พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1465-1466

 บทที่ 1465 โคตรพ่อเจ้าสิ

Ink Stone_Fantasy

“…” ชั่วพริบตานั้น เหมียวอี้ราวกับโดนสายฟ้าฟาด เหมือนโดนฟ้าผ่าจนกรอบนอกนุ่มใน โกรธจนหน้าเขียวแล้ว


แต่เฮยทั่นดันตื่นเต้นดีใจเกินไป ไม่สำนึกเลยสักนิดว่าตัวเองทำอะไรไม่เหมาะสม สั่นหัวส่ายหางพูดออกมาเป็นชุดว่า “โคตรพ่อเจ้าสิ ไอ้ชาติหมา เดรัจฉาน กลับไปหามารดาเจ้าไป กากเดน ไปตายซะ หุบปากให้พ่อเดี๋ยวนี้ วอนโดนตีนซะแล้ว ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ไอ้ลูกหมา…” เรียกได้ว่าพ่นคำพูดสกปรกหยาบคายมาเป็นกอง ทั้งยังตั้งใจมองต่ำพ่นใส่ใครบางคนโดยเฉพาะด้วย พ่นคำพูดพวกนี้ใส่ไม่หยุด


ขณะที่เหมียวอี้เงยหน้ามองมันพูดเป็นต่อยหอย ใบก็หน้าเริ่มดำลงทีละนิด พอพลิกฝ่ามือ ทวนเกล็ดย้อนก็ปรากฏอยู่ในมือ หัวทวนที่แหลมคมแทงออกไปหนึ่งครั้ง ชั่วพริบตาเดียวก็จ่ออยู่ตรงคอเฮยทั่นแล้ว เขาเกิดอารมณ์ชั่ววูบอยากจะแทงมันให้ตาย ตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดว่า “หุบปากให้พ่อเดี๋ยวนี้…”


พอกล่าวคำนี้ออกมา เขาเองก็อึ้งไปเหมือนกัน ประโยคนี้เหมือนเฮยทั่นเพิ่งจะพูดไปนะ


“…” เฮยทั่นอ้าปากค้าง ขณะมองดูเหมียวอี้ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเคือง มันก็พลันได้สติกลับมาทันที หันหัวหลบหัวทวนที่จ่อคออยู่ แล้วถอนหลังช้าๆ “นายท่าน มีอะไรก็พูดกันดีๆ อย่าลงไม้ลงมือ ข้าไม่ได้มีเจตนาจะด่าท่านนะ”


เหมียวอี้ย่อมมองออกว่ามันไม่ได้ตั้งใจจะด่าตน เห็นได้ชัดว่าเป็นคำพูดที่เกิดขึ้นด้วยอารมณ์ตื่นเต้น ไม่ได้ผ่านสมอง ถ้าไม่ใช่เพราะแบบนี้ เขาคงจะแทงมันให้เลือดไหลออกมาสักสองสามชั่งจริงๆ แต่ก็ด้วยเหตุนี้เช่นกัน เพราะเป็นคำพูดที่ไม่ผ่านสมอง มันถึงเป็นคำพูดที่มาจากหัวใจ การจะพูดคำว่า ‘ไอ้เวรเอ๊ย’ ออกมาได้จะต้องมีความอาฆาตแค้นขนาดไหนกัน ไม่น่าเชื่อว่าจะสะสมคำพูดหยาบคายได้เยอะขนาดนี้ นี่มันเตรียมจะเอาไว้พูดกับใครกันแน่?


เขาแทบจะไม่สงสัยเลยว่ามีคนอื่น มีความเป็นไปได้เก้าในสิบว่าจะพูดกับเขา ไม่มีเหตุผลอื่นด้วย เป็นเพราะคนที่ขี่เฮยทั่นวิ่งไปทั่วทุกที่ก็คือเขา คนที่ชอบลงไม้ลงมือกับเฮยทั่นบ่อยๆ ก็คือเขาเช่นกัน ถ้าไม่ด่าเขาแล้วจะด่าใครล่ะ? ความอาฆาตแค้นที่ลึกซึ้งขนาดนี้ นอกจากเขาก็คงจะไม่มีคนอื่นแล้วมั้ง?


แค่คิดก็เดือดมาก เหมียวอี้ถือทวนเดินประชิดเข้าไป แล้วอสยะยิ้มไม่หยุด “นี่คงเป็นคำพูดในใจของเจ้าที่อยากจะด่าใครสักคนสินะ? โจรอ้วน มานี่ มาพูดอีกทีซิ ปกติแล้วเจ้าใช้คำพูดพวกนี้ด่าใครในใจ?”


เฮยทั่นรีบส่ายหน้า “นายท่าน ไม่ได้ด่าท่านจริงๆ ข้าเรียนมาจากคนอื่นทั้งนั้น”


“หึ!” เหมียวอี้ยิ้มอย่างเสแสร้ง “ทำไมข้าไม่เคยเห็นใครเคยสอนให้เจ้าพูดอะไรพวกนี้เลยนะ ข้าคิดไม่ออกว่าข้างกายเจ้ามีใครที่ปากเต็มไปด้วยคำหยาบแบบนี้”


เฮยทั่นกล่าวอย่างกังวลว่า “ทำไมจะไม่เคย? ตอนฮูหยินด่าท่านข้าก็จำได้บ้างนิดหน่อย ตอนที่ท่านพูดคำหยาบข้าก็จำได้เหมือนกัน…”


“เหลวไหล!” เหมียวอี้โบกทวนชี้ “เมื่อกี้นี้เจ้าด่าคำหยาบเป็นชุด บางคำข้ากับฮูหยินก็ไม่เคยพูดกันเลย ยังกล้ามาเจ้าเล่ห์อีก!”


“เยารั่วเซียน!” เฮยทั่นสารภาพเสียงดัง “นายท่าน ท่านไม่รู้หรอก ที่จริงหลายปีมานี้คนที่พูดกับข้าเยอะที่สุดก็คือเยารั่วเซียน เมื่อก่อนตอนข้ายังอยู่กับเยารั่วเซียน เวลาเยารั่วเซียนไม่มีงานอะไรทำ ก็จะนั่งยองๆ ข้างข้าแล้วด่าท่าน ส่วนใหญ่ข้าเรียนรู้มาจากเขา…ข้าอยากจะฟ้องท่านตั้งนานแล้ว เพียงแต่ก่อนหน้านี้ข้าพูดไม่ได้ ตอนนี้สามารถพูดได้แล้ว นายท่าน เยารั่วเซียนไม่ใช่คนดีอะไร ด่าท่านลับหลังบ่อยมาก ในปีนั้นข้ายังอยากช่วยสั่งสอนเขาให้ท่านเลย”


เหมียวอี้ปวดประสาท ไม่ต้องพูดเลย การที่เยารั่วเซียนด่าตนนั้นเป็นเรื่องปกติมาก คำหยาบบางคำเหมือนจะเป็นลักษณะการพูดของเยารั่วเซียนจริงๆ


พอได้ฟังเจ้าเดรัจฉานนี้แก้ตัว เหมียวอี้ก็เรียกได้ว่าทั้งโมโหทั้งอยากขำ ช่างพูดจาคล่องปรื๋อจริงๆ สงสัยจะหลายปีมานี้จะไม่ได้อยู่อย่างเสียชาติเกิด เขาทำเสียงฮึดฮัดแล้วถามว่า “แล้วทำไมไม่เรียนคำพูดดีๆ ทำไมเรียนแต่คำหยาบ?”


เฮยทั่นก็หยุดแก้ตัวแล้วเช่นกัน “ข้าไม่ได้เรียนเฉพาะคำหยาบนะ ก็ท่านให้ข้าพูดอะไรใหม่ๆ เองนี่”


เหมียวอี้ชี้ทวน “ถ้าในใจไม่มีอะไรแอบแฝง เจ้าจะหนีทำไม? หยุดเดี๋ยวนี้!”


เฮยทั่นยังถอยหลังต่อไป “นายท่าน คนอื่นอาจจะไม่รู้จักท่าน แต่คิดว่าข้าจะไม่รู้จักท่านเชียวเหรอ ข้ารู้ดีที่สุดแล้วว่าท่านเป็นคนยังไง ถ้าข้าไม่หนีแล้วท่านไม่ลงมือก็แปลกแล้ว ท่านต้องอยากตีข้าเพื่อระบายความโกรธแน่นอน!”


“เจ้าวางใจเถอะ ข้าไม่แตะต้องเจ้าหรอก” เหมียวอี้บอก


เฮยทั่นไม่หยุด “งั้นท่านก็อย่าเข้ามาสิ หรือท่านจะสาบานก่อนดีมั้ย?”


“ให้ข้าสาบานเหรอ?” ไฟโกรธของเหมียวอี้พลุ่งพล่านทันที ถลันตัวเข้าไปแล้วใช้ทวนแทงเลย


ทว่าเฮยทั่นก็ไม่ใช่เล่นๆ เหมือนกัน มีเสียงดังพรึ่บ พอเลี้ยวเสร็จก็วิ่งทันที


“ยังกล้าหนีอีกเหรอ! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เหมียวอี้ถือทวนเร่งไล่ตามหลัง ส่วนเฮยทั่นก็ปลดปล่อยฝีเท้าวิ่งอย่างบ้าระห่ำ


คนกับสัตว์พาหนะวิ่งตามริมทะเลสาบไปหลายรอบ ถ้าพูดถึงความเร็วในการเหาะ เหมียวอี้ก็ยังสู้เฮยทั่นไม่ได้ ถ้าพูดถึงความเร็วบนพื้นดิน เหมียวอี้ก็ยิ่งเทียบมันไม่ติด ความเร็วในการวิ่งของเฮยทั่นนั้นน่าทึ่งไม่ธรรมดา


เมื่ออยู่ในสถานที่บ้าบอนี้ ทั้งสองก็ดันวิ่งไม่ได้ ทำได้เพียงปลดปล่อยฝีเท้าวิ่ง เหมียวอี้จะวิ่งตามมันทันได้อย่างไร เขาใช้เท้าทะยานคลื่น ไปดักโจมตีจากผิวน้ำแต่ก็ตามความเร็วของเฮยทั่นไม่ทันอยู่ดี


“นายท่าน ไม่ต้องไล่ตามแล้ว ท่านเร็วไม่เท่าข้าหรอก ตามไม่ทันหรอก” หลังจากวิ่งวนทะเลสาบไปหลายรอบ เฮยทั่นก็หันกลับมาเกลี้ยกล่อมอย่างไม่สะทกสะท้าน


เหมียวอี้หยุดแล้ว ก่อนจะใช้ทวนชี้พร้อมแสยะยิ้ม “เจ้าหนีไปเถอะ หนีให้ข้าดู เดี๋ยวก็ได้ตกอยู่ในมือข้าอยู่แล้ว นอกเสียจากเจ้าจะอยากอยู่ในนี้ตลอดไป!” ในเมื่อไล่ตามไม่ทัน ก็ทำได้เพียงพูดอะไรโหดๆ แบบนี้


เขาได้แต่แค้นที่ตัวเองไม่ได้พกตั๊กแตนมาด้วย ไม่รู้ว่าปีกของมันจะบินที่นี่ได้หรือเปล่า อาศัยกรงเล็บที่แหลมคมของตั๊กแตน ก็สามารถรับมือกับผิวเนื้อที่หยาบหนาของเฮยทั่นได้อย่างไม่มีปัญหา ปกติเฮยทั่นก็ค่อนข้างกลัวตั๊กแตนทมิฬอยู่แล้ว เพียงแต่ตอนนี้เฮยทั่นสามารถปล่อยไฟฟ้าได้ เกรงว่าตั๊กแตนพวกนั้นจะทำอะไรเฮยทั่นไม่ได้เหมือนกัน


เมื่อเห็นเขาหยุดแล้ว เฮยทั่นก็หยุดแล้วเช่นกัน ทว่าสิ่งที่น่าตกใจก็คือ พอมันหยุดวิ่ง เหมียวอี้ก็พลันพลิกมือถือธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์เอาไว้ แล้วลงมืออย่างรวดเร็วมาก พอลูกธนูดาวตกสามดอกถูกง้างอยู่บนสายพร้อมกัน เขาก็ตะโกนว่า “หนีสิ! ถ้ากล้านักก็หนีให้ข้าดูเลย ข้าจะยิงให้ขาเจ้าหัก”


เฮยทั่นหันไปมองที่ทะเลสาบ อยากจะกระโดดลงไป แต่มันโดนลูกธนูดาวตกเล็งแล้ว กระโดดลงน้ำไปก็โดนยิงอยู่ดี ตอนนี้ถึงได้พบว่าตัวเองตกหลุมพรางแล้ว


เหมียวอี้ต้องการล่อให้มันหยุด ไม่อย่างนั้นถ้าปล่อยให้มันหนีลงไปในทะเลสาบ เขาก็จะไม่มีทางเล็งแม่นแล้ว


“นายท่าน ข้าโดนใส่ร้ายนะ ข้าไม่ได้ด่าท่านจริงๆ!” เฮยทั่นตะโกนร้องขอความเป็นธรรม จะหนีก็ไม่หนี จะหลบก็ไม่หลบ ห่วงเหล็กบนคอ ถ้าไม่ผ่านการร่ายอิทธิฤทธิ์จากเหมียวอี้ก็ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นเกราะรบได้ ตัวมันเองต้านทานลูกธนูดาวตกที่ทำจากผลึกแดงไม่ไหว


เหมียวอี้ที่กำลังง้างสายธนูแสยะยิ้ม “ไม่เป็นไรหรอก หนีสิ หนีต่อไป อย่างมากก็แค่ขาหักสามข้างเอง”


เฮยทั่นพูดไม่ออกแล้ว รู้ว่าถ้าวันนี้ไม่ให้เขาระบายอารมณ์โกรธ ก็เลิกคิดไปได้เลยว่าเรื่องนี้จะผ่านไป นอกเสียจากตัวเองจะหนีไปโดยไร้เงาและไม่มาเจอกับเขาอีก ไม่อย่างนั้น…มันได้แต่แข็งใจหมอบลงบนพื้น แล้วใช้กีบเท้าสองข้างกุมหัวปิดตา บอกเป็นนัยว่า เข้ามาสิ!


“ข้าให้เจ้าด่าพ่อ ข้าให้เจ้าไม่เรียนอะไรดีๆ ข้าให้เจ้าพูดคำหยาบ…”


ผ่านไปไม่นาน ริมทะเลสาบก็มีเสียงดังสะเทือนเหมือนฟ้าผ่า เห็นเพียงเหมียวอี้ถือทวนเกล็ดย้อนทำเป็นไม้กระบอง เรียกได้ว่าตีอย่างแรงไปยกหนึ่ง


หลังจากนั้น เหมียวอี้ก็เอามือไขว้หลังเดินไปเดินมาอย่างเอ้อระเหยริมทะเลสาบ พอระบายความโกรธนี้แล้ว ในใจก็ผ่อนคลายมาก


เฮยทั่นคอตก ก้มหน้าเดินตามหลังเหมียวอี้อย่างห่อเหี่ยว มันปวดเนื้อปวดตัว เกือบจะโดนตีจนยับเยินแล้ว


พอกลับมาที่ถ้ำ เหมียวอี้ก็กลับไปนั่งสมาธิฝึกตนต่อ ส่วนเฮยทั่นที่นอนหมอบหน้าปากถ้ำก็ลืมความเจ็บปวดเร็วมาก นอนงีบต่อไป ผ่านไปสักประเดี๋ยวก็มีกลิ่นหอมประโลมจิตใจโชยออกมาจางๆ อีก…


หลังจากนั้นไม่กี่วัน เฮยทั่นก็ลุกขึ้นจากปากถ้ำ แล้ววิ่งไปที่ทะเลสาบด้วยความกระปรี้กระเปร่า


ตอนกลางวันก็ไม่เป็นไร ของอร่อยเมื่อได้กินแล้วก็อยากกินอีก มันย่อมมุ่งตรงไปที่รังของปลาขาววิญญาณอาฆาต


มันว่ายน้ำด้วยความเร็วตลอดทาง ไม่ชักช้าเลยสักนิด จนกระทั่งไปถึงจุดหมาย ปลาที่อยู่ในรังนั้นยังคงอยู่ โพรงที่มันขุดไว้ก็ยังอยู่เช่นกัน


ไม่จำเป็นต้องลังเล มันพุ่งเข้าไปอีกแล้ว ข้างในมีแสงของสายฟ้าวับวาบ คาบปลาตัวสีขาวออกมาหนึ่งตัวโดยตรง ครั้งนี้เอาไปแค่ตัวเดียว เมื่อมีบทเรียนครั้งก่อนแล้ว มันก็อยากจะกินแบบสดใหม่ เดี๋ยวถ้าครั้งหน้าอยากกินก็ค่อยมาอีกก็ได้


รังของปลาขาววิญญาณอาฆาตโดนมันทำให้กลายเป็นเป็นหม้อที่สามารถใช้ตะเกียบคีบกินได้ทุกเมื่อ


พอกลับมาที่ทางน้ำ เฮยทั่นก็ลอยขึ้นมาที่ผิวน้ำ หางของมันกำลังวาดพายอยู่ใต้น้ำ กรงเล็บกำลังกอดปลาใหญ่กัดกิน ขณะที่กลับมาก็กินไปด้วยตลอดทางอย่างสบายใจ


ส่วนปลาในรังนั้น หลังจากโดนสายฟ้าโจมตีจนอ่อนกำลังแล้ว ก็มีสองตัวหนีออกมาจากโพรงที่เฮยทั่นขุดไว้ แล้วหนีไปยังที่มืดไกลๆ อย่างรวดเร็ว…


หลังจากนั้นหลายวัน เฮยทั่นก็กลับมาอย่างยิ่งใหญ่อีกแล้ว พอมันเอาหัวมุดเข้าไปในรังปลา ก็ชะงักค้างทันที สังเกตเห็นความไม่ชอบมาหาพากลบางอย่างแล้ว


ไม่น่าเชื่อว่าปลาขาวฝูงนี้จะไม่หนีไปไหน แต่รวมตัวกันเป็นกำแพงปลาสายหนึ่ง


เฮยทั่นไม่เห็นพวกมันอยู่ในสายตาเลย มันพุ่งเข้าไปโดยตรง เพราะเดาว่าปลาใหญ่คงจะแอบอยู่ข้างหลัง


ใครจะคิดว่าจู่ๆ ฝูงปลาจะกระจายออก โฉมหน้าที่แท้จริงหลังกำแพงปลาทำให้เฮยทั่นรีบหยุดการโจมตี


หลังกำแพงปลาปรากฏสตรีชุดขาวคนหนึ่ง สง่างามเย็นชา คางแหลมราวกับสว่าน ผิวกายขาวเหมือนหยก ไม่มีความโกรธใดๆ กระโปรงพลิ้วไหวอย่างอ่อนโยนอยู่ในน้ำ และข้างหลังสตรีชุดขาวก็ยังมีสาวใช้ชุดขาวที่แต่งกายเหมือนสาวใช้อยู่อีกสิบกว่าคน เหมือนเป็นผู้ติดตาม ปลาขาวที่ยังมีชีวิตอยู่ก็แหวกว่ายอยู่ระหว่างพวกนางเช่นกัน


“สัตว์เดรัจฉานจากไหน บางอาจมาพาลเกเรที่อาณาเขตของข้า!” สตรีชุดขาวตะคอก


เฮยทั่นจ้องวรยุทธ์บงกชทองขั้นหกตรงหว่างคิ้วสตรีชุดขาว มันไม่เห็นนักพรตบงกชทองขั้นหกอยู่ในสายตาเลยจริงๆ แต่กระบี่วิเศษผลึกแดงในมืออีกฝ่ายยังทำให้มันกังวลอยู่บ้าง ตอนนี้มันยังไม่ได้ใส่เกราะรบ เตรียมจะกลับไปเปลี่ยนใส่เกราะรบที่เหมียวอี้ก่อนแล้วค่อยกลับมาจัดการพวกนาง


“โคตรพ่อเจ้าสิ ชายชาตรีไม่สู้กับผู้หญิง!” เฮยทั่นพูดจาเหมือนคน แล้วก็เลี้ยวหนีไปเลย


“เอ๋! ยังไม่ได้เปลี่ยนร่างเป็นคนก็พูดภาษาคนได้แล้วเหรอ?” สตรีชุดขาวแปลกใจ จากนั้นก็โบกมือทันที “มาแล้วแต่ยังคิดจะหนีอีกเหรอ?”


สาวใช้สิบกว่าคนไล่ตามไปอย่างรวดเร็ว


เฮยทั่นสะบัดหาง บนตัวมีเสียง “เปรี๊ยๆ” ปล่อยสายฟ้า เมื่ออยู่ในน้ำ สิ่งนี้เป็นอาวุธที่ไร้เทียมทานจริงๆ มีประสิทธิภาพในการโจมตีหมู่ มันใช้สายฟ้าโจมตีสาวใช้สิบกว่าคนนั้นตัวโอนเอนไปพักหนึ่ง ส่วนปลาขาวก็ตัวสั่น แม้แต่สตรีชุดขาวก็ตัวสั่นเหมือนกัน


รอจนพวกนางอาการดีขึ้น เฮยทั่นก็หนีไปไกลแล้ว สตรีชุดขาวรีบไล่ตามไป ไม่นานก็ตามทัน แต่ก็ไม่ได้เข้าใจเกินไป ค่อนข้างกลัวว่าเฮยทั่นจะปล่อยสายฟ้าในน้ำ จึงล่อยกระบี่บินโจมตีในน้ำ ผลปรากฏว่าโดนเฮยทั่นใช้หางปัดกระบี่กระเด็นออกไปแล้ว


เมื่อเห็นว่าตอนอยู่ใต้น้ำความเร็วของตัวเองสู้อีกฝ่ายไม่ได้ ไม่สามารถสลัดอีกฝ่ายออกไปได้ เฮยทั่นก็เลยรีบพุ่งไปที่ริมฝั่งของทางน้ำ มีเสียงดังโครม มันพุ่งออกมาจากน้ำแล้ว จากนั้นก็วิ่งตะบึงต่อไปตามริมฝั่ง ความเร็วในการวิ่งนั้นไม่ต้องพูดถึงเลย


พลั่ก! สตรีชุดขาวคนนั้นโผล่ขึ้นมาจากน้ำแล้วเช่นกัน จากนั้นก็เหาะอยู่บนฟ้าเสียเลย กระโปรงปลิวพลิ้วอยู่กลางอากาศ ไล่ตามมาอย่างรวดเร็ว ส่วนสาวใช้สิบกว่าคนนั้น พอขึ้นมาจากน้ำก็ทะยานขึ้นฟ้าไล่ตามอยู่ข้างหลัง


“โคตรพ่อเจ้าสิ!” เฮยทั่นที่หันกลับมามองแวบหนึ่งร้องอุทาน นึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะเหาะได้ในสถานที่แบบนี้ แบบนั้นตนก็เสียเปรียบเกินไปแล้ว มันรีบวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด


สตรีชุดขาวที่เหาะอยู่ข้างบนก็ตกใจไม่น้อยเช่นกัน นึกไม่ถึงว่าเฮยทั่นจะสามารถวิ่งบนพื้นได้เร็วขนาดนี้


แต่ความเร็วในการวิ่งบนพื้นจะเร็วได้สักเท่าไรเชียว ถ้าอยากจะให้เร็วกว่านักพรตบงกชทองที่เหาะอยู่บนฟ้า ก็แทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย ไม่นานก็โดนตามทันแล้ว


บทที่ 1466 จิ้งหูเหนียงเหนียง

Ink Stone_Fantasy

ถ้าอยู่ข้างหลังก็จะโดนโจมตี!


สตรีชุดขาวที่ตามทันควงกระบี่ฟันอย่างอากาศ กระบี่กลายเป็นลำแสงฟันลงข้างล่างอย่างรวดเร็ว


เกิดเสียงดังโครมคราม พื้นดินพังถล่ม เฮยทั่นหลีกหนีไปด้านข้างแล้ว จากนั้นก็พุ่งออกมาท่ามกลางฝุ่นดินที่ระเบิดออก แล้ววิ่งหนีไปข้างหน้าต่ออย่างบ้าระห่ำ


สาวใช้สิบกว่าคนก็ตามทันแล้วเช่นกัน ใช้ดาบและกระบี่ฟันลงมาอย่างต่อเนื่องไม่หยุด เฮยทั่นที่อยู่ข้างล่างโผล่ทางซ้ายแล้วถลันหลบ กระโดดด้วยความเร็วที่น่าอัศจรรย์ แต่บนตัวก็ยังมีแผลเลือดไหลที่โดนฟันหลายรอย


สตรีชุดขาวที่ไล่ตามอยู่บนฟ้าจ้องเลือดสดที่ไหลบนตัวเฮยทั่น แล้วจู่ๆ ก็กล่าวด้วยความดีใจอย่างสุดซึ้ง “เป็นกายที่มีเลือดเนื้อจริงๆ ซะด้วย หยุดก่อน จับเป็น!”


ทันใดนั้นก็เร่งความเร็วไปข้างหน้า เหาะลงมาจากฟ้า แล้วถือกระบี่ขวางอยู่ตรงหน้าเฮยทั่น ในดวงตาปรากฏแสงสีขาวรางๆ แล้วพุ่งเข้ามาที่ดวงตาทั้งคู่ของเฮยทั่น


“จับปู่เจ้าสิ!” เฮยทั่นร้องตกใจ ร่างที่กำลังวิ่งตะบึงพลันหลบไปด้านข้าง จู่ๆ สะบัดหางอย่างบ้าคลั่ง


สตรีชุดขาวตกใจมาก รีบใช้สองมือดันกระบี่ไปขวางด้านหน้า แกร๊ง! พลังกลุ่มใหญ่สะเทือนเข้ามา ทั้งตัวนางทั้งกระบี่โดนเฮยทั่นใช้หางฟาดจนกระเด็นออกไปแล้ว


พอตกลงพื้นก็เหาะขึ้นมาอีก หน้าตาเปลี่ยนเป็นสะบักสะบอมแล้วนิดหน่อย นางนึกไม่ถึงว่าเฮยทั่นจะมีกำลังมากขนาดนี้ โดนโจมตีอย่างรุนแรงครั้งเดียวก็ทำให้นางไร้แรงโต้ตอบแล้ว เดิมทีก็ต้านทานไม่ไหวอยู่แล้ว การโจมตีนี้ทำให้นางเสียพลังวิญญาณไปไม่น้อย นางยิ่งไม่ถึงว่าพลังอาฆาตแค้นของตัวเองจะใช้ไม่ได้ผลกับเฮยทั่นเลยสักนิด


ขณะมองดูเฮยทั่นวิ่งหนีต่อไปอย่างบ้าคลั่ง จู่ๆ สตรีชุดขาวก็หลุดอุทานว่า “อย่าบอกนะว่าเป็นเผ่ามังกร! แย่แล้ว…” ไม่รู้ว่านางนึกอะไรขึ้นได้ สีหน้านางเปลี่ยนไปมาก รีบบอกลูกน้องที่ไล่ตามว่า “ฆ่ามัน ฆ่ามัน รีบฆ่ามัน!” ส่วนตัวเองก็รีบเหาะขึ้นฟ้าไป


เงาคนคนหนึ่งกระโดดขึ้นมาบนเนินเขาริมทะเลสาบ เป็นเหมียวอี้นั่นเอง


เสียงต่อสู้ดังโครมครามขนาดนี้ จะไม่ให้เหมียวอี้ที่นั่งฝึกตนอยู่ในถ้ำรู้สึกได้ก็คงยาก พอออกมาจากถ้ำก็ตะโกนเรียกไม่หยุดว่า ‘โจรอ้วน’ พอเห็นว่าไม่มีการตอบกลับ เขาก็รู้ทันทีว่าเสียงการต่อสู้นั้นเกี่ยวข้องกับเฮยทั่น จึงรีบพุ่งขึ้นมาดู ผลปรากฏว่าเห็นเฮยทั่นกำลังโดนไล่ฆ่า


เหมียวอี้ทั้งโมโหทั้งกลุ้มใจ เห็นได้ชัดว่าเฮยทั่นไม่สนใจคำพูดของเขา แอบหนีออกไปนอกหุบเขา ไปยั่วโมโหคนที่ไม่ควรจะยั่วโมโห ไม่อย่างนั้นต่อให้โดนตีก็ยังอยู่ในหุบเขา จะไปโผล่อยู่ในที่ไกลขนาดนั้นได้อย่างไร?


ทว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาโกรธ เฮยทั่นอยู่ที่นี่เหาะไม่ได้ ต่อให้จะวิ่งเร็วกว่านี้แต่กลับสู้ความคล่องแคล่วของมือเท้าคนไม่ได้ อีกฝ่ายรุกโจมตีอยู่บนฟ้า มันมีแต่จะโดนโจมตีอย่างเดียว เขาต้องรีบไปช่วยชีวิต ไม่อย่างนั้นก็จะเกิดปัญหา


เฮยทั่นที่พุ่งออกมาจากระเบิดคลั่งตลอดทางก็เห็นเขาแล้วเช่นกัน ตะโกนตั้งแต่อยู่ไกลๆ ว่า “นายท่าน ช่วยด้วย!”


เหมียวอี้ใช้นิ้วร่ายวิชาชี้ไปที่เฮยทั่น ชั่วพริบตานั้นห่วงเหล็กบนคอเฮยทั่นก็เปล่งแสง แล้วพลิกคลี่กางออกมา กลายเป็นเกราะรบดุร้ายปกคลุมบนร่างกาย


ซวบ! บนพื้นไถลเป็นรอยลึกยาว หินดินปลิวขึ้นมาอย่างดุเดือด เฮยทั่นไม่วิ่งหนีแล้ว พลันหยุดอยู่กับที่ ใช้ความสามารถในการทนไม้ทนมือฝืนต้านทานการโจมตีไว้


“อ๋าว…” พอเงยหน้าคำรามอย่างเกรี้ยวกราด เฮยทั่นที่ขยับหางช้าๆ ก็มองไปบนฟ้า เมื่อมีเกราะเคยป้องกันแล้ว ก็ไม่มีอะไรให้ห่วงหน้าพะวงหลังอีก กลิ่นอายที่เหี้ยมหาญดุร้ายเผยออกมาจนหมด เท้าทั้งสี่ค่อยๆ ย่อลงตามพื้น เห็นได้ชัดว่าเตรียมจะอาศัยแรงอันป่าเถื่อนพุ่งขึ้นฟ้าโจมตีกลับ


สตรีชุดขาวที่อยู่บนฟ้าโบกมือ บอกให้ลูกน้องหยุดโจมตีเช่นกัน นางมองเหมียวอี้ที่ยืนอยู่บนเนินเขาอย่างประหลาดใจสงสัย เห็นเพียงเหมียวอี้สวมเกราะรบผลึกแดงบริสุทธิ์สูงทั้งตัว ในมือถือทวนยาว


“กลับมา!” เหมียวอี้ตะโกน เขาเองก็มองออกว่าเฮยทั่นต้องการโจมตีกลับ ทว่ายังไม่เข้าใจสถานการณ์อะไรด้วยซ้ำ ไม่มีเหตุผลที่จะไปสร้างปัญหาที่แยกแยะไม่ออกที่นี่ ทำความเข้าใจสถานการณ์ให้ชัดเจนก่อนแล้วค่อยว่ากัน


เฮยทั่นหันกับมามองเหมียวอี้แวบหนึ่ง แล้วก็มองบนฟ้าอย่างโกรธเคืองด้วยสายตาไม่ยอมแพ้ สุดท้ายก็เลี้ยวหนีกลับมา รีบพุ่งมาอยู่ข้างกายเหมียวอี้


เหมียวอี้พลิกตัวขึ้นขี่บนตัวเฮยทั่น ยกทวนที่ถือเฉียงอยู่ในมือขึ้นมา ใช้ไปบนฟ้าไกลๆ พร้อมตะโกนว่า “ใครมันบังอาจมาทำร้ายสัตว์พาหนะของจ้า!”


สตรีชุดขาวรีบนำลูกน้องเหาะลงมาเช่นกัน ลดระดับความสูงให้ต่ำลงอย่างช้าๆ พอหยุดอยู่กลางอากาศแล้วก็มองประเมินเหมียวอี้ สาวใช้คนหนึ่งข้างกายนางบอกว่า “นี่คือจิ้งหูเหนียงเหนียง! มาถึงอาณาเขตของเหนียงเหนียงพวกเราแล้ว ยังไม่รีบคำนับอีก”


“จิ้งหูเหนียงเหนียงอะไรกัน เป็นคนอัปลักษณ์ก็เท่านั้นเอง” เฮยทั่นกล่าวดูถูก


ทุกคนที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามเดือดดาลมาก เหมียวอี้ก็ถือทวนตีหัวเฮยทั่นเช่นกัน “มีใครสั่งให้เจ้าพูดรึยัง?”


เฮยทั่นจำเป็นต้องหุบปาก


สตรีชุดขาวก็คือผู้ที่ถูกเรียกว่าจิ้งหูเหนียงเหนียง นางถามอย่างสงสัยมากว่า “เจ้าเป็นใคร? มาจากอาณาเขตไหน ทำไมถึงมาอยู่ในเขตข้าได้?”


เหมียวอี้ตอบว่า “ข้าคือแม่ทัพภาคหน่วยองครักษ์ซ้ายตำหนักสวรรค์” เขาไม่ได้เอ่ยถึงฐานะนักโทษที่โดนคุมตัว


“ตำหนักสวรรค์?” จิ้งหูเหนียงเหนียงงุนงง หลังจกาเหม่อลอยไปพักหนึ่ง จู่ๆ ก็อุทานว่า “เจ้ามาจากนอกแดนมรณะดึกดำบรรพ์เหรอ?”


เหมียวอี้หยักหน้า “ใช่แล้ว! ไม่ทราบว่าเหตุใดท่านจึงทำร้ายสัตว์พาหนะของข้า?”


จิ้งหูเหนียงเหนียงแสยะยิ้มตอบ “มันทำร้ายเผ่าน้ำของข้าจนยับเยิน ทั้งยังกล้าลงมือกับข้าด้วย เจ้าคิดว่าเพราะเหตุใดล่ะ?”


เหมียวอี้พอจะเข้าใจคร่าวๆ แล้ว สงสัยเฮยทั่นจะตะกละกินปลาขาววิญญาณอาฆาตจนก่อหายนะ จึงถือทวนกุมหมัดคารวะ “สัตว์พาหนะของข้าก็โดนทำร้ายจนบาดเจ็บเช่นกัน เหนียงเหนียงได้ระบายความโกรธแค้นนี้แล้ว ไม่ทราบว่าเลิกแล้วต่อกันตรงนี้ได้หรือไม่? ถ้าหากเหนียงเหนียงรู้สึกว่ายังระบายอารมณ์ไม่พอ อยากได้อะไรชดเชยอีก พวกเราก็เลิกใช้กำลังแล้วมาคุยกันดีๆ ได้”


เขาไม่คุ้นเคยกับสภาพวิถีชีวิตที่นี่ ไม่น่าเชื่อว่าจะยังมีคนอาศัยอยู่ ทั้งยังเหาะได้ด้วย นี่มันสถานการณ์อะไรกัน? ดังนั้นเขาจึงอยากจะทำความเข้าใจสถานการณ์จากปากของอีกฝ่ายสักหน่อย


แต่เฮยทั่นไม่เอาด้วย บ่นอย่างหงุดหงิดมากว่า “เข้าใจอะไรผิดรึเปล่า นางทำร้ายข้า ยังจะให้ข้าชดเชยอะไรให้นางอีก? นายท่านไปพักก่อน เดี๋ยวข้าจะไปเอาชีวิตนางเอง!”


ตุ้บ! หัวมันโดนทวนของเหมียวอี้ตีอีกแล้ว “หุบปาก!”


เฮยทั่นทำเสียงฟึดฟันทันที ถึงแม้จะรู้สึกไม่ยอม แต่กลับต้องเชื่อฟัง


ส่วนจิ้งหูเหนียงเหนียงนั่นก็ไม่ได้แยแสคำพูดของเฮยทั่นเลย ดวงตาสองข้างกลับฉายแววละโมบด้วยซ้ำ นางจ้องเหมียวอี้พร้อมพูดหยอกว่า “ถ้าชดเชยให้ได้ก็ย่อมเป็นเรื่องดีอยู่แล้ว ข้าว่าร่างกายที่มีเลือดเนื้อของเจ้าก็ไม่เลวนะ ไม่สู้มอบร่างกายของเจ้ามาชดเชยให้ข้าสิ รอให้ร่างวิญญาณของข้าร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับกายหยาบของเจ้า พวกเราก็อยู่ร่วมกันดีๆ ได้แล้ว แบบบนี้เป็นยังไง?”


ถึงแม้เหมียวอี้จะฟังคำพูดของนางไม่เข้าใจ แต่การมอบกายหยาบของตัวเองให้จะต่างอะไรกับรนหาที่ตายล่ะ สีหน้าเขาเย็นเยียบลงหลายส่วนทันที “เหนียงเหนียงหมายความว่าต้องการจะให้ข้าตายเหรอ?”


ในดวงตาจิ้งหูเหนียงเหนียงฉายแววดุร้าย “เจ้าจะตาย แต่กายหยาบของเจ้าจะไม่ตาย ทำไมล่ะ ไม่เต็มใจเหรอ?”


“ก็ใช่ว่าจะไม่เต็มใจหรอก…” เหมียวอี้เลิกคิ้ว ยังไม่ทันพูดจบ เท้าสองข้างก็พลันเตะท้องของเฮยทั่นสองที พรึ่บ! เฮยทั่นที่เขานั่งอยู่พลันกระโดดขึ้นราวกับลูกธนูที่พุ่งออกจากสาย โผตรงขึ้นไปหาจิ้งหูเหนียงเหนียงนั่น


ความเร็วของเฮยทั่นตอนทะยานขึ้นมาไม่ได้ด้อยกว่าความเร็วตอนเหาะเลย กระโดดขึ้นเร็ว ตกลงลงช้า ใช้เวลาชั่วพริบตาเดียวก็โผไปถึงแล้ว


ฝั่งนั้นนึกไม่ถึงว่าเหมียวอี้จะเด็ดขาดขนาดนี้ ปากกับใจไม่ตรงกัน บทจะฆ่าก็ฆ่าเลย


สาวใช้สิบกว่าคนยิงกระบี่บินมาขวางทันที เหมียวอี้ออกทวนราวกับพายุฝน ตีกระบี่กระเด็นออกไปท่ามกลางเสียงโช้งเช้ง แล้วถือโอกาสออกทวนไปอยู่ในระดับเดียวกับศีรษะของจิ้งหูเหนียงเหนียงด้วย


จิ้งหูเหนียงเหนียงตกใจมาก รีบถลันตัวหลบ ขณะเดียวกันก็โบกกระบี่ต้านทานเอาไว้


แกร๊ง! เหมียวอี้ใช้ทวนปาดกระบี่แยกออกมา แล้วถือโอกาสส่งทวนออกไปอีกครั้ง สังหารอย่างรวดเร็วราวกับฟ้าแลบจนเกิดเสียงกรีดร้องหลายครั้ง


จิ้งหูเหนียงเหนียงนึกไม่ถึงว่าเหมียวอี้จะใช้ทวนได้รวดเร็วขนาดนี้ หลบหลีกไม่ทันเลย ทวนจมลงในหน้าอกแล้ว


เหมียวอี้ที่ถลันตัวผ่านไม่แม้แต่จะมอง พอใช้ทวนแทงโดนแล้วก็เลิกทวนหนึ่งที  ทำให้จิ้งหูเหนียงเหนียงที่กำลังกรีดร้องกระเด็นออกไป


เฮยทั่นที่เหยียบลงพื้นรีบหันตัว มองดูจิ้งหูเหนียงเหนียงที่กลิ้งลงพื้นด้วยความรู้สึกสำราญใจบนความทุกข์ของคนอื่น “ไม่ทนไม้ทนมือเลยจริงๆ แค่ทวนเดียวก็จัดการได้แล้ว”


เหมียวอี้กลับขมวดคิ้วมุ่น เห็นเพียงจิ้งหูเหนียงเหนียงคนนั้นลอยขึ้นมาอีกครั้ง เฮยทั่นก็ส่งเสียงฮึดฮัดแล้วเบิกตากว้างเช่นกัน


ถึงแม้หัวใจของจิ้งหูเหนียงเหนียงจะไม่มีเลือดไหล แต่กลับโดนทวนแทงจนกลายเป็นหัวใจกลวง ตรงตำแหน่งหัวใจทะลุแล้ว สามารถมองเห็นฝั่งนั้นได้จากฝั่งนี้ แต่นางกลับเหมือนคนไม่เป็นอะไร ลอยขึ้นช้าๆ ด้วยสีหน้าเย็นเยียบ ที่แปลกกว่านั้นก็คือ ไม่น่าเชื่อว่าตรงบาดแผลจะสมานตัวอย่างรวดเร็ว หลังจากสมานตัวเสร็จแล้ว วรยุทธ์บงกชทองขั้นหกตรงหว่างคิ้วก็กลายเป็นขั้นห้าแล้ว เห็นได้ชัดว่าบาดเจ็บไม่ใช่น้อยๆ วรยุทธ์ลดลงมาหนึ่งขั้นแล้ว


แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ แต่ก็ยังทำให้เหมียวอี้กับเฮยทั่นตกใจมากอยู่ดี ฆ่าไม่ตายงั้นเหรอ?


ด้วยเหตุนี้เหมียวอี้จึงเข้าใจแล้ว ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่นักพรตธรรมดาทั่วไปเลย


“เหนียงเหนียง!” สาวใช้สิบกว่าคนที่กรูกันเข้ามาปกป้องนาง


“หลีกไป!” จิ้งหูเหนียงเหนียงตวาด โบกมือผลักสาวใช้ทางซ้ายและขวาออก แล้วจ้องเหมียวอี้พร้อมกล่าวอย่างเย็นเยียบ “ใช้ทวนได้เร็วจริงๆ!” ขณะที่พูดดวงตาก็เปล่งแสงสีขาวสลัว กางนิ้วทั้งห้าและทำท่าครอบเหมียวอี้


พลังลึกลับบางอย่างโจมตีเข้ามา เหมียวอี้รู้สึกหนาวสั่นทันที ภาพตรงหน้าพร่ามัว ทั้งตัวราวกับตกอยู่ในทะเลอาฆาตแค้นอันไร้ที่สิ้นสุด เขาสังเกตได้ถึงความไม่ชอบมาพากลแล้ว พยายามคงความรู้สึกตัวอยากจะต่อต้าน ทว่าความอาฆาตแค้นอันไร้ที่สิ้นสุดกลบฝังเขาไว้ราวกับกระแสน้ำ ทำให้เขาควบคุมความรู้สึกนึกคิดไม่ได้ และทำให้ในใจของเขามีความเคียดแค้นพรั่งพรูขึ้นมาไม่จบไม่สิ้นเช่นกัน ความอยุติธรรมและความอัปยศที่ได้รับตั้งแต่เด็กจนโตขยายใหญ่ขึ้นไม่หยุด ราวกับทั้งโลกนี้ติดค้างเขาอยู่ ทุกสิ่งล้วนทำผิดต่อเขา ทำให้เขาจมอยู่ในทะเลแค้นไร้ที่สิ้นสุดอย่างถอนตัวไม่ขึ้น


“จับไว้ให้ข้า!” จิ้งหูเหนียงเหนียงตะโกนสั่งด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์


สาวใช้สิบกว่าคนโผเข้าไปทันที


เฮยทั่นก็สังเกตได้ถึงความไม่ชอบมาพากลเช่นกัน พบว่าเหมียวอี้ร่างกายโอนเอนอยู่บนตัวมัน รู้สึกเหมือนใกล้จะล้มลงแล้ว


“อ๋าว…” เฮยทั่นพลันเงยหน้าครามขึ้นฟ้า ดังสะเทือนจนทำให้คนหูชา


เหมียวอี้ที่ลอยอยู่กลางทะเลแค้นไร้ที่สิ้นสุดได้ยินแล้ว ทำให้สติสัมปชัญญะกลับมาทันที แล้วรีบใช้เพลิงจิตปกป้องร่างกาย


ชั่วพริบตาที่เพลิงจิตปิดผนึกร่างกายตัวเอง ภาพตรงหน้าก็กระจ่างชัด ราวกับหนีออกมาจากทะเลแค้นได้ ภาพแรกที่ปรากฏสู่สายตาก็คือกลุ่มสาวใช้พุ่งเข้ามาแล้ว


ทวนเกล็ดย้อนในมือมีคลื่นล่องหนกลุ่มหนึ่งกระเพื่อมผ่าน เขาที่อดทนไม่ขยับไปไหนรอให้กลุ่มสาวใช้เข้ามาใกล้ แล้วจู่ๆ ก็มีเสียงมังกรคำรามดังขึ้นหลายครั้ง ชั่วพริบตานั้นแสงสะท้อนคมทวนกะพริบวิบวับ ทวนปาดสาวใช้ห้าคนกระเด็นออกไปอย่างรวดเร็ว สังหารจนมีเสียงกรีดร้องพักหนึ่ง คนที่เหลือตกใจจนหนีกระเจิดกระเจิง


“อ๋า…” สาวใช้ห้าคนที่กระเด็นตกลงพื้นราวกับมีผีร้ายสิงร่าง พวกนางเอามือปิดปากแผลขณะกลิ้งบนพื้น พร้อมเสียงเสียงกรีดร้องโหยหวนออกมาไม่หยุด ตรงบาดแผลมีควันลอยออกมาราวกับขี้เถ้าปลิว ในร่างกายเหมือนมีไฟเผา


สาวใช้ที่หนีออกไปตกใจสุดขีด ถอยหลังหนีอย่างตื่นตระหนก


“เป็นไปไม่ได้?” เมื่อเห็นว่าไม่สามารถควบคุมเหมียวอี้ได้ จิ้งหูเหนียงเหนียงที่ลอยอยู่กลางอากาศก็อุทานอย่างเหลือเชื่อ สภาพอนาถของพวกสาวใช้ก็ยิ่งทำให้นางตกใจมาก


เหมียวอี้กวาดสายตาเย็นเยียบ ใช้สองเท้าเคาะท้องของเฮยทั่นสองที ทำให้เฮยทั่นเร่งความเร็วทันที แล้วกระโจนพรวดขึ้นกลางอากาศ โผไปหาจิ้งหูเหนียงเหนียงอีกครั้ง


…………………………


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)