คัมภีร์วิถีเซียน 1504-1505

ตอนที่ 1504 หลุดพ้นจากการปิดล้อมของศัตรู

 

ที่แท้นักรบสวมเกราะสีทองสองคนนี้ก็คือหุ่นเชิดเงาสองตัวที่หานลี่ใช้ยันต์เกราะปราณเรียกออกมา ทั้งสองตัวนี้มีพลังราวๆ เจ็ดถึงแปดส่วนของหานลี่ และมีอิทธิฤทธิ์ของหานลี่บางส่วน แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ไม่อาจสบประมาทได้


 


 


หุ่นเชิดโลหิตตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยว มันไม่สามารถไล่ตามหานลีอย่างกำเริบเสิบสานได้ ไม่เช่นนั้นหากมันเคลื่อนย้ายชั่วพริบตา ก็จะถูกการโจมตีสะกัดเคล็ดวิชา


 


 


มันสั่นแขนเสื้อสองข้างคราหนึ่ง พลันเกิดพายุหมุนสีแดงโลหิตพัดกระหน่ำ กวาดคมมีดวายุและงูเหลือมยักษ์กระเด็นออกไปทั้งหมด ก่อนที่จะอ้าปากอีกครั้ง


 


 


“ฟึ่บ!” “ฟึ่บ!”


 


 


ลำแสงโลหิตสองสายถูกพ่นออกมา ทะลวงร่างของนักรบสวมเกราะสีทองราวกับสายฟ้าฟาด หน้าอกของนักรบทั้งสองต่างก็ถูกเจาะทะลุเป็นโพรงใหญ่อย่างง่ายดาย


 


 


ทว่าทันใดนั้นรูม่านตาของหุ่นเชิดโลหิตก็หดเล็กลง ดวงตาปรากฏสีของความตกตะลึงออกมาปราดหนึ่ง


 


 


เห็นเพียงนักรบสวมเกราะสีทองสองคนนี้เปล่งแสงสีทองระยิบระยับ โพรงใหญ่บนร่างพลันปิดสนิทราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น


 


 


หอกสีทองในมือนักรบคนหนึ่งแผดเสียงฟ้าร้องขึ้นคราหนึ่ง พลันเกิดประกายสายฟ้าสีทองอ่อนกระจายรอบๆ เมื่อหอกด้ามนี้เคลื่อนไหว ประกายสายฟ้าเหล่านั้นก็กลายเป็นงูสายฟ้าสีทองสิบกว่าตัวพุ่งออกมาอย่างน่าประหลาด


 


 


ส่วนอีกคนหนึ่งโยนดาบคู่ไปในอากาศ


 


 


ฉับพลันที่ดาบคู่ร่ายรำไปรอบๆ ก็ปรากฏเงาลวงตาหัวกะโหลกห้าหัวภายในแสงสีทองขึ้นลางๆ พร้อมทั้งอ้าปากแล้วปล่อยเพลิงเหมันต์ห้าสีออกมา


 


 


“เอ๋”


 


 


ความแปลกประหลาดภายในดวงตาของหุ่นเชิดโลหิตยิ่งทวีขึ้น ทว่าไม่ต้องพูดถึงว่าอิทธิฤทธิ์นี้มีอานุภาพเพียงเจ็ดถึงแปดส่วนของหานลี่ ต่อให้หานลี่ลงมือสำแดงอิทธิฤทธิ์ออกมาด้วยตัวเองก็ไม่มีทางทำให้มันนำมาใส่ใจได้


 


 


มันใช้สองมือตั้งท่าร่ายถา รอบกายพลันปรากฏแสงโลหิตระยิบระยับขึ้น ก่อนที่จะเปล่งแสงโลหิตเจิดจ้าอย่างฉับพลัน ปรากฏเป็นบอลแสงสีโลหิตในบริเวณใกล้เคียงอย่างหนาแน่น


 


 


ภายใต้การกระตุ้นของหุ่นเชิด บอลแสงเหล่านี้ก็พวยพุ่งไปทั่วทุกสารทิศอย่างไร้สุ้มเสียง


 


 


เกิดเสียงโครมครามดังอื้ออืงขึนระลอกหนึ่ง เมื่อบอลแสงกับประกายสายฟ้าและเพลิงแสงแตะถูกกัน คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเป็นเพลิงสีโลหิต


 


 


ไม่ว่าประกายสายฟ้าหรือเพลิงเหมันต์ต่างก็แตกกระจายและสูญสลายทั้งหมด ส่วนเพลิงโลหิตก็กวาดล้อมจากสองข้าง โอบนักรบสวมเกราะทั้งสองไว้ภายในอย่างฉับพลัน


 


 


แม้ว่าหุ่นเชิดเงาสองตัวจะเหวี่ยงดาบในมือเพื่อต้านทานอย่างสุดชีวิต และปล่อยม่านแสงสีเทาออกมาป้องกันทั่วร่าง


 


 


แต่ก็ทำให้เพลิงโลหิตแค่หยุดนิ่งไปเล็กน้อยเท่านั้น เพียงแค่กดทับลงมา เพลิงโลหิตก็ทะลวงการป้องกันทั้งหมดแล้วร่วงลงบนร่างของนักรบสวมเกราะทั้งสอง


 


 


ฉากที่น่าตกตะลึงได้ปรากฏขึ้นแล้ว


 


 


ร่างนักรบสวมเกราะทั้งสองที่อยู่ภายในเพลิงที่เผาไหม้อย่างดุดันหลอมละลายอย่างรวดเร็ว ภายในชั่วพริบตาก็กลายเป็นหยาดโลหิตสองกลุ่มสลายไปในกองเพลิงโลหิต


 


 


หุ่นเชิดโลหิตไม่มีทีท่าจะยั้งมือแม้แต่น้อย พลันขยับร่างคราหนึ่ง ก็กลายเป็นลำแสงโลหิตสายหนึ่งพวยพุ่งไปยังปากทางเข้า


 


 


แม้ว่าหานลี่ดูเหมือนจะหนีรอดไปได้ตั้งนานแล้ว แต่หุ่นเชิดตัวนี้กลับไม่สนใจแม้แต่น้อย


 


 


ตราบใดที่หานลี่ไม่สามารถหนีรวดเดียวไปไกลถึงหลายร้อยลี้ และอยู่ภายใต้การตรวจสอบของจิตสัมผัสของมัน หุ่นเชิดโลหิตก็ยังสามารถตามหาตำแหน่งของหานลี่และไล่ตามไปได้อย่างง่ายดาย


 


 


ขณะที่ลำแสงโลหิตพุ่งทยานขึ้นสู่ฟากฟ้า ภายในพระราชวังบนพื้นดินก็ว่างเปล่าไร้ผู้คน ไหนเลยจะมีร่องรอยของหานลี่


 


 


หุ่นเชิดปรากฏกายภายในลำแสงหลีกหนีอีกครั้ง หลังจากที่กวาดมองดูสถานการณ์ในบริเวณใกล้เคียง ในปากก็ส่งเสียงหัวเราะหยันออกมา


 


 


มันหลับตาลง พลางตั้งท่าร่ายคาถาสองมือ คิดจะปล่อยจิตสัมผัสกวาดไปยังรอบๆ สถานที่แห่งนี้


 


 


ภายในเวลาเพียงชั่วครู่เดียว หุ่นเชิดก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง พลันอ้าป้าส่งเสียงคำรามลากยาว ก่อนที่จะเปล่งแสงโลหิตแล้วกลายเป็นรุ้งสีโลหิตพวยพุ่งออกไป


 


 


ทิศทางที่กำลังมันหน้าไปคือปากทางออกที่เป็นเส้นทางสีน้ำเงินสายนั้น เพียงแค่พุ่งปราดไม่กี่ครั้ง รุ้งสีโลหิตก็หายไปจากพระราชวังอย่างไร้ร่องรอย


 


 


ภายใต้การพุ่งทยานอย่างสุดกำลัง ความเร็วของหุ่นเชิดโลหิตเป็นที่น่าตกตะลึงอย่างยิ่ง!


 


 


หลังจากพุ่งปราดสองสามที ลำแสงหลีกหนีสีโลหิตก็มาปรากฏที่บริเวณปากทางเข้าก่อนหน้า เห็นเพียงเส้นทางสีน้ำเงินยังคงอยู่รอดปลอดภัย


 


 


จิตสัมผัสของหุ่นเชิดโลหิตรับรู้ได้ว่าหานลี่หนีออกไปไกลถึงร้อยลี้ตั้งนานแล้ว ดังนั้นมันจึงขับเคลื่อนลำแสงหลีกหนีอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย เพียงแวบเดียวก็หายเข้าไปในเส้นทางสีน้ำเงิน


 


 


หลังจากที่รุ้งสีโลหิตพุ่งฉวัดเฉวียนสองสามหน ครู่ต่อมาก็พุ่งออกมาจากปากทางเข้า ทันใดนั้นก็ต้องเผชิญกำเสียงคำรามประหลาลด ตามด้วยเสียงฟ้าร้องดังลั่น


 


 


หุ่นเชิดโลหิตตกตะลึง รีบจับจ้องอย่างละเอียด


 


 


เห็นเพียงอสูรวิชระอเวจีร่างใหญ่หลายจั้งตัวหนึ่ง กำลังหมอบตัวอยู่กลางอากาศเหนือบริเวณปากทางเข้า รอบตัวเปล่งประกายแสงสีเงินระยิบระยับไม่หยุด


 


 


เสียงคำรามดังขึ้นคราหนึ่ง ทันใดนั้นอสูรตนนี้ก็พุ่งกระโจนลงมายังเบื้องล่างอย่างดุร้าย


 


 


“เป็นไปไม่ได้!”


 


 


หุ่นเชิดโลหิตตกตะลึงอย่างหนัก อดไม่ได้ที่จะหลุดปากร้องออกมา


 


 


ภายในพระราชวังเบื้องล่างมีอสูรวชิระอเวจีอยู่สองตัว อยู่ดีๆ ที่นี่จะมีตัวที่สามโผล่ออกมาได้อย่างไร!


 


 


ทว่าการเผชิญหน้ากับอสูรที่ดุร้ายตนนี้ ทำให้หุ่นเชิดโลหิตรู้สึกหวาดผวาไปถึงทรวง ไหนเลยจะมัวมาสนใจไล่ตามหานลี่อีก บนร่างพลันเปล่งแสงวิญญาณสว่างวาบ แผ่นไม้แผ่นหนึ่งก็พวยพุ่งออกมา


 


 


สมบัติชิ้นนี้หมุนเคว้งรอบหนึ่ง พลันพ่นม่านแสงออกมาผืนหนึ่ง ปกคลุมร่างของมันไว้อย่างหนาแน่น


 


 


หุ่นเชิดโลหิตตั้งท่าร่ายคาถาสองมืออีกครั้ง บนร่างมีหมอกโลหิตลอยออกมาเป็นกลุ่มๆ ทำให้ร่างของมันผลุบๆ โผล่ๆ แล้วจมหายเข้าไปข้างใน


 


 


การเผชิญหน้ากับอสูรวชิระอเวจีที่สามารถต้านทานตัวตนระดับผสานอินทรีย์ขั้นสุดยอดได้ ทำให้มันต้องใช้แผนยืนหยัดป้องกันอย่างทรหดราวกับเผชิญศัตรูตัวฉกาจเช่นนี้


 


 


มีแต่ทำเช่นนี้เท่านั้น มันถึงจะสามารถต้านทานการโจมตีอันดุร้ายของอสูรวชิระอเวจีที่ผลัดกันจู่โจม และวางแผนปลีกตัวได้


 


 


แต่ในขณะที่ร่างของหุ่นเชิดโลหิตหยุดนิ่งอยู่ที่ปากทางเข้า แค่ชักช้าเพียงเล็กน้อย ในอากาศบริเวณใกล้เคียงก็เกิดเสียงดังหึ่งๆ ขึ้น


 


 


ยันต์สีเงินทยอยปรากฏขึ้นกลางอากาศทีละแผ่นในบริเวณใกล้เคียงอย่างน่าประหลาด ครั้นเปล่งแสงวิญญาณวูบหนึ่ง ก็แตกออกพร้อมกัน


 


 


ท่ามกลางแสงสีเงินเจิดจ้า อักขระจำนวนนับไม่ถ้วนเกิดการพลิกตัวไปมา แล้วก่อรูปร่างภายในเขตอาคมแสงสีเงินขนาดมหึมา


 


 


ที่แท้ก็คือยันต์เก้าวิมานสวรรค์ที่หานลี่ปูไว้ที่นี่ล่วงหน้า!


 


 


ไม่รู้ว่าเขาใช้เคล็ดวิชาลับอะไร ตัวเขาอยู่ไกลออกไปร้อยลี้ก็ยังสามารถทำให้หุ่นเชิดโลหิตแตะถูกเขตอาคมที่ดักซุ่มนี้ได้


 


 


อสูรวิชระอเวจีตนนั้นกลับเผยสีหน้าแปลกประหลาดออกมาแวบหนึ่ง ร่างของมันก็หยุดนิ่ง คิดไม่ถึงว่าจะหยุดบริเวณด้านบนของเขตอาคมแสงพอดี


 


 


หุ่นเชิดโลหิตรู้สึกใจหายวาบ ในใจรู้ว่าท่าไม่ดีแล้ว แต่เมื่อมองไปที่อสูรวิชระอเวจีที่อยู่กลางอากาศก็รู้สึกลังเลเล็กน้อย ก่อนที่ร่างจะร่วงลงไปบนพื้น


 


 


แต่ในขณะที่ร่างของมันร่วงลงมาหลายจั้ง เบื้องล่างก็มีเสียงเพรียกอันไพเราะดังขึ้น ก่อนที่จะเกิดแสงสีเงินเปล่งประกายวูบหนึ่ง ปรากฏเป็นวิหคเพลิงสีเงินอย่างน่าประหลาด


 


 


วิหคตัวนี้มีขนาดเพียงจั้งกว่า ครั้นอ้าปาก ก็พ่นลูกแก้วสีเขียวที่ดูค่อนข้างคุ้นตาออกมาสิบกว่าลูก พุ่งเข้าใส่หุ่นเชิดโลหิตในพริบตา


 


 


หุ่นเชิดโลหิตพลันตกตะลึง!


 


 


อานุภาพของลูกแก้วเหล่านั้น มันเพิ่งเคยเห็นกับตาตัวเองเป็นครั้งแรก จะฝืนรับการจู่โจมของพวกมันได้อย่างไร


 


 


หลบไปด้านข้าง? ระยะใกล้เช่นนี้ ลูกแก้วหลายสิบลูกที่กลายเป็นดวงแสงสีเขียวพุ่งเข้ามาพร้อมกัน ดูท่าจะไม่ทันการแล้ว


 


 


ภายใต้ความอับจนหนทาง มันจำต้องขยับล่างไปด้านหลังหนึ่งก้าวอย่างฉับพลัน คิดจะเว้นระยะห่างชั่วคราว หลังจากหลบลูกแก้วอัสนีเหล่านี้ได้แล้วค่อยคิดหาทางอีกที


 


 


แต่สิ่งที่ทำให้หุ่นเชิดโลหิตคาดไม่ถึงก็แค่ ขณะที่ร่างของมันเข้าไปในอักขระสีเงินอีกครั้ง ยันต์เก้าวิมานสวรรค์ที่กลายเป็นเขตอาคมยันก็ระเบิดออกด้วยอานุภาพทั้งหมดที่มี


 


 


มันรู้สึกเพียงเบื้องหน้าเป็นแสงสีเงินสว่างพร่าง ทัศนยภาพรอบด้านเลือนรางไปหมด ร่างของมันก็เข้าไปอยู่ในม่านหมอกสีขาวสลัวๆ อย่างฉับพลัน


 


 


หุ่นเชิดโลหิตกวาดมองไปรอบๆ ด้วยความลุกลี้ลุกลน ตรงที่ไกลๆ ยังพอมองเห็นกำแพงพระราชวังสูงๆ และหมู่อาคารอยู่ลางๆ ส่วนกลางอากาศนั้นเป็นแสงสีเงินทั้งหมด บดบังท้องฟ้าทั้งผืนอย่างมิดชิด


 


 


หุ่นเชิดโลหิตม่วงตกตะลึงอย่างห้ามไม่อยู่


 


 


ด้วยความรู้ของมัน ย่อมมองออกว่าอาคมต้องห้ามที่อยู่รอบๆ นี้ไม่ธรรมดา คิดจะพุ่งออกไปภายในระยะเวลาอันสั้น เกรงว่าไม่น่าจะเป็นไปได้


 


 


ที่ด้านนอกเขตอาคมแสงภายในเวลาเดียวกัน


 


 


ชั่วพริบตาที่ดวงแสงสีเขียวสิบกว่าลูกจมหายเข้าไปในเขตอาคมแสง ทันใดนั้นก็ลอยคว้างและสั่นสะเทือนไม่หยุด พากันปรากฏเป็นลูกแก้วซึ่งเป็นรูปลักษณ์ดั้งเดิมของพวกมัน


 


 


หลังจากแสงสีเขียวที่เปล่งประกายระยิบระยับบนพื้นผิวของลูกแก้วอัสนีเหล่านี้ดับลงทั้งหมด ทันใดนั้นก็พุ่งกลับไปด้านหลังแล้วถูกวิหคเพลิงสีเงินอ้าปากดูดกลืนเข้าไปในท้องอย่างไม่สะทกสะท้าน


 


 


ครั้นกางปีกออก วิหคเพลิงสีเงินก็ส่งเสียงเพรียกกระจ่างใสออกมาสองสามที ดูเหมือนจะชื่นชอบเป็นอย่างยิ่ง


 


 


อสูรวชิระอเวจีที่อยู่กลางอากาศตัวนั้นกลับส่งเสียงร้องของวานรออกมาหลายหน ประกายสายฟ้าสีเงินบนร่างต่างพากันดับสลาย ตามด้วยลำแสงสีดำสว่างวาบ ร่างของมันก็หดเล็กลงอย่างรวดเร็ว คิดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นวานรจิ๋วสีดำ สูงครึ่งฉื่อตัวหนึ่ง


 


 


ที่แท้ก็เป็นอสูรวิญญาณครวญของหานลี่นั่นเอง


 


 


อสูรตนนี้เห็นว่าเขตอาคมสามารถกักขังหุ่นเชิดโลหิตได้จริงๆ แล้วก็หันหน้าไปทางอื่นโดยไม่พูดจา กลายเป็นลำแสงสีดำทมึนสายหนึ่งพวยพุ่งหนีจากไปไกลในทันที


 


 


ส่วนวิหคเพลิงสีเงินนั้น หลังจากที่มันบินวนอยู่กลางอากาศสองสามรอบ ร่างของมันก็พลิ้วไหว กลายเป็นเพลิงสีเงินดวงเล็กๆ แล้วสลายหายไป


 


 


ไกลออกมาหนึ่งร้อยลี้ หานลี่กำลังใช้ม่านแสงพันร่างของหญิงสาวทั้งสองใช้ พลางหลบหนีอย่างเป็นบ้าเป็นหลังตลอดทาง


 


 


ทันใดนั้นเขาก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป ใบหน้าเผยความดีใจออกมา


 


 


มือหนึ่งตั้งท่าร่ายคาถา แล้วตะปบไปในอากาศทีหนึ่ง


 


 


เกิดเสียงดังปังเบาๆ หนหนึ่ง เพลิงสีเงินดวงหนึ่งก็ปรากฏออกมาอย่างไร้สาเหตุ ก่อนที่จะหมุนโคจรแล้วกลายเป็นวิหคเพลิงสีเงินอย่างฉับพลัน


 


 


เมื่อวิหคเพลิงตัวนี้ปรากฏตัวออกมา มันก็รีบอ้าปากแล้วพ่นลูกแก้วอัสนีสิบกว่าลูกออกมาอีกครั้งในทันที


 


 


หานลี่สั่นแขนเสื้อคราหนึ่ง ม่านแสงสีเขียวก็พันรอบลูกแก้วอัสนีไว้ ครู่ต่อมาลูกแก้วเหล่านี้ก็หายไปแล้ว จากนั้นวิหคเพลิงก็พุ่งมาทางหานลี่แล้วจมหายเข้าไปในร่างอย่างไร้ร่องรอย


 


 


ดวงตาของหานลี่เปล่งแสงประหลาดวูบหนึ่ง ทันใดนั้นก็แสดงสีหน้าที่บ่งบอกว่าคาดการณ์ไว้แล้ว พลางลดความเร็วลำแสงหลีกหนีลงเล็กน้อย


 


 


ภายในระยะเวลาแค่ชั่วครู่เดียว มีเสียงทะลวงอากาศส่งมาจากท้องฟ้าเบื้องหลัง ลำแสงสีดำทมึนสายหนึ่งก็ร่วงลงมาแล้วดับลงอย่างฉับพลัน ที่แท้อสูรวิญญาณครวญที่กลายร่างเป็นวานรจิ๋วก็ไล่ตามมาอยู่ข้างหน้าแล้วร่วงลงบนไหล่ของหานลี่


 


 


หานลี่เผยรอยยิ้มจางๆ พลันยื่นมือลูบวานรจิ๋วสองสามที


 


 


การร่วมมือของอสูรวิญญาณครวญและวิหคเพลิงกลืนวิญญาณเมื่อครู่นี้ เขารับรู้ได้จากจิตแยกเสี้ยวหนึ่งที่แอบซ่อนไว้ภายในวิหคเพลิงอย่างชัดเจนทั้งหมด


 


 


เขาสั่นแขนเสื้อคราหนึ่ง วานรจิ๋วก็กลายเป็นลำแสงสีดำทมึนพุ่งเข้าไปข้างใน แล้วถูกเก็บเข้าไปในแหวนอสูรวิญญาณที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อ


 


 


ต่อจากนี้หานลี่ไม่ต้องออมแรงใดๆ แล้ว สองปีกบนแผ่นหลังกะพรืออย่างบ้าคลั่งสองสามที เปล่งแสงวิญญาณห้าสีและม่านแสงสีเขียว กลายเป็นเส้นไหมผลึกสายหนึ่งพุ่งทะลวงอากาศอย่างฉับพลัน


 


 


เพียงแค่พุ่งปราดสองสามหน เส้นไหมผลึกก็หายไปในปลายสุดขอบฟ้า และไม่เหลือร่องรอยใดๆ อีก


 


 


ในเวลาเดียวกัน ภายในพระราชวังใต้ดิน มู่ชิงยังคงถูกกักขังอยู่ในเมฆสายฟ้า แต่ภายใต้การโจมตีอย่างไม่ขาดสายของหญิงผู้นี้ ในที่สุดเมฆสายฟ้าก็โยกโงนเงนใกล้จะร่วงลงมา ดูท่าทางอานุภาพใกล้จะหมดลงแล้ว


 


 


บริเวณด้านบนสระมรกต หญิงงามผมขาว ชายชุดโลหิต และหุ่นเชิดโลหิตม่วงยังคงต้านทานการโจมตีของมังกรทั้งห้าอย่างยากเย็น


 


 


ทั่วทุกสารทิศของพวกเขา เต็มไปด้วยคมดาบมหึมาสูงตระหง่าน


 


 


คมดาบมหึมาปล่อยแสงเย็นจำนวนนับไม่กวาดออกเป็นวงกว้า ด้วยระดับความคมของมัน แม้ว่าทั้งสองคนจะร่วมมือกับหุ่นเชิด ก็ยังต้องทำสมบัติเสียหายไปสิบกว่าชิ้น จำต้องใช้ปราณแท้กระตุ้นอิทธิฤทธิ์ประจำกายอย่างยากลำบาก จึงพอจะรักษาระยะไม่ให้แสงเย็นเข้าใกล้


 


 


เขตอาคมแสงสีดำที่อยู่กลางอากาศอยู่เหนือพวกเขาเพียงแค่สิบจั้งเศษแล้ว ดูเหมือนจะร่วงลงมาได้ทุกเมื่อ


 


 


สำหรับนักรบภูตร้อยกว่าตัวของหญิงงามผมขาวและหุ่นเชิดเกราะทองที่กำลังต่อสู้กันชุลมุนวุ่นวายกับภูตระดับสนตนนั้น ด้วยการร่วมมือกันของนักรบภูตเหล่านี้ คิดไม่ถึงว่าจะถือไพ่เหนือกว่ามาก กลับยังสามารถล้อมภูตตนนี้ไว้ภายในได้


 


 


ส่วนหุ่นเชิดเกราะทองตั้งท่าร่ายคาถาสองเมือง ภายในดวงตาปรากฏถึงความไม่สงบนิ่ง ดูเหมือนกำลังคิดจะทำอะไรบางอย่าง แต่ก็เหมือนจะลังเลตัดสินใจไม่ได้


 


 


ภายใต้สถานการณ์ที่วุ่นวายสุดๆ เช่นนี้ เขตอาคมแสงสีทองที่ปิดผนึกสระมรกตไว้ก็เกิดเสียงระเบิดขึ้น ก่อนที่จะค่อยๆ ปริออกทีละชุ่นๆ เผยให้เห็นหมอกวิญญาณสีขาวที่ตลบอบอวลไม่หยุดอีกครั้ง


 


 


ภายในสระเกิดเสียงคำรามลากยาว ทันใดนั้นก็เกิดแสงสีดำสว่างวาบ เงาร่างสูงใหญ่ก็พวยพุ่งออกมาจากด้านใน 

 

 


ตอนที่ 1505 เขตอาคมวงล้อรวบรวมทมิฬ

 

 


 


หลายเค่อต่อมา พื้นที่ที่ถูกม่านแสงสีดำปกคลุมเกิดเสียงดังเกริกกร้องไปทั่วผืนฟ้าและปฐพีขึ้นหลายหน


 


 


ต่อมาม่านแสงก็เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เสียงระเบิดดังสะเทือนเลือนลั่นจากใต้พื้นดินอย่างไม่ขาดสาย ก่อนที่พื้นดินในรัศมีหลายร้อยลี้ซึ่งมีพระราชวังเป็นจุดศูนย์กลางจะถูกลำแสงหนาๆ หลายสายพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ถล่มลงมาอย่างฉับพลัน


 


 


พระราชวังพังทลายจนหมดสิ้น ท้ายที่สุดก็ปรากฏเป็นหลุมมหึมาตรงจุดเดิม


 


 


ส่วนพื้นผิวบริเวณใกล้เคียงของหลุมมหึมานั้น มีรอยปแยกเป็นเส้นยาวๆ หนาประมาณหลายจั้งอยู่สองสามเส้น ลากยาวไปไกลถึงสิบลี้เศษ


 


 


ภายในหลุมมีเสียงคำรามด้วยความเกรี้ยวโกรธดังออกมาหลายหน ลำแสงวิญญาณหลายตามก็พวยพุ่งไล่ตามออกมาจากด้านในทีละดวง


 


 


ดวงหนึ่งนำอยู่เบื้องหน้าร้อยจั้งเศษ ส่วนลำแสงวิญญาณดวงอื่นๆ ตามอยู่ด้านหลัง พวยพุ่งอย่างรวดเร็วปานลมกรดเข้าไปในปากทางเข้าแล้วออกมาจากม่านแสงสีดำทั้งหมด


 


 


จากนั้นก็เกิดเสียงทะลวงอากาศดังลั่น ก่อนที่จะพุ่งยังที่ไกลๆ อีกครั้ง


 


 


ทันใดนั้นลำแสงวิญญาณที่อยู่เบื้องหลังก็เกิดการต่อสู้อย่างดุเดือดขึ้น


 


 


พวกมันโจมตีใส่กันและกัน พลางไล่ตามลำแสงที่อยู่หน้าสุดไม่ยอมปล่อย


 


 


หนึ่งในลำแสงกลุ่มนั้นหยุดชะงัก ฉับพลันก็ปลีกตัวออกมาจากการต่อสู้อันดุเดือด คิดไม่ถึงว่าจะแยกไปอีกทิศทางหนึ่งตามลำพัง…


 


 


ภายในชั่วพริบตา บริเวญใกล้เคียงของม่านแสงสีดำก็สงบลงอีกครั้ง รอบด้านเงียบสงบไร้สุ้มเสียง


 


 



 


 


หานลี่ใช้ม่านแสงสีเขียวพันร่างหญิงทั้งสองพวยพุ่งไปในอากาศ พลางใช้จิตสัมผัสสำรวจดูสัญลักษณ์ที่อยู่ภายในร่างอย่างระมัดระวัง


 


 


โชคยังดี! จนถึงตอนนี้สัญลักษณ์ยังคงเกาะตัวเหมือนตอนแรก ไม่มีทีท่าว่าจะคลายตัว


 


 


เป็นเช่นนี้หานลี่จึงค่อยรู้สึกสบายใจเล็กน้อย แต่ความระมัดระวังก็ยังไม่คลายลงทั้งหมด เขารู้ดีว่านี่เป็นเพราะราชาปีศาจทั้งหลายต่างก็มีเรื่องสำคัญพัวพันอยู่ ไม่วางจะแบ่งสมาธิมาที่เขา รอให้พวกลิ่วจู๋ว่างขึ้นมาและนึกถึงเขา ก็จะกระตุ้นสัญลักษณ์


 


 


เขาไม่สามารถระงับไว้ได้นานนัก


 


 


ดังนั้นการที่หานลี่พาหญิงทั้งสองมาด้วยนั้น ไม่ได้คิดที่จะหนีอย่างบ้าคลั่งตลอดทางเช่นนี้


 


 


หลังจากที่บินออกมาไกลล้านกว่าลี้ เบื้องหน้าเป็นเขตแนวเขาเล็กๆ ซึ่งตลบอบอวลไปด้วยปราณสีดำ มีปราณทมิฬเกาะตัวกันอย่างหนาแน่น


 


 


หานลี่เกิดฉุกคิดขึ้นมา หลังจากครุ่นคิดเล็กน้อย ก็พาหญิงสาวทั้งสองร่อนลงจากลำแสงหลีกหนี


 


 


หลังจากที่พุ่งปราดหลายหน รุ้งสีเขียวก็จมหายเข้าไปในปราณสีดำอย่างไร้ร่องรอย


 


 


ทิวทัศน์ภายในแนวเขาไม่ได้เปลี่ยวอย่างที่หานลี่จินตนาการไว้ บนพื้นดินที่สูงต่ำไม่เท่ากัน นอกจากจะมีพุ่มไม้เตี้ยสีเทาแล้ว ยังมีต้นไม้สูงใหญ่ขึ้นอยู่หลายชนิด


 


 


สีของต้นไม้เหล่านี้ค่อนข้างหม่นหมอง แต่กิ่งและใบกลับเจริญงอกงามเป็นอย่างยิ่ง แทบจะปกคลุมแนวเขาน้อยใหญ่เกือบครึ่ง


 


 


หลังจากที่หานลี่เหาะเข้าไปในปราณสีดำจางๆ พักหนึ่ง ก็หยุดลงที่บริเวณแนวเขาที่คล้ายกับภูเขาหินขนาดเล็กลูกหนึ่ง


 


 


เขาใช้จิตสัมผัสกวาดดูรอบๆ หลังจากแน่ใจแล้วว่าบริเวณใกล้เคียงไม่มีภูตที่แข็งแกร่งใดๆ ก็สั่นแขนเสื้อคราหนึ่ง กระบี่จิ๋วสีทองเล่มหนึ่งก็พวยพุ่งออกมาอย่างฉับพลัน


 


 


เพียงแค่เหวี่ยงครั้งเดียว กระบี่จิ๋วก็กลายเป็นลำแสงสีทองหลายสายฟันลงบนผนังหินอย่างบ้าคลั่ง


 


 


เกิดเสียงโครมครามดังอื้ออึงขึ้นระลอกหนึ่ง ทันใดนั้นปากถ้ำขนาดใหญ่ก็ปรากฏออกมา แสงสีทองเจาะเข้าไปข้างในอย่างบ้าคลั่งราวกับอสรพิษวิญญาณ


 


 


หานลี่ยืนไพล่หลังอยู่ตรงหน้าปากถ้ำ


 


 


หลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งถ้วยชา กระบี่จิ๋วสี่ทองก็พุ่งทยานกลับมา


 


 


หานลี่มีสีหน้าเปลี่ยน พลันพลิกฝ่ามือคราหนึ่ง ในมือก็ปรากฏธงด้ามเล็กสีสันแตกต่างวางซ้อนทันกันปึกหนึ่ง


 


 


เมื่อชูมือขว้างออกไป ลำแสงหลากสีก็จมหายเข้าไปในบริเวณใกล้เคียงของปากถ้ำอย่างไร้ร่องรอย


 


 


ทันใดนั้นหมอกสีดำที่แลดูธรรมดาก็ผุดออกมา ไม่นานก็ก่อตัวกับปราณทมิฬในบริเวณใกล้เคียง ทำให้ไม่สามารถแยกแยะได้


 


 


หานลี่ใช้มือข้างเดียวโบกที่ม่านสีเขียวด้านหลัง พลันขยับร่างเหาะเข้าไปข้างใน


 


 


ม่านแสงสีเขียวที่ห่อหุ้มหญิงทั้งสองพุ่งปราดคราหนึ่ง ก่อนที่จะจมหายไปในปราณสีดำอย่างพลิ้วไหว


 


 


บริเวณที่ลึกที่สุดของสถานที่ซ่อนตัวชั่วคราวแห่งนี้มีพื้นที่ไม่กว้างนัก มีรัศมีแค่สิบจั้งเศษเท่านั้น เพียงแต่ทุกหนทุกแห่งล้ำลึกสุดๆ เชื่อมต่อกับบริเวณใจกลางสุดของท้องเขา


 


 


เมื่อเงาร่างของหานลี่พุ่งมาถึงสุดทางของถ้ำหิน ก็นั่งขัดสมาธิตัวตรงใลก้ๆ กับผนังหิน


 


 


หญิงสาวทั้งสองที่ถูกม่านแสงสีเขียวมัดไว้แล้วพามาถึงที่นี่ ก็ค่อยๆ ถูกวางลงบนอย่างราบเรียบ


 


 


ม่านแสงเปล่งประกายวูบหนึ่ง แล้วแตกสลายหายไปจนหมดสิ้น


 


 


หญิงสาวทั้งสองหลับตาสองข้างสนิท ยังอยู่ในสภาพหมดสติไม่ตื่นขึ้นมา


 


 


หานลี่ไม่รู้สึกแปลกใจกับเรื่องนี้แม้แต่น้อย!


 


 


เส้นเลือดเหล่านั้นดูก็รู้ว่าเป็นสิ่งชั่วร้าย เพื่อที่จะทำให้พวกนางหลุดจากการควบคุมในระยะสั้น เขาจึงต้องบังคับใช้อัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายกระตุ้นร่างของหญิงทั้งสอง อีกทั้งหญิงสาวทั้งสองมีร่างทีเป็นครึ่งภูต ย่อมไม่สามารถรับความทรมานของการชำระล้างนี้ได้อย่างปลอดภัย


 


 


แน่นอนว่าเรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการที่กายเนื้อของพวกหยวนเหยาแข็งแกร่งไม่เพียงพอ หากเปลี่ยนเป็นหานลี่ที่มีร่างกายแข็งแกร่งเช่นนี้ ย่อมไม่มีทางใส่ใจความเจ็บปวดทรมานเล็กน้อยแค่นี้


 


 


ทว่าการที่หานลี่กล้าใช้วิธีการที่เด็ดขาดเช่นนี้ จะต้องมีแผนอยู่ในใจอย่างแน่นอน และมีวิธีปลุกหญิงทั้งสองให้ตื่นได้ในทันที


 


 


เห็นเพียงสองมือของเขาเปล่งแสงวิญญาณสว่างวาบ เข็มสีเงินเรียวยาวสิบกว่าเล่มกับยันต์สีเขียวหนึ่งปึกก็ปรากฏขึ้นในฝ่ามือ


 


 


เมื่อสะบัดมือข้างหนึ่ง เข็มสีเงินสิบกว่าเล่มก็พุ่งออกไปดังฟึ่บ ชั่วพริบตาก็จมหายเข้าไปในร่างของหญิงสาวทั้งสองและปักคาไว้ครึ่งเล่ม


 


 


แม้ว่าหญิงสาวทั้งสองจะยังไม่ตื่น แต่ใบหน้าก็ปรากฏความเจ็บปวดออกมาอย่างฉับพลัน


 


 


หานลี่ราวกับมองไม่เห็นสิ่งนี้ ยันต์ที่อยู่บนมืออีกข้างหนึ่งกลายเป็นม่านแสงสีเขียวผืนหนึ่งปูแสกหน้าหญิงสาวทั้งสองลงมา


 


 


ท่ามกลางแสงวิญญาณสีเขียวสลัวๆ สีหน้าเจ็บปวดทรมานของหญิงสาวทั้งสองก็ค่อยๆ หายไปอย่างช้าๆ และเริ่มดูดีขึ้น


 


 


หานลี่ตั้งท่าร่ายคาถาสองมือ คาถาอาคมล้ำลึกแต่ละสายพากันทะลุทะลวงม่านแสงสีเขียวแล้วจมหายเข้าไปในร่างของหญิงทั้งสอง ส่วนเข็มเงินสิบกว่าเล่มนั้นต่างก็ถูกคาถาดีดออก และสั่นเบาๆ อย่างมีกฎเกณฑ์สุดๆ ขณะเดียวกันบนเข็มเงินก็เปล่งแสงสีเงินวูบวาบไม่หยุด


 


 


หานลี่ถอนหายใจเบาๆ คราหนึ่ง พลันกวักมือข้างเดียว


 


 


บนร่างของหญิงสาวเปล่งประกายสีเงินวูบหนึ่ง เส้นไหมสีเงินสิบกว่าเส้นก็พุ่งทยานกลับเข้าไปในแขนเสื้อ


 


 


หานลี่อ้าปาก พลันพูดอย่างเรียบๆ หนึ่งประโยค “สหายทั้งสอง ยังไม่ตื่นสินะ!”


 


 


เสียงของหานลี่ดูเหมือนจะไม่ดัง แต่ภายในคำพูดนั้นได้ใช้อิทธิฤทธิ์จิตทิ่มแทงไปหนึ่งส่วน แน่นอนว่าเป็นอานุภาพเพียงน้อยนิดสุดๆ ไม่ทำให้จิตสัมผัสของหญิงทั้งสองบาดเจ็บ


 


 


แต่เพียงเท่านี้ก็เพียงพอที่จะปลุกหญิงทั้งสองให้ตื่นขึ้นมาได้แล้ว


 


 


หยวนเหยาส่งเสียงร้องจากปากคราหนึ่ง ขนตายาวๆ ขยับทีหนึ่ง พลันลืมตาขึ้น สายตาบ่งบอกถึงความงุนงงอยู่หลายส่วน แต่พอนึกอะไรขึ้นได้ ก็ลุกขึ้นพรวดด้วยความตกตะลึง


 


 


“สหายหาน คือท่านเองหรือ?” เมื่อเห็นหน้าของหานลี่ที่อยู่ใกล้เพียงลัดนิ้วมือ หยวนเหยาก็มีสีหน้าผ่อนคลายลง พลันอ้าปากคิดจะพูดอะไรบางอย่างอีก


 


 


ทว่าหานลี่กลับโบกมือแล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “หากแม่นางหยวนมีเรื่องจะพูด อีกประเดี๋ยวค่อยคุยกัน ลองดูก่อนว่าภายในร่างปลอดภัยหรือไม่”


 


 


หยวนเหยามีสีหน้าหวาดกลัว นางพยักหน้าแล้วนั่งขัดสมาธิในทันที ก่อนที่จะหลับตาอีกครั้ง


 


 


ครู่ต่อมาเหยียนลี่ก็ตื่นขึ้นมาเช่นกัน ด้วยการกำชับของหานลี่ นางจึงสำรวจดูอาการภายในร่างเช่นเดียวกัน


 


 


ผ่านไปชั่วครู่เดียว หญิงสาวทั้งสองก็ถอนหายใจยาวออกมาเฮือกหนึ่ง จึงค่อยลืมตาขึ้นอีกครั้ง


 


 


“สิ่งที่อยู่ภายในร่างของข้าได้ขจัดไปอย่างหมดจดแล้ว ครานี้ได้พี่หานช่วยไว้จริงๆ หาไม่แล้วข้ากับศิษย์น้องคงยากที่จะพ้นภัย” เหยียนลี่ยืนขึ้น ทำความเคารพหานลี่แล้วกล่าว


 


 


ก่อนที่พวกนางจะหมดสติ แม้ว่าร่างกายจะไม่สามารถควบคุมได้ แต่จิตสัมผัสกลับชัดเจนผิดปกติ หลังจากถูกอาคมต้องห้ามผนึกไว้ ในใจของหญิงสาวทั้งสองย่อมรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง คิดว่าครานี้คงได้ถูกหญิงงามผมขาวลงมืออย่างโหดเ**้ยมแล้วจริงๆ แต่คิดไม่ถึงว่า ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หานลี่ยังสามารถปรากฏตัวที่ข้างกายและช่วยพวกนางหนีออกมาได้


 


 


หลังจากหมดสติไป เหยียนลี่ไม่รู้ว่าหานลี่ทำเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เช่นนี้ได้อย่างไร แต่คิดแล้วขั้นตอนจะต้องอันตรายเป็นอย่างยิ่ง


 


 


ดังนั้นคำขอบคุณที่หญิงผู้นี้กล่าวจึงดูนอบน้อมและจริงใจผิดปกติ


 


 


หยวนเหยาก็ทำความเคารพตามเหยียนลี่เช่นกัน แม้ว่าจะไม่ได้พูดอะไร แต่ความรู้สึกซาบซึ้งบนใบหน้าย่อมไม่น้อยไปกว่ากัน


 


 


“สหายทั้งสองไม่ต้องมากพิธี อันที่จริงข้าน้อยทำเช่นนี้ส่วนใหญ่ก็เพื่อตัวข้าน้อยเองเท่านั้น ตอนนี้ข้าฝืนระงับสัญลักษณ์ภายในร่างไว้ แต่ไม่สามารถคงสภาพให้ต่อเนื่องได้นานนัก พวกแม่เฒ่าภูตอาจจะกระตุ้นมันเมื่อใดก็ได้ หากไม่เป็นการรบกวน สหายทั้งสองช่วยดูให้หน่อยว่าปราณทมิฬของที่นี่สามารถช่วยข้าขจัดสัญลักษณ์ออกไปได้หรือไม่” เรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของตัวเอง หานลี่ไม่มัวกล่าวถ้อยคำเกรงใจใดๆ เอ่ยปากถึงเรื่องสัญลักษณ์โดยตรง


 


 


ได้ยินหานลี่กล่าวเช่นนี้ หญิงสาวทั้งสองก็หันมามองกันคราหนึ่ง ก่อนที่จะมองดูรอบๆ แล้วสัมผัสถึงปราณทมิฬในสถานที่แห่งนี้


 


 


“แม้ว่าปราณทมิฬของที่นี่จะไม่ได้เกาะตัวแข็งเหมือนอย่างที่พวกเราสองคนต้องการ แต่หากจะใช้ขจัดสัญลักษณ์นั้น ยังพอมีความหวังอยู่หกเจ็ดส่วน หากพี่หานอยากให้พวกเราหาสถานที่ที่มีปราณทมิฬเกาะตัวแข็งกว่านี้ ควรลองเสี่ยงดูที่นี่จะดีกว่า” หยวนเหยาก้มหน้าลังเลครู่หนึ่ง จึงค่อยกล่าวอย่างช้าๆ


 


 


“หกเจ็ดส่วน? แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ให้หาสถานที่อื่นอีก เกรงว่าจะไม่ทันการเอา ราชาปีศาจเหล่านั้นรู้แล้วว่าพวกเรายังไม่ตาย หากพวกนั้นว่างขึ้นมา จะต้องกระตุ้นสัญลักษณ์เพื่อตามหาแน่ๆ” หานลี่ครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วพูดอย่างเด็ดขาดไม่ลังเล


 


 


นิสัยของเขานั้น แม้ว่าจะไม่เคยทำเรื่องที่ไม่มั่นใจมาโดยตลอด แต่ถึงเวลาที่จำเป็นต้องเดิมพันขึ้นมาจริงๆ หานลี่ก็จะไม่ลังเลแม้แต่น้อย


 


 


“ดี ข้ากับศิษย์น้องจะทำตามความประสงค์ของพี่หาน รีบวาง ‘เขตอาคมวงล้อรวบรวมทมิฬ’ ในทันที อาศัยอานุภาพของเขตอาคมนี้ ก็เพียงพอที่จะรวบรวมปราณทมิฬอันน่าตกตะลึงสุดๆ ได้ในระยะเวลาอันสั้น เมื่อยืมพลังของปราณทมิฬเหล่านี้ และพวกเราสามคนรวมพลังกัน ก็สามารถขจัดสัญลักษณ์เหล่านั้นออกไปได้แล้ว” เหยียนลี่เห็นว่าหานลี่เด็ดขาดเช่นนี้ ใบหน้าก็แสดงความเห็นด้วยอยู่หลายส่วน


 


 


เห็นได้ชัดว่าหญิงผู้นี้ยินดีที่จะดำเนินการในสถานที่แห่งนี้


 


 


ดวงตาอันงดงามของหยวนเหยากลอกไปมาสองสามที ก่อนที่จะพยักหน้า


 


 


เวลาเร่งด่วนเช่นนี้ ทั้งสามคนย่อมไม่มัวชักช้าเสียเวลาอะไร เมื่อความเห็นตรงกัน ทั้งสามคนก็ทยานออกจากถ้ำมาที่กลางอากาศต่ำในทันที


 


 


เหยียนลี่กวาดตามองบริเวณใกล้เคียงหนหนึ่ง พลันชูมือขึ้น ลมทมิฬที่อยู่ในก่อตัวเป็นกลุ่มอย่างฉับพลัน ชั่วพริบตาก็กลายเป็นธงด้ามเล็กสีเทาหม่นด้ามหนึ่ง


 


 


ครั้นขว้างธงด้ามนี้ไปในอากาศ ปากของหญิงผู้นี้ก็เปล่งคำร่ายขึ้นมา


 


 


เมื่อธงด้ามเล็กได้รับการกระตุ้นจากคาถา ก็หมุนเคว้งกลางอากาศไม่หยุด ขณะเดียวกันก็พ่นเส้นไหมทมิฬสีเทาจำนวนนับไม่ถ้วนปลิวว่อนไปทั่วทั้งผืนฟ้าอย่างไม่หยุดหย่อน


 


 


หานลี่จ้องมองธงด้ามเล็กที่อยู่กลางอากาศ พลางหรี่ตาลงเล็กน้อย


 


 


ผลลัพธ์ที่ได้คือ เส้นไหมทมิฬจำนวนมากเช่นนี้เกิดการแข็งตัวและตั้งตรงขึ้นด้านบนอย่างฉับพลัน กลายเป็นเหล็กแหลมตั้งตระง่านแท่งหนึ่ง ชี้ตรงไปยังภูเขาลูกเล็กอีกลูกหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล


 


 


“หาเจอแล้ว! ตรงนั้นน่าจะเป็นที่ที่มีปราณทมิฬในบริเวณใกล้เคียงเข้มข้นที่สุด เหมาะที่จะทำเป็นจุดตายของเขตอาคมวงล้อรวบรวมทมิฬที่สุด” เสียงพูดอันไพเราะของเหยียนลี่ดังมาจากกลางอากาศ


 


 


หยวนเหยาที่ยืนอยู่กับหานลี่ได้ยินวาจานี้ ใบหน้าก็ปรากฏความดีใจออกมาเสี้ยวหนึ่ง


 


 


ทั้งสามคนรีบพุ่งทยานไปทันที จากนั้นหานลี่ก็ลอยคว้างอยู่กลางอากาศสูงเพื่อคอยเฝ้าระวังต่อ พวกหยวนเหยาสองสาวก็เริ่มวางมหาเขตอาคมขึ้น โดยมีแนวเขาเป็นใจกลาง


 


 


เฉพาะพื้นที่ของเขตอาคมนี้ก็เพียงพอที่จะครอบคลุมแนวเขาไว้ภายในได้ทั้งหมด


 


 


หานลี่ที่อยู่กลางอากาศกำลังมองดูเขตอาคมที่ค่อยๆ เป็นรูปเป็นร่าง พลางเอามือหนึ่งลูบคาง ใบหน้าปรากฏสีหน้าคล้ายกับคาดคิดไว้แล้วเป็นพักๆ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)