เทพปีศาจหวนคืน 1474-1480
บทที่ 1474 วิญญาณความมั่งคั่ง
ทะเลทรายตะวันตก
มันเป็นทะเลทรายที่ไร้จุดสิ้นสุด
ลึกลงไปใต้พื้นทรายมีโลกอีกใบ มันคือเหมืองแร่ขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยแร่ธรรมชาติ
มนุษย์หินมากกว่าแสนคนอาศัยอยู่ที่นี่ในฐานะคนงาน พวกมันขุดหาทรัพยากรทุกประเภทให้กับผู้อมตะ
ที่นี่คือทะเลทรายหมื่นแร่ที่มีชื่อเสียงของทะเลทรายตะวันตก มันอยู่ภายใต้การปกครองของตระกูลซื่อ
นอกจากทรัพยากรระดับมนุษย์ที่ถูกขุดโดยมนุษย์หินยังมีทรัพยากรอมตะที่ผู้อมตะต้องขุดมันขึ้นมาด้วยตัวเอง
ลึกลงไปมีแม่น้ำทองคำขนาดใหญ่ไหลอยู่
เมื่อสวรรค์ทั้งเจ็ดถูกทำลาย เศษชิ้นส่วนของสวรรค์สีเหลืองร่วงหล่นลงสู่พื้นและกลายเป็นแร่ทองคำจำนวนนับไม่ถ้วนที่กระจัดกระจายไปในสถานที่ต่างๆ
สวรรค์สีเหลืองน้อยของฟางหยวนมีลำธารทองคำชนิดนี้อยู่เช่นกัน แต่มันมีขนาดเล็กมาก มันเหมือนมดที่อยู่ท่ามกลางมหาสมุทร
และในแม่น้ำทองคำขนาดใหญ่สายนี้มีค่ายกลวิญญาณถูกจัดตั้งเอาไว้โดยผู้อมตะ
ค่ายกลวิญญาณตรวจสอบแร่ล้ำค่าตลอดเวลาและยังสามารถควบคุมคนงานในเหมืองแร่
“บึม!”
เป็นเพียงเวลานี้ที่เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ขึ้นพร้อมกับรอยแตกร้าวของค่ายกลวิญญาณ
ประตูถูกเปิดออกพร้อมกับกลุ่มควันหนาทึบที่พวยพุ่งออกมาจากภายใน
“แค่ก แค่ก” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินผู้หนึ่งเดินออกมา
หลังจากนั้นหินที่อยู่บนร่างของเขาก็ร่วงหล่นลงและเผยให้เห็นตัวตนที่แท้จริงที่ซ่อนอยู่
แท้จริงแล้วเขาคือผู้อมตะมนุษย์
เขาอยู่ในรูปลักษณ์ของชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างหน้าตาธรรมดาแต่ดูเป็นมิตร
ตอนนี้ร่างกายของเขาถูกปกคลุมไปด้วยเขม่าควัน
“การหลอมรวมวิญญาณครั้งที่แปดสิบเก้าล้มเหลว!” ผู้อมตะวัยกลางคนถอนหายใจก่อนจะกระอักเลือดออกมา
ก้อนเลือดที่เขากระอักออกมากลายเป็นอัญมณีทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นไข่มุก หยก ทองคำ เงิน และอื่นๆ
หากฟางหยวนอยู่ที่นี่ เขาจะตกใจมากที่เห็นสิ่งนี้ แม้เขาจะรู้เหตุผลที่อยู่เบื้องหลังก็ตาม
สิ่งใดที่ทำให้ผู้อมตะวัยกลางคนมีอาการบาดเจ็บที่แปลกประหลาดเช่นนี้?
ผู้อมตะวัยกลางคนมองอัญมณีที่อยู่รอบๆและไม่รู้สึกประหลาดใจ
เพราะเขารู้ว่าตนเองกำลังทำสิ่งใด เขากำลังหลอมรวมวิญญาณความมั่งคั่ง!
วิญญาณความมั่งคั่งในตำนาน!
มนุษย์คนแรกสร้างมันขึ้นมาด้วยน้ำจากทะเลสาบแห่งชีวิต มือของเขา วิญญาณความกังวล วิญญาณความยากลำบาก วิญญาณความโศกเศร้า วิญญาณสติปัญญา และวิญญาณความโง่เขลา
แต่โดยพื้นฐาน เป็นไปไม่ได้ที่ผู้อมตะวัยกลางคนผู้นี้จะใช้วิธีเดียวกันในการหลอมรวมวิญญาณอมตะดวงนี้
มันไม่เกี่ยวกับข้อเท็จจริงของตำนาน แต่มันมีรายละเอียดมากเกินไป วัสดุเหล่านั้นสูญพันธุ์ไปแล้วในยุคปัจจุบัน
ฟางหยวนมีวิญญาณสติปัญญาระดับเก้า แม้เขาจะยังไม่ได้ปรับแต่งมันก็ตาม
แต่ทะเลสาบแห่งชีวิตไม่ปรากฏในยุคนี้ แล้วเขาจะหาน้ำสีฟ้าจากทะเลสาบแห่งชีวิตมาได้อย่างไร?
แม้มันจะมีอยู่ แล้วเขาจะหามือของมนุษย์คนแรกมาจากที่ใด?
แล้วเหตุใดผู้อมตะวัยกลางคนผู้นี้ยังต้องการหลอมรวมวิญญาณความมั่งคั่ง?
เพราะมนุษย์สามารถดัดแปลงเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะ
หากวิธีในตำนานไม่สามารถใช้งาน เขาก็ต้องสร้างวิธีใหม่ขึ้นมาด้วยตนเอง
ผู้อมตะวัยกลางคนผู้นี้บ่มเพาะอยู่บนเส้นทางแห่งปฐพีแต่เขาได้รับเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณความมั่งคั่งที่ไม่สมบูรณ์มาโดยบังเอิญ
เขาไม่รู้ว่าผู้ใดทิ้งเคล็ดลับนี้เอาไว้
แต่เมื่อผู้อมตะวัยกลางคนได้รับมันมา เป็นธรรมดาที่เขาจะทดลองหลอมรวมมัน
หากเขาประสบความสำเร็จในการหลอมรวมวิญญาณความมั่งคั่ง เขาจะได้รับทุกสิ่งที่ต้องการไม่ว่าจะเป็นเงิน ทอง หรือทรัพยากรอมตะ
แต่วิญญาณความมั่งคั่งไม่สามารถสร้างรูปแบบชีวิตเช่นพืช สัตว์ มนุษย์ มนุษย์กลายพันธุ์ หรือวิญญาณ
“หากข้ามีวิญญาณความมั่งคั่ง ข้าจะสามารถสร้างธุรกิจที่ทำกำไรมหาศาล ข้าจะสร้างทรัพยากรที่สูญพันธุ์ไปแล้วเพื่อสร้างความมั่งคั่ง ข้าจะสามารถยกระดับการบ่มเพาะของตนเองและเหนือกว่าคนตระกูลซื่อทั้งหมด!”
ผู้อมตะวัยกลางคนต้องการวิญญาณความมั่งคั่งเป็นอย่างมาก เขาไม่เคยบอกเรื่องนี้กับคนนอก
คนผู้นี้คือซื่อจง
ตระกูลซื่อเป็นกองกำลังฝ่ายธรรมะของทะเลทรายตะวันตก
ซื่อจงมีสถานะที่น่าอึดอัดใจในตระกูลซื่อ แม้เขาจะเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด แต่เขาถูกกีดกันโดยผู้อมตะของตระกูล
มีเหตุผลทางประวัติศาสตร์สำหรับเรื่องนี้ บิดาของซื่อจงทรยศต่อตระกูลและสร้างความเสียหายครั้งใหญ่ให้กับพวกเขา ความเสียหายที่เกิดขึ้นนอกจากทรัพยากรยังรวมถึงชีวิตของผู้อมตะอีกด้วย
ซื่อจงไม่เคยได้รับการดูแลที่ดีจากตระกูล
เขาถูกตระกูลส่งตัวมาดูแลทะเลทรายหมื่นแร่แห่งนี้
สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยทรัพยากร แต่มันมีอาณาเขตติดกับกองกำลังอื่นที่เป็นศัตรูของตระกูลซื่อ กล่าวได้ว่าชีวิตของซื่อจงตกอยู่ในอันตรายขณะที่เขาไม่สามารถทำกำไรเพราะค่ายกลวิญญาณของที่นี่จะตรวจสอบเขาอย่างเข้มงวด
ในความเป็นจริงแม้ค่ายกลวิญญาณจะไม่ตรวจสอบเขา ซื่อจงก็ไม่มีความคิดที่จะทำสิ่งใด หากเขาถูกค้นพบ สถานการณ์ของเขาจะเลวร้ายยิ่งขึ้น
“พื้นฐานของการบ่มเพาะคือการจัดการมิติช่องว่าง โดยปราศจากทรัพยากร ไม่ว่าพลังการต่อสู้จะสูงเพียงใด มันก็เป็นเรื่องชั่วคราวเท่านั้น มันเหมือนกับการสร้างตึกสูงโดยโครงสร้างที่ทำจากทราย” ซื่อจงเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี แม้มันจะยากลำบาก แต่เขาไม่เคยยอมแพ้และทำงานอย่างหนักเสมอ
นอกเหนือจากความยากลำบาก ซื่อจงยังต้องลงทุนด้วยทรัพยากรทั้งหมดของตนเองเพื่อหลอมรวมวิญญาณความมั่งคั่ง
“ความล้มเหลวแปดสิบเก้าครั้งทำให้ข้าเหลือมนุษย์ไม่เพียงพอ” ซื่อจงรักษาอาการบาดเจ็บของตนเองและตรวจสอบคลังทรัพยากรของเขา เขาตระหนักว่ามนุษย์ที่เป็นวัสดุในการหลอมรวมเหลือไม่พอที่จะหลอมรวมวิญญาณครั้งต่อไป
ซื่อจงเป็นผู้อมตะฝ่ายธรรมะแต่เขากลับใช้มนุษย์ในการหลอมรวมวิญญาณ กล่าวได้ว่าการกระทำของเขาไม่ต่างจากปีศาจที่ชั่วร้าย
แต่ตราบเท่าที่เขาเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับและไม่ทิ้งหลักฐานใดๆเอาไว้เบื้องหลัง เขาจะไม่พบปัญหา
ซื่อจงระวังตัวมาก เขาจะไม่ยอมให้ผู้ใดพบเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำของเขา ทาสมนุษย์เหล่านี้ล้วนมาจากสวรรค์สีเหลือง นี่เป็นการซื้อขายทาสที่ปลอดภัย
“ข้าใช้มนุษย์แทนน้ำจากทะเลสาบแห่งชีวิตและมือของมนุษย์คนแรก แต่มันยังไม่พอ ข้าต้องเพิ่มวิญญาณอายุยืนหรือไม่?”
ซื่อจงพิจารณา
เขามีวิญญาณอายุยืนอยู่ในมือแต่เขาไม่กล้าใช้มัน
“ตำนานกล่าวว่าแม้วิญญาณสติปัญญาจะไม่เสียสละตนเองเหมือนวิญญาณความโง่เขลาแต่มันก็เป็นส่วนหนึ่งในการหลอมรวมวิญญาณ ข้าไม่มีวิญญาณสติปัญญา แต่ขาสามารถใช้วิญญาณบนเส้นทางแห่งปัญญาดวงอื่นแทนที่มัน”
วิญญาณความกังวล วิญญาณความยากลำบาก วิญญาณความโศกเศร้า ซื่อจงมีวิญญาณระดับมนุษย์เหล่านี้ทั้งหมด พวกมันหาได้ไม่ยาก
เขาสามารถหลอมรวมวิญญาณความโง่เขลาขึ้นมาได้ด้วยตนเอง
“อย่างไรก็ตามหลังจากนี้เคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณจะสมบูรณ์มากขึ้นเรื่อยๆ” หลังจากอาการบาดเจ็บได้รับการรักษา ซื่อจงถ่มน้ำลายเลือดลงบนพื้น
เลือดของเขายังกลายเป็นอัญมณีเช่นเดิม
บทที่ 1475 หลอมรวมวิญญาณความลับสวรรค์
ซื่อจงหมกมุ่นอยู่กับสิ่งนี้เป็นเวลานาน เขาสามารถบอกได้ว่าอาการของเขาดีขึ้นจากการสังเกตก้อนเลือดเหล่านั้น
“แม้ข้าจะมีความก้าวหน้า แต่มันยังห่างไกลจากความสำเร็จ ขั้นตอนยังขาดไปสองสามขั้น ข้าต้องทำงานให้หนักขึ้น!” ซื่อจงมีประสบการณ์ในเรื่องนี้
เขาคำนวณและตระหนักว่าถึงเวลาให้อาหารวิญญาณของเขาอีกครั้ง
ซื่อจงรับสืบทอดมรดกมาจากครอบครัวของตนเอง เขามีวิญญาณอมตะหลายดวง นี่เป็นเรื่องที่ทำให้ผู้อมตะคนอื่นๆของตระกูลซื่อรู้สึกอิจฉา น่าเสียดายที่การรับสืบทอดมรดกจากครอบครัวเป็นกฎที่ไม่สามารถทำลายได้
ซื่อจงครอบครองวิญญาณอมตะจำนวนมาก นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขาตกเป็นเป้าหมายและถูกกีดกันโดยผู้อมตะคนอื่นๆของตระกูลซื่อ
เขาตรวจสอบคลังสมบัติของตนและรู้สึกปวดหัวมาก
“มันค่อนข้างลำบาก ข้าขาดอาหาร ข้าลืมไปว่าการหลอมรวมวิญญาณความมั่งคั่งทำให้ข้าขาดแคลนทรัพยากร ข้าขายอาหารบางส่วนออกไปก่อนหน้านี้”
“ตอนนี้มันเป็นเรื่องยากที่จะรวบรวมอาหารเพิ่ม ข้าควรซื้อปลามังกรมาเป็นอาหารให้กับวิญญาณอมตะของข้าเป็นการชั่วคราว”
เมื่อคิดได้เช่นนี้ซื่อจงก็ไม่ลังเลที่จะส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เข้าไปในสวรรค์สีเหลือง
‘ปลามังกร…’ เขามีเป้าหมายที่ชัดเจน เขาพบว่ามีผู้ขายหลายรายกำลังขายปลามังกรอยู่ในขณะนี้
ในฐานะผู้ซื้อ เขาต้องเปรียบเทียบสินค้าของผู้ขายเหล่านั้น
ธุรกิจปลามังกรไม่เหมือนธุรกิจวิญญาณปี มันขายได้ตลอดเวลาเนื่องจากปลามังกรสามารถผสมพันธุ์ได้ทุกฤดูกาล นี่ทำให้ตลาดปลามังกรคึกคักเสมอ
ซื่อจงไปที่ร้านของโหยว่ชานเป็นอันดับแรก
ทุกคนรู้ว่าโหยว่ชานเป็นผู้ขายปลามังกรอันดับหนึ่งของสวรรค์สีเหลือง
แต่นางยังมีสินค้าชนิดอื่นด้วย
ในอดีตหากซื่อจงต้องการซื้อปลามังกร เขาจะซื้อจากโหยว่ชานเพราะชื่อเสียงของนาง
หากทุกอย่างเป็นไปตามความคาดหมาย ครั้งนี้เขาก็จะซื้อปลามังกรจากนางเช่นกัน
อย่างไรก็ตามหลังจากเห็นปลามังกรของโหยว่ชาน ซื่อจงยังไม่ได้ซื้อทันทีแต่มองไปรอบๆ
ในไม่ช้าเขาก็เห็นร้านของฟางหยวน
“หือ? มีคนขายปลามังกรอยู่ที่นี่ด้วยงั้นหรือ? เขามีสินค้าค่อนข้างมาก” ซื่อจงรู้สึกประหลาดใจ
เขาตรวจสอบและพบว่าปลามังกรของฟางหยวนมีคุณภาพสูงเทียบเท่ากับปลามังกรของโหยว่ชาน
“ร้านนี้ดูเหมือนจะได้รับความนิยมมากกว่า” ซื่อจงเห็นเจตจำนงและสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของผู้อมตะจำนวนมากอยู่ที่ร้านของฟางหยวน
“ผู้ใดจะคิดว่าหลังจากปิดประตูบ่มเพาะมานาน ธุรกิจปลามังกรในสวรรค์สีเหลืองจะมีคู่แข่งที่แข็งแกร่งรายใหม่เกิดขึ้น” ผู้อมตะบางคนกล่าว
“สหาย ท่านมาที่นี่เพื่อซื้อปลามังกรงั้นหรือ? เหตุใดเราไม่ซื้อด้วยกัน? มันจะถูกกว่า” ผู้อมตะคนเดิมแนะนำ
“โอ้ เกิดสิ่งใดขึ้น?” ซื่อจงถาม
ผู้อมตะผู้นั้นอธิบาย “ท่านไม่รู้งั้นหรือ? คนขายปลามังกรร้านนี้มีกฎเกณฑ์ที่แตกต่าง ตราบเท่าที่เราซื้อในปริมาณที่กำหนด ราคาจะลดลง มีหลายระดับราคา แต่ประเด็นคือยิ่งซื้อมากก็ยิ่งถูก”
ซื่อจงได้ยินเรื่องนี้และลอบยกย่องอยู่ในใจ ‘เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยม!’
ต่อมา เขานึกถึงตัวเอง ‘บางทีข้าอาจใช้วิธีนี้ในการทำธุรกิจในอนาคต’
ซื่อจงพิจารณาและรู้สึกว่านี่เป็นความคิดที่ฉลาด
แม้ราคาจะลดลงแต่ด้วยปริมาณที่มากขึ้น กำไรจะเพิ่มขึ้นเช่นกัน หากเปรียบเทียบกับสงครามราคาของธุรกิจวิญญาณปี นี่เป็นวิธีที่ฉลาดและลึกซึ้งมากกว่า
‘วิธีนี้ไม่เพียงทำให้ยอดขายปลามังกรเพิ่มขึ้น แต่มันยังสามารถเพิ่มชื่อเสียง หากบางคนต้องการซื้อปลามังกรจำนวนมากเพื่อให้ได้ราคาที่ถูกลง พวกเขาจะชวนสหายหรือกระทั่งคนแปลกหน้ามาซื้อพร้อมกัน มันเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการเผยแพร่ข่าวสารสำหรับผู้ขาย’
ซื่อจงคิดเกี่ยวกับมันและรู้สึกว่าคนขายปลามังกรมีความคิดที่น่าทึ่งมาก
‘ไม่แปลกใจเลยที่ร้านของเขามีลูกค้ามากมายเมื่อเปรียบเทียบกับร้ายของผู้ขายอันดับหนึ่ง’
‘ฮ่าฮ่า ผู้ขายอาจปลอมตัวมาที่นี่เพื่อสร้างสถานการณ์นี้ด้วยตัวเขาเอง’
ซื่อจงรู้สึกสนใจผู้ขายรายนี้ทันที
‘ลืมมันไปซะ ข้าจะซื้อสินค้าของที่นี่ หลังจากทั้งหมดราคาของมันถูกกว่า’ เมื่อคิดได้เช่นนี้ ซื่อจงก็ตัดสินใจร่วมงานกับผู้อมตะที่ไม่รู้จักทันที
ทั้งสองมีความสุขมาก หลังจากเจรจา พวกเขาก็ซื้อปลามังกรรวมกันถึงแสนตัว
หลังจากซื้อสินค้า พวกเขาก็แบ่งสินค้ากันในสวรรค์สีเหลือง
ซื่อจงต้องการให้อาหารวิญญาณอมตะ ขณะที่ผู้อมตะอีกคนออกจากสวรรค์สีเหลืองทันที
ความจริงก็คือซื่อจงเดาถูก ผู้อมตะที่ซื้อสินค้าร่วมกับเขาคือตัวแทนของฟางหยวน เขาไม่ใช่ฟางหยวนแต่เป็นหนึ่งในสมาชิกนิกายเงา
แม้ผู้คนจะสามารถคาดเดา แต่พวกเขาจะพิสูจน์อย่างไร?
ไม่มีทางเป็นไปได้
ในความเป็นจริงนี่ไม่ใช่วิธีที่ฟางหยวนคิดค้นขึ้นด้วยตนเอง
ซื่อจงหมกมุ่นอยู่กับการหลอมรวมวิญญาณและไม่ได้สนใจสวรรค์สีเหลืองมากนัก วิธีการนี้ถูกใช้มานานแล้ว
ความแปลกใหม่ของแนวคิดไม่ใช่สิ่งสำคัญ มีเพียงผลลัพธ์เท่านั้นที่สำคัญ
ฟางหยวนประสบความสำเร็จอย่างมากในการทำเช่นนี้
หลายวันที่ผ่านมาเขาเพิ่มปริมาณสินค้าที่วางขายในสวรรค์สีเหลือง ดังนั้นเขาจึงให้ความสนใจมันมากขึ้น
ปริมาณสินค้าแสดงถึงความสามารถของเขา ผู้ซื้อจะซื้อสินค้าจากผู้ขายที่น่าเชื่อถือ
ในทางกลับกันฟางหยวนใช้วิธีการที่เหมาะสมในการขาย ด้วยวิธีนี้ชื่อเสียงของเขาจึงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
แรกเริ่มมีไม่กี่คนที่ซื้อสินค้าของเขา แต่เมื่อเวลาผ่านไปเขาก็มีลูกค้ามากขึ้นอย่างรวดเร็ว
ในฐานะที่เป็นผู้ขายอันดับหนึ่งในธุรกิจปลามังกร โหยว่ชานแห่งทะเลตะวันออกยังขายปลามังกรของนางอย่างสงบโดยไม่สร้างความโกลาหลใดๆ
‘การนิ่งเฉยเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ในระยะสั้นวิธีการของข้ายังไม่สามารถคุกคามนาง หากนางพยายามต่อสู้ กำไรของนางจะลดลง’ ฟางหยวนคิด
โหยว่ชานสงบนิ่งในสถานการณ์นี้
‘แต่อีกไม่นานนางจะเริ่มกังวล ฮ่าฮ่า’ ฟางหยวนมั่นใจมาก
หลังจากดึงสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมา ฟางหยวนไปที่ห้องหลอมรวมวิญญาณเพื่อพบผมที่หก
ใบหน้าของผมที่หกซีดขาวขณะหลอมรวมวิญญาณให้ฟางหยวน
ตอนนี้เขามาถึงขั้นตอนสุดท้ายในการหลอมรวมวิญญาณอมตะความลับสวรรค์อีกครั้ง
มันเป็นเวลาที่ฟางหยวนต้องลงมือทำด้วยตนเอง
แสงสีขาวส่องประกายขึ้นรอบตัวฟางหยวน
“เราจะเริ่มต้นเดี๋ยวนี้” ฟางหยวนสงบจิตใจและกล่าวกับผมที่หก
หลังจากนับถอยหลัง ผมที่หกก็หยุดการทำงานของค่ายกลวิญญาณ
ฟางหยวนเข้าแทนที่ทันที
ความคิดจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นในใจของเขา เขาใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาก่อนจะควบแน่นแสงสีขาวให้กลายเป็นวงแหวนขนาดใหญ่
ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม วงแหวนแสงสวรรค์
การหมุนครั้งแรก
ฟางหยวนเริ่มหมุนวงแหวนแสงสีทองอย่างช้าๆ
การหมุนครั้งนี้ประสบความสำเร็จ
ในการหมุนครั้งที่สอง ฟางหยวนเปิดเปลือกตาขึ้นและมองไปที่วงแหวนแสง มันหมุนเร็วกว่ารอบแรก
หลังจากหลายนาที การหมุนครั้งที่สองก็สำเร็จ
ในการหมุนครั้งที่สาม ฟางหยวนใช้ลมหายใจขยับวงแหวนแสง หลังจากชั่วครู่เขาก็ทำสำเร็จ
การหมุนครั้งที่สี่ ครั้งที่ห้า และครั้งที่หกประสบความสำเร็จเช่นกัน เมื่อเวลาผ่านไปมันก็ถึงการหมุนครั้งที่เจ็ด
‘ดูเหมือนท่านผู้นำจะพยายามอย่างมากหลังจากการล้มเหลวครั้งนั้น’ ผมที่หกมองจากด้านข้างด้วยความกังวล
การหมุนครั้งที่เจ็ด
ฟางหยวนกัดฟันแน่นและพยายามหมุนวงแหวนแสงสีทองอย่างดีที่สุด
ตอนนี้วงแหวนแสงหดตัวลงมามีขนาดเท่าอ่างน้ำลอยอยู่เหนือศีรษะของเขาแล้ว
“บึม!”
ด้วยเสียงอันแผ่วเบา วงแหวนแสงหดตัวลงเป็นจุดเล็กๆ
วิญญาณความลับสวรรค์ระดับเจ็ด!
“ข้าทำสำเร็จจริงๆ!” กระทั่งฟางหยวนยังแปลกใจ
เขาล้มเหลวในการหลอมรวมครั้งแรก แต่เขากลับประสบความสำเร็จในการทดลองครั้งที่สอง
หลังจากประหลาดใจ ฟางหยวนรู้สึกมีความสุขมาก
“อาจเป็นเพราะวิธีการแห่งโชคทำให้ข้าโชคดีมาก”
ฟางหยวนหยิบวิญญาณอมตะความลับสวรรค์มาดู
มันดูเหมือนกิ่งไม้ที่มีความยาวเท่ากับครึ่งหนึ่งของต้นแขนมนุษย์และมีปีกเหมือนแมลงปอ
ฟางหยวนสังเกตมันอยู่ชั่วครู่ก่อนจะถอนหายใจ “ในที่สุดข้าก็ได้รับวิญญาณอมตะความลับสวรรค์”
บทที่ 1476 สลายเจตจำนงสวรรค์
ในส่วนลึกของทะเลตะวันออก
“ข้าละอายใจนัก เจ้ามาหาข้าที่นี่ แต่ข้ากลับไม่สามารถช่วยเหลือ” ฮัวอันเผยรอยยิ้มขมขื่นให้กับโหยว่ชาน
ทั้งสองกำลังจะแยกทางกัน
โหยว่ชานมาหาฮัวอันเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ไม่เพียงฮัวอันจะล้มเหลวในการอนุมาน โหยว่ชานยังถูกฟางหยวนจับได้
หลังจากได้ยินคำกล่าวของฮัวอัน โหยว่ชานส่ายศีรษะ นางมองไปที่เส้นผมสีขาวของฮัวอันและกล่าวอย่างจริงใจ “ฮัวอัน อย่ากล่าวเช่นนั้น เจ้าใช้อายุขัยเพื่อช่วยข้าอนุมาน เหตุผลที่เราไม่ประสบความสำเร็จเป็นเพราะฝ่ายตรงข้ามแข็งแกร่งเกินไป”
ฮัวอันพยักหน้า “คู่ต่อสู้ของเจ้าในครั้งนี้ไม่ธรรมดา หากเจ้าต้องการความช่วยเหลือจากข้าในอนาคต โปรดมาหาข้าตราบเท่าที่เจ้าไม่รังเกียจความสำเร็จอันต่ำต้อยบนเส้นทางแห่งปัญญาของข้า”
“ฮ่าฮ่าฮ่า แน่นอน” โหยว่ชานหัวเราะ
ทั้งสองกล่าวคำลาก่อนที่โหยว่ชานจะบินขึ้นสู่ท้องฟ้า
ลมทะเลปะทะใบหน้าและเสื้อผ้าของนาง นางรู้สึกถึงความหนาวเย็นแต่นางยังสงบนิ่งราวกับน้ำแข็ง
‘แม้คู่ต่อสู้จะแข็งแกร่ง แต่ข้าจะไม่ยอมแพ้!’
‘แม้ฮัวอันจะล้มเหลวในการอนุมาน แต่มันไม่ได้หมายความว่าข้าพ่ายแพ้ ถึงเวลาโต้กลับในแบบของข้าแล้ว’
โหยว่ชานตัดสินใจด้วยความมุ่งมั่น
ในไม่ช้าฟางหยวนก็รับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวของโหยว่ชาน
โหยว่ชานเพิ่มกฎใหม่ในการขายปลามังกร ตราบเท่าที่ลูกค้าซื้อสินค้าจากนาง พวกเขาจะได้รับส่วนลดเป็นเวลาสิบปี ตราบเท่าที่พวกเขาซื้อปลามังกรจากนางติดต่อกันหลายปี พวกเขาจะได้รับส่วนลดที่มากขึ้น
เมื่อนางทำเช่นนี้ สถานการณ์ของนางก็เริ่มดีขึ้น ผู้ซื้อจำนวนมากถูกล่อลวง
วิธีการของโหยว่ชานเป็นประโยชน์ต่อนางอย่างเต็มที่ นางกำลังกลั่นแกล้งฟางหยวนเพราะเขาเป็นคนใหม่ในธุรกจนี้
ฟางหยวนไม่สามารถใช้วิธีเดียวกันกับนาง
นอกจากนั้นโหยว่ชานยังเพิ่มจำนวนสินค้าในสวรรค์สีเหลือง พวกมันกองรวมกันเป็นภูเขา
นางแสดงให้เห็นถึงความมั่งคั่งและรากฐานที่แข็งแกร่งของนางอย่างโจ่งแจ้ง
แน่นอนว่าผลลัพธ์ของมันยอดเยี่ยม
ผู้คนในสวรรค์สีเหลืองล้วนพูดถึงนาง
“โหยว่ชานเป็นผู้ขายอันดับหนึ่ง นางมีปลามังกรมากมาย”
“ผู้ท้าชิงคนนั้นต้องตกตะลึง ไม่ว่าเขาจะเป็นผู้ใดก็มีความแตกต่างระหว่างเขากับโหยว่ชาน”
“โหยว่ชานอยู่ในธุรกิจนี้มานานแล้ว บัลลังก์ของนางไม่ง่ายที่จะโค่นล้ม”
“รอก่อน ข้ารู้สึกว่าผู้ท้าชิงผู้นี้ไม่ง่าย”
กลุ่มผู้อมตะพูดคุยและกำลังรอการตอบสนองจากฟางหยวน
แต่ในเวลาต่อมาฟางหยวนกลับไม่ได้ทำสิ่งใดเลย
ฟางหยวนยังขายปลามังกรของเขาเหมือนเดิมแม้ธุรกิจของเขาจะได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก
‘ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของโหยว่ชานเหนือกว่าข้า หากข้าเข้าสู่การแข่งขัน มันจะไม่ฉลาด’ กระทั่งฟางหยวนก็ต้องยอมรับว่ารากฐานของเขาอ่อนแอกว่า
ฟางหยวนพึ่งเพาะเลี้ยงปลามังกรได้ไม่นานขณะที่โหยว่ชานอยู่ในธุรกิจนี้มานานแล้ว นี่คือจุดอ่อนของฟางหยวน เขาไม่สามารถแข่งขันกับนางได้ในเวลานี้
ฟางหยวนอดทนต่อการตอบโต้และยั่วยุของโหยว่ชาน
แต่การนิ่งเฉยของเขากลับทำให้โหยว่ชานรู้สึกประหลาดใจและกังวลเล็กน้อย
ดาบที่อยู่ในฝักน่ากลัวที่สุด หากฟางหยวนตอบโต้ โหยว่ชานจะสามารถตอบสนอง แต่ฟางหยวนกลับปฏิเสธที่จะทำสิ่งใด ดังนั้นโหยว่ชานจึงไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไป ตอนนี้นางรู้สึกรำคาญและวิตกกังวลในเวลาเดียวกัน
‘ข้าควรโจมตีหรือไม่? ข้าควรบังคับให้เขาตอบสนองหรือไม่?’ โหยว่ชานคิดและตัดสินใจใช้วิธีที่มีเสถียรภาพที่สุด
‘ลืมมันไปซะ สถานการณ์นี้เป็นประโยชน์ต่อข้า ในอีกไม่กี่เดือน ธุรกิจของคู่ต่อสู้จะพังทลายลง เขาจะสูญเสียลูกค้าทั้งหมด’
‘ในสถานการณ์นี้เหตุใดข้ายังต้องกังวล? เขาควรเป็นฝ่ายที่ต้องกังวลไม่ใช่ข้า’
‘ไม่มีความจำเป็นที่จะลงทุนมากเกินไป’ โหยว่ชานคิด
ฟางหยวนสังเกตนางเป็นเวลาสามวันและพบว่านางเริ่มหยุดเคลื่อนไหว
เขาลอบยกย่องนางอยู่ในใจและตระหนักว่านี่เป็นคู่ต่อสู้ที่รับมือได้ยาก
แต่ฟางหยวนไม่วิตก
เขามีวิธีแก้ปัญหาอยู่แล้ว
‘ยิ่งนาน ผลประโยชน์ของข้าก็ยิ่งมากขึ้น ข้าควรรอต่อไป’
เขากำลังพัฒนาธุรกิจปลามังกรแต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาหยุดการบ่มเพาะในด้านอื่นๆ
รากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของเขาบรรลุถึงระดับแปดสิบล้านคนแล้ว เขากำลังจะก้าวเข้าสู่ระดับหนึ่งร้อยล้านคน แต่ความล้มเหลวระหว่างการฝึกฝนท่าไม้ตายอมตะได้ส่งผลกระทบต่อรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของเขา
เขายังใช้แสงแห่งปัญญาพัฒนาท่าไม้ตายอมตะแยกวิญญาณอย่างต่อเนื่อง
นอกจากท่าไม้ตายอมตะแยกวิญญาณ ฟางหยวนยังฝึกฝนท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณท่าอื่นๆ
แต่พลังอำนาจของท่าไม้ตายเหล่านี้ลดลงจากท่าไม้ตายฉบับดั้งเดิมของมันเพราะเขาขาดวิญญาณอมตะที่จำเป็น
สิ่งที่ฟางหยวนให้ความสำคัญมากที่สุดในเวลานี้คือวิญญาณอมตะความลับสวรรค์
จนถึงตอนนี้เมื่อฟางหยวนเห็นวิญญาณอมตะดวงนี้ เขายังต้องถอนหายใจกับความโชคดีของตนเองเสมอ
เขาไม่ได้คาดหวังว่าความพยายามในการหลอมรวมวิญญาณครั้งที่สองจะประสบความสำเร็จ
นี่คือวิญญาณอมตะระดับเจ็ด!
เขาโชคดีมากที่มันประสบความสำเร็จ ฟางหยวนรู้สึกเหมือนมันเป็นความฝัน
การหลอมรวมวิญญาณอมตะเป็นเช่นนี้ มันอาจทำให้ผู้อมตะรู้สึกตื่นเต้นเหมือนนั่งรถไฟเหาะ
บางครั้งคนผู้หนึ่งอาจล้มเหลวนับร้อยครั้งโดยไม่ประสบความสำเร็จ แต่บางครั้งพวกเขากลับประสบความสำเร็จในความพยายามเพียงหนึ่งหรือสองครั้ง
ฟางหยวนหลอมรวมวิญญาณมานับครั้งไม่ถ้วน เขาพบความล้มเหลวมามากมายขณะที่เขาโชคดีประสบความสำเร็จในการหลอมรวมวิญญาณอมตะความลับสวรรค์ได้อย่างรวดเร็ว กล่าวได้ว่าการหลอมรวมวิญญาณเป็นเรื่องที่ไม่มีความแน่นอน
มันเป็นการพนัน!
แตกต่างจากวิญญาณอมตะดวงอื่น มีท่าไม้ตายอมตะที่ใช้วิญญาณอมตะความลับสวรรค์เพียงไม่กี่ท่า
นี่เป็นเพราะผู้อมตะเฒ่าม่านเยี่ยนซื่อต้องให้ความสำคัญกับแผนการในภาพรวม เขาไม่มีเวลาคิดค้นท่าไม้ตายใหม่ๆที่ไม่จำเป็น
ท่าไม้ตายที่ล้ำค่าที่สุดของเขาคือท่าไม้ตายอมตะเผยความลับสวรรค์
ท่าไม้ตายนี้สามารถทำนายภัยพิบัติต่างๆที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้า มันมีประโยชน์มาก
ตราบเท่าที่มันประสบความสำเร็จ พวกเขาจะสามารถหาวิธีป้องกัน โอกาสที่ผู้อมตะจะประสบความสำเร็จในการก้าวข้ามภัยพิบัติมีสูงมาก
‘หรือบางทีข้าอาจทำธุรกิจเกี่ยวกับเรื่องนี้?’ ฟางหยวนคิด
มีความเป็นไปได้ มันอาจไม่สามารถทำกำไรตลอดทั้งปี แต่ทุกครั้งที่ธุรกรรมเกิดขึ้น มันจะทำกำไรมหาศาล
มีตลาดสำหรับธุรกิจนี้อยู่อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามหลังจากพิจารณาถึงสถานการณ์ปัจจุบัน ฟางหยวนตัดสินใจละทิ้งความคิดนี้
เพราะเขาไม่ต้องการเปิดเผยการคงอยู่ของวิญญาณอมตะความลับสวรรค์
ศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาคือวังสวรรค์
เขามีเวลาสิบปีในการทำลายวิญญาณชะตากรรม
แม้เขาจะก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว แต่มันยังห่างไกลจากเป้าหมายดังกล่าว
ในสถานการณ์นี้ฟางหยวนต้องเก็บวิญญาณความลับสวรรค์ไว้เป็นไพ่ตาย หากเขาทำธุรกิจเกี่ยวกับเส้นทางแห่งปัญญา วังสวรรค์จะสามารถอนุมาน
ฟางหยวนเริ่มฝึกท่าไม้ตายของเขา
ท่าไม้ตายนี้ใช้วิญญาณอมตะความลับสวรรค์เป็นแกนกลาง มันไม่ใช่ท่าไม้ตายอมตะเผยความลับสวรรค์ แต่เป็นท่าไม้ตายอมตะสลายเจตจำนงสวรรค์
ฟางหยวนไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องฝึกท่าไม้ตายอมตะเผยความลับในช่วงนี้
เนื่องจากภัยพิบัติพิภพและภัยพิบัติสวรรค์ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาอีกต่อไป
สิ่งเดียวที่เขาต้องกังวลคือภัยพิบัติใหญ่
แต่มันยังห่างไกล
ท่าไม้ตายอมตะสลายเจตจำนงสวรรค์เป็นท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งปัญญาที่สามารถกำจัดเจตจำนงสวรรค์
มันถูกสร้างขึ้นโดยผู้อมตะเฒ่าม่านเยี่ยนซื่อแต่เขาไม่ประสบความสำเร็จ มันเป็นท่าไม้ตายที่ไม่สมบูรณ์
ฟางหยวนเรียนรู้เรื่องนี้แต่เขายังรู้สึกยกย่องพรสวรรค์ของผู้อมตะเฒ่าม่านเยี่ยนซื่อ
ด้วยท่าไม้ตายนี้ เจตจำนงสวรรค์จะถูกโจมตีหรือกำจัดทิ้งโดยตรง
แต่มีหลายปัจจับที่ทำให้เขายังห่างไกลจากความสำเร็จ
อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่ปัญหาสำหรับฟางหยวน
ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาของเขาต่ำกว่าผู้อมตะเฒ่าม่านเยี่ยนซื่อแต่เขามีรากฐานของตนเอง เขามีข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอยู่กับตัว นั่นคือแสงแห่งปัญญา!
วิญญาณสติปัญญาแสดงคุณค่าของมันให้เห็นอีกครั้ง
หลายวันต่อมาฟางหยวนสามารถพัฒนาท่าไม้ตายอมตะสลายเจตจำนงสวรรค์ได้ในที่สุด
เมื่อเขาได้รับท่าไม้ตายนี้ เขาจะใช้มันกับวิญญาณกาลเวลา!
บทที่ 1477 ปลามังกรทองแดง
ปัจจุบันวิญญาณกาลเวลาถูกผนึกไว้ในร่างผีดิบอมตะของฟางหยวน
ตอนนี้มันฟื้นตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์แล้วและพร้อมใช้งานได้ทันที
วิญญาณกาลเวลามีเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่ มันถูกสร้างขึ้นโดยเทพปีศาจบัวแดงและเป็นวิญญาณหลักของเขา
พลังอำนาจของมันคือการส่งผู้ใช้งานกลับไปในอดีตผ่านสายธารแห่งกาลเวลาด้วยการเสียสละร่างกายภาพเพื่อเป็นเชื้อเพลิง
ความสามารถของวิญญาณกาลเวลาน่าอัศจรรย์แต่มันยังมีข้อบกพร่อง
วิญญาณกาลเวลาจะดึงดูดโชคร้ายเข้ามาหาผู้ใช้งาน
ฟางหยวนมองวิญญาณกาลเวลาด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน
มันอยู่กับเขาตั้งแต่ชีวิตแรก โดยปราศจากวิญญาณกาลเวลา เขาจะมาไม่ถึงจุดนี้
หากถามว่าวิญญาณดวงใดสำคัญมากที่สุดสำหรับผู้อมตะ คำตอบของคำถามนี้จะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ทุกคนมีคำตอบของตัวเอง แต่สำหรับฟางหยวน คำตอบของเขาคือวิญญาณกาลเวลา
ลืมอดีตของเขาไปก่อน มองเพียงชีวิตปัจจุบัน
ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์บนภูเขาชิงเหมา แดนศักดิ์สิทธิ์สามกษัตริย์ หรือภูเขาอี้เทียน วิญญาณกาลเวลาก็สามารถแสดงคุณค่าของมันออกมาได้เสมอ มันทำให้ฟางหยวนสามารถพลิกสถานการณ์และหลบหนีจากอันตราย
แต่หลังการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน ฟางหยวนสูญเสียวิญญาณกาลเวลา แม้เขาจะได้รับวิญญาณกาลเวลากลับคืนมาในภายหลัง แต่มันเต็มไปด้วยเจตจำนงสวรรค์และไม่สามารถใช้งานได้
ฟางหยวนแยกทางกับเจตจำนงสวรรค์และกลายเป็นศัตรูของมัน เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่สามารถใช้งานวิญญาณกาลเวลาได้อีกต่อไป
หากเขาต้องการใช้วิญญาณกาลเวลาอีกครั้ง เขาต้องกำจัดเจตจำนงสวรรค์ที่อยู่ภายในออกไป มิฉะนั้นแม้เขาจะพยายามกำเนิดใหม่ เจตจำนงสวรรค์ก็จะฆ่าเขาระหว่างกระบวนการนั้น
“ให้ข้าดูว่าท่าไม้ตายนี้จะทำสิ่งใดได้บ้าง?” ฟางหยวนพึมพำ
ท่าไม้ตายอมตะสลายเจตจำนงสวรรค์!
แสงสีเทาขาวส่องประกายขึ้นบนร่างของฟางหยวน
จากนั้นเขาใช้มือที่ปกคลุมไปด้วยแสงสีเทาขาวสัมผัสร่างผีดิบอมตะ
แสงสีเทาขาวราวกับสายน้ำที่ไหลเข้าปกคลุมร่างผีดิบอมตะเอาไว้ทั้งหมด
หลังจากชั่วครู่มันก็เกิดการเปลี่ยนแปลงบางขึ้น
ดวงตาหลายดวงปรากฏขึ้นในแสงสีเทาขาว
มันเป็นดวงตาหลากหลายสีสันที่แตกต่างกัน
พวกมันปรากฏขึ้นทั่วร่างผีดิบอมตะ เมื่อพวกมันกระพริบตา สีของพวกมันจะเปลี่ยนไปทุกครั้ง
ต่อมาดวงตาเหล่านี้ก็กระจายเข้าไปถึงทะเลวิญญาณ
ในที่สุดบนพื้นผิวของวิญญาณกาลเวลาก็ถูกปกคลุมไปด้วยดวงตาขนาดเล็กหลายดวง
ดวงตาเหล่านั้นกระพริบตาอย่างต่อเนื่อง ทุกการกระพริบตาคือการโจมตีเจตจำนงสวรรค์
วิญญาณกาลเวลาเริ่มสั่นไหว
ดวงตาหลากสีปรากฏขึ้นและถูกทำลายลง แต่ฟางหยวนยังสร้างดวงตาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
วิญญาณกาลเวลาสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง
หลังจากชั่วครู่ฟางหยวนก็พบว่าผิวของวิญญาณกาลเวลาเกิดรอยแตกร้าวเล็กน้อย
หัวใจของฟางหยวนจมดิ่งลง เขารีบหยุดใช้ท่าไม้ตายทันที
ร่างของเขาสั่นราวกับถูกฟ้าผ่า การหยุดใช้ท่าไม้ตายอย่างกะทันหันทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ
แต่มันเป็นอาการบาดเจ็บเล็กๆน้อยๆเท่านั้น มันไม่สามารถเปรียบเทียบกับความปลอดภัยของวิญญาณกาลเวลา
ฟางหยวนเพิกเฉยต่ออาการบาดเจ็บของตน เขาเร่งตรวจสอบวิญญาณกาลเวลา
รอยแตกร้าวบนร่างวิญญาณกาลเวลาเล็กมาก แต่ฟางหยวนเป็นคนระมัดระวัง ทันทีที่มันเริ่มเกิดขึ้น เขาก็สังเกตเห็นและหยุดกระบวนการทั้งหมดทันที
รอยแตกร้าวหมายความว่าวิญญาณกาลเวลาได้รับบาดเจ็บ
วิญญาณเปราะบางมาก ไม่ว่าจะเป็นวิญญาณอมตะระดับหก ระดับเจ็ด ระดับแปด หรือระดับเก้า กระทั่งวิญญาณกาลเวลาที่เป็นวิญญาณหลักของเทพปีศาจบัวแดงก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
หลังจากตรวจสอบ ใบหน้าของฟางหยวนกลายเป็นเคร่งขรึม
“เจตจำนงสวรรค์…” ฟางหยวนกัดฟันแน่น
อาการบาดเจ็บของวิญญาณกาลเวลาไม่รุนแรงเพราะฟางหยวนค้นพบมันอย่างรวดเร็ว อาการบาดเจ็บระดับนี้สามารถรักษาได้อย่างง่ายดาย
แต่เขาไม่สามารถใช้ท่าไม้ตายสลายเจตจำนงสวรรค์ได้อีก
หากทำต่อ วิญญาณกาลเวลาจะถูกทำลาย
เจตจำนงสวรรค์ส่งอิทธิพลต่อวิญญาณกาลเวลามากกว่าการคาดเดาของฟางหยวน
ฟางหยวนคิดและพบวิธีแก้ปัญหาสองทาง
หนึ่งคือพัฒนาท่าไม้ตายอมตะต่อไปจนกว่ามันจะสามารถสลายเจตจำนงสวรรค์ได้โดยไม่เป็นอันตรายต่อวิญญาณกาลเวลา
สองคือใช้วิธีหลอมรวมย้อนกลับของนิกายเงา ระหว่างกระบวนการนี้เจตจำนงสวรรค์จะถูกกำจัดออกไป
แต่ทั้งสองวิธีมีข้อบกพร่อง
เขาพัฒนาท่าไม้ตายอมตะสลายเจตจำนงสวรรค์จนเข้าใกล้ขีดจำกัดของตนเองแล้ว มันไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะพัฒนามันต่อไป แต่เขาต้องใช้เวลา ความพยายาม และทรัพยากรอีกมาก
สำหรับวิธีการหลอมรวมย้อนกลับของนิกายเงา มันเป็นเพียงแนวคิดและยากที่จะดำเนินการในโลกของความเป็นจริง
เจตจำนงสวรรค์ส่งอิทธิพลต่อวิญญาณกาลเวลาเป็นอย่างมาก อุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ
‘ดูเหมือนข้าต้องรวมทั้งสองวิธีเข้าด้วยกัน นั่นจะเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด’ ฟางหยวนตัดสินใจ
ฟางหยวนไปหาวิญญาณสติปัญญาทันที
“ข้าต้องพึ่งพาเจ้าอีกครั้ง”
วิญญาณสติปัญญาบินไปรอบๆฟางหยวนก่อนจะปลดปล่อยแสงแห่งปัญญาออกมา
ฟางหยวนใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาและสร้างคลื่นความคิดจำนวนมหาศาลขึ้นอย่างรวดเร็ว
หน้าผากของเขาปกคลุมไปด้วยเหงื่อ คิ้วของเขาขมวดแน่น เห็นได้ชัดว่ามีความยากลำบากในการอนุมาน
สิบห้านาที สามสิบนาที…หลังจากสองชั่วโมงฟางหยวนก็หยุดอนุมาน
เขาถอนหายใจออกมาขณะที่ใบหน้าเปลี่ยนเป็นซีดขาว
เขาทุ่มเททุกสิ่งในการอนุมาน นั่นทำให้เขารู้สึกปวดหัวมาก
หลังจากพักผ่อนและฟื้นตัวขึ้น ฟางหยวนใช้แสงแห่งปัญญาในการอนุมานอีกครั้ง
การอนุมานครั้งนี้ยากมาก มันเกินกว่าความสามารถในปัจจุบันของเขา
แต่ฟางหยวนเป็นคนแน่วแน่ เขาปฏิเสธที่จะยอมแพ้
เขาหยุดบ่มเพาะจิตวิญญาณและฝึกฝนท่าไม้ตายชั่วคราวเพื่อทุ่มเวลาและพลังงานทั้งหมดให้กับการอนุมานครั้งนี้
อย่างไรก็ตามความก้าวหน้าของเขายังช้ามาก
แต่ฟางหยวนมีความอดทน
‘ตราบใดที่ยังมีความก้าวหน้า แม้จะใช้เวลาหลายวัน หลายสิบวัน หรือนับเดือน ข้าก็จะทำ’
ด้วยความมุ่งมั่นและความอุตสาหะดังกล่าว ฟางหยวนค่อยๆแก้ปัญหาของเขาต่อไป
ในช่วงเวลานี้ธุรกิจปลามังกรของเขาเริ่มมีความก้าวหน้าเช่นกัน
มิติช่องว่างจักรพรรดิ ทะเลเกล็ดมังกร
ปลามังกรจำนวนนับไม่ถ้วนว่ายอยู่ในทะเล
ปลามังกรเดียวดายมีร่างกายใหญ่โต พวกมันเหมือนยักษ์ในท้องทะเล
แต่พลังการต่อสู้ของปลามังกรอยู่ในระดับล่างสุด
หลังจากช่วงเวลาของการขยายพันธุ์ ในที่สุดปลามังกรชนิดพิเศษก็ปรากฏขึ้นในทะเลเกล็ดมังกร
ปลามังกรตัวนี้มีขนาดเล็กกว่าปลามังกรทั่วไป ขณะเดียวกันเกล็ดของมันก็ส่องแสงคล้ายโลหะทองแดง
‘ในที่สุดปลามังกรทองแดงก็ถือกำเนิดขึ้น’ ฟางหยวนตรวจสอบและรู้สึกพึงพอใจ
ปลามังกรไม่ใช่สิ่งมีชีวิตตามธรรมชาติ พวกมันถูกสร้างขึ้นโดยผู้อมตะบนเส้นทางอาหาร
ฟางหยวนได้รับมรดกบนเส้นทางอาหารของผู้อมตะเผ่ามนุษย์อสูรมาจากนิกายเงา เขามีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับปลามังกร
หากเขาใช้วิธีที่อยู่ในมรดกนี้เพื่อผสมพันธุ์ มันจะให้กำเนิดปลามังกรสายพันธุ์ใหม่ที่มีคุณภาพสูงขึ้น
เช่นเดียวกับปลามังกรทองแดง มันเหนือกว่าปลามังกรทั่วไป
เมื่อพบว่าปลามังกรทองแดงถือกำเนิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ฟางหยวนจึงนำส่วนหนึ่งของพวกมันเข้าไปวางขายในสวรรค์สีเหลือง
‘หากข้าพึ่งเริ่มต้นธุรกิจปลามังกร ปลามังกรทองแดงจำนวนเล็กน้อยนี้จะไม่ได้รับความสนใจเลย’
‘แต่ก่อนหน้านี้ข้าเริ่มขายปลามังกรไปแล้วและถูกโจมตีกลับโดยโหยว่ชาน ขณะเดียวกันผู้อมตะทั่วไปก็เริ่มรู้จักธุรกิจของข้าแล้ว’
“ฮ่าฮ่า” ฟางหยวนหัวเราะเมื่อคิดถึงเรื่องนี้
เขาไม่จำเป็นต้องคาดเดาว่าปลามังกรทองแดงเหล่านี้จะสร้างความโกลาหลเพียงใดเมื่อพวกมันถูกนำเข้าสู่สวรรค์สีเหลือง
‘โอ้ โหยว่ชาน นี่คือไพ่ตายของข้า เจ้าจะจัดการมันอย่างไร?’ ฟางหยวนคิดด้วยความคาดหวัง
บทที่ 1478 สำเร็จ
หลังจากปลามังกรทองแดงถูกนำออกมาวางขาย
สวรรค์สีเหลืองเกิดความโกลาหลขึ้น
“ปลามังกรเหล่านี้คือสิ่งใด?”
“ปลามังกรทองแดง? สายพันธุ์ใหม่งั้นหรือ?”
“คนขายบอกว่าปลามังกรทองแดงเหนือกว่าปลามังกรทั่วไป”
“ฮ่าฮ่าฮ่า นี่เป็นการตอบโต้ที่ดี”
“แท้จริงแล้วข้าคิดว่าผู้ขายรายนี้คงพ่ายแพ้ให้กับโหยว่ชาน แต่ผู้ใดจะคิดว่าเขาจะโต้กลับได้รุนแรงถึงเพียงนี้!”
“พวกเราจะได้รับประโยชน์จากปลามังกรทองแดงสายพันธุ์ใหม่นี้ ข้าสามารถบอกได้ว่าผู้ขายรายนี้มีมรดกบนเส้นทางอาหาร!”
การให้อาหารวิญญาณอมตะเป็นปัญหาของผู้อมตะทุกคน
มรดกที่แท้จริงบนเส้นทางอาหารเป็นสิ่งที่ผู้อมตะส่วนใหญ่ต้องการแต่มันยากที่จะได้รับ
สวรรค์สีเหลืองเป็นสถานที่ปลอดภัย ดังนั้นผู้อมตะเหล่านี้จึงเริ่มเข้าหาฟางหยวน
พวกเขาแสดงความตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะซื้อมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางอาหารจากฟางหยวน
แต่ฟางหยวนไม่สนใจ
เขามีมรดกมากมายอยู่ในมือ หากเขานำพวกมันออกมา มันจะสร้างความโกลาหลครั้งใหญ่ เขาจะได้รับกำไรมหาศาล
แต่นั่นจะเป็นการเติมเชื้อเพลิงให้กับศัตรูของเขา
ยุคที่ยิ่งใหญ่กำลังจะมาถึง สงครามห้าภูมิภาคกำลังจะเริ่มขึ้น ทุกคนสามารถกลายเป็นศัตรูของฟางหยวนทั้งสิ้น
“ตามหาเขา ค้นหาตัวตนของคนผู้นี้” หลังจากถูกฟางหยวนปฏิเสธ บางคนไม่ยอมแพ้
ผู้อมตะระดับแปดบางคนตัดสินใจรวบรวมข้อมูลของฟางหยวนและขอความช่วยเหลือจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาเพื่ออนุมานตัวตนของเขา
ผู้อมตะที่มีปัญหาเกี่ยวกับการให้อาหารวิญญาณอมตะคือผู้อมตะที่มีวิญญาณอมตะอยู่ในการครอบครอง
โดยธรรมชาติแล้วตัวตนเช่นนี้มักแข็งแกร่งเสมอ
ด้วยการปรากฏตัวของปลามังกรทองแดง ผู้อมตะสามารถมองเห็นศักยภาพของมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางอาหารของฟางหยวน
อย่างไรก็ตามทุกคนพบกับความล้มเหลว
วิธีป้องกันการอนุมานของฟางหยวนทำให้หนึ่งในสามผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ยอดเยี่ยมที่สุดของทะเลตะวันออกพบกับความล้มเหลวในการอนุมาน กระทั่งวังสวรรค์หรือเจตจำนงสวรรค์ก็ยังไม่สามารถจัดการเขา แล้วคนอื่นจะทำได้อย่างไร
ในอดีตฟางหยวนต้องซ่อนตัวอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์เพื่อหลีกเลี่ยงการอนุมานของผู้คน แต่ตอนนี้เขาไม่มีปัญหานี้อีกต่อไป
ปลามังกรทองแดงกำลังดิ้นรนอยู่ในมือของโหยว่ชาน
มือของนางสั่นเล็กน้อยขณะที่ใบหน้าของนางดูไม่น่ามอง
ปลามังกรทองแดงตัวนี้เป็นภัยคุกคามใหญ่หลวงของโหยว่ชาน สิ่งนี้น่ากลัวกว่าการลดราคาสินค้าเป็นอย่างมาก
“ผู้ใดจะคิดว่าศัตรูจะตอบโต้อย่างรุนแรงเช่นนี้ น่าประทับใจ น่าประทับใจจริงๆ ความกังวลของข้าเกิดขึ้นแล้ว”
หลังจากไม่นาน โหยว่ชานก็สงบจิตใจลงและถอนหายใจซ้ำๆ
การปรากฏตัวของปลามังกรทองแดงเป็นอันตรายต่อธุรกิจของนาง
โหยว่ชานตระหนักว่าตนเองตกอยู่ในสถานการณ์ร้ายแรง
ในความเป็นจริงไม่ใช่ธุรกิจปลามังกรของนางเท่านั้นแต่ธุรกิจปลามังกรทั่วโลกกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายนี้
“ข้าตรวจสอบมาหลายครั้งแล้ว ปลามังกรทองแดงเหนือกว่าปลามังกรทั่วไปจริงๆ เหตุผลก็คือร่างกายของมันมีสัดส่วนของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางอาหารสูงกว่า ข้าควรทำอย่างไร?”
โหยว่ชานกัดริมฝีปากของนางและแสดงออกอย่างเคร่งขรึม
หลังจากยอมรับข้อเท็จจริง นางรู้สึกขุ่นเคืองอยู่ในหัวใจ
“ข้าบ่มเพาะอย่างยากลำบากมานานหลายปี แล้วข้าจะยอมแพ้ง่ายๆได้อย่างไร?”
“ธุรกิจปลามังกรเป็นแหล่งรายได้หลักของข้า หากมันพังทลายลง การบ่มเพาะของข้าจะหยุดลง”
“ข้าจะแพ้ไม่ได้!”
“ถูกต้อง ข้า โหยว่ชาน ไม่ใช่หญิงอ่อนแอ ข้าจะยอมรับความพ่ายแพ้ง่ายๆได้อย่างไร?”
“ปลามังกรทองแดง เมื่อเขาสามารถเพาะเลี้ยงมัน เหตุใดข้าจะไม่สามารถ!?”
โหยว่ชานกำหมัดแน่น ดวงตาของนางส่องประกายขึ้นด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้
นางต้องการแข่งขัน นางต้องเพาะเลี้ยงปลามังกรทองแดงของนางเอง!
นั่นเป็นวิธีเดียวที่นางจะสามารถต่อสู้กับศัตรู มิฉะนั้นนางจะไม่สามารถอยู่ในธุรกิจนี้ได้อีกต่อไป
โหยว่ชานมั่นใจในความสามารถบนเส้นทางอาหารของตัวนางเอง
นางเคยได้รับมรดกบนเส้นทางอาหารมาก่อน แม้มันจะไม่สามารถเปรียบเทียบกับมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางอาหารของฟางหยวน
กล่าวให้ถูกต้องกว่านั้นเหตุผลที่โหยว่ชานเลือกธุรกิจปลามังกรเป็นแหล่งรายได้หลักของนางก็เพราะนางครอบครองมรดกบนเส้นทางอาหารอยู่นั่นเอง
ในความเป็นจริงนางพยาายามพัฒนปลามังกรมาตลอด แต่นางยังไม่ประสบความสำเร็จ
“แต่ตอนนี้ปลามังกรดัดแปลงอยู่ตรงหน้าข้าแล้ว”
“ก่อนหน้านี้ข้าไม่มีความคืบหน้าเพราะความสำเร็จบนเส้นทางอาหารของข้าต่ำเกินไป ตอนนี้ข้ามีปลามังกรทองแดงเป็นข้อมูลอ้างอิง หากข้ายังทำไม่ได้ ข้าก็สมควรตายไปซะ!”
“ฮ่าฮ่า เจ้าอาจไม่รู้ แต่ปลามังกรทองแดงของเจ้าจะกลายเป็นโชคลาภของข้า!”
โหยว่ชานเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น นางรีบทำวิจัยปลามังกรทองแดงอย่างละเอียด
อีกด้านหนึ่งฟางหยวนกำลังทำงานหนัก เขายังอนุมานหาวิธีแก้ปัญาเกี่ยวกับวิญญาณกาลเวลา
ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความยากลำบาก มันเหมือนคนพึ่งหายป่วยพยายามปีนขึ้นภูเขาสูงด้วยร่างกายที่อ่อนแอ
แต่ไม่ว่ามันจะยากลำบากเพียงใด มันก็ไม่สามารถดับความทะเยอทะยานของฟางหยวน
เขาค่อยๆก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆแต่มั่นคง เขาสะสมกำไรไปทีละเล็กละน้อยแต่สิ่งเหล่านี้กลับสร้างประโยชน์ให้เขามากขึ้นเรื่อยๆ
ระหว่างกระบวนการนี้มันทำให้ฟางหยวนตระหนักถึงพลังอำนาจของแสงแห่งปัญญามาขึ้น
ยิ่งเขาใช้มันมากเท่าใด เขาก็ยิ่งได้รับแรงบันดาลใจมากเท่านั้น
ฟางหยวนเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจและมันก็นำเขาไปสู่คำตอบที่ถูกต้อง
โดยเฉพาะความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาระดับปรมาจารย์ที่เป็นตัวขับเคลื่อนชั้นยอด
เวลาครึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในวันนี้ฟางหยวนยืดแขนขาและเปิดปากหาวเสียงดัง
เขาประสบความสำเร็จ!
ในที่สุดเขาก็พบวิธีแก้ปัญหาวิญญาณกาลเวลา
แทบจะในเวลาเดียวกัน
ในทะเลตะวันออก บริเวณทะเลปลามังกรที่ปราศจากคลื่นลม
ใต้ทะเลลึก โหยว่ชายโบกมือไปมาอย่างมีความสุข นางรู้สึกตื่นเต้นและยินดีมาก
“ข้าทำสำเร็จ!”
“ในที่สุดข้าก็สามารถสร้างปลามังกรทองแดงสายพันธุ์ใหม่ขึ้นมาได้ด้วยตัวข้าเอง!”
“แม้ข้าจะต้องใช้ปลามังกรทองแดงของเขาเพื่อผสมพันธุ์ แต่มันก็ทำให้ข้าได้รับปลามังกรทองแดงหลายตัว หลังจากนี้ข้าจะสามารถขยายพันธุ์พวกมันต่อไปได้เรื่อยๆ”
“ข้าจะไม่ยอมแพ้ในธุรกิจปลามังกร!”
“เจ้ายังมีวิธีการใดอีก ใช้ออกมาให้หมด!”
บทที่ 1479 หลอมรวมคู่ขนาน
มิติช่องว่างจักรพรรดิ ภาคใต้น้อย ภูเขาผนึกสวรรค์
มันเคยเป็นสถานที่ผนึกร่างผีดิบอมตะของฟางหยวน
ภูเขาลูกนี้ถูกเรียกว่าภูเขาผนึกสวรรค์เพราะมันหมายถึงการผนึกเจตจำนงสวรรค์
ฟางหยวนลอยอยู่กลางอากาศและมองลงไปที่ภูเขาผนึกสวรรค์โดยมีผมที่หกอยู่ข้างกาย
การอนุญาตให้ผมที่หกเข้ามาในมิติช่องว่างจักรพรรดิเป็นสิ่งที่ฟางหยวนไตร่ตรองมาอย่างรอบคอบแล้ว
โดยปกติมิติช่องว่างของผู้อมตะจะถูกเก็บไว้เป็นความลับเพราะมันเป็นรากฐานของพวกเขา
แต่ฟางหยวนอนุญาตให้สมาชิกนิกายเงาเข้ามาในมิติช่องว่างของเขาก่อนแล้ว ขณะที่ผมที่หกก็เป็นหนึ่งในสมาชิกนิกายเงา ดังนั้นฟางหยวนจึงมอบความไว้วางใจให้ผมที่หกเช่นกัน
ในช่วงเวลาที่ผ่านมาผมที่หกช่วยฟางหยวนหลอมรวมวิญญาณอมตะอย่างเต็มความสามารถ ฟางหยวนสามารถเห็นถึงความตั้งใจจริงของเขาและจดจำมันไว้
เหตุผลอีกประการหนึ่งก็คือผมที่หกและอิงอู๋เซี่ยสามารถติดต่อกัน พวกเขาเป็นสมาชิกนิกายเงาตั้งแต่เริ่มต้น ดังนั้นทั้งสองจึงเข้าใจมิติช่องจักรพรรดิเป็นอย่างดี เมื่ออิงอู๋เซี่ยเคยเข้ามาในมิติช่องว่างจักรพรรดิ มันก็ไม่มีความจำเป็นที่จะซ่อนสิ่งนี้จากผมที่หกอีก
“ข้าจะเริ่มหลมอรวมวิญญาณแล้ว” ฟางหยวนกล่าว
ผมที่หกพยักหน้า “ท่านผู้นำ ข้าจะช่วยเหลือท่านอย่างเต็มที่”
การหลอมรวมวิญญาณกาลเวลาในครั้งนี้มีความสำคัญมาก ฟางหยวนต้องการความช่วยเหลือจากผมที่หก
นอกจากนั้นฟางหยวนยังยืมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมมาจากนิกายหลางหยาเพื่อใช้พวกมันจัดตั้งค่ายกลวิญญาณ
โดยการใช้ลูกพลัมแดงอมตะเป็นเชื้อเพลิง ค่ายกลวิญญาณอมตะถูกกระตุ้นใช้งานในที่สุด
คลื่นแสงสีขาวอาบย้อมภูเขาผนึกสวรรค์เอาไว้ทั้งหมด
ครู่ต่อมาฟางหยวนก็ใช้ท่าไม้ตายอมตะที่เตรียมไว้
“บึม!”
เสาแสงสีทองขนาดใหญ่พุ่งลงมาจากท้องฟ้าและทะลวงลึกลงไปยังจุดศูนย์กลางของภูเขาผนึกสวรรค์
เสาแสงสีทองปะทะร่างผีดิบอมตะของฟางหยวนและกลืนกินมันเข้าไป
หลังจากนั้นฟางหยวนก็นำสัตว์อสูรเดียวดายที่มีชีวิตออกมา
“ฉับ!”
แสงดาบพุ่งตัดศีรษะของสัตว์อสูรเดียวดายออกทันที
“พรวด!”
เลือดจำนวนมากทะลักออกมาจากลำคอที่ปราศจากศีรษะของสัตว์อสูรเดียวดายราวกับน้ำพุสีแดง
กลิ่นคาวเลือดกระจายออกไปขณะที่เลือดของสัตว์อสูรเดียวดายถูกเสาแสงสีทองดูดกลืนเข้าไป
ในไม่ช้าซากศพของสัตว์อสูรเดียวดายก็แห้งเหี่ยวลงเมื่อเลือดของมันถูกดูดออกไปจนหมด
ปรากฏร่องรอยของแสงสีแดงเลือดอยู่ภายในเสาแสงสีทอง นั่นทำให้มันดูน่ากลัวและทรงพลังมากกว่าก่อนหน้า
ฆ่า ฆ่า ฆ่า…
ฟางหยวนฆ่าสัตว์อสูรเดียวดายเจ็ดตัวอย่างไร้ปรานี
เสาแสงสีทองดูดซับเลือดของสัตว์อสูรเข้าไปทั้งหมดและเปลี่ยนเป็นเสาแสงสีแดงเลือดอย่างสมบูรณ์
ผมที่หกพยักหน้า
เขาตระหนักว่าวิธีที่ฟางหยวนใช้คือท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งเลือดที่เรียกว่าเจ็ดสังหาร วิธีนี้มาจากนิกายหลางหยา ผมที่หกเคยได้ยินชื่อของมันแต่ไม่รู้รายละเอียด
ฟางหยวนวิเคราะห์ท่าไม้ตายนี้และนำแก่แท้ของมันมาปรับเปลี่ยนกระทั่งสามารถใช้ประโยชน์ได้ในครั้งนี้
แม้แต่ผมที่หกยังรู้สึกชื่นชม
ฟางหยวนควบคุมเสาแสงสีเลือดขณะที่ผมที่หกเริ่มเคลื่อนไหว
ผมที่หกมีงานใหญ่รออยู่
โดยไม่จำเป็นต้องรอสัญญาณจากฟางหยวน ผมที่หกรู้ว่าเขาต้องทำสิ่งใด
เขานำวัสดุในการหลอมรวมออกมา
มันเป็นดอกไม้หลากหลายชนิด มีดอกทานตะวันหน้าผี ดอกฝ้าย ดอกไม้สวรรค์ ดอกไม้เจ็ดสมบัติ ดอกชานม ดอกเปลือกหอยเหล็ก ดอกเรือใบ ดอกโลหิตพิษ ดอกไม้แสงหลากสี และอื่นๆ
ดอกไม้บางชนิดเป็นทรัพยากรระดับมนุษย์ขณะที่บางชนิดเป็นทรัพยากรอมตะ
ผมที่หกเริ่มแปรรูปดอกไม้เหล่านี้
การจัดการวัสดุในการหลอมรวมต้องใช้ความรู้ที่กว้างขวาง
โชคดีที่ผมที่หกบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม เขามีประสบการณ์มากมาย ในฐานะร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณ รากฐานของเขายิ่งล้ำลึกและสามารถจัดการดอกไม้เหล่านี้ได้อย่างไม่มีปัญหา
หลายนาทีผ่านไป ผมที่หกแปรรูปดอกไม้ทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว
แก่นแท้ของพวกมันถูกสกัดออกมาและหลอมรวมเป็นหนึ่ง
ฟางหยวนควบแน่นเสาแสงสีเลือดให้เล็กลง
“ของเหลวพร้อมแล้ว” ผมที่หกส่งน้ำดอกไม้ที่ดูราวกับฟองอากาศลอยเข้าไปหาฟางหยวน
ฟางหยวนคว้ามันเอาไว้
เขาสูดหายใจก่อนที่เมฆสีดำจะปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า
ฟางหยวนคำรามและโยนน้ำดอกไม้ขึ้นไปด้านบน
น้ำดอกไม้พุ่งเข้าสู่ก้อนเมฆสีดำและเปลี่ยนมันให้เป็นสีชมพู
สายฝนเริ่มโปรยปรายลงมา
ฟางหยวนแสดงออกอย่างเคร่งขรึม นิ้วของเขาขยับอย่างรวดเร็วจนสร้างเป็นภาพติดตา
ฝนสีชมพูผสานเข้ากับเสาแสงสีเลือดและหลอมรวมกับร่างผีดิบอมตะ
อากาศเต็มไปด้วยกลิ่นดอกไม้
เสาแสงสีเลือดค่อยๆหดตัวลงและหายไปอย่างสมบูรณ์
ค่ายกลวิญญาณถูกกระตุ้นใช้งานอย่างเต็มที่
ด้วยความสำเร็จบนเส้นทางแห่งค่ยกลระดับปรมาจารย์และแสงแห่งปัญญา เขาสามารถคิดค้นค่ายกลวิญญาณที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการหลอมรวมวิญญาณของเขา
ค่ายกลวิญญาณทำงานอย่างต่อเนื่องขณะที่ฟางหยวนนำท่อนไม้สีเหลืองอำพันที่มีลวดลายเหมือนก้อนเมฆออกมา
มันคือทรัพยากรอมตะไม้ศักดิ์สิทธิ์ลายเมฆสีทอง
ฟางหยวนส่งมันเข้าไปในค่ายกลวิญญาณราวกับเชื้อเพลิง
ไม้ศักดิ์สิทธิ์ลายเมฆสีทองแตกสลายไปอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกัน ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งไม้ก็ก่อตัวขึ้นบนร่างผีดิบอมตะ
ฟางหยวนสูดหายใจลึกและกล่าวกับผมที่หก “เข้าแทนที่ข้า”
หลังจากแปรรูปดอกไม้ ผมที่หกมีเวลาพักผ่อนเล็กน้อย กระทั่งเขาได้ยินคำสั่งของฟางหยวน เขาจึงเข้าควบคุมค่ายกลวิญญาณอมตะ
ฟางหยวนนั่งลงพักผ่อน
แม้กระบวนการทั้งหมดจะราบรื่นมาก แต่ในความเป็นจริงทุกย่างก้าวราวกับการเหยียบลงบนชั้นน้ำแข็งบางๆ เขาใช้จ่ายพลังงานอมตะไปเป็นจำนวนมากขณะที่จิตใจของเขาเต็มไปด้วยแรงกดดันมหาศาล
แม้เขาจะมาถึงจุดนี้แต่เขาก็แทบไม่สามารถดำเนินการต่อ
มันอันตรายที่จะดำเนินการต่อไปในสภาพนี้ ดังนั้นฟางหยวนจึงเลือกที่จะพักผ่อนและปล่อยให้ผมที่หกเข้าแทนที่
หลังจากทั้งหมดการหลอมรวมวิญญาณอมตะไม่ใช่เรื่องง่าย โดยปกติผู้อมตะจะไม่สามารถเข้าแทนที่ในการหลอมรวมวิญญาณของอีกคนได้โดยง่าย
เนื่องจากแต่ละคนมีแก่นแท้และกลิ่นอายที่แตกต่างกัน มันจะเกิดความขัดแย้งและข้อบกพร่องมากมายในการหลอมรวมวิญญาณ
แต่ฟางหยวนอนุมานมาอย่างชัดเจนแล้ว เขาออกแบบทุกขั้นตอนมาอย่างพิถีพิถันและจะไม่พบปัญหาดังกล่าว
บทที่ 1480 รอยยิ้มเล็กๆ
ฟางหยวนพักเพียงชั่วครู่ก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง
พละกำลังของเขาฟื้นคืนแล้ว จิตใจของเขาปลอดโปร่ง สถานการณ์ของเขาดีขึ้นอย่างมาก
ผมที่หกถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นฟางหยวนกลับเข้าประจำที่
ทั้งสองแลกเปลี่ยนบทบาทกันได้อย่างสมบูรณ์ นี่เป็นเพราะพวกเขาผ่านการฝึกฝนมาแล้วหลายครั้ง
ตอนนี้ร่างผีดิบอมตะของฟางหยวนดูราวกับไม้ศักดิ์สิทธิ์ลายเมฆสีทองร่างมนุษย์ เมื่อถึงจุดนี้ ฟางหยวนก็ดำเนินการขั้นตอนต่อไป
เขานำเม่นทะเลตัวใหญ่ออกมา
เม่นตัวนี้มีขนาดใหญ่โตเท่ากับบ้าน หนามแหลมของมันราวกับทำมาจากโลหะสีม่วงทองที่ส่องประกายระยิบระยับ
นี่คือเม่นดาราสีม่วง ทรัพยากรอมตะที่หายาก
ภายใต้พลังอำนาจของค่ายกลวิญญาณ เม่นดาราสีม่วงค่อยๆหดตัวลง
แต่ทันใดนั้นแสงดาวกลับระเบิดออกไปรอบๆ
ค่ายกลวิญญาณเกิดการสั่นสะเทือนขึ้นอย่างรุนแรง ฟางหยวนพยายามควบคุมมันอย่างเต็มความสามารถ แต่มันยังแทบไร้ประโยชน์
“โอ้ ไม่!” ผมที่หกกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจก่อนตะโกน “อสรพิษแดง!”
ด้วยความตั้งใจของผมที่หก รอยสักรูปอสรพิษสีแดงที่อยู่บนหน้าอกของเขาค่อยๆเลื้อยขึ้นไปที่ลำคอ
เวลานี้ความแข็งแกร่งของผมที่หกพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก แม้แต่ฟางหยวนก็ยังตกใจ
ผมที่หกพุ่งเข้าไปหาฟางหยวนและช่วยควบคุมค่ายกลวิญญาณ
ด้วยความช่วยเหลือจากผมที่หก แสงดาวที่กระจัดกระจายเริ่มรวมตัวกันอีกครั้ง
“วิกฤตผ่านไปแล้ว” ไม่นานผมที่หกก็ปล่อยลมหายใจออกมา ตอนนี้เขาอยู่ในสภาพที่เหนื่อยล้ามาก
“ท่านผู้นำ มันขึ้นอยู่กับท่านแล้ว” หลังกล่าวจบคำ ผมที่หกก็หมดสติลงทันที
ฟางหยวนเงียบ เขามองรอยสักรูปอสรพิษสีแดงที่อยู่บนลำคอของผมที่หกก่อนจะกลับไปให้ความสนใจค่ายกลวิญญาณอีกครั้ง
ผมที่หกทำให้วิกฤตของการหลอมรวมวิญญาณได้รับการแก้ไข ฟางหยวนสามารถก้าวเข้าสู่ขั้นตอนต่อไป
เขานำวัสดุในการหลอมรวมออกมาอีกครั้ง
มันเป็นหินที่มีลวดลายรูปใบหน้ามนุษย์อยู่บนพื้นผิว มีทั้งใบหน้าของผู้ชาย ผู้หญิง เด็ก และคนแก่ พวกเขามีการแสดงที่แตกต่างกัน บางคนร้องไห้ บางคนหัวเราะ บางคนกรีดร้อง และบางคนแสดงสีหน้าเคร่งเครียด
หินใบหน้ามนุษย์!
นี่เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุด
ฟางหยวนทุ่มเทสมาธิทั้งหมดกับการปรับแต่งหินใบหน้ามนุษย์
เพียงไม่นานหินก็สลายไปแต่ใบหน้าของมนุษย์กลายเป็นภาพเงาบินเข้าสู่ร่างผีดิบอมตะ
ทะเลวิญญาณของร่างผีดิบอมตะที่เต็มไปด้วยรอยแตกร้าวเกิดการเปลี่ยนแปลง
รอยแตกร้าวถูกเติมเต็มด้วยหินสีม่วงทองและมีหนานแหลมยื่นออกมาเหมือนเม่นดาราสีม่วง
ใบหน้ามนุษย์บินเข้าไปในร่างของวิญญาณกาลเวลาก่อนจะบินกลับออกมาอีกครั้ง
หลังจากชั่วครู่พวกมันก็ค่อยๆละลายเหมือนหิมะที่ถูกแผดเผาโดยแสงแดด พวกมันจางหายไปในความว่างเปล่าเหลือเพียงด้ายแสงเส้นเล็กๆทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง
ด้ายแสงเหล่านี้ก็คือเจตจำนงสวรรค์
ทุกครั้งที่ใบหน้ามนุษย์บินผ่านวิญญาณกาลเวลา มันจะดึงเจตจำนงสวรรค์ออกมา
เจตจำนงสวรรค์เหล่านี้สูญสลายไปด้วยพลังอำนาจของค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม
วิญญาณกาลเวลาสั่นสะท้านขึ้น แต่มันยังปลอดภัยและไม่ปรากฎรอยแตกร้าวใดๆ
ฟางหยวนทุ่มเทความพยายามทั้งหมดเพื่อคิดค้นค่ายกลวิญญาณนี้ มันเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันอันตราย
หลังจากผ่านไปหลายสิบรอบ แม้ฟางหยวนจะสามารถควบคุมใบหน้ามนุษย์ แต่สุดท้ายพวกมันก็หยุดดึงเจตจำนงสวรรค์ออกมา
อย่างไรก็ตามฟางหยวนยังสัมผัสได้ว่าในส่วนลึกที่สุดของวิญญาณกาลเวลายังมีเจตจำนงสวรรค์เหลืออยู่เล็กน้อย
เจตจำนงสวรรค์ดังกล่าวแทบไร้นัยสำคัญแต่ฟางหยวนไม่กล้าปล่อยมันไว้
‘เจตจำนงสวรรค์ช่างน่ารำคาญนัก ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องกำจัดมัน’ ฟางหยวนถอนหายใจก่อนจะกระตุ้นใช้ค่ายกลวิญญาณจนถึงขีดสุด
หนานแหลมคล้ายเม่นดาราสีม่วงบนกำแพงหินเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับพวกมันกำลังโกรธจัด พวกมันแทงเข้าไปในร่างของจั๊กจั่นไม้กาลเวลาจากทุกทิศทาง
วิญญาณกาลเวลาไม่ได้ถูกทำลายแต่มันกลายเป็นกลุ่มก้อนของเหลวสีเขียวขณะที่หนานแหลมเหล่านั้นเริ่มดูดซับของเหลวสีเขียวเข้าไปทั้งหมด
เจตจำนงสวรรค์ที่เหลืออยู่ปรากฏขึ้นในตำแหน่งเดิมของวิญญาณกาลเวลา
ฟางหยวนใช้โอกาสนี้ทำลายมันอย่างรวดเร็ว
จากนั้นของเหลวสีเขียวก็ถูกขับออกมาจากหนามแหลมและรวมตัวกันตรงกลาง
ในขั้นตอนนี้ฟางหยวนรู้สึกกดดันมาก ค่ายกลวิญญาณทำงานอย่างเต็มที่ ลูกพลัมแดงอมตะจำนวนมากถูกใช้ไปในกระบวนการนี้
ของเหลวสีเขียวค่อยๆเปลี่ยนรูปร่างกลับไปเป็นจั๊กจั่นไม้กาลเวลาอีกครั้ง
มันปลอดภัย! สิ่งเดียวที่แตกต่างจากก่อนหน้าคือไม่มีเจตจำนงสวรรค์เหลืออยู่ในร่างของมันอีกต่อไป!
เดิมทีนิกายเงาวางแผนที่จะเลื่อนระดับวิญญาณกาลเวลาผ่านการหลอมรวมก่อนจะหลอมรวมย้อนกลับเพื่อกำจัดเจตจำนงสวรรค์ แต่หลังจากถูกฟางหยวนดัดแปลง มันกลายเป็นการหลอมรวมคู่ขนาน
การหลอมรวมคู่ขนานมีโอกาสประสบความสำเร็จสูงกว่าการหลอมรวมปกติ
แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังเต็มไปด้วยความยากลำบาก ในการหลอมรวมครั้งนี้หากผมที่หกไม่สามารถกอบกู้วิกฤตได้อย่างทันท่วงที มันอาจล้มเหลวไปแล้ว
วิญญาณกาลเวลาลอยอยู่กลางอากาศอย่างเงียบๆในทะเลวิญญาณขณะที่ฟางหยวนรู้สึกมีความสุขมาก
ในที่สุดฟางหยวนก็สามารถควบคุมวิญญาณกาลเวลาได้อย่างสมบูรณ์
“แค่ก แค่ก”
เป็นเพียงเวลานี้ที่เสียงแตกร้าวดังขึ้น
รอยแตกร้าวไม่ได้ปรากฏขึ้นบนร่างของวิญญาณกาลเวลาแต่มันเกิดขึ้นบนหินสีม่วงและหนามแหลม
ฟางหยวนเฝ้ามองและไม่ได้หยุดเหตุการณ์นี้
หินและหนามแตกออกพร้อมกับกำแพงคริสตัลของทะเลวิญญาณ
ทะเลวิญญาณของฟางหยวนถูกกดดันมาตลอดโดยวิญญาณกาลเวลา ตอนนี้มันถึงขีดจำกัดแล้ว
‘ในกรณีนี้ข้าก็ต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติอีกครั้ง’ ฟางหยวนหัวเราะขณะที่ดวงวิญญาณดวงหนึ่งปรากฏขึ้นด้านข้างค่ายกลวิญญาณ
หลังจากนั้นดวงวิญญาณดวงนี้ก็พุ่งเข้าไปในร่างผีดิบอมตะ
ร่างผีดิบอมตะเปิดเปลือกตาขึ้นและพยักหน้าให้ฟางหยวน
ความจริงก็คือมันเป็นดวงวิญญาณแยกของฟางหยวนที่เข้าครอบครองร่างผีดิบอมตะ
ท่าไม้ตายแยกวิญญาณ!
ฟางหยวนยิ้มและใช้ท่าไม้ตายอมตะกับร่างผีดิบอมตะ
ท่าไม้ตายอมตะความแข็งแกร่งเปลี่ยนชีวิตและความตาย!
นี่เป็นท่าไม้ตายที่เขาสร้างขึ้นนานแล้ว มันถูกดัดแปลงมาจากท่าไม้ตายอมตะเพลิงนิพพานของนางมารผลาญสวรรค์ มันช่วยให้ร่างผีดิบอมตะกลับคืนสู่ร่างมนุษย์ที่มีชีวิตอีกครั้ง
แน่นอนว่าด้วยการดัดแปลงของฟางหยวน ท่าไม้ตายอมตะความแข็งแกร่งเปลี่ยนชีวิตและความตายจึงเหนือกว่าท่าไม้ตายอมตะเพลิงนิพพาน
ฟางหยวนโยนวิญญาณอายุยืนสองดวงให้ร่างผีดิบอมตะที่กลับมามีชีวิต
ร่างเดิมของฟางหยวนใช้งานมันทันที
ร่างกายนี้อาบแสงแห่งปัญญามานานเกินไปขณะอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์เมืองหลวงของภาคเหนือ อายุขัยของมันใกล้หมดลงแล้ว
ด้วยการใช้วิญญาณอายุยืน ร่างเดิมของฟางหยวนจะไม่ตายทันทีเมื่อมันฟื้นคืนชีพขึ้นมา
ทะเลวิญญาณของเขาแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ปราณสวรรค์พิภพเริ่มสร้างความปั่นป่วนขึ้นในมิติช่องว่างจักรพรรดิ
ฟางหยวนไม่ต้องการให้ร่างเดิมของเขาเผชิญหน้ากับภัยพิบัติในมิติช่องว่างจักรพรรดิ ดังนั้นเขาจึงเปิดประตูมิติและส่งร่างเดิมของเขาออกไป
ร่างหลักของฟางหยวนตามออกมาเช่นกัน
ที่นี่เป็นสถานที่นิรนามแห่งหนึ่งของภาคเหนือ ฟางหยวนเลือกมันหลังจากตรวจสอบอย่างรอบคอบ ไม่มีผู้ใดอยู่ที่นี่ มันปลอดภัยมาก
ภัยพิบัติของการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะน่ากลัวมากสำหรับผู้ใช้วิญญาณทั่วไป
แต่ต่อหน้าฟางหยวน มันเป็นเหมือนขนมหวานสำหรับเขา
ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมปราณสวรรค์ ปราณพิภพ หรือปราณมนุษย์ รวมถึงการโจมตีของภัยพิบัติ ฟางหยวนล้วนคุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้เป็นอย่างดี
สวรรค์กำลังโกรธจัด!
ฟางหยวนสามารถกำจัดเจตจำนงสวรรค์ในร่างวิญญาณกาลเวลา นี่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ
ด้วยเหตุนี้สวรรค์จึงส่งภัยพิบัติที่รุนแรงที่สุดเท่าที่มันจะทำได้ลงมา
แต่แน่นอนว่ามันไร้ประโยชน์ต่อหน้าฟางหยวน
ฟางหยวนสามารถกำจัดภัยพิบัติสวรรค์พิภพได้ในการโจมตีเพียงไม่กี่ครั้ง หลังจากนั้นร่างเดิมของเขาก็ก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ
คราวก่อนเป็นเส้นทางความแข็งแกร่ง แต่ครั้งนี้เป็นเส้นทางแห่งกาลเวลา
มิติช่องว่างบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของเขาเป็นมิติช่องว่างระดับสูง มันเต็มไปด้วยทรัพยากรบนเส้นทางแห่งกาลเวลา
เมฆสีดำกระจายหายไป ท้องฟ้ากลับมาแจ่มใส แสงแดดสาดส่องลงมา
ฟางหยวนกับร่างเดิมของเขาลอยอยู่กลางอากาศและมองดูทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่อย่างเงียบๆ
ความขมขื่นและความยากลำบากที่ต้องเผชิญมาตลอดระยะเวลาห้าร้อยปีของชีวิตก่อนหน้า การต่อสู้กับเจตจำนงสวรรค์หลังจากกำเนิดใหม่ การดิ้นรนเอาชีวิตรอด ความเหนื่อยล้าจากการพยายามรักษาภูเขาตงฮัน การให้อาหารวิญญาณอมตะ การพัฒนามิติช่องว่าง การดัดแปลงท่าไม้ตาย และอื่นๆอีกมากมาย
ความยากลำบากทั้งหมดกลายเป็นรอยยิ้มเล็กๆที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของฟางหยวนทั้งสองคน
อดีตเป็นเหมือนหมอกควัน ความยากลำบากและความเจ็บปวดทั้งหมดของเขาถูกเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มบางบนใบหน้า
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น