เทพปีศาจหวนคืน 1493-1501
บทที่ 1493 แผนที่หนังแกะ
หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียด ฟางหยวนไม่พบกับดักใดๆ
เขาค่อยๆเข้าไปใกล้ซากศพ เมื่อเขาอยู่ห่างจากมันห้าหรือหกก้าว การเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้น
ฟางหยวนลอบสาปแช่งเพราะเขาสูญเสียการควบคุมร่างกายและกลายเป็นผู้ชมอีกครั้ง
เด็กหนุ่มพึมพำ “คนผู้นี้ตายในบ่อน้ำ เขาถูกสัตว์ป่าดักจับและไม่สามารถหลบหนีงั้นหรือ?”
เขาเดินเข้าไปหาศพและก้มศีรษะลงเคารพก่อนจะค้นร่างกาย
ไม่มีเหตุร้ายที่ไม่คาดคิด มันเป็นศพธรรมดา ไม่มีกับดักใดๆ
เด็กหนุ่มพบว่าศพนี้เคยเป็นผู้ใช้วิญญาณและดูเหมือนจะเป็นคนระดับสูง
เขาไม่มีวิญญาณเหลืออยู่แต่ในเสื้อของเขามีแผนที่หนังแกะ
เด็กหนุ่มไม่ได้รับสิ่งใดนอกจากแผนที่หนังแกะผืนนี้
ในห้องใต้ดินที่มืดสลัว เด็กหนุ่มไม่สามารถมองเห็นรายละเอียดได้อย่างชัดเจน
เขาเก็บแผนที่หนังแกะเอาไว้และตรวจสอบพื้นที่อีกครั้งแต่ยังไม่พบสิ่งใด
แต่เด็กหนุ่มก็พอใจมาก
เพราะมีแหล่งน้ำที่ล้ำค่าอยู่ที่นี่
เขาตรวจสอบคุณภาพน้ำก่อนจะค่อยๆดื่มมันเล็กน้อย
แหล่งน้ำอยู่ใต้ดิน ศพได้ใช้ความพยายามอย่างมากในการสร้างมันขึ้นมา
เด็กหนุ่มดื่มน้ำหนึ่งคำ เขารู้สึกได้ถึงความเย็นที่ไหลออกมา นั่นทำให้รสเลือดในปากของเขาจางหายไปอย่างมาก
เด็กหนุ่มกลืนน้ำลาย น้ำหนึ่งคำดึงดูดความปรารถนาของเขา เขาก้มลงและฝังใบหน้าลงไปในบ่อน้ำเล็กๆ
“อึก อึก อึก”
หลังจากดื่มน้ำเข้าไปหลายคำ เขาก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกับน้ำที่สาดกระเซ็นไปทั่ว
เขานั่งลงบนพื้นโดยไม่กล่าวสิ่งใด เขาวางมือลงบนพื้นและปิดเปลือกตาลง เพียงไม่นานเขาก็ถอนหายใจออกมา
หลังจากพักผ่อนเล็กน้อย เขายกมือขึ้นเช็ดน้ำบนใบหน้าและยืนขึ้น
เขากลับขึ้นไปด้านบน ที่นี่หนาวกว่าในห้องใต้ดินมาก
แต่เด็กหนุ่มมีเหตุผลของตนเองที่มาที่นี่
เขามองกระโจมที่สร้างขึ้นจากกระดูกและหนังสัตว์ แต่ลมแรงมาก หนังสัตว์หลายผืนถูกพัดออกไปและสร้างเป็นรูช่องโหว่
จากภายใน เด็กหนุ่มสามารถมองเห็นดวงดาวบนท้องฟ้า
เขาถอนหายใจและนำเศษไม้มาจุดไฟ เปลวไฟไม่ใหญ่นัก แต่มันก็ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกอบอุ่นมากขึ้น
เด็กหนุ่มปรุงเนื้อสัตว์และกินเนื้อสุก
หลังจากินอาหารจนอิ่มท้อง เขารู้สึกง่วงนอนมาก
แต่เด็กหนุ่มยังควบคุมตนเองและใช้แสงสลัวสังเกตแผนที่หนังแกะ
“แผนที่หนังแกะผืนนี้คงอยู่มานานแล้ว”
“หือ? นี่มันโอเอซิสของเผ่าข้ามิใช่หรือ?”
เด็กหนุ่มตะลึง
โอเอซิสเล็กๆเป็นจุดสำคัญของแผนที่หนังแกะ มีภาษาของทะเลทรายตะวันตกหลายคำถูกบันทึกไว้
แต่ถ้อยคำส่วนใหญ่พร่าเลือนไปแล้วตามกาลเวลา มีเพียงสองสามคำที่ยังเห็นได้ชัด
เด็กหนุ่มแทบไม่สามารถถอดความหมายของมัน เขากล่าวอย่างไม่แน่ใจ “ดินแดนแห่งสุสานอมตะ…คำสาป…อัปมงคล…”
“แปลก!” หลังจากสังเกตเป็นเวลานาน เด็กหนุ่มก็ยังไม่พบเบาะแสเพิ่มเติม เขาขมวดคิ้ว
“ข้าอยู่บนโลกใบนี้มานานนับสิบปีแล้ว ข้าเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับผู้อมตะมาจากผู้อาวุโสของตระกูล นั่นไม่ได้เป็นเพียงตำนานแต่มีผู้อมตะอยู่จริงๆงั้นหรือ?”
“มันอาจไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ หากพิจารณาถึงตัวตนของผู้ใช้วิญญาณ ข้าสามารถมองเห็นความแปลกประหลาดและความลึกลับที่อยู่เบื้องหลังโลกใบนี้ สิ่งใดก็เกิดขึ้นได้ทั้งสิ้น”
“ดินแดนแห่งสุสานอมตะ…อย่าบอกว่าที่ที่ข้าเคยอาศัยอยู่มีสุสานของผู้อมตะอยู่ที่นั่น!?”
“แต่คำสาปและสิ่งอัปมงคลคือสิ่งใด?”
“แผนที่หนังแกะผืนนี้แปลกจริงๆ โลกนี้มีวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลสำหรับจัดเก็บแผนที่หรือข้อมูล ศพนั้นต้องเป็นผู้ใช้วิญญาณที่แข็งแกร่งอย่างแน่นอน แล้วเหตุใดเขาถึงใช้แผนที่หนังแกะแทนวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูล?”
“แผนที่หนังแกะชิ้นนี้ถูกเย็บติดกับเสื้อผ้าของเขา หากเสื้อผ้าของเขาไม่ขาด ข้าคงไม่พบมัน”
“เขาซ่อนมันไว้อย่างระมัดระวัง มันต้องสำคัญมาก แต่มันเสี่ยงเกินไป มันจะปลอดภัยกว่าหากเขาเก็บมันไว้ในวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูล”
เด็กหนุ่มพึมพำ
ฟางหยวนที่เฝ้ามองอยู่เคยคิดถึงคำถามเดียวกันนี้มาก่อนแล้ว
“ลืมเรื่องนี้ไปซะ แผนที่หนังแกะผืนนี้ยังระบุตำแหน่งของบ่อน้ำ หากข้าใช้มันนำทาง ข้าจะสามารถกลับไปที่เผ่า”
แม้เด็กหนุ่มจะไม่รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของเผ่า แต่เขาก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะอยู่เพียงลำพังกลางทะเลทราย
นอกจากอันตรายยังมีเรื่องของอาหาร เด็กหนุ่มมีเนื้อในปริมาณที่จำกัด
โอเอซิสแห่งนี้เล็กเกินไป มันไม่เหมาะกับการพักอาศัย
เป็นเพียงเวลานี้ที่ดวงตาของเด็กหนุ่มเริ่มพร่ามัว หลังจากชั่วครู่เขาก็งีบหลับไป
เขาเหนื่อยมาก ไม่เพียงร่างกายแต่ยังรวมถึงจิตใจ
เมื่อเขาหลับ วิสัยทัศน์ของฟางหยวนก็กลายเป็นมืดมิด
ท่ามกลางความมืดมิด ฟางหยวนรู้สึกถึงพลังการกัดกร่อนจากอาณาจักรแห่งความฝัน จิตวิญญาณของเขาถูกกัดกินอย่างรวดเร็ว
ฟางหยวนอดทนกระทั่งความมืดมิดจางหายไป
เวลาในอาณาจักรแห่งความฝันยากที่จะคาดเดา เมื่อความมืดจางหาย จิตวิญญาณของเขาก็ถูกกัดกร่อนไปแล้วเป็นจำนวนมาก
หลังจากกลับมามองเห็นอีกครั้ง ฟางหยวนก็ตกใจเมื่อเขาพบว่าเด็กหนุ่มถูกมัดไว้ในห้องใต้ดิน
ด้านหน้าเขามีผู้ใช้วิญญาณชราที่กำลังแสดงออกอย่างเคร่งขรึม
ผู้ใช้วิญญาณชรากำลังมองแผนที่หนังแกะด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความโลภ
ร่างของเด็กหนุ่มสั่นสะท้านขึ้น
“เจ้าคือผูใด? เหตุใดต้องมัดข้า?” เด็กหนุ่มตะโกนถาม
เขารู้สึกหดหู่มาก หลังจากตื่นขึ้น เขาก็พบว่าตนเองถูกมัดและตกเป็นเชลยไปแล้ว
“เจ้าควรดีใจที่ข้า ชาเซี่ยว ยังไม่ฆ่าเจ้า” ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
เขาเก็บแผนที่หนังแกะไว้ในกระเป๋าอย่างระมัดระวังและมองเด็กหนุ่ม “เด็กน้อย เจ้าเป็นสมาชิกของเผ่านี้งั้นหรือ?”
เด็กหนุ่มไม่ตอบ
เพราะเขาตระหนักว่าผู้ใช้วิญญาณชราผู้นี้ต้องรู้ความลับและเห็นคุณค่าของแผนที่หนังแกะ ชายชราไม่ฆ่าเขาแต่มัดเขาไว้เพราะต้องการใช้ประโยชน์จากเขา
การแสดงออกของผู้ใช้วิญญาณชรากลายเป็นมืดครึ้มเมื่อเห็นเด็กหนุ่มเงียบ
เขาลอยเข้าไปหาเด็กหนุ่มราวกับภูตผี
“เด็กน้อย อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้าคิดสิ่งใดอยู่ หากเจ้าเงียบ…เห้อ…เจ้าคงไม่เคยได้ยินชื่อของข้า เช่นนั้นข้าจะมอบบทเรียนให้เจ้าเป็นอันดับแรก”
ผู้ใช้วิญญาณชราหัวเราะอย่างชั่วร้ายก่อนจะยกขาขึ้นเตะหน้าอกของเด็กหนุ่ม
เด็กหนุ่มถูกส่งลอยออกไปราวกับก้อนหิน เขาพุ่งชนกำแพงและล้มลงบนพื้น
ความเจ็บปวดเกือบทำให้เด็กหนุ่มหมดสติ เขาเริ่มกรีดร้อง
เด็กหนุ่มรู้สึกว่าร่างกายของเขากลายด้านชา ในเวลาเดียวกันเขาก็รู้สึกราวกับถูกแทงด้วยเข็มน้ำแข็งจำนวนนับไม่ถ้วน
ความเจ็บปวดที่รุนแรงทำให้เด็กหนุ่มกรีดร้องออกมา เขาขดตัวราวกับกุ้งพร้อมกับน้ำมูกและน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง
“เด็กน้อย ตอนนี้รู้แล้วหรือยังว่าข้าแข็งแกร่งเพียงใด?” ผู้ใช้วิญญาณชราเผยรอยยิ้มชั่วร้าย
เขามีความสุขมาก
เสียงกรีดร้องและเสียงร้องไห้ของเด็กหนุ่มทำให้เขารู้สึกพึงพอใจมาก
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1494 ท่านปู่
แปลโดย iPAT
เสียงกรีดร้องของเด็กหนุ่มดังขึ้นทำให้ผู้ใช้วิญญาณชราเผยรอยยิ้มสดใส
แต่ในไม่ช้าเด็กหนุ่มก็ตระหนักถึงเรื่องนี้และกัดฟันอดทนโดยไม่ส่งเสียงออกมาอีก
“หือ? เจ้าหนู เจ้ายังคิดขัดขืนข้าอีกงั้นหรือ?” ผู้ใช้วิญญาณชราโกรธและกระทืบหน้าอกของเด็กหนุ่ม
“แคร่ก”
ซี่โครงของเด็กหนุ่มแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและเจาะเข้าไปในปอดของเขา
นั่นทำให้เด็กหนุ่มเกือบตายทันที
แต่เขายังไม่เปล่งเสียงใดๆออกมา เขากัดฟันอย่างรุนแรงขณะที่ดวงตาเบิกโตด้วยความโกรธ
“ฮ่าฮ่าฮ่า” ผู้ใช้วิญญาณชราเริ่มหัวเราะด้วยความไม่พอใจ
คราวนี้ไม่ง่ายเหมือนก่อนหน้า เด็กหนุ่มรู้สึกมึนงงจากการโจมตีทุกรูปแบบ
“อ๊าก!” เขากรีดร้องออกมาโดยไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป เขากลิ้งไปบนพื้นและเกาผิวหนังของตนเองอย่างบ้าคลั่ง
ผู้ใช้วิญญาณชราหัวเราะร่าเริง “ทนไม่ไหวแล้วงั้นหรือ? เจ้ากล้าท้าทายท่านชาเซี่ยวผู้ยิ่งใหญ่ แม้เจ้าจะมีความภาคภูมิใจในตนเองมากเพียงใด เจ้าก็ต้องคุกเข่าต่อหน้าข้าในที่สุด จงร้องขอความเมตตาจากข้า ตราบเท่าที่เจ้าเรียกข้าว่าท่านปู่ ข้าย่อยสามารถให้อภัยเจ้าที่เป็นหลานชาย ฮ่าฮ่าฮ่า”
หัวใจของเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยความโกรธ
คำกล่าวของชาเซี่ยวกระตุ้นความภาคภูมิใจของเขา เขาสาบานอยู่ในใจว่าแม้เขาจะตายจากอาการคัน ตายจากความเจ็บปวด ตายจากการเน่าเปื่อย หรือตายจากอาการชา เขาก็จะไม่ร้องขอความเมตตา!
ชาเซี่ยวรอสักครู่ เด็กหนุ่มยังกลิ้งอยู่บนพื้น เขาฉีกเสื้อผ้าและผิวหนังของตนเอง เขากรีดร้องด้วยความเจ็บปวด แต่เขาไม่ร้องขอความเมตตา
เมื่อเด็กหนุ่มไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป เขาจึงใช้ศีรษะของตนเองทุบกำแพงหินอย่างรุนแรง
‘เขาอยากตายจริงๆงั้นหรือ!?’ ชาเซี่ยวรู้สึกประหลาดใจและรีบหยุดสิ่งนี้
ความแข็งแกร่งของเด็กหนุ่มไร้ความหมายต่อหน้าชาเซี่ยว ฝ่ายหลังสามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย
นอกจากชาเซี่ยวจะช่วยเด็กหนุ่ม เขายังรักษาอาการบาดเจ็บของเด็กหนุ่มผู้นี้อีกด้วย
“เจ้าหนู เจ้าเด็กโง่ กระทั่งข้าก็ยังรู้สึกชื่นชมเจ้าอยู่บ้าง” ชาเซี่ยวกล่าว
เขามองเด็กหนุ่มที่นอนอยู่พื้นและกล่าวอย่างช้าๆ “แต่หากเจ้าตาย ครอบครัวของเจ้าจะทำอย่างไร? แน่นอนว่าข้าย่อมไม่สนใจเรื่องนี้ แต่พ่อแม่ของเจ้าจะรู้สึกอย่างไร? ยังมีพี่น้องของเจ้า ฮ่าฮ่า เจ้ามีคนรักหรือไม่? นางจะรู้สึกอย่างไรหากเจ้าตาย?”
การแสดงออกของเด็กหนุ่มเปลี่ยนแปลงไป
เขามีชีวิตอยู่ในโลกนี้มากว่าสิบปีแล้ว อย่างไรก็ตามในโลกใบเดิมของเขา เขามีครอบครัว พ่อแม่ที่แข็งแรง และคู่หมั้นอันเป็นที่รัก
‘ข้าตายไม่ได้! ข้าต้องอยู่ต่อไป!’
‘ข้าต้องหาทางออกจากโลกใบนี้และกลับบ้าน มีคนรอข้าอยู่ที่นั่น!’
ชาเซี่ยวเป็นคนเจ้าเล่ห์ มุมปากของเขาม้วนตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นการแสดงออกที่เปลี่ยนแปลงไปของเด็กหนุ่ม
เด็กหนุ่มมองชาเซี่ยวอย่างไม่เกรงกลัว “เจ้าไม่ได้ฆ่าข้าเพราะเจ้าต้องการใช้ประโยชน์จากข้า พูด เจ้าต้องการให้ข้าทำสิ่งใด?”
ชาเซี่ยวหัวเราะเสียงดังและยกนิ้วให้เด็กหนุ่ม “เจ้าหนู เจ้ามีความกล้า เจ้ากล้าพูดกับข้าเช่นนั้นจริงๆ”
หลังกล่าวจบคำ สีหน้าของชาเซี่ยวก็เปลี่ยนไป เสียงหัวเราะของเขาหายไปและถูกแทนที่ด้วยความโกรธ
เขาเตะใบหน้าของเด็กหนุ่มอย่างไรปรานีและทำให้เด็กน้อยบินออกไป
จากนั้นเขาก็ยิงแสงประหลาดออกจากนิ้วและพุ่งเข้าปะทะร่างของเด็กหนุ่ม
การแสดงออกของเด็กหนุ่มเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วขณะที่เขารู้สึกเจ็บปวดไปทั่วทั้งร่าง เขาพยายามยืนขึ้น แต่ด้วยความไร้กำลัง เขาจึงทำได้เพียงนั่งอยู่บนพื้นเท่านั้น
ใบหน้าของเขาเปื้อนเลือด จมูกของเขาหักจากลูกเตะของชาเซี่ยว
เด็กหนุ่มแทบไม่สามารถประคองสติเอาไว้ได้
ด้วยสติที่เหลืออยู่ เขาเห็นมือของตนเองที่กำลังเน่าเปื่อยราวกับถูกกัดกร่อนด้วยน้ำกรดเข้มข้น
ในความเป็นจริงไม่เพียงมือแต่กระทั่งใบหน้า แขน ลำคอ และร่างกายของเขาก็กำลังเน่าเปื่อย
ในไม่ช้าดวงตาของเขาก็สูญเสียการมองเห็น
เสียงที่น่ากลัวของชาเซี่ยวลอยมา “เจ้าคิดว่าข้าต้องการเจ้างั้นหรือ? ฮ่าฮ่าฮ่า เป็นโชคของเจ้าที่จะถูกใช้งานโดยข้า! เจ้ากล้าแสดงทัศนคติดังกล่าวให้ข้าเห็นแล้วคิดว่าจะสามารถตายงั้นหรือ? ข้าจะทำให้เจ้าทรมานยิ่งกว่าความตาย เจ้าจะกลายเป็นหุ่นเชิดของข้า ฮ่าฮ่าฮ่า”
“ตอนนี้เป็นโอกาสสุดท้ายของเจ้าแล้ว ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง หากเจ้าไม่อยากตาย จงเรียกข้าว่าท่านปู่ ปฏิบัติตามคำสั่งของข้าอย่างเคร่งครัด!”
“ใช้เวลาที่เหลืออยู่ของเจ้าให้คุ้มค่า ร่างกายของเจ้าจะเน่าเปื่อยต่อไป ในอีกสิบลมหายใจ เจ้าจะเหลือเพียงโครงกระดูก ฮ่าฮ่า ข้าจะดูว่าเจ้ายังจะยโสได้อีกนานเท่าใด!?”
เด็กหนุ่มเงียบ
ชาเซี่ยวไม่กล่าวสิ่งใดอีก เขาเพียงมองไปที่เด็กหนุ่มด้วยสายตาที่น่ากลัวเท่านั้น
เด็กหนุ่มทรุดตัวลงและไม่เคลื่อนไหว
ร่างกายของเขาเน่าเปื่อยมากขึ้นเรื่อยๆ
บาดแผลอันน่าสะพรึงกลัว ความเจ็บปวดที่รุนแรง และสิ่งสำคัญคือความคิดที่อยู่ในใจของเขาทำให้ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยว
‘ข้าคือเบนเจสันแม่ทัพผู้สูงศักดิ์ ข้าจะร้องขอความเมตตาได้อย่างไร?’
‘แต่…หากข้าตายที่นี่ ข้าจะทำให้คนรักที่อยู่ในโลกอีกใบต้องรอคอยอย่างสูญเปล่า?’
‘เห้อ…’
เด็กหนุ่มลอบถอนหายใจอยู่ภายใน
เขาค่อยๆปรับท่าทางและคุกเข่าลง จากนั้นก็วางศีรษะไว้บนพื้น
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรงและหยาบคาย “เจ้าชนะ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า” ชาเซี่ยวหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาของเขาเบิกกว้างขณะมองเด็กหนุ่ม “แล้วควรเรียกข้าว่าอย่างไร?”
“ท่าน…ท่านปู่” เด็กหนุ่มกัดฟันกล่าวด้วยร่างกายสั่นเทาและน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตาที่สึกกร่อน
“ฮ่าฮ่าฮ่า หลานชายที่ดีของข้า” ชาเซี่ยวพอใจมาก
เด็กหนุ่มถึงขีดจำกัดและหมดสติไปในที่สุด
ฟางหยวนเผชิญหน้ากับความมืดอีกครั้ง
อาณาจักรแห่งความฝันกัดกร่อนจิตวิญญาณของเขาอย่างรุนแรง
ฟางหยวนอดทนผ่านช่วงเวลานี้ไปอย่างยากลำบาก เขาสูญเสียรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณไปนับล้านแล้ว
การสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ต้องใช้รากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณสูงมาก! หากฟางหยวนไม่เคยบ่มเพาะจิตวิญญาณมาก่อน เขาจะไม่มีคุณสมบัติที่จะสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันแห่งนี้
เมื่อเวลาผ่านไป ฟางหยวนก็กลับมามองเห็นอีกครั้ง
ดวงอาทิตย์แผดแสงอยู่บนท้องฟ้า เด็กหนุ่มกำลังเคลื่อนที่ข้ามทะเลทรายด้วยร่างกายที่อ่อนแอ
บาดแผลอันน่าสะพรึงกลัวบนร่างของเขาหายไปแล้วแต่ยังมีอาการบาดเจ็บใหม่หลายแห่งที่ดูเหมือนบาดแผลที่เกิดจากคมเขี้ยวของสัตว์ป่า
“เจ้าหนู ฟังให้ดี เมื่อเจ้ากลับเข้าเผ่า สืบหาสิ่งที่ท่านปู่ของเจ้าต้องการ”
“ท่านปู่จะนำหมาป่าทะเลทรายสองสามตัวมาให้เจ้า ฮ่าฮ่า หากเจ้าทำได้ดี เจ้าจะไปถึงจุดหมาย ท่านปู่จะไม่ช่วยเจ้า หากเจ้าไม่สามารถรักษาชีวิต มันก็โทษได้เพียงตัวเจ้าเองเท่านั้น”
“โอ้ อย่าลืมว่าอย่าพูดจาเหลวไหล ท่าไม้ตายของท่านปู่อยู่ในร่างของเจ้า เจ้าเคยลิ้มรสความรู้สึกของร่างกายที่เน่าเปื่อยมาแล้ว ตราบเท่าที่ข้าต้องการ อวัยวะภายในและสมองของเจ้าจะเน่าเปื่อยทันที ฮ่าฮ่า จงเป็นหลานชายที่ดีของข้า”
เด็กหนุ่มมองไม่เห็นร่างของชาเซี่ยวแต่เสียงของชายชรายังดังขึ้นในใจของเขา
ทันทีที่ชายชรากล่าวจบ หมาป่าทะเลทรายหลายตัวก็พุ่งออกมาจากเนินทราย
พวกมันเห่าหอนเพื่อส่งสัญญาณโจมตี
เด็กหนุ่มไม่ขยับเขยื้อนและมองระยะห่างระหว่างเขากับหมาป่าทะเลทรายที่หดตัวลงเรื่อยๆ
ฟางหยวนงุนงงก่อนที่เขาจะตอบสนองอย่างรวดเร็ว เขาลอบสาปแช่งอยู่ภายในขณะพยายามควบคุมร่างกายของเด็กหนุ่ม
ดังคาด เขาสามารถควบคุมร่างกายนี้อีกครั้ง
ฟางหยวนรีบออกวิ่งขณะที่เขาตรวจสอบวิญญาณที่อยู่ในทะเลวิญญาณ
วิญญาณหลุมทราย วิญญาณควันไฟ และวิญญาณน้ำใส
มีพลังวิญญาณเพียงสิบกว่าส่วนเท่านั้น
วิญญาณลมเย็นที่เขาเคยรวบรวมไว้หายไปหมดแล้ว
‘ดูเหมือนชาเซี่ยวไม่ต้องการเปิดเผยการคงอยู่ของโอเอซิสเล็กๆแห่งนั้น ด้วยเหตุนี้เขาจึงทำลายเบาะแสที่เกี่ยวข้องทั้งหมด’
‘บัดซบ! วิญญาณน้ำใสไม่มีประโยชน์ที่นี่ มีเพียงวิญญาณหลุมทรายและวิญญาณควันไฟเท่านั้นที่พึ่งพาได้’
ขณะที่ฟางหยวนคิดเรื่องนี้ เขาก็รู้สึกถึงลมที่พัดมาจากด้านหลัง
เขากระโดดไปทางซ้ายโดยไม่ต้องคิดมาก
ในเวลาต่อมาหมาป่าทะเลทรายก็กระโจนไปที่ตำแหน่งก่อนหน้าของฟาหงยวน มันตกลงบนพื้นและกลิ้งออกไปไกลพอสมควร
ฟางหยวนเกือบล้มลงบนพื้น หากเขาล้ม หมาป่าทะเลทรายที่วิ่งเข้ามาจะไม่ปล่อยให้เขามีโอกาสลุกขึ้นได้อีก
ในช่วงเวลาสำคัญฟางหยวนใช้มือดันพื้นทรายและส่งร่างของตนเองพุ่งไปข้างหน้า เขาแทบไม่สามารถรักษาสมดุลแต่เขายังคงวิ่งต่อไป
เพียงไม่กี่ก้าวต่อมา หมาป่าทะเลทรายอีกตัวก็ไล่ตามมาด้านหลัง
ฟางหยวนกระตุ้นใช้งานวิญญาณหลุมทราย วิญญาณระดับหนึ่งใช้พลังวิญญาณห้าส่วน
หลุมทรายปรากฏขึ้นทันที
หมาป่าทะเลทรายตัวที่สองที่กำลังพุ่งเข้ามาตกลงไปในหลุมทราย
แต่หมาป่าทะเลทรายตัวที่สามกระโดดขึ้นสู่อากาศ หมาป่าตัวนี้ค่อนข้างฉลาด นอกจากนั้นมันยังมีวิญญาณป่าที่ช่วยในการเคลื่อนไหวได้โดยไร้เสียง
ฟางหยวนไม่มีเวลามองกลับไปขณะที่เขาเห็นเงาบนพื้นทรายที่อยู่ตรงหน้า
มันเป็นเงาของหมาป่าทะเลทรายตัวที่สามที่กำลังกระโจนเข้ามาจากด้านหลัง
ฟางหยวนกัดฟันแน่น เขาไม่สามารถใช้งานวิญญาณดวงสุดท้ายและไม่มีมีเวลาหลบเลี่ยง
อย่างไรก็ตามประสบการณ์การต่อสู้ของฟางหยวนทำให้เขาตัดสินใจได้อย่างสมเหตุสมผลที่สุด
แม้เขาจะไม่สามารถหลบได้อย่างสมบูรณ์แต่เขายังสามารถหลบหนีจากสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด
ฟางหยวนใช้ไหล่ข้างขวารับกรงเล็บที่แหลมคมของหมาป่าทะเลทรายตัวที่สาม
เศษเนื้อถูกฉีกกระชากออกไปแต่ฟางหยวนยังไม่หยุดวิ่ง
เขาวิ่งต่อไปอย่างบ้าคลั่ง
ถึงเวลานี้หมาป่าทะเลทรายตัวแรกและตัวที่สองก็สามารถตั้งหลักและตามมาแล้ว
ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ฟางหยวนส่งพลังวิญญาณทั้งหมดให้กับวิญญาณควันไฟ
เดิมทีวิญญาณดวงนี้มักถูกใช้ในการรมควันอาหาร แต่ตอนนี้ฟางหยวนยังสามารถใช้งานมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ควันหนาทึบบดบังวิสัยทัศน์และการดมกลิ่นของหมาป่าทะเลทรายทั้งสาม ฟางหยวนฉวยโอกาสสร้างระยะห่างออกไป
แต่นี่เป็นเหมือนการต่อสู้ที่สิ้นหวัง
ในไม่ช้าหมาป่าทะเลทรายทั้งสามก็ทะลวงผ่านกลุ่มควันและไล่ล่าฟางหยวนอีกครั้ง
‘ข้าจะล้มเหลวงั้นหรือ?’
‘ความยากลำบากนี้สูงเกินไป!’
ฟางหยวนรู้สึกหมดสิ้นความหวัง แต่ในจังหวะนี้โซ่สายฟ้ากลับพุ่งผ่านแก้มของฟางหยวนไปและโจมตีหมาป่าทะเลทรายทั้งสามในพริบตา
‘พวกพ้อง!’ ฟางหยวนรู้สึกมีความสุขเมื่อตระหนักถึงบางคน
แต่ร่างกายของเด็กหนุ่มมาถึงขีดจำกัดแล้ว เขาหมดสติไปอีกครั้ง
ความมืดไม่ปรากฏขึ้น ขณะที่การค้นพบของฟางหยวนทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ ดวงวิญญาณของเขาลอยอยู่กลางอากาศ เขาอยู่นอกอาณาจักรแห่งความฝัน!
กล่าวให้ถูกต้องมากขึ้นก็คือฉากแรกของอาณาจักรแห่งความฝันที่ปกคลุมดวงวิญญาณของฟางหยวนอยู่ก่อนหน้านี้หายไปแล้ว
‘เป็นเช่นนี้ ข้าประสบความสำเร็จในการสำรวจฉากที่หนึ่งของอาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์แล้ว!’ ฟางหยวนตระหนักถึงสิ่งนี้ได้อย่างรวดเร็ว
‘ยอดเยี่ยม! ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมของข้าบรรลุถึงระดับปรมาจารย์ทันที!’
ฟางหยวนรู้สึกมีความสุขมาก
แม้รากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของเขาจะลดลงอย่างมาก แต่การเก็บเกี่ยวของเขาก็ไม่น้อย
มันคู่ควรกับการเป็นอาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์อย่างแท้จริง เพียงฉากแรก มันก็ทำให้ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมของฟางหยวนก้าวเข้าสู่ระดับปรมาจารย์ไปแล้ว
จะน่ากลัวเพียงใดหากเขาสำรวจต่อไป?
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1495 พักผ่อน
แปลโดย iPAT
ภายในค่ายกลวิญญาณอมตะ ฟางหยวนนั่งไขว้ขาปิดเปลือกตาอยู่อย่างเงียบๆ
ไห่ลั่วหลันและคนอื่นๆพร้อมด้วยถังฟางหมิงกำลังควบคุมค่ายกลวิญญาณนี้อยู่
ฟางหยวนคำนวณกำไรขาดทุนของเขา
‘ประโยชน์ที่ได้รับจากการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์มีมากมาย นอกจากผลลัพธ์ของการทดสอบท่าไม้ตายอมตะสลายเจตจำนงสวรรค์จะน่าพอใจ ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมของข้ายังพุ่งขึ้นสู่ระดับปรมาจารย์!’
‘แต่ข้าต้องจ่ายด้วยราคามหาศาลเช่นกัน จิตวิญญาณของข้าตกลงสู่ระดับเก้าล้านคน มันเป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่’
‘ท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันให้ความช่วยเหลือข้าได้ไม่มากนักในอาณาจักรแห่งความฝันนี้’
จากการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันในครั้งนี้ ฟางหยวนตระหนักถึงจุดหนึ่ง
เขาอาจมีท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝัน แต่วิธีนี้ไม่มีประสิทธิภาพมากนัก
‘ท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันถูกใช้งานเพียงไม่กี่ครั้ง ดังนั้นค่าใช้จ่ายด้านพลังงานอมตะของข้าจึงค่อนข้างน้อย แต่ข้าต้องใช้วิญญาณความเด็ดเดี่ยวจำนวนมาก’
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ฟางหยวนก็ค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นและใช้วิญญาณความเด็ดเดี่ยวทันที
‘วิญญาณความเด็ดเดี่ยวจำนวนมาก!’ ดวงตาของถังฟางหมิงเบิกกว้างขึ้นด้วยความอิจฉาและปรารถนา
เขาเคยสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์มาหลายครั้งแล้ว เขาเข้าใจถึงประโยชน์ของวิญญาณความเด็ดเดี่ยวเป็นอย่างดี แต่เขาแทบไม่สามารถซื้อหามันมาได้เพราะอุปทานในตลาดต่ำกว่าอุปสงค์มาก แต่ตอนนี้เขากำลังมองฟางหยวนใช้วิญญาณความเด็ดเดี่ยวจำนวนมากราวกับการกินขนม
‘เห้อ…หลังจากทั้งหมดเขาเป็นคนขายวิญญาณความเด็ดเดี่ยวแต่เพียงผู้เดียว’ ถังฟางหมิงลอบคร่ำครวญ
ในเวลาเดียวกันเขาก็สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของอาณาจักรแห่งความฝัน
อาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ใหญ่โตราวกับภูเขา แต่ตอนนี้บางส่วนของมันได้หายไปแล้ว
นี่เป็นผลมาจากความสำเร็จของฟางหยวน
ถังฟางหมิงถอนหายใจ
เขาสำรวจและค้นคว้าอาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์มานับพันครั้ง แต่ความสำเร็จทั้งหมดของเขายังไม่สามารถเปรียบเทียบกับเศษเสี้ยวของการสำรวจเพียงครั้งเดียวของฟางหยวน
ถังฟางหมิงเป็นผู้บุกเบิกการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันของตระกูลถัง เขาสามารถสร้างวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งความฝันและมีความสำเร็จมากมาย แต่เขากลับไม่สามารถเปรียบเทียบกับฟางหยวนได้แม้แต่น้อย
ถังฟางหมิงรู้สึกละอายใจ แต่นอกเหนือจากนั้นเขารู้สึกชื่นชมฟางหยวนเป็นอย่างมาก
หลังจากนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ฟางหยวนก็เปิดเปลือกตาขึ้น
ดวงตาของเขาส่องประกายแหลมคม
ด้วยการใช้วิญญาณความเด็ดเดี่ยวโดยไม่สนใจค่าใช้จ่าย รากฐานจิตวิญญาณของฟางหยวนก็เพิ่มขึ้นถึงระดับสิบล้านอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามเขากลับรู้สึกว่าจิตวิญญาณของเขาบริสุทธิ์มากกว่าก่อนหน้า
‘ดูเหมือนการกัดกร่อนของอาณาจักรแห่งความฝันนี้จะช่วยขัดเกลาจิตวิญญาณของข้า แต่หากตรวจสอบอย่างละเอียด ประสิทธิภาพของมันยังด้อยกว่าหุบเขาเหล่าโปอยู่มาก’
ภูเขาตงฮันและหุบเขาเหล่าโปเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการบ่มเพาะจิตวิญญาณที่ถูกประกาศโดยเทพปีศาจจิตวิญญาณ พวกมันไม่ใช่ทรัพยากรที่สิ่งใดจะสามารถทดแทน
สิ่งสำคัญที่สุดคือฟางหยวนนำหุบเขาเหล่าโปมาด้วย!
ก่อนออกเดินทาง เขาได้พิจารณาทุกแง่มุมอย่างรอบคอบแล้ว ด้วยธรรมชาติที่ระวังตัวของเขา เขาจะไม่เตรียมตัวมาอย่างเพียงพอได้อย่างไร?
‘สำหรับภูเขาตงฮัน มีสวรรค์สีเหลืองที่สามารถส่งผ่านวิญญาณความเด็ดเดี่ยวมาให้ข้า จะนำมันมาด้วยหรือไม่ก็ไม่ต่างกัน’
ในความเป็นจริงไม่ใช่ว่าฟางหยวนไม่ต้องการนำภูเขาตงฮันมาด้วย
แต่มันมีความต้องการปราณสวรรค์พิภพสูงมาก
ในปัจจุบันมิติช่องว่างของเขามีแม่น้ำหวนคืน หุบเขาเหล่าโป และเมืองจิ๋วอยู่แล้ว ด้วยสิ่งเหล่านี้ เขาต้องวางมิติช่องว่างลงเพื่อดูดซับปราณสวรรค์พิภพทุกสามวัน
หากไม่เติมปราณสวรรค์พิภพตามกำหนดเวลา มิติช่องว่างของเขาจะสูญเสียรากฐาน ในกรณีเลวร้ายที่สุดมันอาจพังทลายลง
‘ความยากลำบากในการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์สูงเกินไป ฉากแรกก็น่าหนักใจมากแล้ว ฉากที่สองย่อมยากลำบากมากขึ้น’ ด้วยความเข้าใจนี้ฟางหยวนจึงตัดสินใจเพิ่มรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของเขาขึ้นอีกระดับหนึ่งก่อนจะสำรวจต่อไป
ดังนั้นในช่วงเวลาต่อมาเขาจึงจดจ่ออยู่กับการบ่มเพาะจิตวิญญาณอย่างเงียบๆ
ด้วยการใช้วิญญาณความเด็ดเดี่ยวอย่างต่อเนื่อง รากฐานบนเส้นทางจิตวิญญาณของเขาจึงพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
ขณะที่ฟางหยวนกำลังบ่มเพาะจิตวิญญาณเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันฉากที่สอง ในทะเลตะวันออก ฉิงเย่จื่อเฉิงได้เข้าพบผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลฉิงเย่เพื่อขอความช่วยเหลือ
“จื่อเฉิง ดูเหมือนเจ้าจะมีความตั้งใจอันแน่วแน่ต่อฉินไป่อี้” ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งมองทายาทผู้นี้และถอนหายใจ
“ถูกต้อง ข้าตัดสินใจแล้ว หวังว่าผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งจะช่วยข้า!” ฉิงเย่จื่อเฉิงกล่าวอย่างหนักแน่น
แต่ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งกลับส่ายศีรษะเบาๆ “มันยังไม่ถึงเวลาที่ข้าจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ยิ่งกว่านั้นความจริงยังไม่ปรากฏ แม้ข้าจะเคลื่อนไหว ข้าก็ไม่สามารถช่วยเจ้าได้มากนัก”
ฉิงเย่จื่อเฉิงรู้สึกประหลาดใจ ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลฉิงเย่ผู้นี้เป็นผู้อมตะระดับแปดแต่เขากลับบอกว่าไม่สามารถช่วยได้มากนัก นี่หมายความว่าอย่างไร?
แต่ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งกลับกล่าวบางสิ่งที่ทำให้เขาเข้าใจทันที
“ผู้เยาว์ขอบคุณผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งสำหรับคำแนะนำ ตอนนี้ข้าจะไปขอความช่วยเหลือ” ฉิงเย่จื่อเฉิงกล่าวอย่างมีความสุข
“ไปเถอะ” ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งหัวเราะเบาๆและโบกมือ
ฉิงเย่จื่อเฉิงบินออกจากฐานทัพใหญ่ของตระกูลฉิงเย่และเดินทางไปยังอาณาเขตของตระกูลหนานกง
ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลฉิงเย่บอกเขาว่าฉิงไป่อี้และโหยว่ชานยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ยังไม่ชัดเจน สถานการณ์ที่พวกนางเผชิญยังไม่แน่ชัด ดังนั้นสิ่งที่เขาควรทำคือไปขอความช่วยเหลือจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาเพื่อค้นหาความจริง เมื่อรู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกับหญิงทั้งสอง พวกเขาจึงจะสามารถตามหาผู้กระทำผิดและแก้แค้น
ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเรื่องนี้ไม่ใช่ผู้ใดนอกจากหนึ่งในสามผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ยอดเยี่ยมที่สุดของทะเลตะวันออก ผู้อมตะฮัวอัน ที่ซ่อนตัวอยู่ในตระกูลหนานกง คนผู้นี้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับโหยว่ชาน หากโหยว่ชานมีปัญหา เขาต้องยื่นมือเข้าช่วยอย่างแน่นอน
ฉิงเย่จื่อเฉิงรู้สึกว่าการวิเคราะห์ของผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งถูกต้อง ดังนั้นเขาจึงเร่งไปขอความช่วยเหลือจากฮัวอันทันที
แต่ระหว่างทางเขาพบกับผู้อมตะระดับหกของตระกูลหนานกง
ผู้อมตะผู้นี้นำข้อความมาจากฮัวอัน “นายน้อยจื่อเฉิง นายท่านฮัวอันอนุมานแล้วว่าท่านต้องการพบนายท่านของข้า ดังนั้นนายท่านของข้าจึงส่งข้าออกมาต้อนรับท่าน ตอนนี้นายท่านกำลังรออยู่ข้างหน้า”
ฉิงเย่จื่อเฉิงดีใจมาก เขาต้องถอนหายใจด้วยความชื่นชมในความสามารถของฮัวอัน
ไม่นานทั้งสองก็ได้พบกัน
ฮัวอันกล่าว “ข้าจะกล่าวตามตรงกับท่าน ไม่นานมานี้เทพธิดาโหยว่ชานมาขอความช่วยเหลือจากข้า แต่น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถช่วยนางได้”
ฮัวอันและฉิงเย่จื่อเฉิงแลกเปลี่ยนข้อมูลกันและผู้ต้องสงสัยคนแรกขที่พวกเขานึกถึงก็คือฟางหยวน
เพราะการตายของโหยว่ชานจะทำให้ฟางหยวนได้รับผลประโยชน์ในธุรกิจปลามังกร
น่าเสียดายที่พวกเขาไม่ได้รับคำแนะนำจากวังสวรรค์และรู้เพียงว่าผู้อมตะลึกลับที่ขายปลามังกรอยู่ในสวรรค์สีเหลืองน่าสงสัยและมีแรงจูงใจมากที่สุด แต่พวกเขาไม่รู้ว่าคนผู้นี้คือฟางหยวน
“ข้าอนุมานอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ข้าเกรงว่าสถานการณ์ของโหยว่ชานและฉินไป่อี้จะไม่สามารถมองในแง่ดี” ฮัวอันกล่าวด้วยสีหน้าหนักใจ “คราวนี้ข้าจะขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งปัญญาอีกสองคน เราจะรวมมือกันอนุมานตัวผู้ร้าย”
ฉิงเย่จื่อเฉิงส่ายศีรษะ
“ไม่ ข้าเชื่อว่าเทพธิดาทั้งสองยังมีชีวิตอยู่ พวกนางยังไม่ตาย! ท่านฮัวอัน โปรดไตร่ตรองอย่างรอบคอบ เทพธิดาทั้งสองเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด แล้วผู้ใดจะสังหารพวกนางได้อย่างง่ายดาย?”
ฮัวอันเข้าใจความรู้สึกของฉิงเย่จื่อเฉิงและพยักหน้าปลอบใจ “คำกล่าวของท่านก็มีเหตุผล”
จากนั้นเขาก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ข้ามีแผน เราอาจกระจายข่าวเกี่ยวกับการเสียชีวิตของเทพธิดาทั้งสองออกไป หากพวกนางยังมีชีวิตอยู่ พวกนางจะรู้ว่าพวกเรากำลังตามหาพวกนางและต้องการช่วยเหลือ หากพวกนางกำลังถูกไล่ล่า เมื่อข่าวลือแพร่สะพัดออกไป ผู้ร้ายจะสับสนและจะหันความสนใจมาที่พวกเรา”
“แผนเยี่ยม!” ฉิงเย่จื่อเฉิงปรบมือชื่นชม
ครึ่งเดือนผ่านไป
จิตวิญญาณของฟางหยวนพุ่งขึ้นถึงระดับเก้าสิบล้านคน มันห่างจากระดับหนึ่งร้อยล้านคนเพียงเล็กน้อย
ในช่วงเวลานี้เขาไม่ได้ฝึกฝนท่าไม้ตายอมตะใดๆแต่ใช้เวลาทั้งหมดกับการบ่มเพาะจิตวิญญาณ
แม้เขาจะใช้วิญญาณความเด็ดเดี่ยวอย่างต่อเนื่อง แต่สถานการณ์ทางการเงินของเขากลับดีขึ้นเรื่อยๆ
เหตุผลเป็นเพราะธุรกิจปลามังกร
ฟางหยวนฆ่าโหยว่ชานและฉินไป่อี้ กระทั่งวังสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดความก้าวหน้าของเขา
ในสวรรค์สีเหลือง ฟางหยวนกลายเป็นผู้ขายอันดับหนึ่งในธุรกิจปลามังกรและไม่มีผู้ใดสามารถแข่งขัน
ดังนั้นธุรกิจปลามังกรของเขาจึงคึกคักมากโดยเฉพาะปลามังกรเงินที่กระตุ้นยอดขายได้อย่างบ้าคลั่ง ตอนนี้ราคาของมันเพิ่มขึ้นในระดับที่น่าตกใจ
‘สิ่งที่น่าสังเกตคือข่าวการเสียชีวิตของโหยว่ชานและฉินไป่อี้ได้แพร่กระจายออกไปในทะเลตะวันออก ดูเหมือนบางคนกำลังวางแผนจากเงามืด’
‘ลืมมันไปซะ สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คืออาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์’
ด้วยจิตวิญญาณของมนุษย์เก้าสิบล้านคน ฟางหยวนมั่นใจมาก หลังจากพักผ่อนอีกหนึ่งวัน เขาก็เข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันอีกครั้งเพื่อสำรวจฉากต่อไปของมัน
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1496 ดวงตาสีเทา
แปลโดย iPAT
หลังจากพักผ่อนและเตรียมตัวอย่างเพียงพอ ฟางหยวนเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์อีกครั้ง
มีเสียงโห่ร้องจากผู้คนที่อยู่รอบๆทะเลสาบ
ทะเลทรายตะวันตกมีทรัพยากรซ่อนอยู่มากกว่าภาคเหนือ ไม่ว่าจะเป็นวิญญาณหรือสัตว์ป่า แต่พืชพรรณเป็นข้อบกพร่องที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของภูมิภาคนี้
ดังนั้นตลาดของที่นี่จึงมีสินค้าประเภทอาหารเป็นหลัก ตัวอย่างเช่น นม สุรา หนังสัตว์ กระดูก หรือแผงขายวิญญาณ
เทพปีศาจปล้นสวรรค์ในวัยเยาว์เดินอยู่ท่ามกลางฝูงชน เขามองสินค้าที่อยู่รอบๆขณะเดินตรงไปยังทะเลสาบกลางโอเอซิส
“หยุด! บุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาตไม่สามารถเข้ามาที่นี่!”
“เจ้าหนู ไสหัวไปซะ!”
เมื่อเด็กหนุ่มเข้าไปใกล้ทะเลสาบ ยามสองคนที่ดูแลพื้นที่บริเวณนี้ก็หยุดเขาทันที
เด็กหนุ่มไม่สามารถทำสิ่งใดนอกจากแสร้งทำเป็นตกใจและจากไปเท่านั้น
เขาลอบถอนหายใจ ‘ทะเลสาบเป็นแหล่งน้ำเพียงหนึ่งเดียวของโอเอซิสแห่งนี้ มันได้รับการดูแลปกป้องอย่างเข้มงวด แม้จะมีตลาดนัดในวันนี้ ยามก็ยังตื่นตัวเสมอ ข้าไม่สามารถเข้าไปได้”
ในเวลาเดียวกัน เสียงที่ชั่วร้ายของชาเซี่ยวก็ดังขึ้นในใจของเด็กหนุ่ม “หาวิธีเข้าไป อย่าลืมว่าเหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งเดือน เมื่อเวลานั้นมาถึง หากเจ้าไม่มีความคืบหน้าใดๆ นั่นจะเป็นเวลาตายของเจ้า”
รูม่านตาของเด็กหนุ่มหดเล็กลง เขาตอบในใจ “ไม่ใช่ว่าเจ้าแข็งแกร่งงั้นหรือ? เหตุใดเจ้าไม่พุ่งเข้าไปและนำมันออกมาโดยตรง? เหตุใดต้องให้คนอ่อนแอเช่นข้ารวบรวมข้อมูล?”
“ฮืม เจ้าประชดข้างั้นหรือ!? เจ้าจะเข้าใจแผนการของข้าได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้น ข้าก็ไม่มีความอดทนมากพอที่จะอธิบายให้เจ้าฟัง หลานชายที่ดีของข้า เร็วเข้า ทำตามที่ท่านปู่ผู้นี้บอก พูดให้น้อยลงและทำงานให้หนักขึ้น แล้วเจ้าจะมีชีวิตยืนยาวขึ้นอีกนิด”
เด็กหนุ่มทำได้เพียงปล่อยให้ตนเองถูกบงการเท่านั้น ศัตรูแข็งแกร่งขณะที่เขาอ่อนแอ เขาไม่พูดสิ่งใดอีก เว้นเพียงสายตาที่กลายเป็นแหลมคม
ก่อนหน้านี้เพื่อความอยู่รอดและความหวังที่จะได้กลับบ้าน เขาถูกบังคับให้ยอมจำนนต่อชาเซี่ยวแต่ในใจเขาไม่เคยยอมรับชะตากรรมนี้
‘ข้าต้องรู้ว่าเมื่อใดควรยอมแพ้และเมื่อใดควรต่อสู้ สักวันข้าจะหลบหนีจากโซ่ตรวนของชาเซี่ยวและจะตอบแทนเขาอย่างสาสม!’
‘แต่ตอนนี้ข้าต้องอดทน ข้าต้องแสดงและรอโอกาสของข้า’
ไม่กี่วันต่อมาเด็กหนุ่มก็ใช้ความพยายามทั้งหมดเพื่อรวบรวมข้อมูลและเข้าใกล้ทะเลสาบ
แต่มันล้มเหลวทั้งหมด
ทะเลสาบเป็นสถานที่สำคัญของเผ่าที่ได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนา เด็กหนุ่มพึ่งกลายเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่ง ความแข็งแกร่งของเขายังขาดไปมาก ในขณะที่เขาไม่สามารถทำสิ่งใด ข่าวลือก็แพร่กระจายออกไปในกลุ่มสหายของเขา
“กระไรนะ!? อีกครึ่งเดือนเผ่าจะจัดการแข่งขันย่อย ผู้ชนะสามารถเลือกวิญญาณจากทะเลสาบเป็นรางวัล!” เด็กหนุ่มได้ยินข่าวนี้เช่นกัน
เขารู้ทันทีว่าโอกาสของเขามาถึงแล้ว
นอกจากนี้นี่อาจเป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับเขาในการทำภารกิจของชาเซี่ยว
“ข้าต้องเข้าร่วมการแข่งขันย่อยและได้รับชัยชนะ!” เด็กหนุ่มพูดกับชาเซี่ยวในใจ
ชาเซี่ยวหัวเราะ “เด็กโง่ อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังวางแผนบางอย่าง เจ้าต้องการใช้โอกาสนี้เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตนเองเพื่อหลบหนีจากการควบคุมของข้าใช่หรือไม่?”
เด็กหนุ่มกล่าวเย้ยหยัน “แล้วอย่างไร? ผู้ใดจะไม่ต้องการอิสรภาพ?”
“ดี!” ชาเซี่ยวไม่สะทกสะท้านและยังชมเชย “เจ้าค่อนข้างตรงไปตรงมา ฮ่าฮ่า หากเจ้าเรียกข้าว่าท่านปู่ ข้าจะช่วยให้เจ้าคว้าชัยชนะครั้งนี้”
“เจ้า!” เด็กหนุ่มเต็มไปด้วยความโกรธ
“อันใด? เจ้าไม่ต้องการงั้นหรือ? คิดให้ดี โดยปราศจากความช่วยเหลือจากข้า เพียงความแข็งแกร่งและพรสวรรค์ของเจ้า เจ้าจะชนะการแข่งขันนี้ได้อย่างไร?” ชาเซี่ยวเย้ยหยัน
การแสดงออกของเด็กหนุ่มกลายเป็นมืดมน
‘ข้าเกิดมาในตระกูลขุนนาง ชีวิตของข้าเต็มไปด้วยเกียรติยศ แต่ผู้ใดจะคิดว่าข้าต้องก้มศีรษะร้องขอความเมตตา! นี่เป็นความอัปยศต่อบรรพชน ข้าทำลายชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลอย่างแท้จริง!’
‘แต่…’
‘หากข้าไม่ทำเช่นนี้ ข้าคงไม่มีความหวังเหลืออยู่จริงๆ’
‘ข้าอ่อนแอเกินไป การกลับบ้านเป็นเป้าหมายที่เลือนลาง แต่หากข้าไม่สามารถก้าวข้ามช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ไปได้ก็ไม่จำเป็นต้องคิดถึงอนาคต!’
‘บัดซบ!’
เด็กหนุ่มกำหมัดด้วยความลังเล
แม้เขาจะเคยเรียกชาเซี่ยวว่าท่านปู่มาก่อน แต่นั่นก็เป็นช่วงเวลาแห่งชีวิตและความตาย ตอนนี้เขาและชาเซี่ยวถูกแยกจากกัน โดยปราศจากแรงกดดันจากภายนอกมากนัก เด็กหนุ่มจึงรู้สึกลังเลใจ
“ท่านปู่…” อย่างไรก็ตามในที่สุดเขาก็ต้องกล่าวคำนี้ออกมา
“ฮ่าฮ่าฮ่า” เสียงหัวเราะที่บ้าคลั่งของชาเซี่ยวดังขึ้น “หลานชายที่ดีของข้า เมื่อเจ้าเรียกข้าว่าท่านปู่ ท่านปู่ผู้นี้ก็จะไม่ปล่อยให้เจ้าล้มเหลว ท่านปู่จะมอบสิ่งนี้ให้เจ้า รับมันไว้และเปลี่ยนมันเป็นความแข็งแกร่งของเจ้า เจ้าต้องได้รับชัยชนะการแข่งขันครั้งนี้”
หลังชาเซี่ยวกล่าวจบ ข้อมูลจำนวนมหาศาลก็พุ่งเข้าสู่จิตใจของเด็กหนุ่ม
ใบหน้าของเด็กหนุ่มกลายเป็นบิดเบี้ยวโดยไม่รู้ตัว ความเจ็บปวดพุ่งเข้าโจมตี เขารู้สึกราวกับศีรษะกำลังจะระเบิดออกมา
การโจมตีของข้อมูลกินเวลาเพียงเก้าลมหายใจแต่เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนหนึ่งปี
ใบหน้าของเขากลายเป็นซีดขาว ร่างกายสั่นเทาและดูน่าอนาถ
วิธีการของชาเซี่ยวรุนแรงมากแต่ข้อมูลเหล่านั้นก็มีคุณค่าจริงๆ
เนื้อหาส่วนใหญ่ของมันเกี่ยวกับทักษะการต่อสู้ ส่วนหนึ่งเกี่ยวกับเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณและวิธีใช้งานวิญญาณ มันมีกระทั่งท่าไม้ตาย
ท่าไม้ตายดวงตาสีเทา!
ท่าไม้ตายนี้ใช้วิญญาณหลุมทราย วิญญาณควันไฟ และวิญญาณน้ำใสเพื่อกระตุ้นใช้งาน
มันสามารถพ่นควันสีเทาขาวออกมา เมื่อควันสีเทาขาวเข้าไปในดวงตาของศัตรู มันจะปิดบังวิสัยทัศน์ของพวกเขาด้วยเถ้าถ่านสีเทาขาวและทำให้พวกเขามองไม่เห็น
ศัตรูที่ถูกโจมตีไม่สามารถใช้น้ำล้างดวงตา มิฉะนั้นเถ้าถ่านสีเทาขาวจะปลดปล่อยความร้อนออกมาและทำให้พวกเขาตาบอด
‘เป็นท่าไม้ตายที่ชั่วร้ายนัก มันไม่ใช่รูปแบบการต่อสู้ของข้า’ หัวใจของเด็กหนุ่มจมดิ่งลง
ในชีวิตก่อนหน้า เขาเกิดในตระกูลสูงศักดิ์และได้รับการศึกษาที่ดีตั้งแต่เด็ก เขาเป็นคนซื่อตรงและซื่อสัตย์ เขาเกลียดชังความชั่วร้าย
เมื่อเขากำเนิดใหม่และกลายเป็นเด็กกำพร้าที่ยากจน เขายังรักษากฎเกณฑ์และศีลธรรมของตนเองเอาไว้ แม้เขาจะมีสติปัญญาของผู้ใหญ่แต่สิ่งต่างๆมักไม่เป็นความต้องการของเขา
‘ดวงตาสีเทาต้องใช้วิญญาณสามดวงและพวกมันล้วนเป็นวิญญาณที่ข้ามี’
‘ดูเหมือนชาเซี่ยวจะวางแผนล่วงหน้าไว้แล้ว ฮืม!’
เด็กหนุ่มไม่ต้องการฝึกฝนท่าไม้ตายดวงตาสีเทา เขาใช้สมาธิทั้งหมดฝึกฝนศิลปะการต่อสู้เท่านั้น
เขาเคยเป็นนักรบมาก่อน แม้เขาจะไม่เชี่ยวชาญการต่อสู้ระยะประชิด แต่เขาก็มีพื้นฐานอยู่บ้าง
ดังนั้นเขาจึงก้าวหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว
หลังจากฝึกฝนมาสองสามวัน เด็กหนุ่มรู้สึกว่าพลังการต่อสู้ของเขาพุ่งสูงขึ้น
‘ทักษะการต่อสู้ของโลกนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ก่อนหน้าไม่เคยมีผู้ใดสั่งสอนข้า นั่นทำให้ข้าอ่อนแอเกินกว่าจะทำสิ่งใดได้ ตอนนี้ข้าได้รับทักษะเหล่านี้และฝึกฝนมาแล้ว ข้ามีโอกาสหกสิบส่วนที่จะได้รับชัยชนะ’
‘แม้ข้าจะไม่ใช้ท่าไม้ตายดวงตาสีเทา แต่ข้าก็สามารถจัดการคู่แข่งส่วนใหญ่’
เด็กหนุ่มเกลียดชังท่าไม้ตายดวงตาสีเทาเป็นอย่างมากและไม่ต้องการใช้มัน
เขามั่นใจในตัวเองและในไม่ช้าก็ถึงเวลาสำหรับการแข่งขันย่อย
เมื่อเขาก้าวเข้าสู่สนามประลอง ผู้ชมไม่ได้คาดหวังในตัวเขา
บางคนกระทั่งเย้ยหยัน
และคู่ต่อสู้ของเขาก็แสดงออกด้วยความเย่อหยิ่ง เขาชี้นิ้วไปที่เด็กหนุ่ม “เจ้าขยะ ยอมแพ้เดี๋ยวนี้ แล้วข้าจะไม่ทำให้ขาของเจ้าหัก!”
เด็กหนุ่มยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่ขยับเขยื้อน
ผู้ชมเริ่มหัวเราะ
“เขากลัว เขาไม่แม้แต่จะสามารถเคลื่อนไหว”
“ดูเขา เขาผ่านการทดสอบการเนรเทศของเผ่ามาได้อย่างไร?”
“คงเพราะความโชคดี ข้าได้ยินว่าในช่วงเวลาสำคัญเขาได้รับการช่วยเหลือจากผู้ใช้วิญญาณของเผ่า”
ภายใต้บรรยากาศเช่นนี้ คู่ต่อสู้ของเด็กหนุ่มยิ่งเย้ยหยัยมากขึ้น
แต่ในวินาทีต่อมา เด็กหนุ่มกลับกำหมัดแน่น
‘ในที่สุดข้าก็สามารถควบคุมร่างนี้ได้อีกครั้ง’ ฟางหยวนรู้สึกมีความสุข
ปรากฏว่าการยืนนิ่งของเด็กหนุ่มเป็นเพราะฟางหยวนได้รับอนุญาตให้เข้าควบคุมร่างกายแล้วแต่เวลานั้นเขายังไม่รู้ตัว
เมื่อฟางหยวนรู้สึกตัว เขาก็โจมตีทันที
ท่าไม้ตายดวงตาสีเทา!
ควันสีเทาขาวพุ่งเข้าสู่ใบหน้าของฝ่ายตรงข้าม
คู่ต่อสู้ของเขาไม่สามารถตอบสนองได้ทันเวลา เขารีบถอยออกไปและกรีดร้อง “อา…ข้ามองไม่เห็นสิ่งใดเลย!?”
“หายไปซะ” ฟางหยวนก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวก่อนจะเตะไปที่ใบหน้าของคู่ต่อสู้อย่างรุนแรง
“ปัง!”
คู่ต่อสู้ของเขาถูกเตะออกจากสนามประลองโดยตรง
ชนะ!
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1497 ชัยชนะที่เจ็บปวด
แปลโดย iPAT
“น่ารังเกียจ! น่ารังเกียจเกินไป! เขาลอบโจมตีจริงๆ!”
“ชายผู้นี้ไร้ยางอายเกินไป เขาช่างน่ารังเกียจนัก!”
“พิจารณาตามความแข็งแกร่ง เห็นได้ชัดว่าเขาอ่อนแอกว่า”
ผู้คนรอบข้างเริ่มประณามเทพปีศาจปล้นสวรรค์วัยเยาว์
“เจ้า เจ้า เจ้า!” คู่ต่อสู้ของเด็กหนุ่มคืบคลานขึ้นมาจากพื้น เขาพูดติดอ่างด้วยความโกรธและชี้นิ้วออกไป “เจ้าคนไร้ยางอาย! หาก…หากมีความกล้า…ก็…มาสู้กันใหม่!”
อย่างไรก็ตามสายตาของเขายังพร่ามัวจากผลกระทบของท่าไม้ตายดวงตาสีเทาและเขาไม่รู้ว่าฟางหยวนอยู่ที่ใด ดังนั้นเขาจึงชี้นิ้วไปผิดทิศทาง นั่นทำให้เกิดเป็นสถานการณ์ที่ค่อนข้างน่าขัน
ฟางหยวนเย้ยหยัน “ชนะก็คือชนะ เหตุใดต้องต่อสู้ใหม่?”
หลังจากนั้นฟางหยวนก็ไม่สามารถกล่าวสิ่งใดได้อีกเพราะเขากลายเป็นผู้สังเกตการณ์และสูญเสียการควบคุมร่างกายอีกครั้ง
อาณาจักรแห่งความฝันยังดำเนินต่อไป
เด็กหนุ่มมองฝูงชนที่กำลังโห่ร้องด้วยร่างกายสั่นเทา
เขาค่อยๆยกมือขึ้นด้วยความตกใจ
‘เหตุใด? เหตุใดข้าถึงใช้ท่าไม้ตายดวงตาสีเทา?’
‘เห็นได้ชัดว่าข้าต้องการต่อสู้อย่างยุติธรรมและโยนเขาลงจากสนามประลอง แต่เหตุใดข้าถึงเลือกวิธีลอบโจมตี?’
เด็กหนุ่มเกลียดชังการกระทำเช่นการลอบโจมตี นี่ทำให้เขารู้สึกละอายใจมาก
เหตุใดเขาถึงลอบโจมตี?
เขาชอบการต่อสู้ที่ตรงไปตรงมาและไม่เคยใช้อุบายร้ายกาจมาก่อน
เขาไม่ชอบหรือกล่าวให้ถูกต้องกว่านั้นก็คือเขาดูแคลนการกระทำเช่นนี้
แต่เหตุใดเขาถึงทำเช่นนั้น!?
เสียงหัวเราะที่บ้าคลั่งของชาเซี่ยวดังขึ้นในใจของเขา “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า สนุกมาก น่าสนุกเกินไปแล้ว หลานชายที่ดี เจ้าคล้ายท่านปู่ผู้นี้มาก เจ้าไม่เคยฝึกฝนท่าไม้ตายดวงสีเทา แต่เจ้ากลับสามารถใช้มันได้อย่างสมบูรณ์ เจ้าลอบโจมตีได้ในเวลาที่เหมาะสมและคว้าชัยชนะมาได้ทันที ดีมาก ดีมาก”
ชาเซี่ยวยกย่องซ้ำแล้วซ้ำอีก
เด็กหนุ่มตกตะลึง
ถูกต้อง เขาไม่เคยฝึกฝนท่าไม้ตายดวงตาสีเทา แต่เหตุใดเขาถึงสามารถใช้งานมัน? แล้วยังชำนาญมาก!
“นี่มันเรื่องไร้สาระใด!?” เด็กหนุ่มคำรามอยู่ในใจ
“ฮ่าฮ่าฮ่า หลานชายที่ดีของข้า ให้ปู่บอกเหตุผลให้เจ้าฟัง ในความเป็นจริงเจ้าเป็นคนแบบนี้ ธรรมชาติของเจ้าเป็นเช่นนี้ อย่าฝืนตนเอง ปล่อยธรรมชาติที่แท้จริงของเจ้าออกมา” ชาเซี่ยวหัวเราะเสียงดังแต่มันกลับเป็นการซ้ำเติมบาดแผลในใจของเด็กหนุ่ม
เด็กหนุ่มตกใจมาก แต่ในไม่ช้าดวงตาของเขาก็ส่องประกายขึ้น “ไม่ นี่ไม่ใช่การกระทำของข้า เป็นเจ้าใช่หรือไม่? เจ้าควบคุมร่างกายของข้า!”
“ฮ่าฮ่า แม้ข้าจะทำได้ แตข้าไม่ได้ทำ นี่เป็นทางเลือกของเจ้า เจ้าย่อมเข้าใจดี”
“ไม่ ต้องเป็นเจ้าอย่างแน่นอน! ข้าจะทำเรื่องเช่นนั้นได้อย่างไร!?” เด็กหนุ่มยังไม่ยอมรับ
“เด็กโง่!” ชาเซี่ยวดุ
ภายนอกใบหน้าของเด็กหนุ่มดูมุ่งมั่นแน่วแน่แต่ในใจเขากำลังทะเลาะกับชายชรา
อย่างไรก็ตามในมุมมองของผู้ชมพฤติกรรมของเขาดูเย่อหยิ่งและดูไม่สนใจคำวิพากษ์วิจารณ์ของพวกเขาแม้แต่น้อย ดังนั้นเสียงโห่ร้องจึงยิ่งดุเดือดมากขึ้น
สำหรับฟางหยวน หัวใจของเขารู้สึกสั่นไหว
เขาเป็นผู้ควบคุมร่างกายขณะต่อสู้แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับส่งอิทธิพลต่อเหตุการณ์ต่อไปของอาณาจักรแห่งความฝัน
นี่เป็นสถานการณ์ที่ฟางหยวนไม่เคยพบมาก่อนขณะสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันอื่น
ในอาณาจักรแห่งความฝันอื่นๆ แม้เขาจะส่งอิทธิพลต่อเหตุการณ์บ้างแต่โดยรวมแล้วเรื่องราวในอาณาจักรแห่งความฝันเหล่านั้นก็จะไม่เปลี่ยนแปลงไป
ผลลัพธ์ของอาณาจักรแห่งความฝันถูกกำหนดไว้แล้ว มันมีกฎเกณฑ์ในการผ่านด่านที่ชัดเจน
‘แต่อาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ทำให้ข้ารู้สึกเหมือนกำลังใช้ชีวิตอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง! มันไม่ธรรมดา!’
อาณาจักรแห่งความฝันประเภทนี้ถูกสร้างขึ้นมาจากประสบการณ์ชีวิตของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ แต่หลังจากการเข้าร่วมของฟางหยวน อาณาจักรแห่งความฝันกลับเปลี่ยนแปลงไป หากการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้สะสมมากขึ้น ผลลัพธ์สุดท้ายของมันจะแตกต่างจากเดิมหรือไม่?
ฟางหยวนตระหนักถึงเรื่องนี้และรู้สึกว่าต้องระมัดระวังให้มากขึ้น
ในไม่ช้าก็ถึงคราวที่เขาต้องต่อสู้อีกครั้ง
“เจ้าดูไม่เหมือนคนเลวทราม แต่รอบก่อนเหตุใดเจ้าถึงใช้วิธีสกปรกกับลูกพี่ลูกน้องของข้า” คู่ต่อสู้รอบนี้ของเด็กหนุ่มเป็นผู้หญิงที่เต็มไปด้วยความกล้าหาญ
เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว เขาไม่ต้องการอธิบายแต่เขายังกล่าว “เป็นความเข้าใจผิด”
“ฮ่าฮ่า เข้าใจผิดงั้นหรือ?”
“เจ้าลอบโจมตีแต่กลับไม่ยอมรับงั้นหรือ?”
“มีคนเห็นเหตุการณ์มากมายแต่ชายผู้นี้ยังกล้าปฏิเสธ!”
ผู้ชมตะโกนด้วยความโกรธ
เด็กสาวขมวดคิ้ว “ข้าไม่สนว่ามันเป็นความเข้าใจผิดหรือไม่ ข้าจะล้างแค้นให้ลูกพี่ลูกน้องของข้า ดังนั้นไม่เพียงข้าจะเอาชนะเจ้า แต่ข้าจะทำให้แน่ใจว่าเจ้าจะพบกับความทุกข์ทรมาน!”
เด็กสาวพุ่งออกมา
“รอก่อน!” เด็กหนุ่มยื่นมือออกไป “ข้ายังมีเรื่องที่ต้องการกล่าว ฟังข้าก่อน!”
“เอาล่ะ พูดมา ข้าจะทำให้เจ้ายอมรับความพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์!” เด็กสาวหยุดเท้าและกล่าว
แต่ในจังหวะนี้ดวงตาของเด็กหนุ่มกลับส่องประกายน่ากลัว เขายกมือขึ้น
ท่าไม้ตายดวงตาสีเทา!
เด็กสาวไม่ทันระวังตัว นางถูกโจมตีโดยตรง
“บัดซบ! เขาทำมันอีกครั้ง!”
“ชายผู้นี้ใช้วิธีสกปรกอีกแล้ว!”
“ระวัง รีบป้องกันตัว!”
เด็กหนุ่มเข้าประชิดตัวเด็กสาวอย่างรวดเร็ว เขายกขาขวาขึ้นและต้องการเตะเด็กสาวออกไป
แต่เด็กสาวมีประสบการณ์การต่อสู้ แม้นางจะมองไม่เห็นแต่นางยังสามารถใช้หูฟังเสียงลมเพื่อระบุตำแหน่ง
‘ข้ามองไม่เห็นเลย หากการต่อสู้ยืดเยื้อ มันจะไม่เป็นผลดี ข้าต้องจบการต่อสู้อย่างรวดเร็วที่สุด’ เด็กสาวตัดสินใจอย่างชาญฉลาด
นางไม่ถอยแต่ส่งหมัดออกไป
“ฟิ้ว!”
เสียงลมดังขึ้น มันเป็นการโจมตีที่รุนแรง เห็นได้ชัดว่ามันเกี่ยวข้องกับวิญญาณ
หากเด็กหนุ่มส่งลูกเตะออกไปก่อนหน้านี้ เขาจะไม่สามารถหลบเลี่ยงการโจมตีและจะได้รับบาดเจ็บสาหัส
แต่ในขณะนี้เด็กหนุ่มไม่ใช่ตัวของเขาเองแต่ถูกควบคุมโดยฟางหยวน
ความคิดของฟางหยวนน่ากลัวมาก เขาอาจดูเหมือนกำลังจะเตะเด็กสาว แต่แท้จริงแล้วมันเป็นเพียงการหลอกลวง
ด้านหนึ่งเขากำลังสำรวจเด็กสาว แม้นางจะมองไม่เห็น แต่ยังมีวิธีการตรวจสอบมากมายอยู่บนโลกใบนี้
ในทางกลับกันฟางหยวนกำลังใช้ประโยชน์จากผู้ชม
เสียงตะโกนและการแจ้งเตือนของผู้คนเหล่านั้นทำให้เด็กสาวเข้าใจผิด
สายตาของนางพร่ามัว ในการต่อสู้ที่ดุเดือด นางไม่มีเวลาคิดมาก นั่นทำให้นางรู้สึกว่าการแจ้งเตือนของผู้คนรอบข้างถูกต้องโดยสามัญสำนึก
มนุษย์มักคล้อยตามความคิดของคนส่วนมาก เมื่อผู้คนเชื่อว่าบางสิ่งถูกต้อง เด็กสาวก็จะเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริงเช่นกัน
เป็นไปตามความคาดหมายของฟางหยวน เด็กสาวเริ่มชกและทำเรื่องผิดพลาด
ฟางหยวนเย้ยหยัน เขาดึงขาขาวกลับอย่างใจเย็นและหลบการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างง่ายดาย จากนั้นเขาก็คว้าแขนของเด็กสาวและดึงนางไปด้านข้าง
เด็กสาวต้องการชนะในทันทีและใช้กำลังมากเกินไปขณะที่ฟางหยวนใช้สิ่งนี้เพื่อตอบโต้
ฟางหยวนฉวยโอกาสนี้กระแทกหน้าท้องส่วนล่างของเด็กสาวอย่างรุนแรงด้วยเข่าของเขา
“ตุบ!”
ด้วยเสียงอันแผ่วเบา เด็กสาวได้รับบาดเจ็บ ดวงตาที่ปิดสนิทของนางเปิดขึ้นด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าที่งดงามของนางกลายเป็นแดงก่ำขณะที่เส้นเลือดสีน้ำเงินโป่งพองขึ้นบนหน้าผากของนาง
นางรู้สึกราวกับลำไส้ใหญ่และอวัยวะภายในของนางพันกัน ความเจ็บปวดแทบทำให้นางหยุดหายใจ
แต่ก่อนที่นางจะได้สัมผัสกับความเจ็บปวดนี้อีกครั้ง ฟางหยวนกลับใช้ฝ่ามือสับลงบนลำคอของนาง
เด็กสาวหมดสติทันที
นางล้มลงกับพื้นและไม่เคลื่อนไหว
ฟางหยวนชนะ!
ผู้ชมที่อยู่รอบๆเงียบไปชั่วครู่ก่อนที่เสียงโห่ร้องจะปะทุขึ้น
“น่ารังเกียจ น่ารังเกียจเกินไป!”
“ชัยชนะเช่นนี้ช่างน่ารังเกียจนัก!”
“ไร้ยางอายนัก! น่าเสียดายที่คู่ต่อสู้ของเขาไร้เดียงสาเกินไป เห็นได้ชัดว่านางแข็งแกร่งกว่า แต่นางกลับตกหลุมพรางของเขา!”
ผู้ชมทั้งโกรธและดูแคลนเด็กหนุ่ม
“ข้าทำสิ่งใดลงไป ข้าทำเช่นนี้อีกแล้วงั้นหรือ?” เด็กหนุมตกตะลึงอีกครั้งขณะที่ฟางหยวนกลับไปเป็นผู้สังเกตการณ์อีกหน
“ฮ่าฮ่าฮ่า นั่นคือเจ้า เจ้าทำทุกสิ่งด้วยตัวเจ้าเอง” ชาเซี่ยวหัวเราะเสียงดัง “ข้าไม่ได้ทำสิ่งใดเลย เจ้าเข้าใจแล้วใช่หรือไม่? การต่อสู้ทั้งหมดเป็นสิ่งที่เจ้าเลือกด้วยตัวเจ้าเอง”
“ไม่ ไม่จริง ข้าจะเป็น…คนเลวเช่นนั้นได้อย่างไร?” เด็กหนุ่มรู้สึกเจ็บปวดขณะที่หางตาของเขากระตุกเล็กน้อย
“เจ้าเป็นคนขี้ขลาดจริงๆ แต่ท่านปู่ชอบ! เจ้าแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ชัยชนะของเจ้าสะอาดหมดจด ความไร้ยางอายและความน่ารังเกียจของเจ้าเหมือนข้าในวัยเยาว์” ชาเซี่ยวหัวเราะด้วยความพึงพอใจ
“เกิดเรื่องบ้าใดขึ้น?” เด็กหนุ่มอยากจะร้องไห้ ความรุ่งโรจน์และเกียรติยศทั้งหมดที่เขาสะสมมาในชีวิตก่อนหน้าได้รับผลกระทบอย่างมาก
“ครั้งหนึ่งข้าเคยได้ยินว่ามีบางคนมีพรสวรรค์ในการต่อสู้ตั้งแต่กำเนิด เมื่อพวกเขาเข้าสู่สถานการณ์คับขัน พวกเขามักจะแสดงสัญชาตญาณที่เฉียบแหลมออกมาโดยไม่รู้ตัว สิ่งเหล่านี้ทำให้พวกเขาค้นพบตัวตนที่ซ่อนอยู่และทำให้พวกเขาก้าวเข้าสู่ความรุ่งโรจน์” ชาเซี่ยวกล่าว
เด็กหนุ่ม “…..”
เด็กหนุ่มยังชนะต่อไปในการแข่งขันย่อย
ทุกการต่อสู้ของเด็กหนุ่ม ฟางหยวนจะเข้าแทนที่และควบคุมการต่อสู้ทั้งหมด
แม้ฝ่ายตรงข้ามจะระมัดระวัง แต่ฟางหยวนคือผู้ใด? ประสบการณ์การต่อสู้ของเขาอาจกล่าวได้ว่ากว้างใหญ่ราวกับมหาสมุทร คู่ต่อสู้ตัวเล็กตัวน้อยเหล่านี้จะแข่งขันกับเขาได้อย่างไร?
ชัยชนะเหล่านี้ไม่ใช่ปัญหาของฟางหยวน
แต่สำหรับเด็กหนุ่ม มันเป็นการเดินทางที่เจ็บปวด
‘ลึกๆแล้วข้าเป็นคนเช่นนี้งั้นหรือ?’
‘ในชีวิตก่อนหน้า เพราะข้าได้รับการคุ้มครอง ข้าไม่เคยเผชิญหน้ากับแรงกดดันที่มากพอ ดังนั้นในโลกใบนี้และตอนนี้ที่ข้ากำลังต่อสู้ ธรรมชาติที่แท้จริงของข้าจึงปรากฏขึ้นงั้นหรือ?’
‘ข้าเป็นคนเช่นนั้น…ข้าทำให้ตระกูลของข้าต้องอับอาย ข้าเป็นความอับอายของท่านอาจาย์ และข้าทำให้ชื่อเสียงของครอบครัวเสื่อมเสีย!’
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1498 ไม่ต้องการต่อสู้
แปลโดย iPAT
อาณาจักรแห่งความฝัน
ในสนามประลอง ฟางหยวนควบคุมร่างกายของเทพปีศาจปล้นสวรรค์วัยเยาว์ต่อสู้อย่างยากลำบาก
คราวนี้คู่ต่อสู้ของเขาเป็นเด็กที่มีร่างกายสูงใหญ่และแข็งแกร่ง เขาใช้ฝ่ามือในการต่อสู้ ทุกครั้งที่เขาฟาดฝ่ามือ มันจะปล่อยแสงสว่างพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวน
คนผู้นี้เป็นหนึ่งในผู้เข้าแข่งขันที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
หากเขาต่อสู้กับเด็กทั่วไป พวกเขาอาจถูกฟันและพบกับความพ่ายแพ้อย่างรวดเร็ว
แต่ตอนนี้เขากำลังเผชิญหน้ากับฟางหยวน
วิธีการของเด็กหนุ่มไม่เพียงพอที่จะหลบการโจมตีด้วยแสง แต่ทุกการเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้อยู่ในสายตาของฟางหยวนทั้งหมด เขาสามารถอนุมานทิศทางของการโจมตีจากการเปลี่ยนแปลงเล็กๆของร่างกาย
ผลลัพธ์คือฟางหยวนสามารถหลบทุกการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม นั่นทำให้ผู้คนรู้สึกประหลาดใจมาก
“เจ้าทำได้เพียงหลบงั้นหรือ?” ฝ่ายตรงข้ามตะโกนอย่างหมดควมอดทน
“ฮ่าฮ่า หากแน่จริงก็จับข้าให้ได้และเข้ามาทุบตีข้า!” ฟางหยวนเย้ยหยัน
แน่นอนว่าคู่ต่อสู้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะโกรธจัดและพุ่งเข้าไปหาฟางหยวน “สู้กับข้าหากมีความกล้า!”
แต่ฟางหยวนยังหลบเลี่ยง
ผู้ชมไม่สามารถอดทนและวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของฟางหยวนว่าขี้ขลาด
บางคนตะโกน “ความแข็งแกร่งแตกต่างกันเกินไป ยอมแพ้ซะเจ้าคนน่ารังเกียจ!”
อย่างไรก็ตามฟางหยวนทำราวกับไม่ได้ยินสิ่งใด
อาจดูเหมือนเขากำลังหลบแต่ในความเป็นจริงเขาสามารถควบคุมจังหวะของการต่อสู้ได้อย่างสมบูรณ์
คู่ต่อสู้ของเขาไม่มีประสบการณ์มากนัก เขายังเด็กเกินไป ดังนั้นเขาจึงเคลื่อนไหวไปตามความต้องการของฟางหยวนโดยไม่รู้ตัว
หลังจากต่อสู้เป็นเวลานาน พลังวิญญาณส่วนใหญ่ก็ถูกใช้ไปขณะที่เขาหอยหายใจด้วยความเหนื่อยล้า
‘ดี ได้เวลาโต้กลับแล้ว’ ในที่สุดโอกาสที่ฟางหยวนรอคอยก็มาถึง เขาบุกโจมตีทันที
“อันใด!?” คู่ต่อสู้ของเขาตอบสนองช้าเกินไปและถูกบังคับให้รับการโจมตีของฟางหยวน
แต่เขายังเหลือพลังวิญญาณอยู่บ้าง เขาพยายามต่อต้านอย่างยากลำบาก
ฟางหยวนตระหนักว่าสถานการณ์ของเขาไม่ดีนัก พรสวรรค์ของเด็กหนุ่มอยู่ในนภาที่สี่เท่านั้น มันต่ำเกินไป ดังนั้นเขาจึงมีพลังวิญญาณเพียงเล็กน้อย
หลังจากต่อสู้มานาน พลังวิญญาณของฟางหยวนกระทั่งต่ำกว่าฝ่ายตรงข้าม
‘ข้าต้องจบการต่อสู้อย่างรวดเร็วที่สุด!’ เมื่อคิดได้เช่นนี้ฟางหยวนก็ตะโกนออกไป “เข้ามา เจ้าโง่ มาลิ้มรสน้ำลายของข้า!”
จากนั้นเขาก็พ่นน้ำลายออกไป ดวงตาของฝ่ายตรงข้ามเบิกกว้าง หากสิ่งนี้ตกลงใบหน้าของเขา มันจะน่าขยะแขยงเกินไป! เด็กน้อยรีบหลบ
แต่นี่คือสิ่งที่ฟางหยวนต้องการ
เขาบังคับให้คู่ต่อสู้หลบไปในทิศทางนั้น
‘ได้เวลาแล้ว!’ ฟางหยวนก้าวไปข้างหน้าและส่งลูกเตะออกไป
คู่ต่อสู้ของเขายกแขนขึ้นป้องกัน แต่ฟางหยวนยังสามารถส่งเขาลอยออกจากสนามประลองได้โดยตรง
ฟางหยวนชนะ!
“เด็กคนนี้ชนะจริงๆ!”
“สิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?”
“น่าขยะแขยง เขาถ่มน้ำลายออกมาจริงๆ นี่มันหยาบคายเกินไป!”
“ถูกต้อง แม้เขาจะชนะ แต่ข้าก็เกลียดเขา เขาไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้ใช้วิญญาณ!”
เสียงย้ยหยันและเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังเข้าหูของฟางหยวน
อย่างไรก็ตามตอนนี้ฟางหยวนสูญเสียการควบคุมร่างกายไปแล้ว
เทพปีศาจปล้นสวรรค์วัยเยาว์ต้องเผชิญหน้ากับประสบการณ์นี้ด้วยตนเอง มันเป็นชัยชนะที่ไม่ง่ายเลยจริงๆ
ท้ายที่สุดเขาใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพังขณะที่คู่ต่อสู้ของเขามีภูมิหลังบางอย่าง พ่อแม่ของฝ่ายหลังอาจเป็นผู้ใช้วิญญาณหรืออย่างน้อยหนึ่งในสองก็ต้องเป็นผู้ใช้วิญญาณ
ผู้ที่สามารถเข้าร่วมในการแข่งขันย่อยครั้งนี้ต้องเป็นผู้เยาว์ที่พึ่งกลายเป็นผู้ใช้วิญญาณ พวกเขามีรากฐานต่ำมากและเป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่ง ดังนั้นพวกเขาจึงต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากภายนอกเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งในการต่อสู้ให้กับตนเอง
ด้วยเหตุนี้เด็กที่เกิดมาพร้อมช้อนเงินช้อนทองจึงได้รับการสนับสนุนและคำแนะนำจากรุ่นพี่ นั่นทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อย
นี่คือเหตุผลที่ฟางหยวนเผชิญหน้ากับความยากลำบากในการต่อสู้ นอกจากนั้นยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง รูปแบบการต่อสู้ของฟางหยวนเป็นที่รู้จักกันแพร่หลาย คู่ต่อสู้ของเขาจะระวังและเตรียมตัวมาอย่างพิถีพิถัน มันทำให้ฟางหยวนต่อสู้ได้ยากลำบากมากขึ้น
‘ข้า…ข้าทำไปได้อย่างไร?’ เด็กหนุ่มยืนอยู่กลางสนามประลองและอยากจะร้องไห้ด้วยความละอายใจ
ในชีวิตก่อนหน้า เขาไม่เคยทำเรื่องไร้ยางอายและไร้อารยธรรมเช่นการถ่มน้ำลาย
แต่ในการต่อสู้ครั้งนี้ไม่เพียงเขาจะทำเช่นนั้นแต่เขายังทำอย่างยิ่งใหญ่และอวดดีต่อหน้าผู้คนมากมาย
แล้วตอนนี้เขาจะรู้สึกอย่างไร?
‘ข้ากลายเป็นคนเช่นนี้ไปได้อย่างไร? นี่คือตัวตนที่แท้จริงของข้าจริงๆงั้นหรือ?’ เด็กหนุ่มรู้สึกสับสนและพยายามปฏิเสธมัน
ผู้ชมยังคงเย้ยหยัน
“เขากำลังตื่นเต้นงั้นหรือ?”
“ขยะประเภทนี้เข้าสู่รอบแปดคนได้จริงๆ!”
“ฮืม ศีลธรรมของผู้คนตกต่ำลงทุกวัน คนเช่นนี้ควรถูกโยนออกจากการแข่งขัน!”
“แต่แปดอันดับแรกคือขีดจำกัด ข้าไม่อยากเห็นเขาชนะอีกต่อไป!”
เด็กหนุ่มรู้สึกพูดไม่ออก “…”
เขาต้องการชี้แจงสถานการณ์นี้และบอกทุกคนว่าเขาไม่ใช่คนเช่นนั้น แต่เขาก็ไม่สามารถกล่าวสิ่งใดออกมาเพราะกระทั่งเขาก็ยังสงสัยในตัวเอง
เกียรติยศและศักดิ์ศรีที่ฝังแน่นอยู่ในตัวเขาตั้งแต่ชีวิตก่อนหน้าถูกโจมตีซ้ำแล้วซ้ำอีก ตอนนี้เขารู้สึกแทบไม่สามารถจดจำมันได้
‘ก็ดี ข้าไม่ต้องการต่อสู้อีกแล้ว ด้วยชัยชนะครั้งนี้ ตอนนี้ข้าก็สามารถเข้าไปที่ทะเลสาบแล้ว’ เด็กหนุ่มรู้สึกเหนื่อยล้า
เขาไม่ต้องการต่อสู้อีกต่อไป
แต่ฟางหยวนคิดอีกอย่าง
‘แปดอันดับแรก สี่อันดับแรก สองอันดับแรก และผู้ชนะ แต่ละอันดับมีโครงสร้างที่ชัดเจนและจะได้รับรางวัลที่แตกต่างกัน’
‘แม้นี่จะเป็นอาณาจักรแห่งความฝัน แต่หากข้าช่วยให้เขาได้อันดับที่ดีขึ้น ข้าก็จะได้รับรางวัลที่ดีขึ้นเช่นกัน’
‘และรางวัลเหล่านั้นอาจสามารถใช้งานในเหตุการณ์ถัดไป’
อาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ไม่ธรรมดา มันมีความยืดหยุ่นและไม่ตายตัว
ดังนั้นยิ่งเทพปีศาจปล้นสวรรค์วัยเยาว์แข็งแกร่งเท่าใด มันก็จะส่งอิทธิพลต่อเหตุการณ์ต่างๆในอาณาจักรแห่งความฝันเท่านั้นและการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันของฟางหยวนก็จะสะดวกสบายมากขึ้น
ท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันมีประสิทธิภาพไม่มากนักในการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ มันทำให้ฟางหยวนราวกับคนพิการ
‘ฉากที่สองยาวนานกว่าฉากที่หนึ่งมาก ข้าควรพยายามต่อสู้เพื่อให้ได้รับอันดับที่หนึ่งในการแข่งขัน นี่อาจเป็นบททดสอบของมัน’
ฟางหยวนไตร่ตรองและตัดสินใจ
อย่างไรก็ตามฟางหยวนมีโอกาสและเวลาจำกัดในการควบคุมร่างกายของเด็กหนุ่ม ดังนั้นเขาจึงต้องรอคอยโอกาสอย่างอดทน
อาณาจักรแห่งความฝันยังดำเนินต่อไป
เด็กหนุ่มได้รับชัยชนะแต่ชื่อเสียงที่เลวร้ายกดดันจิตใจของเขาอย่างมาก
เด็กคนอื่นๆกำลังเตรียมตัวสำหรับการแข่งขันโดยรวบรวมข้อมูลของคู่ต่อสู้ แต่เทพปีศาจปล้นสวรรค์วัยเยาว์กลับหมกมุ่นอยู่กับความคิดของตนเอง
ในความเป็นจริงเขากลัวที่จะเผชิญหน้า ความสงสัยในตัวเองทำให้เขารู้สึกทรมาน
สิ่งนี้ทำให้เด็กหนุ่มหดหู่และผอมลงทุกวัน
เสียงของชาเซี่ยวดังขึ้น “หลายชายที่ดีของข้า เจ้าควรหลอมรวมวิญญาณ หากไม่มีวิญญาณดวงใหม่ มันจะเป็นเรื่องยากที่เจ้าจะจัดการคู่ต่อสู่หลังจากนี้ โอกาสพ่ายแพ้ของเจ้าจะสูงขึ้น”
การหลอมรวมวิญญญาณระดับมนุษย์กับวิญญาณอมตะเป็นสองแนวคิดที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหลอมรวมวิญญาณระดับหนึ่งมีโอกาสประสบความสำเร็จค่อนข้างสูง
“ข้าไม่สามารถจัดหาวัสดุในการหลอมรวมให้เจ้าโดยตรง ข้าไม่สามารถมอบวิญญาณให้เจ้าได้ เจ้าต้องหลอมรวมมันด้วยตัวเจ้าเองเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นค้นพบการคงอยู่ของข้า” ชาเซี่ยวกล่าวเสริม
หลังกล่าวจบคำ เขาก็ส่งข้อมูลจำนวนมากเข้าสู่สมองของเด็กหนุ่ม
อย่างไรก็ตามเด็กหนุ่มกลับตกใจเมื่อตรวจสอบข้อมูลที่ได้รับ “ไม่ วิญญาณดวงนี้น่ากลัวเกินไป ข้าต้องฆ่าเด็กทารกและใช้ดวงวิญญาณของพวกเขาเป็นวัสดุในการหลอมรวม ข้าจะไม่ทำเรื่องเช่นนี้ มันเป็นการกระทำที่ชั่วร้าย!”
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1499 มาตรฐานขั้นต่ำสุด
แปลโดย iPAT
ชาเซี่ยวมอบเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณให้กับเทพปีศาจปล้นสวรรค์วัยเยาว์ แต่การแสดงออกของเขากลับเปลี่ยนแปลงไปและปฏิเสธที่จะหลอมรวมวิญญาณดวงนี้
เสียงที่เย็นชาของชาเซี่ยวดังขึ้น “หลานชายที่ดีของข้า หากเจ้ายังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป จงเชื่อฟังท่านปู่ผู้นี้”
อย่างไรก็ตามเด็กหนุ่มยังยืนกราน “ผู้ใดจะไม่อยากมีชีวิตอยู่ แต่ข้ามีหลักการของตนเอง เคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณดวงนี้เลวร้ายเกินไป ข้าปฏิเสธที่จะปฏิบัติตาม ชาเซี่ยว ไม่ใช่ว่าเจ้าต้องการให้ข้าเข้าไปที่ทะเลสาบงั้นหรือ? ตอนนี้ข้าอยู่ในอันดับแปด ข้ามีคุณสมบัติที่จะเข้าไป เจ้าไม่เสียดายงั้นหรือที่จะฆ่าข้าตอนนี้?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า” ชาเซี่ยวหัวเราะ “ถูกต้อง มันน่าเสียดาย”
หลังกล่าวจบคำ รูม่านตาของเด็กหนุ่มก็หดเล็กลงขณะที่ความเจ็บปวดพุ่งเข้าโจมตีร่างกายของเขา
เขาเกือบลมลงกับพื้น
แต่เขายังอดทนและรีบไปที่มุมมืดเพื่อเอนหลังพิงกำแพงและอดทนต่อความเจ็บปวด
เสียงของชาเซี่ยวถ่ายทอดมาอีกครั้ง “เจ้าเป็นเพียงตัวหมากเบี้ยชิ้นเล็กๆ เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถพูดคุยกับข้าหลังจากได้รับอันดับแปดงั้นหรือ? เจ้าคิดว่าเจ้ามีคุณค่ามากงั้นหรือ? ฮืม มีผู้คนมากมายที่ต้องการเป็นหลานชายของข้า เป็นเกียรติของเจ้าแล้วที่สามารถเรียกข้าว่าท่านปู่ เข้าใจหรือไม่?”
ชาเซี่ยวหยุดก่อนกล่าวต่อ “เรียกข้าว่าท่านปู่”
ใบหน้าของเด็กหนุ่มบิดเบี้ยว เขากำหมัดแน่นจนเล็บแทงเข้าไปในเนื้อ
ร่างกายของเขาสั่นเทาด้วยความเจ็บปวดแต่มันเกิดจากความอัปยศและความโกรธที่ไม่สามารถระบาย
“ท่านปู่…” หลังจากนั้นเขาก็กล่าวคำนี้ออกมา
“หลานชายที่ดีของข้า เสียงของเจ้าเบาเกินไป ท่านปู่แก่แล้ว ท่านปู่ได้ยินไม่ชัด” ชาเซี่ยวหัวเราะอย่างชั่วร้าย
เด็กหนุ่มรู้สึกว่าความเจ็บปวดของเขาเบาบางลงมาก
คิ้วของเด็กหนุ่มขมวดแน่น เขารู้สึกอยากตาย แต่เมื่อเขาคิดถึงครอบครัวและหญิงคนรัก เขาก็สูดหายใจและตะโกน “ท่านปู่!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ตราบเท่าที่หลานชายเชื่อฟัง ท่านปู่ก็ดีใจ” ชาเซี่ยวหัวเราะระรื่น
“ตอนนี้ท่านปู่ต้องการให้เจ้าหลอมรวมวิญญาณดวงนี้ เจ้าทำได้หรือไม่?”
“ไม่!” ใบหน้าของเด็กหนุ่มซีดขาวจากความเจ็บปวดแต่เขายังยึดมั่นมาตรฐานขั้นต่ำสุดของตนเองเอาไว้
“บัดซบ!” ชาเซี่ยวโกรธจัดและกระตุ้นการโจมตี
เด็กหนุ่มกรีดร้องและล้มลงบนพื้น
ชาเซี่ยวรู้สึกปวดหัวเมื่อเห็นเด็กหนุ่มยังปฏิเสธที่จะประนีประนอม “เจ้าหนู เจ้ามีคุณธรรมพอสมควร น่าเสียดาย น่าเสียดายที่ข้าคิดว่าเจ้ามีธรรมชาติที่โหดเหี้ยม เจ้าต่อสู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะไม่เข้าใจตรรกะที่ว่าทำทุกสิ่งเพื่อตนเอง หากพวกเขาไม่ตาย เจ้าก็ต้องตาย หากเจ้าตาย เมื่อนั่นความปรารถนาทั้งหมดของเจ้าก็จะกลายเป็นความว่างเปล่า”
เด็กหนุ่มทรุดตัวลงกับพื้นและขดตัวราวกับกุ้ง ร่างกายของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อขณะที่เขาเกือบหมดสติ ตอนนี้เขาไม่เหลือพลังงานที่จะต่อต้านอีกต่อไป
แต่มุมปากของเขายังโค้งขึ้นเล็กน้อย “ชาเซี่ยว ข้าแตกต่างจากเจ้า ข้าจะไม่มีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น”
“ความพยายามที่น่าขัน โลกใบนี้ต้องต่อสู้เพื่อให้ได้รับสิ่งต่างๆมาด้วยตนเอง หากไม่ต่อสู้หรือเข่นฆ่า เจ้าจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร?” ชาเซี่ยวกล่าวเสียงเย็น “ลองคิดดูให้ดีว่าเหตุใดเจ้าถึงถูกขับไล่ออกจากเผ่า? ฮ่าฮ่า ไม่ใช่เพราะเผ่ามีทรัพยากรน้อยเกินไปงั้นหรือ? พวกเขารู้สึกว่าการเลี้ยงดูเจ้าเป็นเรื่องสิ้นเปลืองเกินไป”
ดวงตาของเด็กหนุ่มส่องประกายขึ้น “ข้าเข้าใจตรรกะนี้ แต่สิ่งที่คนอื่นทำคือปัญหาของพวกเขา หากข้าทำ มันจะกลายเป็นปัญหาของข้า และข้าจะไม่ทำเช่นนี้!”
“โง่เง่า! เช่นนั้นข้าก็จะส่งเจ้าไปตายซะ!” ความโกรธของชาเซี่ยวมาถึงขีดจำกัดแล้วแต่ในจังหวะที่เขากำลังจะโจมตี เขากลับหยุดอย่างกะทันหัน
“หือ ลูกชายที่น่าสงสารของข้า เหตุใดเจ้าถึงถูกส่งมาเช่นนี้?” เสียงกรีดร้องของผู้หญิงดังขึ้นจากกระโจมหลังหนึ่งอย่างกะทันหัน
จากนั้นผู้คนก็เริ่มร้องไห้ บางคนด่าหมอว่าไร้ความสามารถ
เด็กหนุ่มและชาเซี่ยวตั้งใจฟังก่อนจะเข้าใจเหตุผล
ปรากฏว่าเจ้าของกระโจมหลังนี้พึ่งคลอดทารก แต่ทารกเกิดมาอ่อนแอและแทบไม่สามารถรักษาชีวิต เจ้าของกระโจมใช้เงินจำนวนมากเพื่อเชิญผู้ใช้วิญญาณระดับสามมาแต่ผู้ใช้วิญญาณผู้นั้นกลับไม่สามารถช่วยชีวิตทารก
“ฮ่าฮ่า เด็กน้อย โชคของเจ้าดีมาก เด็กผู้นี้เพียงพอที่จะใช้หลอมรวมวิญญาณ เขาตายแล้ว เจ้าสามารถใช้ศพของทารกผู้นี้ในการหลอมรวมวิญญาณ” ชาเซี่ยวหัวเราะแต่มันยังเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร “หากเจ้าไม่เห็นด้วย เจ้าก็ไปตายซะ ข้าจะเปลี่ยนไปใช้คนอื่น”
เด็กหนุ่มเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะตอบว่า “ตกลง”
“ดี” ชาเซี่ยวไม่กล่าวสิ่งใดอีก
เด็กหนุ่มตระหนักดีว่าชาเซี่ยวแข็งแกร่งและเขาจะไม่ยอมรับคนที่ไม่เชื่อฟัง
เพื่อกลับบ้าน เด็กหนุ่มตัดสินใจกลืนความอัปยศนี้
ตามกฎของเผ่า การแข่งขันย่อยครั้งนี้จะหยุดพักเป็นเวลาสามวัน
ผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดอยู่ในบ้านของตนเองและรับคำแนะนำจากรุ่นพี่
เด็กหนุ่มเริ่มรวบรวมวัสดุในการหลอมรวมวิญญาณ
แม้กระบวนการรวบรวมจะเต็มไปด้วยอุปสรรค แต่เขาก็สามารถรวบรวมพวกมันมาได้ในที่สุด
หลังจากศพของเด็กทารกถูกฝัง เด็กหนุ่มขุดมันขึ้นมากลางดึก
เหลือเวลาอีกสองวันก่อนการแข่งขันจะเริ่มขึ้น
ในกระโจมที่ห่างไกล เด็กหนุ่มเริ่มการหลอมรวมวิญญาณ
“เคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณนี้ชัดเจนและรัดกุมอยู่แล้ว แต่ท่านปู่คิดถึงพลังวิญญาณอันน้อยนิดของเจ้าและได้แก้ไขหลายขั้นตอน หลานชายที่ดีของข้า เจ้าต้องประสบความสำเร็จในหลอมรวมวิญญาณครั้งนี้!” เสียงของชาเซี่ยวดังขึ้นและช่วยแนะนำเด็กหนุ่ม
การหลอมรวมวิญญาณเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
เด็กหนุ่มทำตามขั้นตอนอย่างเคร่งครัด
เนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกของเขาในการหลอมรวมวิญญาณ ดังนั้นเขาจึงทำผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำอีกแม้จะเป็นเรื่องที่ง่ายที่สุดเช่นการใช้ไฟในการปรับแต่งทรัพยากร หากไม่มีคำแนะนำของชาเซี่ยว เขาคงล้มเหลวไปแล้ว
ชาเซี่ยวโกรธมาก แต่เมื่อเวลาผ่านไป คำสาปแช่งของชาเซี่ยวก็ลดน้อยลงเรื่อยๆ
‘นี่คือพรสวรรค์ของเทพปีศาจปล้นสวรรค์!’ หัวใจของฟางหนวนสั่นสะท้านขึ้น
เทพปีศาจปล้นสวรรค์วัยเยาว์แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการหลอมรวมวิญญาณที่ทรงพลัง เขาดำเนินการได้อย่างยอดเยี่ยม
“เหลืออีกสี่ขั้นตอนสุดท้าย” ชาเซี่ยวให้กำลังใจ “หลานชายที่ดีของข้า ทำได้ดี หลอมรวมวิญญาณดวงนี้และเอาชนะการแข่งขัน!”
เด็กหนุ่มสูดหายใจลึกและมองไปที่ซากศพของเด็กทารก
ดวงตาของเขาส่องประกายขึ้น
‘แม้ทารกผู้นี้จะไม่ได้ตายด้วยมือของข้า แต่หากข้าใช้ศพของเขาหลอมรวมวิญญาณ ข้าจะอดทนต่อความผิดในหัวใจได้อย่างไร? แต่การหลอมรวมวิญญาณจะล้มเหลวไม่ได้ หากข้าล้มเหลวที่นี่ ชาเซี่ยวจะโทษข้า’
‘เด็กน้อย ยกโทษให้ข้าด้วย กระทั่งหลังจากความตาย เจ้าก็ไม่สามารถนอนหลับอย่างสงบสุข แต่ข้าไม่มีทางเลือก นี่คือทั้งหมดที่ข้าทำได้ ข้าหวังว่าดวงวิญญาณของเจ้าจะขึ้นสู่สวรรค์ด้วยไฟนี้’
‘หากเจ้าสามารถกำเนิดใหม่ จงอย่ากลับมาบนโลกที่โหดร้ายใบนี้อีก!’
ขณะที่เขาพึมพำอยู่ในใจ เปลวไฟก็กลืนกินศพของทารกเข้าไป
“ไฟแรงเกินไป ลดความรุนแรงของมันเร็วเข้า!” ชาเซี่ยวกล่าวด้วยความตกใจ
“ข้ากำลังพยายาม!” เด็กหนุ่มแสร้งทำเป็นตื่นตระหนกแต่เปลวไฟกลับร้อนแรงมากขึ้น
“ช่างกล้าหาญนัก! เจ้าตั้งใจทำให้การหลอมรวมล้มเหลว เจ้ากำลังท้าทายข้า!” ดวงตาของชาเซี่ยวเต็มไปด้วยความโกรธเมื่อเขาตระหนักถึงเจตนาของเด็กหนุ่ม
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1500 วิญญาณลอบโจมตี
แปลโดย iPAT
“ไม่ ท่านปู่เข้าใจข้าผิด! ข้าไม่สามารถควบคุมความรุนแรงของเปลวไฟนี้ได้จริงๆ” เทพปีศาจปล้นสวรรค์วัยเยาว์ตะโกน
“ฮ่าฮ่า เจ้ากล้าหลอกลวงข้า เจ้ากำลังดูถูกข้า เอาล่ะ ข้าจะไม่ปลิดชีพเจ้าและปล่อยให้ไฟเผาผลาญเจ้า เจ้าคิดว่าการหลอมรวมวิญญาณเป็นเรื่องง่ายและปลอดภัยงั้นหรือ? เจ้ากำลังหาเรื่องให้กับตนเอง ผลลัพธ์ของความล้มเหลวในการหลอมรวมวิญญาณคือความตาย นี่คือสิ่งที่เจ้าเลือกด้วยตนเอง” ชาเซี่ยวหัวเราะ
ก่อนที่เขาจะกล่าวจบประโยค ไฟก็โหมกระหน่ำขึ้นและกลืนกินเด็กหนุ่มเข้าไป
“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้?” เด็กหนุ่มตกตะลึง
ขณะที่เขากำลังจะถูกเปลวเพลิงกลืนกินเข้าไปทั้งหมด ฟางหยวนก็พบว่าเขาสามารถควบคุมร่างเด็กหนุ่มได้อีกครั้ง
‘เหตุใดข้าถึงรู้สึกราวกับเป็นผู้เก็บกวาดสิ่งสกปรกของเขา?’ ฟางหยวนรู้สึกขมขื่น
แต่เขาไม่ตื่นตระหนก
ฟางหยวนเห็นเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณที่ชาเซี่ยวมอบให้เด็กหนุ่มมาแล้ว
มันเป็นเพียงเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณระดับหนึ่งขณะที่ฟางหยวนเป็นกึ่งปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งการหลอมรวม ดังนั้นเขาจึงเข้าใจหลักการของมันอย่างชัดเจน
แม้เด็กหนุ่มจะทำพลาดไปแล้ว แต่ในมุมมองของฟางหยวน มันไม่ใช่ว่าไม่สามารถกู้คืน
วิญญาณหลุมทราย!
ฟางหยวนโยนวิญญาณหลุมทรายเข้าไปในกองไฟ
เขาไม่ได้กระตุ้นใช้งานมันและโยนมันเข้าไปเหมือนวัสดุในการหลอมรวม
วิญญาณดวงนี้ดึงดูดเปลวไฟเข้าไปก่อนจะถูกเผาทำลายกลายเป็นฝุ่นผง
ความรุนแรงของเปลวไฟลดลงอย่างรวดเร็ว ฟางหยวนฉวยโอกาสนี้กระโดดออกมา
เขากลิ้งไปบนพื้นเพื่อดับไฟที่เหลืออยู่บนร่างกายของตน
อาการบาดเจ็บของเขาค่อนข้างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นใบหู ลำคอ แขน และร่างกายส่วนอื่นๆ พวกมันถูกเผาไหม้ในระดับที่น่าสังเวช
แต่ฟางหยวนเพิกเฉยต่ออาการบาดเจ็บเหล่านี้และให้ความสนใจกับกองไฟ
เด็กหนุ่มยังไม่พ้นขีดอันตรายเพราะกระบวนการหลอมรวมวิญญาณยังไม่เสร็จสิ้น
ฟางหยวนนำวิญญาณควันไฟออกมาและปลดปล่อยกลุ่มควันออกไปปกคลุมกองไฟเอาไว้ นั่นทำให้สถานการณ์เริ่มดีขึ้น
‘ควันไฟจะทำให้ไฟดับมอด การหลอมรวมวิญญาณจะหยุดลง แม้จะได้รับผลกระทบย้อนกลับอยู่บ้าง แต่ข้ายังสามารถรักษาชีวิตของร่างนี้’
ฟางหยวนทำทุกอย่างที่สามารถทำได้
ท้ายที่สุดเด็กหนุ่มก็ประมาทเกินไป เขาพยายามทำให้การหลอมรวมวิญญาณครั้งนี้ล้มเหลวโดยเจตนา
การหลอมรวมวิญญาณครั้งนี้ทำให้พลังการต่อสู้ของเด็กหนุ่มลดลงเพราะตอนนี้เขาสูญเสียวิญญาณหลุมทรายไปแล้ว อย่างไรก็ตามเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นโดยไม่คาดคิด ควันไฟถูกดูดเข้าไปกองไฟ
‘เกิดสิ่งใดขึ้น?’ กระทั่งฟางหยวนยังคาดไม่ถึง
แต่ไม่นานฟางหยวนก็เห็นดวงวิญญาณของเด็กทารกอยู่ในกองไฟ เขาตระหนักว่า ‘ปัญหาอยู่ที่ทารก มันค่อนข้างแปลก’
ศพทารกถูกใช้เป็นวัสดุในการหลอมรวมวิญญาณ
ฟางหยวนเฝ้าสังเกตจากด้านข้างและไม่สามารถตรวจสอบศพของทารกอย่างละเอียด ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่ามีสิ่งผิดปกติบางอย่าง
ความผิดปกตินี้เกินกว่าความคาดหมายของฟางหยวน
ไฟโหมกระน่ำขึ้นอีกครั้ง ผีเด็กทารกกระโดดไปมาอยู่ในกองไฟก่อนจะกระโจนเข้ามาหาฟางหยวน
‘บัดซบ! อันตราย!’ ฟางหยวนลอบถอนหายใจ หากเด็กหนุ่มตาย การสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันของเขาจะล้มเหลว
แต่ฟางหยวนก็เกิดแรงบันดาลใจทันที
‘เข้าใจแล้ว!’
เขาโยนวิญญาณควันไฟออกไป
ผีเด็กส่งเสียงพึมพำและพุ่งเข้าไปหาวิญญาณควันไฟก่อนจะเริ่มกัดกินมัน
ฟางหยวนฉวยโอกาสนี้ล่าถอยออกมาสองสามก้าว
แต่ในไม่ช้าผีเด็กที่กินวิญญาณควันไฟเรียบร้อยแล้วก็พุ่งเข้าหาฟางหยวนอีกครั้ง
ฟางหยวนหัวเราะ “มีวิญญาณน้ำใสอยู่ที่นี่”
เขาโยนวิญญาณน้ำใสออกไป ผีเด็กกลืนกินมันอย่างรวดเร็ว
เป็นเพียงเวลานี้ที่กองไฟสีแดงเปลี่ยนเป็นสีเหลืองและพุ่งเข้าหมุนวนรอบๆผีเด็ก
ฟางหยวนก้าวไปข้างหน้า
‘หลุมทรายกลายเป็นผง หลอมรวมร่างกาย ควันไฟปกคลุมและหยุดยั้งเปลวไฟ น้ำใสกวาดล้างโลก เลือดผนึกหยินหยาง วิเศษมาก!’
ฟางหยวนกัดลิ้นและพ่นเลือดออกไป
“กี๊!” ผีเด็กกรีดร้องด้วยเสียงแหลมสูงก่อนจะกระโจมเข้าหาฟางหยวน
ฟางหยวนไม่หลบและปล่อยให้มันพุ่งเข้ามา
ผีเด็กร่างสีฟ้าพุ่งเข้าสู่ทะเลวิญญาณของเด็กหนุ่มและกลายเป็นวิญญาณระดับสอง!
“มันคือสิ่งใด?” เด็กหนุ่มกลับมารู้สึกตัวอีกครั้งด้วยความงุนงง
‘อันใด!?’ ฟางหยวนรู้สึกพูดไม่ออก ทันทีที่เด็กหนุ่มปลอดภัย เขาก็ถูกโยนออกมาด้านข้างและกลายเป็นผู้สังเกตการณ์อีกครั้ง
“เจ้าหลอมรวมวิญญาณชนิดใหม่ได้โดยบังเอิญจริงๆ!” ชาเซี่ยวอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ
“ไม่ ไม่ถูกต้อง” ไม่นานชาเซี่ยวก็ตระหนักถึงบางสิ่ง “เจ้าหนู ดูเหมือนอีกบุคลิกหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในตัวเจ้าจะเข้าควบคุมร่างกายของเจ้าในสถานการณ์คับขัน จากนั้นเจ้าก็ตัดสินใจเลือกวิธีที่ดีที่สุดด้วยสัญชาตญาณ มันเหมือนในการแข่งขัน”
“เจ้าเป็นเด็กไร้เดียงสาและดื้อรั้น เจ้าทั้งโง่เขลาและไร้ประโยชน์ แต่ธรรมชาติที่ซ่อนอยู่ในตัวเจ้าฉลาดแกมโกงและเด็ดเดี่ยว นั่นเป็นพรสวรรค์ที่เจ้าไม่สามารถเข้าถึง! ข้าค่อนข้างชื่นชมธรรมชาตินี้ของเจ้า น่าประทับใจมาก!”
ชาเซี่ยวหัวเราะ
“ข้าหลอมรวม…วิญญาณชนิดใหม่งั้นหรือ?” เด็กหนุ่มยังไม่สามารถตอบสนองต่อสถานการณ์
“ถูกต้อง ลองดูวิญญาณของเจ้า มันเป็นวิญญาณระดับสอง มันเป็นวิญญาณชนิดใหม่ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน”
วิญญาณที่ไม่รู้จักเป็นสิ่งอันตราย
วิญญาณกาลเวลาเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด
เด็กหนุ่มพึ่งเริ่มบ่มเพาะ เขาไม่มีความรู้ ด้านชาเซี่ยว เขาเข้าใจเรื่องนี้ แต่เขาไม่สนใจความปลอดภัยของเด็กหนุ่ม
เด็กหนุ่มกระตุ้นใช้งานวิญญาณดวงนี้อย่างโง่เขลา
ทันทีที่วิญญาณถูกกระตุ้นใช้งาน มันก็กลายเป็นภูตเด็กร่างสีฟ้า มันส่งเสียงกรีดร้องที่น่าขนลุกก่อนจะกระโจนออกมาจากทะเลวิญญาณของเด็กหนุ่ม
ภูตเด็กพุ่งเข้าไปในเก้าอี้หินที่อยู่ตรงหน้าก่อนจะออกมาและกลับเข้าไปในทะเลวิญญาณของเด็กหนุ่ม
เก้าอี้หินดูเหมือนไม่ได้รับความเสียหาย
แต่เมื่อเด็กหนุ่มเดินเข้าไปและสัมผัสมัน
“ครืน”
เก้าอี้หินกลับพังทลายลงและกลายเป็นเศษหินชิ้นเล็กชิ้นน้อย
เด็กหนุ่มตกตะลึงและก้าวถอยหลังด้วยความตกใจ
“มหัศจรรย์!” ชาเซี่ยวยกย่อง “วิญญาณดวงนี้เป็นเพียงวิญญาณระดับสองแต่มันทรงพลังมาก ดูเหมือนมันจะมีความสามารถในการทะลวงผ่านการป้องกัน นั่นทำให้เก้าอี้หินถูกทำลายจากภายใน”
ชาเซี่ยวเป็นคนฉลาดและมองเห็นรายละเอียดมากมาย
เด็กหนุ่มยังสับสนอยู่บ้าง
ชาเซี่ยวมองเข้าไปในทะเลวิญญาณของเด็กหนุ่มและชื่นชมอีกครั้ง “ยอดเยี่ยม! มันใช้พลังวิญญาณของเจ้าเพียงสิบส่วน มันเป็นวิญญาณระดับสองที่ทรงพลังแต่มันกลับต้องการพลังวิญญาณระดับหนึ่งเพียงสิบส่วนเท่านั้น!”
“แต่ข้ามีพรสวรรค์นภาที่สี่ พลังวิญญาณของข้ามีประมาณยี่สิบส่วน ข้าสามารถใช้วิญญาณดวงนี้ได้เพียงสองครั้ง” เด็กหนุ่มกังวล
“เจ้าไม่เข้าใจ ด้วยวิญญาณดวงนี้ อันดับหนึ่งของการแข่งขันจะเป็นของเจ้า ไม่มีผู้ใดสามารถหลบหนีจากวิญญาณดวงนี้” ชาเซี่ยวเย้ยหยัน
“ข้าจะได้อันดับหนึ่งงั้นหรือ?” ดวงตาของเด็กหนุ่มเบิกกว้างขึ้น
“เมื่อวิญญาณดวงนี้ถูกระตุ้นใช้งาน มันจะกลายเป็นภูตผี เจ้าเห็นความเร็วของมันหรือไม่ มันเร็วมากจริงๆ กระทั่งผู้ใช้วิญญาณระดับสามก็ยากที่จะหลบการโจมตีของมัน สำหรับผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่งและสอง ตราบเท่าที่เจ้าอยู่ใกล้พวกเขาในระยะหนึ่ง พวกเขาจะถูกโจมตีและไม่มีเวลาหลบเลี่ยง”
ชาเซี่ยวยังวิเคราะห์ต่อไป “อืม…เมื่อพิจารณาจากพลังและผลกระทบ เราอาจเรียกมันว่าวิญญาณลอบโจมตี!”
วิญญาณดวงนี้ถูกสร้างขึ้นโดยเด็กหนุ่มแต่ชาเซี่ยวกลับถือสิทธิตั้งชื่อวิญญาณดวงนี้
“วิญญาณลอบโจมตี…” เด็กหนุ่มขมวดคิ้วและต้องการคัดค้าน
“ถูกต้อง เรียกมันว่าวิญญาณลอบโจมตี ชื่อนี้เหมาะสมกับความสามารถของมัน ข้าช่างตั้งชื่อได้ยอดเยี่ยมนัก ฮ่าฮ่าฮ่า” ชาเซี่ยวกล่าวอย่างเอาแต่ใจขณะที่เด็กหนุ่มทำได้เพียงกลอกตาอย่างช่วยไม่ได้
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1501 กึ่งปรมาจารย์เอก
แปลโดย iPAT
ทะเลทรายตะวันตก อาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์
เทพปีศาจปล้นสวรรค์วัยเยาว์ก้าวเข้าสู่สนามประลองอีกครั้ง
การปรากฏตัวของเขาทำให้ผู้คนที่อยู่รอบๆตกใจ
“นี่หมายความว่าอย่างไร?”
“เหตุใดร่างกายของเด็กที่น่ารังเกียจผู้นี้ถึงถูกพันด้วยผ้าพันแผล?”
“ดูเหมือนเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัส!”
แม้เด็กหนุ่มจะได้รับวิญญาณลอบโจมตีด้วยความช่วยเหลือจากฟางหยวน แต่อาการบาดเจ็บของเขาก็ยังไม่ได้รับการรักษา ดังนั้นเขาจึงเข้าร่วมการแข่งขันในสภาพนี้
เด็กหนุ่มรู้สึกขมขื่น แท้จริงแล้วเขาไม่ต้องการต่อสู้อีกต่อไป แต่ชาเซี่ยวบังคับให้เขาดำเนินการต่อ
เด็กหนุ่มไม่มีทางเลือกนอกจากต้องทำตาม
คู่ต่อสู้ของเขาในครั้งนี้คือหลานชายของผู้อาวุโสของเผ่า เมื่อเห็นอาการบาดเจ็บของเด็กหนุ่ม เขาถอยกลับหลายก้าวและระวังตัวมากขึ้น
“เจ้ากำลังวางแผนใดอยู่?” หลานชายผู้อาวุโสตะโกน “เจ้าคิดว่าการแสร้งทำเป็นได้รับบาดเจ็บจะหลอกข้าได้งั้นหรือ? เจ้าประเมินข้าต่ำเกินไป!”
“ถูกต้อง เจ้าต้องระวัง อย่าถูกเขาหลอก!”
“วิธีการนี้อ่อนหัดเกินไป แต่พิจารณาจากอายุของเขาแล้วก็สามารถเข้าใจได้”
“เด็กผู้นี้ช่างโง่เขลานัก”
เสียงสนทนาปะทุขึ้น
เด็กหนุ่มกลอกตาและรู้สึกพูดไม่ออก
ผู้ใช้วิญญาณที่ดูแลการแข่งขันพูดไม่ออกเช่นกัน เขาใช้วิญญาณตรวจสอบแล้วและยืนยันว่าเด็กหนุ่มได้รับบาดเจ็บสาหัสจริงๆ
แต่การแสดงออกของฟางหยวนก่อนหน้านี้ทิ้งภาพจำไว้ในหัวใจของผู้คน ดังนั้นแม้เด็กหนุ่มจะได้รับบาดเจ็บจริงๆ ผู้คนก็ไม่กล้าเชื่อ คู่ต่อสู้ของเขากระทั่งระวังตัวมากขึ้น
‘ในกรณีนี้…’ เด็กหนุ่มเผยรอยยิ้มขณะที่การแสดงออกของเขาเปลี่ยนไป
ฟางหยวนเข้าควบคุมร่างของเด็กหนุ่มอีกครั้ง
‘เอาล่ะ ให้ข้าทดสอบวิญญาณลอบโจมตีในการต่อสู้จริง’ ฟางหยวนกระตุ้นใช้วิญญาณลอบโจมตีระดับสองทันที
ภูตเด็กร่างสีฟ้าที่โปร่งแสงกระโดดออกมาจากทะเลวิญญาณของเด็กหนุ่ม
“อันใด!?” หลานชายของผู้อาวุโสอุทานด้วยความตกใจ เขาไม่สามารถตอบสนองได้ทันเวลาขณะที่ภูตเด็กกระโจนเข้าสู่ร่างกายของเขา
‘โชคดีที่ข้าระวังตัวและกระตุ้นใช้วิญญาณสายป้องกันไว้แล้ว’ หลานชายของผู้อาวุโสคิดแต่นี้กลับเป็นความคิดสุดท้ายก่อนที่เขาจะหมดสติไป
หลานชายของผู้อาวุโสกระอักเลือดออกมาและล้มลงบนพื้น
ฟางหยวนชนะ!
เงียบ!
ดวงตาทุกคู่เบิกกว้างเมื่อเห็นภูตผีสีฟ้าพุ่งเข้าและออกจากร่างของหลานชายผู้อาวุโสก่อนจะกระโดดไปมาและกลับเข้าไปในทะเลวิญญาณของเด็กหนุ่ม
“น่ารังเกียจ! เขาใช้เล่เหลี่ยมสกปรกอีกแล้ว!”
“เขาใช้สิ่งใด? มันเร็วเกินไป ข้ามองเห็นไม่ชัด”
“ดูเหมือนมันจะเป็นวิญญาณระดับสอง!”
“มันคือสิ่งใด? ข้าเห็นเพียงเงาร่างสีฟ้า”
“สัญชาตญาณของข้าบอกว่าภูตผีตนนี้ไม่ธรรมดา!”
การปรากฏตัวครั้งแรกของวิญญาณลอบโจมตีทำให้ทุกคนตกตะลึง
ในการแข่งขันรอบต่อๆไป เด็กหนุ่มยังใช้วิญญาณลอบโจมตีซ้ำแล้วซ้ำอีก
ชัยชนะของเขาสะอาดหมดจดและรวดเร็ว มันมีเพียงไม่กี่ขั้นตอน ก้าวเข้าสู่สนามประลอง ใช้วิญญาณลอบโจตี ฝ่ายตรงข้ามหมดสติ และได้รับชัยชนะ
เด็กหนุ่มสามารถกำหราบคู่ต่อสู้ทั้งหมดได้ทันที
ไม่มีเหตุร้ายที่ไม่คาดคิด เด็กหนุ่มคว้าอันดับหนึ่งมาได้อย่างราบรื่น ผลลัพธ์นี้ทำให้ทุกคนตกตะลึง
“เขาซ่อนไพ่ใบนี้เอาไว้!”
“เด็กผู้นี้แสร้งทำเป็นอ่อนแอ เขาเป็นคนเจ้าเล่ห์และชั่วร้ายเกินไป”
“ถูกต้อง เห็นได้ชัดว่าเขาแข็งแกร่ง แต่เขากลับใช้อุบาย ฮืม…นี่แสดงให้เห็นถึงตัวตนที่แท้จริงของเขา!”
เด็กหนุ่มได้รับอันดับหนึ่งในการแข่งขัน แต่ผู้คนรู้สึกไม่พอใจ
คนทั่วไปวิพากษ์วิจารณ์ขณะที่ตัวตนระดับสูงให้ความสนใจกับวิญญาณลอบโจมตี
“วิญญาณดวงนี้ทรงพลังมาก มันมีความเป็นมาอย่างไร?”
“เด็กผู้นั้นเป็นสามัญชน เขาได้รับวิญญาณระดับสูงเช่นนี้มาได้อย่างไร?”
“ข้าตรวจสอบมาแล้ว เขาอาศัยอยู่ในเผ่าของเรามาตั้งแต่เกิด แต่ก่อนหน้านี้เขาถูกเนรเทศก่อนจะกลับมา ข้าคิดว่าเขาได้รับวิญญาณดวงนี้มาในช่วงเวลานั้น”
“เจ้ากำลังกล่าวว่าเด็กผู้นี้ได้รับมรดกจากผู้อาวุโสบางคนงั้นหรือ?”
“ถูกต้อง มีโอกาสสูงที่จะเป็นเช่นนั้น”
“เจ้านั่นไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือวิญญาณระดับสองดวงนี้ทรงพลังจริงๆ พวกเจ้าเคยเห็นพลังโจมตีที่โดดเด่นของมันมาแล้ว มันสามารถใช้งานโดยผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่งซึ่งหมายความว่ามันพึ่งพาพลังวิญญาณน้อยมาก นี่คือวิญญาณชั้นสูง ตราบเท่าที่เผ่าของเรามีวิญญาณดวงนี้จำนวนมาก ความแข็งแกร่งของพวกเราจะพุ่งทะยานขึ้นอย่างแน่นอน เมื่อเวลานั้นมาถึงเราจะสามารถเข้ายึดครองโอเอซิสที่ใหญ่กว่านี้” ผู้นำเผ่ากล่าวด้วยความตื่นเต้น ไฟแห่งความทะเยอทะยานของเขาถูกจุดขึ้นแล้ว
วิญญาณลอบโจมตีเป็นวิญญาณระดับสอง เมื่อมันปรากฏขึ้น มันสามารถดึงดูดความสนใจของตัวตนระดับสูงได้ในทันที
ฟางหยวนคาดเดาเรื่องนี้ไว้แล้ว
เมื่อเขาเข้าควบคุมร่างของเด็กหนุ่ม เขาสามารถหลีกเลี่ยงการใช้วิญญาณลอบโจมตีในการแข่งขัน แต่ในความเป็นจริงเขากลับเลือกที่จะใช้และเปิดเผยมัน เขามีมีแผนการของตนเองสำหรับเรื่องนี้
‘ข้าอยากรู้ว่าอาณาจักรแห่งความฝันจะตอบสนองต่อการตัดสินใจของข้าอย่างไร?’
‘วิญญาณลอบโจมตีถูกเปิดเผยและดึงดูดความโลภของผู้คน ตัวตนระดับสูงของเผ่าย่อมต้องการผลิตวิญญาณดวงนี้เพื่อติดอาวุธให้ผู้ใช้วิญญาณของเผ่า’
วิญญาณลอบโจมตีเป็นวิญญาณระดับสอง นี่เป็นระดับที่สมบูรณ์แบบ
วิญญาณระดับหนึ่งอ่อนแอเกินไป มันไม่มีความหมายใดๆ
วิญญาณระดับสามสูงเกินไป พวกมันมีค่ามากเกินไปและยากต่อการผลิตเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีผู้ใช้วิญญาณระดับสามอยู่ในเผ่าเพียงไม่กี่คน
มีเพียงวิญญญาณระดับสองที่อยู่ตรงกลางเท่านั้นที่เหมาะสมที่จะผลิตออกมาเป็นจำนวนมากสำหรับผู้ใช้วิญญาณทั้งหมดของเผ่า
เช่นนี้แล้วตัวตนระดับสูงของเผ่าจะไม่ถูกล่อลวงได้อย่างไร?
‘ดังนั้นพวกเขาย่อมต้องการเคล็บลับการหลอมรวมวิญญาณมากกว่าตัววิญญาณเอง’
‘เมื่อตัวตนระดับสูงต้องการเคล็บลับการหลอมรวมวิญญาณลอบโจมตี พวกเขาจะเอาใจเทพปีศาจปล้นสวรรค์ พวกเขาจะไม่พยายามฉกชิงมันมาด้วยกำลังและแรงกดดัน’
นี่เป็นตรรกะทั่วไป
หากถูกกดดัน มันอาจะทำให้เด็กหนุ่มต่อต้าน
หากเขาตายโดยไม่ยอมส่งมอบเคล็ดลับการหลอมรวม แผนการของพวกเขาจะกลายเป็นไร้ประโยชน์ หากเขามีความคับข้องใจ เขาสามารถมอบเคล็ดลับที่ไม่สมบูรณ์หรือดัดแปลงและทำให้เผ่าพบความสูญเสียครั้งใหญ่
ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือทำให้เด็กหนุ่มเต็มใจมอบให้กับเผ่า
ดังคาด ตัวตนระดับสูงยื่นข้อเสนอให้เด็กหนุ่ม พวกเขาเชิญเด็กหนุ่มเข้าพบและมอบของขวัญมากมาย นอกจากนี้บางคนยังเสนอให้บุตรสาวแต่งงานกับเด็กหนุ่ม
เด็กหนุ่มกลายเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมอย่างมากทันที
“หลานชายที่ดีของข้า เจ้าทำได้แล้ว! เจ้าสามารถใช้เคล็ดลับการหลอมรวมนี้เพื่อแลกกับผลประโยชน์ ใช้มันให้ถูกต้อง ฮ่าฮ่า” เสียงของชาเซี่ยวดังขึ้น
อย่างไรก็ตามเด็กหนุ่มกลับไม่ยินดีส่งมอบเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณดวงนี้ออกไป
“หากข้าส่งมอบมัน เด็กทารกที่บริสุทธ์จำนวนมากจะเสียชีวิต!”
แม้เด็กหนุ่มจะเป็นคนซื่อตรงและซื่อสัตย์แต่เขาก็มีประสบการณ์จากชีวิตก่อนหน้าและเข้าใจความคิดที่สกปรกขององค์กร
“เช่นนั้นเจ้าก็ถ่วงเวลาออกไปซักพัก อีกสองสามวัน เจ้าจะสามารถเข้าไปที่ทะเลสาบเพื่อรับรางวัลของผู้ชนะ อย่าลืมคำกล่าวของท่านปู่ผู้นี้” ชาเซี่ยวหัวเราะด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ลืม” เด็กหนุ่มสัญญา
สามวันต่อมาเด็กหนุ่มกับคนอื่นๆก็ถูกนำไปที่ทะเลสาบ
ที่นี่เป็นสถานที่สำคัญของเผ่า นอกจากน้ำพุจิตวิญญาณธรรมชาติซึ่งผลิตหินวิญญาณ มันยังเป็นแหล่งน้ำที่ใช้สำหรับการดำรงชีวิตของผู้คนในเผ่า
เด็กหนุ่มเป็นผู้ชนะ ดังนั้นเขาจึงถูกพาไปยังถ้ำใต้ดินเพื่อเลือกวิญญาณคุณภาพสูงที่อยู่ภายใน
เพียงก้าวแรกที่เขาเข้าไป เสียงที่ตื่นเต้นของชาเซี่ยวก็ดังขึ้น “อยู่ที่นี่ มันอยู่ที่นี่ ข้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของวิญญาณอมตะ!”
“กระไรนะ!? วิญญาณอมตะ?” เด็กหนุ่มถาม
ฟางหยวนประหลาดใจเช่นกัน
แต่ในเวลาต่อมาวิสัยทัศน์ของฟางหยวนก็มืดลง
จิตวิญญาณของเขาถูกกัดกร่อนอย่างรวดเร็วโดยอาณาจักรแห่งความฝัน
หลังจากอดทนรอเป็นเวลานาน ดวงวิญญาณของฟางหยวนก็ออกจากอาณาจักรแห่งความฝันมาแล้วโดยที่เขาไม่รู้ตัว
‘เหตุใดข้าถึงออกมา?’ ฟางหยวนประหลาดใจ
‘หมายความว่าข้าผ่านฉากที่สองแล้วงั้นหรือ?’ ฟางหยวนตระหนักถึงเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว
‘กึ่งปรมาจารย์เอก! ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมของข้าพุ่งขึ้นสู่ระดับกึ่งปรมาจาย์เอกในครั้งเดียว!’ ดวงวิญญาณของฟางหยวนกลับเข้าสู่ร่างกายของเขา เขาเปิดเปลือกตาขึ้นด้วยความยินดี
กึ่งปรมาจารย์เอก!
นี่เป็นระดับใหม่ของฟางหยวน
ท่ามกลางเส้นทางที่หลากหลายของฟางหยวน ระดับความสำเร็จสูงสุดของเขาคือปรมาจารย์ กระทั่งในชีวิตแรก เขาก็ไม่เคยบรรลุสู่ความสำเร็จระดับนี้!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น