ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1466-1469
ตอนที่ 1466 ฉันเต้นดีกว่าหล่อนอีก
นอกจากเฮ่อเหลียนชิง ด้านล่างเวทียังมีเหล่าศาสตราจารย์ที่คุณธรรมสูงส่งมีชื่อเสียงมากมาย พวกเขาเองก็รู้สึกไม่ค่อยชินตานัก ขนาดยังปิดบั้นท้ายไม่ได้ ของแบบนี้ยังเรียกว่าเสื้อผ้าได้อีกหรือ?
สู้ไม่ใส่ยังจะดีเสียกว่า!
แต่เหล่านักเรียนวัยรุ่นหนุ่มสาวกลับตื่นตาตื่นใจกันถ้วนหน้า ตบมือจนฝ่ามือแดงแปร๊ด ดวงตาทอประกายแสงสีเขียว ถ้าไม่ใช่เพราะกฎระเบียบไม่ให้โห่ร้องเสียงดัง หลังคาของหอประชุมใหญ่คงถูกรื้อถล่มลงมาแล้ว
“ทรวดทรงของอาจารย์โฮ่ว…เซ็กซี่ชะมัดเลย…” มีคนคำรามเสียงต่ำออกมาอย่างตื่นเต้น นั่นก็คือหนึ่งในเพื่อนสุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์อย่างโจวซื่อซิน ซึ่งเวลานี้คลุ้มคลั่งเหมือนคนโรคลมชักกำเริบ
โจวซื่อซินกลับไม่ได้สนใจเพราะเขาไม่ชอบผู้หญิงเจนโลกแบบนี้นัก เขาชอบผู้หญิงแบบถังม่านลี่มากกว่า สัดส่วนรูปร่างดีแต่กลับไม่เคยเห็นโลกภายนอกมาก่อน เป็นผู้หญิงที่แค่เอาใจนิดหน่อยก็ได้มาอยู่ในเงื้อมมือแล้ว
พูดง่าย ๆก็คือคุณชายโจวอย่างเขาผ่านประสบการณ์โชกโชนมาได้ แต่ผู้หญิงกลับเป็นได้แค่สาวบริสุทธิ์ที่สะอาดสะอ้านเท่านั้น
เขาไม่ได้มีความชอบใส่ของมือสองสักหน่อย
ผู้หญิงอย่างโฮ่วเซิ่งหนาน ต่อให้จะหน้าตาสะสวยราวกับนางฟ้า เขาก็คงไม่สนใจ ยิ่งไปกว่านั้นโฮ่วเซิ่งหนานเองก็หน้าตางั้น ๆด้วย
จังหวะดนตรีค่อย ๆเร่งเร็วขึ้น โฮ่วเซิ่งหนานหมุนไม่หยุด เศษผ้าอันน้อยนิดที่น่าสงสารนั้นหมุนราวกับกังหันลม แต่กลับยิ่งเพิ่มความเซ็กซี่และวาบหวิวขึ้นกว่าเดิม
สายตาของเหล่านักเรียนชายพวกนั้นมองตรงไม่วางตา ปากอ้าค้างเล็กน้อย ตะลึงนิ่งงั้นราวกันรูปปั้นไก่ไม้
“ไม่ได้เรื่องเลย…เหมือนตัวอะไรเนี่ย…นี่มันต่างกับระบำเปลื้องผ้าไงเหรอ? นี่…ใครก็ได้…เธอมานี่สิ!”
เฮ่อเหลียนชิงยิ่งเห็นก็ยิ่งส่ายศีรษะแล้วกวักมือเรียกอธิการที่อยู่ด้านข้าง อย่าเห็นว่าพอเขาอยู่ที่อื่นแล้วเปิดกว้างหัวสมัยใหม่นักเลย แต่มีจุดนี้จุดเดียวที่เขาเหมือนกับชายชาวฮวาเซี่ยส่วนใหญ่ที่ชอบมีแนวคิดอัตวิสัยเชิงบุรุษนิยม[1]
ต่อให้ผู้หญิงอยากเปิดเผยในที่สาธารณะมากแค่ไหนก็ต้องรู้จักสำรวมบ้าง ที่ควรปิดก็ปิดให้มิดชิด ที่ไม่ควรเปิดก็อย่าเปิด และเพราะเช่นนี้เฮ่อเหลียนชิงถึงไม่ชอบดาราผู้หญิงที่สุด เห็นทีไรเป็นต้องหงุดหงิดทุกที
โดยเฉพาะเสื้อผ้าที่สวมใส่ แค่เฮ่อเหลียนชิงเห็นผู้หญิงใส่ชุดวาบหวิวโชว์เนื้อหนังบนโทรทัศน์ เขาก็จะก่นด่าว่าเป็นพวกทำลายขนบธรรมเนียมประเพณี และยังลอบถอนหายใจที่ขนบธรรมเนียมประเพณีถูกทำลายลงทุกวัน
แต่ชุดที่โฮ่วเซิงหนานใส่ในตอนนี้วาบหวิวกว่าพวกดาราผู้หญิงที่อยู่ในโทรทัศน์นั้นเยอะ ควรจะพูดว่าชุดเต้นชุดนี้ของเธอ ต่อให้อยู่ต่างประเทศก็ถือว่าโชว์วาบหวิวมากเกินไป ไม่ใช่ชุดเต้นที่ใช้กันในยามปกติ และแน่นอนว่าโฮ่วเซิ่งหนานเลือกชุดนี้ก็เพื่อจะได้เฉิดฉาย
เหตุผลนี้ก็เหมือนกับดาราสาวมากมายที่แกล้งหกล้มหรือเหยียบชายกระโปรงในตอนนี้เพื่อให้เป็นจุดสนใจ
ความคิดของโฮ่วเซิ่งหนานง่ายมาก ในชีวิตประจำวันของเธอไม่มีทางทำแบบนี้ได้อยู่แล้ว ฉะนั้นจึงทำได้แค่ห้ามผิดกฎระเบียบ แต่บนเวทีเธอต้องกลายเป็นจุดสนใจต่อให้จะมีคนตำหนิ เธอก็จะพูดว่าเพื่องานศิลปะ
นี่เป็นเหตุผลที่เปิดกว้างนักเชียวล่ะ!
เพื่อให้ได้รู้ศักยภาพที่แท้จริงของศัตรู เหมยเหมยจึงแอบหลบดูอยู่ตรงด้านล่างม่านฉาก เธอพอจะมองออกว่าข้อพับของโฮ่วเซิ่งหนานยังแข็งทื่ออยู่ อันที่จริงเต้นไม่ค่อยดีเท่าไรนัก มีหลายจุดที่ทำลวก ๆให้ผ่านไปและไม่ได้ทำตามหลักการเลยสักนิด
ในทางกลับกันพอลคู่เต้นของเธอกลับมีท่วงท่าทรงเสน่ห์ เพราะน่าจะเคยได้รับการฝึกฝนเฉพาะทางมาก่อน และหากไม่มีพอลเป็นตัวชี้นำคงมีหลายท่าที่โฮ่วเซิ่งหนานทำสำเร็จได้ยาก และนั่นก็ยิ่งทำให้ไม่น่าดูเลยสักนิด
เหมยเหมยเข้าใจอยู่บ้างว่าเหตุใดโฮ่วเซิ่งหนานถึงเลือกชุดเต้นแบบนี้ นั่นก็เพื่อให้สายตาของทุกคนจับจ้องมาอยู่ที่เรือนร่างของเธอ แต่ไม่ใช่ท่วงท่าในการเต้น
ดั่งที่ว่าคนนอกมักจะดูเพียงภายนอก แต่คนในมักจะดูที่หลักวิธีการ
ถึงแม้เหมยเหมยจะไม่เคยฝึกระบำลาตินอย่างตั้งใจนัก แต่แค่แวบเดียวก็มองออกว่าโฮ่วเซิ่งหนานไม่ใช่มืออาชีพ เธอไม่ได้ขี้โม้หรอกนะ——
“ฉันเต้นได้ดีกว่าหล่อนอีก!”
เหมยเหมยหันหน้าไปพูดกับเหยียนหมิงซุ่นที่อยู่ข้างกายด้วยสีหน้ามั่นใจและภาคภูมิอย่างเหลือล้น
……………………………………..
ตอนที่ 1467 โลกได้ล่มสลายไปในทุกวัน
เหยียนหมิงซุ่นไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับลาตินแดนซ์เลย แล้วก็ไม่รู้ว่าดีหรือเปล่า แต่เขามีความรู้สึกเหมือนกับเฮ่อเหลียนชิงที่ไม่อาจทนมองชุดเศษผ้าบนตัวโฮ่วเซิ่งหนานได้ หากผู้หญิงประเภทนี้เป็นคู่หมั้นของเขา เหนือศีรษะของเขาคงได้มีม้าศึกนับพันหมื่นตัววิ่งวนอึกทึกแน่
ดูท่าทีใกล้ชิดสนิทสนมของโฮ่วเซิ่งหนานกับพอลในตอนเต้นสิ สำหรับเขาแล้วท่าทีใกล้ชิดสนิทสนมแบบนี้มีเพียงแค่คู่สามีภรรยาหรือคนรักเท่านั้นที่จะทำได้ ต่อให้โฮ่วเซิ่งหนานจะทำเพื่อศิลปะการแสดงเขาก็ไม่ชอบอยู่ดี
ไม่ใช่นักเต้นรำเสียหน่อย จะมาทำศิลปะบ้าบออะไรกันเล่า?
ต่อให้เป็นศิลปะก็ไม่จำเป็นจะต้องเปิดเผยบนเวทีขนาดนั้น กอดกับฝรั่งตาน้ำข้าวเสียแน่น ท่าทีก็ดูคลุมเครือขนาดนั้น…
ช่างไม่รู้สึกละอายใจเอาเสียเลย!
“แน่นอน เหมยเหมยเต้นเก่งกว่าเขาเป็นร้อยเท่า ไม่ต้องดูแล้วเสียสายตา ไปนั่งก่อนเถอะ”
เหยียนหมิงซุ่นเห็นด้วยมาก มองดูเหมยเหมยที่แต่งตัวแต่งหน้าเสร็จอย่างชื่นชม ชุดเต้นรำสีแดงราวดอกบัวสีแดงเพลิง ซึ่งเหมยเหมยก็คือนางฟ้าที่ได้ร่ายรำอยู่บนดอกบัว เดิมทีช่างแต่งหน้าจะแต่งแต้มเหมยฮวาให้เธอ แต่สุดท้ายเธอก็ไม่ได้แต้ม
โดยบอกว่าไฝสีแดงของเหมยเหมยงดงามพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องแต่งเติมจนเกินจำเป็น
พอสวมใส่ชุดเต้นรำ รวบเก็บมวยผมให้เข้าที่ เหยียนหมิงซุ่นแทบจะละสายตาไปไหนไม่ได้เลย
เหมยเหมยในเวลาปกติก็สวยมากอยู่แล้ว แต่บัดนี้กลับงามเสียจนเขานั้นอยากอุ้มเธอกลับบ้านเสียเดี่ยวนี้ ซุกซ่อนเอาไว้ตลอดกาล ไม่อยากให้คนอื่นได้เห็นถึงความงามของเธอแม้แต่นิดเดียว
เหมยเหมยหันไปส่งยิ้มให้เหยียนหมิงซุ่น ชอบที่สุดคือการได้ฟังคำพูดหวาน ๆที่เขามักใช้เอาใจเธอ
ทำนองเพลงด้านหน้าค่อย ๆเบาจนจบลงและเสียงปรบมือดังสนั่นหวั่นไหวก็ดังกระหึ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว บ่งบอกได้ว่าการแสดงของโฮ่วเซิ่งหนานประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
เฮ่อเหลียนชิงเรียกอธิการที่กลัวจนตัวสั่นเข้ามา แววตาไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย บ่าพึมพำตำหนิออกไป “มหาวิทยาลัยของคุณทำอะไรลงไป? แค่สิบกว่าปีที่ผมไม่ได้มาที่นี่ กระแสนิยมที่นี่ก็กลายเป็นแบบนี้ไปแล้วหรือ ห๊ะ?”
อธิการเหงื่อไหลพรากดั่งฝนโปรย แต่ก็ไม่กล้ายกมือขึ้นมาเช็ด ทนเก็บความทุกข์ระทมไว้กับตัว
หากเขารู้แต่แรกว่าพระโพธิสัตว์รูปนี้จะมางานเลี้ยง เขาต้องไปสอบถามถึงการแสดงในงานเลี้ยงด้วยตัวเองแน่ แต่ในโลกนี้ใครมันจะตรัสรู้ไปทุกอย่างเล่า!
ทุกวันนี้เขามัวแต่งานยุ่ง ให้ตายเถอะใครจะรู้ว่าโฮ่วเซิ่งหนานจะเต้นลาตินแดนซ์ที่ขัดต่อประเพณีและศีลธรรมอันดีแบบนี้ได้ แต่หากเธอจะเต้นก็ได้แต่ช่วยสวมใส่เสื้อผ้าที่มิดชิดหน่อยไม่ได้หรือไง?
อธิการเกิดรู้สึกโกรธแค้นต่อโฮ่วเซิ่งหนานอยู่ในใจลึก ๆ อย่าคิดว่าเขาเป็นแค่เด็กบ้านนอกที่ไม่เคยไปต่างประเทศ ชาวต่างชาติที่เต้นลาตินแดนซ์ก็ไม่ได้แต่งตัวโชว์เนื้อหนังถึงเพียงนี้นี่!
เฮ่อเหลียนชิงตักเตือนอธิการที่มีอายุมากกว่าเขาไปพักใหญ่ นั่นถึงทำให้เกิดความสงสารแล้วโบกมือให้เป็นนัย ๆ “ไปเถอะไปเถอะ กลับไปก็จัดการกับกระแสนิยมของโรงเรียนให้ดีล่ะ ไม่เข้าท่าเอาเสียเลย”
“ครับครับครับ…รอให้ถึงงานเลี้ยงปีใหม่ท่านค่อยกลับมาอีกครั้ง ภาพพจน์จะต้องเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน” อธิการราวกับได้ยกภูเขาออกจากอก โชคดีที่ท่านอารมณ์ดีไม่น้อย ไม่ใช่ว่าเอาแต่บ่นไม่จบไม่สิ้น
แต่เขาตัดสินใจแล้วว่าอีกสักพักจะต้องไปกำชับกับผู้ช่วย การแสดงของโฮ่วเซิ่งหนานไม่ควรออกอากาศในโทรทัศน์เด็ดขาด
ตลกหรือไง หากว่าออกอากาศไป จะให้เขามีชีวิตเหลืออยู่อีกหรือ?
มหาวิทยาลัยเมืองหลวงเป็นถึงมหาวิทยาลัยเก่าแก่ของเฮ่อเหลียนชิง พระโพธิสัตว์รูปนี้มีหวังได้ทำลายอธิการอย่างเขาทิ้งแน่
โฮ่วเซิ่งหนานพึงพอใจต่อปฏิกิริยาอันกระตือรือร้นของนักเรียนหน้าเวทีเป็นอย่างมาก ผลลัพธ์เป็นไปตามที่เธอคาดการณ์เอาไว้ ดูเหมือนเธอจะต้องเป็นดั่งดาวดวงนั้นที่สว่างไหวแพวพราวที่สุดในค่ำคืนนี้
“ยินดีด้วย เจสสิก้า!” พอลกระซิบเสียงเบาที่ข้างหูเธอ ในแววตามากด้วยความร้อนรุ่ม
โฮ่วเซิ่งหนานหันไปกระพริบตาส่งให้เขา พร้อมกับเบนหน้าหนีสายตาของพอลและเอ่ยเสียงเบา “ขอบคุณนายมาก พอล วันหลังฉันจะเลี้ยงข้าวนายเอง”
หากไม่ใช่เพราะเถียนมู่เต้นลาตินแดนซ์ไม่เป็น เธอคงไม่มีทางไปหาผู้ชายที่ล้มละลายจนสิ้นเนื้อประดาตัวอย่างคนแบบนี้หรอก ตอนนี้ยังคิดที่จะร่วมเตียงกับเธออีก?
เหอะ ช่างเพ้อฝันเกินตัวสิ้นดี!
แววตาของพอลเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม พลันหัวเราะเยาะให้กับตัวเอง แต่ไม่นานก็เป็นเหมือนปกติ ฮวาเซี่ยไม่ได้ขาดแคลนผู้หญิงเลย และต่างก็เป็นสาวพรหมจารีบริสุทธิ์เหนือกว่าโฮ่วเซิ่งหนานหลายร้อยเท่า
ชีวิตน้อย ๆในแต่ละวันของเขานั้นกระชุ่มกระชวยจะตายไป!
……………………………………………….
[1] เป็นแนวคิดที่ยึดผู้ชายเป็นศูนย์กลางชี้นำทุกอย่าง
ตอนที่ 1468 เธอรู้ไดยังไงว่าฉันไม่เข้าใจลาตินแดนซ์
โฮ่วเซิ่งหนานสวมเสื้อคลุมตัวบางทับไว้แต่ไม่ได้ติดกระดุม ความอวบอิ่มที่พร้อมจะทะลักออกมายังคงให้ความรู้สึกขัดต่อสายตา ผิวสีข้าวสาลีนั้นปกชุ่มไปด้วยเหงื่อเม็ดละเอียด หายใจถี่อยู่เล็กน้อย เธอเลี้ยวตรงไปยังด้านหน้าของเหมยเหมย พร้อมกับเอ่ยทักทายเหยียนหมิงซุ่น
“เมื่อกี้คุณดูการแสดงของฉันหรือยัง?” น้ำเสียงของโฮ่วเซิ่งหนานแหบทุ้ม ยืนนิ่งตัวตรง ตามมาด้วยอาการหอบเหนื่อยของเธอ เศษผ้าน่าสงสารเพียงไม่กี่ชิ้นนั้นราวกับจะขาดวิ่นได้ในทุกเวลา
เหยียนหมิงซุ่นขมวดคิ้วแน่น แววตาชำเลืองมองไปทางเหมยเหมย นั่นถึงทำให้รู้สึกสบายใจ
เมื่อครู่นี้เขาแทบจะอ้วก
เหมยเหมยลุกขึ้นมายืนบังอยู่ด้านหน้าของเหยียนหมิงซุ่น มองเหยียดโฮ่วเซิ่งหนานที่คิดว่าตัวเองนั้นแสนดี พร้อมเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “พี่หมิงซุ่นอยู่กับฉันตลอด จะเอาเวลาไหนไปดูการแสดงไร้มืออาชีพของเธอได้ล่ะ เสียสายตา”
“จ้าวเหมยเธอรู้ไหมว่าอะไรคือลาติน? เธอกล้าที่จะประเมินว่าฉันไม่ใช่มืออาชีพ? เธอคิดว่าตัวเองความสามารถสูงส่งเลยกล้างั้นสิ หรือแค่เป็นดั่งลูกวัวที่เกิดมาแล้วไม่กลัวเสือ[1]กันแน่!
โฮ่วเซิ่งหนานเผยรอยยิ้มเย็นชา ในแววตาฉายแววดูถูก แน่นอนว่าเธอนั้นรู้ดีว่าการเต้นแบบลาตินของเธอนั้นไม่ใช่มืออาชีพ แต่แล้วจะทำไมล่ะ?
บัดนี้ในฮวาเซี่ยมีกี่คนที่สามารถดูออก?
เด็กบ้านนอกคอกนาอย่างจ้าวเหมยต้องจงใจพูดแบบนี้แน่ ๆ เธอคงไม่เคยดูแม้กระทั่งลาตินแดนซ์มืออาชีพสิท่า?
เหมยเหมยหัวเราะเบา ๆ “โฮ่วเซิ่งหนาน เป็นลาตินแดนซ์ที่บิดกายเพียงไม่กี่ท่าเท่านั้นเอง? เธอคิดว่าตัวเองเต้นได้ดีขนาดนั้นเลยหรือ? อาศัยอยู่ต่างประเทศมาหลายปีก็เท่านั้น คิดว่าตัวเองเป็นชาวต่างชาติไปแล้วหรือไง? เหอะ…เธอจำไว้นะ ไม่ว่าเธอจะอยู่ต่างประเทศมานานแค่ไหน เธอก็ยังเป็นชาวฮวาเซี่ยที่มีผมสีดำผิวสีเหลือง เธออย่ามาทำตัวเหนือกว่าต่อหน้าฉันเลย!”
เหยียนหมิงซุ่นมองภรรยาของตนอย่างชื่นชม พูดได้ดีมาก!
เขามองเห็นได้ว่าในอีกยี่สิบปีข้างหน้า ฮวาเซี่ยจะกลายเป็นประเทศมหาอำนาจระดับนานาชาติ ใครก็ไม่แม้นจะกล้าดูถูก!
เหมือนโฮ่วเซิ่งหนานที่เป็นดั่งผู้หญิงตะวันตกรักในชีวิตอิสระ ช่างอับอายขายขี้หน้าต่อประเทศนัก แล้วก็อับอายขายขี้หน้าต่อนายใหญ่ด้วย
“จ้าวเหมยเธออย่าเพิ่งอ้างถึงเหตุผลอันสูงส่งพวกนี้ ฉันไม่เคยพูดว่าฉันไม่ใช่ชาวฮวาเซี่ย แต่กลับกันที่ฉันอยู่ต่างประเทศแล้วคอยเผยแพร่วัฒนธรรมของฮวาเซี่ยมาตลอด ตอนนี้พวกเราพูดถึงลาตินแดนซ์ เธอไม่เข้าใจลาตินแดนซ์แล้วทำไมถึงบอกว่าฉันเต้นได้ไม่เป็นมืออาชีพล่ะ?”
โฮ่วเซิ่งหนานมองเหมยเหมยอย่างเย้ยหยัน แต่งตัวได้ดูยิ่งใหญ่ดีหรอก แต่แค่มองก็รู้แล้วว่าเป็นเพียงแค่ที่รองกระถางดอกไม้ เธอชักอยากจะเห็นแล้วสิว่าหล่อนจะเต้นได้มีระดับสักแค่ไหน!
พอลเดินตามเข้ามา เมื่อเห็นเหมยเหมยเข้าจึงเกิดอาการตาค้าง ในดวงตาฉายแววลุ่มหลง
ช่างงดงามยิ่งนัก!
เหมือนดั่งเทพเซียนในตำนานของฮวาเซี่ยเลย!
แต่เขากลับถูกแช่แข็งจนได้สติอย่างรวดเร็ว ร่างกายสั่นเทิ้ม เนื่องจากเห็นเหยียนหมิงซุ่นที่แผ่ซ่านไอแห่งความหนาวเหน็บออกมาทั่วร่างกาย แม้จะไม่รู้จักชายผู้นี้ แต่พอเห็นการแสดงความเป็นเจ้าของที่เขามีต่อเหมยเหมย จึงรู้ได้ว่าชายผู้นี้และเหมยเหมยไม่ได้มีความสัมพันธ์แบบตื้นเขิน
พอลก็ได้สติขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ตอนนี้สถานการณ์ของเขาเปลี่ยนไปมากแล้วจึงไม่กล้ายั่วยุต่อนักเลงประจำถิ่นของฮวาเซี่ยได้ ชายข้างกายของเหมยเหมยนั้นแค่ดูก็รู้ว่าไม่ควรข้องเกี่ยวด้วย
คำพูดของเหมยเหมยเขาเองก็ได้ยินหมด ความจริงแล้วเขาก็เห็นด้วย โฮ่วเซิ่งหนานเต้นไม่ค่อยช่ำชองนัก ทั้งหมดเป็นเขาที่ชี้นำ ไม่เช่นนั้นโฮ่วเซิ่งหนานคนเดียวไม่มีทางเต้นได้จนจบเพลงแน่
ดูเหมือนว่าจ้าวเหมยจะมีความรู้เกี่ยวกับลาตินแดนซ์พอสมควร แต่โฮ่วเซิ่งหนานกลับคิดว่าเธอพูดจาไร้สาระ จ้าวเหมยพูดถูก ความคิดเองเออเองของผู้หญิงคนนี้มีมากเกินไปหน่อย!
พอลไม่ได้เตือนสติอะไรโฮ่วเซิ่งหนาน เขาชักอยากจะเห็นผู้หญิงจองหองคนนี้ขายขี้หน้าขึ้นมาเสียแล้วสิ!
ใครใช้ให้เธอมาดูถูกเขากันเล่า
เหมยเหมยหัวเราะไปที “โฮ่วเซิ่งหนาน เธอมักชอบคิดเองเออเองอยู่เรื่อย ฉันบอกตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าฉันไม่เข้าใจลาตินแดนซ์? ถ้าฉันไม่เข้าใจจริง ๆจะรู้ได้ยังไงว่าเธอเต้นได้ดีหรือเปล่า? เธอนี่เป็นมนุษย์หัวสมองหมูหรือไง?”
……………………………………………….
ตอนที่ 1469 เด็กน้อยด้อยวิชา
โฮ่วเซิ่งหนานนิ่งค้างไปแต่กลับหัวเราะร่าอย่างรวดเร็ว เธอไม่เชื่อเลยสักนิดว่าเหมยเหมยเต้นลาตินแดนซ์ได้ ตอนนี้แม้แต่ในฮวาเซี่ยนักเต้นมืออาชีพบางคนยังเต้นรำประเภทนี้ไม่ได้เลย!
จ้าวเหมยเป็นเพียงแค่เด็กสาวธรรมดาที่เติบโตมาในครอบครัวเล็ก ๆ ต่อให้หลังจากนั้นได้กลับเข้ามาอยู่ในตระกูลจ้าว แต่ตระกูลจ้าวก็เติบใหญ่ได้เพียงเพราะความสามารถของตนเอง คงไม่มีทางให้จ้าวเหมยร่ำเรียนลาตินแดนซ์ได้แน่ เพราะงั้นโฮ่วเซิ่งหนานจึงมั่นใจว่าจ้าวเหมยจะต้องจงใจหลอกเพื่อข่มขู่เธอแน่นอน!
เธอโฮ่วเซิ่งหนานจะโดนหลอกง่าย ๆได้อย่างไรกัน?
“เจ้าเหมยเธออย่าเอาแต่พูดเปล่า ในเมื่อเธอพูดหลักการออกมาได้เต็มปาก งั้นเธอก็คงจะเต้นลาตินแดนซ์ได้อย่างเป็นมืออาชีพสินะ ไม่ลองแสดงให้ทุกคนดูสักหน่อยล่ะ?” โฮ่วเซิ่งหนานตอกกลับไปหนึ่งหมัดพลางมองเหมยเหมยอย่างได้ใจ
แต่เหมยเหมยกลับไม่ได้แสดงอาการตื่นตระหนกตามอย่างที่เธอต้องการ โฮ่วเซิ่งหนานจึงผิดหวังไปบ้าง แต่เธอยังคงคิดว่าเหมยเหมยนั้นคิดว่าตัวเองแข็งแกร่งเลยทำปากแข็งไม่หยุด ความตายใกล้เข้ามาเยือนยังหัวรั้นอยู่ได้ ความกล้าหาญช่างมากล้นเสียจริง!
แต่กลับไม่เจียมตัว!
เหมยเหมยรู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้มีความคิดอะไรอยู่จึงนึกเยาะเย้ยในใจ แต่ใบหน้ากลับไม่แสดงออก ทั้งยังแสร้งทำทีเป็นตื่นตระหนก และแน่นอนว่าในแววตาของโฮ่วเซิ่งหนานเผยถึงความภาคภูมิใจ
“ลาตินแดนซ์มีอะไรยากล่ะ? แต่ฉันไม่เต็มใจจะเต้นให้เธอดู อีกอย่างคือเธอเข้าใจแก่นแท้ของการเต้นแบบลาตินไหม?”
เหมยเหมยเชิดคางขึ้นแค่นเสียง พร้อมหันหลังกลับไปยังที่นั่งของเธอ
ต่อให้เธอต้องเต้นก็ไม่ใช่ตอนนี้ เหตุใดจะต้องฟังคำสั่งของยัยแม่ลิงนี้ด้วย?
สายตาของโฮ่วเซิ่งหนานฉายแววอาฆาต กัดฟันแน่น นางสารเลวจ้าวเหมยนี่ยั่วโมโหเธอครั้งแล้วครั้งเล่า อีกไม่ช้าไม่นานเธอจะต้องสั่งสอนนางชั่วนี่ให้หลาบจำ!
ตอนนี้ต้องปล่อยให้นางชั่วนี่ได้ใจไปก่อนช่วงหนึ่ง!
“เหยียนหมิงซุ่น…คู่หมั้นสาวของนายนี่ช่างเป็นเด็กน้อยด้อยวิชาเสียจริง!” โฮ่วเซิ่งหนานเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน มีสีหน้าไม่พอใจเหมยเหมยมาก
“เหมยเหมยเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว ตรงกับใจฉันพอดี”
เหยียนหมิงซุ่นตีหน้าขรึมไม่แม้แต่จะชายตามองโฮ่วเซิ่งหนานเลย แต่หมุนตัวเดินไปหาเหมยเหมย ก่อนจะเอ่ยประชด “อีกอย่างเด็กน้อยด้อยวิชามักจะดีกว่าคนที่มากล้นด้วยประสบการณ์นะ!”
โฮ่วเซิ่งหนานหน้าเปลี่ยนสีทันที นี่เหยียนหมิงซุ่นออกหนาแทนเหมยเหมยงั้นหรือ?
ในใจเธอรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย เกลียดที่เหยียนหมิงซุ่นอารมณ์เสียใส่เธอ และยิ่งอิจฉาที่เหมยเหมยได้รับความรักใคร่ที่ไร้ซึ่งกฎเกณฑ์จากเหยียนหมิงซุ่น อย่ามองว่าวัน ๆเธอเอาแต่เรียกร้องความเป็นอิสระยืนหยัดด้วยตนเอง ไม่เป็นนกขมิ้นในกรงทองของพวกผู้ชายแต่ในความเป็นจริงเธอก็อยากได้รับความรักเช่นกัน จะมีผู้ชายสักคนที่คอยปกป้องดูแลเธอด้วยใจเหมือนกับเหยียนหมิงซุ่น
แต่เธอไม่เคยเจอ!
แต่เธอจะต้องใช้ความเป็นอิสระมาคอยเป็นเกราะป้องกันตัวเอง เพราะกลุ่มเพื่อนและคนรักของเธอ ล้วนชื่นชอบเธอจากสิ่งจอมปลอมที่ห่อหุ้มตัวเธออยู่ หากเธอกลายเป็นดั่งนกขมิ้นในกรงทองอย่างเจ้าเหมย เธอสามารถรับรองได้ ไม่ว่าจะเป็นเคนหรือเถียนมู่ล้วนเลือกได้ไกลยิ่งกว่านั้นอีก
เพราะฉะนั้นเธอต้องยืนหยัดด้วยตนเอง!
ต้องเข้มแข็ง!
และดังนั้นเธอจึงอิจฉาเหมยเหมย!
อิจฉาจนถึงขั้นอยากกำจัดผู้หญิงคนนี้ทิ้ง และเข้าไปแทนที่เธอ!
โฮ่วเซิ่งหนานหันไปยักไหล่ให้กับพอล หัวเราะและพูดเย้าหยอก “แค่เด็กซื่อบื่อคนหนึ่งที่คิดว่าตัวเองถูกไปเสียหมด นึกไม่ถึงว่าจะกล้าแสดงความคิดเห็นต่อการเต้นรำของเรา ช่างน่าตลกสิ้นดี!”
“เจสสิก้าเธอเต้นได้ดีขนาดนั้น เด็กคนนั้นต้องอิจฉาเธอแน่ ๆ !” พอลเองก็หัวเราะ น้ำเสียงติดประจบประแจง แต่ในใจกลับรอคอยถึงการเอาคืนของเหมยเหมย
เขาเห็นแล้วล่ะ หญิงสาวผู้งดงามคนนั้นไม่มีทางปล่อยโฮ่วเซิ่งหนานไปง่าย ๆแน่นอน!
บางทีเธออาจจะเต้นลาตินแดนซ์เพียงท่อนหนึ่ง?
ช่างน่าติดตามเสียจริง!
โฮ่วเซิ่งหนานฉีกยิ้มอย่างได้ใจ คำเยินยอของพอลถือว่าได้ประโยชน์เอามาก เธอเข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องรับรองเตรียมที่จะออกไปหน้าเวทีเพื่อรับชมการแสดงในงานเลี้ยง รอคอยการแสดงของจ้าวเหมย
ไม่ได้เฝ้ารอคอยอะไรเป็นพิเศษ แต่เธอนั้นต้องการให้นางผู้หญิงคนนี้อับอายขายขี้หน้า
……………………………………………….
[1] ดั่งลูกวัวเกิดมาไม่กลัวเสือ เพราะไม่รู้ถึงความร้ายกาจของเสือ เปรียบเปรยคนอายุน้อย วัยเยาว์ กล้าทำในทุกสิ่งอย่าง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น