คัมภีร์วิถีเซียน 1476-1478
ตอนที่ 1476 ดื่มโลหิต
“เราสองคนมาหาไม่ผิดคนจริงๆ พี่หาน เจ้าฟังให้ดีล่ะ!” เหยียนลี่ได้ยินหานลี่ตอบกลับเช่นนี้ก็เผยสีหน้ายินดีออกมา ริมฝีปากขยับเล็กน้อยพลางถ่ายทอดเสียงมา
หานลี่รวบรวมสมาธิตั้งใจฟัง ใบหน้าเผยสีหน้าขบคิดออกมา
ส่วนหยวนเหยานั้นแค่ยืนนิ่งอยู่ด้านข้าง เมื่อสายตากวาดมาบนใบหน้าของหานลี่ ดวงตาพลันเผยแววสดใสไม่แน่นอน
“วิธีนี้ก็ใช้ได้จริงๆ ทว่าเกรงว่าจะมีเพียงแค่สหายสองคนร่วมมือกันถึงจะทำเรื่องนี้ได้ในแม่น้ำอเวจี” หลังจากที่หานลี่ฟังคำถ่ายทอดเสียงจบ พลันถอนหายใจยาวออกมาเฮือกหนึ่ง
“พี่หานพูดถูก ไอทมิฬของแม่น้ำอเวจี มีเพียงต้องใช้ไอทมิฬบริสุทธิ์ในร่างของข้าและศิษย์น้องหญิงถึงจะรู้สึกร่วมกันได้ แน่นอนว่าแม่เฒ่าภูตเองก็ทำได้ แต่นางไม่มีทางลบผนึกที่ตนเองลงไว้แน่” เหยียนลี่ฉีกยิ้มเบิกบาน
“ได้ แต่ไม่ทราบว่าสหายทั้งสองอยากให้ข้าช่วยพวกเจ้าอย่างไร” หานลี่พยักหน้าขณะเอ่ยถาม
“ให้แม่เฒ่าภูตยกเลิกความคิดที่มีต่อพวกเรา เดาว่าคงไม่ได้ แต่หากยืดเวลาที่จะลงมือกับพวกเราออกไป กลับอาจจะเป็นไปได้ ขอแค่ยืดไปจนถึงวันที่เข้าไปในแม่น้ำอเวจี พวกเราสามคนก็จะมีโอกาสหนีจากควบคุมของพวกเขา” หยวนเหยาเอ่ยอย่างแช่มช้า
หานลี่พลันเลิกคิ้วไม่ได้เอ่ยตอบอะไร รู้ว่าจากนี้สตรีทั้งสองจะเอ่ยอย่างละเอียด
เหยียนลี่พลันเอ่ยตอบทันทีดังคาด
“ตอนนี้แม่เฒ่าภูตและพวกอยากให้สหายช่วย ขอแค่พวกเราสองคนเผยไปว่าพี่หานและพวกเราสองคนเป็นสหายเก่าแก่กัน และยิ่งไปกว่านั้นยังมีสัมพันธ์ลึกซึ้ง ส่วนพี่หานเองก็ไปชื่นชมน้องหญิงหยวนต่อหน้าแม่เฒ่าภูต เช่นนี้ต่อให้นางสงสัยอะไร ก็จะไม่ลงมือทำร้ายพวกเราชั่วคราวแน่”
“ชื่นชมแม่หญิงหยวน!” หานลี่พลันตกตะลึง กลอกตาไปตกอยู่บนใบหน้าบอบบางของหยวนเหยา
แม้ว่าหยวนเหยาจะฝึกบำเพ็ญเพียรมาหลายปี เมื่อได้ยินคำพูดของเหยียนลี่ ใบหน้าก็เผยสีแดงระเรื่อออกมา ทำให้นางยิ่งดูงดงามมากยิ่งขึ้น ช่างน่าเย้ายวนใจนัก
“หากแค่พูด ผู้แซ่หานย่อมทำได้ ทว่าที่แม่เฒ่าภูตและมู่ชิงทำข้อตกลงอะไรกันไว้นั้นเป็นความจริงหรือไม่ ก็เป็นเรื่องที่พูดยาก” หานลี่เอ่ยเตือน
“มีเรื่องเช่นนี้ด้วย?” เหยียนลี่หน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย แต่ทันใดนั้นก็หัวเราะอย่างขมขื่นออกมา
“หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ ล่ะก็ ก็เสี่ยงไปหน่อย ทว่านอกจากวิธีนี้แล้ว เราสองคนก็ไม่มีวิธีที่ดีกว่าแล้ว ทำได้เพียงรอดูฟ้าลิขิตแล้วว่าแม่เฒ่าภูตและพวกให้ความสำคัญกับพี่หานหรือไม่” หยวนเหยาหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย ขณะหัวเราะอย่างขมขื่นออกมา
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน สหายหานแค่ยืนยันคำพูดของพวกเรา โดยลองพูดเรื่องสำคัญหน่อยก็ได้ ทำให้แม่เฒ่าภูตคิดว่าพี่หานหลงรักศิษย์น้องหญิงหยวนเป็นอย่างมาก เช่นนั้นแม่เฒ่าภูตก็น่าจะคำนึงถึงสามส่วน กว่าครึ่งคงไม่กล้าลงมือทำร้าย นอกจากนี้ประวัติของข้าและหยวนเหยา แม่เฒ่าภูตก็พอรออยู่บ้าง ที่สหายปลอมตัวเป็นคนของเผ่าวิญญาณเหาะเหิน เกรงว่าคงไม่อาจปกปิดได้” เหยียนลี่ขบคิดแล้วเอ่ยอย่างเคร่งขรึม
“ปลอมเป็นคนของวิญญาณเหาะเหินเดิมทีก็เป็นแค่เรื่องที่กุขึ้นมาเท่านั้น ไม่ว่าแม่เฒ่าภูตจะรู้หรือไม่ ก็ไม่มีผลอะไรกับข้ามากนัก พวกเขาไม่ได้สนใจฐานะคนเผ่าวิญญาณเหาะเหินของผู้แซ่หาน แต่สนใจที่ควบคุมอัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายได้เท่านั้น” หานลี่สั่นศีรษะอย่างไม่ใส่ใจ
“พี่หานกล่าวเช่นนี้ เราสองคนก็วางใจ รอช้าไม่ได้แล้ว หากแม่เฒ่าภูตออกมาพวกเราก็จะดำเนินการตามแผน แล้วสหายก็เข้ามาร่วมมือด้วยทันทีก็พอแล้ว ขอแค่ไม่กระทบต่อแผนการหลักของพวกเรา แม้กระทั่งรายละเอียดในแดนมนุษย์ สหายก็บอกแม่เฒ่าภูตไปก็ได้ ถึงอย่างไรเสียก็มีทั้งเรื่องจริงและเรื่องหลอกลวงอยู่ถึงจะทำให้นางเชื่อถือได้มากยิ่งขึ้น” เหยียนลี่เอ่ยชี้แนะ
“ได้ ตกลง ผู้แซ่หานจะร่วมมือกับสหายทั้งสองอย่างเต็มที่” หานลี่ก้มหน้าลงขบคิดรอบหนึ่ง รู้สึกว่าไม่มีปัญหาอะไรมากนัก จึงเอ่ยอย่างแน่วแน่
หยวนเหยา เหยียนลี่ได้ยิน พลันรู้สึกผ่อนคลายลงไปเปาะหนึ่ง สายตาที่มองมายังหานลี่อดที่จะมีความรู้สึกสนิทสนมขึ้นสองส่วนไม่ได้
ทันใดนั้นทั้งสามคนก็กล่าวถึงรายละเอียดกันอีกเล็กน้อย ในที่สุดสตรีทั้งสองก็ขอตัวกล่าวลา
แม้ว่าแม่เฒ่าภูตจะกำลังกักตนอยู่ สตรีทั้งสองก็ไม่กล้าประมาทเลยสักนิด จำต้องรีบกลับไปยังชั้นลึกของเหวพสุธา
หานลี่มองไปยังพายุทมิฬของสตรีทั้งสอง ชั่วพรบิตาก็หายวับไปจากขอบฟ้า แล้วสะบัดแขนเสื้อทันที
หลังจากนั้นลำแสงพลันสว่างวาบขึ้นบนเรือนร่าง กลายเป็นนกยูงยักษ์ขนาดสองสามจั้งตัวหนึ่ง ขนนกสวยสดงดงาม
ปีกทั้งสองกระพือออก หมอกลำแสงนับหมื่นสายทำให้แม้กระทั่งบรรยากาศรอบๆ เริ่มมีเสียงคำรามต่ำๆ ขึ้น
ลำแสงห้าสีม้วนวน ร่างของนกยูงเลือนราง กลายเป็นม่านลำแสงหมุนวนบินไปไกล ตรงไปยังใจกลางของเทือกเขา
หลังจากนั้นไม่นานร่างของหานลี่ก็มาปรากฎตัวในถ้ำพำนัก และเข้าไปในห้องลับ ปิดประตูห้องลับลงอีกครั้ง…
สองเดือนต่อมา พายุทมิฬสีดำกลุ่มหนึ่งพุ่งจากขอบฟ้าเข้าไปหาถ้ำพำนักของหานลี่ จากนั้นก็ร่อนลงมาด้านล่างอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด แล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย ราวกับว่าจมหายเข้าไปในสันเขาอย่างไรอย่างนั้น
เขตอาคมที่หานลี่วางเอาไว้ คาดไม่ถึงว่าจะไม่มีผลต่อเขาเลยสักนิด
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วยามเต็มๆ ประตูถ้ำพำนักของหานลี่ก็เปิดออก พายุทมิฬสีดำบินโฉบออกมาอีกครั้ง ตรงไปยังท้องฟ้าที่อยู่ไกลออกไป แล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
ในเวลาเดียวกันประตูถ้ำพำนักก็ค่อยๆ ปิดลงอย่างเชื่องช้า
เวลาค่อยๆ ไหลผ่านไป หลังจากที่เทือกเขาถูกหิมะสีขาวปกคลุมไว้เป็นชั้นๆ เวลาสองปีก็ผ่านไปในชั่วพริบตา
……
เหวพสุธาทั้งหมดแบ่งออกเป็นเจ็ดชั้น ชั้นที่เจ็ดคือชั้นที่มีไอทมิฬรวมตัวกันอย่างหนาแน่นที่สุด
ในนั้นมีปีศาจที่แข็งแกร่งซึ่งยังไม่เบิกเนตรของเหวพสุธาอาศัยอยู่ แม้กระทั่งราชันย์ปีศาจทั้งสี่ต่างก็หวาดกลัวอยู่หลายส่วน
ดังนั้นแม้ว่าสตรีผู้งดงามเรือนผมสีขาวจะชื่นชอบไอทมิฬมากที่สุด แต่ก็ไม่อยากนำวังพสุธาแห่งการฝึกฝนมาไว้ที่ชั้นนี้ จึงสร้างเอาไว้ที่ชั้นหกเท่านั้น
แต่วันนี้ที่ชั้นเจ็ดกลางทะเลทรายสีเทาที่เย็นยะเยือกกลับมีเงาร่างปีศาจจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฎขึ้น จำนวนมากกว่าสองสามหมื่นตน
กว่าครึ่งล้วนเป็นปีศาจรระดับต่ำธรรมดาๆ นอกจากนี้ยังมีที่แปลกประหลาดอยู่บ้างเล็กน้อย
ส่วนหนึ่งถูกพายุทมิฬสีดำปกคลุมเอาไว้ เงาร่างภูตจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฎขึ้นลางๆ และมีเสียงกรีดร้องโหยหวยดังออกมาท่ามกลางพายุ ทำให้ปีศาจอื่นๆ ต่างหลีกหนีหาย ไม่กล้าเข้าใกล้เลยสักนิด
ด้านบนพายุทมิฬสตรีผมขาวลอยตัวอยู่ตรงนั้น ด้านหลังมีเงาร่างสีดำอยู่อีกแปดสาย
ทุกตนมีความสูงสองสามจั้ง ล้วนสูงเกราะสงครามดุดันเอาไว้ บ้างก็ถืออาวุธมีด บ้างกลับมือเปล่า มองไปที่ใบหน้ากลับลางเลือน ไม่อาจมองให้ชัดเจนได้เลยัสกนิด
ไกลจากเงาสีดำทั้งแปดออกไป สตรีผู้งดงามสองคนก็ลอยตัวอยู่กลางอากาศเช่นกัน
นั่นก็คือหยวนเหยาและเหยียนลี่
ห่างจากพายุสีดำไปไม่ไกลนัก คือหุ่นเชิดรูปร่างต่างๆ ที่มีความสูงต่ำไม่เท่ากัน กำลังยืนนิ่งอยู่
ส่วนใหญ่ล้วนเป็นหุ่นเชิดโคลนถล่ม สูงสองสามจั้ง ร่างกายเปล่งแสงสีเทาขาวบ้างก็สีน้ำตาลออกมา แต่เห็นได้ชัดว่าเป็นการหลอมหยาบๆ ส่วนน้อยเป็นหุ่นเชิดไม้สีดำเขียวและหุ่นเชิดธาตุทองที่เปล่งแสงสีดำมะเมื่อมออกมาจากร่า
หุ่นเชิดเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบที่ใช้หรืออักขระอาคมที่อยู่บนผิวหนังนั้น ล้วนวิจิตรงดงามอย่างเห็นได้ชัด
ทว่าท่ามกลางหุ่นเชิดเหล่านี้ ตัวที่สะดุดตาที่สุดล้วนเป็นตัวที่อยู่ตรงกลางของหุ่นเชิดทั้งหมด สูงสามสิบจั้ง เป็นหุ่นเชิดสีม่วงแดงหกตา
นั่นก็คือหุ่นเชิดโลหิตม่วงขนาดใหญ่ราวกับภูเขาที่ตัวประหลาดพสุธาโลหิตหลอมขึ้นใต้วังเปลวโลหิต
ทว่าครานี้ร่างกายของหุ่นเชิดตนนี้หดเล็กลงหลายสิบเท่า แม้ว่าจะยังคงสูงใหญ่มาก แต่กลับไม่น่าตกใจเท่ากับตอนแรก
ตรงบ่าทั้งสองของหุ่นเชิดโลหิตม่วงมีคนสวมชุดสีโลหิตสองคนยืนอยู่ ต่างเอามือทั้งสองข้างไพล่หลัง
ตรงหน้าสุดของหุ่นเชิดและเหล่าปีศาจ มีคนอีกสองสามคนยืนอยู่สูงมาก
คนหนึ่งสวมผ้าคลุมสีดำปกปิดร่างกายเอาไว้อย่างมิดชิด กลับเป็นผู้ที่ลึกลับที่สุดในบรรดาสี่ราชันย์ปีศาจ ลิ่วจู๋ สิ่งที่ทำให้ผู้คนตกตะลึงก็คือ เหนือศีรษะของลิ่วจู๋ มีลูกตายักษ์ขนาดสองสามจั้งลอยอยู่ดวงหนึ่ง เปล่งแสงสีเทาประหลาดๆ ออกมา
ห่างจากลิ่วจู๋ไปไม่ไกลนัก กลับมีดอกไม้ยักษ์สีทองดอกหนึ่งลอยอยู่กลางอากาศ
มู่ชิงยืนอยู่บนดอกไม้ เงยหน้ามองท้องฟ้า
วานรสีทองตนหนึ่งยืนอยู่ด้านข้าง แผ่นหลังสะพายดาบคู่ ดวงตาฉายแววเย็นชา
ด้านล่างทั้งสองมีปีศาจระดับสูงที่แปลงกายเป็นครึ่งปีศาจร้อยกว่าตนยืนอยู่ ทุกตนล้วนมีสีหน้าดุดัน
ด้านข้างวานรสีเหลืองชายหนุ่มสวมชุดสีเขียวคนหนึ่งเอามือกอดอกอยู่เงียบๆ ไม่ปริปาก ใบหน้าไร้ความรู้สึก
นั่นก็คือผู้ที่ฝึกฝนอยู่ลำพังมาสองสามปี และถูกราชันย์ปีศาจทั้งหมดบังคับเรียกตัวมาอย่างหานลี่
เขาในครานี้สายตากวาดไปบนเรือนร่างของปีศาจหุ่นเชิดด้านล่างเป็นบางครั้ง ใบหน้าไร้ซึ่งความประลหาดใจ แต่ในใจกลับรู้สึกตกใจอยู่ไม่น้อย
ปีศาจระดับต่ำจำนวนมากขนาดนี้ เกรงว่าที่นี่คงมีกำลังกว่าครึ่งที่สี่ราชันย์ปีศาจควบคุมอยู่ในเหวพสุธาแล้ว
ต่อให้ไม่เอ่ยถึงปีศาจเหล่านั้น ทหารภูตรรวมทั้งหุ่นจำนวนนับไม่ถ้วนในพายุสีดำเหล่านั้น ก็เป็นกำลังอำนาจสองกลุ่มที่แข็งแกร่งมากแล้ว
ของเหล่านี้น่าจะเป็นสิ่งที่ราชันย์ปีศาจเหล่านี้ร่วมมือกันมาหลายร้อยปี ถึงได้รวบรวมขึ้นมาได้ในจำนวนที่น่าตกตะลึงเช่นนี้
พวกเขาทุ่มเทแรงกายแรงใจอย่างไม่เสียดายขนาดนี้ ดูแล้วแม่น้ำอเวจีคงสำคัญมาก แต่ไม่รู้ว่าในแม่น้ำอเวจีมีสิ่งใดกันแน่ ถึงทำให้พวกเราเทหมดหน้าตักขนาดนี้
หัวใจของหานลี่เต้นระรัวไม่แน่นอน ร่างของลิ่วจู๋ที่อยู่เบื้องหน้าพลันขยับ ปากพลันออกคำสั่งอย่างเย็นชา
“เซียนมู่ ถึงเวลาอันสมควรแล้ว รีบถวายโลหิต เข้าสู่การบวงสรวงสุดท้าย”
มู่ชิงได้ยินคำนี้พลันพยักหน้า มือหนึ่งกวักไปด้านล่าง
ชั่วขณะนั้นปีศาจระดับสูงด้านล่างพลันบินออกมาสิบกว่าตน ทุกตนล้วนมือเปล่า แต่ตรงเอวต่างเหน็บถุงหนังสีแดงโลหิตเอาไว้
คนเหล่านี้ล้วนไม่พูดอะไร ชั่วพริบตาก็บินไปยังกลางอากาศสูง จากนั้นก็ตะปบไปที่ถุงหนังที่เอวพร้อมกัน สะบัดปากถุงไปทางเดียวกัน
เสียง “สวบๆ” ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ลำแสงสีโลหิตเปล่งแสงสว่างวาบ ของเหลวสีแดงสดสิบกว่ากลุ่มกลายเป็นแม่น้ำโลหิตสิบกว่าสายพุ่งออกมาจากถุงหนัง
ชั่วขณะนั้นกลิ่นคาวเลือดพลันคละคลุ้งแผ่ไปรอบๆ ด้าน จนปรากฎเต็มทั่วท้องฟ้า
แม่น้ำโลหิตเหล่านี้รวมตัวกันอยู่กลางอากาศ คาดไม่ถึงว่าจะรวมตัวกันราวกับมีชีวิต กลายเป็นลูกบอลโลหิตเส้นผ่าศูนย์กลางสามสิบสี่สิบจั้ง
ครานี้มู่ชิงพลันตบเท้าไปบนดอดกไม้สีทอง เขตอาคมลำแสงสีดำเปล่งแสงสว่างวาบขึ้นบนดอกไม้ ชั่วขณะนั้นร่างกายพลันเปล่งแสงสว่างวาบหายวับไป
ครู่ต่อมา ลูกบอลโลหิตยักษ์เบื้องหน้าพลันเปล่งแสงสีดำสว่างวาบ ร่างของมู่ชิงปรากฎขึ้นอีกครั้ง
นางมีสีหน้าเคร่งขรึม มือหนึ่งยกขึ้น ชั่วขณะนั้นขวดสีดำพลันปรากฎขึ้นในมือ ทันใดนั้นพลันพลิ้วไหวและพวยพุ่งขึ้นไปกลางอากาศ ไปถึงลูกบอลโลหิตด้านบน
มู่ชิงพลันร่ายอาคม ขวดสีดำพลันหมุนติ้วๆ ชั่วขณะนั้นฝาขวดพลันบินออกไป
ตรงปากขวดมีของสีดำแดงขนาดเท่ากำปั้นสองสามกำปั้นเปล่งแสงสว่างวาบ แล้วจมหายเข้าไปในลูกบอลโลหิตอย่างไร้ร่องรอย
ตอนที่ 1477 เผชิญการต่อสู้ที่ดุเดือด
มู่ชิงที่ยืนอยู่บนดอกไม้สีทอง แทบจะหันหน้าไปในเวลาเดียวกัน ใบหน้ามีสีหน้าประหลาดใจฉายแวบผ่าน
กลิ่นเหม็นคละคลุ้งโชยมาจากที่ราบโครงกระดูกที่ไกลแสนไกล ทันใดนั้นก็มีเสียงซ่าๆ ดังขึ้น ฉับพลันนั้นก็เห็นไอทมิฬสีเทาขาวกลุ่มหนึ่งหมุนวนลอยมาเป็นเกลียว
ไอสีเทานี้มองปราดเดียวไม่เห็นปลายทาง แต่ทุกแห่งที่ไอสีเทากวาดผ่านไป กระดูกสีขาวบนพื้นทยอยกันลุกฮือ กลายเป็นโครงกระดูกรูปทรงประหลาด
โครงกระดูกเหล่านี้มีรูปร่างสูงใหญ่ไม่เท่ากัน ดวงตาเปล่งแสงสีแดงโชติช่วง มองมาทางลิ่วจู๋และเหล่าปีศาจจากเหวพสุธา
ชั่วพริบตาไอสีเทาก็เข้ามาประชิดกับเหล่าปีศาจจากเหวพสุธา
เกิดความวุ่นวายขึ้นในเหล่าปีศาจระดับต่ำของเหวพสุธา
หานลี่หน้าเหยเกไปเล็กน้อย อดที่จะมองไปยังมู่ชิงที่อยู่เบื้องหน้าแวบหนึ่งไม่ได้
สตรีผู้นี้มีสีหน้าราบเรียบ ไม่อนาทรร้อนใจเลยสักนิด ดูเหมือนว่าจะคาดเดาทุกอย่างไว้นานแล้ว
หานลี่กำลังรู้สึกตระหนกตกใจอย่างสุดขีด ฉับพลันนั้นก็มีเสียงคำรามต่ำๆ ดังมาจากจุดที่อยู่หลังสุดของกองทัพ สายรุ้งสีโลหิตสองสายพุ่งออกมาจากเหล่าหุ่นเชิดตรงไปยังไอสีเทาที่โผเข้ามาจากฝั่งตรงข้าม
หลังจากเสียง “ปังๆ” ดังขึ้น สายรุ้งสีโลหิตก็กลายเป็นพายุเหม็นคาวสีโลหิตสองกลุ่มปะทะเข้ากับไอสีเทากลางทาง
เสียง “ตูมๆๆ” ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง พายุโลหิตและไอสีเทาระเบิดออก กลายเป็นเสาพายุขนาดยักษ์สองเสาพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า
ไอสีเทาและพายุโลหิตตัดสลับกันไป ระเบิดเสียงพายุอัสนีออกมา ม้วนเอาโครงกระดูกที่เพิ่งฟื้นคืนชีพรอบๆ เข้าไปข้างใน แล้วทยอยกันร่างแตกออกเป็นชิ้นๆ
ทว่ากองทัพโครงกระดูกที่เหลือพลันมีไอสีเทาพัวพันร่าง คาดไม่ถึงว่าพวยพุ่งขึ้นไปกลางอากาศ ตรงไปยังกองทัพของเหวพสุธาแล้วอยู่กลางอากาศต่ำๆ
ครานี้กว่าครึ่งของท้องฟ้าล้วนถูกปกคลุมเอาไว้อย่างหนาแน่น
จำนวนมากมายจนนับไม่ถ้วน
หานลี่พลันรู้สึกขวัญผวา!
ในตอนนั้นเองหญิงงามผมขาวที่อยู่หน้าสุดพลันหัวเราะเหอๆ ด้วยเสียงประหลาดๆ ออกมา ร่างกายหมุนติ้วๆ เงาภูตผมยุ่งเหยิงปรากฎขึ้นที่แผ่นหลัง และยิ่งไปกว่านั้นยังขยายใหญ่ขึ้นจนมีขนาดสองสามร้อยจั้งภายในพริบตา
ฉับพลันนั้นเงาภูตพลันอ้าปากออก กรีดร้องพ่นไอสีเขียวกลุ่มหนึ่งออกมา ม้วนเอาโครงกระดูกที่อยู่กลางอากาศทั้งหมดไป
ฉากที่น่าสะพรึงพลันปรากฎขึ้น
โครงกระดูกกลางอากาศที่ถูกไอสีเขียวม้วนเข้าไป พลันแผ่ไอสีเทาออกมาจากร่าง จากนั้นก็ทยอยกันสลายตัวออกร่วงลงมาจากท้องฟ้า
หลังจากที่เงาภูตพ่นไอสีเขียวออกมาจากปากแล้ว ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีที่สิ้นสุด ชั่วพริบตาก็ผสานกับพายุสีโลหิตสองกลุ่ม กวาดโครงกระดูกทั่วท้องฟ้าไปจนเกลี้ยง ไม่ปล่อยให้มู่ชิงและลิ่วจู๋ได้ลงมืออีก!
หานลี่เห็นสถานการณ์นี้ก็อดที่จะสูดลมหายใจเข้าเฮือกหนึ่งอย่างใจหายวาบไม่ได้
หลังจากพายุสีโลหิตหายวับไป ผู้ที่สวมชุดคลุมสีโลหิตสองคนก็กลายเป็นสายรุ้งสีโลหิตสองสายพุ่งกลับมาอีกครั้ง และเมื่อไอสีเขียวสลายหายไป เงาภูตยักษ์ที่อยู่ตรงแผ่นหลังของสตรีผู้งดงามผมขาวก็สลายหายไป
“แค่ปีศาจกระดูกทมิฬเท่านั้น นับว่าเป็นสิ่งที่รับมือง่ายที่สุดในแดนแม่น้ำอเวจี สิ่งที่จะพบหลังจากนี้ไม่ใช่สิ่งที่จัดการง่ายเช่นนี้แล้ว” มู่ชิงมองไปยังกระดูกสีขาวผืนใหญ่ที่อยู่ไกลออกไป แล้วเอ่ยงึมงำขึ้น
ดูเหมือนนางจะบ่นพึมพำกับตนเอง และดูเหมือนจะเตือนสติอะไรด้วย
หานลี่และจิตวิญญาณสีทองที่อยู่ใกล้ๆ ล้วนได้ยินอย่างชัดเจน จึงอดที่จะประสานสายตากันคราหนึ่งไม่ได้
แต่แค่หานลี่เผยสีหน้ามีแผนการณ์ออกมา ส่วนใบหน้าที่มีขนปุกปุยของจิตวิญญาณสีทองกลับไร้ซึ่งความรู้สึก
ภายใต้คำสั่งของลิ่วจู๋ กองทัพเหวพสุธาพลันเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง
……
สองวันต่อมาเหนือบึงหนองสีโลหิต ค้างคาวประหลาดตัวสีแดงโลหิตเป็นฝูงๆ กำลังโจมตีปีศาจจากเหวพสุธาอย่างบ้าคลั่ง
เมื่อค้างคาวเหล่านี้ถูกปีศาจเหวพสุธาฉีกทึ้งหรือสังหาร ร่างก็ชำรุดก็จะผสานเข้าด้วยกัน แล้วฟื้นฟูกลับมาเป็นดังเดิม มีเพียงต้องสังหารทิ้งหลายครั้ง หรือว่าใช้เคล็ดวิชาธาตุเพลิงเผาถึงจะสังหารพวกมันได้จริงๆ และเมื่อพวกมันกระโจนมาถึงร่างปีศาจเหวพสุธา ก็จะดูดโลหิตบริสุทธิ์ไป แค่สองสามคำ ก็ทำให้ร่างที่ถูกโจมตีกลายเป็นซากศพแห้งกรอบ
และค้างคาวเหล่านี้ใหญ่หน่อยก็มีขนาดสองสามจั้ง เล็กน้อยก็มีขนาดสองสามฉื่อ ค้างคาวตัวที่ใหญ่ที่สุดสิบกว่าตัว มีตัวเป็นค้างคาวใบหน้ามนุษย์ ปากพ่นลำแสงสีโลหิตออกมา ไม่ว่าปีศาจตนใดเมื่อถูกโจมตีด้วยลำแสงโลหิต ก็จะกลายเป็นผุยผงทันที
ความแข็งแกร่งของอานุภาพของมัน แม้แต่ปีศาจระดับสูงยังไม่อาจรับการโจมตีได้ซึ่งๆ หน้า
ดังนั้นครั้งนี้ไม่เพียงปีศาจทุกตนที่ลงมือ แม้แต่สี่ราชันย์ปีศาจก็ยังสำแดงอิทธิฤทธิ์ไล่สังหารค้างคาวหน้ามนุษย์เหล่านั้น
หานลี่มีประจุไฟฟ้าสีทองปกคลุมร่างอยู่ เมื่อประจุไฟฟ้าสีทองสัมผัสกับค้างคาวสีโลหิต ลำแสงสีทองก็กลายเป็นไอโลหิตทันที ทันใดนั้นก็หายวับไป
ครานั้นเขาจึงเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งขึ้นมาแล้วว่าเหตุใดมู่ชิงและเหล่าสตรีผู้งดงามถึงได้อิจฉาตาร้อนที่เขามีอัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายเป็นอย่างมาก
เห็นได้ชัดว่าภูตของแดนแม่น้ำอเวจีจำนวนไม่น้อยมีไอมารปะปนอยู่ในร่างมากบ้างน้อยบ้าง หากใช้อัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายรับมือพวกมันนั้นย่อมเป็นสิ่งที่เฉียบแหลมมาก
แม้ว่าค้างคาวสีโลหิตจะมีจำนวนไม่น้อย แต่เมื่อสี่ราชันย์ปีศาจรวมทั้งปีศาจ หุ่นเชิด ภูตทมิฬทุกตนร่วมกันโจมตีกลับไป จำนวนก็ลดลงอย่างรวดเร็ว ชั่วพริบตาก็เหลืออยู่หร็อมแหร็ม
ค้างคาวหน้าคนที่เหลืออยู่สองสามตัวเห็นท่าไม่ดี หลังจากเปล่งเสียง “กึกๆ” ออกมา ก็พ่นหมอกสีโลหิตออกมาจากผิวหนัง ชั่วครู่ก็หันหลังหนีเตลิดไป
ความเร็วของมันแค่กระพริบวาบสองสามครั้งก็มาอยู่ที่ขอบฟ้า เมื่อเปล่งแสงสว่างวาบอีกครั้งก็หายวับไปอย่างไม่เห็นเงา
……
เจ็ดวันต่อมาท่ามกลางหมอกประหลาดสีฟ้า เงาภูตสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนแปลงร่างเป็นสิ่งที่มีรูปร่างแตกต่างกันบินล้อมปีศาจเหวพสุธาเอาไว้
แม้ว่าพวกมันจะไม่ได้เข้ามาประชิดตัว แต่ปากที่เปล่งเสียงคร่ำครวญประหลาดๆ ออกมานั้น บ้างก็แหลมสูงบ้างก็นุ่มนวล ทำให้ปีศาจระดับต่ำได้ยินแล้วร่างกายสั่นเทา ดวงตาทั้งสองข้างหรี่ลง ท่าทางเหมือนจะล้มตึงลงกับพื้นได้ตลอดเวลา
ครานี้ระฆังยักษ์สีดำใบหนึ่งในกองทัพพลันบินขึ้นไปกลางอากาศ เสียงระฆังราวกับเสียงมังกรคำรามดังขึ้น เงาภูตกว่าครึ่งสลายหายไป ส่วนที่เหลืออยู่ก็ทำได้เพียงเปล่งเสียงร้องโอดครวญแล้วถอยร่นออกไป ทยอยกันจมหายเข้าไปในม่านหมอกแล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
……
หนึ่งเดือนต่อมากลางอากาศเหนือแม่น้ำประหลาดสีดำ มนุษย์ยักษ์ที่ผิวหนังเต็มไปด้วยเนื้อเน่าสีเขียว แต่กลับมีสามหัวคนหนึ่ง ยืนอยู่บนผิวน้ำ สองมือโบกสะบัดโครงกระดูกอสูรยักษ์ตัวหนึ่งไปมา กำลังต่อสู้กับหุ่นเชิดโลหิตสีม่วงโลหิตที่ขนาดไม่ต่างอะไรกับมันอยู่ตนหนึ่ง
ใกล้กับพวกมันพวกภูตที่กำลังลอยตัวอยู่ในแม่น้ำกำลังตะลุมบอนต่อสู้กับฝูงปีศาจเหวพสุธาอยู่
จำนวนของปีศาจเหวพสุธาในครานี้มีไม่ถึงหมื่นตน และยิ่งไปกว่านั้นส่วนใหญ่ยังเป็นปีศาจระดับสูง แม้แต่ทหารภูตแปดพันตนและหุ่นเชิดนับหมื่นตัวก็ยังเพลี้ยงพล้ำไปไม่น้อย
วันหนึ่งในหนึ่งเดือนต่อมา…
หานลี่ยกมือขึ้นลำแสงสีทองเปล่งแสงสว่างจ้า ภูตหัววัวร่างมนุษย์ตนหนึ่งที่อยู่ด้านหน้าถูกสับออกเป็นสองส่วนในชั่วพริบตา ทันใดนั้นแผ่นหลังพลันหมอกลำแสงสีเทากวาดมา ลูกธนูกระดูกสีขาวสองสามดอกพุ่งออกมาจากทิศทางหนึ่ง ในเวลาเดียวกันอีกมือหนึ่งก็พลิกฝ่าส่งออกไปกลางอากาศ เปลวเพลิงห้าสีหมุนวนทำให้ภูตอัปลักษณ์เขี้ยวยาวสองตนที่ปรากฎขึ้นที่ด้านหลังกลายเป็นกรวยน้ำแข็ง
และในตอนนั้นเองเสียงแหวกอากาศพลันดังขึ้น พายุแรงกดมหาศาลกลุ่มหนึ่งพลันกดลงมาจากกลางอากาศ
หานลี่หน้าเหยเก ร่างกายลางเลือนไป คิดไม่ถึงว่าจะหายไปจากที่เดิม
กระบองเขี้ยวหมาป่ายาวสิบจั้งเศษด้ามหนึ่งทุบลงไปยังจุดเดิมที่เขายืนอยู่ พื้นดินรอบๆ เปล่งแสงสีดำสว่างวาบ พังทลายลงจนเป็นหลุมยักษ์ลึกสองสามฉื่อ
ส่วนเจ้าของกระบองเขี้ยวหมาป่านั้นคือซากยักษ์ตาเดียวเรือนกายมีขนสีเขียวปกคลุม กลับมองไปรอบๆ อย่างงงงวย
ฉับพลันนั้นเหนือซากยักษ์พลันมีลำแสงสีเขียวสว่างวาบ ร่างของหานลี่ปรากฎขึ้น มือหนึ่งกดลงไปกลางอากาศด้านล่าง
ภูเขาน้อยสีดำปรากฎขึ้นมีลำแสงสีดำหมุนวนรอบภูเขา ชั่วครู่ก็กลายเป็นภูเขายักษ์ขนาดพันจั้ง
เสียง “ปัง” ดังสนั่นขึ้น ยอดเขาสีดำไม่เพียงกดซากยักษ์เอาไว้ ภูตอื่นๆ ในรัศมีร้อยจั้งก็กลายเป็นชิ้นๆ
หานลี่พ่นลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง แล้วถึงได้ลอยตัวอยู่กลางอากาศครู่หนึ่ง แล้วมองพิจารณารอบๆ
ทั้งสี่ด้านแปดทิศล้วนเป็นไอภูต ไอหมอกหมุนวน หากเกินพันจั้งแม้ว่าจะใช้เนตรวิญญาณวารีกระจ่างก็ยังมองไม่เห็นอะไรเลย
แต่จึงทำได้เพียงตัดสินจากลำแสงวิญญาณที่ระเบิดออกเป็นบางครั้งคราวและเสียงดังสนั่นที่ดังมาอย่างต่อเนื่องว่าปีศาจเหวพสุธาจำนวนไม่น้อยคงกำลังต้านทานกับการโจมตีจากกองทัพภูตอย่างหนักหน่วง แต่แค่ไม่รู้ว่าสี่ราชันย์ปีศาจแยกกันไปที่ใด และถูกภูตเ**้ยมแห่งแม่น้ำอเวจีเหล่านั้นล้อมเอาไว้หรือยัง
มุมปากของหานลี่พลันกระตุก เผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา
หนึ่งเดือนก่อนสิบกว่าวันแรกที่พวกเขาเข้ามา แม้ว่าจะมีการต่อสู้ที่ดุเดือดซัดขเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็นับว่าเป็นการเดินทางที่ราบรื่นและค่อยๆ เคลื่อนตัวไปไกลได้เรื่อยๆ แต่ครึ่งเดือนให้หลังระหว่างทางที่ข้ามผ่านเขตอันตรายสิบกว่าแห่งกลับไม่มีภูตปรากฎตัวขึ้นอีกเลย
ในบรรดาสถานที่เหล่านี้สองสามแห่ง ภูตเ**้ยมที่อาศัยอยู่ล้วนมีความสามารถพิเศษ แม้กระทั่งสี่ราชันย์ปีศาจเองยังรู้สึกหวาดกลัวอยู่สามส่วน จึงได้ตั้งใจหลอมทหารภูตแปดพันตนและหุ่นเชิดนับหมื่นตัวขึ้น ส่วนปีศาจระดับต่ำเหล่านั้นต่างเหลือเพียงไม่กี่ตนตั้งแต่สงครามที่ดุเดือดช่วงแรกแล้ว
เมื่อเผชิญกบัสถานการณ์ที่คาดไว้แล้ว หลังจากที่ลิ่วจู๋และพวกปรึกษากันเสร็จแล้ว แม้ว่าจะรู้สึกใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ แต่ก็ไม่มีทางคิดจะกลับไป
พวกเขาจึงทำได้เพียงเดินหน้าต่อด้วยความระมัดระวังที่เพิ่มขึ้น
ผลคือวันนี้กองทัพกำลังเดินมาถึงจุดที่มู่ชิงกล่าวเอาไว้ หลังจากไม่มีภูตเ**้ยมอาศัยอยู่ที่ที่ราบสูง ฉับพลันนั้นทั้งสี่ด้านแปดทิศก็มีกองทัพภูตจำนวนนับไม่ถ้วนทะลักเข้ามา จำนวนมากมายจนปกคลุมเต็มท้องฟ้า
กำลังของพวกมันสามสิบกว่าตัวล้วนเหนือกว่าผู้นำภูตเ**้ยมระดับหลอมสูญ หมอกทมิฬหนาๆ ที่ปล่อยออกมาพลันล้อมพวกเขาเอาไว้อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็พุ่งเข้ามาแยกกองทัพทั้งกองทัพออกอย่างคาดไม่ถึง ทำให้หานลี่และพวกต้องสู้ตามลำพัง!
ตอนแรกหานลี่ จิตวิญญาณสีทองและปีศาจเหวพสุธาที่อยู่ใกล้ๆ กันยังช่วยกันโจมตีภูตเหล่านั้น
แต่ไม่รู้ว่าหมอกทมิฬนี้เป็นอิทธิฤทธิ์ชนิดใดของพวกภูต ระหว่างการต่อสู้หากถอยห่างกันเพียงเล็กน้อย ก็จะถูกม่านหมอกทำให้หลงทางทันที
แม้ว่าหานลี่จะมีจิตสัมผัสไม่อ่อนแอ ประกอบกับความสามารถของเนตรวิญญาณวารีกระจ่าง หลังจากเข่นฆ่าไปครึ่งค่อนวันก็ขาดการติดต่อกับคนอื่นๆ
เขาจึงทำได้เพียงเงี่ยหูฟังการต่อสู้จากจุดที่ไกลออกไป ส่วนฝูงภูตที่อยู่รอบๆ ต่างก็กระโจนเข้ามาหาเขาฝูงแล้งฝูงเล่าอย่างไม่กลัวเกรงความตาย
โชคดีที่แม้ว่าภูตเหล่านี้จะมีจำนวนมาก แต่มากสุดก็อยู่แค่ระดับก่อกำเนิด เทพแปลงเท่านั้น จึงไม่อาจสร้างภัยคุกคามอะไรได้จริงๆ
หลังจากสังหารไปรอบหนึ่งเมื่อครู่ เขาถึงได้สังหารภูตที่อยู่ในบริเวณรอบไปจนเกลี้ยงชั่วคราว และมีโอกาสได้พักหายใจ
ทว่าจากประสบการณ์ก่อนหน้าอีกเดี๋ยว ก็จะมีฝูงภูตฝูงใหม่เข้ามาพัวพัน ให้เขาสังหารอย่างไม่รู้จักจบสิ้น
หานลี่มีสีหน้าไม่สบายใจอยู่ชั่วครู่ ฉับพลันนั้นก็ใช้มือหนึ่งตะปบออกไปด้านล่าง ยอดเขายักษ์ด้านหลังสั่นสะเทือนแล้วหายวับไป
ตัวเขามีลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ ชั่วครู่ก็กลายเป็นสายรุ้งสีเขียวสายหนึ่ง พุ่งตรงไปยังจุดที่มีเสียงเข่นฆ่าน้อยที่สุด
หานลี่ต้องหนีออกจากเขตหมอกนี้ เพื่อหาวิธีป้องกันตนเองก่อนแล้วค่อยว่ากัน
หากไม่ได้จริง! เขาก็ไม่สนความกลัวที่มีต่อลิ่วจู๋ หญิงงามผมขาวและพวก มีเพียงต้องปล่อยอสูรวิญญาณครวญออกมาฝ่าวงล้อมออกไป
มิเช่นนั้นหากสังหารอย่างไม่จบสิ้นเช่นนี้ ก็อาจจะติดอยู่ในภูตเหล่านี้จนตาย
ตอนที่ 1478 มารเขย่าชั้นบรรยากาศ
ฉากที่ทำให้ตื่นตะลึงพลันปรากฏขึ้น
หลังจากที่ลูกบอลลำแสงสีโลหิตสูบของสีดำแดงเข้าไป กลิ่นคาวเลือดพลันสลายหายไป กลับมีกลิ่นหอมฟุ้งโชยออกมาแทน
พลันเกิดเสียงฮือฮาขึ้นท่ามกลางเหล่าปีศาจที่อยู่ด้านล่าง!
ปีศาจระดับสูงเหล่านั้นยังพอว่า แม้จะรู้สึกโลภ แต่สุดท้ายก็ฝืนควบคุมอาการของตนเองเอาไว้
ปีศาจระดับต่ำอื่นๆ ที่สติปัญญาไม่สูงกลับทยอยกันเผยสีหน้าละโมบออกมา พากันสติหลุด ส่วนทหารภูตและหุ่นเชิดทั้งหมดที่อยู่ในพายุสีดำกลับนิ่งสงบไม่ได้ขยับเขยื้อน
ฉับพลันนั้นเสียงแค่นเสียงขึ้นจมูกอันเย็นชาพลันดังขึ้น
ความเย็นยะเยือกทะลุปอดพลันแผ่ซ่านออกมา ชั่วพริบตาก็ปกคลุมไปทั่ว ทำให้ปีศาจทั้งหมดตัวสั่นสะท้าน ความละโมบที่เพิ่งผุดขึ้นมาเมื่อครู่หายวับไป
คาดไม่ถึงว่าลิ่วจู๋จะดูเหมือนว่าคาดเดาเรื่องนี้เอาไว้แล้ว แรงกดดันระเบิดออกมาจากร่าง
หานลี่เห็นเช่นนั้นพลันใจกระตุกวูบ
ตั้งแต่ที่เขาบอกกับสิ่งมีชีวิตระดับหลอมร่างสองสามคน ลิ่วจู๋คือคนที่แข็งแกร่งที่สุด
หรือว่าอยู่ในระดับยอดสุดของระดับหลอมร่างขั้นปลาย?
หานลี่เอ่ยพึมพำในใจ ในเวลาเดียวกันก็ตัดสินใจว่าจะไม่เผชิญหน้ากับอีกฝ่ายตรงๆ ใดๆ ทั้งสิ้น
บางทีจากความสามารถของเขา เผชิญหน้ากับราชันย์ปีศาจตนอื่นก็พอจะมีหวังในการหลบหนีได้ แต่กลับคนผู้นี้กลับไม่มีโอกาสใดๆ
ครานี้มู่ชิงกำลังเอ่ยพึมพำอยู่เบื้องหน้าลูกบอลโลหิตยักษ์ที่แผ่กลิ่นหอมฟุ้งออกมา
ปีศาจระดับสูงสิบกว่าตนกลับทยอยกันพุ่งลงไปด้านล่าง คาดไม่ถึงว่าจะมีท่าทีหนีหัวซุกหัวซุน
แทบจะในเวลาเดียวกันด้านบนลูกบอลโลหิตมีเสียงฟ้าฟาดดังสนั่นขึ้น ชั้นบรรยากาศรอบๆ สั่นสะเทือน เมฆหมอกสีเงินอ่อนปรากฏขึ้นเป็นกลุ่มๆ จากนั้นก็หมุนวน กลายเป็นกระแสน้ำวนยักษ์
กระแสน้ำวนมีเส้นผ่าศูนย์กลางสิบจั้งเศษ ด้านในมีหมอกสีเงินหมุนวนเป็นเกลียว และยิ่งไปกว่านั้นยังเปล่งประกายขึ้นเรื่อยๆ เสียงกรีดร้องระเบิดออกมาในเวลาเดียวกัน ราวกับว่ามีอะไรสักอย่างพุ่งแหวกอากาศมาอย่างไรอย่างนั้น
หานลี่หน้าเหยเก ดวงตาที่มองไปกลางอากาศหรี่ลงเล็กน้อย ด้านในมีลำแสงสีฟ้าเปล่งแสงสว่างวาบไม่หยุด
บางทีคนอื่นอาจจะไม่รู้สึก แต่อิทธิฤทธิ์เนตรวิญญาณวารีกระจ่างของหานลี่กลับมองเห็นสถานการณ์ในกระแสน้ำวนได้อย่างชัดแจ้ง
เห็นเพียงส่วนลึกที่สุดในกระแสน้ำวน ดูเหมือนกระดาษบางๆ ที่ยับยู่ยี่ ภายใต้หมอกสีเงินที่อัดลงไป และสั่นเทาอย่างรุนแรง
เสียงระเบิดก็คือเสียงชั้นบรรยากาศที่ผัวผวนอย่างรุนแรง จนเกิดเป็นเสียงร้องประหลาดๆ ออกมา
ฉับพลันนั้นเสียงเครื่องลายครามปริแตกก็ดังสลับปะปนขึ้น รูม่านตาของหานลี่หดเล็กลง
ในที่สุดชั้นบรรยากาศในกระแสน้ำวนก็ปริแตก ลำแสงสีดำเปล่งแสงสว่างวาบ แขนที่มีขนสีเงินปุกปุยข้างหนึ่งยื่นออกมา หลังจากที่ชั้นบรรยากาศพลิ้วไหวสองสามครั้ง ทันใดนั้นแขนอีกข้างที่เหมือนกันทุกระเบียบนิ้วก็ยื่นออกมา
แขนยักษ์สองข้างที่มีเล็บสีทำสนิทยาวสองสามจั้งตะปบไปตรงขอบของหลุมดำทั้งซ้ายและขวา
ชั้นบรรยากาศรอบๆ ในระยะร้อยจั้งเศษแตกออกเป็นเสี่ยงๆ!
หลังจากนั้นกระแสน้ำวนสีเงินพลันมีเสียงคร่ำครวญดังขึ้น กลายเป็นดวงดาวสีเงินแล้วแตกพร่างพราวหายไป
กลางอากาศที่เดิมกลับมีหลุมดำที่ใหญ่กว่าเดิมสิบเท่าปรากฏขึ้น มือยักษ์คู่หนึ่งเกาะอยู่ตรงขอบของมันนิ่ง ในเวลาเดียวกันดวงตายักษ์ข้างหนึ่งที่อยู่กลางหลุมดำพลันกะพริบระยิบระยับ เปล่งลำแสงสีเขียวประหลาดๆ ออกมา
เมื่อเห็นสถานการณ์ที่น่าตกตะลึงนี้ นอกจากราชันย์ปีศาจทั้งสี่แล้ว ทุกคนต่างก็สูดลมหายใจเย็นยะเยือกเข้าไปเฮือกหนึ่ง
มู่ชิงมีสีหน้าเคร่งขรึม เขตอาคมลำแสงสีดำใต้ฝ่าเท้าเปล่งแสงเจิดจ้า ชั่วขณะนั้นพลันสลายหายไปท่ามกลางลูกบอลโลหิต
ครู่ต่อมาสตรีผู้นี้พลันมาปรากฏตัวเบื้องหน้าวานรสีทอง สีหน้าค่อยๆ ผ่อนคลายลง
เสียง “กุ๊กๆ” ราวกับเสียงไก่ขันดังออกมาจากหลุมดำยักษ์
หานลี่ได้ยินแล้วพลันตื่นตะลึงอย่างคาดไม่ถึง แต่เมื่อมองไปทางสายทีขวาทีกลับตกใจจนสะดุ้งเฮือก
หลังจากที่เหล่าปีศาจด้านล่างได้ยินเสียงประหลาดนี้ ก็ทยอยกันร่างกายสั่นเทา
พวกที่อยู่ในระดับต่ำหน่อยรู้สึกหมดเรี่ยวแรงล้มตึงลงไปกับพื้น ระดับสูงหน่อยก็ดูเหมือนว่าจะยืนได้อย่างไม่มั่นคง
แม้แต่สี่ราชันย์ปีศาจในครานี้ก็ยังมีลำแสงวิญญาณหลากสีสันกะพริบวาบอยู่บนผิวกาย ต่างใช้เคล็ดวิชาต่างๆ ออกมาป้องกัน
ส่วนหานลี่กลับปลอดภัยทุกระเบียบนิ้ว ท่าทางไม่รู้สึกถึงความผิดปกติเลยสักนิด
หานลี่พลันตื่นตะลึงกับตนเองอย่างระงับไม่อยู่ แน่นอนว่าย่อมดึงดูดความสนใจของมู่ชิงและพวก
สตรีผู้งดงามเรือนผมสีขาวร้องอุทานออกมเบาๆ ริมฝีปากขยับเล็กน้อยคิดจะเอ่ยถามอะไร แต่ลิ่วจู๋กลับชิงเอ่ยปากอย่างเย็นชาว่า
“ไม่ต้องตกใจ! เจ้าเด็กนั้นใช้สมบัติไผ่อัสนีสีทองมาเป็นสมบัติประจำกาย ประกอบที่ไม่ได้อยู่ในเหวพสุธานานนัก ไอทมิฬจึงยังไม่อาบย้อมไปบนเรือนร่าง จึงไม่กลัวเสียงร้องของมารเขย่าชั้นบรรยากาศก็ไม่แปลก”
เมื่อได้ยินลิ่วจู่เอ่ยเช่นนี้ หญิงงามก็เผยสีหน้าเข้าใจได้ แล้วปิดปากเงียบไม่ได้เอ่ยอะไร
ผู้ที่สวมชุดคลุมสีโลหิตสองคนและมู่ชิงพลันหน้าเปลี่ยนสีขณะมองหานลี่แวบหนึ่ง แต่กลับไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
หานลี่ได้ยินคำว่า ‘มารเขย่าชั้นบรรยากาศ’ พลันขมวดคิ้ว
ชื่อนี้เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่สามารถแหวกอากาศมาได้ย่อมไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน หรือว่าเเป็นนสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในระดับวิญญาณเที่ยงแท้? แต่แม้ว่าสี่ราชันย์ปีศาจจะมีสีหน้าเคร่งขรึม แต่ก็ไม่เหมือนกับเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตระดับวิญญาณเที่ยงแท้ถือกำเนิด!
หานลี่กำลังรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก แขนสีเงินคู่นั้นตรงขอบของหลุมดำหดเล็กลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นดวงตาปีศาจในหลุมก็ค่อยๆ ชัดเจนขึ้น สิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาค่อยๆ โผล่ขึ้นมาจากด้านใน เผยหน้าตาที่แท้จริงของมันออกมา
ขณะที่หานลี่กำลังมองไป ก็มีสีหน้าตกตะลึง
ตัวประหลาดนี้มีหัวเป็นสีเงินขนาดยี่สิบสามสิบจั้ง ผิวของมันเป็นตะปุ่มตะป่ำ ไม่มีขนเลยสักเส้น ตรงหว่างคิ้วมีดวงตาสีเขียวมรกตโผ่ออกมาครึ่งดวง ปากยาวใหญ่ เต็มไปด้วยฟันซี่เล็กๆ ดูแหลมคมเป็นพิเศษ ส่วนตรงจมูกกลับว่างเปล่า มีเพียงหลุมสีดำสองหลุม ไม่มีอะไรเลยสักนิด
แต่สิ่งที่ทำให้ขนพองสยองเกล้าก็คือ ตัวประหลาดตัวนี้มีหัวตั้งหัวนึง แต่กลับไม่มีตัว แขนที่มีขนปุกปุยคู่นั้นงอกออกมาจากตรงหูทั้งสองข้างบนหัว พลางเปล่งแสงสีเงินเรืองๆ ออกมา
“นี่คือมานจิงคง ท่าทางน่ากลัวเกินไปหน่อยแล้วกระมัง!”
แม้ว่าก่อนหน้านี้หานลี่จะเคยพบตัวปีศาจมารตัวประหลาดมาไม่น้อย แต่ก็ยังตกใจกับรูปร่างของมัน จนรู้สึกเย็นเยียบที่แผ่หลัง!
หลังจากที่ปีศาจตนนี้ปรากฏตัวด้านหน้าหลุมดำ ดวงตาข้างเดียวของมันก็หมุนวน ตกลงบนลูกบอลโลหิตยักษ์ทันที และเปล่งแสงประหลาดๆ ออกมา
ทำเหมือนมองไม่เห็นสี่ราชันย์ปีศาจรวมทั้งปีศาจหุ่นเชิดสองสามหมื่นตนที่อยู่ด้านล่าง
เห็นได้ชัดว่าที่มันฉีกชั้นบรรยากาศมาที่นี่ ก็เพราะถูกดื่มโลหิตดึงดูดมา
ครานี้ในที่สุดปีศาจระดับต่ำก็ทยอยกันปีกขึ้นมาหลังจากที่มารเขย่าชั้นบรรยากาศหยุดร้อง แต่พากันตัวสั่นเทาไม่กล้าเปล่งเสียงใดๆ ออกมาเลยสักนิด
สี่ราชันย์ปีศาจมองตัวประหลาดนี้ ล้วนมีท่าทีตึงเครียด แต่ไม่ได้เผยสีหน้าลนลานออกมา
หัวยักษ์เปล่งเสียงร้องคำรามต่ำๆ ออกมา อ้าปากออกพ่นหมอกสีเงินออกมา ชั่วครู่ก็ม้วนเอาลูกบอลโลหิตด้านล่างเข้าไป แล้วดึงกลับไป
เสียง “อึก” ดังขึ้น ลูกบอลโลหิตถูกตัวประหลาดกลืนลงไป
มารเขย่าชั้นบรรยากาศเปล่งแสงสว่างวาบ เรือนกายกลายเป็นสีแดงสด ราวกับว่ากลืนดื่มโลหิตเข้าไปแล้วก็ถูกย้อมเป็นสีแดงในชั่วพริบตา
เสียงอึกทึกราวเสียงเรอดังออกมาจากปาก หัวยักษ์เริ่มสั่นคลอน ทันใดนั้นก็หันกายจมหายเข้าไปในหลุมยักษ์สีดำ ชั่วพริบตาก็าหายไปอย่างไร้ร่องรอย
คาดไม่ถึงว่ามารเขย่าชั้นบรรยากาศจะไปทั้งอย่างนั้น
สี่ราชันย์ปีศาจไม่ได้เข้าไปขัดขวางเลยสักนิด ไม่ได้มีเจตนาจะรั้งมันไว้ใดๆ เหลือเอาไว้เพียงหลุมดำที่ปรากฏขึ้นกลางอากาศ
เมื่อมองมาถึงตรงนี้ แววตาของหานลี่กลับฉายแววตกตะลึงออกมา รู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อย!
แต่ในตอนนั้นเองลิ่วจู๋พลันเอ่ยปากขึ้นอย่างราบเรียบว่า
“เอาล่ะ มีมารเขย่าชั้นบรรยากาศช่วยฉีกชั้นบรรยากาศแทนพวกเรา การเข้าไปในแม่น้ำอเวจีของพวกเราก็สำเร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว สหายมู่เจ้ากับข้าเข้าไปก่อน ไปเชื่อมโยงชั้นบรรยากาศของแม่น้ำอเวจี จะได้ให้ตี้เสวี่ยและกองทัพของสหายหลันเข้าไปได้อย่างราบรื่น”
“เชิญสหายลิ่วจู๋! สหายหาน วิญญาณทอง พวกเจ้าตามข้ามาเถิด” มู่ชิงพยักหน้า และออกคำสั่งอย่างไม่ลังเล
“ขอรับ!” วานรสีทองตอบกลับ แล้วรีบร้อนค้อมตัวลง
หานลี่พลันตะลึงงัน ทันใดนั้นก็หัวเราะอย่างขมขื่นออกมาแล้วบินไป
ที่แท้ราชันย์ปีศาจสองสามตนก็ใช้ดื่มโลหิตดึงดูดให้มารเขย่าชั้นบรรยากาศปรากฏตัว แล้วใช้ชั้นบรรยากาศที่มันฉีกออก เข้าไปในแม่น้ำอเวจีเท่านั้น
ทว่าดูจากท่าทางคุ้นเคยในการวางดื่มโลหิตของมู่ชิงและพวก ก็เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่การสังเวยโลหิตครั้งแรก
ไม่รู้ว่ามารตนนี้มีอิทธิฤทธิ์ชนิดใด คาดไม่ถึงว่าหลังจากหายไปแล้ว จะทิ้งรอยแยกของชั้นบรรยากาศเอาไว้ ทันใดนั้นร่างของลิ่วจู๋และมู่ชิงก็พลิ้วไหว ชิงบินนำเข้าไปในหลุมยักษ์สีดำ
หานลี่ทำได้เพียงทำใจดีสู้เสือตามไปท่ามกลางสายตาของวานรสีเหลืองที่กำลังฉีกยิ้มโดยที่ดวงตาไม่กะพริบไปด้วย
เมื่อร่างกายมาปรากฏที่ขอบของหลุมดำ หานลี่ก็สัมผัสได้ถึงคลื่นชั้นบรรยากาศที่แข็งแกร่งมากด้านในพัดเข้ามาเป็นระลอกๆ เห็นเพียงรอยแยกของชั้นบรรยากาศไม่เหมือนกับรอยแยกอื่นๆ ที่เคยเห็นมาก่อน ราวกับเป็นอุโมงค์ยักษ์ที่ทอดตัวไปยังจุดที่ไกลแสนไกล
ตรงสีดำสนิทที่อยู่ไกลออกไป มีเสียงร้องคำรามต่ำๆ ดังออกมาอย่างต่อเนื่อง
ลิ่วจู๋และมู่ชิงกำลังบินอยู่ลิบๆ เบื้องหน้า ความเร็วเชื่องช้า ท่าทางระมัดระวังตัว
หานลี่และวานรสีทองเองก็ตามไปทันที
ทางเดินสีดำไม่ยาวนัก คนกลุ่มนั้นบินไปข้างหน้าไปพันจั้งเศษ ฉับพลันนั้นก็หยุดลง เบื้องหน้ามีหมอกสีเงินหมุนวน ไม่มีหนทางใดๆ ให้เคลื่อนไปอีก
“ถึงแล้ว ที่นี่แหล่ะ มารเขย่าชั้นบรรยากาศตนนั้นหลับไปแล้วดังคาด หลังจากกลับไปถึงแม่น้ำอเวจีก็ทำได้เพียงปิดทางเดินเล็กๆ เอาไว้เท่านั้น สหายมู่ชิงดื่มโลหิตที่เจ้าให้มันกินในครั้งนี้ น่าจะทำให้มันหลับสนิทไปได้เป็นเวลานานสินะ!” ลิ่วจู๋จ้องเขม็งไปยังหมอกสีเงินเบื้องหน้า เอ่ยถามด้วยสีหน้าเงียบสงบ
“วางใจ ดื่มโลหิตกลุ่มสุดท้ายนี้ ข้าไม่ได้แอบลดวัตถุดิบเลยสักนิด ทำตามที่สหายสั่งมาทุกอย่าง ด้วยเหตุนี้ที่ผ่านมาข้าจึงแทบจะสูญเสียสภาพจิตใจทั้งหมดไป” มู่ชิงเอ่ยอย่างมั่นอกมั่นใจมาก
“ดีมาก! แม้ว่ามารเขย่าชั้นบรรยากาศจะเป็นมารที่มีชื่อเสียงในเรื่องชั้นบรรยากาศ แต่มันไม่รู้สึกตัวเลย ก็ต้องพึ่งฝีมือในการจัดการเท่านั้น! แต่การบวงสรวงดื่มโลหิตสิบกว่าครั้งก่อน ประกอบกับการกลืนสมุนไพรมัวเมาหมื่นปีในดื่มโลหิตในครั้งนี้เข้าไป ก็เพียงพอจะทำให้มันหลับไปสองสามเดือนแล้ว ขอแค่มันไม่ตื่น ทางเดินก่อนหน้าก็จะยังผ่านเข้าออกได้ เพียงพอให้พวกเรากลับไปจากแม่น้ำอเวจี จะว่าไปแล้วครั้งที่แล้วหากไม่ใช่เพราะมารตนนี้มาปรากฏตัวในเหวพสุธาของพวกเรา พวกเราก็คงไม่มีทางแม่น้ำอเวจีได้” ลิ่วจู๋พยักหน้าขณะเอ่ย
“ทว่าหากไม่ใช่เพราะพี่ลิ่วจู๋เคยได้ยินเรื่องแม่น้ำอเวจีมาก่อน เกรงว่าพวกเราก็ไม่มีทางเสี่ยงอันตรายเข้าไปในสถานที่อันตรายในครั้งนี้!” มู่ชิงหัวเราะบางๆ ออกมา
“หึ หากไม่ใช่เพราะพวกเจ้าเองก็สนใจนมเทวะแม่น้ำอเวจีเช่นกัน ข้าก็ไม่พูดให้พวกเจ้าสนใจหรอก เอาล่ะ ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพูดคุยกันเรื่องนี้ ลงมือ เปิดทางเดินเถิด!” ลิ่วจู๋แค่นเสียงหึแล้วออกคำสั่ง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น