คัมภีร์วิถีเซียน 1500-1501
ตอนที่ 1500 นกกระจอกเหลือง
ไอสีเขียวในบ่อสีเขียวด้านล่างพลันหมุนวน ไอวิญญาณบริสุทธิ์กลุ่มหนึ่งทะลักออกมาภายนอก ในเวลาเดียวกันพื้นดินในบริเวณรอบก็สั่นสะเทือน
อสูรอเวจีอัสนีสองตัวมองสบตากันแวบหนึ่ง แววตาเผยความตกตะลึงระคนเกรี้ยวโกรธออกมา ระเบิดเสียงร้องคำรามที่โหดเ**้ยมออกมาพร้อมกัน จากนั้นประจุไฟฟ้าบนร่างก็หม่นแสงลง ร่างครึ่งหนึ่งหยัดยืนขึ้นด้วยแขนสองข้าง คาดไม่ถึงว่าจะยืนขึ้นราวกับมนุษย์สามัญ
วายุประหลาดสีดำกลุ่มหนึ่งปรากฎขึ้นรอบด้าน ล้อมอสูรเ**้ยมสองตัวที่กำลังยืนสองขาเอาไว้เป็นระลอกๆ แล้วปกคลุมร่างของพวกมันเอาไว้
พวกของหญิงงามผมขาวและมู่ชิงเห็นเช่นนั้นพลันใจหายวาบ
จากประสบการณ์ของพวกนาง แน่นอนว่าย่อมรู้ว่าด้านล่างไม่มีทางเกิดเรื่องดีๆ อะไรขึ้นแน่ อสูรอเวจีอัสนีสองตัวเตรียมสำแดงอิทธิฤทธิ์ที่ยิ่งใหญ่
ทันใดนั้นปากของหญิงงามก็ผิวปากเบาๆ ชั่วพริบตานั้นเรือนผมสีขาวก็ยาวขึ้น และก้มหน้าลงสะบัดไปทางฝั่งตรงข้าม
ลำแสงสีขาวจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งแหวกอากาศไป ปกคลุมวายุสีดำเอาไว้
ลำแสงสีขาวเหล่านี้ตรงแน่วดุจเข็ม เปล่งเสียงหวีดร้องแหลมๆ ออกมา อานุภาพน่าเกรงขาม
ส่วนมู่ชิงนั้นกลับใช้มือหนึ่งร่ายอาคม ร่างกายเปล่งแสงเจิดจ้าออกมา เงาดอกไม้ขนาดเท่าปากชามลอยอยู่รอบๆ ด้าน มันเลือนลางไปเล็กน้อย กลายเป็นธรรมจักรหลากสี
ตรงขอบของธรรมจักรบางเบาเป็นอย่างมาก หมุนคว้างไปมา ระเบิดออกพุ่งออกไปอย่างเงียบเชียบ
ครานั้นท้องฟ้ามีลำแสงเย็นเยียบ ลำแสงสีขาวทอตัวอยู่เต็มไปหมด ทำให้เขาอดที่จะขนลุกซู่ไม่ได้
อิทธิฤทธิ์ทั้งสองชนิดนี้แค่มองก็รู้ว่าไม่ธรรมดา!
แต่ฉากที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายพลันปรากฎขึ้น
คาดไม่ถึงว่าอสูรสองตัวในวายุสีดำจะไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิด ยังคงพุ่งเข้าไปในธรรมจักรและลำแสงสีขาวอย่างหนาแน่น
แต่จากนั้นกลับมีเสียงประหลาดๆ ของทองคำเสียดสีกันดังขึ้น จากนั้นการโจมตีทั้งหมดก็ถูกดีดออกมาจากวายุ
การโจมตีทั้งสองชนิดดูเหมือนว่าจะโจมตีไปยังกำแพงทองแดงที่แข็งแกร่งอย่างไรอย่างนั้น
สตรีทั้งสองพลันตกตะลึง
ในตอนนั้นเอง วายุสีดำพลันพลันหมุนวนแล้วสลายหายไป ปีศาจร่างมนุษย์หน้าตาโหดเ**้ยมสูงสิบจั้งสองตนปรากฎขึ้น
บนหัวของพวกเขามีเขา บนเรือนร่างมีเกล็ดสีขาว นั่นก็คืออสูรอเวจีอัสนีที่แปลงกายมา แต่แค่แขนขาทั้งสี่และร่างกายคล้ายกับมนุษย์มาก!
สิ่งที่ทำให้มู่ชิงและสตรีผู้นี้มีสีหน้าเคร่งขรึมก็คือ เมื่ออสูรทั้งสองปรากฎตัวออกมา สองมือก็ร่ายอาคมทันที เขาอ้าปากออก พ่นของสิ่งหนึ่งออกมา
อันหนึ่งมีลำแสงสีดำพลันเปล่งแสงสว่างวาบ คือธงเล็กๆ สีดำสนิทด้ามหนึ่ง
อีกอันหนึ่งมีลำแสงสีขาวนับหมื่นสาย กลับเป็นจานอาคมที่วิจิตรงดงาม
“แย่แล้ว รีบขวางพวกมันไว้! พวกมันจะกระตุ้นเผ่าแมลงเม่าให้วางเขตอาคม” ผู้สวมชุดคลุมสีโลหิตมีปฏิกิริยารวดเร็วที่สุด ตะโกนออกมาด้วยความตกตะลึง
จากนั้นเขาก็ไม่ได้กระตุ้นหุ่นเชิด สองแขนสะบัดออก กระบี่สั้นยาวสองสามชุ่นคู่หนึ่งบินออกไปพร้อมกับเสียงกรีรด้อง เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป กลายเป็นลำแสงสีโลหิตสองสายปักลงไปที่ยุทธภัณฑ์ทั้งสองชิ้น
อสูรอเวจีอัสนีร่างมนุษย์สองตนกลับดูเหมือนว่าจะเตรียมการป้องกันเอาไว้นานแล้ว เอียงศีรษะไปด้านข้างพร้อมกัน เขาเดี่ยวทั้งสองหล่นลงมาอย่างคาดไม่ถึง กลายเป็นลำแสงอัสนีสองสายพุ่งเข้าไปหา
หลังจากเสียง “ปัง” “ปัง” ดังสนั่นขึ้น หลังจากที่เขาเดี่ยวและลำแสงสีโลหิตสัมผัสกันแล้วก็ระเบิดสายฟ้าเจิดจ้าออกมา คาดไม่ถึงว่าจะใช้พลังอัสนีทำให้กระบี่สั้นทั้งสองเล่มแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ได้ในชั่วพริบตา
อานุภาพที่ยิ่งใหญ่นี้ ทำให้ผู้คนตกตะลึงจนตาค้าง!
มันก็ไม่แปลก เดิมทีเขาทั้งสองนี้ก็เป็นส่วนที่แข็งแกร่งที่สุดในร่างอสูรทั้งสอง ประกอบกับที่ถูกบวงสรวงมาตั้งไม่รู้กี่หมื่นปี แค่ความแข็งแกร่งของมัน ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ามีดกระบี่ระดับศาสตราวิญญาณ หลังจากที่อสูรร้ายแปลงกายกระตุ้นมันอย่างเต็มอัตรา อานุภาพจะยิ่งใหญ่แค่ไหนไม่ต้องคิดก็รู้แล้ว
ทว่าเขาเดี่ยวทั้งสองไม่ใด้โจมตีแค่นี้ หลังจากกระพริบวาบอีกครั้ง ก็หายวับไปจากที่เดิม
ครู่ต่อมาลำแสงอัสนีสองสายก็กรีดร้องพลางดีดตัวออกมากลางอากาศ มาปรากฎตัวห่างจากผู้สวมชุดคลุมสีโลหิตไปสองสามจั้ง โจมตีด้วยสายฟ้าอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
เห็นได้ชัดว่าอสูรอเวจีอัสนีสองตัวนี้ดูออกแล้วว่า ในบรรดาทั้งสามคนผู้สวมชุดคลุมสีโลหิตนั้นเป็นผู้ที่มีกำลังอ่อนแอที่สุด จึงเตรียมจะร่วมมือกันสังหารเขาทิ้งก่อน
ผู้สวมชุดคลุมสีโลหิตพลันตกตะลึง แต่ความเร็วของเขาเดี่ยวทั้งสองกลับรวดเร็วเกินไป ต่อให้คิดจะหลบหลีกก็ไม่ทันเสียแล้ว จึงทำได้เพียงเปล่งลำแสงสีโลหิตสว่างวาบขึ้นบนร่างด้วยความตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยว เงาสีโลหิตสองสายพุ่งออกมาจากร่างราวกับเงาที่ทอดลงมา ต้านทานเอาไว้เบื้องหน้า
นั่นก็คือหุ่นเชิดโลหิตที่เขาอัญเชิญออกมา
จากนั้นชุดคลุมยาวสีโลหิตของเขาก็นูนขึ้น ม่านลำแสงสีโลหิตชั้นหนึ่งปรากฎขึ้นมาบนร่าง
แม้ว่าหุ่นเชิดสีโลหิตทั้งสองตัวจะมีกำลังไม่อ่อนแอ แต่เขาเดี่ยวทั้งสองกลับผนึกรวมตัวกัน กลายเป็นกรวยอัสนีกรวยหนึ่งพร้อมกับเปล่งแสงสว่างวาบ ทะลุผ่านร่างเงาโลหิตสองสายไปราวกับไม้ผุๆ ทะลุไปบนร่างของผู้สวมชุดคลุมสีโลหิต
ชั่วพริบตาตรงกลางของเงาสีโลหิตสองสายก็สลายหายไปท่ามกลางเสียงฟ้าร้อง ม่านลำแสงสีโลหิตชั้นนั้นแค่ทำให้กรวยอัสนีหยุดชะงักเล็กน้อย และถูกทะลวงผ่านไปราวกับกระดาษ
เสียงอึกทึกดังสนั่นขึ้น ทรวงอกของผู้สวมชุดคลุมสีโลหิตปรากฎรูโลหิตขนาดเท่าปากชามขึ้น
แววตาของผู้สวมชุดคลุมสีโลหิตเปล่งแสงสว่างวาบอย่างต่อเนื่อง แขนทั้งสองตบไปบนร่างแรงๆ ราวกับล้อรถ
คาดไม่ถึงว่าจะแปะยันต์สีโลหิตไปรวดเดียวสิบกว่าแผ่น
สถานการณ์ที่แปลกประหลาดพลันปรากฎขึ้น
บ่อโลหิตกว้างใหญ่ขนาดนี้ แต่โลหิตที่อยู่ด้านในกลับไม่ไหลออกมา ก้อนโลหิตทั้งหมดเลื้อยไปมาอยู่ตรงขอบ และไปรวมตัวอยู่ตรงกลางอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นสถานการณ์นี้หญิงงามและมู่ชิงพลันมีสีหน้าผ่อนคลายลง ถ้าหากผู้ที่สวมใส่ชุดคลุมสีโลหิตถูกสังหารเพราะประมาทจริงๆ แค่พลังของพวกนางสองคนก็ไม่อาจต้านทานอสูรอเวจีอัสนีสองตัวนี้ได้นานนัก
แต่ครานี้กรวยอัสนีที่อยู่ด้านหลังผู้สวมชุดคลุมสีโลหิตพลันหมุนวนรอบหนึ่ง เปล่งแสงสว่างวาบแล้วพุ่งกลับไป
ครั้งนี้เล็งเป้าไปที่หัวของผู้สวมชุดคลุมสีโลหิต
แต่ไม่รอให้มู่ชิงและหญิงงามลงมือยับยั้ง ฉับพลันนั้นเงาสีดำพลันเปล่งแสงสว่างวาบขึ้นกลางอากาศ ฝ่ามือสีม่วงแดงข้างหนึ่งพลันตะครุบลงไปราวกับพัดใบปาล์ม
แม้นว่ามือข้างนี้จะใหญ่เป็นพิเศษ แต่ความเร็วในการเคลื่อนไหวกลับน่าเหลือเชื่อ
เห็นเพียงมือยักษ์เลือนรางไปเล็กน้อย เปล่งแสงสว่างวาบราวกับภาพลวงตา คว้ากรวยอัสนีเล่มนั้นเอาไว้ในมือ และบีบเอาไว้แน่นไม่ปล่อยมือ
แต่ครู่ต่อมาก็มีเสียงอึกทึกดังขึ้นท่ามกลางมือยักษ์!
กรวยอัสนีมีสายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมา คาดไม่ถึงว่าจะพยายามดิ้นรนราวกับอสรพิษสีเงิน จากนั้นก็พลิ้วกายแยกออกเป็นสองส่วนอีกครั้ง จมหายเข้าไปที่เหนือศีรษะของทั้งสองกลายเป็นเขาเดี่ยวสีเงินสองเขาอีกครั้ง
เขาทั้งสองดูแล้วมีลำแสงสีเงินเปล่งแสงระยิบระยับ การประมืออย่างรุนแรงเมื่อครู่ คาดไม่ถึงว่าจะไม่ได้รับบาดเจ็บเลยสักนิด
ทว่านั่นก็เป็นเพราะช่วงเวลาที่เสียไปนั้น อสูรทั้งสองที่อยู่ตรงข้ามก็กระตุ้นธงเล็กๆ และจานอาคมเบื้องหน้าเสร็จแล้ว มันอ้าปากออกพร้อมกัน พ่นโลหิตบริสุทธิ์สองกลุ่มที่กลายเป็นหมอกโลหิตใส่ยุทธภัณฑ์
ธงด้ามเล็กและจานอาคมเปล่งแสงสว่างวาบ ดูดหมอกโลหิตเข้าไปจนเกือบหมด
จากนั้นอันหนึ่งก็กลายเป็นหมอกสีดำพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า อันหนึ่งก็เปล่งแสงสว่างวาบ จมหายเข้าไปในส่วนยอดของวิหารแล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย ส่วนจานอาคมก็ตกลงด้านล่าง กลายเป็นไอสีขาวสายหนึ่งจมหายเข้าไปในพื้นดิน
มู่ชิงและหญิงงามพลันรู้สึกตกตะลึง ไม่ทันได้รอให้พวกนางหมายจะลงมือก่อกวนอสูรทั้งสองอีก ฉับพลันความเปลี่ยนแปลงก็ปรากฎขึ้น!
เห็นเพียงเหนือวิหารที่วิจิตรงดงามมีลำแสงสว่างวาบ ลวดลายสีดำเป็นสายๆ ปรากฎออกมา พวกมันขยับมารวมตัวกันอย่างรวดเร็วราวกับไส้เดือน คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นเขตอาคมยักษ์สีดำทะมึน
เขตอาคมนี้เปล่งแสงสีดำสว่างวาบ ใจกลางเป็นสีดำสนิทดูลึกลับ ด้านในมีเสียงภูตผีกรีดร้องออกมา ดูเหมือนว่าจะฉีกเส้นทางของอีกห้วงเวลาหนึ่งออก
และในเวลาเดียวกันพื้นดินด้านล่างก็มีลำแสงสีขาวสว่างวาบ อักขระขนาดเท่ากำปั้นทยอยกันทะลักออกมาจากใต้ดิน บ่อสีเขียวที่เดิมที่เปล่งเสียงหึ่งๆ ออกมา เมื่ออักขระปรากฎขึ้น ไอหมอกก็หมุนวนตรงกลางมีเขตอาคมลำแสงสีทองขนาดใหญ่ปรากฎขึ้น
เขตอาคมลำสแงนี้ปรากฎขึ้นท่ามกลางม่านหมอก ชั่วครู่ก็ปกคลุมบ่อน้ำทั้งบ่อเอาไว้ และยิ่งไปกว่านั้นยังเปล่งแสงสีสองเรืองรอง ทำให้ผู้คนไม่อาจมองสบตาตรงๆ ได้
แม้ว่าจะไม่รู้สถานการณ์ของใต้บ่อน้ำที่ถูกม่านลำแสงปกคลุมเอาไว้ว่าเป็นอย่างไร แต่พื้นดินด้านนอกบ่อกลับสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ชั่วพริบตาก็สลายหายไป
ท่าทางของมู่ชิงและหญิงงามผมขาวนั้น แน่นอนว่าทั้งตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยว
แม้ว่าพวกนางจะไม่เชื่อว่าลิ่วจู๋จะถูกกักอยู่ด้านล่างง่ายๆ เช่นนี้ แต่เมื่อเขตอาคมนี้ถูกกระตุ้น คิดจะฉวยเกษียรเทวะมาในระยะเวลาอันสั้น ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปได้
สิ่งที่ยุ่งยากยิ่งกว่าก็คือ เขตอาคมลำแสงสีดำกลางอากาศขยายใหญ่ขึ้นไม่หยุด ห่อหุ้มพวกที่อยู่ด้านล่างเอาไว้ และขณะที่อสูรทั้งสองกระตุ้นด้วยสีหน้าโหดเ**้ยม ก็ตกลงมาจากส่วนยอดของวิหารอย่างช้าๆ ค่อยๆ ครอบคลุมลงมา
เช่นนั้นพวกนางไม่ยอมถอยออกจากเหนือบ่อน้ำสีเขียว ก็ทำได้เพียงต้องทำใจดีสู้เสือเผชิญหน้ากับเขตอาคมนี้
“สหายมู่พวกเราสองคนร่วมมือกันโจมตี ทำลายเจ้าสิ่งนี้ก่อน พี่ตี้เสวี่ย เจ้าและหุ่นเชิดนั้นช่วยคุ้มครองพวกเราก็แล้วกัน” ในคราที่มู่ชิงลังเลเล็กน้อย ข้างหูก็มีเสียงแหบพร่าของหญิงงามผมขาวดังขึ้นที่ข้างหู
ความคิดของนางแล่นไปมาอย่างรวดเร็ว พลันพยักหน้า ดูเหมือนว่าจะมีเพียงต้องทำเช่นนี้แล้ว!
ในเวลาเดียวกันผู้สวมชุดคลุมสีโลหิตที่ยืนอยู่บนร่างของหุ่นเชิดสีม่วงโลหิต ก็ได้ยินการถ่ายทอดเสียงเช่นกัน
ครานี้ตรงรูที่ถึงชีวิตสำหรับคนทั่วไปตรงทรวงอกของเขา ผสานเข้าหากันไปเจ็ดแปดส่วนแล้ว นอกจากดวงตาทั้งสองที่จืดจางลงสองสามส่วน ท่าทางก็ดูไม่เป็นอะไรมาก
เมื่อได้ยินเสียงถ่ายทอดเสียงของฮูหยินชรา หลังจากที่ผู้สวมชุดคลุมสีโลหิตขมวดคิ้ว สายตาก็กวาดไปยังมือยักษ์ของหุ่นเชิดสีม่วงโลหิตที่คว้ากรวยอัสนีไว้
เห็นเพียงในนิ้วทั้งห้าเป็นสีไหม้เกรียม และมีกลิ่นไหม้โชยออกมา
หลังจากที่ผู้สวมชุดคลุมสีโลหิตพ่นลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ก็พยักหน้าอย่างเชื่องช้า
เท้าข้างหนึ่งแตะไปที่หุ่นเชิดสีม่วงโลหิตใต้ร่างเล็กน้อย ตัวเองก็ใช้มือหนึ่งลูบไปในแขนเสื้อ โยนกล่องไม้สีทองออกมา
ชี้นิ้วไปทางมันพร้อมกับปากที่ร่าคาถา ชั่วขณะนั้นฝากล่องพลันโบยออกมา ลำแสงหลีกหนีหลากสีเจ็ดสายพุ่งออกมาจากด้านใน
ลำแสงหม่นแสงลง หุ่นเชิดรูปทรงประหลาดๆ เจ็ดตัวพลันปรากฎขึ้น
หุ่นเชิดเหล่านี้บ้างก็มีรูปทรงเป็นปีศาจอสูร บ้างก็แต่งกายเป็นเผ่าวิญญาณเหาะเหิน บ้างก็เป็นครึ่งคนครึ่งปีศาจ แม้กระทั่งมีอสูรรูปทรงแมลงอีกสองตัว สิ่งที่ดูเหมือนไส้เดือนยักษ์ตัวหนึ่ง อีกตัวกลับเป็นมดยักษ์ที่ตัวใหญ่กว่าปกติหลายเท่า
หุ่นเชิดเช็ดตัวล้วนถูกสร้างขึ้นจากทองคำ ผิวของมันมีอักขระเรียงรายอยู่ เห็นได้ชัดว่าเป็นสิ่งที่ตัวประหลาดเฒ่าตี้เสวี่ยตั้งใจหลอมขึ้นอย่างประณีต
หญิงงามผมขาวเห็นฉากนี้ปากก็เปล่งเสียงหัวเราะต่ำๆ ออกมา ร่างกายหมุนคว้าง ไอสีดำแปดกลุ่มพุ่งออกมาจากเรือนร่าง ด้านในมีเงาร่างมนุษย์สวมชุดเกราะสีดำคนหนึ่งปรากฎขึ้นลางๆ
นั่นก็คือราชันย์ภูตเกราะทมิฬที่ถูกหญิงงามเก็บเข้าไปฟื้นฟูพลังปราณทั้งแปด
หลังจากที่ราชันย์ภูตทั้งแปดปรากฎขึ้น ก็ล้อมหญิงงามผมขาวที่นั่งสมาธิลงโดยไม่ปริปาก ไอทมิฬสีดำบนร่างแผ่ออกมา ชั่วพริบตาก็กลายเป็นเมฆสีดำขนาดสองสามหมู่ก้อนหนึ่ง
อีกด้านร่างของมู่ชิงพลิ้วไหว ผิวเปลี่ยนเป็นสีเขียวมรกต สองมือร่ายอาคม เส้นไหมสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฎขึ้น
ชั่วพริบตาดอกไม้ต้นหญ้าประหลาดๆ ปรากฎขึ้นรอบด้าน ล้อมสตรีผู้นี้เอาไว้ตรงกลาง
ครานี้อสูรอเวจีอัสนีครึ่งคนครึ่งปีศาจที่อยู่กลางอากาศสองตน กลับไม่สนว่าทั้งสามคนที่อยู่เบื้องล่างจะทำอะไร ทั้งสองแค่เปล่งแสงวิญญาณออกมาแล้วกระตุ้นเขตอาคมอย่างบ้าคลั่ง
ท่าทางมั่นอกมั่นใจในเขตอาคมนี้เป็นอย่างมาก
เมื่อเห็นว่าทั้งสองฝ่ายจะตัดสินความเป็นตายกันแล้ว หานลี่ที่แอบอยู่ตรงมุมหนึ่งกลับหน้าเปลี่ยนสี สะบัดแขนเสื้อ ไข่มุกกลมสีเขียวสิบกว่าเม็ดตกลงมาอยู่ตรงใจกลางฝ่ามือ จากนั้นดวงตาทั้งสองข้างก็หรี่ลงมองไปอีกมุมหนึ่งของวิหาร
ในที่สุดไอสีเขียวและไข่มุกกลมที่ห่อหุ้มเขาอยู่ตรงนั้นก็เริ่มเคลื่อนไหว!
ตอนที่ 1501 ลงมือ
ขณะที่หานลี่กำลังจับจ้องพร้อมกับลำแสงสีฟ้าวาววาบในแววตา ไข่มุกลมราวกับผลึกวารีเม็ดนั้นก็เปล่งแสนสีขาวพร่างพราวหายวับไปจากไอสีเขียว
มาตรว่าใช้อิทธิฤทธิ์เนตรวิญญาณกระจ่างก็ไม่อาจสืบหาร่องรอยได้
หานลี่ใจหายวาบแผ่จิตสัมผัสทั้งหมดออกไปอย่างร้อนรน ครอบคลุในรัศมียี่สิบสามสิบจั้งเอาไว้
เขาไม่อยากถูกเข้ามาประชิดตัวโดยที่ไม่ทันตั้งตัวแล้วถูกลอบโจมตี แม้นว่าความเป็นไปได้เช่นนี้จะมีความเป็นไปได้ต่ำ แต่ก็ต้องระวังไว้
หานลี่เอียงศีรษะกวาดสายตาไปยังหยวนเหยาและสตรีทั้งสองที่อยู่ใกล้แค่คืบปราดหนึ่ง แล้วเสมองไปยังฉากการต่อสู้ที่อยู่ไม่ไกลนัก พลางกำไข่มุกอัสนีในมือแน่นขึ้นสองสามส่วน
มาตรว่าเขาจะผ่านคลื่นพายุมามากมาย ครานี้ก็ยังรู้สึกหวั่นใจ
หานลี่รู้ดีว่า หากปรากฎกายช่วยคนแล้วจะมีโอกาสให้ลงมือเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
ถ้าหากล้มเหลววิหารแห่งนี้ก็จะเป็นสถานที่ที่เพลี้ยงพล้ำของเขา การฝึกบำเพ็ญเพียรอย่างหนักมาพันกว่าปีก็ล้มเหลว
ความรู้สึกแขวนอยู่บนเส้นด้ายเช่นนี้ ทำให้หัวใจของหานลี่เต้นระรัวอย่างไม่อาจควบคุมได้
ครานี้มู่ชิงและหญิงงามผมขาวที่อยู่ไกลออกไปได้ลงมือโจมตีเขตอาคมสีดำที่อยู่กลางอากาศแล้ว
ส่วนหุ่นเชิดธาตุทองเจ็ดตัวที่ผู้สวมชุดคลุมสีโลหิตอัญเชิญออกมานั้น ก็กำลังต้านทานอยู่ด้านหน้าทั้งสองคนโดยทำหน้าที่เป็นผู้คุ้มกัน ส่วนหุ่นเชิดสีม่วงโลหิตนั้นดวงตาทั้งหกพลันกลอกไปมา ยืนอยู่ด้านข้างหุ่นเชิดไม่ไหวติง
เห็นเพียงทุกย่างก้าวของหญิงงามในเมฆทะมึน ย่อมมีเสียงกรีดร้องของภูตผีดังขึ้น หลังจากหมุนวนโคจรรอบหนึ่ง คาดไม่ถึงว่าจะมีกรงเล็บโครงกระดูกภูตสีขาวข้างหนึ่งยื่นออกมา
กรงเล็บภูตนี้แค่ตะปบออกไปกลางอากาศ
ลูกบอลลำแสงสีเทาก็พุ่งออกมาจากปลายนิ้ว มีขนาดเท่าไข่ไก่ ทะลักออกไปกลางอากาศอย่างบ้าคลั่ง
ส่วนมู่ชิงนั้นดอกไม้มายารอบด้านพลันหมุนวน แล้วจมหายเข้าไปในร่างอย่างพร้อมเพรียง
ท่ามกลางลำแสงวิญญาณที่กำลังเปล่งแสงระยิบระยับ สตรีผู้นั้นอ้าปากออกอย่างช้าๆ พ่นเสาลำแสงสีเขียวสายหนึ่งออกมา
เสาลำแสงเสานี้เป็นสีเขียวมรกตเข้มข้นราวกับอำพัน ดูแล้วพิสดารมาก
หลังจากที่การโจมตีทั้งสองชนิดสว่างวาบแล้วหายไป ก็มาอยู่ด้านล่างเขตอาคมลำแสงสีดำ
ลูกบอลลำแสงสีเทาทยอยกันกระพริบวาบ ส่วนเสาลำแสงสีเขียวมรกตก็โจมตีไปยังใจกลางของเขตอาคมอย่างเงียบเชียบ
เงาร่างมนุษย์ของอสูรอเวจีอัสนีทั้งสองตนที่อยู่กลางอากาศเห็นเช่นนั้น แววตาพลันมีจิตสังหารฉายวาบผ่าน สองมือร่ายรำกระตุ้นเขตอาคมลำแสงสีดำกลางอากาศ
เสียง “ตูมๆๆ” ดังสนั่นขึ้น ใจกลางของเขตอาคมลำแสงมีวายุสีดำพัดโชยออกมา
พายุลูกนี้รุนแรงเป็นพิเศษดุจมีดดาบ และยิ่งไปกว่านั้นในพายุยังมีผลึกลำแสงเปล่งแสงสว่างจ้า เม็ดทรายแวววาวสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนปะปนอยู่ในนั้น
คราที่เม็ดทรายในพายุและลูกบอลลำแสงในเสาลำแสงสัมผัสกันก็ระเบิดตูมออกมา ลำแสงหลากสีกระพริบวาบอยู่ใต้เขตอาคมไม่หยุด
ครู่ต่อมาหมอกลำแสงสีเทาเขียวกลุ่มหนึ่งก็ปรากฏตัว ต้านทานอยู่เบื้องล่างเขตอาคมลำแสงสีดำ
ครานั้นทั้งสองฝ่ายต่างยืนกรานอย่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน
แต่จากพายุสีดำที่ทะลักออกมาไม่หยุด เม็ดทรายสีดำกลางพายุก็เปลี่ยนเป็นสีดำอนธการ กดหมอกลำแสงสีเขียวจนเกิดเป็นเสียงกึกๆ ไม่หยุด ค่อยๆ ลดระดับลง
มู่ชิงเห็นเช่นนั้น ใบหน้าพลันมีสีหน้าประหลาดใจฉายแวบผ่าน มือหนึ่งโบกสะบัด กิ่งไม้กิ่งเล็กปรากฏขึ้นในมือ
เจ้าสิ่งนี้มีความยาวแค่สามฉื่อ มีใบไม้สีเขียวอ่อนงอกออกมาอยู่สองสามใบ แต่กลับเต็มไปด้วยไอวิญญาณ ไม่มีท่าทีเ**่ยวเฉาเลยแม้กระผีกริ้น
โยนกิ่งไม้กิ่งนี้ขึ้นไปกลางอากาศ ลำแสงสีเขียวกลุ่มหนึ่งสาดออกมา ชั่วพริบตากิ่งไม้กิ่งนั้นก็กลายเป็นต้นไม้สีเขียวมรกตต้นหนึ่ง มีใบไม้สีเขียวชอุ่ม กระพริบแสงระยิบระยับ ราวกับสร้างขึ้นจากหยกงามที่นำมาแกะสลักอย่างไรอย่างนั้น
มู่ชิงมีสีหน้าเคร่งขรึม ก้มหน้าลงร่ายคาถาสองสามคำ
ลำต้นของต้นไม้ขยายใหญ่ขึ้น กิ่งก้านแตกแขนงออกไป หมุนคว้างรอบหนึ่ง ใบไม้จำนวนนับไม่ถ้วนบินออกมาจากต้นไม้จนเป็นเงาสีเขียวมรกต ทยอยกกันเข้าร่วมการโจมตีกลางอากาศอย่างหนาแน่น
ดูแล้วอัศจรรย์ใจเป็นอย่างมาก!
“สหายมู่มีอิทธิฤทธิ์ประเสริฐนัก!” เสียงตกตะลึงระคนดีใจของหญิงงามผมขาวดังออกมาจากหมอกสีดำทะมึน
“หึสหายหลัน เจ้าก็ควรจะแสดงฝีมือได้แล้วกระมัง ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะมีความสามารถแค่นี้!” มู่ชิงกลับเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า แล้วเอ่ยอย่างเย็นชาโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมา
“หึๆ…” เสียงหัวเราะแผ่วเบาของหญิงสะคราญดังออกมาจากหมอกทมิฬ จากนั้นเสียงกรีดร้องยาวๆ ของราชันย์ภูตทั้งแปดตัวก็ดังออกมา ไอทมิฬจำนวนนับไม่ถ้วนหมุนวนแล้วรวมตัวกันที่ใจกลาง ด้านในมีเงาภูตกระพริบวาบอย่างต่อเนื่อง เสียงร้องคร่ำครวญดังสนั่น
ครู่ต่อมาเมฆทมิฬพลันสลายตัวออก
เงาร่างยักษ์ใหญ่ตนหนึ่งพุ่งออกมาจากเมฆหมอก
เงาร่างนี้สูงประมาณเจ็ดแปดจั้ง เรือนกายสวมชุดเกราะโบราณสีดำสนิท มือหนึ่งถือค้อนยักษ์เอาไว้เต้าหนึ่ง
ผิวของเกราะสงครามมีหนามแหลมสีดำยาวสองสามฉื่ออยู่เต็มไปหมด สลักลวดลายลึกลับสีเงินเอาไว้
ส่วนค้อนเต้านั้นก็มีรูปร่างพิสดาร เป็นสีดำสนิทเช่นกัน แต่ผิวของมันกลับมีหัวกะโหลกสีขาวโพลนแปดหัวฝังอยู่ หัวกะโหลกเหล่านี้ขยับไปมาอยู่บนค้อน อ้าปากเปล่งเสียงร้องโศกเศร้าออกมา พ่นไอสีดำออกมาเป็นสายๆ ทำให้ผู้คนเห็นแล้วรู้สึกอกสั่นขวัญแขวน
คนผู้นี้ก็คือร่างแปลงยักษ์ของหญิงสะคราญผมขาว ส่วนหัวกะโหลกทั้งแปดบนค้อนก็คือร่างแปลกของราชันย์ภูตเกราะทมิฬทั้งแปด
มู่ชิงเห็นสภาวะการณ์เช่นนั้นพลันหน้าเปลี่ยนสี
แต่ไม่รอให้นางได้เอ่ยปากถามอะไร หญิงงามสะคราญผมขาวก็มีสีหน้าเ**้ยมโหด สะบัดค้อนประหลาดในมือโยนขึ้นไปกลางอากาศ
จากนั้นสองมือของนางก็บิดเป็นอาคมประหลาดๆ
ชั่วขณะนั้นค้อนยักษ์พลันหมุนวนว หัวกะโหลกทั้งแปดเปล่งเสียงร้องแหลมๆ ออกมา อ้าปากออกอีกครั้ง ไอทมิฬหมุนวน พ่นเปลวเพลิงสีเขียวแปดกลุ่มออกมา ม้วนไปกลางอากาศ
ครานั้นเพลิงทมิฬ เงาสีเขียวมรกตพลันซ้อนกันเป็นชั้นๆ ปกคลุมไปทั่วทั้งท้องฟ้า กำลังจะทลายเขตอาคมลำแสงสีดำออกไปอยู่บนยอดของท้องฟ้าอีกครั้ง และอาจจะถูกม้วนกลับไป
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้อสูรอเวจีอัสนีสองตนกลัยไม่อนาทรร้อนใจเลยสักนิด ทั้งสองแค่เปล่งเสียงร้องแหลมๆ ไปกลางอากาศสองสามครั้ง ร่างกายขยายใหญ่ขึ้นสองสามส่วน จากนั้นแขนทั้งสี่ก็ชูขึ้นด้านบนพร้อมกัน
หลังจากเสียงอัสนีฟ้าฟาดดังขึ้นสองสามครั้ง เส้นไหมสีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏตัวออกมาอีกครั้ง ไล่ไปตามลำแขนทั้งสี่ข้าง กลายเป็นประจุไฟฟ้าสีเงินขนาดยักษ์สายหนึ่งดีดตัวออกไป เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในเขตอาคมลำแสงสีดำ
ชั่วพริบตาท่ามกลางเขตอาคมลำแสงพลันมีเสียงอึกทึกดังขึ้น เขตอาคมลำแสงเปล่งแสงถี่กระชั้น ขนาดขยายใหญ่ขึ้นกว่าครึ่ง เม็ดทรายที่ทะลักออกมาจากด้านในก็เพิ่มขึ้นหลายเท่า
คาดไม่ถึงว่าเขตอาคมลำแสงสีดำจะกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบในพริบตา กดเงาเหล่านั้นลงไปอีกครั้ง
หญิงงามผมขาวและมู่ชิงพลันตะลึงงัน ทั้งสองร่ายอาคมอีกครั้งอย่างร้อนรน!
คนหนึ่งอ้าปากพ่นโลหิตบริสุทธิ์ออกมา อีกคนหนึ่งแหงนหน้าแผดเสียงกรีดร้องด้วยความเกรี้ยวโกรธออกมา พลังปราณทั่วร่างของพวกนางพุ่งสูงขึ้น กระตุ้นสมบัติกลางอากาศ
ต้นไม้สีเขียวมรกตและค้อนพิสดารปล่อยเงาสีเขียวมรกตและเปลวเพลิงโหมกระพือบินออกมา แล้วถึงได้พอทัดทานเขตอาคมลำแสงสีดำได้
แต่เขตอาคมลำแสงนี้ยังคงกดลงมาทีละชุ่นๆ
หญิงงามผมขาวและมู่ชิงหน้าเปลี่ยนสีไปยกใหญ่
เขตอาคมนี้ทรงพลังอย่างคาดไม่ถึง พวกนางไม่อาจต้านทานได้
มู่ชิงสูดลมหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง หันหน้าไป หุ่นเชิดสีม่วงโลหิตที่อยู่ด้านข้างพลันร้องตะโกนออกมา
“สหายตี้เสวี่ย เจ้าเองก็รีบลงมือเถิด หากเจ้าสิ่งนี้ทับลงมาจริงๆ ก็จะยุ่งกันใหญ่” ผู้สวมชุดคลุมสีโลหิตในหุ่นเชิดสีม่วงโลหิตไม่ได้ตอบรับอะไร แต่หุ่นเชิดธาตุทองเจ็ดตัวนั้นที่แต่เดิมเรียงแถวปกป้องสตรีทั้งสองอยู่ก็เคลื่อนไหวพร้อมกัน ฉับพลันนั้นพลันกลายเป็นลำแสงหลีกหนีเจ็ดสาย พุ่งออกไปหาอสูรอเวจีอัสนีสองตนที่อยู่กลางอากาศ
ดูแล้วตัวประหลาดเฒ่าตี้เสวี่ยคงรู้ดีว่า แม้ว่าเขตอาคมลำแสงสีดำจะทรงพลัง แต่หากไม่มีอสูรสองตนคอยควบคุม อานุภาพก็ย่อมลดลงเป็นอย่างมาก
หุ่นเชิดทั้งเจ็ดตัวไม่จำเป็นต้องสู้กับอสูรทั้งสองตรงๆ ขอแค่ก่อกวนให้พวกมันไม่มีสมาธิก็ได้แล้ว
เมื่อลำแสงหลีกหนีสีทองเจ็ดสายเข้าประชิดอสูรอเวจีอัสนีร่างมนุษย์ทั้งสอง สายตาน่าขนลุกสี่สายาก็กวาดมาทางพวกมัน อาคมที่ร่ายอยู่ในมือทั้งสองพลันเปลี่ยนไป
ฉับพลันนั้นด้านหลังของทั้งสองก็มีหลุมยักษ์สีดำปรากฎขึ้น เส้นผ่าศูนย์กลางสิบจั้ง
อสูรอเวจีอัสนีสองตัวร่างกายพลิ้วไหว ร่างเลือนรางลงแยกออกเป็นสองส่วนทันที แยกกันลอยอยู่สองฝั่งของหลุมดำ ตรงใจกลางมีเสียงอึกทึกดังขึ้น พ่นหมอกลำแสงสีดำสนิทออกมา
กวาดไปราวกับสายฟ้า ปกคลุมหุ่นเชิดทั้งหมดเอาไว้ข้างใน
ฉากที่น่าตกตะลึงพลันปรากฎออกมา
หุ่นเชิดเจ็ดตัวเปล่งแสงสีดำสว่างวาบ สลายหายไปท่ามกลางม่านลำแสง
ครู่ต่อมาขอบของหลุมดำพลันมีลำแสงวิญญาณสว่างวาบ หุ่นเชิดเจ็ดตัวปรากฎออกมา
พวกมันล้วนถูกหมอกลำแสงปกคลุมเอาไว้ ชั่วครู่ก็ถูกดึงเข้าไปในหลุมดำ แล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
มู่ชิงและพวกกลับสูดลมหายใจเย็นยะเยือกเข้าไปเฮือกหนึ่ง
อสูรอเวจีอัสนีสองตนร้องคำรามต่ำๆ ออกมาอย่างพึงพอใจ จากนั้นแขนขาพลันร่ายอาคม หลุมดำลางเรือนลง แล้วหายวับไป
ในร่างของหุ่นเชิดสีม่วงโลหิตมีเสียงกู่คำรามด้วยความเกรี้ยวโกรธของผู้สวมชุดคลุมสีโลหิตดังขึ้น
หัวไหล่ของหุ่นเชิดมีลำแสงสีโลหิตสว่างวาบ เงาลวงตาของผู้สวมชุดคลุมสีโลหิตปรากฎขึ้นอีกครั้ง
เห็นได้ชัดว่าการที่หุ่นเชิดทั้งเจ็ดตัวหายไปอย่างแปลกประหลาดนั้น ทำให้โทสะของคนผู้นี้ปะทุ
เขาใช้มือหนึ่งลูบท้ายทอยโดยไม่ได้ปริปากใดๆ ฉับพลันนั้นไอโลหิตพลันหมุนวนทะลักออกมา ผนึกรวมกันที่เบื้องหน้า ลูกบอลอัสนีขนาดยักษ์ลูกหนึ่งปรากฎออกมา
แขนของผู้สวมชุดคลุมสีโลหิตสะบัด ดูเหมือนว่าหมายจะกระตุ้นการโจมตีของเจ้าสิ่งนี้ใส่อสูรอเวจีอัสนี
แต่ในตอนนั้นเอง มู่ชิงพลันหันไปมองรอบๆ แล้วร้องตะโกนออกมา
“ผู้ใดอยู่ตรงนั้น ออกมาเดี๋ยวนี้!” การเคลื่อนไหวในมือของสตรีผู้นั้นรวดเร็วกว่าคำพูดหลายส่วน แขนเสื้อสะบัด เส้นไหมสีเขียวพุ่งแหวกอากาศออกมา เปล่งแสงสว่างวาบโจมตีไปกลางอากาศทางด้านนั้น
เสียงร้องอุทานว่า “เอ๋” ดังขึ้น จากนั้นเสียงปังพลันดังขึ้น ไอสีเขียวกลุ่มหนึ่งระเบิดออก
เสียง “พรึ่บ” ดังขึ้น ชั่วพริบตาเส้นไหมสีเขียวก็ทะลวงผ่านไอสีเขียว แต่กลับว่างเปล่า
และครู่ต่อมาเหนือมู่ชิงก็มีระลอกคลื่นที่อ่อนแอปรากฎขึ้น ไข่มุกกลมเม็ดวาวปรากฎขึ้น
ชั่วพริบตาที่เจ้าสิ่งนี้ปรากฎตัว ก็หมุนคว้าง เปล่งแสงสีขาวเจิดจ้าจนสบตา ทำให้ผู้คนอดที่จะหลับตาทั้งสองลงไม่ได้ ไม่อาจมองสบตาตรงๆ ได้
เสียงไพเราะดังขึ้น ผิวของไข่มุกกลมเปลี่ยนรูปลักษณ์ไปท่ามกลางลำแสงสีขาว ลางเลือนไปคาดไม่ถึงว่าจะมีเงาร่างคนสองสายปรากฎออกมา สายหนึ่งสีขาวนวล นายหนึ่งสีทองอ่อน
เงาร่างมนุษย์สีทองอ่อนสายนั้นชูมือขึ้นในทันที
สายรุ้งสีเงินสายหนึ่งกรีดร้องและพุ่งออกมา เปล่งแสงสว่างวาบมาถึงเหนือศีรษะของมู่ชิง ลำแสงอ่อนแสงลงแล้วร่อนลงมาด้วยความรวดเร็วราวสายฟ้า
สายรุ้งสีเงินสายนั้นคือมีดสีเงินที่เปล่งแสงเจิดจ้าราวกับกระจกเล่มนั้น
นั่นก็คือมีดเบญจมังกร!
เงาร่างคนสีทองอ่อนสายนั้นก็คือหุ่นเชิดเกราะสีทองตัวนั้น
แม้ว่าลำแสงสีขาวเจิดจ้าจะทำให้มู่ชิงต้องหลับตาทั้งสองข้างลง แต่จิตสัมผัสที่แผ่ออกไปทำให้รับรู้ทุกสิ่งในระยะยี่สิบสามสิบจั้งอย่างชัดแจ้ง
ทันใดนั้นสองมือก็ชี้ไปทางมีดสีเงินกลางอากาศด้วยความเยือกเย็นสุขุม
ชั่วขณะนั้นด้านข้างสมบัติชิ้นนั้นพลันมีลำแสงสีเขียวสว่างวาบ เส้นไหมสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฎออกมา ตัดสลับกันไปมา ส่วนหนึ่งบินไปปกคลุมมีดสีเงินเอาไว้อย่างแน่นหนา อีกส่วนหนึ่งผนึกรวมตัวกันอยู่เหนือศีรษะ คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นผ้าคลุมสีเขียวผืนหนึ่ง คุ้มกันเอาไว้กลางอากาศ
มู่ชิงเองก็เป็นผู้เจนโลกมากแผนการ คาดไม่ถึงว่าจะวางเส้นไหมวิญญาณเร้นกายเอาไว้ข้างกายจำนวนมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
มิน่าล่ะแม้ว่าหุ่นเชิดเกราะสีทองจะอาศัยอิทธิฤทธิ์พิสดารของภูตอีกตนเข้ามาประชิดก็เผยร่างกายออกมาในทันที ทำให้ความคิดลอบโจมตีนั้นตกไป
ทว่าอานุภาพของมีดเบญจมังกร ก็เหนือกว่าที่มู่ชิงจินตนาการเอาไว้
ผิวของมีดสีเงินแค่มีลำแสงเย็นเยียบม้วนเข้ามาก็ห่อหุ้มเส้นไหมสีเขียวเอาไว้ แล้วกลายเป็นหลายท่อน ถูกสับออกเป็นชิ้นๆ
มีดเล่มนี้ไม่มีท่าทีจะหยุดยั้งแม้แต่น้อย ลำแสงสีเขียวสว่างวาบสับลงไปบนผ้าคลุมสีเขียว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น