คัมภีร์วิถีเซียน 1474-1475

ตอนที่ 1474 แผนการที่คาดไม่ถึง

 

“ในเมื่อนายท่านรู้แล้ว วิญญาณจินก็วางใจ ทว่านายท่านจะไปแม่น้ำอเวจีในครั้งนี้ จะจัดการร่างพฤกษาวิญญาณอย่างไร?” วานรลังเลเล็กน้อย แล้วเอ่ยถามสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจ


 


 


“จุดนี้ข้าคิดเอาไว้แล้ว ข้าจะเตรียมนำร่างพฤกษาวิญญาณไปด้วย” มู่ชิงตอบกลับอย่างราบเรียบ


 


 


“นายท่าน จะเป็นไปได้อย่างไร! แม่น้ำอเวจีอันตรายขนาดไหน หากนายท่านถูกกักหรือเกิดอะไรขึ้นในแม่น้ำอเวจี ร่างหลักอยู่ภายนอก ขอแค่ใช้เวลาสักหน่อย ก็อาจจะคืนร่างได้อีกครั้ง แต่หากถูกกักอยู่ในแม่น้ำอเวจีด้วยกัน จะไม่เป็นการสูญเสียโอกาสนี้หรือ และยิ่งไปกว่านั้นร่างพฤกษาวิญญาณก็ไม่อาจอยู่ในย่ามเก็บของได้นานนัก แม่น้ำอเวจีไม่มีต้นไม้ใบหญ้าสักต้น จึงยิ่งไม่อาจปลูกไว้ที่นั่นได้” วานรสีทองมีสีหน้ากังวลใจ


 


 


“วางใจ ในเมื่อข้านำร่างหลักเข้าไปในแม่น้ำอเวจี แน่นอนว่าต้องมั่นใจว่าจะกลับมาได้มากกว่าเจ็ดส่วน ด้วยเหตุนี้ข้ายังหลอมไข่มุกเก็บของที่พฤกษาวิญญาณสามารถอาศัยอยู่ได้สองสามปีขึ้นมาด้วย มิเช่นนั้นข้าจะเอาร่างหลักออกไปในโลกภายนอกอย่างสบายใจได้อย่างไร แม้นว่าเจ้าจะมีความสามารถไม่น้อย ห่างชั้นกับพวกเราแค่ขั้นเดียวเท่านั้น แต่หากมีคนวางแผนชั่วร้าย ก็ไม่อาจปกป้องร่างหลักของข้าได้นานนัก” มู่ชิงสั่นศีรษะ เดินไปอยู่หน้าต้นไม้ยักษ์สีดำ ใช้ฝ่ามือลูบไปที่ต้นไม้อย่างแผ่วเบาขณะเอ่ย


 


 


“ในเมื่อนายท่านตัดสินใจแล้ว วิญญาณจินก็ขอตามเข้าไปช่วยนายท่านที่แม่น้ำอเวจีอีกแรง” วานรสีทองได้ฟังคำพูดอันแน่วแน่ของมู่ชิง พลันครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วเอ่ยเช่นนี้ออกมา


 


 


“หึๆ ผู้เฒ่าจินไม่พูดถึงเรื่องนี้ ข้าก็คิดไว้อย่างนั้นอยู่แล้ว ถึงอย่างไรเสียช่วงที่ผ่านมาแม้ข้าจะรับผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีความสามารถเอาไว้หลายคน แต่กลับมีแค่เจ้าที่ข้าไว้ใจจริงๆ หลังจากตามข้าเข้าไปในแม่น้ำอเวจีแล้วก็ไม่ต้องทำอย่างอื่น แค่ช่วยข้าจับตามองเจ้าเด็กแซ่หานก็พอแล้ว แน่นอนว่าหากเขาตกอยู่ในอันตราย ก็ต้องปกป้องชีวิตน้อยๆ ของเขาเอาไว้” มู่ชิงเอ่ยอย่างร่าเริง


 


 


“เจ้าเด็กแซ่หาน? คือผู้ที่นายท่านพากลับมาเมื่อสองปีที่แล้วน่ะหรือ” วานรสีทองแววตาเปล่งประกายเย็นยะเยือก เอ่ยถามเพื่อความแม่นยำ


 


 


“ใช่แล้ว คนผู้นั้นไม่ใช่แค่มีประโยชน์ต่อการทำลายเขตอาคมของแม่น้ำอเวจี ยังเป็นคนที่มีความสำคัญต่อการฟื้นฟูปราณแท้อย่างรวดเร็วของข้าอีกด้วย” มู่ชิงพยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม


 


 


“ข้าจะดูแลคนผู้นี้ให้ดี” วานรสีทองตบอกพลางเอ่ยอย่างรับประกัน


 


 


“ก่อนเข้าไปในแม่น้ำอเวจีอย่างเป็นทางการ เจ้าไม่ต้องกังวลกับความปลอดภัยของคนผู้นี้นัก แม้ว่าพวกเราจะไม่ลงมือ คนอื่นๆ ก็ต้องการให้ผู้คนผู้นี้ทลายเขตอาคมของแม่น้ำอเวจี ไม่มีทางทำร้ายเขาแม้แต่ปลายก้อยแน่ แต่หลังจากเข้าไปในแม่น้ำอเวจีแล้ว ตาเฒ่าจินคงต้องลำบากแล้ว” มู่ชิงคุร่นคิดแล้วเอ่ยขึ้น


 


 


“นายท่านโปรดวางใจ วิญญาณจินเข้าใจดี” วานรสีทองตอบกลับอย่างเคร่งครัด


 


 


“เยี่ยม ข้าก็วางใจ ที่นี่ให้เจ้าดูแลชั่วคราวก็แล้วกัน รอจนถึงวันที่ออกเดินทาง ข้าจะมาเรียกเจ้าอีกครั้ง” มู่ชิงถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง เผยสีหน้ามีแผนการออกมา


 


 


……


 


 


ในมิติเวลาขนาดใหญ่ด้านล่างพระราชวังเพลิงโลหิต ผู้ที่สวมชุดคลุมสีโลหิตสองคนยืนเคียงบ่ากัน เบื้องหน้าของทั้งสองคือหุ่นเชิดสีม่วงโลหิตขนาดใหญ่เท่าเนินเขา


 


 


ครานี้ดวงตาปีศาจทั้งสี่ที่อยู่เบื้องหน้าของหุ่นเชิดพลันเบิกโพลง เปล่งลำแสงสีโลหิตประหลาดๆ ระยิบระยับ จ้องเขม็งไปยังผู้ที่สวมชุดคลุมสีโลหิตเบื้องหน้า


 


 


ผู้ที่สวมชุดคลุมสีโลหิตทั้งสองไม่ไหวติง แต่สายตาที่ประสานกับดวงตาทั้งสี่ของหุ่นเชิดนั้นกลับเผยแววตาเลื่อนลอยสับสนออกมา


 


 


หลังจากผ่านไปชั่วครู่เสียงถอนหายใจลึกๆ ก็ดังออกมาจากปากของหุ่นเชิด!


 


 


“เช่นนั้นมู่ชิงและแม่เฒ่าภูตคงไม่ทำสัญญา คิดจะใช้เจ้าเด็กนั่นช่วยกันฮุบสมบัติในสุสานมารหรอก หึ โชคดีที่ข้าคิดเรื่องนี้เอาไว้นานแล้ว ให้เจ้าเด็กแซ่หานช่วยพวกเราหลอมเกราะสงครามปัดเป่าภยันตรายก่อน ขอแค่เจ้าเด็กนั่นพกวิญญาณรับใช้ไว้กับตัว ถึงครานั้นจะถูกใครควบคุมก็เป็นเรื่องที่พูดยากแล้ว นอกจากนี้แม้นว่าพวกของลิ่วจู๋และแม่เฒ่าภูตจะเจ้าเล่ห์ ก็คงคิดไม่ถึงว่าข้าจะยอมทิ้งร่างคู่มารทมิฬเดิม นำจิตวิญญาณดั้งเดิมไปหลอมรวมกับหุ่นเชิด เหลือไว้ในร่างมารแค่จิตวิญญาณดั้งเดิมที่สองเท่านั้น และไม่กลัวอัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายอะไรอีก ขอแค่เข้าไปในแม่น้ำอเวจี ได้สิ่งที่ทำให้หุ่นเชิดพัฒนาระดับขึ้นอีกขั้น ข้าก็จะอาศัยร่างของหุ่นเชิดขึ้นเป็นแม่ทัพ นั่นก็ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันแล้ว หึๆ สมบัติในสุสานมาร ย่อมไม่มีทางปล่อยให้พวกเขาทั้งสองเอาไปแต่เพียงลำพังแน่”


 


 


เสียงบุรุษที่ไม่คุ้นเคยดังออกมาจากร่างของหุ่นเชิดสีม่วงแดง ดังก้องสะท้อนไปทั้งมิติเวลา


 


 


ส่วนผู้ที่สวมชุดคลุมสีโลหิตทั้งสองล้วนมีสีหน้าสดใส แต่กลับประสานมือเข้าด้วยกัน โดยไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา


 


 


…..


 


 


ในส่วนลึกของเหวพสุธา วายุสีดำลูกหนึ่งกำลังเริงระบำอยู่ท่ามกลางหุบเขา สตรีผู้งดงามเรือนผมสีขาวลอยอยู่กลางอากาศ มือหนึ่งควงของสิ่งหนึ่งเล่นในมือ สายตากวาดไปยังเบื้องล่างอย่างราบเรียบ


 


 


ด้านล่างวายุสีดำลูกนั้นมีเงาร่างคนจำนวนนับไม่ถ้วนอยู่ลางๆ


 


 


เงาร่างคนเหล่านี้สูงสองสามจั้ง ผิวหนังเป็นเกราะประหลาดสีดำ หน้าตาแปลกประหลาด


 


 


ฮูหยินผู้งดงามผมขาวพิจารณาเงาร่างคนด้านล่างแวบหนึ่ง แล้วถอนสายตากลับมาจ้องเขม็งไปยังสิ่งของในมือ


 


 


นางควงมันเล่นไปมา เห็นได้ชัดว่าคือไข่มุกกลมๆ สีเขียวมรกตเม็ดหนึ่ง


 


 


ไข่มุกเม็ดนี้เปล่งแสงสีเขียวโดยไม่รู้ว่าเป็นสมบัติชนิดใด ตัวเม็ดเปล่งไอวิญญาณพฤกษาที่บริสุทธิ์ออกมา


 


 


ส่วนใบหน้าของฮูหยินงามกลับมีสีหน้าไม่สงบนิ่ง เหมือนกับมีเรื่องอะไรสักอย่างที่ทำให้นางไม่อาจตัดสินใจได้


 


 


……


 


 


ตรงใจกลางของเทือกลึกลับที่ชั้นหนึ่งของเหวพสุธา บนแท่นบูชาสูงร้อยจั้งเศษ ลูกตาขนาดยักษ์สีเทาขาวดวงหนึ่งยังคงพ่นเส้นไหมสีเทาจำนวนนับไม่ถ้วนออกมา โบกสะบัดอยู่ด้านล่าง ทยอยกันดูซับไอทมิฬเข้าไปด้านใน


 


 


ลิ่วจู๋ที่สวมผ้าคลุมสีดำ กลับมองดูทุกอย่างราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่แค่สองมือไพล่หลัง เงยหน้าขึ้นมองกลางอากาศ ร่างกายไม่ไหวติง


 


 


สองแขนที่โผล่พ้นออกมาจากเสื้อคลุมสีดำกำยำเป็นอย่างยิ่ง ผิวหนังมีรอยแตกสีเทาขาวที่น้อยใหญ่ไม่เท่ากัน


 


 


……


 


 


อีกด้านหนึ่งกลางอากาศเหนือที่รกร้างสีดำ สายรุ้งสีเขียวสายหนึ่งกำลังบินล่องลอยอยู่


 


 


ชายหนุ่มสวมชุดสีเขียวที่อยู่ภายในลำแสงหลีกหนี นั่นก็คือหานลี่ที่แยกจากมู่ชิงได้ไม่นานนัก


 


 


แม้ว่าเป็นเพราะในตัวมีตราประทับของราชันย์ปีศาจทั้งสี่อยู่ ไม่ว่าจะไปหลบซ่อนที่ใด ก็ไม่อาจปิดบังคนเหล่านั้นได้


 


 


หานลี่ยังคิดจะหาที่ที่รกร้างที่หนึ่งเพื่อพักอาศัย


 


 


ส่วนความคิดที่จะถือโอกาสนี้หลบหนีนั้น เขาก็ทำได้เพียงขบคิดเท่านั้น หากตราประทับบนร่างยังไม่ถูกคลายออก ก็ไม่อาจหนีจากการควบคุมของราชันย์ปีศาจได้


 


 


ราชันย์ปีศาจเหล่านี้ให้เวลาเขาไม่มากนัก แต่ระยะเวลาสองสามปีก็เพียงพอจะให้เขาหลอมโลหิตวิญญาณนกยูงห้าสีครึ่งขวดที่เพิ่งได้มา แล้วฝึกฝนเคล็ดวิชาการแปลงกายของวิญญาณเที่ยงแท้นี้แล้ว


 


 


เดิมทีการผสมโลหิตวิญญาณเที่ยงแท้เข้าไปย่อมเป็นเรื่องที่ทำส่งเดชไม่ได้ จำต้องมีชีพจรโลหิตหรือเคล็ดวิชาลับอะไรที่พิเศษคอยช่วยเสริมถึงจะได้


 


 


แต่คาถาตื่นจากจำศีลแปลงกายสิบสองครั้งนั้นกลับใช้คาถาแค่ชุดเดียว ก็สามารถคลายความยากเข็ญนี้ได้แล้ว


 


 


เห็นได้ชัดว่าอาวุโสเผ่าวิหคสวรรค์ที่สร้างเคล็ดวิชานี้ขึ้นในตอนแรกเป็นอัจฉริยะทีมีพรสวรรค์ล้ำเลิศ!


 


 


แม้หานลี่จะรู้ว่าหากฝึกฝนสำเร็จ ก็ไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของสิ่งมีชีวิตระดับหลอมร่างได้ แต่อย่างน้อยที่สุดก็น่าจะรักษาชีวิตเอาไว้ได้ในแม่น้ำอเวจี


 


 


แน่นอนว่าหากเขาคิดวิธีสลายรอยประทับนี้อย่างเงียบๆ ในช่วงเวลานี้ได้ เขาก็จะไปจากที่นี่อย่างไม่ต้องคิด


 


 


แม้นว่าจะได้ยินมู่ชิงคุยเรื่องราวเกี่ยวกับแม่น้ำอเวจีอยู่สองสามประโยค แต่สถานที่ที่ทำให้ราชันย์ปีศาจระดับหลอมร่างเพลี้ยงพล้ำได้นั้น ย่อมเป็นสถานที่ที่อันตรายมาก


 


 


หานลี่ครุ่นคิดอยู่ในใจ บินออกมาได้ครึ่งเดือนกว่า ในที่สุดก็หยุดอยู่เบื้องหน้าเทือกเขาขนาดย่อมแห่งหนึ่ง


 


 


เทือกเขาแห่งนี้อยู่ห่างจากที่พักของมู่ชิงและพวกไปตั้งไม่รู้กี่หมื่นลี้ ไอวิญญาณในภูเขาหนาแน่นมาก และไม่มีปีศาจระดับสูงอะไรนักรวมตัวกันอยู่ที่นี่


 


 


หลังจากที่หานลี่บินวนล้อมเทือกเขาผืนนี้อยู่ช่วงหนึ่ง ในที่สุดก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ร่อนลำแสงหลีกหลีนลงตรงใจกลางของเทือกเขา


 


 


หลังจากผ่านไปสองสามชั่วยาม เนินเขาของภูเขาลูกนี้ก็ถูกหานลี่ตัดออกอย่างง่ายดาย สร้างเป็นถ้ำพำนักอย่างง่ายๆ แห่งหนึ่ง


 


 


เขาเข้าไปในถ้ำพำนักแล้ววางเขตอาคมลงทันที ปล่อยหมอกสีขาวออกไปห่อหุ้มภูเขายักษ์ทั้งลูกเอาไว้


 


 


หานลี่เข้าไปในห้องลับภายในถ้ำพำนัก ตั้งแต่นั้นประตูบานใหญ่ก็ปิดสนิท ท่าทางไม่ได้คิดจะกักตนเป็นเวลานานนัก


 


 


เวลาค่อยๆ ไหลผ่านไป เทือกเขาที่หานลี่อาศัยอยู่นั้นแบ่งออกเป็นสี่ฤดูอย่างชัดเจน จากวสันตฤดูไปจนถึงเหมันตฤดู สารทฤดูจนถึงเหมันตฤดู ทำให้บางเวลาเทือกเขาก็เต็มไปด้วยสีดำและเขียว บางครั้งก็เป็นสีขาวโพลนของหิมะ


 


 


มู่ชิงและพวกดูเหมือนว่าจะลืมหานลี่ไปจนหมดแล้ว ยังคงยุ่งวุ่นวายกับเรื่องของตัวเอง


 


 


สองปีต่อมาหานลี่นั่งขัดสมาธิอยู่บนฟูกภายในห้องลับ มือหนึ่งควงไม้กระบองที่ดูธรรมดาๆ ด้ามหนึ่งเล่นไปมา


 


 


ไม้กระบองนี้ด้านหนึ่งทื่อๆ อีกด้านหนึ่งรีบเหมือนใบมีด รูปทรงกลม ผิวมีลวดลายสีเขียวลึกลับ


 


 


นั่นก็คือผลทมิฬสวรรค์ที่หานลี่เร่งการเจริญเติบโตมันขึ้นมาอย่างหนัก แต่กลับไม่รู้ว่ามีประโยชน์ใด


 


 


ช่วงปีที่ผ่านมาเขาเอาแต่ใช้ขวดเล็กลึกลับหยดของเหลวลงไปบนมัน


 


 


ผลคือหลายปีผ่านไปภายนอกของเจ้าสิ่งนี้ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงเลยสักนิด


 


 


แค่ลำแสงสีขาวนวลที่ซ่อนอยู่ด้านในเริ่มหนาขึ้นกว่าตอนแรกหลายเท่า ลำแสงระยิบระยับ ดูสะดุดตาเป็นอย่างมาก


 


 


จากนั้นหานลี่ก็ลองใช้ลมปราณหรือแม้กระทั่งโลหิตบริสุทธิ์กระตุ้นเจ้าสิ่งนี้อยู่สองสามครั้ง แต่ก็ยังคงไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยสักนิด


 


 


และการทดสอบในครั้งนี้ก็เห็นได้ชัดว่าไม่มีผลอะไร 


 


 


ถอนหายใจออกมาเบาๆ เฮือกหนึ่ง หานลี่จึงทำได้เพียงเก็บ ‘ไม้กระบอง’ เข้าไปในกำไลเก็บของอีกครั้ง จากนั้นก็เผยสีหน้าครุ่นคิดออกมาขณะก้มหน้าลง


 


 


สองปีนี้ในที่สุดเขาก็นำโลหิตวิญญาณเที่ยงแท้ของนกยูงห้าสีเข้าไปในร่างด้วยคาถาตื่นจากจำศีลและแปลงกายเป็นสิ่งนี้ได้สำเร็จแล้ว


 


 


ผลคือพลันรู้สึกว่าพลังยุทธ์ของตนเองเพิ่มขึ้นไม่น้อย ช่างเป็นผลประโยชน์ที่คาดไม่ถึงจริงๆ


 


 


หากไม่ใช่เพราะตนเองยังไม่เคยฝึกฝนคาถาแลปงกายเป็นมังกรเที่ยงแท้หงส์สวรรค์ เขาคงคิดจะหลอมโลหิตวิญญาณเที่ยงแท้ทั้งสองชนิดเข้าไปในร่าง แล้วดูว่าพลังยุทธ์ของตนเองจะเพิ่มขึ้นไปได้ถึงขั้นไหน


 


 


ทว่าสองปีนี้เขาก็เริ่มกินของเหลววิญญาณคางคกเที่ยงแท้ไปแล้ว แต่น่าเสียดายที่แม้ว่าของเหลวชนิดนี้จะมีผลประสิทธิภาพที่น่าตกตะลึง แต่ภายในระยะเวลาสั้นก็ไม่อาจทำให้พลังยุทธ์ของเขาเพิ่มขึ้นได้เท่าใดนัก


 


 


ส่วนตราประทับราชันย์ปีศาจทั้งสี่ในร่างนั้นก็ยังคงทำอะไรมันไม่ได้


 


 


เช่นนี้การที่เขาต้องเข้าไปในแม่น้ำอเวจีก็คงเป็นเรื่องที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้


 


 


หานลี่ขบคิดมาถึงตรงนี้ หว่างคิ้วก็อดที่จะมีจิตสังหารสว่างวาบขึ้นมาไม่ได้


 


 


แต่หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เขาก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกับเปลี่ยนสีหน้า สายตากวาดไปยังประตุห้องลับที่ปิดสนิทอยู่ ใบหน้าฉายแววประหลาดใจสว่างวาบ


 


 


ฉับพลันนั้นมือหนึ่งก็ตะปบไปทางประตู!


 


 


เสียง “สวบ” ดังขึ้น เขตต้องห้ามบนประตูสั่นกระเพื่อม ของสีดำชิ้นหนึ่งพุ่งแหวกเขตต้องห้ามเข้ามา ถูกเขาคว้าเอาไว้


 


 


หานลี่มองของในมือนิ่ง ชั่วขณะนั้นพลันหน้าเปลี่ยนสี หยัดกายลุกขึ้นอย่างกะทันหันพร้อมกับเสียง “พรึ่บ”


 


 


กล่องไม้ความยาวสองสามฉื่อกล่องหนึ่ง ภายนอกเป็นสีถ่าน เต็มไปด้วยรอยหลุม ช่างอัปลักษณ์นัก! 

 

 


ตอนที่ 1475 สตรีสองคนมาเยี่ยม

 

หานลี่กวาดจิตสัมผัสไปบนกล่องไม้ ใช้นิ้วลูบไปบนของชิ้นนี้เล็กน้อย ครุ่นคิดอยู่เงียบๆ


 


 


หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เขาก็เปิดฝากล่องออก ด้านในมีเสียง “สวบ” ดังขึ้น คิดไม่ถึงว่าจะมีไข่มุกกลมสีดำสนิทราวกับน้ำหมึกเม็ดหนึ่งบินโฉบออกมา


 


 


ไข่มุกกลมเม็ดนี้หมุนตัวเป็นวงกลมอยู่ตรงหน้าหานลี่ แล้วกลายเป็นหมอกสีดำกลุ่มหนึ่งระเบิดออก เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย


 


 


แทบจะในเวลาเดียวกันนั้น หานลี่พลันรู้สึกเพียงว่าคันฝ่ามือ


 


 


ขณะที่ใจกำลังเต้นระรัวเขาก็ยกมือขึ้น


 


 


เห็นเพียงตรงใจกลางฝ่ามือมีตัวอักษรประหลาดเล็กๆ ปรากฎขึ้นสองสามตัว มีขนาดเล็กเท่าเมล็ดข้าวสาร เบลอๆ ไม่ชัดเจน


 


 


หานลี่มองไปปราดหนึ่งแล้วสะบัดข้อมือ


 


 


ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ ตัวอักษรสองสามตัวหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย


 


 


หลังจากที่เขาครุ่นคิดอีกชั่วครู่ ร่างกายก็เปล่งแสงสีเขียวออกมา กลายเป็นสายรุ้งสีเขียวสายหนึ่งพุ่งออกไปจากห้องทำสมาธิ หมุนวนรอบหนึ่ง แล้วตรงไปยังประตูของถ้ำพำนัก


 


 


หนึ่งเค่อต่อมา กลางอากาศเหนือหุบเขานิรนามแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ตรงชายแดนของเทือกเขา สายรุ้งสีเขียวพุ่งเข้ามาราวกับมังกรที่แหวกว่ายอยู่กลางนภา


 


 


ลำแสงสีเขียวหม่นแสง ร่างของหานลี่ปรากฎขึ้นกลางอากาศเหนือยอดเขา


 


 


แววตาของเขาเปล่งแสงสว่างวาบพลางกวาดตามองไปสองสามแวบแล้วร่อนลงมาอย่างเชื่องช้า


 


 


พื้นที่ของหุบเขานี้มีแค่พันกว่าจั้งเท่านั้น มุมหนึ่งของหุบเขามีกองหินระเกะระกะวางอยู่


 


 


หานลี่กำลังร่อนลงบนเบื้องหน้ากองหินกองนั้น


 


 


“ผู้แซ่หานมาตามนัดแล้ว สหายทั้งสองปรากฎตัวเถิด” เมื่อสองเท้าของหานลี่แตะพื้น ก็เอ่ยกับหินก้อนยักษ์ท่ามกลางกองหินก้อนหนึ่งด้วยสีหน้าราบเรียบ


 


 


“หึๆ ศิษย์พี่หญิงเหยียน ข้าบอกแล้ว เคล็ดวิชาอำพรางกายแค่นี้ไม่มีทางปิดบังพี่หานได้แน่”


 


 


“ข้าเองก็รู้ว่าสหายหานต้องเป็นผู้ที่มีความสามารถไม่ธรรมดา ทำเช่นนี้ก็แค่อยากทดสอบเท่านั้น”


 


 


หลังจากหัวเราะน้อยๆ ออกมา เสียงสนทนาอันไพเราะของสตรีทั้งสองก็ดังออกมาจากก้อนหินยักษ์ก้อนนั้น


 


 


จากนั้นหมอกลำแสงสีเทาพลันสั่นกระเพื่อม สตรีวัยเยาว์หน้าตางดงามเฉิดฉันสองคนพลันปรากฏตัวขึ้นบนนั้น


 


 


คนหนึ่งมีผิวสีขาวราวกับหิมะ ร่างกายอรชนอ้อนแอ้นราวกับเทพเซียน สวยหยาดเยิ้ม ท่าทางกำลังหัวเราะต่อกระซิก


 


 


คาดไม่ถึงว่าจะเป็นหยวนเหยาและเหยียนลี่!


 


 


กล่องไม้ดำที่หานลี่ได้รับในถ้ำพำนัก ก็คือยุทธภัณฑ์ที่ทำมาจากไม้หล่อเลี้ยงวิญญาณที่ได้มาจากวิหารนภาสูญในตอนแรก


 


 


ดังนั้นเขามองปราดเดียวก็จำได้แล้ว


 


 


แต่แค่ไม่รู้ว่าสตรีทั้งสองสำแดงความสามารถที่ลึกลับอะไร คาดไม่ถึงว่าจะส่งกล่องไม้มาด้านนอกห้องลับของเขาโดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้


 


 


“ที่แท้ก็สหายทั้งสองนี่เอง! แม่หญิงหยวน ตอนที่แยกกันในมหาสมุทรดาวคลั่ง สบายดีหรือ?” หานลี่มองสตรีทั้งสอง ใบหน้าประหลาดใจฉายแวบผ่านไป แล้วเอ่ยถามอย่างเอื่อยเฉื่อย


 


 


“พี่หาน หรือว่าเจ้าล้อพวกเราเล่น เจ้าเห็นว่าข้าและศิษย์พี่หญิงเหยียนมีท่าทีไม่สบายหรือ?” หยวนเหยาหุบยิ้มบนใบหน้า แล้วถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง


 


 


“นั่นมันก็ใช่ ผู้แซ่หานพูดจาไม่เหมาะสมแล้ว ทว่าข้าว่าแม่หญิงทั้งสองดูไม่เหมือนพวกภูต มีความลับอะไรสินะ” หานลี่สัมผัสได้ถึงไอทมิฬที่แผ่ออกมาจากร่างของสตรีทั้งสอง ก็ขมวดคิ้วขณะเอ่ยถาม


 


 


“พี่หานเดาไม่ผิด วันนั้นเป็นเพราะศิษย์น้องหญิงพยายามช่วยชีวิตข้า จึงพลัดเข้าไปในหมอกภูตของมหาสมุทรดาวคลั่ง เราสองคนได้อาศัยไอยมโลกทมิฬของที่นั่น ฝึกฝนคาถาตะวันจันทราวัฏสงสาร แต่เคล็ดวิชาการผสานร่างมนุษย์และภูตนั้น ก็ทำให้พวกเราสองคนกลายเป็นครึ่งคนครึ่งภูต จะว่าไปแล้วเป็นเพราะข้าไม่มีกายเนื้อ จึงต้องลำบากศิษย์น้องหญิงหยวน” เหยียนลี่มีสีหน้าละอายใจขณะเอ่ย


 


 


“ศิษย์พี่หญิง เจ้าพูดอะไรกัน ตอนนั้นหากไม่ใช่เพราะศิษย์พี่หญิงลงมือช่วย ข้าก็ไม่รู้ว่าเป็นหรือตายแล้ว ศิษย์พี่หญิงจะตกไปอยู่ในสถานการณ์นั้นได้อย่างไร เหยียนเหยากลับหน้าเปลี่ยนสี แล้วรีบร้อนเอ่ยอธิบาย


 


 


เหยียนลี่กลับทำได้เพียงสั่นศีรษะพร้อมกับหัวเราะอย่างขมขื่น


 


 


“คาถาตะวันจันทราวัฏสงสาร?” หานลี่กลับขมวดคิ้ว


 


 


“ไม่เลว! ดูแล้วพี่หานคงรู้จักเคล็ดวิชานี้ไม่น้อย” เหยียนลี่เอียงคอ แววตาคู่งามเปล่งประกายขณะเอ่ย


 


 


“ผู้แซ่หานรู้จักเคล็ดวิชานี้อยู่เล็กน้อย เช่นนั้นทั้งสองก็สูญเสียคุณสมบัติในการเข้าสู่วัฏสงสารไปแล้ว!” หานลี่กระแอมไอเบาๆ ขณะเอ่ย


 


 


เหยียนลี่นั้นพอว่า หานลี่ไม่ได้สนิทสนมกับนางนัก แต่สิ่งที่หยวนเหยาทำในตอนนั้น เขายังรู้สึกเลื่อมใสเป็นอย่างมาก


 


 


“ตอนนั้นหากข้าและศิษย์พี่หญิงไม่ฝึกฝนการผสานร่าง เกรงว่าคงกลายเป็นเถ้าธุลีไปนานแล้ว ดังนั้นการฝึกฝนเคล็ดวิชานี้ หยวนเหยาจึงไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไร แต่ว่าการที่พี่หานบินมาขึ้นมายังแดนวิญญาณได้นั้นถึงจะเป็นเรื่องที่น่านับถือมาก” หยวนเหยาหัวเราะกับหานลี่เบาๆ


 


 


“จากการขาดแคลนไอวิญญาณในแดนมนุษย์ ข้าเองก็ไม่ได้ใช้วิธีการธรรมดาๆ ในการบินขึ้นมา ทว่าเหตุใดสหายทั้งสองถึงมาปรากฎตัวที่นี่ ที่นี่ไม่ใช่เขตแดนของเผ่ามนุษย์ของพวกเรา” หานลี่รู้สึกประหลาดใจไปเล็กน้อย


 


 


“พวกเราศิษย์พี่ศิษย์น้องก็ไม่รู้เหมือนกัน สองร้อยปีก่อน ข้าและศิษย์น้องหญิงฝึกฝนคาถาตะวันจันทราวัฏสงสารสำเร็จ เพิ่มจะบรรลุระดับเทพแปลง ก็ถูกพายุทะมึนลูกใหญ่พัดเข้าใส่จนออกจากแดนฝึกฝน และเป็นลมสลบไป รอจนพวกเราสองคนได้สติ ก็มาปรากฎตัวอยู่ในเหวพสุธา จากนั้นก็พบกับแม่เฒ่าภูตที่มีร่างเป็นภูต และถูกรับไว้เป็นศิษย์ใต้อาณัติ ข้าและเหยียนลี่อยู่ที่นี่มาเนิ่นนาน ถึงได้รู้ว่าเราสองคนอยู่ในแดนวิญญาณ และไม่เคยมีโอกาสไปบนพื้นเลยสักครั้ง” เหยียนลี่มีสีหน้างงงวยฉายแวบผ่านขณะเอ่ยปากตอบ


 


 


หานลี่ได้ฟังคำพูดเหล่านี้กลับรู้สึกหมดคำพูด


 


 


ในแดนมนุษย์มีผู้บำเพ็ญเพียรระดับเทพแปลงจำนวนไม่น้อยที่ทุ่มเทแรงกายแรงกายในการข้ามไปยังแดนวิญญาณ แต่ผลคือไม่อาจสมหวังได้


 


 


แต่หยวนเหยาและพวกทั้งสองเพิ่งจะฝึกฝนสำเร็จ ก็มาถึงแดนวิญญาณอย่างงงๆ


 


 


ในโลกนี้ช่างมีเรื่องมหัศจรรย์มากมายจริงๆ!


 


 


“สหายทั้งสองมาถึงแดนวิญญาณได้อย่างไร จุดนี้ข้าเองก็อนุมานไม่ได้ แต่เหตุใดถึงไม่ตกไปที่แดนมนุษย์ ก็น่าจะเป็นเพราะคาถาตะวันจันทราวัฏสงสาร ถึงได้ทำให้แม่นางทั้งสองไม่ได้ถูกแท่นวิญญาณเหาะเหินรับเอาไว้” หานลี่ขบคิดเล็กน้อยแล้วเอ่ยเช่นนี้ออกมา


 


 


“ปัญหานี้ข้าและศิษย์พี่หญิงหยวนเองก็เคยศึกษา และคิดว่าสาเหตุนี้เช่นกัน” เหยียนลี่พยักหน้าขณะเอ่ยสนับสนุน


 


 


“เอาล่ะเรื่องในอดีตพวกเราค่อยหาเวลาคุยกันได้ แต่จู่ๆ สหายทั้งสองมาหาผู้แซ่หานที่นี่ น่าจะมีธุระอะไรสินะ!” หานลี่เลิกคิ้วแล้วเอ่ยถามขึ้น


 


 


หยวนเหยาและเหยียนลี่ได้ยินคำพูดนี้ก็อดที่จะมองสบตากันแวบหนึ่งไม่ได้ คาดไม่ถึงว่าครานั้นจะเงียบกริบไม่มีคำพูดใดๆ


 


 


ชั่วครู่หลังจากที่เหยียนลี่ลังเลเล็กน้อย ก็เอ่ยสิ่งที่ทำให้หานลี่ตะลึงงันออกมา


 


 


“ในเมื่อพี่หานและศิษย์พี่หญิงหยวนเป็นสหายเก่ากัน ข้าเองก็จะไม่ปิดบัง ครั้งนี้ที่เราสองคนมาหานั้น เป็นเพราะพวกเรากำลังตกอยู่ในอันตราย อยากให้พี่หานช่วยเหลือ”


 


 


“ตกอยู่ในอันตราย! สหายเหยียนหมายความว่าอย่างไร? สหายทั้งสองเป็นลูกศิษย์ของแม่เฒ่าภูต ในเหวพสุธาน่าจะไม่มีผู้ใดกล้าเข้ามาวุ่นวายถึงจะถุูก!” หานลี่มีสีหน้าประหลาดใจฉายแวบผ่าน


 


 


“แต่ผู้ที่ต้องการชีวิตของข้าและศิษย์น้องหญิงหยวน ก็คือแม่เฒ่าภูตนั่นแหล่ะ!” เหยียนลี่ถอนหายใจออกมายาวๆ เฮือกหนึ่ง แววตาฉายแววตกตะลึง


 


 


“แม่เฒ่าภูต! แม่หญิงหยวน เป็นเช่นนั้นจริงๆ หรือ!” หานลี่ใจหายวาบ แม้จะรู้สึกว่าเหยียนลี่ไม่น่าจะพูดจาโป้ปด แต่ก็ยังหันหน้าไปถามหยวนเหยา


 


 


“พี่หานหากไม่มีวิธีอื่นแล้ว ข้าและศิษย์พี่หญิงเหยียนคงไม่เสี่ยงถูกแม่เฒ่าภูตพบด้วยการมาหาเจ้าถึงที่นี่หรอก ทว่าพี่หานเองก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไร แม่เฒ่าภูตกำลังหลอมราชันย์ภูตเกราะทมิฬเอาไว้ใช้ในแม่น้ำอเวจี น่าจะไม่ออกจากการกักตนในระยะเวลาอันสั้น นี่จึงเป็นโอกาสเดียวที่ข้าและะศิษย์พี่หญิงจะมาขอความช่วยเหลือได้ ปกติแล้วพวกเราสองคนไม่อาจออกจากวังพสุธาได้” หยวนเหยาพยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม


 


 


“พี่หานเคยช่วยศิษย์น้องหญิงในแดนมนุษย์ และยังปกป้องจิตวิญญาณแทนน้องหญิงน้อย น้องหญิงเองก็เคยได้ยินศิษย์น้องหญิงเอ่ยถึงหลายครั้งแล้ว ครั้งนี้เราสองคนไม่มีทางเลือกจริงๆ จึงทำได้เพียงมาหาพี่หานที่นี่ หวังว่าวหายจะช่วยพวกเราศิษย์น้องศิษย์น้องสักครั้ง!” เหยียนลี่เอ่ยไปพลางดวงตาทั้งสองก็แดงก่ำ ฉับพลันนั้นพลันดึงหยวนเหยาที่อยู่ข้างกายมาคำนับให้หานลี่เบาๆ


 


 


หานลี่หน้าเปลี่ยนสีสะบัดแขนเสื้อ ชั่วขณะนั้นพลังมหาศาลไร้รูปร่างกลุ่มหนึ่งพลันส่งออกมาจากกลางอากาศ


 


 


หยวนเหยาและเหยียนลี่ที่กำลังจะคำนับพลันรู้สึกเพียงว่าอากาศรอบกายแข็งค้าง จากพลังยุทธ์ของทั้งสองคาดไม่ถึงว่าจะไม่อาจคำนับได้


 


 


สตรีทั้งสองจึงอดที่จะรู้สึกตกตะลึงระคนดีใจไม่ได้!


 


 


ตกตะลึงนั้นแน่นอนว่าย่อมเป็นเรื่องที่หานลี่มีความสามารถสูงส่ง เหนือกว่าที่พวกนางคาดเอาไว้ ส่วนที่ดีใจก็คือหากอีกฝ่ายลงมือ พวกนางก็ดูเหมือนว่าจะหนีได้จริงๆ


 


 


“แม่หญิงหยวน เจ้าสองคนอย่ามองผู้แซ่หานสูงส่งเกินไปนัก ภายในสถานการณ์เช่นนี้ พวกเจ้าก็รู้ดีว่าผู้แซ่หานเองก็ถูกลงอาคมไว้ แล้วจะต่อกรกับแม่เฒ่าภูตได้อย่างไร และยิ่งไปกว่านั้นเหตุใดแม่เฒ่าภูตถึงจะเอาชีวิตของสหายทั้งสอง ต้องมีเหตุผลสิ? ทั้งสองแน่ใจเรื่องนี้แล้วหรือ?” หลังจากที่หานลี่ไม่ได้รับการคารวะของทั้งสอง กลับหน้าเปลี่ยนสีไปชั่วครู่แล้วถึงได้เอ่ยถามขึ้นด้วยเสียงเข้มงวด


 


 


“เข้าใจผิด? หากข้าและศิษย์น้องหญิงเข้าใจผิด คงเป็นเรื่องที่โชคดีมาก แต่ความจริงแล้วเราสองคนไปพบความชั่วที่แม่เฒ่าภูตซ่อนเอาไว้ด้วยตนเอง ส่วนเรื่องเป็นอย่างไรนั้นน้องหญิงน้อยจะไม่พูดก็แล้วกัน แต่บอกพี่หานได้ว่า ตอนแรกที่แม่เฒ่าภูตรับข้าและศิษย์น้องหญิงหยวนมาเป็นศิษย์นั้น ก็เพราะสนใจคาถาตะวันจันทราวัฏสงสารและไอทมิฬบริสุทธิ์ที่รวมตัวอยู่ในร่างของข้าและน้องหญิง เคล็ดวิชาหนึ่งของแม่เฒ่าภูตผู้นี้สามารถกลืนกืนไอทมิฬและจิตวิญญาณบริสุทธิ์ของพวกเราได้พร้อมกัน เพื่อช่วยให้พลังยุทธืของนางเพิ่มขึ้น” เหยียนลี่เอ่ยไปพลางอดที่จะร่างสั่นสะท้านไปพลางไม่ได้


 


 


“นอกจากนี้ข้าและศิษย์น้องหญิงเองก็แอบรู้ว่า ก่อนหน้าพวกเราแม่เฒ่าภูตเองก็เคยรับศิษย์ที่มีร่างเป็นภูตไว้เช่นกัน ผลคือล้วนหายไปอย่างไร้ร่องรอย เห็นได้ชัดว่าหลักฐานที่พวกเรามีเป็นความจริง!” หยวนเหยาเอ่ยสนับสนุนด้วยสีหน้าซีดเผือด


 


 


“ต่อให้เป็นเช่นนั้นทั้งสองก็คงไม่คิดว่าแค่ข้าพูดคำหนึ่ง แม่เฒ่าภูตจะปล่อยไปหรอกนะ ต่อให้ข้าใช้ของที่มีค่า แต่แค่เข้าไปในแม่น้ำอเวจีข้าก็คงรักษาชีวิตเอาไว้ได้ยาก” หานลี่เงียบขรึมไปแล้วถึงได้เอ่ยขึ้นด้วยดวงตาที่ฉายแววสว่างวาบ


 


 


“จุดนี้พี่หานไม่ต้องกังวล วิธีช่วยพวกเราน้องหญิงคิดออกแล้ว และน่าจะง่ายต่อพี่หานเป็นอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นครั้งนี้หากพี่หานช่วยพวกเรา ความจริงแล้วก็เป็นเรื่องที่ได้โอกาสทั้งสองฝ่าย พวกเรามีวิธีที่สามารถกำจัดผนึกบนร่างของสหายได้ในระยะเวลาสั้นๆ” เหยียนลี่หยักมุมปาก ใบหน้าเจ้าเล่ห์ปรากฎขึ้นขณะเอ่ย


 


 


“อะไรนะ พวกเจ้าทำได้จริงๆ หรือ!” หานลี่หน้าเปลี่ยนสีไปยกใหญ่


 


 


“จุ๊ๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก น้องหญิงจะหลอกทำไม ยิ่งไปกว่านั้นข้าสามารถบอกวิธีกับพี่หานได้ จากนั้นก็ให้พี่หานเป็นตัดสินใจเองว่าจริงหรือเท็จ” เหยียนลี่พลันฉีกยิ้ม


 


 


“ตกลง! หากเป็นเรื่องจริง ข้าน้อยทำได้ ผู้แซ่หานจะลองเสี่ยงช่วยสหายทั้งสองดูสักตั้ง” หานลี่ลูบใต้คาง แววตากวาดไปทางใบหน้าของหยวนเหยา ในที่สุดก็เอ่ยขึ้นอย่างแน่วแน่

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)