ลำนำบุปผาพิษ 1504-1505
บทที่ 1504 ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวจริงตัวปลอม (2)
ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมนิ่งอึ้ง
นัยน์ตาเขาแปรเปลี่ยน สรรหาถ้อยคำมาโต้เถียงไม่ได้ไปชั่วขณะ เซียนหญิงลี่หวางข้างกายเขาเอ่ยปากอย่างเยือกเย็น “กู่ฉานโม่ ข้าคือฮูหยินเทพศักดิ์สิทธิ์ มีจิตเมตตากรุณา เพียงต้องการให้โลกใบนี้ข้ามผ่านภยันตรายไปให้ได้ เหตุใดจะช่วยคนเลวก่อกรรมทำชั่วบิดเบือนไออาฆาตเป็นไอเซียนได้อย่างไรเล่า ท่านพูดเยี่ยงนี้ ไม่เพียงดูหมิ่นข้า ยังดูหมิ่นเทพศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย!”
กู่ฉานโม่เหลือบมองนางแวบหนึ่ง “เจ้ากล่าวเรียกตัวเองว่าเป็นฮูหยินเทพศักดิ์สิทธิ์อยู่ตลอดเวลา มีหลักฐานยืนยันหรือไม่?”
เซียนหญิงลี่หวางกล่าวอย่างเรียบเฉย “ข้ามาจากดินแดนเบื้องบน ความเป็นเซียนอยู่ตรงนี้ หากไม่ได้มีสัมพันธ์อันใดกับเทพศักดิ์สิทธิ์ ย่อมไม่มีทางเรียกตัวเองว่าฮูหยินเทพศักดิ์สิทธิ์ หากข้าไม่ใช่ฮูหยินเทพศักดิ์สิทธิ์ เนิ่นนานป่านนี้แล้ว เหตุใดเทพศักดิ์สิทธิ์จึงไม่ปรากฏกายออกมาบอกว่าข้าแอบอ้างเล่า? นี่ยังต้องการหลักฐานอันใดอีก?
กู่ฉานโม่ยิ้ม “ไม่ได้ปฏิเสธแสดงว่าเป็นความจริงอย่างงั้นรึ? เดิมทีเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ข้องเกี่ยวอันใดเรื่องราวโลกมนุษย์ หากบนโลกใบนี้มีผู้คนมากมายแอบอ้างเป็นฮูหยินเทพศักดิ์สิทธิ์ หรือว่าเขาต้องออกมาเป็นพยานให้ทีละคนเลยอย่างงั้นรึ? บางทีเขาอาจกำลังกักตน หรืออาจจะไม่เห็นเจ้าอยู่ในสายตา บุคคลเยี่ยงเทพศักดิ์สิทธิ์ หากเขาจะแต่งงาน ย่อมต้องประกาศต่อใต้หล้า และจะเปิดเผยฐานะฮูหยินของเขาอย่างบริสุทธิ์ผุดผ่อง จะให้หลักฐานพิสูจน์นาง จะปกป้องนางไว้ข้างกาย จะให้เป็นแบบเจ้าเยี่ยงนี้ได้อย่างไร ตัวเองปรากฏกายออกมาบอกว่าเป็นฮูหยินเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ได้แล้วหรือ? หากเจ้าเป็นฮูหยินของเขาจริง เขาจะให้เจ้ามาอยู่กับทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายทั้งวันอย่างคลุมเครือเยี่ยงนี้หรือ? และให้เจ้าก่อกรรมทำชั่วมาสองปีโดยไม่ควบคุมความประพฤติเจ้าอย่างงั้นเชียวหรือ?”
เมื่อพูดคำพูดเหล่านี้ออกมา ฝูงชนต่างทยอยพยักหน้า
สีหน้าเซียนหญิงลี่หวางเปลี่ยนไป กล่าวด้วยความโมโห “เจ้าเถียงข้างๆ คูๆ! หากข้าเป็นตัวปลอม ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายท่านนี้มิอาจให้อภัยข้า! เขาเป็นคนของเทพศักดิ์สิทธิ์ สนิทสนมกับเทพศักดิ์สิทธิ์ หากข้าเป็นตัวปลอม ต่อให้ปิดบังฝูงชนได้ ทว่าไม่อาจปิดบังเขาได้อย่างแน่นอน เขาก็ต้องพิสูจน์ข้าเช่นกัน…”
ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมรีบเอ่ยในทันที “ข้าย่อมเป็นพยานให้นางได้ นางเป็นฮูหยินเทพศักดิ์สิทธิ์จริง ข้าเคยขอหลักฐานต่อเทพศักดิ์สิทธิ์ด้วยตัวเอง…”
ดวงตากู่ฉานโม่ทั้งคู่พลันเย็นเยือก ส่งเสียงยิ้มเย็นชา “เขาย่อมเป็นพยานให้เจ้าเพราะเดิมทีพวกเจ้าก็ตะเภาเดียวกัน! ไม่เพียงแต่ฮูหยินเทพศักดิ์สิทธิ์อย่างเจ้าเป็นตัวปลอม ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายอย่างเขาก็เป็นตัวปลอม! เขาไม่ใช่ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตี้ฝูอี!”
สวรรค์สั่นสะท้าน!
ฝูงชนด้านล่างต่างนิ่งอึ้ง
ซุ่มเสียงของกู่ฉานโม่สั่นสะท้าน ทำให้ทุกคนตกตะลึงกันหมด!
ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมเย้ยยิ้มขึ้นมาภายใต้ความแข็งทื่อ “เจ้าเป็นสุนัขวิปริตหรือไง? แว้งกัดคนอื่นไปทั่ว! ในคำพูดเจ้าข้ากลับกลายเป็นตัวปลอมไปด้วยแล้ว…”
กู่ฉานโม่เอ่ย “เดิมทีเจ้าก็เป็นตัวปลอม! เนื่องจากแปดปีก่อนทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวจริงมีเรื่องต้องไปสะสางในเขตหวงห้ามแห่งหนึ่ง ไม่ได้ออกมาในระยะเวลาแปดปีมานี้! และก็เพราะเขาไม่ได้ออกมา ทำให้ตัวปลอมอย่างเจ้าฉกฉวยโอกาสแอบอ้างฐานะของเขากระทำความผิดอย่างเหิมเกริม…”
เขากวาดตามองฝูงชนที่รายล้อมอยู่ด้านล่าง “ทุกคนลองคิดดู ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเมื่อแปดปีก่อนมีอุปนิสัยอย่างไร มีพฤติกรรมอย่างไร กับทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมสองปีมานี้มีท่าทีอย่างไร นอกจากเนื้อหนังมังสาที่เหมือนกันนี้แล้ว มีสิ่งอื่นใดเหมือนกันอีกบ้างรึ?!”
ความจริงไม่ต้องครุ่นคิด สองปีมานี้พฤติกรรมของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายแปรเปลี่ยนไปเป็นอีกคนจริงๆ…
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะพยักหน้า บางคนใจกล้าก็ร้องตะโกนออกมา “ไม่เหมือนจริงๆ! เขาในตอนนี้กับทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเมื่อแปดปีก่อนเหมือนกับเป็นคนละคนกัน”
“ใช่! ถูกต้อง เป็นเช่นนี้จริงๆ!”
อ่านนิยาย
“หรือว่าเขาเป็นตัวปลอมจริงๆ?”
ทุกคนนิ่งงัน
ชาวบ้านด้านล่างเริ่มแสดงความคิดเห็น สายตาฉงนมากมายนับไม่ถ้วนมองไปที่ ‘ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย’ ด้านบนแท่น
ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมพลันเชิดหน้าเย้ยยิ้ม “กู่ฉานโม่ นึกไม่ถึงว่าเจ้าปลุกระดมจิตใจคนเก่งกาจยิ่งนัก แต่เจ้าหลงลืมไปจุดหนึ่ง หากข้าเป็นตัวปลอม เหตุใดพวกมู่เฟิงทั้งสี่จึงแยกแยะไม่ออกเล่า? หากข้าเป็นตัวปลอม เหตุใดสานุศิษย์สวรรค์คนอื่นๆ ถึงดูไม่ออกเล่า? คนอื่นอาจไม่ได้เคยคลุกคลีกับข้า ทว่าคนเหล่านี้อยู่กับข้าทั้งวันทั้งคืน หากข้าไม่ใช่ตัวจริง พวกเขาคงดูออกไปนานแล้ว! เหตุใดจึงจงรักภักดีอยู่ข้างกายข้าอยู่เล่า?”
เขามองสี่ทูตที่เงียบสงบอยู่รอบกายอย่างพึงพอใจ “หรือเจ้าจะบอกว่าพวกเขาก็เป็นตัวปลอม? พวกเจ้าสี่คนมานี่ ก้าวออกมาพูดกับทุกคนหน่อยว่าข้าเป็นตัวปลอมหรือไม่?”
มู่เฟิงหลุบตาลง “ขอรับ!”
เขาก้าวไปด้านหน้า ยืนด้านหลังฝั่งซ้ายของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอม เอ่ยปากทีละคำ ทีละตัวอักษร “ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายท่านนี้เป็นตัวปลอม…”
ลำแสงสี่สายเปล่งประกายขึ้นจากมือของพวกมู่เฟิงทั้งสี่หลังจากคำพูดนี้ ตัดผ่านลงไปที่ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมท่านนี้!
นี่เป็นเรื่องน่าประหลาดใจยิ่งนัก ไม่เพียงทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมนึกไม่ถึง แม้แต่เซียนหญิงลี่หวางกับผู้คุ้มกันคนอื่นข้างกายพวกเขาก็นึกไม่ถึงเลยจริงๆ!
ครานี้ระยะทางกระชั้นชิดยิ่งนัก และทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายท่านนี้ก็แทบจะไม่ได้เตรียมการไว้…
ลำแสงเยือกเย็นสองสายตัดเข้าใต้ซี่โครงเขา ลำแสงเยือกเย็นอีกสองสายตัดเข้าหัวไหล่เขา! ทำให้เขาแทบจะแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น!
สมแล้วที่เขาเป็นบุคคลน่าเกรงขาม ภายใต้สถานการณ์อันตราย เขากลับไม่สนใจลำแสงเยือกเย็นทั้งสี่ ก้าวไปด้านหน้าในทันใด…
เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเกินไป ทุกการเคลื่อนไหวเกิดขึ้นในพริบตา เมื่อฝูงชนได้สติ ซี่โครงกับหัวไหล่ทั้งสองของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายท่านนี้ก็มีเลือดไหลพราก
ลำแสงเยือกเย็นที่ทั้งสี่ผู้พิทักษ์ปล่อยออกมาเห็นได้ชัดว่าได้ผล หลังจากที่ถูกเล่นงาน ไม่เพียงแต่เจ็บปวดแผลจนทนไม่ไหว ยังรู้สึกว่าพลังวิญญาณทั้งหมดของร่างกายรั่วไหลตามหยาดเลือดอย่างรวดเร็ว…
คลิก
หน่วยกล้าตายข้างกายเขาเพิ่งจะรู้สึกตัวในเวลานี้ รีบรุดเข้ามาปกป้องเขาไว้ตรงกลาง
ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมเบิกตาจ้องมองพวกมู่เฟิง “พวกเจ้า…”
มู่เฟิงยิ้มเย้ยหยัน “พวกข้าทำไมหรือ? เจ้าตัวปลอมอย่างเจ้าคิดจะใช้วิชาชั่วร้ายควบคุมพวกข้าไปได้ตลอดชีวิตงั้นรึ?!”
บัดนี้ไม่เพียงแต่สีหน้าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมเปลี่ยนไป แม้แต่สีหน้าเซียนหญิงลี่หวางก็เปลี่ยนไปเช่นกัน นางใช้วิชาควบคุมจิตใจบนร่างของพวกมู่เฟิงในทันที คิดจะทำให้กู่ในร่างกายของพวกเขากำเริบขึ้น ทว่านางสิ้นเปลืองพลังวิญญาณอยู่นาน ทั้งสี่คนนั้นก็ไม่มีการตอบสนองอันใดเลย
นิ้วมือของเซียนหญิงลี่หวางกระชับแน่น!
นางสัมผัสถึงกู่บนร่างของมู่เฟิงและสี่ทูตไม่ได้จริงๆ!
ถึงแม้กู่นี้เป็นของนาง ทว่าตอนที่นางอยากสัมผัสสิ้นเปลืองพลังวิญญาณยิ่งนัก ดังนั้นโดยปกตินางไม่มีทางที่จะทดสอบง่ายๆ ยิ่งไปกว่านั้นมู่เฟิงและสี่ทูตเชื่อฟังมาสองปีแล้ว ไม่เห็นการตอบสนองใดที่หลุดจากการควบคุมมาโดยตลอด…
ชาวบ้านด้านล่างนึกไม่ถึงว่าที่มาในวันนี้จะได้ดูละครที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ ทุกคนล้วนตกตะลึงไปชั่วขณะ
เดิมทีสี่ทูตถูกควบคุมไว้แล้ว ยามนี้กลับมาเป็นปกติแล้วงั้นหรือ? หรือว่าสี่ทูตไม่พอใจพฤติกรรมคิดคดของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย?
ทุกคนเกิดความสงสัยขึ้นในจิตใจ
“พวกเจ้าเป็นกบฏ!” ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเอ็ดตะโรขึ้นมา “จับกุมพวกเขา!”
คนข้างกายเขามากมายยิ่งนัก ผู้มีพลังวิญญาณขั้นเก้าก็มีสิบกว่าคน คนเหล่านี้อาศัย ‘โอสถวิญญาณ’ ของเขาเลื่อนขั้นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ในอนาคตยังต้องอาศัยโอสถวิญญาณของเขาฝึกฝนต่อ ดังนั้น พวกเขาไม่สนใจว่านายท่านในตอนนี้เป็นทูตสวรรค์ตัวจริงหรือตัวปลอมกันแน่ มีแต่ต้องปกป้องเขาด้วยชีวิต
ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมส่งเสียงออกคำสั่ง คนเหล่านี้ปิดล้อมคนของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์กับสี่ทูตดังตุบๆ ตับๆ
ไม่เพียงแต่พวกเขาเดินหน้าปิดล้อม แม้แต่ในหมู่ชาวบ้านด้านล่างแท่นก็มีผู้คุ้มกันซ่อนตัวอยู่ บัดนี้จึงส่งเสียงตะโกน พุ่งตัวออกมา…
บทที่ 1504 ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวจริงตัวปลอม (3)
คนฝั่งทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมมีมากมายเหลือเกิน ในเวลาเพียงครู่หนึ่ง ก็ปิดล้อมแท่นสูงภายนอกสามชั้น ภายในสามชั้นเอาไว้ได้แล้ว
ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายยกมือขวาขึ้น ตราไพร่พลในฝ่ามือกำลังเปล่งแสง เขาค่อยๆ พูดทีละคำ “กองกำลังด้านนอกฟังคำสั่ง จับกุมพวกกบฏคิดคดเหล่านี้ให้หมด เป็นตายไม่สน!”
เขามีความสามารถจริงๆ บาดเจ็บสาหัสยังพูดจาด้วยซุ่มเสียงดังกึกก้องมีพลังขนาดนี้…
“ตูม!” ประตูบานใหญ่ที่ปิดสนิททั้งสี่ทิศถูกเปิดออกอย่างรุนแรง มีทหารกล้าหมวกเกราะทมิฬ ชุดเกราะทมิฬ อาชาทมิฬสี่กลุ่มบุกเข้ามา!
“กองทหารเดนตาย!”
“พวกเขาคือกองทหารเดนตาย!”
ชาวบ้านที่เดิมทีชมความครึกครื้นอยู่ตะโกนขึ้นมาด้วยความตกตะลึง
กองทหารเดนตาย นี่คือกองกำลังทหารที่ทุกคนในทวีปได้ยินแล้วสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัวในช่วงสองปีนี้
ความสามารถพวกเขาสูงส่ง ทุกท่านล้วนมีพลังวิญญาณขั้นหกขึ้นไป วิธีการโหดร้าย ไม่ว่าพวกเขาไปที่ใดก็จะเกิดการนองเลือดดังธารน้ำไหล ต้นไม้ใบหญ้าไม่งอกงาม สถานที่ที่พวกเขาปรากฏกายหมายความถึงการเข่นฆ่าและความตาย…
นี่คือกองกำลังที่โหดร้ายและมืดมน และเป็นมือสังหารที่ควบคุมใต้หล้าของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอม พวกเขามีทั้งหมดห้าหมื่นคน ไม่ว่าสำนักใดพบเจอพวกเขาที่มาโจมตีก็จนปัญญากันทั้งนั้น…
เดิมทีกองกำลังนี้ออกศึกทับหน้า ใครก็นึกไม่ถึงว่าพวกเขาส่วนหนึ่งจะมาปรากฏกายที่นี่
พวกเขาเสมือนหลุดมาจากนรกอเวจี แฝงกลิ่นอายคาวเลือดอันชั่วร้ายรุนแรง ปิดล้อมทุกคนในจัตุรัส…
ระลอกลมเย็น หนาวเหน็บไปถึงกระดูก อุณหภูมิทั่วทั้งจัตุรัสลดฮวบลงกว่าสิบองศา!
พวกชาวบ้านเหงื่อแตกอีกแล้ว คราวนี้เหงื่อที่แตกกลับเป็นเหงื่อกาฬ…
กองทหารเดนตายเหล่านี้ทั้งหมดนับพันคน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี พวกเขาประจำตำแหน่งเป็นรูปแบบปิดล้อมแท่นทั้งสี่ทิศอย่างรวดเร็วทันทีที่ก้าวเข้ามา พวกเขาล้วนถือเกาทัณฑ์ทองทมิฬไว้ในมือ ขึ้นคันศรพิฆาตทมิฬไว้บนเกาทัณฑ์แล้ว เล็งคมศรไปยังกู่ฉานโม่
ศรอาบยาพิษไว้เพียงเล็กน้อยก็ทำให้เลือดไหลหลั่งตายได้ในพริบตา แม้แต่จะกลับชาติมาเกิดก็กลับมาไม่ได้
กู่ฉานโม่เงยหน้าจ้องมองทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอม “ที่แท้เจ้าก็เตรียมการไว้แล้ว! เจ้าจงใจจัดฉากแล่เนื้อเถือหนังสามร้อยกว่าชีวิตของตระกูลกู้ เพื่อหลอกล่อพวกเราออกมาใช่หรือไม่?”
หลังจากกองทหารเดนตายเหล่านี้เข้ามา จิตใจของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมก็สงบลง เขาส่งเสียงยิ้มเย้ยหยัน “เดิมทีกบฏชั่วช้าอย่างพวกเจ้าก็เป็นหอกข้างแคร่ของราชสำนัก จะหลอกล่อพวกเจ้าออกมาย่อมต้องใช้วิธีการอันเฉียบขาด…”
เขาถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ให้เซียนหญิงลี่หวางทำแผลให้เขา มองพวกกู่ฉานโม่เอ่ยปากอย่างเย็นชา “พวกเจ้าทำให้ข้าเสื่อมเสีย มีความผิดแม้แต่ความตายก็มิอาจชดใช้ ในเมื่อมาแล้วก็ไม่ต้องกลับไปแล้วกัน! ข้าก็คือทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย! วันนี้ข้าสังหารพวกเจ้าตามบัญชาสวรรค์!”
สายตาเขากวาดตามองชาวบ้านด้านล่าง “คนเหล่านี้ฟังความข้างเดียว และคล้อยตามกบฏพวกนี้ทำให้ข้าเสื่อมเสียไปด้วย ฆ่าทั้งหมด!” นี่เห็นได้ชัดว่าต้องการฆ่าปิดปาก
เมื่อออกคำสั่ง ด้านล่างพลันโกลาหลยกใหญ่!
ครั้งนี้ชาวบ้านด้านล่างทั้งหมดมีสี่ถึงห้าพันคนล้วนรักตัวกลัวตาย จึงเกิดความโกลาหลขึ้นมาในทันที อยากหนีออกไปข้างนอกกันโดยสัญชาตญาณ
“ปัง! ปัง!” เสียงปิดประตูใหญ่หนาทั้งสี่บานดังขึ้นอีกครั้ง…
ทุกคนถูกขังอยู่ที่นี่ ไม่มีใครสักคนที่หนีออกไปได้
เงาพิฆาตปกคลุมอยู่เบื้องบน พวกชาวบ้านสิ้นหวังแล้ว! ใครจะมาช่วยพวกเขา?
ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายมีคนร้องตะโกน “เขาเป็นตัวปลอม! เขาเป็นตัวปลอมแน่ๆ ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวจริงไม่มีทางเข่นฆ่าคนไร้เดียงสาเยี่ยงนี้…”
“มิผิด! เขาก็คือตัวปลอม!”
“นายทหารเหล่านี้อย่างพวกเจ้าก็เคยเป็นชาวบ้านมาก่อน มีครอบครัวเช่นกัน พวกเจ้าไม่ต้องทุ่มเทสุดความสามารถเพื่อเจ้าตัวปลอมแล้ว!”
ความเดือดดาล ความคับข้องใจที่ถูกข่มไว้สองปีของชาวบ้านระเบิดออกมา ณ วินาทีนี้ และพวกเขาทุ่มสุดตัว ตะโกนความในใจออกมาจนหมด
ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมหัวเราะ “พวกเจ้าบอกว่าข้าเป็นตัวปลอม? แล้วตัวจริงอยู่ที่ใดเล่า? พวกเจ้าให้เขาไสหัวออกมาช่วยคนโง่งมอย่างพวกเจ้าสิ…”
เสียงหัวเราะได้ใจของเขายังไม่ทันร่วงหล่น ซุ่มเสียงอันเยือกเย็นน่าดึงดูดสายหนึ่งส่งผ่านมากลางอากาศ “ข้าอยู่นี่!”
เสียง “ตูม!” ดังขึ้นด้านบนของทั้งจัตุรัสถูกยกออก นาวาใหญ่สีน้ำเงินลำหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศ…
ลำนาวาเปล่งประกาย ทว่าคนอาภรณ์ม่วงบนเรือเปล่งประกายยิ่งกว่า!
อาภรณ์ม่วงอร่ามสลับซับซ้อนซัดสาดดังสายธาร เกศายาวดำขลับพลิ้วไหวตามสายลม
ดวงตาจิ้งจอก แพรคาดหน้าผากเป็นประกายแวววาวภายใต้แสงตะวัน เขาไม่ได้สวมหน้ากากเป็นครั้งแรก เผยให้เห็นโฉมหน้าที่เป็นเอกลักษณ์ ยืนอยู่ตรงนั้นดุจเทพจุติยังโลกมนุษย์ ท่าทางอันทรงพลัง รอบกายราวกับมีไอเซียนปกคลุม เมื่อปรากฏกายขึ้นก็เกือบจะแย่งชิงลมหายใจของทุกคนไป!
ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตี้ฝูอี! นี่ถึงจะเป็นทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตี้ฝูอี!
ชาวบ้านด้านล่างที่กำลังสิ้นหวัง เมื่อเห็นนาวาใหญ่ที่คุ้นเคยก็เบิกตาโพลงโต เมื่อได้เห็นลำแสงสีม่วงที่คุ้นเคยบนเรืออย่างชัดเจน หลังจากกลั้นลมหายใจก็ส่งเสียงโห่ร้องกันในทันที!
ในที่สุดท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวจริงก็ปรากฏกายแล้ว! พวกเขาปลอดภัยแล้ว! ดวงตาทุกคู่เป็นประกาย ลิงโลดด้วยความดีอกดีใจ มีคนร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความซาบซึ้งใจ
”ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย!”
“เขาคือท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวจริง!”
“ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมาช่วยพวกเราแล้วจริงๆ!”
“ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว! ท่านต้องช่วยพวกเรานะ…”
บนนาวาใหญ่ไม่ได้มีแค่ตี้ฝูอีคนเดียว ยังมีคนอื่นๆ อยู่ด้วย
รูปร่างของคนเหล่านั้นไม่เหมือนกัน มีทั้งหญิงและชาย ถึงแม้มีทั้งรูปงามและอัปลักษณ์ ทว่าพลังยุทธ์ล้วนไม่ต่ำต้อย ทุกท่านล้วนมีชีวิตชีวา บนร่างกายมีลำแสงเลือนราง คนที่มีประสบการณ์ล้วนดูออกว่าคนเหล่านี้บรรลุพลังวิญญาณขั้นเก้ากันหมดแล้ว…
สำหรับผู้คนด้านล่างแล้ว คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนแปลกหน้า ไม่เคยพบเจอมาก่อน
ทวีปแห่งนี้มียอดฝีมือที่มีพลังวิญญาณขั้นเก้าเพิ่มขึ้นมากมายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?!
ภายในจิตใจของคนมากมายนับไม่ถ้วนล้วนมีความสงสัยเยี่ยงนี้ แม้แต่แววตาของกู่ฉานโม่ยังเป็นประกาย…
เห็นได้ชัดว่ากู้เซี่ยเทียนนึกไม่ถึงว่าละครในวันนี้จะพลิกผันได้ถึงเพียงนี้ ในใจยังคงรู้สึกลึกๆ ทว่าหลังจากที่สายตาของเขาหยุดลงบนร่างของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายกลางอากาศครู่หนึ่ง ก็หันเหไปทางใบหน้าของคนเบื้องหลังเขา หัวใจเหมือนได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง!
คนผู้นั้น…คนผู้นั้นเป็นใคร?!
นั่นคือบุรุษหนุ่มอาภรณ์เรียบง่ายท่านหนึ่ง ใบหน้าหล่อเหลาละเอียดอ่อน อายุไม่มาก ทว่าดูสงบนิ่ง หนักแน่นยิ่งนัก
บุรุษผู้นั้นมีดวงตาเฉียบแหลมและใสกระจ่างคู่หนึ่ง ยามนี้กำลังค้อมศีรษะมองลงมาด้านล่าง
เมื่อสบตากับกู้เซี่ยเทียน คนผู้นั้นกลับสงบเยือกเย็น แต่กู้เซี่ยเทียนกลับเหมือนถูกฟ้าผ่า! อ้าปากค้างเล็กน้อย จ้องมองบุรุษผู้นั้น
นาวาใหญ่นี้โดดเด่นยิ่งนัก ทว่าก็เป็นพาหนะส่วนตัวที่ผู้คนทวีปแห่งนี้คุ้นเคย ทุกครั้งที่ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายในตอนนั้นปรากฏกาย โดยพื้นฐานจะโดยสารนาวาลำนี้…
นี่น่าจะเป็นทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวจริง เพราะไม่กี่ปีมานี้เจ้าตัวปลอมผู้นี้ไม่เคยโดยสารนาวาลำนี้มาก่อน!
ดูเหมือนว่านาวาลำนี้มีท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเพียงคนเดียวที่บังคับได้ เจ้าตัวปลอมทำไม่ได้…
พวกชาวบ้านดีใจอย่างท่วมท้น แต่ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมนั้นกลับแข็งทื่อไปแล้ว ล่าถอยไปท่ามกลางผู้คุ้มกันอย่างสงบเยือกเย็น
สีหน้าเซียนหญิงลี่หวางแปลกประหลาด นางก็กำลังจ้องมองทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตี้ฝูอี ภายในดวงตาที่สวยสดฉายแววร้อนผ่าว นิ้วมือกระชับแน่น…
นาวาโบยบินกลางอากาศ ตี้ฝูอีบนนาวาหลุบตามองด้านล่าง เอ่ยปากอย่างเรียบเฉย “ข้ากักตนแปดปี นึกไม่ถึงจะมีวายร้ายอย่างเจ้าปลอมตัวเป็นข้า ทำลายชื่อเสียงของข้า!”
ซุ่มเสียงดังสายลมลอยล่อง หมุนวนด้านบนทั่วทั้งจัตุรัส และทำให้ทุกคน ณ ที่แห่งนี้ได้ยินอย่างชัดเจน
เรือนกายของเขาพลันร่อนลงอย่างอิสระ
บทที่ 1505 ผู้ใดจะตบหน้าผู้ใด (1)
อาภรณ์ปลิวไสวตามแรงลม พลิ้วไหวปานระลอกคลื่นร่ายรำ
เขาไม่ได้เหาะทะยานลงมา แต่เดินลงมาจากอากาศทีละก้าวๆ
เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าใต้เท้าคืออากาศ ทว่าเสมือนเขาเหยียบย่างอยู่พื้นจริงๆ ประหนึ่งเดินลงบันไดอย่างสบายๆ ไม่ทุกข์ร้อน
บุคลิกเช่นนี้ วรยุทธ์เช่นนี้ ทำให้ทุกคนที่แหงนคอมองอยู่ด้านล่างล้วนกลั้นหายใจกันทั้งสิ้น เบิกตากว้าง
หากกล่าวว่าความรู้สึกแรกที่ผู้คนมีต่อการปรากฏขึ้นอย่างทันท่วงทีของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้ ยังคงเคลือบแคลงในตัวตนของเขาอยู่บ้าง ด้วยคิดว่าบางทีเขาอาจเป็นคนของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ปลอมตัวมา แต่บัดนี้เมื่อได้เห็นเขาสำแดงวรยุทธ์เช่นนี้ออกมา ความสงสัยนั้นก็หายไปจนสิ้นแล้ว!
มีเพียงผู้ที่บรรลุพลังวิญญาณขั้นสิบขึ้นไปเท่านั้นถึงจะสำแดงวรยุทธ์เช่นนี้ได้! และยอดฝีมือที่เลิศล้ำที่สุดของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ก็ยังไม่มีผู้ที่บรรลุถึงขั้นนี้!
เขาร่อนลงบนแท่นสูงอย่างผ่าเผย
คนเหล่านั้นที่มาพร้อมกับเขาก็กระโจนติดตามลงมาด้วย ร่อนลงข้างกายเขา
หลังจากคนเหล่านั้นกระโจนลงมาแล้วนาวาใหญ่ที่แสนโดดเด่นลำนั้นก็อันตรธานหายไปในอากาศ ราวกับไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน
บรรยากาศในลานกว้างค่อนข้างพิลึกอยู่บ้าง ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายสองคนยืนประจันหน้ากัน มองจากรูปลักษณ์แล้วเหมือนกันทุกประการ หากมิใช่ว่าคนหนึ่งสวมหน้ากาก คนหนึ่งไม่สวมหน้ากาก เกรงว่าหลังจากพวกเขาที่อยู่บนแท่นต่อสู้กับไปยกหนึ่งแล้ว ก็คงไม่มีใครแยกแยะออกว่าผู้ใดมาก่อน ผู้ใดมาทีหลัง
สถานการณ์เช่นนี้ไม่เคยพบเห็นมาก่อนเลยในรอบพันปี เหล่าชาวบ้านมองคนนั้นที มองคนนี้ที
“น้อมคารวะท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย!” ท่ามกลางฝูงชนไม่ทราบว่าเป็นผู้ใดที่ตะโกนขึ้นมา มีคนคุกเข่าลงไปแล้ว
เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้เป็นคนชี้นำสาธิตตัวอย่าง เหล่าชาวบ้านตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก็พากันคุกเข่าลง “น้อมคารวะท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย!”
เสียงดังกึกก้องปานสะท้อนอยู่ในหุบเขา
สภาพการณ์เช่นนี้สำหรับตี้ฝูอีแล้วไม่ใช่เรื่องแปลก และไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับประชาชนที่นี่เช่นกัน
แปดปีก่อนเมื่อประชาชนในแผ่นดินนี้พบเห็นท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายปรากฏตัวขึ้น ล้วนจะคุกเข่าเอ่ยต้อนรับกันเช่นนี้ และทำด้วยความเต็มใจ!
ตี้ฝูอีกวาดตามมองด้านล่างแท่นแวบหนึ่ง พยักหน้าน้อยๆ “ทุกท่าน ได้รับความลำบากเสียแล้ว ข้ากลับมาคราวนี้ จะต้องทวงความเป็นธรรมให้ทุกท่านแน่นอน คืนโลกอันสงบสุขร่มเย็นให้แก่ทุกท่าน!”
น้ำเสียงไม่ดัง ทว่ากลับทำให้ประชาชนที่อยู่ด้านล่างแท่นแทบจะหลั่งน้ำตาออกมา!
พวกเขาทนทุกข์ทรมานมาเนิ่นนานเหลือเกิน คับข้องหมองใจมาเนิ่นนานเกินไปแล้ว โหยหาความสงบสุขโหยหาความร่มเย็นมาเนิ่นนานเหลือเกิน!
เมื่อปวงชนเป็นเช่นนี้ กองทหารรักษาพระองค์เหล่านั้นรวมถึงเหล่าขุนนางข้าราชสำนักที่ถูกบังคับให้มาชมการตัดสินคดีก็ต่างเจ้ามองข้า ข้ามองเจ้า
คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนเฉลียวฉลาดเช่นกัน หลังจากตะลึงงันกันอยู่ครู่หนึ่ง ก็เข้าใจต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวส่วนใหญ่แล้ว ดวงตาฉายแววตื่นเต้นยินดี พากันทำความเคารพตี้ฝูอี
สี่ทูตก้าวเข้ามาทำความเคารพเขา “นายท่าน ในที่สุดท่านก็มาแล้ว!”
พวกเขาแสร้งทำเป็นนอบน้อมรับใช้ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมมานานถึงเพียงนี้ ในที่สุดก็สามารถยืดอกเหยียดเอวอย่างภาคภูมิได้แล้ว
บนแท่นสูงแบ่งออกเป็นสองฝักฝ่ายโดยไม่รู้ตัว ฝ่ายหนึ่งคือตี้ฝูอี อีกฝ่ายคือทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมและเซียนหญิงลี่หวาง
เมื่อตัวจริงปรากฏขึ้น ตัวปลอมย่อมต้องเผยตัว
ฝ่ายของตี้ฝูอีรวบรวมยอดฝีมือเอาไว้นับไม่ถ้วน ส่วนฝ่ายของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมนอกจากหน่วยกล้าตายพิเศษที่เขาบ่มเพาะขึ้นด้วยตัวเอง คนอื่นๆ ต่างวิ่งไปอยู่ฝ่ายของตี้ฝูอีแล้ว!
ในที่สุดสายตาของตี้ฝูอีก็ร่อนลงบนใบหน้าของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอม “สรุปแล้วท่านผู้สูงศักดิ์เป็นใครกันแน่?! แอบอ้างเป็นข้าก่อกรรมทำชั่วเจ้ารู้ไหมว่ามีโทษสถานใด?”
ใบหน้าภายใต้หน้ากากของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมซีดขาวอย่างยิ่ง เพียงแต่เขาก็นับเป็นบุคคลมีความสามารถผู้หนึ่ง ถึงยามนี้ก็มิได้หวาดหวั่นลนลานเช่นกัน ยิ้มเยียบเย็นแวบหนึ่ง “ตี้ฝูอี นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะยังไม่ตาย กลับเลือกปรากฏตัวขึ้นในเวลาเช่นนี้ ใครบอกว่าข้าแอบอ้างเป็นเจ้าเล่า? ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเดิมทีก็เป็นตำแหน่งที่แต่งตั้งขึ้น เจ้าเป็นทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายได้ แน่นอนว่าข้าก็เป็นได้เช่นกัน! เจ้าเป็นทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมาเนิ่นนานปานนี้ก็ยังรวบรวมแผ่นดินนี้ให้เป็นหนึ่งเดียวไม่ได้ ไม่คู่ควรกับตำแหน่งนี้แล้ว ย่อมสมควรเปลี่ยนให้ผู้อื่นมาทำ! ข้าคือทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายที่ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์แต่งตั้งด้วยตัวเอง ไม่ได้แอบอ้างสวมรอยเป็นเจ้า!”
วาจานี้ของเขาช่างเป็นการเถียงเอาข้างๆ คูๆ โดยแท้ แต่ก็ไม่อาจกล่าวได้ว่าเขาพูดผิดไปเสียทั้งหมด
ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเดิมท็เป็นตำแหน่งอย่างหนึ่ง เพียงแต่ตี้ฝูอีนั่งประจำตำแหน่งนี้มาเนิ่นนานแล้ว เมื่อทุกคนนึกถึงทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมา ย่อมต้องนึกถึงเขา…
เพียงคนรอบข้างเหล่านั้นกลับไม่ได้คิดเช่นนี้!
เดิมทียังมีคนส่วนหนึ่งที่ในใจมีความเคลือบแคลงอยู่ ยังมีบางส่วนที่ไม่เชื่อว่าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายคนก่อนหน้าผู้นี้เป็นตัวปลอม แต่พอเขากล่าววาจานี้ออกมา ย่อมเป็นการยอมรับฐานะตัวปลอมอย่างไม่ต้องสงสัยเลย!
ฝูงชนพิโรธขึ้นมาทันที!
ที่แท้หลายปีมานี้ล้วนป็นไอ้ตัวปลอมที่เอาพวกเขาไปเล่นอยู่ในกำมือ หลอกลวงปั่นหัวพวกเขา!
ด้วยเหตุนี้ เหล่าคนที่เดิมทียืนอยู่ตรงกลาง ไม่ทราบว่าควรหันเหไปทางฝ่ายใดก็พากันแห่ไปอยู่ด้านหลังของตี้ฝูอีหมดแล้ว…
ฝ่ายนั้นของตี้ฝูอีจึงใหญ่ขึ้น มีคนเยอะขึ้น!
แน่นอนว่าไม่นับรวมกองทหารเดนตายเหล่านั้น
พวกเขาราวกับหล่อมาจากเหล็ก ยังคงรายล้อมอยู่รอบกายไม่เคลื่อนไหวเลยสักนิด! จ้องมองคนบนแท่นเหล่านั้นอย่างหิวกระหาย
เซียนหญิงลี่หวางมุ่นคิ้วงามนิดๆ สบถสาปแช่งอยู่ในใจ
ตัวปลอมผู้นี้คือโคลนเหลวที่ไม่อาจก่อตัวเป็นกำแพงได้โดยแท้!
ตี้ฝูอีเหลือบมองเครื่องแต่งกายชุดนั้นของเขาแวบหนึ่ง หยักยิ้มมุมปากบางๆ “วาจาที่กล่าวคล้ายว่าจะมีเหตุผลอยู่บ้าง เพียงแต่ในเมื่อเจ้าไม่ได้สวมรอยเป็นข้า แล้วเหตุใดต้องแต่งกายแบบเดียวกับข้าด้วยเล่า? ซ้ำยังใช้วิชากู่ควบคุมสี่ผู้คุ้มกันคนสนิทของข้าให้ถวายชีวิตแก่เจ้า อาศัยฐานะตัวตนของข้ากระทำเรื่องที่สวรรค์ขุ่นมนุษย์เคือง เรื่องนี้เจ้าจะอธิบายอย่างไร?”
ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมร้องเฮอะคราหนึ่ง “ข้าอยากสวมสิ่งใดก็สวมสิ่งนั้น หรือการแต่งตัวเช่นนี้เจ้าแต่งได้ทว่าผู้อื่นไม่อาจแต่งได้งั้นหรือ?! ส่วนสี่ผู้คุ้มกันคนสนิทของเจ้า เป็นพวกเขายินยอมพร้อมใจติดตามข้าเอง! ข้าไปใช้วิชากู่คบคุมพวกเขาตอนไหนกัน?”
พวกมู่เฟิงทั้งสี่พูดไม่ออกเลย บัดซบ เช่นนี้ก็ได้หรือ?!
ตี้ฝูอีหัวเราะเบาๆ “แม้แต่โฉมหน้าที่แท้จริงเจ้าก็ยังไม่กล้าเผย ทำได้เพียงแก้ตัวน้ำขุ่นๆ สินะ? มู่เฟิง พูดเรื่องที่พวกเจ้าถูกวางกู่ในสองปีนี้ออกมา!”
มู่เฟิงก้าวออกมาทันที เปิดปากเอื้อนเอ่ย เล่าเรื่องราวที่พวกเขาประสบเมื่อสองปีก่อนออกมา
ฝูงชนถึงได้ทราบว่าความจริงที่สี่ผู้คุ้มกันติดตามรับใช้ข้างกายทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมอย่างสุดจิตสุดใจ ผู้คนกำหมัดขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่
แน่นอนว่าพวกมู่เฟิงได้เล่าเรื่องที่กู้ซีจิ่วหลอมโอสถขจัดพิษกู่ให้พวกเขาด้วย…
คนอื่นยังไม่เท่าไหร่ ทว่าดวงตากู้เซี่ยเทียนส่องประกายขึ้นมาทันที!
เขามองไปที่มู่เฟิง “ที่เจ้าพูดคือ…ซีจิ่ว…ซีจิ่วออกมาแล้วหรือ?!” ผ่านมาแปดปีเขาเพิ่งได้ยินข่าวของบุตรสาวเป็นครั้งแรก อารมณ์ย่อมปั่นป่วนยิ่งนักเป็นธรรมดา พูดจาก็ติดๆ ขัดๆ ไปแล้ว
มู่เฟิงพยักหน้านิดๆ “พิษกู่ของพวกเราเป็นนางลงมือหลอมโอสถช่วยแก้ให้พวกเราด้วยตัวเอง แปดปีมานี้นางอยู่กับท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายฝึกฝนด้วยกันมาโดยตลอด เมื่อท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายออกมา นางย่อมติดตามออกมาแล้วเช่นกัน”
สายตาของกู้เซี่ยเทียนหันเหไปที่ตี้ฝูอีทันที “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย นี่…นี่เป็นความจริงหรือ? นางยังอยู่ดีใช่ไหม? ตอนนี้นางอยู่ที่ไหน?”
ดวงตาตี้ฝูอีวูบไหวเล็กน้อย “แม่ทัพกู้วางใจเถิด ยามนี้นางปลอดภัยยิ่งนัก ท่านกับนางจะได้พบกันในไม่ช้า”
กู้เซี่ยเทียนถอนหายใจยาวๆ ด้วยความโล่งอก บุตรสาวยังมีชีวิตอยู่ ซ้ำยังมีชีวิตที่ดีด้วย และดูเหมือนจะได้เรียนรู้เรื่องราวมากมายด้วย!
เขาตายก็ไม่เสียใจแล้ว!
ถึงแม้เขาจะถูกมัดไว้ ใบหน้าและร่างกายยังมีไข่เน่าผักเน่าอะไรพวกนั้นติดอยู่ น่าอนาถจนไม่สามารถอนาถไปกว่านี้ได้แล้ว ทว่าดวงตากลับส่องประกายออกมา
————————————————————-
บทที่ 1505 ผู้ใดจะตบหน้าผู้ใด (2)
ตี้ฝูอีมองเขาอีกแวบหนึ่ง โบกแขนเสื้อคราหนึ่ง โซ่ตรวนหนักอึ้งบนร่างกู้เซี่ยเทียนพลันสลายเป็นฝุ่นผงด้วยตัวเอง เขาชะงักไปครู่หนึ่งหมายจะลุกขึ้นมา แต่ท้ายที่สุดแล้วสองขาก็คุกเข่าอยู่นานเกินไป เหน็บชายิ่งนักไปนานแล้ว ส่ายโงนเงน กลายเป็นคุกเข่าลงบนพื้นอีกครั้ง คุกเข่าลงตรงแทบเท้าของบุรุษชุดเขียวที่อยู่ข้างกายตี้ฝูอีคนนั้นพอดี
บุรุษชุดเขียวผู้นั้นตัวแข็งทื่อไปเล็กน้อย นัยน์ตามีแววมืดมนพาดผ่านแวบหนึ่ง ยกแขนเสื้อพยุงกู้เซี่ยเทียนขึ้นมา
“คุณชายท่านนี้ขอบคุณยิ่งนัก” กู้เซี่ยเทียนเอ่ยขอบคุณ
น้ำเสียงบุรุษชุดเขียวผู้นั้นเฉยชา “ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ” รอจนกู้เซี่ยเทียนยืนมั่นแล้ว เขาก็ปล่อยมือทันที ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าไม่อยากอยู่ใกล้กู้เซี่ยเทียนแม้แต่ก้าวเดียว
กู้เซี่ยเทียนกลับอดไม่ได้ที่จะจ้องมองคุณชายผู้นี้อีกหลายครา “คุณท่านนี้คือ?”
บุรุษชุดเขียวผู้นั้นไม่สนใจเขาเลย หันหน้าไปคุยกับสหายร่วมกลุ่มที่อยู่ข้างกายเสีย
กู้เซี่ยเทียนรู้สึกเสียหน้า ไม่เข้าหาอย่างไร้ยางอายอีก อีกอย่างยามนี้ก็ไม่ใช่เวลามาตีสนิทกับผู้อื่น จึงหันไปกล่าวขอบคุณตี้ฝูอี
“ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ช่วยพวกเราด้วย”
“ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ช่วยชีวิตด้วย!”
“ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ช่วยลูกของข้าด้วย…”
“ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย พวกเราได้รับความอยุติธรรม…”
คนตระกูลกู้ที่ยังคงถูกมัดไว้เหล่านั้นก็พากันตะโกนร่ำร้องขึ้นมา
ตี้ฝูอีสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง คนข้างกายเขาลงมือทันที ไปแก้เชือกชนิดพิเศษที่บนร่างคนที่ถูดมัดติดเสาเพื่อรอการประหารออกก่อน
เพชฌฆาตที่อยู่ด้านข้างล้วนเป็นคนของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอม เป็นคนที่ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมผลักดันขึ้นมา ยามนี้ก็ไม่รู้เช่นกันว่าควรขัดขวางหรือไม่ ค่อนข้างทึ่มทื่อไปชั่วขณะ
แน่นอนว่ามีคนที่จงรักภักดีต่อทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมอยู่เช่นกัน ยามนี้จึงลงมือขัดขวาง
พวกที่ไม่ขัดขวางยังดีหน่อย คนที่ขัดขวางกลับเคราะห์ร้ายกว่า
ถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นแค่เพชฌฆาต วรยุทธ์จะสูงจะแค่ไหนก็ไม่สูงถึงปานนั้น ขั้นที่สูงที่สุดก็คือพลังวิญญาณขั้นเจ็ดเท่านั้น ไหนเลยจะเป็นคู่ต่อสู้ของยอดฝีมือขั้นเก้าฝ่ายตี้ฝูอีเหล่านั้นได้? เพิ่งจะลงมือขัดขวางก็ถูกผู้อื่นซัดจนปลิวออกไปแล้ว!
ส่วนทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมตั้งแต่ต้นจนจบไม่ได้ปริปากเลย ดังนั้นเมื่อเพชฌฆาตที่เหลือเห็นเช่นนี้ จึงไม่คิดจะเข้าไปขัดขวางอีก
ท่าทางของคนตระกูลกู้ที่ถูกมัดไว้บนเสาเหล่านั้นค่อนข้างพิกล ถูกมัดด้วยเชือกที่ดูคล้ายเอ็นหนังวัวชนิดหนึ่งขยับเขยื้อนไม่ได้เลยสักนิด เชือกเหล่านั้นแข็งแรงอย่างยิ่ง รัดเข้าไปในเนื้อ ไม่สามารถตัดให้ขาดได้ ทำได้เพียงแกะออกเท่านั้น
เงื่อนเชือกนั้นพิสดารนัก แม้แต่หลัวจั่นอวี่ก็ไม่เคยพบเห็นมาก่อนเช่นกัน
หลัวจั่นอวี่ไปแกะเชือกบนร่างของเด็กคนหนึ่งก่อน เด็กคนนั้นอายุเพียงสามขวบ ร้องไห้อยู่ตลอด ร้องจนเสียงแหบแห้ง คล้ายว่าจะหายใจแทบไม่ออกแล้ว
ไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะแก้เงื่อนตายนั้นได้ ขณะที่กำลังคลายเชือกออกมาจากตัวเด็กทีละเส้นๆ
จู่ๆ ตี้ฝูอีก็เอ่ยขึ้นมา “หยุดมือ!”
หลัวจั่นอวี่สะดุ้งโหยง หยุดมือแล้วมองเขา
คนอื่นๆ ที่กำลังแก้เชือกอยู่ก็หยุดมือด้วย
เรือนกายตี้ฝูอีไหววูบ ปรากฏตัวข้างกายหลัวจั่นอวี่ทันที สายตาร่อนลงบนเชือกเหล่านั้น หรี่ตานิดๆ “เชือกนี้ประหลาด!”
ฝ่ามือเขาวางลงบนเชือกเส้นนั้น คล้ายกำลังจับสัมผัสอะไรอยู่ ผ่านไปครู่หนึ่งจู่ๆ ก็แกะสายคาดเอวของเด็กคนนั้นออก…
หลัวจั่นอวี่มองดูตามสัญชาตญาณ พลันแข็งทื่อไป!
เชือกเหล่านั้นพันเข้ากับสะดือของเด็กน้อย และบนสะดือมีวัตถุสีดำชิ้นหนึ่งติดอยู่ รูปร่างคล้ายแผ่นยา ทว่ามีไอชั่วร้ายแผ่ออกมารางๆ
“นี่คือ?” หลัวจั่นอวี่ยังคงสับสนงุนงง
ตี้ฝูอีเอ่ยออกมาเบาๆ สองคำ “ระเบิด!”
สิ่งที่ติดอยู่บนสะดือของเด็กน้อยมิใช่อื่นใด แต่เป็นระเบิดแบบพิเศษชนิดหนึ่ง! หากว่าไม่แก้เชือกออกมาตามขั้นตอนพิเศษที่กำหนดไว้ ระเบิดนี้จะปะทุขึ้นมา แม้แต่คนที่ช่วยแกะให้เด็กน้อยก็จะระเบิดเป็นชิ้นๆ ไปพร้อมกับเขาด้วย! สู้ไม่ได้เลย!
หลังจากหลัวจั่นอวี่ได้ยินคำอธิบายจากตี้ฝูอี ทั่วร่างก็หลั่งเหงื่อเย็นเฉียบ มองไปที่ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมด้วยความโกรธแค้น “แผนการของเจ้าต่ำช้าเหลือเกิน!”
ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมนึกไม่ถึงว่าตี้ฝูอีจะมองแวบเดียวก็ดูสิ่งนี้ออกแล้ว นัยน์ตาโชนแสงวาบ
สิ่งที่เรียกว่าระเบิดนี้เป็นยอดฝีมือคนหนึ่งชี้แนะให้เขาสร้างขึ้นมา เรียกว่าระเบิดเวลาอะไรสักอย่าง บอกว่าเป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่ในโลกใบนี้ และไม่มีผู้ใดรู้จัก
กลับนึกไม่ถึงว่าในสถานการณ์คับขันที่สุดตี้ฝูอีจะรู้จักด้วย!
เขาค่อนข้างเสียใจอยู่บ้าง เดิมทีเขาคิดจะฉวยโอกาสตอนคนที่ถูกมัดไว้เหล่านั้นระเบิดตี้ฝูอีดูแลตัวเองแทบไม่รอดหลบหนีไป นึกไม่ถึงเลยว่า…
เขาถอยหลังไปอีกก้าวหนึ่ง จู่ๆ ก็หัวเราะฮ่าๆ ออกมา “ตี้ฝูอี นับว่าเจ้าทราบทะลุปรุโปร่ง! เพียงแต่ ต่อให้เจ้ายืนยันสถานะของตัวได้ ก็อย่าได้หมายว่าจะรอดจากร่างแหของข้าได้! เจ้าดูสิว่ารอบกายของเจ้าคืออะไร?!”
ตี้ฝูอีเหลียวมองรอบข้างแวบหนึ่ง รอบข้างนอกจากประชาชนและคนของเขาแล้ว ก็คือกองทหารทมิฬเหล่านั้น
ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมกล่าวต่อว่า “รู้หรือไม่ว่าเกาทัณฑ์ในมือของพวกเขาเป็นเกาทัณฑ์ชนิดใด? เกาทัณฑ์เลือนวิญญาณ! เมื่อยิงถูกแล้วไม่ว่าเจ้าจะมีความสามารถมากแค่ไหนก็ต้องกลายเป็นเนื้อเน่ากองหนึ่ง! ไม่เพียงแต่สามารถสังหารคนของเจ้าได้ ยังสามารถปลิดดวงวิญญาณของเจ้าได้ด้วย ทำให้เจ้าไม่อาจกลับชาติมาเกิดได้!”
เขาหมุนแหวนวงใหญ่บนนิ้วมือ ยิ้มเยียบเย็นอีกครั้ง “พวกเขาเชื่อฟังเพียงคำสั่งข้า ขอเพียงข้าสั่งการเรื่องนี้ไป พวกเขาก็จะยิงเกาทัณฑ์นับหมื่นออกไป เมื่อถึงเวลานั้นพวกก็หนีไม่รอดสักคนแล้ว!”
กู้เซี่ยเทียนหน้าเปลี่ยนสีแล้ว
คนอื่นไม่ทราบความร้ายกาจของกองทหารทมิฬเหล่านี้ ทว่าเขาทราบดี ถึงอย่างเขาก็เคยบัญชาการกองทหารนี้สู้รบมาก่อน…
“ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย พวกเขาไม่ใช่มนุษย์! ตอนนี้พวกเขาไม่มีสตินึกคิดแบบมนุษย์แล้ว รู้จักเพียงเชื่อฟังคำสั่งและเข่นฆ่าสังหาร! หลังจากพวกเขายิงศรเลือนวิญญาณออกไปแล้วศพของคนจะกลายเป็นไอพิษ พิษที่ทำร้ายคนได้มากยิ่งขึ้น!”
เมื่อกู้เซี่ยเทียนตะโกนวาจานี้ออกมา หัวใจของคนมากมายล้วนเต้นโครมคราม!
กองทหารทมิฬเหล่านี้มีอยู่หลายพันคน แต่คนที่ตี้ฝูอีพามาผนวกกับคนของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์แล้วเต็มที่ก็แค่ไม่กี่สิบคนเท่านั้น ถึงแม้ไม่กี่สิบคนนี้ล้วนเป็นยอดฝีมือในหมู่ยอดฝีมือทั้งสิ้น แต่ถ้าคิดจะกำจัดกองทหารทมิฬเกาทัณฑ์ยาวเหล่านี้ในคราวเดียวก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่ดี
พวกตี้ฝูอีเป็นยอดฝีมือ บางทีอาจจะหลบเลี่ยงเกาทัณฑ์เลือนวิญญาณเหล่านี้ได้ แต่บนแท่นนี้มีเหล่าขุนนาง มีคนตระกูลกู้ที่ถูกมัดไว้ ด้านล่างมีประชาชนผู้บริสุทธิ์มากมาย หากเกาทัณฑ์นับหมื่นยิงออกมา คนเหล่านี้ล้วนต้องตกตายด้วยเกาทัณฑ์นี้…
เหล่าประชาราษฎร์เพิ่งได้รับแสงแห่งความหวัง นึกไม่ถึงว่าพริบตาเดียวก็ถูกผลักเข้าสู่ความตายอีกแล้ว อดไม่ได้ที่จะร้อนรนอยู่บ้าง สายตานับไม่ถ้วนมองไปยังทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายที่อยู่บนแท่น
ไม่มีอะไรที่ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้ทำไม่ได้ บางทีเขาอาจจะมีวิธีกระมัง?
ตี้ฝูอีไม่ได้แสดงอาการใดๆ เพียงมองทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมแวบหนึ่ง “ตัวเตรียมการได้รอบคอบยิ่งนัก”
ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมหัวเราะดังฮ่าๆ “นั่นมันแน่อยู่แล้ว! จะต่อกรกับคนพิเศษย่อมต้องใช้วิธีการพิเศษ! ตี้ฝูอี ต่อให้เจ้าจะปราดเปรื่องสักแค่ไหน ก็หนีไม่พ้นเงื้อมมือของข้า!” เขากวาดตามองประชาชนด้านล่างแวบหนึ่ง เอ่ยอย่างเยียบเย็น “พวกเจ้าในยามนี้ใครยังติดตามเขาต่อเล่า?!”
ปวงชนเงียบงัน
ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมแหงนหน้าหัวเราะคราหนึ่ง “ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าอีกสักครั้ง ขอเพียงพวกเจ้าเอ่ยปฏิญาณว่าจะติดตามข้า ยอมรับข้าเป็นทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวจริง ข้าก็จะปล่อยพวกเจ้าไป!”
เงื่อนไขข้อนี้กล่าวได้ว่าเย้ายวนโดยแท้
ด้านหนึ่งคือทางรอด ด้านหนึ่งเป็นไปได้ว่าจะต้องตาย…
มนุษย์ล้วนมีสัญชาตญาณในการแสวงประโยชน์เลี่ยงโทษ ยามที่ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมเอ่ยวาจานี้ออกมา ในใจมั่นใจเต็มร้อยว่าชาวบ้านโง่เง่าพวกนี้ต้องเลือกปฏิญาณว่าจะติดตามเขาเป็นแน่…
เขาจะใช้วิธีการนี้มาตบหน้าตี้ฝูอีซะ!
ที่เขานึกไม่ถึงคือ เขาจะผิดพลาดไปอย่างสิ้นเชิง!
หลังจากราษฎรเหล่านี้พูดคุยหารือกันอยู่ครู่หนึ่ง ไม่น่าเชื่อจะว่าเอ่ยด่าทอเขา!
————————————————————————————-
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น