ลำนำบุปผาพิษ 1502-1504

 บทที่ 1502 การปล้นนักโทษอันน่าตกตะลึง 3


พัศดีค้อมศีรษะ “เชิญท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายคัดเลือกบุคคล”


สายตาทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมองไปรอบเสาประหารเหล่านั้น ดวงตานั้นดุจสุนัขจิ้งจอก จ้องมองไปบนร่างผู้ใด ผู้นั้นพลันหวาดหวั่น


“คนนี้ คนนี้ คนนั้น…” เขาเลือกมาสิบคน ในสิบคนนี้มีทั้งเด็ก สตรีและคนชรา…


อีกทั้งล้วนเป็นญาติห่างๆ ของตระกูลกู้ คนเหล่านี้อยู่เย็นเป็นสุขมาตลอดชีวิต เป็นชาวบ้านธรรมดา ไหนเลยจะเคยผ่านสถานการณ์เยี่ยงนี้มาก่อน เมื่อถูกชี้เป้าก็เหงื่อแตกดังสายน้ำ ใบหน้าซีดเผือด บ้างร้องไห้ บ้างหวีดร้อง บ้างร้องขอความเมตตา…


ทว่าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายสั่งการลงไปแล้ว เพชฌฆาตเหล่านั้นจึงรีบจับคนที่ถูกคัดเลือกมัดใหม่อีกครั้งทันใด…


เพชฌฆาตเหล่านั้นไม่ได้เป็นเพชฌฆาตมืออาชีพของทางการ แต่เป็นคนที่ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายบ่มเพาะไว้


เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้ผ่านการอบรมสั่งสอนมาโดยเฉพาะ นำคนที่จะถูกประหารชีวิตมัดแบบพิเศษอย่างแคล่วคล่องว่องไว ปลดเปลื้องเสื้อผ้า ใช้น้ำสะอาดสาดบนร่างกายคนผู้นั้น…


เมื่อทุกการกระทำดำเนินไป ทำให้ทุกคนล้วนกระชับกำปั้นแน่น กลั้นลมหายใจ!


ดวงตากู้เซี่ยเทียนแดงก่ำ “หากต้องการลองมือก็มาลองที่ร่างข้าก่อนนี่!”


ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง “รีบร้อนอันใดเล่า? ช้าเร็วอย่างไรก็ต้องถึงคราวเจ้า เจ้าเป็นตัวการร้าย อย่างไรก็ต้องรอให้เพชฌฆาตเหล่านี้ฝึกฝนจนสมบูรณ์แบบเสียก่อนค่อยเริ่มลงมือกับเจ้า วางใจเถิด ต้องเฉือนเจ้าสองพันสามร้อยครั้งและเท่ากันในทุกครั้ง หากยังเฉือนไม่เสร็จแล้วเจ้าตายจากไป ก็นับว่าเพชฌฆาตเหล่านั้นพลั้งมือ จะจัดการฝังศพให้เจ้า”


มือที่จับดาบของเพชฌฆาตเหล่านั้นกระชับแน่นขึ้น!


พวกเขาก็รู้ว่ากู้เซี่ยเทียนถูกปรักปรำ ทว่าพวกเขาควบคุมตัวเองไม่ได้ พวกเขาไม่ต้องการฝังศพให้กู้เซี่ยเทียน…


เมื่อพัศดีส่งเสียงออกคำสั่ง เหล่าเพชฌฆาตกำลังจะเริ่มลงทัณฑ์ ในที่สุดก็มีคนลุกขึ้นยืน!


ไม่ว่าเมื่อใดก็ตาม มักจะมีคนเห็นแก่ความยุติธรรมอยู่เสมอ ต่อให้เก็บกดได้มากเพียงใดก็คงไม่อาจเก็บเอาไว้ได้ทั้งหมด


“ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย กู้เซี่ยเทียนสมคบคิดต่างอาณาจักรก่อกบฏสมควรตายจริงๆ ต่อให้เฉือนออกเป็นชิ้นๆ ก็ไม่ผิด ทว่าอย่างไรเสีย เขาเคยออกศึกสงครามมากมายนับไม่ถ้วน ยังมีคุณงามความดี เพียงแค่ประหารชีวิตเขาด้วยวิธีนี้เป็นอย่างไร? ส่วนคนอื่นๆ ตัดเพียงแค่คมมีดเดียวก็พอแล้ว ไม่คุ้มที่ทุกคนจะถูกแล่เนื้อเถือหนัง…” คนที่ลุกขึ้นยืนคือสมุหนายกที่รับราชการรุ่นเดียวกันกับกู้เซี่ยเทียน อุปนิสัยใจคอของคนผู้นี้ไม่นับว่าแข็งกร้าว ทว่ายามนี้กลับทนดูต่อไปไม่ไหวแล้วจริง!


โดยอาศัยว่าก่อนหน้านี้มีสัมพันธ์อันดีกับทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ยามนี้จึงออกมาพูดเพื่อผดุงความยุติธรรม


แน่นอนว่า เขาไม่กล้าช่วยกู้เซี่ยเทียนกลับคำตัดสินอย่างเด็ดขาด เพียงแค่ร้องขอความสุขให้คนไร้เดียงสาที่ถูกลากมาพัวพันเหล่านี้


ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายกลับแย้มยิ้มด้วยสายตาเย็นชาลง “ข้าทำการสิ่งใดมีที่ว่างเหลือให้เจ้าวิพากษ์วิจารณ์ได้งั้นรึ? เจ้าหน้าที่! จับกุมเขา! แล่เนื้อเถือหนังเช่นกัน!”


ฝูงชนนิ่งอึ้ง


ขุนนางท่านนั้นก็นิ่งงัน! มีคนข้างกายของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายวิ่งมาจับตัวเขามัดในทันที…


การกระทำนี้เป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู ทุกคนต่างตกใจนิ่งงันกันหมด ทว่ายิ่งทวีความขุ่นเคือง


ขุนนางท่านนั้นตอบโต้หลังจากถูกจับมัด ส่งเสียงร่ำไห้ร้องขอความยุติธรรม เรียกร้องว่าตัวเองเป็นขุนนางของราชสำนัก ถึงแม้กระทำความผิดมีโทษประหารชีวิตก็ควรมีราชโองการจากจักรพรรดิ ไม่ใช่ให้ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัดสินโทษประหารชีวิตในทันที…


อย่างไรก็ตาม ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายไม่ฟังคำพูดเขาแม้แต่น้อย ส่งเสียงหัวเราะเยาะเย้ย “เจ้าเอ่ยปากแทนกบฏก็มีความผิดโทษฐานเดียวกันกับกบฏ! ไยต้องรบกวนจักรพรรดิออกหน้าด้วยเล่า?”


ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายสั่งการให้นับเขารวมในคนที่จะถูกประหารชีวิตชุดแรกเลย


ยามนี้ชาวบ้านยิ่งส่งเสียโหวกเหวกกันใหญ่ แม้แต่ขุนนางราชสำนักยังถูกลงโทษประหารชีวิตได้ง่ายดายเยี่ยงนี้ นับประสาอะไรกับชาวบ้านอย่างพวกเขาเล่า?


เกรงว่าในสายตาของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายท่านนี้ ชีวิตของชาวบ้านยิ่งไร้ค่าเฉกเช่นต้นไม้ใบหญ้า เด็ดทิ้งได้ตามใจชอบ!


ความคับแค้นใจประหนึ่งภูเขาไฟถูกกดทับอย่างแรงกล้า พร้อมที่จะปะทุออกมาทุกเมื่อ


————————————————————————————-


บทที่ 1503 การปล้นนักโทษอันน่าตกตะลึง 4


หากสายตาความคับข้องใจนั้นสังหารคนได้ ยามนี้ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายท่านนี้ก็ถูกแล่เนื้อเถือหนังด้วยสายตาเหล่านั้นแล้ว


ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายกวาดตามองฝูงชนด้านล่างแวบหนึ่ง เขาไม่สนใจชาวบ้านชั้นต่ำเหล่านั้น ความคับข้องใจของพวกเขาไม่มีค่าควรแก่การเอ่ยถึงในสายตาเขา


เขาพลันโบกสะบัดมือ ออกคำสั่งลงโทษทัณฑ์


เสื้อผ้าของสิบคนนั้นถูกฉีกขาด เหล่าเพชฌฆาตเผยกริชสั้นอันแหลมคมเฉียบบางดังกระดาษแผ่นหนึ่ง กำลังจะลงกริช ณ เวลานี้…


กู้เซี่ยเทียนหลับตาลงด้วยความสิ้นหวังเต็มประดา


เสียง “ตูม!” ดังกึกก้อง หลังคาด้านบนจัตุรัสที่สร้างขึ้นชั่วคราวถูกทำให้พังครืนด้วยพลังแกร่งกล้า! แตกออกเป็นเสี่ยงๆ จนกลายเป็นรูใหญ่รูหนึ่ง มีคนมากมายร่อนลงมาจากด้านบน…


เรือนกายของคนเหล่านี้รวดเร็วดังสายฟ้า ฝูงชนยังไม่ทันได้รู้สึกตัว พวกเขาก็หมุนวนรอบแท่นด้วยความรวดเร็วแล้ว


เหล่าเพชฌฆาตเพียงรู้สึกว่าเบื้องหน้าเลือนราง ยังไม่ทันทำการสิ่งใด กริชในมือก็หายไปเสียแล้ว…


คนเหล่านั้นรวดเร็วปานเงาชั่วร้าย ทำให้คนมองเห็นท่วงท่าของพวกเขาไม่ชัดเจน


ผู้คุ้มกันที่ยืนอยู่ข้างกายทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายกับเซียนหญิงลี่หวางเหล่านั้นเตรียมการไว้ก่อนแล้ว ล้อมวงรอบกายทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายทั้งสองดังตุบตับ ต่างทยอยกันตะโกนเสียงดัง “ใคร?!”


“ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายอยู่ที่นี่!”


ทุกคนนิ่งอึ้ง


ชาวบ้านด้านล่างแท่นล้วนเบิกตาโพลงโต กลั้นลมหายใจเอาไว้


ความจริงพวกเขาต่างคาดหวังว่าจะมีวีรบุรุษผู้กล้าบุกเข้ามาในลานประหาร ช่วยเหลือตระกูลกู้เซี่ยเทียนทั้งหมด ทว่าก็ไม่ได้คาดหวังอันใดมาก อย่างไรเสียทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายก็เป็นคนบัญชาการที่นี่ด้วยตนเอง ผู้ใดจะกล้าเข้ามากระตุกหนวดเสือเล่า?


นึกไม่ถึงว่าในเวลาสำคัญเยี่ยงนี้มีคนบุกลานประหารเข้ามาช่วยเหลือจริงๆ!


อีกทั้งพลังยุทธ์ของคนเหล่านี้ดูเหมือนว่าจะสูงส่งยิ่งนัก…


คนมากมายเหล่านั้นยืนงามสง่าบนแท่นหลังหยุดท่วงท่าลง ในที่สุดฝูงชนก็เห็นรูปลักษณ์ของพวกเขาอย่างชัดเจน…


มีคนท่ามกลางฝูงชนส่งเสียงตะโกนดังก้อง “คนของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์! เป็นคนของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์!”


ซุ่มเสียงนี้เปรียบเสมือนระเบิดลูกหนึ่ง ระเบิดจนฝูงชนทั้งหลายตื่นเต้นพลุ่งพล่านกันหมด


สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์เป็นสำนักศึกษาระดับสูงที่สุดในทวีปแห่งนี้ คนภายในต่อให้เป็นคนระดับต่ำที่สุดคนหนึ่ง ทว่าในสายตาคนทั่วไปก็เปรียบเสมือนเทพเซียน ยิ่งไปกว่านั้น คนที่มาในคราวนี้เป็นผู้นำสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ เจ้าสำนักกู่ฉานโม่!


หลายปีมานี้กู่ฉานโม่ยังคงปรากฏกายให้เห็นอยู่หลายคราในอาณาจักรเฟยซิง ดังนั้น คนที่รู้จักเขาตะโกนโพล่งออกมาท่ามกลางผู้คน


โดยปกติสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ไม่สะสางบัญชีกับทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย เมื่อพวกชาวบ้านเห็นพวกเขาก็มีความหวังขึ้นมาในทันที


สายตามากมายนับไม่ถ้วนร่อนลงบนร่างของพวกกู่ฉานโม่


ครั้งนี้กู่ฉานโม่นำกำลังคนมายี่สิบคน ล้วนเป็นคนเฉลียวฉลาด ผู้พิทักษ์ ผู้อาวุโสของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ เกือบจะทุกคน!


หัวใจของกู้เซี่ยเทียนพลันสั่นสะท้าน เบิกตาโพลงโตมองไปที่พวกกู่ฉานโม่


เขานึกไม่ถึงว่าคนของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์จะออกหน้าเพื่อเขา…


ถึงแม้เขาเป็นท่านแม่ทัพที่มีชื่อเสียงในอาณาจักรเฟยซิง ทว่ากลับไม่เป็นสิ่งใดเลยในสายตาของคนสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ ไม่คู่ควรให้กล่าวถึง…


หรือว่าจะเป็น…เป็นซีจิ่ว?


พวกเขาเห็นแก่หน้าของซีจิ่ว?!


หัวใจกู้เซี่ยเทียนพลันกระโดดโลดเต้น แต่ก็ไม่รู้ว่าคือความรู้สึกอันใด


เขาไม่ได้ข่าวคราวลูกสาวมาแปดปีแล้ว! ไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไร ถึงขั้นที่เขาสิ้นหวังแล้ว ลูกสาวคนนี้กลายเป็นความเจ็บปวดในใจเขาที่ไม่อาจสัมผัสได้…


บัดนี้เมื่อได้เห็นคนของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ ก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงลูกสาว ดวงตาพลันร้อนผ่าว!


เขารู้ว่าก่อนหน้านี้แปดปีกู้ซีจิ่วใช้ชีวิตอยู่ที่สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ได้ไม่เลว นึกไม่ถึงว่าความสัมพันธ์ของนางจะดีถึงเพียงนี้ สามารถทำให้กู่ฉานโม่นำกำลังคนบุกลานประหารอย่างห้าวหาญในเวลาสำคัญเยี่ยงนี้…


อย่างไรเสีย กู้เซี่ยเทียนก็เป็นคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเนิ่นนาน ประสบการณ์มากมายเหนือธรรมดา ถึงแม้เขาจะซาบซึ้งใจเป็นอย่างมากที่พวกกู่ฉานโม่มาที่นี่ ทว่ากลับไม่คาดหวังเสียเท่าใด


บทที่ 1504 ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวจริงตัวปลอม (1)


ยอดฝีมือภายใต้การนำของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายในตอนนี้มากมายดังเมฆา ผู้มีพลังวิญญาณขั้นเก้าสิบกว่าคน ยามนี้ คนเหล่านี้ก็พรางตัวข้างกายทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย จ้องมองประหนึ่งพยัคฆ์ที่พร้อมจะเผชิญหน้าทุกสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น


ยิ่งไปกว่านั้นพลังยุทธ์ของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายท่านนี้สูงส่งอย่างน่าเหลือเชื่อ พลังวิญญาณอย่างน้อยขั้นสิบขึ้นไป และถึงแม้เซียนหญิงลี่หวางท่านนั้นไม่ค่อยได้แสดงฝีมือเท่าใด ทว่ากู้เซี่ยเทียนก็รู้ว่าพลังวิญญาณของนางน่างเกรงขามเป็นที่สุด…


ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายยังคงอยู่ท่ามกลางฝูงชนในลานกว้างแห่งนี้ อีกทั้งยังแอบซ่อนยอดฝีมือพลังวิญญาณขั้นเจ็ดกับขั้นแปดขึ้นไปอีกมากมาย เตรียมการมาเป็นอย่างดี คนชุดนี้ต้องมีเป็นร้อยคน…


ถึงแม้ว่าคนที่กู่ฉานโม่พามาล้วนเป็นผู้มีพลังวิญญาณขั้นเก้าทั้งนั้น ทว่าจำนวนน้อยนิด ทั้งหมดมีเพียงแค่ยี่สิบคนเท่านั้น


แม้ครั้งนี้พวกเขาบุกมาช่วยเหลือคนอย่างอุกอาจ ทว่าจะเป็นไปได้อย่างไรที่จะช่วยเหลือคนสามร้อยกว่าคนนี้ให้ฝ่าวงล้อมอันแน่นหนานี้ออกไปพร้อมกันได้?


อย่างไรเสีย ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายท่านนี้เป็นผู้ยึดกุมอำนาจการบริหารราชกิจแผ่นดิน ทั้งอำนาจทหารและการเมืองของอาณาจักรเฟยซิงอยู่ในกำมือเขาอย่างเบ็ดเสร็จ กองทหารรักษาพระองค์ภายในและภายนอกไม่มีหนึ่งหมื่นก็ต้องมีแปดพัน ปิดล้อมจนพวกเขาสิ้นชีพได้ ไม่มีความหวังที่จะรอดเล็ดออกไปได้แม้แต่น้อย…


ถึงแม้พวกกู่ฉานโม่ยังไม่ประสบความสำเร็จในครั้งนี้ ทว่ากู้เซี่ยเทียนได้รับน้ำใจนี้ไว้แล้ว!


เป็นอย่างที่กู้เซี่ยเทียนคาดเดาไว้ไม่มีผิด ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายกับเซียนหญิงลี่หวางท่านนั้นไม่มีท่าทีหวาดหวั่นแม้แต่น้อยเมื่อเห็นพวกกู่ฉานโม่!


ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายกลับยิ้ม “เจ้าสำนักกู่ ไม่ได้พบกันเสียนาน!” ซุ่มเสียงอันนุ่มนวลทว่ากลับแฝงด้วยความเย็นชา


เขายกมือขึ้นเล็กน้อย ผู้คุ้มกันกับสาวใช้นับสิบเบื้องหลังเขากระจัดกระจายไปเป็นรูปพัดจีบ ปิดล้อมพวกกู่ฉานโม่


เห็นได้ชัดว่าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายท่านนี้เตรียมการไว้แล้ว!


พวกกู่ฉานโม่มาในครานี้ เกรงว่าไม่เพียงแต่ช่วยคนออกไปไม่ได้ ซ้ำยังต้องเอาชีวิตพวกเขาเองมาเสี่ยงอีก!


กู่ฉานโม่เหลือบมองผู้คุ้มกันเหล่านั้นแวบหนึ่ง สายตาร่อนลงบนร่างทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย กล่าวอย่างเย็นชา “ข้ากับเจ้าไม่เคยพบเจอกันมาก่อน มาพูดไม่ได้พบกันเสียนานอะไรเล่า!”


เจ้าผู้นี้คือตัวปลอม เขาพบเจอกับเขาเป็นครั้งแรกจริงๆ


หลายปีมานี้ถึงแม้เจ้าตัวปลอมผู้นี้แอบล้อมปราบสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์มาตลอด ทว่าสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ติดตั้งเขตแดนนั้น หากคนด้านในไม่ออกมา คนด้านนอกก็เข้าไปไม่ได้ง่ายดาย


ดังนั้นเขากับเจ้าตัวปลอมผู้นี้ยังไม่เคยพบกันอย่างเป็นทางการมาก่อน


ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายหรี่ตาลง ดวงตาเฉียบแหลมดุจคมมีด “เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?!”


“ความหมายตามตัวอักษร” คำพูดของกู่ฉานโม่มีนัยยะ


ชาวบ้านด้านล่างมองหน้ากันไปมา คนมากมายทราบว่าท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเคยไปสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์อยู่หลายครั้ง ถึงขั้นยังเคยสอนที่นั่นด้วย เมื่อแปดปีก่อนทั้งสองคนยังร่วมมือกันทลายฐานลับของหลงฟั่นกับโม่เจ้า…


เหตุใดกู่ฉานโม่ถึงได้ไม่เคยพบเจอกันไปได้เล่า?


กู่ฉานโม่สูญเสียความทรงจำไปแล้วหรือ? หรือว่าเรื่องนี้ยังมีลับลมคมในอันใดอีก?


สายตามากมายนับไม่ถ้วนร่อนลงบนร่างกลุ่มคนบนแท่น ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมีลับลมคมในจริงๆ ดวงตาของเขาฉายแววความชั่วช้า “กู่ฉานโม่ หลายปีมานี้มีศึกสงครามทั่วทุกหัวระแหง บ้านเมืองลุกเป็นไฟ ข้าบัญชาการทั่วหล้าเพื่อกอบกู้คืนโลกอันวุ่นวายใบนี้ ข้าเคยเรียกตัวเจ้าตั้งหลายครั้งหลายครา เจ้าล้วนทำเป็นหูหนวกตาบอด ไม่มาช่วยเหลือ ยามนี้กลับออกมาช่วยเหลือกบฏขายชาติผู้นี้ เจ้ามีเจตนาอันใด?!”


กู่ฉานโม่ยิ้ม “ความสามารถในการย้อนเล่นงานคนของจูปาเจี้ยอย่างเจ้าไม่เล็กน้อยเลยนี่ ศึกสงครามนี้ ความโกลาหลนี้ เจ้าไม่ได้เป็นคนก่อมันขึ้นมาหรอกหรือ? เจ้ามองผู้คนเป็นผักปลา สังหารผู้คนอย่างกำเริบเสิบสาน สร้างวิญญาณอาฆาต ผูกขาดอำนาจเบ็ดเสร็จ ผู้ใดที่ความคิดเห็นไม่ตรงกับเจ้าล้วนถูกเจ้าประหารชีวิต เจ้าควบคุมจักรพรรดิ ยึดกุมอำนาจบริหารราชกิจ ทำให้สังคมทั่วทั้งทวีปซิงเยวี่ยตกอยู่ในสภาพอันเลวร้าย ความคับแค้นใจของชาวบ้านร่ำลือไปทั่ว อยากที่จะแล่เนื้อเถือหนังเจ้า เพียงแต่ไม่มีผู้ใดกล้าปริปากภายใต้กฎเหล็กของเจ้าก็เท่านั้น!


เจ้ากระทำความผิดเยี่ยงนี้ จะให้ข้าช่วยเหลือเจ้าอย่างไร? เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับเจ้างั้นหรือ?”


ซุ่มเสียงกู่ฉานโม่กังวาลดังระฆัง กล่าวความผิดของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมนี้อย่างเคร่งขรึมเฉียบขาด! ทุกถ้อยคำดังกึกก้องทั่วทั้งจัตุรัส


ถ้อยคำเหล่านี้วนเวียนอยู่ในจิตใจชาวบ้านนับพันรอบ ทว่ากลับไม่กล้าพูดออกมา ยามนี้เมื่อได้ยินกู่ฉานโม่พูดออกมาเสียงดัง ทุกคนเดือดดาลพลุ่งพล่าน รู้สึกได้ระบายความคับข้องใจ ต่างส่งเสียงกรี๊ดให้เขาภายในใจ!


แม้แต่กองกำลังที่ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายนำมาเหล่านั้นยังกระชับกำปั้นภายในแขนเสื้อ ดวงตาฉายแววตื่นเต้น แต่พวกเขาต้องข่มมันเอาไว้ พยายามทำสีหน้าเรียบเฉย


ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายก็รับฟังด้วยสีหน้าเรียบเฉยเช่นกัน เขายิ้มเมื่อฟังจบ “นกกระจอกไหนเลยจะรู้ปณิธานพญาหงส์! ผู้คิดทำการใหญ่ไม่คิดเล็กคิดน้อย เจ้าไม่เคยได้ยินคำพูดนี้หรอกรึ? ทวีปแห่งนี้แตกแยกมาเนิ่นนานเกินไปแล้ว ชาวบ้านโง่เขลาเบาปัญญา ยอมอยู่ในเขตปลอดภัย เพียงคิดอยากสงบสุขแค่ช่วงเวลาหนึ่ง แต่ข้ากลับต้องการให้เกิดศึกสงคราม วิธีการเพียงหนึ่งเดียวก็คือให้ทั้งสามอาณาจักรของทวีปแห่งนี้รวมกันเป็นหนึ่งเดียว ถึงแม้วิธีการที่ใช้จะรุนแรงไปบ้าง ทว่าท้ายที่สุดก็มีจุดมุ่งหมายเพื่อความผาสุกของลูกหลานชนรุ่นหลัง ชาวบ้านไม่เข้าใจความกลัดกลุ้มใจของข้า ตำหนิติเตียนไปต่างต่างนานา บั่นทอนจิตใจประชาชน ย่อมต้องใช้วิธีการบางอย่างให้ชาวบ้านโง่เขลาเหล่านี้เงียบปากเสีย ในฐานะเจ้าสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์อย่างเจ้า แม้แต่เรื่องเหล่านี้ก็ดูไม่ออกหรืออย่างไร…”


ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน เหล่าขุนนางมืดไม่ว่าทำเรื่องชั่วช้าอันใดจนสวรรค์ขุ่นมนุษย์เคือง ล้วนสรรเสริญตนเองด้วยเหตุผลอันยิ่งใหญ่ ราวกับว่าเขาทำเยี่ยงนี้ก็ทำไปอย่างเสียไม่ได้ ไม่เว้นแม้แต่ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายท่านนี้


เขามีฝีปากที่ดี คำพูดเหล่านี้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงฮึกเหิม ราวกับผู้ผดุงคุณธรรมยิ่งใหญ่และกล้าหาญแบกรับคำวิพากษ์วิจารณ์เพื่ออาณาจักรเพื่อประชาชน ทำให้คนที่ติดตามเขาเหล่านั้นต่างทยอยกันพยักหน้า และทำให้ชาวบ้านที่ไม่รู้ตื่นลึกหนาบางบางส่วนรู้สึกว่ามีเหตุผลอยู่บ้าง…


กู่ฉานโม่ยิ้มเย้ยหยัน “ที่แท้การกระทำที่โหดร้ายเลวทรามของเจ้าเหล่านั้นล้วนทำเพื่อชาวบ้าน เช่นนั้นข้าขอถามเจ้า เจ้าใช้ช่างฝีมือหนึ่งแสนคนเพื่อสร้างคฤหาสน์ทูตสวรรค์ของเจ้า หลังจากสร้างเสร็จสิ้น ช่างฝีมือหนึ่งแสนคนนั้นไปอยู่ที่แห่งหนใด?”


ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมตกตะลึง “พวกเขาย่อมต้องกลับบ้านของพวกเขาไปแล้ว”


“เหลวไหล! ช่างฝีมือหนึ่งแสนคนนี้ไม่มีใครสักคนได้กลับบ้าน! เพราะเจ้าสังหารพวกเขาอย่างโหดร้ายทารุณ หลอมกลายเป็นวิญญาณอาฆาต อารักขากำแพงแทนเจ้า! กำแพงนั้นของเจ้าเต็มไปด้วยเมฆหมอก เสมือนปกคลุมด้วยไอเซียน ทว่านั่นเป็นเพียงแค่วิธีการพิเศษอย่างหนึ่งที่เซียนหญิงลี่หวางผู้นี้ใช้เพื่อปกปิดวิญญาณอาฆาต ทำให้วิญญาณอาฆาตเหล่านั้นเปรียบเสมือนไอเซียน!”


น้ำเสียงทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมหมองหม่น “เจ้ามีหลักฐานอันใดมาพูดจาเยี่ยงนี้!” ช่างฝีมือหนึ่งแสนคนไม่มีใครสักคนที่หลบหนีออกไปได้สำเร็จ ล้วนถูกสังหารตามรายชื่อทีละคน และหลังจากวิญญาณอาฆาตผ่านการหลอมรวมแบบพิเศษ ไม่มีผู้ใดรู้เห็น แค่อาศัยความสามารถในการสังหารคน ดังนั้นทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมท่านนี้เชื่อว่าไม่มีผู้ใดจะหนีเล็ดรอดออกไปเป็นพยานได้อีก ดังนั้น จึงเอ่ยถามออกไปเยี่ยงนี้เพราะไม่มีความหวาดกลัวใดๆ


“กองโครงกระดูกใต้ทะเลสาบในคฤหาสน์ของเจ้าก็คือหลักฐาน!” กู่ฉานโม่พูดแทงใจดำ “เจ้ากล้าระบายน้ำทะเลสาบในคฤหาสน์ของเจ้าออกจนเหือดแห้งหรือไม่เล่า ให้ทุกคนตรวจดูเสียหน่อย?”


—————————————————————–

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)