เทพปีศาจหวนคืน 1452-1461

บทที่ 1452 สามผู้ขายรายใหญ่

 

ทะเลตะวันออก


 


ทะเลกระจ่างใส


 


ศาลาหยกตั้งตระหง่านอยู่ในส่วนลึกของทะเลแห่งนี้ มันคือคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับหก


 


ภายในศาลาหยกผู้อมตะเซี่ยเปาซูกำลังต้อนรับสหายของเขา โหยว่เซียนซือ


 


โหยว่เซียนซือมองต้นไม้ขนาดใหญ่ที่อยู่นอกศาลาหยกและกล่าว “ถึงเวลาเก็บเกี่ยววิญญาณปีอีกครั้ง การเติบโตของต้นไม้เหล่านี้ดีกว่าปีก่อนหน้า ดูเหมือนวิธีการของเจ้าจะพัฒนาขึ้นอีกแล้ว”


 


เซี่ยเปาซูลูบจมูกและยิ้ม “เจ้าไม่จำเป็นต้องยกยอข้า”


 


โหยว่เซี่ยนซือหัวเราะ “เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนขายวิญญาณปีในสวรรค์สีเหลือง?”


 


เซี่ยเปาซูเงียบ เขาส่งวิญญาณปีระดับมนุษย์ให้โหยว่เซี่ยนซือ


 


โหยว่เซียนซือมองมัน “อืม ดี วิญญาณปีระดับห้าดวงนี้คุณภาพค่อนข้างดี มันน่าสนใจทีเดียว”


 


เซี่ยเปาซูส่ายศีรษะเล็กน้อย “วิญญาณปีดวงนี้ไม่ใช่ของข้า มันมาจากผู้ขายรายนั้น”


 


“เป็นเช่นนี้” โหยว่าเซี่ยนซือประหลาดใจเล็กน้อย


 


พวกเขารู้จักกันดี


 


เซี่ยเปาซูเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษที่มีชื่อเสียงของทะเลตะวันออก


 


เขามีความเชี่ยวชาญในการปลูกต้นแปรผัน มันเป็นทรัพยากรอมตะที่มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่หลายหลาก


 


มีคนที่ไม่มากที่สนใจมัน


 


แต่เซี่ยเปาซูพบวิธีใช้งานรูปแบบใหม่ เขาปลูกต้นไม้ต้นนี้เพื่อดึงดูดวิญญาณปีป่า


 


มันทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในสามผู้ขายวิญญาณปีรายใหญ่


 


เขาขายวิญญาณปีบางส่วนในสวรรค์สีเหลือง ส่วนใหญ่จะถูกขายให้กับกองกำลังต่างๆของทะเลตะวันออก


 


อย่างไรก็ตามเซี่ยเปาซูจะไม่ยอมแพ้ในตลาดสวรรค์สีเหลือง เนื่องจากที่นี่คือตลอดโลก ในบางแง่มุมสวรรค์สีเหลืองยังสำคัญกว่ากองกำลังของทะเลตะวันออก


 


ตอนนี้มีคนใหม่เข้ามา แล้วเซี่ยเปาซูจะเฝ้ามองอยู่ข้างสนามอย่างเฉยเมยได้อย่างไร?


 


แม้จะยังไม่ถึงเวลาขาย แต่เขายังให้ความสนใจกับสถานการณ์ในท้องตลาด


 


“ข้าตรวจสอบมาแล้ว คุณภาพวิญญาณปีของเขาอยู่ในระดับสูง นี่เป็นคู่ต่อสู้ที่ไม่ธรรมดา” เซี่ยเปาซูถอนหายใจ


 


โหยว่เซียนซือพยักหน้า “ด้วยจำนวนมหาศาล กองกำลังของบางภูมิภาคอาจเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ มันยากมากที่คนเพียงผู้เดียวจะสามารถนำพวกมันออกมาได้มากมายถึงเพียงนี้ ไม่ใช่ว่าเจ้าต้องใช้เวลานานและค่อยๆก้าวขึ้นมาทีละขั้นงั้นหรือ?”


 


เซี่ยเปาซูยิ้ม “เจ้าให้กำลังใจข้าทางอ้อมงั้นหรือ? ท่ามกลางผู้ขายทั้งสามราย มีเพียงข้าเท่านั้นที่เป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ ด้วยเหตุนี้ข้าจึงทำได้เพียงก้าวไปทีละขั้นและเผชิญหน้ากับความยากลำบากมาตลอดทางเพื่อสร้างรากฐานที่มั่นคง ข้าไม่เคยยอมแพ้ ครั้งนี้ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น นอกจากนี้…”


 


โหยว่เซียนซือกล่าวต่อ “นอกจากนี้พวกเจ้าทั้งสามยังบรรลุข้อตกลงทางธุรกิจกันแล้ว ผู้ขายรายใหม่ทำผิดกฎ เขาจะถูกกำหราบโดยพวกเจ้าทั้งสามใช่หรือไม่?”


 


“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าไม่สามารถซ่อนสิ่งใดจากเจ้าได้จริงๆ” เซี่ยเปาซูหัวเราะและชี้นิ้วไปที่โหยว่เซี่ยนซือ


 


…..


 


ภาคเหนือ แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา


 


เมืองเมฆา ในห้องลับฟางหยวนนั่งไขว้ขาปิดเปลือกตาอยู่บนพื้นโดยไม่ขยับเขยื้อนมาหลายวันแล้ว


 


ไม่กี่วันมานี้เขากระตุ้นใช้งานวิญญาณอมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งกาลเวลาปีไหลผ่านราวกับสายน้ำเพื่อผลิตวิญญาณปีระดับมนุษย์ออกมาอย่างต่อเนื่อง


 


วิญญาณปีเหล่านี้ถูกนำเข้าสู่สวรรค์สีเหลือง


 


เขาปล่อยให้เจตจำนงของเขาขายวิญญาณปีเหล่านั้น


 


ในความเป็นจริงเขาก็คือผู้ขายรายใหม่ที่เข้าสู่ธุรกิจวิญญาณปีและสร้างความโกลาหลให้ในสวรรค์สีเหลือง เขายังทำให้เซี่ยเปาซูและคนอื่นๆรู้สึกหวาดกลัว


 


ฟางหยวนเปลี่ยนหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเป็นพลังงานอมตะและใช้มันเพื่อเข้าสู่ธุรกิจวิญญาณปี


 


วิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำระดับแปดยอดเยี่ยมมาก ไม่เพียงมันจะสามารถผลิตวิญญาณปีระดับมนุษย์ได้เป็นจำนวนมาก แต่คุณภาพของพวกมันยังดีอีกด้วย


 


การตอบสนองของตลาดในช่วงสองสามวันนี้ถือว่าดีมาก ผู้ซื้อตระหนักถึงคุณภาพของสินค้าและต้องการซื้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ


 


“หือ?” เป็นเพียงเวลานี้ที่ฟางหยวนหยุดใช้วิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำชั่วคราว


 


เขาติดตามความเคลื่อนไหวของสวรรค์สีเหลืองตลอดเวลาและพึ่งได้รับข้อความจากเจตจำนงของเขาที่อยู่ในสวรรค์สีเหลือง ตอนนี้มีบางคนต้องการซื้อสินค้าจำนวนมากของฟางหยวนแต่พวกเขาเกรงว่าฟางหยวนจะไม่สามารถจัดหาพวกมันได้ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการหารือกับร่างหลักของเขา หากเป็นไปได้พวกเขาสามารถสร้างความร่วมมือระยะยาว


 


ข่าวนี้อาจเป็นได้ทั้งเรื่องจริงหรือคำลวง


 


‘มีโอกาสสูงที่ข้อความนี้จะถูกส่งมาโดยผู้ขายรายเดิมโดยใช้อัตลักษณ์ปลอม’ ฟางหยวนเย้ยหยันและเพิกเฉยต่อข้อความนี้อย่างสิ้นเชิง


 


ความร่วมมือระยะยาว? ฟางหยวนไม่สนใจ เขาต้องการทำสงครามเท่านั้น!


 


…..


 


ภาคกลาง


 


หรงซินเงียบ


 


“ผู้ขายรายใหม่ไม่สนใจข้อเสนอของข้าจริงๆงั้นหรือ?” หรงซินประหลาดใจ


 


เขาปลอมตัวเป็นผู้ซื้อรายใหญ่และพยายามติดต่อฟางหยวนเพื่อรวบรวมข้อมูล แต่ฟางหยวนกลับไม่สนใจเขา


 


“มันจะเป็นไปได้อย่างไร? แม้เขาจะเป็นตัวแทนของกองกำลังใหญ่ พวกเขาก็ต้องหวังว่าวิญญาณปีของพวกเขาจะขายได้มากขึ้น เว้นเพียง…เขาจะเหลือวิญญาณปีอยู่ไม่มาก?”


 


หรงซินเป็นสมาชิกของสิบนิกายโบราณ ในฐานะสมาชิกกองกำลังฝ่ายธรรมะ เขาเข้าใจความคิดของผู้อมตะฝ่ายธรรมะเป็นอย่างดี


 


เขาไตร่ตรองและรู้สึกว่าการคาดเดานี้มีความเป็นไปได้ค่อนข้างมาก


 


“คงเป็นเพราะเหตุนี้ผู้ขายรายนี้จึงขายพวกมันออกมาตั้งแต่ตอนนี้และหลีกเลี่ยงที่จะเผชิญหน้ากับสามผู้ขายรายใหญ่?”


 


“เขาปฏิเสธแม้แต่ข้อเสนอของข้า เขาคงมีสินค้าไม่มาก แท้จริงแล้วเขามีสินค้าเพียงหนึ่งในสิบส่วนของข้าเท่านั้น’’


 


“ฮ่าฮ่าฮ่า”


 


หรงซินหัวเราะเมื่อคิดถึงเรื่องนี้


 


“นี่เป็นวิธีที่ดีในการดึงดูดความสนใจ” เขาแสดงความคิดเห็นกับการกระทำของฟางหยวน “น่าเสียดาย หากเจ้าไม่มีกำลังเพียงพอ มันก็ไร้ประโยชน์”


 


…..


 


ภาคใต้


 


หุบเขามังกรหวน


 


เสียงน้ำตกดังก้องอยู่ในหุบเขา


 


หมอกบางๆที่กระจายออกมาทำให้พืชพรรณเจริญงอกงาม


 


หวังหมิงเยว่ ผู้อาวุโสสูงสุดนอกของตระกูลเหยายืนอยู่บนหินก้อนใหญ่และมองไปที่น้ำตก


 


นี่ไม่ใช่น้ำตกธรรมดา มันเป็นสาขาของสายธารแห่งกาลเวลา


 


‘เซี่ยเปาซูแห่งทะเลตะวันออกใช้ต้นแปรผันหล่อเลี้ยงวิญญาณปี หรงซินแห่งภาคกลางใช้วิธีการหลอมรวมวิญญาณเพื่อหลอมรวมวิญญาณปีจำนวนนับไม่ถ้วน มีเพียงข้าเท่านั้นที่ครอบครองสาขาของสายธารแห่งกาลเวลา ข้าสามารถจับวิญญาณปีป่าตามธรรมชาติ’


 


หวังหมิงเยว่คิดกับตนเอง


 


สาขาของสายธารแห่งกาลเวลาแห่งนี้ค่อนข้างพิเศษ มันเป็นสาขาที่แยกมาจากพื้นที่พิเศษของสายธารแห่งกาลเวลา


 


ในสายธารแห่งกาลเวลามีพื้นที่พิเศษมากมาย ตัวอย่างเช่นพื้นที่ปราณดาบ มันเป็นส่วนที่เต็มไปด้วยปราณดาบของซื่อหยวนและเต๋าจิ่วหลาง เทพปีศาจบัวแดงใช้สถานที่แห่งนี้เพื่อปกป้องหนึ่งในเกาะบัวหินของเขา


 


มีพื้นที่ส่วนหนึ่งของสายธารแห่งกาลเวลาที่เต็มไปด้วยวิญญาณปีจำนวนนับไม่ถ้วน


 


น้ำตกของหวังหมิงเยว่เชื่อมต่อกับพื้นที่ดังกล่าว นั่นทำให้นางสามารถรวบรวมวิญญาณปีป่าได้มากมาย เดิมทีนางเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ เพียงเมื่อกองกำลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้ค้นพบเรื่องนี้ ตระกูลเหยาจึงใช้วิธีสร้างสายสัมพันธ์ผ่านการแต่งงานของเหยาเทียนซื่อกับหวังหมิงเยว่ ด้วยวิธีนี้พวกเขาจึงสามารถครอบครองหุบเขามังกรหวนได้อย่างเปิดเผย


 


‘การเก็บเกี่ยวในปีนี้ค่อนข้างดี ข้าสามารถจับวิญญาณปีป่าได้มากกว่าปีก่อนถึงสามสิบส่วน’


 


‘อีกสองคนยังไม่เคลื่อนไหว เช่นนั้นข้าจะเริ่มก่อน หากข้าปล่อยให้เด็กใหม่ขายวิญญาณปีต่อไป มันอาจไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับการขายวิญญาณปีในปีนี้ของข้า’


 


หวังหมิงเยว่ส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เข้าสู่สวรรค์สีเหลืองและเริ่มขายวิญญาณปีของนาง


 


การเคลื่อนไหวนี้สร้างความโกลาหลขึ้นในสวรรค์สีเหลืองทันที


 


“หวังหมิงเยว่ หนึ่งในสามผู้ขายวิญญาณปีรายใหญ่เคลื่อนไหวแล้ว”


 


“หากผู้ขายรายใหม่ได้รับอนุญาตให้ขายต่อไป หลังจากนี้จะมีคนอื่นๆเข้ามาเรื่อยๆ”


 


“นี่คือการตอบโต้”


 


“ถูกต้อง ตอนนี้หวังหมิงเยว่เคลื่อนไหวแล้ว อีกสองคนย่อมไม่นิ่งเฉย”


 


ผู้อมตะหลายคนลอบพูดคุย

 

 

 


บทที่ 1453 สงครามราคา

 

หวังหมิงเยว่นำสินค้าของนางออกมาวางขาย


 


หลายวันที่ผ่านมามีเพียงฟางหยวนที่ขายวิญญาณปี ตอนนี้เมื่อมีคู่แข่งรายใหญ่เข้ามา มันจึงทำให้เกิดความปั่นป่วนขึ้นทันที


 


“ผู้หญิงก็คือผู้หญิง ไร้ความอดทน” หรงซินแห่งภาคกลางเย้ยหยันเมื่อได้รับข่าวนี้


 


“ด้วยวิธีนี้ มันจะเกิดการเปรียบเทียบ” เขาเต็มไปด้วยประสบการณ์และสามารถคาดเดาการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น


 


ความเร่าร้อนของการซื้อวิญญาณปีในสวรรค์สีเหลืองลดลงอย่างกะทันหัน


 


หวังหมิงเยว่เข้าสู่ตลาดทำให้อุปทานมีมากกว่าอุปสงค์ ผู้อมตะคนอื่นๆกำลังรอดูการแสดงที่ดี


 


พายุกำลังก่อตัวขึ้นในสวรรค์สีเหลือง


 


ในปีก่อนๆธุรกิจวิญญาณปีร้อนแรงมาตลอด แต่ปีนี้สินค้ามาก่อนฤดูกาล สถานการณ์จึงกลายเป็นเงียบเหงา


 


หวังหมิงเยว่รู้สึกมึนงงเล็กน้อย


 


แต่นางไม่มีทางเลือก นางมีวิญญาณปีในการครอบครองเป็นจำนวนมาก หากนางไม่เริ่มตอนนี้และรอให้ผู้ขายอีกสองคนออกมา สินค้าของนางอาจขายได้ช้ากว่าเดิม


 


“หวังหมิงเยว่จะขายก่อนเวลาจริงๆงั้นหรือ?” หรงซินและเซี่ยเปาซูยังลังเล


 


เซี่ยเปาซูเข้าใจหวังหมิงเยว่


 


“ข้ามีวิญญาณปีจำนวนมากอยู่ในคลังสินค้าเช่นกัน” เซี่ยเปาซูลอบกังวลอยู่ภายใน


 


วันต่อมาเขาก็ตัดสินใจนำวิญญาณปีออกมาวางขายในสวรรค์สีเหลืองเช่นกัน


 


“เซี่ยเปาซูเคลื่อนไหวแล้ว”


 


“สองในสามผู้ขายรายใหญ่วางขายสินค้าล่วงหน้าแล้ว”


 


“แน่นอน ปีนี้ต่างจากปีก่อน ตอนนี้มีผู้ขายรายที่สี่เพิ่มเข้ามา”


 


ในสวรรค์สีเหลือง กลุ่มผู้อมตะพูดคุยกัน


 


“บัดซบ!” หรงซินกัดฟันแน่นเมื่อได้ยินข่าวนี้


 


สถานการณ์แตกต่างไปจากเดิม


 


ก่อนหน้านี้ฟางหยวนขายเพียงผู้เดียว หรงซินสามารถอดทนต่อเรื่องนี้ แต่เมื่อหวังหมิงเยว่เข้าร่วม มันทำให้หรงซินรู้สึกตึงเครียดเล็กน้อย อย่างไรก็ตามหลังจากเซี่ยเปาซูเข้าร่วม แรงกดดันต่อหรงซินจึงเพิ่มสูงขึ้น


 


หากเขาไม่ดำเนินการบางอย่าง เขาจะเป็นคนที่ได้รับความเดือดร้อนมากที่สุด


 


แต่เขามีปัญหาของตนเอง


 


วิญญาณปีของเขามาจากการหลอมรวมวิญญาณ


 


เนื่องจากปีนี้ยังไม่ถึงฤดูกาลของมัน วิญญาณปีในคลังสินค้าของเขามีไม่เพียงพอ กล่าวได้ว่าเขามีสินค้าน้อยที่สุดท่ามกลางผู้ขายทั้งสี่ราย


 


แต่ด้วยสถานการณ์ที่บีบบังคับ หรงซินจึงทำได้เพียงกัดฟันและนำวิญญาณปีของตนเข้าสู่สวรรค์สีเหลืองเท่านั้น


 


“ข้ามีสินค้าน้อยที่สุด ข้าไม่สามารถแข่งขัน” หรงซินรู้สึกสังหรณ์ร้าย สิ่งที่เขาต้องการในตอนนี้คือเวลาในการหลอมรวมวิญญาณ


 


เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาจึงเริ่มติดต่อเซี่ยเปาซูและหวังหมิงเยว่


 


ทั้งสามรู้จักกันมาหลายปี เป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาจะมีช่องทางสำหรับการติดต่อ


 


“แม้จะมีผู้ขายรายใหม่แต่ข้าคิดว่าเราสามคนควรปฏิบัติตามข้อตกลงเดิมถูกต้องหรือไม่?” หรงซินเตือนอีกสองคน


 


เซี่ยเปาซูและหวังหมิงเยว่เห็นด้วย


 


แม้พวกเขาจะทำผิดเงื่อนไขเกี่ยวกับช่วงเวลาการวางขาย แต่เนื่องจากนี่เป็นสถานการณ์พิเศษ มันจึงสามารถเข้าใจได้


 


แต่เรื่องราคาเป็นสิ่งสำคัญที่พวกเขาไม่ควรฝ่าฝืน


 


เมื่อจำนวนผู้ขายเพิ่มขึ้น สงครามราคาจะเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ


 


แต่หากมันรุนแรงเกินไป มันจะกลายเป็นการทำร้ายตัวเอง


 


เซี่ยเปาซู หวังหมิงเยว่ และหรงซินแข่งขันกันมานับครั้งไม่ถ้วน แต่พวกเขาไม่เคยเปลี่ยนราคาที่ตกลงกันไว้เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของพวกเขาเอง


 


แต่สิ่งนี้เป็นปัญหา


 


หากฟางหยวนลดราคาลงอย่างกะทันหัน แล้วพวกเขาจะทำอย่างไร?


 


ฟางหยวนเป็นผู้ขายรายใหม่ แม้หรงซินจะเกลี้ยกล่อมเขา เขาก็อาจไม่สนใจ


 


แต่หรงซิน เซี่ยเปาซู และหวังหมิงเยว่ดูเหมือนจะไม่กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้


 


เมื่อมีผู้ขายรายสี่ปรากฏขึ้น ยอดขายของฟางหยวนก็หยุดนิ่งทันที


 


‘ข้าเป็นผู้ขายรายใหม่ แม้สินค้าของข้าจะมีคุณภาพสูง แต่สถานะของข้าในหัวใจของผู้ซื้อยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับสามผู้ขายรามเดิม’


 


หวังหมิงเยว่ เซี่ยเปาซู และหรงซินอยู่ในธุรกิจนี้มาหลายปีแล้ว พวกเขามีชื่อเสียงที่ดี แน่นอนว่าฟางหยวนยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับพวกเขาในแง่นี้


 


นี่คือจุดอ่อนของฟางหยวน


 


แต่ฟางหยวนมีวิธีแก้ปัญหา


 


ในไม่ช้าหรงซิน เซี่ยเปาซู และหวังหมิงเยว่ก็ได้รับข่าวสำคัญ


 


ผู้ขายรายใหม่เริ่มลดราคาวิญญาณปี!


 


“เขาทำสิ่งนี้จริงๆ”


 


“หือ ข้ายังคิดว่าเขาจะใช้วิธีอื่น!”


 


อย่าางไรก็ตามพวกเขาไม่วิตกและกระทั้งเย้ยหยัน พวกเขาเข้าใจเป็นอย่างดีว่าการลดราคาเช่นนี้จะทำให้ผู้ขายพบกับความทุกข์ทรมาน


 


ในสงครามราคา การลดราคาเป็นดาบสองคม มันจะทำร้ายทั้งผู้อื่นและตัวเอง


 


แต่สำหรับผู้ซื้อ การลดราคาของฟางหยวนถือเป็นข่าวดี


 


พวกเขากำลังรอคอยเวลานี้อยู่


 


วิญญาณปีของฟางหยวนถูกขายออกไปเป็นจำนวนมาก มันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับสถานการณ์ของเซี่ยเปาซู หวังหมิงเยว่ และหรงซิน


 


“ดูเหมือนเขาจะเป็นทหารผ่านศึกที่มีประสบการณ์ การลดราคาครั้งนี้เป็นไปตามมาตรฐาน มันส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของผู้คน” หวังหมิงเยว่เฝ้ามองสถานการณ์


 


“แต่แล้วอย่างไร?”


 


“สวรรค์สีเหลืองเป็นตลาดขนาดใหญ่ เจ้าจะสามารถจัดหาสินค้าให้กับผู้ซื้อทั้งห้าภูมิภาคได้ด้วยตนเองงั้นหรือ? สุดท้ายคนที่ต้องทุกข์ทรมานก็คือตัวเจ้าเอง เราสามารถขายได้ในราคาที่สูงกว่า”


 


สามผู้ขายรามเดิมยังรักษาราคาของพวกเขาเอาไว้


 


อย่างไรก็ตามหลายวันต่อมาพวกเขาก็ไม่สามารถนิ่งเฉยได้อีก


 


“เกิดสิ่งใดขึ้น? คนผู้นี้มีวิญญาณปีเท่าใด? มันราวกับไม่มีที่สิ้นสุด!”


 


“เขารวบรวมวิญญาณปีมากมายมาได้อย่างไร? มีบางสิ่งผิดปกติ!”


 


สามผู้ขายรายเดิมรู้สึกเคร่งเครียดขึ้นเล็กน้อย


 


พวกเขาควรปฏิบัติตามข้อตกลงเรื่องราคาอยู่หรือไม่?


 


สุดท้ายพวกเขาก็มีความคิดที่แตกต่างกัน


 


ฟางหยวนเป็นผู้ขายรายใหม่ แม้เขาจะมีสินค้าอยู่มากเพียงใด เขาก็ยังเป็นคนหน้าใหม่ ขณะที่สามผู้ขายรายเดิมเต็มไปด้วยประสบการณ์


 


แต่หากพวกเขาลดราคา กำไรของพวกเขาจะลดลง


 


เรื่องนี้ทำให้พวกเขาลังเลอย่างไม่ต้องสงสัย


 


หลายวันต่อมา ธุรกิจของฟางหยวนยังดำเนินไปอย่างดุเดือด สามผู้ขายรายเดิมเห็นสถานการณ์กำลังดำเนินไปในทิศทางที่ไม่น่าพอใจ ดังนั้นหวังหมิงเยว่จึงเป็นคนแรกที่เริ่มพูดคุยเรื่องการลดราคากับอีกสองคน


 


เซี่ยเปาซูมีท่าทีเย็นชา “ดูเหมือนคนผู้นี้จะมีสินค้ามากพอ หากเราไม่ลดราคา เราจะไม่สามารถขายสินค้า”


 


“ถูกต้อง” หวังหมิงเยว่กล่าวเสริม “คนผู้นี้ไม่ง่าย เขาลดราคามากพอที่จะกำหราบพวกเรา”


 


หรงซินหัวเราะเย้ยหยัน “เราจะได้กำไรหรือขาดทุน เราจะได้เห็นกันหลังจากขายวิญญาณปีออกไปทั้งหมด หากเราลดราคามากเกินไป แม้พวกเราจะขายได้มาก แต่พวกเราก็จะสูญเสียมากขึ้น แล้วเราจะทำเช่นนั้นไปเพื่อสิ่งใด?”


 


เขาไม่เห็นด้วยกับวิธีนี้และยังต้องการรอดูต่อไปอีกระยะหนึ่ง


 


หลังจากทั้งหมดเขาไม่มีทางเลือก เขามีสินค้าอยู่อย่างจำกัด หากเขาลดราคา สินค้าของเขาจะหมดลงอย่างรวดเร็วขณะที่เขาจะได้รับกำไรลดลงอย่างมาก หากทุกคนรู้ว่าเขามีสินค้าไม่มาก ภาพลักษณ์และชื่อเสียงของเขาจะเสียหาย


 


แต่เขาไม่สามารถทำสิ่งใดเนื่องจากอีกสองคนต้องการลดราคา ดังนั้นหรงซินจึงต้องทำตามพวกเขาเท่านั้น

 

 

 


บทที่ 1454 ความปั่นป่วนในสวรรค์สีเหลือง

 

ลดราคา!


 


เมื่อฟางหยวนลดราคาสินค้า เซี่ยเปาซูและอีกสองคนก็ต้องลดราคาสินค้าของพวกเขาหลังจากสองสามวัน


 


อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้ลดราคามากนัก พวกเขาลดราคาลงมาเท่ากับฟางหยวน


 


“ข้าเป็นคนใหม่ในธุรกิจนี้ ตัวตนของข้าลึกลับและไม่เป็นที่รู้จักขณะที่อีกสามคนล้วนเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงและเต็มไปด้วยประสบการณ์ พวกเขาได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า ดังนั้นตราบเท่าที่ราคาขายของพวกเขาเท่ากับข้า ผู้ซื้อจะเลือกสินค้าของพวกเขา”


 


ฟางหยวนเข้าใจแผนการของเซี่ยเปาซูและอีกสองคนเป็นอย่างดี


 


มันเป็นข้อได้เปรียบของพวกเขาที่อยู่ในธุรกิจนี้มานานกว่าฟางหยวน นี่ไม่ใช่เรื่องตลก


 


“อย่างไรก็ตาม…แม้พวกเขาทำเช่นนี้แล้วอย่างไร?” ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบาง


 


ในวันที่เซี่ยเปาซูและอีกสองคนลดราคา ฟางหยวนก็ลดราคาของเขาลงอีกครั้ง


 


ผู้อมตะในสวรรค์สีเหลืองกำลังเฝ้ามองสงครามราคาครั้งนี้อยู่อย่างใกล้ชิด ดังนั้นข่าวเรื่องการลดราคาของฟางหยวนจึงแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานกองกำลังต่างๆและผู้อมตะจำนวนมากก็รู้เรื่องนี้


 


“ได้ยินว่าเซี่ยเปาซูลดราคาสินค้าของเขาลงแล้ว ข้าต้องการซื้อสินค้าของเขาเพราะข้าเคยทำเช่นนั้นทุกปี”


 


“จริง เว้นเพียงว่าข้าชอบสินค้าของหรงซินมากกว่า”


 


“แต่ผู้ขายรายที่สี่ลดราคาลงอีกครั้ง เขาร่ำรวยจริงๆ เขากำลังท้าทายผู้ขายทั้งสาม”


 


ผู้ซื้อมีความสุขกับสงครามราคาในครั้งนี้เพราะพวกเขาเป็นฝ่ายที่ได้รับผลประโยชน์สูงสุด


 


ในระดับราคาเดียวกัน ฟางหยวนไม่ใช่คู่แข่งของอีกสามคน แต่เมื่อเขาลดราคาลง เขาจึงกลายเป็นฝ่ายได้เปรียบ


 


ท้ายที่สุดสินค้าของฟางหยวนก็มีคุณภาพและราคาถูก เช่นนี้แล้วผู้ใดจะโง่ซื้อสินค้าราคาแพง


 


ดังนั้นฟางหยวนจึงสามารถขายสินค้าได้เป็นจำนวนมากขณะที่ไม่มีผู้ใดซื้อสินค้าจากผู้ขายรายเดิม


 


หลังจากเรียนรู้เรื่องนี้ หรงซินหัวเราะเสียงเย็น


 


เขากล่าวกับอีกสองคน “น่าสนใจ คนผู้นี้ต้องการท้าทายพวกเราจริงๆ”


 


หวังหมิงเยว่ยิ้ม “หลายปีที่ผ่านมาไม่มีผู้ใดสามารถแข่งขันกับพวกเรา คราวนี้ข้าต้องการดูว่าคนผู้นี้จะแข็งแกร่งถึงเพียงใด?”


 


เซี่ยเปาซูกล่าวเสริม “เช่นนั้นเราจะลดราคาลงเช่นกัน”


 


เนื่องจากฟางหยวนลดราคา อีกสามคนจึงต้องลดราคาตาม


 


ก่อนหน้านี้พวกเขายังลังเล แต่เมื่อฟางหยวนเริ่มสงคราม อีกสามคนจึงต้องเข้าร่วมด้วยความมั่นใจในสถานะทางการเงินของตนเอง


 


การลดราคาครั้งที่สองสร้างความปั่นป่วนขึ้นเล็กน้อยในสวรรค์สีเหลือง


 


กลุ่มผู้อมตะเริ่มตื่นเต้นเพราะพวกเขารู้ว่านี่ยังเป็นเพียงครั้งที่สอง สงครามราคาพึ่งเริ่มขึ้นเท่านั้น


 


“หลังจากนี้มันจะขึ้นอยู่กับผู้ขายรายที่สี่”


 


“การลดราคาหมายถึงกำไรของผู้ขายที่ลดลง เมื่อผู้ขายรายที่สี่เริ่มสงคราม อีกสามคนไม่กลัวที่จะเข้าร่วม พวกเขามั่นใจในตัวเองอย่างเต็มที่”


 


“ถูกต้อง การลดราคาครั้งที่สามอาจมาเร็วๆนี้ แต่เราไม่รู้ว่าเมื่อใด?”


 


กลุ่มผู้อมตะพูดคุยกัน


 


โดยทั่วไปแล้วการลดราคาในสถานการณ์เช่นนี้เป็นเรื่องปกติ แต่ระยะเวลาของการลดราคาแต่ละครั้งจะแตกต่างกันไป


 


เนื่องจากผู้ขายต้องสังเกตทิศทางของตลาดก่อนตัดสินใจ


 


การลดราคาเป็นดาบสองคม มันสามารถทำลายคู่แข่งแต่มันก็ส่งผลเสียต่อผลประโยชน์ของตนเองเช่นกัน


 


หากผู้ขายมองเห็นโอกาสที่ดี พวกเขาอาจไม่ลดราคาอีก พวกเขาต้องปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง หากพวกเขาลดราคาลงอีก แม้พวกเขาจะสามารถเพิ่มยอดขาย แต่พวกเขาก็จะไม่ได้กำไรมากนัก ท้ายที่สุดคู่แข่งก็จะลดราคาเช่นกัน


 


หากผู้ขายลดราคาอย่างต่อเนื่อง พวกเขาจะล่มสลายไปพร้อมกัน


 


โดยพื้นฐานแล้วไม่มีผู้อมตะคนใดทำสิ่งนี้และทำลายตลาดทั้งหมด


 


ผู้ขายทุกคนต้องการกำไร หากพวกเขาสนใจเพียงการแข่งขัน แล้วพวกเขาจะขายเพื่อสิ่งใด?


 


ผู้ขายฉลาดแต่ผู้ซื้อก็ไม่โง่


 


เมื่อผู้ขายรายเดิมลดราคาเท่ากับฟางหยวน พวกเขาจะหยุดซื้อ ธุรกิจวิญญาณปีจะกลายเป็นเงียบเหงา


 


หลังจากฟางหยวนลดราคาลงอีกครั้ง พวกเขาจะซื้อเล็กน้อย


 


เพราะเหตุใด?


 


ในแง่ของราคา ยิ่งราคาต่ำเท่าใด มันก็ยิ่งเป็นประโยชน์ต่อพวกเขา แน่นอนว่าพวกเขาสนับสนุนให้เกิดการแข่งขันและต้องการเห็นผู้ขายอีกสามรายลดราคาลงมา ในที่สุดฟางหยวนจะไม่สามารถอดทนและต้องลดราคาอีกครั้ง เมื่อราคาถึงขีดจำกัด ผู้ซื้อจะได้รับประโยชน์สูงสุด


 


หากผู้ขายทั้งสี่รายจบลงด้วยราคาเดียวกัน พวกเขาจะไม่ซื้อสินค้าของฟางหยวน


 


สงครามราคาเป็นกลวิธีทางจิตวิทยา


 


หลังจากการลดราคาครั้งที่สอง ผู้ขายทั้งสี่ก็ใช้ราคาเดียวกันอีกครั้ง แต่ขณะที่ผู้ขายอีกสามรายลดราคาลง ฟางหยวนกลับตอบโต้โดยการลดราคาของเขาลงอีก


 


“หือ?” หลายคนประหลาดใจ การตอบสนองของฟางหยวนรวดเร็วเกินไป


 


พิจารณาจากความเร็ว หลายคนสามารถสัมผัสได้ถึงทัศนคติที่แน่วแน่ของเขา


 


“เขาเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี” หรงซินถอนหายใจ เขารู้สึกกดดันเล็กน้อยเพราะเขามีสินค้าน้อยที่สุด


 


ในช่วงท้ายของสงครามราคา เมื่อราคาสินค้าลดต่ำลง ยอดขายจะเพิ่มขึ้น เมื่อเวลานั้นมาถึงจำนวนสินค้าที่เขามีจะทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจ


 


มีผู้ซื้อแต่ไม่มีสินค้า?


 


เขาจะถูกบังคับให้ออกจากการแข่งขัน นอกจากนั้นชื่อเสียงที่เขาสะสมมานานหลายปีก็จะพังทะลายลง


 


หรงซินไม่ต้องการเห็นมันเกิดขึ้น


 


เขารีบขอให้คนอื่นช่วยหลอมรวมวิญญาณปึเพื่อเติมเต็มคลังสินค้าของเขา


 


ตราบเท่าที่หรงซินมีเวลาเพียงพอ เขาจะสามารถเติมเต็มคลังสินค้าและเอาชนะได้ในช่วงเวลาสุดท้าย


 


“อย่างไรก็ตามหากราคาลดลงมากเกินไป สุดท้ายอีกสองคนจะรู้ว่าข้ามีสินค้าไม่มาก” หรงซินลังเล


 


ผู้ขายรายเดิมอีกสองคนเต็มไปด้วยประสบการณ์ พวกเขาจะสามารถสรุปสถานการณ์ปัจจุบันของเขาได้ในที่สุด


 


การอนุมานทำได้ไม่ยาก


 


ผู้มีประสบการณ์มีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงเสมอ


 


หากหรงซินเปิดเผยจุดอ่อนของเขา เขาจะถูกขับไล่ออกจากการแข่งขัน


 


นี่ทำให้เขาลังเลและรู้สึกปวดหัว


 


เขาต้องคำนึงถึงความคิดของผู้ซื้อและผู้ขาย ในขณะเดียวกันเขาก็ต้องให้ความสนใจคู่แข่ง


 


ขณะที่เขากำลังลังเลและไม่แน่ใจ เซี่ยเปาซูและหวังหมิงเยว่ลดราคาสินค้าของพวกเขาลงอีกครั้ง


 


มันเป็นระดับราคาเดียวกับฟางหยวน


 


พวกเขามีสินค้ามากพอโดยเฉพาะอย่างยิ่งหวังหมิงเยว่ เนื่องจากฟางหยวนต้องการแข่งขันด้วยสงครามราคา พวกเขาก็จะลดราคาลงเช่นกัน พวกเขาจะได้รับส่วนแบ่งตลาดหากราคาเท่ากัน


 


มันเป็นการลดราคาครั้งที่สาม


 


หลังจากได้ยินข่าว ฟางหยวนหัวเราะเสียงดัง “ในกรณีนี้ข้าก็จะเร่งให้เร็วขึ้น”


 


เขาลดราคาลงอีกครั้งและยังรุนแรงกว่าก่อนหน้า


 


ความปั่นป่วนครั้งใหญ่ปะทุขึ้นในสวรรค์สีเหลืองทันที


 


ผู้ซื้อรู้สึกตื่นเต้น นี่คือผลลัพธ์ที่พวกเขาต้องการ พวกเขารอคอยช่วงเวลาแห่งชัยชนะนี้มานานแล้ว


 


“ลดลงถึงระดับนี้เลยงั้นหรือ?” เซี่ยเปาซูแสดงออกด้วยความเคร่งขรึม เขาสามารถสัมผัสได้ถึงทัศนคติที่เหนือกว่าของฟางหยวน หากก่อนหน้านี้เป็นการชกเบาๆ ครั้งนี้กลับเป็นการเตะที่หนักหน่วง


 


แต่เซี่ยเปาซูต้องตอบโต้


 


มิฉะนั้นเขาจะถูกไล่ออกจากการแข่งขัน


 


ผู้ซื้อไร้ความภักดีเมื่อสงครามราคาเกิดขึ้น


 


เซี่ยเปาซูเป็นคนแรกที่ลดราคา ตามด้วยหวังหมิงเยว่


 


หรงซินรู้สึกปวดหัวมาก


 


ขณะที่เขายังลังเล ฝ่ายตรงข้ามกลับชิงลงมือก่อน


 


ด้วยวิธีนี้ไม่เพียงแผนการของเขาจะถูกทำลาย หากเขายังต้องการอยู่ในการแข่งขัน เขาต้องลดราคาลงอีกครั้ง


 


แต่นั่นเป็นราคาที่อันตราย หากราคาขายต่ำกว่าปีก่อนหน้า ผู้ซื้อจะเริ่มกระตือรือร้น


 


“เป็นไปได้หรือไม่ที่ผู้ขายรายใหม่จะมีสินค้าไม่มาก? เขามีแผนเดียวกับข้างั้นหรือ?” นี่เป็นความหวังสุดท้ายของหรงซิน


 


เขาเป็นคนสุดท้ายที่ลดราคา


 


“พวกเขาทั้งหมดลดราคาลงแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า” ผู้ซื้อมีความสุขมากแต่ส่วนที่มีความสุขที่สุดยังมาไม่ถึง


 


เมื่อหรงซินลดราคาลง ฟางหยวนก็ลดราคาลงอีกครั้ง


 


และครั้งนี้ยิ่งมากกว่าก่อนหน้า


 


สวรรค์สีเหลืองตกสู่ความโกลาหล


 


ผู้ขายรายเดิมทั้งสามตกใจมาก


 


“คนผู้นี้…เขาแข็งแกร่ง…” ใบหน้าของเซี่ยเปาซูกลายเป็นน่ากลัว เดิมทีเขาผ่อนคลายและเยือกเย็น แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป


 


ฟางหยวนลดราคาครั้งใหญ่ หากอีกสามคนทำตาม พวกเขาจะสูญเสียกำไรมหาศาล


 


“เขากำลังทุ่มสุดตัว” หวังหมิงเยว่ก่นเสียงเย็น


 


นางไม่ได้รู้สึกเช่นนี้มานานแล้ว

 

 

 


บทที่ 1455 ผู้ชนะ

 

ความหวังสุดท้ายของหรงซินถูกทำลายลงอย่างสมบูรณ์


 


เพราะเขารู้ว่าอีกฝ่ายไม่เหมือนเขา พวกเขามีสินค้ามากพอและราคานี้จะสร้างความปั่นป่วนครั้งใหญ่ให้กับธุรกิจวิญญาณปีอย่างแน่นอน


 


“ครั้งนี้ข้าแพ้แล้ว” หรงซินเผยรอยยิ้มขมขื่น เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมแพ้เนื่องจากปริมาณสินค้าที่มีไม่เพียงพอ


 


บ่อยครั้งที่ความพ่ายแพ้จะถูกเอ่ยอ้างด้วยเหตุผลมากมาย แต่คนบนโลกใบนี้ไม่สนใจเหตุผล พวกเขาไม่ต้องการข้อแก้ตัวจากคนแพ้!


 


หลังจากฟางหยวนลดราคาลง เขาทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่


 


ผู้ซื้อจำนวนมากเริ่มซื้อวิญญาณปี


 


ราคานี้พบไม่บ่อย แล้วพวกเขาจะทิ้งโอกาสนี้ไปได้อย่างไร?


 


ฟางหยวนทำธุรกรรมครั้งใหญ่และได้รับกำไรมหาศาล


 


แต่อีกสามฝ่ายยังไม่ลดราคาของพวกเขา


 


เซี่ยเปาซูและหวังหมิงเยว่ลังเลใจ


 


ก่อนหน้านี้หรงซินลังเล ตอนนี้ถึงคราวของพวกเขาแล้ว


 


หากพวกเขาลดราคา พวกเขาจะสามารถขายวิญญาณปีออกไปอย่างรวดเร็ว แต่หากพวกเขาทำเช่นนั้น กำไรของพวกเขาจะน้อยเกินไป มันห่างไกลจากความตั้งใจเดิมของพวกเขา


 


แต่หากพวกเขาไม่ลดราคา ฟางหยวนจะขโมยธุรกิจของพวกเขาไป แล้วพวกเขาจะทำอย่างไร?


 


กุญแจสำคัญคือจำนวนสินค้าที่ฟางหยวนเหลืออยู่


 


หากฟางหยวนมีสินค้าจำนวนมาก เซี่ยเปาซูและคนอื่นๆต้องลดราคาลง เนื่องจากอุปทานมีมากกว่าอุปสงค์ ยิ่งฟางหยวนขายได้มากเท่าใด พวกเขาก็จะขายได้น้อยลงเท่านั้น


 


แต่หากฟางหยวนมีสินค้าไม่เพียงพอ เซี่ยเปาซูและคนอื่นๆก็ไม่จำเป็นต้องลดราคา พวกเขาเพียงต้องรอให้สินค้าของฟางหยวนหมดลง เมื่อถึงเวลานั้นพวกเขาจะสามารถขายได้ในราคาสูง กำไรของพวกเขาจะยังอยู่ พวกเขาจะกลายเป็นผู้ชนะในสงครามครั้งนี้


 


ดังนั้นเซี่ยเปาซูและคนอื่นๆจึงเริ่มคิดว่าฟางหยวนคือผู้ใด?


 


เขาเป็นชายหรือหญิง?


 


เขามาจากกองกำลังใหญ่หรือเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ?


 


เหตุใดถึงไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเขา?


 


เหตุใดเขาถึงปรากฏตัวออกมาจากความว่างเปล่า?


 


พวกเขาไม่เข้าใจ


 


หลังจากทั้งหมดฟางหยวนปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันเกินไป


 


ในความเป็นจริงนอกจากผู้ขายรายเดิมทั้งสามยังมีผู้ขายรายย่อยรายอื่น แต่คนเหล่านั้นถูกกำจัดออกไปอย่างรวดเร็วเพราะพวกเขาไม่มีความสามารถในการแข่งขัน


 


“ตอนนี้ผู้ค้ารายย่อยเหล่านั้นอาจมีใบหน้าซีดเผือดขณะเฝ้ามองสงครามราคาครั้งนี้” เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ อารมณ์ของหรงซินก็ดีขึ้นเล็กน้อย เขาโชคร้ายที่แพ้เป็นคนแรก แต่เมื่อคิดว่ายังมีคนที่โชคร้ายกว่าเขา มันก็ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย


 


แต่มันเป็นเพียงการปลอบใจตัวเองและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริง


 


เพื่อความปลอดภัย เซี่ยเปาซูและหวังหมิงเยว่ตัดสินใจลดราคาลงเช่นกัน


 


แต่หรงซินไม่ลดราคา


 


‘ดูเหมือนหรงซินจะคิดว่าคู่แข่งมีสินค้าไม่มาก’ เซี่ยเปาซูคิด


 


แต่เขาไม่รู้ว่าหรงซินไม่มีทางเลือก


 


เขามีสินค้าน้อยเกินไป หากเขาลดราคาลงไปอีก สินค้าของเขาจะหมดลงอย่างรวดเร็ว เขาจะพบกับความสูญเสียครั้งใหญ่


 


หากฟางหยวนมีสินค้าน้อย หรงซินจะยังได้กำไร


 


เซี่ยเปาซูไม่รู้ปัญหาของหรงซิน เขารู้สึกว่าบางทีเขาอาจตัดสินใจผิด


 


แต่เซี่ยเปาซูยังไม่เปลี่ยนใจ เขาเลือกวิธีที่ปลอดภัยที่สุด


 


สำหรับหวังหมิงเยว่ หลังจากพิจารณา นางเลือกวิธีเดียวกับเซี่ยเปาซู


 


แต่สัญชาตญาณของผู้หญิงทำให้นางสงสัยมากขึ้น


 


นางคิด ‘เหตุใดหรงซินไม่ลดราคา? เขาเดิมพันกับวิธีนี้หรือเขารู้ภูมิหลังของฝ่ายตรงข้าม เขามีข้อมูลบางอย่างงั้นหรือ?’


 


หากหรงซินรู้ภูมิหลังของฟางหยวน เป็นไปได้ว่าเขาจะไม่บอกอีกสองคน


 


เขาจะเฝ้ามองอยู่ด้านข้างเพื่อรับผลประโยชน์เพียงผู้เดียว


 


ดังนั้นหวังหมิงเยว่จึงรีบติดต่อหรงซินและพยายามสอบสวนเขา


 


หรงซินรู้สึกหมดหนทาง โดยรวมแล้วเขามีความรู้สึกที่ซับซ้อนในเวลานี้


 


สถานการณ์ปัจจุบัน ฟางหยวน เซี่ยเปาซู และหวังหมิงเยว่ขายสินค้าราคาเดียวกันขณะที่ราคาสินค้าของหรงซินสูงกว่าทุกคน


 


ตอนนี้ผู้อมตะจำนวนมากเริ่มซื้อวิญญาณปีหรือเริ่มเตรียมตัวซื้อพวกมันมากขึ้น


 


ทุกคนถูกล่อลวง


 


นี่เป็นราคาที่เย้ายวนใจ


 


รอราคาต่ำกว่านี้?


 


ผู้ซื้อส่ายศีรษะ ราคาไม่สามารถลดลงไปได้มากกว่านี้อีก ผู้ซื้อไม่โง่ แต่ผู้ขายก็ไม่โง่เช่นกัน


 


ดังนั้นเมื่อฟางหยวนลดราคาลงอีกครั้ง ทุกคนจึงตกตะลึง


 


“ข้าได้ยินสิ่งใดผิดไปหรือไม่? เขาลดราคาลงอีกงั้นหรือ? และด้วยจำนวนมหาศาลเช่นนี้?”


 


“โอ้ เกิดสิ่งใดขึ้น?”


 


“ผู้ขายรายใหม่ผู้นี้โง่หรือไม่?”


 


ผู้ซื้อรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ


 


“ข้าไม่สนว่าเขาจะโง่หรือมีวัตถุประสงค์ใด ข้ารู้เพียงว่าวิญญาณปีของเขามีคุณภาพ เมื่อเขาขายในราคานี้ หากข้าไม่ซื้อตอนนี้ ข้าจะกลายเป็นคนโง่!”


 


กลุ่มผู้อมตะกรีดร้องอยู่ในใจ


 


ผู้อมตะจำนวนมากพุ่งเข้าล้อมรอบร้านค้าของฟางหยวน


 


มันเป็นฉากที่ร้อนแรงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน


 


ซื้อ! ซื้อ! ซื้อ!


 


ทุกคนเต็มไปด้วยความคิดนี้


 


นี่เป็นราคาที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน หากพวกเขารอจนกว่าคนโง่ผู้นี้จะรู้ว่าราคาของเขาต่ำเกินไป มันก็สายไปแล้ว


 


ผู้ซื้อรู้สึกถึงความเร่งด่วน


 


“คนผู้นี้กำลังทำสิ่งใด?” หลังจากเห็นเหตุการณ์นี้ เซี่ยเปาซูรู้สึกมึนงง


 


หากเขาลดราคามลงอีก กำไรของเขาจะเหลือเพียงเศษเสี้ยว


 


ตัวอย่างเช่นหากเขาเคยได้กำไรหลักร้อย หากเขาลดราคาลงอีก เขาจะได้กำไรเพียงหลักหน่วย


 


เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดฟางหยวนถึงลดราคาลงถึงระดับนี้ นี่ไม่ใช่การค้าขายเพื่อหารายได้งั้นหรือ?


 


หากเขาลดราคาลงถึงระดับเดียวกับฟางหยวน กำไรของเขาจะหายไป


 


ราคานี้ต่ำกว่าจุดต่ำสุดที่เขารับได้ หากเขาต้องขายราคานี้ เขาจะเลือกเก็บสินค้าเอาไว้


 


“แต่…” เซี่ยเปาซูขมวดคิ้ว เขากำลังไตร่ตรองอย่างหนัก


 


ในเวลาเดียวกันหวังหมิงเยว่ก็กำลังกังวล


 


สถานการณ์ของนางเหมือนเซี่ยเปาซู หากนางลดราคา กำไรของนางจะสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับ


 


แต่นางควรหยุดขายหรือไม่?


 


มันไม่ง่ายเช่นนั้น


 


หากพวกเขาไม่ลดราคาลงและสินค้าของฟางหยวนมีจำนวนมาก ตลาดในสวรรค์สีเหลืองจะถูกฟางหยวนยึดครองโดยสมบูรณ์


 


มีความเป็นไปได้อีกประการหนึ่งคือฟางหยวนตั้งใจลดราคา


 


เป็นไปได้ว่าเขาจงใจลดราคาลงมาที่จุดนี้เพื่อตรวจสอบผู้ขายรายอื่นหรือเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับตนเอง


 


“หากข้าไม่ลดราคา มันจะเป็นการแสดงความอ่อนแอ แต่หากข้าลดราคา ข้าจะตกลงสู่หลุมพรางของเขา”


 


หลังจากครุ่นคิด หวังหมิงเยว่ตัดสินใจลดราคา


 


แต่ในเวลานี้เซี่ยเปาซูกลับเลือกที่จะหยุด


 


ตอนนี้ราคาของฟางหยวนกับหวังหมิงเยว่ต่ำสุดในตลาด รองลงมาคือเซี่ยเปาซู แพงที่สุดคือสินค้าของหรงซิน


 


เห็นได้ชัดว่าไม่มีผู้ใดซื้อสินค้าจากร้ายของสองคนหลัง ผู้ซื้อส่วนใหญ่อยู่ที่ร้านของฟางหยวนและหวังหมิงเยว่


 


เซี่ยเปาซูกำลังสังเกตการณ์ เขาอยากรู้ว่ามันเป็นเพียงแผนการของฟางหยวนหรือเขามีรากฐานที่แข็งแกร่งจริงๆ


 


หวังหมิงเยว่ประหม่ามากเพราะราคานี้ทำให้นางสูญเสียกำไรจำนวนมหาศาล ท่ามกลางผู้ขายรายเดิมมีเพียงนางที่เหลืออยู่


 


หรงซินกลายเป็นคนที่ผ่อนคลายที่สุด เขาเฝ้ามองคนทั้งสองต่อสู้กัน


 


“ถึงเวลาสำหรับระเบิดลูกสุดท้ายแล้ว” ฟางหยวนสงบมาก


 


เมื่อถึงจุดนี้เขาได้ตรวจสอบบรรทัดฐานของสามผู้ขายรายเดิมเรียบร้อยแล้ว แม้หวังหมิงเยว่จะยังแข่งขันต่อ นางก็เหนือกว่าอีกสองคนไม่มากนัก


 


เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ฟางหยวนก็ลดราคาลงอีกครั้ง


 


แต่คราวนี้เขาลดมันลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น


 


อย่างไรก็ตามราคาที่ลดลงเพียงเล็กน้อยกลับเหมือนใบมีดอันแหลมคมที่แทงทะลุหัวใจของผู้ขายทั้งสามราย


 


“นี่…” หรงซินหน้าซีด


 


ใบหน้าของเซี่ยเปาซูกลายเป็นมืดครึ้ม


 


หวังหมิงเยว่กำหมัดแน่น นางกัดฟันและกล่าวด้วยความตกใจ “เพราะเหตุใด? เหตุใดจึงไปได้ไกลถึงเพียงนี้?”


 


ฟางหยวนลดราคาลงเพียงเล็กน้อยแต่มันร้ายแรงมาก มันต่ำกว่าราคาต้นทุนของผู้ขายทั้งสามราย


 


หรงซินต้องใช้วัสดุในการหลอมรวมวิญญาณปี เซี่ยเปาซูมีต้นแปรฝัน เขาต้องใช้กำลังคนและทรัพยากรในการดูแลมัน แม้หวังหมิงเยว่จะครอบครองสาขาของสายธารแห่งกาลเวลา แต่วิธีการที่นางใช้พึ่งพาพลังงานอมตะและต้องใช้เงินทุนเพื่อจัดการสาขาของสายธารแห่งกาลเวลา


 


ขายต่ำกว่าราคาทุนถือว่าขาดทุน


 


นี่เป็นวิธีของผู้ที่มีสินค้าเหลือที่ไม่สามารถขายออก อีกกรณีหนึ่งคือพวกเขาต้องการเงินอย่างเร่งด่วน มันเป็นทางเลือกที่สิ้นหวัง


 


หากบางคนทำเช่นนี้ในสงครามราคา พวกเขาจะประสบความสูญเสียครั้งใหญ่


 


เรื่องนี้รุนแรงเกินไป มันรุนแรงทั้งต่อผู้อื่นและต่อตนเอง


 


หวังหมิงเยว่ตกใจมาก นางไม่กล้าลดราคาลงอีก


 


นางจะเป็นเพียงคนโง่หากทำเช่นนั้น


 


นี่คือวิญญาณปี แต่มันกลับถูกขายออกมาในราคาต่ำกว่าต้นทุน


 


มันทำให้ผู้ซื้อตกใจเช่นกัน


 


ราคานี้เกินกว่าจินตนาการของพวกเขา พวกเขารู้สึกพูดไม่ออกและไม่อยากจะเชื่อ


 


แต่ในไม่ช้าผู้อมตะหลายคนก็สามารถตอบสนอง


 


หลังจากนั้นสวรรค์สีเหลืองก็ตกสู่ความโกลาหลครั้งใหญ่


 


ผู้อมตะจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าไปที่ร้านของฟางหยวน


 


พวกเขากำลังทำกำไร


 


ธุรกิจของฟางหยวนเฟื่องฟูมากขณะที่ผู้ขายอีกสามรายถูกผลักออกไปอย่างสมบูรณ์


 


“เขาคือผู้ใดกันแน่? เขาดุร้ายมาก แต่ข้าเกรงว่าเขาจะทำพลาดไปแล้ว ฮ่าฮ่า”


 


“แล้วข้าจะคอยดูต่อไป!”


 


“ข้าปฏิเสธที่จะเชื่อว่าเขาจะสามารถรักษาราคานี้เอาไว้”


 


ผู้ขายทั้งสามกำลังรอเวลาที่ฟางหยวนพบกับความสูญเสียครั้งใหญ่


 


แต่ฟางหยวนยังดำเนินธุรกิจของเขาต่อไป


 


เนื่องจากเขาใช้วิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำ ต้นทุนของเขามีเพียงพลังงานอมตะ


 


แน่นอนว่าการผลิตของฟางหยวนมีค่าใช้จ่าย แต่ต้นทุนของเขาต่ำกว่าอีกสามคนมาก


 


ในกรณีที่คุณภาพเท่ากัน การแข่งขันก็ขึ้นอยู่กับต้นทุน


 


ฟางหยวนขายในราคานี้แต่เขายังได้รับกำไรขณะที่อีกสามคนขาดทุน พวกเขาไม่สามารถขายแต่ฟางหยวนทำได้ ผู้ชนะในสงครามราคาครั้งนี้ถูกตัดสินตั้งแต่เริ่มต้นและมันก็คือฟางหยวนอย่างไม่ต้องสงสัย

 

 

 


บทที่ 1456 ข่าวดีในข่าวดี

 

‘ในที่สุดมันก็จบ สงครามราคาครั้งนี้น่าสนใจจริงๆ’ จ้าวเหลียนหยุนลอบถอนหายใจ


 


ธุรกิจวิญญาณปีจบลงด้วยชัยชนะของฟางหยวน ทุกคนต่างประหลาดใจกับผลลัพธ์นี้


 


สถานการณ์นี้หาได้ยาก ผู้ขายหน้าใหม่สามารถเอาชนะผู้ขายรายเดิมทั้งสามในตลาด


 


คนส่วนใหญ่คิดว่าผู้ขายรายใหม่เป็นหมาป่าขณะที่ผู้ขายรายเดิมเป็นพยัคฆ์หรือราชสีห์ แต่สุดท้ายผู้ขายรายใหม่กลับไม่ใช่หมาป่าแต่เป็นมังกร ผู้ขายรายเดิมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา พวกเขาพ่ายแพ้อย่างยับเยินและไม่สามารถขายวิญญาณปีของพวกเขาได้อีกต่อไป


 


หลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้เรื่องนี้ถูกนำไปพูดถึงอยู่เสมอ


 


จ้าวเหลียนหยุนเริ่มคิดเกี่ยวกับสงครามราคาที่เกิดขึ้น


 


นางต้องการเรียนรู้จากมันเพื่อประโยชน์สำหรับตัวเอง


 


‘เหตุใดผู้ขายรายใหม่ถึงชนะในการต่อสู้ครั้งนี้ขณะที่ผู้ขายรายเดิมพ่ายแพ้?’ จ้าวเหลียนหยุนถามตัวเอง


 


จากนั้นนางก็ตอบตัวเอง ‘เพราะผู้ขายรายใหม่แข็งแกร่ง แม้ผู้ขายรายเดิมจะร่วมมือกัน พวกเขาก็ยังไม่ใช่คู่แข่งของเขา’


 


‘ใช้กำลังอย่างเต็มที่เพื่อกวาดล้าง?’ จ้าวเหลียนหยุนมึนงงเล็กน้อยก่อนที่นางจะเผยรอยยิ้มขมขื่น


 


นางต้องการเรียนรู้วิธีเข้าสู่ตลาดในฐานะคนใหม่


 


แม้วิธีของฟางหยวนจะดูฉลาดและพิถีพิถันแต่เขาก็มีความแข็งแกร่งที่สามารถกวาดล้างทุกสิ่งและปราบปรามคู่แข่งทั้งหมด จ้าวเหลียนหยุนไม่สามารถเรียนรู้สิ่งใดจากเขา


 


เพราะเขาใช้กำลังที่เหนือกว่าอย่างหมดจด


 


‘ข้าเข้าใจแล้ว’


 


‘การเริ่มต้นด้วยราคาสูงและค่อยๆลดลงมาทำให้เขาได้รับกำไรมากกว่าการลดราคาต่ำสุดทันที เขายังสามารถสำรวจบรรทัดฐานของผู้ขายรายเดิมทั้งสาม ในที่สุดเขาก็สามารถยืนยัน’


 


กลุ่มก้อนความคิดพุ่งชนกันอยู่ในใจของจ้าวเหลียนหยุนอย่างต่อเนื่อง


 


‘หลังจากการแข่งขันจบลง ผู้ขายรายใหม่ชนะด้วยความแข็งแกร่ง แต่เขาไม่พอใจกับชัยชนะเพียงครั้งเดียว’


 


‘ผู้ขายรายใหม่ต้องการยึดครองตลาดในสวรรค์สีเหลือง เขาต้องเอาชนะผู้ขายรายเดิมทั้งสามและขับไล่คนเหล่านั้นออกจากตลาด’


 


‘คนผู้นี้ช่างเอาแต่ในนัก’


 


‘เห้อ…เมื่อใดกันที่ข้าจะมีความแข็งแกร่งเช่นนี้’


 


จ้าวเหลียนหยุนคิดเรื่องนี้และถอนหายใจกับตัวเอง


 


นางพึ่งเริ่มจัดการมิติช่องว่างและยังอยู่ห่างไกลจากระดับของฟางหยวน


 


แต่ไม่ว่าอย่างไรนางก็สลักความประทับใจนี้เอาไว้ในหัวใจของนางแล้ว


 


หรงซิน หวังหมิงเยว่ และเซี่ยเปาซูกำลังพูดคุยกัน


 


“เห้อ…คนผู้นี้มาจากที่ใด? เขาแข็งแกร่งมาก เขาสามารถตอบสนองตลาดทั้งหมดในสวรรค์สีเหลือง เราไม่สามารถขายวิญญาณปีในสวรรค์สีเหลืองได้อีก” หวังหมิงเยว่ถอนหายใจ


 


“เรื่องนี้ไม่ง่าย เขาพยายามกำจัดพวกเราทั้งหมด!” เซี่ยเปาซูกล่าวอย่างมีอารมณ์


 


“พี่เซี่ยพูดถูก คนผู้นี้ขายสินค้าราคาต่ำ อีกไม่กี่ปีข้างหน้า ตลาดวิญญาณปีจะถูกครอบครองโดยพวกเขาอย่างสมบูรณ์ พวกเขาจะได้รับกำไรมหาศาล นอกจากนั้นพวกเขายังปฏิเสธที่จะทิ้งเศษอาหารเหลือไว้ให้พวกเรา!” หรงซินแสดงออกอย่างน่ากลัว


 


พวกเขาไม่สามารถขายสินค้า


 


วิญญาณปีเป็นที่ต้องการของทุกคนขณะที่ฟางหยวนสามารถจัดหาสินค้าและตอบสนองตลาดได้อย่างสมบูรณ์


 


ด้วยวิธีนี้อีกไม่กี่ปีข้างหน้าผู้ขายรายเดิมจะไม่สามารถขายวิญญาณปีที่มีอยู่ในคลังสินค้าของพวกเขา


 


เมื่อผู้ซื้อมีทางเลือกที่ดีกว่า เหตุใดพวกเขาต้องซื้อสิ้นค้าราคาแพง? เว้นเพียงราคาจะต่ำกว่าเท่านั้น พวกเขาจึงจะซื้อสะสมไว้อีกเล็กน้อย


 


แต่ผู้ขายรายเดิมไม่สามารถขายในราคาเดียวกับฟางหยวน


 


พวกเขาต้องเก็บวิญญาณปีเอาไว้เท่านั้น


 


อย่างไรก็ตามหลังจากหลายปีเมื่อความต้องการสินค้ามากขึ้นอีกครั้ง ฟางหยวนจะสามารถขึ้นราคาได้เล็กน้อย


 


เมื่อเวลานั้นมาถึงผู้ขายรายเดิมทั้งสามจะสามารถขายได้อีกครั้งแต่ฟางหยวนก็จะใช้กลยุทธ์เดิมอีกหน


 


หากฟางหยวนลดราคา ผู้ขายรายเดิมจะไม่สามารถขาย


 


นี่คือความแข็งแกร่ง


 


ด้วยความแข็งแกร่งที่แตกต่างนี้ ไม่ว่าแผนการใดก็ไม่สามารถใช้งาน


 


ฟางหยวนเป็นคนฉลาด แต่ครั้งนี้เขาต่อสู้อย่างตรงไปตรงมาและมันเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการบดขยี้ฝ่ายตรงข้าม


 


ผู้ขายรายเดิมทั้งสามเงียบหลังจากพูดคุยกันสักพัก


 


บรรยากาศเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด


 


เพราะพวกเขารู้ดีว่าตราบเท่าที่ฟางหยวนแข็งแกร่ง พวกเขาจะไม่มีช่วงเวลาที่ง่ายดายในอนาคต แม้พวกเขาจะสามารถขายต่อ แต่กำไรของพวกเขาจะลดลงอย่างมาก


 


“ตอนนี้เราทำได้เพียงหวังว่าคนผู้นี้จะหยุดทำเรื่องที่น่ากลัวเช่นนี้” หวังหมิงเยว่เผยรอยยิ้มขมขื่น


 


ผู้อมตะอีกสองคนส่ายศีรษะ


 


สิ่งนี้เป็นไปไม่ได้


 


“เราจะร่วมมือกัน” หรงซินเร่งกล่าว


 


นี่เป็นวิธีแก้ปัญหา


 


ในอดีตทั้งสามเป็นคู่แข่ง หลังจากไม่นานพวกเขาจึงบรรลุข้อตกลงทางการค้าเพื่อผลกำไร


 


“แต่เราจะสามารถทำสิ่งใด? ความแข็งแกร่งมันเห็นได้ชัด” หวังหมิงเยว่ถอนหายใจ


 


เซี่ยเปาซูวิเคราะห์อย่างใจเย็น “นั่นขึ้นอยู่กับความสามารถของเรา เราต้องโน้มน้ามเขา”


 


“หากเขาไม่เห็นด้วย?” หวังหมิงเยว่ถามต่อ


 


เซี่ยเปาซูเงียบ


 


หรงซินรู้สึกขมขื่น “หากเขาไม่เห็นด้วยและต้องการให้พวกเราออกจากธุรกิจนี้ เราก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้เท่านั้น”


 


ไม่มีสิ่งใดที่พวกเขาสามารถทำได้


 


ความแข็งแกร่งของฟางหยวนบังคับให้พวกเขาต้องยอมแพ้และออกจากธุรกิจวิญญาณปี


 


แต่พวกเขาจะยอมแพ้ง่ายๆได้อย่างไร?


 


กำไรจากธุรกิจวิญญาณปีเป็นสิ่งค้ำจุนพวกเขาและกองกำลังที่อยู่เบื้องหลังพวกเขา หากมันถูกทำลาย แล้วผู้ใดจะรับผิดชอบความเสียหายนี้?


 


“ไม่! ข้าไม่สามารถแพ้!” เซี่ยเปาซูกัดฟันกล่าว เขาเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ เขาพึ่งพาธุรกิจวิญญาณปีเพื่อสนับสนุนการบ่มเพาะของตนเอง


 


ด้วยการสูญเสียครั้งนี้ มันจะส่งผลกระทบต่อเขาเป็นอย่างมาก


 


สถานการณ์ของหวังหมิงเยว่ดีกว่าเซี่ยเปาซูเล็กน้อย นางเคยเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษก่อนจะเข้าร่วมกับกองกำลังฝ่ายธรรมะ


 


แม้นางจะสูญเสียแต่นางยังสามารถพึ่งพาสามีและกองกำลังที่อยู่เบื้องหลัง


 


หรงซินมีแรงกดดันน้อยที่สุด


 


เพราะเขาเป็นสมาชิกของกองกำลังใหญ่ของภาคกลางที่มีรากฐานอันล้ำลึก


 


สิ่งสำคัญก็คือเขาได้รับวิญญาณปีมาจากการหลอมรวม เขาสามารถหยุดหลอมรวมมันและเปลี่ยนธุรกิจได้อย่างง่ายดาย


 


“ต้องการร่วมมือกับข้างั้นหรือ?” ฟางหยวนเย้ยหยันหลังจากได้รับการติดต่อ


 


เขาจะร่วมมือเพื่อสิ่งใด?


 


เขาสามารถครองตลาดเพียงผู้เดียว แล้วเขาจะแบ่งผลกำไรให้ผู้อื่นงั้นหรือ?


 


ฟางหยวนปฏิเสธทันที


 


หินวิญญาณสิบสองล้านก้อน!


 


นี่คือกำไรที่เกิดจากสงครามราคาในครั้งนี้ของฟางหยวน


 


แม้เขาจะขายราคาต่ำ แต่ยอดขายของเขาสูงมาก นี่ทำให้เขาสามารถสะสมเงินจำนวนมหาศาล


 


“เมื่อข้าขับไล่ผู้ขายรายเดิมทั้งสามออกจากตลาด ข้าสามารถเพิ่มราคาได้เล็กน้อย”


 


“แต่อีกไม่กี่ปีข้างหน้า ผู้ขายรายเดิมจะเข้ามาอีกครั้ง”


 


ฟางหยวนประเมิน


 


ด้านหนึ่งพวกเขาไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้ อีกด้านหนึ่งพวกเขาต้องการตรวจสอบรากฐานของฟางหยวน


 


สุดท้ายแม้สวรรค์สีเหลืองจะถูกฟางหยวนยึดครองไป แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ซื้อสินค้าจากสวรรค์สีเหลือง


 


ตัวอย่างเช่นกองกำลังใหญ่ของหวังหมิงเยว่ พวกเขาจะซื้อวิญญาณปีจากนาง นอกจากนั้นยังมีกองกำลังอีกมากมายที่เต็มใจซื้อสินค้าราคาสูงเพื่อรักษาสายสัมพันธ์ของพวกเขาเอาไว้


 


แน่นอนว่าหากฟางหยวนยังครองตลาดต่อไปอีกหลายปี ผู้ขายรายเดิมทั้งหมดจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากมากขึ้น หลังจากทั้งหมดแม้กองกำลังอื่นจะต้องการรักษาสายสัมพันธ์ของพวกเขา แต่พวกเขาก็ยังต้องการซื้อสินค้าราคาถูกจากฟางหยวน


 


หลังจากฟางหยวนครอบครองสวรรค์สีเหลือง ต่อไปอิทธิพลของเขาจะขยายไปสู่ตลาดอื่นๆและกลายเป็นผู้ขายรายใหญ่ที่สุดในธุรกิจวิญญาณปีของโลกใบนี้ สำหรับคนอื่นๆ พวกเขาสามารถขายวิญญาณปี แต่พวกเขาจะไม่สามารถแข่งขันกับฟางหยวนได้อีก


 


“หลังจากชำระหนี้ ข้ายังเหลือหินวิญญาณอมตะในการครอบครองอีกสิบล้านก้อน แต่อีกไม่กี่ปีข้างหน้าวิธีทำกำไรนี้จะไม่สามารถใช้งานได้”


 


ในขณะที่ฟางหยวนกำลังคิดว่าจะใช้หินวิญญาณอมตะเหล่านี้จัดการมิติช่องว่างของเขาอย่างไร ผมที่หกก็เดินเข้ามาหาเขา


 


เขาแจ้งข่าวดีกับฟางหยวน


 


“ผู้อาวุโสฟางหยวน วิญญาณบนเส้นทางอาหารที่ท่านให้ข้าหลอมรวมประสบความสำเร็จแล้ว!”

 

 

 


บทที่ 1457 วิญญาณอมตะอาหารว่าง

 

วิญญาณบนเส้นทางอาหารนอนอยู่ในฝ่ามือของฟางหยวน


 


มันเป็นวิญญาณบนเส้นทางอาหารระดับหก อาหารว่าง!


 


นี่คือหนึ่งในวิญญาณที่ฟางหยวนขอให้นิกายหลางหยาช่วยหลอมรวม


 


หลังจากได้รับมรดกของราชันภูเขาม่วง ฟางหยวนขอให้นิกายหลางหยาหลอมรวมวิญญาณอมตะสามดวง


 


วิญญาณอมตะรักตัวเองระดับเจ็ด วิญญาณอมตะล้างใจระดับหก และวิญญาณอมตะอาหารว่างระดับหก


 


วิญญาณอมตะทั้งสามเป็นสิ่งที่ฟางหยวนต้องการอย่างเร่งด่วน


 


วิญญาณอมตะรักตัวเองมีประโยชน์มาก มันทำให้ฟางหยวนสามารถหลบหนีจากการตรวจสอบของวังสวรรค์


 


แม้วิญญาณอมตะล้างใจจะเป็นวิญญาณอมตะระดับหก แต่มันหลอมรวมได้ยากที่สุดท่ามกลางวิญญาณทั้งสามดวง แต่หลังจากได้รับมัน ฟางหยวนสามารถกำจัดกับดักบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณในร่างผีดิบอมตะและสามารถใช้แสงแห่งปัญญาได้อีกครั้ง


 


สำหรับวิญญาณอมตะอาหารว่าง มันเป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางอาหารที่สามารถแก้ปัญหาเรื่องอาหารของวิญญาณอมตะ


 


เคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะอาหารว่างมาจากนิกายเงา เทพปีศาจจิตวิญญาณได้รับมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางอาหารมาในช่วงเวลาที่เขายังมีชีวิตอยู่


 


ผู้อมตะเผ่ามนุษย์อสูรในตำนานบ่มเพาะบนเส้นทางอาหาร


 


สุดท้ายมรดกนี้จึงถูกส่งต่อมาถึงฟางหยวน


 


หลังจากส่งพลังงานอมตะให้มัน มันพ่นของเหลวสีเหลืองออกมา


 


ด้วยมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางอาหาร ฟางหยวนรู้ว่าวิญญาณอมตะดวงนี้มีขีดจำกัด หลังจากใช้งานแต่ละครั้ง มันต้องใช้เวลาฟื้นตัวก่อนจะสามารถใช้งานครั้งต่อไป มิฉะนั้นมันจะตายอย่างรวดเร็ว


 


ฟางหยวนเก็บวิญญาณอมตะอาหารว่างเข้าไปในมิติช่องว่างของเขาก่อนที่จะหันมาสนใจของเหลวสีเหลือง


 


ของเหลวชนิดนี้พิเศษมาก มันก่อตัวเป็นลูกบอลลอยอยู่กลางอากาศโดยไม่ร่วงหล่นลงสู่พื้น


 


ตอนนี้มันดูเหมือนไข่สีเหลือง


 


ไข่สีเหลืองใบนี้คือสิ่งที่ฟางหยวนต้องการ


 


มันสามารถใช้เป็นอาหารว่างให้กับวิญญาณอมตะทุกชนิด


 


สำหรับวิญญาณอมตะระดับหก ไข่ใบนี้มีสารอาหารที่จำเป็นอยู่หกในร้อยส่วน หกส่วนอาจดูเหมือนเล็กน้อย แต่ภายในเวลาสามวันวิญญาณอมตะอาหารว่างจะสามารถพ่นของเหลวสีเหลืองออกมาได้อีกครั้ง


 


หากฟางหยวนสามารถสะสมมันได้มากพอ สิ่งนี้จะมีประโยชน์มาก


 


แน่นอนว่ามันมีขีดจำกัด


 


สิ่งนี้สามารถทดแทนอาหารของวิญญาณอมตะได้สูงสุดสี่สิบส่วนเท่านั้น


 


ฟางหยวนนำวิญญาณอมตะดวงหนึ่งออกมาก่อนที่มันจะกินไข่สีเหลืองเข้าไปอย่างรวดเร็ว


 


การทดสอบเสร็จสมบูรณ์


 


ฟางหยวนพยักหน้าด้วยความพึงพอใจขณะถอนหายใจอยู่ภายใน


 


เขาต้องการวิธีการบนเส้นทางอาหารมานานแล้ว ตั้งแต่เกิดใหม่เขามีวิญญาณอมตะมากมาย เขามีภาระใหญ่หลวงในการให้อาหารพวกมัน


 


“ผู้ใดจะคิดว่าข้าจะได้รับมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางอาหารมาจากนิกายเงาศัตรูที่ยิ่งใหญ่ของข้า นอกจากนั้นมันยังเป็นมรดกที่แท้จริงบนเส้นอาหารที่ดีที่สุดบนโลกใบนี้”


 


“ขั้นตอนการหลอมรวมวิญญาณอมตะอาหารว่างง่ายกว่าวิญญาณอมตะล้างใจและวิญญาณอมตะรักตัวเองมาก”


 


ฟางหยวนล้มเหลวในการหลอมรวมวิญญาณอมตะล้างใจหลายครั้งแต่เขากลับใช้ความพยายามเพียงห้าครั้งในการหลอมรวมวิญญาณอมตะอาหารว่าง


 


ความสำเร็จด้วยความพยายามเพียงห้าครั้งถือเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ


 


แต่ด้วยการคงอยู่ของวิญญาณอมตะอาหารว่าง แรงกดดันในการให้อาหารวิญญาณอมตะของฟางหยวนก็ลดลงอย่างมาก


 


หลังจากทั้งหมดฟางหยวนมีวิญญาณอมตะในการครอบครองมากเกินไป


 


ปฏิเสธไม่ได้ว่าวิญญาณอมตะอาหารว่างเป็นสมบัติล้ำค่าสำหรับเขา


 


ไม่กี่วันต่อมาฟางหยวนประสบความสำเร็จในการซื้อพืชอสูรเดียวดายจากสวรรค์สีเหลือง


 


มันคือราเรืองแสง


 


ราเรืองแสงอาศัยอยู่ใต้ทะเลลึกที่มืดมิด แต่ราเรืองแสงทำให้พื้นที่ที่มืดมิดเหล่านั้นเกิดแสงสว่างราวกับเวลากลางวัน


 


ฟางหยวนเคยพยายามขอซื้อสิ่งนี้ในงานประมูลการค้าที่ทะเลตะวันออกแต่ในเวลานั้นเทพธิดาตงฮัวต้องการแลกเปลี่ยนกับบางสิ่งที่เฉพาะเจาะจงเท่านั้น


 


หลังจากประเมินราคา ตอนนี้นางนำออกมาวางขายในสวรรค์สีเหลืองเรียบร้อยแล้ว


 


แรกเริ่มพืชอสูรเดียวดายชนิดนี้ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก


 


แต่หลังจากนั้นผู้ซื้อพบว่าพืชอสูรเดียวดายชนิดนี้เหมาะสมที่จะอาศัยอยู่ใต้ทะเลลึกมากที่สุด


 


โดยปราศจากสภาพแวดล้อมดังกล่าว แม้ราเรืองแสงจะไม่ตาย แต่ความสามารถในการเรืองแสงของพวกมันก็ยังลดลงอย่างมาก


 


ในสถานการณ์นี้ฟางหยวนจึงสามารถเจรจาต่อรองและได้รับมันมาในราคาต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้


 


ฟางหยวนวางส่วนหนึ่งของมันไว้ในทะเลตะวันออกน้อยเพื่อเพาะเลี้ยง


 


เขายังนำอีกส่วนหนึ่งมาทำการทดลอง แม้ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งไม้ของฟางหยวนจะอยู่ในระดับสามัญ แต่เขามั่นใจมาก


 


ด้านหนึ่งเขามีวิธีการมากมายจากมรดกของนิกายเงา นอกจากนั้นเขายังมีมรดกที่แท้จริงของนิกายหลางหยาที่ทำให้เขาสามารถดัดแปลงทรัพยากรชนิดต่างๆไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งไม้ เส้นทางแห่งจิตวิญญาณ หรืออื่นๆ


 


ในทางกลับกันฟางหยวนยังมีไพ่ตายที่ดีที่สุด นั่นคือแสงแห่งปัญญา แม้วิธีการเหล่านั้นจะไร้ประโยชน์ แต่เขาสามารถอนุมานวิธีการของตนเองได้โดยใช้สิ่งที่มีเป็นข้อมูลอ้างอิง

 

 

 


บทที่ 1458 ธุรกิจราเรืองแสง

 

ทะเลตะวันออก


 


มันเป็นยามค่ำคืนที่ท้องฟ้ามืดมิด


 


คลื่นทะเลพัดไปยังเกาะนิรนามแห่งหนึ่ง


 


เทพธิดาตงฮัวบินอยู่กลางอากาศและเงยหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้า เมื่อเห็นก้อนเมฆสีดำ นางตระหนักว่าพายุกำลังก่อตัวขึ้น


 


นางรู้สึกขุ่นเคืองแต่การแสดงออกของนางยังสงบ นางบินลงไปที่เกาะไร้นามและเห็นคนผู้หนึ่งยืนอยู่บนจุดสูงสุดของเกาะ


 


“ขออภัยที่ให้ท่านต้องรอ” เทพธิดาตงฮัวโค้งคำนับ


 


ผู้อมตะลึกลับหันกลับมาและเปิดเผยรูปร่างหน้าตาของเขา


 


คนผู้นี้เป็นชายสูงอายุจมูกโด่งพร้อมกับดวงตาที่เรียวเล็ก เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เทพธิดาตงฮัว ข้าต้องแสดงความยินดีด้วยที่เจ้าสามารถขายราเรืองแสงในสวรรค์สีเหลือง”


 


ผู้อมตะชราเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดของทะเลตะวันออก เหรินซิ่วปิง


 


เทพธิดาตงฮันพยักหน้าและมอบหินวิญญาณอมตะจำนวนมากให้แก่เหรินซิ่วปิง


 


เหรินซิ่วปิงตรวจสอบก่อนจะถามด้วยความลังเล “เทพธิดา หากข้านับถูกต้อง มันขาดอยู่เล็กน้อย”


 


เทพธิดาตงฮันพยักหน้าด้วยการแสดงออกที่เคร่งขรึม “ข้าสามารถคืนได้เท่านี้ แล้วข้าจะชดเชยส่วนที่เหลือในภายหลัง”


 


เหรินซิ่วปิงพยักหน้า “ฉลาดมาก ตามข้อตกลงของเรา ยิ่งหนี้ลดลง ดอกเบี้ยก็ยิ่งน้อย ดูเหมือนเจ้าจะสามารถชำระหนี้ได้ในไม่ช้า”


 


เทพธิดาตงฮันถอนหายใจ “แน่นอน”


 


นางพึ่งก้าวข้ามภัยพิบัติมาไม่นาน การซ่อมแซมมิติช่องว่างของนางต้องใช้เงินทุนจำนวนมหาศาล นางต้องยืมเงินจากเหรินซิ่วปิงผู้นี้


 


แต่ข้อตกลงของนางกับเหรินซิ่วปิงเข้มงวดมากโดยเฉพาะอัตราดอกเบี้ย


 


เดิมทีเทพธิดาตงฮัวอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายมาก แต่เมื่อฟางหยวนซื้อราเรืองแสงทั้งหมดของนาง นางจึงได้รับเงินคืนบางส่วน


 


การคืนหนี้ครั้งนี้ทำให้วิกฤตของนางบรรเทาลง


 


แต่เทพธิดาตงฮัวยังมีแรงกดดันเกี่ยวกับดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย


 


หลังจากชำระหนี้ เทพธิดาตงฮัวก็ไม่ต้องการอยู่อีกต่อไป นางกำลังจะจากไปแต่เหรินซิ่วปิงกลับเปิดปากกล่าว “เทพธิดาโปรดรอก่อน”


 


“ท่านมีสิ่งใด? หากท่านต้องการหินวิญญาณอมตะมากกว่านี้ ข้าต้องขอโทษด้วยที่ข้าไม่สามารถจ่าย” เทพธิดาตงฮัวขมวดคิ้วและกล่าวอย่างเย็นชา


 


เหรินซิ่วปิงยิ้ม “อย่ากังวล ไม่ใช่เรื่องนั้น ข้ามีมรดกที่แท้จริงที่ไม่สมบูรณ์อยู่ในมือ มันมาจากผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งไม้ที่ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่ว่าเจ้าต้องการดัดแปลงราเรืองแสงงั้นหรือ? ข้าเชื่อว่ามรดกที่แท้จริงนี้จะช่วยเจ้าได้มาก”


 


เทพธิดาตงฮัวเริ่มสงสัย “ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้ากำลังดัดแปลงราเรืองแสง?”


 


เหรินซิ่วปิงหัวเราะเบาๆ “เจ้าไม่ได้ปิดบังเรื่องนี้ เพียงตรวจสอบ ข้าก็รู้เรื่องนี้ได้อย่างง่ายดาย”


 


การแสดงออกของเทพธิดาตงฮัวกลายเป็นเคร่งขรึม


 


บรรยากาศเริ่มมืดครึ้ม


 


“ครืน….”


 


คลื่นทะเลขนาดใหญ่ซัดสาดเข้าสู่เกาะไร้นามและส่งเสียงดัง


 


เหรินซิ่วปิงกล่าวถูกต้อง เทพธิดาตงฮัวลงทุนมากเกินไปในการดัดแปลงราเรืองแสงและทำให้นางล้มละลาย นางถูกบังคับให้ยืมเงินเพื่อรักษาสถานะทางการเงินของตนเอง


 


หากไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ ด้วยรากฐานของนาง นางสามารถฟื้นฟูมิติช่องว่างของนางได้อย่างไม่มีปัญหา


 


หลังจากเงียบไปชั่วครู่ เทพธิดาตงฮัวจึงเปิดปากถาม “ท่านหมายถึงผู้อมตะคนใด?”


 


เหรินซิ่วปิงยิ้ม “ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งไม้กุ้ยอู๋ซื่อ เจ้าเคยได้ยินชื่อของเขาหรือไม่?”


 


เทพธิดาตงฮันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งไม้ที่ยอดเยี่ยมด้วยการบ่มเพาะระดับแปด แต่จากบันทึกในประวัติศาสตร์เขามีชื่อเสียงด้านการต่อสู้ ในแง่ของการจัดการมิติช่องว่าง ชื่อเสียงของเขาไม่ดีนัก”


 


เหรินซิ่วปิงส่ายศีรษะและกล่าวด้วยความมั่นใจ “เทพธิดา นั่นไม่ใช่เรื่องจริง ความประทับใจในพลังการต่อสู้ของกุ้ยอู๋ซื่อในใจเจ้าแข็งแกร่งเกินไป มันทำให้เจ้ามองไม่เห็นพรสวรรค์ในการจัดการมิติช่องว่างของเขา ความจริงก็คือเขาค่อนข้างน่าประทับใจในเรื่องนี้ หากปราศจากมิติช่องว่างที่ยอดเยี่ยม พลังการต่อสู้ก็ไร้ความหมาย นอกจากนี้กระทั่งเขาจะจัดการมิติช่องว่างได้ไม่ดี แต่เขายังเป็นผู้อมตะระดับแปดและบ่มเพาะอยู่บนเส้นทางแห่งไม้ มรดกของเขาจะมีประโยชน์ต่อเจ้าอย่างแน่นอน เรื่องนี้ไม่สามารถปฏิเสธ”


 


เทพธิดาตงฮัวถูกล่อลวง “มรดกที่แท้จริงของกุ้ยอู๋ซื่อราคาเท่าใด?”


 


เหรินซิ่วปิงตระหนักว่าปลากินเหยื่อแล้วแต่เขายังกล่าวว่า “ไม่แพง ไม่แพง”


 


ทั้งสองฝ่ายเจรจากันแต่ในที่สุดเทพธิดาตงฮัวก็ซื้อมรดกที่แท้จริงของกุ้ยอู๋ซื่อจากเหรินซิ่วปิงและออกจากเกาะไร้นาม


 


ทันทีที่นางออกมา พายุก็เริ่มขึ้น


 


ทั้งท้องฟ้าและท้องทะเลต่างมืดครึ้ม


 


“เปรี้ยง!”


 


เสียงฟ้าร้องดังขึ้น ประกายสายฟ้าส่องสะท้อนใบหน้าของเหรินซิ่วปิง


 


เขายิ้มราวกับแผนการของเขาสำเร็จแล้ว


 


“ข้าทำสำเร็จ”


 


“ตงฮัวถูกหลอกโดยชื่อเสียงของกุ้ยอู๋ซื่อ มรดกที่แท้จริงของเขาช่วยนางได้ไม่มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ข้านำข้อมูลสำคัญบางส่วนออกมา”


 


“ราเรืองแสงเป็นพืชอสูรเดียวดาย มันจะดัดแปลงได้โดยง่ายงั้นหรือ? โดยเฉพาะเมื่อตงฮัวบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งแสง นางจะประสบความสำเร็จได้อย่างไรโดยไม่ต้องใช้เวลาอีกหลายปีในการค้นคว้า”


 


…..


 


ภาคเหนือ แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา


 


ฟางหยวนเพ่งจิตเข้าไปในมิติช่องว่างจักรพรรดิ


 


ท่าไม้ตายอมตะรัศมีราเรืองแสง!


 


ฟางหยวนกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะของเขาทำให้แสงสีส้มเหลืองระเบิดออกมา


 


แสงสีส้มเหลืองอาบย้อมแสงสีเขียวของราเรืองแสงและเปลี่ยนมันให้เป็นแสงสีขาว


 


ท่าไม้ตายของฟางหยวนประสบความสำเร็จและทำให้เขาได้รับราเรืองแสงสีขาว


 


ราเรืองแสงที่เหี่ยวเฉาและอ่อนแรงกลายเป็นราเรืองแสงที่ส่องประกายสว่างไสวและมีชีวิตชีวา


 


ฟางหยวนตรวจสอบก่อนจะพยักหน้าพึงพอใจ


 


“ยอดเยี่ยม การดัดแปลงราเรืองแสงประสบความสำเร็จ ตอนนี้ข้าสามารถเพาะพันธุ์มันได้แล้ว”


 


ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งไม้ของฟางหยวนต่ำกว่าเทพธิดาตงฮัวแต่เขามีแสงแห่งปัญญาและมรดกของนิกายเงารวมถึงมรดกของนิกายหลางหยา


 


ด้วยเหตุผลหลายประการ เขาจึงสามารถสร้างท่าไม้ตายอมตะที่ทำให้ราเรืองแสงส่องประกายขึ้นอีกครั้ง


 


ท่าไม้ตายนี้ใช้วิญญาณอมตะความพยายาม วิญญาณอมตะรักตัวเอง และวิญญาณอมตะราไม้เป็นแกนกลาง นอกจากนั้นยังมีวิญญาณอมตะอาหารว่างเป็นส่วนสนับสนุน นี่ทำให้ราเรืองแสงสามารถอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นท้องฟ้า


 


ท่ามกลางวิญญาณอมตะเหล่านี้ วิญญาณอมตะราไม้ถูกยืมมาจากนิกายหลางหยา สำหรับวิญญาณอมตะดวงอื่นๆ พวกมันอยู่ในการครอบครองของฟางหยวน โดยเฉพาะวิญญาณอมตะอาหารว่างที่ฟางหยวนพึ่งได้รับมา มันสามารถสร้างประโยชน์ให้เขาได้อย่างรวดเร็ว


 


หลังจากนั้นฟางหยวนได้วางราเรืองแสงสีขาวไว้ในสวรรค์สีส้มน้อยและสวรรค์สีขาวน้อย


 


มีธารแสงอยู่ในสวรรค์สีส้ม ภายในธารแสงมีผลไม้แสงเติบโตขึ้น


 


สำหรับสวรรค์สีขาว ที่นี่มีทุ่งดอกไม้แสงหลากสี


 


อิทธิพลของมันยังทำให้ธารแสงในสวรรค์สีส้มน้อยขยายตัวขึ้นอีกเล็กน้อย ทุ่งดอกแสงหลากสีก็เช่นกัน


 


หลังจากตรวจสอบ ฟางหยวนพอใจมาก


 


“ตราบเท่าที่ทั้งสองพื้นที่นี้พัฒนาขึ้น ข้าจะสามารถตอบสนองความอยากอาหารของวิญญาณทัศนคติและวิญญาณดาบแห่งปัญญา”


 


ฟางหยวนมีวิญญาณอมตะระดับแปดอยู่สามดวง วิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร สำหรับวิญญาณทัศนคติและวิญญาณดาบแห่งปัญญา พวกมันค่อนข้างรับมือได้ยาก


 


ฟางหยวนกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มาตลอดแต่ตอนนี้เขาเริ่มเห็นความหวังในการแก้ปัญหานี้


 


“นอกจากนี้ราเรืองแสงยังสามารถขยายพันธุ์ได้ด้วยตัวมันเอง เมื่อขนาดของมันเพิ่มขึ้นในอนาคต มันจะกลายเป็นอีกธุรกิจหนึ่งของข้า”


 


สิ่งนี้มีความเป็นไปได้สูง


 


ราเรืองแสงสีขาวที่ถูกดัดแปลงโดยฟางหยวนดีกว่าราเรืองแสงดั้งเดิม หากเขาวางขายมันในสวรรค์สีเหลือง มันจะได้รับความสนใจอย่างมาก


 


ฟางหยวนวางแผนไว้แล้ว เขาเลี้ยงดูราเรืองแสงทั้งสองชนิด ราเรืองแรงสีเขียวรูปแบบดั้งเดิมถูกวางไว้ในทะลตะวันออกน้อย เมื่อมันเติบโตขึ้น เขาจะสามารถสร้างราเรืองแสงสีขาวได้มากขึ้น


 


“จากการคำนวณ เพื่อสร้างแหล่งทรัพยากรให้ได้เท่าที่ข้าต้องการ ข้าต้องลงทุนด้วยหินวิญญาณอมตะจำนวนสองล้านก้อน”


 


“ในการทำธุรกิจ ข้าต้องใช้หินวิญญาณอมตะอีกหนึ่งล้านแปดแสนก้อน”


 


การให้อาหารวิญญาณอมตะระดับแปดไม่ใช่เรื่องง่าย


 


โดยรวมแล้วเขาต้องการหินวิญญาณอมตะสี่ล้านก้อน แต่หากมันประสบความสำเร็จ เขาจะสามารถผูกขาดธุรกิจนี้ มันจะทำกำไรมหาศาลให้แก่เขา


 


ก่อนหน้านี้ฟางหยวนสร้างความโกลาหลครั้งใหญ่ในธุรกิจวิญญาณปี แต่ความต้องการมันจะลดลงในอนาคต


 


ดังนั้นเขาจึงต้องสร้างธุรกิจใหม่และราเรืองแสงก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด


 


แน่นอนว่ามันยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับธุรกิจวิญญาณความเด็ดเดี่ยว หลังจากขายราเรืองแสงออกไปได้ระยะหนึ่ง ผู้คนจะสามารถเรียนรู้และสร้างมันขึ้นมาด้วยตนเอง แต่ภูเขาตงฮันมีเพียงหนึ่งเดียวและไม่สามารถลอกเลียนแบบ


 


“ต่อไปข้าจะปลดเปลื้องพันธนาการของตนเองและทำให้ความเร็วในมิติช่องว่างของข้ากลับสู่สภาพปกติ”

 

 

 


บทที่ 1459 แต่งงานกับฟางหยวน

 

ภาคเหนือ แดนน้ำแข็ง


 


ใต้ธารน้ำแข็ง การเจรจาเต็มไปด้วยบรรยากาศอันหนักหน่วง


 


มนุษย์กลายพันธุ์สองเผ่าพันธุ์ที่อาศัยอยู่ที่นี่อย่างสันโดษกำลังเจรจราเกี่ยวกับข้อพิพาทเรื่องอาณาเขต


 


ตอนนี้การเจรจาของเผ่ามนุษย์หินและเผ่ามนุษย์หิมะดำเนินมาเป็นเวลาถึงหกวันหกคืนแล้ว


 


“พื้นที่นี้เป็นของเผ่ามนุษย์หินของข้า มันเป็นส่วนหนึ่งในดินแดนของเรามาตั้งแต่สี่ร้อยปีก่อน ข้าหวังว่าเผ่ามนุษย์หิมะจะเข้าใจเรื่องนี้” ซื่อจงกล่าวเสียงดัง


 


ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินเต็มไปด้วยความดื้อรั้นขณะที่การแสดงออกของผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะดูมืดครึ้ม


 


เผ่ามนุษย์หินยืนกรานอย่างหนักแน่นในหัวข้อนี้ มันสร้างแรงกดดันมหาศาลต่อเผ่ามนุษย์หิมะ


 


ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะปิงหยวนกล่าว “นั่นเป็นกรณีเมื่อสี่ร้อยปีก่อน แต่หลังจากนั้นผู้อาวุโสเผ่ามนุษย์หิมะของเราชนะเดิมพันกับเจ้าโดยใช้พื้นที่ส่วนนี้เป็นสิ่งเดิมพัน”


 


ซื่อจงโบกมือ “นั่นเป็นเพียงเรื่องตลก มันไม่ควรถูกกล่าวถึง”


 


ปิงหยวนเผยรอยยิ้มเย็นชา “ข้อตกลงระบุเอาไว้อย่างชัดเจน”


 


ซื่อจงโต้กลับ “แล้วมันอยู่ที่ใด?”


 


ปิงหยวนโกรธจนไม่สามารถกล่าวสิ่งใดออกมา


 


ซื่อจงไม่เพียงทำลายวิธีการบนเส้นทางแห่งข้อมูลเกี่ยวกับข้อตกลงดังกล่าวแต่เขายังปฏิเสธการเดิมพันที่เกิดขึ้นอีกด้วย ในฐานะผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่ามนุษย์หิน นี่เป็นเรื่องไร้ยางอายเกินไป


 


แต่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะเข้าใจ


 


เนื่องจากพื้นที่มีจำกัด หลังจากอาศัยอยู่มาเป็นเวลานาน ประชากรเผ่ามนุษย์หินและเผ่ามนุษย์หิมะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง


 


ซื่อจงต้องทำเรื่องไร้ยางอายเพื่อผลประโยชน์ของเผ่ามนุษย์หิน


 


แต่ในกรณีนี้มันจะทำให้เผ่ามนุษย์หิมะสูญเสียผลประโยชน์


 


สุดท้ายเผ่ามนุษย์หิมะก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ เผ่ามนุษย์หินสามารถยึดครองพื้นที่ดังกล่าว


 


เผ่ามนุษย์หินสั่งให้เผ่ามนุษย์หิมะออกจากพื้นทีทันที


 


หลังจากกลับมายังอาณาเขตของพวกเขา ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะปิงเจาเต็มไปด้วยความโกรธ “เผ่ามนุษย์หินไร้ยางอายเกินไปแล้ว พวกเขาบิดเบือนข้อเท็จจริงเพียงเพราะการคงอยู่ของมังกรหินระดับแปด!”


 


ปิงหยวนปลอบโยน “สงบจิตใจลงก่อนปิงเจา เรารู้จักเผ่ามนุษย์หินมานับพันปีแล้ว”


 


เผ่ามนุษย์หินมีข้อได้เปรียบเหนือเผ่ามนุษย์หิมะมาตลอด


 


มันคือพลังการต่อสู้ระดับแปดมังกรหิน


 


ด้วยความแข็งแกร่งนี้เผ่ามนุษย์หินจึงสามารถปกป้องผลประโยชน์ของพวกเขา


 


เมื่อได้ยินชื่อมังกรหิน ความโกรธของปิงเจาก็จางหายไป เขาถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “เห้อ…พลังการต่อสู้ระดับแปด มังกรหิน หากเรามีพลังการต่อสู้ระดับแปดเช่นกัน เราจะแข่งขันกับพวกเขาได้อย่างเท่าเทียม”


 


ปิงหยวนเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะกล่วว่า “เป็นไปได้ที่เราจะได้รับพลังการต่อสู้ระดับแปด ข้ามีแผน หากเราประสบความสำเร็จ มังกรหินจะไม่สามารถเปรียบเทียบ”


 


ดวงตาของปิงเจาส่องประกายขึ้น “แผนการใด บอกข้าเร็วเข้า”


 


“อันที่จริงข้าวางแผนเรื่องนี้มาระยะหนึ่งแล้ว ตอนนี้เป็นโอกาสดี ข้าจะบอกเจ้า” ปิงหยวนกล่าว


 


ปิงเจาได้ยินและอุทาน “ท่านหมายถึงหลิวกวนซื่อ ไม่ ฟางหยวน?”


 


ตัวตนที่แท้จริงของหลิวกวนซื่อซึ่งก็คือฟางหยวนได้ถูกเปิดเผยออกมาโดยวังสวรรค์นานแล้ว แม้เผ่ามนุษย์หิมะจะเก็บตัวอยู่อย่างสันโดษแต่พวกเขาก็ได้รับข่าวสำคัญนี้เช่นกัน


 


“ฟางหยวนมีพลังการต่อสู้ระดับแปดอย่างไม่ต้องสงสัย เขายังมีอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด พวกเรามีความสัมพันธ์กันมาระยะหนึ่งแล้ว หากเราให้เซี่ยเอ๋อแต่งงานกับเขา เขาจะถูกผูกไว้กับเผ่าของเรา ด้วยวิธีนี้ เผ่าของเราจะไม่ถูกรังแกอีกต่อไป นอกจากนั้นด้วยการปกป้องจากพลังการต่อสู้ระดับแปด เผ่าของเราจะพัฒนาขึ้นอีกมาก” ปิงหยวนกล่าว


 


ปิงเจาคิดก่อนพยักหน้า “ฟางหยวนเป็นมนุาย์แต่เขามีศัตรูนับไม่ถ้วน เขาเข้าร่วมกับนิกายหลางหยา ไม่มีปัญหากับความจงรักภักดีของเขา แต่เดี๋ยวก่อน…”


 


ปิงเจามองปิงหยวน “เรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขางั้นหรือ? ข้าจำได้เพียงว่าเราซุ่มโจมตีเขา แม้เราจะสามารถสร้างข้อตกลงพันธมิตรในภายหลัง แต่มันยังห่างไกลจากความสัมพันธ์ที่ดี”


 


ปิงหยวนยิ้ม “ปิงเจา เจ้าเก็บตัวฝึกตนมาตลอด ดังนั้นเจ้าจึงไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ฟางหยวนหยิบยืมความแข็งแกร่งทั้งหมดของนิกายหลางหยาเพื่อหลอมรวมวิญญาณอมตะ เขาพบกับความยากลำบากในกระบวนการดังกล่าวและต้อการแก่นแท้บัวหิมะ ข้าตัดสินใจขายแก่นแท้บัวหิมะจำนวนมากของเราให้กับผมที่หกของนิกายหลางหยาเพื่อช่วยเขา”


 


“เป็นเช่นนี้” ปิงเจาเข้าใจในที่สุดแต่เขายังขมวดคิ้ว “เราสร้างความสัมพันธ์กับเขาผ่านการทำธุรกรรม เหตุใดเราไม่มอบให้เขาโดยตรง?”


 


ปิงหยวนเผยรอยยิ้มขมขื่น “เรื่องนี้มีความหมายที่ลึกซึ้ง ข้าไม่มีทางเลือกนอกจากต้องทำเช่นนั้น ประการแรก เวลานั้นข้ายังไม่ได้คิดเรื่องการแต่งงานอย่างจริงจัง ประการที่สอง หากเรามอบมันให้เขาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เขาอาจไม่ยอมรับ เพราะเขาไม่ใช่คนโง่ ประการที่สาม หากทุกคนรู้เรื่องนี้ เผ่ามนุษย์หินจะสงสัยในเจตนาของเรา”


 


ปิงเจาพยักหน้าและไม่กล่าวต่อ


 


เขาเข้าใจว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาพึ่งเริ่มต้น มันเป็นเรื่องยากมากที่จะทำให้เกิดการแต่งงาน


 


ก่อนหน้านี้เผ่ามนุษย์หิมะเคยแสดงความปรารถนาดีต่อฟางหยวน แต่เขากลับแสดงออกอย่างเย็นชา


 


ตอนนี้ฟางหยวนมีพลังการต่อสู้ระดับแปดรวมถึงอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด สถานะของเขาสูงขึ้นอีกมาก หากเผ่ามนุษย์หิมะต้องการเป็นพันธมิตรกับเขาผ่านการแต่งงาน พวกเขาไม่ใช่ฝ่ายที่จะให้ความช่วยเหลือแต่เป็นฝ่ายที่ต้องการยกระดับสถานะของตนเอง


 


แน่นอนว่าเผ่ามนุษย์หิมะไม่รู้ว่าฟางหยวนสูญเสียอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดไปแล้ว


 


แต่ปิงหยวนยังมั่นใจ “อย่ากังวล หลานสาวของข้ามีรูปลักษณ์ที่น่าทึ่งและเป็นผู้อมตะ นางเป็นหญิงที่สมบูรณ์แบบ เผ่ามนุษย์หินไม่สามารถเอาชนะเราในเรื่องนี้ เรามีข้อได้เปรียบ”


 


“แม้ความสัมพันธ์ผ่านการแต่งงานจะจบลงด้วยการพึ่งพาเขา แต่ฟางหยวนยังได้รับประโยชน์จากพวกเรา อย่างน้อยที่สุดเราก็มีแก่นแท้บัวหิมะ”


 


“หรือกระทั่งแผนการนี้จะล้มเหลว แต่มันก็ไม่มีปัญหา ความสัมพันธ์ระหว่างเรากับฟางหยวนจะไม่เลวร้ายลง เราสามารถทดลอง”


 


คำว่าทดลองทำให้ปิงเจาสามารถตัดสินใจ


 


เขาพยักหน้า “เช่นนั้นมาลองดูกัน”


 


…..


 


ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ


 


“ครืน…”


 


คลื่นน้ำจากสายธารแห่งกาลเวลาสร้างความโกลาหลครั้งใหญ่


 


หลังจากตรวจสอบและไม่พบปัญหา ฟางหยวนดึงสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขากลับออกมา


 


ฟางหยวนกำลังใช้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของไห่ฟานเพื่อคืนความเร็วในการเคลื่อนที่ของเวลาให้กับมิติช่องว่างของเขา


 


เวลาในมิติช่องว่างจักรพรรดิเหนือกว่ามิติช่องว่างระดับสูงสุดไปไกลมาก


 


หนึ่งวันของโลกภายนอกเท่ากับหกสิบวันของมิติช่องว่างจักรพรรดิ เวลาในมิติช่องว่างของสิบสุดยอดกายามีอัตราเร็วหนึ่งต่อสี่สิบวันของโลกภายนอก สำหรับมิติช่องว่างระดับสูง มันมีอัตราเร็วหนึ่งต่อสามสิบวันของโลกภายนอก


 


ในแง่ของรากฐาน หนึ่งปีในมิติช่องว่างจักรพรรดิจะผลิตลูกพลัมแดงอมตะได้เก้าสิบหกผล นั่นหมายความว่าหนึ่งปีของโลกภาย มิติช่องว่างจักรพรรดิสามารถผลิตลูกพลัมแดงอมตะให้ฟางหยวนได้ห้าพันเจ็ดร้อยหกสิบผลหรือประมาณสิบหกผลต่อวัน


 


ลูกพลัมแดงอมตะสิบหกผล ในแง่ของหินวิญญาณอมตะ มันคือหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันหกร้อยก้อน


 


โดยไม่ต้องทำสิ่งใด มิติช่องว่างจักรพรรดิก็ผลิตหินวิญญาณอมตะจำนวนมากให้เขาทุกวัน


 


นี่เป็นสิ่งที่น่ากลัว


 


และในความเป็นจริงนั่นไม่ใช่ทั้งหมด เมื่อร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนเพิ่มขึ้น เวลาในมิติช่องว่างของเขาก็จะเดินเร็วขึ้น มันจะผลิตพลังงานอมตะให้เขามากขึ้น


 


หากฟางหยวนก้าวเข้าสู่ระดับแปด มันจะยิ่งน่ากลัวมากขึ้นไปอีก


 


ลิ้นจี่ขาวอมตะระดับแปดสิบหกผลสามารถเปลี่ยนเป็นหินวิญญาณอมตะได้หนึ่งแสนหกหมื่นก้อน!


 


ตอนนี้ฟางหยวนต้องทำการค้าขายเพื่อรวบรวมหินวิญญาณอมตะหนึ่งล้านก้อน แต่เมื่อเขาก้าวเข้าสู่ระดับแปด เขาจะได้รับหินวิญญาณอมตะสิบหกล้านก้อนทุกหนึ่งร้อยวันโดยไม่ต้องทำสิ่งใดเลย


 


ยิ่งการบ่มเพาะสูง พวกเขาก็ยิ่งได้รับผลประโยชน์


 


แน่นอนว่านี่เป็นกรณีของฟางหยวนที่ครอบครองร่างทารกอมตะ


 


ก่อนหน้านี้ฟางหยวนถูกบังคับให้ลดความเร็วของมิติช่องว่างจักรพรรดิเพราะภัยพิบัติ


 


แต่ตอนนี้ด้วยพลังการต่อสู้ที่เพิ่มขึ้น ฟางหยวนมั่นใจว่าเขาสามารถก้าวข้ามภัยพิบัติต่างๆ


 


ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องการกู้คืนความเร็วในการไหลของเวลา


 


ในความเป็นจริงฟางหยวนยังวางแผนที่จะเพิ่มความเร็วขึ้นไปอีก


 


“แต่ข้ายังต้องรอต่อไป วิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของไห่ฟานต้องใช้เวลาหยุดพักก่อนจะสามารถใช้งานมันอีกครั้ง”


 


“ด้วยความเร็วเดิมของข้า ราเรืองแสงจะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ระหว่างนี้ข้าควรนำวิญญาณดาบแห่งปัญญาและวิญญาณทัศนคติออกมาเก็บไว้ภายนอก”


 


ฟางหยวนต้องพิจารณาถึงระยะเวลาการให้อาหารวิญญาณอมตะระดับแปดทั้งสองดวง


 


ก่อนหน้านี้เขาเผชิญแรงกดันเกี่ยวกับปัญหานี้ แต่หลังจากนี้เขาจะสามารถแก้ไขมัน

 

 

 


บทที่ 1460 จิตวิญญาณของมนุษย์หนึ่งล้านคน

 

วังสวรรค์ วิหารปราบวิญญาณ


 


เทพธิดาจื่อเว่ยมองเทพปีศาจจิตวิญญาณที่อยู่ตรงหน้าและขมวดคิ้ว “ถึงจุดนี้เจ้ายังไม่เห็นความจริงอีกงั้นหรือ?”


 


เทพปีศาจจิตวิญญาณไม่ตอบ เขายังเงียบราวกับก้อนหิน


 


เทพธิดาจื่อเว่ยเย้ยหยัน นางกระตุ้นใช้คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด


 


สายฟ้าสีม่วงแลบลั่นขึ้นบนโซ่ที่รัดพันเทพปีศาจจิตวิญญาณเอาไว้


 


ความทรงจำของเขาถูกดึงออกมาและปรากฏขึ้นต่อหน้าเทพธิดาจื่อเว่ย


 


มันเป็นฉากในอดีต


 


เวลานั้นเทพปีศาจจิตวิญญาณยังไม่ได้เป็นเทพปีศาจแต่เป็นผู้อมตะระดับเจ็ด


 


ที่หุบเขาเหล่าโป เทพปีศาจจิตวิญญาณล้มลงบนพื้น


 


เขากระอักเลือดคำโตออกมาจากปาก


 


ใบหน้าของเขาซีดขาว สถานการณ์เลวร้ายมาก เขากำลังจะตาย


 


ร่างหนึ่งบินลงมาจากท้องฟ้า “เจ้าหนีไม่พ้น วันนี้เจ้าต้องตาย!”


 


คนผู้นี้ปลดปล่อยกลิ่นอายของผู้อมตะระดับแปดออกมา เขาทั้งเย็นชาและแข็งแกร่ง


 


เทพปีศาจจิตวิญญาณลุกขึ้นนั่งและมองขึ้นไปบนท้องฟ้า “ข้าไม่เข้าใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เราพบกัน เราไม่มีความขุ่นเคือง เหตุใดเจ้าถึงยอมจ่ายด้วยราคามหาศาลเพื่อฆ่าข้า?”


 


คนผู้นั้นตะโกน “เพราะเจ้าสังหารผู้คนและนำหายนะมาสู่โลกใบนี้!”


 


เทพปีศาจจิตวิญญาณเย้ยหยัน “เจ้าฆ่าคนมามากกว่าข้า มันน่าหัวเราะที่เจ้ากล้ากล่าวถ้อยคำเหล่านี้ออกมา”


 


ผู้อมตะระดับแปดส่ายศีรษะ “มันแตกต่างกัน เนื้อแท้ของเจ้าเลวร้ายกว่าข้า”


 


เทพปีศาจจิตวิญญาณเงียบก่อนกล่าวต่อ “เพราะข้าต้องการสร้างเส้นทางแห่งจิตวิญญาณงั้นหรือ?”


 


ผู้อมตะระดับแปดประหลาดใจแต่เขายังกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ถูกต้อง ไม่ควรสร้างเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ ตอนนี้วิญญาณชะตากรรมได้รับความเสียหาย หากเส้นทางแห่งจิตวิญญาณถูกสร้างขึ้น โลกจะเปลี่ยนไปอย่างมาก คนตายจะไม่สงบสุข ภูตผีจะเร่ร่อนไปทั่วโลก”


 


“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” เทพปีศาจจิตวิญญาณหัวเราะ “วิเศษมาก ข้าจะสร้างเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ ในอนาคตผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนจะบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ ข้าจะเปลี่ยนโลกทั้งใบ!”


 


เขาหัวเราะขณะลุกขึ้นยืน


 


“หากข้ายังอยู่ อย่าหวังว่าจะสมปรารถนา!” ผู้อมตะระดับแปดเย้ยหยันและพุ่งลงไป


 


เทพปีศาจจิตวิญญาณยกมือขึ้นและกระตุ้นใช้ค่ายกลวิญญาณดักจับผู้อมตะระดับแปดเอาไว้ภายใน


 


แต่ศัตรูของเขายังสามารถทำลายมันได้อย่างรวดเร็ว


 


“เจ้าคิดว่าข้าไม่สังเกตเห็นค่ายกลที่ซ่อนอยู่งั้นหรือ? ข้าตั้งใจคุยกับเจ้าเพราะข้าค้นพบค่ายกลนี้แล้ว!” ผู้อมตะระดับแปดพุ่งเข้าไปหาเทพปีศาจจิตวิญญาณอย่างไม่ลดละ


 


แต่เทพปีศาจจิตวิญญาณยังเต็มไปด้วยความมั่นใจ เขายืนอยู่ที่เดิมและปล่อยให้ผู้อมตะระดับแปดเข้ามาหา


 


เขาหัวเราะ “เจ้าสามารถคลี่คลายเพียงผิวเผิน เจ้าไม่คิดว่าหุบเขาแห่งนี้ผิดปกติงั้นหรือ?”


 


หลังกล่าวจบคำ ผู้อมตะระดับแปดก็ได้รับผลกระทบจากพลังอำนาจลึกลับทันที


 


“นี่คือ…หุบเขาเหล่าโป!?” ผู้อมตะระดับแปดตกใจมาก


 


“ถูกต้อง แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพ สถานที่ที่ดีที่สุดในการบ่มเพาะจิตวิญญาณ ฮ่าฮ่า มันจะเป็นที่พักแห่งสุดท้ายของเจ้า!” เทพปีศาจจิตวิญญาณกล่าวด้วยน้ำเสียงของผู้ชนะ


 


“อ๊าก!” ผู้อมตะระดับแปดกรีดร้อง ค่ายกลวิญญาณของเทพปีศาจจิตวิญญาณหยิบยืนพลังอำนาจระดับเก้าของหุบเขาเหล่าโป


 


ผู้อมตะระดับแปดไม่สามารถรับมือและเสียชีวิตลงในที่สุด


 


เทพปีศาจจิตวิญญาณมองไปที่ศพของผู้อมตะระดับแปด แม้เส้นผมของเขาจะยุ่งเหยิง เลือดจะไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ด แต่เขายังเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร เขาเย้ยหยัน “ฮืม ผู้อมตะของวังสวรรค์ น่าสนใจ ข้าสาบานว่าข้าจะสร้างเส้นทางแห่งจิตวิญญาณในอนาคต ข้าจะทำให้ผู้คนบ่มเพาะบนเส้นทางสายนี้ แม้ข้าจะล้มเหลวหรือตาย ข้าก็จะทำให้แน่ใจว่าในอนาคตจะมีผู้บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วน! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”


 


ภาพหยุดลงตรงนี้


 


การแสดงออกของเทพธิดาจื่อเว่ยกลายเป็นมืดมน


 


นางมองเทพปีศาจจิตวิญญาณที่ไม่เคลื่อนไหวก่อนจะเดินจากไป


 


แม้นางจะสามารถดึงความทรงจำของเทพปีศาจจิตวิญญาณออกมาได้บางส่วน แต่มันไร้ประโยชน์ราวกับเขากำลังตอบคำถามก่อนหน้านี้ของนาง


 


หากเป็นเช่นนั้นมันก็หมายความว่าเทพปีศาจจิตวิญญาณยังสามารถต่อต้านวิธีค้นวิญญาณของวังสวรรค์


 


แม้เขาจะไม่สามารถต่อต้านพลังอำนาจของวิหารปราบวิญญาณแต่เขายังสามารถเลือกที่จะมอบความทรงจำบางอย่างที่เขาต้องการ


 


‘คงต้องใช้เวลาอีกนานก่อนที่เราจะได้รับข้อมูลที่มีประโยชน์’ เทพธิดาจื่อเว่ยลอบถอนหายใจอยู่ภายใน


 


…..


 


แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา หุบเขาเหล่าโป


 


ฟางหยวนนั่งอยู่ในส่วนลึกของหุบเขา


 


เขากระตุ้นใช้งานค่ายกลวิญญาณกับหุบเขาเหล่าโปอย่างเต็มที่


 


มันคือค่ายกลวิญญาณเหล่าโป


 


ค่ายกลวิญญาณนี้มาจากมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณ มันใช้หนอนไหมบัวขาวเป็นพื้นฐาน สิ่งนี้เป็นอาหารของวิญญาณอมตะล้างใจและถูกสร้างขึ้นโดยเทพปีศาจจิตวิญญาณ


 


หลังจากได้รับเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณหนอนไหมบัวขาว เขาขอให้นิกายหลางหยาหลอมรวมมันขึ้นมาเป็นจำนวนมาก


 


ตอนนี้เขาต้องเลี้ยงดูวิญญาณอมตะล้างใจอีกครั้ง นอกจากนั้นมันยังใช้เป็นรากฐานของค่ายกลวิญญาณสำหรับการบ่มเพาะจิตวิญญาณ


 


ค่ายกลวิญญาณนี้ทำให้สายลมและหมอกหนาทึบในหุบเขาเหล่าโปมารวมตัวกัน


 


จิตวิญญาณของฟางหวนได้รับการขัดเกลาอย่างรวดเร็ว


 


‘ด้วยค่ายกลวิญญาณนี้ ประสิทธิภาพในการบ่มเพาะจิตวิญญาณของข้าเพิ่มขึ้นสามสิบส่วน’ ฟางหยวนประเมิน


 


นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาใช้งานค่ายกลวิญญาณดังกล่าว


 


ค่ายกลวิญญาณเหล่าโปถูกสร้างขึ้นเพื่อช่วยในการบ่มเพาะจิตวิญญาณ แต่ฟางหยวนสามารถปรับเปลี่ยนวิญญาณบางดวงเพื่อใช้งานมันได้หลากหลายมากขึ้น กล่าวได้ว่ามันมีประโยชน์มาก


 


ตัวอย่างเช่นฉินไป่เฉิงสามารถใช้ค่ายกลวิญญาณเหล่าโปเพื่อป้องกันการบุกรุกของผู้อมตะภาคกลาง


 


ตามข้อมูลในมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณ เขาสามารถใช้ค่ายกลวิญญาณนี้สังหารผู้อมตะระดับแปดของวังสวรรค์


 


ค่ายกลวิญญาณที่ฟางหยวนกำลังใช้งานอยู่ในเวลานี้มุ่งเน้นไปที่การบ่มเพาะจิตวิญญาณ มันใช้วิญญาณอมตะล้างใจและวิญญาณหนอนไหมบัวขาวระดับมนุษย์เป็นแกนกลางรวมถึงวิญญาณระดับมนุษย์อีกมากมายเป็นส่วนสนับสนุน


 


‘เอาล่ะ หลังจากครั้งนี้ จิตวิญญาณของข้าก็เทียบเท่ากับจิตวิญญาณของมนุษย์หนึ่งล้านคนแล้ว’


 


มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณกล่าวว่ารากฐานของจิตวิญญาณแบ่งออกเป็นหลายระดับ


 


จากต่ำไปสูงเริ่มตั้งแต่ระดับหนึ่งคน ระดับสิบคน ระดับร้อยคน…ระดับล้านคน ระดับสิบล้านคน ระดับร้อยล้านคน…


 


โดยปกติผู้ใช้วิญญาณทั่วไปที่บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณต้องใช้เวลายี่สิบปีเพื่อบรรลุระดับพันคนด้วยการทำงานอย่างหนัก แต่วิญญาณความเด็ดเดี่ยวช่วยให้ฟางหยวนเข้าถึงระดับนี้ได้ทันที


 


ด้วยการใช้วิญญาณความเด็ดเดี่ยวเสริมสร้างจิตวิญญาณก่อนจะขัดเกลาด้วยหุบเขาเหล่าโปและนอนพักผ่อน สุดท้ายด้วยการทำสามขั้นตอนนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก รากฐานจิตวิญญาณของฟางหยวนจึงพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับจรวด


 


ในช่วงเวลาเพียงสั้นๆ จิตวิญญาณของเขาก็พัฒนาขึ้นถึงระดับหนึ่งล้านคนแล้ว ตอนนี้ดวงวิญญาณของเขาสามารถจับต้องได้ราวกับร่างกายภาพ ย้อนหลับไปที่ภูเขาอี้เทียน ดวงวิญญาณของเทพปีศาจจิตวิญญาณใหญ่โตและแข็งแกร่งมาก มันทำให้ฟางหยวนถูกล่อลวงและต้องการก้าวไปถึงระดับดังกล่าว


 


ด้วยรากฐานของจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งขึ้น มันจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อเขาโดยเฉพาะเมื่อเขามีท่าไม้ตายอมตะอาภรณ์วิญญาณ


 


ท่าไม้ตายนี้สามารถปกป้องเขาจะการรับรู้ของเจตจำนงสวรรค์และการอนุมานของผู้อมตะคนอื่นๆ ยิ่งรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณสูงเท่าใด มันก็ยิ่งแข็งแกร่งเท่านั้น


 


ตอนนี้ฟางหยวนรู้สึกอย่างชัดเจนว่าอาภรณ์วิญญาณของเขาหนาแน่นขึ้น เขารู้สึกปลอดภัยมากขึ้น


 


‘เมื่อรากฐานจิตวิญญาณของข้าเติบโตขึ้น ข้าจะสามารถควบคุมอสูรปีแรกกำเนิดได้ดีขึ้น ข้ายังสามารถควบคุมอสูรปีแรกกำเนิดตัวที่สอง!’


 


‘อย่างไรก็ตามแม้ข้าจะสามารถยกระดับจิตวิญญาณ แต่ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณไม่คุ้มค่าที่จะลงทุน’


 


เหตุผลก็คือเทพปีศาจจิตวิญญาณถูกจับโดยวังสวรรค์


 


ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาจะถูกค้นวิญญาณ


 


นั่นหมายความว่าในอนาคตวังสวรรค์จะได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณ เมื่อเวลานั้นมาถึง มันจะง่ายสำหรับพวกเขาที่จะอนุมานวิธีตอบโต้ท่าไม้ตายของเขา


 


ฟางหยวนออกจากหุบเขาเหล่าโป


 


ภูเขาตงฮันและหุบเขาเหล่าโปถูกวางไว้ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา เหตุผลก็คือมันสะดวกในการใช้งาน นอกจากนี้แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพก็ต้องการปราณสวรรค์พิภพจำนวนมหาศาล มิติช่องว่างของฟางหยวนมีแม่น้ำหวนคืนอยู่แล้ว เขาไม่ต้องการเพิ่มภาระให้กับตนเอง


 


หลังจากออกมา ฟางหยวนพบมนุษย์หิมะสาว


 


“เซี่ยเอ๋อคารวะท่านฟางหยวน”

 

 

 


บทที่ 1461 มั่งคั่ง

 

มิติช่องว่างจักรพรรดิสงบมาก มันไม่มีการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ไม่มีเวลากลางวันหรือกลางคืน มันเป็นสถานที่ที่เงียบสนิท


 


ฟางหยวนเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด มิติช่องว่างของเขายังอยู่ในระดับแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ เพียงเมื่อมันกลายเป็นถ้ำสวรรค์ ปรากฏการณ์ดังกล่าวจึงจะเกิดขึ้น


 


แม้จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ แต่มันก็ไม่ใช่มิติช่องว่างที่ตายแล้ว มันเต็มไปด้วยชีวิต


 


ภาคเหนือน้อยอากาศเย็นกว่าภูมิภาคอื่นโดยเฉพาะทางเหนือสุด หลังจากผนวกแดนศักดิ์สิทธิ์ของฮันตงเข้ามา แหล่งทรัพยากรนี้ได้รับการดูแลโดยจิตวิญญาณแผ่นดินอสรพิษแดงชมพู นอกจากนั้นยังมีสุสานกระดูก ฟางหยวนพยายามปลูกหญ้าเคียวโลหิตและดอกขวานแดงเพื่อเป็นรากฐานให้กับฝูงกระต่ายสีชมพู หมาป่า และสุนัขจิ้งจอก


 


ภาคกลางน้อยมีป่าเห็ดหลินจือโลหิตและต้นหลิวกระจก นอกจากนี้ยังมีถ้ำแสงมรดกที่สร้างวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งแสง


 


ทะเลทรายตะวันตกน้อยเป็นที่อยู่ของอสรพิษเพลิง หาดทรายนางนวล บึงเน่าเปื่อย เนินสุนัขทมิฬที่มาจากแดนศักดิ์สิทธิ์ของหลิวหยง นอกจากนี้ยังมีคฤหาสน์วิญญาณระดับมนุษย์เมืองศพที่ฟางหยวนได้รับมาจากกองกำลังพันธมิตรผีดิบของทะเลทรายตะวันตก


 


ทะเลตะวันออกน้อย ตอนนี้มันไม่ใช่แอ่งน้ำอีกต่อไปแต่เริ่มเห็นร่องรอยของมหาสมุทรโดยเฉพาะทะเลเกล็ดมังกรและทะเลของวูอี้ไห่ที่อยู่ภายใต้การดูแลของจิตวิญญาณแผ่นดินเต่าทะเล


 


นอกจากทะเลทั้งสองยังมีทะเลสาบโลหิต มันไม่ใหญ่โตนักแต่มันยังเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์อสูรและวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งเลือด


 


ถัดลงมายังมีทะเลน้ำตื้นอีกมากมาย ฟางหยวนเลี้ยงปลาฟองอากาศ ปลาคราฟศิลปิน รวมถึงหอยนางรมห้องลับเอาไว้ที่นี่


 


แม่น้ำหวนคืนถูกวางไว้ในพื้นที่ของทะเลตะวันออกน้อยเช่นกัน


 


สำหรับภาคใต้น้อย มันเป็นภูมิภาคที่พัฒนาไปมากที่สุด


 


มีภูเขาแสงห้าสี ภูเขามรดกอมตะ เนินมังกรผงาด ภูเขาผนึกสวรรค์ และภูเขานิรนามอื่นๆอีกมากมาย เช่นเดียวกับป่าไม้และถ้ำใต้พิภพ มีมนุษย์หินจำนวนหนึ่งอาศัยอยู่ที่นี่ ในป่ามีต้นดนตรี แม่น้ำชา วิหคมรณะ และอื่นๆ ระบบนิเวศของที่นี่อุดมสมบูรณ์มาก


 


สำหรับสวรรค์น้อยทั้งเก้า สวรรค์สีแดงน้อยมีอสูรปีจำนวนมากรวมถึงอสูรปีวอกแรกกำเนิด


 


ฟางหยวนให้ความสำคัญกับการจัดการสวรรค์สีส้มน้อยเมื่อเร็วๆนี้โดยการวางราเรืองแสงสีขาวไว้ที่นี่เพื่อขยายธารแสงและสร้างผลไม้แสง


 


สวรรค์สีเหลืองน้อยค่อนข้างว่างเปล่า มีธารทองคำขนาดเล็กอยู่ที่นี่เท่านั้น


 


สวรรค์สีเขียวว่างเปล่าอย่างสมบูรณ์ ฟางหยวนเคยวางกายาแห่งความฝันไว้ที่นี่ แต่ตอนนี้พวกมันถูกนำออกไปแล้ว


 


สวรรค์สีฟ้าน้อยมีธูปสีฟ้า นี่เป็นอาหารของวิญญาณอมตะเปลี่ยนวิญญาณ นอกจากนี้ยังมีสระเก็บคริสตัลสวรรค์


 


สวรรค์สีน้ำเงินมีแหล่งทรัพยากรมากที่สุดท่ามกลางสวรรค์ทั้งเก้า ตัวอย่างเช่นป่าไผ่ลูกศร ทุ่งหญ้าสะเก็ดดาว หลุมอุกกาบาต และเกาะลอยฟ้าที่เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ของเย่หลิวชุนซิง


 


มีสุนัขดาวตกเพลิงวัยเยาว์อาศัยอยู่ที่นี่อย่างเงียบเหงา มันมักต่อสู้กับสัตว์อสูรอื่นๆในยามว่าง


 


สวรรค์สีม่วงน้อยมีฝูงอินทรีย์ที่ฟางหยวนซื้อมาด้วยวิญญาณอมตะระหว่างการต่อสู้ที่อาณาจักรแห่งความฝันของภาคใต้ เนื่องจากเขามีรังอินทรีย์มากกว่าแปดสิบรังที่ได้รับมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กของเผ่าไห่ เขาจึงใช้พวกมันเป็นที่อยู่อาศัยของฝูงอินทรีย์เหล่านี้


 


สวรรค์สีขาวน้อยมีฝูงสุนัขอินทรีย์ สุนัขสวรรค์ และทุ่งดอกไม้แสงหลากสี


 


สวรรค์สีดำน้อยอันมืดมิดมีต้นกินเนื้ออาศัยอยู่


 


ด้วยทรัพยากรทั้งหมด มันสามารถแข่งขันกับผู้อมตะระดับแปด


 


แต่สำหรับมิติช่องว่างจักรพรรดิ ทรัพยากรเหล่านี้ยังน้อยเกินไป


 


เหตุผล?


 


เพราะมิติช่องว่างจักรพรรดิใหญ่โตเกินไป


 


ในปัจจุบันฟางหยวนสามารถจัดการมิติช่องว่างจักรพรรดิได้เพียงสามสิบส่วนเท่านั้น


 


มิติช่องว่างจักรพรรดิเป็นโอกาสที่ไม่มีสิ่งใดสามารถเปรียบเทียบ แต่ฟางหยวนยังไม่แน่ใจว่าเมื่อใดที่เขาจะสามารถดูแลพื้นที่ทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์ มันอาจต้องใช้เวลานานมาก


 


พื้นฐานของการพัฒนามิติช่องว่างของผู้อมตะมีเจ็ดขั้นตอน


 


ขั้นตอนแรกคือการสร้างแหล่งทรัพยากรเพื่อผลิตวิญญาณระดับมนุษย์ ทรัพยากรระดับมนุษย์ สัตว์และพืช


 


ทรัพยากรระดับมนุษย์จะมีค่าด้วยปริมาณ ผู้อมตะสามารถผลิตวิญญาณระดับมนุษย์ได้นับล้านดวงในครั้งเดียว ด้วยวิธีนี้ฟางหยวนจึงสามารถขายวิญญาณปีระดับมนุษย์ได้นับล้านดวง


 


ขั้นตอนที่สองคือการสร้างทรัพยากรอมตะ เมื่อถึงขั้นตอนนี้ ผู้อมตะจะสามารถผลิตอาหารให้กับวิญญาณอมตะของตนเอง


 


ขั้นตอนที่สามคือการสร้างระบบนิเวศเพื่อเพาะเลี้ยงสัตว์อสูรเดียวดายหรือพืชอสูรเดียวดาย


 


ขั้นตอนที่สี่คือการทำธุรกรรมทรัพยากรอมตะ สัตว์อสูรเดียวดายหรือพืชอสูรเดียวดายเพื่อสร้างกำไร


 


…..


 


พิจารณาจากสิ่งนี้ ฟางหยวนอยู่ในขั้นตอนที่สี่เพราะเขามีธุรกิจมากมายที่สามารถทำกำไร ตอนนี้ธุรกิจวิญญาณปีของฟางหยวนยึดครองสวรรค์สีเหลืองอย่างสมบูรณ์แล้ว สามผู้ขายรายเดิมไม่สามารถขายสินค้าของพวกเขา


 


‘แต่จากมุมมองอื่น ข้ายังอยู่ในขั้นตอนที่สอง เพราะข้ายังไม่สามารถเลี้ยงดูวิญญาณอมตะ’


 


ฟางหยวนเข้าใจเหตุผล


 


นั่นเป็นเพราะเขามีวิญญาณอมตะมากเกินไป


 


วิญญาณอมตะระดับแปด วิญญาณทัศนคติ วิญญาณดาบแห่งปัญญา วิญญาณปีไหลผ่านราวกับสายน้ำ


 


วิญญาณอมตะระดับเจ็ด วิญญาณคิ้วดาบ วิญญาณคลื่นดาบ วิญญาณดาบบิน วิญญาณดาบทะลวงมิติ วิญญาณปี วิญญาณราชินีมด วิญญาณเต่าพยากรณ์ วิญญาณลมหายใจมังกร วิญญาณเกล็ดมังกร วิญญาณความระมัดระวัง วิญญาณใหญ่ วิญญาณจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ วิญญาณความใคร่ วิญญาณรักตัวเอง วิญญาณความพยายาม วิญญาณขีดจำกัดชื่อเสียง วิญญาณเปลี่ยนวิญญาณ วิญญาณสายโลหิต วิญญาณความแข็งแกร่งของมังกร วิญญาณธงค่ายกล และอื่นๆ


 


วิญญาณอมตะระดับหก วิญญาณความแข็งแกร่งของตนเอง วิญญาณยกภูเขา วิญญาณดึงแม่น้ำ วิญญาณความแข็งแกร่งของพลังปราณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณพื้นที่ก่อนหน้า วิญญาณบุรุษคนก่อนหน้า วิญญาณวัน วิญญาณคลี่คลายปริศนา วิญญาณความคิดวัชระ วิญญาณโชคอึสุนัข วิญญาณหัวใจหญิงงาม วิญญาณสมบัติเลือด วิญญาณเปลี่ยนรูปลักษณ์ วิญญาณเนตรดารา วิญญาณสัมผัสแห่งเต๋า วิญญาณตรวจสอบโชค วิญญาณเชื่อมโยงโชค วิญญาณช่วงเวลาแห่งโชค วิญญาณความคิดดารา และอื่นๆ


 


วิญญาณอมตะเชื่อมโยงโชคและวิญญาณอมตะดวงอื่นๆที่เคยอยู่กับอิงอู๋เซี่ยถูกส่งคืนให้กับฟางหยวนเรียบร้อยแล้ว


 


นอกจากนี้วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาบางดวงของราชันภูเขาม่วงก็ถูกส่งต่อมาถึงเขาและยังรวมถึงวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาบางส่วนที่มาจากคฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหล


 


รวมทั้งหมดฟางหยวนมีวิญญาณอมตะมากกว่าห้าสิบดวง!


 


มากว่าห้าสิบดวง!


 


ต้องไม่ลืมว่าผู้อมตะส่วนใหญ่ไม่มีวิญญาณอมตะในการครอบครอง


 


มีเพียงผู้อมตะระดับเจ็ดและระดับแปดบางคนเท่านั้นที่สามารถครอบครองวิญญาณอมตะห้าหรือหกดวง


 


โดยทั่วไปผู้อมตะระดับหกจะตามหาวิญญาณอมตะระดับหก ผู้อมตะระดับเจ็ดต้องการวิญญาณอมตะระดับเจ็ด ผู้อมตะระดับแปดไขว่คว้าวิญญาณอมตะระดับแปด และผู้อมตะระดับเก้าปรารถนาที่จะครอบครองวิญญาณอมตะระดับเก้า


 


แต่ฟางหยวน?


 


นอกจากเขาจะมีวิญญาณอมตะมากกว่าห้าสิบดวง พวกมันยังมีทั้งวิญญาณอมตะระดับหก ระดับเจ็ด และระดับแปด


 


นี่ยังไม่รวมวิญญาณเรียกภัยพิบัติที่เขาให้ชูตู๋ยืม วิญญาณสติปัญญาที่อยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา และวิญญาณขีดจำกัดความมืดที่ถูกยึดครองโดยวังสวรรค์ สุดท้ายยังมีจิตวิญญาณค่ายกลที่ถูกสร้างขึ้นจากวิญญาณอมตะ


 


สถานการณ์ของฟางหยวนพิเศษเกินไป


 


ปีศาจต่างโลกที่กำเนิดใหม่ ความหวังของเทพปีศาจบัวแดง อดีตเครื่องมือของเจตจำนงสวรรค์ และผู้นำนิกายเงาคนปัจจุบันที่ได้รับมรดกที่แท้จริงจำนวนนับไม่ถ้วน


 


แม้การเดินทางของเขาจะเต็มไปด้วยอันตรายและความสิ้นหวัง แต่ความเสี่ยงมหาศาลก็ทำให้เขาได้รับผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่


 


ตอนนี้ฟางหยวนมั่นคั่งมาก


 


อย่างไรก็ตามการให้อาหารวิญญาณอมตะก็เป็นภาระและปัญหาใหญ่สำหรับเขา


 


‘หลังจากทำงานหนัก ในที่สุดข้าก็สามารถแก้ปัญหานี้ได้บ้าง’


 


‘วิญญาณสติปัญญาได้รับการดูแลโดยจิตวิญญาณแผ่นดินหลาหยาขณะที่ข้าสามารถแก้ปัญหาเรื่องอาหารของวิญญาณอมตะระดับแปดทั้งสามดวง’


 


‘ต่อไปข้าจะแก้ปัญหาเรื่องอาหารของวิญญาณอมตะระดับหกและระดับเจ็ด’


 


พิจารณาถึงหินวิญญาณอมตะ ตอนนี้ฟางหยวนมีมันอย่างเพียงพอ


 


‘การแต่งงานกับมนุษย์หิมะ?’


 


ฟางหยวนครุ่นคิด


 


เซี่ยเอ๋อนำแก่นแท้บัวหิมะมามอบให้เขา นางแสดงเจตนาที่จะสร้างความสัมพันธ์ผ่านการแต่งงาน


 


เผ่ามนุษย์กลายพันธุ์เหล่านี้กล่าวอย่างตรงไปตรงมา


 


‘หากข้าทำงานด้วยตนเองเพื่อแก้ปัญหาเรื่องอาหารของวิญญาณอมตะ มันอาจใช้เวลาอีกนาน แต่หากข้าใช้ประโยชน์จากเผ่ามนุษย์หิมะ ข้าจะมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว’


 


‘สิ่งที่ข้าขาดมากที่สุดตอนนี้คือเวลา’


 


‘ข้าไม่ขัดข้องเรื่องการแต่งงานกับมนุษย์หิมะ’

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)