เทพปีศาจหวนคืน 1487-1492

 เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1487 เก็บเกี่ยวสมบัติ


แปลโดย iPAT  


 


ด้วยแสงอันเจิดจ้า มังกรดาบบรรพกาลกลับคืนสู่ร่างมนุษย์


 


โหยว่ชานและฉินไป่อี้ตายไปแล้ว จากนี้ไปทะเลตะวันออกเหลือจะเทพธิดาที่งดงามเพียงสี่จากหกคน


 


ฟางหยวนใช้วิธีการของเขาและผนึกมิติช่องว่างของผู้อมตะหญิงทั้งสองเอาไว้เป็นการชั่วคราว


 


ด้วยมรดกของนิกายเงา ฟางหยวนได้รับวิธีดึงมิติช่องว่างออกจากร่างของผู้อมตะและวิธีการอื่นๆที่มีประโยชนย์อีกมากมาย


 


เขาเก็บเขตแดนอมตะและนำอิงอู๋เซี่ย ไป่หนิงปิง และคนอื่นๆออกมา


 


ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศ!


 


เดิมทีค่ายกลวิญญาณนี้มีข้อบกพร่องและไม่เป็นประโยชน์มากนัก แต่ฟางหยวนแก้ไขมันแล้ว ด้วยเหตุนี้เขาจึงสามารถใช้มันเดินทางมาที่ทะเลปลามังกรและเดินทางไปยังทะเลกระเรียนขาวได้ในพริบตา


 


ทะเลกระเรียนขาวเป็นทะเลที่สงบนิ่งและสามารถมองเห็นเส้นขอบฟ้าได้อย่างชัดเจน นกกระเรียนขาวจำนวนนับไม่ถ้วนบินไปมาและพักผ่อนอยู่บนเกาะเล็กๆ


 


ฟางหยวนไม่ได้หยุดชื่นชมความงามของมันแต่กระโจนลงไปใต้สมุทร


 


สำหรับสมาชิกนิกายเงา พวกเขาทำตามคำสั่งของฟางหยวนและเริ่มจับนกกระเรียนขาวในพื้นที่


 


ฟางหยวนไปที่ก้นทะเลและพบกับคฤหาสน์วิญญาณอมตะอยู่ที่นั่น


 


ปรากฏว่าเขาละทิ้งปลามังกรบางส่วนและรีบมายังทะเลกระเรียนขาวเพื่อคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับหกวังไป่อี้ของฉินไป่อี้หลังนี้


 


ฉินไป่อี้ไม่ได้นำคฤหาสน์วิญญาณอมตะออกไป ด้านหนึ่ง นางใช้ชีวิตอย่างสงบสุขมานานเกินไป นางประมาท อีกด้านหนึ่ง นางทิ้งคฤหาสน์วิญญาณอมตะไว้ปกป้องทะเลกระเรียนขาว


 


ฟางหยวนเข้าไปหาวังไป่อี้โดยตรง


 


ประตูเปิดออก มันอนุญาตให้ฟางหยวนเข้าไปได้จริงๆ!


 


นั่นเป็นเพราะเขาเปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นฉินไป่อี้และมีเพียงเจตจำนงของฉินไป่อี้เท่านั้นที่ถูกทิ้งไว้ในคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้


 


ฟางหยวนประสบความสำเร็จในการเข้าสู่วังไป่อี้และเก็บเจตจำนงของฉินไป่อี้


 


เจตจำนงของนางไม่สงสัยสิ่งใดเลยกระทั่งมันเข้าสู่จิตใจของฟางหยวน


 


แต่ฟางหยวนเตรียมพร้อมอยู่แล้ว ด้วยการใช้จิตใจเป็นสนามรบ เขารีบคว้าเจตจำนงนี้เอาไว้และใช้งานมันเพื่อเข้าครอบครองวังไป่อี้


 


อย่างไรก็ตามเขายังต้องใช้เวลาหนึ่งวันหนึ่งคืนก่อนจะประสบความสำเร็จในการยึดครองวังไป่อี้อย่างสมบูรณ์


 


ในที่สุดฟางหยวนก็มีคฤหาสน์วิญญาณอมตะในการครอบครอง!


 


“วังไป่อี้ยังไม่สมบูรณ์ มันขาดหลายสิ่งอย่างอย่าง มันใช้วิญญาณอมตะระดับหกเพียงสองดวงเป็นแกนกลาง มันได้รับการออกแบบมาเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของนางบำเรอของฉินไป่อี้”


 


วังไป่อี้ค่อนข้างเปราะบางและอ่อนแอ มันยังด้อยกว่าคฤหาสน์วิญญาณอมตะคุกทมิฬของเผ่าไห่อยู่มาก


 


ฟางหยวนจดจำรายละเอียดของมันเอาไว้ก่อนจะแยกส่วนมันออก มีวิญญาณอมตะระดับหกจำนวนสองดวง หนึ่งเป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งไม้ อีกหนึ่งเป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางอาหารที่เรียกว่ากลิ่นอาหาร


 


สิ่งนี้ไม่เป็นไปตามความคาดหวังของฟางหยวน


 


ฉินไป่อี้และโหยว่ชานไม่ได้ทิ้งวิญญาณอมตะเอาไว้เบื้องหลัง


 


ดังนั้นวิญญาณจากวังไป่อี้จึงเป็นผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับฟางหยวนในครั้งนี้


 


วิญญาณอมตะกลิ่นอาหารอยู่ในรูปลักษณ์ของกล่องไม้ขนาดเล็ก ความสามารถของมันอาจกล่าวได้ว่าไร้ประโยชน์ มันช่วยให้ผู้อมตะสามารถกินกลิ่นอาหารเพื่อเติมเต็มความอยากอาหารของพวกเขา


 


“แต่ในโลกใบนี้ไม่มีวิญญาณที่ไร้ประโยชน์มีเพียงผู้ใช้วิญญาณที่ไร้ประโยชน์” ฟางหยวนมีมรดกบนเส้นทางอาหาร เขามีหลายวิธีที่สามารถใช้ประโยชน์จากวิญญาณอมตะกลิ่นอาหาร


 


แม้วิญญาณอมตะเหล่านี้จะไร้ประโยชน์เมื่อใช้มันเพียงลำพัง แต่มันสามารถจับคู่กับวิญญาณดวงอื่นเพื่อแสดงผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์และคุ้มค่าที่จะคาดหวัง


 


ปัจจุบันฟางหยวนมีวิญญาณอมตะบนเส้นทางอาหารเพียงดวงเดียว นั่นคือวิญญาณอมตะอาหารว่าง หากเพิ่มวิญญาณอมตะกลิ่นอาหารเข้าไป มันจะช่วยสนับสนุนเขาได้ในระดับหนึ่ง


 


นี่ถือเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจและไม่คาดคิดสำหรับฟางหยวน


 


ฟางหยวนทำลายวังไป่อี้และสังหารนางบำเรอทั้งหมดที่อยู่ภายใน เหลือเพียงดวงวิญญาณของพวกนางเท่านั้นที่ถูกเก็บไว้


 


สมาชิกนิกายเงาเก็บเกี่ยวทรัพยากรอย่างเร่งรีบโดยแข่งขันกับเวลา


 


มีนกกระเรียนขาวอยู่ที่นี่เป็นจำนวนมาก


 


ท่ามกลางพวกมันมีนกกระเรียนทั่วไปนับไม่ถ้วน มีนกกระเรียนเดียวดายยี่สิบเอ็ดตัว และมีนกกระเรียนบรรพกาลสี่ตัว


 


หลังจากใช้ความพยายามไปบ้าง ฟางหยวนและคนอื่นๆก็สามารถจับนกกระเรียนขาวรวมถึงเก็บเกี่ยวทรัพยากรทั้งหมดในทะเลแห่งนี้ มีทรัพยากรสองประเภทอยู่ในทะเล หนึ่งคือเหล็กไหลบรรพกาล มันเป็นทรัพยากรอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งโลหะและเส้นทางแห่งปัญญา อีกหนึ่งคือผลึกหินไข่ มันเป็นแก่นกลางของมนุษย์ไข่


 


มีผลึกหินไข่อยู่เป็นจำนวนมาก นี่หมายความว่าในอดีตเคยมีเผ่ามนุษย์ไข่อาศัยอยู่ที่นี่


 


หลังจากเก็บเกี่ยวทรัพยากร ฟางหยวนก็ใช้ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศกลับไปยังทะเลปลามังกร


 


ยังมีปลามังกรเหลืออยู่ที่นี่ จำนวนของมันมากกว่าปลามังกรที่ฟางหยวนครอบครองอยู่มาก


 


ฟางหยวนเก็บปลามังกรทั้งหมดไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ นั่นทำให้ฝูงปลามังกรของเขาเพิ่มขึ้นหลายสิบเท่า


 


โหยว่ชานเป็นผู้ขายอันดับหนึ่งในธุรกิจปลามังกร รากฐานของนางลึกมาก กระทั่งฟางหยวนยังรู้สึกตกใจ


 


หลังจากกวาดล้างทะเลปลามังกร ฟางหยวนมองท้องฟ้าและไม่พบการมาถึงของผู้ใด


 


‘วังสวรรค์ยังไม่เคลื่อนไหว ข้าควรรอสักครู่เพื่อล่อลวงให้วังสวรรค์ส่งบางคนออกมา’ ฟางหยวนคิดด้วยการแสดงออกที่เย็นชา


 


เขาเตรียมตัวมาอย่างเพียงพอ แม้ผู้อมตะระดับแปดจะมา เขาก็ไม่กลัว


 


วังสวรรค์สามารถคาดเดาตัวตนของฟางหยวนและช่วยโหยว่ชาน ในทำนองเดียวกันฟางหยวนก็สามารถอนุมานว่าวังสวรรค์อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้


 


ฟางหยวนอาจดูเหมือนมาที่นี่เพื่อโจมตีโหยว่ชานและฉินไป่อี้แต่ในความเป็นจริงเขาต้องการตรวจสอบวังสวรรค์


 


อย่างไรก็ตามจนถึงตอนนี้วังสวรรค์ยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ


 


นี่เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจเล็กน้อย


 


‘วังสวรรค์จะไม่ส่งผู้ใดมาจริงๆงั้นหรือ? เทพธิดาจื่อเว่ยล้มเหลวในการอนุมานสิ่งนี้และไม่สามารถตอบสนองได้อย่างทันท่วงทีงั้นหรือ? เป็นไปได้หรือไม่ว่า…วังสวรรค์กำลังขาดแคลนกำลังรบ’


 


สายตาของฟางหยวนสั่นไหว ในฐานะนักวางแผนที่มีประสบการณ์ เขาเดาได้ว่าวังสวรรค์กำลังเผชิญหน้ากับสิ่งใดอยู่ในเวลานี้


 


วังสวรรค์กำลังขาดคน!


 


ฟางหยวนรู้สึกเช่นนี้ในช่วงเวลาที่หลบหนีไปยังทะเลทรายตะวันตก แต่ตอนนี้เขาสามารถยืนยันการคาดเดานี้แล้ว


 


เนื่องจากผู้อมตะวังสวรรค์ไม่มา ฟางหยวนก็จะไม่รออย่างไร้ประโยชน์ เขาใช้ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศไปยังทะเลไร้นามแห่งหนึ่ง


 


ฟางหยวนวางมิติช่องว่างของโหยว่ชานและฉินไป่อี้ลง


 


เมื่อแดนศักดิ์สิทธิ์ก่อตัวขึ้น เข้ารีบเข้าไปข้างใน


 


เงื่อนไขในการเป็นเจ้าของแดนศักดิ์สิทธิ์โหยว่ชานคือการฆ่าฟางหยวน แน่นอนว่าตอนนี้ฟางหยวนอยู่ในรูปลักษณ์ปลอม


 


ท่าไม้ตายอมตะแสงโลหิตปราบวิญญาณ!


 


จิตวิญญาณแผ่นดินของโหยว่ชานถูกฟางหยวนกำหราบขณะที่แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ถูกฟางหยวนกลืนกินเข้าไป


 


สำหรับแดนศักดิ์สิทธิ์ของฉินไป่อี้ ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอมตะแสงโลหิตปราบวิญญาณกำหราบจิตวิญญาณแผ่นดินทันที


 


อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้และทำได้เพียงทิ้งมันไว้ที่นี่เท่านั้น


 


เป็นไปตามความคาดหมาย ไม่มีวิญญาณอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์ กระทั่งทรัพยากรยังถูกทำลายทั้งหมด


 


โหยว่ชานและฉินไป่อี้ไม่ต้องการทิ้งสิ่งใดไว้ให้ฆาตกรผู้นี้


 


โชคดีที่ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถเรียกลมมรณะ


 


หลังจากจัดการเรื่องเหล่านี้ ฟางหยวนก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ในทะเลตะวันออกอีกต่อไป เขาจากไปทันที


 


ในไม่ช้าอาชญากรรมที่เขาก่อขึ้นในครั้งนี้ก็ถูกเปิดเผยและสร้างความโกลาหลครั้งใหญ่ในโลกผู้อมตะของทะเลตะวันออก


 


มันไม่ใช่การกล่าวเกินจริง


 


ไม่ว่าจะเป็นฉินไป่อี้หรือโหยว่ชาน พวกนางต่างเป็นคนมีชื่อเสียงและทรงอิทธิพล


 


เนื่องจากโลกของผู้อมตะสงบสุขมานานเกินไป มันจึงทำให้เกิดความตื่นตระหนกกับการเสียชีวิตของสองผู้อมตะระดับเจ็ด โลกผู้อมตะแห่งทะเลตะวันออกเริ่มรู้สึกกังวลกับความปลอดภัยของตนเอง


 


นอกจากนี้ยังมีผู้อมตะจำนวนมากที่เอ่ยอ้างถึงทฤษฎีต่างๆเช่น มันเป็นการแก้แค้นโหยว่ชานและฉินไป่อี้เพื่อทวงคืนความยุติธรรม ความโลภในทรัพย์สินของพวกเขา หรือเพื่อสร้างชื่อเสียง


 


ผู้อมตะจำนวนมากกำลังค้นหาตัวผู้ร้าย


 


เช่นนี้แล้วมีเหตุผลใดที่เขาจะไม่จากไป?


 


แม้ฟางหยวนจะมีความกล้าหาญและพลังการต่อสู้ระดับแปด แต่เขาก็ไม่ต้องการมีส่วนร่วมกับเรื่องยุ่งยากเหล่านี้


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1488 อาชญากรรมถูกเปิดเผย


แปลโดย iPAT  


 


หลายวันต่อมา


 


ผู้อมตะผู้หนึ่งบินอยู่เหนือทะเลกระเรียนขาว


 


ชายผู้นี้อยู่ในชุดสีเขียวและมีหน้าตาอ่อนเยาว์ จมูกของเขาแหลม ใบหน้ากว้าง ดวงตาเปล่งประกายราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า


 


กลิ่นอายระดับเจ็ดเล็ดลอดออกมาจากร่างกายของเขา ชื่อของเขาคือฉิงเย่จื่อเฉิง เขามีต้นกำเนิดที่ยิ่งใหญ่และเป็นสมาชิกของกองกำลังใหญ่แห่งทะเลตะวันออก ตระกูลฉิงเย่ เขาเป็นทายาททางสายเลือดของผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง ฉิงเย่อัน


 


“นี่คือ?” เมื่อเห็นสภาพแวดล้อมที่แห้งแล้งของทะเลกระเรียนขาว การแสดงออกของฉิงเย่จื่อเฉิงก็เปลี่ยนแปลงไป


 


เขาชอบฉินไป่อี้ แม้เขาจะรู้ว่านางชอบผู้หญิง แต่เขายังสามารถยอมรับได้


 


แม้เขาจะยอมรับฉินไป่อี้แต่ฉินไป่อี้ไม่ยอมรับเขา


 


มันเป็นความรักข้างเดียวอย่างสมบูรณ์ ฉินเย่จื่อเฉิงถูกปฏิเสธตั้งแต่เริ่มต้น แต่เขาไม่เคยยอมแพ้ เขาพยายามมาสิบปีแล้ว


 


แม้ฉินไป่อี้จะไม่ชอบเขา แต่นางก็ไม่ต้องการสร้างความขุ่นเคืองให้แก่ตระกูลฉิงเย่ ดังนั้นนางจึงตอบจดหมายของฉิงเย่จื่อเฉิงเสมอแม้จะเป็นลักษณะครึ่งๆกลางๆก็ตาม


 


ฉิงเย่จื่อเฉิงจะเขียนจดหมายบอกรักนางเป็นระยะ แต่ฉินไป่อี้จะตอบเพียงคำเดียวคืออ่านแล้วหรืออืม


 


ฉิงเย่จื่อเฉิงพอใจกับการได้อ่านคำว่า อ่านแล้ว หรือ อืม ของฉินไป่อี้ เขาจะยิ้มไปสามวันเจ็ดวันหลังจากได้รับจดหมายตอบกลับ


 


มนุษย์ไม่ได้ไร้ความรู้สึก กระทั่งผู้อมตะก็ยังมีความต้องการทางเพศและรู้สึกรักใคร่ผู้อื่น


 


แต่เมื่อไม่นานมานี้ เขาไม่ได้รับจดหมายตอบกลับจากนาง


 


ฉิงเย่จื่อเฉิงพยายามติดต่อนางแต่มันล้มเหลวทั้งหมด


 


เขารู้สึกไม่สบายใจและไม่สามารถอดทนรอคอยได้อีกต่อไป ด้วยเหตุนี้เขาจึงเดินทางมายังทะเลกระเรียนขาว


 


เมื่อเห็นสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป คิ้วของฉิงเย่จื่อเฉิงขมวดแน่นทันที


 


ในอดีตทะเลกระเรียนขาวเป็นสถานที่เงียบสงบและมีนกกระเรียนขาวอาศัยอยู่มากมาย แต่ตอนนี้มันกลับไม่เหลือสิ่งใด


 


“เทพธิดาไป่อี้ เจ้าอยู่ที่ใด?” ฉิงเย่จื่อเฉิงรู้สึกกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ เขาเร่งดำลงไปในทะเล


 


เขาเคยมาที่นี่หลายครั้ง แม้ฉินไป่อี้จะไม่ต้อนรับเขา แต่เขามักจะหาเหตุผลมากมายเพื่อมาพบนางเสมอ


 


ครั้งนี้หลังจากลงไปใต้ทะเล ภาพที่เขาเห็นกลับแตกต่างไปจากภาพที่อยู่ในใจของเขาเป็นอย่างมาก


 


รอยแยกใต้สมุทรและซากปรักหักพังทำให้หัวใจของฉิงเย่จื่อเฉิงจมดิ่งลง “ไม่ ที่นี่ถูกปล้น!”


 


หลังจากตรวจสอบ ฉิงเย่จื่อเฉิงเต็มไปด้วยความโกรธ


 


“ผู้ใดช่างกล้าหาญนัก!”


 


“พวกเขากล้าปล้นทะเลกระเรียนขาวของเทพธิดาไป่อี้ ทรัพยากรถูกปล้นชิงไปทั้งหมด!”


 


“เทพธิดาไป่อี้ เจ้าต้องปลอดภัย!”


 


ฉิงเย่จื่อเฉิงคิดถึงคนที่เขารักและรู้สึกหวาดกลัวมาก


 


เขามองไปรอบๆแต่ไม่พบคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับหกวังไป่อี้


 


ฉิงเย่จื่อเฉิงไม่ยอมแพ้ เขาใช้วิธีตรวจสอบอีกครั้ง


 


แต่เขายังไม่พบสิ่งใด


 


ฉินไป่อี้ราวกับหายตัวไปในอากาศ วังไป่อี้ก็เช่นกัน และสิ่งที่แปลกประหลาดกว่านั้นก็คือฉิงเย่จื่อเฉิงไม่พบร่องรอยการต่อสู้ในสถานที่แห่งนี้เลย


 


ฟางหยวนไม่ได้ฆ่าฉินไป่อี้หรือโหยว่ชานที่นี่แต่เป็นทะเลปลามังกร


 


แต่กระทั่งฉิงเย่จื่อเฉิงจะไปที่ทะเลปลามังกร เขาก็จะไม่พบร่องรอยใดๆ


 


วิธีการลบร่องรอยของฟางหยวนยอดเยี่ยมเกินไป นอกจากนั้นเขายังต่อสู้อยู่ในเขตแดนอมตะ


 


ฉิงเย่จื่อเฉิงไม่พบสิ่งใดและรู้สึกสงสัย


 


“เทพธิดาไป่อี้เป็นผู้อมตะระดับเจ็ด ไม่ควรมีผู้ใดสามารถสังหารนางได้อย่างลับๆ เว้นเพียงฝ่ายตรงข้ามจะเป็นผู้อมตะระดับแปด…”


 


“แต่การเคลื่อนไหวของผู้อมตะระดับแปดจะสร้างความโกลาหลครั้งใหญ่ พวกเขาจะสังหารเทพธิดาไป่อี้โดยไม่มีเหตุผลได้อย่างไร?”


 


เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ความกังวลของฉิงเย่จื่อเฉิงก็ถูกปัดเป่าออกไป


 


แต่ในไม่ช้าใบหน้าของเขาก็กลายเป็นแข็งทื่อ “อย่าบอกว่าเทพธิดาไป่อี้เบื่อข้าและตัดสินใจย้ายที่อยู่รวมถึงทรัพยากรทั้งหมดของนางงั้นหรือ?”


 


ฉิงเย่จื่อเฉิงคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แต่เขารู้สึกว่ามันมีความเป็นไปได้ค่อนข้างน้อย


 


ทะเลกระเรียนขาวผลิตทรัพยากรมากมาย แล้วฉินไป่อี้จะละทิ้งมันได้อย่างไร? กระทั่งนางจะพบสถานที่ที่ดีกว่าก็ตาม


 


“เว้นเพียงนางจะพบศัตรูที่ไม่สามารถเอาชนะ เผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง นางไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมแพ้และล่าถอย?”


 


ฉิงเย่จื่อเฉิงคิด


 


แต่ในไม่ช้าเขาก็ส่ายศีรษะ “หากนางพบศัตรูที่แข็งแกร่ง นางต้องขอความช่วยเหลือจากเครือข่าย เพียงนางกล่าวออกมา นางจะได้รับความช่วยเหลือจากผู้คนมากมาย”


 


“เกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่? เหตุใดเทพธิดาไป่อี้ถึงหายตัวไปอย่างลึกลับเช่นนี้?”


 


ฉิงเย่จื่อเฉิงขมวดคิ้วลึก


 


เขาไม่คิดว่าฉินไป่อี้จะตาย ประการแรก เขาไม่ต้องการคิดไปในทิศทางนั้น ประการที่สอง ความเป็นไปได้มีน้อยและแปลกประหลาดเกินไป


 


ฉินไป่อี้เป็นคนมีชื่อเสียงของทะเลตะวันออก นางเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด ความแข็งแกร่งของนางไม่ธรรมดา


 


เช่นเดียวกับที่ฉิงเย่จื่อเฉิงได้กล่าวเอาไว้ เว้นเพียงมันจะเป็นผู้อมตะระดับแปด


 


แต่ความเป็นไปได้นี้ยิ่งน้อยกว่า


 


ทั้งห้าภูมิภาคสงบสุขมานานเกินไป ฉิงเย่จื่อเฉิงรู้สึกว่าการฆาตกรรมที่โหดร้ายจะไม่เกิดขึ้นและมันจะไม่เกิดขึ้นกับเทพธิดาอันเป็นที่รักของเขาอย่างแน่นอน


 


แต่หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียด ฉิงเย่จื่อเฉิงก็ได้ข้อสรุป


 


“ไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นเทพธิดาไป่อี้ก็ต้องพบปัญหา ข้าต้องตามหาและช่วยนาง!”


 


ทันใดนั้นความคิดเกี่ยวกับวีรบุรุษช่วยชีวิตหญิงงามก็ปรากฏขึ้นในใจของเขา


 


“หากที่นี่ไม่มีเบาะแส ข้าก็จะไปหาผู้อมตะที่อยู่ใกล้ๆและถามพวกเขา” ในไมช้าชื่อโหยว่ชานก็ปรากฏขึ้นในใจของฉิงเย่จื่อเฉิง


 


ทะเลปลามังกรของโหยว่ชานอยู่ไม่ไกลจากทะเลกระเรียนขาว


 


กล่าวได้ว่าพวกนางเป็นเพื่อนบ้านกัน


 


ฉิงเย่จื่อเฉิงเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง เขาออกจากทะเลกระเรียนขาวและเดินทางไปยังทะเลปลามังกรอย่างรวดเร็ว


 


ทะเลปลามังกรอยู่ในสภาพที่เลวร้ายยิ่งกว่าทะเลกระเรียนขาว สถานที่แห่งนี้เคยมีปลามังกรจำนวนนับไม่ถ้วน มันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดแห่งหนึ่งของทะเลตะวันออก แต่ตอนนี้มันกลับว่างเปล่า


 


คลื่นลมพัดมาอย่างไม่รู้สิ้นสุด


 


“เกิดสิ่งใดขึ้น?”


 


“กระทั่งทะเลปลามังกรก็ยังถูกปล้นงั้นหรือ?”


 


ฉิงเย่จื่อเฉิงแสดงออกด้วยความตกใจ


 


ผู้ใดก่อเรื่องนี้?


 


ท้ายที่สุดทั้งโหยว่ชานและฉินไป่อี้ล้วนเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด พวกนางไม่อ่อนแอเลย


 


คราวนี้ฉิงเย่จื่อเฉิงไม่เพียงรู้สึกสังสนแต่เขายังรู้สึกหวาดกลัวอีกด้วย


 


เขาตื่นตัวมาก เขาเริ่มตรวจสอบแต่สิ่งที่น่าเศร้าก็คือเขาไม่พบสิ่งใดเลย


 


“เป็นไปได้อย่างไร? เกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่? ไม่เพียงเทพธิดาไป่อี้ กระทั่งเทพธิดาโหยว่ชานก็อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน เดี๋ยว! ธุรกิจปลามังกรในสวรรค์สีเหลือง!”


 


ร่างของฉิงเย่จื่อเฉิงสั่นสะท้านเมื่อเขาเริ่มเชื่อมโยงสิ่งที่เกิดขึ้นกับสวรรค์สีเหลือง


 


ธุรกิจปลามังกรของโหยว่ชานในสวรรค์สีเหลืองมีชื่อเสียงมาก เป็นธรรมดาที่ฉิงเย่จื่อเฉิงจะคิดถึงเรื่องนี้


 


เขาเร่งส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เข้าไปในสวรรค์สีเหลืองและพยายามติดต่อโหยว่ชาน


 


เขาพบกับเจตจำนงของโหยว่ชานแต่นางไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น


 


“โหยว่ชานและเจตจำนงของนางติดต่อกันบ่อยครั้ง ช่วงเวลาของการติดต่อไม่เกินสามวันในแต่ละครั้ง นั่นหมายความว่าในช่วงสามวันที่ผ่านมา นางและเทพธิดาไป่อี้พบกับการโจมตีลึกลับ!”


 


เหงื่อไหลลงมาจากหน้าผากของฉิงเย่จื่อเฉิง


 


ยิ่งเขาสืบสวนมากเท่าใด เขาก็ยิ่งค้นพบความจริงมากเท่านั้น แต่มันเป็นเรื่องที่ทั้งลึกลับและน่าสะพรึงกลัว


 


ไม่ว่าจะเป็นโหยว่ชานหรือฉิงไป่อี้ พวกนางจะไม่เก็บทรัพยากรและวิ่งหนี ทั้งหมดแสดงให้เห็นว่าพวกนางเผชิญหน้ากับภัยคุกคามที่ไม่สามารถก้าวข้าม


 


หัวใจของฉิงเย่จื่อเฉิงเต็มไปด้วยความกังวล


 


“ไม่ ข้าต้องกลับบ้าและขอความช่วยเหลือจากผู้อาวุโสในตระกูล!” ฉิงเย่จื่อเฉิงมองทะเลปลามังกรที่ว่างเปล่าก่อนจะรีบกลับและไม่กล้าอยู่ที่นี่อีกต่อไป


 


ในเวลาเดียวกันอาชญากรที่อยู่เบื้องหลังคดีฆาตกรรมครั้งนี้กำลังบินอยู่ในทะเลทรายตะวันตก


 


หลังจากเดินทางออกจากทะเลตะวันออก ฟางหยวนไม่ได้กลับภาคเหนือแต่เขาเดินทางผ่านภาคใต้และมุ่งหน้ามายังทะเลทรายตะวันตก


 


บนก้อนเมฆ ฟางหยวนกำลังตรวจสอบกำไรที่ได้รับจากทะเลตะวันออก


 


หลังจากสังหารโหยว่ชานและฉินไป่อี้ ฟางหยวนได้รับผลประโยชน์มหาศาล


 


เขาได้รับปลามังกรจำนวนมาก ตอนนี้พวกมันอาศัยอยู่ในทะเลตะวันออกน้อย


 


เขายังได้รับผลึกหินไข่จำนวนไม่น้อย นอกจากนั้นยังมีวิญญาณอมตะระดับหกอีกสองดวง


 


แดนศักดิ์สิทธิ์บนเส้นทางแห่งไม้ของฉินไป่อี้ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง ฟางหยวนไม่สามารถกลืนกินมัน สำหรับแดนศักดิ์สิทธิ์บนเส้นทางแห่งวารีของโหยว่ชาน มันถูกกลืนกินไปแล้ว


 


แต่กำไรเหล่านี้ยังด้อยกว่าเมืองจิ๋วมาก


 


ในความเป็นจริงตอนนี้เมืองจิ๋วอยู่ในมิติช่องว่างของฟางหยวน!


 


หลังจากไปยังทะเลตะวันออก สิ่งแรกที่ฟางหยวนทำคือไปที่ทะเลไหลเชี่ยวเพื่อย้ายเมืองจิ๋วเข้าสู่มิติช่องว่างจักรพรรดิ จากนั้นเขาถึงไปทะเลปลามังกรเพื่อสังหารโหยว่ชานและฉินไป่อี้


 


แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพ เมืองจิ๋ว!


 


ฟางหยวนต้องการมันมานานแล้ว แต่ในเวลานั้นวิญญาณอมตะยกภูเขาไม่สามารถย้ายมันได้


 


แต่ตอนนี้ด้วยความช่วยเหลือจากแสงแห่งปัญญา เขาสามารถสร้างท่าไม้ตายอมตะโดยใช้วิญญาณยกภูเขาเป็นแกนกลางเพื่อย้ายเมืองจิ๋ว


 


หลังจากทำงานหนักมาเป็นเวลานาน ในที่สุดเขาก็ประสบความสำเร็จ!


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1489 เลี้ยงดูมนุษย์กลายพันธุ์


แปลโดย iPAT  


 


บ่อน้ำแห่งหนึ่ง


 


เมืองจิ๋ว!


 


ฟางหยวนคิดเกี่ยวกับมันและวางเมืองจิ๋วไว้ในภาคกลางน้อย


 


หลังจากภูเขาตงฮัน หุบเขาเหล่าโป และแม่น้ำหวนคืน เมืองจิ๋วคือแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพลำดับที่สี่ของฟางหยวน


 


ตลอดระยะเวลาอันยาวนานในประวัติศาสตร์ มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถรวบรวมแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพทั้งสี่


 


เมืองจิ๋วปรากฏอยู่ในตำนานมนุษย์คนแรก มันเป็นที่อยู่อาศัยของเผ่ามนุษย์จิ๋ว


 


ตอนนี้เมืองเล็กๆที่อยู่ในบ่อน้ำถูกทำลายไปแล้วโดยฟางหยวน เดิมทีมีภูเขาน้อยอยู่ภายใน แต่มันถูกนำออกจากเมืองจิ๋วและถูกทำลายที่ภาคเหนือ


 


อย่างไรก็ตามภายในบ่อน้ำไม่ได้ว่างเปล่า มันเต็มไปด้วยแดนศักดิ์สิทธิ์จำนวนมาก


 


เจ้าของแดนศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้คือผู้คนที่ฟางหยวนสังหารโดยใช้ประโยชน์จากเมืองจิ๋ว


 


แดนศักดิ์สิทธิ์หลายแห่งถูกฟางหยวนปล้นสะดมทรัพยากรไปแล้ว แต่ยังมีอีกหลายแห่งที่เหลืออยู่


 


‘ตอนนี้ข้ามีท่าไม้ตายอมตะแสงโลหิตปราบวิญญาณ ข้าสามารถกำหราบจิตวิญญาณแผ่นดิน แต่โดยปราศจากอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด ข้าก็ไม่สามารถเข้าไปได้’


 


ฟางหยวนไม่สามารถเข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นในขณะนี้


 


‘หากข้าสามารถกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้และนำทรัพยากรออกมา ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของข้าจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มิติช่องว่างจักรพรรดิจะพัฒนาขึ้นเช่นกัน’


 


นี่เป็นผลประโยชน์มหาศาลที่ฟางหยวนยังไม่สามารถกลืนกิน แต่มันเป็นของเขาแล้ว มีโอกาสน้อยมากที่พวกมันจะถูกขโมยไป


 


‘นอกจากแดนศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ เมืองจิ๋วก็เป็นสมบัติล้ำค่าที่ไม่สามารถประเมิน’


 


ด้วยการคงอยู่ของเมืองจิ๋ว ฟางหยวนสามารถเลี้ยงดูมนุษย์กลายพันธุ์หรือกระทั่งมนุษย์


 


นี่เป็นสิ่งที่ดี


 


การพัฒนามิติช่องว่างมีเจ็ดขั้นตอน


 


ขั้นตอนที่หนึ่งคือการผลิตทรัพยากรระดับมนุษย์ สัตว์ และพืชทั่วไป


 


ขั้นตอนที่สองคือการผลิตทรัพยากรอมตะเพื่อเลี้ยงดูวิญญาณอมตะ


 


ขั้นตอนที่สามคือการเพาะเลี้ยงสัตว์อสูรหรือพืชอสูรเพื่อสร้างระบบนิเวศที่สมบูรณ์


 


ขั้นตอนที่สี่คือการผลิตทรัพยากรอมตะ สัตว์อสูร หรือพืชอสูรเพื่อค้าขายทำกำไร


 


ขั้นตอนที่ห้าคือการสร้างวิญญาณอมตะตามธรรมชาติขึ้นในมิติช่องว่าง


 


ขั้นตอนที่หกคือการเลี้ยงดูมนุษย์กลายพันธุ์หรือมนุษย์และผลิตผู้อมตะ


 


ขั้นตอนที่เจ็ดคือการสร้างวิญญาณอายุยืน


 


เจ็ดขั้นตอนเกิดจากการรวบรวมประสบการณ์ของผู้อมตะจากอดีตจนถึงปัจจุบัน มันเป็นกฎทองคำในการบ่มเพาะของผู้อมตะ


 


ไม่ใช่ว่าผู้อมตะจะไม่สามารถเลี้ยงดูมนุษย์กลายพันธุ์หรือมนุษย์ในมิติช่องว่างได้ตั้งแต่เริ่มต้น แต่หากพวกเขาทำเช่นนั้น ผลลัพธ์จะไม่ดีที่สุดและจะทำให้พวกเขาสูญเสียรากฐานของตนเอง


 


การพัฒนามิติช่องว่างควรเป็นไปตามขั้นตอนทั้งเจ็ดตามลำดับ มันถูกคิดค้นและพัฒนาขึ้นโดยอัจฉริยะในแต่ละรุ่น หากปฏิบัติตามแผนการนี้ มิติช่องว่างของพวกเขาจะมั่นคงแข็งแรง


 


ฟางหยวนอยู่ในขั้นตอนที่สามและสี่ เขายังห่างไกลจากขั้นตอนที่ห้า


 


แต่ตอนนี้เขามีเมืองจิ๋ว เขาสามารถก้าวเข้าสู่ขั้นตอนที่หกได้โดยตรง


 


เมืองจิ๋วทำให้ผู้อมตะสามารถก้าวเข้าสู่ขั้นตอนการเลี้ยงดูมนุษย์กลายพันธุ์หรือมนุษย์ได้อย่างง่ายดาย


 


ข้อดีของการเลี้ยงมนุษย์กลายพันธุ์หรือมนุษย์มีมากมาย


 


ผลประโยชน์ของมันมหาศาลเกินไป


 


เผ่ามนุษย์กลายพันธุ์หรือเผ่ามนุษย์ล้วนมีทรัพยากรเฉพาะตัวของตนเอง


 


ตัวอย่างเช่น เผ่ามนุษย์หิมะมีไข่มุกน้ำแข็ง แก่นแท้บัวหิมะ เผ่ามนุษย์หินมีมังกรหิน ขณะที่เผ่ามนุษย์วิหคมีวิญญาณอิสรภาพ


 


หากทรัพยากรเหล่านี้ถูกผลิตออกมาเป็นจำนวนมาก ผู้อมตะสามารถขายพวกมันในตลาดเพื่อทำกำไร


 


นอกจากทรัพยากรพิเศษเหล่านี้ยังมีทรัพยากรทั่วไป


 


นั่นคือปราณมนุษย์!


 


ปราณสวรรค์ ปราณพิภพ ปราณมนุษย์


 


การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะต้องสร้างสมดุลระหว่างปราณทั้งสาม


 


ยิ่งมีปราณมนุษย์มากเท่าใด รากฐานและคุณภาพของมิติช่องว่างของผู้อมตะก็ยิ่งดีมากเท่านั้น


 


หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ ปราณทั้งสามจะลดลงอย่างมาก ผู้อมตะจำเป็นต้องสร้างสมดุลให้พวกมันเพื่อรักษาเสถียรภาพของมิติช่องว่างเป็นครั้งคราว


 


อาจกล่าวได้ว่าปราณมนุษย์มีความสำคัญสำหรับผู้อมตะมากที่สุด


 


ผู้อมตะสามารถดูดซับปราณสวรรค์พิภพได้ด้วยการวางมิติช่องว่างลง แต่ปราณมนุษย์เป็นเรื่องยากที่จะได้รับ


 


ปราณมนุษย์ยังสามารถใช้เป็นวัสดุในการหลอมรวมวิญญาณโดยเฉพาะวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณ


 


ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์กลายพันธุ์หรือมนุษย์ พวกเขาล้วนสามารถผลิตปราณมนุษย์


 


ยิ่งจำนวนและความแข็งแกร่งของพวกเขาสูงเท่าใด พวกเขาก็สามารถผลิตปราณมนุษย์ได้มากเท่านั้น


 


แน่นอนว่าในสถานการณ์เดียวกันมนุษย์กลายพันธุ์จะผลิตปราณมนุษย์ได้น้อยกว่ามนุษย์ที่แท้จริง


 


นอกจากปราณมนุษย์ มนุษย์กลายพันธุ์และมนุษย์ยังสามารถผลิตทรัพยากรอมตะชนิดพิเศษเช่นประตูวายุ


 


ประตูวายุเป็นทรัพยากรอมตะระดับเจ็ดที่จะเติบโตขึ้นบนประตูบ้านของมนุษย์เท่านั้น เมื่อใดก็ตามที่ทรัพยากรอมตะชนิดนี้ถือกำเนิดขึ้น ประตูบ้านของมนุษย์จะไม่สามารถปิดได้ มันจะเปิดอยู่เสมอ


 


ทรัพยากรชนิดนี้จะไม่สามารถพบเห็นได้ในถิ่นทุรกันดารที่ปราศจากการดำรงอยู่ของมนุษย์


 


‘มีสมมติฐานในมรดกของนิกายเงา’


 


‘ยิ่งมีปราณมนุษย์สะสมอยู่มากเท่าใด โอกาสที่ผู้อมตะจะสามารถเข้าใจความหมายอันลึกซึ้งบนเส้นทางมนุษย์ก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น’


 


เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ดวงตาของฟางหยวนก็ส่องประกายขึ้น


 


เส้นทางมนุษย์!


 


นี่คือเส้นทางที่มนุษย์คนแรกสร้างขึ้น


 


ตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนานมีผู้อมตะระดับแปดหรือระดับเก้าบางคนเข้าใจความหมายบางอย่างที่แฝงอยู่ในตำนานมนุษย์คนแรก


 


ตัวอย่างเช่น เทพอมตะตะวันเดือดศึกษาตำนานมนุษย์คนแรกกระทั่งสามารถสร้างมรดกโชคของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดและโชคแห่งสวรรค์พิภพ


 


ช่ายฝูบรรพบุรุษของตระกูลช่ายแห่งภาคใต้สามารถสร้างท่าไม้ตายบนเส้นทางมนุษย์จากการอ่านตำนานมนุษย์คนแรกและทำให้ตระกูลช่ายกลายเป็นกองกำลังใหญ่ที่ทรงอิทธิพลมาจนถึงปัจจุบัน


 


กรณีดังกล่าวพบเห็นได้ทั่วไป


 


‘ในสถานการณ์ของข้า หากข้าเริ่มเลี้ยงดูมนุษย์กลายพันธุ์หรือมนุษย์ มันจะทำลายสภาพแวดล้อมในมิติช่องว่างของข้า ข้าจะสูญเสียรากฐาน’


 


‘แต่ด้วยการคงอยู่ของเมืองจิ๋ว ข้าสามารถเลี้ยงดูพวกเขาแยกออกจากมิติช่องว่างของข้า นอกจากนี้การเลี้ยงดูมนุษย์กลายพันธุ์หรือมนุษย์ในเมืองจิ๋วยังมีประสิทธิภาพมากกว่าปกติเพราะมันเป็นสภาพแวดล้อมพิเศษ’


 


‘ลืมมนุษย์ไปก่อน สติปัญญาของพวกเขาสูงเกินไป นอกจากนั้นพวกเขายังใช้ทรัพยากรมากเกินไป ตอนนี้ข้าควรเลือกเลี้ยงมนุษย์กลายพันธุ์’


 


มีมนุษย์กลายพันธุ์มากกว่าสิบชนิดอยู่บนโลกใบนี้


 


ตัวอย่างเช่น มนุษย์ขน มนุษย์หิน มนุษย์หิมะ มนุษย์วิหค มนุษย์เงือก มนุษย์หมึก มนุษย์ไข่ มนุษย์อสูร และมนุษย์เห็ด


 


แต่ละชนิดมีความพิเศษเฉพาะตัวของพวกมันเอง


 


‘ข้าควรเลือกเผ่าพันธุ์ใด?’ ฟางหยวนยังไม่ได้ตัดสินใจ


 


มีเมืองจิ๋วเพียงเมืองเดียว ดังนัน้เขาจึงสามารถเลือกเลี้ยงดูได้เพียงเผ่าพันธุ์เดียว เนื่องจากมนุษย์กลายพันธุ์แต่ละเผ่าพันธุ์ต้องการสภาพแวดล้อมในการดำรงชีวิตที่แตกต่างกัน การเลี้ยงดูมากกว่าหนึ่งเผ่าพันธุ์ในสถานที่เดียวกันจะส่งผลเสียมากกว่าผลดี


 


‘ลืมมนุษย์อสูรไปได้เลย พวกมันสูญพันธุ์ไปแล้ว’


 


‘มนุษย์ขน? มนุษย์ขนสามารถหลอมรวมวิญญาณให้ข้า’


 


‘มนุษย์หิน? ข้าเคยเลี้ยงดูมนุษย์หินมาก่อน ด้วยวิญญาณความเด็ดเดี่ยว ข้าสามารถเลี้ยงพวกมันได้อย่างง่ายดาย’


 


‘มนุษย์หิมะก็ดีเช่นกัน ตอนนี้ข้ามีความสัมพันธ์กับพวกเขาผ่านการแต่งงาน เผ่ามนุษย์หิมะกำลังสนับสนุนข้า’


 


‘สำหรับเผ่ามนุษย์จิ๋ว พวกเขาเหมาะสมกับเมืองจิ๋วตั้งแต่เริ่มต้น พวกเขาจะทำให้พืชพรรณในมิติช่องว่างของข้าเจริญเติบโตได้ดี’


 


‘ส่วนมนุษย์วิหค มนุษย์เงือก มนุษย์หมึก และมนุษย์เห็ด ทุกเผ่าพันธุ์ล้วนมีประโยชน์ต่อข้าทั้งสิ้น’


 


ฟางหยวนคิดและยังไม่มีคำตอบให้กับตนเอง


 


แต่ปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนน


 


เพราะกระทั่งเขาจะต้องการทำ เขาก็ยังไม่มีเงินทุนที่จะเริ่มต้นโครงการขนาดใหญ่ในตอนนี้


 


คลังเก็บหินวิญญาณอมตะของเขายังอยู่ในระดับต่ำ


 


โชคดีที่เขามีลูกพลัมแดงอมตะมากมาย


 


นี่เป็นเพราะเวลาในมิติช่องว่างจักรพรรดิที่ไหลเร็วขึ้น


 


ดังนั้นฟางหยวนจึงสามารถสะสมลูกพลัมแดงอมตะได้อย่างรวดเร็ว


 


‘ในการเดินทางไปยังทะเลตะวันออกครั้งนี้ ข้าได้รับเมืองจิ๋วและสามารถกำจัดโหยว่ชาน ข้าไม่มีคู่แข่งในธุรกิจปลามังกรอีกต่อไป ตราบเท่าที่ข้ายังสามารถขายปลามังกร ปัญหาทางการเงินของข้าจะคลี่คลายลงในไม่ช้า’


 


‘สิ่งสำคัญในตอนนี้คืออาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์!’


 


ฟางหยวนคิดเกี่ยวกับมันและบินลงบนพื้นทราย


 


กลางทะเลทรายที่ร้อนระอุ ผู้อมตะผู้หนึ่งกำลังยืนรออยู่


 


เขาเผยรอยยิ้มและป้องหมัดขึ้นทักทายฟางหยวน “ถังฟางหมิงคารวะท่านฟางหยวน”


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1490 อาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์


แปลโดย iPAT  


 


ฟางหยวนพบถังฟางหมิงอีกครั้ง


 


คนผู้นี้ไม่ธรรมดา ในชีวิตแรกของฟางหยวน เขามีชื่อเสียงอย่างมากในสงครามห้าภูมิภาค สถานะของเขาใกล้เคียงกับหม่าหงหยุน


 


หลังจากรับสืบทอดนิกายเงา ฟางหยวนได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่าง


 


ในชีวิตแรกของเขา เทพปีศาจจิตวิญญาณประสบความสำเร็จในการฟื้นคืนชีพ เขาแฝงตัวอยู่ในวังสวรรค์และลอบควบคุมทั้งห้าภูมิภาค


 


การพุ่งทะยานขึ้นของหม่าหงหยุนเกิดขึ้นเพราะความช่วยเหลืออย่างลับๆของนิกายเงา


 


ถังฟางหมิงก็เช่นกัน


 


‘แม้วังสวรรค์จะกำลังขาดคนในเวลานี้ แต่อาณาจักรแห่งความฝันที่กำลังขยายออกไปทั้งห้าภูมิภาคจะทำให้ผู้อมตะทุกประเภทในวังสวรรค์ตื่นจากการจำศีล’


 


รากฐานของวังสวรรค์ลึกเกินไป กระทั่งนิกายเงาก็ไม่สามารถแข่งขัน


 


ฟางหยวนเข้าใจแล้วว่าเหตุใดนิกายเงาถึงดำเนินการเช่นนั้น


 


ตอนนี้เขากำลังดำเนินรอยตามเส้นทางเดิมของนิกายเงาในชีวิตแรก หม่าหงหยุนตายไปแล้ว แต่ตระกูลถังยังอยู่ เขาต้องให้การสนับสนุนกองกำลังนี้


 


ฟางหยวนตัดสินใจมานานแล้ว ย้อนกลับไปตั้งแต่เขาสร้างข้อตกลงกับตระกูลถัง มันไม่ใช่เรื่องสาขาของธารแห่งกาลเวลาเท่านั้น แต่เขายังต้องการร่วมมือกับอีกฝ่ายอย่างจริงใจ


 


วังสวรรค์กำลังวางแผนอุกอาจสำหรับอนาคต


 


โหยว่ชานและฉินไป่อี้เกือบถูกหลอกใช้โดยเทพธิดาจื่อเว่ย ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องกำจัดพวกนาง ไม่ว่าจะเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจหรือสถานการณ์ในอนาคตก็ตาม


 


ในการต่อสู้กับมหาอำนาจเช่นวังสวรรค์ แผนการของฟางหยวนจำเป็นต้องได้รับการยกระดับให้ครอบคลุมทั้งห้าภูมิภาค เขาจำเป็นต้องวางแผนต่อต้านโลกทั้งใบ!


 


ถังฟางหมิงมีความสุขมากเมื่อเห็นฟางหยวน


 


ครั้งสุดท้ายที่ทั้งสองพบกันคือฟางหยวนกำลังหลบหนี ดังนั้นถังฟางหมิงจึงไม่คาดหวังว่าเขาจะกลับมาอย่างรวดเร็วเช่นนี้


 


“พาข้าไปยังอาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์” ฟางหยวนกล่าวออกมาโดยตรง


 


“ท่านฟางหยวนดำเนินการอย่างรวดเร็ว ข้ารู้สึกนับถือจากใจจริง โปรดตามข้ามา” ถังฟางหมิงนำทาง


 


ทั้งสองบินอยู่ชั่วครู่ก่อนจะบรรลุถึงทะเลทรายแห่งหนึ่ง


 


ถังฟางหมิงชี้นิ้วออกไปและทำให้ห้วงมิติเกิดรอยแตกร้าว


 


ฟางหยวนเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งค่ายกล เขามีรากฐานที่แข็งแกร่ง เมื่อเห็นค่ายกลวิญญาณนี้ ช่วยไม่ได้ที่ดวงตาของเขาจะส่องประกายขึ้น ‘เป็นค่ายกลวิญญาณที่ยอดเยี่ยม!’


 


ค่ายกลวิญญาณนี้น่าเหลือเชื่อมาก กระทั่งฟางหยวนจะใช้วิธีตรวจสอบทั้งหมดของเขา เขาก็ยังไม่พบสิ่งใด


 


“ท่านฟางหยวน โปรดตามข้ามา” ถังฟางหมิงเข้าไปในรอยแยกของห้วงมิติ ฟางหยวนไม่ลังเลที่จะเดินตามเข้าไป


 


หลังจากเข้าไปฟางหยวนพบว่ามันเป็นทุ่งหญ้ากว้างใหญ่


 


สิ่งที่ดึงดูดใจที่สุดคืออาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ที่อยู่ตรงกลาง


 


อาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ใหญ่โตเหมือนภูเขา


 


มันเปล่งแสงสีน้ำเงินที่น่าขนลุกออกมา


 


สงครามห้าภูมิภาคยังไม่เริ่มต้นแต่อาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์กลับถูกค้นพบแล้วและผู้ค้นพบก็คือตระกูลถัง พวกเขาเก็บมันไว้และลอบทำการวิจัยอย่างลับๆ


 


แม้ตระกูลถังจะได้รับสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้ แต่พวกเขากลับไม่มีความรู้เกี่ยวกับอาณาจักรแห่งความฝันและมีความก้าวหน้าช้ามาก


 


สำหรับความก้าวหน้าทั้งหมดของพวกเขา มันเกิดจากพรสวรรค์และความเฉลียวฉลาดของถังฟางหมิงเพียงผู้เดียว


 


ถึงกระนั้นเขาก็แทบไม่สามารถรักษาชีวิตจากอาณาจักรแห่งความฝัน หากน้องสาวของเขาไม่ได้ใช้เบาะแสเกี่ยวกับมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะสวรรค์พิภพแลกเปลี่ยนกับความช่วยเหลือจากเทพสมุทรขาว ถังฟางหมิงคงตายไปแล้ว


 


เทพสมุทรขาวเป็นร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณ ในการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน เขาได้นำสมาชิกของนิกายเงาจากทะเลทรายตะวันตกเข้าร่วมและเสียชีวิตในสนามรบ


 


ฟางหยวนไม่ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเทพสมุทรขาวให้ถังฟางหมิงรับรู้และแน่นอนว่าเบาะแสเกี่ยวกับมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะสวรรค์พิภพก็อยู่ในมือของฟางหยวนเช่นกัน


 


มรดกที่แท้จริงของเทพอมตะสวรรค์พิภพไม่ใช่จุดสนใจของฟางหยวน ตอนนี้เขาให้ความสำคัญกับอาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์มากที่สุด


 


แต่อาณาจักรแห่งความฝันสีน้ำเงินนี้มีอันตราย


 


เพราะมันมีเจตจำนงสวรรค์แฝงตัวอยู่


 


เจตจำนงสวรรค์สามารถแทรกซึมเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝัน ฟางหยวนเคยเผชิญหน้ากับมันมาแล้วที่ภาคใต้


 


ฟางหยวนเคยพบกับเทพอมตะกลุ่มดาวหลายครั้งในอาณาจักรแห่งความฝัน ด้วยคำแนะนำจากนาง มันทำให้เขาสามารถเอาชนะเทพปีศาจจิตวิญญาณในการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน


 


ดังคำกล่าวที่ว่าผิดเป็นครู ปีศาจเฒ่าฟางหยวนได้ฝึกฝนบทเรียนนี้มาอย่างเข้มข้นและมันยังฝังลึกอยู่ในหัวใจของเขา


 


‘เมื่ออาณาจักรแห่งความฝันปรากฏขึ้นนานเกินไป เจตจำนงสวรรค์จะแทรกซึมเข้าไปเช่นเดียวกับอาณาจักรแห่งความฝันของภาคใต้ อาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ของทะเลทรายตะวันตกคงอยู่มานานแล้ว ข้าแน่ใจว่าเจตจำนงสวรรค์เข้ายึดครองมันอย่างสมบูรณ์แล้ว’ ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายอย่างน่าขนลุก


 


‘หากเป็นก่อนหน้านี้ข้าต้องหลีกเลี่ยงมัน แต่ตอนนี้…ฮ่าฮ่า’ ริมฝีปากของฟางหยวนม้วนตัวขึ้นขณะที่เขายกฝ่ามือขึ้น


 


ร่างของฟางหยวนปกคลุมไปด้วยแสงสีเทาขาว


 


ฝ่ามือของเขาอยู่ห่างจากอาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์เพียงหนึ่งนิ้ว


 


ฟางหยวนมีร่างทารกอมตะไม่ใช่กายาแห่งความฝัน หากเขาสัมผัสมันจริงๆ เขาจะติดอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน


 


แสงสีเทาขาวไหลเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันโดยปราศจากสิ่งกีดขวาง


 


ปรากฏการณ์นี้กินเวลาชั่วขณะ


 


อาณาจักรแห่งความฝันถูกปกคลุมด้วยแสงสีเทาขาวขณะที่ถังฟางหมิงเฝ้ามองอยู่อย่างเงียบๆ


 


เขาไม่สามารถบอกได้ว่ามันคือสิ่งใดแต่เขารู้ว่านี่เป็นท่าไม้ตายอมตะ


 


‘ท่านฟางหยวนช่างแข็งแกร่งนัก เขาสามารถสร้างท่าไม้ตายอมตะที่ส่งผลกระทบต่ออาณาจักรแห่งความฝันได้จริงๆ เปรียบเทียบกับข้า ข้าสามารถสร้างวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งความฝันได้เพียงไม่กี่ดวง เหนือฟ้ายังมีฟ้า เขาคือคนที่ยืนอยู่เหนือผู้คนอย่างแท้จริง!’ ถังฟางหมิงรู้สึกชื่มชมฟางหยวนจากใจจริง


 


ฟางหยวนไร้อารมณ์แต่เขากลับลอบประหม่าอยู่ภายใน


 


เขากระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะสลายเจตจำนงสวรรค์ แม้มันจะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาใช้งานท่าไม้ตายนี้ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพยายามใช้มันกับอาณาจักรแห่งความฝัน


 


ท่าไม้ตายอมตะสลายเจตจำนงสวรรค์ใช้วิญญาณอมตะความลับสวรรค์เป็นแกนกลาง มันสามารถกำจัดเจตจำนงสวรรค์ เขาเคยใช้มันกับวิญญาณกาลเวลามาก่อน ตอนนี้เขากำลังใช้มันกับอาณาจักรแห่งความฝันอีกครั้ง ผู้ใดจะรู้ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น


 


สิบนาทีผ่านไปอย่างรวดเร็ว


 


แสงสีเทาขาวขยายออกไปเป็นวงกว้าง ไม่เพียงพื้นผิวแต่ยังเข้าสู่ส่วนลึกของอาณาจักรแห่งความฝัน


 


อาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์เหมือนภูเขา แต่หนึ่งในสิบส่วนของมันถูกปกคลุมด้วยแสงสีเทาขาว


 


เมื่อถังฟางหมิงคิดว่าแสงสีเทาขาวกำลังขยายตัวออกไปเรื่อยๆ การเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น


 


ดวงตาหลากหลายสีสันปรากฏขึ้นภายในแสงสีเทาขาว


 


สีของดวงตาเปลี่ยนไปทุกครั้งที่มันกะพริบตา


 


จำนวนดวงตาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากไม่กี่ลมหายใจ ดวงตาก็เพิ่มขึ้นจากหลักสิบเป็นหลักร้อยและก้าวเข้าสู่หลักพัน


 


หลังจากหลายสิบลมหายใจ ดวงตาหลากสีก็มีจำนวนนับล้านดวง ไม่เพียงพื้นผิวของอาณาจักรแห่งความฝันแต่มันยังบุกรุกเข้าไปภายใน


 


‘ได้ผล!’ ฟางหยวนลอบตื่นเต้นอยู่ภายในแต่ภายนอกยังนิ่งเฉย ถังฟางหมิงไม่สามารถสัมผัสได้ถึงอารมณ์อันแปรปรวนของเขา


 


ดวงตาหลากสียังกะพริบอย่างต่อเนื่อง เจตจำนงสวรรค์ในอาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ถูกกำจัดออกไปเรื่อยๆ


 


เมื่อดวงตาดวงเดิมหายไป ดวงตาดวงใหม่ก็ปรากฏขึ้นแทนที่


 


เจตจำนงสวรรค์ถูกทำลายอย่างรวดเร็ว หลังจากไม่นานเจตจำนงสวรรค์ในแสงสีเทาก็ถูกกำจัดออกไปจนหมด


 


ฟางหยวนกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายอมตะสลายเจตจำนงสวรรค์เป็นเวลาสามวันสามคืนติดต่อกัน


 


ในที่สุดอาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ก็ไม่มีเจตจำนงสวรรค์เหลืออยู่


 


ฟางหยวนสร้างม่านแสงสีเทาขาวปกคลุมอาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์เอาไว้ ด้วยวิธีนี้ตราบเท่าที่เจตจำนงสวรรค์พยายามจะแทรกซึมเข้าไป ดวงตาหลากสีจะทำลายมันทันที


 


และตอนนี้อาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ก็ปลอดภัยในที่สุด


 


‘ต่อไปข้าจะสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันแห่งนี้’ ฟางหยวนสูดหายใจลึก เขาเต็มไปด้วยความสุข


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1491 เด็กหนุ่มผู้น่าสงสาร


แปลโดย iPAT  


 


อิงอู๋เซี่ย ไห่ลั่วหลัน เทพธิดากระต่ายขาว และเทพธิดาเมี่ยวหยินออกมาจากมิติช่องว่างของฟางหยวน


 


“ต่อไปข้าจะสำรวจอาณาจักรแห่งความฝัน” ฟางหยวนหันกลับมากล่าวกับถังฟางหมิง


 


หัวใจของถังฟางหมิงสั่นสะท้านขึ้นแต่ในไม่ช้าเขาก็เข้าใจความหมายของฟางหยวนและเผยรอยยิ้มขมขื่น “เทพธิดาโปรดตามข้ามา”


 


ค่ายกลวิญญาณถูกควบคุมโดยถังฟางหมิงแต่ตอนนี้เขาต้องสละส่วนหนึ่งของการควบคุมให้กับสมาชิกนิกายเงา


 


นี่เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงพันธมิตรระหว่างฟางหยวนกับตระกูลถัง


 


เมื่อฟางหยวนสำรวจอาณาจักรแห่งความฝัน ดวงวิญญาณของเขาจะออกจากร่างและเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝัน เขาจะไม่สามารถปกป้องร่างกายของตนเอง


 


นั่นเป็นสถานการณ์ที่ค่อนข้างอันตราย


 


ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องนำสมาชิกนิกายเงาออกมาเพื่อปกป้องร่างกายของเขา


 


ค่ายกลวิญญาณนี้ไม่สามารถปล่อยให้คนนอกควบคุม สมาชิกนิกายเงาต้องเข้าควบคุมมันด้วยตนเอง


 


ด้วยวิธีนี้ไม่ว่าจะเป็นนิกายเงาหรือตระกูลถัง พวกเขาจะมีอำนาจอยู่ในมือและไม่สามารถทำเรื่องเลวร้ายต่อร่างกายของฟางหยวน


 


ฟางหยวนมักทำสิ่งต่างๆด้วยความระมัดระวังอย่างเต็มที่เสมอ


 


หลังจากสมาชิกนิกายเงาเข้าควบคุมครึ่งหนึ่งของค่ายกลวิญญาณ ฟางหยวนก็เริ่มการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝัน


 


ถังฟางหมิงเฝ้ามองโดยไม่กะพริบตา


 


‘นี่เป็นจุดสำคัญ!’ เขาต้องการเก็บเกี่ยวความรู้จากฟางหยวนให้ได้มากที่สุด


 


แต่จุดสำคัญใดที่เขาสามารถเรียนรู้จากการเฝ้ามองฟางหยวน?


 


‘ข้าอยู่ที่ใด?’ ฟางหยวนเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันขณะที่วิสัยทัศน์ของเขาเปลี่ยนแปลงไป


 


เขาพบว่าตนเองอยู่ในร่างของเด็กหนุ่มที่สวมชุดผ้าขี้ริ้ว


 


เขาอยู่ในกระโจมที่เรียบง่าย เพียงลมพัดผ่านเบาๆ มันก็สั่นสะเทือนอย่างง่ายดาย


 


“ฉั๊ว!”


 


“บัดซบ! คนผู้นี้ไม่เพียงทุบตีข้า แต่เขายังฉีกกระโจมของข้าด้วย!” ร่างเด็กหนุ่มที่ฟางหยวนเข้าสวมบทบาทกัดฟันพึมพำ


 


หลังจากนั้นเขาก็ก้มลงดูเสื้อผ้าที่สกปรกและขาดรุ่งริ่งของตนเอง หน้าอกของเขายังเต็มไปด้วยบาดแผลสีม่วง เขาดูน่าสงสารมาก


 


เด็กหนุ่มยกมือขึ้นสัมผัสบาดแผนบนร่างกายของตนและรู้สึกถึงความเจ็บปวด


 


“ผู้ใดจะคิดว่าผู้ยิ่งใหญ่ เบน เจสัน เช่นข้าจะจบลงในโลกที่ไร้สาระและกลายเป็นเด็กอีกครั้ง นอกจากนั้นข้ายังถูกรังแกโดยเด็กคนอื่นๆ นี่มันมากเกินไปแล้ว!”


 


“โลกใบนี้ช่างไร้สาระ มนุษย์ควบคุมวิญญาณเพื่อรับพลังลึกลับ นี่มันฝันร้ายชัดๆ!”


 


“เห้อ…หากนี่เป็นความฝัน เหตุใดข้ายังไม่ตื่นหลังจากผ่านไปนับสิบปี?” เด็กหนุ่มกล่าวขณะที่ฟางหยวนฟังคำกล่าวเหล่านี้และรู้สึกหัวใจสั่นไหว


 


เขาได้ยินความลับมากมาย เทพปีศาจปล้นสวรรค์เป็นปีศาจต่างโลกเช่นเดียวกับฟางหยวน


 


‘ชื่อเดิมของเทพปีศาจปล้นสวรรค์คือ เบน เจสัน นั่นหมายความว่าในอาณาจักรแห่งความฝันนี้ ข้ากำลังสวมบทของเทพปีศาจปล้นสวรรค์! แต่ตอนนี้เขายังเป็นเพียงเด็กมนุษย์ เขายังไม่ได้เริ่มต้นการบ่มเพาะ’ ฟางหยวนตระหนักถึงจุดนี้


 


เป็นเพียงเวลานี้ที่เด็กหนุ่มพึมพำ “แต่โชคดีที่ตระกูลจะเปิดอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์ในคืนนี้ เมื่อข้าเข้าไป ข้าจะสามารถปลุกทะเลวิญญาณและเริ่มบ่มเพาะ ข้าจะกลายเป็นผู้ใช้วิญญาณ”


 


“ข้าหวังว่าพลังนี้จะทำให้ข้าสามารถหลบหนีจากที่นี่และกลับบ้านเกิดของข้า!”


 


เด็กหนุ่มกล่าวด้วยความรู้สึกเจ็บปวด เขากัดฟันยืนขึ้นและเดินออกจากกระโจม


 


ฟางหยวนเป็นเหมือนเจตจำนงที่แฝงตัวอยู่ในร่างของเด็กหนุ่มผู้นี้และเฝ้ามองเขาแต่ไม่สามารถควบคุมร่างกายของเขา


 


นี่เป็นสถานการณ์ที่หายากแม้แต่สำหรับฟางหยวน


 


หลังจากทดลองด้วยทุกวิธีและล้มเหลวทั้งหมด ฟางหยวนทำได้เพียงเฝ้ามองในฐานะผู้สังเกตการณ์ขณะที่อาณาจักรแห่งความฝันยังดำเนินต่อไป


 


เด็กหนุ่มออกจากกระโจน


 


ฟางหยวนมองเห็นโอเอซิสสีเขียวภายใต้แสงจันทร์


 


มันเป็นเวลากลางคืน ดวงจันทร์กลมโตลอยอยู่บนท้องฟ้า


 


โอเอซิสแห่งนี้มีขนาดเล็ก มีทะเลสาบเล็กๆอยู่ตรงกลางและรายล้อมไปด้วยกระโจมมากมาย


 


กระโจมเหล่านี้มีขนาดและสีสันที่แตกต่างกัน บางหลังเป็นสีเทา บางหลังเป็นสีขาว สีเหลือง สีทอง หรือสีม่วง


 


ยิ่งกระโจมมีสีสันสดใสและมีขนาดใหญ่เท่าใด สถานะของผู้ครอบครองก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น


 


เด็กหนุ่มมองไปข้างหน้าด้วยสายตาชื่นชมก่อนจะหันกลับไปมองกระโจมของตนเอง


 


กระโจมของเขาเล็กและน่าเกลียดมาก มันเต็มไปด้วยเขม่าสีดำและมีรูอยู่มากมาย


 


เด็กหนุ่มขมวดคิ้วและถอนหายใจ “หลังจากคืนนี้ ข้าจะไม่อยู่ในสถานที่ที่เลวร้ายนี้อีกต่อไป”


 


หลังกล่าวจบคำเขาก็เดินตรงไปยังจุดศูนย์กลางของโอเอซิส


 


ระหว่างทาง เด็กหลายคนเดินออกมาจากกระโจมที่อยู่รอบๆ การแสดงออกของพวกเขาแข็งทื่อและไม่มีผู้ใดกล่าวสิ่งใดออกมา


 


วันนี้เป็นวันสำคัญที่สุดในชีวิตของพวกเขา ตามธรรมเนียมของทะเลทรายตะวันตก เด็กทุกคนต้องแสดงความเคารพและไม่พูดคุยโดยไม่จำเป็น


 


ผู้ใดพูดมากเกินไปหรือแสดงอารมณ์มากเกินไป ไม่ว่าจะเป็นความสุขหรือความเศร้า พวกเขาจะทำให้พิธีกรรมแปดเปื้อนและจะถูกลงโทษอย่างรุนแรงจนถึงขั้นเนรเทศ


 


หากพวกเขาถูกเนรเทศออกไป เด็กเหล่านั้นต้องตายอย่างแน่นอน


 


ความรุนแรงของบทลงโทษเห็นได้ชัดเจน


 


เด็กจำนวนมากเดินไปรวมตัวกันที่ใจกลางโอเอซิส


 


ระหว่างทางเด็กหนุ่มได้พบกับกลุ่มเด็กที่ทุบตีเขาเช่นกัน


 


เด็กเหล่านั้นทั้งสูงและดูแข็งแกร่ง ร่างกายของพวกเขาสูงใหญ่กว่าเด็กทั่วไป เสื้อผ้าที่พวกเขาสวมใส่ก็ดูราคาแพงกว่าอย่างเห็นได้ชัด นี่แสดงให้เห็นความภูมิหลังที่ไม่ธรรมดาของพวกเขา


 


เด็กเหล่านั้นไม่กล่าวสิ่งใดแต่ยังส่งสายตาดุร้ายและยั่วยุ


 


เด็กหนุ่มพ่นลมหายใจออกมาโดยไม่รู้ตัว


 


ต่างฝ่ายต่างจ้องมองกันกระทั้งไปถึงทะเลสาบกลางโอเอซิส


 


วิญญาณแห่งความหวังอาศัยอยู่บนต้นอ้อที่อยู่รอบๆทะเลสาบแห่งนี้


 


สิ่งนี้ทำให้ฟางหยวนนึกไปถึงพิธีเผยลิขิตสวรรค์บนภูเขาชิงเหมา


 


แม้พิธีการของทะเลทรายตะวันตกจะแตกต่างจากภาคใต้ แต่ทั้งสองภูมิภาคก็ใช้วิญญาณแห่งความหวังเพื่อปลุกทะเลวิญญาณคล้ายคลึงกัน


 


เด็กเดินเข้าไปที่ทุ่งต้นอ้อขณะที่วิญญาณแห่งความหวังบินออกมาด้วยความตกใจ


 


ทะเลวิญญาณถูกปลุกขึ้นทีละคน บางคนกังวล บางคนเศร้า บางคนมีความสุข และบางคนรู้สึกหดหู่ สำหรับมนุษย์ธรรมดา พรสวรรค์เป็นสิ่งกำหนดความสำเร็จในชีวิตของพวกเขา


 


บรรยากาศในพิธีเผยลิขิตสวรรค์ของภาคใต้ค่อนข้างร้อนแรงแต่บรรยากาศของทะเลทรายตะวันตกกลับเคร่งเครียดและเงียบสงบ


 


แม้พวกเขาจะรู้สึกอย่างไร พวกเขาก็ต้องควบคุมตนเองเอาไว้ ใบหน้าของพวกเขาอาจดูบิดเบี้ยวและสามารถหลั่งน้ำตา แต่พวกเขาไม่สามารถส่งเสียงใดๆออกมา


 


ในไม่ช้าก็ถึงคราวของเทพปีศาจปล้นสวรรค์วัยเยาว์


 


เขาแทบไม่สามารถอดทนรอ เขาเดินเข้าไปที่ต้นอ้อเมื่อได้รับอนุญาต


 


แต่พรสวรรค์ของเขาอยู่ในนภาที่สี่เท่านั้น มันเป็นระดับต่ำสุด พรสวรรค์นภาที่สี่มีพลังวิญญาณเพียงสิบถึงสามสิบส่วนอยู่ในทะเลวิญญาณ คนกลุ่มนี้มักเป็นได้เพียงผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่ง มีไม่กี่คนที่สามารถก้าวเข้าสู่ระดับสอง


 


ผู้ใช้วิญญาณที่มีพรสวรรค์ระดับนี้กล่าวได้ว่าไร้ศักยภาพและไร้อนาคต


 


สถานะของพวกเขาจะถูกจัดให้อยู่ในจุดต่ำสุด


 


“เป็นไปได้อย่างไร? ข้ามีพรสวรรค์นภาที่สี่ได้อย่างไร!?” เด็กหนุ่มกรีดร้อง


 


“หุบปาก!” ผู้ใช้วิญญาณที่รับผิดชอบจับเด็กหนุ่มและปิดปากเขา


 


เด็กหนุ่มดิ้นรนอย่างหนักก่อนจะถูกฝ่ายตรงข้ามใช้ฝ่ามือกระแทกที่ต้นคอ


 


เด็กหนุ่มหมดสติไปทันที


 


วิสัยทัศน์ของฟางหยวนก็มืดมิดลงเช่นกัน


 


เขาพบว่าตนเองไม่สามารถทำสิ่งใด กระทั่งท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันก็ไม่มีผล


 


‘ยิ่งอาณาจักรแห่งความฝันใหญ่โตเท่าใด พลังอำนาจของท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันก็ลดลงเท่านั้น อาณาจักรแห่งความฝันนี้พิเศษมาก ท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันไม่ส่งผลกระทบใดๆทั้งสิ้น’


 


ฟางหยวนประเมิน


 


เขาทดลองอีกครั้งและยังไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น เขาต้องรอคอยต่อไปอย่างช่วยไม่ได้


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1492 โชคชะตาของเทพปีศาจปล้นสวรรค์


แปลโดย iPAT  


 


ท่ามกลางความมืดมิด ฟางหยวนรู้สึกทุกข์ทรมาน


 


พื้นที่สีดำแห่งนี้มีพลังกัดกร่อนจิตวิญญาณ นี่คือสิ่งที่ฟางหยวนไม่เคยพบเห็นจากการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันอื่นๆ


 


โชคดีที่รากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของฟางหยวนไม่ธรรมดา จิตวิญญาณของเขาอยู่ในระดับสิบล้านคน เขาสามารถอดทนต่อการกัดกร่อนของอาณาจักรแห่งความฝันนี้


 


ฟางหยวนรู้สึกราวกับเวลาผ่านไปเนินนานก่อนที่แสงสีขาวจะปรากฏขึ้นท่ามกลางความมืดมิด


 


จุดแสงสีขาวขยายขึ้นก่อนจะเติมเต็มวิสัยทัศน์ของเขา


 


เทพปีศาจปล้นสวรรค์วัยเยาว์ค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น


 


แสงสีขาวก็คือแสงอาทิตย์


 


เด็กหนุ่มยกมือขึ้นปิดตา


 


“เหตุใดข้าถึงมาอยู่ที่นี่?” ในไม่ช้าเขาก็พบว่าตนเองนอนอยู่กลางทะเลทรายที่ว่างเปล่า ค่ำคืนผ่านไปแล้ว ตอนนี้เป็นเวลากลางวัน


 


ความสงสัยของเด็กหนุ่มอยู่ไม่นานเพราะเขาค้นพบข้อมูลบางอย่างที่อยู่ในใจ


 


ข้อมูลนี้ถูกทิ้งไว้โดยผู้ใช้วิญญาณของเผ่า


 


เนื้อหากล่าวว่าเด็กหนุ่มฝ่าฝืนกฎของเผ่าและถูกเนรเทศ แต่เนื่องจากเขายังเด็กและโง่เขลา เขาจึงถูกลงโทษให้อยู่ในทะเลทรายแห่งนี้เพียงสามวัน ตราบเท่าที่เขากลับไปที่เผ่าหลังจากนั้น เขาจะสามารถกลับเข้าสู่เผ่าและอาศัยอยู่ที่นั่นได้อีกครั้ง


 


“บัดซบ!” เด็กหนุ่มสบถสาปแช่ง


 


“ข้ากล่าวเพียงไม่กี่คำแต่พวกเจ้ากลับเนรเทศข้า พวกเจ้าเพิกเฉยต่อชีวิตของเด็กผู้หนึ่งได้อย่างไร!?”


 


“สารเลว! ข้าขอสาปแช่งพวกเจ้า!”


 


เด็กหนุ่มยกนิ้วกลางขึ้นแต่เขาไม่รู้ว่าควรชี้ไปที่ใด


 


ตอนนี้เขาไม่สามารถแยกแยะแม้แต่ทิศทาง เขาไม่รู้ว่าเผ่าของเขาอยู่ที่ใด


 


การค้นพบนี้ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกสิ้นหวัง


 


เขานั่งบนพื้นและกล่าว “ข้าควรทำอย่างไร แม้ข้าจะเป็นผู้ใช้วิญญาณ แต่ข้าไม่มีวิญญาณ น้ำ หรืออาหาร ในเวลากลางคืนโดยปราศจากเสื้อผ้าที่อบอุ่นหรือกระโจมที่ช่วยป้องกันลม ข้าจะแข็งตาย!”


 


“ไม่ ข้าต้องรอด!”


 


“ข้าจะมีชีวิตรอดในโลกที่ถูกสาปใบนี้และหาทางกลับบ้าน!”


 


เด็กหนุ่มกัดฟันแน่น เปลวไฟแห่งการต่อสู้ของเขาลุกไหม้ขึ้นในดวงตา


 


ในเวลาเดียวกันฟางหยวนก็รู้สึกว่าร่างกายของเขาผ่อนคลายลง เขาสามารถขยับแขนและขาของเด็กหนุ่ม


 


‘โอ้ ข้าสามารถควบคุมมันได้แล้ว?’


 


‘ดูเหมือนข้าต้องเข้าแทนที่เด็กผู้นี้และเอาชีวิตรอดในทะเลทรายแห่งนี้’


 


ฟางหยวนเข้าใจทันที


 


เขาต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดในสถานการณ์ที่สิ้นหวังแต่ตอนนี้เขาอยู่ในจุดที่ยากลำบากมาก


 


เหตุผลก็คือเขาไม่มีตัวช่วยใดๆทั้งสิ้น


 


เด็กหนุ่มไม่มีวิญญาณ เขามีพลังวิญญาณเพียงสิบถึงสามสิบส่วน การขอให้เขาอยู่รอดในทะเลทรายถือเป็นเรื่องยากราวกับการปีนป่ายขึ้นสวรรค์


 


‘ตระกูลเนรเทศเขาเพราะต้องการให้เขาตาย ไม่ กล่าวให้ถูกต้องกว่านั้นก็คือพวกเขาไม่สนใจผู้ใช้วิญญาณระดับต่ำเช่นเขา’


 


โดยปกติแล้วผู้ใช้วิญญาณทุกคนมีค่า แต่หลังจากคิดถึงฉากก่อนหน้า ฟางหยวนก็เข้าใจเหตุผล


 


‘เผ่านี้ไม่แข็งแกร่ง พวกเขามีทรัพยากรน้อย ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถเลี้ยงดูเพียงผู้ใช้วิญญาณที่มีพรสวรรค์เท่านั้น’


 


ฟางหยวนเผยรอยยิ้มขมขื่น การค้นพบนี้ไม่มีประโยชน์สำหรับปัญหาที่เขากำลังเผชิญหน้า เมื่อมองไปรอบๆ สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงทะเลทราย ไม่มีต้นไม้แม้แต่ต้นเดียว


 


ท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝัน!


 


ฟางหยวนใช้มันแต่เขาก็ไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงใดๆเกิดขึ้น


 


ไพ่ตายที่ช่วยเหลือเขามาตลอดกลับไม่สามารถใช้งานในอาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์์


 


ฟางหยวนถอนหายใจ ‘ข้าทำได้เพียงทดสอบโชคของตนเองเท่านั้น’


 


เขาเลือกทิศทางและเริ่มเคลื่อนไหว


 


ครึ่งวันต่อมาฟางหยวนยังไม่พบสิ่งใดเลย เขาเสียชีวิตจากความกระหายน้ำ


 


เขาถูกบังคับให้ออกจากอาณาจักรแห่งความฝันและได้รับบาดเจ็บ


 


การสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันล้มเหลว


 


ฟางหยวนรู้สึกเวียนศีรษะอย่างรุนแรง เขารีบใช้วิญญาณความเด็ดเดี่ยวเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของตน


 


‘วิญญาณความเด็ดเดี่ยว!’ ถังฟางหมิงมองเห็นสิ่งนี้และรู้สึกอิจฉา


 


เขาเฝ้าดูขณะที่ฟาหงยวนใช้วิญญาณความเด็ดเดี่ยวรักษาจิตวิญญาณของตนเองอย่างรวดเร็ว


 


วิญญาณความเด็ดเดี่ยวเป็นผู้สนับสนุนที่ดีที่สุดในการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝัน


 


ฟางหยวนเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันอีกครั้ง


 


เขาอยู่กลางทะเลทราย


 


ฟางหยวนถอนหายใจและเลือกทิศทางอื่น


 


หลังจากเดินไปได้หนึ่งวัน เขาก็ยังไม่เห็นสิ่งใด ฟางหยวนรู้สึกเหนื่อยและกระหายน้ำ เขารู้สึกว่าร่างกายมาถึงขีดจำกัดแล้ว


 


‘หากเทพปีศาจปล้นสวรรค์อยู่ในสถานการณ์เดียวกันนี้ เขาไม่มีทางรอด เขาต้องการความช่วยเหลือจากภายนอกหรือการเผชิญหน้าโดยบังเอิญ’


 


‘หมายความว่าทิศทางใดทิศทางหนึ่งจะทำให้เขาพบการเผชิญหน้าโดยบังเอิญ’


 


‘ดูเหมือนมันจะขึ้นอยู่กับโชคของผู้สำรวจ น่าเสียดายที่วิธีการบนเส้นทางแห่งโชคของข้าไม่สามารถใช้งานในอาณาจักรแห่งความฝัน เว้นเพียงข้าจะหลอมรวมเส้นทางแห่งความฝันกับเส้นทางแห่งโชคเข้าด้วยกันเพื่อสร้างท่าไม้ตายอมตะ’


 


ฟางหยวนวิเคราะห์


 


การสำรวจครั้งที่สองของเขายังล้มเหลว


 


หลังจากพักผ่อน เขาเริ่มการทดลองครั้งที่สาม


 


คราวนี้เขาเลือกทิศทางที่ต่างออกไป ไม่นานเขาก็พบหลุมทราย


 


นี่เป็นหลุมทรายดูด ฟางหยวนติดอยูในหลุมทรายและไม่สามารถหลบหนี


 


‘ข้าจะตายอีกครั้งงั้นหรือ?’ ฟางหยวนรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เขาทำได้เพียงเฝ้ามองขณะที่ตนเองถูกทรายดูดลงไป


 


แต่ก่อนที่ทรายจะปกคลุมศีรษะของเขา มันกลับพุ่งขึ้นข้างบนราวกับน้ำพุร้อน


 


ฟางหยวนถูกส่งลอยขึ้นสู่อากาศและตกลงบนพื้นทราย


 


หลุมทรายดูดกลายเป็นรูที่มีลมพัดขึ้นมา


 


“นี่อาจได้ผล!” ฟางหยวนเข้าไปใกล้รูและเห็นปลามีปีกบินออกมา


 


อย่างไรก็ตามแท้จริงแล้วพวกมันไม่ใช่ปลาแต่เป็นวิญญาณลมเย็นระดับมนุษย์


 


ฟางหยวนต้องการจับวิญญาณเหล่านี้แต่พวกมันรวดเร็วมาก


 


ขณะเดียวกันกระแสลมที่พัดขึ้นมาก็พยายามผลักดันฟางหยวนออกไป


 


ความแข็งแกร่งของฟางหยวนต่ำมาก นอกจากนั้นเขายังอดอาหารมานาน เขาไม่สามารถเข้าไปใกล้และจับวิญญาณเหล่านั้น


 


แต่ฟางหยวนไม่ท้อ เขาอดทนรอ


 


ไม่นานหลังจากนั้นโอกาสของเขาก็มาถึง วิญญาณลมเย็นได้รับบาดเจ็บเมื่อพวกมันพุ่งชนกันเองและตกลงบนพื้น


 


ฟางหยวนรีบคว้าวิญญาณดวงนี้เอาไว้


 


แต่ด้วยความตื่นเต้น เขากลับบีบมันจนตาย!


 


ฟางหยวนรู้สึกพูดไม่ออก เขาทำได้เพียงรอต่อไปเท่านั้น


 


ในไม่ช้าโอกาสที่สองก็ปรากฎขึ้น แต่ในจังหวะที่ฟางหยวนกำลังจะคว้ามัน มันกลับบินขึ้นอีกครั้ง


 


ฟางหยวนถอนหายใจแต่ทันใดนั้นเขากลับเกิดแรงบันดาลใจ ‘หากข้าใช้ท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันที่นี่?’


 


เขาทดลองใช้ท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันทันที ในวินาทีต่อมาวิญญาณลมเย็นก็บินเข้ามาหาเขา


 


ฟางหยวนคว้ามันไว้และเริ่มปรับแต่งมัน หลังจากนั้นวิญญาณลมเย็นดวงที่สองที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสก็ร่วงหล่นลงมาอีกครั้ง


 


ฟางหยวนจับมันไว้และปรับแต่งมันเช่นกัน


 


หลังจากชั่วครู่ฟางหยวนก็มีวิญญาณลมเย็นห้าดวงอยู่ในทะเลวิญญาณ


 


“ในที่สุดข้าก็มีเครื่องมือบางอย่าง”


 


แม้ปัญหาการเอาชีวิตรอดจะยังไม่ได้รับการแก้ไข แต่นี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี


 


สิ่งสำคัญที่สุดคือหลุมทรายดูดนี้เป็นสัญญาณว่าฟางหยวนเลือกทิศทางได้ถูกต้องแล้ว


 


และสิ่งที่ช่วยเพิ่มขวัญกำลังใจของเขาก็คือท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันไม่ได้ไร้ประโยชน์ มันสามารถใช้งานได้ในอาณาจักรแห่งความฝันแห่งนี้


 


ฟางหยวนเดินผ่านหลุมทรายดูดและก้าวไปข้างหน้า ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็เห็นโอเอซิสเล็กๆ


 


มีสัตว์อสูรจำนวนหนึ่งอยู่ที่นี่ หัวหน้าของมันยังมีวิญญาณป่าระดับมนุษย์ในการครอบครอง แต่ฟางหยวนยังสามารถใช้วิญญาณลมเย็นเพื่อต่อสู้กับพวกมัน


 


ด้วยการใช้ประโยชน์จากภูมิประเทศและแผนการของฟางหยวน เขาสามารถกำจัดฝูงสัตว์อสูรและกำหราบวิญญาณป่าของหัวหน้าฝูง มันเป็นวิญญาณบนเส้นทางแห่งพิษที่คล้ายแมงป่อง


 


หลังจากการต่อสู้ ฟางหยวนไปถึงบ่อน้ำที่อยู่กลางโอเอซิส แต่เขากลับพบกับความผิดหวังเพราะมันแห้งเหือดไปแล้ว


 


แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา ซากศพสัตว์อสูรเหล่านั้นเป็นเสบียงที่ล้ำค่า


 


ฟางหยวนดื่มเลือดสัตว์อสูรและกินเนื้อของพวกมันเพื่อเติมเต็มความหิวโหย เขาใช้กระเพาะของสัตว์อสูรเก็บเลือดของพวกมันเอาไว้ นอกจากนั้นเขายังใช้ลำไส้ของพวกมันเก็บเศษเนื้อเอาไว้ภายในและผูกมันไว้กับร่างกายของตน


 


ถึงจุดนี้อาณาจักรแห่งความฝันก็เข้าสู่เวลากลางคืน อุณหภูมิในทะเลทรายลดต่ำลง


 


ฟางหยวนไม่รีบร้อนและไม่กังวล


 


เขาถือหนังสัตว์และกระดูกของพวกมันมาที่บ่อน้ำอันแห้งขอด


 


เขาวางกระดูกเป็นโครงสร้างและวางแผ่นหนังปกคลุมเอาไว้ด้านนอก หนังสัตว์เหล่านี้ยังมีชั้นไขมันติดอยู่บ้าง พวกมันสามารถเก็บความร้อนเอาไว้


 


หลังจากจัดเตรียมทุกสิ่ง ฟางหยวนเริ่มสำรวจบ่อน้ำอย่างระมัดระวัง


 


เขาค้นพบสิ่งใหม่ มีรูเล็กๆอยู่ที่นั่น พิจารณาจากขอบรู มันเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นโดยฝีมือมนุษย์


 


หัวใจของฟางหยวนสั่นสะท้านขึ้น เขารีบเข้าไปในรูและเคลื่อนที่ไปตามเส้นทาง หลังจากผ่านไปห้าสิบถึงหกสิบก้าว ฟางหยวนก็พบห้องใต้ดินเล็กๆ


 


มันค่อนข้างเรียบง่ายแต่มีชามที่ทำจากดินรวมถึงน้ำสะสมอยู่ที่นั่น


 


นอกจากนั้นยังมีศพแห้งกรังนอนอยู่บนพื้น


 


“นี่คือการเผชิญหน้าโดยบังเอิญของเทพปีศาจปล้นสวรรค์งั้นหรือ?”


 


ฟางหยวนรู้สึกสนใจ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)