ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1474-1493
ตอนที่ 1474 ใครเต้นได้ดีกว่า
เหมยเหมยรับไมโครโฟนมาจากจ่านเฟยไป๋แล้วพูดว่า “เพราะว่าการเต้นลาตินแดนซ์วันนี้เป็นเรื่องกะทันหันดังนั้นจึงไม่ได้เตรียมชุดสำหรับเต้นมาด้วย ขอให้เพื่อนทุกคนโปรดให้อภัยด้วยนะคะ เมื่อครู่รุ่นพี่จ่านขอให้ฉันเต้นอีกรอบ แวบแรกจึงนึกถึงการเต้นลาตินแดนซ์ เพราะอะไรงั้นเหรอ?”
เธอหยุดครู่หนึ่ง กวาดตามองผู้ชมรอบหนึ่งก็หาโฮ่วเซิ่งหนานพบอย่างง่ายดาย แล้วหันไปส่งยิ้มยั่วให้เธอ
“เพราะว่ามีคนคิดว่าพวกเราคนฮวาเซี่ยเป็นคนโง่บ้านนอก ไม่เคยเห็นโลกภายนอก เต้นระบำลาตินแบบคนต่างประเทศได้ไม่ดี ฉันไม่เห็นด้วยกับคำพูดนี้แน่นอน หากจะถกประเด็นแง่มุมการเต้นรำที่กว้างขวางลึกซึ้ง การเต้นระบำแบบฮวาเซี่ยดั้งเดิมของพวกเราเป็นที่หนึ่ง แน่นอนการเต้นรำของต่างประเทศก็สวยงามเช่นกันต่างก็มีคุณค่าของตัวมันเอง ดังนั้นเพื่อตอกกลับผู้ที่กล่าวคำพูดนี้ฉันจึงจงใจเลือกการเต้นแบบลาติน
ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้เรียนเต้นลาตินแดนซ์โดยเฉพาะ แต่การเต้นแบบนี้ไม่มีอะไรยากจริงๆ ทุกคนสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้ ขอให้ผู้หญิงบางคนดูให้เต็มตาว่าท้ายที่สุดแล้วฉันมีคุณสมบัติที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเต้นลาตินแดนซ์หรือไม่!”
เหมยเหมยพูดจบก็คืนไมโครโฟนให้กับจ่านเฟยไป๋ แล้วก็ยังปฏิเสธข้อเสนอของจ่านเฟยไป๋ที่จะเป็นคู่เต้นรำของเธอ
มีตัวหึงหวงอยู่ด้านล่าง เธอไม่อยากถูกใครบางคนทำโทษตอนกลางคืนนะ
ถึงแม้ว่าการเต้นลาตินแดนซ์แบบคู่จะเป็นการแสดงที่ดีที่สุด แต่เต้นเดี่ยวก็ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ ขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้แสดง
บังเอิญที่อาจารย์ไต้เคยศึกษาการเต้นของประเทศต่าง ๆในแถบทวีปยุโรปและอเมริกาอย่างพวกลาติน แทงโก้ เต้นลีลาศ ระบำหน้าท้อง การเต้นซัลซ่าเป็นต้น อาจารย์เต้นดีมากและยังให้เหมยเหมยเรียนรู้ไปมากมายไม่น้อย
ดังนั้นการเต้นรำประเภทนี้ไม่ได้ยากไปสำหรับเหมยเหมย!
เหมยเหมยได้สร้างมาตรฐานของท่าเต้นขึ้นมา อารมณ์ท่าทางเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะเต้นระบำกลองก็เหมือนกับนางฟ้าที่ปรากฎบนโลกมนุษย์ก็ไม่ปาน แต่พอเต้นเสร็จแล้วกลับเปลี่ยนเป็นสาวน้อยที่เต็มไปด้วยเป็นความกระตือรือร้น ช่างน่ามหัศจรรย์มากจริง ๆ
การเต้นแบบลาตินต้องร่าเริงเบิกบานในตัวเองดังนั้นจึงเป็นจังหวะเร็ว นักเต้นต้องมีความกระตือรือร้น มิฉะนั้นจะไม่สามารถดึงสิ่งสำคัญของการเต้นลาตินแดนซ์ออกมาได้
พอลดูแค่ท่วงท่าเขาก็รู้เลยว่าเหมยเหมยรู้จักการเต้นรำแบบลาตินแดนซ์และเชี่ยวชาญกว่าเขาด้วยซ้ำ จึงอดเหลือบมองใบหน้าบึ้งตึงของโฮ่วเซิ่งหนานที่อยู่ข้าง ๆเขาไม่ได้ พลันแอบรู้สึกได้ระบายความอัดอั้นในใจ
ครั้งนี้ต้องขายขี้หน้ายกใหญ่แน่!
เสียงเพลงที่เร่าร้อนเป็นจังหวะดังขึ้น เหมยเหมยเริ่มบิดขยับตัว อันที่จริงแล้วเธอไม่ชอบเต้นลาตินสักเท่าไร ท่วงท่าการบิดตัวมันเกินจริงไปหน่อย มันไม่เหมาะกับนิสัยของเธอ
แต่เพื่อเอาชนะศักดิ์ศรีของโฮ่วเซิ่งหนาน เธอต้องเต้น แล้วยังต้องเต้นให้ดีด้วย
เดิมทีผู้ชมด้านล่างเวทียังมีท่าทีไม่สนใจอยู่บ้าง แต่หลังจากได้เห็นท่วงท่าการเต้นของเหมยเหมยก็พลันมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที
รู้สึกว่าดาวมหาวิทยาลัยเต้นได้ยอดเยี่ยมกว่า!
ทำให้ลืมเสื้อผ้าที่เธอใส่ คิดแค่อยากจะส่ายไปพร้อมกับเธอ
มีนักเรียนหลายคนลุกขึ้นยืนไปตามอารมณ์ ส่ายตัวไปตามเสียงเพลงอย่างลืมตัว
เนื่องจากเวลาที่จำกัด เหมยเหมยจึงเต้นไม่จบเพลง เธอไม่สามารถใช้เวลาในการแสดงของเพื่อนคนอื่น ๆได้ มันไม่ยุติธรรมกับคนอื่น
เธอโบกมือส่งสัญญาณให้เพลงหยุด เธอเองก็หยุดเช่นกันแล้วหยิบไมโครโฟนพูดว่า “เวลาไม่พอแล้ว ฉันจึงเต้นแค่ครึ่งเพลง หวังว่าการเต้นของฉันจะทำให้ทุกคนพอใจนะคะ”
“พอใจมาก เอาอีก!”
นักเรียนด้านล่างเวทีพากันร้องระงม ยังดูไม่หนำใจเลย!
เหมยเหมยพูดยิ้ม ๆ “การแสดงต่อไปยอดเยี่ยมกว่านี้อีกนะ พวกเราเอาเวลาไปให้นักเรียนคนอื่น ๆกันเถอะ!”
คู่นักเรียนชายสองคนหลังเวทีที่ดูอย่างออกรสชาติ เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็รีบยืดอก เชิดหน้าเดินขึ้นเวที เดิมทียังประหม่าอยู่บ้าง แต่ตอนนี้กลับไม่ประหม่าอีกต่อไป
ดาวมหาวิทยาลัยพูดแล้วว่าการแสดงของพวกเขายอดเยี่ยม แน่นอนว่าพวกเขาต้องแสดงให้ดีอย่าให้เละได้!
…………………………………………..
ตอนที่ 1475 เป็นลูกสะใภ้ของฉัน รู้ไหม
ด้วยเหตุนี้เหมยเหมยจึงเต้นลาตินแดนซ์ก็เพื่อกดความผยองลำพองใจของโฮ่วเซิ่งหนานลง ไม่ได้คิดอะไรลึกซึ้ง แต่เหล่าศาสตราจารย์ด้านล่างเวทีกลับไม่คิดแบบนั้น ทุก ๆคนต่างก็ตื่นเต้นราวกับลิง
“นี่ถึงจะเรียกว่าการเต้นลาตินแดนซ์อย่างแท้จริง การเต้นลาตินแดนซ์คือการเต้นเร่าร้อนมีจังหวะ ผู้คนต่างโหยหาความรักและชีวิตที่สวยงาม ต้องการความสุขที่ออกมาจากใจจริง ๆของนักเต้น ไม่ใช่แค่การใส่เสื้อผ้าโป๊เปลือยเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ชม ใส่ชุดขัดต่อธรรมเนียมศีลธรรมเช่นนี้เป็นการดูหมิ่นลาตินแดนซ์เช่นกัน…”
มีชายแก่ยืนคนหนึ่งลุกยืนขึ้นอย่างตื่นเต้น ดีใจปลื้มปริ่มราวกับกำลังกล่าวสุนทรพจน์อยู่บนเวทีก็ไม่ปาน
เฮ่อเหลียนชิงได้ยินก็พยักหน้าระรัว ไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้หรือไง โฮ่วเซิ่งหนานนั่นถึงได้แต่งตัวบ้าบออะไรมาก็ไม่รู้?
มิน่าล่ะเหยียนหมิงซุ่นถึงพูดแบบนั้น?
เขาไม่จำเป็นต้องดูข้อมูลที่เหยียนหมิงซุ่นนำกลับมา ในใจก็ฉีกโฮ่วเซิ่งหนานทิ้งไปแล้วเรียบร้อย!
ผู้หญิงที่ขัดต่อประเพณีและศีลธรรมอันดีงามแบบนี้ ต่อให้เก่งกาจมีความสามารถแค่ไหนก็ห้ามแต่งเข้าบ้าน คงเอาความสามารถทั้งหมดมาใช้บนตัวของผู้ชาย!
คำพูดของศาสตราจารย์ก่อนหน้านี้ต่างก็มีศาสตราจารย์อีกหลายคนเห็นด้วยเหมือนกัน พวกเขายิ่งชื่นชมเหมยเหมยมากยิ่งขึ้นไปอีก แล้วก็พากันสืบเสาะถามกันใหญ่ว่านักเรียนใหม่ที่เต้นคนนั้นเป็นใคร
ผู้อำนวยการรู้สึกประทับใจอยู่บ้าง สาวสวยคนนี้ดูเหมือนจะเป็นตัวแทนของนักเรียนใหม่ที่มีชื่อเสียงมาก เป็นนักเขียนจ้าวเหมยที่มีหนังสือขายดีหลายเล่ม ไม่คิดเลยว่าสาวน้อยคนนี้จะมีฝีมือในการเต้นสุดยอดเช่นกัน!
เหล่าศาสตราจารย์ได้ยินผู้อำนวยการอธิบาย ก็เงียบเสียงลงและแสดงท่าทีปลาบปลื้มใจต่อไป
“เยาวชนที่เข้มแข็งคือประเทศที่เข้มแข็ง เยาวชนร่ำรวยประเทศร่ำรวย ความเจริญและความเข้มแข็งของประเทศเราอยู่ไม่ไกลแล้ว…” มีชายชราผมขาวโพลนพรูลมหายใจด้วยความสุข
คนอื่น ๆก็พยักหน้าเห็นด้วย ชายแก่ที่ทำท่าดีอกดีใจก่อนหน้านั้นแค่นเสียงฮึ พูดจาแดกดันเสียงเย็นว่า “หากเหมือนกับคุณโฮ่วเมื่อครู่กันหมด ประเทศของพวกเราคงอยู่ห่างจากวันล่มสลายไม่ไกลแล้ว…”
ใจของผู้อำนวยการเต้นตุบตับรีบหันไปมองเฮ่อเหลียนชิงอย่างไม่รู้ตัว เห็นพระโพธิสัตว์องค์นี่ยังไม่โกรธอะไรก็ถอนหายใจออกมายาว หันไปถลึงตาใส่ตาแก่ชาตินิยมด้วยความโมโห
แก่จะลงโลงอยู่แล้ว ทำไมถึงยังจงเกลียดจงชังต่อพวกธรรมเนียมประเพณีที่ไม่เหมาะสมขนาดนี้ได้อยู่อีก!
ความวุ่นวายจลาจลในปีนั้น หรือว่ายังไม่ได้รับความเดือดร้อนพออีก!
เฮ่อเหลียนชิงเหลือบไปเห็นสายตาระมัดระวังสุด ๆของผู้อำนวยการ ในใจก็อารมณ์เสียอย่างไม่มีสาเหตุ หันไปมองบนใส่ผู้อำนวยการ
คิดว่าเขาเป็นคนยังไงกัน?
หรือว่าเขาเป็นคนชอบแอบฟ้องไปแล้ว?
อีกอย่างที่ตาแก่พวกนี้พูดก็ถูก คนอย่างโฮ่วเซิ่งหนานไม่ใช่หายนะหรือไง?
“รู้ไหมว่าคนที่เต้นระบำกลองเมื่อครู่เป็นใคร?” เฮ่อเหลียนชิงโบกมืออย่างอารมณ์ดี เรียกผู้อำนวยการที่ตัวสั่นเทิ้มเข้ามาหา
ผู้อำนวยการสมองพร่าเบลอ พูดจาไม่รู้เรื่อง “นี่คือตัวแทนของนักเรียนใหม่ปีนี้ ตัวเขาเองก็ยอดเยี่ยมดีเลิศ เขียนหนังสือขายดีหลายเล่ม และเต้นได้เก่งมาก……”
เฮ่อเหลียนชิงตัดบทผู้อำนวยการอย่างนึกรำคาญใจ “อันนี้ผมรู้ดีกว่าคุณอีก ไม่ต้องให้คุณพูดให้มากความหรอก!”
ผู้อำนวยการทำหน้าบื่อทึ่ม…
ในเมื่อรู้ชัดเจนอยู่แล้ว ยังจะมาถามเขาทำไม?
เฮ่อเหลียนชิงเห็นผู้อำนวยการทึ่มคนนี้ยังไม่เข้าใจว่าเขามีใจคิดอยากจะอวด ใบหน้าก็บึ้งตึงมองผู้อำนวยการอย่างไม่พอใจเป็นอย่างมาก
ไม่หลักแหลมเอาเสียเลย ไม่แปลกใจที่แก่ขนาดนี้แล้วยังเป็นแค่เพียงผู้อำนวยการเท่านั้น ไม่มีผลงานความชอบอะไรเลยสักนิด
ผู้อำนวยการรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม…เขาเป็นถึงผู้อำนวยการของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงก็ถือว่าเก่งมากแล้วไม่ใช่หรือไง?
“จ้าวเหมยคนนี้เป็นลูกสะใภ้ของผม คุณรู้ไหม?” เฮ่อเหลียนชิงอึดอัดจนทนไม่ไหว จึงพูดอวดไปอย่างอดกลั้นไม่อยู่
เพราะว่าอยู่ดี ๆเขาก็ค้นพบว่าได้จ้าวเหมยยัยเด็กอัปลักษณ์นี้เป็นลูกสะใภ้ของเขา ก็พอจะได้หน้าได้ตาอยู่พอสมควร!
อย่างน้อยที่สุดก็เอาไว้อวดได้!
ผู้อำนวยปกติไม่หือไม่อือไม่ว่าจะปีไหนหรือเทศกาลไหน จู่ ๆก็โผล่มาโดยไม่ได้เชิญ?
ที่แท้ก็มาเพื่อชื่นชมลูกสะใภ้ของตัวเองสินะ?
ตอนที่ 1476 เต้นให้แค่ฉันดูคนเดียวเท่านั้น
เหมยเหมยลบเครื่องสำอางอยู่หลังเวที แต่ไหนแต่ไรมาเธอคุ้นเคยกับการไม่แต่งหน้ามาโดยตลอด ต่อให้แต่งเบา ๆก็ไม่ชอบ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเต้นหน้าเวทีเลย รู้สึกเหมือนหน้าถูกฉาบไว้อีกชั้น น่าเบื่อชะมัด
ล้างใบหน้าจนสะอาดหมดจดก็ทาโลชั่นสักหน่อย จากนั้นถึงได้มัดผมแบบลวก ๆแล้วก็ไปหาเหยียนหมิงซุ่น
เหยียนหมิงซุ่นก็กำลังอยากจะเข้ามาหาเธอพอดี เห็นเหมยเหมยที่ผ่อนคลายสบายๆ ดวงตาของเขาก็เป็นประกายผิดปกติราวกับเพลิงไฟที่ลุกโชน
“ลาตินแดนซ์ที่เต้นเมื่อครู่ เต้นให้พี่ดูเหรอ…”
เหยียนหมิงซุ่นกระซิบข้างหูของเธอ…ถ้าเต้นให้เขาดูคนเดียว ทางที่ดีต้องใส่ชุดที่โฮ่วเซิ่งหนานใส่เมื่อครู่แบบนั้นด้วย…
ผ้าขาดวิ่นแบบนั้นใส่ให้คนอื่นมองก็จะเป็นการขัดต่อประเพณีและศีลธรรม แต่ใส่ให้เขามองคนเดียว มันคือรสนิยม…
เมื่อครู่ตอนที่เหมยเหมยเต้นลาตินแดนซ์ครึ่งเพลงบนเวที ทำให้เลือดในร่างกายของเหยียนหมิงซุ่นเดือดพล่าน เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าสาวซื่อขี้อายของเขา จะมีด้านที่เร่าร้อนน่าหลงใหลแบบนี้ด้วย
เหมยเหมยรู้สึกถึงไอร้อนแรงในดวงตาของเขา และความกระหายที่โดนระงับไว้ ก็อดชอบใจไม่ได้แต่ก็ยังขวยเขิน ตอบกลับเสียงเบสด้วยหน้าแดงซ่าน ส่งเสียงเหมือนยุงก็ไม่ปาน
เหยียนหมิงซุ่นยิ้มอย่างพอใจ บีบแก้มเธอ มุมปากอมยิ้มเล็กน้อย “เด็กดี!”
กลับไปเขาจะหากระโปรงมาสักตัว แล้วก็เอากรรไกรตัดให้ขาดวิ่นก็จะเป็นชุดเต้นที่สวยงามชุดหนึ่งแล้ว
คิด ๆแล้วถ้าเหมยเหมยใส่คงสวยถูกตาต้องใจแน่นอน!
“พ่อบุญธรรมก็มานะ ไปทักทายกันสักหน่อยเถอะ!” เหยียนหมิงซุ่นพูดเสียงต่ำ
เหมยเหมยแปลกใจเป็นอย่างมาก แต่ก็เบะปากอย่างรวดเร็ว “เขาต้องพูดว่าฉันเต้นได้น่าเกลียดมากใช่ไหม?”
คนปากคอเราะรายอย่างตาแก่โรคจิตนั่นจะพ่นคำดี ๆอะไรออกมาได้อีก?
เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะเบา ๆจงใจไม่บอก “ก็ไม่แน่หรอก ไม่แน่นะครั้งนี้เขาอาจจะชมเธอก็ได้!”
เมื่อครู่ฉากที่เฮ่อเหลียนชิงอวดกับผู้อำนวยการเขาเห็นมันหมด ตอนนี้ คิด ๆแล้วยังอยากจะหัวเราะ อย่ามองว่าปกติเฮ่อเหลียนชิงชอบพูดกัดเหมยเหมยว่าเป็นคนไร้ประโยชน์ แต่อันที่จริงในใจก็ค่อนข้างชอบเหมยเหมยอยู่มาก
ตาแก่คนนี้เป็นพวกปากไม่ตรงกับใจ!
ทางด้านเฮ่อเหลียนชิงยังคงคุยโม้โอ้อวดกับผู้อำนวยการอยู่ หางตาเหลือบเห็นคู่กิ่งทองใบหยกคู่หนึ่งกำลังเดินมา ก็รีบหุบปากแล้วตีหน้าขรึม
ผู้อำนวยการที่ฟังอย่างออกรสก็สงสัย ทำไมถึงไม่พูดต่อแล้วล่ะ?
เขาค่อนข้างสนใจชีวิตประจำวันของจ้าวเหมยพอควรเลยนะ!
“พ่อบุญธรรม ผู้อำนวยการหลัว”
เหยียนหมิงซุ่นกล่าวทักทายยิ้ม ๆแล้วก็แนะนำเหมยเหมยกับผู้อำนวยการ “ผู้อำนวยการหลัว คนนี้คือคู่หมั้นของผม เป็นนักเรียนใหม่ปีหนึ่งของปีนี้ สาขาศิลปะจีน”
จ้าวเหมยโค้งคำนับด้วยท่าทีนอบน้อม ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยเคารพเฮ่อเหลียนชิงสักเท่าไหร่ แต่อยู่ข้างนอกก็ต้องไว้หน้าเขาหน่อย ส่งเสียงเรียกโดยไม่เต็มใจว่า “คุณลุง”
หากว่าอยู่ที่ฟาร์ม เธอไม่แม้แต่จะสนใจตานี่ด้วยซ้ำ
เฮ่อเหลียนชิงรู้สึกไม่สบอารมณ์ ยัยเด็กน่ารังเกียจนี่ไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ รู้สึกคันปากยิบ ๆแค่นเสียงฮึผ่านออกมาจากปาก
“กลับบ้านดีกว่า ตอนแรกนึกว่าจะได้เห็นอะไรที่เยี่ยมยอดเสียอีก หึ การเต้นนี่…จุ๊ ๆ…ฝีมือแค่นี้ยังกล้าขึ้นเวทีให้อับอายขายหน้าอีก….กลับบ้านไปฝึกอีกแปดปีสิบปีเถอะ!”
คำพูดเหน็บแนมถูกพ่นออกมาเป็นพรวน เหยียนหมิงซุ่นและเสี่ยวเมิ่งต่างก็ถอนหายใจอย่างจนปัญญา
เห็นอยู่ชัด ๆว่าเมื่อครู่ไม่ได้พูดแบบนี้!
ผู้อำนวยการยิ่งงงเป็นไก่ตาแตก สีหน้างุนงงไปหมด
นี่ท่านกำลังเล่นอะไรอยู่?
เขาจะพูดต่ออย่างไรเล่า?
เหมยเหมยถลึงตามองเหยียนหมิงซุ่นอย่างไม่พอใจ ยังคิดจะโกหกเธออีกเหรอ?
เธอรู้อยู่แล้วว่าตาแก่โรคจิตนี่ปากหมาหยั่งกับอะไรดี!
เหยียนหมิงซุ่น: ……
เขาแค้นเสียยิ่งกว่าอีก เมื่อครู่น่าจะอัดเสียงเอาไว้จริง ๆ
พอโฮ่วเซิ่งหนานปรับอารมณ์ได้แล้วก็เดินเข้ามา เดิมทีเธอเอาแต่จ้องเหยียนหมิงซุ่นมาตลอดจึงทำให้เธอสังเกตเห็นเฮ่อเหลียนชิงพลันดีอกดีใจขึ้นมา
“คุณอาเฮ่อเหลียน ไม่เจอกันนานนะคะ” เสียงของโฮ่วเซิ่งหนานดังขึ้น
…………………………………………….
ตอนที่ 1477 เฮ่อเหลียนชิงปากร้าย
ผู้อำนวยการใจเต้นตุบตับ แอบนึกแปลกใจ คุณโฮ่วรู้จักกับตานี่ด้วยเหรอ?
ที่แท้อาจารย์กับนักเรียนพวกนี้แต่ละคนมีภูมิหลังไม่ธรรมดาเลย!
ผู้อำนวยการมองไปที่ผู้ช่วยข้าง ๆเขาอย่างไม่พอใจ ข่าวคราวก็ไม่รวดเร็ว ช่างปฏิบัติหน้าที่ได้บกพร่องจริง ๆ!
ตอนนี้โฮ่วเซิ่งหนานแต่งกายปกติแล้ว ทุกสิ่งที่ควรจะปกปิดก็ถูกปกปิดอย่างมิดชิด เครื่องสำอางบนใบหน้ายังคงหนาเช่นเดิม โดยเฉพาะอายแชโดว์ที่ปลายหางตา ดูบนเวทีดูมีเสน่ห์มากแต่พอได้มองใกล้ ๆกลับเหมือนกับผีเสียอย่างนั้น
เฮ่อเหลียนชิงขมวดคิ้ว เมื่อก่อนเขามักจะรู้สึกว่าเหมยเหมยดูยั่วยวนเกินไปราวกับจิ้งจอก นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ไม่ชอบ แต่ตอนนี้พอได้ยืนอยู่กับโฮ่วเซิ่งหนานก็เห็นความต่างทันที
คนหนึ่งสะอาดสะอ้านเหมือนกับดอกบัวโผล่เหนือน้ำ เห็นแล้วลืมสิ่งเลวร้ายไป
คนหนึ่งกลับดูจัดจ้านเหมือนโสเภณี เห็นแล้วน่าขยะแขยง
เทียบกันแบบนี้ เฮ่อเหลียนชิงรู้สึกว่าสายตาของเหยียนหมิงซุ่นไม่เลวเลยทีเดียว
“อืม…ไม่เจอกันนาน” ใบหน้าของเฮ่อเหลียนชิงไม่มีความสุขในการพบกันอีกครั้ง เขาเหลือบมองต่างหูใหญ่สีเงินบนหูของโฮ่วเซิ่งหนานอีกครั้ง ประกายวิบวับภายใต้แสงไฟแยงตาจนเข้ายากจะทนไหว
“โฮ่วเซิ่งหนานไม่เจ็บหูเหรอ?” เฮ่อเหลียนชิงอดพูดออกมาไม่ได้จริง ๆ พูดถึงเขาเองก็เห็นโฮ่วเซิ่งหนานมาตั้งแต่เด็กจนโต
ถึงแม้ว่าตอนเด็ก ๆจะชอบชิงดีชิงเด่นอยู่บ้างแต่ก็ยังดูเรียบร้อยอยู่ ทำไมพอไปต่างประเทศถึงได้เปลี่ยนไปจนน่ารังเกียจขนาดนี้ได้?
บอกแล้วว่าประเทศระบบทุนนิยมมันไม่ดี!
คนเราไปอยู่ในสภาวะแวดล้อมแบบไหนก็มักจะเป็นแบบนั้น คนดี ๆไปอยู่ในที่สำมะเลเทเมาหลงระเริงกับแสงสีเสียง จะไม่ถูกหล่อหลอมให้กลายเป็นแบบนี้ได้ไงกัน
โฮ่วเซิ่งหนานนิ่งตะลึง ฟังไม่เข้าใจความหมายของเฮ่อเหลียนชิง ส่ายหัว “ไม่เจ็บนี่ค่ะ”
“จะไม่เจ็บได้ไง? ต่างหูห่วงใหญ่ของเธอน่าจะหนักเป็นโลได้มั้ง? ดูสิติ่งหูของเธอสิแทบยานเป็นหูหมูแล้ว!” เสียงของเฮ่อเหลียนชิงนั้นแหลมสูง ยิ่งตอนรำคาญใจก็ยิ่งแหลมสูง
เหมยเหมยที่หลบอยู่หลังของเหยียนหมิงซุ่น อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ รู้สึกดีกับเฮ่อเหลียนชิงขึ้นเยอะ
เห็นแก่ที่ตาแก่นี่สั่งสอนโฮ่วเซิ่งหนาน วันหลังเธอจะด่าเขาให้น้อยลงหน่อย!
รอยยิ้มบนใบหน้าของโฮ่วเซิ่งหนานชะงักค้าง ไม่รู้ว่าจะรับมือกับการโจมตีอย่างกะทันหันของเฮ่อเหลียนชิงอย่างไร และที่ยิ่งกว่านั้นคือความโกรธ
ต่อหน้าคนเยอะแยะขนาดนี้ โดยเฉพาะต่อหน้าจ้าวเหมย คาดไม่ถึงว่าจะทำให้เธอกลืนไม่เข้าคายไม่ออก?
ตาแก่หนังเหนียว!
สมน้ำหน้าที่โดนสวมเขา กลายเป็นชายแก่ที่ภรรยามีชู้ เลี้ยงลูกให้คนอื่น!
โฮ่งเซิ่งหนานฝืนยิ้ม ตั้งใจพูดกระเง้ากระงอด “คุณลุงเฮ่อเหลียน คุณลุงพูดกับหนูแบบนี้ได้อย่างไรกันคะ ตุ้มหูแบบนี้เป็นแฟชั่น ตอนนี้ที่ต่างประเทศนิยมมากเลยนะคะ”
เฮ่อเหลียนชิงตัวสั่น ไม่ชินกับคำพูดกระเง้ากระงอดของโฮ่วเซิ่งหนานที่จู่ ๆก็พูดขึ้นไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย กดเสียงแบบนี้เหมือนผู้ชายเลย บวกกับรูปร่างสูงใหญ่หยั่งกับวัวม้าด้วย อยู่ดี ๆก็ทำท่าทางกระเง้ากระงอดเหมือนเด็กน้อย มันช่าง…
”พวกต่างประเทศนิยมกันก็ถือว่าเป็นสิ่งดีงั้นเหรอ? โฮ่วเซิ่งหนานตอนเด็ก ๆเธอยังหนักแน่นกว่านี้อีก ทำไมตอนนี้เริ่มคลั่งไคล้ต่างชาติไปได้ล่ะ? แบบนี้ไม่ดีเลย เธอต้องคิดให้ดี ๆนะ…”
เฮ่อเหลียนชิงส่งเสียงดังฟังชัดสั่งสอนไปอีกยก รอยยิ้มบนใบหน้าของโฮ่วเซิ่งหนานจะแข็งค้างอยู่แล้ว เธอเห็นรอยยิ้มลำพองใจของเหมยเหมยที่หลบอยู่หลังของเหยียนหมิงซุ่นก็ยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่ แต่ก็ยังต้องอดกลั้นไว้
จ้าวเหมยร้ายกาจไม่เบาเลย คาดไม่ถึงว่าจะเป่าหูจนเฮ่อเหลียนชิงเชื่อฟังขนาดนี้!
งั้นแบบนี้เรื่องที่เธออยากแต่งงานกับเหยียนหมิงซุ่นก็ยากแล้วสิ!
แต่แล้วจะทำไมล่ะ?
ผู้ชายที่เธอโฮ่วเซิ่งหนานต้องตา จะต้อง——เป็นของเธอเท่านั้น!
“คุณลุงเฮ่อเหลียนก็ปรักปรำหนูเกินไปแล้ว หนูแค่รู้สึกว่าสวยดีก็เลยใส่ คลั่งไคล้ต่างชาติที่ไหนกันคะ? ในเมื่อคุณลุงเฮ่อเหลียนรู้สึกว่ามันน่าเกียจ งั้นวันหลังฉันไม่ใส่ก็ได้ค่ะ…” โฮ่วเซิ่งหนานรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม ถึงแม้ว่าเธอจะโมโหมาก แต่ก็ไม่กล้าจะล่วงเกินเฮ่อเหลียนชิง
เฮ่อเหลียนชิงเป็นหนึ่งในสองคนที่ลุงของเธอกลัวที่สุด เธอทำได้แค่เพียงเอาใจเท่านั้น!
ตอนที่ 1478 ละเลงจนหนาเป็นปูนซีเมนต์
เฮ่อเหลียนชิงไม่เล่นไปกับหล่อน ถ้าโฮ่วเซิ่งหนานล้างสีที่เปรอะเปื้อนบนหน้าออก ถอดต่างหูห่วงกลม ๆนั้นออกด้วย บางทีเขาอาจจะพอใจหน่อย ตอนนี้โฮ่วเซิ่งหนานดูสกปรกเลอะเทอะ เขาไม่อยากมองให้เสียสายตา
“นอกจากห่วงกลม ๆนี้แล้ว ยังมีสีบนหน้าเธอพวกนี้อีก อย่างกับจะไปเล่นงิ้ว!”
ปากร้าย ๆของเฮ่อเหลียนชิงช่างไม่มีใครเทียบได้เลยจริง ๆ อีกทั้งยังไม่ใช่การใช้กับตัวเอง เหมยเหมยมีความสุขมากจริง ๆ มองเฮ่อเหลียนชิงสบายตาขึ้นเยอะ
สีหน้าของโฮ่วเซิ่งหนานดูไม่ได้เป็นอย่างมาก แต่ไหนแต่ไรมาเธอมีชั้นเชิงแพรวพราวตลอด เวลานี้กลับเป็นใบ้ส่งยิ้มเจื่อนไปให้อย่างไม่มีทางเลือก แต่ในใจกลับแล่เนื้อตาแก่หนังเหนียวไปแล้วหลายพันรอบหมื่นรอบแล้ว
ยุ่งกับใครไม่ยุ่งแต่ดันมายุ่งกับเธอเสียนี่!
แต่ที่น่าอึดอัดที่สุดก็คือหาหนทางตอกกลับไม่ได้เลยจึงทำได้แค่ยอมรับความอับอาบขายหน้าอยู่แบบนี้
ดูถูกจ้าวเหมยเกินไป ไม่รู้ว่าว่าเล่นของอะไรใส่ตาแก่หนังเหนียวนี่ คาดไม่ถึงเลยว่าจะออกหน้าให้นังเพศยานี่อย่างสุดจิตสุดใจ เกลียดที่สุด!
ยิ่งโฮ่วเซิ่งหนานโดนกดเหมยเหมยก็ยิ่งมีความสุข หัวเราะคิกคักหลบอยู่หลังเหยียนหมิงซุ่น เหยียนหมิงซุ่นหยิกเอวของเธอเบา ๆตักเตือนเธอให้เก็บอาการหน่อย ไม่เห็นใบหน้าของโฮ่วหนานที่เขี้ยวปั๊ดนั่นหรือ?
ฝีเท้าของเฮ่อเหลียนชิงอาจไม่ว่องไวนักแต่สายตากลับหลักแหลมไม่เบา เห็นการเคลื่อนไหวเล็ก ๆน้อย ๆของทั้งคู่อย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความลำพองใจที่ปิดเอาไว้ไม่อยู่ของเหมยเหมย อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขบขัน
ที่แท้ก็โง่!
ไม่มีแผนการในใจเลยสักนิด แม้กระทั่งเล่ห์อุบายยังมีไม่ถึงครึ่งของโฮ่วเซิ่งหนานด้วยซ้ำ ดูสิว่าโฮ่วเซิ่งหนานโกรธขนาดไหนแล้วแต่ก็ยังอดกลั้นความโกรธไว้ ยัยเด็กบื้อคนนี้ถ้าไม่ใช่เพราะเหยียนหมิงซุ่นกดไว้ เกรงว่าป่านนี้คงปล่อยก๊ากจนท้องแตกไปแล้ว!
ถึงแม้จะรู้สึกว่าเหมยเหมยโง่จนไม่มีทางรักษา แต่เปรียบกันแล้วเฮ่อเหลียนชิงชอบยัยเด็กโง่นี่มากกว่าหน่อย
นอกจากความงามที่ดูเพลินตาของเหมยเหมย สิ่งที่มีมากกว่าก็ยังคือ’ความโง่’
อย่ามองว่าเฮ่อเหลียนชิงเอาแต่บ่นเหยียนหมิฃซุ่นทุกวี่วันว่าเขาเป็นสามีหรือพ่อกันแน่ เลี้ยงภรรยาเหมือนเลี้ยงลูกสาว แต่มีผู้ชายบางจำพวกไม่ใช่ว่าชอบ ‘ดึงดัน’ หรือไง!
รวมถึงตัวของเฮ่อเหลียนชิงเองด้วย แต่ไรมาไม่เคยชอบผู้หญิงที่แข็งแกร่งเกินไป พวกเขาค่อนข้างจะกังวลเกี่ยวกับตัวเองมากกว่า และไม่ต้องการให้ผู้หญิงเป็นเท้าหน้าเหมือนผู้ชาย
ผู้หญิงถ้าแข็งแกร่งมากขนาดนั้นจะต้องการผู้ชายอย่างพวกเขาไปทำไม?
อันที่จริงนี่เป็นโรคประจำตัวของชายอกสามศอกอย่างเฮ่อเหลียนชิงและเหยียนหมิงซุ่น แค่รู้สึกว่าผู้หญิงควรได้รับการปกป้องจากพวกเขา เลี้ยงแมวเลี้ยงหมาวาดรูปเล่นเปียโน นี่คือชีวิตของผู้หญิงของพวกเขาที่ควรมี
แน่นอนว่า นี่เป็นความคิดในฐานะที่เป็นผู้ชายคนหนึ่งของเฮ่อเหลียนชิง
เพราะเหตุนี้เขาถึงแสดงท่าทีเหมือนว่าเหมยเหมยขัดตาไปเสียทุกอย่าง ทั้งหมดเป็นเพราะเขามองในฐานะคนเป็นพ่อ ความต้องการต้องแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเป็นธรรมดา
การเป็นพ่อบุญธรรม แน่นอนว่าเขาหวังว่าลูกสะใภ้ของเขาจะมีความสามารถเต็มร้อย ไม่ใช่ว่าเหมือนอย่างตอนนี้ ถูกลูกชายของเขาประคบประหงมจนเหมือนนกคีรีบูน ไม่เจอคลื่นลมเข้ามาสัมผัสเลย
ถึงแม้ว่าปากของเฮ่อเหลียนชิงจะเอาแต่พูดว่าเหมยเหมยไม่มีอะไรดี แต่ในใจของเขาคิดเช่นไรคนในฟาร์มต่างรู้กันดี มีเพียงแต่ตัวเขาเองที่แสร้งทำเป็นไม่รู้
เดิมเฮ่อเหลียนชิงยังอยากจะสั่งสอนอีกหลายประโยค แต่พอเห็นสีสันฉูดฉาดบนใบหน้าของโฮ่วเซิ่งหนานก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกคลื่นไส้ โบกไม่โบกมืออย่างเหนื่อยล้าบอกให้เสี่ยวเมิ่งส่งเขากลับ
“โฮ่วเซิ่งหนานเธอไปล้างหน้าให้ดี ๆเถอะ เดิมหน้าก็ปกติดีดันไปละเลงจนหนาเป็นปูนซีเมนต์หมดแล้ว!
เฮ่อเหลียนชิงไปแล้วยังไม่วายที่จะปากเปราะทิ้งประโยคสังหารสุดท้ายไว้ถึงจะจากไปอย่างพึงพอใจ
ถึงอย่างไรก็ไม่ควรด่าเจ้าเด็กนั่นแรงเกินไป เพราะยังมีเจ้าเหยียนหมิงซุ่นปกป้องอยู่เลยยังด่าไม่หนำใจ แต่ก็เอาเถอะวันนี้ถือว่าด่าจนพอใจแล้ว!
…………………………………………..
ตอนที่ 1479 ชอบจ้องจับผิด
มองเฮ่อเหลียนชิงนั่งอยู่บนรถเข็นเผยแผ่นหลังที่ดูอวบอิ่ม จู่ ๆก็มีกระแสความอบอุ่นหลั่งไหลเข้ามาในหัวใจของเหมยเหมย
“คุณลุงสวัสดีค่ะ พรุ่งนี้ฉันจะทำอาหารอร่อย ๆให้นะ!”
อยู่ดี ๆเหมยเหมยก็ตะโกนออกมา แต่ไหนแต่ไรมาคนอื่นทำดีกับเธอเรื่องเดียวแต่เธอจะตอบแทนคืนให้เป็นสิบเท่า เมื่อครู่เฮ่อเหลียนชิงสั่งสอนโฮ่วเซิ่งหนานอย่างถึงอกถึงใจ เหมยเหมยรู้สึกว่าเฮ่อเหลียนชิงออกหน้าเพื่อเธอ ซาบซึ้งใจจะตายอยู่แล้ว
แน่นอนว่าในความเป็นจริงเฮ่อเหลียนชิงก็ทำไปเพื่อออกหน้าให้เหมยเหมย แต่จะยอมรับได้อย่างไรเล่า?
แน่นอนว่าไม่!
ดังนั้น——
“ฝีมือเธอจะทำอะไรอร่อยได้? หมูยังเมินใส่ อย่ามาทำให้ฉันท้องเสีย…” เสียงแหลมสูงส่งผ่านกลับมา
เหมยเหมยหดหู่อยู่ท่ามกลางสายลม…
พรุ่งนี้เธอต้องใส่ยาระบายลงไปในอาหารให้ได้ ถ้าไม่ทำให้ตาแก่โรคจิตท้องเสียสามวันสามคืนเธอเปลี่ยนนามสกุลไปใช้ของพี่หมิงซุ่นเลย คอยดูสิ
เสี่ยวเมิ่งลูบจมูกอย่างเอือมระอา ขี้เกียจจะพูดอะไรแล้ว
ถ้านายท่านพูดอะไรดี ๆบ้างมันจะตายหรือไง?
เฮ่อเหลียนชิง ‘ไม่ตายหรอกแต่จะขายขี้หน้า วันหลังฉันจะวางมาดต่อหน้ายัยเด็กบ้านี่ได้อย่างไร?’
“รีบ ๆเข้าเถอะ ฉันต้องกลับไปกินแกงลูกบัวแก้ร้อนใน” เฮ่อเหลียนชิงเห็นหน้าเล็ก ๆของเหมยเหมยบึ้งตึงขึ้นมาก็ใจฝ่ออย่างไม่มีสาเหตุ บอกให้เสี่ยวเมิ่งเร่งมือหน่อย
เหมยเหมยหูผึ่ง กลอกตาไปมา
แกงลูกบัว?
เธอลำพองใจในทันที วิ่งไปหาเฮ่อเหลียนชิงเหมือนกับติดปีกบิน “แกงลูกบัวฉันตุ๋นเอง คุณไม่ได้บอกว่าขนาดหมูก็ไม่กินไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงยังอยากกินอีกล่ะคะ?”
เชอะ ตาแก่โรคจิตปากไม่ตรงกับใจ!
ก็เห็นอยู่ชัด ๆว่าชอบอาหารที่เธอทำ ยังจงใจใส่ร้ายป้ายสีต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ โดยเฉพาะต่อหน้าโฮ่วเซิ่งหนาน!
เฮ่อเหลียนชิงหงุดหงิด โอ้ย…ทำไมถึงได้ลืมไปได้นะ?
“ตลกแล้ว…อาหารที่เธอทำฉันเอาไปป้อนให้หมูกินนานแล้ว อันที่ฉันกินเป็นแกงลูกบัวที่พ่อครัวปรุงมาให้ๆใหม่ไป ๆ…หมาที่ดีจะไม่ขวางทาง…” เฮ่อเหลียนชิงเกิดผวาขึ้นมาจึงหันกลับไปตวาดใส่เสี่ยวเมิ่ง “เร็ว ๆหน่อย ยังไม่ได้กินข้าวเลย!”
เสี่ยวเมิ่งหันไปขยิบตาให้เหมยเหมยที่มีสีหน้าดูไม่ค่อยได้ พูดไม่มีเสียงว่า “กินหมดแล้ว!”
เดิมทีเหมยเหมยยังโมโหอยู่แต่ได้ยินเสี่ยวเมิ่งพูดแบบนี้ อารมณ์โมโหก็หายวับทันที มองไปที่เฮ่อเหลียนชิงที่กำลังทำสีหน้าถมึงทึงอยู่ ดูเหมือนว่าจะไม่ขัดตาเหมือนแต่ก่อนแล้ว
ไม่ว่าอย่างไรถึงช่วงเวลาสำคัญตาแก่น่ารังเกียจนี่ก็ถือว่ายอดเยี่ยมอยู่ ก็แค่ปากร้าย ขี้ใจน้อยไปหน่อย…
“คุณลุงกลับดี ๆนะคะ พรุ่งนี้ฉันจะทำแกงลูกบัวไปให้แก้ร้อนใน”
เหมยเหมยไม่โกรธแต่กลับยิ้ม ยิ้มหวานหยดย้อย ยิ้มจนใจของเฮ่อเหลียนชิงหงุดหงิด
“แกว่ายัยเด็กนี่โดนฉันด่าจนเป็นเอ๋อไปแล้วหรือเปล่า?” หลังจากที่เฮ่อเหลียนชิงขึ้นรถ ก็อดที่จะถามเสี่ยวเมิ่งไม่ได้
เสี่ยวเมิ่งกลอกตามองบน นายท่านของเขานี่จริง ๆเลย…
คุณหนูจ้าวด่าเขา เขาก็โมโห พอวันนี้คุณหนูจ้าวไม่ด่าเขาเขาก็รู้สึกไม่สบายใจเสียอย่างนั้น
“เป็นเพราะเหมยเหมยกตัญญูต่อท่าน นายท่ายก็รับไว้เถอะครับ” เสี่ยวเมิ่งพูดยิ้ม ๆ
เฮ่อเหลียนชิงลำพองใจทันที ปลื้มปริ่มอยู่นานแต่จู่ ๆก็แค่นเสียงออกมาว่า “น้ำแกงถ้วยเดียวคิดว่าจะซื้อฉันได้เหรอ? คิดง่ายไปแล้ว!”
เขาไหนเลยจะเป็นคนที่มองการณ์ตื้นเขินแบบนั้น?
เสี่ยวเมิ่งกลอกตามองบนอีกครั้งคร้านจะต่อปากต่อคำด้วยอีก เขามองออกว่านายท่านจงใจหาเรื่องทะเลาะและสนุกไปกับมัน ต่อให้คุณหนูจ้าวจะทำได้สมบูรณ์แบบจริง ๆ นายท่านต้องหาจุดบกพร่องออกมาได้แน่นอน
พอเฮ่อเหลียนจากไป ผู้อำนวยการก็ถอนหายใจยาว ยื่นมือไปปาดเหงื่อเย็น ๆบนหน้าผาก
ในที่สุดก็ไปเสียที!
ขอบคุณฟ้าดิน!
ผู้อำนวยการกลับมาทรงอิทธิพลอีกครั้ง เหยียดกระดูกสันหลังตรงส่งยิ้มให้เหมยเหมยอย่างพึงพอใจ แล้วชำเลืองมองโฮ่วเซิ่งหนานที่แต่งหน้าเต็มพลางคิ้วขมวดแน่น
ภูมิหลังของนางสาวโฮ่วคนนี้จะต้องสืบหาดี ๆเสียหน่อย หากไม่มีอะไรที่ร้ายแรงมากก็รีบตัดไฟตั้งแต่ต้นลม เลี่ยงไม่ให้ทำลายบรรยากาศของมหาวิทยาลัยจะดีกว่า
เหยียนหมิงซุ่น ‘ไม่ต้องให้คุณลงมือ เรื่องนี้เขาจัดการเอง!’
ตอนที่ 1480 ที่เธอควรเต้นคือรูดเสา
“การแสดงออกของจ้าวเหมยไม่เลวเลยจริง ๆ พยายามต่อไปเรื่อย ๆนะ!”
ผู้อำนวยกาพูดพลางรยิ้มตาหยีเอามือไพล่หลังแล้วจากไป ส่วนสำหรับโฮ่วเซิ่งหนานเขาไม่ได้แม้แต่จะสนใจ
ไม่สนว่าภูมิหลังจะเป็นเช่นไร ต่อให้จะเป็นหลานสาวของนายใหญ่ เขาไม่กล้าไล่ออก แต่แสดงท่าทีว่าเขาไม่พอใจคงได้แหละ!
อย่างมากก็แค่ไม่ได้เป็นผู้อำนวยการห่วย ๆที่แสนน่ารำคาญนี่
ในใจของโฮ่วเซิ่งหนานสับสนไปหมด ทั้งสองคนนี้ไม่เห็นเธออยู่ในสายตาเลย มีอย่างที่ไหนกัน!
นังเพศยาจ้าวเหมยมีดีกว่าเธอตรงไหน?
ทุกคนตาบอดกันไปหมดแล้วหรือไง!
เหมยเหมยลอบกวาดตามองโฮ่วเซิ่งหนานครู่หนึ่ง ใบหน้าของเธอแทบจะบิดเบี้ยวแม้แต่เครื่องสำอางอย่างกำแพงเมืองก็ไม่สามารถช่วยเธอได้แล้ว
ถ้าจะบอกเหตุผลที่โฮ่วเซิ่งหนานชอบแต่งหน้าหนาก็เพราะเกี่ยวข้องกับใบหน้าของเธอจริง ๆ ก่อนหน้านี้เฮ่อเหลียนชิงก็บอกว่าเธอหน้าแบน จริง ๆแล้วเป็นกันเยอะในสาวแถบเอเชีย โครงหน้าไม่มีมิติเหมือนสาวตะวันตกและดูแบนเล็กน้อย
โฮ่วเซิ่งหนานค่อนข้างแบนไปหน่อยหรือเรียกว่าทรงหน้าแพนเค้กใหญ่ หากเธอล้างเครื่องสำอางออกก็ไม่ต่างจากผู้หญิงหน้าแพนเค้กทั่วไป สาเหตุที่เธอดูเหมือนใบหน้ารูปไข่ในตอนนี้ก็เพราะผลพวงจากการแต่งหน้าของเธอ
ใช้การแต่งหน้าอันหนาเตอะวาดโครงหน้าให้ดูมีมิติเว้นนูน ทักษะการแต่งหน้าของโฮ่วเซิ่งหนานยังคงดีมากไม่เช่นนั้นจะเข้าสู่หนึ่งในรายชื่อความงามระดับโลกหนึ่งร้อยคนได้อย่างไร?
ก็ไม่สามารถไปโทษพวกคนต่างชาติที่ตาบอดได้หรอก!
หลังจากโฮ่วเซิ่งหนานแต่งหน้าหนาเตอะยังคงมีเสน่ห์ความงามอีกแบบหนึ่ง แต่ผู้ชายฮวาเซี่ยส่วนใหญ่ไม่ชื่นชอบความงามแบบนี้ก็เท่านั้น
“โฮ่วเซิ่งหนาน ตอนนี้จะยังบอกว่าฉันไม่รู้จักการเต้นลาตินแดนซ์อีกไหม?” เหมยเหม่ยจ้องโฮ่วเซิ่งหนานและยิ้มกว้างเหมือนกับตอนที่เธอเต้นลาตินบนเวที
เวลานี้นักเรียนที่อยู่ในละแวกนั้นเพิ่งจะเข้าใจว่าดาวมหาวิทยาลัยต้องการจะแข่งกับมิสโฮ่ว ถึงได้เต้นลาตินแดนซ์!
ดูเหมือนว่าคืนนี้ดาวมหาวิทยาลัยที่เป็นคนพื้นที่จะชนะมิสโฮ่วสาวต่างถิ่นขาดลอย!
ใบหน้าของโฮ่วเซิ่งหนานเปลี่ยนไปอย่างมาก หัวเราะเยาะ “ก็ไม่เห็นจะเท่าไร จ้าวเหมยทำไมเธอถึงคิดว่าเธอเต้นได้ดีกว่าฉัน?”
“เพียงเพราะฉันไม่สวมใส่ผ้าขี้ริ้วอย่างเธอ ฉันก็สามารถเอาชนะด้วยเสียงปรบมือของเพื่อน ๆร่วมชั้นอย่างท่วมท้น และฉันก็สามารถเต้นได้ดีกว่าโฮ่วเซิ่งหนานอย่างเธอร้อยเท่า” เหมยเหมยด่าสั่งสอนอย่างไร้ความปราณี
โฮ่วเซิ่งหนานมองไปที่เหมยเหมยอย่างเยาะเย้ยและหัวเราะเยาะ “จ้าวเหมยถ้าเธอไม่เข้าใจก็อย่าพูดเรื่องไร้สาระ ชุดของฉันเป็นชุดเต้นรำทางการ อย่าดูถูกมัน”
เหมยเหมยหัวเราะแดกดัน “โฮ่วเซิ่งหนาน เธอคิดว่าเธอเป็นคนเดียวในฮวาเซี่ยที่ได้ไปต่างประเทศใช่ไหม? ชุดของเธอเป็นชุดเต้นรำที่เป็นทางการ สวมใส่อย่างนักเต้นระบำก็จริง แต่โฮ่วเซิ่งหนานเธอเต้นผิดประเภทแล้วล่ะ เธอควรจะเต้นรูดเสาถึงจะถูก”
“ฮ่า ๆ…”
อยู่ดี ๆเหล่าศาสตราจารย์ที่โกรธจัดก็หัวเราะร่า ชายชราคนอื่น ๆก็มีใบหน้าแต้มยิ้ม ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่คนเหล่านี้ไม่ได้ดูการแสดงบนเวที แต่มารวมตัวกันเพื่อดูพวกเหมยเหมยทะเลาะกัน
มหาวิทยาลัยเมืองหลวงเปรียบเสมือนอายุของศาสตราจารย์ กล่าวได้ว่าแปดถึงเก้าในสิบคนมีประสบการณ์จากการศึกษาในต่างประเทศและคุ้นเคยกับชีวิตในโลกตะวันตกมาก ดังนั้นจึงรู้สึกขัดหูขัดตากับท่าทางหยิ่งยโสของโฮวเซิ่งหนานที่ไปต่างประเทศกลับมา ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจที่เธอถือเอาสิ่งไม่ดีของต่างประเทศกลับมาด้วย แล้วยังทำท่าภาคภูมิใจ
คำพูดของเหมยเหมยถือว่าพูดแทนความในใจของพวกเขา
ผ้าขี้ริ้วของโฮ่วเซิ่งหนาน เป็นชุดที่นักเต้นในผับชอบใส่!
นักเต้นจริง ๆไม่สวมเสื้อผ้าแบบนี้เพื่อดึงดูดความสนใจคนอื่น พวกเขาอาศัยความสามารถที่แท้จริงต่างหาก!
มีนักเรียนบางคนไม่เข้าใจว่าการเต้นรูดเสาคืออะไร คุณชายโจวก็กระตือรือร้นให้ความรู้พื้นฐาน “เหมือนระบำเปลื้องผ้าของคนต่างชาติ เราสามารถเห็นได้ในเมืองหลวง ที่เหล่าสาวงามรัสเซียเต้น ดูแล้วยั่วอารมณ์สุด ๆ…”
พวกคุณชายที่อยู่ข้าง ๆเขาก็หน้าแดงทันที อยู่ดี ๆหัวสมองของพวกเขาก็ปรากฏภาพบนเวทีในตอนที่โฮ่วเซิ่งหนานหมุนตัว…
ทันใดนั้นโพรงจมูกร้อนผ่าว…แล้วเลือดกำเดาไหลออกทั้งสองข้าง!
…………………………………………..
ตอนที่ 1481 ชนะขาด
สายตาของโฮ่วเซิ่งหนานเย็นชามาก จ้องเหมยเหมยราวกับงูพิษ มุมปากกลับกระตุกยิ้มดูผิดปกติ เหยียนหมิงซุ่นกลับรู้สึกระแวงอยู่ในใจ
ยัยบ้านี่ดูท่าจะร้ายลึกกว่าอู่เยวี่ยเยอะเลย เขาต้องส่งคนมาปกป้องเหมยเหมยตลอดเวลาถึงจะดี แต่ว่ามีเซียวเซ่อทางด้านนั้นคอยสอดส่องอยู่แล้ว เรื่องสองวันนี้เหมยเหมยระบายความโกรธไปไม่น้อยแล้ว เขาต้องรีบจัดการถีบนังผู้หญิงโรคจิตคนนี้กลับต่างประเทศไปได้แล้ว
ให้เธอไปสร้างหายนะให้กับคนต่างชาตินู้น!
อย่าอยู่ที่ฮวาเซี่ยให้ขายขี้หน้าเลย!
โฮ่วเซิ่งหนานพูดเสียงเย็นชาว่า “จ้าวเหมยเธอยังไม่เคยไปแม้กระทั่งต่างประเทศด้วยซ้ำ เธอจะรู้จักการเต้นรำแบบตะวันตกได้ไง? มาพูดจาซี้ซั้วอะไรตรงนี้?”
เหมยเหมยยิ้มกว้าง พูดเสียงสดใสว่า “ฉันไม่เคยไปต่างประเทศ แต่เธอไม่เคยได้ยินคำพูดหนึ่งที่ว่าการอ่านหนังสือหมื่นเล่ม คุณก็สามารถเดินทางหลายพันไมล์เหรอ? ฉันเรียนรู้เกี่ยวกับการเต้นรำแบบตะวันตกในหนังสือไม่ได้เหรอ? ยิ่งไปกว่านั้นแม้ว่าฉันจะมีความรู้แค่งู ๆปลา ๆ แต่อาจารย์ของฉันได้ศึกษาอย่างลึกซึ้ง แม้ว่าฉันจะได้เรียนรู้มาจากอาจารย์แค่ผิวเผิน แต่การวิพากษ์วิจารณ์ระบำเปลื้องผ้าของเธอก็นับว่ามากพอแล้ว”
“พรูด”
ไม่รู้ใครหลุดออกมา
โฮ่วเซิ่งหนานโมโหจนหันขวับ ต้องการหาคนที่หัวเราะเยาะเธอทีละคน แต่ท่ามกลางคนพลุกพล่านต่อให้เธอจะมีดวงตาที่เฉียบคมก็ไม่สามารถงมเข็มนี้ขึ้นมาได้ ต้องอดกลั้นความโมโหไว้แล้วหันมาจดจ่อรับมือกับจ้าวเหมย
โจวซื่อซินถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วก็หยิบกล้องออกมาเริ่มบันทึก สงครามน้ำลายของสาวงามสองคนดังในเมืองหลวงถือว่าหายากในรอบศตวรรษ!
เขาต้องถ่ายเอาไปอวดพวกเพื่อนจอมวายร้ายของเขาดู!
“จ้าวเหมยอาจารย์ของเธอคือใคร? พูดออกมาให้ฉันบูชาหน่อยสิ!” โฮ่วเซิ่งหนานพูดเหน็บแนม เธอรู้สึกว่าอย่างมากที่สุดจ้าวเหมยก็ไปเรียนเต้นมาจากห้องเรียนเยาวชนสถานที่อะไรแบบนั้น ไหนเลยจะมีนักเต้นรำมาเป็นอาจารย์ของเธอได้?
ยังมีหน้ามาพูดว่าอาจารย์ของเธอได้ทำการศึกษาการเต้นแบบตะวันตกอย่างลึกซึ้ง?
เชอะ อีกเดี๋ยวจะดูสิว่าจ้าวเหมยจะแถคำพูดนี้อย่างไร?
เธอจะต้องให้นังแพศยานี้หน้าแตกไม่เหลือชิ้นดีเลย!
เหมยเหมยรู้ความคิดของโฮ่วเซิ่งหนานดีจึงจงใจไม่ตอบกลับทันควัน เห็นความลำพองใจบนใบหน้าของโฮ่วเซิ่งหนานมากขึ้นเรื่อย ๆถึงได้พูดว่า “อาจารย์ของฉันก็คือคุณไต้ผิ่นเหลียน”
โฮ่วเซิ่งหนานรับคำโดยไม่รู้ตัว “ไต้ผิ่นเหลียนคืออาจารย์ห้องเรียนเยาวชนที่ไหนกันล่ะ?”
ทันทีที่สิ้นคำพูดลงเธอก็สังเกตเห็นบางอย่างผิดปกติ รีบกลืนคำพูดด้านหลังเข้าไปได้ทันเวลา รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย ทำไมรอบกายถึงเงียบขนาดนี้ล่ะ?
อีกทั้งสายตาของจ้าวเหมยทำไมถึงได้แปลกพิกลเช่นนั้นล่ะ?
เธอกำลังลำพองใจอะไรอยู่?
ยังคงเป็นศาสตราจารย์คนก่อนที่เคยโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงคนเดิมถอนหายใจยาว แล้วตะเบ็งเสียงใส่ว่า “ช่างโง่เขลาเสียจริง…ดีแต่เรียนรู้การเต้นสไตล์ตะวันตก แต่กลับไม่รู้จักปรมาจารย์ไต้ผิ่นเหลียนแห่งมาตุภูมิ ผู้หญิงที่แสนโง่เขลา…ถูกแสงสีเสียงต่างประเทศทำให้หลงระเริงไปหมดแล้ว ช่างเป็นความอับอายของประเทศ…”
ผู้อาวุโสท่านนี้น่ารักพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็สามารถดึงเข้าคุณธรรมของประเทศชาติได้ สุดยอดจริง ๆ
โฮ่วเซิ่งหนานตระหนักได้ว่าเธอทำพลาดไปแล้ว ดูเหมือนว่าคนที่ชื่อไต้ผิ่นเหลียนคนนี้จะเป็นคนที่น่าทึ่งมาก?
รู้สึกได้ถึงสายตาดูถูกเหยียดหยามจากทุกคน โฮ่วเซิ่งหนานก็รู้สึกอับอายแต่ก็ต้องแสร้งทำเป็นไม่แยแส หัวสมองค้นหาชื่อไต้ผิ่นเหลียนในหัวอย่างรวดเร็ว โชคดีที่เธอความจำดี ในที่สุดก็หาเจอจากซอกหลืบสมอง พลันหัวใจก็ดิ่งวูบ
คาดไม่ถึงว่าจ้าวเหมยจะเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ท่านนั้น?
ไม่น่าล่ะถึงกล้าวิพากษ์วิจารณ์การเต้นของเธอ!
ไม่รอโฮ่วเซิ่งหนานพิจารณาให้เสร็จ เหมยเหมยก็หัวเราะเยาะพูดว่า “อาจารย์ของฉันไม่ใช่ห้องเรียนเยาวชนที่ไหน โฮ่วเซิ่งหนานไม่ใช่ว่าผ่านไปไม่กี่ปีเธอจะลืมฮวาเซี่ยไปจนสิ้นหรอกนะ? สัตว์น่ะขอแค่มีนมก็เรียกว่าแม่แล้ว แต่เธอก็ดีนะขนาดไม่มีนมก็เรียกแม่เสียแล้ว!”
การแบทเทิลในงานเลี้ยง
เหมยเหมยชนะโฮ่วเซิ่งหนานขาดลอย!
เธอไม่ได้มองไปที่ใบหน้าอัปลักษณ์ที่บิดเบี้ยวของโฮ่วเซิ่งหนานอีก หันไปยิ้มหวานให้เหยียนหมิงซุ่น “ฉันเหนื่อยแล้ว กลับบ้านกัน!”
“ได้!”
เหยียนหมิงซุ่นยิ้มน้อย ๆจูงมือสาวน้อยหันหน้าเดินออกไป เขาไม่ได้เหลือบมองโฮ่วเซิ่งหนานมาตั้งแต่ต้นแล้ว
ในโลกของเขาสามารถบรรจุหญิงสาวข้างกายเขาได้เพียงเท่านั้น!
ตอนที่ 1482 ชื่อเสียงโด่งดัง
งานเลี้ยงต้อนรับเพิ่งจะจบลง ชื่อเสียงของเหมยเหมยก็ดั่งกระฉ่อนออกนอกมหาวิทยาลัยเมืองหลวงไปแล้ว ทุกคนในเมืองหลวงรู้กันหมดแล้วว่าในมหาวิทยาลัยเมืองหลวงมีดาวมหาวิทยาลัยที่ยอดเยี่ยมอยู่คนหนึ่ง ไม่ใช่แค่สวยเท่านั้น แต่ยังสามารถร้องเพลงและเต้นรำได้ อีกทั้งยังมีปัญญาเป็นเลิศเป็นนักเขียนที่เขียนหนังสือขายดีติดอันดับ
พูดได้ว่าสมบูรณ์แบบรอบด้าน
อีกทั้งยังเป็นลูกศิษย์คนสุดท้ายของปรมาจารย์ด้านการเต้นไต้ผิ่นเหลียน นี่มันน่าทึ่งมาก
ถึงแม้ว่าคุณไต้ผิ่นเหลียนจะเกษียณอายุไปแล้วก็ตาม แต่หลายคนก็ยังจำท่วงท่าของเธอได้ ถ้าพูดถึงการเต้นของฮวาเซี่ย แน่นอนว่าไต้ผิ่นเหลียนมาเป็นอันดับหนึ่งและไม่มีใครกล้าแข่งกับเธอ
ไม่เพียงแต่ทักษะการเต้นที่ยอดเยี่ยม นอกจากนี้ยังเป็นเพราะความเสียสละที่เธอทำเพื่อส่งเสริมการเต้นรำของฮวาเซี่ย
คุณไต้ผิ่นเหลียนไม่แต่งงานตลอดชีวิต ไม่ใช่เพราะเธอไม่มีใครไล่ตามจีบ มีผู้ชายนับไม่ถ้วนไล่ตามจีบเธอแต่เธอปฏิเสธไปหมด ในหมู่มวลชายหนุ่มก็มีชายหนุ่มที่เธอรักอย่างสุดซึ้งเช่นกัน
แต่เพราะว่าเธอชอบเต้นรำมากกว่า ดังนั้นเธอจึงค่อนข้างปฏิเสธคนที่มีใจตรงกันอย่างโหดร้าย ตัดสินใจโสดตลอดชีวิตเพียงเพื่อให้ได้ใช้ชีวิตในวัยสาวของตัวเองอยู่บนเวทีต่อไป นอกจากนี้ยังทำเพื่อผลักดันการเต้นรำของฮวาเซี่ยให้ดีขึ้น นำการเต้นรำของฮวาเซี่ยเผยแพร่ไปทั่วโลก
คุณไต้ผิ่นเหลียนทำได้แล้ว เธอสร้างท่าเต้นมากมาย และกระแสตอบรับก็ดีทั้งในและต่างประเทศ จนกระทั่งเธอได้รับเชิญให้ไปตั้งถิ่นฐานที่ต่างประเทศด้วยมิตรภาพที่แน่นแฟ้น แต่คุณไต้ผิ่นเหลียนปฏิเสธไปหมด
เธอเพียงแค่ยินดีที่จะอยู่ที่มาตุภูมิของตัวเอง ไม่ยอมไปที่ไหนทั้งนั้น
ดังนั้นคุณไต้ผิ่นเหลียนจึงเป็นที่เคารพนับถือของคนทั้งโลก ไม่เพียงเพราะทักษะการเต้นที่ยอดเยี่ยมของเธอ แต่เป็นเพราะการวางตัวที่มีเสน่ห์ของเธอด้วย
การเต้นระบำกลองของเหมยเหมยในงานเลี้ยงต้อนรับ สถานีโทรทัศน์ใหญ่ของเมืองหลวงรีรันออกอากาศทั้งหมด ตามมาด้วยเมืองจินและสถานีโทรทัศน์หลักอื่น ๆก็นำมาออกอากาศเช่นกัน
เวลานี้ผู้คนถึงได้ประหลาดใจเมื่อพบว่า นักเขียนเจ้าหญิงอัปลักษณ์ที่พวกเขาชื่นชอบ คาดไม่ถึงว่าจะมีความสามารถหลายด้านเช่นนี้
เหมยเหมยคาดไม่ถึงว่าแค่เต้นระบำกลองในงานเลี้ยงต้อนรับชุดหนึ่ง หนังสือของเธอก็ทำยอดขายระลอกใหม่ได้อีก ร้านหนังสือรายใหญ่ต่างก็ขายหมดเกลี้ยง
หลินฮั่นเหวินก็เป็นคนฉลาด เขารู้สึกถึงความผิดปกติของยอดขายจึงสอบถามหาเหตุผลได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ได้รับวิดีโอจากเหยียนหมิงซุ่นเพื่อนำไปให้สถานีโทรทัศน์ของฮ่องกงออกอากาศโดยเฉพาะ ในปัจจุบันสำนักพิมพ์สตาร์มีความสัมพันธ์กับสถานีโทรทัศน์อย่างแน่นแฟ้น ดังนั้นการถ่ายทอดเทปบันทึกภาพของนักเขียนยอดนิยมจึงเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย
หลังงานเลี้ยงต้อนรับก็เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ เหมยเหมยยังนอนแผ่อยู่บนเตียง มื้อกลางวันก็กินบนเตียงนั้นแหละ
นึกถึงเหยียนหมิงซุ่นที่ร้อนแรงราวกับไฟเมื่อคืนวาน เหมยเหมยก็โมโหจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน น่าอายจริง ๆให้ตายสิ
เมื่อคืนวานเหยียนหมิงซุ่นก็ไม่รู้ว่าเส้นประสาทส่วนไหนผิดปกติ ตัดกระโปรงใหม่ที่เธอไม่เคยใส่จนขาดวิ่นเหมือนผ้าขี้ริ้ว แล้วยังมาบังคับให้เธอเต้นอีก
แต่เต้นก็เต้นสิ พอเต้นได้ไม่ถึงห้านาทีก็…
ตรงหน้าของเหมยเหมยปรากฎภาพเหยียนหมิงซุ่นที่อดกลั้นไม่ไหวเมื่อคืนวาน แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยเห็นเขาเสียการควบคุมขนาดนี้ เหมือนกับจะกลืนกินเธอเข้าไปเสียอย่างนั้น
เหมยเหมยนวดมือที่ปวดเมื่อย หน้าตาเต็มไปด้วยอารมณ์รักของวัยหนุ่มสาว มีความงามของสาววัยแรกแย้มและยังมีความน่ารักไร้เดียงสาของสาววัยใส ทำให้คนละสายตาไปไม่ได้เลย
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ป้าฟางเอาโทรศัพท์มาที่ห้องของเหมยเหมย เป็นหลินฮั่นเหวินโทรมา
“ไปจัดงานแจกลายเซ็นที่ฮ่องกง?” เหมยเหมยพึมพำกับตัวเอง
ปีที่แล้วหลินฮั่นเหวินก็เสนอคำขอร้องนี้ขึ้นมา แต่เพราะเธอวุ่นวายอยู่กับการเรียนจึงปฏิเสธไป
“เหมยเหมยเธอเองก็ใช่ว่าจะไม่รู้ สำนักพิมพ์ของพวกเราจะโดนแฟนคลับของเธอถล่มตายอยู่แล้ว ทุกวันมีแต่คนไล่ตามฉันและถามฉันว่า เธอจะไปฮ่องกงเมื่อไหร่ หากเธอยังไม่มาอีก ฉันจะไม่กล้ากลับบ้านแล้วนะ”
หลินฮั่นเหวินพูดเกินจริง อันที่จริงเขาก็ไม่ได้พูดเกินจริงไป หลังจากที่วิดีโอการเต้นรำของเหมยเหมยออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ฮ่องกงก็มีชื่อเสียงไม่น้อยไปกว่าดารายอดนิยมเลย
และที่สำคัญที่สุดคือพ่อแม่ผู้ปกครองไม่เห็นด้วยกับการที่ลูก ๆของพวกเขาไล่ตามดารา แต่กลับสนับสนุนให้เด็ก ๆชอบเหมยเหมย เพราะพ่อแม่เหล่านี้รู้สึกว่าเหมยเหมยเป็นตัวแทนของพลังบวก หากบุตรหลานของพวกเขาสามารถเรียนรู้ถึงความสามารถของเหมยเหมยได้สักหนึ่งในสิบ ต่อให้เป็นความฝันพวกเขาก็ปลื้มปริ่มหัวใจแล้ว
…………………………………………..
ตอนที่ 1483 คราบนมของเหยียนหมิงซุ่น
เหมยเหมยไม่ตอบรับในทันที ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากไปฮ่องกงแต่มันไม่มีเวลาจริง ๆ กำหนดการตลอดปีนี้จัดไว้อย่างดีจนเต็มแล้ว ต่อให้เธอจะตอบตกลงหลินฮั่นเหวินก็ไม่มีเวลาเจียดให้ได้เลย
“ใช้เวลาไม่นานเท่าไรหรอก ขอแค่สามวัน เธออยู่ฮ่องกงหนึ่งวัน เผื่อล่าช้าระหว่างทางอีกหนึ่งวัน ส่วนอีกวันเตรียมไว้เผื่อเหตุฉุกเฉิน อย่างมากแค่สามวันเอง”
หลินฮั่นเหวินทุ่มเทอย่างสุดความสามารถ แน่นอนว่าเขาก็มีเจตนาที่เห็นแก่ตัว
ระยะนี้เขาเพิ่งได้เดินในเส้นทางรัก โสดมาเกือบค่อนชีวิต ในที่สุดกามเทพก็นึกถึงเขาเสียที จุดประกายความรักกับผู้กำกับคนสวยของสถานีโทรทัศน์
ความรักก็คือความรัก การงานก็สำคัญเช่นกัน แฟนของหลินฮั่นเหวินสนใจเรื่องของเหมยเหมยมาก และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้สัมภาษณ์เธอ หลินฮั่นเหวินเข้าใจนิสัยของเหมยเหมยดี รู้ว่าเธอไม่เคยอยากเด่นอยากดัง
ดังนั้นจึงไม่ได้พูดถึงความหมายของแฟนสาวไปโดยตรงแต่พูดอ้อมโลก คิดว่าจะให้เหมยเหมยตอบตกลงเรื่องงานแจกลายเซ็นก่อน หลังจากนั้นค่อยพูดถึงเรื่องที่สถานีโทรทัศน์ต้องการอย่างนิ่มนวล
เพื่อความรักแล้ว เขาจะโกหกคนเป็นครั้งแรกก็ได้!
แน่นอนถ้าหากเหมยเหมยปฏิเสธไม่ยอมรับคำขอสัมภาษณ์ของสถานีโทรทัศน์อย่างเด็ดขาด เขาก็จะไม่ฝืน
ในจุดของหลักการเหตุผลก็ต้องมีเช่นกัน
เหมยเหมยคิดแล้วคิดอีกก็พูดว่า “ฉันขอดูกำหนดการก่อน หากถึงเวลานั้นสามารถหาเวลาได้ ฉันจะติดต่อคุณอีกครั้งนะคะ”
“ได้ จะรอข่าวดีนะ!”
หลินฮั่นเหวินดีใจมาก เขารู้ว่าถ้าเหมยเหมยพูดแบบนี้ ส่วนใหญ่ก็คือตกลงเรียบร้อยแล้ว
หลังวางสายโทรศัพท์ไป เหมยเหมยก็ไม่ได้ลุกจากเตียง แต่กลับฟุบอยู่บนเตียงครุ่นคิดกำหนดการครึ่งปีหลัง
อีกครึ่งเดือนก็จะเป็นนิทรรศการภาพวาดของคุณปู่ อย่างน้อยก็ต้องยุ่งจนถึงสิ้นเดือน ในเดือนธันวาคมลูกม้าตัวน้อยของบ้านฉีฉีเก๋อเกิด เธอและเหยียนหมิงซุ่นต้องไปดูม้าน้อยที่ทุ่งหญ้า ไม่แน่ว่าอาจจะอยู่เที่ยวที่นั่นอีกหลายวัน
หากไปฮ่องกงคงได้ช่วงปิดเทอมฤดูหนาวแล้ว เดิมทีสัญญาว่าจะอยู่เป็นเพื่อนเหยียนหมิงซุ่นในช่วงปิดเทอมฤดูหนาว ตอนกลางคืนคงต้องพูดเกลี้ยกล่อมให้เขาผ่อนปรนสักหน่อย
ผลสุดท้าย…
ค่ำคืนนี้เหมยเหมยไม่สามารถลุกขึ้นจากเตียงได้ หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าขอลาหยุดจะโดนคนหัวเราะเยาะล่ะก็ เธอไม่อยากจะไปเรียนด้วยซ้ำ
“ต้องโทษพี่เลย…ขาฉันอ่อนไปหมดแล้ว…”
เหมยเหมยหมั่นไส้จนกัดลงไปที่หน้าอกกำยำของใครบางคนอย่างแรง แข็งหยั่งกับหิน ส่วนใครบางคนกลับไม่มีปฏิกิริยาอะไรสักนิดแต่ฟันของเธอต่างหากที่เจ็บแทน
มือใหญ่ของเหยียนหมิงซุ่นยังคงนวดตัวเธอไม่หยุด เพื่อคลายกล้ามเนื้อและการไหลเวียนของเลือด หัวเราะเบา ๆแล้วพูดว่า “เมื่อคืนใครเป็นคนเริ่มก่อนกัน?”
เหมยเหมยมุดหน้าลงในอ้อมแขนของใครบางคนด้วยความเขินอาย เมื่อคืนเธอก็แค่ฮึกเหิมขึ้นมาหน่อยเอง…
แต่ใครจะรู้ว่าเจ้าหมอนี่จะไร้ความปรานีกันล่ะ?
ปกติเย็นชาหยั่งกับน้ำแข็งเสียอย่างนั้น แต่พอขึ้นเตียงดันกลายเป็นสัตว์ร้าย ไม่ว่าจะเลี้ยงมันอย่างไรก็ไม่เชื่องสักที!
เหยียนหมิงซุ่นก้มมองร่างเล็กที่เหนียมอายในอ้อมแขนของเขา หัวใจก็พลันอ่อนยวบราวกับสายน้ำไหล ไม่เคยรู้สึกมีความสุขเท่าตอนนี้มาก่อน อิ่มเอมไปทั้งหัวใจเลย
“อีกไม่กี่วันโฮ่วเซิ่งหนานก็จะไปจากมหาวิทยาลัยเมืองหลวงแล้ว จะไม่มารบกวนเธออีก”
เดิมทีเหยียนหมิงซุ่นคิดจะบอกภรรยาสาวของตนเองตั้งแต่เมื่อคืนวานแล้ว แต่บอกไม่ทันเพราะรีบไปทำธุระอื่นเสียก่อน
เหมยเหมยดีใจจนเงยหน้าขึ้นมา หอมแก้มเหยียนหมิงซุ่นแรง ๆทีหนึ่ง “ขอบคุณค่ะ…สามี…”
วัตถุส่วนล่างด้านหน้าของเหยียนหมิงซุ่นกระตุกขึ้น ตาประกายวิบวับ แต่พอเห็นรอยฟกช้ำตามร่างกายของเหมยเหมย เพลิงไฟเร่าร้อนนั้นก็ได้ระงับลงในทันที
เมื่อคืนวานก็ทำกันเกินไปจริง ๆ พักสักสองสามวันแล้วกัน ต้องค่อย ๆกินช้า ๆจะเขมือบกินให้หมดในคราวเดียวไม่ได้
เหมยเหมยยังไม่รู้ เมื่อครู่เธอรอดตัวได้อีกครั้ง ไม่งั้นวันนี้เธออย่าได้หวังจะไปเรียนเลย
ถือโอกาสตอนทานอาหารเช้า เหมยเหมยเอ่ยถึงการเดินทางไปฮ่องกงอีกครั้ง เหยียนหมิงซุ่นครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง จึงพูดว่า “ไปช่วงปิดเทอมฤดูหนาวแล้วกัน ถึงเวลานั้นพี่ค่อยจัดตารางเวลา เราไปด้วยกัน จะได้ถือโอกาสซื้อเสื้อผ้าและเครื่องประดับให้เธอด้วย”
“ขอบคุณพี่หมิงซุ่น!”
เหมยเหมยดีใจจนยิ้มแฉ่งจึงไม่ทันได้สนใจป้าฟางข้าง ๆ หอมแก้มเหยียนหมิงซุ่นไปทีหนึ่ง มีรอยคราบนมสีขาวเป็นวงกลม ทำให้ความเย็นชาบนใบหน้าของเขาอ่อนลง ดูอ่อนโยนขึ้นมาก
ตอนที่ 1484 เกินความคาดหมายที่คิดจินตนาการไปมาก
ทางด้านเซียวเซ่อมีความคืบหน้าบ้างแล้ว เดิมทีไม่จำเป็นต้องยื้อเวลานานขนาดนี้ แต่โฮ่วเซิ่งหนานทำอะไรระแวดระวัง ภาพลักษณ์ของผู้หญิงอิสระที่ปรากฏต่อหน้าบุคคลภายนอกในยามปกตินั้นมีผลที่ดีไม่น้อย ประวัติด้านมืดมีน้อยมาก
จุดสำคัญคือองค์กรที่โฮ่วเซิ่งหนานเสเพลด้วยลึกลับมาก คิดจะเข้าร่วมในแวดวงนั้น นอกจากจะต้องมีสถานะที่สูงส่งแล้ว ยังต้องได้รับการอนุมัติด้วยคะแนนเสียงสองในสามของสมาชิกของกลุ่มนั้น มิฉะนั้นต่อให้เป็นเจ้าชายอังกฤษก็ไม่สามารถเข้าร่วมได้
เพื่อสืบหาอดีตของโฮ่วเซิ่งหนาน แน่นอนว่าเซียวเซ่อเองก็สนใจในแวดวงที่มีชื่อเสียงมากเช่นกัน ถึงแม้ว่าเหยียนหมิงซุ่นจะไม่ขอให้เธอสืบ ตัวเธอเองก็อยากเข้าไปอยู่แล้ว
อันที่จริงองค์กรนั้นให้ความสนใจคุณหนูเซียวเซ่อสาวน้อยตระกูลสูงศักดิ์ผมดำตาฟ้าที่มีความเป็นเอกลักษณ์นี้มานานแล้ว หลายครั้งที่พวกเขาส่งสัญลักษณ์แห่งความสงบสุขให้เธอแต่เซียวเซ่อกลับปฏิเสธอยู่หลายครั้ง ครั้งนี้เธอไม่ปฏิเสธอีก เข้าร่วมองค์กรที่โฮ่วเซิ่งหนานที่ทึกทักเอาว่าเป็นเกียรติยศ——องค์กรอัศวิน
ว่ากันว่าผู้ก่อตั้งสมาคมอัศวินคนแรกคือเจ้าชายของประเทศสักที่ในแถบยุโรป ก่อตั้งเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว แต่เจ้าชายคนนี้ป่วยและเสียชีวิตลงเมื่อสิบปีก่อน เสียชีวิตเมื่ออายุยังไม่ถึงสี่สิบเลย ตอนนี้หัวหน้าสมาคมอัศวินคือเคน หนึ่งในทายาทของกลุ่มสถาบันการเงินลึกลับในยุโรป ในขณะเดียวกันเขาก็เป็นหนุ่มหล่อผมบลอนด์และตาสีฟ้า
ขณะนี้องค์กรอัศวินมีสมาชิกประมาณสามสิบกว่าคน ทั่วทุกมุมโลก ทุกคนร่ำรวยและฐานะสูงส่ง
มีเจ้าชายทะเลทราย และก็ยังมีทายาทของกลุ่มนายทุนยุโรป นอกจากนี้ยังมีราชนิกุลเจ้าชายและเจ้าหญิง……
ทุกคนต่างก็เป็นสมาชิกที่ไม่ขาดแคลนเงิน เดิมทีโฮ่วเซิ่งหนานไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วม แต่เพราะเธอมาจากประเทศฮวาเซี่ยเมืองโบราณลึกลับทางตะวันออกแห่งนี้
และยังเป็นหลานสาวของผู้นำรัฐคนแรกในประเทศตะวันออกโบราณแห่งนี้ คุณสมบัตินี้เพียงอย่างเดียวก็เพียงพอแล้ว
ที่สำคัญก็คือโฮ่วเซิ่งหนานและเหล่าคุณชายคุณหนูทั้งหลายที่เรียกว่าผู้ดีพวกนี้ต่างก็มีปณิธานตรงกัน ไม่ว่าจะเป็นค่านิยมหรือว่าทัศนคติต่างก็เหมือนกันไปหมด
ดังนั้นตั้งแต่โฮ่วเซิ่งหนานข้าร่วมองค์กรอัศวินเมื่อสามปีก่อนก็เหมือนปลากระดี่ได้น้ำ ดีกว่าสมาชิกเก่าหลายคนที่เอ้อระเหยไปวัน ๆ นั้นจึงทำให้ได้เป็นคู่หูของเคนหัวหน้าองค์กรอัศวิน
เธอสามารถทำได้ดีและไปได้สวยในยุโรป คุณงามความดีที่เธอทำไม่น้อยเลยทีเดียว
เซียวเซ่อเข้าร่วมองค์กรอัศวิน หลายวันก่อนหน้านี้เธอยังคงนิ่งไม่ทำอะไร รอให้คนพวกนี้ออกโรงเริ่มเกมส์ก่อน
ในไม่ช้าโอกาสก็มาถึง
เซียวเซ่อได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานประชุมองค์กรอัศวินทุกเดือนที่บนเกาะเล็กไม่มีชื่อในฮาวาย ซึ่งเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของตระกูลเคน แม้ว่าคุณจะฆ่าและจุดไฟบนเกาะนี้ ตราบใดที่มันไม่ใช่การยิงระเบิดปรมาณูก็จะไม่มีใครสนใจมัน
บนเกาะแห่งนี้สมาชิกขององค์กรอัศวินสามารถเล่นได้เต็มที่สามวันสามคืน เฮ้…มาถึงสรวงสวรรค์แล้ว แม้ว่า(โฮ่วเซิ่งหนานจะไม่ได้เข้าร่วม แต่เซียวเซ่อยังคงได้เก็บเกี่ยวข้อมูลมาเยอะอยู่
บังเอิญโชคดีที่เธอมีฝีมือสูงและใจกล้า หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นคงไม่กล้าทำได้เท่าเธอ หลังจากกลับมาจากเกาะเล็กนั้น เซียวเซ่อก็ถ่ายภาพข้อมูลที่เธอได้จากฐานองค์กรอัศวินส่งให้เหยียนหมิงซุ่นทั้งหมด
มีข้อมูลมากมาย ลูกน้องของเหยียนหมิงซุ่นล้างรูปกันเกือบตลอดทั้งคืน สีหน้าท่าทางของทุกคนดูแปลกพิลึกมาก…
ขอเพียงแค่เหยียนหมิงซุ่นได้เห็นรูปภาพพวกนี้ ก็จะรู้ว่าทำไมลูกน้องพวกนี้ถึงมีสีหน้าแบบนั้น เมื่อก่อนเขาไม่เคยนึกถึงการใช้ชีวิตของโฮ่วเซิ่งหนานในต่างแดนมาก่อน ไม่ได้คิดในแง่ดีแต่นี่มันเหนือคาดที่พวกเขาจินตนาการไปหน่อย——
เขาคาดไม่ถึงเลยว่าจะมีวิธีการเล่นแบบนี้ด้วย?
ช่างน่ารังเกียจจริง ๆ!
ตอนเย็นเขาเอาภาพถ่ายติดกลับไปที่บ้านด้วย เตรียมจะเอาไปให้เฮ่อเหลียนชิงในวันรุ่งขึ้น เหมยเหมยเจอถุงเข้าเสียก่อนจึงหยิบมันขึ้นมา เหยียนหมิงซุ่นกำลังเปิดปากห้ามแต่เหมยเหมยก็มีภาพถ่ายอยู่ในมือแล้ว ดวงตาของเธอเบิกกว้าง
ปากอ้าเป็นรูปตัวโอ
“เธอไม่กลัวเป็นเอดส์เหรอ?”
…………………………………………..
ตอนที่ 1485 ระมัดระวังให้มาก
ความรู้สึกแรกที่เหมยเหมยได้เห็นรูปภาพพวกนี้ก็คือ จนถึงตอนนี้โฮ่วเซิ่งหนานสามารถใช้ชีวิตได้อย่างแข็งแรง ก็นับว่าโชคดีมากแล้ว
พระเจ้าสร้างเพศสภาพที่แตกต่างกันระหว่างชายหญิง และให้อดัมและเอวาพบกับความสวยงามของเซ็กส์ นี่คือการกำเนิดของมนุษย์
แต่พระเจ้ายังต้องการจำกัดมนุษย์ด้วย——ความวุ่นวายโกลาหล ด้วยเหตุนี้จึงสร้างโรคและความวุ่นวายทุกประเภทขึ้นมา ในกรณีที่เบาหน่อยก็มีชีวิตอยู่เหมือนตายทั้งเป็น แต่ถ้ารุนแรงก็ทำให้ชีวิตตกอยู่ในอันตราย
วิธีเล่นสนุกของโฮ่วเซิ่งหนานแบบนี้ ไม่เป็นโรคสิถึงจะแปลก!
องค์กรอัศวินนี่พูดให้เพราะหน่อยก็เป็นองค์กรแนวหน้า ซึ่งอันที่จริงก็คือแหล่งมั่วโลกีย์——ที่เรียกว่ารัง และเกาะส่วนตัวแห่งนั้นเป็นที่รวมตัวเพื่อมีเซ็กส์——ที่เรียกว่าแหล่งมั่วสุม สถานที่ที่พวกเขาเล่นสนุกหรือสูบกัญชาอย่างไม่ต้องเกรงกลัวใคร…และไม่มีใครเข้าไปยุ่งได้
โฮ่วเซิ่งหนานบนรูปภาพเหมือนกับโสเภณีก็ไม่ปาน นอนเปลือยบนจานร่อน…
ถึงแม้ว่าเหมยเหมยจะรู้สึกสะอิดสะเอียน แต่ยังคงดันทุรังดูไปอีกหลายภาพ สังเกตว่าไม่มีบุคคลใดในภาพที่มีการป้องกัน การรวมตัววุ่นวายแบบนี้แล้วยังไม่มีการป้องกันอีก ก็เป็นเพียงการเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงเท่านั้นแหละ
ในยุคเก้าศูนย์ไม่มีการให้ความสำคัญกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มากเท่าไร เหมยเหมยจำได้ว่าผู้ป่วยเอดส์รายแรกของโลกถูกค้นพบในปี 81 สิบปีผ่านไป
แม้แต่ในประเทศแถบยุโรปและอเมริกา ความรู้และการป้องกันโรคเอดส์ก็ยังไม่สมบูรณ์เช่นกัน
ไม่น่าแปลกใจที่คนเหล่านี้ตายไปทีละคน โดยไม่มีการป้องกันอะไรสักนิด
เหยียนหมิงซุ่นตกตะลึง ตอนแรกยังฟังไม่เข้าใจนักแต่ไม่นานก็เข้าใจอย่างรวดเร็ว ในใจก็พลันหวาดกลัว
ถ้าหากโฮ่วเซิ่งหนานมีเชื้อไวรัสจริง ๆ ตอนนี้เธอก็เป็นเหมือนระเบิดเวลา และด้วยนิสัยขี้เหงาที่ยากจะทนไหวของเธอ จะไม่หาผู้ชายได้อย่างไร?
มีโรคเอดส์ในฝั่งยุโรปและอเมริกาเพิ่มขึ้นมากมาย แต่ฮวาเซี่ยยังคงเป็นดินแดนบริสุทธิ์ ไม่สามารถให้นังแพศยาคนนี้ทำให้สกปรกแปดเปื้อนได้
“เอ๊ะ เซ่อเซ่อบอกว่าคนที่ก่อตั้งองค์กรอัศวิน คือเจ้าชายจอร์จที่สิ้นพระชนม์ไปด้วยอาการเจ็บป่วยกะทันหันเมื่อสิบปีก่อน แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นโรคอะไร แปลกมากเลย” เหมยเหมยขมวดคิ้วแน่น จู่ ๆเธอก็มีความรู้สึกที่ไม่ดีเอาเสียเลย
สามารถสร้างองค์กรอัศวินที่วิปริตเช่นนี้ได้ แสดงให้เห็นว่าเจ้าชายจอร์จคนนี้ไม่ใช่คนดีอะไรแน่นอน สิบปีที่แล้วเขาอายุยังไม่ถึงสี่สิบปีเป็นช่วงวัยหนุ่มร่างกายฟิตปั๋ง และแต่ไหนแต่ไรเจ้าชายจอร์จก็มีพระพลานามัยแข็งแรงมาตลอด
ยังคงต้องเพิ่มอีกหนึ่งประโยค สมาชิกขององค์กรอัศวินนั้นนอกจากในตระกูลชั้นสูงแล้ว งานอดิเรกของพวกเขายังต้องเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นกีฬาและการผจญภัย
แน่นอนว่าชีวิตเซ็กส์ที่มั่วซั่วก็เป็นกีฬาที่มีความเสี่ยงสูง
ดังนั้นโรคป่วยกะทันหันของเจ้าชายจอร์จ ลิ้มรสกับความทุกข์ทรมานไม่น้อย!
เหยียนหมิงซุ่นก็นึกถึงจุดนี้ เขาดีดจมูกและพูดชื่นชมเหมยเหมย “ฉลาดขึ้นทุกวันนะ พี่ยังนึกไม่ถึงเลย”
เหมยเหมยสูดหายใจเข้าอย่างได้ใจ ชาติที่แล้วต่อให้เธอจะเก็บตัวแค่ไหน แต่โฆษณาเรื่องเอดส์มีอยู่ในทีวีช่องทั่วไปไม่อยากรับรู้ก็คงยาก
“ฉันรู้สึกว่าโอกาสในการติดเอดส์ของโฮ่วเซิ่งหนานค่อนข้างสูง พี่หมิงซุ่นต้องระวังหน่อย อย่าไปตามทางของเธอ วิธีการแพร่เชื้อเอดส์นอกจากทำเรื่องอย่างว่าแล้ว ที่เหลือก็คือเลือดที่ถ่ายทอดจากแม่สู่ลูก”
เหมยเหมยกำชับอย่างละเอียด โฮ่วเซิ่งหนานนังชะนีตัวเมียนี้ตามตอแยเหยียนหมิงซุ่นไม่เลิก หากเกิดเหตุฉุกเฉินจนเหยียนหมิงซุ่นป้องกันไม่อยู่…
เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะ “วางใจเถอะ ฉันไม่ให้ผู้หญิงคนนี้เข้าใกล้ตัวฉันแน่”
เขาเก็บภาพถ่ายขึ้นมา จิตใจไม่ได้ผ่อนคลายขนาดนั้น สิ่งที่เหมยเหมยเอ่ยถึงมีความเป็นไปได้สูง ต้องรีบไล่ยัยโฮ่วเซิ่งหนานออกไปจากเมืองหลวงให้ไว
เขาโทรศัพท์สั่งงานลูกน้องอย่างรวดเร็วแล้วแยกย้ายกันไปปฏิบัติหน้าที่ กลุ่มหนึ่งไปตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตของเจ้าชายจอร์จ อีกกลุ่มไปตรวจร่างกายโฮ่วเซิ่งหนานอย่างละเอียด
หากว่าเป็นโรคขึ้นมาจริง ๆเขาอยากจะเห็นว่านายใหญ่จะยังโปรดปรานหลานสาวคนนี้อยู่ไหม!
ตอนที่ 1486 จิตใจโหดเหี้ยม ลงมือก็เหี้ยมโหด
โฮ่วเซิ่งหนานยังไม่รู้ว่าอดีตภูมิหลังที่น่ารังเกียจของตัวเองถูกฉีกเปิดออกแล้ว เธอเกลียดจ้าวเหมยมาก แต่เวลานี้ก็ไม่มีหนทางที่จะรับมือนังแพศยานี้ได้ ฮวาเซี่ยไม่ใช่ที่ของเธอ แม้แต่ลูกน้องที่ใช้งานได้ก็ยังไม่มี
โฮ่วเซิ่งหนานคิดไปคิดมาก็นึกถึงพอล อีกอย่างเธอเองก็กระหายเหลือเกินจึงตอบตกลงตามคำเชิญของพอล
……
สองหนุ่มสาวเสพสุขร่วมกัน ความสุขพรั่งพรูเอ่อล้นต่างถอนหายใจอย่างพึงพอใจ
“พอล เรื่องที่ฉันพูดกับนายต้องรีบหน่อยแล้ว”
โฮ่วเซิ่งหนานเอนกายพิงเตียง จุดบุหรี่ พ่นควันออกมาอย่างงามสง่า ใบหน้าของเธอที่ไม่ยอมล้างเครื่องสำอางแม้ตอนทำเรื่องอย่างว่า อยู่ภายใต้ควันมองดูแล้วกลับไม่ได้น่าเกียจขนาดนั้น
พอเห็นท่วงท่าการสูบบุหรี่ของโฮ่วเซิ่งหนาน ก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ติดมันอย่างสิ้นเชิง ไม่แปลกใจเลยที่เสียงของเธอจะแหบพร่าขนาดนั้น
พอลก็จุดบุหรี่เช่นกัน พ่นควันไปพร้อมกับโฮ่วเซิ่งหนาน เหล่มองและยิ้มอย่างชั่วร้าย “รีบทำไม นั่นคือเล็กพริกขี้หนู หากเอาคำพูดของชาวฮวาเซี่ยมาพูดก็คือ ใจร้อนก็กินซาลาเปาร้อน ๆไม่ได้”
“เอาเป็นว่านายต้องเร่งมือหน่อย นั่นก็แค่สาวงามตัวเล็ก ๆ ฉันไม่เชื่อว่านายจะไม่ใจเต้น” โฮ่วเซิ่งหนานไม่พอใจอยู่บ้าง ผู้ชายมักจะเป็นแบบนี้ พอได้เข้าปากก็ไม่คิดจะทำงานแล้ว เชอะ จะมาดูถูกเธอไม่ได้ง่าย ๆหรอกนะ
โฮ่วเซิ่งหนานมองไปที่พอลแวบหนึ่ง ยิ้มอย่างมีเลศนัย “พอล นายอย่ามาแสร้งไม่รู้อีโหน่อีเหน่ตบตาฉันเลย นายก็รู้ว่าฮวาเซี่ยคือที่ของฉัน หากต้องการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขที่มหาวิทยาลัยเมืองหลวง ก็ใส่ใจธุระของฉันหน่อย”
สีหน้าท่าทางของพอลเปลี่ยนเล็กน้อย…ตอแหลทั้งเพ!
สมัยแรก ๆที่อยู่ต่างประเทศ นังแพศยานี่ยังขอร้องเขาให้ขึ้นเตียงด้วยอยู่เลย
ตอนนี้กลับกันคาดไม่ถึงว่าจะกล้าข่มขู่เขาด้วย?
ถึงแม้ว่าพอลจะโกรธมาก แต่ก็รู้ว่าอยู่ใต้อำนาจเขาแล้วก็ต้องก้มศีรษะ ทันใดนั้นเขาก็พลิกตัวและกดร่างของโฮ่วเซิ่งหนานลงแล้วยิ้มอย่างชั่วร้าย “วางใจได้ ฉันจะลืมสิ่งที่เธอบอกฉันได้อย่างไร แน่นอนว่าฉันจะต้องทำให้ยัยพริกขี้หนูนั่นมาอยู่ในมือให้ได้ พวกไฟซาลรอจนทนไม่ไหวนานแล้ว”
โฮ่วเซิ่งหนานยกมุมปากโค้งขึ้นแสดงท่าทีพอใจ และไม่ปฏิเสธพอล พูดเสียงหอบว่า “ฉันดูแลคุณมากพอแล้ว ยัยเด็กนั่นเป็นสาวบริสุทธิ์ นายลองแล้วก็อย่าลืมให้ไฟซาลเอาไปขายทางฝั่งเขาล่ะ”
ไฟซาลเป็นเจ้าชายของประเทศใดประเทศหนึ่งในตะวันออกกลาง อย่าคิดว่าเจ้าชายคนนี้มาจากตระกูลสูงส่ง เจ้าชายส่วนใหญ่ในโลกที่ไหนมีมากที่สุด?
ถ้าไม่ใช่ตะวันออกกลางแล้วจะเป็นที่ไหนได้ แค่คลำไปมั่ว ๆก็คว้าเจอเจ้าชายเจ้าหญิงแล้ว ไฟซาลเป็นหนึ่งในเจ้าชายประเภทผักกาดขาวที่หาง่ายพวกนั้น และเจ้าหมอนี่ก็เป็นคนที่จิตใจโหดเหี้ยม ลงมือก็เหี้ยมโหด ในประเทศของเขาเองก็มีบทบาทความโหดไม่เบา โฮ่วเซิ่งหนานวางแผนการชั่วร้ายอยากให้ผู้ชายแบบนี้จัดการเหมยเหมย
หัวใจของพอลนึกหวาดกลัว นึกระแวงโฮ่วเซิ่งหนานขึ้นมา จิตใจของผู้หญิงคนนี้โหดร้ายเกินไป วันหลังเขาต้องระมัดระวังตัวหน่อยแล้ว
สำหรับเหมยเหมย ถึงแม้ว่าเขาจะเห็นใจสาวงามตัวน้อยคนนี้มาก แต่ใครให้สาวงามตัวน้อยคนนี้ทำให้โฮ่วเซิ่งหนานไม่พอใจกันล่ะ!
ใจเขาอยากจะช่วยแค่ไหนก็สุดวิสัยที่จะช่วยได้!
หลังจากผ่านไปหลายวัน เหมยเหมยก็พาฉีฉีเก๋อไปที่มุมฝึกภาษาอังกฤษ ครั้งนี้ไม่ได้เจอโฮ่วเซิ่งหนานแต่กลับเจอกับพอล ผู้ชายคนนี้เป็นชายชู้ของโฮ่วเซิ่งหนาน เหมยเหมยไม่มีทางรู้สึกดีด้วยเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่แม้แต่อยากจะสนใจเขาด้วยซ้ำ
พอลที่ได้รับคำชี้แนะจากโฮ่วเซิ่งหนานก็ทำตัวเป็นแมลงวันตอมหึ่ง ตามวอแวเหมยเหมยไม่เลิก
“คุณคนสวย พวกเราเป็นเพื่อนกันได้ไหม?” ใบหน้าของพอลเผยรอยยิ้มบางที่ทำให้คนหลงใหลได้ ดวงตาสีฟ้าเหมือนน้ำทะเลลึก จมูกโด่งสุดเซ็กซี่ราวกับเทพเจ้ากรีกก็ไม่ปาน
พอลฉีกยิ้มแบบที่เขาคิดเอาเองว่ามีเสน่ห์ดึงดูดมากที่สุด มองเหมยเหมยด้วยสายตาหวานซึ้ง เขามั่นใจเป็นอย่างมาก ว่าสาวน้อยคนงามจะต้องหนีไม่พ้นแผนหนุ่มรูปงามแน่นอน
เมื่อก่อนเด็กสาวพวกนั้นก็ถูกโน้มน้าวให้ขึ้นเตียงแบบนี้แหละ
“ฉันไม่คิดอยากเป็นเพื่อนกับนาย ขอความกรุณาหลบไปด้วย!” เหมยเหมยใบหน้าเย็นชา
…………………………………………..
ตอนที่ 1487 หลบไปให้ไกลๆหน่อย
พอลหน้าแตกเพล้งอย่างคาดไม่ถึง
หรือว่าเมื่อเช้าเขาไม่ได้ล้างหน้าให้สะอาด?
หรือว่าโกนหนวดเคราสะอาดเกินไป?
“คุณหนูจ้าวเหมย ฉันตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น กรุณา…”
พอลไม่คิดจะยอมแพ้ง่าย ๆ มองเหมยเหมยอย่างหลงใหล นี่ไม่ใช่การแสดงอย่างแน่นอน สาวฮวาเซี่ยที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา สวยราวกับนางฟ้าเหนือกว่าคนทั่วไป แต่กลับมีเสน่ห์น่ารักแบบธรรมชาติ ทำให้เขาคิดแค่อยากจะกดผู้หญิงคนนี้ไว้ใต้ร่างเขาแล้วบดขยี้อย่างทารุณ…
เหมยเหมยรู้สึกถึงแรงปรารถนาอย่างชัดเจนในดวงตาของชายคนนี้ ความขยะแขยงจุกอยู่ที่อก ช่างสมกับเป็นชายชู้ของโฮ่วเซิ่งหนานจริง ๆ ช่างเหมือนกันไปหมดทุกอย่าง
“ไปให้พ้น!” เหมยเหมยตวาดเสียงสูง ดึงดูดความสนใจจากคนรอบข้างให้หันมาดู ถังม่านลี่ก็รวมอยู่ด้วย
เธอแอบตามพวกเหมยเหมยมา ผู้หญิงคนนี้เต็มไปด้วยจิตใจที่จะแสวงหาความก้าวหน้า แน่นอนว่าจิตใจที่ต้องการแสวงหาความก้าวหน้านั้นเดินทางลัด แต่กลับไม่ใช่ทางที่ถูกที่ควร
เหมือนมามุมฝึกภาษาอังกฤษครั้งนี้ ถังม่านลี่มีความคิดที่จะผูกมิตรกับคนที่มีฐานะสูงกว่า เธอเคยได้ยินมาบ้างว่า ทุกหนแห่งของต่างประเทศเต็มไปด้วยขุมทรัพย์ ขอเพียงแค่สามารถออกจากประเทศได้ วันหลังก็จะมีชีวิตสุขสบายที่ใคร ๆต่างอิจฉา
เงินทุนรัฐบาลแม้กระทั่งคิดเธอยังไม่กล้าคิด ดังนั้นถังม่านลี่จึงนึกถึงทางลัด หาสามีต่างประเทศ
แน่นอนว่าระหว่างนั้นเธอต้องพัฒนาทักษะในการพูด แบบนี้ต่อให้ออกนอกประเทศแต่ถ้ามีทักษะติดตัว โอกาสถูกสงวนไว้สำหรับผู้ที่เตรียมพร้อมเสมอ!
ถังม่านลี่เห็นพอลครั้งแรกก็ตกหลุมรักเข้าแล้ว…หัวใจเต้นแรงตุบตับ…
หล่อจังเลย!
แต่ที่ทิ่มแทงใจเธอก็คือ ผู้ชายที่หล่อขนาดนี้กลับเอาอกเอาใจนังแพศยาจ้าวเหมย!
และนังแพศยานี่กลับยังวางท่าเสียด้วย ถุย!
นังจิ้งจอกหน้าไม่อาย!
ถังม่านลี่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างโกรธแค้น แล้วเดินเข้าไปใกล้โดยไม่รู้ตัว ยิ่งเข้าใกล้ก็ยิ่งรู้สึกว่าพอลหล่อมาก หน้าตาดีกว่าผู้ชายผอม ๆในฮวาเซี่ย โดยเฉพาะดวงตาสีฟ้าและผมสีบลอนด์ของเขามีเสน่ห์ดึงดูดมากกว่าดาราต่างชาติในภาพยนตร์เสียอีก
เธอกดหน้าอกตัวเองแน่น หัวใจเต้นเหมือนจะกระดอนออกมาพลางมองพอลอย่างหลงใหล หวังเพียงแค่ว่าคนที่พอลสารภาพรักในตอนนี้จะเป็นเธอ เธอจะพยักหน้ารับโดยไม่ลังเล หากสามารถแต่งงานกับสามีชาวต่างชาติเช่นนี้ได้ เกรงว่าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเองยังต้องอิจฉาเธอด้วยซ้ำ!
พอลไม่เชื่อว่าเหมยเหมยจะไม่รู้สึกอะไรกับตัวเองเลยสักนิด เขาอยู่ที่ฮวาเซี่ยมาสองปีกว่าก็คว้าหัวใจของสาวเล็กสาวใหญ่ได้เป็นจำนวนไม่น้อย และยังรู้ว่าหนุ่มฝรั่งหน้าตาดีผมบลอนด์และดวงตาสีฟ้าอย่างเขาเป็นที่นิยมมากที่สุดในฮวาเซี่ย แทบไม่มีสาวฮวาเซี่ยคนไหนต้านทานเสน่ห์ของเขาได้
จ้าวเหมยเธอจะต้องแสร้งทำเป็นสงวนท่าทีไว้แน่นอน!
ผู้หญิงฮวาเซี่ยไม่ดีก็ตรงนี้ หัวโบราณเกินไป ไม่เปิดเผยเท่าสาวญี่ปุ่น!
พอลฉีกยิ้มกว้างขึ้น คิดไปเองว่าตัวเองมีเสน่ห์ถึงขีดสุด ยื่นมือไปหาเหมยเหมย “ฉันขอเชิญเธอมาเต้นรำลาตินแดนซ์ด้วยกันได้ไหม…”
“เพี๊ยะ”
เหมยเหมยฟาดแส้ลงใบหน้าอันหล่อเหลาของพอล ครึ่งขวาของใบหน้าและลำคอมีคราบเลือดรอยแผลปรากฏขึ้น
“อยู่ให้ห่าง ๆฉันไว้เลย หากขยับไม้ขยับมือขยับขาอีกล่ะก็อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจแล้วกัน!” เหมยเหมยก่นด่าด้วยความโกรธพลางถือแส้ยาวในมือ เหยียนหมิงซุ่นบอกให้เธอนำติดตัวไปด้วยเมื่อออกไปข้างนอก
สีหน้าของพอลเปลี่ยนไปมาก ความอ่อนโยนหวานเยิ้มดั่งน้ำผึ้งนัยน์ตาของเขาหายไป แล้วแทนที่ด้วยความเย็นชา
ไม่รู้ฤทธิ์เดชของชนชาติผิวเหลืองซะแล้ว ขนมปังปิ้งไม่จำเป็นต้องกินกับไวน์ชั้นดี ถ้าอย่างนั้นก็อย่าโทษเขาว่าไม่รู้จักถนอมหยกก็แล้วกัน!
เขายิ้มอีกครั้งอย่างรวดเร็ว น่าหลงใหลเสียยิ่งกว่าเมื่อครู่อีก “ฉันก็แค่ชื่นชมคุณหนูจ้าวก็เท่านั้นเอง คิดอยากจะเชิญเธอมาเต้นรำก็เท่านั้น ทำไมคุณหนูจ้าวต้องลงไม้ลงมือกันด้วย?”
คนที่มุงรายล้อมหลายคนรู้จักพอล ทุกคนประทับใจครูต่างชาติที่กระตือรือร้นคนนี้ พอตอนนี้เห็นเหมยเหมยทำร้ายพอล เพื่อนผู้ชายยังพอจะปล่อยผ่านไป แต่เพื่อนผู้หญิงบางคนกลับไม่ทำแบบนั้นเอาแต่ตำหนิเหมยเหมย เสียงพูดคุยก็ดังขึ้นเรื่อย ๆ
ตอนที่ 1488 นึกไปเองว่า
เหมยเหมยมองรอบ ๆอย่างเย็นชาและเสียงประณามก็หยุดลง แต่ก็ยังมีบางคนแสดงสีหน้าไม่ดีเท่าไร และมองไปยังเหมยเหมยด้วยสีหน้าโกรธเคือง
พอลเป็นอาจารย์ต่างชาติที่หล่อที่สุดในมหาวิทยาลัยเมืองหลวงและเกิดมาในตระกูลสูงส่ง นักศึกษาหญิงเหล่านี้ที่มีใจอยากไปต่างประเทศต่างก็จัดให้เป็นสามีในอุดมคติอันดับหนึ่งของพวกเธอ เพียงแต่พอลรู้สึกเฉย ๆกับนักศึกษาหญิงพวกนี้ พูดง่าย ๆคือไม่ได้อยู่ในสายตาเลย ที่ทำดีกับพวกเธอก็เพียงเพื่อให้ได้หน้าก็เท่านั้น
สิ่งที่ไม่ได้มาคือสิ่งที่ดีที่สุดเสมอ นักศึกษาหญิงเหล่านี้ไม่ตำหนิพอลเลยตรงกันข้ามกลับคิดถึงเขาไม่เคยลืม ดังนั้น การที่เหมยเหมยลงมือสั่งสอนพอล พวกเพื่อนผู้หญิงโง่ ๆเหล่านี้จึงออกมาปกป้องพอลกันทุกคน
“คุณพอลฉันเตือนคุณแล้ว แต่เมื่อคุณไม่ฟังฉันก็ต้องลงไม้ลงมือกับคุณ ฉันทำเพื่อปกป้องตัวเองตามกฎหมายในประเทศของฉันอย่างสมบูรณ์ หากคุณไม่ชินก็กลับประเทศคุณไปสิ เชื่อเถอะว่าประเทศเสรีของคุณสามารถให้คุณพอลลวนลามพวกสาว ๆได้ตามต้องการเลย”
เหมยเหมยหยุดยั้งพวกผู้หญิงโง่ ๆเหล่านั้นได้ชะงักแล้วมองไปที่พอลอย่างเย้ยหยัน
หน้าตาเหมือนคนแต่การกระทำเหมือนสุนัข เหมือนสัตว์เดรัจฉานในคราบสุภาพบุรุษ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาไม่รู้ว่ามีเด็กผู้หญิงกี่คนที่ถูกไอ้สารเลวคนนี้ย่ำยีไปบ้างแล้ว
พอลยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เขายังไม่อยากกลับบ้านหรอก!
อยู่ที่ฮวาเซี่ยได้เป็นเจ้าชายอันสูงส่งของสาว ๆ แต่กลับประเทศแล้วก็เป็นแค่คนธรรมดา อาศัยอยู่ในอพาร์ทเมนต์เช่าราคาถูกสภาพทรุดโทรม แถมถูกเพื่อนเก่าล้อเลียนเยาะเย้ย เขาคงโง่มากถึงยอมกลับไป!
แม้แต่พ่อแม่และพี่ชายของเขาก็เตรียมมาอยู่ที่ฮวาเซี่ย ที่นี่คือสวรรค์ของพวกเขา!
“คุณหนูจ้าวเข้าใจผิดแล้ว ฉันก็แค่ตกหลุมรักคุณหนูจ้าวตั้งแต่แรกเห็นเท่านั้น เป็นความเสน่หาที่ไม่สามารถควบคุมได้ชั่วขณะ จึงล่วงเกินไปบ้าง…”
ยิ่งพอลพูดมากเท่าไหร่เหมยเหมยก็ยิ่งรู้สึกสะอิดสะเอียนขึ้นมากเท่านั้น ระหว่างที่เธอกำลังคิดจะฟาดแส้ลงไปอีกสักครั้ง ทันใดนั้นพอลก็คุกเข่าข้างหนึ่งลงพื้น และเล่นมายากลเสกดอกกุหลาบสีสดใสออกมา ถือดอกไม้ไว้ในมือทั้งสองข้าง ดวงตาฉายแววลึกซึ้ง สาว ๆรอบตัวต่างพากันอิจฉาริษยา
อยากให้คนที่ได้รับดอกไม้เป็นพวกเธอจัง!
“คุณหนูจ้าวเหมย I love you ช่วยรับน้ำใจของผมไว้ด้วย…..” พอลกล่าวอย่างลึกซึ้ง มั่นใจเป็นอย่างมาก
วิธีนี้เป็นไม้ตายของเขา แทบไม่มีสาวฮวาเซี่ยคนไหนรอดพ้นไม้เด็ดนี้ไปได้
“ตอบตกลง…ตอบตกลง…”
นักเรียนที่มุงดูไม่น้อยต่างตื่นเต้น เปล่งเสียงโห่ร้องไปตาม ๆกันและเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนปรารถนาให้ตอนนี้เหมยเหมยและพอลตอบตกลงแต่งงานโดยไม่ผ่านความเห็นผู้ใหญ่เสียอย่างนั้น!
ฉีฉีเก๋อตะโกนอย่างไม่พอใจ “พวกคุณจะตะโกนอะไรกัน? เหมยเหมยมีคู่หมั้นแล้วนะ!”
“เป็นแค่คู่หมั้นเอง ไม่ได้แต่งงานกันสักหน่อย พอลเป็นคนโรแมนติกและมีคารมคมคาย และยังหล่อมากขนาดนี้…” ถ้าเปลี่ยนเป็นพวกเธอล่ะก็คงตอบตกลงโดยไม่ต้องคิดเลย
คู่หมั้นเป็นคนในประเทศจะสู้หนุ่มผมบลอนด์สุดหล่อได้อย่างไร?
ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นลูกคุณชายตระกูลผู้ดีของประเทศที่พัฒนาแล้ว!
ดูดีกว่าคู่หมั้นธรรมดาไม่มีชื่อเสียงคนนั้นเป็นร้อยเท่า!
พอลเม้มริมฝีปากอย่างพอใจ นัยน์ตาฉายแววความปรารถนาอันแรงกล้าที่ต้องได้มาซึ่งครอบครอง แต่ว่า——
เหมยเหมยฟาดแส้ใส่อีกครั้ง ปัดดอกกุหลาบที่เขาเด็ดขโมยมาจากสวนดอกไม้หลังมหาวิทยาลัยหล่นลงพื้น พูดอย่างเย็นชาว่า “คู่หมั้นของฉันดีกว่าคุณหมื่นเท่า ฉันเตือนคุณไว้เลย อย่ามาโผล่หน้าให้ฉันเห็นอีก ช่างน่าสะอิดสะเอียนเสียจริง!”
เธอคว้าตัวฉีฉีเก๋อและเดินจากไป ระงับอารมณ์โมโหไว้ สองครั้งซ้อนแล้วที่ไม่ได้ให้ฉีฉีเก๋อได้ฝึกทักษะการพูด มันน่าโมโหจริง ๆ!
ฉีฉีเกอกลับถอนหายใจอย่างโล่งอก…รอดได้อีกครั้งแล้ว!
พอลลุกขึ้นยืน ดอกกุหลาบที่ร่วงหล่นบนพื้นตอกย้ำความอับอายของเขา อารมณ์พลันเคร่งขรึม แต่ในสายตาของคนอื่นกลับคิดว่าเขาเศร้าและผิดหวัง อดไม่ได้ที่จะเห็นใจหนุ่มต่างชาติสุดหล่อคนนี้
ฝูงชนทยอยแยกย้ายกันไป พอลขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกำลังจะกลับไปที่อพาร์ตเมนต์และคิดหาวิธีที่ดีกว่านี้ในการเข้าหาจ้าวเหมย ฉับพลันก็สาวสาวสวยหุ่นอวบอั๋นเดินเข้ามาหาเขาอย่างเคอะเขินแล้วทักทายเขาด้วยภาษาอังกฤษว่า “สวัสดี ฉันชื่อถังม่านลี่”
…………………………………………..
ตอนที่ 1489 ล้มลง
เหมยเหมยไม่ได้เล่าเรื่องพอลให้เหยียนหมิงซุ่นฟัง เหยียนหมิงซุ่นยุ่งกับเรื่องต่าง ๆมากพอแล้วจึงไม่อยากเอาเรื่องเล็กน้อยนี้มารบกวนเขา เธอสามารถจัดการได้เอง
บ่ายนี้มีคาบเรียนภาษาอังกฤษอีก โฮ่วเซิ่งหนานอยู่ในชุดทำงานที่ดูมากประลบการณ์ ชั้นเรียนยังคงคึกคักมากเหมือนเดิม แต่โฮ่วเซิ่งหนานกลับมองเหมยเหมยเป็นครั้งคราว แววตาดูครุ่นคิด
ทางด้านของพอลยังไม่มีความคืบหน้าอะไรเลยสักนิด เมื่อเร็ว ๆนี้ก็สร้างความสัมพันธ์อันเร่าร้อนกับเด็กนักเรียนบ้านนอกอีกคน แต่ว่าเด็กบ้านนอกคนนี้ก็เอาแต่เล่นตัวไม่ยอมให้พอลลงมืออยู่หลายครั้ง เอาแต่พูดว่าต้องแต่งงานก่อนถึงจะได้
เชอะ พอลจะแต่งงานกับนังเด็กบ้านนอกนั่นได้ไง?
แต่ไหนแต่ไรพวกชนชาติผิวขาวมักดูถูกชาวฮวาเซี่ย ในใจของพวกเขาผู้หญิงฮวาเซี่ยเป็นได้แค่คู่นอนเท่านั้น แม้กระทั่งสถานะทางสังคมอย่างเธอ ครอบครัวเคนยังไม่พอใจเลย นังเด็กบ้านนอกนั้นช่างกล้าเสียจริง!
โฮ่วเซิ่งหนานอารมณ์ไม่ค่อยดี แล้วก็มีใครไม่รู้ไปพูดจาไร้สาระให้คุณลุงฟัง เมื่อวานคุณลุงถึงกับเรียกเธอเข้าพบ เตือนเธอระวังคำพูดและการกระทำในประเทศให้ดี อย่าทำเรื่องอะไรที่ทำให้ครอบครัวอับอาย
ถึงแม้ว่าคุณลุงจะไม่ได้ว่าอะไรมาก แต่โฮ่วเซิ่งหนานก็รู้ว่าคุณลุงพูดเหน็บแนมเธอ ระยะนี้เธอทำอะไรต้องระมัดระวังหน่อยแล้ว หากหาเรื่องทำให้คุณลุงไม่พอใจเอาเธอคงตกที่นั่งลำบาก
อย่างไรก็ตามเธอยังบอกกับคุณลุงของเธอด้วยว่าเธอต้องการแต่งงานกับเหยียนหมิงซุ่น แม้ว่าลุงของฉันจะไม่เห็นด้วยในทันที แต่ดูจากท่าทางเขาน่าจะทำอะไรบ้าง โฮ่วเซิ่งหนานรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับความคิดของคุณลุงของเธอ
เฮ่อเหลียนชิงและหนิงเฉินเซวีนนเป็นสองคนที่น่ากลัวมากที่สุด
คุณลุงไม่เคยควบคุมพวกเขาสองคนนี้ได้เลย ดังนั้นขอเพียงแค่ได้แต่งงานกับเหยียนหมิงซุ่นก็จะสามารถช่วยรวมอำนาจของเฮ่อเหลียนชิงให้กับคุณลุงได้ คุณลุงจะต้องมีความสุขที่จะได้เห็นมันเกิดขึ้น
ขอเพียงคุณลุงกดดันเฮ่อเหลียนชิง คิดๆ แล้วตาแก่หนังเหนียวนี่คงไม่กล้าคัดค้านหรอก
สำหรับเหยียนหมิงซุ่น… เชอะ!
บุตรบุญธรรมมีสิทธิอะไร?
ถ้าไม่ใช่ว่ามีความเซ็กซี่ดึงดูดล่ะก็ โฮ่วเซิ่งหนานอย่างเธอไม่มีทางปรายตามองผู้ชายจากรากหญ้าแบบนั้นด้วยซ้ำ!
โฮ่วเซิ่งหนานคาดเดาความคิดของนายใหญ่ได้อย่างแม่นยำ เขารู้สึกสนใจจริง ๆ ตาแก่เฮ่อเหลียนชิงพูดเข้าหูกว่าใครทั้งนั้นแต่พอให้เขาจัดการมักปัดอ้างไปเรื่อย แน่นอนว่านายใหญ่ไม่พอใจมาก ถ้าได้เกี่ยวดองกับเฮ่อเหลียนชิงก็เป็นวิธีที่ดีที่จะเอาชนะเฮ่อเหลียนชิงได้
รักและทะนุถนอมหลานสาวมาหลายปีแล้ว ยังคงมีประโยชน์อยู่สินะ!
กริ่งเลิกเรียนดังขึ้น โฮ่วเซิ่งหนานกระส้นสูงรีบเดินไปที่ประตู เธอต้องต้องรีบไปหาไฟซาล พอลไม่น่าเชื่อถือเท่าไร เธอควรเข้าหาไฟซาลโดยตรงดีกว่า ผู้ชายคนนี้จิตใจโหดเหี้ยมลงมือเหี้ยมโหด เพียงแค่ความกระหายมีมากไปหน่อย
เรื่องพวกนี้เธอไม่สนใจหรอก ขอเพียงสามารถทำให้นังแพศยาจ้าวเหมยไปถึงตะวันออกกลางได้ ความต้องการความกระหายจะมากแค่ไหนเธอก็รับได้
“ตุบ”
โฮ่วเซิ่งหนานมีเรื่องในใจจึงมองไม่เห็นพื้นต่างระดับล้มลงบนพื้นคอนกรีตอย่างแรง เข่าทั้งสองข้างกระแทกพื้นเจ็บน่าดู ใบหน้าของโฮ่วเซิ่งหนานซีดลง อดไม่ได้ที่จะร้องโอดโอยอย่างเจ็บปวด
มีนักเรียนวิ่งมาช่วยพยุงเธอ โฮ่วเซิ่งหนานไม่สามารถยืนได้อย่างมั่นคง ครั้งนี้ล้มแรงมากจริง ๆ และเธอไม่ได้ใส่กางเกง ใส่แค่เพียงถุงน่องไหมชั้นบางซึ่งไม่มีบทบาทในการป้องกันแต่อย่างใด เข่าทั้งสองข้างเลือดสดไหลอาบ เห็นแล้วน่าตกใจมาก
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนประคองโฮ่วเซิ่งหนานไว้เพราะว่าเธออยู่ใกล้ที่สุด เธอเห็นบาดแผลของโฮ่วเซิ่งหนานก็ตกใจยกใหญ่ พูดอย่างกระตือรือร้นว่า “คุณโฮ่ว ฉันจะฉีกถุงน่องให้คุณ ไม่งั้นอีกครู่หนึ่งมันจะติดกับแผลฉีกตอนนั้นจะเจ็บมากค่ะ”
“ขอบคุณนะ!”
โฮ่วเซิ่งหนานอดทนต่อความเจ็บแล้วเอ่ยปากขอบคุณ ยืนไม่ไหวจริง ๆจึงนั่งลงบนเก้าอี้ข้าง ๆ
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนย่อตัวลง เตรียมพร้อมจะฉีกถุงน่องที่เปื้อนเลือด เธอเป็นคนนิสัยกล้าได้กล้าเสีย มือทั้งสองข้างจับส่วนที่ไม่เปื้อนเลือดและเตรียมตัวฉีก
เหมยเหมยชำเลืองมองแค่แวบเดียวก็ไม่ได้สนใจอีก โฮ่วเซิ่งหนานล้มลงแล้วตายไปเลยสิถึงจะดี แต่เพิ่งเดินไปถึงหน้าประตู ทันใดนั้นก็ตกใจขึ้นมาแล้วหันกลับมาตะโกนว่า “เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหยุด!”
ตอนที่ 1490 ระมัดระวังตัวให้มาก
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถูกเสียงตะโกนราบเรียบทำให้ตกใจยกใหญ่ มือยังไม่ได้ออกแรงเลยก็ล้มลงบนพื้น
ช่วยไม่ได้ พระแม่ธรณีรักคนอ้วนเสมอ!
“ทำไมล่ะ?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนใช้เวลาอยู่นานกว่าจะตะเกียกตะกายขึ้นมาจากพื้นได้ เหมยเหมยทำเอาประหลาดใจไม่น้อย ดาวมหาวิทยาลัยเป็นบ้าอะไรขึ้นมาเนี่ย?
เหมยเหมยรีบเดินเข้ามา เธอมองมือของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอย่างละเอียด เห็นว่ามือของเธอไม่เปื้อนเลือดถึงได้วางใจหน่อย โชคดีที่เธอนึกขึ้นได้ทันเวลา
โฮ่วเซิ่งหนานตอนนี้ไม่รู่ว่าติดเชื้อเอดส์หรือเปล่า แต่เหมยเหมยรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้มีโอกาสติดเชื้อสูง ไม่กลัวเรื่องที่แน่นอนแต่กลัวเรื่องที่ไม่คาดคิด ถึงแม้ว่าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนผู้หญิงคนนี้จะขี้ประจบอยู่บ้างแต่เป็นคนแต่นิสัยตรงไปตรงมามาก แนวคิดทัศนคติตรงไปตรงมา เธอไม่สามารถนิ่งดูดายให้เธอเป็นอะไรไปได้หรอก
เมื่อวานตอนคาบเรียนร่างโครงภาพ ด้วยนิสัยอารมณ์ร้อนของคุณหนูใหญ่เหริ่นจึงเหลาดินสอ 2B หักไปสามแท่ง อารมณ์โกรธก็พุ่งมากขึ้นเล็กน้อยจนเหลาโดนมือตัวเอง เลือดไหลออกมาไม่น้อย บาดแผลยังสดอยู่เลย!
หากว่าโฮ่วเซิ่งหนานเป็นโรคนี้จริง ๆ หากแผลใหม่ของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเปื้อนเลือดที่มีเชื้อไวรัสเข้า…ไม่กล้านึกถึงผลลัพธ์ที่ตามมาเลย
“ไม่มีอะไร มือของเธอไม่ใช่ว่าได้รับบาดเจ็บมาหรอกเหรอ? หากว่าต้องใช้แรงอีก ระวังแผลจะเปิดนะ!”
เหมยเหมยอธิบายไปมั่ว ๆ เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกระพริบตาปริบ ๆอย่างซาบซึ้งใจ
ดาวมหาวิทยาลัยกำลังเป็นห่วงเธออยู่เหรอ?
หรือว่าเธอก็เหมือนกับฉีฉีเก๋อ อยู่ในส่วนลึกหัวใจของดาวมหาวิทยาลัย?
เธอลุกขึ้นยืนอย่างเชื่อฟัง ยิ้มให้เหมยเหมยอย่างเอาใจ “ขอบใจนะ ฉันลืมนึกไปเลย”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมองนิ้วชี้มือซ้ายที่ได้รับบาดเจ็บของเธออย่างปวดใจ ซวยจริง ๆแค่เหลา2Bก็สามารถตัดแขนได้เลยเหรอเนี่ย艹!
โฮ่วเซิ่งหนานเห็นเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไม่สนใจเธอแล้วจริง ๆ ก็ทั้งเจ็บทั้งโมโห นังแพศยา คอยดูนะ!
เธอก็เป็นคนชอบเอาชนะ ไม่ต้องการแสดงความอ่อนแอต่อหน้าจ้าวเหมยจึงฉีกถุงน่องด้วยตัวเอง ให้นักเรียนคนอื่น ๆช่วยพาเธอไปห้องพยาบาลเพื่อทำแผล เหมยเหมยคิด ๆแล้วก็ให้ฉีเก๋อเก๋อกลับไปที่หอพักก่อน เธอจะไปห้องพยาบาลของมหาวิทยาลัยก่อน เอากระดาษขยำก้อนเล็ก ๆที่เพิ่งเขียนเมื่อครู่โยนไปบนโต๊ะทำงานของห้องพยาบาล เมื่อเห็นหมอหยิบกระดาษขยำก้อนเล็ก ๆไปแล้วจึงจากไปอย่างวางใจ
ประกายไฟเพียงเล็ก ๆก็สามารถเผาทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ให้มอดไหม้ได้!
ต้องดูว่าตัวโฮ่วเซิ่งหนานเองจะใจสู้พอหรือเปล่า!
คุณหมอหยิบก้อนกระดาษขยำเล็ก ๆนั้นขึ้นมาอย่างสงสัย กลับเห็นประโยคหนึ่งที่เขียนอย่างลวกๆว่า: อีกครู่จะมีผู้หญิงมารักษาแผลที่หัวเข่า เป็นไปได้มากว่าเธอจะเป็นHIV ระวังไว้ด้วย!
“ปึ่ง”
คุณหมอตกใจจนหล่นจากเก้าอี้ล้มลงพื้น แม้ว่าปัจจุบันฮวาเซี่ยจะมีผู้ป่วยโรคเอดส์จำนวนไม่มากแต่ก็มี ประชาชนคนธรรมดาไม่คุ้นเคยกับโรคนี้ แต่หมอไม่มีทางที่จะไม่รู้ว่าโรคนี้เพราะน่ากลัวกว่ามะเร็งอีก
พูดได้ว่าหากพูดถึงเอดส์ขึ้นมาสีหน้าก็เปลี่ยนไปแล้ว!
คุณหมอคนนี้สงบสติลงมาอย่างรวดเร็ว เขาเก็บโน้ตเล็ก ๆขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นการเตือนหรือล้อเล่น เขาก็ต้องให้ความสำคัญกับมันอย่างจริงจัง ชีวิตน้อย ๆก็สำคัญเช่นกัน!
โฮ่วเซิ่งหนานเดินกะเผลกเข้ามา มองคุณหมอห้องพยาบาลอย่างตกใจ ผ้าปิดปาก ถุงมือ เสื้อคลุมสีขาว…
ปกปิดมิดชิด มีเพียงตาดำคู่หนึ่งเท่านั้นที่เปิดออกให้เห็น แถมยังซ่อนอยู่หลังเลนส์หนา ๆอีก
นี่มันยิ่งใหญ่อลังการกว่าในห้องผ่าตัดอีกนะเนี่ย ทำบ้าอะไรเนี่ย
โฮ่วเซิ่งหนานงงงวยมากแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรเพราะเจ็บจนทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ ดังนั้นจึงให้คุณหมอรีบทำแผลของเธอ คุณหมอมองเธอเหมือนมีนัยยะแอบแฝงแวบหนึ่งโดยไม่พูดอะไรทั้งนั้น ทำความสะอาดบาดแผลของเธออย่างระมัดระวัง และฉวยโอกาสตอนที่โฮ่วเซิ่งหนานไม่ทันสังเกตแอบเก็บตัวอย่างเลือดมาเงียบ ๆ
เป็นพาหะ HIV ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เพื่อความปลอดภัยของประชาชนในเมืองหลวง เขาขอไร้จรรยาบรรณสักครั้งแล้วกัน
…………………………………………..
ตอนที่ 1491 เจ้านายผู้ชายมีปัญหา
ตกดึกเหมยเหมยเข้าครัวทำของโปรดเหยียนหมิงซุ่นทั้งโต๊ะด้วยตัวเองและรอเขากลับมาทานข้าวพร้อมกัน เหยียนหมิงซุ่นบอกไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะกลับมาเร็ว เหมยเหมยซุกตัวอยู่บนโซฟาดูโทรทัศน์อย่างเกียจคร้าน ทั้งหยิบแส้ขึ้นมาไล่ฉิวฉิวที่คิดจะขโมยกินกับข้าวเป็นระยะ ๆ
“ยังขโมยกินอีกฉันจะงดช็อกโกแลตแกหนึ่งเดือน!”
เหมยเหมยเหวี่ยงแส้เป็นครั้งที่สิบแปด โกรธจนรวบฉิวฉิวมากอดในอ้อมแขนไว้ตรึงเขาไว้สุดแรง
พี่หมิงซุ่นยังไม่ได้ทานเลยนะ!
ฉิวฉิวดิ้นพล่านอยู่หลายทีแต่หลุดออกไปไม่ได้เลยกลอกตาใส่ทีหนึ่งก่อนจะยอมฟุบอย่างยอมจำนน แย่งรีโมตมาจากมือเหมยเหมยกดไปยังช่องละครรักน้ำเน่าฉบับไต้หวันที่เขาชอบดูที่สุด ณ ขณะนี้กำลังฉายถึงฉากที่พระนางแอบหมั้นกันเองโดยไม่ผ่านความเห็นของผู้ใหญ่อย่างหักห้ามใจไม่อยู่ ทั้งคู่กำลังแอบได้เสียกัน…
เหมยเหมยหน้าแดงคิดจะกดเปลี่ยนช่องโดยอัตโนมัติ คุณชายฉิวกลับดูอย่างออกรส กรงเล็บอวบอ้วนยึดรีโมตไว้แน่นแทบปกป้องด้วยชีวิต
“ดูอะไร…เจ้ากระรอกลามก…ห้ามดู…”
เหมยเหมยแกะนิ้วของฉิวฉิวออกอย่างสุดแรงหมายจะแย่งชิงรีโมตกลับมา นั่งดูฉากนี้คนเดียวรู้สึกแปลกจัง โดยเฉพาะในอ้อมแขนยังมีเจ้ากระรอกอ้วนลามกอีกตัว
“ไม่ให้…ฉันจะดู…ใช่ว่าเธอจะไม่เคยจูบนายผู้ชายมาก่อนสักหน่อย มีอะไรน่าอายกัน…” ฉิวฉิวใช้ปากคาบรีโมตแล้วปีนขึ้นโคมไฟระย้าด้านบน ก้มมองเหมยเหมยจากมุมบนพลางส่ายหางฟูไปมาอย่างได้ใจ
ความจริงเขาดูฉากพวกนี้จนเบื่อหน่ายแล้ว ไม่ถอดเสื้อผ้าโป๊เปลือย ก็แค่จูบ…มีอะไรน่าดูกัน?
ไม่สู้ดูรูปถ่ายยัยลิงตัวเมียร่างใหญ่นั่นด้วยซ้ำ!
เขาจงใจกวนโมโหเจ้านายเท่านั้นเอง…ใครให้เจ้านายไม่ให้เขาได้กินของอร่อย ๆกันล่ะ!
“แกลงมานะ…!”
เหมยเหมยโกรธจนเอาสองมือเท้าสะเอวแล้วไปหยิบไม้เกี่ยวเสื้อที่สวนหลังบ้านมาหมายจะจับเจ้ากระรอกตัวนี้ลงมา แต่ฉิวฉิวว่องไวนักวิ่งไปทางซ้ายทีมุดไปทางขวาทีไม่ยอมให้เหมยเหมยจับตัวได้ จนถึงกระทั่งนั่งไขว่ห้างด้วยใบหน้าที่มีแต่ความได้ใจ…
“เธอทนเห็นคนอื่นได้ดีกว่าไม่ได้ ตัวเองทำกับนายผู้ชายไม่สำเร็จก็ไม่อยากเห็นผู้หญิงคนอื่นมีความสุข…เจ้านายอย่างเธอไร้คุณธรรมที่สุด!” ฉิวฉิวจงใจพูดยุแหย่เหมยเหมย ทุกครั้งที่แอบฟังอยู่มุมกำแพงก็ร้อนใจแทบตาย
ช่วงเข้าด้ายเข้าเข็มกลับไม่ยอมเอาเข้าไป!
ติดอยู่ตรงช่วงสำคัญทุกครั้ง!
ร้อนใจจนเขาอยากผลักนายผู้ชายจากด้านหลังสักที…แต่เขาไม่มีความกล้านี้…
เหมยเหมยหน้าแดงระเรื่อราวกับลูกพลับ เอาไม้เกี่ยวเสื้อกระทุ้งหลายทีด้วยความอายปนโกรธ แต่มีเพียงใยแมงมุมปลิวตกลงมาเล็กน้อย ขณะที่ไม่กระเทือนถึงฉิวฉิวเลยสักนิดจึงหัวเราะได้ใจมากกว่าเดิม ลูกตาสีดำขลับกลอกไปมาแล้วจงใจเอ่ยว่า “ฉันว่านะ…ตรงนั้นของนายผู้ชายใช้การไม่ได้หรือเปล่า…”
ไม่อย่างนั้นทำไมถึงหยุดชะงักตรงช่วงสำคัญทุกทีเลยล่ะ?
เหมยเหมยรีบแก้ตัวแทนเหยียนหมิงซุ่น “แกพูดเหลวไหล…พี่หมิงซุ่นบอกแล้วว่าจะรอเก็บไว้คืนวันเข้าหอ เพื่อสร้างความทรงจำที่ยากจะลืมเลือนให้ฉัน…แกอย่ามาพูดจาเหลวไหล…”
พูดจบใบหน้าของเธอก็แดงจนเกินเหตุยิ่งกว่าเดิม ได้แต่กระทืบเท้าปึงปัง เธอจะพูดเรื่องพวกนี้ให้เจ้ากระรอกบ้านี้ฟังทำไมกัน?
“แกรีบไสหัวลงมาได้แล้ว…ฉันจะโกรธจริง ๆแล้วนะ!” เหมยเหมยทำหน้านิ่ง
ฉิวฉิวปัดอุ้งมืออวบน้อยก่อนจะเดินบนโคมไฟระย้าช้าๆ “มีแต่คนโง่อย่างเธอเท่านั้นถึงจะเชื่อคำพูดบ้า ๆนี้ได้ ฉันจะวิเคราะห์ให้เธอฟังนะ…สาเหตุที่จนถึงตอนนี้เธอก็ยังทำไม่สำเร็จมีอยู่สองอย่าง…”
เหมยเหมยปากบอกไม่ฟังแต่หูกระดิกตั้งใจฟังอย่างจดจ่อ
ความจริงเธอเห็นเหยียนหมิงซุ่นคอยอดทนอดกลั้นอย่างทรมานทุกครั้งก็ปวดใจมากเหมือนกัน!
ทว่าเหยียนหมิงซุ่นกลับหัวรั้นเหลือเกิน อย่างอื่นทำหมดแล้วมีเพียงขั้นตอนสุดท้ายที่ไม่ยอมทำสักที เขาบอกว่าจะเก็บไว้คืนวันเข้าหอ…
ฉิวฉิวเห็นท่าทางปากไม่ตรงกับใจของเหมยเหมยก็พ่นลมทางจมูกอย่างได้ใจ “หรือตรงจุดนั้นของเหยียนหมิงซุ่นมีปัญหา…”
“เป็นไปไม่ได้!”
เหมยเหมยค้านเสียงแข็ง เหยียนหมิงซุ่นไม่มีปัญหาอะไรเพราะไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเธออีกแล้ว กระทำรุนแรงทุกครั้งเสียขนาดนั้นราวกับงูจอมตะกละตะกลามที่ไม่ว่าทานอย่างไรก็ไม่อิ่ม แล้วจะมีปัญหาได้อย่างไรเล่า?
ตอนที่ 1492 เราแต่งงานกันไหม
ฉิวฉิวเหลือบมองเหมยเหมยแวบหนึ่งแล้วแค่นเสียงพูดว่า “งั้นก็เหลือสาเหตุเดียวแล้ว นั่นก็คือเธอยังมีแรงดึงดูดนายผู้ชายได้ไม่มากพอ ยังไม่ถึงขั้นที่จะให้เขาหลุดการควบคุมได้!”
ในหัวเหมยเหมยพุ่งปรี๊ดระเบิดออก ตวาดด่า “แกพูดเหลวไหล…พี่หมิงซุ่นไม่รู้ว่าชอบฉันมากขนาดไหน…เขารักฉันถึงไม่ยอมทำแบบนั้น…”
“โง่…รักแท้ก็ต้องกระโจนกลืนกินเข้าไปแล้ว…จะมัวถ่วงเวลานานขนาดนั้นไปทำไม?” ฉิวฉิวกลอกตาใส่ที ไม่ว่าอย่างไรในโลกกระรอกของพวกเขาขอเพียงมีกระรอกตัวเมียที่ถูกใจก็ต้องกระโจนเข้าใส่แล้วจัดการเผด็จศึกเสีย หากมัวชักช้าไม่รู้ว่าจะโดนตัวผู้ตัวไหนคาบไปกินหรือเปล่า!
ทุกคนต่างเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม คิดว่าเพศผู้ย่อมมีจุดที่คล้าย ๆกัน!
คุณชายฉิวคิดเช่นนั้น!
เหมยเหมยกลับสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมากแล้วเผลอก้มมองตัวเองโดยอัตโนมัติ หน้าอกเล็กไปหน่อยจริง ๆ แต่เหยียนหมิงซุ่นบอกว่ากำลังพอดี…หรือว่าเหยียนหมิงซุ่นกลัวเธอเสียใจถึงได้จงใจพูดปลอบใจเธองั้นหรือ?
“เจ้ากระรอกบ้าจะไปรู้เรื่องอะไร…พี่หมิงซุ่นรักฉันจะตาย…ตาฉิวแกไสหัวลงมาเดี๋ยวนี้…ฉันจะนับถึงสาม…”
เหมยเหมยไม่ยอมเชื่อคำพูดของฉิวฉิว แต่ภายในใจนั้นไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็รู้สึกแย่อยู่ดีจึงพาลหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ตะเบ็งเสียงดังคำรามใส่แต่ฉิวฉิวกลับไม่กลัวเธอสักนิด นับถึงสิบก็ไม่กลัวในเมื่อนายผู้หญิงก็ดีแต่ขู่เท่านั้นแหละ
“ฉันจะบอกเธออีกเรื่อง…เพศผู้กลั้นไว้นานไม่ได้ไม่อย่างนั้นต้องเกิดปัญหาแน่…นายผู้ชายกำลังอยู่ในวัยอารมณ์พลุกพล่านที่สุด…ถ้าเขาไม่เป็นอะไรจริง ๆ กลั้นไว้นานขนาดนี้ต้องเกิดปัญหาแน่…ไม่แน่อาจกลั้นจนเป็นโรคไปแล้วมั้ง ยังจะคืนวันเข้าหอที่น่าจดจำอะไรอีก…อย่ามัวแต่คิดอยู่อีกเลย!”
ฉิวฉิวพูดด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ยาวเหยียด ทุกครั้งที่แอบฟังไม่เคยสนุกเลย ช่างเป็นที่เสียใจสำหรับเขาเหลือเกิน!
ทีนี้นายผู้หญิงคงคิดได้แล้วสินะ?
ฝ่ายชายไม่จู่โจม ฝ่ายหญิงเป็นฝ่ายเริ่มก่อนก็ได้นี่นา!
เหยียนหมิงซุ่นกลับถึงบ้านเห็นภรรยาตัวน้อยของตนกำลังใช้ไม้เกี่ยวเสื้อทะเลาะกับเจ้ากระรอกตัวอ้วนแสนฉลาดอยู่…อารมณ์ขุ่นมัวของเขาก็สดใสขึ้นทันทีพร้อมกระตุกยิ้มที่มุมปาก
“เป็นอะไร? มันทำให้เธอไม่พอใจเหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นเดินเข้ามามองฉิวฉิวที่อยู่บนโคมฟ้าระย้าอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง คุณชายฉิวตัวสั่นระริกอย่างจนหนทาง รูทวารบีบแน่นแล้วกระโดดลงอย่างเชื่อฟัง ยื่นรีโมตให้เหยียนหมิงซุ่นเป็นการเอาใจ
เหมยเหมยโกรธจนตบตามตัวมันเบา ๆทีหนึ่ง เธอพูดตั้งนานไม่ได้ผลแต่เหยียนหมิงซุ่นใช้เพียงสายตาแวบเดียวก็ว่าง่ายเสียแล้ว!
เหยียนหมิงซุ่นใช้ฝ่ามือเดียวปัดเจ้าตัวอ้วนที่เกะกะตาไปตรงมุมโซฟาทีเดียว ก่อนจะรั้งตัวเหมยเหมยให้นั่งลง ค่อย ๆถามว่าฉิวฉิวทำความผิดอะไรไป
เหมยเหมยอ้าปากจะตอบแต่ไม่นานก็กลืนคำตอบลงไป สีหน้าแดงระเรื่อที่เพิ่งจางหายไปถาโถมมาอีกครั้ง ส่ายศีรษะบอกไปว่าไม่มีอะไรให้เหยียนหมิงซุ่นล้างมือทานข้าวเถอะ
คำพูดน่าอายพวกนั้นจะเล่าให้เหยียนหมิงซุ่นฟังได้ที่ไหนกัน?
น่าอายจะตายไป!
แต่เป็นเพราะเสน่ห์ของเธอไม่เพียงพอใช่ไหม?
บนตำรามักเขียนไว้ว่าคู่ชายหญิงหากถึงอารมณ์กำลังได้ที่ บทรักจะเกิดขึ้นเมื่อได้จังหวะพอดี หากยังทนไหวก็คือหลิวเซี่ยฮุ่ย[1]แล้ว
เหมยเหมยส่ายศีรษะอีกครั้งอย่างไว ความรู้สึกที่เหยียนหมิงซุ่นมีต่อเธอคือของจริงอย่างแน่นอนแล้วเธอจะสงสัยมันได้อย่างไร? ต้องเป็นเหตุผลดังที่เหยียนหมิงซุ่นบอกไว้แน่ เขาอยากให้คืนวันแต่งงานกลายเป็นความทรงจำสุดพิเศษสำหรับเธอ!
แต่ยังห่างจากวันที่เธอเรียนจบอีกตั้งสามปีนะ!
เหยียนหมิงซุ่นกลั้นอีกสามปีจะไม่เป็นไรจริงหรือ?
“พี่หมิงซุ่น…เราแต่งงานกันดีไหม? ไม่ต้องรอเรียนจบแล้ว!” เหมยเหมยเอ่ยขึ้นฉับพลัน
เหยียนหมิงซุ่นชะงักไปทีพาลรู้สึกว่าความคิดคนรักของตนก้าวกระโดดไวเกินไป แทบจะไล่ตามแม่ยายทันอยู่รอมร่อแล้ว หรือว่าคนที่ทำงานสายศิลปะเป็นแบบนี้กันทุกคน?
“ทำไมจู่ ๆก็คิดจะแต่งงานล่ะ?” เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะ แกะกุ้งหนึ่งตัวป้อนเหมยเหมย
แต่งงานหรือ…
แค่คิดก็เฝ้ารอคอยวันนั้นแล้ว!
แต่ปัญหาคือเจ้าสาวของเขายังเรียนไม่จบมหาวิทยาลัยเลย!
สิ่งที่แทบฆ่าเขาก็คือเขาเคยรับปากจ้าวอิงหัวเพราะอารมณ์ชั่ววูบไปว่าหากเหมยเหมยยังเรียนไม่จบก็จะไม่แต่งงานและห้ามกินเจ้าสาวตัวน้อยของเขา!
เขาในเวลานั้นต้องโดนลาเตะกะโหลกมาแน่ ๆ!
ต้องใช่แน่ ๆ!
………………………………..
ตอนที่ 1493 อยากรีบแต่งงาน
เหมยเหมยกลืนเนื้อกุ้งที่เคี้ยวอยู่ในปากลงท้องแล้วพูดพลางยิ้มหวานให้เหยียนหมิงซุ่น “ฉันอายุสิบเก้าแล้ว แต่งงานได้แล้วนะ!”
…เธออยากเป็นคุณนายเหยียนเหลือเกิน!
เหยียนหมิงซุ่นยิ้มพลางป้อนเนื้อกุ้งให้เธอก่อนจะบีบจมูกเธอเบา ๆ “กฎหมายกำหนดว่าต้องยี่สิบปี เธอเพิ่งสิบเก้าเอง!”
ยายเด็กน้อยที่อยากรีบแต่งงานทำไมถึงน่ารักขนาดนี้!
เหมยเหมยตาลุกวาวจับแขนเหยียนหมิงซุ่นกล่าวว่า “งั้นรอเลยวันเกิดปิดเทอมฤดูร้อนปีหน้าเราก็แต่งงานกัน ได้ไหมคะ…”
หางเสียงลากยาวราวกับมีแปรงด้ามเล็กลูบไล้ผ่านหัวใจอันเข้มแข็งของเหยียนหมิงซุ่น…คันยุบยิบ…เสียวซ่าน…จนแทบหลอมละลายแล้ว
“อยากแต่งงานขนาดนั้นเชียว หืม?” เหยียนหมิงซุ่นก้มหน้ากระซิบถามข้างหูเธอเบา ๆ ปล่อยลมหายใจร้อนผ่าวระต้นคอขาวเนียนของหญิงสาว…ทำเอาหัวใจของหญิงสาวเสียวซ่านเช่นเดียวกัน
เหมยเหมยบิดตัวไปมาหลุดครางเสียงออกมาดั่งแมลงตัวน้อย สีแดงระเรื่อลามขึ้นใบหูที่ขับให้ดูอมชมพูยิ่งกว่ากลีบดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิ
“ทำไมเหมยเหมยถึงอยากรีบแต่งงานล่ะ? ตอนนี้เที่ยวเล่นให้สนุกเต็มที่หน่อยไม่ดีเหรอ?”
เหยียนหมิงซุ่นถอนหายใจเบา ๆทีหนึ่งอย่างนึกเสียใจ เขาเคยโดนลาเตะสมองชัด ๆ!
บนโลกนี้ไม่มียาแก้โรคเสียใจภายหลังสินะ!
ทว่าเขาเองก็อยากให้เหมยเหมยสนุกอีกหลายปี ต่อให้เขาหัวทันสมัยแค่ไหนแต่ชีวิตหลังแต่งงานไม่มีทางสะดวกสบายเท่าตอนนี้ ในเมื่อมีภาระทางครอบครัวเพิ่มมากขึ้น มีภาระที่ต่อให้เขาไม่นึกถึงมันก็ได้แต่ก็ต้องไปเป็นภาระของเหมยเหมยอยู่ดี
ล่าช้าอีกหลายปีก็ดีเหมือนกัน!
เหมยเหมยส่ายศีรษะแรง ๆ แล้วพูดอ้อนเสียงเล็กเสียงน้อย “ฉันอยากแต่งงานนี่นา…ทำกับข้าวอร่อย ๆให้พี่หมิงซุ่นทุกวัน ซักผ้าให้พี่ พับเสื้อผ้าให้พี่…ดูทีวีด้วยกัน…”
ขณะที่พูดเรื่องแบบนี้เหมยเหมยดวงตาเป็นประกาย ไม่รู้ว่าเธอเฝ้าฝันจะได้ใช้ชีวิตคุณนายเหยียนมากี่ครั้งแล้ว!
เหยียนหมิงซุ่นก็ใจอ่อนยวบ เขาก็คาดหวังเหมือนกันนะ!
แต่ว่า…
มีใบหน้าน่ารำคาญของจ้าวอิงหัวปรากฎขึ้นตรงหน้าก็ทำเอาใจเหยียนหมิงซุ่นดิ่งวูบ นวดขมับที่ปวดตุบ ๆ นึกเสียใจกับสิ่งที่ตัดสินใจไปก่อนหน้า!
“เด็กดี…ตอนนี้เราก็ใช้ชีวิตแบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นพูดโอ๋อย่างใจเย็น ใครให้เขาเป็นคนที่ต้องพูดได้แล้วต้องทำได้กันล่ะ!
“แต่ฉันอยากมีลูก…มีลูกของเราสองคน!”
เหมยเหมยโพล่งออกมาเพราะความร้อนใจ ยิ่งพูดถึงท้ายประโยคเสียงยิ่งเบา…ก้มหน้างุดชิดอก ใบหูเล็กแดงเถือก
เหยียนหมิงซุ่นเองก็ชะงักค้างพร้อมในหัวที่ฉายภาพเด็กตัวอวบอ้วนขาวเนียนคนหนึ่งกำลังใส่ผ้าอ้อม ฉีกยิ้มกว้างแบบไร้ฟัน ปล่อยให้น้ำลายไหลยืด…
เขาเหมือนสะดุ้งเฮือกรีบตัดภาพนั้นทิ้ง สิ่งมีชีวิตอย่างเด็กน้อยเขาไม่ค่อยปรารถนาเท่าไรนัก!
แค่คิดว่าระหว่างเขากับเหมยเหมยบนเตียงใหญ่จะมีเด็กหนึ่งคนหรืออาจมีถึงสามคนผู้โชคร้ายกำลังทำตัวเอาแต่ใจ ทั้งฉี่ทั้งขี้…ไหนจะรบกวนเวลาพลอดรักของเขากับเหมยเหมยอีก…
เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกว่าโลกใบนี้ก็ไม่งดงามอีกต่อไปแล้ว!
เขาชอบใช้เวลาส่วนตัวสองต่อสองมากกว่า ฉะนั้นแบบนี้ดีอยู่แล้ว นอกจากจะไม่สามารถทำถึงขั้นตอนสุดท้ายได้!
“เด็กดี…ฉันเคยถามคุณหมอมาแล้ว…บอกว่าตอนนี้เธอยังเด็ก ไม่ควรมีลูกเล็ก…อย่างเหมาะสมที่สุดก็อายุยี่สิบแปดปี ไม่รีบนะ!”
เหยียนหมิงซุ่นผลักความผิดไปให้คุณหมออย่างไม่ละอายใจ หากไม่ใช่เพราะอายุสามสิบแปดมันไม่สมจริงเขาก็อยากเลื่อนไปอีกสักสิบปี!
แต่เขาไม่รู้ว่าภรรยาแสนซื่อของเขาไม่ได้หลอกกันง่ายขนาดนั้นแล้ว!
“พี่โดนคุณหมอคนไหนหลอกมา? ยี่สิบแปดปีมันสาวอายุมากแล้ว ฉันไม่อยากมีลูกตอนอายุมากขนาดนั้น…” เหมยเหมยถลึงตาใส่เขาแวบหนึ่ง ทำไมยิ่งโตยิ่งโง่นะ โดนหลอกมายังไม่รู้ตัวอีก
………………………
[1] หลิวเซี่ยฮุ่ย บุคคลในเรื่องสามก๊ก ปัจจุบันใช้เรียกแทนชายผู้เป็นสุภาพบุรุษ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น