คัมภีร์วิถีเซียน 1466.2-1467

ตอนที่ 1466-2 เก็บอัสนี

 

ตาข่ายสีทองที่ดูดกลืนประกายอัสนีสีเขียวไปมากเช่นนี้ ก็ขยายใหญ่ขึ้นเหนือศีรษะหานลี่หลายเท่าตัว พื้นที่สามสิบจั้งเศษล้วนถูกปกคลุมลงมา


 


 


เมื่อประกายอัสนีระลอกที่หนึ่งหยุดลง อัสนีสวรรค์ระลอกที่สองก็ก่อตัวกลางอากาศอีกครั้ง กลายเป็นประกายอัสนีสีเขียวที่มีความหนากว่าระลอกก่อนหน้าหลายส่วน ร่วงลงมาอีกครั้ง


 


 


หานลี่ตั้งท่าร่ายคาถามือเดียว พลันยื่นนิ้วหนึ่งวาดอากาศฉวัดเฉวียนหลายครา


 


 


แสงสีทองพลันสว่างวาบ อักขระสีทองแวววาวตัวหนึ่งปรากฏออกมาจากนิ้วมือ ครั้นส่งเสียงราวอัสนีบาตร ก็กลายเป็นประกายแสงสีทองพุ่งออกไปในอากาศ


 


 


ภายในชั่วพริบตา อักขระทั้งหมดก็กลายเป็นประกายอัสนีจมหายเข้าไปในตายข่ายสายฟ้าสีทอง


 


 


ทันใดนั้น ตาข่ายสายฟ้าก็สั่นไปทั้งผืน รัศมีแสงหลายดวงที่ลอยพลิ้วอยู่ในนั้นพลันหมุนเคว้งรอบหนึ่ง ก่อนที่จะมารวมตัวกันในที่แห่งหนึ่ง ก่อตัวเป็นรัศมีแสงมหึมาสีทองสลัวๆ


 


 


ภายในนั้น อักขระพลิ้วไหวเลือนรางไม่หยุด


 


 


ในตอนนี้ ประกายอัสนีระลอกที่สองก็ตกลงมาอย่างดุดัน


 


 


และแล้วฉากแบบเดียวกันก็ปรากฏขึ้น!


 


 


ประกายแสงสีเขียวที่มีอานุภาพเพิ่มมากขึ้น จมเข้าไปในรัศมีแสงราวกับตัวแมงเม่าบินเข้ากองเพลิง หายไปอย่างไร้ร่องรอย


 


 


อานุภาพของอัสนีสวรรค์ระลอกที่สอง ระลอกแรกไม่อาจเทียบได้อย่างเห็นได้ชัด


 


 


ด้วยการโจมตีอย่างบ้าคลั่งของอัสนีสวรรค์ที่มีจำนวนมหาศาล หลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งถ้วยชา รัศมีแสงที่รอยเคว้งอย่างเงียบๆ ในตอนแรกก็สั่นระริกขึ้น แม้กระทั่งภายในรัศมีแสงยังส่งเสียงดังหึ่งๆ ออกมา และดังขึ้นเรื่อยๆ


 


 


แต่ตาข่ายสายฟ้าสีทองที่อยู่เบื้องล่างมีพื้นที่ใหญ่ขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง ขณะที่ประกายแสงสีทองเปล่งประกายผสมผสานกัน ก็ส่งเสียงดัง “เปรี้ยะๆ”


 


 


ผ่านไปอีกพักหนึ่ง เกิดเสียงดังอื้ออึงขึ้นคราหนึ่ง ในที่สุดรัศมีแสงก็ปรากฏรอยสีขาวออกมาทีละเส้น ภายใต้การจู่โจมอย่างบ้าคลั่งของอัสนีสวรรค์ ก็ค่อยๆ สลายหายไปทีละน้อย


 


 


ประกายอัสนีที่ไม่มีสิ่งกีดขวางแล้ว ก็ผ่าลงบนตาข่ายสายฟ้าโดยตรง


 


 


เมื่อสองสิ่งปะทะกัน ลำแสงสีทองกับแสงสีเขียวก็ผสานรวมเป็นหนึ่ง พร้อมแผดเสียงระเบิดดังก้องไปครึ่งท้องฟ้า


 


 


ด้วยความมหึมาของตาข่ายสีท้องในอากาศ แม้ว่าอัสนีสวรรค์จะดุดันผิดปกติ แต่ก็ยังลอยคว้างกลางอากาศได้อย่างมั่นคง ชั่วขณะหนึ่งก็สามารถขวางประกายอัสนีสีเขียวที่ร่วงลงมากว่าครึ่งได้


 


 


ส่วนอัสนีสวรรค์บางส่วนที่เล็ดลอดในบางครั้ง ก็ถูกแสงเทวะดูดปราณที่อยู่เบื้องล่างกวาดหายจนไม่เหลือร่องรอย


 


 


หานลี่ที่ยืนอยู่บนยอดเขานั้น ได้เห็นสถานการณ์ในอากาศ กลับไม่เจตนาจะใช้อัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายออกมา ดูเหมือนจะมีความตั้งใจอย่างอื่น


 


 


เวลาผ่านไปชั่วหนึ่งมื้ออาหาร ในที่สุดตาข่ายยักษ์สีทองก็ส่งเสียงระเบิดพร้อมปริแตกทีละชุ่นๆ


 


 


ในที่สุดทัณฑ์อัสนีระลอกที่สองก็หยุดลง


 


 


ทว่าเมฆดำกลางอากาศในตอนนี้เป็นสีดำทมึนราวกับน้ำหมึก การพลิกตัวยิ่งรุนแรงขึ้น แทบจะในเวลาชั่วอึดใจ ภายในก้อนเมฆก็ปรากฏบอลสายฟ้าสีเขียวออกมาทีละลูกๆ


 


 


แต่ละลูกมีขนาดประมาณกำปั้น พื้นผิวมีแสงสีเขียวพุ่งออกมารอบด้าน ในขณะเดียวกัน ภายในเมฆที่หมุนตัวอย่างช้าๆ อานุภาพของประกายอัสนีก็แข็งแกร่งขึ้นกว่าก่อนหน้านี้มาก


 


 


หานลี่มีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาหลายส่วน ฝ่ามือสีขาวดำแยกกันชัดเจนสองข้างพลันกดไปในอากาศพร้อมกัน


 


 


ทันใดนั้น ม่านแสงสีเทากลางอากาศก็แข็งตัวขึ้น เงาลวงตาภูเขาขนาดเล็กสีดำขมุกขมัวลูกหนึ่งก็ปรากฏภายในแสงสีเทาอย่างน่าประหลาด


 


 


เกือบจะในเวลาเดียวกัน บนแสงสีเทาพลันปรากฏเงาลวงตาโครงกระดูกห้าร่างออกมา แต่ละตัวมีขนาดเท่าล้อรถ อ้าปากออกมาพร้อมกัน


 


 


เพลิงแสงห้าสีที่พ่นออกมาจากปาก ในชั่วพริบตาก็ก่อรูปร่างเป็นม่านคุ้มกันอยู่เบื้องบนแสงเทวะดูดปราณ


 


 


จากนั้นหานลี่ก็ส่งเสียงร้องเบาๆ คราหนึ่ง เตาจิ๋วสีเขียวที่ลอยวนเหนือศีรษะก็เปล่งแสงวิญญาณเจิดจ้า ขยายใหญ่ขึ้นอย่างบ้าคลั่งหลายเท่าตัว กลายเป็นเตามหึมาขนาดจั้งกว่าใบหนึ่ง


 


 


ภายในเตามีแสงอรุโณทัยสีเขียวโหมซัดสาด พร้อมส่งเสียงดังครั่นครืนออกมาแว่วๆ


 


 


อัสนีสวรรค์ระลอกที่สามจู่โจมลงมาอย่างไม่ปรานีแม้แต่น้อย!


 


 


บอลสายฟ้าสีเขียวแต่ละลูกราวกับลูกเห็บมหึมา แผดเสียงฟ้าร้องประหลาด อานุภาพเหนือกว่าอัสนีสวรรค์สองระลอกก่อนหน้ายิ่งนัก


 


 


หานลี่ที่สามารถต้านทานทัณฑ์อัสนีสองสีได้ทั้งที่เป็นระดับเทพแปลงขั้นต้น ย่อมไม่มีทางไม่สามารถต้านทานไม้ได้แม้แต่การโจมตีระดับนี้


 


 


เมื่อบอลสายฟ้าเหล่านี้กระทบเข้าไปในเพลิงแสงห้าสี ฉากที่คาดคิดไม่ถึงก็ปรากฏขึ้น!


 


 


ภายใต้ลำแสงประหลาดห้าสีที่เปล่งประกาย อานุภาพของบอลสายฟ้าทั้งหมดที่ร่วงลงมาก็ดูอ่อนลงเป็นอย่างมาก พากันถูกกักไว้ในเพลิงแสง


 


 


ภายในชั่วพริบตา ภายในเพลิงแสงเปล่งแสงสีเขียวไม่หยุด บอลสายฟ้าร้อยกว่าลูกก็ราวกับถูกตรึงไว้กลางอากาศพร้อมกัน


 


 


หานลี่หน้าเปลี่ยนสี เงาลวงตาภูเขาขนาดเล็กสีดำภายในม่านแสงสีเทาก็หมุนเคว้งรอบหนึ่ง ทันใดนั้นแสงสีเทารอบๆ ก็กวาดไปในอากาศ


 


 


หลังจากที่แสงเทวะดูดปราณกวาดบอลสายฟ้าที่ปกคลุมทั่วผืนฟ้า บอลเหล่านั้นก็ไม่เห็นร่องรอยอีก


 


 


ในขณะเดียวกัน เตามหึมาที่อยู่เบื้องล่างเปล่งแสงสีเขียวสว่างพร่างครู่หนึ่ง บอลสายฟ้าจำนวนมากก็มาปรากฏที่ปากเตาอย่างน่าประหลาด ครั้นแผดเสียงระเบิดคราหนึ่ง ก็ถูกเส้นไหมสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนดึงเข้าไปในเตาทั้งหมด…


 


 


หานลี่เห็นสถานการณ์ดังนี้ ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มออกมา


 


 



 


 


ครึ่งชั่วยามต่อมา เมฆดำที่อยู่กลางอากาศของภูเขาขนาดเล็กก็ค่อยๆ กระจายหายไปอย่างช้าๆ ทัณฑ์อัสนีได้สิ้นสุดนานแล้ว


 


 


ตอนนี้เงาร่างของหานลี่มาอยู่ภายในห้องลับของถ้ำแก่นพฤกษาแล้ว


 


 


เขานั่งขัดสมาธิอยู่บนเสื่อกลมผืนหนึ่ง เตาจิ๋วสีเขียวลอยเคว้งอยู่เบื้องหน้า


 


 


เตาจิ๋วในตอนนี้ ฝาของมันเปิดกว้าง ส่งเสียงฟ้าร้องทุ้มต่ำพร้อมกับเปล่งประกายสายฟ้าวิบวับเป็นพักๆ


 


 


หานลี่จ้องเขม็งไปที่เตานี้ครู่หนึ่ง พลันกวักมือข้างหนึ่ง


 


 


เตาจิ๋วพุ่งทีหนึ่ง ก็ค่อยๆ ร่วงมาที่มืออย่างช้าๆ


 


 


เมื่อใช้มือตบเบาๆ เตาทั้งใบก็สั่นสะเทือน พลันพ่นบอลสายฟ้าขนาดเท่าไข่ไก่ลูกหนึ่งออกมา


 


 


บอลสายฟ้าลูกนี้เปล่งแสงระยิบระยับ พื้นผิวหดขยายไม่หยุด แต่ถูกเส้นไหมสีเขียวห่อหุ้มไว้ภายใน ไม่สามารถหลุดออกมาได้


 


 


ที่แท้ก็คืออัสนีของทัณฑ์สวรรค์ที่หานลี่เก็บมา


 


 


อัสนีสวรรค์นี้แม้ว่าจะเทียบกับอัสนีสวรรค์สีทองเงินที่เก็บในตอนแรกไม่ได้ แต่ในด้านอานุภาพก็แข็งแกร่งกว่าอัสนีทั่วไปมาก


 


 


เมื่อมีโอกาสนี้ หานลี่ย่อมใช้อัสนีจำนวนมากที่เก็บมาได้เหล่านี้ ถือโอกาสหลอมลูกแก้วอัสนีจำนวนหนึ่งอีกครั้ง


 


 


อาศัยเพียงลูกแก้วอัสนีหนึ่งถึงสองลูก บางทีก็ทำได้เพียงขู่เข็ญตัวตนระดับหลอมสูญได้ แต่ถ้าหากเรียกสิบกว่าลูกออกมาพร้อมกัน แม้แต่ผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์ก็ต้องถ้อยหนีไปสามฉื่อ


 


 


นอกจากอัสนีสวรรค์สองระลอกในตอนเริ่มแล้ว เขาก็ใช้ความรู้ใหม่ของอัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายต้านทานไว้ อัสนีสวรรค์ที่เหลืออยู่จึงถูกเขาใช้เตานภาสูญเก็บเข้าไปข้างใน


 


 


อัสนีสีเขียวที่มีปริมาณมากเช่นนี้ เพียงพอที่จะหลอมลูกแก้วอัสนีหลายสิบลูกในรวดเดียว


 


 


แต่ด้วยอานุภาพของอัสนีสวรรค์ อานุภาพของลูกแก้วอัสนีเหล่านี้จึงด้อยกว่าก่อนหน้าเล็กน้อย


 


 


ลูกแก้วอัสนีจำนวนมากเช่นนี้ เพียงพอที่จะกลายเป็นไม้ตายที่เขาใช้เผชิญกับอันตรายที่ไม่ทราบได้


 


 


แต่แม้ว่าทัณฑ์สวรรค์ในครั้งนี้จะไม่ได้คุกคามเขาแม้แต่น้อย แต่ด้วยความร้ายกาจของทัณฑ์สวรรค์ที่เพิ่มขึ้นในแต่ละครั้ง หลังจากผ่านไปอีกเจ็ดแปดครั้ง เขาไม่อาจผ่อนคล้ายได้เช่นนี้อีก


 


 


สำหรับทัณฑ์สวรรค์ใหญ่หลังจากที่เข้าสู่ระดับหลอมสูญนั้น แค่เริ่มครั้งแรกก็อันตรายสุดๆ แล้ว ตัวตนระดับหลอมสูญไม่เคยขาดคนที่ร่วงตายตั้งแต่เผชิญกับทัณฑ์ครั้งแรก


 


 


เหนือกว่าทัณฑ์สวรรค์เล็กจนไม่อาจเทียบได้


 


 


ทว่าเรื่องเหล่านี้ก็ยังเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในภายหลัง ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องเผชิญคือปัญหาใหญ่ที่จะหลุดพ้นจากเหวพสุธาแห่งนี้ไปได้อย่างไร


 


 


เมื่อหานลี่นึกถึงอันตรายที่ต้องพบเจอในภายภาคหน้า สีหน้าก็มืดครึ้มลง


 


 


หนึ่งปีมานี้ มู่ชิงที่ชี้แนะหลักการควบคุมอัสนีให้เขานั้น ยังถือว่าพยายามสุดกำลังจริงๆ


 


 


บวกกับความรู้ลึกซึกเกี่ยวกับอัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายของเขา ดังนั้นภายในระยะเวลาอันสั้นก็สามารถมั่นใจในวิธีการปลดปล่อยและวิธีการเรียกอัสนีได้แน่นอน


 


 


ดูเหมือนการจะบรรลุความต้องการของมู่ชิงภายในสองปี น่าจะไม่เป็นปัญหาแล้ว


 


 


บางทีด้วยเหตุนี้ มู่ชิงอาจจะแสดงท่าทีอ่อนโยนกับเขามากขึ้น ปกตินอกจากถ่ายทอดหลักการควบคุมอัสนีจบแล้ว ก็มักจะชี้แนะปัญหาในการฝึกฝนเป็นบางครั้ง


 


 


ด้วยระดับของหญิงผู้นี้ ชี้แนะให้กับระดับเทพแปลงกระจอกๆ คนหนึ่ง ย่อมทำให้เขาได้รับประโยชน์ไม่น้อย


 


 


แน่นอนว่าหานลี่ไม่มีทางอยู่ที่นี่อย่างเชื่อฟังเพราะสาเหตุนี้จริงๆ


 


 


ในระหว่างนี้ เขาได้ลองสำรวจทางออกรอบๆ หลายครั้ง ดูว่าอาคมต้องห้ามรอบๆ มีช่องโหว่ให้เจาะได้หรือไม่ และค้นหาวิธีขจัดสัญลักษณ์ทั้งสี่ภายในร่างออก


 


 


หากสองสิ่งนี้มีวิธีแก้ไขได้จริงๆ เขาก็หนีไปลอยนวลไปได้อย่างแน่นอน


 


 


แต่ผลลัพธ์ก็ทำให้หานลี่ตื่นตระหนกตกใจเป็นการใหญ่


 


 


อาคมต้องห้ามรอบๆ ถ้ำแก่นพฤกษานี้ล้ำลึก เหนือกว่าที่เขาจะจินตนาการมาก เพียงแค่ถูกมู่ชิงกักตัว ทั้งถ้ำก็แทบจะกลายเป็นกรงขังมหึมาแห่งหนึ่ง ซึ่งเขาไม่สามารถออกไปได้แม้แต่น้อย


 


 


แน่นอน ไม่ใช่ว่าหานลี่ไม่สามารถทำลายอาคมต้องห้ามของสถานที่นี่ได้จริงๆ ไม่ว่าจะแสงเทวะดูดปราณหรือเพลิงสวรรค์กลืนวิญญาณ การทำลายอาคมต้องห้ามนั้นล้วนได้ผลดีเยี่ยมอย่างไร้ที่เปรียบ


 


 


แต่หากสำแดงอิทธิฤทธิ์สองชนิดนี้ฝืนทำลายอาคม เกรงว่าทางฝั่งเขาลงมือ ก็จะถูกทางฝั่งมู่ชิงรับรู้ได้ทันที จุดจบเป็นอย่างไรก็แค่คิดก็รู้แล้ว!


 


 


สำหรับสัญลักษณ์ที่สี่มหาราชาปีศาจได้ฝังไว้ในร่างเขานั้น เป็นสิ่งที่ยุ่งยากยิ่งกว่า สัญลักษณ์เหล่านี้ราวกับฝังเข็มภายในร่างของเขา ใช้ทุกวิถีทางก็ยังไม่สามารถกระตุ้นมันได้แม้แต่น้อย


 


 


มีวิธีการเพียงอย่างเดียว คือต้องใช้เพลิงทารกภายในร่างหลอมทีละนิดๆ


 


 


แต่สัญลักษณ์ของราชาปีศาจระดับผสานอินทรีย์จะหลอมได้ง่ายดายเช่นนี้เสียที่ไหนกัน!


 


 


อย่าว่าแต่เขาแตะสัญลักษณ์แล้วจะถูกเจ้าของสัญลักษณ์รู้ตัวในทันที ต่อให้เขาฝืนหลอมมันขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะทำสำเร็จได้ในสามสี่ปี


 


 


เมื่อเป็นเช่นนี้ จะไม่ให้เขากลุ้มใจอย่างหนักได้อย่างไร


 


 


ทว่าหานลี่ก็ไม่ใช่คนธรรมดาเช่นกัน ภายใต้ความครุ่นคิดอย่างหนัก ก็ยังหาทางออกชั่วคราวได้ทางหนึ่ง


 


 


สามารถใช้ในยามจำเป็นได้ โดยการใช้พลังของแสงเทวะดูดปราณและอัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายอำพรางการรับรู้ของสัญลักษณ์ทั้งสี่ภายในร่างได้


 


 


แม้ว่าจะทำเพราะกลัวแหวกหญ้าให้งูตื่น หานลี่ก็ยังไม่เคยลองว่าวิธีนี้จะใช้ได้ดีหรือไม่ แต่ด้วยความรู้ความเข้าใจอิทธิฤทธิ์ทั้งสองชนิดนี้เป็นอย่างดี อย่างน้อยเขามั่นใจได้ถึงเจ็ดส่วนว่าสามารถทำเรื่องเช่นนี้ได้


 


 


แน่นอนว่าการอำพรางเช่นนี้ทำได้แค่ตอนทีเผลอเท่านั้น เป็นวิธีการชั่วคราว เมื่อถูกสี่มหาราชาปีศาจพบ และเรียกสัญลักษณ์ในระยะห่างที่แน่นอน คาดว่าเขาก็ไม่สามารถอำพรางได้นานนัก


 


 


นี่ก็คือวิธีการอย่างหนึ่งที่จนปัญญา


 


 


หานลี่ถอนหายใจยาวคราหนึ่ง ราวกับความกลัดกลุ้มทุกข์ใจทั้งหมดได้คายออกมาจากร่าง ก่อนที่จะโยนเตาจิ๋วในมือไปเบื้องหน้าแล้วเริ่มหลอมลูกแก้วอัสนี


 


 


แม้ว่าที่นี่จะเป็นสถานที่ฝึกฝนของมู่ชิงมาก่อน แต่ก็ถูกเขาวางอาคมต้องห้ามไว้ใหม่แล้ว จึงไม่ต้องกลัวว่าอีกฝ่ายจะแอบจับตาดูอยู่


 


 


ทันทีที่ภายในห้องลับเกิดเสียงฟ้าร้องดังลั่น หานลี่ก็เริ่มหลอมลูกแก้วอัสนีขึ้นทีละลูกๆ


 


 


หลายวันต่อมา ลำแสงสีเขียวสายหนึ่งพวยพุ่งมาจากสวนดอกไม้ ภายในชั่วพริบตาก็จมหายเข้าไปในประตูใหญ่ของห้องลับอย่างไม่เห็นร่องรอย


 


 


หลังจากผ่านไปพักใหญ่ ประตูใหญ่สีเหลืองพลันเปิดออก หานลี่เดินออกมาจากห้องลับด้วยใบหน้าขมวดคิ้วจางๆ สีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกประหลาดใจ


 


 


ตอนนี้ยังไม่ถึงเจ็ดวันที่ถ่ายทอดหลักแห่งการควบคุมอัสนี มู่ชิงจะใช้ยันต์ถ่ายทอดเสียงเรียกเขาไปได้อย่างไร


 


 


นี่คือเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในหนึ่งปีนี้


 


 


ในใจพลันปรากฏความสงสัย หานลี่จึงเดินไปยังเส้นทางภายในสวนดอกไม้อย่างช้าๆ


 


 


ภายในกำลังเก็บของบนข้อมือของเขา มีลูกแก้วสีเขียวสามสิบกว่าลูก แต่ละลูกมีขนาดเท่าหัวแม่มือ เปล่งแสงสีเขียวแวววาว


 


 


ลูกแก้วอัสนีเหล่านี้ ได้ใช้อัสนีสวรรค์ที่หานลี่เก็บไปกว่าครึ่งแล้ว หากไม่ใช่เพราะมู่ชิงเรียกไปหา เขาเตรียมที่จะหลอมอัสนีสวรรค์ในเตานภาสูญทั้งหมดแล้ว


 


 


ทว่าขณะที่หานลี่เดินมาถึงในห้องโถง ก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง


 


 


เนื่องจากภายในโถงแห่งนี้ นอกจากมู่ชิงที่นั่งอยู่ในนั้นแล้ว ข้างๆ ยังมีชายชุดโลหิตคนหนึ่งนั่งอยู่


 


 


คิดไม่ถึงว่าจะเป็นตัวประหลาดเฒ่าตี้เซวี่ย


 


 


“สหายหาน ที่สหายตี้เซวี่ยมายังที่แห่งนี้ ตั้งใจมาหาเจ้าโดยเฉพาะ” มู่ชิงถือถ้วยชาไว้ในมือข้างหนึ่ง พลางพูดกับหานลี่อย่างเยือกเย็น 

 

 


ตอนที่ 1467 ภูเขาเพลิงโลหิต

 

“หาชนรุ่นหลัง?” แม้ว่าหานลี่จะคาดการณ์ไว้แล้ว แต่ใบหน้าก็ยังมีสีหน้าตกตะลึง


 


 


“ไม่ผิด ผู้เฒ่ามีเรื่องจะพบเจ้า หรือว่าลืมคำพูดที่ถ่ายทอดเสียงกับข้าก่อนหน้าแล้ว!” ชายชุดโลหิตกล่าวด้วยน้ำเสียงแข็งราวกับโลหะ


 


 


“ชนรุ่นหลังย่อมไม่ลืมอยู่แล้ว อาวุโสมีเรื่องใดจะกำชับ!” แม้ว่าในใจหานลี่จะบ่นไม่หยุด แต่ตอนนี้จะกล่าวปฏิเสธไม่ได้


 


 


“แม้นางมู่ เจ้าได้ยินแล้วนะ นี่แสดงว่าหนูน้อยแซ่หานตกลงที่จะช่วยเอง เจ้าไม่อาจปฏิเสธอะไรได้แล้ว” ชายชุดโลหิตหัวเราะหึๆ คราหนึ่ง


 


 


“ข้าจะปฏิเสธอะไรได้ ทว่าสหายตี้เซวี่ยน่าจะทราบดี การให้สหายหานเชี่ยวชาญอัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายคือเรื่องสำคัญที่สุด เจ้าบอกว่าสามเดือนนั้นไม่ได้แน่นอน ข้าให้เวลาจำกัดเจ้าได้แค่หนึ่งเดียวเท่านั้น ไม่เช่นนั้นจะส่งผลกระทบต่อการใหญ่ของพวกเรา” มู่ชิงจิบชา แล้วพูดอย่างไม่กระโตกกระตาก


 


 


“หนึ่งเดือนทำธุระของข้าไม่เสร็จอยู่แล้ว หุ่นเชิดที่ข้าต้องการหลอมก็สำคัญเป็นอย่างยิ่ง ไม่สามารถล่าช้าได้เช่นกัน ถ้าไม่อย่างนั้น ส่งเขาให้ข้ายืมสักสองเดือน เช่นนี้ก็น่าจะพอถูๆ ไถๆ ได้แล้ว” ตัวประหลาดเฒ่าตี้เซวี่ยลังเลพักหนึ่งจึงค่อยกล่าวเช่นนี้


 


 


“หนึ่งเดือนครึ่ง! มากกว่านี้หนึ่งวันไม่ได้” มู่ชิงพูดน้ำเสียงเย็นชาภายในแสงสีดำ ท่าทางไม่เกรงใจแม้แต่น้อย


 


 


“ดี หนึ่งเดือนครึ่งก็หนึ่งเดือนครึ่ง! ทว่าต้องยืมเขตอาคมส่งตัวของแม่นางมู่สักหน่อยแล้ว” ชายชุดโลหิตดวงตาเปล่งประกายหลายหน คิดไม่ถึงว่าจะตกลงจริงๆ


 


 


“ส่งตัวไม่มีปัญหา ข้าจะส่งพวกเจ้าไปถึงภูเขาเพลิงโลหิตโดยตรง ถึงเวลาข้าจะไปรับเขากลับด้วยตัวเอง” มู่ชิงน้ำเสียงอ่อนลง พลันพูดอย่างมีความหมายลึกซึ้ง


 


 


“ฮ่าๆ เรื่องนี้ไม่มีปัญหาแน่นอน หนูน้อยแซ่หาน ตามข้ามาแถอะ” ชายชุดโลหิตหัวเราะฮ่าๆ คราหนึ่งแล้วยืนขึ้น


 


 



 


 


ครึ่งวันต่อมา เบื้องหน้าภูเขาใหญ่ดำมืดลูกหนึ่งในชั้นห้าของเหวพสุธา พื้นผิวของอาคมส่งตัวบนแท่นหินลับหนึ่งเปล่งแสงสีดำสว่างวาบ เงาร่างของคนสองคนพลันปรากฏออกมา


 


 


คือหานลี่กับชายชุดโลหิตนั่นเอง


 


 


หานลี่เพิ่งจะได้สติจากอาการวิงเวียนจากการส่งตัว พอมองเห็นสถานการณ์ตรงหน้า ก็รู้สึกตกตะลึง


 


 


เห็นเพียงข้างๆ อาคมส่งตัว ปรากฏเป็นชายชุดโลหิตอีกคนหนึ่งยืนอยู่


 


 


คนผู้นี้มองหานลี่ทีหนึ่ง พลันส่งเสียงหัวเราะประหลาด “สหายหาน ในที่สุดเจ้าก็มาแล้ว นี่คือสี่มหาหุ่นเชิดโลหิตม่วงของข้า จำเป็นต้องใช้อัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายของเจ้าช่วยเสริมอีกหน่อย มีเพียงเช่นนี้ ถึงจะสามารถใช้สอยพวกมันที่แม่น้ำอเวจีได้ดีมาก”


 


 


“หุ่นเชิดโลหิตม่วง!” หานลี่ได้ยินคำนี้ก็รู้สึกใจหายวาบ


 


 


“เหอะๆ ข้อมูลที่เป็นรูปธรรมไว้ถึงที่พักแล้ว ข้าจะพูดรายละเอียดให้เจ้าฟังอีกครั้ง” ดูเหมือนจะเป็นเพราะต้องการใช้งานหานลี่ ชายชุดโลหิตผู้หนึ่งจึงแสดงท่าทีสุภาพผิดปกติ


 


 


หานลี่ย่อมไม่มีความเห็นโต้แย้งใดๆ อยู่แล้ว จึงตามสองคนทยานขึ้นไปบนภูเขาใหญ่ดำมืด


 


 


ภูเขาใหญ่ลูกหนึ่งสูงประมาณสี่ถึงห้าพันจั้ง ชายชุดโลหิตสองคนพาหานลี่ทยานมาถึงบริเวณไหล่เขา


 


 


ผลลัพธ์คือ ตรงหน้ามีหน้าผาภูเขาหนึ่งที่ดูไม่สะดุดตา สูงร้อยจั้งเศษปรากฏขึ้น


 


 


ชายชุดโลหิตคนหนึ่งเดินขึ้นไปสองสามก้าว พลันตั้งท่าร่ายคาถามือเดียว พลางกล่าวคำร่ายจากปาก แล้วสะบัดมืออีกข้างหนึ่งอย่างฉับพลัน


 


 


ฉากที่ทำให้หานลี่ตกตะลึงตาค้างพลันปรากฏขึ้น


 


 


หน้าผาเกิดการสั่นสะเทือนพร้อมส่งเสียงโครมครามดังสนั่นหวั่นไหว ท่ามกลางแสงสีดำเปล่งประกาย ก็กลายเป็นหน้ามังกรที่สร้างจากหินขนาดมหึมาอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ด้านบนยังเต็มไปด้วยตะไคร่น้ำและพงหญ้า


 


 


ดวงตาหินมหึมาสองดวงบนหน้ามังกรพลันกะพริบคราหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าจะลืมตาขึ้น เผยให้เห็นดวงตาสีแดงโลหิตคู่หนึ่ง


 


 


ครั้นแสงเย็นยะเยือกอันน่าสะพรึงกลัวสาดกระทบไปบนร่างของหานลี่และชายชุดโลหิตสองคน หัวมังกรก็อ้าปากกว้างอย่างช้าๆ เผยให้เห็นเส้นทางที่เปล่งแสงสีขาวสายหนึ่ง


 


 


“เข้าไปกันเถอะ!” ชายชุดโลหิตคนหนึ่งกล่าวด้วยใบหน้าที่ไร้ซึ่งอารมณ์ แล้วเดินเคียงบ่ากับอีกคนหนึ่งเข้าไปข้างใน


 


 


หานลี่พลันเก็บสีหน้าตกตะลึงบนใบหหน้า หรี่ตามองหัวมังกรอย่างละเอียดครู่หนึ่งจึงค่อยเดินเข้าไปข้างใน


 


 


เส้นทางข้างในกว้างใหญ่ผิดปกติ สูงสี่ถึงห้าร้อยจั้งได้เลยทีเดียว ผนังทั้งสี่ด้านต่างก็ก่อด้วยหินสีดำทรงสี่เหลี่ยม เว้นระยะห่างในแต่ละช่วง มีไข่มุกแสงราตรีขนาดประมาณนิ้วหัวแม่มือฝังอยู่หนึ่งเม็ด ลึกเข้าไปถึงท้องเขาเบื้องล่าง


 


 


ชายชุดโลหิตสองคนยืนเคียงบ่าอยู่ข้างหน้า ตั้งแต่เข้ามาในเส้นทางก็ไม่พูดจาแม้แต่คำเดียว


 


 


ทว่าหลังจากที่ผ่านเส้นทางและเข้าสู่ใต้ดินลึกลงไปร้อยจั้งเศษ บนพื้นที่กว้างโล่งเบื้องหน้าก็มีปากทางเข้าปรากฏขึ้นเจ็ดแปดทางเรียงกันเป็นแถว ล้วนมีลักษณะเหมือนกันทุกประการ


 


 


สถานการณ์นี้ค่อนข้างเกินความคาดหมายของหานลี่


 


 


ทว่าชายชุดโลหิตสองคนไม่หยุดชะงักแม้แต่น้อย เดินเข้าไปในเส้นทางหนึ่งตามใจชอบ


 


 


ภูเขาใหญ่ทั้งลูกราวกับถูกเจาะเป็นรู ภายในท้องเขาเต็มไปด้วยเส้นทางตัดสลับกันทุกหนทุกแห่ง ราวกับอยู่ในเขาวงกต


 


 


อีกทั้งเส้นทางเหล่านี้ ยังมองเห็นหุ่นเชิดที่ในมือถือของแหลมคมมหึมาต่างๆ และรูปร่างลักษณะแตกต่างกันมาก กำลังเดินลาดตระเวนไปมาอยู่ในนั้น


 


 


หุ่นเชิดเหล่านี้บ้างก็มีแสงสีทองแวววาว ตลอดทั้งร่างหลอมจากโลหะ บ้างก็เป็นสีเทาสลัวๆ ก่อตัวมาจากดินและหิน และยังมีที่เคลื่อนไหวปราดเปรียว แต่กลับทำมากจากพฤกษาวิญญาณแกะสลักทั้งชิ้น


 


 


ไม่ว่าจะหุ่นเชิดชนิดไหน ล้วนแผ่แรงกดวิญญาณอันน่าสะพรึงออกมาอย่างชัดเจน แม้กระทั่งหุ่นเชิดที่มีรูปร่างลักษณะพิเศษไม่กี่ตัวนั้น ยังมีพลังประมาณระดับเทพแปลง


 


 


หลังจากที่หานลี่มองดูสองสามหน ก็ตื่นตระหนกตกใจเป็นอย่างยิ่ง


 


 


ด้วยความรู้รอบตัวของเขา ย่อมมองออกว่าในด้านศาสตร์ของหุ่นเชิด ตัวประหลาดเฒ่าตี้เซวี่ยนั้นลึกอย่างไม่อาจหยั่งประมาณได้ เหนือกว่าราชาเทพขับเคลื่อนอย่างแน่นอน


 


 


แน่นอนว่า นี่ไม่ได้หมายความว่าพรสวรรค์ในด้านหุ่นเชิดของตี้เซวี่ยจะเหนือกว่าราชาเทพขับเคลื่อนมากนัก เพียงแค่เขามีความรอบรู้ของผู้มีพลังยุทธ์ในระดับผสานอินทรีย์ บวกกับแดนวิญญาณมีทรัพยากรและวัตถุดิบที่อุดมสมบูรณ์เท่านั้น


 


 


แค่ปัจจัยที่สองคนนี้อยู่ก็ไม่สามารถเทียบกันได้เลย


 


 


หลังจากตามชายชุดโลหิตสองคนเลี้ยวขวาที เลี้ยวซ้ายที และเหาะทยานไปยังเบื้องหน้าเป็นเวลาหนึ่งก้านธูป เบื้องหน้าของหานลี่ก็สว่างขึ้น ในที่สุดก็ออกมาจากเขาวงกตแล้ว ตรงหน้าปรากฏเป็นทะเลสาบสีแดงฉานแห่งหนึ่ง แผ่ไอความร้อนแผดเผาปะทะหน้า


 


 


คิดไม่ถึงว่าจะเป็นทะเลสาบหินภูเขาไฟใต้พิภพตามธรรมชาติ


 


 


บนพื้นผิวของทะเลสาบหินภูเขาไฟนี้ มีพระราชวังสีแดงโลหิตลอยอยู่หลังหนึ่ง


 


 


พระราชวังไม่นับว่าใหญ่เกินไป แต่ก็มีความกว้างถึงพันกว่าจั้ง


 


 


พระราชวังทั้งหลังแผ่กลิ่นคาวเลือดตลบอบอวล ทว่าสิ่งก่อสร้างงามประณีตเลิศล้ำที่สุด หินผลึกสีแดงโลหิตขนาดหลายจั้งเม็ดหนึ่งฟังอยู่บนยอดสูงสุดของพระราชวัง เปล่งแสงโลหิตประหลาดเรืองรอง


 


 


หานลี่เห็นดังนี้ก็ตกตะลึงเล็กน้อย!


 


 


หินผลึกที่ใหญ่โตเช่นนี้ แทบจะทำให้หานลี่นึกถึงผลึกประหลาดที่อยู่บนหอคอยผนึกวิญญาณในเมืองศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าวิหคสวรรค์ ที่นั่นก็มีขนาดใหญ่มหึมาและดูลึกลับเช่นกัน


 


 


ดูแล้วบนนี้จะต้องมีอาคมต้องห้ามอะไรบางอย่างที่ร้ายกาจสุดๆ เป็นแน่


 


 


ชายชุดโลหิตพาหานลี่เหาะมาถึงริมทะเลสาบหินภูเขาไฟ คิดไม่ถึงว่าลำแสงหลีกหนีจะร่อนลงตรงนี้


 


 


จากนั้นหนึ่งในชายชุดโลหิต ในแขนเสื้อเกิดเสียงดังกรุ้งกริ๊ง ทันใดนั้นกระดิ่งสีเหลืองด้ามหนึ่งก็พวยพุ่งออกมา แล้วร่วงลงในมือของชายชุดโลหิต


 


 


เกิดแสงสีเหลืองสว่างวาบ กระดิ่งพลันส่งเสียงดังกระจ่างชัด!


 


 


เมื่อเสียงกระดิ่งเข้าไปในสองหู หานลี่รู้สึกเพียงจิตสัมผัสเริ่มเลือนร่าง ทั่วทั้งร่างไร้เรี่ยวแรงในพริบตา


 


 


หานลี่ตกตะลึงอย่างหนัก รีบโคจรเคล็ดวิชาขับเคลื่อนภายในร่าง จิตสัมผัสจึงค่อยกลับมาชัดเจน


 


 


หานลี่รีบถอยหลังหนึ่งก้าว สองตามองไปที่ชายชุดโลหิตสองคนที่อยู่เบื้องหน้า


 


 


แม้ว่าเขาจะไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะลงมือกับเขาในที่แห่งนี้อย่างกะทันหัน แต่ความระแวดระวังภายในใจก็ไม่คลายลงแม้แต่น้อย


 


 


ผลลัพธ์คือ หนึ่งในชายชุดโลหิตหันกลับมาอย่างฉับพลัน มองหานลี่ด้วยสายตาเยือกเย็นทีหนึ่ง เห็นว่าเขายังคงประคองสติได้อยู่ ก็เผยท่าทีตกตะลึงในดวงตาออกมาปราดหนึ่ง


 


 


และในตอนนี้ ภายในทะเลสาบหินภูเขาไฟเบื้องหน้าพระ จู่ๆ  หินภูเขาไฟหลอมละลายสีแดงฉานก็เกิดการโหมซัดสาดอย่างรุนแรงขึ้นระลอกหนึ่ง เบื้องล่างก็มีอสูรมหึมาร่างยาวสิบจั้งตนหนึ่งปรากฏออกมา


 


 


ร่างของมันมีกระดอก คล้ายเต่ายักษ์ แต่ลำคอเรียวยาว มีศีรษะประหลาดสามหัวรูปร่างคล้ายกวางอูฐ ขณะเดียวกันบนหน้ามีเขาประหลาดสีแดงสดคล้ายปะการังงอกอยู่


 


 


อสูรตนนี้ดูเหมือนจะถูกเสียงกระดิ่งเรียกออกมา เมื่อลอยขึ้นสู่ผิวทะเลสาบ ก็รีบแหวกว่ายหินภูเขาไฟที่หลอมละลายพุ่งตรงมาหาพวกหานลี่อย่างรวดเร็ว


 


 


“นี่ก็คืออสูรเฝ้าประตูของข้า อสูรเต่าอเวจี อสูรตนนี้มีกายแห่งวิญญาณอัคคีมาตั้งแต่กำเนิด สามารถปล่อยเพลิงสามชนิดพร้อมกันได้ เมื่ออยู่ในพื้นที่ของวิญญาณอัคคีและหินภูเขาไฟแล้ว ทรงอานุภาพสุดๆ ขนาดตอนที่ข้าเก็บมันมาเลี้ยง ยังต้องเปลืองแรงไปมากโข แต่หากคิดจะเข้าไปในพระราชวังเพลิงโลหิตของข้า ก็ต้องผ่านอสูรตอนนี้ก่อน” ชายชุดโลหิตคนหนึ่งหัวเราะหึๆ แล้วพูดกับหานลี่


 


 


“อาวุโสอิทธิฤทธิ์กว้างใหญ่ ชนรุ่นหลังเลื่อมใสยิ่งนัก!”


 


 


หานลี่ได้ยินคำนี้ พลันตอบกลับอย่างฉับพลัน ครั้นเงยหน้ามองไปยังอากาศเหนือทะเลสาบหินภูเขาไฟ ดวงตาก็เปล่งแสงสีน้ำเงินวูบหนึ่ง พลันหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่


 


 


ภายใต้เนตรวิญญาณกระจ่างนั้น เห็นเพียงภายในอากาศเบื้องหน้ามีเส้นไหมประหลาดโปรงแสงจำนวนนับไม่ถ้วนลอยอยู่อย่างหนาแน่นและถี่ยิบ เมื่อผสมผสานเข้าด้วยกัน ก็ปกคลุมพื้นผิวของทะเลสาบไว้เบื้องล่างทั้งหมด


 


 


จุดบรรจบของเส้นไหมเหล่านี้มารวมกันที่บนหินผลึกมหึมาที่อยู่บนยอดของพระราชวังก้อนนั้น


 


 


หากมีคนที่ไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลัง บุกทะลวงจากกลางอากาศเข้าไปในพื้นผิวทะเลาสาบ จุดจบจะเป็นเช่นไรก็พอจะนึกได้


 


 


หานลี่มุมปากกระตุกเกร็งคราหนึ่ง พลันสูดลมหายใจเย็นเข้าไปเฮือกหนึ่ง


 


 


ในตอนนี้ อสูรเต่าอเวจีว่ายอย่างคล่องแคล่วฉับไวมาถึงฝั่ง หัวทั้งสามก็ส่งเสียงร้องมาทางชายชุดโลหิตสองคนอย่างพร้อมเพรียง คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเสียงประหลาดคล้ายกบร้อง


 


 


ชายชุดโลหิตคนหนึ่งเห็นดังนี้ก็โบกมือคราหนึ่ง ก้อนกลมสีดำทมึนขนาดเท่ากำปั้นลูกหนึ่งก็พวยพุ่งออกไปพร้อมสายลมเหม็นคาว


 


 


อสูรปีศาจเหวี่ยงศีรษะหัวหนึ่งออกไปคราหนึ่ง ทันใดนั้นก็พ่นม่านแสงสีแดงออกมา พันก้อนกลมสีดำไว้แล้วกลืนลงไป


 


 


หัวทั้งสามพลันส่งเสียงร้องออกมาอีกสองสามที ดูเหมือนอสูรตนนี้จะพออกพอใจเป็นอย่างยิ่ง จากนั้นร่างของมันก็หันกลับทีหนึ่ง หางหนาๆ ของมันก็ปักลงบนชายฝั่ง


 


 


ชายชุดโลหิตสองคนเดินไปตามหางแล้วขึ้นมาบนหลังของอสูรอย่างไม่ร้อนรน พลันกลับหลังหัน ดวงตาสองคู่ก็จ้องมาทางหานลี่


 


 


หานลี่แอบถอนหายใจคราหนึ่ง พลันขยับร่างพลิ้วไหวก็มาอยู่บนหลังของอสูร


 


 


ชายชุดโลหิตคนหนึ่ง ส่งเสียงกระดิ่งดังกังวานอีกครั้ง อสูรเต่าอัคคีก็รีบบรรทุกสามคนว่ายไปยังพระราชวังเพลิงโลหิตที่อยู่ใจกลางทะเลสาบอย่างรวดเร็ว


 


 


แม้ว่าบ่อหินภูเขาไฟจะไม่ใหญ่มาก อสูรปีศาจก็บรรทุกทั้งสามคนมาถึงหน้าพระราชวัง


 


 


สามคนลอยขึ้นสู่อากาศอย่างฉับพลัน ทยานจากอากาศต่ำมาถึงหน้าประตูพระราชวัง


 


 


สองขาของหานลี่เพิ่งจะลงถึงพื้น ประตูวังก็ยังปิดสนิทอยู่เหมือนเดิม แต่ทันใดนั้นประตูก็ค่อยๆ เปิดออกจากข้างในอย่างช้าๆ ก่อนที่จะมีคนสองกลุ่มเดินออกมาจากข้างใน


 


 


คนกลุ่มหนึ่งตลอดทั้งร่างสวมเกราะและหมวกเหล็กสีแดง มือหนึ่งถึงถือขวานเพลิงด้ามหนึ่ง ทั่วทั้งร่างถูกหุ้มด้วยเปลวเพลิง อีกกลุ่มหนึ่งกลับเป็นหมอกสีเทา ภายในนั้นมีเงาสีดำแต่ละร่างปรากฏผลุบๆ โผล่ๆ ดูเหมือนมือสองข้างจะว่างเปล่า


 


 


หานลี่ใช้จิตสัมผัสกวาดมองเบื้องหน้ารอบหนึ่ง บนร่างของคนสองกลุ่มนี้มีกลิ่นอายของชีวิตอยู่ลางๆ แต่ก็ไม่เหมือนกับตัวตนที่คล้ายหุ่นเชิด


 


 


พอตัวตนแปลกประหลาดสองกลุ่มนี้เดินออกมา ก็ทำความเคารพชายชุดโลหิตทั้งสองในทันที


 


 


“เปิดตำหนักเพลิงทมิฬ ข้าจะต้อนรับสหายหานอย่างดีสักหน่อย!” ชายชุดโลหิตคนหนึ่งเดินขึ้นมาข้างหน้าหนึ่งก้าว พลันกล่าวกำชับด้วยน้ำเสียงเย็น


 


 


เมื่อได้ยินคำนี้ คนสองกลุ่มก็รีบทำงานอย่างไม่ส่งเสียงในทันที คนส่วนใหญ่รีบกลับไปในประตูวัง อีกส่วนหนึ่งกลับยืนแยกเป็นสองแถวด้วยท่าทางเคารพนอบน้อม


 


 


คนเหล่านี้ต่างก็ไม่พูดไม่จา คล้ายกับว่าไม่สามารถพูดได้


 


 


หานลี่เห็นเช่นนี้ ภายนอกไม่ได้มีสีหน้าเปลี่ยนไป แต่ภายในกลับรู้สึกตกตะลึงพรึงเพริด!

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)