เทพปีศาจหวนคืน 1506-1510
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1506 ระเบิดวิญญาณ
แปลโดย iPAT
‘ผู้อมตะของตระกูลฟาง?’ หูของฟางหยวนกระตุกเมื่อได้ยินเสียงของฟางหยุน
แม้ฟางหยวนจะตรวจสอบแล้วว่าความสัมพันธ์ระหว่างฟางหยุน ฟางเล้ง และผีเฒ่าไป่จุนดูเหมือนจะตึงเครียด แต่เขาก็ไม่คาดหวังว่าคนเหล่านั้นจะเป็นศัตรู นอกจากนี้สองผู้อมตะตระกูลฟางยังตกเป็นเชลย
เหตุผลที่ฟางหยวนเคลื่อนไหวทันทีเพราะเขาจำผีเฒ่าไป่จุนได้
คนผู้นี้เป็นผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ ด้วยการฆ่าเขา ฟางหยวจะสามารถกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์และเพิ่มรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของตน นอกจากนี้เขายังสามารถมอบร่างกายของผีเฒ่าไป่จุนให้กับอิงอู๋เซี่ย
อิงอู่เซี่ยเชี่ยวชาญทักษะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณแต่เทพธิดาซุ้ยป๋อบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งวารี ร่างของนางไม่เหมาะสมกับอิงอู๋เซี่ย
ฟางหยวนเข้าใจทุกสิ่งอย่างรวดเร็ว
‘ดูเหมือนเมฆมงคลจะนำทางข้ามาพบโชคลาภอย่างแท้จริง ข้าพึ่งคิดที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลฟาง แต่ผู้ใดจะคิดว่าโอกาสจะมาถึงอย่างรวดเร็ว’
‘แน่นอนว่ามันเป็นเพราะโชคของตัวข้าเองเช่นกัน’
ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอมตะผลาญวิญญาณระเบิดโชคก่อนจะมาที่ทะเลทรายผีเขียว เขาไม่ได้ขอให้อิงอู๋เซี่ยใช้แต่เขากระตุ้นใช้งานมันด้วยตนเอง แม้มันจะกลืนกินรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของเขาไปมาก แต่ฟางหยวนในปัจจุบันสามารถรับมือสิ่งนี้ได้อย่างสมบูรณ์
‘ช่วยผู้อมตะตระกูลฟางและจับผีเฒ่าไป่จุนเป็นเชลย!’ ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น
เขาเคยคิดที่จะสังหารทุกคนและยึดครองฝูงอสูรวิญญาณของผีเฒ่าไป่จุน
แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนแผนแล้ว
“ตระกูลฟาง? แม้ข้าจะไม่เคยติดต่อกับตระกูลฟาง แต่พวกเขาก็มีส่วนช่วยในการบ่มเพาะของข้า เอาล่ะ ตั้งแต่พวกเจ้าพบข้า ข้าก็จะช่วยพวกเจ้าเพื่อตอบแทนความเมตตา” ฟางหยวนกล่าวเสียงเย็นแต่ฟางเล้งกับฟางหยุนยังรู้สึกมีความสุขมาก
ฟางหยุนเผยรอยยิ้มกว้างและยักคิ้วให้ฟางเล้งราวกับต้องการกล่าวว่า “ดู เขาเป็นผู้มีพระคุณจริงๆ!”
ฟางเล้งไม่สนใจ เขามองไปที่ฟางหยวนกับผีเฒ่าไป่จุนและขมวดคิ้ว
เขาคิด ‘ผู้อมตะผู้นี้มีต้นกำเนิดที่ลึกลับ ไม่มีบุคคลเช่นนี้อยู่ในความทรงจำของข้า หากเขาต้องการช่วยเราจริงๆ เขาควรซ่อนความตั้งใจเอาไว้และช่วยเราในภายหลัง แต่เขาจงใจกล่าวออกมา มันเป็นการดึงดูดความสนใจของผีเฒ่าไป่จุนหรือเขาต้องการช่วยพวกเราจริงๆ แต่เขาดูมั่นใจในตัวเองอย่างสมบูรณ์ เขามั่นใจว่าเขาสามารถช่วยพวกเราได้ ดังนั้นเขาจึงแจ้งเตือนศัตรูถึงเจตนาของตนเอง’
“ต้องการช่วยพวกเขาไปจากข้า มันจะไม่ง่าย!” ผีเฒ่าไป่จุนโกรธมาก กลิ่นอายที่ทรงพลังปะทุขึ้นจากร่างของเขา
“เป็นความกล้าหาญที่น่ายกย่อง แต่สายตายังสั้นนัก” ฟางหยวนเย้ยหยันขณะที่เขาบินขึ้นสู่ท้องฟ้าและชี้นิ้วออกไป
ในเสี้ยวพริบตาแสงประหลาดหลายสิบดวงก็ถูกยิ่งไปที่ผีเฒ่าไป่จุนและทำให้ร่างของเขากลายเป็นรูพรุนทันที
ผีเฒ่าไป่จุนพ่นเลือดออกมาขณะที่ร่างกายของเขาค่อยๆสูญสลายไป
“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าตกหลุมพรางของข้าแล้ว!” ร่างที่แท้จริงของผีเฒ่าไป่จุนปรากฏขึ้นอีกด้านหนึ่ง เขาใช้ภาพลวงตาดึงดูดความสนใจของฟางหยวนขณะที่ซ่อนร่างจริงเอาไว้
ผีเฒ่าไป่จุนไม่ได้ลอบโจมตีฟางหยวนแต่เขาเข้าไปหาฟางเล้งและฟางหยุน
ฟางหยวนไม่ได้บอกว่าเขาจะช่วยคนทั้งสองงั้นหรือ? เมื่อเป็นเช่นนั้น ผีเฒ่าไป่จุนจึงวางแผนที่จะใช้สองคนนี้เป็นโล่มนุษย์
นี่เป็นครั้งแรกที่ผีเฒ่าไป่จุนพบฟางหยวน แต่การแลกเปลี่ยนกระบวนท่าก่อนหน้ารวมถึงขนาดของกองทัพอสูรวิญญาณของฟางหยวน มันทำให้ผีเฒ่าไป่จุนตระหนักถึงความแข็งแกร่งของศัตรูและรู้ว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฟางหยวน
ดังนั้นเขาจึงต้องการใช้ฟางเล้งกับฟางหยุนเพื่อข่มขู่ฟางหยวนที่ต้องการช่วยพวกเขา
“อา…” เมื่อเห็นผีเฒ่าไป่จุนเคลื่อนที่เข้ามาอย่างรวดเร็ว ฟางหยุนอุทานออกมาด้วยความตกใจ
แต่ในจังหวะนี้ร่างหนึ่งกลับปรากฏขึ้นด้านหน้าคนทั้งสอง
“ผีเฒ่าไป่จุน ผู้ใดกันแน่ที่ตกหลุมพราง?” มุมปากของฟางหยวนยกตัวขึ้นเป็นรอยยิ้มปีศาจ
“โอ้ ไม่!” หัวใจของผีเฒ่าไป่จุนสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง
เมื่อเขาตระหนักว่าตนเองตกลงสู่หลุมพรางของศัตรู เขาพยายามหลบหนี
แต่มันสายไปแล้ว
อสูรวิญญาณประมาณสิบตัวปรากฏขึ้นและปิดล้อมผีเฒ่าไป่จุนเอาไว้
‘ระเบิด!’ ฟางหยวนออกคำสั่งด้วยความคิด
“บึม บึม บึม…”
อสูรวิญญาณที่ปิดล้อมผีเฒ่าไป่จุนระเบิดตัวเองด้วยพลังทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัว
ฟางเล้งและฟางหยุนตกตะลึง
คลื่นกระแทกระเบิดออกไปรอบๆและส่งฝุ่นทรายลอยคละคลุ้งขึ้นสู่อากาศ
ฟางหยวนเคยคิดที่จะใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาจับกุมผีเฒ่าไป่จุน
แต่วิธีดังกล่าวมีแนวโน้มที่บางคนจะค้นพบบางสิ่ง
ดังนั้นฟางหยวนจึงเปลี่ยนมาใช้วิธีบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ
วิธีบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของเขาด้อยกว่าวิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาเล็กน้อย ท้ายที่สุดเขาก็มีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณไม่มาก
แต่เขามีวิธีการระเบิดวิญญาณที่มีพลังทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัว
ย้อนกลับไปเมื่อฉินไป่เฉิงต่อสู้กับฟงจิวเก้อเป็นครั้งแรก ในเวลานั้นฉินไป่เฉิงยังไม่ฟื้นความทรงจำ เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฟงจิวเก้อ แต่ฟงจิวเก้อยังต้องระวังการระเบิดวิญญาณของฉินไป่เฉิง สุดท้ายจึงต้องปล่อยฉินไป่เฉิงไป
กระทั่งฟงจิวเก้อยังต้องระวังตัว แน่นอนว่าฟางหยวนเข้าใจความน่ากลัวของวิธีนี้
แต่เขาจะไม่ระเบิดตัวเอง
อย่างไรก็ตามเขาสามารถใช้อสูรวิญญาณ การระเบิดวิญญาณของอสูรวิญญาณจะทำให้แก่นแท้อสูรวิญญาณถูกทำลายไปพร้อมกัน แต่ผลลัพธ์ของวิธีนี้ก็น่าประทับใจมาก
“แค่ก แค่ก”
เมื่อฝุ่นทรายจางหายไป ผีเฒ่าไป่จุนลอยอยู่กลางอากาศด้วยร่างกายที่ขาดหายไปมากกว่าครึ่ง แขนขาของเขาถูกทำลายและเหลือเพียงแขนซ้ายข้างเดียว
“เขายังมีชีวิตอยู่งั้นหรือ?” ฟางเล้งอุทานด้วยความประหลาดใจ
ฟางหยวนเย้ยหยัน มันเป็นเรื่องดีที่ผีเฒ่าไป่จุนยังมีชีวิตอยู่ หากฟางหยวนสามารถจับเป็นคนผู้นี้ เขาจะมอบร่างกายของเป้าหมายให้อิงอู๋เซี่ย
‘แต่ข้าไม่สามารถทำเช่นนั้นต่อหน้าผู้อมตะตระกูลฟาง’ ความคิดทุกประเภทผุดขึ้นในใจของฟางหยวน ด้วยร่างทารกอมตะและความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญา เขาสามารถคิดวิเคราะห์เรื่องต่างๆได้อย่างรวดเร็ว
ฟางหยวนกล่าว “เจ้ามีทักษะบางอย่างบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ เจ้ายังมีชีวิตอยู่หลังจากตกลงสู่หลุมพรางของข้า เอาล่ะ ลืมมันไปซะ ข้าซวนปู้จินมีกฎคืออย่าเคร่งครัดมากเกินไป ในเมื่อเจ้ายังมีชีวิตอยู่ เช่นนั้นก็ไปซะ วันนี้ข้าจะไม่ไล่ล่า ไสหัวไปเดี๋ยวนี้!”
ผีเฒ่าไป่จุนหอบหายใจอย่างหนักหน่วงด้วยใบหน้าซีดขาว เขาจ้องมองฟางหยวนด้วยสายตาดุร้าย
เขารู้สึกเสียใจ
ศัตรูปลดปล่อยกลิ่นอายของเส้นทางแห่งปัญญาออกมาอย่างชัดเจน แต่ผีเฒ่าไป่จุนกลับวางอุบายกับบุคคลเช่นนี้? แม้เขาจะต้องการวางแผน เขาก็ต้องวางแผนอย่างรอบคอย
การระเบิดตัวเองของอสูรวิญญาณเกินความคาดหมายของเขา
ในเวลานั้นความคิดเดียวที่อยู่ในใจของผีเฒ่าไป่จุนคือรักษาชีวิตรอด
หลังจากการระเบิดหยุดลง ผีเฒ่าไป่จุนรู้สึกมีความสุขมากที่เขายังมีชีวิตอยู่
แต่หลังจากความปิติ มันกลับกลายเป็นความหวาดกลัวและความโกรธ
เขาเกือบตาย!
หัวใจของเขาเต็มไปด้วยเพลิงแค้นเช่นเดียวกับความหวาดกลัวที่มีต่อฟางหยวน
‘ไม่ หากเจ้าไม่ตาย ข้าก็ต้องตาย!’ ขณะที่ผีเฒ่าไป่จุนคิดเช่นนี้และกำลังจะใช้วิญญาณอมตะป้ายคำสั่งอสูรวิญญาณ ฟางหยวนกลับต้องการปล่อยเขาไป
โดยธรรมชาติของฟางหยวน เขาจะถอนรากถอนโคนศัตรูทั้งหมด แต่สถานการณ์ในครั้งนี้ค่อนข้างพิเศษ ฟางหยวนต้องการร่างกายของผีเฒ่าไป่จุนและคำนึงถึงตระกูลฟาง ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะปล่อยผีเฒ่าไป่จุนไปเป็นการชั่วคราว
ผีเฒ่าไป่จุนไม่เคยคาดหวังว่าฟางหยวนจะไว้ชีวิตเขาจริงๆ
นั่นทำให้เขารู้สึกสับสนมาก
‘เขาพยายามหลอกให้ข้าลดการระวังตัวหรือไม่?’ ผีเฒ่าไป่จุนเคยถูกหลอกมาแล้ว ดังนั้นเขาจึงสงสัยทุกสิ่ง
ฟางหยวนเห็นการแสดงออกของฝ่ายตรงข้ามและเข้าใจความคิดของเขา “เจ้ายังอยู่ที่นี่อีกงั้นหรือ!? ข้าให้โอกาสเจ้าแล้ว แต่เจ้ากลับต้องการตายงั้นหรือ?”
ผีเฒ่าไป่จุนมองฟางหยวนและลืมความโกรธของตนเองไปแล้ว
กระทั่งฟางเล้งกับฟางหยุนก็มองไปที่ฟางหยวน
ฟางหยวนแสดงออกด้วยความมั่นใจ เขาปล่อยศัตรูไปโดยไม่กลัวว่าฝ่ายตรงข้ามจะย้อนกลับมาทำร้าย
ฟางเล้งคิด ‘คนผู้นี้ปลดปล่อยกลิ่นอายราวกับปีศาจร้าย เขามั่นใจและยโส แต่เขาก็มีหลักการของตนเอง มีเพียงบุคคลเช่นนี้ที่สามารถกล่าวว่าจะช่วยพวกเราได้อย่างเปิดเผย’
อย่างไรก็ตามฟางหยุนกำลังเฝ้ามองด้วยความมึนงง
ผีเฒ่าไป่จุนหรี่ตามองด้วยสายตามืดมน
แม้เขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่พลังการต่อสู้ของเขายังอยู่โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขายังมีวิญญาณอมตะป้ายคำสั่งอสูรวิญญาณระดับแปดเป็นไพ่ตาย
แต่ค่าใช้จ่ายสำหรับวิญญาณอมตะดวงนี้สูงมาก ผีเฒ่าไป่จุนไม่ต้องการใช้มันอย่างฟุ่มเฟือย เดิมทีเขาต้องการต่อสู้เป็นตายกับฟางหยวน แต่ฟางหยวนกลับจะปล่อยเขาไป
‘ไม่ว่าเขาจะปล่อยข้าจริงหรือไม่ข้าก็ต้องพยายามหลบหนีดูก่อน’
‘หากมันเป็นแผนการ ข้าจะหันกลับมาเดิมพันชีวิตกับเขา หากเขาปล่อยข้าไปจริงๆ ข้าก็จะหนีไปอย่างรวดเร็ว’
ผีเฒ่าไป่จุนระวังตัวมาก
แม้ผีเฒ่าไป่จุนจะมีวิญญาณอมตะระดับแปด แต่เขาก็ไม่มั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะฟางหยวนได้หรือไม่ นอกจากนั้นเขายังมีความกังวลอีกประการ นั่นคือหากเขาเปิดเผยการคงอยู่ของวิญญาณอมตะระดับแปด ฟางหยวนจะเปลี่ยนใจและโจมตีเขาเพื่อยึดครองวิญญาณอมตะระดับแปดหรือไม่?
ความคิดทุกประเภทผุดขึ้นในใจของผีเฒ่าไป่จุนก่อนที่เขาจะเย้ยหยันและจากไป
เขาค่อนข้างรวดเร็ว ร่างกายที่ขาดสะบั้นของเขาบินเข้าไปในเมฆสีดำและหายตัวไปทันที
“ผู้มีพระคุณ ท่านจะปล่อยเขาไปจริงๆงั้นหรือ? เขามีวิญญาณอมตะระดับแปด!” ฟางหยุนมึนงงอยู่ชั่วครู่ก่อนจะกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1507 มรดกตระกูลชิง
แปลโดย iPAT
“โอ้ มีเรื่องเช่นนั้นงั้นหรือ? ดูเหมือนเขาจะได้รับมาโดยบังเอิญ แต่ข้ากล่าวไปแล้วว่าจะปล่อยเขาไป พวกเจ้าต้องการให้ข้ากลับคำพูดงั้นหรือ?” การแสดงออกของฟางหยวนเปลี่ยนไปเล็กน้อยขณะที่เขามองไปยังฟางหยุนและฟางเล้งด้วยสายตาเย็นชา
ฟางหยุนและฟางเล้งมองหน้ากัน ทั้งสองพยายามหลบสายตาของฟางหยวน
ในเวลาเดียวกันฟางหยุนก็อุทานอยู่ในใจ ‘ผู้มีพระคุณทรงพลังมาก มันไม่ง่ายที่จะโต้แย้งเขา’
ในทางกลับกันฟางเล้งสามารถสงบจิตใจ ‘ดี คนผู้นี้ให้ความสำคัญกับคำพูดของตนเอง แม้จะมีสิ่งล่อใจเช่นวิญญาณอมตะระดับแปด แต่เขายังยืนยันคำกล่าวของตนเอง กล่าวได้ว่าเขามีความหยิ่งยโส แต่นี่ก็ทำให้พวกเราทั้งสองคนมีโอกาสรอดชีวิต’
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ฟางเล้งก็พยายามลุกขึ้น “ข้าคือฟางเล้ง และนี่คือน้องชายของข้า ฟางหยุน เราขอขอบคุณผู้อาวุโสที่ช่วยพวกเราเอาไว้”
“อืม” ฟางหยวนพยักหน้าเบาๆก่อนจะยื่นมือออกมา
แรงดึงดูดที่ไร้รูปลักษณ์ดึงฟางเล้งและฟางหยุนเข้าไปหาฟางหยวน
หัวใจของฟางเล้งเต้นแรงแต่เขายังสามารถรักษาความสงบ ด้านฟางหยุน เขากรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ
แต่ไม่นานทั้งสองก็พบว่าฟางหยวนได้ปลดโซ่ตรวนวิญญาณให้กับพวกเขาแล้ว นั่นทำให้พวกเขารู้สึกสบายใจขึ้น
สำหรับฟางหยวน วิธีการของผีเฒ่าไป่จุนไม่ถือเป็นสิ่งใด
โซ่ตรวนที่ผนึกฟางหยุนและฟางเล้งเอาไว้ไม่แม้แต่จะเป็นท่าไม้ตายอมตะ ฟางหยวนสามารถทำลายมันได้อย่างง่ายดาย
ฟางเล้งและฟางหยุนที่ได้รับอิสระกล่าวขอบคุณฟางหยวนอีกครั้ง แต่หัวใจของพวกเขายังสั่นสะท้าน พวกเขาคิด ‘คนผู้นี้ช่างเผด็จการนัก แม้เขาจะช่วยพวกเรา แต่เขาไม่เคยถามความคิดเห็นของพวกเราและดำเนินการทันที’
พวกเขาไม่สามารถจินตนาการว่าฟางหยวนทำสิ่งเหล่านี้โดยเจตนาและเขาก็ประสบความสำเร็จในการสร้างภาพลักษณ์ที่หยิ่งยโสให้กับตนเอง
“พวกเจ้าสามารถเรียกข้าว่าซวนปู้จิน” ฟางหยวนกล่าวแนะนำตัว
แต่ประโยคต่อมา ฟางหยวนกลับขับไล่คนทั้งสองไป “ข้าบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งปัญญาเป็นหลักและรับสืบทอดมรดกของเจิ้งจิงเฉิน นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าช่วยพวกเจ้าทั้งสอง เอาล่ะ พวกเจ้าไปได้แล้ว”
“อา…” ฟางหยุนมึนงง
“ผู้เยาว์จะจดจำความเมตตาของผู้อาวุโสเอาไว้และจะรายงานเรื่องนี้ต่อผู้อาวุโสของตระกูล ผู้อาวุโสอาศัยอยู่ในทะเลทรายผีเขียวแห่งนี้ใช่หรือไม่?” ฟางเล้งป้องหมัดถามด้วยความเคารพ
“ข้าได้รับประโยชน์จากอสูรวิญญาณเหล่านี้ ข้าไม่ได้ช่วยพวกเจ้าเพื่อผลประโยชน์ ไปซะ” ฟางหยวนโบกมืออย่างเย็นชา สายตาของเขาเผยให้เห็นร่องรอยของความไม่สามารถอดทน
ฟางเล้งและฟางหยุนไม่กล้ารบกวนเขาอีก ทั้งสองโค้งคำนับก่อนจะบินจากไป
‘ข้าไม่ได้คาดหวังว่าผีเฒ่าไป่จุนจะมีวิญญาณอมตะระดับแปด แล้วผู้อมตะตระกูลฟางทั้งสองรู้ได้อย่างไรว่าผีเฒ่าไป่จุนมีวิญญาณอมตะดังกล่าว ผีเฒ่าไป่จุนใช้มันต่อหน้าพวกเขางั้นหรือ?’ ฟางหยวนสงสัย
ผีเฒ่าไป่จุนเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดแต่เขาใช้วิญญาณอมตะระดับแปด อาจกล่าวได้ว่าวิญญาณอมตะดวงนี้มีเงื่อนไขพิเศษในการใช้งานเช่นเดียวกับวิญญาณทัศนคติ
นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ฟางหยวนถูกล่อลวง
‘แต่…’
‘ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนจัดการผีเฒ่าไป่จุน’
ฟางหยวนรู้ตำแหน่งที่อยู่ของผีเฒ่าไป่จุน
ด้วยธรรมชาติที่ระมัดระวังของฟางหยวน เขาลอบใช้วิธีติดตามตัวผีเฒ่าไป่จุนระหว่างการต่อสู้ก่อนหน้านี้แล้ว แม้ฟางหยวนจะปล่อยผีเฒ่าไป่จุนไป แต่เขารู้การเคลื่อนไหวของฝ่ายหลัง
ในอดีตฟางหยวนไม่มีวิธีการดังกล่าว แต่เมื่อเร็วๆนี้เขาได้รับวิธีการมากมายจากการฝึกฝนอย่างหนัก
“ท่านพี่ ท่านคิดว่าผู้มีพระคุณจะรู้หรือไม่ว่าผีเฒ่าไป่จุนมีวิญญาณอมตะระดับแปด เขาเร่งช่วยพวกเราเพราะต้องการไล่ล่าผีเฒ่าไป่จุนหรือไม่?” ขณะบินอยู่บนท้องฟ้า ฟางหยุนเปิดปากถาม
ฟางเล้งคิดก่อนจะส่ายศีรษะ “ด้วยความเข้าใจของข้าที่มีต่อผู้อาวุโสซวนปู้จิน มันไม่ควรเป็นเช่นนั้น”
ฟางหยุนไม่สามารถกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ได้ “จากคำกล่าวของท่าน ดูเหมือนท่านจะรู้จักผู้อาวุโสเป็นอย่างดี ไม่ใช่ว่าท่านก็อยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับข้างั้นหรือ? พวกเราพึ่งพบผู้อาวุโสเป็นครั้งแรกก่อนจะถูกไล่ออกมา”
ฟางเล้งชำเลืองมองฟางหยุน “วิญญาณอมตะระดับแปดเป็นเรื่องใหญ่ แต่ผู้อาวุโสผู้นี้มีความภาคภูมิใจในตัวเองสูง เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เห็นได้ชัด นอกจากนั้นเราบอกเขาเกี่ยวกับการคงอยู่ของวิญญาณอมตะระดับแปด หากผู้อาวุโสต้องการจับผีเฒ่าไป่จุนจริงๆ เขาจะไม่ถามพวกเราว่าวิญญาณอมตะระดับแปดดวงนี้คือสิ่งใดและมีความสามารถใดงั้นหรือ?”
ฟางหยุนตบหน้าผากของตนเอง “การวิเคราะห์ของท่านสมเหตุสมผล ดูเหมือนผู้อาวุโสจะไม่มีความคิดที่จะไล่ล่าผีเฒ่าไป่จุน เห้อ…ผีเฒ่าไป่จุนทรมานพวกเราอย่างหนัก ข้าหวังว่าผู้อาวุโสจะช่วยจับเขาแทนพวกเรา”
ฟางเล้งส่ายศีรษะ “วิญญาณอมตะระดับแปดป้ายคำสั่งอสูรวิญญาณสามารถออกคำสั่งอสูรวิญญาณ หากผู้อาวุโสนำกองทัพอสูรวิญญาณเข้าสู่การต่อสู้ เขาจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เราควรกลับตระกูลก่อนและให้ผู้อาวุโสคนอื่นๆเป็นผู้ตัดสินใจ”
ทะเลทรายผีเขียวอยู่ใกล้อาณาเขตของตระกูลฟาง หลังจากบินมาได้ชั่วครู่ ฟางหยุนกับฟางเล้งก็มาถึงค่ายกลวิญญาณอมตะ
ด้วยค่ายกลวิญญาณอมตะนี้ มันสามารถนำพวกเขาไปยังฐานทัพใหญ่ของตระกูลได้โดยตรง
ฟางหยุนและฟางเล้งแยกทางกันหลังจากนั้น
ฟางเล้งไปรายงานตัวกับผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งขณะที่ฟางหยุนไปรายงานเรื่องนี้กับผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สอง
โดยพื้นฐานแล้วกิจการต่างๆของตระกูลฟางจะถูกตัดสินใจโดยผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งและผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สอง
หลังจากได้ยินเรื่องนี้ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสองก็รีบเปิดประชุมเพื่อหารือเรื่องดังกล่ว
ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองถาม “ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง ท่านรู้จักเจิ้งจิงเฉินหรือไม่?”
ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งพยักหน้าเล็กน้อย “คนผู้นี้เป็นผู้บ่มเพาะสันโดษในตำนาน เขามีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างดีกับตระกูลฟางของเรา ในช่วงปีแรกๆของการบ่มเพาะ เขาได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากตระกูลฟางของเรา เขากระทั่งเป็นชู้กับบรรพชนของตระกูล แต่น่าเสียดายที่บรรพชนของเราเสียชีวิตในการต่อสู้ขณะที่เจิ้งจิงเฉินไม่ได้เข้าร่วมกับตระกูลของเรา”
ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองเข้าใจทันที
แม้กองกำลังใหญ่จะให้ความสำคัญกับครอบครัวและสายเลือด แต่พวกเขามักจะรับสายเลือดใหม่เข้ามาเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพวกเขาพบเมล็ดพันธุ์ชั้นยอด กองกำลังใหญ่เหล่านี้จะสนับสนุนเมล็ดพันธุ์เหล่านั้นด้วยทรัพยากร
หากคนเหล่านั้นกลายเป็นผู้อมตะ กองกำลังนั้นๆจะรับพวกเขาเข้าเป็นสมาชิก
โดยปกติแล้วสถานการณ์ดังกล่าวหาได้ค่อนข้างยาก
ประการแรก พวกเขาจะให้การสนับสนุนอย่างไม่เป็นทางการในช่วงแรก เนื่องจากความน่าจะเป็นที่มนุษย์จะก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมีน้อยมาก
ประการต่อมา แม้พวกเขาจะกลายเป็นผู้อมตะ พวกเขาก็อาจไม่เต็มใจที่จะเข้าร่วมกับกองกำลังนั้นๆ
อย่างไรก็ตามกระทั่งพวกเขาจะไม่เข้าร่วม แต่น้ำใจในอดีตก็เพียงพอแล้วที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดี
หากสามารถดึงผู้บ่มเพาะสันโดษให้มาอยู่ฝ่ายเดียวกัน การลงทุนครั้งเก่าก่อนก็ยังถือว่าคุ้มค่า
เจิ้งจินเฉินเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับเรื่องนี้ หากไม่ใช่เพราะอุบัติเหตุ เขาคงเข้าเป็นสมาชิกของตระกูลฟางไปแล้ว
แน่นอนว่าเขาต้องแต่งงานเข้าตระกูล
หลังจากนั้นบุตรหลานของเขาจะใช้แซ่ฟาง
“เรื่องของเจิ้งจินเฉินถูกปกปิดเอาไว้ หลายคนไม่รู้จักแม้แต่ชื่อของเขา ซวนปู้จินผู้นี้อาจจะไม่ได้โกหก” ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งกล่าว
ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองขมวดคิ้วเล็กน้อย “ยังไม่สามารถระบุก่อนจะได้รับการยืนยัน นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้ที่เขาจะร่วมมือกับผีเฒ่าไป่จุน”
สายตาของผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งเผยให้เห็นถึงความหนักใจ “หากเป็นเช่นนั้น ซวนปู้จินอาจร่วมมือกับผีเฒ่าไป่จุนเพื่อเข้าใกล้ตระกูลฟางและรับมรดกของตระกูลชิง”
แน่นอนว่าฟางหยวนมีแผนการของตน เขาจงใจแสดงความปรารถนาดีและช่วยชีวิตผู้อมตะตระกูลฟางทั้งสอง
แต่ในการประชุมของผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลฟาง พวกเขากลับคิดไปไกลถึงมรดกของตระกูลชิง
ตระกูลชิงเคยเป็นมหาอำนาจแต่พวกเขาถูกกำจัดไปนานแล้ว
คนที่ทำลายล้างตระกูลชิงไม่ใช่ผู้ใดนอกจากเทพปีศาจจิตวิญญาณ
ก่อนที่เทพปีศาจจิตวิญญาณจะกลายเป็นผู้อมตะระดับเก้า เขาต่อสู้กับตระกูลชิงเพียงลำพังหลังจากเกิดความขัดแย้ง
หากตระกูลชิงรู้ว่าเทพปีศาจจิตวิญญาณจะกลายเป็นผู้อมตะระดับเก้าในอนาคต พวกเขาคงไม่กล้าต่อต้านคนผู้นี้ น่าเสียดายที่ตระกูลชิงดูแคลนเทพปีศาจจิตวิญญาณเนื่องจากความเหนือกว่าในด้านของจำนวนคนและทรัพยากร
เทพปีศาจจิตวิญญาณเติบโตขึ้นทีละขั้น ยิ่งเขาต่อสู้ เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น ในที่สุดเขาก็มาถึงฐานทัพใหญ่ของตระกูลชิงและต่อสู้อย่างดุเดือด เขากวาดล้างสมาชิกทั้งหมดของตระกูลชิง ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจำนวนมหาศาลถูกทิ้งไว้ในสนามรบและทำให้มันกลายเป็นทะเลทรายผีเขียวในปัจจุบัน
แม้ตระกูลชิงจะถูกทำลายล้าง แต่มีข่าวลือว่าก่อนที่ผู้อาวุโสสุงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลชิงจะเสียชีวิต เขาได้ผนึกทรัพยากรทั้งหมดของตระกูลเอาไว้ที่ทะเลทรายผีเขียว
มีเงื่อนไขเพียงข้อเดียวในการรับสืบทอดมรดกนี้ นั่นคือผู้รับสืบทอดต้องแก้แค้นให้กับตระกูลชิงโดยการสังหารเทพปีศาจจิตวิญญาณ หากเทพปีศาจจิตวิญญาณตายแล้ว เป้าหมายของการแก้แค้นจะถูกย้ายไปที่ครอบครัว สหาย หรือศิษย์ของเทพปีศาจจิตวิญญาณ
น่าเสียดายที่เทพปีศาจจิตวิญญาณกลายเป็นผู้อมตะระดับเก้า คนทั้งโลกไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาขณะที่มรดกของตระกูลชิงกลายเป็นเรื่องตลก
ตระกูลฟางเป็นกองกำลังใหญ่ที่อยู่ใกล้ทะเลทรายผีเขียวมากที่สุด พวกเขามีข้อมูลมากกว่ากองกำลังอื่น หลังจากตระกูลชิงถูกทำลายล้าง บรรพบุรุษของตระกูลฟางก็เริ่มค้นหาเบาะแสเกี่ยวกับมรดกของตระกูลชิงอย่างจริงจัง
หลังจากทุ่มเทความพยายามมานานหลายชั่วอายุคน เบาะแสที่กระจัดกระจายก็ถูกปะติดปะต่อเข้าด้วยกันและทำให้มันมีค่ามากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อมาถึงรุ่นปัจจุบันพวกเขาก็ได้รับเบาะแสที่สมบูรณ์มาแล้ว ขณะเดียวกันพวกเขาก็เริ่มตรวจสอบทะเลทรายผีเขียวอย่างลับๆ
ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งถอนหายใจ “เราไม่มีกำลังพอที่จะยึดครองทะเลทรายผีเขียว ยังไม่ต้องกล่าวถึงการกำจัดอสูรวิญญาณ ตระกูลของเรามีผู้อมตะน้อยเกินไป หากไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ เราย่อมไม่ปล่อยให้ฟางเล้งและฟางหยุนออกไปเสี่ยงอันตราย แต่ผู้ใดที่จะคิดว่าพวกเขาจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับผีเฒ่าไป่จุนและซวนปู้จิน”
“ข้าเคยได้ยินเรื่องของผีเฒ่าไป่จุนมาก่อน แต่ผู้ใดจะคิดว่าเขาจะครอบครองวิญญาณอมตะระดับแปดป้ายคำสั่งอสูรวิญญาณ! และการปรากฏตัวของซวนปู้จินก็ฉับพลันเกินไป ต้นกำเนิดของเขายังคลุมเครือ เขามีวิธีการที่ทรงพลัง ไม่ว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรแต่สองสิ่งนี้จะเป็นอุปสรรคต่อพวกเราในการค้นหามรดกของตระกูลชิง”
ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองพยักหน้า
ตระกูลฟางมีทรัพยากรและอาณาเขตกว้างใหญ่ ผู้อมตะของพวกเขาต้องออกไปปกป้องแหล่งทรัพยากร แต่มรดกของตระกูลชิงก็ดึงดูดใจมากเกินไปโดยเฉพาะเบาะแสที่กล่าวถึงคฤหาสน์วิญญาณอมตะวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ที่สร้างขึ้นโดยเทพอมตะบัวสวรรค์ซึ่งถูกทิ้งไว้ในทะเลทรายตะวันตก คุณค่าของมันสูงมาก
ตระกูลฟางมีชื่อเสียงในด้านคฤหาสน์วิญญาณ ดังนั้นวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์จึงมีความสำคัญสำหรับพวกเขา นี่เป็นความปรารถนาที่ตระกูลฟางส่งต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่นตลอดระยะเวลาอันยาวนาน
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1508 วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์
แปลโดย iPAT
ทะเลทรายผีเขียว
ร่างที่ถูกทารุณกรรมบินผ่านพื้นทราย
“ซวนปู้จิน! เจ้าไม่ได้ไล่ล่าข้า ช่างเย่อหยิ่งนัก! ฮืม! ข้าจะแก้แค้นในไม่ช้า!” การแสดงออกของผีเฒ่าไป่จุนบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ
แขนขาที่ถูกทำลายของเขาฟื้นคืนแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขามีวิธีรักษาที่มีประสิทธิภาพ
แต่ในจังหวะนี้เขากลับกระอักเลือดออกมา
เขากัดฟันกล่าวด้วยความเกลียดชัง “อสูรวิญญาณของข้าไม่ง่ายที่จะรวบรวม แต่ตอนนี้พวกมันถูกฆ่าหมดแล้ว บัดซบ! นี่เป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ สิ่งสำคัญก็คือเวลาล่วงเลยไปแล้ว หากนายท่านตำหนิ ข้าจะทำอย่างไร?”
เมื่อนึกถึงนายท่านผู้นี้ ร่างของผีเฒ่าไป่จุนก็สั่นสะท้านขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ ความกลัวและความตื่นตระหนกเกิดขึ้นในใจของเขา
“ครั้งนี้ข้าทำพลาด ข้าจะถูกลงโทษอย่างรุนแรง ไม่ ข้าไม่สามารถแจ้งให้นายท่านทราบ ข้าควรปกปิดเรื่องนี้และรายงานหลังจากที่ข้ารวบรวมอสูรวิญญาณได้อีกครั้ง”
“เห้อ…แม้มันจะล่าช้า แต่ตราบเท่าที่ข้ากระตุ้นใช้งานวิญญาณอมตะป้ายคำสั่งอสูรวิญญาณ อสูรวิญญาณตนใดจะสามารถหลบหนีจากข้า?”
ขณะที่เขากำลังคิดเรื่องนี้ ร่างของหญิงผู้หนึ่งก็ปรากฏขึ้นด้านหน้าผีเฒ่าไป่จุน
“เป็นเจ้า สนมอินทรีย์! เหตุใดเจ้าถึงอยู่ที่นี่?” ผีเฒ่าไป่จุนตื่นตระหนกเมื่อเห็นหญิงผู้นี้
สนมอินทรีย์แต่งกายด้วยชุดรัดรูปสีดำและเผยให้เห็นเรือนร่างที่เย้ายวนใจ
นางเย้ยหยัน “ตาแก่ เจ้าไม่รู้จริงๆงั้นหรือว่าเหตุใดข้าถึงมาที่นี่?”
ผีเฒ่าไป่จุนหวาดกลัวมาก
เหงื่อไหลลงมาจากหน้าผากของเขา “นายท่านรู้ได้อย่างไร?”
สนมอินทรีย์เย้ยหยัน “เจ้าคิดว่านายท่านมอบวิญญาณอมตะระดับแปดให้เจ้าโดยไม่ใช้วิธีตรวจสอบใดๆเลยงั้นหรือ? เจ้าประเมินนายท่านต่ำเกินไปจริงๆ”
“ข้าจะกล้าประเมินนายท่านต่ำได้อย่างไร! ฮืม สนมอินทรีย์อย่าพยายามสร้างความขัดแย้ง!” ผีเฒ่าไป่จุนตะโกนด้วยความโกรธ “ถูกต้อง ข้ายอมรับว่าครั้งนี้ข้าทำพลาดและทำให้แผนการของนายท่านล้มเหลว แต่ข้าจะแก้ไข ยังมีเวลา ข้าจะมอบคำตอบที่น่าพอใจแก่นายท่านอย่างแน่นอน!”
สนมอินทรีย์ส่ายศีรษะ “เจ้ายังต้องการแก้ไขความผิดพลาดอีกงั้นหรือ? ฮืม เจ้าไม่มีโอกาาสแล้ว เจ้าคิดว่าข้ากำลังล้อเล่นงั้นหรือ? มันเป็นนายท่านที่สั่งให้ข้านำตัวเจ้ากลับไป!”
“นายท่านเป็นผู้ออกคำสั่งงั้นหรือ?” ใบหน้าของผีเฒ่าไป่จุนกลายเป็นซีดเผือด
สนมอินทรีย์พยักหน้า “เรื่องเช่นนี้ข้าจะหลอกเจ้าได้อย่างไร? ไปกันเถอะ อย่าให้ข้าต้องลงมือ ตามข้าไปอย่างเชื่อฟัง”
“ตกลง ข้าจะกลับพร้อมเจ้า” ผีเฒ่าไป่จุนเผยรอยยิ้มขมขื่น เขาไม่มีความคิดที่จะกบฎแม้แต่น้อย
ผู้อมตะทั้งสองเดินทางไกลและไปถึงบ่อทรายดูดแห่งหนึ่ง
หลังจากเข้าไปในบ่อทราย พวกเขายังเดินทางต่อไปอีกเกือบพันลี้ก่อนจะบรรลุถึงสถานที่ลึกลับที่เต็มไปด้วยแสงสีเขียว
ด้วยการใช้วิธีการบางอย่าง บันไดสีทองปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า
ทั้งสองเดินขึ้นบันไดทีละขั้น
หลังจากเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าขั้น ทั้งสองก็พบกับประตูขนาดใหญ่
มันเป็นวังที่สูงตระหง่านที่สร้างจากอิฐสีเขียวและกระเบื้องสีทองแต่ปลดปล่อยกลิ่นอายของธรรมชาติออกมา
ที่ประตูวังสลักไว้ด้วยคำว่า วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์!
มันคือคฤหาสน์วิญญาณอมตะของเทพอมตะบัวสวรรค์ที่ตระกูลฟางค้นหามานานหลายชั่วอายุคน
ผู้อมตะทั้งสองไม่กล้าเปิดประตูแต่คุกเข่าลงบนพื้นและทำความเคารพขั้นสูงสุด
ประตูวังเปิดออกอย่างช้าๆและเผยให้เห็นห้องโถงขนาดใหญ่
มีเสาไม้สีทองขนาดใหญ่หลายสิบต้นตั้งตระหง่านอยู่ในห้องโถง
อสูรวิญญาณที่มีร่างกายขนาดมหึมานอนอยู่ภายใน มันมีกระดองเต่า อุ้งเท้าพยัคฆ์ หางมังกร คออสรพิษ และศีรษะมนุษย์
เมื่อเห็นสัตว์ประหลาดตัวนี้ ผู้อมตะทั้งสองเร่งโค่งคำนับ “คารวะนายท่าน”
ร่างกายของผีเฒ่าไป่จุนสั่นเทาขณะที่เหงื่ออันเย็นเยียบไหลออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง
อสูรวิญญาณคำรามด้วยความโกรธขณะมองไปที่ผีเฒ่าไป่จุน
ผีเฒ่าไป่จุนไม่เคยเห็นเจ้านายของเขาโกรธถึงระดับนี้มาก่อน เขาทรุดตัวลงกับพื้นและตะโกน “นายท่านโปรดยกโทษให้ข้าด้วย โปรดอภัยให้ข้าด้วย!”
แต่อสูรวิญญาณไม่สนใจคำวิงวอนของเขา มันยกอุ้งเท้าขวาขึ้นและคว้าร่างของผีเฒ่าไป่จุนเอาไว้
การแสดงออกของผีเฒ่าไป่จุนกลายเป็นบิดเบี้ยวด้วยความตกใจ “นายท่าน นายท่านโปรดฟังข้าด้วย วิญญาณอมตะป้ายคำสั่งอสูรวิญญาณยังอยู่กับข้า ความล้มเหลวครั้งนี้เป็นความผิดพลาดของข้า แต่โปรดให้โอกาสผู้รับใช้ผู้นี้ได้ลบล้างความผิดของตนเองด้วย!”
“กลินนี้ มันคือเขา ถูกต้อง มันคือเขา!” อสูรวิญญาณตระหนักถึงบางสิ่งขณะที่ดวงตาของมันเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
ใบหน้าของสนมอินทรีย์กลายเป็นซีดขาวเมื่อนางสัมผัสได้ถึงความโกรธและความเกลียดชังจากผู้เป็นนาย
“เทพปีศาจจิตวิญญาณ…ศัตรูที่กำจัดตระกูลของข้า ในที่สุดข้าก็พบเจ้า แม้เจ้าจะตายไปแล้ว แต่กลิ่นนี้ไม่ผิดแน่ มันต้องเป็นทายาทหรือผู้สืบทอดของเจ้า ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” อสูรวิญญาณเริ่มหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
เสียงหัวเราะที่บ้าคลั่งสร้างคลื่นกระแทกกระจายออกไปรอบๆซ้ำแล้วซ้ำอีก
สนมอินทรีย์ต้องล่าถอยออกไป
ผีเฒ่าไป่จุนตระหนักได้ว่าเจ้านายของเขาไม่ได้สั่งให้เขากลับมาเพื่อรับโทษแต่ดูเหมือนซวนปู้จินจะมีความเกี่ยวข้องกับเทพปีศาจจิตวิญญาณ
ทันใดนั้นวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ก็ปลดปล่อยแสงสีเขียวออกมา
ลำแสงสีเขียวพุ่งเข้าโจมตีอสูรวิญญาณจากทุกทิศทาง
เสียงหัวเราะที่บ้าคลั่งของอสูรวิญญาณหยุดลงและถูกแทนที่ด้วยเสียงคร่ำครวญ “บัดซบ! วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์สารเลว!”
มันคำรามด้วยความตื่นตระหนกและบ้าระห่ำ
ผีเฒ่าไป่จุนเกรงว่าตนเองจะถูกบดขยี้จนตาย ดังนั้นเขาจึงรีบตะโกน “นายท่าน โปรดระงับความโกรธด้วย โปรดดูแลตนเองด้วย การดูแลร่างกายของท่านเป็นสิ่งสำคัญที่สุด!”
อสูรวิญญาณค่อยๆสงบลงและพึมพำ “คำกล่าวของเจ้าถูกต้อง ข้าต้องดูแลร่างกายของตนเอง ข้าจะฆ่าผู้สืบทอดหรือทายาทของเทพปีศาจจิตวิญญาณทั้งหมดเพื่อชำระความแค้นในอดีต!”
ในเวลาเดียวกัน วังสวรรค์
แสงสีขาวส่องประกายขึ้นสู่ท้องฟ้าก่อนจะค่อยๆเลือนหายไป
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องเล็ก ดูเหมือนมันจะเกี่ยวข้องกับเทพอมตะบัวสวรรค์” เทพธิดาจื่อเว่ยเห็นปรากฏการณ์ที่ผิดปกตินี้
นางอนุมานก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างมีความสุข “มันคือวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกทิ้งไว้ในทะเลทรายตะวันตกโดยเทพอมตะบัวสวรรค์ วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์เป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดที่ทรงพลัง มันกำลังจะปรากฏขึ้นอีกครั้ง เราไม่สามารถปล่อยให้มันตกอยู่ในมือของผู้อมตะของทะเลทรายตะวันตก”
เทพธิดาจื่อเว่ยปิดเปลือกตาลงและอนุมานต่อไป
หลังจากได้รับคำตอบ นางก็เรียกผู้อมตะของภาคกลางเข้าพบ
ผู้อมตะระดับแปดผู้นี้อยู่ในรูปลักษณ์ของเด็กหนุ่มชุดคลุมสีเขียวที่ดูเหมือนบัณฑิตแต่ในความเป็นจริงเขาอายุหลายพันปีแล้ว
“เฉินอี้ เจ้าเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของนิกายบัวสวรรค์ ตอนนี้วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์กำลังจะปรากฏขึ้นที่ทะเลทรายตะวันตก ทำตามแผนการของข้าและไปนำมันกลับมา” เทพธิดาจื่อเว่ยออกคำสั่ง
“รับทราบ” เฉินอี้โค้งคำนับเล็กน้อยด้วยการแสดงออกที่ไม่เปลี่ยนแปลง
เทพธิดาจื่อเว่ยพยักหน้า “หลังจากภารกิจครั้งนี้ เจ้าจะเข้าสู่วังสวรรค์”
เฉินอี้เผยให้เห็นถึงร่องรอยของความสุขเล็กน้อย เขาโค้งคำนับอีกครั้งและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจน “หากเป็นเช่นนั้นข้าก็ต้องขอบคุณท่านหญิงจื่อเว่ย”
หลายวันต่อมา ทะเลทรายตะวันตก
ดวงวิญญาณของฟางหยวนออกจากร่างของเขา
เขาบังคับดวงวิญญาณและคว้าทรายขึ้นมาหนึ่งกำมือ
“จากร่างที่โปร่งแสง ตอนนี้มันกลายเป็นร่างกายภาพที่แท้จริง ฮ่าฮ่า ในที่สุดรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของข้าก็บรรลุถึงระดับหนึ่งร้อยล้านแล้ว!” ฟางหยวนมีความสุขมาก
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1509 สำรวจอาณาจักรแห่งความฝันครั้งที่สาม
แปลโดย iPAT
ฟางหยวนถอนหายใจ ในที่สุดจิตวิญญาณของเขาก็บรรลุถึงระดับหนึ่งร้อยล้านหลังจากทุ่มเทความพยายามอย่างมาก
“ภูเขาตงฮันและหุบเขาเหล่าโปเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการบ่มเพาะจิตวิญญาณอันดับหนึ่งที่ถูกบันทึกไว้ในมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณ มันทำให้รากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของข้าเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว”
“แต่…มันยังเป็นเพียงหนึ่งร้อยล้าน ข้ายังต้องบ่มเพาะต่อไปในระดับสองร้อยล้าน สามร้อยล้าน สี่ร้อยล้าน…จนถึงเก้าร้อยล้าน”
หลังจากเก้าร้อยล้านไม่ใช่หนึ่งพันล้านแต่มันจะก้าวเข้าสู่ระดับจิตวิญญาณเดียวดาย หลังจากบรรลุสู่ระดับจิตวิญญาณเดียวดาย ดวงวิญญาณของฟางหยวนจะเทียบเท่ากับสัตว์อสูรเดียวดาย
แม้ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของฟางหยวนจะสามารถต่อสู้กับสัตว์อสูรเดียวดายได้อย่างง่ายดาย แต่ความสามารถในการต่อสู้กับพวกมันด้วยดวงวิญญาณเพียงลำพังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพ
ท้ายที่สุดแล้วดวงวิญญาณของมนุษย์ก็อ่อนแอกว่าสิ่งมีชีวิตรูปแบบอื่น ความสามารถใช้การชดเชยข้อเสียเปรียบนี้แสดงให้เห็นถึงพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ของเทพปีศาจจิตวิญญาณได้อย่างชัดเจน
ฟางหยวนไม่ได้ออกจากทะเลทรายผีเขียวแต่ยังจับอสูรวิญญาณต่อไป
เขาไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหวด้วยตนเองแต่สามารถสั่งให้กองทัพอสูรวิญญาณต่อสู้
หากเขาพบอสูรวิญญาณ เขาจะสั่งให้กองทัพอสูรวิญญาณโจมตีพวกมัน เขาจะเก็บแก่นแท้อสูรวิญญาณจากตัวที่เสียชีวิตและจะจับตัวที่ยังมีชีวิตเป็นทาส
นอกจากนี้ฟางหยวนก็ไม่จำเป็นต้องใช้สิ่งใดในการควบคุมอสูรวิญญาณนอกเหนือจากพลังจิตและพลังงานอมตะ กล่าวได้ว่ามันทำกำไรสูงมาก
เมื่อผู้อมตะทำสิ่งต่างๆ พวกเขาจะพิจารณาถึงค่าใช้จ่ายและผลตอบแทน ฟางหยวนตระหนักถึงสิ่งนี้และใช้ประโยชน์จากมันเสมอ
วิธีการล่าอสูรวิญญาณพึ่งพาความสามารถของเขาเท่านั้น
หลายสิบวันผ่านไป รากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของฟางหยวนก็บรรลุสู่ระดับสองร้อยล้าน
ดวงวิญญาณของเขาแข็งแกร่งกว่าเดิมมาก
ในช่วงเวลานี้ไม่ว่าจะเป็นตระกูลฟาง ผีเฒ่าไป่จุน หรือศัตรูคนอื่นๆก็ไม่มีผู้ใดปรากฏตัวออกมา
ฟางหยวนผ่านช่วงเวลานี้มาอย่างสงบสุข
เมื่อกล่าวถึงผีเฒ่าไป่จุน ฟางหยวนต้องการยึดครองวิญญาณอมตะระดับแปดของเขา แต่เมื่อใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาเพื่ออนุมาน เขาพบว่ามันยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม ตอนนี้มีความเสึ่ยงสูงที่จะทำเรื่องนั้น
นอกจากนี้ยังมีตระกูลฟางที่อยู่ใกล้ๆ ดังนั้นฟางหยวนจึงไม่เคลื่อนไหวแม้เขาจะรู้ตำแหน่งที่อยู่ของผีเฒ่าไป่จุนก็ตาม
‘จิตวิญญาณมนุษย์ระดับสองร้อยล้านควรจะเพียงพอสำหรับการสำรวจฉากที่สามของอาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ใช่หรือไม่?’ ฟางหยวนต้องการกลับไป
เขาเก็บกองทัพอสูรวิญญาณไว้ในมิติช่องว่างและปกปิดร่องรอยของตนเองก่อนจะออกจากทะเลทรายผีเขียว
หลังจากรีบเร่งเดินทาง เขากลับมาถึงอาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์อีกครั้ง
ถังฟางหมิงเข้ามาต้อนรับ
สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเคารพที่มีต่อฟางหยวน
ในช่วงเวลาที่ฟางหยวนจากไป เขามีความก้าวหน้าอย่างมากในการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันเนื่องจากคำแนะนำของฟางหยวน
หลังจากทักทาย สมาชิกนิกายเงาก็เข้าควบคุมค่ายกลวิญญาณขณะที่ฟางหยวนเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ทันที
สภาพแวดล้อมเปลี่ยนไป
โอเอซิสในทะเลทราย
ฟางหยวนอยู่ในตำแหน่งผู้สังเกตการณ์
“ที่นี่ เป็นที่แห่งนี้!” เสียงของชาเซี่ยวเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ในสองฉากก่อนหน้าเทพปีศาจปล้นสวรรค์วัยเยาว์ถูกเนรเทศออกจากเผ่า เขาได้พบชาเซี่ยว เขาหลอมรวมวิญญาณระดับสองและกลายเป็นผู้ชนะในการแข่งขันย่อย สุดท้ายก็ถูกนำตัวมาที่ทะเลสาบกลางโอเอซิสเพื่อรับวิญญาณเป็นรางวัล
ชาเซี่ยวจัดเตรียมวิธีการตรวจสอบไว้บนร่างของเด็กหนุ่มล่วงหน้าแล้ว ตอนนี้เขาสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่ไม่สามารถอธิบายได้จากสถานที่แห่งนี้
อย่างไรก็ตามหัวใจของเด็กหนุ่มกลับจมดิ่งลง ชาเซี่ยวสามารถเติมเต็มความปรารถนาของตน นี่ไม่ใช่สิ่งที่เด็กหนุ่มต้องการเห็น
“เร็วเข้า โยนแผนที่หนังแกะลงไปในทะเลสาบ!” ชาเซี่ยวออกคำสั่ง
เด็กหนุ่มรู้สึกสงสัย “ไม่ใช่ว่าเจ้านำแผนที่หนังแกะของข้าไปแล้วงั้นหรือ?”
ชาเซี่ยวหัวเราะ “ข้าเตรียมการทั้งหมดไว้แล้ว ข้าเย็บแผนที่หนังแกะไว้ในเสื้อของเจ้า หลายชายที่ดีของข้า เจ้าต้องโยนมันลงไปในทะเลสาบ!”
หัวใจของเด็กหนุ่มจมดิ่งลง เขาคิด ‘ชาเซี่ยวผู้นี้เป็นจิ้งจอกเฒ่าจอมวางแผน เขาให้ข้าโยนแผนที่หนังแกะลงไปในทะเลสาบ แต่การทำเช่นนั้นคือการก่ออาชญากรรมมิใช่หรือ? แม้เผ่าเคยเนรเทศข้า แต่พวกเขาก็เลี้ยงดูข้ามาหลายปี ข้าไม่สามารถตอบแทนความเมตตาด้วยการก่ออาชญากรรมเช่นนี้!’
“เร็วเข้า หลายชาย โยนเสื้อของเจ้าลงไปในทะเลสาบ!” ชาเซี่ยวตะโกน “อย่าลืมว่าข้าสามารถทำให้เจ้าตายอย่างทุกข์ทรมาน!”
รูม่านตาของเด็กหนุ่มหดเล็กลงเมื่อเขาถูกคุกคามด้วยความตาย
เขาคิดถึงครอบครัวและการกลับบ้านด้วยความลังเลใจ
หากเขาไม่ปฏิบัติตามคำกล่าวของชาเซี่ยว เขาจะตายจริงๆ ความปรารถนาที่จะกลับบ้านพุ่งทะยานขึ้นอีกครั้ง
‘ข้าจะละทิ้งศีลธรรมเพื่อกลับบ้านงั้นหรือ? ไม่ ข้าทำไม่ได้ ชาเซี่ยวอาจแข็งแกร่ง แต่ข้ายังมีความหวัง ข้าจะต่อสู้จนถึงที่สุดและจะไม่ก้มศีรษะให้กับความชั่วร้าย! ข้าจะไม่ทำให้ชื่อของเบนเจสันต้องแปดเปื้อน!”
ดวงตาของเด็กหนุ่มส่องประกายขึ้น
“ท่านปู่ เวลานี้อาจไม่เหมาะ ข้ายังไม่ได้เลือกวิญญาณ ผู้ใช้วิญญาณของตระกูลกำลังสังเกตข้าจากด้านข้าง หากข้ารีบร้อนโยนเสื้อลงไปในทะเลสาบ มันจะถูกผู้คุมสกัดกั้นก่อนที่มันจะสัมผัสผิวน้ำ หลังจากทั้งหมดทะเลสาบแห่งนี้เป็นแหล่งน้ำที่สำคัญของเผ่า”
ชาเซี่ยวตกตะลึงอยู่ชั่วครู่ก่อนจะกล่าวอย่างช้าๆ “ข้าใจร้อนเกินไปจริงๆ เจ้ากล่าวได้ถูกต้อง แต่เจ้าต้องหาโอกาส ในจังหวะที่ไม่มีผู้ใดเห็น จงทำงานนี้ให้สำเร็จ หากเจ้าทำไม่ได้ เจ้าต้องตาย หากเจ้าทำสำเร็จ ฮ่าฮ่า ท่านปู่จะมอบผลประโยชน์ที่คาดไม่ถึงให้เจ้า!”
ชาเซี่ยวทั้งข่มขู่และล่อลวง แต่มันไม่สามารถทำให้จิตใจของเด็กหนุ่มสั่นคลอนเลยแม้แต่น้อย
ผู้ใช้วิญญาณนำเด็กหนุ่มไปที่ถ้ำใต้ทะเลทราย “เจ้าเป็นผู้ชนะการแข่งขัน จงเลือกวิญญาณที่เจ้าต้องการ จำไว้เจ้ามีเวลาเพียงสิบห้านาที”
เด็กหนุ่มขอบคุณพวกเขาและเดินเข้าไปในถ้ำ
ผนังถ้ำมีรูสี่เหลี่ยมจำนวนนับไม่ถ้วน ภายในรูเหล่านี้มีวิญญาณระดับหนึ่งนอนอยู่
เด็กหนุ่มอุทานในใจ ‘แม้ข้าจะเคยได้ยินว่ามีวิญญาณนับไม่ถ้วนอยู่บนโลกใบนี้ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเคยเห็นวิญญาณจำนวนมากเช่นนี้ ช่างน่าอัศจรรย์นัก!’
‘หือ? มีประตูอยู่ที่นั่นด้วยงั้นหรือ?’
เด็กหนุ่มผลักเปิดประตูบางเล็กๆและเข้าไปด้านใน
ด้านหลังประตูเป็นถ้ำที่มีขนาดเล็กเพียงหนึ่งในสามของถ้ำก่อนหน้า มีรูสี่เหลี่ยมที่คล้ายกันอยู่บนผนัง แต่วิญญาณที่นอนอยู่ภายในเป็นวิญญาณระดับสอง
เด็กหนุ่มถอนหายใจขณะมองวิญญาณเหล่านั้น ‘โอ้ ไม่มีผู้ใดแนะนำข้า ข้าไม่รู้ว่าวิญญาณดวงใดดีกว่าและเหมาะสมกับข้า นอกจากนี้ปีศาจชาเซี่ยวก็กำลังวางแผนการใหญ่ ข้าควรขอความช่วยเหลือจากเผ่าหรือไม่?’
เด็กหนุ่มส่ายศีรษะซ้ำๆด้วยความกังวล
ชาเซี่ยวมีวิธีตรวจสอบ หากเด็กหนุ่มเปิดเผยความลับ ชาเซี่ยจะฆ่าเขาทันที
‘หือ?’ ทันใดนั้นการแสดงออกของเด็กหนุ่มพลันก็เปลี่ยนเป็นประหลาดใจ
จากนั้นเขาก็เริ่มขยับแขนขาเพื่อปรับตัวให้เข้ากับร่างกาย
‘ข้าเข้าควบคุมร่างของเขาอีกครั้ง แต่ตอนนี้ไม่ใช่สถานการณ์เร่งด่วน’ ฟางหยวนต้องรับผิดชอบการกระทำของเด็กหนุ่ม
‘ข้าต้องแก้ปัญหาให้เขาใช่หรือไม่?’ ฟางหยวนคิด
‘ข้าจะจัดการชาเซี่ยวอย่างไร? จากการคาดเดาของข้า อย่างน้อยปีศาจเฒ่าผู้นี้ก็เป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสี่ มีความเป็นไปได้ที่เขาจะเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับห้าเช่นกัน’ ฟางหยวนสำรวจสภาพแวดล้อม ‘ดูเหมือนความสำเร็จของข้าจะขึ้นอยู่กับวิญญาณเหล่านี้’
เด็กหนุ่มไม่รู้จักวิญญาณเหล่านั้น แต่ฟางหยวนเต็มไปด้วยประสบการณ์และความรู้ เขารู้จักวิญญาณเกือบทั้งหมด แม้จะมีบางดวงที่เขาไม่รู้จัก แต่เขาก็สามารถคาดเดาได้ผ่านการตรวจสอบบางอย่าง
‘นอกจากนี้แม้ชาเซี่ยวจะมีวิธีตรวจสอบ แต่พวกมันหยุดทำงานไปแล้วหลังจากเทพปีศาจปล้นสวรรค์เข้ามาในถ้ำใต้ทะเลสาบ’
‘ดูเหมือนวิธีของชาเซี่ยวจะไม่สามารถทำลายการป้องกันของถ้ำแห่งนี้’
ถ้ำใต้ทะเลสาบแห่งนี้ได้รับการปกป้องอย่างแน่นหนา มันเป็นสถานที่เก็บวิญญาณของเผ่า หากสามารถตรวจสอบได้โดยง่าย มันจะดึงดูดศัตรูเข้ามาและทำให้เผ่าประสบความสูญเสียร้ายแรง
‘ชาเซี่ยวไม่รู้ว่าข้ากำลังทำสิ่งใด ดังนั้นเขาจึงเร่งเร้าให้เทพปีศาจปล้นสวรรค์รีบจัดการธุระของเขาให้เรียบร้อย’
‘ตราบเท่าที่ข้าสามารถล่วงรู้ความลับเกี่ยวกับวิธีตรวจสอบของเขา ข้าจะสามารถจัดการมันได้’
ฟางหยวนวิเคราะห์อยู่ในใจ
การทดสอบแรกของฉากที่สามถือว่าไม่ยากเกินไป
แม้เขาจะล้มเหลว เขาก็สามารถทดลองอีกครั้ง
อย่างมากที่สุดจิตวิญญาณของเขาก็จะได้รับบาดเจ็บเท่านั้น
ตอนนี้รากฐานของเขาบรรลุระดับจิตวิญญาณมนุษย์สองร้อยล้านแล้ว เขามั่นใจว่าสามารถแบกรับอาการบาดเจ็บทางจิตวิญญาณโดยไม่ตายทันที
‘แต่!’
‘หากข้าเดินไปตามเส้นทางของอาณาจักรแห่งความฝัน มันอาจปลอดภัย แต่มันก็เท่านั่น’
ฟางหยวนได้รับแรงบันดาลใจ เขาต้องการทดสอบอาณาจักรแห่งความฝันแห่งนี้
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1510 ฟางหยวนถูกจับ
แปลโดย iPAT
อาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์
‘วิญญาณถูกเลือกแล้ว ตอนนี้ให้ข้าลองดู’ ฟางหยวนสูดหายใจลึกและควบคุมร่างของเด็กหนุ่ม
เขากระตุ้นใช้งานวิญญาณลอบโจมตี
ภูตเด็กร่างสีฟ้ากระโดดเข้าไปในผนังถ้ำ กระบวนการทั้งหมดเงียบราวกับไม่เคยเกิดสิ่งใดขึ้น
ฟางหยวนลอบถอนหายใจ ‘วิญญาณลอบโจมตีดวงนี้เป็นวิญญาณชั้นสูงจริงๆ มันเป็นวิญญาณระดับสองที่โดดเด่นและยังทำงานอย่างเงียบเชียบ ถ้ำแห่งนี้มีการป้องกันที่หนาแน่น แต่มันกลับไม่พบการคงอยู่ของวิญญาณลอบโจมตี บางทีข้าควรหลอมรวมวิญญาณดวงนี้ในอนาคต’
ฟางหยวนสามารถคิดค้นและดัดแปลงเคล็ดบลับการหลอมรวมวิญญาณระดับมนุษย์ได้ทุกระดับ
นอกจากนั้นเขายังสามารถใช้แสงแห่งปัญญาเพื่อคิดค้นเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณลอบโจมตีระดับอมตะ
เหตุผลเป็นเพราะความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมของเขาอยู่ในระดับกึ่งปรมาจารย์เอก
หลังจากใช้วิญญาณลอบโจมตี ฟางหยวนก็เลือกวิญญาณระดับหนึ่งจำนวนสามดวงและวิญญาณระดับสองอีกหนึ่งดวง
แม้เขาจะสามารถเลือกวิญญาณระดับสองทั้งหมดแต่มันไม่เหมาะสมกับการใช้งาน ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจเลือกวิญญาณระดับหนึ่งที่สอดคล้องจำนวนสามดวงเพื่อสร้างท่าไม้ตาย
ท่าไม้ตายถูกกระตุ้นใช้งานทันที ภูตแรดบนเส้นทางความแข็งแกร่งปรากฏตัวขึ้นและพุ่งชนผนังถ้ำโดยตรง
ก่อนหนี้ผนังถ้ำส่วนนี้ถูกโจมตีโดยวิญญาณลอบโจมตี ตอนนี้เมื่อมันถูกกระแทกโดยภูตแรด มันก็พังทลายลงในที่สุด
น้ำจำนวนมากพุ่งออกมาจากรูช่องโหว่
แม้ฟางหยวนจะเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์อยู่ด้านข้าง แต่เขาก็เข้าใจอย่างชัดเจนว่าถ้ำใต้ดินแห่งนี้อยู่ติดกับทะเลสาบ
ที่นี่มีน้ำพุจิตวิญญาณธรรมชาติตั้งอยู่ ดังนั้นมันจึงเหมาะสมที่จะใช้เป็นสถานที่เก็บวิญญาณ
เด็กหนุ่มได้รับความไว้วางใจจากเผ่าให้เข้ามายังสถานที่แห่งนี้เพราะเขาเติบโตขึ้นมาในเผ่า แต่ตอนนี้ภายใต้การควบคุมของฟางหยวน เขากลับทำลายผนังถ้ำเพื่อทำภารกิจให้กับชาเซี่ยว
เมื่อมวลน้ำปะทุออกมา ชั้นแสงบางๆก็ปรากฏขึ้นและปิดกั้นน้ำส่วนใหญ่เอาไว้
“เกิดสิ่งใดขึ้น?”
“ไปเร็ว มีบางอย่างเกิดขึ้น!”
เสียงตกใจดังมาจากด้านนอกขณะที่ผู้ดูแลรีบเข้ามาเมื่อตระหนักถึงสิ่งผิดปกติ
‘ไร้ประโยชน์!’ ฟางหยวนเย้ยหยันและกระตุ้นใช้วิญญาณลอบโจมตีพร้อมกับวิญญาณอีกสองดวงเพื่อสร้างท่าไม้ตายบางอย่าง
ชั้นแสงสีฟ้าส่องประกายขึ้นบนร่างกายของเขาทำให้ความเร็วของเขาเพิ่มสูงขึ้น
ฟางหยวนเคลื่อนที่ผ่านชั้นแสงที่ปิดกั้นรูช่องโหว่และเข้าไปในทะเลสาบโดยตรง
การป้องกันของเผ่าเป็นเพียงวิธีการระดับมนุษย์ ในสายตาของฟางหยวน มันเต็มไปด้วยข้อบกพร่อง
เมื่อผู้ดูแลสองคนมาถึง พวกเขาก็เห็นเพียงร่างของฟางหยวนที่เข้าไปในทะเลสาบ
“คนทรยศ!” ผู้ดูแลคนหนึ่งตะโกนด้วยความโกรธ “เผ่าเลี้ยงดูเจ้ามาแต่เจ้ากลับกล้าทำเรื่องเช่นนี้งั้นหรือ?”
เขาโจมตีทันที
แต่ผู้ดูแลอีกคนหยุดเขาเอาไว้ “เจ้าบ้าไปแล้วงั้นหรือ? เราจะทำอย่างไรหากเจ้าทำลายวิญญาณที่อยู่ที่นี่ สิ่งสำคัญคือการซ่อมแซมแนวป้องกันโดยเร็วที่สุดเพื่อลดการสูญเสีย ด้วยวิธีนี้ความผิดของเราจะลดลง!”
ผู้ดูแลอีกคนสะบัดแขนออก
“เจ้าซ่อมแซมแนวป้องกัน ข้าจะจับโจรชั่วผู้นี้!” เขาตะโกนก่อนจะออกไล่ล่าฟางหยวน
‘ศัตรู?’ ฟางหยวนรู้สึกได้ทันทีว่าผู้ดูแลกำลังตามมา
แต่มันก็ไร้ประโยชน์
เด็กหนุ่มเป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่งที่ไร้พรสวรรค์ เขามีพลังวิญญาณที่จำกัดและมันเกือบหมดลงแล้วหลังจากฟางหยวนกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายก่อนหน้านี้
ดังนั้นกระทั่งฟางหยวนจะเป็นผู้อมตะ แต่เขาก็ไม่ต้องการต่อสู้กับผู้ใช้วิญญาณระดับสาม
“โจรชั่ว เจ้าทำเรื่องนี้เพราะเจ้าเกลียดชังเผ่าที่เนรเทศเจ้าหรือมีผู้ใดออกคำสั่งเจ้า?” ผู้ดูแลที่ไล่ล่ามาสามารถพูดในน้ำ
ฟางหยวนกลั้นหายใจและใช้กำลังทั้งหมดเพื่อต่อสู้
แต่เพียงไม่กี่กระบวนท่า เขาก็ถูกจับ
ผู้ดูแลคนนี้เต็มไปด้วยความเกลียดชังต่อฟางหยวน เขาโจมตีฟางหยวนอย่างรุนแรงทันที
เลือดไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ดของฟางหยวนและกระจายไปในทะเลสาบ
“เลือดสกปรกของเจ้าจะทำให้น้ำพุจิตวิญญาณธรรมชาติของเผ่าแปดเปื้อน!” ผู้ใช้วิญญาณระดับสามกระตุ้นใช้วิญญาณเพื่อรวบรวมเลือดทั้งหมด
‘บัดซบ! เขาเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสามบนเส้นทางแห่งวารี’ ฟางหยวนเผยรอยยิ้มขมขื่น หลังจากถูกจับ เขาไม่แม้แต่จะสามารถขยับร่างกาย จิตวิญาณของเขาได้รับความเสียหายอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ฟางหยวนอดทนต่อความเจ็บปวดและตรวจสอบตนเองอย่างระมัดระวัง
‘ทรงพลังนัก! การโจมตีนี้ทำให้รากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของข้าลดลงถึงห้าสิบล้าน!’
เขาคาดเดา ‘ผู้ใช้วิญญาณบนเส้นทางแห่งวารีมีไม่มากในทะเลทรายตะวันตก คนผู้นี้ถูกอาณาจักรแห่งความฝันส่งมาเพื่อจัดการข้าโดยตรงหรือไม่? จิตวิญญาณห้าสิบล้านถูกทำลายทันที หากเป็นคนอื่น พวกเขาอาจตายไปแล้ว ฉากที่สามพึ่งเริ่มต้น แต่ดูเหมือนมันจะยุ่งยากขึ้นอีกมาก’
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฟางหยวนรู้สึกยินดีที่เขาสะสมรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณถึงระดับสองร้อยล้านก่อนจะเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝัน
จากนั้นเขาก็คาดเดาต่อไป ‘หากข้าไม่ได้โจมตีแต่เดินไปตามเส้นทางของอาณาจักรแห่งความฝัน สิ่งนี้คงไม่เกิดขึ้น แต่…หากทำเช่นนั้นข้าจะไม่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับอาณาจักรแห่งความฝัน’
นอกจากความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการโจรกรรม ฟางหยวนยังต้องการสะสมประสบการณ์ในการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันอีกด้วย
แม้การกระทำครั้งนี้จะมีความเสี่ยงแต่ฟางหยวนก็ได้รับกำไรมากมาย
เขาอาจถูกจับกุมแต่มันทำให้เขาเกิดแรงบันดาลใจใหม่ๆ ‘เดี๋ยว! รากฐานจิตวิญญาณห้าสิบล้านอาจไม่ใช่การสุ่ม นอกจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ ผู้อมตะบนเส้นทางสายอื่นย่อมไม่มีรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณระดับนี้ หากผู้อมตะบนเส้นทางสายอื่นมาสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันนี้ มันจะเกิดสิ่งใดขึ้น?’
ฟางหยวนนึกถึงถังฟางหมิงและท่าไม้ตายผนึกความฝันที่เขาสร้างขึ้นในชีวิตก่อนหน้า
‘ในชีวิตแรกของข้า เมื่ออาณาจักรแห่งความฝันถูกสำรวจ วิญญาณและท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งความฝันนับไม่ถ้วนถูกสร้างขึ้นเพื่อช่วยเหลือพวกเขาตามลักษณะที่แตกต่างกันของอาณาจักรแห่งความฝัน’
‘อาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ต้องการรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ หากคนธรรมดาต้องการสำรวจมัน พวกเขาต้องมีวิธีการบนเส้นทางแห่งความฝันที่เพียงพอ วิธีที่ดีที่สุดคือการสร้างท่าไม้ตายที่เกี่ยวข้องกับเส้นทางแห่งความฝันและเส้นทางแห่งจิตวิญญาณที่สามารถต่อต้านการกัดกร่อนจิตวิญญาณ’
อาณาจักรแห่งความฝันแห่งนี้เป็นของผู้อมตะระดับเก้าและมีขนาดใหญ่มาก ความยากลำบากในการสำรวจมันสูงมากเช่นกัน ในช่วงแรกและช่วงกลางของสงครามห้าภูมิภาค มันเป็นสุสานของผู้อมตะ
ฟางหยวนสามารถสำรวจมันได้เพราะรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของเขา
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดเกี่ยวกับอาณาจักรแห่งความฝันนี้คือการกัดกร่อนจิตวิญญาณที่รุนแรง แต่ฟางหยวนสามารถก้าวข้ามอุปสรรคนี้ด้วยรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของเขา
น้ำพุจิตวิญญาณธรรมชาติเริ่มส่งเสียงดังในทะเลสาบราวกับมันกำลังเดือด
“เกิดสิ่งใดขึ้น?” ผู้ใช้วิญญาณระดับสามที่ถือฟางหยวนไว้ในมือตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงนี้
‘แน่นอน การกระทำของข้าลดขั้นตอนลงอย่างมาก ข้ามาถึงจุดเชื่อมต่อที่สำคัญที่สุดของฉากที่สามแล้ว!’ ฟางหยวนรู้สึกยินดีกับเรื่องนี้ ดวงตาของเขาส่องประกายเจิดจ้าเมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น