เทพปีศาจหวนคืน 1443-1448
บทที่ 1443 หลอมรวมวิญญาณอมตะล้างใจ
“นี่คือแก่นแท้บัวหิมะงั้นหรือ?” ฟางหยวนชื่นชมทรัพยากรอมตะที่อยู่ในมือ
แก่นแท้บัวหิมะงดงามมาก มันเป็นดอกบัวสีชมพูขนาดเท่ากำปั้นมนุษย์ บนพื้นผิวของมันปกคลุมไปด้วยชั้นน้ำแข็งบางๆ
นี่เป็นครั้งแรกที่ฟางหยวนเคยเห็นทรัพยากรอมตะระดับเจ็ดชนิดนี้เพราะมันหายากมากแม้แต่ในสวรรค์สีเหลือง
เหตุผลก็คือมันจะเติบโตขึ้นในเผ่ามนุษย์หิมะขนาดใหญ่เท่านั้น
ฟางหยวนได้รับทรัพยากรอมตะชนิดนี้มาอย่างง่ายดายผ่านพันธมิตรเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์
นอกจากนั้นเขายังได้รับมันมาเป็นจำนวนมากอีกด้วย
“ข้าประหลาดใจมาก ข้าไม่คิดว่าเผ่ามนุษย์หิมะจะมีแก่นแท้บัวหิมะมากมายถึงเพียงนี้” ผมที่หกกล่าวมาจากด้านข้าง
“แก่นแท้บัวหิมะหายากกระทั่งในสวรรค์สีเหลือง หากมันถูกวางขาย มันจะทำให้เกิดสงครามการประมูลอย่างแน่นอน น่าเสียดายที่ความแข็งแกร่งเป็นกฎของโลกใบนี้ เผ่ามนุษย์หิมะกังวลกับการเปิดเผยตัวเอง ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถขายมันได้เพียงเล็กน้อย” ฟางหยวนเข้าใจเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังอย่างชัดเจน
“มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ” ผมที่หกพยักหน้า “แท้จริงแล้วนิกายหลางหยาของเราก็มีทรัพยากรที่หายากอยู่มากมาย แต่เราไม่สามารถนำมันออกมาเพราะเกรงว่ามันจะทิ้งเบาะแสบางอย่างและเป็นต้นเหตุของการบุกรุกของผู้อมตะเผ่ามนุษย์”
ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น
เขามองเห็นโอกาสทางธุรกิจ
บางทีหลังจากนี้เขาอาจเป็นคนกลางในการทำธุรกรรมระหว่างสองเผ่าพันธุ์
เขาต้องการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์
ด้วยความพยายามในการหลอมรวมวิญญาณที่ผ่านมา ฟางหยวนต้องจ่ายด้วยราคามหาศาล แต่ไม่ว่าจะเป็นตัวเขาเองหรือสมาชิกคนอื่นๆของนิกายเงา ทุกคนต่างต้องการทรัพยากรในการบ่มเพาะ
ฟางหยวนมองผมที่หกและส่ายศีรษะ
เขารู้ว่าคำกล่าวของผมที่หกมีความหมายที่ลึกซึ้ง มันไม่เพียงเป็นการแจ้งเตือนเท่านั้น แต่ผมที่หกยังเสนอตัวเองเพื่อทำภารกิจนี้ หากฟางหยวนมีแผนการใด ผมที่หกจะช่วยไกล่เกลี่ยและต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของฟางหยวน
แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม
“ตอนนี้สิ่งที่ข้าต้องการอย่างเร่งด่วนที่สุดคือวิญญาณอมตะล้างใจ เมื่อเราได้รับแก่นแท้บัวหิมะมาแล้ว เราจะเริ่มหลอมรวมทันที แต่ก่อนอื่นเราต้องดัดแปลงเคล็ดลับการหลอมรวมเพื่อกำจัดข้อบกพร่องเป็นอันดับแรก” ฟางหยวนออกคำสั่งผมที่หก
ผมที่หกไม่ลืมที่จะหลอกลวงจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา “แล้วท่านจะจ่ายด้วยแต้มผลงานเท่าใด?”
หลังจากต่อรองหลายรอบจนเป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่าย ฟางหยวนก็ออกจากห้องหลอมรวมและกลับไปเมืองเมฆาของเขา
เขาตรวจสอบแก่นแท้บัวหิมะด้วยตนเองและพบว่ามันเป็นทรัพยากรอมตะที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง
แก่นแท้บัวหิมะมีพลังชีวิตที่อบอุ่นอยู่ภายใน มันสามารถใช้ทดแทนแกนกลางเพลิงไหลในเคล็ดลับการหลอมรวมเดิม
เหตุผลหลักคือฟางหยวนใช้วิธีการหลอมรวมด้วยน้ำแข็งขณะที่แก่นแท้บัวหิมะเหมาะสมกับวิธีนี้มากที่สุด
เคล็ดลับการหลอมรวมสามารถปรับเปลี่ยนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายเดียวกัน
เมื่อเคล็ดลับการหลอมรวมถูกส่งต่อไปยังผู้อมตะคนใหม่ พวกเขาจะวิเคราะห์และดัดแปลงเคล็ดลับการหลอมรวมให้เหมาะสมกับตนเองเพื่อเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จ
ในกระบวนการเหล่านั้นอาจมีบางขั้นตอนที่ไม่เหมาะสมกับพวกเขาหรือบางทีพวกเขาอาจต้องเปลี่ยนทรัพยากรที่ดีกว่า
ด้วยวิธีนี้โอกาสประสบความสำเร็จของพวกเขาจะเพิ่มสูงขึ้น
ฟางหยวนและผมที่หกกำลังทำเช่นนี้
อย่างไรก็ตามภารกิจดัดแปลงเคล็ดลับการหลอมรวมถูกมอบให้ผมที่หก หลังจากทั้งหมดความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของผมที่หกเหนือกว่าฟางหยวน
สิ่งที่โดดเด่นของฟางหยวนคือความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาและวิธีการบนเส้นทางแห่งปัญญาของเขา
น่าเสียดายที่ฟางหยวนและผมที่หกมีความสำเร็จบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณอยู่ในระดับสามัญ
วันต่อมาฟางหยวนเริ่มฝึกฝนตนเองอีกครั้ง
ภูเขาตงฮันและหุบเขาเหล่าโปเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพและเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการบ่มเพาะจิตวิญญาณ
การบ่มเพาะจิตวิญญาณของเขาก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดด กระทั่งฟางหยวนยังรู้สึกคาดไม่ถึง
‘เหตุผลหลักคือวิธีการฝึกฝน สิ่งเหล่านี้มาจากมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณ’ ฟางหยวนคิด
เทพปีศาจจิตวิญญาณสรุปวิธีการบ่มเพาะที่ดีที่สุดเอาไว้แล้ว
ฟางหยวนเพียงทำตามขั้นตอนเหล่านั้นเท่านั้น
ก่อนหน้านี้เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะผลาญวิญญาณระเบิดโชคที่ทะเลทรายตะวันตก นั่นทำให้รากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของเขาแทบหมดสิ้น
แต่หลังจากบ่มเพาะจิตวิญญาณได้เพียงไม่กี่วัน เขากลับสามารถกู้คืนรากฐานเหล่านั้นกลับมาได้อย่างรวดเร็ว นี่เป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวมาก
‘นี่ยังเป็นสถานการณ์ที่ข้าขาดวิญญาณอมตะที่สำคัญและไม่สามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะเพื่อการบ่มเพาะ โชคดีที่ร่างทารกอมตะของข้าไม่มีปัญหาเรื่องความขัดแย้งระหว่างพลังงานแห่งเต๋า ดังนั้นท่าไม้ตายระดับมนุษย์จึงมีประสิทธิภาพเช่นกัน’
ฟางหยวนต้องยกระดับจิตวิญญาณของตนเองขึ้นอีกครั้ง
เหตุผลหลักคือการหลอมรวมวิญญาณอมตะ
หากเขาสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะผลาญวิญญาณระเบิดโชค โอกาสประสบความสำเร็จในการหลอมรวมวิญญาณอมตะจะพุ่งสูงขึ้นทันที
หากอิงอู๋เซี่ยเป็นผู้ใช้ท่าไม้ตายอมตะนี้ มันจะส่งผลกระทบต่อฟางหยวนไม่มากเท่ากับเขาใช้มันด้วยตนเอง
นอกจากนี้ยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง อิงอู๋เซี่ยต้องรักษารากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของเขาเอาไว้เพื่อใช้ท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝัน
แน่นอนว่าฟางหยวนจะฝึกฝนท่าไม้ตายนี้ในภายหลัง
อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา เขายังไม่รีบร้อน
ครึ่งเดือนของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาผ่านไป
ฟางหยวนและผมที่หกสามารถดัดแปลงเคล็ดลับการหลอมรวมได้ในที่สุด
ต่อไปคือลงมือทำ
ความพยายามครั้งแรก ล้มเหลว
ความพยายามครั้งที่สอง ล้มเหลว
ความพยายามครั้งที่สาม ล้มเหลว
พวกเขาสูญเสียทรัพยากรอมตะจำนวนมาก ฟางหยวนและผมที่หกต้องดัดแปลงเคล็ดลับการหลอมรวมอีกครั้ง
ในความพยายามครั้งที่สี่ ฟางหยวนกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะผลาญวิญญาณระเบิดโชค
ครั้งนี้การหลอมรวมดำเนินไปถึงช่วงสุดท้ายแต่น่าเสียดายที่มันยังล้มเหลว
ความพยายามครั้งที่ห้า ล้มเหลว
ความพยายามครั้งที่หก ล้มเหลว
ครั้งที่เจ็ด ครั้งที่แปด ครั้งที่เก้า…
ฟางหยวนยังพยายามต่อไป
แต่หลังจากล้มเหลวหลายครั้ง เขาก็ต้องกลับไปบ่มเพาะจิตวิญญาณอีกหน
เมื่อรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของเขาเพิ่มขึ้น ฟางหยวนก็ใช้ท่าไม้ตายอมตะผลาญวิญญาณระเบิดโชคเป็นครั้งที่สองและพยายามหลอมรวมวิญญาณต่อไป
ความพยายามครั้งที่สิบสาม ล้มเหลว
ความพยายามครั้งที่สิบสี่ ล้มเหลว
ความพยายามครั้งที่สิบห้า…
สำเร็จ!
ความสำเร็จมาอย่างกะทันหันโดยไม่คาดคิด ฟางหยวนถือวิญญาณอมตะล้างใจเอาไว้ในมือ
เขาประสบความสำเร็จในความพยายามครั้งที่สิบห้า รวมกับความพยายามก่อนหน้าของผมที่หก เขาต้องหลอมรวมวิญญาณอมตะดวงนี้เกือบสามสิบครั้ง!
เพื่อหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับหก เขาต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมหาศาล
หากเป็นผู้อมตะทั่วไป พวกเขาคงล้มละลายไปนานแล้ว
เพียงมิติช่องว่างจักรพรรดิยังไม่สามารถแบกรับราคาดังกล่าว
โชคดีที่เขามีมรดกที่แท้จริงของนิกายเงา ขณะที่ผู้ซื้อที่สามารถซื้อได้ก็มีเพียงนิกายหลางหยา แก่นแท้บัวหิมะและผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมเป็นส่วนสนับสนุนที่สำคัญ เหตุผลทั้งหมดทำให้ฟางหยวนประสบความสำเร็จในการหลอมรวมวิญญาณอมตะดวงนี้ในที่สุด
“สุดท้ายข้าก็ประสบความสำเร็จในการหลอมรวมวิญญาณอมตะล้างใจ!” ฟางหยวนสูดหายใจลึกก่อนจะถอนหายใจยาว
บทที่ 1444 ความผิดหวังของชิงซื่อ
วิญญาณอมตะล้างใจลอยอยู่บนฝ่ามือของฟางหยวน
“ในที่สุดข้าก็ทำสำเร็จ มันไม่ง่ายเลย” ฟางหยวนถอนหายใจ
อาจกล่าวได้ว่าการหลอมรวมวิญญาณคือการพนันครั้งใหญ่
พวกเขาใช้ความพยายามเกือบสามสิบครั้งก่อนที่จะประสบความสำเร็จและสูญเสียทรัพยากรมากมาย
ฟางหยวนต้องใช้มรดกของนิกายเงาแลกเปลี่ยนกับแต้มผลงานของนิกายหลางหยาและใช้แต้มผลงานเหล่านี้แลกเปลี่ยนสมบัติจากคลังสมบัติของนิกายหลางหยา
นอกจากนั้นเขายังต้องใช้แก่นแท้บัวหิมะและมันก็พิสูจน์แล้วว่าทรัพยากรอมตะระดับเจ็บชนิดนี้มีประโยชน์มาก
หลังจากดัดแปลงเคล็ดลับการหลอมรวม มันดีขึ้นและเหมาะสมกับฟางหยวนมากขึ้น
ความผิดหวังเพียงเล็กน้อยคือวิญญาณอมตะล้างใจดวงนี้เป็นเพียงวิญญาณอมตะระดับหก
หากมันเป็นวิญญาณอมตะล้างใจระดับเจ็ด ฟางหยวนจะสามารถใช้มันทำลายกับดักบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณในร่างผีดิบอมตะของเขาได้ทันที
วิญญาณอมตะล้างใจระดับหกสามารถใช้งานได้เช่นกันแต่ประสิทธิภาพของมันค่อนข้างต่ำ เขาต้องใช้เวลาถึงแปดปีก่อนจะสามารถทำลายกับดักทั้งหมด
แน่นอนว่านี่ยังไม่รวมกับวิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลา
หากใช้วิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเพื่อสนับสนุน ฟางหยวนจะใช้เวลาสามปี
สามปีหมายถึงเวลาในห้าภูมิภาค นี่คือขีดจำกัดความสามารถในปัจจุบันของฟางหยวน
‘สามปีนานเกินไป!’
หากมันเป็นวิญญาณอมตะล้างใจระดับเจ็ด เขาจะใช้เวลาครึ่งปี
อย่างไรก็ตามการหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับเจ็ดยากกว่าวิญญาณอมตะระดับหก นอกจากนั้นมันยังต้องใช้วิญญาณอมตะระดับหกเป็นวัตถุดิบในการหลอมรวมอีกด้วย
ท้ายที่สุดแล้ววิญญาณอมตะแตกละชนิดก็เพียงหนึ่งเดียว
เมื่อมีวิญญาณอมตะล้างใจระดับหก จะไม่มีวิญญาณอมตะล้างใจระดับเจ็ด ระดับแปด หรือระดับเก้าอยู่บนโลกใบนี้
นอกจากนั้นยังมีความเสี่ยงในกระบวนการหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับเจ็ด หากมันล้มเหลว วิญญาณอมตะล้างใจระดับหกอาจถูกทำลาย เขาต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด
โดยธรรมชาติแล้วฟางหยวนสามารถรับรองความปลอดภัยของวิญญาณอมตะได้ในระดับหนึ่งด้วยวิญญาณอมตะสมบัติเลือด แต่เขาไม่แน่ใจว่าจะสามารถปกป้องวิญญาณอมตะล้างใจระดับหกได้ทันเวลาระหว่างกระบวนการหลอมรวมที่มีความเสี่ยงสูง
นอกจากนี้ฟางหยวนยังต้องค้นคว้าวิธีการทั้งหมดเป็นอันดับแรก
ฟางหยวนมีความสำเร็จบนเส้นทางแห่งเลือดแต่ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของเขายังต่ำกว่ามาตรฐาน
“ท่านผู้นำนิกาย เราจะทำการหลอมรวมต่อไปหรือไม่? ข้าสามารถเปลี่ยนวิญญาณอมตะล้างใจให้เป็นวิญญาณหลักของข้า” ผมที่หกถ่ายทอดเสียงมาหาฟางหยวน
หลังจากวิญญาณกลายเป็นวิญญาณหลัก วิญญาณจะไม่ถูกทำลายระหว่างการหลอมรวม อย่างมากที่สุดมันก็จะได้รับบาดเจ็บสาหัสเท่านั้น
แต่ฟางหยวนปฏิเสธความคิดนี้ “นั่นไม่สมควร ยังไม้ต้องกล่าวถึงการเปลี่ยนวิญญาณหลักที่เป็นเรื่องอันตราย จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่ได้โง่ เราไม่สามารถหลอกลวงเขาได้โดยง่าย ความสัมพันธ์บนพื้นผิวของเราไม่เพียงพอให้เจ้าเสียสละเช่นนี้”
“เช่นนั้นให้ท่านอิงอู๋เซี่ยหรือไห่ลั่วหลันเปลี่ยนมันเป็นวิญญาณหลักของพวกเขาดีหรือไม่?” ผมที่หกแนะนำต่อ
นี่เป็นคำแนะนำที่ดี
ไป่หนิงปิง เทพธิดากระต่ายขาว และเทพธิดาเมี่ยวหยินไม่สามารถเชื่อถือ แต่อิงอู๋เซี่ยกับไห่ลั่วหลันเป็นข้อยกเว้น อิงอู๋เซี่ยเป็นร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณขณะที่ไห่ลั่วหลันถูกผูกมัดด้วยข้อตกลงพันธมิตรและไม่สามารถขัดขืน
หากเปรียบเทียบคนทั้งสอง อิงอู๋เซี่ยเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าเล็กน้อย เขาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ ในอนาคตหากฟางหยวนนำวิญญาณของเขาไปเพื่อใช้ท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝัน วิญญาณอมตะล้างใจจะสามารถเติมเต็มความแข็งแกร่งของเขา
อย่างไรก็ตามฟางหยวนปฏิเสธความคิดนี้
เขาหลอมรวมวิญญาณอมตะล้างใจมาอย่างยากลำบาก แล้วเขาจะมอบมันให้ผู้อื่นโดยง่ายได้อย่างไร อย่างมากเขาก็จะให้ยืมเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้นวิญญาณอมตะล้างใจยังมีประโยชน์ในการบ่มเพาะจิตวิญญาณ มันสามารถลบข้อบกพร่องของภูเขาตงฮันและหุบเขาเหล่าโปได้เล็กน้อย
ฟางหยวนตั้งใจเก็บวิญญาณอมตะล้างใจไว้กับตนเอง
อย่างไรก็ตามคำกล่าวของผมที่หกทำให้เขานึกถึงบางสิ่ง
‘แม้ข้าจะเป็นผู้นำนิกายเงา แต่ความสามารถในการควบคุมสมาชิกนิกายของข้าค่อนข้างแย่’
‘ไป่หนิงปิงไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของข้า เราถือเป็นพันธมิตรที่เท่าเทียม เทพธิดากระต่ายขาวและเทพธิดาเมี่ยวหยินติดตามข้าเพราะมรดกของนิกายเงาและการไล่ล่าจากกองกำลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้เท่านั้น’
‘ไห่ลั่วหลันถูกผูกมัดด้วยข้อตกลงพันธมิตรและไม่สามารถหักหลัง แต่นางมีความทะเยอทะยานสูง นางไม่พอใจกับสถานะปัจจุบัน มันเป็นเพียงว่านางยังไม่สามารถกบฏได้ในเวลานี้’
‘สำหรับอิงอู๋เซี่ยและผมที่หก พวกเขาเป็นร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณและคิดที่จะช่วยร่างหลักตลอดเวลา แต่ความหวังมีน้อยเกินไปขณะที่พวกเขาอ่อนแอเกินไป ดังนั้นพวกเขาจึงต้องพึ่งพาข้า’
หากฟางหยวนส่งวิญญาณอมตะล้างใจให้อิงอู๋เซี่ย ในอนาคตหากพวกเขามีโอกาสที่จะช่วยร่างหลักของเทพปีศาจจิตวิญญาณแต่มันไม่สอดคล้องกับแผนการของฟางหยวน พวกเขาจะทำอย่างไร?
การตัดสินใจของอิงอู๋เซี่ยและผมที่หกจะไม่เอียนเองมาทางฟางหยวนอย่างแน่นอน
เมื่อเวลานั้นมาถึง การมอบวิญญาณอมตะล้างใจให้กับอิงอู๋เซี่ยก็จะกลายเป็นความคิดที่โง่เขลา
ดังนั้นฟางหยวนจึงกล่าวอีกแผนการหนึ่ง
“แม้มันจะเป็นเพียงวิญญาณอมตะล้างใจระดับหก แต่มีวิธีการบางอย่างในมรดกของนิกายเงาที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของมัน แต่วิธี้นี้ต้องใช้ดวงวิญญาณของผู้อมตะระดับเจ็ด”
ผมที่หกมึนงงเล็กน้อยก่อนอุทานออกมา “ท่านผู้นำกำลังกล่าวถึง? ท่านอย่าลืมว่าถ้ำสวรรค์นิรันดรและตระกูลฮวงจินทั้งหมดต้องการตัวท่าน”
“สบายใจได้ ข้าสามารถควบคุมสถานการณ์” ฟางหยวนตบไหล่ผมที่หกก่อนจะเดินจากไป
…..
แสงแดดยามเช้าส่องผ่านช่องหน้าต่างเข้ามาในห้อง
มู่หลานชิงซื่อนั่งฮัมเพลงขณะจัดดอกไม้
วันนี้เป็นวันแห่งความสุขของนาง
เพราะคนรักของนาง หยุนเหลียงกำลังจะมาที่เผ่ามู่หลานเพื่อขอแต่งงานกับนางอย่างเป็นทางการ
แท้จริงแล้วมันเป็นเวลาเพียงไม่นานตั้งแต่ทั้งสองรู้จักกัน
มู่หลานชิงซื่อเป็นสมาชิกเผ่ามู่หลานขณะที่หยุนเหลียงเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษที่มีชื่อเสียงของภาคเหนือและได้รับฉายาว่าสุภาพบุรุษเมฆา
แม้ทั้งคู่จะเป็นตัวละครที่มีชื่อเสียงแต่ทั้งคู่พบกันครั้งแรกที่แดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กของเผ่าไห่ ทั้งสองพบกันที่แหล่งทรัพยากรแห่งหนึ่ง
เมื่อมูหลานชิงซื่อพบทรัพยากรชนิดนี้ หยุนเหลียงเริ่มรวบรวมมันแล้ว
เนื่องจากมันเป็นทรัพยากรที่เปราะบางมาก มูหลานชิงซื่อจึงไม่โจมตีและรอให้เขารวบรวมไปอย่างเงียบๆ
หยุนเหลียงแสดงความใจกว้างออกมาโดยเสนอการประลองเพื่อยุติปัญหา
โชคชะตาเป็นสิ่งลึกลับ
หลังจากนั้นทั้งสองยังพบกันเพราะเหตุบังเอิญอีกหลายครั้ง
เมื่อเวลาผ่านไป ความรู้สึกบางอย่างก็ก่อตัวขึ้นในใจของพวกเขา สุดท้ายพวกเขาจึงสัญญาที่จะแต่งงานกัน
แต่น่าเสียดายที่ตัวตนของทั้งสองเป็นอุปสรรคต่อการแต่งงาน
ฝ่ายหญิงเป็นสมาชิกตระกูลฮวงจินขณะที่ฝ่ายชายเป็นเพียงผู้บ่มเพาะสันโดษ
ความสัมพันธ์ของพวกเขาทำให้หลายฝ่ายวิตกกังวล แต่ในไม่ช้าสถานการณ์กลับคลี่คลายไปในทางที่ดีอย่างไม่คาดคิด
เมื่อถ้ำสวรรค์นิรันดรเรียนรู้สถานการณ์นี้ พวกเขาเห็นด้วยกับการแต่งงานของหยุนเหลียงและมู่หลานชิงซื่อ
เนื่องจากความแข็งแกร่งของวังสวรรค์ ถ้ำสวรรค์นิรันดรจึงต้องวางแผนรับมือกับยุคที่ยิ่งใหญ่ที่ใกล้เข้ามา
ถ้ำสวรรค์นิรันดรต้องสะสมกำลังรบ ดังนั้นพวกเขาจึงอนุญาตให้การแต่งงานนี้เกิดขึ้น
หยุนเหลียงถือเป็นตัวแทนของผู้บ่มเพาะสันโดษ ดังนั้นงานแต่งงานของเขากับสมาชิกเผ่ามู่หลานจึงกลายเป็นเหตุการณ์สำคัญทางการเมืองที่ยิ่งใหญ่ของภาคเหนือ
หากเรื่องนี้ประสบความสำเร็จ ถ้ำสวรรค์นิรันดรจะสนับสนุนให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีกในอนาคต
แน่นอนว่ามูหลานชิงซื่อไม่ตระหนักถึงแผนการที่อยู่เบื้องหลัง นางรู้สึกมีความสุขและรู้สึกขอบคุณถ้ำสวรรค์นิรันดรเป็นอย่างมาก
“หยุนเหลียงจะมาขอข้าแต่งงานในวันนี้ ทุกอย่างจัดเตรียมไว้พร้อมแล้ว ข้าตรวจสอบรายการของขวัญและไม่มีปัญหาใดๆ ถ้ำสวรรค์นิรันดรไม่ขัดขวางการแต่งงานครั้งนี้ ตราบเท่าที่พิธีขอแต่งงานประสบความสำเร็จ งานแต่งงานจะจัดขึ้นในอีกหนึ่งเดือนหลังจากนั้น แต่…เหตุใดข้าถึงรู้สึกไม่สบายใจอย่างไร้เหตุผล?”
คิ้วของมู่หลานชิงซื่อขมวดเล็กน้อย นางวางฝ่ามือไว้บนหน้าอกและรู้สึกถึงความไม่สบายใจที่ไม่สามารถอธิบาย
“ข้ารู้สึกไม่ปลอดภัยเพราะความสุขที่มากเกินไปงั้นหรือ?”
“ฮ่าฮ่า ไม่มีปัญหา ไม่มีสิ่งใดสามารถขัดขวางเรื่องนี้”
“บางทีเพราะข้าอาจมีความสุขมากเกินไป สิ่งนี้ทำให้ข้ารู้สึกว่ามันยอดเยี่ยมมากเกินไป”
“ฮ่าฮ่าฮ่า”
ใบหน้าของมู่หลานชิงซื่อกลายเป็นสีแดง จิตใจของนางกำลังล่องลอยออกไป
นางหัวเราะอยู่ท่ามกลางแสงแดดที่ส่องเข้ามาในห้อง
อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมา…
ร่างกายของนางกลับแข็งค้าง ใบหน้าของนางกลายเป็นซีดเผือด
เหตุผลเป็นเพราะโคมไฟวิญญาณและป้ายวิญญาณที่อยู่ในมิติช่องว่างของนางแตกสลายไป มันคือตัวแทนแห่งความรักที่นางกับหยุนเหลียงมอบให้แก่กัน
“หยุนเหลียง เขา…”
“ไม่…ไม่มีทาง!”
“เป็นไปไม่ได้!”
มูหลานชิงซื่อพุ่งออกไปจากหน้าต่างและบินขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว
บทที่ 1445 อาชญากรฟางหยวน
มู่หลานชิงซื่อบินด้วยพลังทั้งหมดของนาง การเคลื่อนไหวของนางดึงดูดความสนใจของผู้อมตะคนอื่นๆ
“เกิดสิ่งใดขึ้น?”
“ท่าทางของชิงซื่อดูผิดปกติ!”
“ชิงซื่อ รอก่อน เหตุใดเจ้าถึงตื่นตระหนก?”
ผู้อมตะเผ่ามู่หลานตะโกนถามแต่มู่หลานชิงซื่อยังบินต่อไป หัวใจของนางเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและความหวาดกลัวขณะที่นางพยายามตรวจสอบข้อเท็จจริง
“ตามนางไป”
“วันนี้เป็นวันที่หยุนเหลียงจะมาขอนางแต่งงาน มันเกิดสิ่งใดขึ้น?”
ในไม่ช้าผู้อมตะสามคนก็บินออกจากฐานทัพใหญ่ของเผ่ามู่หลานและตามมู่หลานชิงซื่อไป
ป้ายวิญญาณและโคมไฟวิญญาณของหยุนเหลียงแตกสลายไปแล้ว ดังนั้นมู่หลานชิงซื่อจึงไม่สามารถพึ่งพาพวกมันเพื่อระบุตำแหน่งของหยุนเหลียง แต่นางรู้เส้นทางที่หยุนเหลียงใช้เดินทางมายังเผ่ามู่หลาน นางต้องไปตรวจสอบที่นั่น
หลังจากบินมาอย่างบ้าคลั่ง นางก็เห็นสนามรบที่พังพินาศ
ร่างของนางสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรงขณะที่นางบินลงไป
“หยุนเหลียง! หยุนเหลียง!”
“เจ้าอยู่ที่ใด?”
มู่หลานชิงซื่อร้องเรียกซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่มีเพียงเสียงลมที่ตอบกลับมาเท่านั้น
“โอ้ ไม่!”
“มีการต่อสู้ครั้งใหญ่เกิดขึ้นที่นี่!”
“เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?”
สามผู้อมตะเผ่ามู่หลานที่ตามมาด้านหลังเห็นฉากนี้และตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์
คนทั้งสี่ตรวจสอบสนามรบและค้นพบบางสิ่ง
วิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งข้อมูลถูกฝังไว้ใต้ดินและดูเหมือนมันจะเป็นข้อความที่ถูกทิ้งไว้ก่อนตายของหยุนเหลียง
“ชิงซื่อ เจ้าต้องเตรียมใจให้ดี” ผู้อมตะเผ่ามู่หลานมองมู่หลานชิงซื่อด้วยความกังวล
สภาพของนางไม่ดีนัก โดยเฉพาะเมื่อนางมองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูล จิตใจของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
แต่ในที่สุดนางก็ยังตรวจสอบมันด้วยมือที่สั่นเทา
หลังจากได้รับข้อมูล นางตะโกน “ฟางหยวน ข้าจะไม่ยกโทษให้เจ้า!”
เสียงของนางเต็มไปด้วยความเกลียดชังและความโศกเศร้าขณะที่หัวใจของผู้อมตะเผ่ามู่หลานสั่นสะท้านขึ้น
“พรวด!”
มู่หลานชิงซื่อกระอักเลือดออกมาและทรุดตัวลง แต่ความโกรธและความโศกเศร้าในใจของนางยังรุนแรงมากกระทั่งนางหมดสติลง
ผู้อมตะเผ่ามู่หลานเร่งเข้าไปช่วย
นางไม่ได้รับบาดเจ็บ มันเป็นเพียงความเจ็บปวดทางจิตใจที่รุนแรงเกินไปเท่านั้น
สามผู้อมตะเผ่ามู่หลานตัดสินใจตรวจสอบเนื้อหาที่อยู่ในวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูล
วิญญาณดวงนี้บันทึกฉากการต่อสู้ครั้งสุดท้ายในชีวิตของหยุนเหลียง คู่ต่อสู้ของเขาคือมังกรดาบบรรพกาล!
มังกรดาบบรรพกาลตัวนี้สามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะและยังมีวิธีป้องกันที่สามารถสะท้อนการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม
ตัวตนของมันแทบจะระบุได้อย่างแน่นอนแล้ว ทั้งสามผู้อมตะนึกถึงชื่อของคนผู้หนึ่งขึ้นมาทันที
หลิวกวนซื่อ!
แต่หลิวกวนซื่อมีความสัมพันธ์กับฟางหยวนอย่างไร?
พวกเขาตรวจสอบต่อไปและตระหนักได้ในตอนท้ายของการต่อสู้เมื่อมังกรดาบบรรพกาลกลายเป็นมนุษย์ เขาคือหลิวกวนซื่อที่โจมตีหยุนหลียงอย่างเหี้ยมโหด
หยุนเหลียงสาปแช่ง “หลิวกวนซื่อ เราไม่มีความเกลียดชังหรือความคับข้องใจ แต่เจ้ากำลังทำลายชีวิตของข้า ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปแม้ข้าจะกลายเป็นผี!”
หลิวกวนซื่อเย้ยหยัน “น่าเสียดายที่เจ้าจะไม่มีโอกาสกลายเป็นผี ไปตายซะ โอ้ ถูกต้อง หลิวกวนซื่อเป็นเพียงนามแฝงของข้าเท่านั้น ชื่อจริงของข้าคือฟางหยวน!”
“ฟางหยวน!” หยุนเหลียงประหลาดใจ
ฟางหยวนหัวเราะ “ฮืม! การได้รู้ชื่อจริงของข้าก่อนตายถือเป็นเกียรติของเจ้า เพราะในอนาคตชื่อของข้าจะโด่งดังไปทั่วทั้งสวรรค์พิภพ!”
สามผู้อมตะเผ่ามู่หลานปลดปล่อยกลิ่นอายที่ทรงพลังออกมา
“แท้จริงแล้วหลิวกวนซื่อก็คือฟางหยวนและฟางหยวนก็คือหลิวกวนซื่อ พวกเขาเป็นคนๆเดียวกัน!”
“บัดซบ! หลิวกวนซื่อ ไม่ ฟางหยวน เขากล้าสังหารหยุนเหลียง เขาไม่แยแสเผ่ามู่หลานของข้าแม้แต่น้อย!”
หนึ่งในสามผู้อมตะกำหมัดแน่นและไม่สามารถระงับความโกรธ
แต่อีกสองคนกลับนิ่งเงียบ
“เหตุใดพวกเจ้าไม่กล่าวสิ่งใดบ้าง?” ผู้อมตะคนที่โกรธถาม
ผู้อมตะอีกสองคนถอนหายใจ หนึ่งในนั้นกล่าว “ฟางหยวนเป็นปีศาจต่างโลกที่ทำลายวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง เขายังเป็นหลิวกวนซื่อที่สามารถกำหราบแม่น้ำหวนคืนและครอบครองพลังการต่อสู้ระดับแปด เขาทำให้เผ่าเย่หลิวและเผ่าลั่วขุ่นเคือง แต่ลองดูว่าตอนนี้เผ่าเหล่านั้นเป็นอย่างไร?”
“แม้พวกเขาจะออกประกาศจับฟางหยวน แต่หลังจากการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน ทั้งสองเผ่าก็หยุดเคลื่อนไหวและไม่กล้าสร้างปัญหาให้ฟางหยวนอีก ข้าเกรงว่าเผ่ามู่หลานของเรา…”
ดวงตาของผู้อมตะที่โกรธเบิกกว้าง เขาตะโกน “จะกลัวสิ่งใด? เราเป็นทายาทของเทพอมตะตะวันเดือด พวกเรามีผู้อมตะมากมาย เราจะกลัวปีศาจต่างโลกได้อย่างไร? เราต้องแก้แค้น! เราต้องแสดงให้พวกเขาเห็นพลังอำนาจของฝ่ายธรรมะของภาคเหนือ!”
ผู้อมตะอีกสองคนมองหน้ากันด้วยความขมขื่น
“แม้จะผ่านไปหลายปีแต่มู่หลานชิงเฉิงยังเหมือนเดิม” ทั้งสองลอบสนทนากันอย่างลับๆ
“อย่าใส่ใจเขา เรื่องนี้ไม่ง่าย งานแต่งของชิงซื่อและหยุนเหลียงไม่ได้เป็นเรื่องของเผ่ามู่หลานเท่านั้น มันเกี่ยวข้องกับถ้ำสวรรค์นิรันดรเช่นกัน หากไม่จัดการอย่างเหมาะสม มันอาจสร้างความปั่นป่วนครั้งใหญ่! เรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่ผู้อมตะระดับหกเช่นพวกเราจะสามารถเข้าร่วม หากไม่ระวัง เราอาจถูกกระแสน้ำวนกลืนกินและตายโดยปราศจากซากศพ!”
“เจ้าพูดถูก เรื่องเร่งด่วนตอนนี้คือรายงานสถานการณ์และเบาะแสสำคัญต่อผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง”
…..
แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา เมืองเมฆา
ในห้องลับฟางหยวนนั่งไขว้ขาปิดเปลือกตาอยู่บนพื้น
เขากำลังเพ่งจิตเข้าไปในมิติช่องว่างจักรพรรดิ
วิญญาณอมตะล้างใจลอยอยู่กลางอากาศและมีวิญญาณระดับมนุษย์อีกหลายดวงบินอยู่รอบๆ
วิญญาณเหล่านี้ปลดปล่อยแสงสีขาวออกมาหลังจากถูกกระตุ้นใช้งาน
รัศมีแสงส่องลงบนร่างผีดิบอมตะ
มันคือร่างผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งของฟางหยวน
ร่างผีดิบอมตะไม่ส่งสัญญาณการเปลี่ยนแปลงใดๆ แต่ฟางหยวนไม่แปลกใจเพราะเขายังไม่ได้ทำขั้นตอนสำคัญ
เขากำลังทำความคุ้นเคยกับท่าไม้ตายอมตะนี้และพยายามสร้างเสถียรภาพ
หลังจากไม่กี่นาทีฟางหยวนรู้สึกพึงพอใจ
เขานำดวงวิญญาณของผู้อมตะระดับเจ็ดออกมา
มันคือดวงวิญญาณของเย่หลิวชุนซิง ผู้อมตะระดับเจ็ดของเผ่าเย่หลิว
ดวงวิญญาณของเย่หลิวชุนซิงอาจรู้สึกถึงอันตราย ดังนั้นมันจึงดิ้นรนอย่างหนัก
แต่มันไร้ประโยชน์
โดยไม่ต้องกล่าวถึงฟางหยวนในปัจจุบันที่ครอบครองมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณ กระทั่งก่อนหน้านี้เขาก็สามารถกำหราบดวงวิญญาณนี้ได้อย่างง่ายดาย
เย่หลิวชุนซิงทรงพลังเมื่อยังมีชีวิตอยู่ แต่นี่เป็นเพียงดวงวิญญาณ แล้วเขาจะทำสิ่งใดได้?
บทที่ 1446 กำจัดกับดักบนเส้นทางแห่งจิ...
ในไม่ช้าดวงวิญญาณของเย่หลิวชุนซิงก็ถูกดึงเข้าสู่แสงสีขาว
ดวงวิญญาณของเย่หลิวชุนซิงนิ่งเงียบและหยุดเคลื่อนไหวราวกับมันสูญเสียความสามารถในการคิดไปอย่างกะทันหัน
จากนั้นจุดแสงสีขาวก็เริ่มปะทุออกมาจากดวงวิญญาณของเขา
จุดแสงเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆและพุ่งเข้าหาร่างผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งของฟางหยวน
แสงส่องประกายขึ้นบนร่างของผีดิบอมตะและเริ่มทำลายร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ
เมื่อเวลาผ่านไป ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณก็เริ่มลดลงทีละเล็กทีละน้อยขณะที่ดวงวิญญาณของเย่หลิวชุนซิงอ่อนแอลงอย่างต่อเนื่อง
จิตใจของฟางหยวนสงบนิ่งราวกับทะเลสาบที่เงียบสงบ เขากระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะด้วยความมั่นใจและมั่นคง
เขาต้องกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายนี้เป็นเวลาสามวันสามคืนก่อนที่กับดักบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณในร่างผีดิบอมตะจะถูกกำจัดออกไปอย่างสมบูรณ์
จากการคาดการณ์กระบวนการทั้งหมดต้องใช้ลูกพลัมแดงอมตะมากกว่าหนึ่งพันสองร้อยผล
นี่เป็นวิธีการใช้วิญญาณอมตะล้างใจและวิญญาณอมตะเปลี่ยนวิญญาณที่ถูกบันทึกไว้ในมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณ หากฟางหยวนต้องคิดค้นท่าไม้ตายนี้ด้วยตนเอง เขาต้องใช้เวลา ความพยายาม และทรัพยากรมากมายเพื่อลองผิดลองถูก
ฟางหยวนไม่ขาดแคลนพลังงานอมตะ เขาเตรียมตัวมาอย่างเพียงพอแล้ว
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ
หลังจากสามวันสามคืน ฟางหยวนก็หยุดเคลื่อนไหว
เขาคำนวณและพบว่าเขาสูญเสียลูกพลัมแดงอมตะไปถึงหนึ่งพันสามร้อยผล
ค่าใช้จ่ายนี้ทำให้คลังเก็บพลังงานอมตะของเขากลายเป็นว่างเปล่าในครั้งเดียว
แต่ฟางหยวนกลับเต็มไปด้วยความสุข
วิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋า!
เขาตรวจสอบร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่อยู่บนร่างผีดิบอมตะก่อนจะเผยรอยยิ้มพึงพอใจ
“ในที่สุดกับดักบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณก็ถูกลบออกไปอย่างสมบูรณ์!”
มันไม่ง่ายเลย
มันไม่ง่ายเลยจริงๆ
กับดักบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณที่สร้างปัญหาให้กับฟางหยวนมาอย่างยาวนานถูกแก้ไขในที่สุด
ความสุขโอบกอดหัวใจของฟางหยวนเอาไว้
แต่…
หลังจากที่เขาสงบจิตใจลง เขายังไม่ทดสอบมันด้วยตนเองแต่เลือกใช้ดวงวิญญาณของผู้อมตะคนอื่นเพื่อตรวจสอบร่างผีดิบอมตะ
หลังจากทดสอบหลายครั้ง เขาสามารถยืนยันความปลอดภัย
จากนั้นฟางหยวนก็ย้ายดวงวิญญาณของเขาเข้าไปในร่างผีดิบอมตะ
ในเวลาต่อมาร่างผีดิบอมตะก็เปิดเปลือกตาขึ้น
ฟางหยวนค่อยๆลุกขึ้นยืนและเริ่มขยับร่างกาย
“ในที่สุดข้าก็สามารถใช้ร่างกายของข้าได้อีกครั้ง!” นี่เป็นความรู้สึกที่ชวนคิดถึง เขารู้สึกราวกับได้กลับบ้านหลังจากการเดินทางอันยาวนาน
ฟางหยวนลูบหน้าท้องของเขาเบาๆ
มีเพียงทะเลวิญญาณระดับห้าเท่านั้นที่ยังอยู่ มิติช่องว่างระดับหกบนเส้นทางความแข็งแกร่งพังทลายไปแล้วขณะที่ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางความแข็งแกร่งเคลื่อนเข้าสู่ร่างกายของเขาเรียบร้อยแล้ว
จากมุมมองนี้ ร่างผีดิบอมตะของฟางหยวนถือเป็นทรัพยากรอมตะระดับหกบนเส้นทางความแข็งแกร่ง
มิติช่องว่างระดับหกบนเส้นทางความแข็งแกร่งของฟางหยวนได้มาจากการใช้วิญญาณทะเลวิญญาณที่สอง
ทะเลวิญญาณระดับห้าขั้นสุดยอดคือทะเลวิญญาณดั่งเดิมของเขา
วิญญาณกาลเวลาถูกปิดผนึกอยู่ในทะเลวิญญาณนี้
กำแพงคริสตัลของทะเลวิญญาณเต็มไปด้วยรอยแตกร้าวเนื่องจากแรงกดดันของวิญญาณกาลวิญญาณระดับหก
อย่างไรก็ตามฟางหยวนไม่กังวล ก่อนหน้านี้เขาสามารถจัดการมัน ตอนนี้เขาได้รับมรดกของนิกายเงา มันยิ่งกลายเป็นเรื่องที่ง่ายดายสำหรับเขา
ฟางหยวนจะไม่ละทิ้งวิญญาณกาลเวลาอย่างแน่นอน
แต่วิญญาณกาลเวลาเต็มไปด้วยเจตจำนงสวรรค์ ฟางหยวนต้องกำจัดเจตจำนงสวรรค์ทิ้งไปหากเขาต้องการใช้งานมันอีกครั้ง
นั่นเป็นแผนการระยะยาว
แน่นอนว่าในอนาคตเขาจะใช้รากฐานนี้เพื่อหลอมรวมวิญญาณกาลเวลาระดับเจ็ด
“แต่ก่อนหน้านั้นข้าควรยกระดับร่างกายนี้เป็นอันดับแรก”
ผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเป็นแผนการเดิมของฟางหยวน
เขาจะไม่ทิ้งความตั้งใจนี้
เมื่อการทดลองประสบความสำเร็จ ฟางหยวนก็ย้ายดวงวิญญาณของตนเองกลับสู่ร่างทารกอมตะ สำหรับร่างผีดิบอมตะ มันยังถูกผนึกอยู่ในค่ายกลวิญญญาณ
“ต่อไปทดสอบวิญญาณสติปัญญา” ฟางหยวนเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น
เขาออกจากห้องลับและบินไปหาวิญญาณสติปัญญา
เมื่อแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูถูกโจมตี วิญญาณสติปัญญาถูกย้ายมายังแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารับผิดชอบในการเลี้ยงดูและให้อาหารมัน
ในไม่ช้าฟางหยวนก็มายืนอยู่ต่อหน้าวิญญาณสติปัญญา การเคลื่อนไหวนี้ดึงดูดความสนใจของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา
อย่างไรก็ตามการแสดงออกของจิตวิญญาณแผ่นดินค่อนข้างประหลาด “ฟางหยวน มีคนใส่ร้ายเจ้า”
“ท่านหมายถึงสิ่งใด?”
“ฮ่าฮ่า หยุนเหลียงตายแล้ว มีเบาะแสสำคัญทิ้งไว้ในสนามรบและบ่งชี้ว่าเจ้าเป็นฆาตกร นอกจากนี้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวตนของหลิวกวนซื่อของเจ้าก็ถูกเปิดเผย ตอนนี้โลกผู้อมตะของภาคเหนือ ไม่ โลกผู้อมตะทั้งห้าภูมิภาคกำลังสั่นสะเทือนเพราะข่าวนี้” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาหัวเราะ
แม้ฟางหยวนจะต้องใช้ดวงวิญญาณของผู้อมตะระดับเจ็ดเพื่อกำจัดกับดักบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ แต่เขาก็มีดวงวิญญาณดังกล่าวอยู่แล้ว ไม่เพียงเย่หลิวชุนซิง เขายังมีดวงวิญญาณของเทพธิดาซุ้ยป๋อ หลิวหยง และหม่าหงหยุน ตลอดไปถึงร่างกายทั้งหมดของไห่เจิ้ง
ก่อนหน้านี้ผมที่หกกังวลว่าฟางหยวนจะออกไปสังหารผู้อมตะของภาคเหนือ
แต่ฟางหยวนตอบว่าเขาสามารถควบคุมสถานการณ์
เขามีดวงวิญญาณของผู้อมตะอยู่แล้ว เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่เสี่ยง
สิ่งที่ฟางหยวนต้องการคือการพักผ่อนและบ่มเพาะ เขาไม่ต้องการออกไปต่อสู้ข้างนอก
หลังจากสอบถามรายละเอียด ในไม่ช้าเขาก็ตระหนักว่า “นี่อาจเป็นฝีมือของวังสวรรค์ หยุนเหลียงเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ แต่ถ้ำสวรรค์นิรันดรอนุญาตให้เขาแต่งงานกับมู่หลานชิงซื่อ พวกเขากระทั่งมีความสุขกับงานแต่งงานครั้งนี้ นี่คือการเตรียมความพร้อมของถ้ำสวรรค์นิรันดรสำหรับการเผชิญหน้ากับยุคที่ยิ่งใหญ่ แต่วังสวรรค์จะอนุญาตให้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร? พวกเขาต้องทำลายแผนการนี้อย่างแน่นอน”
“ฟางหยวน การวิเคราะห์ของเจ้าสมเหตุสมผล” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาพยักหน้าและเผยรอยยิ้มแปลกประหลาด “ตอนนี้ถ้ำสวรรค์นิรันดรกำลังโกรธมาก เหยากวงที่ได้รับตำแหน่งใหม่ประกาศว่าเขาจะจับเจ้าและนำเจ้าเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ปัจจุบันเจ้าไม่เพียงเป็นศัตรูตัวฉกาจของฝ่ายธรรมะ แต่ยังรวมถึงปีศาจอมตะ และผู้บ่มเพาะสันโดษทั้งหมดของภาคเหนือ”
ฟางหยวนก่นเสียงเย็นรับทราย นี่เป็นสิ่งที่เข้าใจได้
ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน ฟางหยวนต่อต้านผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคเหนือรวมถึงปีศาจอมตะเซี่ยหูซึ่งเป็นตัวแทนของฝ่ายปีศาจ
หยุนเหลียงเป็นสัญลักษณ์ของผู้บ่มเพาะสันโดษ แต่ฟางหยวนที่ถูกประกาศว่าเป็นฆาตกรก็ต้องแบกรับความเกลียดชังจากฝ่ายนี้ไปโดยธรรมชาติ
“เอาล่ะ ลืมมันไปซะ เร็วเข้า ให้ข้าดูว่าเจ้าจะเรียกแสงแห่งปัญญาออกมาได้หรือไม่?” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเร่งเร้า
“ตกลง ข้าก็กำลังตั้งตารอเรื่องนี้เช่นกัน” ฟางหยวนสูดหายใจลึก
โอกาสประสบความสำเร็จมีค่อนข้างสูง หากมันสำเร็จ เขาจะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
บทที่ 1447 กู้คืนสิ่งที่สูญเสีย
ฟางหยวนนั่งไขว้ขาอยู่บนพื้นและนำร่างผีดิบอมตะของเขาออกมาจากมิติช่องว่าง
ภายใต้การจ้องมองของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา เขาย้ายดวงวิญญาณเข้าสู่ร่างผีดิบอมตะ
ร่างผีดิบอมตะค่อยๆเปิดเปลือกตาและลุกขึ้นยืน
ฟางหยวนชำเลืองมองร่างทารกอมตะก่อนจะเดินเข้าไปหาวิญญาณสติปัญญา
“วิญญาณสติปัญญา” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงแหบพร่าและไม่พอใจ “เจ้ายังจำข้อตกลงของเราได้หรือไม่?”
วิญญาณสติปัญญาที่กำลังเล่นอยู่รอบๆหยุดเคลื่อนไหวและมองฟางหยวนอย่างเงียบๆ
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ฟางหยวนลอบกลั้นหายใจแม้ร่างผีดิบอมตะจะไม่ต้องหายใจก็ตาม
วิญญาณสติปัญญาบินวนรอบๆฟางหยวนด้วยความไม่แน่ใจ
มันบินวนเวียนไปรอบๆและสังเกตฟางหยวนซ้ำแล้วซ้ำอีกก่อนจะกลับไปพักอยู่บนต้นไม้
จากนั้น…
แสงแห่งปัญญา!
“สำเร็จ! ในที่สุดข้าก็ทำสำเร็จ!” ฟางหยวนไม่สามารถกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ได้
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตกตะลึง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นฉากนี้
“แสงแห่งปัญญา! นี่คือแสงแห่งปัญญาจริงๆ!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามองแสงแห่งปัญญาและตระหนักถึงสิ่งนี้ได้ทันที
เขากลายเป็นอัจฉริยะ
แต่เขาค่อยๆถอยห่างจากแสงแห่งปัญญาและมองดูฟางหยวนจากระยะไกลด้วยความอิจฉา
‘ฟางหยวนประสบความสำเร็จในการเรียกแสงแห่งปัญญา น่าทึ่งนัก เด็กคนนี้น่าทึ่งจริงๆ!’
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามองฟางหยวนด้วยความรู้สึกซับซ้อน
แม้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจะมีสองบุคลิกแต่ทั้งสองมีความทรงจำเดียวกัน
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยายังจำช่วงเวลาเมื่อหลายปีก่อนได้ดี เวลานั้นฟางหยวนยังเป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณตัวเล็กๆที่เข้ามายังแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาเป็นครั้งแรก
แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาฟางหยวนไม่เพียงกลายเป็นผู้อมตะแต่ชื่อของเขายังโด่งดังไปทั่วทั้งห้าภูมิภาคด้วยพลังการต่อสู้ระดับแปด
และตอนนี้เขายังสามารถเรียกแสงแห่งปัญญาออกมาใช้งาน!
เขาเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
หากฟางหยวนไม่ได้รับมรดกของนิกายเงาและมีเพียงแสงแห่งปัญญา เขาอาจถูกมองว่าเป็นเสือติดปีกแต่ฟางหยวนที่ครอบครองมรดกของนิกายเงาและยังได้รับความช่วยเหลือจากแสงแห่งปัญญา นี่ทำให้ฟางหยวนก้าวไปถึงระดับที่ไม่สามารถจินตนาการถึง
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามีชีวิตอยู่มานานและเคยเห็นตัวละครมาทุกประเภทแต่ตอนนี้เขากลับไม่สามารถประเมินความสำเร็จในอนาคตของฟางหยวนได้อีกต่อไป
ไม่มีทางที่จะประเมินมันได้
เขาไม่สามารถคาดเดาความก้าวหน้าในอนาคตของฟางหยวน
ความสำเร็จใดๆที่ฟางหยวนสร้างขึ้นหลังจากนี้สามารถเข้าใจและยอมรับได้ทั้งสิ้น
ฟางหยวนหัวเราะ
เขาสงบจิตใจลงก่อนจะกล่าวกับวิญญาณสติปัญญา “เอาล่ะ วิญญาณสติปัญญา โปรดให้ข้าหยุดพัก”
แสงแห่งปัญญาค่อยๆเลือนหายไป
ฟางหยวนสูดหายใจลึกก่อนกล่าวต่อ “วิญญาณสติปัญญามาต่อกันเถอะ”
ในเวลาต่อมา แสงแห่งปัญญาก็ส่องสว่างขึ้นอีกครั้ง
ฟางหยวนกำหมัดแน่นด้วยความตื่นเต้น
ข้อเท็จจริงนี้พิสูจน์ได้ว่าแสงแห่งปัญญากลับมาแล้ว! จากนี้ไปเขาจะสามารถใช้แสงแห่งปัญญาได้ชั่วนิรันดร์!
จากนั้นฟางหยวนก็หันหน้ามายิ้มให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา “ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง เรามาแลกเปลี่ยนมรดกกันเถอะ”
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยายอกย่องอยู่ในใจ ‘จิตใจของฟางหยวนยังคมชัด’
“ตกลง” เขาตกลงโดยปราศจากความลังเล
หากเป็นจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาคนก่อนหน้า เขาอาจปฏิเสธเพราะเขาชอบการหลอมรวมวิญญาณเท่านั้น แต่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาคนปัจจุบันต้องการยึดครองโลก ดังนั้นเขาจึงต้องทำทุกอย่างเพื่อยกระดับนิกายหลางหยา
นิกายหลางหยาต้องการมรดกทุกประเภท ด้วยเหตุนี้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจึงต้องการมรดกที่อยู่ในการครอบครองของฟางหยวน
โดยเฉพาะมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณ
เทพปีศาจจิตวิญญาณเข่นฆ่าสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วน ทักษะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของเขาน่าอัศจรรย์มาก หากนิกายหลางหยาได้รับสิ่งนี้ มันจะสามารถเติมเต็มข้อบกพร่องของนิกายหลางหยา
ทั้งสองฝ่ายแลกเปลี่ยนกันอย่างรวดเร็ว
ฟางหยวนได้รับมรดกเกือบทั้งหมดของนิกายหลางหยารวมถึงมรดกที่แท้จริงโชคของตนเองและมรดกที่แท้จริงของบรรพชนผมยาว
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณ มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจไร้ขอบเขต มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง มรดกที่แท้จริงของเทพอมตะสวรรค์พิภพ ตลอดไปถึงมรดกอีกนับไม่ถ้วน
ทุกมรดกที่นิกายเงารวบรวมมาล้วนเป็นมรดกที่โดดเด่นทั้งสิ้น
ดังนั้นเมื่อพิจารณาจากมูลค่า ฟางหยวนจ่ายมากกว่านิกายหลางหยา
เพื่อชดเชยช่องว่างนี้ จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาต้องมอบหุบเขาเหล่าโปคืนให้กับฟางหยวน
ปัจจุบันฟางหยวนเป็นศัตรูกับคนทั้งโลกรวมกับการกระทำก่อนหน้าของเขา จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจึงมีความเชื่อมั่นใจตัวฟางหยวนมากขึ้น
‘ฟางหยวนเป็นหนึ่งในพวกเรา สมาชิกนิกายหลางหยาของข้ายังสามารถใช้งานหุบเขาเหล่าโปแม้ข้าจะมอบมันคืนให้เขาก็ตาม’ นี่คือความคิดของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา
ด้านฟางหยวน เขาได้รับหนึ่งในสามมรดกที่แท้จริงโชคของตนเองที่สมบูรณ์แบบของเทพอมตะตะวันเดือดมาแล้ว
สำหรับมรดกที่แท้จริงของบรรพชนผมยาว ส่วนใหญ่มันกล่าวถึงวิธีการหลอมรวมวิญญาณของมนุษย์ขนซึ่งไม่ได้ช่วยฟางหยวนมากนัก
ในการทำธุรกรรมครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายแลกเปลี่ยนเพียงมรดก มันไม่เกี่ยวกับวิญญาณอมตะใดๆ
โดยธรรมชาติแล้วฟางหยวนย่อมต้องการวิญญาณอมตะของนิกายหลางหยาเช่นวิญญาณบัวสวรรค์อมตะ
น่าเสียดายที่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่ต้องการขายวิญญาณอมตะเหล่านี้ออกไป
ฟางหยวนยังไม่ได้จากไปทันที เขายังอาบแสงแห่งปัญญาและเริ่มคิดถึงปัญหาทุกประเภท
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาต้องจากไปด้วยความโศกเศร้า
ตอนนี้ฟางหยวนแตกต่างจากก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง
ด้วยวิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาผสานกับวิญญาณอมตะความใคร่และวิญญาณอมตะรักตัวเอง ทั้งหมดอนุญาตให้ฟางหยวนสร้างกลุ่มความคิดได้อย่างไม่รู้จบสิ้น
เขาสามารถใช้งานแสงปัญญาได้อย่างเต็มที่และได้รับคำตอบในการแก้ปัญหาต่างๆอย่างรวดเร็ว
ท่าไม้ตายอมตะอาภรณ์วิญญาณ!
นี่เป็นท่าไม้ตายจากมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณ พลังอำนาจของมันคือการป้องกันเจตจำนงสวรรค์และการอนุมานจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา
กล่าวได้ว่ามันเป็นท่าไม้ตายสายป้องกัน
การป้องกันนี้แบ่งออกเป็นสี่ระดับที่สอดคล้องกับผู้อมตะระดับหก ระดับเจ็ด ระดับแปด และระดับเก้า
ด้วยรากฐานของฟางหยวน เขาประสบความสำเร็จในการดัดแปลงท่าไม้ตายอมตะนี้ แม้จะไม่มีวิญญาณอมตะที่จำเป็น เขาก็ยังสามารถใช้วิญญาณอมตะดวงอื่นทดแทน
บทที่ 1448 อาภรณ์วิญญาณ
ท่าไม้ตายอมตะอาภรณ์วิญญาณฉบับดัดแปลงใช้วิญญาณอมตะเปลี่ยนวิญญาณระดับเจ็ดและวิญญาณอมตะล้างใจเป็นแกนกลาง หลังจากล้มเหลวหลายครั้ง ในที่สุดฟางหยวนก็สามารถกระตุ้นใช้งานมันได้สำเร็จ
เขานำวิญญาณออกมาจากร่างทารกอมตะโดยตรง
วิญญาณเหล่านี้ลอยอยู่กลางอากาศ
รากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของเขาถูกใช้ไปในท่าไม้ตายอมตะผลาญวิญญาณระเบิดโชคและทำให้จิตวิญญาณของเขาตกลงมาอยู่ในระดับมนุษย์ร้อยคนเท่านั้น
อย่างไรก็ตามตอนนี้ดวงวิญญาณของเขาถูกปกคลุมไปด้วยชุดคลุมยาวจากท่าไม้ตายอมตะอาภรณ์วิญญาณ
อาภรณ์วิญญาณมีทั้งระดับหก ระดับเจ็ด ระดับแปด และระดับเก้า
แต่เทพปีศาจจิตวิญญาณไม่เคยยกระดับท่าไม้ตายอมตะนี้ขึ้นสู่ระดับเก้า
เพราะมันไม่จำเป็น
เขาเป็นเทพปีศาจที่ยิ่งใหญ่ เขาไม่จำเป็นต้องป้องกันการอนุมานจากผู้ใด
ดังนั้นระดับสูงสุดของท่าไม้ตายนี้จึงอยู่ที่ระดับแปด
ฟางหยวนตรวจสอบและรู้สึกมึนงง “หือ? เหตุใดอาภรณ์วิญญาณของข้าถึงอยู่ในระดับหกเท่านั้น?”
หลังจากดัดแปลงท่าไม้ตายโดยใช้วิญญาณอมตะเปลี่ยนวิญญาณระดับเจ็ดและวิญญาณอมตะล้างใจระดับหก นั่นหมายความว่ามันจะกลายเป็นท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ด แต่เหตุใดมันถึงเป็นท่าไม้ตายอมตะระดับหก?
‘เป็นเพราะการดัดแปลงของข้างั้นหรือ?’ ความคิดนี้ปรากฏขึ้นในใจของฟางหยวนก่อนที่เขาจะปฏิเสธมัน
เขาใช้แสงแห่งปัญญาในการอนุมาน แล้วมันจะผิดพลาดได้อย่างไร?
‘โอ้ ข้าเข้าใจแล้ว’ ฟางหยวนคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนที่เขาจะเข้าเหตุผล
คำตอบก็คือร่างกายของเขา
ภายใต้อาภรณ์วิญญาณยังมีชุดคลุมอีกชั้นหนึ่ง
มันคือผนึกภูตผี
กล่าวได้ว่าอาภรณ์วิญญาณยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับผนึกภูตผี
‘อาภรณ์วิญญาณมีเป้าหมายอยู่ที่ดวงวิญญาณของข้าโดยตรง แต่ตอนนี้มันถูกต่อต้านโดยผนึกภูตผี ดังนั้นพลังอำนาจของอาภรณ์วิญญาณระดับเจ็ดจึงร่วงลงสู่ระดับหก’
ฟางหยวนไม่เคยคาดคิดว่าจะเกิดปัญหาดังกล่าว
เขาคุ้นเคยกับพลังงานแห่งเต๋าที่ไม่ขัดแย้งกันของร่างทารกอมตะมานาน ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่คาดหวังว่าปัญหาเล็กๆนี้จะกลายเป็นอุปสรรคของเขา
‘ร่างกายของข้าไม่มีปัญหาเรื่องความขัดแย้งระหว่างพลังงานแห่งเต๋า’
‘แต่มันยังมีความขัดแย้งระหว่างท่าไม้ตายอมตะที่แตกต่างกัน’
‘ผนึกภูตผีแม้จะมีคำว่าภูตผีแต่มันเป็นท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมขณะที่อาภรณ์วิญญาณเป็นท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ ทั้งสองต่อต้านกันและกัน เพื่อแก้ปัญหานี้ ข้าต้องหลอมรวมมันเป็นหนึ่ง’
ฟางหยวนเผยรอยยิ้มขมขื่นเมื่อคิดถึงเรื่องนี้
มันยากเกินไป
ฟางหยวนยังไม่เข้าใจผนึกภูตผี ยิ่งไปกว่านั้นเขายังขาดความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมและเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ แม้จะมีแสงแห่งปัญญาช่วยอนุมาน แต่ความก้าวหน้าก็ยังล้าช้ามาก ภายใต้ความสำเร็จในปัจจุบัน เขาต้องอนุมานไปอีกหลายร้อยหรือหลายพันปีโดยไม่หยุดพัก
ท้ายที่สุดผนึกภูตผีก็เป็นท่าไม้ตายอมตะระดับเก้า ฟางหยวนยังห่างไกลจากระดับเก้า แม้เขาจะมีพลังการต่อสู้ระดับแปด แต่เขายังไม่ใช่ผู้อมตะระดับแปดที่แท้จริง
‘ลืมมันไปซะ’
ฟางหยวนเก็บวิญญาณของเขากลับเข้าไปในร่าง
เขาไม่มีความคิดที่จะพัฒนาท่าไม้ตายในเวลานี้
เขาครอบครองมรดกทั้งหมดของนิกายเงาและก่อนหน้านี้เขายังได้รับมรดกเกือบทั้งหมดของนิกายหลางหยา
แม้มรดกของนิกายหลางหยาจะด้อยกว่ามรดกของนิกายเงา แต่มันก็ยังอุดมสมบูรณ์มาก
ท้ายที่สุดบรรพชนผมยาวก็เป็นตัวตนตั้งแต่สามแสนปีก่อน
พิจารณาจากเวลา นิกายหลางหยายังอยู่มานานกว่านิกายเงา
แต่นิกายหลางหยามุ่งเน้นด้านการหลอมรวม มรดกส่วนใหญ่ของพวกเขาจึงเป็นมรดกบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม นอกจากนี้ความสามารถในการรวบรวมมรดกของนิกายหลางหยาก็ยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับเทพปีศาจจิตวิญญาณและนิกายเงา
ฟางหยวนสามารถใช้ประโยชน์จากมรดกเหล่านี้ ตอนนี้เขาได้ก้าวข้ามนิกายโบราณทั้งสิบของภาคกลางไปแล้ว
สำหรับวังสวรรค์ ฟางหยวนยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับพวกเขา วังสวรรค์ถูกปกครองโดยสามเทพอมตะและมีประวัติศาสตร์ยาวนานมาก มันก่อตั้งขึ้นมาถึงสามล้านปีแล้ว
ท่ามกลางมรดกที่ฟางหยวนครอบครอง อาภรณ์วิญญาณเหมาะสมกับเขามากที่สุดและยังมีโอกาสที่จะเติบโต ในอนาคตมันจะกลายเป็นตัวช่วยชั้นยอดสำหรับการป้องกันการอนุมานของผู้อมตะรวมถึงเจตจำนงสวรรค์
อาจกล่าวได้ว่าอาภรณ์วิญญาณเป็นหนึ่งในส่วนสำคัญท่ามกลางมรดกของเทพปีศาจจิตวิญญาณ
มันพิเศษมาก
เมื่อกระตุ้นใช้งาน มันจะคงอยู่ตลอดไปโดยไม่พึ่งพาพลังงานอมตะ แต่มันจะใช้รากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของผู้อมตะเพื่อรักษามันไว้
ในทางทฤษฎี ตราบเท่าที่ดวงวิญญาณของผู้อมตะยังอยู่และอาภรณ์วิญญาณไม่ถูกโจมตีโดยตรง มันก็จะคงอยู่ตลอดไป
นอกจากนั้นมันยังจะเปลี่ยนแปลงไปตามรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของผู้อมตะ
เมื่อรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของผู้อมตะเพิ่มขึ้น พลังอำนาจของอาภรณ์วิญญาณก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน ในทำนองเดียวกัน หากรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของผู้อมตะตกต่ำลง พลังอำนาจของอาภรณ์วิญญาณก็จะลดลง
‘ก่อนหน้านี้ข้าใช้วิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืด ข้าต้องหยุดใช้มันเป็นครั้งคราวเพื่อให้มันฟื้นตัว มันไม่สะดวกโดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะหลบหนี แต่อาภรณ์วิญญาณจะคงอยู่ตลอดไปหลังจากกระตุ้นใช้งานเพียงครั้งเดียวและพลังอำนาจของมันก็จะเพิ่มขึ้นตามรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของข้า’
นี่เป็นท่าไม้ตายอมตะที่สามารถใช้งานได้จริง
อย่างไรก็ตามในความเป็นจริงยังมีท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณท่าอื่นที่สามารถใช้งานร่วมกับมันได้
ตัวอย่างเช่นท่าไม้ตายอมตะหอกวิญญาณหรือโซ่วิญญาณ
ด้วยท่าไม้ตายทั้งสอง เมื่อดวงวิญญาณของฟางหยวนออกจากร่าง นอกจากอาภรณ์วิญญาณ เขายังจะมีอาวุธป้องกันตัว
สิ่งนี้ทำให้ดวงวิญญาณสามารถต่อสู้
หลังจากทดสอบท่าไม้ตายอมตะอาภรณ์วิญญาณ ฟางหยวนยังอนุมานต่อไปด้วยแสงแห่งปัญญา
เขาเริ่มคิดถึงสถานการณ์ปัจจุบันของเขา
‘ด้วยอาภรณ์วิญญาณและแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ตอนนี้ข้าปลอดภัยแล้ว แม้วังสวรรค์จะโจมตี ข้าก็ยังสามารถพึ่งพากำลังของตนเองเพื่อหลบหนี’
‘แต่สิ่งที่ข้าต้องทำคือทำลายวิญญาณชะตากรรมของวังสวรรค์ให้สิ้นซาก’
‘สิบปี! หลังจากผ่านไปสิบปี วังสวรรค์จะสามารถฟื้นฟูวิญญาณชะตากรรม เมื่อเวลานั้นมาถึง ข้าจะไม่มีความหวังที่จะได้รับชัยชนะอีก’
นี่เป็นปัญหาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฟางหยวน
วังสวรรค์แข็งแกร่งเกินไป แม้เขาจะไม่ได้อยู่ที่ภาคกลาง แต่ผู้อมตะระดับแปดหนึ่งหรือสองคนที่พวกเขาส่งออกมาก็สามารถทำให้ฟางหยวนตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าเวทนาแล้ว
แม้จะได้รับความช่วยเหลือจากแสงแห่งปัญญา แต่ฟางหยวนยังไม่สามารถคิดวิธีแก้ไขปัญหาที่ยิ่งใหญ่นี้
‘โชคดีที่ข้ายังมีมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง เทพปีศาจบัวแดงสามารถทำลายวิญญาณชะตากรรมและทิ้งมรดกไว้เบื้องหลัง วิญญาณกาลเวลาที่เป็นกุญแจสำคัญอยู่ในมือของข้า มีความเป็นไปได้สูงที่ข้าจะได้รับมรดกที่แท้จริงของเขา’
ฟางหยวนสามารถใช้หนึ่งในมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงกำจัดผู้อมตะระดับแปดหงซื่อ ดังนั้นมีความเป็นไปได้ที่มรดกที่แท้จริงอื่นๆของเทพปีศาจบัวแดงจะสามารถทำลายวิญญาณชะตากรรม
ด้วยการพึ่งพาวิญญาณชะตากรรม วังสวรรค์สามารถยืนหยัดมาจนถึงทุกวันนี้
ด้วยการพึ่งพาวิญญาณชะตากรรมและการจัดเตรียมของเทพอมตะกลุ่มดาว วังสวรรค์สามารถต่อต้านสามเทพปีศาจ
ด้วยการพึ่งพาวิญญาณชะตากรรม วังสวรรค์สามารถครองบัลลังก์กองกำลังอันดับหนึ่งของโลกใบนี้มาโดยตลอด
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการทำลายวิญญาณชะตากรรมเป็นปัจจัยสำคัญในการเอาชนะวังสวรรค์
หากฟางหยวนไม่ทำลายวิญญาณชะตากรรม หลังจากสิบปี วังสวรรค์จะปลิดชีพฟางหยวนอย่างแน่นอน
ฟางหยวนครอบครองมรดกของนิกายเงา เป็นธรรมดาที่เขาจะตระหนักถึงประเด็นนี้อย่างลึกซึ้ง
‘แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีที่จะตามหามรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง’
‘วังสวรรค์พลาดไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่พวกเขาก็ได้รับข้อมูลที่ล้ำค่ามากมาย คราวหน้าพวกเขาจะใช้กำลังมากขึ้นและจะส่งผู้อมตะระดับแปดออกมามากขึ้น’
‘ข้าต้องเพิ่มความแข็งแกร่ง หลังจากรับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง ข้าจะมีความหวังในการทำลายวิญญาณชะตากรรม’
ไม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ นี่เป็นแผนการทั่วไป
ปัจจุบันฟางหยวนกำลังขาดแคลนพลังงานอมตะในขณะที่หินวิญญาณอมตะในคลังสมบัติของเขาก็กลับมาว่างเปล่าอีกครั้ง เกราะหวนคืนถูกตอบโต้แล้วในการต่อสู้ครั้งก่อน ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งเสียงของฟงจิวเก้อสามารถเจาะทะลวงเข้าไปในเกราะหวนคืนและส่งผลกระทบต่อร่างกายของฟางหยวน ในการต่อสู้ที่สายธารแห่งกาลเวลา หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเกาะบัวหิน เขาจะไม่สามารถสังหารหงซื่อ
ตอนนี้ฟางหยวนมีมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณและมรดกอีกมากมาย เขายังมีภูเขาตงฮันและหุบเขาเหล่าโปรวมถึงวิญญาณสติปัญญา
ในสถานการณ์นี้หากเขาไม่พัฒนาและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตนเอง เขาจะพบปัญหาใหญ่ มันจะเป็นการร้องขอความตายจากศัตรูอย่างแท้จริง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น