เทพปีศาจหวนคืน 1481-1486
บทที่ 1481 ร่างแยก
ร่างแยกของฟางหยวนก้าวข้ามภัยพิบัติและกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งกาลเวลา ขณะที่ร่างหลักของเขาเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดที่สามารถบ่มเพาะได้ทุกเส้นทาง
การมีร่างแยกจะเป็นประโยชน์มหาศาลต่อฟางหยวนอย่างแน่นอน
ตัวอย่างเช่นฟางหยวนอาจปล่อยให้ร่างแยกจัดการดูแลมิติช่องว่างจักรพรรดิแทนเขา
ตัวเขาเองย่อมมีประโยชน์และเชื่อถือได้มากกว่าสมาชิกนิกายเงาอย่างไม่ต้องสงสัย
หลังจากทั้งหมดพวกเขาเป็นคนๆเดียวกันตั้งแต่เริ่มต้น ความคิดและเจตจำนงของพวกเขาเหมือนกันทั้งหมด มันจะไม่เกิดความขัดแย้งใดๆ เมื่อพวกเขาสื่อสารกัน จะไม่มีข้อผิดพลาดแม้แต่น้อย
เมื่อพิจารณาถึงความแข็งแกร่งของนิกายเงา มันไม่ยากที่จะจินตนาการถึงประโยชน์ของร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณ
สมาชิกของนิกายเงาไม่กลัวการเสียสละ นั่นเป็นเพราะพวกเขาคือคนๆเดียวกันตั้งแต่แรก
ฟางหยวนจ่ายด้วยราคามหาศาลเพื่อทำให้ร่างเดิมของเขากลายเป็นผู้อมตะระดับหก
อันดับแรกการอนุมานต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างมาก การหลอมรวมคู่ขนานวิญญาณกาลเวลายังใช้ทรัพยากรอมตะจำนวนหนึ่ง หลังจากนั้นเมื่อมันประสบความสำเร็จ ฟางหยวนยังต้องฝึกฝน แม้นั่นจะไม่สำคัญนักแต่มันยังใช้เงินทุน
ด้วยการแยกวิญญาณ รากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของฟางหยวนจึงร่วงหล่นลง
ฟางหยวนต้องรวบรวมรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณอีกครั้ง
ร่างแยกของฟางหยวนเป็นกึ่งปีศาจต่างโลก เนื่องจากร่างกายของเขามีต้นกำเนิดจากโลกใบนี้ มันถูกจำกัดโดยโชคชะตา ฟางหยวนไม่สามารถทำสิ่งใดได้มากนัก
เว้นเพียงเขาจะเลียนแบบนิกายเงาและหลอมรวมวิญญาณทารกอมตะขึ้นมาอีกครั้ง แต่นิกายเงาใช้เวลาหนึ่งแสนปีเพื่อหลอมรวมสิ่งนี้ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะสร้างวิญญาณทารกอมตะขึ้นมาเป็นครั้งที่สอง
วันต่อมาร่างหลักของฟางหยวนสามารถพักผ่อนขณะที่ร่างแยกของเขาใช้ค่ายกลวิญญาณชำระล้างตัวเองเพื่อกำจัดร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่ไม่พึงประสงค์ออกไป
เดิมทีฟางหยวนก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะในฐานะผู้อมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่ง หลังจากกลายเป็นผีดิบอมตะและมิติช่องว่างแตกสลาย ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางความแข็งแกร่งที่ถูกทิ้งไว้ย้ายไปอยู่บนร่างกายของเขา
ฟางหยวนตัดสินใจกำจัดร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางความแข็งแกร่งทั้งหมดออกไป
ร่างแยกของเขาไม่เหมือนร่างทารกอมตะ ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่แตกต่างกันจะเกิดการต่อต้านกัน หลังจากพิจารณาอย่างรอบอคอบ ฟางหยวนต้องการให้ร่างแยกบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาอย่างเต็มที่
ก่อนหน้านี้ฟางหยวนเคยคิดที่จะบ่มเพาะบนเส้นทางสองสายคือความแข็งแกร่งและกาลเวลา
แต่ตอนนี้เขามีร่างทารกอมตะและสามารถบ่มเพาะได้ทุกเส้นทาง ขณะที่ร่างแยกเป็นเพียงส่วนสนับสนุนเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้แผนการสร้างมิติช่องว่างที่สองจึงถูกยกเลิกไปเช่นกัน
มิติช่องว่างสองช่องไม่มีประโยชน์สำหรับฟางหยวนในเวลานี้
แทนที่จะพัฒนามิติช่องว่างเหล่านั้น เขาเลือกที่จะทุ่มเทความพยายามทั้งหมดกับมิติช่องว่างจักรพรรดิ
‘บางทีข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของการมีมิติช่องว่างที่สองก็คือการครอบครองวิญญาณหลักดวงที่สอง’ ฟางหยวนคิด
ข้อดีของวิญญาณหลักก็คือมันจะไม่ถูกทำลายหากการหลอมรวมล้มเหลว
ชีวิตของวิญญาณหลักเชื่อมโยงกับชีวิตของผู้อมตะ
หากผู้อมตะตาย วิญญาณหลักของพวกเขาจะตายไปพร้อมกัน
ปัจจุบันฟางหยวนไม่มีความจำเป็นที่จะใช้ข้อได้เปรียบของวิญญาณหลัก
ท่ามกลางวิญญาณทั้งหมด วิญญาณกาลเวลาเป็นวิญญาณหลักเพียงดวงเดียวของเขา
ด้ายการคงอยู่ของร่างแยก มันจะรับประกันชีวิตของวิญญาณกาลเวลา วิญญาณดวงนี้จะไม่ถูกทำลายหากการยกระดับล้มเหลวในอนาคต
“ตื่นแล้วงั้นหรือ?” ฟางหยวนมองผมที่หก
ผมที่หกเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างช้าๆ เขายังรู้สึกอ่อนเพลีย หลังจากเห็นฟางหยวน เขาเร่งถาม “ท่านผู้นำ การหลอมรวมประสบความสำเร็จหรือไม่?”
“แน่นอน” ฟางหยวนพยักหน้า
“ยอดเยี่ยม” ผมที่หกยิ้มและกล่าว “นั่นหมายความว่าการหลอมรวมวิญญาณรอบที่สองของพวกเราสมบูรณ์แบบแล้ว”
การหลอมรวมรอบแรกของฟางหยวนคือการหลอมรวมวิญญาณล้างใจ วิญญาณรักตัวเอง และวิญญาณอาหารว่าง การหลอมรวมรอบที่สองคือการหลอมรวมวิญญาณความลับสวรรค์ และวิญญาณกาลเวลา
ฟางหยวนจ่ายราคามหาศาลเพื่อหลอมรวมวิญญาณอมตะเหล่านี้ โดยรวมถือว่าโชคของเขาดีมาก บางคนหลอมรวมมากกว่าร้อยครั้งก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ
แน่นอนว่าวิธีการบนเส้นทางแห่งโชคช่วยฟางหยวนได้มาก ในทางกลับกันนิกายหลางหยาก็มีบทบาทสำคัญ หากไม่ใช่เพราะจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาและผมที่หกช่วยหลอมรวมพวกมัน ฟางหยวนจะได้รับวิญญาณอมตะเหล่านี้มาโดยง่ายได้อย่างไร
“รอยสักรูปอสรพิษสีแดงบนร่างของเจ้าคือสิ่งใด?” ฟางหยวนถาม
“นี่…มันไม่ใช่สิ่งใด” ผมที่หกกระพริบตา
“ขณะที่เจ้าหมดสติ ข้าตรวจสอบมันแล้ว ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมนี้ดูเหมือนจะใช้พลังชีวิตของเจ้าเป็นเชื่อเพลิงเพื่อเพิ่มความสามารถบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมให้เจ้า หากข้าจำไม่ผิด เมื่อรอยสักรูปอสรพิษแดงเคลื่อนที่ไปถึงศีรษะ เจ้าจะตาย” ฟางหยวนกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
ผมที่หกเงียบไปชั่วขณะก่อนจะเปิดปากกล่าว “ท่านผู้นำกล่าวได้ถูกต้องแล้ว ชีวิตของข้าไม่สำคัญ ข้าเพียงหวังว่าท่านจะสามารถบุกวังสวรรค์และช่วยร่างหลักของข้า”
“วังสวรรค์…” ฟางหยวนถอนหายใจและมองขึ้นไปบนท้องฟ้า
ผมที่หกกล่าวเสริม “ท่านผู้นำอย่าได้ท้อแท้ ศัตรูแข็งแกร่ง แต่ท่านได้รับวิญญาณกาลเวลาแล้ว หลังจากนี้ท่านจะได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง มรดกของเขาน่าจะมีวิธีกเอาชนะวังสวรรค์ หลังจากทั้งหมดเขาเป็นเมล็ดพันธุ์ที่วังสวรรค์เคยเลือกไว้”
ฟางหยวนพยักหน้า เขาเข้าใจความหมายของผมที่หก มันเป็นเรื่องยากที่เขาจะหยุดวังสวรรค์จากการฟื้นฟูวิญญาณชะตากรรมภายในเวลาสิบปี แต่มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงยังมีความหวังอยู่เล็กน้อย
เนื่องจากวิญญาณกาลเวลากลายเป็นของฟางหยวนโดยสมบูรณ์แล้ว ขั้นตอนต่อไปในแผนการของเขาก็คือการค้นหามรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง
แต่ฟางหยวนส่ายศีรษะ “ข้ายังไม่รีบร้อนค้นหามรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง วังสวรรค์จะไม่อนุญาตให้ข้าได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงโดยง่าย พวกเขาต้องวางกับดักไว้ในสายธารแห่งกาลเวลา ตอนนี้ข้าต้องเพิ่มความแข็งแกร่งเป็นอันดับแรก”
แม้วังสวรรค์จะไม่พบฟางหยวน แต่พวกเขารู้ว่าวันหนึ่งฟางหยวนจะไปที่สายธารแห่งกาลเวลาเพื่อตามหามรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง
โดยไม่จำเป็นต้องคิดมาก วังสวรรค์ต้องซุ่มโจมตีเขาอย่างแน่นอน
เขาต้องมีพลังการต่อสู้มากพอที่จะต่อต้านการซุ่มโจมตีของวังสวรรค์
“บอกข้าทุกสิ่งเกี่ยวกับท่าไม้ตายอสรพิษแดงของเจ้า ข้าจะช่วยแก้ปัญหาให้เจ้า”
“ผมที่หก อย่าเสียสละตัวเองโดยไม่จำเป็น ในอนาคตข้าต้องการให้เจ้าควบคุมนิกายหยางหลา”
หัวใจของผมที่หกเต้นแรง เขามีความคิดแบบเดียวกัน แม้เขาจะไม่สามารถแก้ปัญหา แต่มันไม่ได้หมายความว่าฟางหยวนไม่สามารถ
โดยเฉพาะเมื่อเขามีแสงแห่งปัญญา
หลังจากเก็บร่างแยกไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ ฟางหยวนกลับไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาพร้อมผมที่หก
พวกเขาอยู่ภายใต้การเฝ้ามองของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา ดังนั้นฟางหยวนกับผมที่หกจึงไม่สามารถพูดคุยและทำได้เพียงแยกย้ายกันไปเท่านั้น
ฟางหยวนไม่ได้กลับไปที่เมืองเมฆาแต่ไปหาวิญญาณสติปัญญา
เขานำร่างแยกออกมา
ร่างแยกของเขาเป็นร่างที่มีชีวิต แน่นอนว่าวิญญาณสติปัญญาไม่ตอบสนอง
แต่ไม่นานหลังจากร่างแยกกลายเป็นผีดิบอมตะอีกครั้ง วิญญาณสติปัญญาก็บินไปรอบตัวเขาด้วยความไม่แน่ใจ
หัวใจของฟางหยวนเต้นแรง
หลังจากบินวนอยู่หลายรอบ มันก็ยังไม่ปล่อยแสงแห่งปัญญาออกมา
ร่างแยกของฟางหยวนกล่าว “โอ้ วิญญาณสติปัญญา ข้าทำข้อตกลงกับเจ้า แต่เจ้ากลับลืมข้อตกลงของเรางั้นหรือ?”
วิญญาณสติปัญญาลอยอยู่ด้านหน้าร่างแยกของฟางหยวนและกำลังประเมินเขา
หลังจากชั่วครู่มันก็บินกลับไปที่ต้นไม้และปล่อยแสงแห่งปัญญาออกมา
ในที่สุดฟางหยวนก็สามารถถอนหายใจด้วยความโล่งอก
วิญญาณสติปัญญาเกือบจะไม่ยอมรับตัวตนของฟางหยวน มันช่วยไม่ได้ที่ฟางหยวนจะรู้สึกกังวล
‘ข้ากลายเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาขณะที่ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางความแข็งแกร่งถูกลบออกไป นี่ทำให้วิญญาณสติปัญญาลังเลใจ’
‘ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ข้าก็ต้องระวังในอนาคต แม้ระดับการบ่มเพาะของร่างแยกจะหยุดนิ่ง ข้าก็จำเป็นต้องปล่อยมันไป ข้าไม่สามารถสูญเสียแสงแห่งปัญญา!’
การแสดงออกของฟางหยวนค่อนข้างมืดมน วิญญาณสติปัญญาในตำนานมนุษย์คนแรกฉลาดมาก มันสามารถหลอกลวงมนุษย์คนแรกได้หลายครั้ง แต่เหตุใดวิญญาณสติปัญญาดวงนี้ถึงโง่นัก มันไม่ได้แสดงความเฉลียวฉลาดในฐานะวิญญาณสติปัญญาออกมาแม้แต่น้อย
หรืออาจเป็นเพราะเรื่องราวในตำนานมีเบื้องหลังหรือเหตุผลอื่นซ่อนอยู่?
บทที่ 1482 ปลามังกรเหล็กไหล
ปัญหาของผมที่หกยากกว่าการคาดหมายของฟางหยวน
ท่าไม้ตายอสรพิษแดงของผมที่หก มันไม่เพียงเป็นท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม แต่มันยังเกี่ยวข้องกับเส้นทางแห่งกฎ
ผมที่หกสร้างท่าไม้ตายนี้ขึ้นมาโดยอ้างอิงจากวิธีบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมที่ไม่สมบูรณ์จากคลังสมบัติของนิกายหลางหยา
ฟางหยวนอนุมานและตระหนักว่ามันไม่ง่ายที่จะแก้ไข หากประมาทเพียงเล็กน้อย ผมที่หกอาจเสียชีวิตทันที
ดังนั้นฟางหยวนจึงเปลี่ยนกลยุทธ์โดยการชะลอความเร็วลง
‘หากระดับความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของข้าสูงกว่านี้ ข้าจะใช้เวลาน้อยลงอย่างมากในการอนุมาน’
ฟางหยวนไม่หมกมุ่นอยู่กับปัญหานี้
แต่ผมที่หกก็ไม่รีบร้อน
ตราบเท่าที่เขาไม่ใช้ท่าไม้ตายนี้อีก เขาจะไม่เสียชีวิต
ฟางหยวนยังบ่มเพาะจิตวิญญาณของเขาต่อไป
ภูเขาตงฮันและหุบเขาเหล่าโปเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพสำหรับการบ่มเพาะจิตวิญญาณอย่างแท้จริง รากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของร่างหลักฟางหยวนเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
ร่างแยกของเขาไม่ได้บ่มเพาะสิ่งนี้
เหตุผลก็คือร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่ขัดแย้งกัน
หากรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของร่างแยกเพิ่มขึ้น มันอาจขัดขวางการบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งกาลเวลา
ดังนั้นฟางหยวนจึงไม่ได้มอบอาภรณ์วิญญาณให้กับร่างแยก
สำหรับวิธีการป้องกันเจตจำนงสวรรค์ ฟางหยวนใช้วิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลา แม้ผลลัพธ์ของมันจะด้อยกว่าอาภรณ์วิญญาณ แต่วิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเหมาะสมกับร่างแยกของเขามากกว่า มีข้อดีมากกว่าข้อเสีย
อย่างไรก็ตามแม้ร่างหลักของฟางหยวนจะสามารถบ่มเพาะได้ทุกเส้นทาง แต่ในสถานการณ์พิเศษบางอย่าง เขายังต้องระวังความแตกต่างของท่าไม้ตาย ตัวอย่างเช่น ท่าไม้ตายอมตะอาภรณ์วิญญาณอ่อนแอลงเนื่องจากท่าไม้ตายอมตะผนึกภูตผี
นอกเหนือจากการอนุมานวิธีแก้ปัญหาของผมที่หกและท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเพื่อปกป้องร่างแยกของฟางหยวนจากเจตจำนงสวรรค์ ฟางหยวนยังต้องดัดแปลงท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งโชคของเขาอีกด้วย
เส้นทางแห่งปัญญา เส้นทางแห่งดาบ และเส้นทางแห่งจิตวิญญาณถูกพัฒนาจนถึงขีดจำกัดในปัจจุบันของเขาแล้ว ต่อไปคือเส้นทางแห่งโชค
ฟางหยวนมีมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งโชคที่มีประโยชน์มากมาย ท่ามกลางมรดกเหล่านี้ สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือโชคของตนเองและโชคของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดของเทพอมตะตะวันเดือด
ฟางหยวนมีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งโชคมากมายเช่นวิญญาณโชคอึสุนัข วิญญาณสัมผัสแห่งโชค วิญญาณเชื่อมโยงโชค และวิญญาณช่วงเวลาแห่งโชค แต่พวกมันล้วนเป็นวิญญาณอมตะระดับหกที่ไม่เหมาะสมกับการบ่มเพาะระดับเจ็ดของฟางหยวนในปัจจุบัน
เขาไม่มีความคิดที่จะยกระดับวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งโชคสำหรับตอนนี้ สิ่งที่เขาสนใจมีเพียงการยกระดับวิญญาณกาลเวลา
วิญญาณกาลเวลาใช้ได้กับผู้อมตะระดับหก ฟางหยวนเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด เขาต้องใช้วิญญาณกาลเวลาระดับเจ็ด หรือใช้วิญญาณกาลเวลาเป็นแกนกลางของท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ด
ตอนนี้เขาอยู่ในขั้นตอนรวบรวมวัสดุในการหลอมรวมวิญญาณที่จำเป็น
ฟางหยวนไม่ลืมที่จะฝึกฝนท่าไม้ตายของเขาอย่างสม่ำเสมอ
เขารู้ว่าตนเองต้องทำงานหนักในช่วงเวลาที่สงบสุข เมื่อถึงเวลาที่เขาต้องต่อสู้ ท่าไม้ตายเหล่านี้จะสามารถใช้งานได้ด้วยสัญชาตญาณของเขา
ท่ามกลางท่าไม้ตายที่เขาฝึกฝน เขาให้ความสำคัญกับท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาเผยความลับสวรรค์มากที่สุด
ท่าไม้ตายนี้ใช้วิญญาณความลับสวรรค์เป็นแกนกลาง มันสามารถอนุมานภัยพิบัติที่กำลังจะมาถึง แน่นอนว่ามันมีขีดจำกัด ฟางหยวนยังไม่สามารถอนุมานภัยพิบัติใหญ่ได้ทันที เขาต้องรออีกระยะหนึ่ง
นอกจากท่าไม้ตายอมตะเผยความลับสวรรค์ ฟางหยวนยังฝึกท่าไม้ตายอมตะสลายเจตจำนงสวรรค์เช่นกัน
ท่าไม้ตายนี้เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของฟางหยวนในช่วงเวลานี้
การสลายเจตจำนงสวรรค์เป็นมาตรการตอบโต้เจตจำนงสวรรค์โดยตรงแต่ว่ามันจะต้องใช้เวลาเตรียมตัวและไม่สามารถใช้ระหว่างการต่อสู้ก็ตา
จนถึงตอนนี้ลูกพลัมแดงอมตะของเขาถูกใช้ไปแทบหมดสิ้น
เช่นเดียวกับคลังเก็บหินวิญญาณอมตะของเขาที่แห้งเหือดไปแล้ว
สมาชิกนิกายเงาต่างมีพัฒนาการที่ดี ด้วยการพึ่งพาไท่ชิว พวกเขาสามารถรวบรวมทรัพยากรและเติมเต็มคลังสมบัติของตนเอง
ฟางหยวนต้องการเพียงวิญญาณหรือสัตว์อสูรที่เป็นเป้าหมายในภารกิจเท่านั้น
เขาไม่ได้ฉกชิงผลประโยชน์ของสมาชิกนิกายเงา ด้านหนึ่งเขาไม่สนใจเงินจำนวนเล็กน้อยเหล่านั้น ในทางกลับกันเขาต้องการรักษากฎของนิกายเงา ในสถานการณ์ฉุกเฉินฟางหยวนจะสามารถหยิบยืมทรัพยากรจากพวกเขา
แต่หากเขาลงมืออย่างไร้ยางอายในเวลานี้ เขาจะทำลายสมดุลและการเติบโตของนิกายเงา ผลเสียมากกว่าผลดี ดังนั้นเขาจึงไม่เลือกวิธีนี้
นอกเหนือจากการฝึกฝน ฟางหยวนยังเริ่มวางแผน
เขามีความสัมพันธ์บางอย่างกับทั้งห้าภูมิภาคไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แม้เขาจะถูกประกาศจับโดยกองกำลังฝ่ายธรรมะของภาคเหนือรวมถึงถ้ำสวรรค์นิรันดร แต่เขายังเป็นสมาชิกของพันธมิตรเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์
ปัญหาตอนนี้ของเขาคือเงินทุน
การหลอมรวมวิญญาณ การบ่มเพาะ หรือการฝึกฝนท่าไม้ตายอย่างต่อเนื่อง พวกมันทำให้เงินทุนของเขาหมดลง แม้มิติช่องว่างจักรพรรดิจะผลิตลูกพลัมแดงอมตะออกมามากมาย แต่ความก้าวหน้าของฟางหยวนรวดเร็วเกินไป รายรับของเขาไม่เพียงพอต่อร่ายจ่าย
วิธีแก้ปัญหาของฟางหยวนมีเพียงธุรกิจปลามังกร
แต่ไม่นานมานี้โหยว่ชานเริ่มวางขายปลามังกรทองแดงเช่นกัน นั่นทำให้ฟางหยวนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามฟางหยวนสามารถยอมรับความจริง
ปลามังกรแตกต่างจากวิญญาณความเด็ดเดี่ยว คู่แข่งสามารถอนุมานและผลิตสินค้าลอกเลียนแบบ
นี่เหมือนวิธีที่ฟางหยวนดัดแปลงราเรืองแสง
เขาสามารถทำได้ แล้วเหตุใดผู้อื่นจะไม่สามารถ
มันไม่เหมือนธุรกิจวิญญาณความเด็ดเดี่ยวที่ไม่มีผู้ใดสามารถผลิตได้ มันเป็นธุรกิจผูกขาดที่ผู้อมตะทุกคนต่างเฝ้าฝันถึงอย่างแท้จริง
หลายวันผ่านไป
ท่าไม้ตายอมตะหนึ่งปีเคลื่อนผ่านราวกับหนึ่งวัน!
สาขาของสายธารแห่งกาลเวลาในมิติช่องว่างจักรพรรดิไหลเร็วขึ้น
ปกติเวลาในมิติช่องว่างจักรพรรดิก็ไหลเร็วอยู่แล้ว แต่หลังจากใช้ท่าไม้ตายนี้ มันยิ่งเร็วขึ้นไปอีก
ด้วยวิธีนี้ภัยพิบัติจะมาถึงเร็วขึ้นเช่นกัน
แต่ฟางหยวนไม่กลัว
เขาไม่หวั่นไหวกับภัยพิบัติพิภพหรือภัยพิบัติสวรรค์ สำหรับภัยพิบัติใหญ่ เขามีท่าไม้ตายอมตะเผยความลับสวรรค์ แล้วเขายังต้องกลัวสิ่งใด?
ความเร็วที่เพิ่มขึ้นนำไปสู่ผลผลิตที่เพิ่มขึ้น
โดยเฉพาะปลามังกร
ในทะเลเกล็ดมังกรมีปลามังกรจำนวนมากว่ายน้ำอยู่รอบๆ ส่วนใหญ่เป็นปลามังกรธรรมดาสีแดง อีกสามสิบส่วนเป็นปลามังกรทองแดง และมีอีกส่วนหนึ่งที่เป็นปลามังกรสีดำ
“นี่คือปลามังกรเหล็กไหลของข้า” ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบาง
ด้วยค่ายกลวิญญาณขนาดใหญ่ เขาไม่จำเป็นต้องทำวิจัยปลามังกรเพิ่มเติม ปลามังกรจะเกิดการกลายพันธุ์ด้วยตัวของมันเอง
“หลังจากข้าวางขายปลามังกรเหล็กไหล ข้าสงสัยว่าโหยว่ชานจะตอบสนองอย่างไร?”
บทที่ 1483 ปลามังกรเงิน
“ปลามังกรเหล็กไหล…” โหยว่ชานสูดหายใจลึก นางต้องการสงบจิตใจลงแต่นางไม่สามารถทำได้
สายตาของนางสั่นไหว การแสดงออกของนางกลายเป็นงุนงง
ฟางหยวนวางขายปลามังกรเหล็กไหลและทำให้เกิดความโกลาหลเล็กน้อยในสวรรค์สีเหลือง
ตลาดปลามังกรใหญ่มาก มีผู้อมตะมากมายพยายามดัดแปลงปลามังกร แต่ทุกคนจบลงด้วยความล้มเหลว
นี่เป็นเพราะไม่เคยปรากฏวิธีบนเส้นทางอาหารที่มีประสิทธิภาพสูงในประวัติศาสตร์มาก่อน
แต่คราวนี้ฟางหยวนกลับสามารถดัดแปลงปลามังกรได้ถึงสองครั้ง
ผู้อมตะล้วนเป็นตัวตนที่มีสติปัญญาสูง พวกเขาเข้าใจเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังการดัดแปลงนี้ มีแนวโน้มสูงมากที่ฟางหยวนจะมีมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางอาหารหรือมีความสำเร็จบนเส้นทางอาหารที่สูงมาก
คนอื่นๆเข้าใจสิ่งนี้ โหยว่ชานก็เช่นกัน
นั่นเป็นสาเหตุที่นางรู้สึกถึงภัยคุกคามและทำให้จิตใจของนางปั่นป่วน
ปลามังกรเหล็กไหลตัวเล็กๆอาจดูธรรมดาแต่มันเหมือนภูเขาขนาดใหญ่ที่กดทับลงมาและทำให้นางรู้สึกหายใจไม่ออก
“ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ยอมแพ้ไม่ได้!”
“แต่การดัดแปลงปลามังกรทองแดงครั้งก่อนใช้รากฐานของข้าไปหมดแล้ว ในช่วงเวลาสั้นๆ ข้าไม่สามารถดัดแปลงปลามังกรเหล็กไหล”
“ข้าควรทำอย่างไร?”
โหยว่ชานรู้ขีดจำกัดของตนเอง นางตระหนักว่านางไม่สมารถจัดการฟางหยวนได้เพียงลำพัง
ในไม่ช้าร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในใจของนาง
“อย่าบอกว่าข้าต้องขอความช่วยเหลือจากนาง?” โหยว่ชานลังเลขณะที่ดวงตาของนางกลายเป็นมืดครึ้ม
หลายวันต่อมา บริเวณทะเลกระเรียนขาว
ผิวทะเลสงบนิ่งราวกับกระจกและสามารถมองเห็นเส้นขอบฟ้าได้อย่างชัดเจน มีนกกระเรียนขาวจำนวนมากบินไปมาหรือพักผ่อนอยู่บนเกาะเล็กๆ
มันเป็นฉากที่สงบสุข
ที่เกาะกลางทะเล เจ้าของสถานที่แห่งนี้กำลังหัวเราะเสียงดัง
“ฮ่าฮ่าฮ่า โหยว่ชาน โอ้ โหยว่ชาน ในที่สุดเจ้าก็มา” ฉินไป่อี้มองเทพธิดาโหยว่ชานและหัวเราะอย่างมีความสุข
โหยว่ชานก่นเสียงเย็น นางรู้สึกไม่มีความสุข
ฉินไป่อี้เป็นเจ้าของทะเลกระเรียนขาว นางเป็นหนึ่งในหกเทพธิดาที่งดงามที่สุดของทะเลตะวันออกเช่นเดียวกับโหยว่ชาน
อย่างไรก็ตามแตกต่างจากเทพธิดาคนอื่นๆ ฉินไป่อี้ไม่ชอบผู้ชาย นางชอบผู้หญิง!
นางมีคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับหกอยู่ในทะเลกระเรียนขาว มันเรียกว่าวังไป่อี้ มีนางบำเรอมากมายอาศัยอยู่ภายใน แน่นอนว่ามีกิจกรรมที่ไม่สามารถบรรยายได้เกิดขึ้นที่นั่น
ฉินไป่อี้เดินเข้าไปจับมือโหยว่ชานด้วยท่าทีผ่อนคลายและกล่าว “โหยว่ชาน เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าต้องการเจ้ามากเพียงใด? ข้าต้องการเจ้ามากที่สุด! ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเจ้าจะเป็นจักรพรรดินีของวังไป่อี้!”
“ฮืม!” โหยว่ชานต้องการดึงมือออกแต่ฉินไป่อี้ไม่ยอม
โหยว่ชานแสดงออกอย่างเย็นชา นางสูดหายใจก่อนกล่าว “ปล่อย”
ฉินไป่อี้ปล่อยมืออย่างเชื่อฟัง ทั้งสองมีข้อตกลงกันอยู่แล้ว นางรู้ว่าโหยว่ชานเป็นของนางแล้วและไม่สามารถหลบหนี ไม่จำเป็นต้องบังคับนางในตอนนี้ นางมีเวลาและพลังงานมากมายที่จะลิ้มรสโหยว่ชานอย่างช้าๆ
หลังจากฉินไป่อี้ปล่อยมือ โหยว่ชานถอยกลับไปสองก้าว “ฉินไป่อี้ อย่าลืมสิ่งที่เจ้าสัญญากับข้าไว้”
ฉินไป่อี้หัวเราะคิกคัก “แน่นอนว่าเราทั้งคู่ไม่สามารถแก้ปัญหาปลามังกรเหล็กไหลเพียงลำพังได้ในระยะสั้น แต่ตราบเท่าที่เราทำงานร่วมกัน เราจะสามารถแก้ปัญหานี้ได้อย่างแน่นอน! คนที่พยายามท้าทายเจ้าจะมีความสุขได้ไม่นาน!”
โหยว่ชานพยักหน้าเล็กน้อย
ฉินไป่อี้ไม่ได้กล่าวเรื่องไร้สาระ โหยว่ชานรู้จักหญิงผู้นี้มานานหลายปี พวกนางต่างรู้จักรากฐานของกันและกัน
โหยว่ชานอยู่ในวังไป่อี้และร่วมมือกับฉินไป่อี้แก้ปัญหาปลามังกร
โหยว่ชานต้องทุ่มเทความพยายามทั้งหมด
เพราะแหล่งรายได้หลักของนางคือธุรกิจปลามังกร นางไม่สามารถยอมแพ้ มิฉะนั้นมันจะส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะของนางเป็นอย่างมาก
เมื่อผู้อมตะบ่มเพาะ พวกเขาจำเป็นต้องแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากไม่แล้ว พวกเขาจะตกอยู่ในอันตรายจากภัยพิบัติ
แม้พวกเขาจะไม่ตายจากภัยพิบัติ แต่ตราบเท่าที่พวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส มันจะกลายเป็นวงจรอุบาทว์และทำให้พวกเขาอ่อนแอลงเรื่อยๆ ในที่สุดพวกเขาจะตายจากภัยพิบัติในอนาคต
สิบวันต่อมา ปลามังกรเหล็กไหลก็ปรากฎขึ้นในวังไป่อี้
เห็นปลามังกรตัวนี้ โหยว่ชานแทบไม่สามารถกลั้นน้ำตาแห่งความปิติยินดี
เนื่องจากปลามังกรเหล็กไหลตัวนี้ไม่ได้มาจากสวรรค์สีเหลือง มันถูกเพาะพันธุ์ขึ้นมาด้วยความร่วมมือระหว่างฉินไป่อี้และโหยว่ชาน
ปลามังกรเหล็กไหลตัวนี้หมายความว่าโหยว่ชานมีวิธีเพาะเลี้ยงมันอยู่ในมือแล้ว
“ข้ายังไม่แพ้ในศึกปลามังกรครั้งนี้!” โหยว่ชานให้กำลังใจตัวเอง
“อืม เจ้าไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ โหยว่ชาน รู้หรือไม่ว่าเจ้างดงามที่สุดเมื่อเจ้าจริงจัง” ฉินไป่อี้มองโหยว่ชานด้วยสายตาหลงใหล
ความสุขของโหยว่ชานจางหายไปจากใบหน้าและกล่าวอย่างเย็นชา “เราจะประมาทไม่ได้ ฝ่ายตรงข้ามลึกลับมาก เขาสร้างปลามังกรทองแดงและปลามังกรเหล็กไหล เขามีรากฐานบนเส้นทางอาหาร ตอนนี้เราพึ่งก้าวเข้าสู่ระดับเดียวกับเขา”
“ข้าเข้าใจความหมายของเจ้า เจ้าเกรงว่าอีกฝ่ายจะนำปลามังกรที่ยอดเยี่ยมกว่าออกมาอีกถูกต้องหรือไม่?” ฉินไป่อี้กล่าวอย่างจริงจัง
ความกังวลของพวกนางเป็นจริงในอีกไม่กี่วันต่อมา
ปลามังกรเงิน!
การโจมตีครั้งที่สามของฟางหยวน
ปลามังกรเงินมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางอาหารมากกว่าปลามังกรเหล็กไหล
คราวนี้มันสร้างความโกลาหลครั้งใหญ่ขึ้นในสวรรค์สีเหลือง
ผู้อมตะหลายคนเริ่มตรวจสอบฟางหยวนอย่างเต็มกำลัง
แน่นอนว่าพวกเขาไม่พบสิ่งใดเลย
การปรากฏตัวของปลามังกรเงินราวกับการระเบิดครั้งใหญ่ต่อฉินไป่อี้และโหยว่ชาน
สองหญิงงามแห่งทะเลตะวันออกตกตะลึง
หลังจากค้นคว้า ความเหนือกว่าของปลามังกรเงินทำให้พวกนางรู้สึกกดดันมาก พวกนางพยายามเพาะเลี้ยงปลามังกรเหล็กไหลด้วยความยากลำบาก สำหรับปลามังกรเงิน พวกนางอาจต้องทำงานหนักอีกหลายปีเพื่อสร้างมันขึ้นมา
โหยว่ชานและฉินไป่อี้ไม่สามารถทุ่มเทพลังงานทั้งหมดเพื่อปลามังกรเงิน พวกนางต้องบ่มเพาะ ฝึกฝน จัดการมิติช่องว่าง และอื่นๆอีกมากมาย
หลังจากทั้งหมดปลามังกรเงินมีความยากในการอนุมานสูงกว่าปลามังกรเหล็กไหลมาก
“จบแล้ว ข้าไม่สามารถแข่งขันกับเขาได้อีกต่อไป ข้าทำได้เพียงเลิกทำธุรกิจปลามังกรเท่านั้น” กระทั่งโหยว่ชานที่แน่วแน่ยังสูญสิ้นความหวังไปอย่างสมบูรณ์
โหยว่ชานมองไม่เห็นความหวังที่จะได้รับชัยชนะ
ฉินไป่อี้กัดริมฝีปากจนเลือดออก นางรู้สึกไม่มีความสุขอย่างมากที่นางไม่สามารถช่วยเหลือคนที่นางรัก
แต่ในขณะที่หญิงทั้งสองกำลังสิ้นหวัง กองกำลังที่ไม่คาดถึงกลับเข้าแทรกแซง
มันไม่ใช่ผู้ใดนอกจากวังสวรรค์!
ปรากฏว่าวังสวรรค์ยังไม่ละทิ้งการค้นหาและฆ่าฟางหยวน
แม้พวกเขาจะไม่พบฟางหยวน แต่เทพธิดาจื่อเว่ยของวังสวรรค์ก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์
ขณะที่ฟางหยวนขายปลามังกรทองแดง ความสนใจของนางถูกดึงดูดไปที่นั่น
เมื่อฟางหยวนขายปลามังกรเหล็กไหลและปลามังกรเงินในสวรรค์สีเหลือง เทพธิดาจื่อเว่ยยิ่งสนใจมากขึ้น
แม้นางจะไม่แน่ใจว่าผู้ขายคือฟางหยวน แต่นางก็ไม่ประมาท
‘เทพปีศาจจิตวิญญาณมีมรดกบนเส้นทางอาหารที่ดีที่สุด ฟางหยวนเป็นผู้นำคนใหม่ของนิกายเงา นั่นหมายความว่าเขาย่อมได้รับมรดกบนเส้นทางอาหารเช่นกัน’
‘ปลามังกรเป็นผลผลิตที่โดดเด่นที่สุดบนเส้นทางอาหาร สายพันธุ์ของมันไม่เคยเปลี่ยนแปลงมานานหลายปี ผู้อมตะที่สามารถดัดแปลงสายพันธุ์ของปลามังกรได้ซ้ำแล้วซ้ำอีกมีโอกาสจะเป็นฟางหยวน’
เทพธิดาจื่อเว่ยรู้ว่าเทพปีศาจจิตวิญญาณไม่สนใจธุรกิจเล็กๆน้อยๆเช่นนี้ ด้วยบุคลิกของเขา เขาไม่ชอบจัดการธุรกิจ เขาใช้การฆ่าเพื่อแก้ปัญหาเท่านั้น นี่เป็นสิ่งที่แตกต่างจากฟางหยวน
ยิ่งนางเรียนรู้เกี่ยวกับฟางหยวนมากเท่าใด นางก็ยิ่งสนใจเขามากเท่านั้น
ปีศาจต่างโลกมีทั้งสมองและความแข็งแกร่ง เขาสามารถลดสถานะของตนเองได้ในสถานการณ์ที่จำเป็น หากมีเวลาเพียงพอ เขาจะกลายเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่
ดังนั้นเทพธิดาจื่อเว่ยจึงไม่ลังเล นางเข้าแทรกแซงและช่วยเหลือโหยว่ชานกับฉินไป่อี้ทันที
การช่วยคนทั้งสองจะทำให้นางสามารถเข้าแทรกแซงทะเลตะวันออก ในสงครามห้าภูมิภาคในอนาคต นี่จะเป็นไพ่ที่ซ่อนอยู่ของนาง มันคือการยิงนกครั้งเดียวได้นกสองตัว
ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาชำนาญในการแสวงหาผลประโยชน์เสมอ
วังสวรรค์มั่งคั่งมาก รากฐานของพวกเขาลึกเกินหยั่งถึง แม้แต่เส้นทางอาหาร พวกเขาก็มีรากฐานที่แข็งแกร่ง แม้พวกเขาจะขาดมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางอาหาร แต่พวกเขายังมีมรดกอื่นๆอีกมากมาย
หลังจากได้รับความช่วยเหลือจากวังสวรรค์ โหยว่ชานและฉินไป่อี้ก็มีกำลังใจมากขึ้น พวกนางทำงานเป็นเวลาหลายสิบวันโดยไม่พักผ่อน
ด้วยวิธีนี้โหยว่ชานจึงสามารถผลิตปลามังกรเงินได้เช่นกัน
สิ่งนี้ไม่เป็นไปตามความคาดหวังของฟางหยวน
เขาเคยคิดว่าปลามังกรเงินจะเป็นตัวตัดสินการแข่งขันในธุรกิจปลามังกร แต่ความหวังของเขากลับพังทลายลง ธุรกิจปลามังกรกลับไปอยู่ในจุดชะงักงันอีกครั้ง
บทที่ 1484 ความเมตตาของฟางหยวน
มิติช่องว่างจักรพรรดิ ทะเลตะวันออกน้อย ทะเลเกล็ดมังกร
ผู้อมตะลอยอยู่กลางอากาศและกำลังมองลงไปที่ทะเลเบื้องล่าง
ใบหน้าของเขาดูไม่ธรรมดา ดวงตาลึกราวกับบ่อน้ำที่มองไม่เห็นจุดสิ้นสุด
มันคือผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งกาลเวลา ฟางหยวน
ตอนนี้ทะเลกำลังปั่นป่วน คลื่นน้ำสาดซัด แต่ไม่มีลม
‘มิติช่องว่างจักรพรรดิไม่มีการเปลี่ยนแปลงด้านภูมิอากาศ ไม่มีลมหรือก้อนเมฆอยู่ที่นี่ เหตุผลที่ทะเลเกล็ดมังกรมีคลื่นน้ำเพราะร่างหลักของข้าสร้างมันขึ้นมาด้วยค่ายกลวิญญาณ’
ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนคิด
ตอนนี้ทะเลเกล็ดมังกรเป็นพื้นที่ทะเลอันดับหนึ่งในมิติช่องว่างจักรพรรดิ ปัจจุบันฟางหยวนกำลังพัฒนาสถานที่แห่งนี้ด้วยเงินทุนจำนวนมหาศาล
ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลามองไปรอบๆ ปลามังกรจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังแหวกว่ายอยู่อย่างหนาแน่น
ฟางหยวนทุ่มเงินทุนไปมากมายพร้อมกับเพิ่มความเร็วของเวลาและใช้วิธีการบนเส้นทางอาหาร นั่นทำให้ปลามังกรเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
นอกจากปลามังกรทั่วไปยังมีปลามังกรทองแดง ปลามังกรเหล็กไหล และปลามังกรเงินอีกเล็กน้อย
ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลามองลึกลงไปใต้ทะเล
ในไม่ช้าใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นความยินดี เขาพบเป้าหมายแล้ว
มันคือปลามังกรทอง มันมีเกล็ดสีทองและดวงตาแหลมคมแตกต่างจากดวงตาที่ดูไร้ชีวิตของปลามังกรทั่วไป
เปรียบเทียบกับปลามังกรตัวอื่นๆ มันมีขนาดเล็กที่สุด มันมีขนาดเท่ากับฝ่ามือมนนุษย์เท่านั้น
แต่ร่างแยกของฟางหยวนสัมผัสได้ว่าปลามังกรทองตัวนี้มีเพียงร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางอาหารอยู่บนร่างกายเท่านั้น มันไม่มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางสายอื่นอยู่เลย
แม้มันจะตัวเล็ก แต่มันปลดปล่อยกลิ่นอายของสัตว์อสูรบรรพกาลที่แท้จริงออกมา
ปลามังกรสายพันธุ์อื่นสามารถเข้าถึงระดับสัตว์อสูรเดียวดายเท่านั้น แต่ปลามังกรทองสามารถบรรลุระดับสัตว์อสูรบรรพกาล
สิ่งนี้ไม่สามารถมองข้าม มันหมายความว่าปลามังกรทองได้ก้าวข้ามขีดจำกัดของสายพันธุ์ดั่งเดิมเข้าสู่ระดับใหม่อย่างสมบูรณ์
“ปลามังกรทองคือขีดจำกัดในการพัฒนามันแล้ว” ร่างแยกของฟางหยวนถอนหายใจ
ปลามังกรทองบรรพกาลว่ายอยู่ในทะเล ไม่ว่าจะเป็นปลามังกรทั่วไป ปลามังกรเดียวดาย ปลามังกรทองแดงเดียวดาย ปลามังกรเหล็กไหลเดียวดาย หรือปลามังกรเงินเดียวดาย พวกมันต้องเปิดทางให้กับปลามังกรทองบรรพกาล
ปลามังกรทองบรรพกาลคือราชาของปลามังกร เมื่อมันปรากฏขึ้น ปลามังกรชั้นล่างทั้งหมดต้องติดตามและปกป้องมัน
“แม้ข้าจะเป็นเจ้าของปลามังกรทั้งหมด อิทธิพลของข้าก็ยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับปลามังกรทองบรรพกาล”
อาจกล่าวได้ว่าฟางหยวนและปลามังกรทองบรรพกาลได้ต่อสู้กันเพื่อควบคุมปลามังกรเหล่านี้ แต่สุดท้ายเป็นฟางหยวนที่พ่ายแพ้
สัตว์อสูรบรรพกาลจะได้รับความภักดีจากฝูงของมันโดยธรรมชาติ
“แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา ปลามังกรทองบรรพกาลควบคุมปลามังกรขณะที่ข้าควบคุมปลามังกรทองบรรพกาลอีกทีหนึ่ง โชคไม่ดีที่ปลามังกรไม่มีพลังการต่อสู้ กระทั่งพลังการต่อสู้ของปลามังกรทองบรรพกาลก็ยังอยู่ในระดับล่างเมื่อเทียบกับสัตว์อสูรบรรพกาลชนิดอื่น ดังนั้นปลามังกรเหล่านี้จึงสามารถใช้เป็นสินค้าเท่านั้น”
ครึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว
โหยว่ชานมีช่วงเวลาที่ยากลำบาก
แม้นางจะประสบความสำเร็จในการเพาะพันธุ์ปลามังกรเงิน แต่นางก็ต้องขอความช่วยเหลือจากฉินไป่อี้และวังสวรรค์รวมถึงปลามังกรเงินของฟางหยวน
ดังนั้นแม้นางจะสามารถผลิตปลามังกรเงิน แต่ในแง่ของปริมาณการผลิต นางยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับฟางหยวน
ธุรกิจปลามังกรของฟางหยวนกำลังก้าวนำหน้านางในสวรรค์สีเหลือง
ปลามังกรเงินมีประโยชน์มากเกินไปและเนื่องจากฟางหยวนไม่ได้ขึ้นราคามากนัก ปลามังกรของผู้อื่นจึงไม่สามารถแข่งขัน
นอกจากนั้นฟางหยวนยังขายปลามังกรเงินได้มากกว่าโหยว่ชาน
ความแตกต่างของทั้งสองเห็นได้ชัดมาก
อย่างไรก็ตามโหยว่ชานยังไม่ยอมแพ้ นางยังพยายามสู้ต่อไป
ทะเลกระเรียนขาว
ฉินไป่อี้หัวเราะเสียงดัง “ฮ่าฮ่าฮ่า ในที่สุดข้าก็ผ่านส่วนที่ยากลำบากที่สุดไปได้ ด้วยวิธีนี้เราจะสามารถผลิตปลามังกรเงินได้มากขึ้น!”
ใบหน้าของโหยว่ชานซีดขาวแต่ยังสามารถมองเห็นความสุขในดวงตาของนาง
นางทำงานร่วมกับฉินไป่อี้มาเป็นเวลาครึ่งเดือนโดยไม่ได้หยุดพักด้วยการพึ่งพาข้อมูลจากวังสวรรค์
“แต่…แม้จะได้ผลลัพธุ์เช่นนี้ ผลผลิตของเราก็ยังไม่สามารถแข่งขันกับฝ่ายตรงข้าม” โหยว่ชานถอนหายใจ
“เสี่ยวชาน อย่ากังวล ตราบเท่าที่เราร่วมมือกัน เราจะสามารถแก้ปัญหานี้ ปลามังกรเงินไม่ใช่วิญญาณความเด็ดเดี่ยว เมื่อเวลาผ่านไปผลผลิตของเราจะทัดเทียมกับเขา” ฉินไป่อี้ค่อนข้างมองโลกในแง่ดี
“แต่มันก็ทำให้เราเท่าเทียบกับเขาเท่านั้น มันยากเกินไปที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เราไม่มีความแข็งแกร่งมากพอ นั่นหมายความว่าเราสามารถทำได้ดีที่สุดคือเทียบเท่าเขาและนี่อยู่ภายใต้ข้อสันนิษฐานว่าเขาจะไม่ผลิตปลามังกรสายพันธุ์ใหม่ขึ้นมาอีก” โหยว่ชานส่ายศีรษะ
ฉินไป่อี้ต้องการปลอบโยนโหยว่ชานแต่นางกลับไม่สามารถกล่าวสิ่งใดออกมา
ความจริงก็คือผลลัพธ์ค่อนข้างชัดเจนแล้ว
โหยว่ชานไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฟางหยวน นางทำได้เพียงทำตัวเงียบๆและพยายามตามเขาให้ทันเพื่อรักษาสมดุลเท่านั้น
พวกนางไม่มีทางชนะ เว้นเพียงพวกนางจะได้รับความช่วยเหลือจากภายนอก
ตัวอย่างเช่นวังสวรรค์
พวกเขามีมรดกบนเส้นทางอาหารอยู่มากมาย
แต่เหตุใดเทพธิดาจื่อเว่ยต้องช่วยฉินไป่อี้และโหยว่ชานโดยปราศจากเงื่อนไข?
ทั้งสองฝ่ายอยู่ต่างภูมิภาค ฉินไป่อี้และโหยว่ชานตื่นตัวมากเมื่อทำงานร่วมกับวังสวรรค์
แต่ความตั้งใจของเทพธิดาจื่อเว่ยคือการล่อลวงให้คนทั้งสองกลายเป็นตัวหมากเบี้ยของวังสวรรค์เพื่อแทรกซึมเข้าสู่โลกผู้อมตะของทะเลตะวันออก
สงครามห้าภูมิภาคกำลังจะเริ่มขึ้น วังสวรรค์ต้องเตรียมตัวก่อนที่ยุคที่ยิ่งใหญ่จะมาถึง
“ข้าเกรงว่าคนขายปลามังกรผู้นี้จะเป็นฟางหยวน”
“ข้าสามารถใช้เขาเพื่อทำให้โหยว่ชานและฉินไป่อี้กลายเป็นตัวหมากเบี้ยของวังสวรรค์”
“แต่…”
ในวังสวรรค์เทพธิดาจื่อเว่ยให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดกับสวรรค์สีเหลือง
สิ่งที่ทำให้นางประหลาดใจก็คือฟางหยวนไม่ได้ทำสิ่งใดเลย หลังจากวางขายปลามังกรเงิน เขาก็หยุดเคลื่อนไหว
สถานการณ์นี้ทำให้เทพธิดาจื่อเว่ยรู้สึกไม่สบายใจ
นางรู้ว่าฟางหยวนไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้ง่ายๆ
“หากนั่นคือฟางหยวนจริงๆ เขาต้องมีไพ่ตายบางอย่าง”
“เขาเป็นคนโหดเหี้ยม เขาจะไม่เหลือทางออกให้ผู้อื่น สถานการณ์ปัจจุบันของธุรกิจปลามังกรไม่ใช่สิ่งที่เขาจะยอมรับได้”
ขณะที่เทพธิดาจื่อเว่ยกำลังคิดเรื่องนี้ การแสดงออกของโหยว่ชานแห่งทะเลตะวันออกก็เปลี่ยนแปลงไป
“เสี่ยวชาน เกิดสิ่งใดขึ้น?” ฉินไป่อี้ถามด้วยความห่วงใย
“โอ้ ไม่ ทะเลปลามังกรของข้ากำลังถูกโจมตี! ค่ายกลวิญญาณของข้าถูกทำลาย ข้าต้องกลับไป!” โหยว่ชานกรีดร้องด้วยความกังวล
แม้มิติช่องว่างของนางจะมีปลามังกรอยู่มากมาย แต่ปลามังกรส่วนใหญ่ของนางอยู่ที่ทะเลปลามังกร
ทะเลปลามังกรเป็นรากฐานของนาง ทรัพย์สินทั้งหมดของนางอยู่ที่นั่น แล้วนางจะปล่อยให้บางคนทำลายมันได้อย่างไร?
ฉินไป่อี้ตระหนักถึงความรุนแรงของปัญฆา นางจับมือโหยว่ชาน “ไม่มีเวลาแล้ว ข้าจะไปกับเจ้า อย่ากังวล ข้าอยากเห็นว่าผู้ใดจะกล้ายโสต่อหน้าพวกเรา!”
พวกนางบินออกจากคฤหาสน์วิญญาณอมตะราวกับรุ้งกินน้ำ เทพธิดาทั้งสองแบกรับความโกรธเอาไว้ขณะเดินทางไปยังทะเลปลามังกร
ทะเลกระเรียนขาวและทะเลปลามังกรอยู่ไม่ไกลกันมากนัก นี่คือเหตุผลที่โหยว่ชานสามารถพักอยู่ที่บ้านของฉินไป่อี้โดยไม่กังวล
ด้วยเหตุนี้เมื่อพวกนางมาถึงทะเลปลามังกร ผู้บุกรุกจึงยังไม่จากไป
ค่ายกลวิญญาณของโหยว่ชานถูกทำลายไปแล้วครึ่งหนึ่ง ผู้บุกรุกยังนำปลามังกรเข้าสู่มิติช่องว่างของเขาอย่างต่อเนื่อง
“ช่างกล้าหาญนัก!” แม้โหยว่ชานจะเป็นคนสุภาพ แต่นางก็โกรธมากเมื่อเห็นปลามังกรของนางถูกปล้นชิงไปต่อหน้า
“เจ้าคือผู้ใด? เจ้ากล้าโจมตีสถานที่ของผู้หญิงของข้า วันนี้จะเป็นวันตายของเจ้า!” ฉินไป่อี้ตะโกน
“เสี่ยวชาน ระวัง คนผู้นี้ค่อนข้างแปลก เขาจับปลามังกรเก่งมาก!”
แม้ฉินไป่อี้จะโกรธ แต่นางก็ไม่สูญเสียเหตุผล นางประเมินและเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันอย่างชัดเจน
หัวใจของโหยว่ชานเต้นเร็วขึ้น
ผู้อมตะลึกลับไม่ได้ใช้วิธีการอมตะใดๆ เขาควบคุมสัตว์อสูรบรรพกาลเพียงตัวเดียวแต่ฝูงปลามังกรของโหยว่ชานกลับว่ายเข้าไปในมิติช่องว่างของคนผู้นั้นด้วยความตั้งใจของพวกมันเอง
โหยว่ชานตกใจมาก “เกิดสิ่งใดขึ้น? สัตว์อสูรบรรพกาลที่มีเกล็ดสีทองตัวเล็กๆนั่นคือปลามังกรงั้นหรือ? ปลามังกร…ทอง? อย่าบอกว่าคนผู้นี้คือคู่ต่อสู้ของข้าในสวรรค์สีเหลือง? ตามคำกล่าวของวังสวรรค์ คนผู้นี้น่าจะเป็นฟางหยวน!?”
โหยว่ชานรู้สึกโกรธมาก
“ในที่สุดเจ้าก็มาที่นี่ ความพยายามของข้าไม่สูญเปล่าจริงๆ ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าชื่อฟางหยวน จำไว้ให้ดี!”
“สามารถรู้ชื่อข้าก่อนตาย นี่ถือเป็นความเมตตาจากข้า”
ฟางหยวนกล่าวขณะที่โลกทั้งใบเกิดการเปลี่ยนแปลง
ท่าไม้ตายเขตแดนอมตะ!
โหยว่ชานและฉินไป่อี้ตกลงสู่กับดัก
ฉินไป่อี้และโหยว่ชานตกตะลึง พวกนางมองหน้ากันด้วยใบหน้าซีดเผือด
ฟางหยวนเป็นปีศาจร้ายที่มีพลังการต่อสู้ระดับแปด แต่เหตุใดเขาถึงอยู่ที่นี่?
เขาไม่ได้ซ่อนตัวอยู่ในที่รกร้างบางแห่งเพื่อหลบหนีจากการไล่ล่าของวังสวรรค์งั้นหรือ?
เหตุใดเขาถึงกล้าหาญนัก? เหตุใดเขาถึงกล้าออกมา?
และเหตุใดเขาถึงหยิ่งยโสและโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้? เขากล้าบุกโจมตีอาณาเขตของผู้อมตะคนอื่นในเวลากลางวันอย่างโจ้งแจ้งงั้นหรือ!?
บทที่ 1485 ดวงดาวสีม่วงแห่งชีวิตที่พั...
ฟางหยวนมองฉินไป่อี้และโหยว่ชานด้วยสายตาเย็นชา
‘ดูเหมือนโลกผู้อมตะจะสงบสุขมานานเกินไป ทะเลตะวันออกเจริญรุ่งเรืองและสงบสุขมานานเนื่องจากทรัพยากรที่มีอยู่มากมาย ด้วยเหตุนี้พวกนางจึงตกลงสู่กับดักของข้าอย่างง่ายดาย’
หากนี่เป็นช่วงเวลาของสงครามห้าภูมิภาค ผู้อมตะทุกคนจะตื่นตัวมาก แต่ก่อนหน้านั้นพวกเขามักบ่มเพาะอยู่อย่างสงบและไม่พยายามเข้าสู่การต่อสู้แห่งชีวิตและความตาย
ประการแรก มิติช่องว่างของพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติเป็นครั้งคราว
ประการที่สอง ผู้อมตะมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนทุกประเภท การโจมตีบางคนจะดึงดูดศัตรูมากขึ้นเรื่อยๆ
ประการที่สาม ท่าไม้ตายอมตะสามารถใช้งานได้ครั้งเดียว หลังจากนั้นมันจะถูกตอบโต้
ความเสี่ยงสูงแต่ผลตอบแทนต่ำ เป็นปกติที่ผู้อมตะจะไม่เข้าร่วมในการต่อสู้แห่งชีวิตและความตาย
แต่สิ่งนี้แตกต่างออกไปในกรณีของฟางหยวน
‘ข้ามีพลังการต่อสู้ระดับแปด เหตุใดข้าต้องสนใจสหายหรือเครือข่ายของเจ้า มีสิ่งใดต้องกลัวหากข้าจะสังหารเจ้า?’
พลังการต่อสู้และสติปัญญาคือความมั่นใจของฟางหยวน
หลังจากก่ออาชญากรรม อย่างมากเขาก็เพียงต้องหลบหนี
โลกกว้างใหญ่ กระทั่งวังสวรรค์หรือเจตจำนงสวรรค์ก็ยังไม่สามารถทำสิ่งใดกับฟางหยวนในเวลานี้โดยไม่ต้องกล่าวถึงส่วนที่เหลือ
อีกด้านหนึ่ง ฟางหยวนมีข้อมูลมากมายเกี่ยวกับพวกนางขณะที่พวกนางไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับฟางหยวน
‘ตราบเท่าที่ข้าสังหารโหยว่ชาน ธุรกิจปลามังกรจะเป็นของข้าเพียงผู้เดียว ข้าจะได้รับกำไรมหาศาล!’
แม้วังสวรรค์จะต้องการขัดขวางฟางหยวน แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่พวกเขาจะประสบความสำเร็จ
ฟางหยวนพยายามอย่างเต็มที่เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง เขาเหมือนอสรพิษที่ย่อยอาหารที่กลืนเข้าไปหมดแล้ว ตอนนี้เขารู้สึกหิวเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงมุ่งหน้ามายังทะเลตะวันออกและลอบโจมตีอย่างกะทันหัน
เขาจับโหยว่ชานและฉินไป่อี้โดยไม่เปิดโอกาสให้พวกนางเคลื่อนไหว
เทพธิดาทั้งสองล้วนเป็นสมบัติล้ำค่าโดยเฉพาะโหยว่ชาน นางบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งวารีขณะที่ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งวารีของฟางหยวนอยู่ในระดับปรมาจารย์ เขาสามารถกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ของนาง!
โหยว่ชานและฉินไป่อี้มองฟางหยวน ทั้งสองตระหนักได้ถึงเจตนาสังหารของเขาผสานกับความโลภและความเหี้ยมโหด สถานการณ์ของพวกนางเลวร้ายมาก หญิงทั้งสองตื่นตระหนก หัวใจของพวกนางเต้นแรง พวกนางรู้ว่าตนเองกำลังตกอยู่ในอันตราย
ฉินไป่อี้บังคับตัวเองให้สงบลงและกล่าวกับโหยว่ชาน “เสี่ยวชาน แม้เราจะร่วมมือกัน แต่ความแข็งแกร่งของเราก็ยังไม่เพิ่มขึ้นมากนัก ศัตรูแข็งแกร่งเกินไป เราต้องหนี”
ฉินไป่อี้ต้องการล่าถอย
นี่เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ หลังจากทั้งหมดชื่อเสียงของฟางหยวนโด่งดังมากในทั้งห้าภูมิภาค
โหยว่ชานและฉินไป่อี้มีชื่อเสียงในทะเลตะวันออก แต่พวกนางจะเปรียบเทียบกับฟางหยวนได้อย่างไร?
โหยว่ชานเห็นด้วย นางขมวดคิ้วและกล่าว “ข้าก็คิดเช่นเดียวกัน แต่เราติดอยู่ในท่าไม้ตายเขตแดนอมตะ เราจะหลบหนีได้อย่างไร?”
มันเป็นสนามรบที่ดูเหมือนไข่สีแดงเข้ม มีแสงดาวสีม่วงส่องประกายระยิบระยับอยู่ภายในและสร้างเป็นฉากที่งดงาม แต่โหยว่ชานไม่มีอารมณ์ชื่นชมความงามนี้
นางไม่ต้องการสิ่งใดมากไปกว่าทำลายมันและหลบหนีไป
ฉินไป่อี้เร่งตอบกลับ “ข้ามีวิธีเจาะทะลวงเขตแดนอมตะและสื่อสารกับโลกภายนอกเพื่อขอกำลังเสริม”
“ยอดเยี่ยม!” โหยว่ชานมีความสุขมาก
โดยปกตเมื่อคนผู้หนึ่งติดอยู่ในเขตแดนอมตะ พวกเขาจะถูกแยกออกจากโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์ พวกเขาไม่แม้แต่จะสามารถเชื่อมต่อกับสวรรค์สีเหลือง
มันเหมือนหอกกับโล่ หากฝ่ายใดแข็งแกร่งกว่า มันก็สามารถทำลายอีกฝ่าย
ฉินไป่อี้เป็นหนึ่งในหกเทพธิดาที่งดงามที่สุดของทะเลตะวันออกเช่นเดียวกับโหยว่ชาน หากพวกนางขอความช่วยเหลือจากภายนอก พวกนางจะได้รับการตอบรับอย่างดี แท้จริงแล้วพวกนางมีความสัมพันธ์กับผู้อมตะระดับแปดของทะเลตะวันออกอยู่เล็กน้อย
แม้การขอความช่วยเหลือจะทำให้พวกนางติดหนี้บุญคุณ แต่ชีวิตของพวกนางกำลังตกอยู่ในอันตราย พวกนางต้องให้ความสำคัญกับชีวิตของตนเองเป็นอันดับแรก
“เอาล่ะ มาเริ่มกันเถอะ ข้าจะปกป้องเจ้าเอง” โหยว่ชานแสดงออกอย่างแน่วแน่ นางก้าวออกไปด้านหน้า
ฉินไป่อี้สูดหายใจลึก เส้นผมสีดำของนางลอยขึ้นสู่อากาศขณะที่กลีบดอกไม้จำนวนมากร่วงหล่นลงมา
โหยว่ชานระเบิดพลังของนางออกมาเช่นกัน
ท่าไม้ตายอมตะถูกกระตุ้นใช้งาน ละอองฝนเริ่มโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้าและสร้างเป็นสายหมอกปกคลุมพวกนางเอาไว้
ฟางหยวนยืนอยู่กลางอากาศและมองดูพวกนางอย่างไม่ใส่ใจ แสงสีม่วงส่องประกายขึ้นในดวงตาของเขาและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฉินไป่อี้ หากเจ้าต้องการติดต่อโลกภายนอก อย่าเสียเวลา”
หลังกล่าวจบคำความคิดดาราสีม่วงจำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นในสนามรบ
แสงดาวสีม่วงทำให้ละอองฝนของโหยว่ชานและกลีบดอกไม้ของฉินไป่อี้ได้รับความเสียหายอย่างหนัก
สนามรบของฟางหยวนเป็นเป็นเขตแดนอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เขามีข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่และสามารถกำหราบทั้งเส้นทางแห่งวารีและเส้นทางแห่งไม้
“เขตแดนอมตะของข้าถูกพัฒนาขึ้นโดยใช้ท่าไม้ตายเขตแดนอมตะระดับแปดสามเขตแดนและท่าไม้ตายอีกสิบแปดท่าเป็นสิ่งอ้างอิง ข้าตั้งชื่อมันว่าเขตแดนดวงดาวสีม่วงแห่งชีวิตที่พังทลาย มันเป็นเพียงหนึ่งในความสามารถของข้า มันจะแยกศัตรูออกจากโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์ สถานที่แห่งนี้อาจดูกว้างใหญ่ แต่แท้จริงแล้วมันเป็นเพียงจุดเล็กๆจากมุมมองของโลกภายนอก แม้ผู้อมตะบางคนจะมาที่นี่ พวกเขาก็จะไม่สังเกตเห็นการคงอยู่ของเขตแดนแห่งนี้”
ฟางหยวนกล่าวอย่างไม่เป็นทางการแต่มันกลับทำให้หัวใจของเทพธิดาทั้งสองสั่นสะท้านขึ้น
ฉินไป่อี้ตกใจและไม่แน่ใจ
นางตกใจเพราะฟางหยวนเปิดเผยแผนการของนางออกมาโดยตรง นางไม่แน่ใจเพราะนางไม่รู้ว่าเขากล่าวเรื่องจริงหรือไม่
‘ยอดเยี่ยมมาก ฟางหยวนผู้นี้ช่างเจ้าเล่ห์นัก เขาไม่ใช่คนที่มีเพียงมัดกล้ามเนื้อแต่ไร้สมอง!’
ฉินไป่อี้ครุ่นคิดขณะที่ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยเหงื่อ นางตระหนักว่าฟางหยวนเป็นคนที่รับมือได้ยากจริงๆ
หลังจากตัดสินใจ นางเลือกใช้วิธีที่มีประสิทธิภาพในการต่อต้านท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งปัญญาส่วนใหญ่
โหยว่ชานเป็นคนแน่วแน่ นางตะโกนและผลักฝ่ามือออกไป
ละอองน้ำหลอมรวมกันจนกลายเป็นปลาอสูรตัวใหญ่โต
ท่าไม้ตายอมตะวาฬวารี!
ฟางหยวนโบกมือเบาๆขณะที่ละอองดาวสีม่วงร่วงหล่นลงมาและสามารถกำราบปลาอสูรรวมถึงหญิงสาวทั้งสองได้ทันที
อย่างไรก็ตามโหยว่ชานและฉินไป่อี้ยังอดทนต่อสู้
รูปร่างของปลาอสูรกลายเป็นบิดเบี้ยวแต่โหยว่ชานยังเติมมันด้วยละอองฝน
ท่าไม้ตายอมตะอัญเชิญอสูรวิญญาณ!
ฟางหยวนเรียกอสูรวิญญาณบรรพกาลห้าตัวออกมาโจมตีเทพธิดาทั้งสอง
เขาไม่ได้อัญเชิญอสูรปีเพราะอสูรวิญญาณแข็งแกร่งกว่า เขามีอสูรปีบรรพกาลอยู่ในการควบคุม แต่ในเขตแดนแห่งนี้ พวกมันจะรู้สึกไม่สะดวกสบาย
ภายในเขตแดนอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา มันจะดีกว่าหากฟางหยวนใช้วิญญาณอมตะหรือท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เส้นทางสายอื่นจะถูกกดดันเพราะความยัดแย้งระหว่างพลังงานแห่งเต๋า มันไม่เหมือนร่างทารกอมตะ
‘หลังจากนี้ข้าควรพัฒนาท่าไม้ตายเขตแดนอมตะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณเพื่ออัญเชิญอสูรวิญญาณออกมา วิธีนี้จะมีประสิทธิภาพมากกว่า’
ท่าไม้ตายเขตแดนอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญามีประโยชน์มากในแง่ของการผนึกและป้องกันการอนุมาน นี่เป็นข้อได้เปรียบของเส้นทางสายนี้ ดังนั้นฟางหยวนจึงพัฒนาท่าไม้ตายเขตแดนอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาเป็นอันดับแรก
อสูรวิญญาณบรรพกาลดุร้ายมาก พวกมันโจมตีเทพธิดาทั้งสองอย่างดุเดือด
นี่ทำให้ฉินไป่อี้และโหยว่ชานตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย
ระหว่างการต่อสู้ หัวใจของโหยว่ชานจมดิ่งลง ‘ฟางหยวนยังไม่ได้โจมตี แต่เรายังต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอด หากเขาโจมตีด้วยตนเอง พวกเราคงตายไปแล้ว!’
ฟางหยวนมองการต่อสู้อยู่ในระยะไกล
หลังจากเก็บตัวบ่มเพาะและฝึกฝนมานาน ตอนนี้เขามีวิธีการมากมาย เขาไม่มีจุดอ่อนที่ชัดเจน แม้เขาจะไม่ลงมือด้วยตนเอง เขาก็ยังสามารถผลักผู้อมตะระดับเจ็ดสองคนเข้าสู่ทางตัน
บทที่ 1486 ความตายของหญิงงาม
ภายใต้การโจมตีที่รุนแรงของฟางหยวน โหยว่ชานรู้สึกเหนื่อยล้า นางไม่สามารถต่อต้านได้อีก
‘เห้อ…’ ฉินไป่อี้ลอบถอนหายใจ
ฟางหยวนไม่ได้โกหก วิธีการสื่อสารของฉินไป่อี้ไร้ประโยชน์ นางเริ่มเข้าสู่การต่อสู้ด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง
นางเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งไม้ นางใช้ท่าไม้ตายและส่งกลีบดอกไม้ออกมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ชุดยาวของฉินไป่อี้ลอยขึ้นสู่อากาศพร้อมเส้นผมสีดำของนาง นางดูราวกับกำลังเต้นรำอยู่ในสนามรบ
อีกด้านหนึ่ง โหยว่ชานตะโกนและต่อสู้ด้วยความกล้าหาญ
หญิงทั้งสองเป็นเทพธิดาที่มีชื่อเสียงของทะเลตะวันออก พวกนางทั้งสง่างามและทรงเสน่ห์ หากผู้อมตะทั่วไปพบเห็นพวกนาง พวกเขาอาจถูกรูปโฉมของพวกนางล่อลวงได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องกล่าวถึงการสร้างปัญหาหรือสังหาร
น่าเสียดายที่พวกนางพบกับฟางหยวน
ท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นมังกรดาบบรรพกาล
ท่าไม้ตายอมตะเกราะหวนคืน
“โฮก…”
มังกรดาบบรรพกาลคำรามและพุ่งเข้าโจมตีหญิงทั้งสอง
“โอ้ ไม่!” โหยว่ชานอุทาน
หัวใจของฉินไป่อี้แทบกระโดดออกมาจากหน้าอก นางกัดฟันแน่น “มารร้าย รับสิ่งนี้!”
หลังกล่าวจบคำ กลีบดอกไม้ก็รวมตัวกันและสร้างเป็นพายุหมุนกลีบดอกไม้ขนาดใหญ่พุ่งไปทางมังกรดาบบรรพกาล
โหยว่ชาตตะโกน “ให้ข้าช่วย!”
นางใช้ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งวารียิงกระสุนน้ำออกไป
กระสุนน้ำหลอมรวมกับพายุหมุนกลีบดอกไม้และทำให้มันทรงพลังขึ้นอีกหลายเท่า
“เป็นการผสานงานระหว่างไม้กับวารีที่ยอดเยี่ยม!” ฉินไป่อี้รู้สึกมั่นใจมากขึ้น
พายุหมุนกลีบดอกไม้พุ่งชนมังกรดาบบรรพกาลอย่างเกรี้ยวกราดและกลืนกินฝ่ายหลังเข้าไป
แต่ผลลัพธ์กลับไม่ได้ทำให้เทพธิดาทั้งสองมีความสุข ตรงข้ามพวกนางตกใจมาก
‘โอ้ ไม่ มังกรดาบบรรพกาลตัวนี้เป็นของปลอม!’ ฉินไป่อี้คิดเรื่องนี้ขณะที่มังกรสีเงินปรากฏขึ้นด้านหลังนางอย่างเงียบๆ
เวลาราวกับหยุดนิ่ง
ฉินไป่อี้พยายามหันหลังกลับด้วยความยากลำบาก ด้วยหางตา นางสามารถมองเห็นมังกรดาบบรรพกาลอ้าปากของมันและกัดร่างเล็กๆของนางด้วยฟันอันแหลมคม
“ฟางหยวน เจ้าเป็นคนมีชื่อเสียงและมีความแข็งแกร่งระดับแปด แต่เจ้ากลับใช้วิธีลอบโจมตีงั้นหรือ!?” โหยว่ชานกรีดร้องด้วยความโกรธ
ฟางหยวนมีความได้เปรียบแต่เขายังลอบโจมตี เขาช่างไร้ยางอายเกินไปจริงๆ
เมื่อเห็นฉินไป่อี้กำลังจะจบลงในปากของฟางหยวน โหยว่ชานโจมตีด้วยพลังทั้งหมด
สายฝนพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนราวกับลูกศรจำนวนนับไม่ถ้วน
ฟางหยวนหัวเราะเสียงเย็น เขากัดฟันอย่างรุนแรงโดยปราศจากความกังวล
“ปัง!”
ด้วยการใช้พละกำลังมากเกินไป ฟันที่ปะทะกันจึงส่งเสียงดังออกมา
“ไม่!” โหยว่ชานกรีดร้องด้วยความตกใจ
แทบจะในเวลาเดียวกันที่การโจมตีของนางถูกสะท้อนกลับเพราะเกราะหวนคืน
โหยว่ชานปกป้องตนเองด้วยความตื่นตระหนก ในเวลานี้นางรู้สึกว่าตนเองอ่อนแอมาก
‘ข้าจะเอาชนะเขาได้อย่างไร?’
‘เกราะหวนคืนสะท้อนการโจมตีทั้งหมดของข้ากลับมา เขาช่างไร้ยางอายนัก!’
โหยว่ชานรู้สึกราวกับอยู่ในหุบเหวอันหนาวเย็น
อย่างไรก็ตามเมื่อฟางหยวนอ้าปาก มันกลับไม่มีเศษเนื้อหรือกระดูกติดอยู่ระหว่างฟันของเขา มีเพียงกลีบดอกไม้เหลืออยู่เท่านั้น
อีกด้านหนึ่ง กลีบดอกไม้รวมตัวกันและกลายเป็นร่างมนุษย์
มันคือฉินไป่อี้ในร่างเปลือยเปล่า
นางใช้ท่าไม้ตายอมตะช่วยชีวิตของตนเองเอาไว้จากการโจมตีของฟางหยวน
“ไป่อี้!” โหยว่ชานตะโกนอย่างมีความสุข
ใบหน้าของฉินไป่อี้กลายเป็นซีดขาว ริมฝีปากของนางสั่นเทา นางรอดพ้นจากความตายมาอย่างฉิวเฉียด สถานการณ์ก่อนหน้านี้อันตรายมาก นางอยู่ห่างจากความตายเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น
กลีบดอกไม้ที่ลอยอยู่รอบๆลอยเข้ามารวมตัวกันและกลายเป็นชุดที่งดงามอยู่บนร่างกายของนาง
โหยว่ชานรีบบินเข้าไปรวมกลุ่มกับนาง
หญิงทั้งสองแลกเปลี่ยนสายตากันก่อนจะมองไปที่ฟางหยวนด้วยความหวาดกลัวและตกใจ
การโจมตีของมังกรดาบบรรพกาลล้มเหลวแต่มันไม่ได้โจมตีอีก
“ข้าเข้าใจแล้ว เป็นเช่นนี้” ปากของมังกรดาบบรรพกาลเปิดออกและกล่าวออกมาด้วยภาษามนุษย์
เป็นเพียงเวลานี้ที่แสงดาวสีม่วงพุ่งเข้าทำลายกลีบดอกไม้ทั้งหมดที่อยู่ในสนามรบ
ร่างของฉินไป่อี้สั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง
การกระทำของฟางหยวนทำให้ฉินไป่อี้ไม่สามารถใช้วิธีการเดิมของนางได้อีก
มังกรดาบบรรพกาลคำรามและพุ่งเข้าโจมตีศัตรูของมันอีกครั้ง
เทพธิดาทั้งสองกัดริมฝีปากและต่อสู้เพื่อรักษาชีวิตรอด
นี่คือการต่อสู้แห่งชีวิตและความตายอย่างแท้จริง
พวกนางไม่กล้าผ่อนคลายและต้องใช้ไพ่ตายทุกใบที่มีออกมาทั้งหมด
“บึม บึม บึม”
การโจมตีที่รุนแรงสร้างแสงสว่างปะทุขึ้นราวกับดอกไม้ไฟ
มังกรดาบบรรพกาลไม่สนใจการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามเพราะเกราะหวนคืนสามารถสะท้อนการโจมตีเหล่านั้นกลับไปทั้งหมด
หญิงทั้งสองได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามฟางหยวนยังไม่สามารถสังหารพวกนางได้
เทพธิดาทั้งสองต่างเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด พวกนางมีวิธีการมากมาย การเป็นผู้มีชื่อเสียงก็ทำให้รากฐานของพวกนางแข็งแกร่ง มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสังหารพวกนางได้ในทันที
“ฟางหยวน อย่าโจมตี พวกเรายอมแพ้แล้ว!”
“เราตระหนักถึงความแข็งแกร่งของเจ้าแล้ว ข้าสาบานว่าข้าจะออกจากธุรกิจปลามังกร โปรดปล่อยพวกเราไปด้วย!”
หลังจากไม่นาน หญิงทั้งสองก็เริ่มร้องขอความเมตตา
ไม่มีความหวังที่จะได้รับชัยชนะอยู่แม้แต่น้อย
ตั้งแต่ต้นจนจบ ฟางหยวนเป็นฝ่ายได้เปรียบ หญิงทั้งสองตกอยู่ในความสิ้นหวังและไม่สามารถต่อต้านได้อีกต่อไป
“เราจะจ่ายค่าชดเชยจำนวนมากให้เจ้าตราบเท่าที่เจ้าปล่อยพวกเราไป”
“ถูกต้อง หากเราต่อสู้จนตาย เราจะระเบิดวิญญาณอมตะของเรา เจ้าจะไม่ได้รับสิ่งใดเลย”
“เราไม่ควรเป็นศัตรูกัน ปลามังกรเหล่านี้จะเป็นของเจ้าทั้งหมด เราได้รับบทเรียนแล้ว หากเราพบกันอีกครั้ง เราจะใช้ทางอ้อม”
“เราสาบานว่าหลังจากนี้เราจะไม่เป็นศัตรูกับเจ้าหรือริเริ่มการแก้แค้นใดๆ”
หญิงทั้งสองเร่งกล่าว
“ฉลาดและเข้าใจสถานการณ์ดีจริงๆ” มังกรดาบบรรพกาลหยุดโจมตีและลอยอยู่กลางอากาศ
ดวงตาที่เย็นชามองไปที่หญิงทั้งสอง “เช่นนั้นมอบวิญญาณอมตะให้ข้าคนละดวงเพื่อเป็นการแสดงความจริงใจ”
หัวใจของหญิงทั้งสองบีบรัดตัวแน่น พวกนางมองหน้ากันและรู้สึกว่าฟางหยวนเป็นคนที่รับมือได้ยากนัก
หากพวกนางสูญเสียวิญญาณอมตะ พลังการต่อสู้ของพวกนางจะลดลงทันที
แต่หากพวกนางไม่ส่งมอบวิญญาณอมตะ พวกนางจะตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิต
หลังจากลังเลเล็กน้อย โหยว่ชานเริ่มกล่าว “เราตกลงตามเงื่อนไขนี้ แต่เพื่อป้องกันอุบัติเหตุใดๆ เราควรทำข้อตกลงว่าจะไม่ทำร้ายกันด้วยวิธีบนเส้นทางแห่งข้อมูล”
“ได้” ฟางหยวนพยักหน้า
อย่างไรก็ตามระหว่างการเจรจากลับมีอุปสรรค
ฉินไป่อี้และโหยว่ชานย้ำว่าหากฟางหยวนละเมิดข้อตกลง เขาต้องเผชิญหน้ากับความตาย แล้วเขาจะยอมรับสิ่งนี้ได้อย่างไร
ฟางหยวนมีแผนการของตนเอง เขามีค่ายกลวิญญาณอมตะชำระล้างตัวเอง เขาวางแผนที่จะใช้ค่ายกลนี้เพื่อกำจัดข้อตกลงที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อตนเอง
แต่วิธีนี้ต้องใช้เวลาพอสมควร
หากเป็นกฎตายทันที ค่ายกลวิญญาณอมตะชำระล้างตัวเองจะไม่สามารถช่วยเขา
ฟางหยวนไม่ต้องการปล่อยผู้อมตะสองคนนี้ไป
หากเขาทำได้ เขาจะจับพวกนางทั้งเป็น
นอกจากนี้วังสวรรค์ยังสามารถกำจัดข้อตกลงของพวกนางและนั่นจะทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้าย ขณะที่ธุรกิจปลามังกรของฟางหยวนจะมีคู่แข่งที่แข็งแกร่ง
ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถบรรลุข้อตกลง เทพธิดาทั้งสองเข้าใจเจตนาของฟางหยวนอย่างสมบูรณ์
“ฟางหยวน ดูเหมือนเจ้าต้องการให้พวกเราตายจริงๆ”
“ต่อให้ตาย ข้าก็ไม่ยอมให้เจ้าได้รับสิ่งใด!”
ด้วยความโกรธ หญิงทั้งสองเลือกที่จะต่อสู้จนตัวตาย
ฟางหยวนเผยรอยยิ้มเย็นชา เจตนาสังหารของเขาพุ่งสูงขึ้น หลังการชั่วครู่ ครึ่งร่างของฉินไป่อี้ก็ถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ
อวัยวะภายในและกระดูกของนางโผล่ออกมาภายนอก
“ไป่อี้ ให้ข้าช่วยเจ้า!” โหยว่ชานเป็นห่วงมาก นางเข้าไปช่วยแต่นางไม่รู้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงของฟางหยวนคือนาง
โหยว่ชานถูกมังกรดาบบรรพกาลกัดโดยไม่รู้ตัว
“พรวด!”
เลือดไหลทะลักออกมจากช่องว่างระหว่างฟันที่แหลมคมของมังกรดาบบรรพกาล
มังกรดาบบรรพกาลเคี้ยวและกลืนร่างของนางเข้าไป
โหยว่ชานเสียชีวิต!
“เสี่ยวชาน!” ฉินไป่อี้เห็นคนที่นางรักถูกฆ่าตายต่อหน้า นางกรีดร้องด้วยความโศกเศร้าขณะที่ดวงตาสีแดงของนางหลั่งน้ำตาออกมา
“ฟางหยวน เจ้าฆาตกร ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไป!” ฉินไป่อี้พุ่งเข้าโจมตีฟางหยวน
ฟางหยวนเย้ยหยัน เขาใช้แสงดาวสีม่วงทำลายการป้องกันของฉินไป่อี้
ต่อมาเขาก็เปิดปากและส่งลมหายใจมังกรดาบออกไป
หลังจากลมหายใจมังกรดาบสงบลง ร่างกายของฉินไป่อี้ก็ถูกทำลายลงอย่างสมบูรณ์ มีเพียงศีรษะของนางเท่านั้นที่เหลืออยู่ ใบหน้าที่งดงามของนางยังไม่บุบสลายแต่มันบิดเบี้ยวและเต็มไปด้วยเลือด
ฟางหยวนบินเข้าไปอย่างช้าๆและฟาดกรงเล็บมังกรออกไป
“ผั๊ว!”
ราวกับผลแตงโมที่ถูกทุบแตก กรงเล็บมังกรฉีกศีรษะของฉินไป่อี้ออกเป็นชิ้นๆขณะที่สมองและเลือดสาดกระเซ็นลงบนพื้น
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น