พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1445-1448
บทที่ 1445 ‘ขายผู้หญิงแลกเกียรติยศ’
Ink Stone_Fantasy
ถึงแม้จะรู้สึกเสียใจที่ความวู่วามชั่วขณะจะนำปัญหามาให้ตน แต่ที่น่าเสียใจยิ่งกว่านั้นก็คือ ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ทำไมก่อนหน้านี้ถึงไม่พาจ้านหรูอี้หนีไปล่ะ? ตอนนี้ทำร้ายทั้งจ้านหรูอี้ทั้งตัวเองแล้ว จำเป็นต้องทำแบบนี้ด้วยเหรอ ช่างโง่เง่าจริงๆ
เรื่องบางเรื่องทำให้เขารู้สึกอับจนปัญญามาก เขานึกว่าเลือดร้อนของตัวเองจะเย็นลงแล้ว แต่เขาพบว่าบางสิ่งที่ฝังลึกอยู่ในสันดานนั้นยากต่อการเปลี่ยนแปลงแก้ไข ผ่านความเป็นความตายหลายครั้งจนเดินมาถึงทุกวันนี้แล้ว แต่ไม่น่าเชื่อว่ายังจะทำเรื่องที่วู่วามเลือดร้อนได้อีก
เขารู้อย่างแจ่มแจ้ง ว่าตอนนี้ต่อให้อยากหนีแต่ก็หนีไม่พ้น ตอนยังไม่เกิดเรื่องเขายังหนีไปจากที่นี่ได้อยู่ แต่พอเกิดเรื่องขึ้นก็เลิกคิดไปได้เลยว่าจะหนี ขนาดอาศัยกำลังของจ้านผิงยังไม่มีทางพาลูกสาวหนีได้เลย ด้วยสถานการณ์ของเขาตอนนี้ก็ยิ่งหนีไปจากที่นี่ไม่ได้ ที่นี่คือศูนย์กลางตำหนักสวรรค์ที่มีกำลังทหารแน่นหนา
เหล่าพี่น้องกองมังกรดำเดินตามอย่างเงียบๆ ไม่มีใครพูดอะไร ได้แต่แอบรู้สึกปลงในใจ มีแต่แอบส่ายหน้า มีแต่แอบส่งสายตาให้กันอยากจนใจ ต่างก็รู้ว่าท่านแม่ทัพภาคกำลังจะเกิดปัญหาใหญ่แล้ว ถ้าไม่อยากตายก็คงยากแล้ว
แต่พี่น้องกองมังกรดำก็ยอมแพ้แม่ทัพภาคท่านนี้แล้วจริงๆ ขนาดเรื่องแบบนี้ยังกล้าทำ ชื่อเสียงอันโด่งดังที่ล้างเลือดตลาดสวรรค์ในปีนั้นไม่ใช่ข่าวลืมปลอมๆ
หยางเจาชิงสีหน้าตึงเครียด สวีถังหรานหน้าซีด มาถึงขั้นนี้แล้ว จะพูดอะไรอีกก็คงสายไป แค่เจ้าปฏิเสธรางวัลก็ว่าหนักแล้ว ทำไมต้องพูดว่าขายผู้หญิงแลกเกียรติยศด้วย ราชันสวรรค์รับสนมเข้าวัง ทำไมกลายเป็นขายผู้หญิงแลกเกียรติยศไปแล้วล่ะ ต่อให้ความจริงจะเป็นอย่างนั้นก็ตาม แต่เจ้าก็พูดออกมาไม่ได้ นี่ไม่ใช่การตบหน้าอ๋องสวรรค์อิ๋งแล้ว แต่เป็นการพังงานตอนที่ราชันสวรรค์แต่งงานรับสนม
คนกลุ่มหนึ่งกลับไปประจำในพื้นที่อย่างเงียบๆ ทุกคนต่างก็รู้ดี ว่าท่านแม่ทัพภาคกำลังประสบเคราะห์ร้ายที่หลีกหนีได้ยาก
เรื่องราวแพร่ไปทั้งกองมังกรดำอย่างรวดเร็ว ข่าวนี้ค่อนข้างครึกโครม ทั้งข้างล่างข้างบนของกองมังกรดำเดือดเป็นแถบๆ แอบพึมพำนินทากันเงียบๆ บ้างก็ว่านายท่านเป็นคนกล้าหาญ บางส่วนก็ว่านายท่านเป็นคนโง่เขลาเช่นกัน
เหมียวอี้ที่ยังไม่ถอดเกราะรบก้าวเท้าอย่างหนักหน่วง เดินทีละก้าวเข้าไปในตำหนักใหญ่ของจวนแม่ทัพภาค ดินขึ้นบันไดไป แล้วหมุนตัวนั่งลงบนบัลลังก์ของตัวเอง ใช้มือดึงที่เอวหนึ่งครั้ง กระบี่วิเศษที่แขวนไว้ระหว่างเอวถูกถอดลงมา ตุ้ง! กระทุ้งกระบี่พร้อมปลอกไว้บนพื้น สองมือประกบจับอยู่บนด้ามกระบี่ เขาทำสีหน้าเรียบเฉยและหลับตาลงอย่างช้าๆ
เขากำลังรีบครุ่นคิด หวังว่าจะสามารถหาวิธีการที่ทำให้รอดพ้นหายนะนี้
หยางเจาชิงกับสวีถังหรานที่เข้ามาด้วยกันสบตากันแวบหนึ่ง แล้วก็แอบถอนหายใจ ไม่ได้รบกวนเขา
หยางชิ่งกับเหยียนซิวที่ได้รับข่าวก็เดินเข้ามาแล้วเช่นกัน หยางชิ่งยืนขมวดคิ้วมุ่นอยู่ข้างกายหยางเจาชิง แอบถามรายละเอียดของเรื่องที่เกิดขึ้น ส่วนเหยียนซิวก็เดินช้าๆ ไปอยู่ข้างกายเหมียวอี้ แล้วถ่ายทอดเสียงบอกว่า “นายท่าน ข้ามีวิธีการหนึ่งที่สามารถช่วยให้นายท่านปกป้องตัวเองได้ชั่วคราว เปิดเผยเคล็ดวิชาฝึกตนของข้าสิ ตำหนักสวรรค์จะไม่รีบลงโทษนายท่านแน่นอน”
เหมียวอี้ยกมือขึ้นเบาๆ บอกใบ้ว่าไม่ให้พูดอะไรแล้ว วิธีการนี้ไม่ต่างอะไรกับการดื่มเหล้าพิษแก้กระหายน้ำ ถึงแม้จะปกป้องชีวิตได้ชั่วคราว แต่จุดจบสุดท้ายก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันสักเท่าไร ถ้าเหยียนซิวถูกเปิดโปงกำพืดขึ้นมา นี่ก็จะไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แล้ว เบื้องบนจะต้องสืตรวจสอบลูกน้องคนสนิทที่เหลือแน่นอน ถึงตอนนั้นพวกหยางเจาชิงก็จะหนีไม่พ้นด้วยเช่นกัน
ถ้าจะเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ ไม่สู้ให้เขาแบกรับไว้คนเดียวดีกว่า แบบนี้จะได้ไม่ทำให้คนอื่นลำบากไปด้วย อย่างน้อยก็ยังเหลือลูกคนสนิทไว้ให้อวิ๋นจือชิวได้บ้าง
เหยียนซิวเองก็รู้ว่าวิธีการนี้ไม่เหมาะสม แต่ตอนนี้หมดคนทางจริงๆ แล้วไม่ใช่เหรอ เมื่อเห็นเหมียวอี้ไม่เห็นด้วย เขาก็ทำได้เพียงยืนเงียบอยู่ข้างๆ อีกครั้ง
ผ่านไปไม่นาน ชายวัยกลางคนที่สูงสง่ากับสตรีวัยกลางคนที่งามเพริศพริ้งก็เร่งฝีเท้าเดินเข้ามา เป็นรองแม่ทัพภาคทั้งสองของกองมังกรดำนั่นเอง ตงจิ่วเจินกับฉื้อเยียน
“นายท่าน ท่านช่างเลอะเลือนนัก ทำไมพูดแบบนั้นต่อหน้าฝูงชนได้!” พอตงจิ่วเจินเดินเข้ามาก็ตำหนิทันที ตอนนี้ไม่สนใจมารยาทธรรมเนียมอะไรแล้ว เรื่องนี้ใหญ่โตเกินไปจริงๆ
เหมียวอี้ลืมตาสองข้าง แล้วกล่าวเสียงเรียบว่า “น้ำที่สาดไปแล้วยากจะเก็บกลับคืน ในเมื่อพูดไปแล้ว มาเสียใจทีหลังก็ไม่มีประโยชน์ ไม่ต้องห่วงหรอก ข้าเป็นคนก่อเรื่องเอง ไม่ทำให้ทุกคนพลอยลำบากไปด้วยหรอก”
ตงจิ่วเจินเงียบกริบ ในเมื่อเจ้าเองยังไม่กลัว ก็คิดเสียว่าข้าไม่ได้พูดอะไรก็แล้วกัน ถ้าเจ้าลงจากตำแหน่งแล้ว ดีไม่ดีข้าอาจจะได้รับตำแหน่งต่อจากเจ้าก็ได้
ฉื้อเยียนไม่พูดอะไรแล้ว ดวงตาที่จ้องเหมียวอี้ฉายประกายเล็กน้อย ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังชื่นชม
ว่ากันตามตรง ตอนแรกที่นางมาที่กองมังกรดำ นางก็ไม่ค่อยพอใจที่ได้แม่ทัพภาคที่ไม่ว่าจะเป็นวรยุทธ์หรือประสบการณ์ฝีมือก็สู้นางไม่ได้มาเป็นผู้บังคับบัญชา ในใจดูถูกเหมียวอี้อยู่บ้างนิดหน่อย หลังจากรู้ถึงการกระทำของเหมียวอี้ที่เรือนพักของอ๋องสวรรค์อิ๋ง นางก็ด่าเขาว่าโง่เขลาเช่นกัน แต่ขณะเดียวกันนางก็รู้สึกนับถือเหมียวอี้ อย่างน้อยก็โง่เขลาได้สมกับเป็นลูกผู้ชาย!
ผ่านไปไม่นาน เฟยหงก็รีบเดินออกมาจากตำหนักหลังเช่นกัน นางมองเหมียวอี้ด้วยสีหน้ากังวล นางเพิ่งจะได้ยินข่าวเรื่องนี้ นางไม่เข้าใจว่าทำไมเหมียวอี้ถึงทำเรื่องที่วู่วามแบบนี้ได้
นางเดินขึ้นไปบนบันไดอย่างช้าๆ นั่งคุกเข่าข้างเดียวใต้เข่าเหมียวอี้ ใช้มือประคองบนขาเหมียวอี้ แล้วพูดเบาๆ ว่า “ให้ข้าลองไปหาแม่บุญธรรมดูมั้ยคะ”
เหมียวอี้จ้องนางครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้าเบาๆ ‘”อืม” ทำได้เพียงรักษาม้าตายเยี่ยงม้าเป็นแล้ว
เฟยหงยืนขึ้นแล้วรีบยกกระโปรงวิ่งออกมาไป เงาร่างหายไปในความมืดนอกประตูใหญ่
ส่วนเหมียวอี้ก็ไม่นั่งรอความตายเฉยๆ เช่นกัน รีบหยิบระฆังดาราออกมาติดต่อโค่วเหวินหลาน ตอนนี้คนที่มีคามเป็นไปได้มากที่สุดว่าจะปกป้องเขาได้ก็มีแค่อ๋องสวรรค์โค่วแล้ว จากนั้นก็รีบติดต่อเกาก้วน บอกว่ายินดีจะไปอยู่ที่หน่วยตรวจการฝ่ายขวา ขอให้เกาก้วนช่วยให้เขารอดพ้นความหายนะครั้งนี้ เกาก้วนไม่ได้ปฏิเสธแต่ก็ไม่ได้รับปาก ให้ความรู้สึกเหมือนไม่ใส่ใจ สุดท้ายเขาจึงติดต่อเทพประจำดาวฟ้าเถาะ หวังว่าผังก้วนจะมีวิธีการอะไรที่จะช่วยเขาได้
ตอนนี้เขาทำได้เพียงลองติดต่อไปหาคนพวกนี้ จะได้ผลหรือไม่เขาก็ไม่รู้ ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ยั่วโมโหราชันสวรรค์โดยตรง
ทุกคนที่ยืนอยู่เบื้องล่างเห็นเขาใช้ระฆังดาราติดต่อไม่หยุด ไม่รู้เหมือนกันว่ากำลังติดต่อให้ แต่ทุกคนต่างก็ดูออก ว่ากำลังหาคนมาช่วยเหลือแน่นอน
ดาวหยกงาม จวนอ๋องสวรรค์ ประตูตำหนักเปิดออกพร้อมเสียงดังทึบ โค่วหลิงซวีที่หยุดฝึกตนชั่วคราวเอามือไขว้หลังเดินออกมา โดยมีผู้เฒ่าถังเข้ามาต้อนนรับ ที่จริงก่อนที่เหมียวอี้จะติดต่อมา ทางนี้ก็ได้รับข่าวแล้ว
โค่วหลิงซวีเงยหน้ามองดาวที่เยือกเย็นในท้องฟ้ายามราตรี แล้วขมวดคิ้วถามว่า “ยืนยันเรื่องนี้หรือยัง?”
ผู้เฒ่าถังตอบอย่างหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกว่า “ยืนยันแล้วขอรับ ทางคุณชายสามส่งข่าวมาแล้ว บอกว่าหนิวโหย่วเต๋อขอความช่วยเหลือจากตระกูลโค่ว ไม่ใช่เรื่องโกหกแน่นอน”
โค่วหลิงซวีหัวเราะหึหึ “ช่างใจกล้าคับฟ้าจริงๆ ตอนนี้รู้จักกลัวแล้วเหรอ? ขายผู้หญิงแลกเกียรติยศ? ข้าเองก็ส่งผู้หญิงเข้าวังไปไม่น้อย ขนาดข้าก็โดนด่าไปด้วยแล้ว ตอนที่พูดจาวู่วามนั้นสะใจเพียงชั่วครู่โดยไม่นึกถึงผลที่จะตามมา ตอนนี้มานึกเสียใจทีหลังก็ไม่มีประโยชน์ แบบนี้เท่ากับสร้างความอับอายให้ประมุขชิงต่อหน้าฝูงชน ต่อให้ประมุขชิงจะตั้งใจฝึกเลี้ยงสักแค่ไหน แต่ก็ไม่มีทางปล่อยให้เขากำเริบเสิบสานแบบนี้ เขายังไม่มีสิทธิ์นั้น ไม่จับตัดมือตัดเท้าเชือดคอเขาก็นับว่าเขาโชคดีแล้ว”
ผู้เฒ่าถังถามหยั่งเชิงว่า “นายท่านหมายความว่าจะยืนอยู่เฉยๆ หรือขอรับ? เขาเป็นคนแอบส่งข่าวเรื่องตลาดผีให้ตระกูลโค่วนะ ถ้าเจ้าหนุ่มนั่นกัดไม่ปล่อยขึ้นมา จะเกิดปัญหาอะไรรึเปล่า?”
โค่วหลิงซวีแสยะยิ้ม “เรื่องนั้นประมุขชิงยอมประนีประนอมแล้ว ไม่อย่างนั้นจ้านหรูอี้จะเข้าวังได้ยังไง ถ้าเขากัดซี้ซั้ว ก็มีแต่จะตายเร็วขึ้นเท่านั้น แต่ข้าก็ไม่ถึงขั้นยืนดูเฉยๆ หรอก ไม่อย่างนั้นข้าคงไม่ออกจากการเก็บตัวฝึกตน”
ผู้เฒ่าถังขมวดคิ้ว “เกรงว่าเรื่องช่วยชีวิตเขาจะจัดการไม่ได้ง่ายๆ สักเท่าไรนัก เรื่องนี้เปิดเผยแล้ว จะให้ประมุขชิงเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
โค่วหลิงซวีกล่าวเสียงเรียบว่า “จัดการไม่สะดวกหรอก ที่สำคัญคือต้องดูว่าจะจ่ายอะไรแลก หลานสาวตระกูลข้ายังมีหลายคนที่ยังไม่ออกเรือน เจ้าไปดูซิว่านางหนูคนไหนเหมาะสม เดี๋ยวข้าจะไปบอกประมุขชิง ว่าเจ้าเด็กนั่นกับหลานสาวของข้าจะแต่งงานกันแล้ว หุงข้าวสารให้กลายเป็นข้าวสุกแล้ว แล้วก็ให้ประมุขชิงจัดการตามเห็นสมควร”
ผู้เฒ่าถังงุนงง ไม่น่าเชื่อว่าจะเสียสละชีวิตการแต่งงานของหลานสาวหนึ่งคนเพื่อปกป้องหนิวโหย่วเต๋อ ราคานี้มากไปหน่อยรึเปล่า อย่างน้อยหลานสาวแท้ๆ ก็มีสายเลือดใกล้ชิดกว่าหลานสาวนอกของอิ๋งจิ่วกวงหรอกน่า? เขาอดไม่ได้ที่จะถามอย่างลังเลว่า “แบบนี้คือวิธีการที่ดีในการปกป้องหนิวโหย่วเต๋อ แต่เกรงว่าต่อให้รอดพ้นโทษตาย แต่โทษเป็นก็ยากจะหนีพ้น ประมุขชิงจะต้องลงโทษเขาอย่างรุนแรงแน่!”
“เจ้าเด็กนั่นเป็นไม้ชั้นดีที่เอาไปทำอาวุธได้ ในอนาคตก็จะต้องเป็นหนึ่งในทหารกล้าของข้า รับเป็นหลานเขยก็ไม่ถือว่าทำให้หลานสาวข้าเสียศักดิ์ศรีเช่นกัน ดีกว่าให้แต่งงานกับพวกสวยแต่รูปจูบไม่หอมพวกนั้นตั้งเยอะ” โค่วหลิงซวีพูดจบแล้วเงยหน้ามองฟ้าถอนหายใจ แล้วบอกอีกว่า “เบื้องหลังเรื่องราวเหล่านั้นจะมีคนควบคุมหรือไม่ ก็ยังยืนยันไม่ได้ แต่พวกเราจะต้องกันไว้ดีกว่าแก้ ต้องกระตือรือร้นเตรียมกำลังคนที่ใช้งานได้ ต้องจงรักภักดี แบบนั้นถึงจะเป็นพันธมิตรกับตระกูลโค่วได้ในช่วงเวลาสำคัญ เจ้าต้องจำเรื่องนี้ใส่ใจเอาไว้…ครั้งนี้ข้าช่วยชีวิตเจ้าเด็กนั่น ทั้งยังจะยกหลานสาวให้แต่งงานกับเขาด้วย เขาจะไม่อุทิศตนทำงานให้ข้าได้ยังไง อย่างน้อยก็ไม่กล้าปฏิบัติกับหลานสาวข้าอย่างขาดความยุติธรรม”
“บ่าวทราบแล้วขอรับ” ผู้เฒ่าถังพยักหน้า
“ถ้าลงมือเร็วจะเหมือนมีน้ำใจไม่มากพอ เอาไว้ยื่นมือเข้าไปในช่วงเวลาสำคัญ จะได้ให้เขาจ่ายค่าตอบแทนของความบุ่มบ่ามไม่ดูตาม้าตาเรือด้วย ไปเถอะ! พวกเราไปด้วยตัวเองสักรอบ ไปดูสถานการณ์ก่อนแล้วค่อยว่ากัน” โค่วหลิงซวีกล่าวพลางยิ้มบางๆ แล้วถลันตัวออกไปไกล ส่วนผู้เฒ่าถังก็แวบหายไปติดๆ กัน
ตำหนักนารีสวรรค์ เซี่ยโห้วเฉิงอวี่โมโหมาก เดินไปเดินมาอย่างกระฟัดกระเฟียดอยู่ในตำหนัก บนพื้นมีข้าวของแตกกระจายเป็นกอง สีหน้าค่อนข้างแย่
นางรู้ว่าราชันสวรรค์จะรับจ้านหรูอี้เข้าวังเป็นสนม แต่นางไม่รู้ว่าราชันสวรรค์จะแต่งตั้งให้จ้านหรูอี้เป็น ‘สนมสวรรค์หรูอี้’ ตำแหน่งที่มอบให้สูงกว่าที่นางจินตนาการไว้ สิ่งที่ทำให้นางโมโหยิ่งกว่านั้นก็คือ นายหญิงแห่งวังหลังอย่างนางกลับไม่รู้เรื่องเลยสักนิด จะให้นางทนความรู้สึกนี้ได้อย่างไร!
ถึงแม้ในใจจะแค้นที่ราชันสวรรค์ไร้ไมตรี แต่ที่แค้นยิ่งกว่าก็คือจ้านหรูอี้ เด็กสาวที่โผล่ออกมาปุบกำลังจะมาเคียงบ่ากับนางแล้ว ดีไม่ดีสักวันหนึ่งก็อาจจะดันนางลงจากตำแหน่งก็ได้ นางทนจนไม่รู้จะทนอย่างไรแล้ว นางอยากจะบดขยี้ร่างของจ้านหรูอี้แล้วโยนให้สุนัขกิน
ที่จริงแล้ว พอได้ยินว่าหนิวโหย่วเต๋อนั่นตบหน้าตระกูลอิ๋ง นางก็ยังสะใจมาก ใครจะคิดล่ะว่าเจ้าหนิวโหย่วเต๋อที่น่าตายนั่นพูดว่า ‘ขายผู้หญิงแลกเกียรติยศ’ ออกมาอีก แบบนั้นก็แปลว่านางเป็นผู้หญิงที่ขายได้ราคาสูงที่สุดน่ะสิ?
แค่ตระกูลอิ๋งไม่เห็นนางอยู่ในสายตาก็ว่าหนักแล้ว ขนาดแม่ทัพภาคกระจอกๆ คนหนึ่งยังสร้างความอับอายให้นางซ้ำแล้วซ้ำเล่าเลย เดิมทีก็โมโหจ้านหรูอี้แทบแย่อยู่แล้ว ดันมีเรื่องนี้โผล่มาอีก ทำให้นางหาที่ระบายไฟเดือดเจอทันที อย่างไรเสียก็ไปแตะต้องจ้านหรูอี้ไม่ได้หากไม่มีเหตุผลรองรับ ทำได้เพียงจัดการกับลูกพลับอ่อนที่บีบง่ายก่อน
แต่ที่ยุ่งยากก็คือ ท่านปู่เคยกำชับนางไว้ ไม่ให้นางแตะต้องหนิวโหย่วเต๋อซี้ซั้ว ทั้งยังให้นางคิดหาทางปกป้องหนิวโหย่วเต๋อด้วย แต่นางทนข่มความเดือดดาลนี้ได้ยากจริงๆ
เป็นราชินีสวรรค์ผู้สง่าภูมิฐาน แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะหาทางจัดการเจ้าหนุ่มนั่นไม่ได้เลยสักนิด ทำให้นางโมโหแทบแย่อยู่แล้ว ขณะที่เดินไปเดินมาไม่หยุด นางก็ทำลายข้าวของไปด้วย
ทันใดนั้น นางก็หยุดฝีเท้า วิธีการยอดเยี่ยมแบบยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวแวบเข้ามาในหัวของนาง นางตาเป็นประกายพร้อมรีบเดินออกจากตำหนักนารีสวรรค์ไป
สาวใช้เอ๋อเหมยไม่รู้ว่านางเป็นอะไรไป จึงรีบเดินตามนางออกไป ขณะที่ออกจากตำหนักก็กำชับให้นางในรีบเก็บกวาดข้าวของในห้อง
บทที่ 1446 ไม่เอามาใช้ก็ไม่เป็นไร
Ink Stone_Fantasy
ออกจากวังหลังที่มีกลุ่มตำหนักทอดยาวเหยียด พอมาถึงวังหน้าแล้ว เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ที่ทำเหมือนเดินเล่นก็หยิบระฆังดาราออกมาติดต่อเซี่ยโห้วท่า เรื่องบางเรื่องถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากเซี่ยโห้วท่า นางก็ไม่กล้าลงมือเองโดยพลการเช่นกัน ดังนั้นจึงออกมาจากวังหลังแล้วค่อยติดต่อ เป็นเพราะวังหลังวางค่ายกลปิดกั้นเอาไว้ ตอนอยู่ที่วังหลังไม่สามารถใช้ระฆังดาราติดต่อกับภายนอกได้ ถ้าไม่ทำแบบนี้ก็ยังไม่รู้เลยว่ากลุ่มผู้หญิงว่างงานในวังหลังจะก่อเรื่องวุ่นวายอะไรขึ้นมา ส่วนเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็เป็นคนที่สามารถเข้าออกวังหลังได้ตามอำเภอใจ ไม่เหมือนสนมคนอื่นที่ออกจากวังหลังโดยพลการไม่ได้ถ้าไม่ได้รับอนุญาต
หลังจากติดต่อกับเซี่ยโห้วท่าได้แล้ว เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็ถามว่า : ท่านปู่ หลานสาวของอิ๋งจิ่วกวงถูกฝ่าบาทแต่งตั้งให้เป็น ‘สนมสวรรค์หรูอี้’ สวัสดิการต่างๆ เกือบจะสูงเทียบหลานสาวคนนี้แล้ว
เซี่ยโห้วท่า : ข้ารู้แล้ว
เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ : ยังมีอีกนะ หนิวโหย่วเต๋อนั่นกำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะด่าอิ๋งจิ่วกวงว่าขายผู้หญิงแลกเกียรติยศต่อหน้าฝูงชน จะให้ฝ่าบาทที่รับนางสนมทนความรู้สึกนี้ได้ยังไง เกรงว่าฝ่าบาทคงไม่ปล่อยเขาไปหรอก
เซี่ยโห้วท่า : ข้าก็รู้แล้วเหมือนกัน ทำไมล่ะ? บอกว่า ‘ขายผู้หญิงแลกเกียรติยศ’ มันยั่วโมโหเจ้าเหรอ?
เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ : หลานไม่เป็นไรหรอก เพียงแต่จ้านหรูอี้นั่นที่เข้าวังมาคงจะไม่ได้มาดี เห็นได้ชัดว่าพุ่งเป้ามาที่ข้า ท่านปู่มีแผนรับมืออะไรหรือเปล่าคะ?
เซี่ยโห้วท่า : อีกฝ่ายเพิ่งจะเข้าวัง ถ้าเจ้ารีบร้อนลงมือ จะเป็นการไม่ไว้หน้าฝ่าบาทหรือเปล่า ในภายหลังค่อยว่ากัน ไม่ต้องรีบทำตอนนี้
เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ : เมื่อครู่นี้หลานเพิ่งคิดออกถึงวิธีการดีๆ ที่จะรับมือกับจ้านหรูอี้นั่น
เซี่ยโห้วท่า : พูดให้ฟังหน่อย
เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ : คาดว่าท่านปู่คงเคยได้ยินเรื่องที่จ้านหรูอี้โดนหนิวโหย่วเต๋อจับแขวนไว้บนธงให้ได้รับความอับอาย เรื่องนี้รู้กันทั้งใต้หล้า คนที่ชื่อเสียงเกียรติยศเสียหายรุนแรงขนาดนี้จะมาเป็นสนมสวรรค์ได้ยังไง? หลานเตรียมจะลงมือจากจุดนี้ ท่านปู่คิดว่ายังไงคะ?
เซี่ยโห้วท่า : จากนั้นก็สามารถเพิ่มโทษให้หนิวโหย่วเต๋อได้ด้วยใช่มั้ย? นางหนู อย่าลืมสิ่งที่ปู่เตือนก่อนหน้านี้ พยายามปกป้องหนิวโหย่วเต๋อเอาไว้
เมื่อโดนท่านปู่พูดเปิดโปงความคิดของคน เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็อับอายนิดหน่อย แบบนี้เท่ากับไม่เห็นด้วยที่จะให้ตนทำแบบนี้แล้ว จึงถามอย่างไม่พอใจนิดหน่อยว่า : อย่าบอกนะว่าจะให้ปล่อยจ้านหรูอี้ไปแบบนี้?
เซี่ยโห้วท่า : นางหนู เจ้าต้องเข้าใจเรื่องเรื่องหนึ่งเอาไว้นะ การที่จ้านหรูอี้เขาวังนั้นเป็นประสงค์ของฝ่าบาท ไม่อย่างนั้นนางคงเข้ามาไม่ได้ ในเมื่อฝ่าบาทตัดสินใจแล้วว่าจะให้บทเรียนตระกูลเซี่ยโห้ว ต่อให้ตอนนี้เจ้าถอดจ้านหรูอี้ลงตำแหน่งได้ แต่ตอนหลังก็จะมีจ้านหรูอี้คนที่สอง คนที่สามเข้าวังอีกอยู่ดี หลานสาวของตระกูลสี่อ๋องสวรรค์มีไม่น้อยเลย และตอนนี้จ้านหรูอี้ก็เพิ่งจะเข้าวัง ฝ่าบาทจะเข้าข้างนาง ขอเพียงจ้านหรูอี้ไม่ได้ประพฤติผิดคุณธรรมของสตรี ไม่ได้ทำความผิดร้ายแรง เรื่องเล็กน้อยก็ไม่สามารถทำให้จ้านหรูอี้ลงจากตำแหน่งได้หรอก เจ้าทำแบบนี้มีแต่จะทำให้เจ้าลำบากเอง เรื่องบางเรื่องในเมื่อไม่มีทางแก้ไขได้ เช่นนั้นก็ไม่ต้องรีบลงมือ ต้องเรียนรู้ที่จะอดกลั้นไว้ในใจ สังเกตการณ์คู่ต่อสู้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน ดูก่อนว่าจ้านหรูอี้คนนี้รับมือด้วยง่ายหรือเปล่า ถ้ารับมือง่ายก็เก็บนางไว้ ไม่จำเป็นต้องทำให้วุ่นวายจนฝ่าบาทหาคู่ต่อสู้ที่ร้ายกาจมาเปลี่ยนให้เพื่อสั่งสอนเจ้า เข้าใจมั้ย?
เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ค่อนข้างไม่ยอม แต่ก็ไม่กล้าขัดคำสั่ง : หลานเข้าใจแล้วค่ะ
เซี่ยโห้วท่า : อย่าปล่อยให้ประโยคที่ไม่รื่นหูประโยคเดียวมาทำให้เจ้ารู้สึกว่าหนิวโหย่วเต๋อเป็นศัตรู ปู่จะเตือนเจ้าอีกครั้ง ถ้าอยู่ในขอบเขตความสามารถของเจ้า ในสถานการณ์ที่ไม่ต้องผลกระทบต่อเจ้า พยายามปกป้องหนิวโหย่วเต๋อเอาไว้อย่างสุดความสามารถ!
เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ : ทราบแล้วค่ะ
สวนกลางเขียวขจี ท่ามกลางทะเลสีเขียวขจี บนถนนสายเล็กๆ ใต้ต้นไม้โบราณสูงระฟ้า เฟยหงก้มหน้าเงียบๆ ตามหลังแม่เฒ่าลวี่ที่กำลังเดินถือไม้เท้า
“นางหนูเอ๊ย! เจ้าเองก็รู้อยู่แก่ใจว่าความสัมพันธ์ระหว่างเราทั้งสองเป็นยังไง ที่จริงแล้วเราไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกันเลย ยายแก่คนนี้แค่ถูกหน่วยตรวจการฝ่ายซ้ายดึงเข้าไปประกอบฉากชั่วคราว และแน่นอน ไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้ที่ทำให้ข้านิ่งดูดายไม่ช่วยเหลือ เมื่ออยู่ได้กันหลายครั้งยายแก่คนนี้ก็ชอบเจ้ามาก ข้าเห็นว่าเด็กสาวอย่างเจ้าน่าสงสารมาก อยากจะช่วยเจ้าเหมือนกัน แต่ข้าก็ไม่มีความสามารถน่ะสิ! สิ่งที่เจ้าเวรนั่นทำมันใช่เรื่องเสียที่ไหน? อะไรคือขายผู้หญิงแลกเกียรติยศ? มีแค่เขาคนเดียวที่ดูออกรึไง คนอื่นโง่กันหมดเลยเหรอ? แต่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย แต่ที่สำคัญคือต้องดูกาลเทศะด้วย นั่นเป็นงานรับสนมของราชันสวรรค์เชียวนะ มันใช่เรื่องเหรอที่เขาจะมาทำแบบนั้น? ถ้าเป็นเรื่องเล็กน้อย ยายแก่คนนี้ก็ยังหน้าด้านไปวางมาดข่มได้ แต่ก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้เจ้าจะให้ข้าออกหน้าได้ยังไง? ข้าไม่ได้หน้าใหญ่ขนาดนั้นเลยจริงๆ ไปแล้วก็เปล่าประโยชน์ ถ้าข้าหน้าใหญ่ขนาดนั้นจริง ยังจะต้องมาเฝ้าสวนอยู่ที่นี่อีกเหรอ?” แม่เฒ่าลวี่ส่ายหน้าถอนหายใจ
เฟยหงกล่าวอย่างกระวนกระวายว่า “ท่านแม่บุญธรรม ถ้าเกิดเรื่องขึ้นกับเขาข้าก็ไม่มีทางปฏิบัติภารกิจต่อได้แล้ว”
“นางหนู เจ้าต้อเข้าใจเรื่องหนึ่งให้ชัดเจนนะ ถ้าจะทำเพื่อภารกิจ เช่นนั่นเจ้าก็มาหาผิดคนแล้ว เจ้าควรจะไปหาผู้บังคับบัญชาของเจ้าโน่น ให้ผู้บังคับบัญชาของเจ้าแก้ปัญหา” แม่เฒ่าลวี่กล่าว
เฟยหงกล่าวอย่างจนใจว่า “ถ้าเขาทำให้ฝ่าบาทโมโห ถ้าฝ่าบาทจะลงโทษเขา เช่นนั้นเขาก็ไม่มีความหมายใดๆ ต่อหน่วยตรวจการฝ่ายซ้ายแล้ว หน่วยตรวจการซ้ายจะไม่สิ้นเปลืองความคิดอะไรกับเขาอีก ไม่มีทางออกหน้าช่วยเขา”
แม่เฒ่าลวี่ส่ายหน้า “เช่นนั้นก็ปล่อยเขาไปเถอะ ยายแก่คนนี้ไร้ความสามารถจริงๆ”
เฟยหงทำสีหน้าหดหู่ทันที ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือสับสนในใจ นางมอบร่างกายให้เหมียวอี้ไปแล้ว ถ้าเหมียวอี้ตาย นางก็จะไม่มีทางไป สำหรับหน่วยตรวจการฝ่ายซ้าย ประโยชน์ของนางก็ไม่มีอะไรเลยนอกจากความสวย จะส่งนางไปให้เป้าหมายต่อไปเชียวเหรอ?
แม่เฒ่าลวี่พลันหยุดฝีเท้าและครุ่นคิดเงียบๆ ทันที ก่อนจะค้ำไม้เท้าหันตัวมาอย่างช้าๆ แล้วกล่าวอย่างเนิบนาบว่า “ถึงยังไงเจ้าก็เรียกยายแก่คนนี้ว่าท่านแม่บุญธรรมมานาน ถ้าเกิดเรื่องกับเจ้าหนุ่มนั่นจริงๆ ข้าจะไปหาซือหม่าเวิ่นเทียนก็แล้วกัน เขาติดหนี้น้ำใจข้าหนึ่งครั้งเพราะเรื่องของพวกเจ้า ข้าจะดูว่าจะสามารถย้ายเจ้ามาเป็นลูกน้องข้าที่สวนกลางเขียวขจีได้รึเปล่า”
“น้ำใจของท่านแม่บุญธรรมข้าซาบซึ้งแล้ว กลัวก็แต่ทูตซ้ายจะไม่ให้คนที่มีพื้นเพชาติกำเนิดอย่างข้ามาอยู่ที่อุทยานหลวง”
“เจ้ามีพื้นเพแบบนี้แล้วจะทำไม? ที่เจ้าต้องไปอยู่ในสถานบันเทิงแบบนั้นก็เป็นเพราะพวกเขาจัดให้ไม่ใช่เหรอ?”
เฟยหงส่ายหน้าอย่างขื่นขม “ท่านแม่บุญธรรม ไม่ต้องถามแล้ว ข้าพูดไม่ได้ ถ้าพูดแล้วก็ตายสถานเดียว ทั้งยังจะทำให้คนในครอบครัวเดือดร้อนไปด้วย”
“ทำให้คนในครอบครัวเดือดร้อนไปด้วย…” แม่เฒ่าลวี่ตาเป็นประกาย พอจะเข้าใจแล้วว่าคำว่าพื้นเพชาติกำเนิดที่นางพูดถึงหมายถึงอะไร จึงแสยะยิ้มแล้วบอกว่า “ได้ยินมานานแล้วว่าหน่วยตรวจการฝ่ายซ้ายทำงานโดยไม่สนใจวิธีการ นับว่าข้าได้บทเรียนแล้ว ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ทำได้ลงจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะบังคับให้เด็กสาวที่สวยขนาดนี้ต้องทำเรื่องแบบนี้ ก่อกรรมทำเข็ญชัดๆ! ไม่แปลกใจที่ยายแก่อย่างข้าทำได้แค่หลบอยู่ในสวนแบบนี้ เพราะทำเรื่องโหดเหี้ยมทารุณแบบพวกเขาไม่ได้ไงล่ะ ช่างเถอะ มันไม่ใช่สิ่งที่ข้าจะไปถามได้ ข้าบอกได้เพียงว่าจะพยายามลองให้เต็มทีก็แล้วกัน ถ้าย้ายเจ้ามาได้ก็ดีไป แต่ถ้าไม่ได้จริงๆ เจ้าก็อย่าโทษข้านะ”
“ขอบคุณในความหวังดีของท่านแม่บุญธรรมค่ะ”
เงาคนสองคนเหาะลงมาจากท้องฟ้า เหยียบลงนอกเรือนพักของอ๋องสวรรค์โค่ว ผู้ที่มาไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นโค่วหลิงซวีกับผู้เฒ่าถังที่เป็นบ่าวรับใช้นั่นเอง
ทหารยามที่ได้รับข่าวล่วงหน้ารีบเข้ามาคารวะ “ยินดีต้อนรับอ๋องสวรรค์”
โค่วหลิงซวีขานรับ แล้วหันกลับไปเหล่ตามองเรือนพักตรงข้ามที่ประดับประดาโคมไฟและผ้าหลากสี จากนั้นหัวเราะหึหึแล้วบอกว่า “ตระกูลอิ๋งนี่ตกแต่งได้เหมือนจริงๆ มีสนมสวรรค์คนแรกตั้งแต่ก่อตั้งตำหนักสวรรค์ขึ้นมา ถ้าไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ก็คงจะเป็นเรื่องที่สมบูรณ์แบบจริงๆ ตอนนี้กลายเป็นเรื่องน่าหัวเราะเยาะไปแล้ว อิ๋งจิ่วกวงคงจะควบคุมอารมณ์ตัวเองและทำใจกว้างเพียงฉากหน้า ในใจคงอยากจะฉีกหนิวโหย่วเต๋อทั้งเป็นๆ ด้วยมือตัวเองแล้ว เหอะๆ…” พูดจบก็หันตัวเอามือไขว้หลังเดินเข้าลานบ้านไป
ประมุขชิงก็จนใจพอสมควร ไม่ใช่เพราะเหมียวอี้ ตอนนี้เขายังไม่รู้เรื่องที่เหมียวอี้ก่อขึ้น ตรงนี้เพิ่งจะจัดการงานเสร็จและเดินออกจากตำหนักดาราจักร ขณะกำลังจะไปเอาใจคนใหม่ที่วังหลัง แต่กลับโดนเกาก้วนมาขวางประตูไว้
เขาไม่เชื่อว่าเกาก้วนจะไม่รู้ว่าที่นี่มีสนมใหม่เข้ามา ดึงดันจะมารายงานเขาในเวลานี้ให้ได้
แต่เขาเองก็รู้ว่าแต่ไหนแต่ไรมาเกาก้วนเป็นคนที่มีงานก็พูดถึงงาน ไม่ถ่อมาคุยเล่นกับเขาแน่นอน และเรื่องจริงก็ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ เรื่องที่เกาก้วนมารายงานเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ตลาดผีครั้งก่อน ในบรรดาคนที่คิดกับดัก นอกจากส่วนหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับบุคคลภายในของตำหนักสวรรค์ ยังเกี่ยวข้องกับอำนาจฝ่ายอื่นๆ ด้วย สถานการณ์การสืบสวนของหน่วยตรวจการฝ่ายขวาไม่สู้ดีเท่าไรนัก เพราะลงมือที่ตลาดผีอย่างครึกโครมเกินไป ข่าวแพร่ออกไปตั้งนานแล้ว อำนาจที่เกี่ยวข้องไม่มีทางนั่งรอความตายอยู่เฉยๆ พอได้ยินข่าวก็หนีไปแล้ว
ประสิทธิภาพในการจับชัดเจนมาก ประมุขชิงสีหน้าไม่สู้ดีเท่าไร ความคิดที่จะไปหาสนมใหม่ที่วังหลังถูกเบี่ยงเบนไปแล้ว “ขั้นต่อไปเจ้าเตรียมจะทำยังไง?”
เกาก้วนตอบว่า “การจับกุมอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้ ถ้าอาศัยแค่หน่วยตรวจการฝ่ายขวาก็มีคนไม่พอใช้ ต้องให้กำลังพลจากที่อื่นให้ความร่วมมือด้วย ถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นผู้ควบคุมแต่ละพื้นที่ ฝ่าบาทได้โปรดบอกเรื่องนี้ให้ขุนนางใหญ่ในราชสำนักทุกท่านทราบด้วยขอรับ”
ประมุขชิงพยักหน้าเบาๆ ขณะกำลังครุ่นคิด ผู้การใหญ่ซ่างก่วนชิงกลับเข้ามาหาในเวลานี้
“เรื่องนี้รอปรึกษากับพวกขุนนางใหญ่ให้เสร็จแล้วค่อยว่ากัน” ประมุขชิงหันกลับมาบอกเกาก้วน พอหาซ่างก่วนชิงมาแล้ว บนใบหน้าก็เผยรอยยิ้มอย่างควบคุมไม่ได้
ในหัวปรากฏเงาร่างอันองอาจห้าวหาญของจ้านหรูอี้ เขารู้สึกดีกับจ้านหรูอี้เป็นพิเศษ เป็นเรื่องแปลกมาก จ้านหรูอี้ไม่ได้สวยเลิศล้ำ แต่เขากลับรู้สึกตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น เดิมทีเขาคิดว่าจะแต่งตั้งจ้านหรูอี้เป็น ‘สนมสวรรค์หรูอี้’ ก่อนเฉยๆ ส่วนเรื่องอื่นก็ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ไม่สะดวกจะทำให้ครบในขั้นเดียว เพราะแบบนั้นจะชัดเจนเกินไป อยากจะดูความสามารถของจ้านหรูอี้ในการงัดข้อกับเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก่อนแล้วค่อยว่ากัน แต่หลังจากได้เห็นจ้านหรูอี้ตัวจริงที่สวนท้อ เขาก็เปลี่ยนความคิดทันที ทั้งยังประทานเกี้ยวหงส์เดี่ยวให้ มอบพู่หยกประจำตัวให้ มีเจตนาจะเอาใจจ้านหรูอี้ เพราเขาเข้าใจดี ว่าไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนที่จะชอบเข้าวังมาเป็นสนม และจากนิสัยของจ้านหรูอี้ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นแบบนั้น แต่เขาชอบนางแล้วจริงๆ
ถ้าเปลี่ยนเป็นผู้หญิงคนอื่น เขาคงไม่เอาแต่คิดว่าจะรีบทำงานให้เสร็จแล้วไปพบหน้าสักครั้ง
หลังจากซ่างก่วนชิงทำความเคารพแล้ว ประมุขชิงก็ถามว่า “ท่านสนมสวรรค์ราบรื่นดีมั้ย?”
ซ่างก่วนชิงตอบว่า “จัดที่พักที่วังหลังให้เรียบร้อยแล้วขอรับ เพียงแต่เมื่อครู่นี้เพิ่งได้รับข่าวมา ว่าตอนที่เพิ่งรับตัวสนมสวรรค์มา ทางอ๋องสวรรค์อิ๋งก็เกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย”
ประมุขชิงขมวดคิ้ว “เกิดเรื่องอะไร?”
“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับแม่ทัพภาคหนิวโหย่วเต๋อของอุทยานหลวงขอรับ…” ซ่างก่วนชิงยิ้มเจื่อนพลางเล่าเรื่องที่เหมียวอี้ก่อให้ฟังรอบหนึ่ง
เกาก้วนยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยเช่นเดิม แต่ประมุขชิงกลับสีหน้าบึ้งตึงแล้ว “ขายผู้หญิงแลกเกียรติยศ! เขากล้ามากนะ! ขนาดวันมงคลของข้า เขายังกล้าก่อกวนอีก ไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาเลยเหรอ? ก่อเรื่องทีตลาดสวรรค์ก็พอแล้ว ขนาดอยู่ที่นี่ยังกล้าไม่หวาดกลัวสิ่งใด เห็นสวนของข้าเป็นอะไรไปแล้ว? ไม่แปลกใจที่ราชินีสวรรค์เห็นเขาแล้วสั่งสอนทันที สิ่งที่ไร้ประโยชน์เหมือนโคลนเหลวที่ใช้ก่อกำแพงไม่ได้ ไม่เอามาใช้ก็ไม่เป็นไร! เกาก้วน เจ้าไปด้วยตัวเองสักรอบ ถามให้ชัดเจนว่าเรื่องจริงหรือไม่ ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ถลกหนังเขาออกมาทั้งเป็นๆ แล้วแขวนหน้าประตูจวนอุทยานหลวงแม่ทัพภาคเพื่อไม่ให้คนเอาเยี่ยงอย่าง!”
บทที่ 1447 ข้าบอกให้เขาพูดเอง
Ink Stone_Fantasy
“ขอรับ!” เกาก้วนไม่พูดพร่ำทำเพลง เอ่ยรับคำสั่งแล้วออกไปทันที
พอมีเรื่องนี้เข้ามาประสมโรง ประมุขชิงก็หมดอารมณ์จะไปหาความบันเทิงแล้ว สะบัดแขนเสื้อ ส่งเสียงฮึดฮักแล้วหันเลี้ยง กลับเข้าไปรอในตำหนักดาราจักรอีกครั้ง ถ้าไม่ใช่เพราะคำนึงถึงสถานะตัวเอง ภายใต้ความเดือดดาลแบบนี้ เขาต้องไปคิดบัญชีกับเหมียวอี้ด้วยตัวเองแน่นอน
ซ่างก่วนชิงแอบส่ายหน้าตามอยู่ข้างหลัง เขามองออกว่าเหมียวอี้ยั่วโมโหประมุขชิงแล้วจริงๆ ถ้าเปลี่ยนเป็นคนทั่วไป ประมุขชิงก็อาจะไม่เก็บตัวละครเล็กๆ แบบนี้มาใส่ใจเลย แต่คนโปรดของประมุขชิงดันมาทำกำเริบเสิบสานแบบนี้ สิ่งที่ทำให้ประมุขชิงรู้สึกเหมือนตบหน้าตัวเอง
เขารู้ดี คนที่ไม่มีใครหนุนหลังเหมือนหนิวโหย่วเต๋อ ถ้าก่อเรื่องแบบนี้ขึ้นมา ก็จะต้องตายแน่นอน เรื่องที่มีคนมากมายขนาดนั้นเห็นกับตา หนิวโหย่วเต๋อปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้
จวนแม่ทัพภาคอุทยานหลวง เฟยหงกลับมาอย่างหดหู่ นางก้าวเข้ามาในตำหนักอย่างช้าๆ ทุกคนในตำหนักเผยสายตาเฝ้าหวังทันที ทว่าพอได้เห็นปฏิกิริยาของเฟยหง ทุกคนก็แอบทอดถอนใจอีก คาดว่าคงจะไม่ได้อะไรกลับมา
แทบจะเป็นเวลาเดียวกัน สายตาของทุกคนมองไปด้านหลังเฟยหงอีกครั้ง เห็นเพียงเงาคนสามคนเหยียบลงด้านนอก เกาก้วนมีสีหน้าเรียบเฉย นำคนสองคนเดินเข้ามาอย่างไม่ช้าไม่เร็ว ทหารยามที่อยู่ข้างนอกไม่กล้าขัดขวาง
จู่ๆ ผู้พิพากษาหน้านิ่งท่านนี้ก็โผล่มา ทุกคนหัวใจกระตุกวูบทันที
เหมียวอี้ที่ประคองกระบี่นั่งอยู่เบื้องสูงลุกขึ้นยืน เก็บกระบี่วิเศษ แล้วรียเดินลงบันไดมากุมหมัดคารวะ “ทูตขวาเกามาเยือนตัวตนเอง ขออภัยที่ต้อนรับไม่ดี เชิญนั่งด้านบนขอรับ!” เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกาก้วนมาลงโทษเขาหรือมาช่วยเขา ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้ก็เคยขอความช่วยเหลือจากอีกฝ่ายไปแล้ว
ผ้าคลุมบ่าสีดำปลิวสะบัดตามจังหวะเดิน เกาก้วนหยุดฝีเท้าและยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าเหมียวอี้ ถามเสียงเรียบว่า “ไม่ต้องนั่งข้างบนแล้ว ข้าได้รับคำสั่งให้มาถามเจ้า ในพิธีรับสนมสวรรค์ แม่ทัพภาคหนิวจงใจก่อความวุ่นวายใช่หรือไม่?”
ทุกคนหัวใจกระตุกวูบ จบเห่แล้ว! มาเพราะเรื่องนี้จริงๆ!
เหมียวอี้ก็ตึงเครียดในใจเช่นกัน ตอบว่า “ถ้าจะบอกว่าจงใจก่อความไม่สงบ ก็อาจจะไม่ยุติธรรมกับข้าน้อยไปหน่อย ข้าน้อยแค่ไม่อยากรับรางวัลขอรับ ตระกูลอิ๋งมาขวางพวกข้าน้อยเอาไว้ ข้าน้อยหัวร้อนไปชั่วขณะ ก็เลยพูดแรงไปหน่อยเท่านั้นเอง”
“หรือพูดได้อีกอย่างว่า แม่ทัพภาคหนิวเคยพูดว่า ‘ขายผู้หญิงแลกเกียรติยศ’ ในงานจริงๆ?” เกาก้วนถาม
เหมียวอี้รู้ว่าแก้ตัวเรื่องนี้ไม่ไหว จึงแอบกัดฟัน ขณะกำลังจะตอบ ใครจะคิดว่าจู่ๆ ด้านนอกจะมีเสียงที่ก้องกังวานดังมา “ข้าสั่งให้เขาพูดเอง! ทูตขวาเกามีความเห็นอะไรก็มาถามข้าได้เลย!”
ทุกคนหันไปด้านนอกพร้อมกัน ชายชราคนหนึ่งที่สวมชุดสีดำ รูปร่างผอมบางและค่อนข้างเตี้ยบุกเข้ามาอย่างมีพลังเต็มเปี่ยม แววตาเป็นประกาย มีพลังอำนาจในตัวเอง ข้างกายมีชายวัยกลางคนที่ผิวขาวปากแดง แววตาล้ำลึก บุคลิกสง่างาม
พอเห็นชายชราตัวเตี้ยปรากฏตัว กอปรกับคำพูดเมื่อครู่นี้ของอีกฝ่าย เหมียวอี้ก็รู้สึกดีใจมาก เขาเคยพบคนคนนี้ที่ทะเลดาวสับสนครั้งหนึ่ง เป็นผู้บัญชาการองครักษ์โพ่จวินของหน่วยองครักษ์ซ้าย จึงทำความเคารพทันที “ข้าน้อยแม่ทัพภาคหนิวโหย่วเต๋อของกองมังกรดำ ทัพเป่ยโต้ว สังกัดหน่วยองครักษ์เจิ้นอี่คารวะผู้บัญชาการองครักษ์ซ้าย!”
ทุกคนในกองมังกรดำตกใจทันที พากันคารวะตาม “คารวะผู้บัญชาการองครักษ์ซ้าย!”
โพ่จวินยกมือขึ้น บอกใบ้ว่าไม่ต้องมากพิธี แล้วเอามือไขว้หลังเดินไปเผชิญหน้ากับเกาก้วนต่อ ถึงแม้จะตัวไม่สูงเท่าเกาก้วน แต่ดูมีพลังมากกว่า เขาแสยะยิ้มแล้วกล่าวว่า “เกาก้วน ใครใช้ให้เจ้าบังอาจมามาหาเรื่องที่หน่วยองครักษ์ซ้ายของข้า? ได้รับอนุญาตจากคนของหน่วยองครักษ์ซ้ายหรือยัง?”
“ข้าได้รับคำสั่งมา หรือว่าคำสั่งของฝ่าบาทใช้ไม่ได้ผลที่หน่วยองครักษ์ซ้าย?” เกาก้วนถามอย่างเย็นชา
“ในเมื่อเป็นคำสั่งของฝ่าบาท ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูดเช่นกัน ตอนนี้คนที่สามารถตัดสินใจอย่างข้าอยู่ตรงหน้าเจ้าแล้ว มีอะไรก็รีบว่ามา!” โพ่จวินกล่าว
เกาก้วนจึงบอกว่า “จากรายงาน หนิวโหย่วเต๋อลูกน้องเจ้ากล่าวจาบจ้วงบารมีของราชันสวรรค์ในงานพิธีรับสนม ฝ่าบาทเดือดดาลมาก สั่งให้ข้ามาตรวจสอบด้วยตัวเอง หวังว่าผู้บัญชาการองครักษ์ซ้ายจะให้ความร่วมมือ!”
“ให้ความร่วมมือ แน่นอนว่าให้ความร่วมมือ!” โพ่จวินพยักหน้า แล้วกล่าวอย่างดื้อรั้นเอาแต่ใจว่า “ที่แท้ก็มาเพราะเรื่องนี้ เมื่อครู่นี้ข้าก็บอกไปแล้ว ข้าสั่งให้เขาพูดเอง หนิวโหย่วเต๋อปฏิบัติตามคำสั่งทหารของหน่วยองครักษ์ซ้าย หรือว่าทูตขวาเกามีความเห็นแย้งอะไร?”
“ผู้บัญชาการองครักษ์ซ้ายต้องคิดดูให้ดีนะ จะพูดจาซี้ซั้วไม่ได้ ต้องการจะรับผิดชอบเหรอ?” เกาก้วนถาม
โพ่จวินแสยะยิ้ม “พูดซี้ซั้วเหรอ? สิ่งที่พูดไปไม่ใช่ความจริงรึไง? ที่จริงตาแก่น่าไม่อายอิ๋งจิ่วกวงก็ขายผู้หญิงแลกเกียรติยศอยู่แล้ว ข้าเห็นเรื่องหายนะของวังหลังแบบนี้มาจนชินแล้วล่ะ อย่าว่าแต่หลานสาวของอิ๋งจิ่วกวงเลย ต่อให้เป็นราชินีสวรรค์ ข้าเองก็ไม่รู้สึกว่านางเป็นมารดาแห่งใต้หล้าเหมือนกัน ข้าโน้มน้าวให้ถอดราชินีสวรรค์ออกหลายครั้ง แต่ก็ไม่เห็นว่าฝ่าบาทจะลงโทษข้าเลย เกาก้วน ถึงคราวที่เจ้าจะถ่อมาเป็นจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสืออยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไรกัน?”
ปาดเหงื่อ! ขณะที่พวกเหมียวอี้รู้สึกเหมือนได้ยกก้อนหินออกจากอก ก็พาปาดเหงื่อเช่นกัน พบว่าผู้บัญชาการองครักษ์ซ้ายท่านนี้พูดจาโหดใช้ได้ ไม่เกรงใจเลยสักนิดเดียว!
เกาก้วนจึงบอกว่า “ผู้บัญชาการองครักษ์ซ้ายมีความเห็นอะไรก็ไปชี้แจงต่อหน้าฝ่าบาทได้ เรื่องไร้ระเบียบพวกนั้นไม่ใช่สิ่งที่ข้าสนใจ ข้าเพียงปฏิบัติตามคำสั่งเท่านั้น หวังว่าผู้บัญชาการองครักษ์ซ้ายจะให้ความร่วมมือ!” จากนั้นยกมือชี้เหมียวอี้ “ทหาร พาตัวหนิวโหย่วเต๋อไปสอบสวน!”
“บังอาจ!” โพ่จวินตะคอกอย่างเกรี้ยวกราด กวาดสายมองสองคนข้างหลังเกาก้วนที่กำลังจะลงมือ “หน่วยองครักษ์ซ้ายเป็นกองทัพองครักษ์ของฝ่าบาท จะยอมให้ใครมากำเริบเสิบสานตามใจได้ยังไง! ใครกล้าแตะต้องก็ลองดู ข้าจะบิดหัวมันมาทำเป็นกระโถนขี้!”
สองคนนั้นทำสีหน้าไม่ถูก โดนตะคอกจนหยุดแล้ว พากันเอียงหน้ามองไปทางเกาก้วน ดูปฏิกิริยาของเขา
“โพ่จวิน เจ้าอยากจะขัดคำสั่งรึไง?” เกาก้วนหรี่ตาถาม
โพ่จวินแสยะยิ้ม “อย่ามายัดข้อหาให้ข้า ข้าบอกไปแล้วไง หนิวโหย่วเต๋อปฏิบัติตามคำสั่งทหารของข้า ทูตขวาเกาควรจะพาตัวต้นเรื่องอย่างข้าไปสิถึงจะถือว่าปฏิบัติตามคำสั่งของฝ่าบาทจริงๆ ไม่ใช่เอาตัวคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องสำคัญไปตบตาฝ่าบาท! ลงมือเถอะ ข้าจะปฏิบัติตามคำสั่งของฝ่าบาท ไม่ฝ่าฝืนเด็ดขาด!” พูดจบก็ยืนอยู่อย่างนั้นโดยไม่ขยับไปไหน
เกาก้วนเผยแววตาคมกริบราวกับมีด จ้องโพ่จวินอย่างไม่ละสายตา สุดท้ายก็สะบัดชายเสื้อ หันตัวเดินจากไป “ไป…โพ่จวิน เจ้าไปคิดเอาแล้วกันว่าจะอธิบายกับฝ่าบาทยังไง!”
แตะต้องหนิวโหย่วเต๋อไม่สำเร็จ กลับมาโดยไร้ผลงาน ทว่าหากประมุขชิงยังไม่มีคำสั่ง ก็เป็นไปไม่ได้ที่เกาก้วนจะจับตัวผู้บัญชาการองครักษ์ของหน่วยองครักษ์ซ้ายไป ถ้าทำแบบนี้จริงๆ จะกลายเป็นว่าหน่วยตรวจการขวาจับตัวหัวหน้าของหน่วยองครักษ์ซ้ายโดยไม่ได้รับคำสั่งจากฝ่าบาทไม่ใช่เหรอ? แบบนั้นจะไม่แย่หรือไง? เกรงว่าศูนย์บัญชาการของหน่วยตรวจการขวาจะต้องโดนกำลังพลของหน่วยองครักษ์ซ้ายทำลายแน่นอน ต้องทราบไว้ว่าโพ่จวินกุมอำนาจทางทหารเอาไว้คุ้มกันวังสวรรค์ครึ่งหนึ่ง ถ้าใช้กำลังทหารขู่เบื้องบน ประมุขชิงก็จะต้องจัดการเกาก้วนเพื่อระงับความเดือดดาลของพี่น้องหน่วยองครักษ์ซ้าย
“ไม่รบกวนให้ทูตขวาเกาต้องมายุ่งหรอก กลับดีๆ ขออภัยที่ส่งแค่ตรงนี้!” โพ่จวินแสยะยิ้ม แล้วหันกลับมา กวาดสายตามองทุกคนพร้อมถามว่า “คนไหนออกคำสั่ง ‘เตรียมโจมตีศัตรู’ ในเรือนของอิ๋งจิ่วกวง?”
ไม่รู้ว่าจะเอาเรื่องหรือว่าจะทำอย่างไร หนิวโหย่วเต๋อกุมหมัดคารวะตอบทนัที “เป็นข้าน้อยเองที่ออกคำสั่ง”
โพ่จวินเหล่ตามองแวบหนึ่ง “ข้ารู้ว่าเป็นความคิดของเจ้า ข้าถามว่าคนไหนเห็นเจ้าส่งสัญญาณมือแล้วตะโกนว่า ‘เตรียมโจมตีศัตรู’ อย่างไม่ลังเล”
เมื่อเห็นว่าเขารู้เรื่องในสถานที่เกิดเหตุอย่างชัดเจน หยางเจาชิงก็จำต้องแข็งใจยืนขึ้น แล้วกุมหมัดคารวะตอบ “ตอบผู้บัญชาการองครักษ์ เป็นข้าน้อยเองขอรับ”
โพ่จวินจ้องประเมินหยางเจาชิงศีรษะจดเท้า ในดวงตาฉายแววชื่นชมเล็กน้อย แล้วพยักหน้าเบาๆ พร้อมบอกว่า “ใช้ได้! รู้ทั้งรู้ว่ากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งและมีอำนาจ แต่ก็ยังปฏิบัติตามคำสั่งทหารอย่างไม่ลังเล เห็นความตายเหมือนการกลับบ้านเก่า นี่ต่างหากคือจิตใจหยิ่งทระนงที่หน่วยองครักษ์ซ้ายควรจะมี ถ้าไม่มีจิตใจที่หยิ่งทระนงระดับนี้แล้วกลายเป็นนกสองหัวกันหมด แล้วจะเอาอะไรมาจงรักภักดีต่อฝ่าบาท! ฮวาอี้เทียน แบบนี้สิที่เป็นแบบฉบับของการปฏิบัติตามคำสั่งทหารที่หนักแน่นดุจขุนเขา!”
ชายหน้าขาวปากแดงผู้สง่างามที่ยืนอยู่ข้างๆ พยักหน้ายิ้ม “ขอรับ!”
ฮวาอี้เทียน? เหมียวอี้งงไปชั่วขณะ ที่แท้ก็เป็นท่านนั้นที่อยู่ตลาดผีนี่เอง
ตอนอยู่ที่ตลาดผีฮวาอี้เทียนปลอมตัวไว้ เขาไม่รู้ว่าฮวาอี้เทียนหน้าตาเป็นอย่างไร ตอนนี้ถึงได้รู้ว่าผู้ตรวจการใหญ่ของหน่วยองครักษ์เจิ้นอี่มาแล้ว จึงรีบทำความเคารพทันที “ข้าน้อยคารวะผู้ตรวจการใหญ่”
คนที่เหลือก็รีบทำความเคารพเช่นกัน “คารวะผู้ตรวจการใหญ่”
ฮวาอี้เทียนหรี่ตายิ้มพลางโบกมือ บอกใบ้ว่าไม่ต้องมากพิธี
สายตาของโพ่จวินกลับไปตกอยู่บนยศตรงคอปกเสื้อเกราะของหยางเจาชิง พบว่าเป็นแค่ทหารเลวห้าแถบเอง จึงพูดออกมาอย่างสบายๆ อีกว่า “ถ้าควรจะตบรางวัลก็ต้องตบรางวัล อย่าทำเล่นๆ เพิ่มยศให้เขาอีกสองขั้น”
ฮวาอี้เทียนเข้าใจเจตนาของเขาแล้ว ทำแบบนี้เพราะต้องการให้เป็นแบบอย่างที่ดีกับพี่น้องหน่วยองครักษ์ซ้าย เขาพยักหน้าตอบว่า “เดี๋ยวกลับไปจะให้ทัพเป่ยโต้วดำเนินการขอรับ”
หยางเจาชิงรีบทำความเคารพ “ขอบคุณผู้บัญชาการองครักษ์ ขอบคุณผู้ตรวจการใหญ่”
ในโถงมีคนไม่น้อยมองหน้ากันเลิกลั่ก นี่เป็นการเลื่อนยศติดต่อกันสองขั้นแล้ว เลื่อนจากทหารเลวห้าแถบไปเป็นแม่ทัพหนึ่งแถบในรวดเดียว?
สวีถังหรานอ้าปากเล็กน้อย นึกเสียใจทีหลังแทบแย่ ตอนนั้นเขาอยู่ในเหตุการณ์และกลัวแทบตาย ตกใจจนไม่กล้าพูดอะไร ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าจะเป็นแบบนี้ ถ้าตอนนั้นคนที่ตะโกนเป็นเขา คนที่ได้เลื่อนยศสองขั้นก็จะเป็นเขาแล้วไม่ใช่เหรอ?
ตอนนั้นเขาจะลังเลทำไมกันนะ! ในใจสวีถังหรานเต็มไปด้วยความหงุดหงิด ไม่น่าเชื่อว่าตัวเองจะพลาดโอกาสนั้นไปเฉยๆ ต้องทราบไว้ว่าการจะเลื่อนยศสักขั้นหนึ่งนั้นยากขนาดไหน!
ตอนนี้เขาสงสัยนิดหน่อยว่าเหมียวอี้รู้ตั้งแต่แรกหรือเปล่าว่าผลลัพธ์จะเป็นแบบนี้ รู้ตั้งแต่แรกว่าผู้บัญชาการองครักษ์จะออกหน้าช่วย ถึงได้มีความกล้าขนาดนั้น พอนึกถึงตรงนี้ เขาก็ยิ่งนึกเสียใจทีหลัง แต่ไหนแต่ไรมานายท่านก็ไม่เคยอ่อนหัดเลย ตัวเองควรจะเข้าใจตั้งนานแล้วสิ
เรื่องนี้ได้ให้บทเรียนกับเขาอีกครั้ง เขาตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ว่าต่อไปนี้ขอเพียงแค่เป็นคำสั่งของเหมียวอี้ เขาก็จะไม่ลังเลเด็ดขาด…
ส่วนโพ่จวินก็โพล่งออกมาว่า “รางวัลของตระกูลอิ๋งไม่มีอะไรน่ารับจริงๆ รางวัลที่แลกมาจากการให้หลานสาวถอดกระโปรงพวกนั้นน่ะ ไม่เอาก็ได้หรอก แต่หน่วยองครักษ์ซ้ายของพวกเราก็ไม่ให้พี่น้องเสียเปรียบ ออกคำสั่งลงไป ว่าพี่น้องคนไหนที่ปฏิเสธรางวัลในเรือนพักของตระกูลอิ๋ง เดี๋ยวหน่วยองครักษ์ซ้ายจะออกเงินชดเชยให้เอง”
“ขอรับ!” ฮวาอี้เทียนเอ่ยรับพร้อมรอยยิ้ม
โพ่จวินหันตัวไปจ้องเหมียวอี้ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ให้รางวัลหยางเจาชิงแล้ว แต่กลับไม่ให้รางวัล ‘ผู้สร้างผลงาน’ ที่มีจิตใจหยิ่งทระนงที่สุดอย่างเหมียวอี้ หันตัวแล้วเอามือไขว้หลังเดินออกไปเลย
“น้อมส่งผู้บัญชาการองครักษ์” ฮวาอี้เทียนกุมหมัดคารวะ
“น้อมส่งผู้บัญชาการองครักษ์!” พวกเหมียวอี้รีบกล่าวตาม
รอจนกระทั่งโพ่จวินหายไปแล้ว ฮวาอี้เทียนก็เก็บมือแล้วหันตัวมากวาดสายตามองกลุ่มคน “อะไรที่ควรพูด อะไรที่ไม่ควรพูด ทุกคนต้องรู้อยู่แก่ใจ เรื่องที่ผู้บัญชาการองครักษ์ให้รางวัลกับทุกคน ทุกคนสามารถโอ้อวดได้ ส่วนเรื่องที่ผู้บัญชาการองครักษ์กับเกาก้วนคุมเชิงกัน ทุกคนก็ทำเหมือนไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น ใครกล้าใช้ลิ้นมั่วๆ ข้าจะไม่ปล่อยไปง่ายๆ แน่นอน!”
“รับทราบ!” ทุกคนเอ่ยรับ ในใจต่างก็เข้าใจดี คำพูดของโพ่จวินเมื่อครู่นี้ ที่จริงก็ไม่ต่างอะไรกับการขัดคำสั่ง เรื่องบางเรื่องทำได้แต่กลับโอ้อวดไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะทำให้โพ่จวินอยู่ในสภาวะถูกกระทำ
“ส่วนเจ้าน่ะ!” ฮวาอี้เทียนพลันจ้องเหมียวอี้พร้อมถามอย่างเย็นเยียบ “เจ้ารู้มั้ยว่าทำอะไรผิด?”
เหมียวอี้กุมหมัดคารวะแล้วถอนหายใจ “ข้าน้อยหัวร้อนไปชั่วขณะ จึงควบคุมปากตัวเองไม่ได้ รบกวนให้ผู้บัญชาการองครักษ์กับผู้ตรวจการใหญ่ตระหนกแล้ว ข้าน้อยยอมรับผิดแล้ว!”
ฮวาอี้เทียนชี้แนะว่า “ถึงแม้ผู้บัญชาการองครักษ์จะปกป้องเจ้าได้ แต่ต่อให้ปกป้องชีวิตเจ้าได้ แต่ก็ไม่อาจปกป้องให้เจ้าพ้นโทษ เจ้าเตรียมใจเอาไว้เถอะ”
“สามารถรักษาชีวิตไว้ได้ ข้าน้อยก็ซาบซึ้งมิรู้สิ้นแล้วขอรับ!” เหมียวอี้กล่าว
“เรื่องที่จาบจ้วงบารมีราชันสวรรค์ ต่อไปนี้อย่าทำอีก ถ้ามีครั้งหน้าอีกก็ไม่มีใครปกป้องเจ้าได้แล้ว เจ้าพิจารณาตัวเองแล้วกัน!” ฮวาอี้เทียนกล่าวคำเตือนทิ้งไว้ แล้วเอามือไขว้หลังเดินออกไป
บทที่ 1448 ตาแก่ปัญญาทึบ
Ink Stone_Fantasy
“โพ่จวินไปแล้วเหรอ?”
ในเรือนพักอ๋องสวรรค์โค่ว โค่วหลิงซวีที่นั่งดื่มเบาๆ รอฟังข่าวอยู่ในศาลาถามอย่างงุนงง แล้วถามอีกว่า “มีความเคลื่อนไหวยังไง? เกาก้วนล่ะ?”
ผู้เฒ่าถังรู้ถึงความหมายที่เขาจะสื่อ ตอบว่า “ข้างในเกิดอะไรขึ้นก็ไม่ทราบรายละเอียด แต่เกาก้วนไปแล้ว กลับไปมือเปล่าขอรับ”
โค่วหลิงซวียกจอกสุราจ่อข้างปากแล้วดื่มช้าๆ พลางครุ่นคิด ก่อนจะส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มเจื่อน “ลืมไอ้แก่นั่นไปได้ยังไง ประโยค ‘ขายผู้หญิงแลกเกียรติยศ’ คงจะตรงรสนิยมของไอ้ล่อแก่นั่นพอดี หมดกัน เจ้าเด็กนั่นหมดวาสนากับหลานสาวข้าแล้ว เจอโพ่จวินใช้ไม้แข็งแล้ว เจ้าเด็กนั่นไม่ต้องกังวลว่าจะอันตรายถึงชีวิตแล้ว ครั้งนี้พวกเรามาเสียเที่ยว จะได้ไม่ต้องเรื่องเยอะ เหอะๆ กลัวก็แต่อิ๋งจิ่วกวงจะระงับความเดือดดาลนี้ได้ยาก”
“กลับจวนมั้ยขอรับ?” ผู้เฒ่าถังถาม
พอวางจอกสุรา โค่วหลิงซวีก็เอามือไขว้หลังเดินออกนอกศาลา “พรุ่งนี้ค่อยไปแล้วกัน พอโพ่จวินมาถึง พวกเราก็ไปทันที แบบนั้นจะทำให้คนคิดมากได้ง่าย คืนนี้พักที่นี่แล้วกัน”
นอกตำหนักดาราจักร เซี่ยโห้วเฉิงอวี่เดินเนิบนาบเข้ามา บังเอิญเจอกับเกาก้วนที่กลับมาพอดี เกาก้วนเห็นแล้วทำความเคารพนาง จากนั้นทั้งสองก็เดินตามกันเข้ามาในตำหนักดาราจักร
ความตั้งใจเดิมของประมุขชิงก็คือ จัดการเรื่องของเหมียวอี้ให้เรียบร้อยแล้วไปเจอจ้านหรูอี้จะได้อธิบายกับอีกฝ่ายได้สะดวก จะปลอบใจสนมคนใหม่ รู้ว่าเหมียวอี้กับจ้านหรูอี้มีความขัดแย้งกัน คิดเสียว่าถือโอกาสแสดงน้ำใจ
แต่กลับไม่คิดว่าเซี่ยโห้วเฉิงอวี่จะมาแล้ว ประมุขชิงชำเลืองมองเกาก้วนที่ตามหลังมา จึงอดทนหุบปากไว้ชั่วคราว ถามซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก่อนว่า “ราชินีสวรรค์มีเรื่องอะไรเหรอ?”
หลังจากเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ทำความเคารพแล้ว ก็ถามว่า “ไม่ทราบว่าฝ่าบาททราบหรือไม่ว่าหนิวโหย่วเต๋อมีพฤติธรรมจาบจ้วงในงานพิธีรับสนมใหม่ของฝ่าบาท?”
ที่แท้ก็มาเพื่อเรื่องนี้นี่เอง ประมุขชิงขานรับ “รู้แล้ว เฉิงอวี่มีความเห็นอย่างไรบ้าง?”
เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ตอบอย่างแค้นเคืองว่า “เขาด่าว่าตระกูลอิ๋งขายผู้หญิงแลกเกียรติยศ ชัดเจนว่าลากหม่อมฉันไปด่าด้วยเพคะ หม่อมฉันมาขอให้ฝ่าบาทส่งเจ้าคนบ้าระห่ำนั่นมาให้หม่อมฉันลงโทษ!”
“เรื่องนี้ข้ามีการวางแผนไว้แล้ว” สองเรื่องกลายเป็นเรื่องเดียว เขามองเกาก้วนแล้วถามว่า “เกาก้วน หนิวโหย่วเต๋อยอมรับโทษประหารชีวิตหรือยัง?” ประมุขชิงถาม
พอได้ยินแบบนี้ เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็หางคิ้วกระตุกนิดหน่อย รู้ว่ามาช้าเกินไปแล้ว ที่จริงนางจงใจจะอ้อยอิ่งนิดหน่อยเพื่อมาสาย รู้ว่าเกาก้วนถูกประมุขชิงส่งตัวออกไปคงจะเป็นเพราะเรื่องหนิวโหย่วเต๋อ ดังนั้นนางจึงจงใจถ่วงเวลาสักหน่อย สาเหตุย่อมเป็นเพราะเซี่ยโห้วท่าต้องการให้นางช่วยเหมียวอี้ แต่ในใจนางแค้นจนไม่อยากช่วย แต่ก็ไม่กล้าไม่ช่วย ดังนั้นจึงจงใจถ่วงเวลา เมื่อถึงเวลาแล้วช่วยไม่ได้ นางจะได้อธิบายกับเซี่ยโห้วท่าได้สะดวก ว่าไม่ใช่เพราะหลานไม่อยากช่วย แต่เพราะฝ่าบาทลงมือเร็วเกินไป หลานมาช่วยไม่ทัน
เกาก้วนเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้าตอบว่า “เปล่าขอรับ”
เปล่าเหรอ? เซี่ยโห้วเฉิงอวี่งงงัน
ประมุขชิงพลันหรี่ตาสองข้าง “ทำไมไม่ทำ? หรือว่าซ่างก่วนได้ข่าวมาผิด หรือว่าที่หนิวโหย่วเต๋อทำแบบนี้เพราะมีเรื่องอย่างอื่นปิดบังอยู่?”
ซ่างก่วนชิงย่อมรู้ว่าข่าวของตัวเองไม่มีทางผิดพลาด เขามองไปที่เกาก้วน อยากจะเห็นว่าเกาก้วนจะอธิบายอย่างไร
เกาก้วนตอบว่า “ข้าน้อยจะเอาตัวเขามาแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าผู้บัญชาการองครักษ์โพ่จวินของหน่วยองครักษ์ซ้ายจะบุกเข้ามา โพ่จวินบอกว่าที่หนิวโหย่วเต๋อบอกว่า ‘ขายผู้หญิงแลกเกียรติยศ’ เป็นเขาเองที่สั่งให้หนิวโหย่วเต๋อพูด!”
“…” ช่างใช้ดาบนี้กักได้ดี ทำให้ประมุขชิงงุนงงพูดไม่ออก นึกไม่ถึงว่าโพ่จวินจะเล่นแบบนี้ สีหน้าของเขาจึงค่อยๆ บึ้งตึงลง ปั้ง! เขาตบโต๊ะแล้วยืนขึ้น “โพ่จวินคิดว่าข้าเป็นคนโง่รึไง? เขาคิดจะทำอะไร อยากจะก่อกบฏเหรอ?”
อย่างอื่นเขาไม่รู้ชัด แต่มีอยู่จุดหนึ่งที่เขารู้อย่างชัดเจน นั่นก็คือถึงแม้โพ่จวินจะปากไม่ดี แต่ก็ไม่ถึงขั้นสอนให้ลูกน้องจาบจ้วงอำนาจบารมีสวรรค์ ผู้บัญชาการองครักษ์หน่วยองครักษ์ซ้ายผู้สง่าภูมิฐานสอนให้ลูกน้องพูดแบบนั้นต่อหน้าฝูงชน ถ้าทำแบบนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับสมองมีปัญหา คงไม่ถึงขั้นไม่รู้จักบันยะบันยัง เห็นได้ชัดว่าจงใจจะขัดขวางคำสั่งของเขา
“ฝ่าบาทโปรดระงับโทสะ!” ซ่างก่วนชิงรีบโน้มน้าว เขารู้อย่างลึกซึ้ง ว่าถ้าตั้งข้อหาให้โพ่จวินก่อกบฏ เรื่องนี้ก็จะลุกลามใหญ่โตแล้ว โพ่จวินคุมหน่วยองครักษ์ซ้ายมาหลายปีขนาดนี้ มีลูกน้องคนสนิทที่หน่วยองครักษ์ซ้ายเยอะมาก ถ้าเรื่องลุกลามใหญ่โตก็จะเกิดปัญหาได้ จึงรีบคลี่คลายสถานการณ์ แอบส่งสายตาให้เกาก้วน แล้วบอกว่า “บางทีอาจจะมีเรื่องอื่นปิดบังอยู่ก็ได้ขอรับ ฝ่าบาทลองฟังทูตขวาเกาอธิบายให้จบก่อนก็ได้”
ประมุขชิงเองก็รู้ว่าเช่นกันว่าการว่าลูกน้องคนสนิทของตัวเองแบบนี้ถือว่าแรงไปหน่อย จึงข่มไฟโกรธเอาไว้ แล้วแสยะยิ้มถามว่า “ว่ามา สถานการณ์โดยละเอียดเป็นอย่างไร?”
“ข้าน้อยไปหาหนิวโหย่วเต๋อที่จวนแม่ทัพภาคอุทยานหลวง ขณะกำลังสืบสวนต่อหน้าว่าเคยพูด ‘ขายผู้หญิงแลกเกียรติยศ’ ต่อหน้าฝูงชนหรือไม่ ใครจะคิดว่าจู่ๆ โพ่จวินจะบุกเข้ามา พออ้าปากก็บอกทันทีว่า เป็นข้าเองที่สั่งให้เขาพูด ถ้าทูตขวาเกามีความเห็นอะไรก็ถามข้าได้เลย…” เกาก้วนเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังอย่างละเอียด ไม่แต่งเติมหรือตัดทอน เรียกได้ว่ายึดความเป็นจริงเป็นหลักการ
พอฟังไปเรื่อยๆ สีหน้าของประมุขชิงก็เริ่มดำมืดลงทีละนิด เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็สีหน้าค่อนข้างแย่เช่นกัน ไม่น่าเชื่อว่าตาแก่หนังเหนียวนั่นจะประกาศว่านางไม่คู่ควรกับการเป็นมารดาแห่งใต้หล้า ต้องมีสักวันที่นางจะทำให้ตาแก่นั่นไม่ตายดี!
ซ่างก่วนชิงชำเลืองมองสีหน้าของประมุขชิงแวบหนึ่ง เรียกได้ว่าแอบร้องโอดครวญในใจ เกาก้วนไม่เห็นที่เขาส่งสัญญาณให้หรือว่ากำลังแกล้งโง่กันแน่ ข้าให้เจ้าคลี่คลายสถานการณ์ เจ้าจำเป็นต้องซื่อสัตย์ขนาดนี้มั้ย
เป็นอย่างที่คาดไว้ ประมุขชิงเดือดดาลถึงขีดสุด รอจนเกาก้วนรายงานเสร็จ เพล้ง! ประมุขชิงโบกแขนเสื้อกวาดกองแผ่นหยกบนโต๊ะ แล้วชี้นอกประตูใหญ่ของตำหนักดาราจักร ตะโกนอย่างโมโหว่า “โพ่จวิน ตาแก่ปัญญาทึบ บังอาจมาหลอกลวงข้า ข้าสาบายเลยว่าจะฆ่าเจ้า!”
ซ่างก่วนชิงกับเกาก้วนพูดไม่ออก ถ้าพูดคำนี้กับคนอื่น ทั้งสองก็ยังเชื่อ แต่ถ้าฝ่าบาทพูดอะไรแบบนี้กับโพ่จวิน ทั้งสองฟังมาจนหูจะด้านเป็นรังไหมอยู่แล้ว ทุกครั้งที่โดนโพ่จวินยั่วโมโห ฝ่าบาทก็จะพูดอะไรแบบนี้ออกมา แต่สุดท้ายก็ไม่เคยเห็นฝ่าบาทฆ่าจริงๆ สักครั้ง แต่ละครั้งล้วนโวยวายใหญ่โตในตอนแรก แต่สุดท้ายก็ปล่อยไปง่ายๆ เป็นแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ขนาดเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ยังกลอกตามองบน มองเหยียดประมุขชิงแวบหนึ่ง คิดในใจว่า แน่จริงเจ้าก็ลองฆ่าให้ข้าดูสักครั้งหนึ่งสิ!
ทว่าสิ่งที่ทำให้คนคาดไม่ถึงก็คือ จู่ๆ ด้านนอกก็มีเสียงคนคนหนึ่งตอบเสียงดัง “เหตุใดฝ่าบาทจึงต้องการสังหารข้าน้อย ข้าน้อยมาเพื่อขออภัยโทษ!”
“…” ประมุขชิงอึ้งไปครู่เดียว ก่อนจะสะบัดมือมีค้างอยู่กลางอากาศ “ไสหัวเข้ามาให้ข้า!”
ชายสวมชุดคลุมสีดำเดินก้าวยาวเข้ามาจากนอกตำหนัก รูปร่างผอมตัวเตี้ย ถ้าไม่ใช่โพ่จวินแล้วจะเป็นใครไปได้
“คารวะฝ่าบาท!” โพ่จวินยืนทำความเคารพ
“เจ้า!” ประมุขชิงโบกมือชี้ไปที่เกาก้วน “พูดรายงานเมื่อครู่นี้อีกครั้ง พูดให้ผู้บัญชาการองครักษ์ซ้ายฟัง”
“ขอรับ!” เกาก้วนเอ่ยรับคำสั่ง แล้วเล่าเหตุการณ์ที่เกิดในจวนแม่ทัพภาคต่อหน้าโพ่จวินรอบหนึ่ง
ตรงนี้เพิ่งจะพูดจบ ด้านนอกก็มีรายงานเข้ามาอีก ทูตซ้ายซือหม่าเวิ่นเทียนมาขอพบ
“ไสหัวเข้ามา!” ประมุขชิงตะคอก
ซือหม่าเวิ่นเทียนที่เดินเข้ามาได้ยินแล้วอกสั่นขวัญแขวน ไม่รู้ว่าตัวเองมีปัญหาอะไร ถึงได้ยั่วให้ฝ่าบาทโมโหขนาดนี้ ผลปรากฏว่าพอให้สถานการณ์ตรงนี้ ก็เข้าใจทันทีว่าไม่เกี่ยวข้องกับตน
ประมุขชิงกำลังหัวร้อน ไม่สนใจซือหม่าเวิ่นเทียน จ้องโพ่จวินอย่างเดือดดาลพร้อมถามว่า “ได้ยินหมดแล้วใช่มั้ย มีตรงไหนที่พูดผิดมั้ย?”
“ทูตขวาเกาชำนาญเรื่องการสอบสวนลงโทษ บันทึกปากคำได้ยอดเยี่ยม แต่ละประโยคล้วนเป็นความจริงๆ ไม่ตกหล่นแม้แต่น้อย ไม่มีคำไหนโกหก” โพ่จวินตอบ
“เกาก้วนบอกแล้วว่าได้รับคำสั่งจากข้าให้ไปจัดการเรื่องนี้ เหตุใดเจ้าจึงขัดขวาง?” ประมุขชิงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันถาม
โพ่จวินตอบว่า “ข้าน้อยไม่ได้ขัดขวาง ข้าน้อยพูดไว้ชัดเจนมากแล้ว สิ่งที่หนิวโหย่วเต๋อพูดในพิธีรับสนม ข้าน้อยเป็นคนสั่งให้เขาพูดเองขอรับ ยอมให้ทูตขวาเกาจับตัวข้าน้อยไป ข้าน้อยไม่ได้ขัดขืน และไม่ได้บ่นอะไรด้วย”
“ตาแก่ปัญญาทึบ ขนาดอยู่ต่อหน้าข้ายังกล้าหลอกลวงอีก!” ประมุขชิงเดือดดาลสุดขีด เขาถือโอกาสคว้ารูปสลักมังกรหยกที่สวยประณีตตัวหนึ่งบนโต๊ะ แล้วทุ่มออกไปอย่างเกรี้ยวกราด
ตุ้ง! มีเสียงดังขึ้น ทุกคนยืนนิ่งอยู่กับที่
เห็นเพียงโพ่จวินยืนอย่างมั่นคงอยู่ที่เดิม ไม่โซเซสั่นไหว และไม่หลบหลีกด้วย ปล่อยให้รูปสลักมังกรหยกกระแทกที่หน้าผากตัวเอง เรียกได้ว่าหัวแตกเลือดไหลคาที่ ถึงแม้จะไม่ได้ใช้พลังอิทธิฤทธิ์ต้านทาน ใช้กายเนื้อฝืนรับการโจมตีนี้ไว้ แต่เลือดก็ไหลหยดติ๋งๆ ลงมาตามรูจมูก
เซี่ยโห้วเฉิงอวี่แอบดีใจ ตาแก่หนังเหนียวก็มีวันนี้เหมือนกัน
ประมุขชิงที่ข่มความโกรธไว้ไม่ไหวอึ้งเล็กน้อย พอเห็นโพ่จวินที่ยืนเลือดออกเต็มหน้า ความเดือดดาลในใจก็หายไปเจ็ดส่วน เขาถามเสียงต่ำว่า “รู้ตัวรึเปล่าว่าผิดอะไร?”
ใครจะคิดว่าโพ่จวินจะแข็งกร้าวมาก กุมหมัดเถียงว่า “ข้าน้อยรู้ตัวว่าผิด ผิดที่ไม่ควรให้ลูกน้องพูดจาบ้าระห่ำออกมา ฝ่าบาทได้โปรดประณาม! เพียงแต่ข้าน้อยมีคำพูดหวังดีที่ไม่รื่นหูติดอยู่ในลำคอเหมือนก้าง ไม่คายไม่โล่ง!” เขาโบกมือชี้ไปที่เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ แล้วกล่าวเสียงดังว่า “ผู้หญิงคนนี้จิตใจคับแคบ ไม่มีเมตตาปรานี ทำแต่เรื่องต่ำช้าทุกอย่างที่วังหลัง ไม่คู่ควรจะเป็นมารดาแห่งใต้หล้า ข้าน้อยขอให้ปลดเซี่ยโห้วเฉิงอวี่จากตำแหน่งราชินีสวรรค์ ส่งกลับไปให้ตระกูลเซี่ยโห้วเลี้ยงดูยามแก่ชรา!”
เลี้ยงดูยามแก่ชรา? ข้ายังสาวอยู่นะ มาเลี้ยงดูยามแก่ชราอะไรกัน? เซี่ยโห้วเฉิงอวี่โกรธแค้นจนหน้าซีดทันที โมโหจนตัวสั่น ตวาดกลับเสียงแหลมว่า “โพ่จวิน ไอ้โจรชราบังอาจกำเริบเสิบสาน เจ้ายังรู้จักที่ต่ำที่สูงอยู่มั้ย!”
โพ่จวินไม่สนใจนางเลย พูดเสียงดังต่อไปว่า “ถ้าฝ่าบาทอยากจะดื่มด่ำกับความงาม ข้าน้อยก็ไม่มีความเห็นแย้งอะไร แต่อำนาจบารมีของฝ่าบาทสะท้านใต้หล้า มีผลงานเป็นอันดับหนึ่งในใต้หล้า จำเป็นต้องอาศัยผู้หญิงพวกนี้มาคานอำนาจอะไรด้วยหรือ พี่น้องกองทัพองครักษ์ทำศึกเลือดเพื่อฝ่าบาท แต่กลับมีผลงานสู้ผู้หญิงคนหนึ่งที่เปลื้องเสื้อผ้าไม่ได้ แบบนี้จะไม่ทำให้พี่น้องกองทัพองครักษ์ผิดหวังท้อใจได้อย่างไร! จ้านหรูอี้ก็เป็นทหารของกองทัพองครักษ์ แต่ฝ่าบาทกลับรับนางเป็นสนมเพื่อคานอำนาจอะไรนั่น จะให้พี่น้องกองทัพองครักษ์มองฝ่าบาทอย่างไรล่ะ ถ้ากองทัพองครักษ์เอาเยี่ยงอย่างฝ่าบาทหมด แค่เห็นผู้ใต้บังคับบัญชาคนไหนหน้าตาสวยก็รับผู้ใต้บังคับบัญชาคนนั้นมาเป็นผู้หญิงของตัวเองหมด ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป หน่วยองครักษ์ซ้ายขวาจะไม่กลายเป็นสถานบันเทิงหรอกเหรอ จิตใตของทหารจะไปอยู่ที่หนหมด จะยังสู้รบเพื่อฝ่าบาทได้อย่างไร? วังหลังมีผู้หญิงเยอะขนาดนั้น ฝ่าบาทยังใช้ไม่หมดเลย ไม่สู้เอาเงินที่ใช้จ่ายกับผู้หญิงพวกนั้นมาให้รางวัลทหารดีกว่า! ข้าน้อยขอให้ฝ่าบาทปล่อยจ้านหรูอี้กลับไปทันที ถอดออกจากชื่อสนมสวรรค์ และยกเลิกสนมเก้าส่วนของวังหลัง เพื่อชื่อเสียงที่ดีของฝ่าบาท!”
ประมุขชิงโมโหจนหน้าเขียวแต่พูดไม่ออก
“โพ่จวิน ถ้ากล้าจาบจ้วงอำนาจบารมีสวรรค์อีก รู้มั้ยว่าจะมีจุดจบเป็นอย่างไร!” เกาก้วนกล่าวเสียงต่ำ
โพ่จวินโบกมือชี้เขาทันที “เจ้าก็เหมือนกันเกาก้วน ทุกคนต่างก็รู้ว่าเจ้าเชื่อคำพูดและปฏิบัติตามฝ่าบาท ให้เจ้าทำอะไรเจ้าก็ทำอย่างนั้น ทำอะไรโหดเหี้ยมไร้ความปรานี เคยคิดถึงผลที่ตามมารึเปล่า นี่เจ้ากำลังช่วยฝ่าบาทเหรอ? ฝ่าบาท คนที่ทำตามใจท่านทุกอย่าง อาจจะไม่ใช่ขุนนางที่จงรักภักดีอย่างแท้จริงก็ได้! พวกเจ้าแต่ละคนก็เหมือนกัน…” เขาชี้ไปที่ซ่างก่วนชิงและซือหม่าเวิ่นเทียน “รู้จักแต่อ่อนน้อมพูดสิ่งที่รื่นหูให้ฝ่าบาทฟัง ไม่มีใครกล้าพูดความจริงสักคน ใต้หล้ายังไม่สงบเลย จำเป็นต้องช่วยสร้างความโอหังให้ฝ่าบาทด้วยเหรอ? หนิวโหย่วเต๋อก็แค่พูดความจริงเท่านั้นเอง ถ้าแบบอิ๋งจิ่วกวงไม่เรียกว่าขายผู้หญิงแลกเกียรติยศแล้วจะเรียกว่าอะไรได้? ถ้าไม่ใช่การขายผู้หญิงแลกเกียรติยศ เช่นนั้นก็ต้องมีเจตนาไม่ซื่อแน่นอน! หนิวโหย่วเต๋อมีความผิดอะไร? ถ้าวันไหนคนที่อยู่เบื้องล่างของฝ่าบาทไม่มีใครกล้าพูดความจริงสักคน ใต้กล้าจะไม่วิกฤติ…”
“พอแล้ว!” ประมุขชิงพูดตัดบทด้วยความเดือดดาลสุดขีด แล้วโบกมือชี้ไปด้านนอก “ไสหัวไป! ตาแก่ปัญญาทึบ ไสหัวออกไป!”
“คำพูดหวังดีที่ฟังไม่รื่นหู หวังว่าฝ่าบาทจะฟังเข้าใจ ข้าน้อยขอตัว!” โพ่จวินกุมมหัดคารวะ ไม่มีท่าทีนึกเสียใจทีหลังเลยสักนิด สะบัดชายเสื้อแล้วหันตัวก้าวยาวเดินออกไป
ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยจริงๆ! ประมุขชิงเรียกได้ว่าแค้นจนกัดฟันกรอด ชาวาบราวกับใบหน้าโดนตะคริวกัน รู้สึกวู่วามอยากจะฆ่าโพ่จวินให้ตายเสียเลย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น