ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1470-1473
ตอนที่ 1470 ดาวมหาวิทยาลัยหายไปไหน
การแสดงของสวีจื่อเซวียนก็ถูกจัดไว้ในลำดับต้น ๆ บังเอิญก่อนเหมยเหมยไปหนึ่งลำดับ การแสดงของเธอคือบรรเลงกู่เจิงเดี่ยว ก่อนหน้านั้นจากที่ได้ดูการแสดงลาตินแดนซ์ของโฮ่วเชิ่งหนานไป ในใจของเธอก็เริ่มขาดความมั่นใจ เธอคิดว่าต่อให้เธอเล่นได้ดีแค่ไหนก็คงยากที่จะเอาชนะการเต้นรำแบบครึกครื้นและน่าหลงใหลของโฮ่วเชิ่งหนานอยู่ดี
เขาหลีกหนีอารมณ์ท้อใจและผิดหวังไปไม่ได้ ความทะเยอทะยานก่อนหน้านั้นก็ได้เหือดหายไปจนหมด จึงได้แต่ฝืนเรียกสติตัวเองกลับมาเพื่อเริ่มดีดกู่เจิง เป็นแนวคิดและศิลปะอันห่างไกลในบทเพลง ‘เขาสูงน้ำไหล’
เหมยเหมยได้ฟัง เมื่อเทียบกับการเต้นรำแบบไร้มืออาชีพของโฮ่วเชิ่งหนานแล้วนั้น สวีจื่อเซวียนดีดกู่เจิงได้ไม่เลวเลย ถ้าในระดับมืออาชีพคงจะเทียบไม่ได้แต่ในระดับมือสมัครเล่นถือว่าเก่งมาก แต่ท่าทีของเธอไม่ค่อยดีนัก มีอยู่หลายจังหวะที่ดีดผิดเพี้ยนไป หากไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญอาจจะฟังไม่ออกแต่เธอฟังหน่อยก็รู้แล้ว
แต่สวีจื่อเซวียนมีส่วนหนึ่งที่ไม่ดีเอามาก อาจจะไม่ใช่ปัญหาจากตัวเธอเอง แต่เป็นปัญหาของอาจารย์ที่สอนกู่เจิงให้กับเธอ
เพราะในจังหวะที่หล่อนดีดกู่เจิงสองมือติดวาดลวดลายเกินไป ราวกับว่ากลัวคนอื่นไม่รู้ว่าตนนั้นกำลังดีดกู่เจิ่งอยู่ มือทั้งสองข้างสั่นเหมือนกับคลื่นที่ถูกพายุไต้ฝุ่นระดับเจ็ดซัดเข้าให้
นั่นจึงขัดกับภาพลักษณ์ของสวีจื่อเซวียนเสียหมด ทำให้ดูตลกแทน
แต่ตัวของสวีจื่อเซวียนกลับไม่ได้สังเกตถึงปัญหานี้ จากลักษณะนิสัยของเธอก็ไม่ใช่คนที่ชอบอวดเบ่ง คิดไปคิดมาจะต้องเป็นปัญหาของอาจารย์ที่สอนเธอแล้วล่ะ
ยังคงประโยคเดิมคนภายนอกดูเพื่อความสนุกสนาน คนภายในดูจนรู้ถึงวิธีการ เหมยเหมยคอยจับผิดข้อบกพร่องของสวีจื่อเซวียนได้เยอะมาก แต่นักเรียนด้านล่างกลับคิดว่าไพเราะ คนดีดกู่เจิงก็สวย สวมใส่ชุดสีขาวช่างดูสดชื่นและสง่างามราวกับดอกมะลิก็มิปาน
เพียงแค่สองมือนั้นวาดลวดลายมากเกินไปจนทำให้มีผลต่อความสวยงาม!
ทันทีที่บทเพลงสิ้นสุดลงก็มีเสียงปรบมือดังขึ้นจากด้านล่างเวที ราวกับเสียงฟ้าผ่า แต่เมื่อเทียบกับกับการแสดงไม่กี่ชุดก่อนหน้านี้จึงนับว่าเธอทำได้สำเร็จ
ในเวลานี้เหมยเหมยได้ไปอยู่ด้านหลังคาหอประชุม เพราะวิธีการเปิดตัวของเธอนั้นมีความพิเศษบางอย่าง จะต้องลอยจากด้านบนลงมายังด้านล่าง และนี่ก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นของระบำประเภทนี้
เพื่อเป็นการรับประกันความปลอดภัยของเธอ เหยียนหมิงซุ่นจึงได้สั่งให้ลูกน้องสองคนขึ้นไปด้านบนเพื่อดึงเชือกสลิงเอง ด้านล่างก็เตรียมความพร้อมไว้รอบด้าน ถึงได้ยอมให้เหมยเหมยใช้วิธีการเปิดตัวที่อันตรายเช่นนี้
“ลำดับต่อไปขอเชิญนักศึกษาใหม่จ้าวเหมยโดยนำระบำกลองมาแสดงในงานนี้ ว่ากันว่าระบำกลองเป็นการเต้นรำที่ขึ้นชื่อของปรมาจารย์การเต้นอย่างไต้ผิ่นเหลียน เขาเป็นตัวแทนของฮวาเซี่ยเข้าร่วมแสดงในต่างประเทศอยู่หลายครั้ง ได้รับการยกย่องอย่างเป็นเอกฉันท์จากทั้งในและต่างประเทศ จ้าวเหมยเลือกที่จะแสดงระบำประเภทนี้ ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ!”
เซียวเวยเดินออกมาหน้าม่านเพื่อแจ้งลำดับการแสดง บทพูดหลาย ๆคำล้วนเป็นเธอเองที่เพิ่มเข้าไป ฟังดูแล้วเหมือนเป็นการชื่นชมจ้าวเหมย แต่ในความเป็นจริงนั้นเพื่อต้องการให้คนอื่น ๆได้รับรู้ว่าดาวมหาวิทยาลัยคนใหม่อย่างจ้าวเหมยนั้นไม่เจียมตัวเองขนาดไหน
นักศึกษาด้านล่างเวทีนิ่งเงียบไป ก่อนที่เสียงปรบมือจะทยอยดังขึ้น และยังมีเสียงโห่ร้องแปลกประหลาดดังขึ้นอีก
เซียวเวยฉีกยิ้มเบา ๆพร้อมกับเอ่ยพูดเสียงดัง “ทุกท่านคงเหมือนฉันที่กำลังเฝ้ารอคอยการแสดงของจ้าวเหมยจนอดใจรอไม่ไหวแล้วใช่ไหม? ต่อไปขอเชิญทุกท่านรับชมรับฟังการแสดงระบำกลองของจ้าวเหมยได้เลย ขอเสียงปรบมือค่ะ!”
นักเรียนบางกลุ่มที่เริ่มง่วงงันจากการชมกู่เจิง พลันรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาในทันที สายตาเพ่งเล็งกลับไปยังเวที ฉากกั้นค่อย ๆลากเปิด เผยให้เห็นเวทีที่เจิดจ้าสว่างไสวจนลูกตาแทบถลนออกมา
กลองใหญ่มาก!
เหมือนกับคั่ง[1]มาก!
นอนได้อย่างน้อยสี่ถึงห้าคน พร้อมทั้งกลิ้งไปมาได้หลายรอบเลยล่ะ!
นี่ดาวมหาวิทยาลัยจะแสดงตีกลอง?
แต่ตัวเล็ก ๆอย่างเธอสามารถตีกลองขนาดใหญ่แบบนี้ได้หรือ?
บริเวณโดยรอบกลองใหญ่มีกลองเล็กวางเรียงรายอยู่แปดทิศ มีระยะห่างจากกลองเล็กประมาณสามเมตร ล้อมรอบกลองใหญ่เอาไว้
แต่ที่ทำให้ผู้ชมต่างแปลกใจนั่นคือ บนเวทีมีเพียงกลองเล็กใหญ่วางเรียงรายอยู่แปดด้าน
ดาวมหาวิทยาลัยหายไปไหน?
………………………………………….
ตอนที่ 1471 ดีเลิศที่สุด
โฮ่วเซิ่งหนานก็นั่งอยู่ในกลุ่มผู้ชมด้วย เธอเบะปากอย่างเหยียดหยาม แค่นเสียงหึเบา ๆ “ใช้ลูกไม้ดึงดูดความสนใจคน!”
คนที่ไม่มีวิชาความรู้ที่แท้จริง ถึงได้ทำท่าทีข้างนอกสุกใสข้างในเป็นโพรงแบบนี้สร้างความสนใจ
ดูซิว่าจ้าวเหมยจะมาไม้ไหน!
เหยียนหมิงซุ่นที่อยู่ข้างเวทีทำมือส่งสัญญาณไปให้กับลูกน้อง หลังจากได้รับคำตอบแล้วถึงหามุมรอถ่ายภาพด้วยความสบายใจ
เดิมทีในหอประชุมมีเสียงเซ็งแซ่ แต่หลังจากที่ม่านเปิดออกทันใดนั้นทุกเสียงก็เงียบลงจนได้ยินเสียงหายใจ ทุกคนไม่กะพริบตา ตั้งหน้าตั้งตารอเสียงดนตรีอย่างตั้งใจ
ยิ่งอยากรู้ว่าท้ายที่สุดแล้วจ้าวเหมยจะทำการแสดงะบำกลองที่เป็นที่รู้จักทั้งในและต่างประเทศอย่างไร!
ในไม่ช้า ——
เสียงเพลงจังหวะเร้าใจก็ดังขึ้น จังหวะเร็วมากเหมือนสายฝนกระหน่ำ แล้วก็เหมือนม้าศึกควบม้าเร่งจังหวะเร็วขึ้น ทุกคนอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น พอจะรู้อยู่ว่าการแสดงเริ่มแล้วแต่จ้าวเหมยก็ยังไม่ปรากฏตัว
ทันใดนั้นเสียงพิณจีนก็ค่อย ๆเบาลง เปลี่ยนเป็นเสียงเปียโนที่เงียบสงบไพเราะ ดูเหมือนล่องลอยไร้ขอบเขตอยู่ในหุบเขาว่างเปล่าอันไกลโพ้น
“อยู่ข้างบน…”
มีคนส่งเสียงร้องตกใจ ทุกคนต่างก็เงยหน้าอ้าปากตกตะลึงพรึงเพริดกันอย่างพร้อมเพรียงกันถ้วนหน้า
พวกเขาหาดาวมหาวิทยาลัยอยู่นาน ที่แท้ก็ซ่อนอยู่ด้านบนที่ตอนนี้กำลังลอยลงมาจากด้านบนอย่างช้า ๆในชุดสีแดง เหมือนเหยียบบนเมฆสีแดง นางฟ้าลงสู่พื้นดิน สวยจนไม่อยากละสายตา!
“สวยมากเลย…ต่อให้ไม่เต้น…แค่การเปิดการแสดงแบบนี้ก็ได้คะแนนเต็มร้อยแล้ว!” มีคนพูดพึมพำกับตัวเอง พูดความในใจของทุกคนออกมา
บรรดาตากล้องที่นั่งเบื่อหน่ายอยู่ด้านล่างเวทีบัดนี้กลับรู้สึกกระปรี้กระเปร่า ความไวระดับมืออาชีพของพวกเขาทำให้พวกเขารู้ว่าการแสดงนี้ต้องได้รับความนิยมอย่างมากและพวกเขาต้องการทำการบันทึกวิดีโอเป็นคนแรก
ตอนที่กำลังจะลงไปถึงบนกลองใหญ่ เสียงดนตรีเปลี่ยนเป็นจังหวะเร็วขึ้นอีกครั้ง เหมยเหมยเริ่มเต้น แขนสองข้างที่โผล่ออกมาจากแขนเสื้อพร้อมไม้ตีกลองสะบัดพริ้วไหวกลางอากาศ ระดมตีกลองเล็กแปดทิศ ในขณะที่ร่างกายของเธอยังคงเต้นอยู่ แขนเสื้อถูกสะบัดออกเป็นครั้งคราว เร็วมากจนผู้คนเห็นแค่เพียงเงาสีแดงลอยผ่านวาบไปเป็นครั้งคราวและยังมีกลองที่แบ่งจังหวะชัดเจน
ในไม่ช้าทุกคนต่างก็ฟังออก แขนเสื้อของจ้าวเหมยไม่ได้ถูกเหวี่ยงสะบัดไปมามั่ว ๆ แต่ขยับตามจังหวะเสียงดนตรีจนกลายเป็นเพลงใหม่ขึ้นมา การทดสอบนี้ไม่ใช่แค่โชว์มีทักษะการเต้นเท่านั้นแต่ยังโชว์ศักยภาพทางด้านดนตรีของนักเต้นอีกด้วย
ซึ่งนักเต้นทั่วไปต่างก็ไม่มีทักษะนี้!
ดาวมหาวิทยาลัยโชว์ฝีมือทั้งที ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ!
ในเวลานี้เหมยเหมยลงมาอยู่บนกลองแล้ว เธอเก็บแขนเสื้อแล้วหยิบไม้กลองมาวางบนกลอง เสียงเพลงเร่งจังหวะเร็วขึ้นอีกครั้ง เธอเต้นไปตามดนตรี เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นคนตัวเล็กและสวยมาก แต่ทุกคนเห็นความงามอันยิ่งใหญ่ราวกับกำลังจะออกเดินทางสู่สนามรบก็ไม่ปาน สีหน้าท่าทางเคร่งขรึมมาก
บัดนี้ในหอประชุมมีเพียงเสียงกลองที่ตีรัวเหมือนหยาดฝน และเสียงดนตรีและท่วงท่าการเต้นของเหมยเหมย ทุกคนต่างมองอย่างหลงใหล
ฉีฉีเก๋อเอื้อมมือเช็ดปาก น้ำลายแทบจะไหลออกมาอยู่แล้ว
“เหมยเหมยดูดีมากเลย สวยราวกับนางฟ้า…ถ้าฉันเป็นผู้ชายนะ จะขอเธอมาแต่งเป็นเมียให้ได้เลย” ฉีฉีเก๋อตาเป็นประกายวิบวับ สองมือแดงไปหมดเพราะเมื่อกี้ออกแรงปรบมือหนักไปหน่อย
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเบะปาก ในใจอิจฉานิดหน่อย แต่ก็กลับสู่สภาวะปกติอย่างรวดเร็ว
จ้าวเหมยถือได้ว่าเป็นลูกรักของพระเจ้า เธอไม่เปรียบเทียบกับคนแบบนี้หรอก เปรียบเทียบไปก็โมโหเปล่า ๆ ไม่คุ้ม
สวีจื่อเซวียนกลับมาที่ชั้นเรียนแล้ว เดิมทีเธอยังมีความลำพองใจอยู่บ้างเล็กน้อย เพราะการแสดงของเธอประสบความสำเร็จ แต่ตอนนี้ ——
แต่ในใจเธอกลับอึดอัดจนแทบระเบิด!
ต่อให้จะไม่ใช่มืออาชีพ แต่พูดได้ว่าการแสดงของจ้าวเหมยไม่ใช่ระบำที่คนทั่วไปสามารถเต้นออกมาได้ แม้แต่นักเต้นของคณะแสดงประจำอำเภอของพวกเธอก็ไม่สามารถเต้นออกมาได้
สวีจื่อเซวียนตระหนักถึงความจริงที่โหดร้ายอย่างหนึ่ง เธอคิดเสมอว่าจ้าวเหมยก็แค่เกิดมาโชคดีกว่า ตัวเธอเองก็โดดเด่นมาก ส่วนด้านอื่นไม่รู้ แต่การแสดงระบำกลองนี้ก็ดีเลิศกว่าของเธอมาก!
………………………………………….
[1] เตียงประเภทหนึ่งของชาวจีนเหนือที่ก่อด้วยอิฐ สามรถนั่งหรือนอนได้ โดยด้านล่างสามารถสุมไฟให้ความอบอุ่น
ตอนที่ 1472 เต้นอีกเพลง
ฉีฉีเก๋อภูมิใจมาก ยกนิ้วเยินยอให้ “จ้าวเหมยเธอเต้นได้ดีจริง ๆ รู้สึกว่าเหมือนเธอไม่มีอะไรที่ทำไม่เป็นเลย!”
ในใจของสีอันน่ารู้สึกอิจฉาไม่น้อยแต่ก็ต้องยอมรับความจริงที่โหดร้ายนี้ จ้าวเหมยเธอดูเหมือนจะไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้จริง ๆ และไม่เพียงแค่เป็นแต่ยังเชี่ยวชาญมากด้วย แต่มันก็ไม่ใช่ข่าวดีสักเท่าไร
“นี่มีอะไรแปลก เมื่อก่อนช่องทีวีเคยทำข่าวจ้าวเหมยมาก่อน ดูเหมือนว่าเธอยังเล่นเครื่องดนตรีได้อีกเยอะเลย เช่น กู่เจิ้ง กีต้าร์ เปียโน ปี่ เป็นต้น ฉันจำได้ว่าการเต้นของเธอยังเคยเข้าร่วมงานกลางคืนเทศกาลตรุษจีนของเมืองจินเลย เหมือนว่าจะแสดงร่วมกับลูกพี่ลูกน้องนะ”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอดไม่ได้ที่จะเริ่มร่ายยาวอีกครั้ง เธอไม่ใช่แฟนคลับของจ้าวเหมย แต่เป็นลี่เมิ่งเฉิน
เพราะว่าลี่เมิ่งเฉินเป็นคนเมืองหลวง รายการ (เด็กอัจฉริยะ) มีแขกรับเชิญเพียงคนเดียวที่มาจากเมืองหลวง และลี่เมิ่งเฉินก็อยู่โรงเรียนเดียวกับเหริ่ยเชี่ยนเชี่ยนแค่คนละชั้น
นั่นเป็นเหตุผลที่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถึงได้ให้ความสนใจกับรายการนี้มาก มีทั้งหมดหกสัปดาห์เธอก็ไม่พลาดสักสัปดาห์
เวลานี้เหมยเหมยบนเวทีถูกโหนขึ้นสูงเหนืออากาศอีกครั้ง หัวใจของทุกคนพุ่งขึ้นลำคอ หากตกลงมาจะไม่ใช่แค่มือหักหรือเท้าหักนะ!
ความเป็นไปได้พวกนี้ลดลงเป็นศูนย์มานานแล้วโดยเหยียนหมิงซุ่น ถึงแม้ว่าเหมยเหมยจะไม่ทันระวังตกลงมาจริง ๆ ด้วยฝีมือของลูกน้องหลายคนที่เขาจัดเตรียมไว้ก็สามารถรับเหมยเหมยได้ในเวลาอันสั้น จะไม่เป็นอันตรายหรือบาดเจ็บแม้แต่ปลายผม
เหมยเหมยบิดตัวขยับไปมาเหนืออากาศไม่หยุด แขนเสื้อยังคงสะบัดพลิ้วไหวไปมาอย่างสวยงาม เสียงกลองดังกระหึ่มไม่หยุด
……
สุดท้าย ทุกคนต่างก็คิดว่าเหมยเหมยจะขึ้นสูงขึ้นเรื่อย ๆ แล้วสุดท้ายก็บินขึ้นฟ้าจนถึงจบเพลง
แต่ทว่าพอเคลื่อนตัวไปถึงกลางอากาศ เพลงก็เปลี่ยนอีกครั้ง อยู่ดี ๆเหมยเหมยก็ร่วงตกลงมาในจังหวะความเร็วที่ไม่ช้า ในขณะนี้ยังคงมีระยะห่างจากกลองใหญ่อีกช่วงตึกชั้นหนึ่ง ทุกคนคิดว่าสายขาดคนงามถึงได้หล่นลงมา ต่างพากันกังวลจนลืมหายใจ เอาแต่จับจ้องไปที่เวทีอย่างไม่ละสายตา
เมื่อห่างจากกลองใหญ่สักครึ่งเมตร เหมยเหมยก็ทะยานลงมาหยุดชั่วครู่ จากนั้นเธอก็ตีลังกากลับหัวกระโดดขึ้นไปบนกลองอย่างง่ายดาย และปลดผ้าไหมรัดเอวสีแดงที่เอว หยิบไม้ตีกลองขึ้นมาแล้วตีอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
…จบเพลง
เหมยเหมยฟุบอยู่บนกลองใหญ่ไม่ขยับ ผ้าม่านค่อย ๆเลื่อนปิด
หอประชุมเงียบไปเกือบครึ่งนาที ทันใดนั้นก็มีเสียงปรบมือดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียง เสียงปรบมือในเวลานี้เสียงฟ้าร้องก็เทียบไม่ได้ เช่นเดียวกับแม่น้ำเฉียนถังที่น้ำขึ้นสูง ซึ่งมีแต่จะดังขึ้นเรื่อย ๆและไม่มีแนวโน้มที่จะหยุดลงได้เลย
“ยอดเยี่ยมมากเลย……นี่ถึงจะเป็นสุดยอดของดีของฮวาเซี่ยพวกเรา พวกของต่างประเทศที่จะเอามาเปรียบเทียบได้ที่ไหนกัน!” มีท่านอาวุโสผมขาวโพลนคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น และตรงตามความเห็นของทุกคน
ศาสตราจารย์แก่คนอื่น ๆก็พากันพยักหน้าตาม เมื่อครู่ตอนที่โฮ่วเซิ่งหนานกำลังเต้นรำอยู่ คนเหล่านี้เป็นคนที่ด่ามากที่สุด เวลานี้พวกเขานึกสบายใจขึ้นมาแล้ว เพราะคิดว่าไม่ใช่คนหนุ่มสาวสมัยใหม่ทุกคนที่จะไร้ยางอายเช่นโฮ่วเซิ่งหนาน ส่วนใหญ่ยังดีอยู่
อย่างเช่นจ้าวเหมยแบบนี้ ดีเลิศเสียจริง!
ไม่ง่ายเลยที่จะได้เห็นเฮ่อเหลียนชิงฉายแววชื่นชมเปิดเผยเช่นนี้ ไม่ได้ปากคอเราะรายเฉกเช่นก่อน เสี่ยวเมิ่งจึงจงใจแกล้งเขา “นายท่าน เหมยเหมยเต้นเป็นอย่างไรบ้างครับ?”
“พอได้!”
เฮ่อเหลียนชิงกลั้นอยู่นาน ถึงได้พ่นออกมาสองคำ
เขาอยากจะพูดว่าเต้นได้แย่มาก แต่คนเราต้องมีมโนธรรม เขาจะพูดจาไร้มโนธรรมไม่ได้!
ม่านปิดลง ลูกน้องเหยียนหมิงซุ่นเริ่มย้ายกลองกันอย่างเป็นระเบียบ ในเวลาอันสั้นเวทีก็ถูกจัดการเป็นระเบียบเรียบร้อย จ่านเฟยไป๋ที่รออยู่ข้าง ๆเตรียมจะออกไปทำหน้าที่ต่อ เหมยเหมยก็เรียกเขาเอาไว้
“รุ่นพี่จ่านคะ ขอเวลาให้ฉันอีกสักสองสามนาทีได้ไหมคะ? ฉันอยากจะเต้นอีกสักหน่อย ใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่นาทีก็ได้แล้วค่ะ” เหมยเหมยขอร้อง
………………………………………….
ตอนที่ 1473 เต้นระบำลาตินเหมือนกัน
จ่านเฟยไป๋ยังไม่ได้ตอบ เซียวเวยรีบชิงพูดขึ้นว่า “การแสดงต่าง ๆถูกกำหนดเวลาไว้อย่างเคร่งครัดแล้ว เธอมีสิทธิ์อะไรจะเต้นอีก? แล้วรายการการแสดงของใครจะถูกหักออกจากสองสามนาทีนี้ล่ะ?”
“เวลาของฉันไงคะ กำหนดการแสดงเดิมของฉันคือสิบห้านาทีรวมถึงการจัดเตรียมและเก็บอุปกรณ์ด้วย แต่ฉันบอกก่อนเริ่มงานแล้วดังนั้นตอนนี้ฉันใช้เวลาแค่สิบเอ็ดนาที ซึ่งหมายความว่าฉันเหลือเวลาอีกสี่นาที ถ้าหากเธอหยุดพูดจาไร้สาระ เวลาของฉันก็มีมากพอ ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้เวลาของคนอื่น”
น้ำเสียงของเหมยเหมยเรียบนิ่ง ก่อนที่เธอจะทำการแสดงก็บอกลูกน้องของเหยียนหมิงซุ่นเรียบร้อยแล้ว ลดระยะเวลาการเต้นลงหนึ่งนาที เอาเวลาไม่กี่นาทีจากเวลาเตรียมการออกก็เพื่อช่วงเวลานี้
สีหน้าของเซียวเวยเปลี่ยนเล็กน้อย เตรียมกำลังจะอ้าปากตำหนิ จ่านเฟยไป๋มองตักเตือนเธอทีหนึ่ง
เขาเป็นประธานของชมรมกล่าวสุนทรพจน์และยังเป็นประธานนักศึกษาอีก เป็นผู้วางแผนงานในเย็นนี้อีกด้วย ดังนั้น เขามีอำนาจตัดสินใจอย่างเต็มที่ เซียวเวยถูกเขาตักเตือนจึงทำได้แค่เพียงปิดปากด้วยความโกรธ
“ได้ ฉันยินดี เพียงแต่น้องจ้าวเหมยเธอเตรียมการเต้นอะไรไว้อีก?” จ่านเฟยไป๋ถามยิ้ม ๆ
“การเต้นระบำลาติน!”
เหมยเหมยก็ตอบกลับแบบยิ้ม ๆจ่านเฟยไป๋นิ่งตะลึงไป ในไม่ช้าก็พลันเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เขามองเหมยเหมยอย่างมีความหมายลึกซึ้ง เลิกคิ้วขึ้นซึ่งมีนัยยะว่าเธอจะเต้นระบำลาตินในชุดนี้เหรอ?
“กรุณารอสักครู่ ฉันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าหน่อย ครึ่งนาทีก็เสร็จแล้ว”
เหมยเหมยวิ่งไปทางหลังเวทีอย่างรวดเร็ว การแสดงต่อไปเป็นการแสดงคู่ของนักเรียนใหม่สองคน ทั้งสองคนเรียกเหมยเหมยไว้ พูดอย่างตื่นเต้นว่า “จ้าวเหมย พวกเราให้เวลาเธอได้สองนาที เธอไม่ต้องกังวล!”
“พวกเราเองก็ให้ได้สองนาที จ้าวเหมยเธอเต้นให้เต็มที่เลย ไม่ต้องรีบนะ!”
การแสดงถัด ๆไปก็ไม่อยากน้อยหน้าคนอื่น พวกเขาเป็นกลุ่มนักร้องประสานเสียง ร้องมากไปหนึ่งประโยคหรือน้อยกว่าหนึ่งประโยคก็ไม่เป็นอะไร
“ใช่ ๆ…ไม่รีบเลย พวกเรายกเวลาให้คนละหนึ่งนาที เวลาก็เพียงพอแล้ว จ้าวเหมยตั้งสมาธิจดจ่อเต้นให้ดีก็พอ พวกเราสนับสนุนเธอเต็มที่!”
นักแสดงทุกคนที่สแตนด์บายหลังเวที ต่างก็มีน้ำใจกะตือรือร้น ใจกว้างเป็นอย่างมาก
ดาวมหาวิทยาลัยเต้นระบำโบราณได้สวยงามมาก การเต้นระบำลาตินต้องดูดีกว่าแน่นอน โอกาสที่จะได้เห็นให้เป็นบุญตาเช่นนี้ พวกเขาไม่พลาดอยู่แล้ว!
“ขอบคุณพวกเธอนะ!”
เหมยเหมยซาบซึ้งจนกล่าวคำขอบคุณ ตอนนี้มีเวลามากมายงั้นเธอก็ไม่ต้องรีบร้อนมากนัก
เธอวิ่งเหยาะ ๆไปหลังเวทีเปลี่ยนเสื้อผ้า การแสดงนี้เกิดขึ้นจากอารมณ์ชั่ววูบเธอจึงไม่ได้เตรียมเสื้อผ้าสำหรับการเต้นระบำลาตินมา เธอก็แค่อยากจะให้บทเรียนกับโฮ่วเซิ่งหนานซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นทางการมากนัก จะใส่เสื้อยืดหรือกางเกงยีนส์ธรรมดาก็ย่อมได้
จ่านเฟยไป๋เดินมาหน้าเวที ยิ้มเบา ๆแล้วพูดว่า “เมื่อครู่การแล้วระบำกลองของจ้าวเหมยยอดเยี่ยมไหมครับ?”
“ยอดเยี่ยม!” เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้ง เสียงเหมือนกับฟ้าผ่าก็ไม่ปาน
“ถ้าอย่างนั้นพวกคุณยังอยากดูนักเรียนจ้าวเหมยเต้นรำอีกไหม?”
“อยาก เอาอีก ๆ!”
พวกนักเรียนได้ยินคำพูดที่รู้ใจ สายตาก็เป็นประกายในทันที ส่งเสียงร้องเรียกกันอย่างเซ็งแซ่
จ่านเฟยไป๋พูดยิ้ม ๆว่า “ผมรู้อยู่แล้วว่าพวกคุณยังดูไม่พอแน่นอน ดังนั้นจึงช่วยขอร้องจ้าวเหมยช่วยทำการแสดงเต้นอีกให้เป็นบุญตาของพวกคุณ เมื่อครู่พวกเราต่างก็สนุกไปกับการเต้นระบำดั้งเดิมที่สวยงาม ลำดับถัดไปจ้าวเหมยจะนำเสนอการเต้นระบำแบบลาตินตะวันตกที่น่าหลงใหลสดใสมาให้พวกเราได้ชมกัน ขอเสียงปรบมือต้อนรับครับ”
เสียงปรบมือจากผู้ชมดังขึ้นอีกครั้ง นักเรียนทุกคนต่างก็ประหลาดใจเป็นอย่างมาก
ดาวมหาวิทยาลัยก็จะเต้นระบำลาตินเหรอ?
เสื้อผ้าเหมือนกับโฮ่วเซิ่งหนานหรือเปล่า?
แต่ทว่า——
หลังจากที่พวกเขาเห็นจ้าวเหมยบนเวทีที่ถูกห่อเสื้อผ้าอย่างมิดชิดสบาย ๆ ก็รู้สึกผิดหวังในทันที
ห่อซะมิดชิดขนาดนี้จะยังเป็นบุญตาอะไรอีกเล่า?
………………………………………….
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น