เทพปีศาจหวนคืน 1443-1448

บทที่ 1443 หลอมรวมวิญญาณอมตะล้างใจ

 

“นี่คือแก่นแท้บัวหิมะงั้นหรือ?” ฟางหยวนชื่นชมทรัพยากรอมตะที่อยู่ในมือ


 


แก่นแท้บัวหิมะงดงามมาก มันเป็นดอกบัวสีชมพูขนาดเท่ากำปั้นมนุษย์ บนพื้นผิวของมันปกคลุมไปด้วยชั้นน้ำแข็งบางๆ


 


นี่เป็นครั้งแรกที่ฟางหยวนเคยเห็นทรัพยากรอมตะระดับเจ็ดชนิดนี้เพราะมันหายากมากแม้แต่ในสวรรค์สีเหลือง


 


เหตุผลก็คือมันจะเติบโตขึ้นในเผ่ามนุษย์หิมะขนาดใหญ่เท่านั้น


 


ฟางหยวนได้รับทรัพยากรอมตะชนิดนี้มาอย่างง่ายดายผ่านพันธมิตรเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์


 


นอกจากนั้นเขายังได้รับมันมาเป็นจำนวนมากอีกด้วย


 


“ข้าประหลาดใจมาก ข้าไม่คิดว่าเผ่ามนุษย์หิมะจะมีแก่นแท้บัวหิมะมากมายถึงเพียงนี้” ผมที่หกกล่าวมาจากด้านข้าง


 


“แก่นแท้บัวหิมะหายากกระทั่งในสวรรค์สีเหลือง หากมันถูกวางขาย มันจะทำให้เกิดสงครามการประมูลอย่างแน่นอน น่าเสียดายที่ความแข็งแกร่งเป็นกฎของโลกใบนี้ เผ่ามนุษย์หิมะกังวลกับการเปิดเผยตัวเอง ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถขายมันได้เพียงเล็กน้อย” ฟางหยวนเข้าใจเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังอย่างชัดเจน


 


“มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ” ผมที่หกพยักหน้า “แท้จริงแล้วนิกายหลางหยาของเราก็มีทรัพยากรที่หายากอยู่มากมาย แต่เราไม่สามารถนำมันออกมาเพราะเกรงว่ามันจะทิ้งเบาะแสบางอย่างและเป็นต้นเหตุของการบุกรุกของผู้อมตะเผ่ามนุษย์”


 


ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น


 


เขามองเห็นโอกาสทางธุรกิจ


 


บางทีหลังจากนี้เขาอาจเป็นคนกลางในการทำธุรกรรมระหว่างสองเผ่าพันธุ์


 


เขาต้องการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์


 


ด้วยความพยายามในการหลอมรวมวิญญาณที่ผ่านมา ฟางหยวนต้องจ่ายด้วยราคามหาศาล แต่ไม่ว่าจะเป็นตัวเขาเองหรือสมาชิกคนอื่นๆของนิกายเงา ทุกคนต่างต้องการทรัพยากรในการบ่มเพาะ


 


ฟางหยวนมองผมที่หกและส่ายศีรษะ


 


เขารู้ว่าคำกล่าวของผมที่หกมีความหมายที่ลึกซึ้ง มันไม่เพียงเป็นการแจ้งเตือนเท่านั้น แต่ผมที่หกยังเสนอตัวเองเพื่อทำภารกิจนี้ หากฟางหยวนมีแผนการใด ผมที่หกจะช่วยไกล่เกลี่ยและต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของฟางหยวน


 


แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม


 


“ตอนนี้สิ่งที่ข้าต้องการอย่างเร่งด่วนที่สุดคือวิญญาณอมตะล้างใจ เมื่อเราได้รับแก่นแท้บัวหิมะมาแล้ว เราจะเริ่มหลอมรวมทันที แต่ก่อนอื่นเราต้องดัดแปลงเคล็ดลับการหลอมรวมเพื่อกำจัดข้อบกพร่องเป็นอันดับแรก” ฟางหยวนออกคำสั่งผมที่หก


 


ผมที่หกไม่ลืมที่จะหลอกลวงจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา “แล้วท่านจะจ่ายด้วยแต้มผลงานเท่าใด?”


 


หลังจากต่อรองหลายรอบจนเป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่าย ฟางหยวนก็ออกจากห้องหลอมรวมและกลับไปเมืองเมฆาของเขา


 


เขาตรวจสอบแก่นแท้บัวหิมะด้วยตนเองและพบว่ามันเป็นทรัพยากรอมตะที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง


 


แก่นแท้บัวหิมะมีพลังชีวิตที่อบอุ่นอยู่ภายใน มันสามารถใช้ทดแทนแกนกลางเพลิงไหลในเคล็ดลับการหลอมรวมเดิม


 


เหตุผลหลักคือฟางหยวนใช้วิธีการหลอมรวมด้วยน้ำแข็งขณะที่แก่นแท้บัวหิมะเหมาะสมกับวิธีนี้มากที่สุด


 


เคล็ดลับการหลอมรวมสามารถปรับเปลี่ยนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายเดียวกัน


 


เมื่อเคล็ดลับการหลอมรวมถูกส่งต่อไปยังผู้อมตะคนใหม่ พวกเขาจะวิเคราะห์และดัดแปลงเคล็ดลับการหลอมรวมให้เหมาะสมกับตนเองเพื่อเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จ


 


ในกระบวนการเหล่านั้นอาจมีบางขั้นตอนที่ไม่เหมาะสมกับพวกเขาหรือบางทีพวกเขาอาจต้องเปลี่ยนทรัพยากรที่ดีกว่า


 


ด้วยวิธีนี้โอกาสประสบความสำเร็จของพวกเขาจะเพิ่มสูงขึ้น


 


ฟางหยวนและผมที่หกกำลังทำเช่นนี้


 


อย่างไรก็ตามภารกิจดัดแปลงเคล็ดลับการหลอมรวมถูกมอบให้ผมที่หก หลังจากทั้งหมดความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของผมที่หกเหนือกว่าฟางหยวน


 


สิ่งที่โดดเด่นของฟางหยวนคือความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาและวิธีการบนเส้นทางแห่งปัญญาของเขา


 


น่าเสียดายที่ฟางหยวนและผมที่หกมีความสำเร็จบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณอยู่ในระดับสามัญ


 


วันต่อมาฟางหยวนเริ่มฝึกฝนตนเองอีกครั้ง


 


ภูเขาตงฮันและหุบเขาเหล่าโปเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพและเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการบ่มเพาะจิตวิญญาณ


 


การบ่มเพาะจิตวิญญาณของเขาก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดด กระทั่งฟางหยวนยังรู้สึกคาดไม่ถึง


 


‘เหตุผลหลักคือวิธีการฝึกฝน สิ่งเหล่านี้มาจากมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณ’ ฟางหยวนคิด


 


เทพปีศาจจิตวิญญาณสรุปวิธีการบ่มเพาะที่ดีที่สุดเอาไว้แล้ว


 


ฟางหยวนเพียงทำตามขั้นตอนเหล่านั้นเท่านั้น


 


ก่อนหน้านี้เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะผลาญวิญญาณระเบิดโชคที่ทะเลทรายตะวันตก นั่นทำให้รากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของเขาแทบหมดสิ้น


 


แต่หลังจากบ่มเพาะจิตวิญญาณได้เพียงไม่กี่วัน เขากลับสามารถกู้คืนรากฐานเหล่านั้นกลับมาได้อย่างรวดเร็ว นี่เป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวมาก


 


‘นี่ยังเป็นสถานการณ์ที่ข้าขาดวิญญาณอมตะที่สำคัญและไม่สามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะเพื่อการบ่มเพาะ โชคดีที่ร่างทารกอมตะของข้าไม่มีปัญหาเรื่องความขัดแย้งระหว่างพลังงานแห่งเต๋า ดังนั้นท่าไม้ตายระดับมนุษย์จึงมีประสิทธิภาพเช่นกัน’


 


ฟางหยวนต้องยกระดับจิตวิญญาณของตนเองขึ้นอีกครั้ง


 


เหตุผลหลักคือการหลอมรวมวิญญาณอมตะ


 


หากเขาสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะผลาญวิญญาณระเบิดโชค โอกาสประสบความสำเร็จในการหลอมรวมวิญญาณอมตะจะพุ่งสูงขึ้นทันที


 


หากอิงอู๋เซี่ยเป็นผู้ใช้ท่าไม้ตายอมตะนี้ มันจะส่งผลกระทบต่อฟางหยวนไม่มากเท่ากับเขาใช้มันด้วยตนเอง


 


นอกจากนี้ยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง อิงอู๋เซี่ยต้องรักษารากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของเขาเอาไว้เพื่อใช้ท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝัน


 


แน่นอนว่าฟางหยวนจะฝึกฝนท่าไม้ตายนี้ในภายหลัง


 


อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา เขายังไม่รีบร้อน


 


ครึ่งเดือนของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาผ่านไป


 


ฟางหยวนและผมที่หกสามารถดัดแปลงเคล็ดลับการหลอมรวมได้ในที่สุด


 


ต่อไปคือลงมือทำ


 


ความพยายามครั้งแรก ล้มเหลว


 


ความพยายามครั้งที่สอง ล้มเหลว


 


ความพยายามครั้งที่สาม ล้มเหลว


 


พวกเขาสูญเสียทรัพยากรอมตะจำนวนมาก ฟางหยวนและผมที่หกต้องดัดแปลงเคล็ดลับการหลอมรวมอีกครั้ง


 


ในความพยายามครั้งที่สี่ ฟางหยวนกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะผลาญวิญญาณระเบิดโชค


 


ครั้งนี้การหลอมรวมดำเนินไปถึงช่วงสุดท้ายแต่น่าเสียดายที่มันยังล้มเหลว


 


ความพยายามครั้งที่ห้า ล้มเหลว


 


ความพยายามครั้งที่หก ล้มเหลว


 


ครั้งที่เจ็ด ครั้งที่แปด ครั้งที่เก้า…


 


ฟางหยวนยังพยายามต่อไป


 


แต่หลังจากล้มเหลวหลายครั้ง เขาก็ต้องกลับไปบ่มเพาะจิตวิญญาณอีกหน


 


เมื่อรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของเขาเพิ่มขึ้น ฟางหยวนก็ใช้ท่าไม้ตายอมตะผลาญวิญญาณระเบิดโชคเป็นครั้งที่สองและพยายามหลอมรวมวิญญาณต่อไป


 


ความพยายามครั้งที่สิบสาม ล้มเหลว


 


ความพยายามครั้งที่สิบสี่ ล้มเหลว


 


ความพยายามครั้งที่สิบห้า…


 


สำเร็จ!


 


ความสำเร็จมาอย่างกะทันหันโดยไม่คาดคิด ฟางหยวนถือวิญญาณอมตะล้างใจเอาไว้ในมือ


 


เขาประสบความสำเร็จในความพยายามครั้งที่สิบห้า รวมกับความพยายามก่อนหน้าของผมที่หก เขาต้องหลอมรวมวิญญาณอมตะดวงนี้เกือบสามสิบครั้ง!


 


เพื่อหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับหก เขาต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมหาศาล


 


หากเป็นผู้อมตะทั่วไป พวกเขาคงล้มละลายไปนานแล้ว


 


เพียงมิติช่องว่างจักรพรรดิยังไม่สามารถแบกรับราคาดังกล่าว


 


โชคดีที่เขามีมรดกที่แท้จริงของนิกายเงา ขณะที่ผู้ซื้อที่สามารถซื้อได้ก็มีเพียงนิกายหลางหยา แก่นแท้บัวหิมะและผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมเป็นส่วนสนับสนุนที่สำคัญ เหตุผลทั้งหมดทำให้ฟางหยวนประสบความสำเร็จในการหลอมรวมวิญญาณอมตะดวงนี้ในที่สุด


 


“สุดท้ายข้าก็ประสบความสำเร็จในการหลอมรวมวิญญาณอมตะล้างใจ!” ฟางหยวนสูดหายใจลึกก่อนจะถอนหายใจยาว

 

 

 


บทที่ 1444 ความผิดหวังของชิงซื่อ

 

วิญญาณอมตะล้างใจลอยอยู่บนฝ่ามือของฟางหยวน


 


“ในที่สุดข้าก็ทำสำเร็จ มันไม่ง่ายเลย” ฟางหยวนถอนหายใจ


 


อาจกล่าวได้ว่าการหลอมรวมวิญญาณคือการพนันครั้งใหญ่


 


พวกเขาใช้ความพยายามเกือบสามสิบครั้งก่อนที่จะประสบความสำเร็จและสูญเสียทรัพยากรมากมาย


 


ฟางหยวนต้องใช้มรดกของนิกายเงาแลกเปลี่ยนกับแต้มผลงานของนิกายหลางหยาและใช้แต้มผลงานเหล่านี้แลกเปลี่ยนสมบัติจากคลังสมบัติของนิกายหลางหยา


 


นอกจากนั้นเขายังต้องใช้แก่นแท้บัวหิมะและมันก็พิสูจน์แล้วว่าทรัพยากรอมตะระดับเจ็บชนิดนี้มีประโยชน์มาก


 


หลังจากดัดแปลงเคล็ดลับการหลอมรวม มันดีขึ้นและเหมาะสมกับฟางหยวนมากขึ้น


 


ความผิดหวังเพียงเล็กน้อยคือวิญญาณอมตะล้างใจดวงนี้เป็นเพียงวิญญาณอมตะระดับหก


 


หากมันเป็นวิญญาณอมตะล้างใจระดับเจ็ด ฟางหยวนจะสามารถใช้มันทำลายกับดักบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณในร่างผีดิบอมตะของเขาได้ทันที


 


วิญญาณอมตะล้างใจระดับหกสามารถใช้งานได้เช่นกันแต่ประสิทธิภาพของมันค่อนข้างต่ำ เขาต้องใช้เวลาถึงแปดปีก่อนจะสามารถทำลายกับดักทั้งหมด


 


แน่นอนว่านี่ยังไม่รวมกับวิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลา


 


หากใช้วิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเพื่อสนับสนุน ฟางหยวนจะใช้เวลาสามปี


 


สามปีหมายถึงเวลาในห้าภูมิภาค นี่คือขีดจำกัดความสามารถในปัจจุบันของฟางหยวน


 


‘สามปีนานเกินไป!’


 


หากมันเป็นวิญญาณอมตะล้างใจระดับเจ็ด เขาจะใช้เวลาครึ่งปี


 


อย่างไรก็ตามการหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับเจ็ดยากกว่าวิญญาณอมตะระดับหก นอกจากนั้นมันยังต้องใช้วิญญาณอมตะระดับหกเป็นวัตถุดิบในการหลอมรวมอีกด้วย


 


ท้ายที่สุดแล้ววิญญาณอมตะแตกละชนิดก็เพียงหนึ่งเดียว


 


เมื่อมีวิญญาณอมตะล้างใจระดับหก จะไม่มีวิญญาณอมตะล้างใจระดับเจ็ด ระดับแปด หรือระดับเก้าอยู่บนโลกใบนี้


 


นอกจากนั้นยังมีความเสี่ยงในกระบวนการหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับเจ็ด หากมันล้มเหลว วิญญาณอมตะล้างใจระดับหกอาจถูกทำลาย เขาต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด


 


โดยธรรมชาติแล้วฟางหยวนสามารถรับรองความปลอดภัยของวิญญาณอมตะได้ในระดับหนึ่งด้วยวิญญาณอมตะสมบัติเลือด แต่เขาไม่แน่ใจว่าจะสามารถปกป้องวิญญาณอมตะล้างใจระดับหกได้ทันเวลาระหว่างกระบวนการหลอมรวมที่มีความเสี่ยงสูง


 


นอกจากนี้ฟางหยวนยังต้องค้นคว้าวิธีการทั้งหมดเป็นอันดับแรก


 


ฟางหยวนมีความสำเร็จบนเส้นทางแห่งเลือดแต่ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของเขายังต่ำกว่ามาตรฐาน


 


“ท่านผู้นำนิกาย เราจะทำการหลอมรวมต่อไปหรือไม่? ข้าสามารถเปลี่ยนวิญญาณอมตะล้างใจให้เป็นวิญญาณหลักของข้า” ผมที่หกถ่ายทอดเสียงมาหาฟางหยวน


 


หลังจากวิญญาณกลายเป็นวิญญาณหลัก วิญญาณจะไม่ถูกทำลายระหว่างการหลอมรวม อย่างมากที่สุดมันก็จะได้รับบาดเจ็บสาหัสเท่านั้น


 


แต่ฟางหยวนปฏิเสธความคิดนี้ “นั่นไม่สมควร ยังไม้ต้องกล่าวถึงการเปลี่ยนวิญญาณหลักที่เป็นเรื่องอันตราย จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่ได้โง่ เราไม่สามารถหลอกลวงเขาได้โดยง่าย ความสัมพันธ์บนพื้นผิวของเราไม่เพียงพอให้เจ้าเสียสละเช่นนี้”


 


“เช่นนั้นให้ท่านอิงอู๋เซี่ยหรือไห่ลั่วหลันเปลี่ยนมันเป็นวิญญาณหลักของพวกเขาดีหรือไม่?” ผมที่หกแนะนำต่อ


 


นี่เป็นคำแนะนำที่ดี


 


ไป่หนิงปิง เทพธิดากระต่ายขาว และเทพธิดาเมี่ยวหยินไม่สามารถเชื่อถือ แต่อิงอู๋เซี่ยกับไห่ลั่วหลันเป็นข้อยกเว้น อิงอู๋เซี่ยเป็นร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณขณะที่ไห่ลั่วหลันถูกผูกมัดด้วยข้อตกลงพันธมิตรและไม่สามารถขัดขืน


 


หากเปรียบเทียบคนทั้งสอง อิงอู๋เซี่ยเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าเล็กน้อย เขาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ ในอนาคตหากฟางหยวนนำวิญญาณของเขาไปเพื่อใช้ท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝัน วิญญาณอมตะล้างใจจะสามารถเติมเต็มความแข็งแกร่งของเขา


 


อย่างไรก็ตามฟางหยวนปฏิเสธความคิดนี้


 


เขาหลอมรวมวิญญาณอมตะล้างใจมาอย่างยากลำบาก แล้วเขาจะมอบมันให้ผู้อื่นโดยง่ายได้อย่างไร อย่างมากเขาก็จะให้ยืมเท่านั้น


 


ยิ่งไปกว่านั้นวิญญาณอมตะล้างใจยังมีประโยชน์ในการบ่มเพาะจิตวิญญาณ มันสามารถลบข้อบกพร่องของภูเขาตงฮันและหุบเขาเหล่าโปได้เล็กน้อย


 


ฟางหยวนตั้งใจเก็บวิญญาณอมตะล้างใจไว้กับตนเอง


 


อย่างไรก็ตามคำกล่าวของผมที่หกทำให้เขานึกถึงบางสิ่ง


 


‘แม้ข้าจะเป็นผู้นำนิกายเงา แต่ความสามารถในการควบคุมสมาชิกนิกายของข้าค่อนข้างแย่’


 


‘ไป่หนิงปิงไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของข้า เราถือเป็นพันธมิตรที่เท่าเทียม เทพธิดากระต่ายขาวและเทพธิดาเมี่ยวหยินติดตามข้าเพราะมรดกของนิกายเงาและการไล่ล่าจากกองกำลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้เท่านั้น’


 


‘ไห่ลั่วหลันถูกผูกมัดด้วยข้อตกลงพันธมิตรและไม่สามารถหักหลัง แต่นางมีความทะเยอทะยานสูง นางไม่พอใจกับสถานะปัจจุบัน มันเป็นเพียงว่านางยังไม่สามารถกบฏได้ในเวลานี้’


 


‘สำหรับอิงอู๋เซี่ยและผมที่หก พวกเขาเป็นร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณและคิดที่จะช่วยร่างหลักตลอดเวลา แต่ความหวังมีน้อยเกินไปขณะที่พวกเขาอ่อนแอเกินไป ดังนั้นพวกเขาจึงต้องพึ่งพาข้า’


 


หากฟางหยวนส่งวิญญาณอมตะล้างใจให้อิงอู๋เซี่ย ในอนาคตหากพวกเขามีโอกาสที่จะช่วยร่างหลักของเทพปีศาจจิตวิญญาณแต่มันไม่สอดคล้องกับแผนการของฟางหยวน พวกเขาจะทำอย่างไร?


 


การตัดสินใจของอิงอู๋เซี่ยและผมที่หกจะไม่เอียนเองมาทางฟางหยวนอย่างแน่นอน


 


เมื่อเวลานั้นมาถึง การมอบวิญญาณอมตะล้างใจให้กับอิงอู๋เซี่ยก็จะกลายเป็นความคิดที่โง่เขลา


 


ดังนั้นฟางหยวนจึงกล่าวอีกแผนการหนึ่ง


 


“แม้มันจะเป็นเพียงวิญญาณอมตะล้างใจระดับหก แต่มีวิธีการบางอย่างในมรดกของนิกายเงาที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของมัน แต่วิธี้นี้ต้องใช้ดวงวิญญาณของผู้อมตะระดับเจ็ด”


 


ผมที่หกมึนงงเล็กน้อยก่อนอุทานออกมา “ท่านผู้นำกำลังกล่าวถึง? ท่านอย่าลืมว่าถ้ำสวรรค์นิรันดรและตระกูลฮวงจินทั้งหมดต้องการตัวท่าน”


 


“สบายใจได้ ข้าสามารถควบคุมสถานการณ์” ฟางหยวนตบไหล่ผมที่หกก่อนจะเดินจากไป


 


…..


 


แสงแดดยามเช้าส่องผ่านช่องหน้าต่างเข้ามาในห้อง


 


มู่หลานชิงซื่อนั่งฮัมเพลงขณะจัดดอกไม้


 


วันนี้เป็นวันแห่งความสุขของนาง


 


เพราะคนรักของนาง หยุนเหลียงกำลังจะมาที่เผ่ามู่หลานเพื่อขอแต่งงานกับนางอย่างเป็นทางการ


 


แท้จริงแล้วมันเป็นเวลาเพียงไม่นานตั้งแต่ทั้งสองรู้จักกัน


 


มู่หลานชิงซื่อเป็นสมาชิกเผ่ามู่หลานขณะที่หยุนเหลียงเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษที่มีชื่อเสียงของภาคเหนือและได้รับฉายาว่าสุภาพบุรุษเมฆา


 


แม้ทั้งคู่จะเป็นตัวละครที่มีชื่อเสียงแต่ทั้งคู่พบกันครั้งแรกที่แดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กของเผ่าไห่ ทั้งสองพบกันที่แหล่งทรัพยากรแห่งหนึ่ง


 


เมื่อมูหลานชิงซื่อพบทรัพยากรชนิดนี้ หยุนเหลียงเริ่มรวบรวมมันแล้ว


 


เนื่องจากมันเป็นทรัพยากรที่เปราะบางมาก มูหลานชิงซื่อจึงไม่โจมตีและรอให้เขารวบรวมไปอย่างเงียบๆ


 


หยุนเหลียงแสดงความใจกว้างออกมาโดยเสนอการประลองเพื่อยุติปัญหา


 


โชคชะตาเป็นสิ่งลึกลับ


 


หลังจากนั้นทั้งสองยังพบกันเพราะเหตุบังเอิญอีกหลายครั้ง


 


เมื่อเวลาผ่านไป ความรู้สึกบางอย่างก็ก่อตัวขึ้นในใจของพวกเขา สุดท้ายพวกเขาจึงสัญญาที่จะแต่งงานกัน


 


แต่น่าเสียดายที่ตัวตนของทั้งสองเป็นอุปสรรคต่อการแต่งงาน


 


ฝ่ายหญิงเป็นสมาชิกตระกูลฮวงจินขณะที่ฝ่ายชายเป็นเพียงผู้บ่มเพาะสันโดษ


 


ความสัมพันธ์ของพวกเขาทำให้หลายฝ่ายวิตกกังวล แต่ในไม่ช้าสถานการณ์กลับคลี่คลายไปในทางที่ดีอย่างไม่คาดคิด


 


เมื่อถ้ำสวรรค์นิรันดรเรียนรู้สถานการณ์นี้ พวกเขาเห็นด้วยกับการแต่งงานของหยุนเหลียงและมู่หลานชิงซื่อ


 


เนื่องจากความแข็งแกร่งของวังสวรรค์ ถ้ำสวรรค์นิรันดรจึงต้องวางแผนรับมือกับยุคที่ยิ่งใหญ่ที่ใกล้เข้ามา


 


ถ้ำสวรรค์นิรันดรต้องสะสมกำลังรบ ดังนั้นพวกเขาจึงอนุญาตให้การแต่งงานนี้เกิดขึ้น


 


หยุนเหลียงถือเป็นตัวแทนของผู้บ่มเพาะสันโดษ ดังนั้นงานแต่งงานของเขากับสมาชิกเผ่ามู่หลานจึงกลายเป็นเหตุการณ์สำคัญทางการเมืองที่ยิ่งใหญ่ของภาคเหนือ


 


หากเรื่องนี้ประสบความสำเร็จ ถ้ำสวรรค์นิรันดรจะสนับสนุนให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีกในอนาคต


 


แน่นอนว่ามูหลานชิงซื่อไม่ตระหนักถึงแผนการที่อยู่เบื้องหลัง นางรู้สึกมีความสุขและรู้สึกขอบคุณถ้ำสวรรค์นิรันดรเป็นอย่างมาก


 


“หยุนเหลียงจะมาขอข้าแต่งงานในวันนี้ ทุกอย่างจัดเตรียมไว้พร้อมแล้ว ข้าตรวจสอบรายการของขวัญและไม่มีปัญหาใดๆ ถ้ำสวรรค์นิรันดรไม่ขัดขวางการแต่งงานครั้งนี้ ตราบเท่าที่พิธีขอแต่งงานประสบความสำเร็จ งานแต่งงานจะจัดขึ้นในอีกหนึ่งเดือนหลังจากนั้น แต่…เหตุใดข้าถึงรู้สึกไม่สบายใจอย่างไร้เหตุผล?”


 


คิ้วของมู่หลานชิงซื่อขมวดเล็กน้อย นางวางฝ่ามือไว้บนหน้าอกและรู้สึกถึงความไม่สบายใจที่ไม่สามารถอธิบาย


 


“ข้ารู้สึกไม่ปลอดภัยเพราะความสุขที่มากเกินไปงั้นหรือ?”


 


“ฮ่าฮ่า ไม่มีปัญหา ไม่มีสิ่งใดสามารถขัดขวางเรื่องนี้”


 


“บางทีเพราะข้าอาจมีความสุขมากเกินไป สิ่งนี้ทำให้ข้ารู้สึกว่ามันยอดเยี่ยมมากเกินไป”


 


“ฮ่าฮ่าฮ่า”


 


ใบหน้าของมู่หลานชิงซื่อกลายเป็นสีแดง จิตใจของนางกำลังล่องลอยออกไป


 


นางหัวเราะอยู่ท่ามกลางแสงแดดที่ส่องเข้ามาในห้อง


 


อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมา…


 


ร่างกายของนางกลับแข็งค้าง ใบหน้าของนางกลายเป็นซีดเผือด


 


เหตุผลเป็นเพราะโคมไฟวิญญาณและป้ายวิญญาณที่อยู่ในมิติช่องว่างของนางแตกสลายไป มันคือตัวแทนแห่งความรักที่นางกับหยุนเหลียงมอบให้แก่กัน


 


“หยุนเหลียง เขา…”


 


“ไม่…ไม่มีทาง!”


 


“เป็นไปไม่ได้!”


 


มูหลานชิงซื่อพุ่งออกไปจากหน้าต่างและบินขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว

 

 

 


บทที่ 1445 อาชญากรฟางหยวน

 

มู่หลานชิงซื่อบินด้วยพลังทั้งหมดของนาง การเคลื่อนไหวของนางดึงดูดความสนใจของผู้อมตะคนอื่นๆ


 


“เกิดสิ่งใดขึ้น?”


 


“ท่าทางของชิงซื่อดูผิดปกติ!”


 


“ชิงซื่อ รอก่อน เหตุใดเจ้าถึงตื่นตระหนก?”


 


ผู้อมตะเผ่ามู่หลานตะโกนถามแต่มู่หลานชิงซื่อยังบินต่อไป หัวใจของนางเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและความหวาดกลัวขณะที่นางพยายามตรวจสอบข้อเท็จจริง


 


“ตามนางไป”


 


“วันนี้เป็นวันที่หยุนเหลียงจะมาขอนางแต่งงาน มันเกิดสิ่งใดขึ้น?”


 


ในไม่ช้าผู้อมตะสามคนก็บินออกจากฐานทัพใหญ่ของเผ่ามู่หลานและตามมู่หลานชิงซื่อไป


 


ป้ายวิญญาณและโคมไฟวิญญาณของหยุนเหลียงแตกสลายไปแล้ว ดังนั้นมู่หลานชิงซื่อจึงไม่สามารถพึ่งพาพวกมันเพื่อระบุตำแหน่งของหยุนเหลียง แต่นางรู้เส้นทางที่หยุนเหลียงใช้เดินทางมายังเผ่ามู่หลาน นางต้องไปตรวจสอบที่นั่น


 


หลังจากบินมาอย่างบ้าคลั่ง นางก็เห็นสนามรบที่พังพินาศ


 


ร่างของนางสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรงขณะที่นางบินลงไป


 


“หยุนเหลียง! หยุนเหลียง!”


 


“เจ้าอยู่ที่ใด?”


 


มู่หลานชิงซื่อร้องเรียกซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่มีเพียงเสียงลมที่ตอบกลับมาเท่านั้น


 


“โอ้ ไม่!”


 


“มีการต่อสู้ครั้งใหญ่เกิดขึ้นที่นี่!”


 


“เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?”


 


สามผู้อมตะเผ่ามู่หลานที่ตามมาด้านหลังเห็นฉากนี้และตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์


 


คนทั้งสี่ตรวจสอบสนามรบและค้นพบบางสิ่ง


 


วิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งข้อมูลถูกฝังไว้ใต้ดินและดูเหมือนมันจะเป็นข้อความที่ถูกทิ้งไว้ก่อนตายของหยุนเหลียง


 


“ชิงซื่อ เจ้าต้องเตรียมใจให้ดี” ผู้อมตะเผ่ามู่หลานมองมู่หลานชิงซื่อด้วยความกังวล


 


สภาพของนางไม่ดีนัก โดยเฉพาะเมื่อนางมองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูล จิตใจของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว


 


แต่ในที่สุดนางก็ยังตรวจสอบมันด้วยมือที่สั่นเทา


 


หลังจากได้รับข้อมูล นางตะโกน “ฟางหยวน ข้าจะไม่ยกโทษให้เจ้า!”


 


เสียงของนางเต็มไปด้วยความเกลียดชังและความโศกเศร้าขณะที่หัวใจของผู้อมตะเผ่ามู่หลานสั่นสะท้านขึ้น


 


“พรวด!”


 


มู่หลานชิงซื่อกระอักเลือดออกมาและทรุดตัวลง แต่ความโกรธและความโศกเศร้าในใจของนางยังรุนแรงมากกระทั่งนางหมดสติลง


 


ผู้อมตะเผ่ามู่หลานเร่งเข้าไปช่วย


 


นางไม่ได้รับบาดเจ็บ มันเป็นเพียงความเจ็บปวดทางจิตใจที่รุนแรงเกินไปเท่านั้น


 


สามผู้อมตะเผ่ามู่หลานตัดสินใจตรวจสอบเนื้อหาที่อยู่ในวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูล


 


วิญญาณดวงนี้บันทึกฉากการต่อสู้ครั้งสุดท้ายในชีวิตของหยุนเหลียง คู่ต่อสู้ของเขาคือมังกรดาบบรรพกาล!


 


มังกรดาบบรรพกาลตัวนี้สามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะและยังมีวิธีป้องกันที่สามารถสะท้อนการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม


 


ตัวตนของมันแทบจะระบุได้อย่างแน่นอนแล้ว ทั้งสามผู้อมตะนึกถึงชื่อของคนผู้หนึ่งขึ้นมาทันที


 


หลิวกวนซื่อ!


 


แต่หลิวกวนซื่อมีความสัมพันธ์กับฟางหยวนอย่างไร?


 


พวกเขาตรวจสอบต่อไปและตระหนักได้ในตอนท้ายของการต่อสู้เมื่อมังกรดาบบรรพกาลกลายเป็นมนุษย์ เขาคือหลิวกวนซื่อที่โจมตีหยุนหลียงอย่างเหี้ยมโหด


 


หยุนเหลียงสาปแช่ง “หลิวกวนซื่อ เราไม่มีความเกลียดชังหรือความคับข้องใจ แต่เจ้ากำลังทำลายชีวิตของข้า ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปแม้ข้าจะกลายเป็นผี!”


 


หลิวกวนซื่อเย้ยหยัน “น่าเสียดายที่เจ้าจะไม่มีโอกาสกลายเป็นผี ไปตายซะ โอ้ ถูกต้อง หลิวกวนซื่อเป็นเพียงนามแฝงของข้าเท่านั้น ชื่อจริงของข้าคือฟางหยวน!”


 


“ฟางหยวน!” หยุนเหลียงประหลาดใจ


 


ฟางหยวนหัวเราะ “ฮืม! การได้รู้ชื่อจริงของข้าก่อนตายถือเป็นเกียรติของเจ้า เพราะในอนาคตชื่อของข้าจะโด่งดังไปทั่วทั้งสวรรค์พิภพ!”


 


สามผู้อมตะเผ่ามู่หลานปลดปล่อยกลิ่นอายที่ทรงพลังออกมา


 


“แท้จริงแล้วหลิวกวนซื่อก็คือฟางหยวนและฟางหยวนก็คือหลิวกวนซื่อ พวกเขาเป็นคนๆเดียวกัน!”


 


“บัดซบ! หลิวกวนซื่อ ไม่ ฟางหยวน เขากล้าสังหารหยุนเหลียง เขาไม่แยแสเผ่ามู่หลานของข้าแม้แต่น้อย!”


 


หนึ่งในสามผู้อมตะกำหมัดแน่นและไม่สามารถระงับความโกรธ


 


แต่อีกสองคนกลับนิ่งเงียบ


 


“เหตุใดพวกเจ้าไม่กล่าวสิ่งใดบ้าง?” ผู้อมตะคนที่โกรธถาม


 


ผู้อมตะอีกสองคนถอนหายใจ หนึ่งในนั้นกล่าว “ฟางหยวนเป็นปีศาจต่างโลกที่ทำลายวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง เขายังเป็นหลิวกวนซื่อที่สามารถกำหราบแม่น้ำหวนคืนและครอบครองพลังการต่อสู้ระดับแปด เขาทำให้เผ่าเย่หลิวและเผ่าลั่วขุ่นเคือง แต่ลองดูว่าตอนนี้เผ่าเหล่านั้นเป็นอย่างไร?”


 


“แม้พวกเขาจะออกประกาศจับฟางหยวน แต่หลังจากการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน ทั้งสองเผ่าก็หยุดเคลื่อนไหวและไม่กล้าสร้างปัญหาให้ฟางหยวนอีก ข้าเกรงว่าเผ่ามู่หลานของเรา…”


 


ดวงตาของผู้อมตะที่โกรธเบิกกว้าง เขาตะโกน “จะกลัวสิ่งใด? เราเป็นทายาทของเทพอมตะตะวันเดือด พวกเรามีผู้อมตะมากมาย เราจะกลัวปีศาจต่างโลกได้อย่างไร? เราต้องแก้แค้น! เราต้องแสดงให้พวกเขาเห็นพลังอำนาจของฝ่ายธรรมะของภาคเหนือ!”


 


ผู้อมตะอีกสองคนมองหน้ากันด้วยความขมขื่น


 


“แม้จะผ่านไปหลายปีแต่มู่หลานชิงเฉิงยังเหมือนเดิม” ทั้งสองลอบสนทนากันอย่างลับๆ


 


“อย่าใส่ใจเขา เรื่องนี้ไม่ง่าย งานแต่งของชิงซื่อและหยุนเหลียงไม่ได้เป็นเรื่องของเผ่ามู่หลานเท่านั้น มันเกี่ยวข้องกับถ้ำสวรรค์นิรันดรเช่นกัน หากไม่จัดการอย่างเหมาะสม มันอาจสร้างความปั่นป่วนครั้งใหญ่! เรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่ผู้อมตะระดับหกเช่นพวกเราจะสามารถเข้าร่วม หากไม่ระวัง เราอาจถูกกระแสน้ำวนกลืนกินและตายโดยปราศจากซากศพ!”


 


“เจ้าพูดถูก เรื่องเร่งด่วนตอนนี้คือรายงานสถานการณ์และเบาะแสสำคัญต่อผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง”


 


…..


 


แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา เมืองเมฆา


 


ในห้องลับฟางหยวนนั่งไขว้ขาปิดเปลือกตาอยู่บนพื้น


 


เขากำลังเพ่งจิตเข้าไปในมิติช่องว่างจักรพรรดิ


 


วิญญาณอมตะล้างใจลอยอยู่กลางอากาศและมีวิญญาณระดับมนุษย์อีกหลายดวงบินอยู่รอบๆ


 


วิญญาณเหล่านี้ปลดปล่อยแสงสีขาวออกมาหลังจากถูกกระตุ้นใช้งาน


 


รัศมีแสงส่องลงบนร่างผีดิบอมตะ


 


มันคือร่างผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งของฟางหยวน


 


ร่างผีดิบอมตะไม่ส่งสัญญาณการเปลี่ยนแปลงใดๆ แต่ฟางหยวนไม่แปลกใจเพราะเขายังไม่ได้ทำขั้นตอนสำคัญ


 


เขากำลังทำความคุ้นเคยกับท่าไม้ตายอมตะนี้และพยายามสร้างเสถียรภาพ


 


หลังจากไม่กี่นาทีฟางหยวนรู้สึกพึงพอใจ


 


เขานำดวงวิญญาณของผู้อมตะระดับเจ็ดออกมา


 


มันคือดวงวิญญาณของเย่หลิวชุนซิง ผู้อมตะระดับเจ็ดของเผ่าเย่หลิว


 


ดวงวิญญาณของเย่หลิวชุนซิงอาจรู้สึกถึงอันตราย ดังนั้นมันจึงดิ้นรนอย่างหนัก


 


แต่มันไร้ประโยชน์


 


โดยไม่ต้องกล่าวถึงฟางหยวนในปัจจุบันที่ครอบครองมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณ กระทั่งก่อนหน้านี้เขาก็สามารถกำหราบดวงวิญญาณนี้ได้อย่างง่ายดาย


 


เย่หลิวชุนซิงทรงพลังเมื่อยังมีชีวิตอยู่ แต่นี่เป็นเพียงดวงวิญญาณ แล้วเขาจะทำสิ่งใดได้?

 

 

 


บทที่ 1446 กำจัดกับดักบนเส้นทางแห่งจิ...

 

ในไม่ช้าดวงวิญญาณของเย่หลิวชุนซิงก็ถูกดึงเข้าสู่แสงสีขาว


 


ดวงวิญญาณของเย่หลิวชุนซิงนิ่งเงียบและหยุดเคลื่อนไหวราวกับมันสูญเสียความสามารถในการคิดไปอย่างกะทันหัน


 


จากนั้นจุดแสงสีขาวก็เริ่มปะทุออกมาจากดวงวิญญาณของเขา


 


จุดแสงเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆและพุ่งเข้าหาร่างผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งของฟางหยวน


 


แสงส่องประกายขึ้นบนร่างของผีดิบอมตะและเริ่มทำลายร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ


 


เมื่อเวลาผ่านไป ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณก็เริ่มลดลงทีละเล็กทีละน้อยขณะที่ดวงวิญญาณของเย่หลิวชุนซิงอ่อนแอลงอย่างต่อเนื่อง


 


จิตใจของฟางหยวนสงบนิ่งราวกับทะเลสาบที่เงียบสงบ เขากระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะด้วยความมั่นใจและมั่นคง


 


เขาต้องกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายนี้เป็นเวลาสามวันสามคืนก่อนที่กับดักบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณในร่างผีดิบอมตะจะถูกกำจัดออกไปอย่างสมบูรณ์


 


จากการคาดการณ์กระบวนการทั้งหมดต้องใช้ลูกพลัมแดงอมตะมากกว่าหนึ่งพันสองร้อยผล


 


นี่เป็นวิธีการใช้วิญญาณอมตะล้างใจและวิญญาณอมตะเปลี่ยนวิญญาณที่ถูกบันทึกไว้ในมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณ หากฟางหยวนต้องคิดค้นท่าไม้ตายนี้ด้วยตนเอง เขาต้องใช้เวลา ความพยายาม และทรัพยากรมากมายเพื่อลองผิดลองถูก


 


ฟางหยวนไม่ขาดแคลนพลังงานอมตะ เขาเตรียมตัวมาอย่างเพียงพอแล้ว


 


เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ


 


หลังจากสามวันสามคืน ฟางหยวนก็หยุดเคลื่อนไหว


 


เขาคำนวณและพบว่าเขาสูญเสียลูกพลัมแดงอมตะไปถึงหนึ่งพันสามร้อยผล


 


ค่าใช้จ่ายนี้ทำให้คลังเก็บพลังงานอมตะของเขากลายเป็นว่างเปล่าในครั้งเดียว


 


แต่ฟางหยวนกลับเต็มไปด้วยความสุข


 


วิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋า!


 


เขาตรวจสอบร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่อยู่บนร่างผีดิบอมตะก่อนจะเผยรอยยิ้มพึงพอใจ


 


“ในที่สุดกับดักบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณก็ถูกลบออกไปอย่างสมบูรณ์!”


 


มันไม่ง่ายเลย


 


มันไม่ง่ายเลยจริงๆ


 


กับดักบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณที่สร้างปัญหาให้กับฟางหยวนมาอย่างยาวนานถูกแก้ไขในที่สุด


 


ความสุขโอบกอดหัวใจของฟางหยวนเอาไว้


 


แต่…


 


หลังจากที่เขาสงบจิตใจลง เขายังไม่ทดสอบมันด้วยตนเองแต่เลือกใช้ดวงวิญญาณของผู้อมตะคนอื่นเพื่อตรวจสอบร่างผีดิบอมตะ


 


หลังจากทดสอบหลายครั้ง เขาสามารถยืนยันความปลอดภัย


 


จากนั้นฟางหยวนก็ย้ายดวงวิญญาณของเขาเข้าไปในร่างผีดิบอมตะ


 


ในเวลาต่อมาร่างผีดิบอมตะก็เปิดเปลือกตาขึ้น


 


ฟางหยวนค่อยๆลุกขึ้นยืนและเริ่มขยับร่างกาย


 


“ในที่สุดข้าก็สามารถใช้ร่างกายของข้าได้อีกครั้ง!” นี่เป็นความรู้สึกที่ชวนคิดถึง เขารู้สึกราวกับได้กลับบ้านหลังจากการเดินทางอันยาวนาน


 


ฟางหยวนลูบหน้าท้องของเขาเบาๆ


 


มีเพียงทะเลวิญญาณระดับห้าเท่านั้นที่ยังอยู่ มิติช่องว่างระดับหกบนเส้นทางความแข็งแกร่งพังทลายไปแล้วขณะที่ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางความแข็งแกร่งเคลื่อนเข้าสู่ร่างกายของเขาเรียบร้อยแล้ว


 


จากมุมมองนี้ ร่างผีดิบอมตะของฟางหยวนถือเป็นทรัพยากรอมตะระดับหกบนเส้นทางความแข็งแกร่ง


 


มิติช่องว่างระดับหกบนเส้นทางความแข็งแกร่งของฟางหยวนได้มาจากการใช้วิญญาณทะเลวิญญาณที่สอง


 


ทะเลวิญญาณระดับห้าขั้นสุดยอดคือทะเลวิญญาณดั่งเดิมของเขา


 


วิญญาณกาลเวลาถูกปิดผนึกอยู่ในทะเลวิญญาณนี้


 


กำแพงคริสตัลของทะเลวิญญาณเต็มไปด้วยรอยแตกร้าวเนื่องจากแรงกดดันของวิญญาณกาลวิญญาณระดับหก


 


อย่างไรก็ตามฟางหยวนไม่กังวล ก่อนหน้านี้เขาสามารถจัดการมัน ตอนนี้เขาได้รับมรดกของนิกายเงา มันยิ่งกลายเป็นเรื่องที่ง่ายดายสำหรับเขา


 


ฟางหยวนจะไม่ละทิ้งวิญญาณกาลเวลาอย่างแน่นอน


 


แต่วิญญาณกาลเวลาเต็มไปด้วยเจตจำนงสวรรค์ ฟางหยวนต้องกำจัดเจตจำนงสวรรค์ทิ้งไปหากเขาต้องการใช้งานมันอีกครั้ง


 


นั่นเป็นแผนการระยะยาว


 


แน่นอนว่าในอนาคตเขาจะใช้รากฐานนี้เพื่อหลอมรวมวิญญาณกาลเวลาระดับเจ็ด


 


“แต่ก่อนหน้านั้นข้าควรยกระดับร่างกายนี้เป็นอันดับแรก”


 


ผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเป็นแผนการเดิมของฟางหยวน


 


เขาจะไม่ทิ้งความตั้งใจนี้


 


เมื่อการทดลองประสบความสำเร็จ ฟางหยวนก็ย้ายดวงวิญญาณของตนเองกลับสู่ร่างทารกอมตะ สำหรับร่างผีดิบอมตะ มันยังถูกผนึกอยู่ในค่ายกลวิญญญาณ


 


“ต่อไปทดสอบวิญญาณสติปัญญา” ฟางหยวนเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น


 


เขาออกจากห้องลับและบินไปหาวิญญาณสติปัญญา


 


เมื่อแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูถูกโจมตี วิญญาณสติปัญญาถูกย้ายมายังแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา


 


ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารับผิดชอบในการเลี้ยงดูและให้อาหารมัน


 


ในไม่ช้าฟางหยวนก็มายืนอยู่ต่อหน้าวิญญาณสติปัญญา การเคลื่อนไหวนี้ดึงดูดความสนใจของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา


 


อย่างไรก็ตามการแสดงออกของจิตวิญญาณแผ่นดินค่อนข้างประหลาด “ฟางหยวน มีคนใส่ร้ายเจ้า”


 


“ท่านหมายถึงสิ่งใด?”


 


“ฮ่าฮ่า หยุนเหลียงตายแล้ว มีเบาะแสสำคัญทิ้งไว้ในสนามรบและบ่งชี้ว่าเจ้าเป็นฆาตกร นอกจากนี้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวตนของหลิวกวนซื่อของเจ้าก็ถูกเปิดเผย ตอนนี้โลกผู้อมตะของภาคเหนือ ไม่ โลกผู้อมตะทั้งห้าภูมิภาคกำลังสั่นสะเทือนเพราะข่าวนี้” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาหัวเราะ


 


แม้ฟางหยวนจะต้องใช้ดวงวิญญาณของผู้อมตะระดับเจ็ดเพื่อกำจัดกับดักบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ แต่เขาก็มีดวงวิญญาณดังกล่าวอยู่แล้ว ไม่เพียงเย่หลิวชุนซิง เขายังมีดวงวิญญาณของเทพธิดาซุ้ยป๋อ หลิวหยง และหม่าหงหยุน ตลอดไปถึงร่างกายทั้งหมดของไห่เจิ้ง


 


ก่อนหน้านี้ผมที่หกกังวลว่าฟางหยวนจะออกไปสังหารผู้อมตะของภาคเหนือ


 


แต่ฟางหยวนตอบว่าเขาสามารถควบคุมสถานการณ์


 


เขามีดวงวิญญาณของผู้อมตะอยู่แล้ว เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่เสี่ยง


 


สิ่งที่ฟางหยวนต้องการคือการพักผ่อนและบ่มเพาะ เขาไม่ต้องการออกไปต่อสู้ข้างนอก


 


หลังจากสอบถามรายละเอียด ในไม่ช้าเขาก็ตระหนักว่า “นี่อาจเป็นฝีมือของวังสวรรค์ หยุนเหลียงเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ แต่ถ้ำสวรรค์นิรันดรอนุญาตให้เขาแต่งงานกับมู่หลานชิงซื่อ พวกเขากระทั่งมีความสุขกับงานแต่งงานครั้งนี้ นี่คือการเตรียมความพร้อมของถ้ำสวรรค์นิรันดรสำหรับการเผชิญหน้ากับยุคที่ยิ่งใหญ่ แต่วังสวรรค์จะอนุญาตให้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร? พวกเขาต้องทำลายแผนการนี้อย่างแน่นอน”


 


“ฟางหยวน การวิเคราะห์ของเจ้าสมเหตุสมผล” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาพยักหน้าและเผยรอยยิ้มแปลกประหลาด “ตอนนี้ถ้ำสวรรค์นิรันดรกำลังโกรธมาก เหยากวงที่ได้รับตำแหน่งใหม่ประกาศว่าเขาจะจับเจ้าและนำเจ้าเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ปัจจุบันเจ้าไม่เพียงเป็นศัตรูตัวฉกาจของฝ่ายธรรมะ แต่ยังรวมถึงปีศาจอมตะ และผู้บ่มเพาะสันโดษทั้งหมดของภาคเหนือ”


 


ฟางหยวนก่นเสียงเย็นรับทราย นี่เป็นสิ่งที่เข้าใจได้


 


ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน ฟางหยวนต่อต้านผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคเหนือรวมถึงปีศาจอมตะเซี่ยหูซึ่งเป็นตัวแทนของฝ่ายปีศาจ


 


หยุนเหลียงเป็นสัญลักษณ์ของผู้บ่มเพาะสันโดษ แต่ฟางหยวนที่ถูกประกาศว่าเป็นฆาตกรก็ต้องแบกรับความเกลียดชังจากฝ่ายนี้ไปโดยธรรมชาติ


 


“เอาล่ะ ลืมมันไปซะ เร็วเข้า ให้ข้าดูว่าเจ้าจะเรียกแสงแห่งปัญญาออกมาได้หรือไม่?” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเร่งเร้า


 


“ตกลง ข้าก็กำลังตั้งตารอเรื่องนี้เช่นกัน” ฟางหยวนสูดหายใจลึก


 


โอกาสประสบความสำเร็จมีค่อนข้างสูง หากมันสำเร็จ เขาจะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

 

 


บทที่ 1447 กู้คืนสิ่งที่สูญเสีย

 

ฟางหยวนนั่งไขว้ขาอยู่บนพื้นและนำร่างผีดิบอมตะของเขาออกมาจากมิติช่องว่าง


 


ภายใต้การจ้องมองของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา เขาย้ายดวงวิญญาณเข้าสู่ร่างผีดิบอมตะ


 


ร่างผีดิบอมตะค่อยๆเปิดเปลือกตาและลุกขึ้นยืน


 


ฟางหยวนชำเลืองมองร่างทารกอมตะก่อนจะเดินเข้าไปหาวิญญาณสติปัญญา


 


“วิญญาณสติปัญญา” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงแหบพร่าและไม่พอใจ “เจ้ายังจำข้อตกลงของเราได้หรือไม่?”


 


วิญญาณสติปัญญาที่กำลังเล่นอยู่รอบๆหยุดเคลื่อนไหวและมองฟางหยวนอย่างเงียบๆ


 


เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ฟางหยวนลอบกลั้นหายใจแม้ร่างผีดิบอมตะจะไม่ต้องหายใจก็ตาม


 


วิญญาณสติปัญญาบินวนรอบๆฟางหยวนด้วยความไม่แน่ใจ


 


มันบินวนเวียนไปรอบๆและสังเกตฟางหยวนซ้ำแล้วซ้ำอีกก่อนจะกลับไปพักอยู่บนต้นไม้


 


จากนั้น…


 


แสงแห่งปัญญา!


 


“สำเร็จ! ในที่สุดข้าก็ทำสำเร็จ!” ฟางหยวนไม่สามารถกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ได้


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตกตะลึง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นฉากนี้


 


“แสงแห่งปัญญา! นี่คือแสงแห่งปัญญาจริงๆ!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามองแสงแห่งปัญญาและตระหนักถึงสิ่งนี้ได้ทันที


 


เขากลายเป็นอัจฉริยะ


 


แต่เขาค่อยๆถอยห่างจากแสงแห่งปัญญาและมองดูฟางหยวนจากระยะไกลด้วยความอิจฉา


 


‘ฟางหยวนประสบความสำเร็จในการเรียกแสงแห่งปัญญา น่าทึ่งนัก เด็กคนนี้น่าทึ่งจริงๆ!’


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามองฟางหยวนด้วยความรู้สึกซับซ้อน


 


แม้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจะมีสองบุคลิกแต่ทั้งสองมีความทรงจำเดียวกัน


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยายังจำช่วงเวลาเมื่อหลายปีก่อนได้ดี เวลานั้นฟางหยวนยังเป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณตัวเล็กๆที่เข้ามายังแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาเป็นครั้งแรก


 


แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาฟางหยวนไม่เพียงกลายเป็นผู้อมตะแต่ชื่อของเขายังโด่งดังไปทั่วทั้งห้าภูมิภาคด้วยพลังการต่อสู้ระดับแปด


 


และตอนนี้เขายังสามารถเรียกแสงแห่งปัญญาออกมาใช้งาน!


 


เขาเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว


 


หากฟางหยวนไม่ได้รับมรดกของนิกายเงาและมีเพียงแสงแห่งปัญญา เขาอาจถูกมองว่าเป็นเสือติดปีกแต่ฟางหยวนที่ครอบครองมรดกของนิกายเงาและยังได้รับความช่วยเหลือจากแสงแห่งปัญญา นี่ทำให้ฟางหยวนก้าวไปถึงระดับที่ไม่สามารถจินตนาการถึง


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามีชีวิตอยู่มานานและเคยเห็นตัวละครมาทุกประเภทแต่ตอนนี้เขากลับไม่สามารถประเมินความสำเร็จในอนาคตของฟางหยวนได้อีกต่อไป


 


ไม่มีทางที่จะประเมินมันได้


 


เขาไม่สามารถคาดเดาความก้าวหน้าในอนาคตของฟางหยวน


 


ความสำเร็จใดๆที่ฟางหยวนสร้างขึ้นหลังจากนี้สามารถเข้าใจและยอมรับได้ทั้งสิ้น


 


ฟางหยวนหัวเราะ


 


เขาสงบจิตใจลงก่อนจะกล่าวกับวิญญาณสติปัญญา “เอาล่ะ วิญญาณสติปัญญา โปรดให้ข้าหยุดพัก”


 


แสงแห่งปัญญาค่อยๆเลือนหายไป


 


ฟางหยวนสูดหายใจลึกก่อนกล่าวต่อ “วิญญาณสติปัญญามาต่อกันเถอะ”


 


ในเวลาต่อมา แสงแห่งปัญญาก็ส่องสว่างขึ้นอีกครั้ง


 


ฟางหยวนกำหมัดแน่นด้วยความตื่นเต้น


 


ข้อเท็จจริงนี้พิสูจน์ได้ว่าแสงแห่งปัญญากลับมาแล้ว! จากนี้ไปเขาจะสามารถใช้แสงแห่งปัญญาได้ชั่วนิรันดร์!


 


จากนั้นฟางหยวนก็หันหน้ามายิ้มให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา “ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง เรามาแลกเปลี่ยนมรดกกันเถอะ”


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยายอกย่องอยู่ในใจ ‘จิตใจของฟางหยวนยังคมชัด’


 


“ตกลง” เขาตกลงโดยปราศจากความลังเล


 


หากเป็นจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาคนก่อนหน้า เขาอาจปฏิเสธเพราะเขาชอบการหลอมรวมวิญญาณเท่านั้น แต่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาคนปัจจุบันต้องการยึดครองโลก ดังนั้นเขาจึงต้องทำทุกอย่างเพื่อยกระดับนิกายหลางหยา


 


นิกายหลางหยาต้องการมรดกทุกประเภท ด้วยเหตุนี้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจึงต้องการมรดกที่อยู่ในการครอบครองของฟางหยวน


 


โดยเฉพาะมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณ


 


เทพปีศาจจิตวิญญาณเข่นฆ่าสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วน ทักษะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของเขาน่าอัศจรรย์มาก หากนิกายหลางหยาได้รับสิ่งนี้ มันจะสามารถเติมเต็มข้อบกพร่องของนิกายหลางหยา


 


ทั้งสองฝ่ายแลกเปลี่ยนกันอย่างรวดเร็ว


 


ฟางหยวนได้รับมรดกเกือบทั้งหมดของนิกายหลางหยารวมถึงมรดกที่แท้จริงโชคของตนเองและมรดกที่แท้จริงของบรรพชนผมยาว


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณ มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจไร้ขอบเขต มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง มรดกที่แท้จริงของเทพอมตะสวรรค์พิภพ ตลอดไปถึงมรดกอีกนับไม่ถ้วน


 


ทุกมรดกที่นิกายเงารวบรวมมาล้วนเป็นมรดกที่โดดเด่นทั้งสิ้น


 


ดังนั้นเมื่อพิจารณาจากมูลค่า ฟางหยวนจ่ายมากกว่านิกายหลางหยา


 


เพื่อชดเชยช่องว่างนี้ จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาต้องมอบหุบเขาเหล่าโปคืนให้กับฟางหยวน


 


ปัจจุบันฟางหยวนเป็นศัตรูกับคนทั้งโลกรวมกับการกระทำก่อนหน้าของเขา จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจึงมีความเชื่อมั่นใจตัวฟางหยวนมากขึ้น


 


‘ฟางหยวนเป็นหนึ่งในพวกเรา สมาชิกนิกายหลางหยาของข้ายังสามารถใช้งานหุบเขาเหล่าโปแม้ข้าจะมอบมันคืนให้เขาก็ตาม’ นี่คือความคิดของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา


 


ด้านฟางหยวน เขาได้รับหนึ่งในสามมรดกที่แท้จริงโชคของตนเองที่สมบูรณ์แบบของเทพอมตะตะวันเดือดมาแล้ว


 


สำหรับมรดกที่แท้จริงของบรรพชนผมยาว ส่วนใหญ่มันกล่าวถึงวิธีการหลอมรวมวิญญาณของมนุษย์ขนซึ่งไม่ได้ช่วยฟางหยวนมากนัก


 


ในการทำธุรกรรมครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายแลกเปลี่ยนเพียงมรดก มันไม่เกี่ยวกับวิญญาณอมตะใดๆ


 


โดยธรรมชาติแล้วฟางหยวนย่อมต้องการวิญญาณอมตะของนิกายหลางหยาเช่นวิญญาณบัวสวรรค์อมตะ


 


น่าเสียดายที่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่ต้องการขายวิญญาณอมตะเหล่านี้ออกไป


 


ฟางหยวนยังไม่ได้จากไปทันที เขายังอาบแสงแห่งปัญญาและเริ่มคิดถึงปัญหาทุกประเภท


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาต้องจากไปด้วยความโศกเศร้า


 


ตอนนี้ฟางหยวนแตกต่างจากก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง


 


ด้วยวิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาผสานกับวิญญาณอมตะความใคร่และวิญญาณอมตะรักตัวเอง ทั้งหมดอนุญาตให้ฟางหยวนสร้างกลุ่มความคิดได้อย่างไม่รู้จบสิ้น


 


เขาสามารถใช้งานแสงปัญญาได้อย่างเต็มที่และได้รับคำตอบในการแก้ปัญหาต่างๆอย่างรวดเร็ว


 


ท่าไม้ตายอมตะอาภรณ์วิญญาณ!


 


นี่เป็นท่าไม้ตายจากมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณ พลังอำนาจของมันคือการป้องกันเจตจำนงสวรรค์และการอนุมานจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา


 


กล่าวได้ว่ามันเป็นท่าไม้ตายสายป้องกัน


 


การป้องกันนี้แบ่งออกเป็นสี่ระดับที่สอดคล้องกับผู้อมตะระดับหก ระดับเจ็ด ระดับแปด และระดับเก้า


 


ด้วยรากฐานของฟางหยวน เขาประสบความสำเร็จในการดัดแปลงท่าไม้ตายอมตะนี้ แม้จะไม่มีวิญญาณอมตะที่จำเป็น เขาก็ยังสามารถใช้วิญญาณอมตะดวงอื่นทดแทน

 

 

 


บทที่ 1448 อาภรณ์วิญญาณ

 

ท่าไม้ตายอมตะอาภรณ์วิญญาณฉบับดัดแปลงใช้วิญญาณอมตะเปลี่ยนวิญญาณระดับเจ็ดและวิญญาณอมตะล้างใจเป็นแกนกลาง หลังจากล้มเหลวหลายครั้ง ในที่สุดฟางหยวนก็สามารถกระตุ้นใช้งานมันได้สำเร็จ


 


เขานำวิญญาณออกมาจากร่างทารกอมตะโดยตรง


 


วิญญาณเหล่านี้ลอยอยู่กลางอากาศ


 


รากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของเขาถูกใช้ไปในท่าไม้ตายอมตะผลาญวิญญาณระเบิดโชคและทำให้จิตวิญญาณของเขาตกลงมาอยู่ในระดับมนุษย์ร้อยคนเท่านั้น


 


อย่างไรก็ตามตอนนี้ดวงวิญญาณของเขาถูกปกคลุมไปด้วยชุดคลุมยาวจากท่าไม้ตายอมตะอาภรณ์วิญญาณ


 


อาภรณ์วิญญาณมีทั้งระดับหก ระดับเจ็ด ระดับแปด และระดับเก้า


 


แต่เทพปีศาจจิตวิญญาณไม่เคยยกระดับท่าไม้ตายอมตะนี้ขึ้นสู่ระดับเก้า


 


เพราะมันไม่จำเป็น


 


เขาเป็นเทพปีศาจที่ยิ่งใหญ่ เขาไม่จำเป็นต้องป้องกันการอนุมานจากผู้ใด


 


ดังนั้นระดับสูงสุดของท่าไม้ตายนี้จึงอยู่ที่ระดับแปด


 


ฟางหยวนตรวจสอบและรู้สึกมึนงง “หือ? เหตุใดอาภรณ์วิญญาณของข้าถึงอยู่ในระดับหกเท่านั้น?”


 


หลังจากดัดแปลงท่าไม้ตายโดยใช้วิญญาณอมตะเปลี่ยนวิญญาณระดับเจ็ดและวิญญาณอมตะล้างใจระดับหก นั่นหมายความว่ามันจะกลายเป็นท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ด แต่เหตุใดมันถึงเป็นท่าไม้ตายอมตะระดับหก?


 


‘เป็นเพราะการดัดแปลงของข้างั้นหรือ?’ ความคิดนี้ปรากฏขึ้นในใจของฟางหยวนก่อนที่เขาจะปฏิเสธมัน


 


เขาใช้แสงแห่งปัญญาในการอนุมาน แล้วมันจะผิดพลาดได้อย่างไร?


 


‘โอ้ ข้าเข้าใจแล้ว’ ฟางหยวนคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนที่เขาจะเข้าเหตุผล


 


คำตอบก็คือร่างกายของเขา


 


ภายใต้อาภรณ์วิญญาณยังมีชุดคลุมอีกชั้นหนึ่ง


 


มันคือผนึกภูตผี


 


กล่าวได้ว่าอาภรณ์วิญญาณยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับผนึกภูตผี


 


‘อาภรณ์วิญญาณมีเป้าหมายอยู่ที่ดวงวิญญาณของข้าโดยตรง แต่ตอนนี้มันถูกต่อต้านโดยผนึกภูตผี ดังนั้นพลังอำนาจของอาภรณ์วิญญาณระดับเจ็ดจึงร่วงลงสู่ระดับหก’


 


ฟางหยวนไม่เคยคาดคิดว่าจะเกิดปัญหาดังกล่าว


 


เขาคุ้นเคยกับพลังงานแห่งเต๋าที่ไม่ขัดแย้งกันของร่างทารกอมตะมานาน ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่คาดหวังว่าปัญหาเล็กๆนี้จะกลายเป็นอุปสรรคของเขา


 


‘ร่างกายของข้าไม่มีปัญหาเรื่องความขัดแย้งระหว่างพลังงานแห่งเต๋า’


 


‘แต่มันยังมีความขัดแย้งระหว่างท่าไม้ตายอมตะที่แตกต่างกัน’


 


‘ผนึกภูตผีแม้จะมีคำว่าภูตผีแต่มันเป็นท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมขณะที่อาภรณ์วิญญาณเป็นท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ ทั้งสองต่อต้านกันและกัน เพื่อแก้ปัญหานี้ ข้าต้องหลอมรวมมันเป็นหนึ่ง’


 


ฟางหยวนเผยรอยยิ้มขมขื่นเมื่อคิดถึงเรื่องนี้


 


มันยากเกินไป


 


ฟางหยวนยังไม่เข้าใจผนึกภูตผี ยิ่งไปกว่านั้นเขายังขาดความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมและเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ แม้จะมีแสงแห่งปัญญาช่วยอนุมาน แต่ความก้าวหน้าก็ยังล้าช้ามาก ภายใต้ความสำเร็จในปัจจุบัน เขาต้องอนุมานไปอีกหลายร้อยหรือหลายพันปีโดยไม่หยุดพัก


 


ท้ายที่สุดผนึกภูตผีก็เป็นท่าไม้ตายอมตะระดับเก้า ฟางหยวนยังห่างไกลจากระดับเก้า แม้เขาจะมีพลังการต่อสู้ระดับแปด แต่เขายังไม่ใช่ผู้อมตะระดับแปดที่แท้จริง


 


‘ลืมมันไปซะ’


 


ฟางหยวนเก็บวิญญาณของเขากลับเข้าไปในร่าง


 


เขาไม่มีความคิดที่จะพัฒนาท่าไม้ตายในเวลานี้


 


เขาครอบครองมรดกทั้งหมดของนิกายเงาและก่อนหน้านี้เขายังได้รับมรดกเกือบทั้งหมดของนิกายหลางหยา


 


แม้มรดกของนิกายหลางหยาจะด้อยกว่ามรดกของนิกายเงา แต่มันก็ยังอุดมสมบูรณ์มาก


 


ท้ายที่สุดบรรพชนผมยาวก็เป็นตัวตนตั้งแต่สามแสนปีก่อน


 


พิจารณาจากเวลา นิกายหลางหยายังอยู่มานานกว่านิกายเงา


 


แต่นิกายหลางหยามุ่งเน้นด้านการหลอมรวม มรดกส่วนใหญ่ของพวกเขาจึงเป็นมรดกบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม นอกจากนี้ความสามารถในการรวบรวมมรดกของนิกายหลางหยาก็ยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับเทพปีศาจจิตวิญญาณและนิกายเงา


 


ฟางหยวนสามารถใช้ประโยชน์จากมรดกเหล่านี้ ตอนนี้เขาได้ก้าวข้ามนิกายโบราณทั้งสิบของภาคกลางไปแล้ว


 


สำหรับวังสวรรค์ ฟางหยวนยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับพวกเขา วังสวรรค์ถูกปกครองโดยสามเทพอมตะและมีประวัติศาสตร์ยาวนานมาก มันก่อตั้งขึ้นมาถึงสามล้านปีแล้ว


 


ท่ามกลางมรดกที่ฟางหยวนครอบครอง อาภรณ์วิญญาณเหมาะสมกับเขามากที่สุดและยังมีโอกาสที่จะเติบโต ในอนาคตมันจะกลายเป็นตัวช่วยชั้นยอดสำหรับการป้องกันการอนุมานของผู้อมตะรวมถึงเจตจำนงสวรรค์


 


อาจกล่าวได้ว่าอาภรณ์วิญญาณเป็นหนึ่งในส่วนสำคัญท่ามกลางมรดกของเทพปีศาจจิตวิญญาณ


 


มันพิเศษมาก


 


เมื่อกระตุ้นใช้งาน มันจะคงอยู่ตลอดไปโดยไม่พึ่งพาพลังงานอมตะ แต่มันจะใช้รากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของผู้อมตะเพื่อรักษามันไว้


 


ในทางทฤษฎี ตราบเท่าที่ดวงวิญญาณของผู้อมตะยังอยู่และอาภรณ์วิญญาณไม่ถูกโจมตีโดยตรง มันก็จะคงอยู่ตลอดไป


 


นอกจากนั้นมันยังจะเปลี่ยนแปลงไปตามรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของผู้อมตะ


 


เมื่อรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของผู้อมตะเพิ่มขึ้น พลังอำนาจของอาภรณ์วิญญาณก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน ในทำนองเดียวกัน หากรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของผู้อมตะตกต่ำลง พลังอำนาจของอาภรณ์วิญญาณก็จะลดลง


 


‘ก่อนหน้านี้ข้าใช้วิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืด ข้าต้องหยุดใช้มันเป็นครั้งคราวเพื่อให้มันฟื้นตัว มันไม่สะดวกโดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะหลบหนี แต่อาภรณ์วิญญาณจะคงอยู่ตลอดไปหลังจากกระตุ้นใช้งานเพียงครั้งเดียวและพลังอำนาจของมันก็จะเพิ่มขึ้นตามรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของข้า’


 


นี่เป็นท่าไม้ตายอมตะที่สามารถใช้งานได้จริง


 


อย่างไรก็ตามในความเป็นจริงยังมีท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณท่าอื่นที่สามารถใช้งานร่วมกับมันได้


 


ตัวอย่างเช่นท่าไม้ตายอมตะหอกวิญญาณหรือโซ่วิญญาณ


 


ด้วยท่าไม้ตายทั้งสอง เมื่อดวงวิญญาณของฟางหยวนออกจากร่าง นอกจากอาภรณ์วิญญาณ เขายังจะมีอาวุธป้องกันตัว


 


สิ่งนี้ทำให้ดวงวิญญาณสามารถต่อสู้


 


หลังจากทดสอบท่าไม้ตายอมตะอาภรณ์วิญญาณ ฟางหยวนยังอนุมานต่อไปด้วยแสงแห่งปัญญา


 


เขาเริ่มคิดถึงสถานการณ์ปัจจุบันของเขา


 


‘ด้วยอาภรณ์วิญญาณและแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ตอนนี้ข้าปลอดภัยแล้ว แม้วังสวรรค์จะโจมตี ข้าก็ยังสามารถพึ่งพากำลังของตนเองเพื่อหลบหนี’


 


‘แต่สิ่งที่ข้าต้องทำคือทำลายวิญญาณชะตากรรมของวังสวรรค์ให้สิ้นซาก’


 


‘สิบปี! หลังจากผ่านไปสิบปี วังสวรรค์จะสามารถฟื้นฟูวิญญาณชะตากรรม เมื่อเวลานั้นมาถึง ข้าจะไม่มีความหวังที่จะได้รับชัยชนะอีก’


 


นี่เป็นปัญหาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฟางหยวน


 


วังสวรรค์แข็งแกร่งเกินไป แม้เขาจะไม่ได้อยู่ที่ภาคกลาง แต่ผู้อมตะระดับแปดหนึ่งหรือสองคนที่พวกเขาส่งออกมาก็สามารถทำให้ฟางหยวนตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าเวทนาแล้ว


 


แม้จะได้รับความช่วยเหลือจากแสงแห่งปัญญา แต่ฟางหยวนยังไม่สามารถคิดวิธีแก้ไขปัญหาที่ยิ่งใหญ่นี้


 


‘โชคดีที่ข้ายังมีมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง เทพปีศาจบัวแดงสามารถทำลายวิญญาณชะตากรรมและทิ้งมรดกไว้เบื้องหลัง วิญญาณกาลเวลาที่เป็นกุญแจสำคัญอยู่ในมือของข้า มีความเป็นไปได้สูงที่ข้าจะได้รับมรดกที่แท้จริงของเขา’


 


ฟางหยวนสามารถใช้หนึ่งในมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงกำจัดผู้อมตะระดับแปดหงซื่อ ดังนั้นมีความเป็นไปได้ที่มรดกที่แท้จริงอื่นๆของเทพปีศาจบัวแดงจะสามารถทำลายวิญญาณชะตากรรม


 


ด้วยการพึ่งพาวิญญาณชะตากรรม วังสวรรค์สามารถยืนหยัดมาจนถึงทุกวันนี้


 


ด้วยการพึ่งพาวิญญาณชะตากรรมและการจัดเตรียมของเทพอมตะกลุ่มดาว วังสวรรค์สามารถต่อต้านสามเทพปีศาจ


 


ด้วยการพึ่งพาวิญญาณชะตากรรม วังสวรรค์สามารถครองบัลลังก์กองกำลังอันดับหนึ่งของโลกใบนี้มาโดยตลอด


 


ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการทำลายวิญญาณชะตากรรมเป็นปัจจัยสำคัญในการเอาชนะวังสวรรค์


 


หากฟางหยวนไม่ทำลายวิญญาณชะตากรรม หลังจากสิบปี วังสวรรค์จะปลิดชีพฟางหยวนอย่างแน่นอน


 


ฟางหยวนครอบครองมรดกของนิกายเงา เป็นธรรมดาที่เขาจะตระหนักถึงประเด็นนี้อย่างลึกซึ้ง


 


‘แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีที่จะตามหามรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง’


 


‘วังสวรรค์พลาดไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่พวกเขาก็ได้รับข้อมูลที่ล้ำค่ามากมาย คราวหน้าพวกเขาจะใช้กำลังมากขึ้นและจะส่งผู้อมตะระดับแปดออกมามากขึ้น’


 


‘ข้าต้องเพิ่มความแข็งแกร่ง หลังจากรับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง ข้าจะมีความหวังในการทำลายวิญญาณชะตากรรม’


 


ไม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ นี่เป็นแผนการทั่วไป


 


ปัจจุบันฟางหยวนกำลังขาดแคลนพลังงานอมตะในขณะที่หินวิญญาณอมตะในคลังสมบัติของเขาก็กลับมาว่างเปล่าอีกครั้ง เกราะหวนคืนถูกตอบโต้แล้วในการต่อสู้ครั้งก่อน ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งเสียงของฟงจิวเก้อสามารถเจาะทะลวงเข้าไปในเกราะหวนคืนและส่งผลกระทบต่อร่างกายของฟางหยวน ในการต่อสู้ที่สายธารแห่งกาลเวลา หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเกาะบัวหิน เขาจะไม่สามารถสังหารหงซื่อ


 


ตอนนี้ฟางหยวนมีมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณและมรดกอีกมากมาย เขายังมีภูเขาตงฮันและหุบเขาเหล่าโปรวมถึงวิญญาณสติปัญญา


 


ในสถานการณ์นี้หากเขาไม่พัฒนาและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตนเอง เขาจะพบปัญหาใหญ่ มันจะเป็นการร้องขอความตายจากศัตรูอย่างแท้จริง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)