว!”


“โอ้สวรรค์ เทพศักดิ์สิทธิ์มาแล้วจริงๆ!”


พวกมู่เฟิงมองหน้ากันเหลอหลา จากนั้นสายตาพลันร่อนลงบนร่างของตี้ฝูอี


ตี้ฝูอีก็ตกตะลึง สายตาจดจ้องที่เรือนกายของเทพศักดิ์สิทธิ์ ไม่พูดจาอันใดและไม่ขยับเขยื้อน


เทพศักดิ์สิทธิ์ลงมาอย่างรวดเร็ว ร่อนลงบนแท่นสูงในทันที โดยฝ่าเท้าไม่แตะถูกพื้นโลกีย์


บนร่างเขามีกลิ่นอายแฝง กลิ่นอายที่ทำให้คนอยากจะหมอบราบกราบกรานลงไป


ดังนั้นแม้แต่คนเหล่านั้นบนแท่นสูงล้วนหมอบกราบลงไป! คุกเข่าหมอบกราบกันยกใหญ่


มีเพียงทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตี้ฝูอียังคงยืนอยู่ตรงนั้น ราวกับตกตะลึง ให้ความรู้สึกนกกระเรียนยืนอยู่กลางฝูงไก่อยู่บ้าง


เทพศักดิ์สิทธิ์ลอยล่องร่อนลงข้างกายเขา วางมือข้างหนึ่งลงบนไหล่ของเขา ซุ่มเสียงดุจหยกน้ำแข็ง ทว่าถ้อยคำที่พูดออกมากกลับแฝงไว้ด้วยความอบอุ่น “ลำบากเจ้าแล้ว”


————————————————————————————-


บทที่ 1511 ท่านสอบสวนเองเถิด


ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายสะบัดมือของเขาลง “สมควรแล้ว” น้ำเสียงแฝงความเย็นชา


ฝูงชนมองหน้ากันแวบหนึ่ง รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าความสัมพันธ์ระหว่างเทพศักดิ์สิทธิ์กับทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายไม่ค่อยธรรมดา…


เทพศักดิ์สิทธิ์ไม่เก็บเอาการกระทำไม่ไว้หน้าเขาของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมาใส่ใจ เขาก้าวไปด้านหน้ายืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายหรี่ตามองเขาแวบหนึ่ง ถอยหลังกลับไปก้าวหนึ่ง เว้นระยะห่างจากเขาสักเล็กน้อย อมยิ้ม “ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ สตรีนางนี้เรียกตัวเองว่าเป็นฮูหยินของท่านไม่ขาดปาก ท่านสอบสวนเองเถิด”


เขาลุกขึ้นยืน ไปแก้มัดให้คนตระกูลกู้เหล่านั้นในทันที คนที่ยังมีระเบิดติดตัว มีเพียงเขาที่แก้ออกได้…


สายตาเทพศักดิ์สิทธิ์มองตามเขาครู่หนึ่งแล้วมองกลับมา ในที่สุดก็ร่อนลงบนร่างของเซียนหญิงลี่หวาง “เจ้าเป็นลี่หวางจากที่แห่งหนใด แอบอ้างเป็นฮูหยินของข้ามีจุดประสงค์อันใด?”


ใบหน้าพริ้มเพราของเซียนหญิงลี่หวางเดี๋ยวแดงเดี๋ยวขาว ดวงตาเทพศักดิ์สิทธิ์เยือกเย็นไร้ซึ่งความอบอุ่น ทว่ากลับมีแรงกดดันบีบบังคับ นางก็มีลับลมคมใน แทบจะยืนไม่อยู่ นางอยากเงยหน้ามองเขาตรงๆ ทว่ากลับไม่กล้า อดไม่ได้ที่จะถอยหลังไปสองก้าว “ข้า…ข้า…ข้ามาจากดินแดนเบื้องบน…”


กล่าวถึงตรงนี้นางรู้สึกมีพลังขึ้นมาอีกครั้ง ในที่สุดก็เงยหน้าขึ้น “จักรพรรดิดินแดนเบื้องบนส่งข้าลงมาเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านทวีปเฟยซิงนี้ให้มีชีวิตที่สงบสุข ข้าเรียกตัวเองว่าฮูหยินของท่านก็…ก็ไม่ได้แอบอ้างไปเสียหมด จักรพรรดิดินแดนเบื้องบนเคยมีรับสั่งอย่างชัดเจน ให้ข้ามีครองคู่กับผู้สูงส่งที่สุดในอาณาจักรเฟยซิงได้ ร่วมกันปกครองใต้หล้า ถึงแม้ข้าเรียกตัวเองว่าฮูหยินเทพศักดิ์สิทธิ์ทั้งที่ไม่เคยได้รับการยอมรับจากท่าน ทว่าก็ทำไปเพื่อความผาสุกของชาวบ้านในทวีปแห่งนี้ เหมาะแก่การทำการใดๆ อีกอย่างช้าเร็วอย่างไรท่านก็ต้องแต่งงานกับข้า ดังนั้น จะพูดเร็วหรือช้าอย่างไรก็ไม่มีอันใดแตกต่าง…”


ฝูงชนนิ่งอึ้ง จักรพรรดิดินแดนเบื้องบนคือผู้ใด? กลับมาจัดแจงงานแต่งงานของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์?


ตี้ฝูอีที่กำลังแก้มัดเชือกของคนตระกูลกู้พลันหยุดชะงักมือ หันกลับไปมองเทพศักดิ์สิทธิ์แวบหนึ่ง


เทพศักดิ์สิทธิ์กลับสงบเยือกเย็น ดวงตายิ่งเย็นและชา “แต่งงานกับเจ้า?”


เมื่อเขายกมือขึ้น พลันปรากฏระลอกบิดเบี้ยวกลางอากาศ ภาพลวงปรากฏขึ้นเป็นกระจกเงาตรงหน้าของเซียนหญิงลี่หวางในทันใด สะท้อนภาพรูปลักษณ์ทั้งหมดของเซียนหญิงลี่หวาง


การแต่งตัวของเซียนหญิงลี่หวางในวันนี้งดงามยิ่งนัก และเนื่องจากการต่อสู้เมื่อสักครู่ไม่ได้กระทบถึงนาง ดังนั้นยามนี้สภาพนางจึงไม่น่าจนตรอก นางเหลือบมองภายในกระจกแวบหนึ่ง มองไม่เห็นว่าตัวเองมีสิ่งใดผิดปกติ อดไม่ได้ที่จะเพ่งพิศในกระจกเล็กน้อย เงยหน้าแย้มยิ้มให้เทพศักดิ์สิทธิ์ “เทพศักดิ์สิทธิ์ นี่คือ?”


น้ำเสียงของเทพศักดิ์สิทธิ์เรียบเฉย “รบกวนเจ้ามองตัวเองในกระจกอีกครั้งหนึ่ง ทั้งตัวของเจ้ามีส่วนไหนคู่ควรกับข้าบ้าง?”


เซียนหญิงลี่หวางนิ่งอึ้ง


ฝูงชนหลุดส่งเสียงหัวเราะออกมา


แม้แต่ตี้ฝูอีก็อดไม่ได้ที่จะหยักยิ้มมุมปาก


ใบหน้างดงามของเซียนหญิงลี่หวางแดงก่ำ “เทพศักดิ์สิทธิ์ ถึงแม้ท่านจะเป็นเทพสูงศักดิ์ที่สุดในทวีปแห่งนี้ ทว่าก็จำเป็นต้องฟังรับสั่งจากจักรพรรดิดินแดนเบื้องบน เขาเป็นคนกำหนดการแต่งงานของพวกเรา…” นางเกรงว่าเทพศักดิ์สิทธิ์จะไม่เชื่อ จึงส่งสัญญาณมือให้คนยักษ์เกราะทองที่อยู่ข้างกาย คนยักษ์เกราะทองนั้นหยิบของสิ่งหนึ่งอย่างระมัดระวังออกมาจากช่องมิติ ของสิ่งนั้นเปล่งแสงทอประกาย ไอมงคลมากมาย ลักษณะเหมือนราชโองการหนึ่ง และยอดเยี่ยมยิ่งกว่าราชโองการหลายระดับ


เซียนหญิงลี่หวางเปิดของสิ่งนั้น ตัวอักษรหลายแถวปรากฏขึ้นกลางอากาศ ‘เซียนหญิงลี่หวางจะครองคู่กับผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของทวีปซิงเยวี่ย ร่วมกันปกครอง ผู้ใดมิอาจคัดค้าน หากมีผู้ใดคัดค้านต้องได้รับโทษทัณฑ์ของจักพรรดิ!’


ตัวอักษรไม่กี่ตัวนั้นทรงพลังและงามสง่ายิ่งนัก


บทที่ 1512 เทพศักดิ์สิทธิ์ ให้พวกข้าออกโรง


การแสดงออกของเซียนหญิงลี่หวางในยามนี้ราวกับองค์หญิงของอาณาจักรใหญ่มาเยือนอาณาจักรเล็กเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรี เปี่ยมด้วยความเย่อหยิ่งในศักดิ์ศรี นางมองเทพศักดิ์สิทธิ์ “ยามนี้ในดินแดนเบื้องบน ข้าก็มีตำแหน่ง มาที่นี่ก็เพื่อทำตามรับสั่ง เทพศักดิ์สิทธิ์ควรรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้แต่งงานกับข้า…”


คำพูดประโยคหลังของนางยังไม่ได้พูด เนื่องจากเทพศักดิ์สิทธิ์โบกสะพัดชายเสื้อมาทางนาง ลำแสงหลากสีดังสายรุ้งพวยพุ่ง มัดนางไว้ตรงนั้นในทันที


เซียนหญิงลี่หวางกรีดร้องอา เมื่อนางรู้สึกตัวก็นอนอยู่บนพื้นแล้ว…


บนพื้นสกปรกยิ่งนัก มีเลือดที่สาดกระเซ็นจากการต่อสู้เมื่อสักครู่ นางล้มลงด้วยท่าทางที่ไม่ค่อยสง่างาม เป็นท่าทางสุนัขแทะผืนดิน ใบหน้ากระอักกระอ่วน กระโปรงเปรอะเปื้อนคราบเลือด ผมเผ้าหลุดรุ่ย กระเซอะกระเซิงจนไม่อาจกระเซอะกระเซิงได้อีกแล้ว


ข้ารับใช้คนยักษ์เกราะทองของนางคงนึกไม่ถึงว่าเทพศักดิ์สิทธิ์จะลงมือรวดเร็วปานนี้ ไม่ทันได้ยับยั้งไปชั่วขณะ เมื่อเซียนหญิงลี่หวางล้มลงที่พื้นเขาจึงมีปฏิกิริยาตอบสนองกลับคืนมา ส่งเสียงตะโกนด้วยความโมโห “บังอาจ! หาญกล้าจับเซียนหญิงจากดินแดนเบื้องมัดได้อย่างไร…”


ราวกับเขาเป็นสุวรรณเจดีย์องค์หนึ่งในมือถือวัชระกระโจนเข้ามา


พลังยุทธ์ของเขาไม่เลวทีเดียว วัชระนั้นโบกสะบัดเป็นเงาปกคลุมทั่วท้องนภา กดทับลงมาที่เทพศักดิ์สิทธิ์!


เห็นได้ชัดว่าเดิมทีเขาแอบซ่อนพลังยุทธ์ไว้ คนมากมายในจัตุรัสยังเคยเขาแสดงความสามารถ ตอนนั้นไม่ได้รู้สึกว่าพลังยุทธ์ของเขาสูงส่งถึงเพียงนี้ นึกไม่ถึงว่าไม่ได้เห็นแค่เพียงแปดปี พลังยุทธ์ของเขาจะสูงส่งจนน่าสะพรึงกลัวขนาดนี้แล้ว!


อีกทั้งพลังยุทธ์ที่เขาแสดงออกมาก็ไม่ใช่พลังยุทธ์ของโลกใบนี้ ยามนี้เมื่อใช้พลังทั้งหมด ลมโหมกรรโชกพัดแรงทั่วทุกสารทิศ ความกดดันมหาศาลพัดม้วนทั่วทั้งจัตุรัส


ความกดดันนั้นดุจขุนเขา กดทับจนพวกชาวบ้านแทบจะหายใจไม่ออก


เทพศักดิ์สิทธิ์พลันเลิกคิ้ว กำลังจะลงมือ ฮวาอู๋เหยียน เชียนเยวี่ยหร่าน เทียนจี้เยวี่ยพุ่งตัวเข้ามาพร้อมกัน “เทพศักดิ์สิทธิ์ ให้พวกข้าออกโรง!”


แล้วออกไปสกัดคนยักษ์เกราะทองนั้นในทันใด ทั้งสองฝ่ายประมือกัน


ฮวาอู๋เหยียนกับเชียนเยวี่ยหร่านเกลียดชังพวกเซียนหญิงลี่หวางกับข้ารับใช้ทั้งสองยิ่งนัก เพราะก่อนหน้านี้พวกเขาถูกควบคุมโดยกู่ของเซียนหญิงลี่หวาง!


อีกทั้งคนยักษ์เกราะทองนี้ยังเคยจับพวกเขา สอบสอนพวกเขาถึงข่าวคราวของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายกับเทพศักดิ์สิทธิ์ด้วยตัวเอง ดูหมิ่นเหยียดหยามอย่างถึงที่สุด ต่อมาหลังจากที่พวกเขาถูกกู่ควบคุม เซียนหญิงลี่หวางก็มองพวกเขาเป็นสมุนรับใช้ เรียกใช้และบีบบังคับพวกเขา


ตอนนั้นถึงแม้พวกเขาควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้ ทว่าภายในจิตใจยังรับรู้ เป็นความอัปยศอดสูอย่างที่สุด รู้สึกเกลียดชังนายบ่าวสองคนนี้จนอยากจะป่นกระดูกเป็นเถ้าธุลี!


หากไม่ใช่เทพศักดิ์สิทธิ์มาช่วยพวกเขาคลายกู่ เกรงว่าพวกเขายังคงถูกควบคุมเป็นหุ่นเชิดอยู่อย่างนั้น


ในที่สุด ยามนี้พวกเขามีโอกาสแก้แค้นแล้ว ย่อมต้องรีบออกหน้า ทั้งสามคนร่วมกันต่อสู้คนยักษ์เกราะทองนั้น


ทั้งสี่คนเป็นยอดฝีมือยอดเยี่ยม เมื่อปะทะกันขึ้นมา ทั้งจัตุรัสแทบจะแหลกเป็นเสี่ยง เดิมทีรอบด้านจัตุรัสมีกำแพงล้อมรอบ ทว่าการต่อสู้นี้ทำให้กำแพงล้อมรอบเหล่านั้นแหลกละเอียดกลายเป็นผุยผงไปทั้งหมด…


เคราะห์ดีที่เมื่อพวกเขาต่อสู้ ตี้ฝูอีแก้มัดตระกูลกู้ที่ถูกเชือกมัดไว้ที่เสาเหล็กได้หมดแล้ว คนที่ตี้ฝูอีกับเทพศักดิ์สิทธิ์พามามีมากมาย คนเหล่านี้รีบคุ้มกันชาวบ้านอพยพออกไปยังเขตปลอดภัย ชมการต่อสู้อยู่วงนอก


เทพศักดิ์สิทธิ์คงเกรงว่าชาวบ้านไร้เดียงสาจะโดนลูกหลง จึงสร้างเขตแดนขึ้นมาโดยรอบ โอบล้อมคนวงในที่ต่อสู้ทั้งหมดไว้ในเขตแดนนี้ ให้พวกเขาต่อสู้กันอย่างเต็มที่ และไม่ทำให้ชาวบ้านไร้เดียงสาเหล่านั้นบาดเจ็บได้


ตี้ฝูอีก็ให้คนตระกูลกู้ล่าถอยไป พักพิงที่เสาต้นหนึ่งมองมาจากที่ห่างไกล ในใจคิดหาทางจัดการคนยักษ์เกราะทองนั้น


novel-lucky


ยากที่จะได้มีโอกาสเห็นสิ่งที่เขาเรียกว่ายอดฝีมือดินแดนเบื้องบน เขาย่อมต้องมองให้ชัดเจนทะลุปรุโปร่ง ไม่แน่ภายภาคหน้าอาจยังได้ใช้การ


————————————————————————————-


บทที่ 1513 ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายกับท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เป็นคู่รักกัน


แดนเบื้องบน เหอะๆ แดนเบื้องบนแล้วอย่างไรเล่า?!


ถ้ากระตุกหนวดเขา เขาก็สามารถขึ้นไปสังหารคนของดินแดนเบื้องบนให้อุจจาระร่วงปัสสาวะราดได้!


ขณะที่เขากำลังชมการต่อสู้อย่างสงบอยู่ ข้างกายมีลมโชยมาเล็กน้อย ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ร่อนลงข้างกายเขา ตี้ฝูอีปรายตามองเขาแวบหนึ่ง กระเถิบไปด้านข้างสองก้าวไม่สนใจเขา


ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์กระแอมคราหนึ่ง “เจ้าว่าวรยุทธ์ของคนยักษ์เกราะทองเป็นอย่างไรบ้าง?”


ตี้ฝูอีไม่หันไปเลย ทำราวกับไม่ได้ยิน


ด้วยเหตุนี้เทพศักดิ์สิทธิ์จึงเขยิบเข้าใกล้เข้าอีกนิด “โกรธหรือ?”


น้ำเสียงตี้ฝูอีเฉยชา “มิกล้า”


เขยิบไปด้านข้างอีกสองก้าว เว้นระยะห่างกับเขาเล็กน้อย


เทพศักดิ์สิทธิ์เงียบงัน


เขาเหลียวไปเล็กน้อย เห็นว่ากู้เซี่ยเทียนกับหลงซือเย่ตลอดจนยอดฝีมือที่พาออกมาจากเขตหวงห้ามเหล่านั้นไม่ได้ชมการต่อสู้เลย ดวงตามากมายหลายคู่มองมาทางทิศนี้ที่พวกเขาอยู่


บ้างก็ประหลาดใจ บ้างก็คิดมากมายสารตะ บ้างก็ราวกับจู่ๆ ก็มีดวงตาเห็นธรรม…


โดยเฉพาะกู้เซี่ยเทียน ดวงตาเบิกกว้างยิ่งกว่าตาวัวเสียอีก!


เขามองตี้ฝูอีแล้วก็มองท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ ราวกับทราบอะไรเข้าแล้ว แววตาซับซ้อนยิ่งนัก


เพียงเทพศักดิ์สิทธิ์ยังคงอ่านอารมณ์ในสายตาของคนเหล่านั้นออกอยู่…คู่ตัดแขนเสื้อ!


ในใจของคนนับไม่ถ้วนต่างมีความคิดเช่นนี้ผุดขึ้นมาพร้อมกัน มิน่าล่ะท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ถึงได้มองท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายต่างออกไป ไว้วางใจไร้ใดเทียม มิน่าล่ะท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายที่ดูเจ้าสำราญกลับครองตัวเป็นโสดไม่วิวาห์มาโดยตลอด ที่แท้เขากับท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ก็มีความสัมพันธ์เช่นนี้…


กู้เซี่ยเทียนกำหมัดอยู่ในแขนเสื้อ ในใจเริ่มกลัดกลุ้มแทนบุตรสาว


ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายกับท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เป็นคู่รักกัน แล้วบุตรสาวของตนเล่า?


สรุปแล้วบุตรสาวของตนไปอยู่ที่ใดกัน? เหตุใดไม่ปรากฏตัวออกมาเลย?


novel-lucky


เขาข่มใจไว้ไม่อยู่แล้ว ในที่สุดก็ก้าวเข้ามา ทำความเคารพท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นก็เอ่ยถามตี้ฝูอี “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย สรุปแล้วธิดาข้าอยู่ที่ไหนกันแน่? ในเมื่อท่านมิได้ปักใจในตัวนางแล้ว ก็ปล่อยนางออกมาเถิด คืนความบริสุทธิ์ให้แก่นาง…”


ตี้ฝูอีชะงักไปเล็กน้อย เหลือบมองเทพศักดิ์สิทธิ์แวบหนึ่ง เทพศักดิ์สิทธิ์มองเขาด้วยรอยยิ้มไม่สอดปากเข้ามา เห็นได้ชัดว่าให้เขาตัดสินใจเอง


ตี้ฝูอีแย้มยิ้ม “วางใจเถิด ตอนนี้นางปลอดภัยดียิ่ง ถึงแม้ข้ากับนางจะไร้พันธะหมั้นหมายกันแล้ว แต่ยังคงเป็นสหายกันอยู่ รอให้เรื่องของที่นี่คลี่คลายแล้ว ข้าย่อมต้องคืนความบริสุทธิ์ไร้มลทินให้แก่นาง…”


กู้เซี่ยเทียนถึงได้วางใจ ทำความเคารพเขา “ขอบพระคุณยิ่งนัก!”


ตี้ฝูอีเอ่ยตอบ “มิต้องเกรงใจ แม่ทัพกู้พาคนในตระกูลกลับไปเถิด คนมากมายถึงเพียงนี้ได้รับความตื่นตระหนกได้รับบาดเจ็บจะต้องปลอบขวัญกันสักหน่อย”


กู้เซี่ยเทียนพยักหน้า จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้ยังคงเอาใจใส่ตระกูลกู้ยิ่งนัก กับเขาก็พูดจาสุภาพไม่น้อย นี่ทำให้เขาค่อนข้างเลื่อมใสชื่นชม


ที่แท้ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายก็เป็นพวกตัดแขนเสื้อ! โชคดีที่ครั้งนั้นบุตรสาวขอเขาหนีงานแต่งไป ไม่ได้ออกเรือนกับเขาจริงๆ มิเช่นนั้นจะไม่เป็นแม่ม่ายโดยที่สามียังอยู่หรอกหรือ? แถมบุตรสาวของตนยังต้องแก่งแย่งหึงหวงกับท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ด้วย…


เช่นนั้นน่าผวาเกินไปแล้ว! โชคดีที่งานวิวาห์นี้ไม่เกิดขึ้น!


เพียงแต่ บุตรสาวก็อายุไม่น้อยแล้ว รอจนพ่อลูกได้พบหน้ากันอีกครั้ง เขาต้องปลอบใจนางให้ดี จากนั้นค่อยหาสามีชาติตระกูลดีให้นางสักคน ให้นางออกเรือนไปอย่างสง่างามมีหน้ามีตา ก็นับว่าคลายความกังวลของเขาได้แล้ว


การต่อสู้ของคนยักษ์เกราะทองกับสามคนนั้นถึงแม้ยากจะพบเห็นได้ในรอบพันปี แต่ครั้งนี้คนตระกูลกู้ได้รับความตื่นตระหนกจริงๆ จวบจนยามนี้ก็ยังมีคนมากมายที่สีหน้าเขียวคล้ำซีดเซียวอยู่ สองขาสั่นระริก ยังมีคนที่ได้รับบาดเจ็บมากมายด้วย ต้องการการปลอบขวัญและการรักษาจริงๆ…


กู้เซี่ยเทียนเป็นผู้นำตระกูล ย่อมต้องดแลปลอบขวัญพวกเขาให้ดี ดังนั้นเขาจึงกลับไปหาคนตระกูลกู้ที่อยู่ในฝูงชน พาพวกเขากลับบ้าน


ยามที่กำลังจะจากไป คล้ายเขาจะสัมผัสได้ว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังมองเขาอยู่ เขาหันกลับไปตามสัญชาตญาณ บังเอิญสบตากับเด็กหนุ่มชุดเขียวรูปโฉมหล่อเหลาคนนั้นเข้าพอดี


บทที่ 1514 คู่ตัดแขนเสื้อ


เด็กหนุ่มชุดเขียวผู้นั้นละสายตาไปอย่างรวดเร็ว ไปพูดคุยกับสหายร่วมกลุ่มแล้ว


กู้เซี่ยเทียนก้าวไปทางทิศนั้นสองก้าวแล้ว จู่ๆ ก็เขามีความรู้สึกวูบหนึ่งขึ้นมา อยากจะพุ่งไปหาเด็กหนุ่มคนนั้นแล้วพูดคุยกับเขา


เขาตั้งใจฟังสหายร่วมกลุ่มของเด็กหนุ่มคนนั้นเรียกขานเขาโดยเฉพาะ ทราบว่าเด็กหนุ่มชุดเขียวผู้นี้นามว่าหลัวจั่นอวี่ เป็นคนที่ฝ่าออกมาจากเขตหวงห้ามอะไรนั้นพร้อมกับท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย…


หัวใจเขาหวั่นไหวแวบหนึ่ง ขณะที่กำลังจะสาวเท้าก้าวเข้าไป จู่ๆ หลานตาของเขาก็ร้องไห้โฮขึ้นมาอีก คงจะเจ็บแผลเป็นแน่


บุตรสาวของเขากำลังอุ้มเด็กน้อยปลอบโยนอยู่ เด็กคนนั้นกลับกางแขนน้อยๆ มาทางกู้เซี่ยเทียนอยู่ตลอด “ท่านตา ท่านตา อุ้ม…”


กู้เซี่ยนเทียนใจอ่อนยวบ ถอนหายใจ อุ้มเด็กคนนั้นมาปลอบโยนอยู่ในอ้อมแขน


เขาห่วงใยหลานตาคนนี้ที่สุด ไม่มีเหตุอื่นใดเลย เป็นเพราะหลานชายคนนี้รูปโฉมละม้ายคล้ายกู้เทียนนั่วบุตรชายเขายามเยาว์วัยถึงห้าส่วน เมื่อเห็นหลานชายคนนี้กู้เซี่ยเทียนก็นึกถึงบุตรชายคนโตของตนที่ไม่รู้ว่าเป็นหรือตายคนนั้น…


กู้เซี่ยเทียนพาคนตระกูลกู้จากไปแล้ว ยามที่จะจากไปเขายังหันไปมองหลัวจั่นอวี่อยู่หลายครา ในใจมีแผนการแล้ว รอจนได้พบหน้าบุตรสาว จะให้นางเชิญคุณชายหลัวจั่นอวี่ผู้นี้มานั่งเล่นที่บ้านให้ได้…


หลัวจั่นอวี่กลับไม่มองเขาอีกแล้ว


สำหรับบิดาผู้นี้ ในใจเขามีความชิงชังที่ลบไม่ออกเสมอมา ไม่อยากยอมรับ


ยิ่งไปกว่านั้นคือกู้เซี่ยเทียนมีหลานชายสายนอกแล้วมิใช่หรือ? มีหลานชายค่อยกตัญญูปรนนิบัติเขาแล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องยอมรับบุตรกลับไปแล้ว!


หัวจั่นอวี่กวาดตามองฝูงชนที่อยู่รอบนอกอีกแวบหนึ่ง


เหล่าชาวบ้านยังไม่แยกย้ายกันไป ถึงขั้นที่มีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้วย ชัดเจนยิ่งนักว่าชาวบ้านล้วนอยากมาชมเรื่องครื้นเครงฉากใหญ่ ต่อให้เพิ่งประสบช่วงเวลาขวัญหนีดีฝ่อเช่นนั้นมา ก็ยังมีคนไม่น้อยที่ยังไม่จากไป


หลัวจั่นอวี่เพิ่งเห็นเงาร่างเพรียวบางสายหนึ่งอยู่ห่ามกลางฝูงชน คนผู้นั้นสวมชุดชาวบ้านธรรมดาทั่วไป แฝงอยู่ในฝูงชนกลมกลืนไม่เผยพิรุธ


แต่หลัวจั่นอวี่ยังคงมองเห็นความแตกต่างของนางได้ภายในแวบเดียว


เงาร่างเพรียวบางนั้นคล้ายคลึงกับกู้ซีจิ่วน้องสาวของตนอยู่หลายส่วน แต่บุคลิกท่วงท่าแตกต่างกัน หลัวจั่นอวี่จดจำนางได้


นั่นคือหลัวซิงหลาน!


มารดาผู้ให้กำเนิดเขาและกู้ซีจิ่ว!


ไม่น่าเชื่อว่านางก็มาเหมือนกัน ปะปนอยู่ในฝูงชนมาโดยตลอด หลังจากเห็นว่าคนตระกูลกู้ได้รับความช่วยเหลือแล้ว นางถึงได้จากไปอย่างสง่า ข้างกายมีองครักษ์ลับคุ้มกันอยู่ไม่น้อยเลย


เห็นได้ชัดว่านางก็พาคนมาเพื่อช่วยเหลือเช่นกัน


นางก็คงไม่อยากพบหน้ากู้เซี่ยเทียนอีกเหมือนกัน ดังนั้นเมื่อเห็นว่าคนตระกูลกู้ปลอดภัยแล้วจริงๆ นางก็จากไปทันที


มารดาของตนคงจะเป็นเช่นเดียวกับตน ถึงแม้จะชิงชังกู้เซี่ยเทียน แต่ก็ไม่อาจเบิกตามองเขาถูกแล่เนื้อเถือหนังจนสิ้นชีพได้…


หลัวจั่นอวี่ยกมือนวดขมับ ไม่ยินดีจะใคร่ครวญปัญหาเหล่านี้อีกแล้ว สายตาหันเหไปยังร่างคนสามสี่คนที่กำลังต่อสู้กันอยู่


เขาก็เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้เช่นกัน หลังจากมองการต่สู้อยู่ครู่หนึ่ง ก็หนักใจเล็กน้อย


วรยุทธ์ของคนยักษ์เกราะทองผู้นี้สูงเกินไปแล้ว!


เกรงว่าพวกเชียนเยวี่ยหร่านจะมิใช่คู่ต่อสู้!


ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้นที่มองจุดนี้ออก ยอดฝีมือคนอื่นที่มุงดูอยู่ก็มองออกเช่นกัน


กู่ฉานโม่ก็ขมวดคิ้วแน่นแล้ว ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กัน ฝ่ายหนึ่งเป็นเพียงข้ารับใช้ของอ๋องอะไรสักอย่างจากเบื้องบน แต่ฝ่ายนี้กลับเป็นยอดฝีมือผู้เลิศล้ำของโลกนี้สามคน ยอดฝีมือสามคนยังไม่อาจเอาชนะข้ารับใช้คนหนึ่งจากดินแดนเบื้องบนได้ เช่นนั้นวรยุทธ์ของยอดฝีมือผู้เลิศล้ำเหล่านั้นของดินแดนเบื้องบนจะน่าหวาดหวั่นมากขนาดไหนกัน?!


หากว่าพวกเขาก็ลงมายังโลกเช่นเดียวกับเซียนหญิงลี่หวางผู้นี้ ก่อมรสุมคลื่นลมขึ้นบนโลกใบนี้ดังว่า คนที่ยับยั้งพวกเขาได้เกรงว่าจะมีอยู่ไม่มาก…


เป็นอันตรายใหญ่หลวงอย่างหนึ่งโดยแท้!


เขาใคร่ครวญอยู่หนึ่ง อดไม่ได้ที่จะมองไปยังจุดที่พวกท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ยืนอยู่ก่อนหน้านี้


หลังจากมองไปแล้ว ก็ตะลึงงันไปชั่วขณะ


ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์กับตี้ฝูอีล้วนไม่อยู่แล้ว!


————————————————————————————-


บทที่ 1515 นางปรากฏตัวด้วยรูปลักษณ์ที่แท้จริงแล้ว!


เอ๊ะ ซีจิ่วล่ะ?!


คงมิใช่ว่าท่านเทพศักดิ์สิทธิ์มองออกว่าตี้ฝูอีคือซีจิ่วปลอมตัวมา จึงพานางไปกระมัง?! จะลงโทษนางหรือเปล่า?


ต้องทราบด้วยว่าการสวมรอยปลอมเป็นทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายนั้นมีโทษสถานหนักถึงขั้นตัดหัวได้เลย!


เขามองไปทางสนามรบอีกคราหนึ่ง หัวใจเต้นรัวขึ้นมาอีกครั้ง!


ไม่ทราบเช่นกันว่าคนยักษ์เกราะทองผู้นั้นใช้มนต์คาถาอันใด พลังยุทธ์พุ่งทะยานขึ้นมาอีกเท่าตัว แรงกดดันปานเขาไท่ซานจนทำให้ฮวาอู๋เหยียน เชียนเยวี่ยหร่าน เทียนจี้เยวี่ยทั้งสามคนถูกบีบให้ล่าถอยไปอย่างต่อเนื่อง หวิดพลาดท่าอยู่หลายครั้ง!


ในสนามรบความเป็นความตายเป็นเพียงชั่วขณะหนึ่ง กู่ฉานโม่พลันกางฝ่ามือ ขณะที่กำลังจะเข้าร่วมต่อสู้ด้วย จู่ๆ เงาร่างของคนผู้หนึ่งก็แวบขึ้นมากลางนภา หญิงสาวชุดดำนางหนึ่งเหินพลิ้วลงมาจากนภา ร่อนลงกลางสนามรบโดยตรง เปล่งเสียงเยือกเย็น “ส่งเขามาให้ข้า!”


ดวงตากู่ฉานโม่เปล่งประกายทันที


กู้ซีจิ่ว นางปรากฏตัวด้วยรูปลักษณ์ที่แท้จริงแล้ว!


ครั้งนี้กู้ซีจิ่วไม่ได้ใช่วิชาแปลงโฉมใดๆ นี่คือรูปโฉมที่แท้จริงของเธอ


รูปโฉมของเธองดงามยิ่งนัก ยามที่แผ่อำนาจทั้งหมดออกมา ในร่างแฝงแสงมงคล ทรงพลังอย่างยิ่ง


หลังจากเธอปรากฏตัวขึ้น ย่อมดึงดูดความสนใจจากปวงชนที่นั่นเป็นธรรมดา สายตานับไม่ถ้วนจับจ้องบนร่างเธอ ท่ามกลางฝูงชนจู่ๆ ก็มีคนร้องตะโกนขึ้นมา “กู้ซีจิ่ว แม่นางกู้! นางคือแม่นางกู้ซีจิ่ว!”


หินหนึ่งก้อนสะท้อนพันคลื่น ฝูงชนฮือฮาขึ้นมาในทันใด!


แปดปีก่อนกู้ซีจิ่วก็เคยโด่งดังเช่นกัน เรื่องของเธอไม่ทราบว่าถูกคนร่ำลือถึงมากน้อยเพียงใด กลายเป็นที่เล่าขานในหมู่ประชาชน ถึงแม้จะมีทั้งเสียงชื่นชมและวิพากษ์วิจารณ์ แต่ก็นับว่าเป็นตำนานบทหนึ่งเช่นกัน


แปดปีก่อนนางหนีงานแต่งหายสาบสูญไป ไม่เคยปรากฏตัวขึ้นอีกเลย ผู้คนล้วนนึกว่านางประสบเหตุไม่คาดฝันอันใดเข้าแล้ว กลับนึกไม่ถึงว่าในช่วงเวลาคับขันเช่นนี้นางจะปรากฏตัวขึ้นที่นี่!


แถมวรยุทธ์ของนางยังก้าวหน้าขึ้นอย่างเห็นได้ชัดด้วย!


แปดปีก่อนตอนที่นางหายตัวไป พลังวิญญาณของนางคือขั้นแปด เมื่อปรากฏตัวขึ้นหนนี้ ถึงแม้จะสำแดงออกมาเพียงกระบวนท่าเดียว ก็มีผู้เชี่ยวชาญไม่น้อยที่มองออกว่าวรยุทธ์ของนางสูงส่งจนน่าหวาดหวั่น! รูปโฉมก็งดงามยิ่งขึ้น!


แปดปีก่อนกู้ซีจิ่วยังเหมือหญิงสาวทั่วๆ ไปคนหนึ่ง แต่แปดปีให้หลังบนร่างนางมีไอเซียนแฝงอยู่รางๆ ทันทีที่ปรากฏตัวขึ้นทำให้ผู้คนมากมายที่อยู่ในเหตุการณ์ตกตะลึงทุกคนรู้สึกเพียงว่ารัศมีบนร่างนางไม่ด้อยไปกว่าเซียนหญิงลี่หวางผู้นั้นเลย ถึงขั้นที่แข็งแกร่งกว่าด้วยซ้ำ!


สายตาของเซียนหญิงลี่หวางที่ถูกมัดไว้ตรงนั้นก็ร่อนลงบนร่างของกู้ซีจิ่วเช่นกัน ความริษยาชิงชังที่ซ่อนเร้นไว้ไม่อยู่วาบผ่านดวงตา!


กู้ซีจิ่วใช้วิชาเคลื่อนย้ายเข้าสู่สนามรบโดยตรง ซัดฝ่าใส่คนยักษ์เกราะทองผู้นั้นจนถอยไปครึ่งก้าว ช่วยเหลือฮวาอู๋เหยียนที่เกือบจะพลาดท่าไว้ได้พอดี พลันโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง ส่งนางออกไปอยู่นอกวงทันที…


เธอเคลื่อนไหวปราดเปรียวว่องไว แทบจะทำให้คนตาลาย ท่ามกลางฝูงชนเริ่มมีคนตะโกนให้กำลังใจเธอแล้ว


ผ่านไปครู่หนึ่ง แม้แต่เทียนจี้เยวี่ยกับเชียนเยวี่ยหร่านก็ล่าถอยแล้วเช่นกัน ในสนามรบเหลือเพียงกู้ซีจิ่วกับคนยักษ์เกราะทอง


คนยักษ์เกราะทองเรือนกายปานปราการสูงสีทอง กู้ซีจิ่วที่รูปร่างอรชรอ้อนแอ้นยืนอยู่เบื้องหน้าเขา ดูคล้ายกวางดาวที่ยืนประจันหน้ากับช้างยิ่งนัก ราวกับขอเพียงเขายื่นอุ้งมือออกมาก็สามารถหักคอของเธอได้แล้ว


กู้ซีจิ่วคร้านจะพูดจาไร้สาระกับคนยักษ์เกราะทองผู้นี้  ดังนั้นหลังจากเธอเข้าสู่สนามรบแล้ว ก็เริ่มสู้ทันที!


ทีแรกคนยักษ์เกราะทองไม่แยแสเธอสักเท่าไหร่ อย่างไรเสียแปดปีก่อนเขาก็เคยประมือกับกู้ซีจิ่วมาแล้ว ทราบวรยุทธ์ของนางแล้ว นอกจากวิชาเคลื่อนย้ายที่ทำให้คนตะลึงได้บ้าง วรยุทธ์อย่างอื่นก็ดาษดื่นทั่วไป


หากว่าเขาเอาจริงขึ้นมา น่าจะไม่ถึงห้าสิบกระบวนท่าก็สามารถส่งนางไปเยือนปรโลกได้ทันที!


แต่หลังจากประมือกันอย่างจริงจังไปได้ไม่กี่กระบวนท่า ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่าอะไรที่เรียกว่าไม่พบหน้าเพียงสามวันถึงขั้นต้องขยี้ตามองอีกหน![1]


สตรีผู้นี้ไม่ควรตอแยยิ่งนัก! แข็งแกร่งกว่าสานุศิษย์สวรรค์สามคนนั้นที่ผนึกกำลังกันมาเมื่อครู่เสียอีก!


ทุกกระบวนท่าล้วนแฝงเสียงกึกก้องครั่นครามไว้ ถึงขั้นที่โจมตีใส่จุดอ่อนของเขาโดยเฉพาะด้วย ทำให้เขายากจะป้องกันได้!


————————————————————————————-


[1]  ไม่พบหน้าเพียงสามวันถึงขั้นต้องขยี้ตามองอีกหน อุปมาถึง การประเมินความสามารของคนผู้หนึ่งใหม่ เพราะเขาได้เปลี่ยนแปลงไปจากที่เคยรู้จักในอดีตแล้ว

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)