ข้ามกาลบันดาลรัก 150.1-150.3

 ตอนที่ 150.1

 

 อยากตายรึ ข้าจะสงเคราะห์ให้เอง

 


 


 


 


ชาวบ้านหมู่บ้านหลี่ต่างเฝ้ารอต้อนรับวันใหม่อย่างใจจดจ่อ 


 


 


เช้าตรู่ ฝูงคนก็มาออกันที่หน้าประตูบ้านผู้ใหญ่บ้าน รอการมาถึงของเมิ่งเชี่ยนโยว 


 


 


ผู้ใหญ่บ้านยกโต๊ะตัวหนึ่งออกมา วางกระดาษพู่กัน มารอพร้อมกับทุกคน 


 


 


หลังจากพาทั้งสองคนไปส่งโรงเรียนตอนเช้า เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้ตรงกลับบ้าน ให้เมิ่งเสียนบังคับรถม้ามาหมู่บ้านหลี่ 


 


 


คนของหมู่บ้านหลี่เห็นรถม้าเข้ามา ดีใจกันยกใหญ่ แทบจะล้อมรถม้าเอาไว้ 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวลงจากรถม้า ผู้ใหญ่บ้านเชิญนางมาข้างโต๊ะ ให้นางนั่งลง 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า เปล่งเสียงดังพูดกับแววตาที่เฝ้ารอของทุกคน “คิดว่าเมื่อวานผู้ใหญ่บ้านคงจะบอกวิธีการทำงานสองแบบกับทุกคนแล้ว ตอนนี้ใครมีคำถามอะไร ก็ให้พูดออกมา” 


 


 


ชายคนหนึ่งถามขึ้น “ถ้าครอบครัวพวกเราเลือกแบบลงพื้นที่ เงินค่าแรงจะคิดอย่างไร?” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวตอบเขา “ข้าจะให้คนแบ่งพื้นที่ภูเขาร้างเป็นหลายระดับ จะได้กำหนดราคาง่ายขึ้น พวกท่านจะเลือกทำพื้นที่ใหญ่หรือเล็กก็ได้ ตามข้อเรียกร้องของข้าเมื่อเก็บทำความสะอาดเสร็จหนึ่งแปลงจะตัดเงินหนึ่งครั้ง หากกลัวว่ายุ่งยากจะทำให้เสร็จทั้งหมดก่อนค่อยคิดเงินค่าแรงทีเดียวก็ได้” 


 


 


ยังมีคนถามอีก “ครอบครัวพวกเรามีคนน้อย ร่วมแผ้วถางพื้นที่เดียวกับคนอื่นได้หรือไม่?” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ได้ แต่ตอนพวกท่านลงทะเบียนจะต้องใช้ชื่อคนคนเดียว เช่นนี้พวกเราจะได้สะดวกคำนวณค่าแรง” 


 


 


ยังมีคนถามอีก “ลงพื้นที่แบบรายวันกับแบบเหมา อย่างไหนคุ้มกว่ากัน?” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า “เรื่องนี้ข้าก็ไม่รู้แล้ว ทำงานรายวันขอเพียงให้ขยันขันแข็ง วันหนึ่งรับประกันว่าได้แน่นอนสามสิบอีแปะ แต่ถ้าทำแบบเหมาพื้นที่ ถ้าทำเร็ว บางทีวันหนึ่งอาจจะทำได้ห้าถึงหกสิบอีแปะ ทำงานช้าอาจจะไม่ได้เลย อยู่ที่พวกท่านแล้วว่าจะทำอย่างไร” 


 


 


คนในหมู่บ้านไม่ว่าจะชายหญิงคนหนุ่มคนเฒ่า ต่างทำงานใช้แรงมาตลอด ไฉนเลยจะมีคนทำงานช้า ได้ยินเมิ่งเชี่ยนโยวพูดเช่นนี้ คนที่เดิมคิดจะทำงานรายวันเริ่มสั่นคลอนแล้ว 


 


 


ผู้ใหญ่บ้านโบกมือ ให้ทุกคนสงบลง พูดว่า “คนที่คิดได้แล้ว ให้รีบมาลงทะเบียน” 


 


 


ฝูงคนเฮโลเข้าไป เบียดจนโต๊ะเกือบล้มคว่ำ 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวมุ่นหัวคิ้ว 


 


 


ผู้ใหญ่บ้านตวาดใส่ฝูงคน “เข้าแถวให้เรียบร้อย เข้ามาทีละคน ถ้ายังเบียดกันมั่วแบบนี้ ใครก็ไม่ต้องมาทำงานแล้ว อีกอย่าง ถ้าจะทำแบบเหมาพื้นที่ ส่งคนในครอบครัวมาลงทะเบียนคนเดียวก็พอ” 


 


 


ฝูงคนถอยกรูด เข้าแถวอย่างเป็นระเบียบ 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวร้องบอกกับจางจู้ จางเกิน “ลุงใหญ่ ลุงรอง พวกท่านเข้ามาตรงนี้หน่อย” 


 


 


จางจู้ จางเกินเดินมาด้านหน้า 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “พวกท่านเลือกคนมาจำนวนหนึ่งก่อน แล้วตามข้าขึ้นไปบนเขา ข้าจะบอกพวกท่านว่าต้องแบ่งพื้นที่อย่างไร” 


 


 


จางจู้ จางเกินพยักหน้า เลือกคนจำนวนหนึ่งออกมา หนึ่งในนั้นมีหลี่ฝูบุตรชายผู้ใหญ่บ้านด้วย 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวบอกกับคนทั้งหมด “นับแต่นี้ไปพวกท่านมีหน้าที่แบ่งเขตพื้นที่ และตรวจสอบว่าคนอื่นๆ ว่าทำงานผ่านหรือไม่ อีกเดี๋ยวข้าจะบอกความต้องการในการแผ้วถางกับพวกท่าน หากมีใครทำไม่ผ่าน จะต้องให้พวกเขาทำใหม่ ทำได้ดีถึงจะได้รับเงินค่าแรง” 


 


 


ทุกคนพยักหน้า 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวพูดอีก “งานของพวกท่านค่อนข้างลำบาก จะได้คนละห้าสิบอีแปะต่อวัน” 


 


 


คนทั้งหมดยินดีปรีดา หลี่ฝูกลับขยี้หัวพูดอย่างเก้อเขิน “ข้าไม่ต้องทำงานก็ได้ห้าสิบอีแปะ จะไม่เหมาะสมหรือเปล่า” 


 


 


ในกลุ่มคนมีคนพูดสัพยอกเขา “หลี่ฝู ไม่ต้องทำงานก็ได้เงินห้าสิบอีแปะ นี่เป็นเรื่องที่ข้าฝันมาตลอด หากเจ้าไม่ยินดี หลีกทางให้ข้าก็ได้” 


 


 


หลี่ฝูหัวเราะอย่างคนซื่อ 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “ใครบอกว่าพวกท่านไม่ต้องทำงาน งานของพวกท่านมีเยอะมาก อันดับแรกพวกท่านต้องวัดขนาด แบ่งเป็นพื้นที่แตกต่างกัน จากนั้นต้องตรวจตราคนอื่น จะต้องเก็บทำความสะอาดพื้นที่แผ้วถางให้หมดจด ปรับพื้นที่ให้เรียบเตียน พื้นที่ไหนไม่ผ่านต้องให้พวกเขาทำซ้ำ สองเรื่องนี้ดูแล้วเหมือนง่าย แต่พอทำเข้าจริงๆ จะเหนื่อยกว่างานของพวกเขามาก” 


 


 


ได้ยินนางพูดเช่นนี้ หลี่ฝูถึงรู้สึกสงบใจลงได้ 


 


 


ผู้ใหญ่บ้านเริ่มให้คนที่มาเข้าแถวลงทะเบียน เมิ่งเชี่ยนโยวพาคนที่ถูกเลือกออกมาขึ้นเขา บอกพวกเขาก่อนว่าต้องแบ่งพื้นที่อย่างไร พื้นที่ที่แตกต่างกันจะได้ค่าแรงประมาณเท่าไหร่ ทั้งบอกพวกเขาอย่างละเอียดว่าต้องแผ้วถางภูเขาร้างให้ลึกและหนาแค่ไหน 


 


 


คนทั้งหมดพยักหน้ารับ 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวกำชับพวกเขาเป็นพิเศษ จะต้องให้ชาวบ้านแผ้วถางภูเขาร้างตามที่ตนเองต้องการ ไม่เช่นนั้นของที่จะนำมาปลูกภายหน้าจะไม่งอก 


 


 


ทุกคนรับประกัน จะให้ชาวบ้านแผ้วถางภูเขาร้างตามที่นางต้องการ 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า ลงเขามาพร้อมกับทุกคน 


 


 


ผู้ใหญ่บ้านยังรับลงทะเบียนไม่เสร็จ 


 


 


จางจู้ จางเกิน หลี่ฝูและคนอื่นๆ กลับบ้านไปเอาเครื่องมือวัดแล้วกลับขึ้นเขาไปแบ่งพื้นที่ 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งข้างโต๊ะรอผู้ใหญ่บ้านลงทะเบียนเสร็จ 


 


 


ภรรยาผู้ใหญ่บ้านยกน้ำถ้วยหนึ่งออกมาวางตรงหน้านาง 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวขอบคุณ ยกขึ้นดื่มสองสามคำ 


 


 


บิดามารดาจางจู้ได้ยินจางจู้บอกตอนที่กลับมาเอาเครื่องมือว่าเมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งเสียนมา ก็ตามมาด้วย เห็นนางนั่งอยู่ข้างเก้าอี้ ร้องเรียกนางจากด้านหลังกลุ่มคน “โยวเอ๋อร์” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวได้ยินเสียงร้องของพวกเขา ลุกขึ้นยืน เดินมาเบื้องหน้าพวกเขา แย้มยิ้มเรียกคน “ท่านตา ท่านยาย” 


 


 


แม่ของจางจู้กำมือนางแน่น พูดโอดครวญ “เจ้าหลานคนนี้ ครั้งก่อนมาก็ไม่ได้กลับไปบ้าน ครั้งนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องกลับบ้านไปกับยาย ยายจะทำของอร่อยให้กิน” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวคิดว่าตอนเที่ยงไม่มีธุระอะไร พยักหน้ารับปาก “ขอบคุณท่านยาย ประเดี๋ยวข้าทำธุระเสร็จจะตามไป” 


 


 


แม่จางจู้ได้ยินนางรับปาก ก็ดีใจมาก รีบพูดทันที “ยายจะกลับไปทำอาหารเดี๋ยวนี้ ประเดี๋ยวเจ้าเสร็จธุระแล้วก็ตามมา” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มรับคำ พูดกับเมิ่งเสียนที่จูงรถม้ารออยู่ด้านข้างมาตลอด “พี่ใหญ่ ท่านกลับไปกับท่านยายท่านตาก่อนเถอะ ข้าเสร็จธุระแล้วจะตามไป” 


 


 


เมิ่งเสียนรู้ว่าตัวเองช่วยอะไรนางไม่ได้ พยักหน้า ให้สองผู้เฒ่าขึ้นบนรถม้า บังคับรถม้ามุ่งหน้าไปบ้านจางจู้ 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวกลับมายืนข้างโต๊ะ คนในหมู่บ้านส่วนใหญ่ลงทะเบียนเสร็จแล้ว กลับบ้านไปหยิบฉวยเครื่องมือทำงาน ขึ้นเขาลงมือทำงาน เหลือแค่สิบกว่าคนที่ยังเข้าแถวรอ 


 


 


ไกลออกไปมีคนวิ่งเข้ามา เห็นผู้ใหญ่บ้านยังรับลงทะเบียน ไม่ไปต่อแถว เดินมาข้างโต๊ะทันที ร้องพูดกับผู้ใหญ่บ้านเสียงดังลั่น “ผู้ใหญ่บ้าน ครอบครัวพวกเราก็จะไปแผ้วถางภูเขาร้างด้วย” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวมองคนที่มา หลุดขำออกมา 


 


 


แม่จางเถี่ยไม่คิดว่าเมิ่งเชี่ยนโยวจะมานั่งที่โต๊ะด้วย นิ่งอึ้ง 


 


 


ผู้ใหญ่บ้านเงยหน้า เห็นว่าเป็นนาง มองเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างลำบากใจ 


 


 


คนที่ต่อแถวไม่ทนแล้ว ร้องโวยวาย “ไปต่อแถวด้านหลัง พวกเราต่อมาตั้งนานแล้ว เจ้ามีสิทธิ์อะไรวิ่งไปข้างหน้า?” 


 


 


แม่จางเถี่ยกำลังจะสบถคำด่า เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวกำลังมองมาที่นางเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม ตกใจรีบวิ่งแจ้นกลับไปต่อแถวด้านหลังแต่โดยดี 


 


 


ในที่สุดก็ถึงตาแม่จางเถี่ย ผู้ใหญ่บ้านมองเมิ่งเชี่ยนโยวแวบหนึ่ง พูดกับนางอย่างลำบากใจ “แม่จางเถี่ย ครอบครัวพวกเจ้าเพิ่งจะได้เงินไปสามสิบตำลึงไม่ใช่หรือ? เหตุใดยังต้องไปแผ้วถางภูเขาร้างอีก” 


 


 


แม่จางเถี่ยไม่ยอมแล้ว พูดว่า “ผู้ใหญ่บ้าน ท่านพูดแบบนี้ไม่ถูกต้องแล้ว พวกเรามีเงินก็จริง แต่จะเพราะมีเงินแล้วไม่ทำงานไม่ได้” 


 


 


ผู้ใหญ่บ้านสะอึกกึก มองเมิ่งเชี่ยนโยว 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “ท่านไม่ต้องมองข้า ไม่ว่าใคร ขอเพียงทำงานแข็งขันก็พอ” 


 


 


แม่จางเถี่ยแม้จะนิสัยไม่ดี ชอบเอาเปรียบคน แต่เรื่องทำงานไม่เป็นรองใคร ผู้ใหญ่บ้านได้ยินเมิ่งเชี่ยนโยวพูดเช่นนี้ เข้าใจทันที ถามขึ้น “เจ้าจะทำงานแบบรายวันหรือเหมาพื้นที่” 


 


 


แม่จางเถี่ยครุ่นคิด ตอบว่า “เหมาพื้นที่” 


 


 


ผู้ใหญ่บ้านทำการลงทะเบียนให้นาง แม่จางเถี่ยเดินหน้าบานกลับบ้านไปหยิบเครื่องมือออกไปทำงาน 


 


 


ผู้ใหญ่บ้านนำสมุดลงทะเบียนวางไว้ตรงหน้าเมิ่งเชี่ยนโยว พูดว่า “แม่นางเมิ่ง คนในหมู่บ้านมาลงทะเบียนกันเกือบทั้งหมดแล้ว เจ้าดูก่อนว่ามีคนไหนไม่เหมาะสมหรือไม่?” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแล้วผลักสมุดลงทะเบียนกลับไป พูดว่า “ไม่ต้องดูแล้ว ผู้ใหญ่บ้านรู้จักคนในหมู่บ้านดี รู้ว่าพวกเขามีนิสัยอย่างไร เมื่อท่านบอกว่าใช้ได้ก็จะต้องใช้ได้” 


 


 


ผู้ใหญ่บ้านไม่คิดว่าเมิ่งเชี่ยนโยวจะเชื่อตนเองเช่นนี้ รู้สึกตกใจที่ได้รับการเอ็นดู 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูดดับผู้ใหญ่บ้านอีกว่า “ข้ารู้ว่าท่านยุ่งมาก แต่ข้าก็ยังอยากขอให้ท่านช่วยอีกเรื่อง ไม่ทราบว่าจะได้หรือไม่?” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวตอบกลับ “เรื่องอะไร? เชิญพูด” 


 


 


“ข้าอยากให้ท่านช่วยทำบันทึกอย่างละเอียด ว่าแต่ละครอบครัวเหมาพื้นที่เท่าใด ข้าจะได้ทำเรื่องจ่ายค่าแรงง่ายขึ้น งานของท่านนี้ต้องวิ่งมาวิ่งไประหว่างภูเขาหลายลูก ค่อนข้างลำบาก ข้าจะให้ค่าแรงท่านวันละห้าสิบอีแปะ” เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ 


 


 


คนชนบทยากจนข้นแค้น คนที่จะให้บุตรหลานตัวเองได้เรียนหนังสือมีไม่กี่ครอบครัว ดังนั้นคนชนบทจึงรู้หนังสือแค่ไม่กี่คน แม้เมิ่งเชี่ยนโยวไม่พูด ผู้ใหญ่บ้านก็คิดจะช่วยนางเรื่องนี้ ตอนนี้เมิ่งเชี่ยนโยวเสนอเอง ผู้ใหญ่บ้านย่อมตบปากรับคำ ทว่าพอได้ยินว่าจะได้เงินค่าแรงอีกวันละห้าสิบตำลึง ก็โบกมือปฏิเสธ “ไม่ต้องแล้ว นี่เป็นเรื่องที่ข้าสมควรทำแล้ว แม่นางไม่พูด ข้าก็ต้องจดบันทึกข้อมูลให้เจ้า” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวได้ยินผู้ใหญ่บ้านพูดเช่นนี้ ทำให้รู้ว่าเขาไม่เคยคิดต้องการเงินต่าแรง ลอบชื่นชมในใจ ผู้ใหญ่บ้านที่ดีเช่นนี้หาได้ยากจริงๆ เผยอยิ้มแล้วพูดว่า “ได้อย่างไรกัน? หากท่านไม่ยินรับเงินค่าแรง ข้าจะไม่ให้ท่านเป็นผู้จดบันทึก ข้าจะไปจ้างคนจากที่อื่นมาทำ” 


 


 


ผู้ใหญ่บ้านได้ยินนางพูดเช่นนี้ จำต้องยอมรับ 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวพูดต่อ “ข้ายังต้องการรับสมัครคนต้มน้ำสุกจำนวนหนึ่งพร้อมป้าใหญ่และป้ารองของข้า ส่งให้คนที่มาทำงานบนเขาทุกวัน ข้าเห็นในบ้านท่านยังมีคนว่างงาน ไม่เช่นนั้นก็ใช้พวกเขาเถอะ เพียงแค่ค่าแรงน้อยหน่อย ได้วันละสามสิบอีแปะต่อคน แต่ถ้าพวกท่านไปเก็บฟืนเอง จะได้วันละห้าสิบอีแปะ” 


 


 


ภรรยาผู้ใหญ่บ้านและภรรยาหลี่ฝูได้ยินว่าผู้ใหญ่บ้านและหลี่ฝูมีงานทำแล้ว รู้ว่าครอบครัวตัวเองรับเหมางานพื้นที่ไม่ไหว ก็ให้รู้สึกผิดหวัง ตอนนี้ได้ยินเมิ่งเชี่ยนโยวพูดเช่นนี้ ต่างก็มองมาที่ผู้ใหญ่บ้านอย่างยินดี 


 


 


ผู้ใหญ่บ้านเองก็ดีใจมาก รับคำอย่างเบิกบาน 


 


 


สุดท้ายเมิ่งเชี่ยนโยวพูดกับผู้ใหญ่บ้านว่า “ข้ายังมีธุระอื่นที่บ้าน คงไม่มีเวลามาที่นี่ทุกวัน เรื่องแผ้วถางภูเขาร้างมอบให้ท่านแล้ว ตอนที่ท่านลงบันทึก จะต้องให้คนงานทำตามที่ข้าบอกอย่างเคร่งครัด หากมีตรงไหนไม่ผ่านจะต้องให้พวกเขาทำซ้ำ” 


 


 


ผู้ใหญ่บ้านรับประกัน “วางใจเถอะ แม่นางเมิ่ง จะไม่มีพื้นที่ไม่ผ่านสักแปลงเดียว” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า ทั้งบอกความต้องการกับเขาโดยละเอียด 


 


 


ผู้ใหญ่บ้านหยิบกระดาษพู่กัน จดอย่างจริงจัง รับประกันเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าตนเองจะตรวจตราพวกชาวบ้านตามข้อเรียกร้องของนาง 


 


 


คุยเรื่องทุกอย่างเสร็จ เมิ่งเชี่ยนโยวลุกขึ้นบอกลา ผู้ใหญ่บ้านรู้ว่านางจะไปบ้านจางจู้ ไม่ได้รั้งนางไว้ 

 

 

 


ตอนที่ 150.2

 

อยากตายรึ ข้าจะสงเคราะห์ให้เอง

 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวมองดูทิศทางคร่าวๆ ก้าวเท้ามุ่งหน้าเดินไปบ้านจางจู้อย่างสบายอารมณ์


 


 


สะใภ้จางจู้และสะใภ้จางเกินเดิมคิดจะพาเด็กๆ ไปรับเหมาพื้นที่สักแปลงด้วยกัน แม่จางจู้ไม่เห็นด้วย บอกให้รอเมิ่งเชี่ยนโยวมาแล้วค่อยถามว่ามีอะไรให้ช่วยหรือไม่ก่อน ถ้าไม่มี พวกนางค่อยไปลงทะเบียนก็ยังไม่สาย


 


 


สะใภ้จางจู้และสะใภ้จางเกินพยักหน้าตกลง อยู่เตรียมอาหารเที่ยงพร้อมกับแม่สามีของตัวเอง จางเฉาและจางวั่งบุตรชายสองคนของจางจู้และลูกๆ ของสะใภ้จางเกินล้อมรถม้าอย่างดีใจ วิงวอนขอเมิ่งเสียนให้ตัวเองขึ้นไปบังคับบ้าง


 


 


เมิ่งเสียนพยักหน้า สาธิตวิธีการบังคับรถม้าให้เขาหนึ่งรอบ ก็มอบบังเ**ยนกับมือจางเชา


 


 


จางเชาโตจนป่านนี้ แม้แต่รถเทียมเกวียนยังไม่เคยบังคับ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงรถม้า ทั้งตื่นเต้นและดีใจ มือคว้าบังเ**ยนไว้แน่น ม้าไม่สบายตัว ส่งเสียงฟึดฟัด เด็กๆ ตกใจสะดุ้งโหยง


 


 


เมิ่งเสียนให้เขาคลายบังเ**ยนในมือ บอกเคล็ดลับการบังคับรถม้า จางเชาบังคับรถม้าเดินไปข้างหน้าสองสามก้าวอย่างระวัง เห็นม้าไม่ขัดขืน ก็ให้ดีใจ ร้องบอกกับทุกคน “พวกเจ้าดูเร็ว ข้าบังคับรถม้าได้แล้ว”


 


 


เมิ่งเสียนหลุดขำ พูดว่า “พี่ใหญ่ ท่านต้องนั่งบนคานรถ ให้ม้าวิ่งถึงจะถูกต้อง”


 


 


บุตรชายคนโตของจางจู้ขยี้หัว พูดว่า “ข้าไม่กล้า”


 


 


“มีอะไรต้องไม่กล้ากัน ข้าสอนให้” พูดจบส่งสัญญาณให้เขาขึ้นไปนั่งบนคานรถ จับบังเ**ยนให้ดี ตนเองไปนั่งบนคานรถอีกด้าน บอกเขาว่าต้องบังคับรถม้าอย่างไร


 


 


จางเชาลองสะบัดบังเ**ยนเบาๆ ม้าค่อยๆ เดินไปข้างหน้า จางเชาตื่นเต้นยินดี สะบัดบังเ**ยนอีกครั้ง ม้าควบเหยาะๆ จางเชายิ่งตื่นเต้น หันไปพูดกับคนที่อยู่ด้านหลัง “พวกเจ้าดูเร็ว ข้าบังคับรถม้าเป็นแล้วจริงๆ” โดยทำให้บังเ**ยนในมือตึงเกินไป ม้าเจ็บ ร้องครวญเสียงลั่น วิ่งควบทะยานออกไป


 


 


จางเชาตกใจ ยิ่งดึงบังเ**ยนในมือแน่นขึ้น หมายจะให้ม้าหยุดวิ่ง ไม่คิดว่าม้าจะวิ่งเร็วกว่าเดิม ตกใจร้องลั่น “เมิ่งเสียน รถม้าตกใจแล้ว”


 


 


เมิ่งเสียนรีบพูด “ท่านพี่ รีบคลายบังเ**ยนในมือท่าน”


 


 


จางเชาได้ยิน ปล่อยบังเ**ยนออกทั้งหมด


 


 


เมิ่งเสียนมือไวตาไวคว้าบังเ**ยนที่เกือบจะไหลลงพื้นไปหมด กระตุกเบาๆ ม้าค่อยๆ ลดความเร็วลง


 


 


เมิ่งเสียนกำลังจะถอนใจโล่งอก ด้านข้างกลับมีคนเดินพุ่งออกมา ขวางหน้ารถม้า


 


 


เมิ่งเสียนตกใจ รีบดึงบังเ**ยน หมายจะให้ม้าหยุดวิ่ง แต่เหมือนม้าก็ตกใจเช่นกัน ร้องฟึดฟัดวิ่งเร็วกว่าเดิม เมิ่งเสียนรีบยืนบนคานรถ ดึงบังเ**ยนสุดแรง ม้าเลี้ยวหลบไปอีกด้าน วิ่งผ่านคนผู้นั้นไปอย่างเฉียดฉิว


 


 


คนผู้นั้นตกใจร้องโอดโอย ล้มนั่งไปกับพื้น


 


 


หญิงสาวคนหนึ่งวิ่งออกมาจากบ้าน เห็นบุตรสาวตกใจล้มนั่งไปกับพื้น ตะเบ็งเสียงร้องลั่น “ช่วยด้วย รถม้าชนคนแล้ว”


 


 


เที่ยงแล้ว หญิงสาวที่ไปทำงานบนเขาต่างทยอยกันกลับมากินข้าวเที่ยง ได้ยินเสียงร้องแหลมของนาง ต่างทยอยกันมาดูว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น


 


 


เมิ่งเสียนและจางเชาก็ได้ยินเสียงร้องตะโกน จางเชาหน้าเสียซีดขาวฉับพลัน เมิ่งเสียนก็ใจหายวาบ ค่อยๆ บังคับม้าให้หยุด ทั้งสองสบตากัน จางเชาถามด้วยเสียงสั่นเครือ “พวกเราคงไม่ได้ชนใครตายดอกนะ?”


 


 


เมิ่งเสียนส่ายหน้า “เปล่า ข้าเห็นรถม้าเบี่ยงข้ามตัวนางไป น่าจะแค่สัมผัสถูกนิดหน่อย”


 


 


จางเชาถามด้วยเสียงปนสะอื้น “เช่นนั้นจะทำอย่างไรดี?”


 


 


เมิ่งเสียนหยุดรถม้าพูด “เจ้าดูรถม้าให้ดี ข้าจะเข้าไปดู”


 


 


จางเชาตกใจลนลานโบกมือ “ข้าไม่กล้า”


 


 


เมิ่งเสียนเห็นเขาร้อนรนจนเกือบจะร้องไห้ออกมา ไม่มีทางเลือก จำต้องจูงรถม้าค่อยๆ เดินกลับมา


 


 


บริเวณที่มีคนล้มเริ่มมีคนมุงไม่น้อยแล้ว ชี้มือชี้ไม้พูดซุบซิบนินทาคนที่ล้มนอนไปกับพื้น เห็นเมิ่งเสียนจูงรถม้ากลับมา ก็หลีกทางให้


 


 


เมิ่งเสียนเดินมาใกล้ ถึงเห็นว่าคนที่ล้มไปกับพื้นก็คือเฉาเอ๋อร์บุตรสาวของชิงเอ๋อร์


 


 


ชิงเอ๋อร์พอเห็นว่าคนที่จูงรถม้าคือเมิ่งเสียน นัยน์ตากลิ้งกลอก ล้มฟุบไปกับร่างเฉาเอ๋อร์ ร้องคร่ำครวญ “เฉาเอ๋อร์เอ๊ย ลูกสาวที่อาภัพของแม่ หากเจ้าเป็นอะไรไป แม่จะมีชีวิตอยู่อย่างไร”


 


 


เฉาเอ๋อร์เพียงแค่ตกใจ ถึงล้มไปกับพื้น ได้ยินชิงเอ๋อร์ร้องไห้คร่ำครวญ เอ่ยปากพูด “ท่านแม่ ข้าไม่”


 


 


ชิงเอ๋อร์ใช้มือแอบหยิกตัวนาง ใช้เสียงร้องโหยไห้ของตนเองกลบเสียงนาง “ลูกแม่ แม่รู้ว่าเจ้าจะพูดอะไร เจ้าวางใจ แม่จะต้องทวงคืนความยุติธรรมให้เจ้า”


 


 


เฉาเอ๋อร์ถูกหยิก เจ็บจนอยากจะอ้าปากร้อง กลับเห็นชิงเอ๋อร์ร้องไปส่งสายตาให้นางไม่หยุดไป ถึงได้เข้าใจ แสร้งพูดเสียงเล็กเสียงน้อยอย่างอ่อนแรง “ท่านแม่ ข้าเจ็บไปหมดทั้งตัว ข้าจะตายแล้วใช่หรือไม่?”


 


 


ชิงเอ๋อร์ยิ่งแผดเสียงร้องดังกว่าเดิม


 


 


หญิงสาวที่มามุงดูมองสองแม่ลูกอย่างเห็นใจ


 


 


สามีชิงเอ๋อร์ได้ยินเสียงร้องไห้ด้านนอก ออกมาจากในบ้าน เห็นบุตรสาวตนเองนอนอยู่บนพื้น สะดุ้งตกใจ รีบวิ่งเข้ามาถามไถ่ “เฉาเอ๋อร์เป็นอะไรไป?”


 


 


ชิงเอ๋อร์แผดเสียงร่ำไห้พูด “พ่อเอ๊ย เฉาเอ๋อร์ที่แสนอาภัพของเราถูกรถม้าชน”


 


 


สามีชิงเอ๋อร์ด้านหนึ่งถาม “ชนตรงไหน ร้ายแรงหรือไม่?” ด้านหนึ่งคิดจะประคองเฉาเอ๋อร์ ตรวจดูบาดแผลบนตัวนาง


 


 


ชิงเอ๋อร์ก็ร้องไห้แอบหยิบเขาทีหนึ่ง


 


 


มือที่ประคองเฉาเอ๋อร์ของชายหนุ่มหยุดชะงัก เงยหน้ามองดู ถึงเห็นเมิ่งเสียนจูงรถม้ายืนอยู่เบื้องหน้า นัยน์ตากลิ้งกลอก เปล่งเสียงดังพูดใส่เขา “ยืนบื้ออะไรอยู่? ยังไม่รีบประคองเฉาเอ๋อร์ขึ้นรถม้า ไปให้หมอดูอาการ”


 


 


เมิ่งเสียนไม่ขยับ


 


 


จางเชาร้อนรนคิดจะเข้าไปประคองเฉาเอ๋อร์ ชิงเอ๋อร์ขวางเขา “ไม่ใช่เจ้าที่ชนเฉาเอ๋อร์ มีสิทธิ์อะไรมาประคองนาง ใครชนคนนั้นก็มาประคอง”


 


 


จางเชาหันกลับไปมองเมิ่งเสียน


 


 


เมิ่งเสียนเม้มริมฝีปาก ยังคงไม่ขยับ


 


 


ชิงเอ๋อร์แผดเสียงร้องโหยหวนหนักขึ้น “ทุกคนมาดูเถิด ยังมีคุณธรรมบ้างไหม ชนเฉาเอ๋อร์ของพวกเราแล้ว แม้แต่จะช่วยประคองนางขึ้นมาก็ยังไม่ยินดี”


 


 


จางเชาเห็นคนมุงดูมากขึ้นเรื่อยๆ ร้อนรนพูด “น้องชาย เจ้ารีบเข้ามาประคองนางเถอะ พวกเราพาเขาไปหาหมอ ถ้าชักช้า เกิดเรื่องขึ้นจะเดือนร้อน”


 


 


เมิ่งเสียนเม้มริมฝีปาก ลังเลว่าจะเข้าไปดีหรือไม่ ครู่หนึ่งถึงพูดขึ้น “พวกเจ้าประคองนางไปที่รถม้าของข้าเถอะ”


 


 


ชิงเอ๋อร์และสามีไม่ยินยอม เปล่งเสียงร้องพูด “เจ้าเป็นคนชนก็ควรเป็นเจ้ามาประคอง ทำไมต้องให้พวกเราประคองเอง?”


 


 


เมิ่งเสียนเห็นพวกเขาเอาแต่บอกปัด หลุบหรี่ดวงตา พูดขึ้นอีกครั้ง “รถม้าข้าตกใจง่าย หากข้าเข้าไปประคองนาง รถม้าข้าไปชนคนอื่นอีกจะไม่ดี พวกท่านประคองนางขึ้นมาก่อนเถอะ”


 


 


คนโดยรอบได้ยินเขาพูดเช่นนี้ เกลี้ยกล่อมชิงเอ๋อร์ด้วยเจตนาดี “ชิงเอ๋อร์ เจ้ารีบประคองเฉาเอ๋อร์ไปหาหมอก่อนเถอะ เวลาล่วงมานานแล้ว หากพวกเจ้ายังไม่ไป ถ้าเฉาเอ๋อร์เป็นอะไรขึ้นมา พวกเจ้าเสียใจก็ไม่ทันการแล้ว”


 


 


ชิงเอ๋อร์รู้ว่าเฉาเอ๋อร์ไม่เป็นอะไร ที่ยืนหยัดจะให้เมิ่งเสียนมาประคองให้ได้ เพราะอยากใช้การสัมผัสเนื้อต้องตัวของเมิ่งเสียนและเฉาเอ๋อร์มาเป็นข้ออ้างติดพันเขา ไม่คิดว่าเมิ่งเสียนจะไม่ติดกับ ส่วนชาวบ้านก็เอาแต่พูดเตือนด้วยความหวังดีไม่หยุด ชิงเอ๋อร์กลัวว่านานเข้า เฉาเอ๋อร์จะทำแผนแตก รีบหันไปพูดข่มขู่เมิ่งเสียน “เจ้าไม่เข้ามาประคองนาง พวกเราจะให้นางตายอยู่ตรงนี้ ให้ชีวิตนี้เจ้าไม่มีวันได้อยู่สุข”


 


 


จางวั่งบุตรชายคนเล็กของจางจู้เห็นรถม้าวิ่งเตลิด รีบร้องตะโกนจากนอกลานบ้าน “ท่านแม่ ท่านรีบออกมาดู รถม้าของพี่ใหญ่วิ่งเตลิดไปแล้ว”


 


 


สะใภ้จางจู้และสะใภ้จางเกินได้ยินเสียงร้องตะโกนของเขารีบวิ่งออกมา ถามเขาว่าเกิดเรื่องอะไร จางวั่งรีบบอกเรื่องที่พวกเขาอยากเรียนบังคับรถม้า สุดท้ายจางเชากลับทำให้รถม้าตกใจวิ่งเตลิดไป


 


 


สะใภ้จางจู้และสะใภ้จางเกินได้ยินว่ารถม้าวิ่งเตลิด ก็ตกใจมาก ยกเท้าวิ่งไปทางที่รถม้าวิ่งไป


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวกำลังเดินเอ้อระเหยเข้ามา เห็นทั้งสองคนวิ่งกระหืดกระหอบ ร้องถามอย่างประหลาดใจ “ป้าใหญ่ ป้ารอง พวกท่านจะรีบร้อนวิ่งไปไหน?”


 


 


ทั้งสองเห็นว่าเป็นนาง ลุกลนตอบกลับ “เชาเอ๋อร์และเสียนเอ๋อร์บังคับรถม้าวิ่งเตลิด ไม่รู้จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือไม่ พวกเราจะรีบไปดู”


 


 


พอได้ยินว่ารถม้าเตลิด เมิ่งเชี่ยนโยวก็สะดุ้งตกใจ รีบตามพวกเขาไป


 


 


เห็นฝูงคนมุงข้างถนนลิบๆ เมิ่งเสียนจูงรถม้ายืนด้านข้าง สะใภ้จางจู้พูดขึ้น “แย่แล้ว ชนคนเข้าแล้วจริงๆ”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวรีบเดินไม่กี่ก้าวมาถึงด้านนอกของกลุ่มคนที่รุมล้อม ยังไม่ทันได้เข้าไป ก็ได้ยินเสียงข่มขู่ของชิงเอ๋อร์ หยุดชะงักฝีเท้า มุ่นหัวคิ้ว


 


 


สะใภ้จางจู้และสะใภ้จางเกินก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา กำลังจะซักถามอย่างร้อนใจ เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือให้พวกเขา ทั้งสองมองนางอย่างข้องใจ ไม่พูดอะไร


 


 


ชิงเอ๋อร์พูดข่มขู่จบ เมิ่งเสียนก็ยังไม่เคลื่อนไหว


 


 


จางเชาร้อนใจจนเกือบจะร้องไห้ออกมา ใช้น้ำเสียงเจือสะอื้นพูดกับเมิ่งเสียน “น้องชาย เจ้ารีบเข้ามาประคองนางเถอะ”


 


 


เมิ่งเสียนพูด “ชายหญิงไม่ควรใกล้ชิด ข้าไม่มีทางประคองนาง”


 


 


ชิงเอ๋อร์เห็นเขาไม่ติดกับ ดวงตากลิ้งกลอก พูดข่มขู่อีกครั้ง “หากวันนี้เจ้าไม่ประคองบุตรสาวพวกเราไปหาหมอ เจ้าก็อย่าหวังจะได้ไป”


 


 


เมิ่งเสียนยังคงไม่พูดอะไร เสียงของเมิ่งเชี่ยนโยวก็ดังขึ้นจากด้านนอกกลุ่มคน “งั้นหรือ?”


 


 


คนทั้งหมดหันกลับหลัง เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวสะใภ้จางจู้และสะใภ้จางเกินยืนอยู่ด้านนอกกลุ่มคน รีบแยกตัวออก ให้พวกนางเข้ามา


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้ามาอย่างไม่รีบไม่ร้อน


 


 


ชิงเอ๋อร์เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวเข้ามา ตัวหดห่ออย่างไม่รู้ตัว


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวเดินมาตรงหน้านาง มองนางเหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้ม


 


 


ชิงเอ๋อร์หลบสายตาอย่างร้อนตัว


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวพินิจมองเฉาเอ๋อร์ครู่หนึ่ง เฉาเอ๋อร์ก็หวาดกลัว กระเถิบเข้าหาชิงเอ๋อร์


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวหรี่หลุบดวงตา ถามเสียงอ่อนโยน “ไม่ทราบว่ารถม้าของพวกเราชนตรงไหนของเจ้าเข้า หากว่าร้ายแรงพวกเราจะพาเจ้าไปหาหมอ”


 


 


เฉาเอ๋อร์อึกๆ อักๆ พูดไม่ออก


 


 


ชิงเอ๋อร์พูดอย่างไม่กลัวตาย “ตอนนี้เฉาเอ๋อร์ขยับตัวไม่ได้แล้ว จักต้องชนไม่เบา”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวถามอย่างมีความหมายแฝง “งั้นหรือ?”


 


 


ชิงเอ๋อร์ตอบอย่างหนักแน่น “แน่นอน”


 


 


สิ้นเสียงนาง เมิ่งเชี่ยนโยวก็ยกเท้า เตะเฉาเอ๋อร์เต็มแรง เฉาเอ๋อร์ร้องครวญคราง เจ็บจนกลิ้งไปมาหลายครั้ง


 


 


กลุ่มคนที่มุงดูร้องอุทาน


 


 


ชิงเอ๋อร์ไม่คิดว่านางจะเตะเฉาเอ๋อร์เต็มแรงต่อหน้าคนมุงดูมากมายเช่นนี้ ตะลึงงันแล้วคลานไปร้องครวญข้างเฉาเอ๋อร์ “เฉาเอ๋อร์ เจ้าไม่เป็นอะไรนะ?”


 


 


ครั้งนี้เฉาเอ๋อร์เจ็บจนพูดไม่ออกจริงๆ

 

 

 


ตอนที่ 150.3

 

 อยากตายรึ ข้าจะสงเคราะห์ให้เอง

 


 


 


เสียงเย็นเยียบของเมิ่งเชี่ยนโยวดังขึ้น “ก็ยังเคลื่อนไหวได้ไม่ใช่หรือ? ดูท่าจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”


 


 


สามีชิงเอ๋อร์พูดอย่างเคืองขุ่น “นังตัวดีรังแกกันเกินไปแล้ว อย่าคิดว่าเจ้าซื้อภูเขาร้างของหมู่บ้าน ผู้ใหญ่บ้านเอาอกเอาใจเจ้า เจ้าก็จะทำอะไรได้ตามใจ ข้าจะบอกให้ว่า พวกเราไม่ใช่คนของหมู่บ้านนี้ พวกเราไม่กลัวเจ้า วันนี้ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ต้องมีคำตอบให้พวกเรา ไม่เช่นนั้นพวกเราจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวร้อง “อ่อ” แล้วถาม “คำตอบอะไร?”


 


 


สามีชิงเอ๋อร์มองเฉาเอ๋อร์แวบหนึ่ง พูดว่า “ข้อแรก เฉาเอ๋อร์ถูกรถม้าชนอาการหนัก พวกเราจะพานางไปหาหมอ พวกเจ้าต้องชดใช้เงินให้พวกเรา”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ได้”


 


 


สามีชิงเอ๋อร์ชี้เมิ่งเสียนแล้วพูด “ข้อสอง หากเฉาเอ๋อร์ของพวกเราเป็นอะไรขึ้นมา มีโรคประหลาดติดตัวเพราะเหตุการณ์ครั้งนี้ จักต้องให้เขารับผิดชอบ”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะ มองเขาแล้วถาม “พวกเจ้าอยากให้พี่ใหญ่ข้ารับผิดชอบอย่างไร”


 


 


สามีชิงเอ๋อร์ถอยหลังไปเล็กน้อยอย่างระวัง พูดอย่างไม่กลัวตาย “เขาจะต้องแต่งงานกับเฉาเอ๋อร์”


 


 


“ถุย!” สะใภ้จางจู้ทนไม่ไหวแล้ว สบถแล้วพูดอย่างโมโห “เจ้าคนหน้าไม่อาย พวกเจ้าฝันไปเถอะ”


 


 


ชิงเอ๋อร์พูดอย่างไม่ยอม “พวกเราฝันไปอย่างไร เฉาเอ๋อร์ของเราออกมาหอบฟืนมาดีๆ เป็นรถม้าของพวกเจ้าที่ชนจนนางเป็นเช่นนี้ หากมีโรคประหลาดติดตัว ภายหน้าจะหาคนดีๆ ที่ไหนมาแต่งด้วยได้ พวกเจ้าไม่รับผิดชอบแล้วจะให้ใครรับผิดชอบ”


 


 


สะใภ้จางจู้สบถ “ถุย” อีกคำ “ด้วยนิสัยเกียจคร้านสันหลังยาวของเฉาเอ๋อร์บุตรสาวพวกเจ้า แถมให้ก็ยังไม่มีใครเอา ยังมีหน้ามาพูดว่าจะหาคนดีๆ แต่งงานด้วย”


 


 


ชิงเอ๋อร์กรีดร้อง “เฉาเอ๋อร์ของเราจะหาคนดีๆ มาแต่งด้วยไม่ได้ได้อย่างไร หมอดูก็บอกแล้ว เฉาเอ๋อร์ของพวกเราภายหน้าจะมีดวงเป็นคุณนายน้อย”


 


 


สะใภ้จางจู้พูดอย่างดูแคลน “กลางวันแสกๆ พวกเจ้าเลิกฝันได้แล้ว รีบตื่นเถอะ”


 


 


คนที่มุงดูส่งเสียงหัวเราะคิกคัก


 


 


ชิงเอ๋อร์เดือดดาล พูดข่มขู่เมิ่งเชี่ยนโยว “หากเจ้าไม่ยอมรับเงื่อนไขของพวกเรา วันนี้พวกเราทั้งหมดจะตายต่อหน้าเจ้าเดี๋ยวนี้”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า แสยะยิ้มพูดอย่างเ**้ยมเกรียม “อยากตาย? ข้าจะสงเคราะห์ให้เอง!”


 


 


ชิงเอ๋อร์ตกใจผวากับท่าทีของนาง อึกอักถาม “เจ้า เจ้าคิดจะทำอะไร?”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้ตอบนาง เดินมาตรงหน้าเมิ่งเสียน รับบังเ**ยนจากมือเขา พูดกับเขาว่า “พี่ใหญ่ ท่านไปนั่งบนรถม้าให้ดี วันนี้ข้าจะสอนท่าน ต้องจัดการกับคน “ไม่รักชีวิต” อย่างไร”


 


 


เมิ่งเสียนไม่รู้ว่านางจะทำอะไร แต่ก็ส่งบังเ**ยนให้นางแต่โดยดี ตัวเองขึ้นไปนั่งบนรถม้า


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวก้าวขึ้นรถม้า สะบัดบังเ**ยน รถม้าวิ่งพุ่งมาที่ครอบครัวชิงเอ๋อร์


 


 


คนที่มามุงดูแตกฮือถอยหลังกรูด


 


 


ชิงเอ๋อร์ไม่คิดว่าเมิ่งเชี่ยนโยวจะกล้าบังคับรถม้าวิ่งตรงมาที่ครอบครัวตัวเอง ตกใจลากเฉาเอ๋อร์กระเสือกกระสนวิ่งหนี สามีชิงเอ๋อร์ตกใจยิ่งกว่าล้มลุกคลุกคลานหลบไปอีกด้าน


 


 


รถม้าวิ่งผ่านร่างพวกเขาทั้งครอบครัวไป เมิ่งเชี่ยนโยวหยุดรถม้า พูดกับทุกคน “พวกเจ้าอยากตายไม่ใช่หรือ? จะหลบทำไม?”


 


 


ครอบครัวชิงเอ๋อร์ตกใจจนพูดไม่ออก


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวมองพวกเขาอย่างดูแคลนแวบหนึ่ง พูดว่า “นับตั้งแต่วันนี้ไป ข้าไม่ต้องการเห็นพวกเจ้าในหมู่บ้านนี้อีก ไม่เช่นนั้นข้าจะหักขาพวกเจ้าทั้งสองข้าง”


 


 


ครอบครัวชิงเอ๋อร์ตกใจตัวสั่นสะท้าน ไม่กล้าขยับเขยื้อน


 


 


คนในหมู่บ้านเห็นท่าทีเ**้ยมโหดของเมิ่งเชี่ยนโยว ต่างก็หวาดกลัว


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวร้องเรียกสะใภ้จางจู้ สะใภ้จางเกิน และจางเชา “ป้าใหญ่ ป้ารอง พี่ใหญ่ พวกท่านขึ้นมานั่งบนรถม้า พวกเราต้องรีบกลับไป ท่านตาท่านยายคงรอพวกเราแย่แล้ว”


 


 


คนทั้งหมดขานรับ รีบขึ้นไปนั่งบนรถม้า เมิ่งเชี่ยนโยวบังคับรถม้ามุ่งหน้าตรงไปบ้าน


 


 


คนมุงเห็นรถม้าไปไกลแล้ว ถึงโล่งอก ตบหน้าอกที่ตื่นตระหนก กลับบ้านไปทำอาหาร


 


 


ครอบครัวชิงเอ๋อร์ตกใจนั่งซึมกะทื่ออยู่บนพื้น ครู่ใหญ่ก็ไม่ลุกขึ้น


 


 


สะใภ้จางจู้เปิดม่านบังรถ พูดอย่างหวาดผวา “โยวเอ๋อร์ เมื่อครู่เจ้าเกือบทำข้าตกใจตายแล้ว ถ้าพวกเขาไม่หลบ เจ้าคงไม่คิดจะชนพวกเขาจริงๆ ใช่ไหม?”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะพูด “ไม่ดอก ท่านป้าใหญ่ ข้าคาดเดาไว้แล้วพวกเขารักตัวกลัวตายกันทั้งครอบครัวแบบนั้นจะต้องหลบแน่นอน ท่านก็เห็นว่ารถม้าข้าไม่ได้เร็วเลย”


 


 


สะใภ้จางจู้ถึงวางใจลง


 


 


รถม้ามาถึงหน้าประตูบ้าน พ่อแม่จางจู้กำลังชะเง้อรอหน้าประตูอย่างกระสับกระส่าย เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวบังคับรถม้าเข้ามา ร้อนใจถาม “โยวเอ๋อร์ ไม่เกิดเรื่องอะไรนะ?”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวหยุดรถม้าสนิท กระโดดลงจากรถม้า ยิ้มตาหยีพูดโกหกกับสองผู้เฒ่า “ไม่เป็นอะไร แค่รถม้าวิ่งไปไกลเสียหน่อย ทำให้พวกเราเสียเวลาเลยกลับมาช้า”


 


 


สะใภ้จางจู้ลงมาจากรถม้า ช่วยพูดเสริม “ท่านพ่อ ท่านแม่ ไม่มีเรื่องอะไร พวกท่านวางใจเถอะ”


 


 


สองผู้เฒ่าถึงวางใจ


 


 


แม่จางจู้ตำหนิจางเชา “เจ้าดูตัวเอง คิดแต่จะเรียนบังคับรถม้า โชคดีไม่ชนถูกใครเข้า ไม่เช่นนั้นได้เกิดเรื่องยุ่งกับพวกเราเป็นแน่”


 


 


จางเชาเสียใจจนกลัวไปหมดแล้ว ได้ยินคำพูดท่านย่า รีบพูดรับประกัน “ต่อไปข้าไม่กล้าเรียนบังคังรถม้าอีกแล้ว”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวรีบพูดตัดบท “ท่านยาย ข้าหิวแล้ว อาหารทำเสร็จแล้วหรือไม่?”


 


 


แม่จางจู้พูดพลัน “ทำเสร็จแล้ว รอแค่พวกเจ้ากลับมาจะได้ผัดผัก เจ้ารอประเดี๋ยว ยายจะไปผัดให้เดี๋ยวนี้”


 


 


สะใภ้จางจู้และสะใภ้จางเกินรีบร้อนพูด “ท่านแม่ ท่านพักเถอะ พวกเราทำเอง” พูดจบทั้งสองกุลีกุจอเดินเข้าครัวไปผัดผักทันที


 


 


แม่ของจางจู้ดึงมือเมิ่งเชี่ยนโยวเข้ามาในห้องตัวเอง ให้นางนั่งบนตักตัวเอง หยิบขนมชั้นดีที่เมิ่งเชี่ยนโยวซื้อให้ตัวเองออกมาจากตู้ด้านข้าง เปิดกล่องออก วางไว้ตรงหน้านาง พูดอย่างรักใคร่ “กินขนมรองท้องก่อนนะ ป้าๆ เจ้าเดี๋ยวก็ทำเสร็จแล้ว”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวบอกว่าตัวเองหิว เพื่อตัดบทสนทนา ไม่ให้หญิงเฒ่าดุว่าจางเชาอีก ไม่คิดว่าหญิงเฒ่าจะคิดจริงจัง นำขนมที่ตัวเองหวงแหนไม่กล้ากินออกมาให้ตัวเองกิน พูดปฏิเสธ “ท่านยาย ข้าไม่กิน ท่านเก็บไว้กินเองเถอะ”


 


 


แม่จางจู้นึกว่าเมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่กล้ากิน หยิบชิ้นหนึ่งมาใส่มือนาง พูดว่า “กินเถอะ อย่าให้ท้องหิว”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวแย้มยิ้มกล่าวขอบคุณ “ขอบคุณท่านยาย”


 


 


แม่จางจู้พูดน้ำเสียงละมุน “เด็กโง่ ขอบคุณอะไร ขนมนี้เจ้าเป็นคนซื้อให้ยายอย่างไร”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะ หยิบขนมขึ้นมาเม้มกิน


 


 


แม่จางจู้บอกนาง “กินคำใหญ่ๆ ในกล่องยังมีอีกเยอะ”


 


 


หลังจากจางเชาพาเมิ่งเสียนเข้ามาในห้องตัวเอง ก็นั่งแน่นิ่งสติเลือนลอยอยู่บนเตียง


 


 


เมิ่งเสียนหัวเราะถามเขา “พี่ใหญ่ตกใจแย่เลยสิ?”


 


 


จางเชาพยักหน้าอย่างไร้เรี่ยวแรง พูดอย่างหวาดผวา “ต่อไปข้าไม่กล้าบังคับรถม้าอีกแล้ว”


 


 


เมิ่งเสียนโน้มน้าวเขา “นี่เป็นครั้งแรก ยังไม่คล่อง บังคับอีกหลายครั้งก็จะดีเอง”


 


 


จางเชาโบกมือ “เจ้าไม่ต้องปลอบใจข้า โชคดีวันนี้เจ้าทันคน ไม่เข้าไปประคองนาง ไม่เช่นนั้นถ้านางมาไล่เบี้ยเจ้า พ่อข้าได้ตีข้าตายแน่”


 


 


สะใภ้จางจู้และสะใภ้จางเกินผัดผักเสร็จแล้ว จัดวางไว้บนโต๊ะ นำอาหารทั้งหมดวางบนโต๊ะ ร้องเรียกทุกคนมากินข้าว


 


 


แม่จางจู้จับมือเมิ่งเชี่ยนโยวมานั่งข้างโต๊ะอาหาร


 


 


พ่อจางจู้นั่งอีกด้าน


 


 


เมิ่งเสียน จางเชา จางวั่งและลูกสองคนของจางเกินนั่งถัดจากพ่อจางจู้ไป


 


 


สะใภ้จางจู้ยกเส้นหมี่หลายถ้วยออกมา วางตรงหน้าพ่อแม่จางจู้ก่อน ถ้วยที่สามถึงยกมาให้เมิ่งเชี่ยนโยว เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวขอบคุณ สะใภ้จางจู้พูด “เด็กคนนี้ เกรงใจทำไม รีบกินเถอะ”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวหิวแล้วจริงๆ พอพ่อแม่จางจู้หยิบตะเกียบ ก็หยิบตะเกียบลงมือกินบ้าง กินไปชมไป “เป็นเส้นหมี่ที่อร่อยมาก”


 


 


แม่จางจู้เห็นนางชอบกิน พูดอย่างดีใจ “อร่อยก็กินเยอะๆ ในหม้อยังมีอีก”


 


 


สะใภ้จางจู้ก็พูดสมทบ “ถ้ากินแล้วอร่อย ต่อไปเจ้ามากินข้าวเที่ยงที่นี่ ป้าใหญ่กับป้ารองจะทำให้เจ้ากินทุกวัน”


 


 


สะใภ้จางเกินก็พยักหน้าเห็นพ้อง


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “เกรงจะไม่ได้ เรื่องในบ้านยังอีกมากมาย นอกจากปลูกเรือนให้ท่านปู่ท่านย่าแล้ว ข้ายังเตรียมจะซื้อที่ดินร้างไว้เพาะปลูก ไม่มีเวลามาทุกวันได้”


 


 


สะใภ้จางจู้ถามอย่างตกใจ “เจ้าไม่มาทุกวัน เช่นนั้นงานแผ้วถางภูเขาจะทำอย่างไร?”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ “ข้ามอบหมายงานทั้งหมดให้ผู้ใหญ่บ้านและลุงใหญ่ลุงรองแล้ว และบอกความต้องการในการแผ้วถางภูเขาร้างกับพวกเขาแล้ว พวกเขาน่าจะไม่เกิดเรื่องผิดพลาดอะไร”


 


 


สะใภ้จางจู้ไม่วางใจ ยังคิดจะพูดบางอย่าง จางจู้และจางเกินกลับมาจากภูเขา ร้องพูดในลานบ้าน “พวกเรากลับมาแล้ว”


 


 


สะใภ้จางจู้และสะใภ้จางเกินรีบวางถ้วยตะเกียบในมือ สะใภ้จางจู้ออกไปตักน้ำมาให้พวกเขาล้างมือ สะใภ้จางเกินเข้าครัวไปตักเส้นหมี่มาให้พวกเขา


 


 


จางจู้สูดจมูก พูดว่า “หอมมาก วันนี้บ้านเราทำอะไรอร่อยหรือ?”


 


 


สะใภ้จางจู้ตอบ “วันนี้โยวเอ๋อร์และเสียนเอ๋อร์มากินข้าวที่บ้าน พวกเรานวดแป้งหมี่ ผัดผักสองสามอย่าง โยวเอ๋อร์บอกว่าหิวแล้ว พวกเราก็เลยไม่ได้รอพวกท่าน กินกันก่อน”


 


 


จางจู่พูดอย่างไม่สนใจ “ต่อไปพวกเจ้าหิวก็กินก่อนได้เลย ไม่ต้องรอพวกเรา พวกเราไม่รู้ว่าจะกลับมาตอนไหน”


 


 


จางจู้และจางเกินมาถึงข้างโต๊ะ สะใภ้จางเกินตักเส้นหมี่มาวางข้างพวกเขาแล้ว ทั้งสองคนนั่งลง จางจู้ยกถ้วยน้ำซุปร้อนกรุ่นขึ้นซด ถึงพูดกับเมิ่งเชี่ยนโยว “โยวเอ๋อร์ วันนี้ช่วงเช้าพวกเราวาดแบ่งพื้นที่บนภูเขาลูกแรกเสร็จแล้ว คนในหมู่บ้านส่วนใหญ่ก็เริ่มลงมือทำงานแล้ว คาดว่าไม่เกินสามวัน ภูเขาลูกนี้ก็จะแผ้วถางเสร็จ”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า พูดกำชับอีกครั้ง “ตอนที่พวกท่านตรวจงานจะต้องตรวจตราเคร่งครัด หากไม่ได้อย่างที่ข้าต้องการ ต้องให้พวกเขาทำซ้ำสถานเดียว ถ้าไม่ทำซ้ำจะไม่ให้เงินค่าแรง”


 


 


จางจู้และจางเกินพยักหน้า


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวพูดอีก “ข้ามอบเรื่องบันทึกการทำงานให้ผู้ใหญ่บ้าน ทุกครั้งที่แผ้วถางพื้นที่หนึ่งผืนเสร็จ พอพวกท่านตรวจสอบว่าผ่านมาตรฐานแล้ว ก็ให้ผู้ใหญ่บ้านจดบันทึกไว้ จะได้สะดวกตอนจ่ายเงินค่าแรง มาครั้งหน้าข้าจะพกเงินอีแปะติดตัวมามากสักหน่อย ถ้าตรวจสอบแล้วได้มาตรฐาน ข้าจะคิดเงินตอนนั้นเลย ท่านจ่ายเงินให้พวกเขาตามราคาขนาดพื้นที่ที่ตกลงกันไว้ก็พอ”


 


 


จางจู้โบกมือ “เรื่องนี้ไม่ได้ เจ้ามาคิดเงินให้พวกเขาด้วยตัวเองดีกว่า ข้าไม่รู้หนังสือ เดี๋ยวจะจ่ายผิด”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวนำคำพูดที่เพิ่งพูดกับสะใภ้จางจู้พูดกับจางจู้ จางจู้ฟังเสร็จแล้วก็ยังไม่เห็นด้วย พูดว่า “ทำไมเจ้าต้องเอาเรื่องใหญ่เช่นนี้มอบให้พวกเรา พวกเราทำไม่ได้”


 


 


จางเกินก็เห็นพ้องด้วย


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “ท่านลุงใหญ่ ลุงรอง หลังจากแผ้วถางภูเขาร้างเสร็จ ต่อมายังมีเรื่องตามมาอีกมาก ยังต้องจ้างคนเพาะปลูก ต้องจ้างคนรดน้ำ เฝ้าดู เรื่องพวกนี้ต้องมอบให้พวกท่านไปทำ”


 


 


จางจู้ถลึงตาโตถาม “ทั้งหมดนี้จะมอบให้พวกเราไปทำ”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “นี่เป็นแค่แผนของปีนี้เท่านั้น ปีหน้าข้ายังคิดจะซื้อที่ดินร้างบางส่วนของหมู่บ้านพวกท่าน ยังต้องจ้างคนแผ้วถาง ถึงตอนนั้นจะมีงานมากมาย ถ้าพวกท่านไม่ช่วยข้า เรื่องพวกนี้ข้าคงทำเองไม่ไหว พี่ใหญ่ก็ไม่ว่าง แค่โรงงานสองสามแห่งที่บ้านเขาก็ยุ่งพอแล้ว”


 


 


ได้ยินนางพูดเช่นนี้ จางจู้หยั่งเชิงพูดกับจางเกิน “ไม่เช่นนั้นพวกเราก็ลองดู?”


 


 


จางเกินพยักหน้า “ข้าแล้วแต่พี่ใหญ่”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “ท่านลุงใหญ่ ลุงรองจะต้องไม่มีปัญหา ข้าเชื่อพวกท่าน”


 


 


จางจู้เริ่มมีแรงฮึด พูดอย่างห้าวหาญ “ได้ ลุงใหญ่จะดูแลงานทั้งหมดนี้ให้ดี เจ้าวางใจไปทำเรื่องอื่นเถอะ”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าพูด “ข้าว่าผู้ใหญ่บ้านเป็นคนไม่เลว รู้เรื่องเยอะ ตอนที่ข้าไม่อยู่ หากมีสิ่งไหนที่พวกท่านไม่รู้ให้ไปถามเขาได้”


 


 


จางจู้จางเกินพยักหน้า


 


 


เรื่องควบคุมดูแลภูเขาร้างเป็นอันตกลงตามนี้ เมิ่งเชี่ยนโยวพูดกับสะใภ้จางจู้และสะใภ้จางเกิน “ท่านป้าใหญ่ ป้ารองข้าก็มีงานอยากมอบหมายให้พวกท่าน”


 


 


พอเมิ่งเชี่ยนโยวกลับไปสะใภ้จางจู้และสะใภ้จางเกินก็เตรียมจะพาเด็กๆ ไปแผ้วถางภูเขาร้าง ได้ยินเมิ่งเชี่ยนโยวพูดเช่นนี้ ถามอย่างยินดี “งานอะไร? พวกเราทำไหวหรือไม่?”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวบอกเรื่องที่จะจ้างคนต้มน้ำแล้วหาบขึ้นไปบนเขาออกมา


 


 


ทั้งสองย่อมดีใจมาก รีบรับประกันว่าไม่มีปัญหา ตัวเองจะต้องทำได้ พ่อแม่จางจู้ก็พูดว่าตนเองก็อยู่บ้านว่างๆ สามารถช่วยพวกเขาต้มน้ำที่บ้าน ให้พวกเขาหาบขึ้นเขา


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “งานนี้ลำบากหน่อย ยังต้องไปตัดฟืนเอง ดังนั้นพวกท่านก็จะได้ค่าแรงห้าสิบอีแปะ ยังมีพี่ใหญ่และพวกท่านก็เหมือนกัน ก็ได้เงินค่าแรงห้าสิบอีแปะ”


 


 


สะใภ้จางจู้โบกมือ “โยวเอ๋อร์ เจ้าให้เงินเยอะเกินไปแล้ว แค่หาบน้ำร้อนไปส่งบนเขาเท่านั้น ป้าใหญ่จะไม่พูดว่าไม่เอา เจ้าให้วันละสามสิบอีแปะก็พอ”


 


 


สะใภ้จางเกินก็พูดสมทบ “ใช่ โยวเอ๋อร์ ให้พวกเราสามสิบอีแปะก็พอ”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้าพูด “ภูเขาร้างอยู่ไกล หาบน้ำไปไม่ใช่งานง่าย พวกท่านอย่าได้บอกปัดอีกเลย ข้ายังคิดว่าค่าแรงที่ให้พวกท่านยังน้อยเกินไป”


 


 


แม่จางจู้พูดบ้าง “คนบ้านเดียวกัน โยวเอ๋อร์บอกว่าให้ห้าสิบอีแปะก็ห้าสิบอีแปะเถอะ ถึงตอนนั้นพวกเราทั้งหมดไปด้วยกัน ต้มน้ำร้อนไปส่งให้คนบนเขาเยอะหน่อยก็ได้แล้ว”


 


 


สะใภ้จางจู้ถึงไม่ยืนหยัดอีก


 


 


ทั้งครอบครัวกินอาหารเที่ยงเสร็จ สะใภ้จางจู้และสะใภ้จางเกินไปล้างถ้วยตะเกียบ เมิ่งเชี่ยนโยวพูดคุยกับจางจู้และจางเกินที่นั่งพักสักครู่ เสียงผู้ใหญ่บ้านก็ดังลอยเข้ามาจากด้านนอก “สะใภ้จู้จื่อ แม่นางเมิ่งยังอยู่บ้านพวกเจ้าหรือไม่”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)