ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1442-1453

 ตอนที่ 1442 จงใจต่อล้อต่อเถียงเธอนั่นแหละ


พวกสีอันน่าไม่กล้าหัวเราะอีกต่อไป แต่กลับมองสีหน้าผ่อนคลายของจ้าวเหมยกับใบหน้าบึ้งตึงของเจิ้งเสวี่ยซานอย่างระมัดระวัง หัวใจที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นเริ่มแผดเผา


นี่เกิดเรื่องอะไรที่พวกเธอไม่รู้อีกหรือ?


หากจะพูดถึงคนอย่างจ้าวเหมยแม้เจ้าอารมณ์ไปหน่อย นิสัยเย่อหยิ่งไปบ้าง แต่ปกติไม่ใช่คนที่จะเป็นฝ่ายหาเรื่องใครก่อน ถังม่านลี่เป็นประเภทที่ทำตัวเองทั้งนั้นไม่มีค่าให้เห็นใจแต่อย่างใด แต่การที่จ้าวเหมยเป็นฝ่ายท้าทายยั่วยวนก่อนเช่นวันนี้ถือเป็นครั้งแรกเชียว!


เหมยเหมยต้องจงใจอยู่แล้ว เธอรู้สึกเจิ้งเสวี่ยซานขัดหูขัดตานั่นแหละ ใครใช้ให้อีกฝ่ายเป็นหลานสาวของเจิ้งซื่อหลินกันล่ะ!


อีกทั้งยังสืบต่อยีนส์ขาดคุณธรรมหน้าไหว้หลังหลอกเจ้าเล่ห์ของเจิ้งซื่อหลินมาอีก ถ้าเธอสบายหูสบายตาสิแปลก แค่ได้เห็นก็ต้องต่อปากต่อคำสักหน่อย เอาให้ตายไปเลย!


เจิ้งเสวี่ยซานเองก็รู้ทันความตั้งใจของจ้าวเหมย เธอเลยพยายามสะกดกลั้นอารมณ์โกรธไว้ เธอต้องคิดให้ดีว่าทำไมจ้าวเหมยถึงมีท่าทีที่เปลี่ยนไปแบบนี้?


หรือว่าเธอรู้เบื้องหลังครอบครัวของเธอแล้ว?


เป็นไปไม่ได้!


เจิ้งเสวี่ยซานปฏิเสธทันควัน แม้แต่เจี่ยงจื้อหรู่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอเป็นหลานสาวของเจิ้งซื่อหลิน ไม่ใช่ว่าเธอไม่บอกแต่เจิ้งซื่อหลินไม่อนุญาต ในเมื่อเรื่องที่เขาเคยทอดทิ้งภรรยาและลูกไม่ใช่เรื่องน่าเชยชมเท่าไร เขาสามารถช่วยสนับสนุนเรื่องเงินแก่ครอบครัวเจิ้งเสวี่ยซานได้แต่กลับไม่มีวันอนุญาตให้พ่อแม่เธอเปิดเผยความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับเขา ไม่อย่างนั้นจะหยุดให้การสนับสนุนเรื่องเงินทันที


“จ้าวเหมย เธออารมณ์ไม่ดีไม่เห็นต้องมาลงที่ฉันเลยนี่นา วันก่อนเมื่อวานเธอก็ไม่ได้อยู่ที่หอพัก ต่อให้ฉันอยากหาเรื่องเธอยังไม่มีเวลานั่นเลย ฉันไปทำอะไรให้เธอไม่พอใจนัก?” เจิ้งเสวี่ยซานกลับมาคงสีหน้าเดิมแล้วพูดชัดถ้อยชัดคำมีเหตุมีผล และวางตัวให้ดูต่ำต้อยกว่า


เหมยเหมยหัวเราะคิกคัก “ฉันอารมณ์ดีจะตายไป หัวหน้าห้องเจิ้งอ่อนไหวง่ายจัง แค่ล้อเล่นเท่านั้นเองเธอก็คิดว่าคนอื่นหยามเธอแล้วเหรอ ไม่สนุกเลย หัวหน้าห้องเจิ้งใจแคบแบบนี้ไม่ดีเลยนะ คนเราต้องรู้จักใจกว้างสิ!”


พอเห็นเจิ้งเสวี่ยซานที่เดิมทีทำหน้าเรียบนิ่งอยู่แล้ว แต่บัดนี้กลับสีหน้าแย่ลงอีกครั้ง เหมยเหมยก็อารมณ์ดีแทบระเบิด ความสุขแผ่ออกมาตั้งแต่หัวจรดเท้า


วันหลังถ้าไม่มีอะไรทำพูดยั่วยุยัยผู้หญิงแก่จอมเสแสร้งนี่สักหน่อยอารมณ์ต้องดีแน่ ๆ!


“ฉีฉีเก๋อ เร็วหน่อย ใกล้เริ่มเรียนแล้ว!”


เหมยเหมยเสียงใสก้องกังวานดั่งนกกระจาบฝนที่ฟังดูน่าสดใสกว่าเสียงทุ้มต่ำของเจิ้งเสวี่ยซาน


ฉีฉีเก๋อรีบหยิบหนังสืออย่างลนลานก่อนวิ่งออกไป ภายในหอพักเงียบสงัด สีอันน่าหวีผมครั้งแล้วครั้วเล่า เธอแอบชำเลืองมองเจิ้งเสวี่ยซานแวบหนึ่ง ลอบคิดอยู่ภายในใจโดยตัดสินใจว่าหลังจากนี้จะต้องอยู่ให้ห่างยายผู้หญิงแก่คนนี้เสียหน่อย


ดูท่าทางยายผู้หญิงแก่คนนี้ไปล่วงเกินจ้าวเหมยเข้าแล้ว!


คนที่มีความคิดเดียวกับเธอยังมีเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอีกคน


ในเมื่อเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตัดสินใจจะเลือกซบจ้าวเหมยก็ต้องชอบคนที่จ้าวเหมยชอบ เกลียดคนที่จ้าวเหมยเกลียด ยืนกรานจะรักษาหัวใจเดียวกับคุณหนูใหญ่จ้าวอย่างไม่มีการนอกใจ!


มีเพียงถังม่านลี่กับสวีจื่อเซวียนสองคนที่ต่างเห็นใจเจิ้งเสวี่ยซานอย่างมาก คิดว่าจ้าวเหมยรังแกข่มเหงกันเกินไป แต่เห็นใจก็ส่วนเห็นใจพวกเธอไม่กล้าออกโรงเช่นกัน


บทเรียนของถังม่านลี่มีไว้ให้ดูอยู่ตรงหน้าแหนะ!


แต่พวกเธอไม่รู้ว่าสิ่งที่กำลังรอคอยถังม่านลี่อยู่กลับเป็นความจริงที่โหดร้ายยิ่งกว่า!


วันนี้อากาศดีแดดส่องฟ้าสดใสที่นาน ๆทีจะเป็นครั้ง นกน้อยร้องเพลงรื่นเริง หลังฉีฉีเก๋อทานอาหารเช้าเสร็จก็ร้อนจนต้องถอดเสื้อกันหนาวออก ก่อนมองเหมยเหมยที่ใส่เสื้อปิดมิดชิดด้วยความสงสัยแวบหนึ่ง


“วันนี้เธอแต่งตัวมิดชิดขนาดนี้ทำไม? พันผ้าพันคอด้วย ทำเอาฉันคิดว่าข้างนอกอากาศหนาวมากงั้นแหละ!”


ฉีฉีเก๋อมักรู้สึกว่าเพื่อนช่างน่าประหลาดนัก เวลานี้ไม่ใช่ฤดูหนาวเดือนธันวาคมสักหน่อย ต้องพันผ้าพันคอแน่นขนาดนั้นเชียวหรือ?


“เธอร้อนไหม?” ฉีฉีเก๋อถามเธอด้วยความเป็นห่วง


เหมยเหมยส่ายศีรษะแรงๆ “ไม่ร้อน ฉันกลัวหนาว!”


ขณะเดียวกันก็แอบโล่งอกที่เครื่องปรับอากาศมีชีวิตอย่างฉาฉากลับมาแล้ว ไม่อย่างนั้นเธอต้องร้อนตับแตกแน่ ๆ!


พอนึกถึงรอยจูบเป็นดวง ๆตามลำคอ แววตาเหมยเหมยก็แต่งแต้มด้วยอารมณ์เคลิ้มปนโกรธ ก่นด่าใครบางคนอยู่ภายในใจ!


………………………….


 ตอนที่ 1443 Chanel No.5


เนื่องจากสาขาศิลปะการวาดรูปจีนเป็นห้องที่มีความสามารถพิเศษทางด้านศิลปะโดยเฉพาะ ดังนั้นจึงเรียนวาดรูปเป็นหลัก วิชารองอื่น ๆมีไม่มากนัก ซึ่งแน่นอนว่าวิชาภาษาอังกฤษ ภาษาจีนและวิชาแนวความคิดมาร์กซิสต์ ลินินและเหมาเจ๋อตงเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องเรียนอยู่แล้ว พวกเหมยเหมยมีวิชาภาษาอังกฤษเป็นวิชาแรกของช่วงเช้า ซึ่งในหนึ่งสัปดาห์มีคาบภาษาอังกฤษสามคาบ วันนี้พวกเธอจะได้เรียนเป็นครั้งแรก


วิชาภาษาอังกฤษเปิดสอนในห้องใหญ่ที่มีนักศึกษาสี่ชั้นเรียนเข้าเรียนพร้อมกัน เหมยเหมยกับฉีฉีเก๋อไปเร็วอยู่เสียหน่อยเลยได้ที่นั่งตรงกลางที่ดีที่สุดไป


“ไม่รู้ว่าครูภาษาอังกฤษเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง?” ฉีฉีเก๋อเกิดความอยากรู้ขึ้นมาและรู้สึกใจฝ่อแปลกๆ ในท่ามกลางวิชามากมาย วิชาที่เธอกลัวมากที่สุดก็คือวิชาภาษาอังกฤษนี่แหละ


เพราะเธอออกเสียงไม่ได้มาตรฐานเลยติดสำเนียงบ้านเกิดหนักอยู่เอาการ  ไม่ว่าจะคนอังกฤษหรือคนจีนไม่มีใครฟังภาษาอังกฤษที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเธอฉีฉีเก๋อได้เข้าใจเลย หากพูดออกปากต้องกลายเป็นเรื่องตลกแหง


“เหมือนจะเป็นผู้หญิงนะ ได้ข่าวว่าเป็นสาวสวยที่กลับมาจากต่างประเทศ!”


เพื่อนนักเรียนหญิงต่างห้องข้าง ๆ คนหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าติดอิจฉา


นักเรียนเรียนต่อต่างประเทศในสมัยนี้ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไรแต่สมัยต้นยุคเก้าศูนย์คนที่สามารถไปเรียนต่างประเทศ หากไม่ใช่เพราะมีพื้นหลังครอบครัวที่ดีก็คือเจ้าตัวมีความสามารถโดดเด่น สอบชิงทุนไปเรียนต่อต่างประเทศได้ ไม่อย่างนั้นชาวบ้านทั่วไปไม่มีทางแบกรับค่าใช้จ่ายแสนแพงของการเรียนต่อต่างประเทศได้เลย


ฉะนั้นในเวลานี้คนที่จะไปเรียนต่อต่างประเทศยังมีน้อยมาก จึงมีค่าตอบแทนสำหรับการไปเรียนต่อสูงมากเช่นกัน ไม่เหมือนตอนนี้ที่ได้กลายเป็นสินค้าที่มีอยู่เกลื่อนเมืองแล้ว ไหนจะมีความหมายติดลบอีกด้วย


ฉีฉีเก๋อเองก็อิจฉาอย่างมาก “คนที่ไปต่างประเทศมาต้องเก่งมากแน่ ๆ!”


คนเชยที่แม้แต่คำว่า ‘สวัสดี’ ยังพูดได้ไม่ดีอย่างเธอต้องไม่มีสิทธิ์ไปต่างประเทศอยู่แล้ว


เหมยเหมยพูดให้กำลังใจเธอ “ขอแค่มีเงินต่อให้ดวงจันทร์ก็ไปได้ ฉีฉีเก๋อเธออยากไปต่างประเทศก็ง่ายยิ่งกว่าอะไร ทำพาสปอร์ตแล้วอยากไปไหนก็ไปได้ทั้งนั้น!”


ฉีฉีเก๋อตาเป็นประกายแต่ไม่นานก็หม่นแสงลง “แต่ฉันพูดภาษาอังกฤษไม่เป็น ออกจากบ้านไปแม้แต่ห้องน้ำยังหาไม่เจอ”


“ไม่เป็นก็ค่อย ๆเรียนสิ เธอยังสอบเข้ามหาลัยดมืองหลวงได้เลยทำไมจะเรียนภาษาอังกฤษไม่ได้ล่ะ? มหาลัยของเรามีมุมภาษาอังกฤษอยู่ไม่ใช่เหรอ? หากเธอไม่มีธุระอะไรก็ไปเดินเล่นแถวนั้น รับรองว่าไม่เกินหนึ่งเดือนเธอจะพูดได้ดีมากแน่ ๆ”


ฉีฉีเก๋อเป็นประเภทคนใบ้ภาษาอังกฤษอย่างถูกต้องตามเกณฑ์ ไวยากรณ์กับคำศัพท์ไม่มีปัญหาแต่พออ้าปากทีไรก็จบเห่ทุกที


ปัญหาหลักคือทางทุ่งหญ้ายังขาดแคลนครูที่มีศักยภาพอยู่ คิดว่าครูที่พูดภาษาอังกฤษได้ดีคงมีไม่กี่คน แล้วฉีฉีเก๋อจะไปเรียนได้จากที่ไหน?


แต่นี่ก็เป็นปัญหาที่เหล่านักเรียนในประเทศส่วนมากประสบกัน หากพูดถึงความรู้นั้นไม่มีปัญหาแต่พออ้าปากเข้าก็จบเห่ทุกครั้งไป!


ฉะนั้นเหมยเหมยถึงสนับสนุนให้เธอไปมุมภาษาอังกฤษ ตรงนั้นมีนักศึกษาจากต่างประเทศและครูต่างประเทศมากมายที่ไม่มีใครรู้จักกัน ทุกคนสามารถสื่อสารได้อย่างเต็มที่ซึ่งรับรองว่าทักษะการพูดต้องพัฒนาอย่างรวดเร็วแน่นอน


ฉีฉีเก๋อยังลังเลอยู่นิดหน่อย เหมยเหมยเลยช่วยตัดสินใจแทนเธอ “พรุ่งนี้ตอนค่ำไปกันเลย ฉันไปเป็นเพื่อนเธอเอง”


ตอนนี้เหยียนหมิงซุ่นแทบหวังว่าจะใช้กาวทาเธอแปะติดตัวเขาให้รู้รอดแล้วรู้รอดไปเลย กลับไปคืนนี้ยังต้องขออนุญาตจากเขาอีกนะ!


ฉีฉีเก๋อนึกถึงภาพทิวทัศน์แสนงดงามจากสถานที่ท่องเที่ยวทั่วโลกเหล่านั้นที่อยู่ในสมุดภาพวาด หัวใจก็เต้นระส่ำจนในที่สุดก็ตัดสินใจเด็ดขาด


“ได้ ฉันจะตั้งใจเรียนภาษาอังกฤษ!”


ขอแค่ตั้งใจเรียนวิชาภาษาอังกฤษ เธอก็สามารถแบกเป้ไปชมทิวทัศน์ทั่วโลกได้ แบบนั้นก็ถือว่าใช้ชีวิตไม่เสียเปล่าแล้ว!


ความฝันของฉีฉีเก๋อก็คือเดินออกจากทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ แล้วขายม้าของครอบครัวเธอไปทั่วโลก!


เสียงกริ่งดังขึ้น ทุกคนนั่งตัวตรงอย่างเป็นระเบียบ ขณะที่สายตาต่างมองไปทางประตูห้องเรียนอย่างตั้งหน้าตั้งตารอคอยการมาถึงของครูคนใหม่


“ตึก ตึก ตึก…”


เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นไม้เกิดเสียงกังวานเป็นจังหวะ ค่อย ๆดังแว่วใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ


เหมยเหมยเริ่มวิเคราะห์โดยไม่รู้ตัว เธอมั่นใจว่าต้องเป็นผู้หญิงอายุไม่เกินสี่สิบปี นอกจากนี้ต้องเป็นผู้หญิงที่หุ่นสูงเพรียวและรู้จักการแต่งตัวคนหนึ่ง ไม่อย่างนั้นถ้าเป็นผู้หญิงทั่วไปคงเลือกสวมรองเท้าคัชชูไม่มีส้นมาสอนแล้ว


เสียงใกล้ประตูมากกว่าเดิม กลิ่นหอมสุดเย้ายวนลอยมาตามสายลม ช่างน่าหลงใหลเสียจริง!


กลิ่น Chanel No.5 อันโด่งดัง!


ต้องเป็นผู้หญิงหน้าตาสวยอายุไม่เกินสามสิบปีแน่นอน!


แถมยังเป็นผู้หญิงสุดเซ็กซี่ที่ใฝ่ฝันถึงอิสระ พึ่งพาตัวเองและเป็นคนเปิดเผยตรงไปตรงมา!


เสียงรองเท้าส้นสูงเข้ามาในห้องเรียนแล้ว จากนั้นก็เดินขึ้นเวทีไป เหมยเหมยจ้องตาเขม็ง!


ทำไมถึงเป็นเธอไปได้นะ?


ตอนที่ 1444 ดอกถานฮวาชั่วข้ามคืน


ที่แท้ครูภาษาอังกฤษที่เดินเข้ามากลับเป็นโฮ่วเซิ่งหนาน ผู้หญิงที่ถูกใจเหยียนหมิงซุ่น


วันนี้โฮ่วเซิ่งหนานไม่ได้แต่งตัวจัดจ้านอย่างตอนที่อยู่ในภัตตาคารเฟิ่งเมื่อหลายวันก่อน แต่กลับแต่งตัวฉบับหญิงวัยทำงานถูกต้องตามระเบียบ ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวคู่กับเสื้อสูทสีดำตัวนอกและด้านล่างเป็นกระโปรงทรงเอ ขาคู่เรียวแข็งแร็งถูกเก็บเข้าในถุงน่องสีเนื้อและสวมรองเท้าส้นสูงสีดำ


ดูเรียบง่ายทว่าไม่สิ้นความเย้ายวน!


ชุดการแต่งกายนี้เหมยเหมยให้คะแนนเธอเก้าสิบคะแนน สิบคะแนนที่หักไปเพราะเธอไม่ชอบผู้หญิงคนนี้!


เหล่านักศึกษาที่กำลังนั่งอยู่ต่างเบิกตากว้าง ไม่ว่าอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าครูภาษาอังกฤษจะเป็นผู้หญิงสุดเซ็กซี่และแต่งตัวทันสมัยได้ขนาดนี้ ดูแล้วให้ความรู้สึกเป็นผู้หญิงมากจริง ๆ!


ดูดีกว่าดาราหนังเสียอีก!


“ครูภาษาอังกฤษสวยจัง…เสื้อผ้าของเธอก็สวยด้วย…”


“แล้วก็ต่างหูของเธอ ฉันจะซื้อแบบเดียวกันกับเธอ!”


……


พวกผู้หญิงต่างมองโฮ่วเซิ่งหนานด้วยสายตาชื่นชมและผันตัวเป็นแฟนคลับอย่างหน้ามืดตามัวในชั่วพริบตา สำหรับผู้หญิงประเภทนี้พวกเธอไม่เคยนึกริษยาสักนิด มีแต่จะชื่นชม!


พวกผู้ชายยิ่งไม่ต้องพูดถึง แค่เห็นดวงตาของพวกเขาก็แทบถลนออกมาแล้ว และรู้ได้ทันทีว่าขณะนี้พวกเขากำลังคิดเรื่องอะไรอยู่!


เกรงว่านางเอกในฝันลามกของเหล่าเพื่อนผู้ชายพวกนี้คงต้องเพิ่มคุณหนูใหญ่โฮ่วท่านนี้ไปอีกคนสินะ!


โฮ่วเซิ่งหนานพึงพอใจต่อพฤติกรรมของเหล่านักศึกษาเป็นอย่างมาก ไม่เสียแรงที่เมื่อวานเธอวอนช่างออกแบบช่วยออกแบบเสื้อผ้าชุดนี้ให้เธอโดยเฉพาะ!


คนอย่างโฮ่วเซิ่งหนานไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็เป็นได้เพียงมุกที่เปล่งประกายที่สุด!


ไม่มีทางเป็นคนอื่นไปได้!


เพียงแต่ว่า–


ช่วงเวลาที่เหล่านักศึกษากลุ่มนี้ตาโตอ้าปากกว้างมองตาค้างเช่นนั้นสั้นเสียจนโฮ่วเซิ่งหนานเกือบพลาดท่า เพิ่งไม่ถึงครึ่งนาทีดีความกระตือรือร้นในแววตาของเหล่านักศึกษากลับมลายหายไป กลับมาสงบเหมือนเดิม


“ทำไมตอนนี้ฉันเห็นครูไม่สวยขนาดนั้นแล้วล่ะ? รู้สึกว่าหน้าตาธรรมดามากเลยล่ะ!” มีนักศึกษาหญิงคนหนึ่งถามด้วยความแปลกใจ


แวบแรกที่เห็นครูวิชาภาษาอังกฤษคนใหม่ก็สร้างความตกตะลึงอย่างมาก แต่เพียงชั่วพริบตาเดียวก็เหมือนดั่งราวดอกถานฮวาชั่วข้ามคืน ไม่นานก็ทำให้คนรู้สึกว่าธรรมดามาก!


“ฉันเองก็รู้สึกเหมือนกัน พอดูอย่างละเอียดแล้วองค์ประกอบอวัยวะบนใบหน้าของครูไม่สวยเลย หน้าเหลี่ยมไปหน่อย ตาไม่โตแถมยังเป็นตาชั้นเดียว จมูกก็แบนไปนิด คิ้วดกเกินไป จุดบอดที่สุดก็คือปาก ทั้งใหญ่ทั้งหนา เหมือนไส้กรอกเลย…”


สมแล้วที่เรียนด้านศิลปะ ภายในเวลาสั้น ๆไม่กี่นาทีก็จับจุดเด่นบนใบหน้าของโฮ่วเซิ่งหนานและอธิบายได้อย่างแม่นยำไม่มีบิดเบือนเลยสักนิด


เพื่อนคนอื่น ๆพยักตามเช่นเดียวกัน รวมถึงเพื่อนนักเรียนชายมากมายก็ด้วย


ไม่ใช่ผู้ชายทุกคนที่จะเข้าถึงความงามของโฮ่วเซิ่นหนานได้!


ในเมื่อส่วนมากผู้ชายตะวันออกชอบผู้หญิงประเภทดอกไม้ต้นน้อย ๆ ที่ขี้อายอ่อนโยนไม่แข็งกระด้าง!


ผู้หญิงประเภทโฮ่วเซิ่นหนานแค่ดูปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นม้าจอมพยศ ผู้ชายทั่วไปเอาไม่อยู่ ได้แต่จินตนาการในฝันสักหน่อยก็ไม่เลว


 “จะว่าไปองค์ประกอบบนใบหน้าทั้งห้าของดาวมหาลัยดูดีที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาแล้ว มากกว่านี้หรือน้อยกว่านี้สักนิดก็ไม่ได้ กำลังพอดี!” มีเพื่อนนักเรียนชายคนหนึ่งเหลือบมองจ้าวเหมยที่นั่งข้าง ๆแวบหนึ่งพลันเกิดอาการใจสั่นขึ้นมา


มุมข้างใบหน้าของหญิงงามก็งดงามราวกับภาพวาด!


ได้เรียนร่วมกับดาวมหาวิทยาลัยมันช่างชโลมจิตใจให้เบิกบานเสียจริง!


ทีนี้ทุกคนต่างเห็นด้วยอย่างพร้อมเพรียง“ใช่แล้ว ใบหน้าของจ้าวเหมยบอกได้เลยว่าเป็นผลงานชิ้นเอกของพระเจ้า โดยเฉพาะไฝสีแดงระหว่างคิ้วของเธอ มันพอดีสมบูรณ์แบบมาก มีออร่ามาก จะให้ฉันวาดอย่างไรก็คงวาดความสวยออกมาไม่ได้หรอก!”


“ฉันก็เหมือนกัน ตั้งแต่ได้เห็นจ้าวเหมยฉันก็แอบวาดไปหลายสิบรูปแล้วแต่กลับวาดความงามออกมาไม่ได้สักเศษเสี้ยวเลย…เฮ้อ…”


เพื่อนผู้ชายหลายคนเหลือบมองทางดาวมหาวิทยาลัยอย่างพร้อมเพรียงอีกครั้ง เหมือนมีกวางตัวน้อยวิ่งพุ่งชนเข้ามาที่หัวใจ กระโดดโลดเต้นคึกคะนองอย่างมีความสุข!


“ฉะนั้น ฉันจะสรุปให้นะว่าสาวงามแบ่งออกเป็นสี่ประเภท!” โจวซื่อซินผู้ช่ำชองเริ่มเอ่ยปากอีกครั้งโดยที่คนอื่น ๆต่างทำหูตั้ง แม้คุณชายคนนี้จะทำให้คนอื่นนึกเกลียดจนคันฟันยุบยิบแต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า


กับเรื่องผู้หญิงไอ้สารเลวนี่มีความเข้าใจเฉพาะตัวของมันจริง ๆ


………………………..


 ตอนที่ 1445 สาวงามสี่ประเภท


โจวซื่อซินมองเหล่านักศึกษาจำนวนมากที่เขยิบเข้ามาใกล้อย่างได้ใจแวบหนึ่ง ซึ่งรวมไปถึงหญิงสาวที่ปกติมักจะสำรวจท่าทีบางส่วนต่างก็ทำหูตั้งเหมือนเหล็กหมาด


เขาพูดพลางโยกศีรษะไปมา “สาวงามแบ่งออกเป็นฟ้า ดิน คน หลุมสี่ระดับ ระดับฟ้าก็คืออย่างจ้าวเหมย เปรียบเหมือนนางฟ้าตกสวรรค์ที่ร้อยปีจะมีมาสักคน คนธรรมดาอย่างเราก็อย่าได้หวังเลย”


เหล่าผู้ชายพยักหน้ากันอย่างพร้อมเพรียง นั่นน่ะสิ!


กลุ่มผู้หญิงทั้งอิจฉาทั้งริษยาแต่ก็อยากรู้ว่าพวกเธอนั้นอยู่ในระดับไหน ระดับฟ้าย่อมไม่มีทางอยู่แล้ว ไม่มีเรื่องดีแบบนี้หรอก!


โจวซื่อซินพูดต่อ “ส่วนระดับดินก็นับว่าเป็นสาวงามที่นานทีจะมีสักคนเช่นกัน อย่างดาวคณะของเราสวีจื่อเซวียน เธอก็คือสาวงามประเภทดิน ขอแค่พวกเราพยายามกันหน่อยก็พอจะเอื้อมถึงอยู่”


พูดถึงตรงนี้โจวซื่อซินรวมถึงเหล่าคุณชายคนอื่น ๆก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย ทำสายตากรุ้มกริ่ม


“ระดับคนก็คือสาวงามทั่วไปล่ะ ประเภทนี้เจอได้บ่อยที่สุด มหาลัยเราก็มีไม่น้อย ส่วนทำไมถึงเรียกว่าระดับคนนั่นก็เพราะสาวงามพวกนี้ไม่สวยเพียงชั่ววูบ ดูครั้งแรกชอบใจ ดูครั้งที่สองรำคาญใจ ดูครั้งที่สามก็คือยอมแพ้ไม่อยากเห็นแล้ว!”


โจวซินซื่อยิ่งพูดยิ่งได้อารมณ์จนน้ำลายสาดกระเด็นไปทั่ว


เพื่อนคนอื่น ๆยิ่งฟังก็ยิ่งสนุกจนแทบลืมสิ่งรอบตัวไป


“ระดับหลุมล่ะเป็นสาวงามประเภทไหน?” มีคนซักไซ้ขยี้ให้ถึงที่สุด


โจวซินซื่อถลึงตาใส่เขาไปทีหนึ่งอย่างขุ่นเคือง “เพื่อนยาก ระดับหลุมแล้วยังจะเป็นสาวงามอะไรได้อีก? แค่ไม่ขี้เหร่ก็ควรขอบคุณฟ้าดินแล้ว!”


เหล่าเพื่อนผู้ชายเข้าใจอย่างถ่องแท้ เป็นหลุมที่ใหญ่จริง ๆด้วย!


เหล่าเพื่อนผู้หญิงต่างกลอกตากันถ้วนหน้าโดยเฉพาะคนที่หน้าตาออกจะธรรมดาไปสักหน่อย ทำเอาพลอยรังเกียจโจวซินซื่อเข้าไส้


กล้าวิพากษ์วิจารณ์ผู้หญิงต่อหน้าทุกคนแบบนี้ไม่มีมารยาทเลยสักนิดเดียว น่าแค้นใจนัก


มีผู้ชายคนหนึ่งเหลือบมองไปทางโฮ่วเซิ่งหนานที่เตรียมสอนอยู่บนเวทีแวบหนึ่งก่อนถามเสียงเบา “คุณชายโจว แล้วครูภาษาอังกฤษของเราอยู่ในระดับไหนเหรอ?”


โจวซินซื่อจ้องโฮ่วเซิ่งหนานอย่างละเอียดแวบหนึ่ง ไล่ตั้งแต่หัวถึงหน้าอกจนถึงบั้นท้ายแล้วไล่มาถึงขา…ถึงลูบคางเอ่ยตอบ “ระดับคนล่ะมั้ง!”


“ไม่ใช่หรอกมั้ง? ยังไงก็ต้องระดับดินหรือเปล่า?” มีผู้ชายหลายคนไม่เห็นด้วย เรียกร้องความไม่เป็นธรรมแทนโฮ่วเซิ่งหนาน


โจวซื่อซินมองพวกเขาอย่างหยามเหยียดทีหนึ่ง คนพวกนี้แค่ดูก็รู้แล้วว่าครั้งแรก แม้แต่ผู้หญิงยังดูไม่เป็น


เขาช่วยชี้แนะให้ผู้ชายที่เรียนรู้เป็นครั้งแรกพวกนี้อย่างใจดี “เพื่อน รู้ไหมว่าแบ่งสาวงามประเภทดินหรือคนอย่างไร?”


“ไม่รู้!” เหล่าผู้ชายที่ไร้ประสบการณ์ต่างส่ายศีรษะด้วยความงุนงง


“วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือถอดเสื้อทั้งหมดแล้วค่อยดู ตัดเครื่องประดับหรูหราและเสื้อผ้าทั้งหมดทิ้งให้เหลือแค่ร่างเปลือยเปล่าอย่างเดียวและไม่แต่งหน้า แบบนี้ถึงจะเห็นความงามที่แท้จริงได้”


โจวซื่อซินเหลือบมองโฮ่วเซิ่งหนานที่อยู่บนเวทีอีกแวบหนึ่งค่อยกดเสียงต่ำแล้วพูดต่อ “อย่างครูภาษาอังกฤษที่ดูตอนแรกแล้วสวยมีเสน่ห์แต่พอดูไปนาน ๆกลับไม่รู้สึกอะไรแล้ว ทั้งหมดนี้ก็เพราะเครื่องสำอางกับเสื้อผ้า เจ้าตัวไม่มีอะไรน่าดึงดูดเลย สวยสู้เจ้าหญิงแอฟริกาของห้องเราไม่ได้ด้วยซ้ำ!”


เจ้าหญิงแอฟริกาที่นั่งอยู่ไม่ไกลอย่างสีอันน่าได้ยินเสียงซุบซิบของคนพวกนี้ แม้จะโกรธที่พวกเขาวิพากษ์วิจารณ์ตัวเองแต่ก็แอบได้ใจอยู่หน่อย และรู้สึกดีต่อคุณชายหลายใจอย่างโจวซื่อซินเพิ่มขึ้นอีกนิด


เจ้าตัวไม่ใช่คนดีอะไรแต่นับว่าสายตาหลักแหลมไม่เบา!


โฮ่วเซิ่งหนานนึกแปลกใจเหลือเกินที่นักศึกษาเหล่านี้หมดซึ่งความหลงใหลต่อตนได้รวดเร็วขนาดนี้ นี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!


วันก่อนที่ภัตตาคารเฟิ่งหลาย วันนี้ก็ในห้องเรียน


เกิดสถานการณ์แบบนี้ขึ้นถึงสองครั้ง ความได้ใจและความมั่นใจที่โฮ่วเซิ่งหนานติดตัวกลับประเทศมา ขณะนี้ได้รับความสะเทือนใจอย่างรุนแรง


นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?


แน่นอนว่าโฮ่วเซิ่งหนานเป็นคนฉลาด ไม่นานเธอก็หาสาเหตุเจอเพราะเหล่านักศึกษาชายด้านล่างส่งสายตามองหญิงสาวคนเดียวกันแทบทั้งห้อง นัยน์ตามีความตกตะลึงและหลงใหลในแบบที่เธอชอบแต่กลับไม่ได้มีไว้สำหรับเธอ


ผู้หญิงคนนั้นคือจ้าวเหมยที่เพิ่งเจอกันวันก่อนนั่นเอง!


ซึ่งเป็นขวากหนามที่โฮ่วเซิ่งหนานอยากกำจัดทิ้งมากที่สุด!


ตอนที่ 1446 หวนกลับมาเจอกัน


“สวัสดีค่ะนักศึกษาทุกคน ฉันคืออาจารย์ภาษาอังกฤษของพวกเธอ หากไม่เกิดเรื่องเหนือความคาดหมายอะไรขึ้นฉันก็คงเป็นอาจารย์สอนวิชาภาษาอังกฤษเทอมนี้ทั้งเทอม ฉันขอแนะนำตัวเองสักหน่อย ชื่อภาษาจีนของฉันคือโฮ่วเซิ่งหนาน ชื่อภาษาอังกฤษคือเจสสิก้า พวกเธอจะเรียกฉันว่ามิสโฮ่วก็ได้หรือเรียกว่าเจสสิก้าก็ได้”


โฮ่วเซิ่งหนานปรายตามองเหมยเหมยอย่างประเมินแวบหนึ่งและละสายตาอย่างรวดเร็วก่อนจะเริ่มแนะนำตัวเอง


ผู้หญิงจากตระกูลเล็ก ๆที่มีเพียงรูปลักษณ์ภายนอกอย่างจ้าวเหมยไม่ควรค่าพอให้โฮ่วเซิ่งหนานอย่างเธอลงไม้ลงมือเลยจริง ๆ!


แต่เพื่อผู้ชายที่ทำให้เธอหลงใหลอย่างเหยียนหมิงซุ่น เธอจำต้องยอมฝืนใจจัดการเจ้ากระต่ายขาวตัวน้อยนี้แล้วล่ะ


โฮ่วเซิ่งหนานกระตุกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย เผยรอยยิ้มที่ดูมั่นอกมั่นใจทั้ง ๆที่กำลังพูดแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการอยู่แท้ ๆ แต่ในหัวกลับคิดถึงเรือนร่างที่ดุดันเซ็กซี่และงดงามนั่น ซึ่งก็คือคนที่ทำให้เธอเกิดความต้องการเหมือนกินยาปลุกเซ็กส์อย่างเหยียนหมิงซุ่น


เดิมทีโฮ่วเซิ่งหนานเป็นสาวที่มีความต้องการทางเพศสูงแต่กลับเรื่องมากเรื่องคู่นอนไม่น้อย ไม่อย่างนั้นเถียนมู่คงไม่ต้องรอเก้อมานานหลายปีขนาดนี้


คู่นอนของโฮ่วเซิ่งหนานมีเคนหนุ่มผิวขาวผมทองตาฟ้าและมีเจ้าชายทะเลทรายร่างสูงใหญ่บึกบึน มีอยู่ทุกรูปแบบจำนวนก็ไม่น้อย แน่นอนว่าหนุ่มเอเชียก็ต้องมีบ้างแต่สำหรับเธอแล้วเป็นเพียงความสุขชั่วครู่ชั่วคราวเท่านั้น


แต่สองปีมานี้โฮ่วเซิ่งหนานยากจะพึงพอใจมากขึ้นเรื่อย ๆ หนุ่มต่างชาติแม้ของจะดีและใหญ่แต่กลิ่นก็แรงมากเช่นกัน นี่จึงเป็นจุดที่ทำให้โฮ่วเซิ่งหนานไม่ชอบใจมากที่สุด เมื่อเทียบกับหนุ่มเอเชียที่ไม่มีข้อด้อยด้านนี้แต่ก็ไม่อาจเติมเต็มเธอได้


กระทั่งได้เจอเหยียนหมิงซุ่นในทะเลทราย


โฮ่วเซิ่งหนานรู้สึกว่าตัวเองหลงชายหนุ่มที่กระโจนเข้าหาเธอไวปานเสือดาวและตะครุบลำคอตัวเองไว้ตั้งแต่แวบแรกที่เห็น!


พอเห็นกล้ามสุดเย้ายวนของเหยียนหมิงซุ่นขณะเปลี่ยนเสื้อผ้า เส้นวีไลน์ที่ทำให้เธอเลือดกำเดาแทบพุ่ง…รวมไปถึง***ที่ไม่มีใครสู้ได้


โฮ่วเซิ่งหนานไม่อาจถูกใจผู้ชายคนอื่นได้อีกแล้ว


เธอต้องการครอบครองเหยียนหมิงซุ่นเพียงคนเดียว!


ต่อให้ต้องแต่งงานก็ไม่เป็นไร!


ในเมื่อเธอถึงคราวอายุที่ต้องแต่งงานแล้ว หลายวันก่อนคุณลุงยังถามเธอว่าอยากแต่งงานกับผู้ชายแบบไหน รอในอีกไม่กี่วันข้างหน้าได้ทานข้าวกับคุณลุง เธอค่อยบอกไปว่าวางแผนจะแต่งงานกับเหยียนหมิงซุ่นก็แล้วกัน!


คิดว่าคุณลุงจะต้องสนับสนุนเธอแน่นอน!


ไม่ง่ายเลยกว่าโฮ่วเซิ่งหนานจะปลุกตัวเองให้ตื่นจากภวังค์ที่เอาแต่คิดถึงเรื่องเหยียนหมิงซุ่น แค่นึกถึงก็ทำเอาเธอแทบทนไม่ไหวเกิดความรู้สึกพลุกพล่านในใจ


เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆเฮือกหนึ่งเพื่อย้ำเตือนตัวเองว่าสถานะอาจารย์ผู้สง่างามในตอนนี้ ก่อนจะเริ่มเช็คชื่อ


โจวซื่อซินสีหน้าแปลกไปเล็กน้อยหลังจากโฮ่วเซิ่งหนานแนะนำชื่อตัวเอง พอคิดอีกทีก็ตกใจจนหน้าซีด


ให้ตายสิ นี่มันคุณหนูใหญ่นี่นา?


เธอไม่นอนกกผู้ชายอยู่ที่ต่างประเทศแล้วเหรอ วิ่งแจ้นกลับมาเป็นอาจารย์ทำไมกัน?


โจวซื่อซินนึกเสียใจกับคำพูดของตนเมื่อสักครู่เหลือเกินจึงรีบเปลี่ยนคำพูดทันควัน “เพื่อน เมื่อกี้ฉันพูดผิดไป สาวงามอย่างอาจารย์โฮ่วของเราต้องอยู่ระดับฟ้าสิ คนร้อยล้านคนยังเลือกออกมาไม่ได้อย่างนี้เลย!”


ไอ้บ้าเอ้ย คุณหนูใหญ่โฮ่วคนนี้ไม่ได้ใจกว้างนักหรอกนะ หากรู้ว่าเขาพูดแบบนี้ไปจะต้องเล่นงานครอบครัวเขาเละแน่ ตระกูลโจวของเขาจะไปสู้กับหลานสาวนายใหญ่ได้อย่างไรกัน?


รนหาที่ตายชัด ๆ!


ทุกคนต่างเงียบกริบ ‘นี่เป็นบ้าอะไรเนี่ย?’


“จ้าวเหมย!”


“มาค่ะ!”


เหมยเหมยทำสีหน้าเรียบนิ่งมองโฮ่วเซิ่งหนานด้วยท่าทีเมินเฉย เหยียนหมิงซุ่นบอกแล้วว่าอย่าใส่ใจผู้หญิงคนนี้ เธอมีอะไรต้องกังวลอีกล่ะ


หากผู้หญิงคนนี้ไม่สงบเสงี่ยมเธอเองก็ไม่กลัว ทหารบุกก็บัง น้ำท่วมก็เอาดินกลบเสีย!


คนอย่างจ้าวเหมยก็ใช่ว่าจะรังแกได้ง่าย ๆ!


ยิ่งกว่านั้นเธอยังมีเหยียนหมิงซุ่นคอยหนุนหลังอยู่แหนะ!


“นักศึกษาจ้าวเหมยคนนี้สวยจริงๆ ใช้ภาษาอังกฤษพูดแนะนำตัวเองหน่อยได้ไหมคะ?” โฮ่วเซิ่งหนานพูดอมยิ้ม เธอใช้ภาษาจีนพูดก่อนหนึ่งรอบแล้วค่อยใช้ภาษาอังกฤษสำเนียงบริติชที่ถูกต้องแม่นยำพูดซ้ำอีกหนึ่งรอบ พลางจ้องเหมยเหมยเขม็ง


……………………….


ตอนที่ 1447 ต้าชิงล่มสลายแล้ว


เหมยเหมยขมวดคิ้ว รับรู้ถึงความไม่เป็นมิตรจากโฮ่วเซิ่งหนานอย่างชัดเจน ผู้หญิงคนนี้จงใจจะให้เธออับอายขายหน้าสินะ?


ในยุคสมัยนี้ต่อให้เป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงคนที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้คล่องปร๋อก็มีไม่มากอยู่ดี ตามเมืองใหญ่พอมีบ้างแต่นักศึกษาจากชนบทบางแถบภาษาอังกฤษแทบเป็นใบ้


ส่วนนักศึกษาจำนวนไม่น้อยก็ขี้อายเกินกว่าจะพูดภาษาอังกฤษในที่สาธารณะ แน่นอนว่ามีคนที่ทำได้ดีแต่น้อยจนน่าเวทนา


โฮ่วเซิ่งหนานให้เหมยเหมยใช้ภาษาอังกฤษพูดแนะนำตัวเองโดยไม่ทันตั้งตัวแบบนี้ ต้องจงใจจะให้เธอพลาดท่าอับอายขายหน้าคนอื่นอย่างแน่นอน


เพราะโฮ่วเซิ่งหนานรู้สถานการณ์ในประเทศดีและมั่นใจว่าจ้าวเหมยพูดภาษาอังกฤษได้ไม่คล่อง แค่พูดออกว่า ‘สวัสดีคุณชื่ออะไร’ ได้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว เธออมยิ้มมองเหมยเหมยด้วยสีหน้ามั่นใจอย่างออกนอกหน้าราวกับทุกสิ่งทุกอย่างล้วนอยู่ในกำมือของเธอ


เหมยเหมยเกลียดคนประเภทนี้มากไม่ว่าจะผู้ชายหรือผู้หญิง


คิดว่าตัวเองเป็นพระเจ้าหรือไงกัน?


มีสิทธิ์อะไรแสดงท่าทีเหยียดคนอื่นว่าเป็นเพียงแค่ปุถุชนธรรมดา?


เธอเป็นคนสร้างโลกหรือเป็นดวงอาทิตย์กันล่ะ?


เหอะ บนโลกนี้ต่อให้ไม่มีไอสไตล์ก็ไม่มีวันหยุดหมุนหรอก!


เป็นแค่หลานสาวของนายใหญ่เท่านั้นเอง แถมยังไม่ใช่ลูกสาวแท้ ๆด้วยซ้ำ แล้วเอาความมั่นใจนี้มาจากไหนนะ?


เหมยเหมยลุกยืนมองโฮ่วเซิ่งหนานด้วยท่าทางเรียบนิ่งและตอบกลับด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงบริติชอย่างถูกต้องเช่นกัน “ขอบคุณสำหรับคำชมของครูค่ะ แต่ตามบทเรียนไม่ได้กำหนดไว้ว่านักศึกษาใหม่จะต้องใช้ภาษาอังกฤษแนะนำตัวเองหรือเปล่า? ถ้าคุณครูอยากรู้จักฉันสามารถไปเปิดอ่านประวัติจากแฟ้มในห้องเก็บข้อมูลได้นะคะ”


อยากให้เธอแนะนำตัวเอง?


เธอไม่มีทางทำให้หรอก!


โฮ่วเซิ่งหนานสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอคิดไม่ถึงว่าทักษะการพูดของจ้าวเหมยจะดีได้ถึงเพียงนี้ ถึงแม้จะฟังดูแปลกไปสักนิดแต่น้ำเสียงอ่อนหวานของจ้าวเหมยช่วยกลบจุดอ่อนนี้ได้ ต่อให้เป็นเธอที่ฟังแล้วยังปฏิเสธไม่ได้ว่าลำพังแค่เสียงนี้ไม่ว่าจะพูดภาษาไหนก็ไพเราะเสนาะหูอย่างมาก


น่าฟังกว่าเสียงทุ้มแหบที่เธอหลงคิดว่าเซ็กซี่ของตนมากโขเลยล่ะ!


“ทักษะการพูดของเธอไม่เลว แต่เธอคิดมากไปหรือเปล่า ก็แค่การแนะนำตัวง่าย ๆเท่านั้นเอง” โฮ่วเซิ่งหนานยิ้มกล่าวพร้อมสายตาที่ฉายแววดูถูกเล็กน้อย แม้แต่แนะนำตัวเองยังไม่กล้า สมแล้วที่มาจากตระกูลเล็กตระกูลน้อย ต่อให้มีมงกุฎก็ไม่เหมือนเจ้าหญิง


เหมยเหมยก็อมยิ้มตอบ “ยังอ่อนหัดไปหน่อย เชื่อว่าถ้าฉันไปเที่ยวต่างประเทศอีกไม่กี่ครั้งน่าจะพูดได้ดีกว่านี้”


ความหมายโดยนัยก็คือโฮ่วเซิ่งหนานอยู่ต่างประเทศตั้งหลายปี ดังนั้นการพูดภาษาอังกฤษจึงเป็นเรื่องง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก แต่ดันเอาเรื่องนี้มาเย้ยคนที่ไม่เคยไปต่างประเทศมาก่อน เหอเหอ…


เห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของโฮ่วเซิ่งหนานเหมยเหมยอารมณ์ดีไม่หยอกเลยเอ่ยยิ้มตาหยี “แนะนำตัวเองง่ายมากก็จริงแต่ฉันไม่อยากบอกเธอโฮ่วเซิ่งหนาน!”


โฮ่วเซิ่งหนานสายตาเย็นยะเยือกตวาดเสียงดุดัน “จ้าวเหมยเธอระวังตัวให้ดี อย่าคิดว่าฉันยอมเธอครั้งเดียวเธอก็จะทำตัวเหิมเกริมได้นะ!”


“โอ๊ย…ฉันกลัวจังเลย…โฮ่วเซิ่งหนาน ต้าชิงล่มสลายไปแล้ว ตอนนี้คือสังคมประชาธิปไตย เธอคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงจากหัวเมืองใหญ่หรือไง? ทำตัวเหิมเกริม? เหอะ ไม่รู้เลยจริง ๆว่าถ้านายใหญ่รู้ว่าอยู่ข้างนอกเธออาศัยชื่อของเขาโอ้อวดข่มเหงไปทั่วคนอื่น นายใหญ่จะคิดยังไงกัน?”


เหมยเหมยแสร้งทำเป็นลูบอกด้วยท่าทีหวาดกลัวไม่กี่ทีพลางทำหน้าเย้ยหยันใส่


โฮ่วเซิ่งหนานฉลาดก็จริงแต่กลับถูกผู้คนเชิดชูจนแทบไม่เห็นตำแหน่งตัวเองได้ชัดพอ!


ก็เป็นแค่หลานสาวเพราะนายใหญ่ไม่มีลูกสาวถึงได้รักและตามใจเธอไปสักหน่อย แต่—ความรักใคร่นี้จะลึกซึ้งได้สักเท่าไรเชียว?


สุดท้ายแล้วตระกูลผู้ดีพวกนี้จะมีความรู้สึกที่แท้จริงอยู่สักเท่าไรกัน?


ผลประโยชน์ต่างหากที่อยู่เหนือกว่า!


อดีตตระกูลจ้าวรักและตามใจเธอมาก แต่พอเกิดเรื่องคนแรกที่ถูกทรยศก็คือเธอ!


โฮ่วเซิ่งหนานช่างสำคัญตัวมากเกินไปแล้ว!


ตอนที่ 1448 ตรงไหนของเธอที่สู้ฉันได้?


เหมยเหมยไม่กังวลเลยสักนิดว่านายใหญ่จะแอบแก้แค้นเธอลับหลัง เพราะเหยียนหมิงซุ่นช่วยคลายความกังวลให้เธอตั้งแต่แรกแล้ว เธอจะกลัวอะไรอีก!


อีกอย่างคนอย่างนายใหญ่ให้ความสำคัญเรื่องชื่อเสียงมาก แม้แต่ลูกของเขาเองยังคุมเข้มทำให้ครอบครัวมีภาพลักษณ์ในแง่ดีมาตลอด อีกทั้งลูกชายทั้งสามคนไม่มีใครอยู่ในแวดวงการเมืองแต่ล้วนจดจ่ออยู่กับการเล่าเรียน ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย


จึงเป็นสาเหตุที่ไม่ว่าจะในประเทศหรือต่างประเทศนายใหญ่จึงมีชื่อเสียงในด้านดีเสมอมา ยามประชาชนเอ่ยถึงมีแต่จะชูนิ้วโป้งให้


โฮ่วเซิ่งหนานหน้ามืดตามัวไปกับแสงสีเสียงในต่างประเทศจนได้ใจ คิดเป็นจริงเป็นจังว่านายใหญ่โปรดปราณตนมากเสียเหลือเกิน!


“จ้าวเหมย เหิมเกริมนัก!”


โฮ่วเซิ่งหนานถูกเธอพูดจี้จุดอ่อนจึงโมโหปนอาย ขึ้นเสียงมากกว่าเดิมหลายเท่าพร้อมทำสีหน้าเย็นชาดุจน้ำแข็ง


ที่พึ่งสำคัญของเธอคือคุณลุงจึงทำให้เธอคอยเอาใจคุณลุงอยู่ตลอด และนึกเกลียดสถานะของเธอเหลือเกินว่าทำไมดันเกิดมาเป็นเพียงหลานสาว?


แต่ไม่ใช่ลูกสาวแท้ ๆของคุณลุงกันนะ?


หากเป็นลูกสาวแท้ ๆเธอคงเฉิดฉายยิ่งกว่านี้!


บางทีอาจถูกบันทึกชื่อลงในหน้าประวัติศาสตร์ก็เป็นได้!


เหมยเหมยหัวเราะเย้ยหยัน “โฮ่วเซิ่งหนานเธอคงฝันอยู่สินะ ฉันกับเธอเท่าเทียมกัน ถ้าพูดถึงตระกูลโฮ่วของเธอยังสู้ตระกูลจ้าวของฉันไม่ได้ด้วยซ้ำ เธอมีสิทธิ์อะไรมาทำตัวอวดดีต่อหน้าฉัน?”


“เพราะฉันเก่งกว่าเธอ เธอไม่คู่ควรกับเหยียนหมิงซุ่น!”


โฮ่วเซิ่งหนานพูดออกไปตรง ๆ พวกเธอสองคนสนทนากันด้วยภาษาอังกฤษที่ทำเอานักศึกษาในห้องเรียนส่วนมากงงไปชั่วขณะ


แต่ก็มีบางคนที่ฟังเข้าใจซึ่งโจวซื่อซินก็เป็นหนึ่งในนั้น แม้เขาจะเรียนแย่แต่ไม่ใช่คนโง่ เมื่อครั้นที่มีคนมาท้าว่าให้จีบสาวตะวันตกเลยเรียนภาษาอังกฤษไปเกือบครึ่งปีกว่าจะคว้าสาวตะวันตกคนนั้นมาอยู่ในกำมือได้สำเร็จ ทักษะการพูดก็ฝึกจากกิจกรรมบนเตียงมาด้วยเหตุนี้เอง


นักศึกษาไม่กี่คนที่พอจะฟังรู้เรื่องจึงตั้งใจจดจ่อ ตามด้วยท่าทีตกตะลึง แล้วถึงค่อยเข้าใจ…


ที่แท้ก็เพื่อผู้ชายนี่เอง!


ความอยากรู้อยากเห็นกำลังพลุกพล่าน!


เหมยเหมยแค่นหัวเราะ “โฮ่วเซิ่งหนานเธอนี่มันหน้าไม่อายเลยนะ เธอพูดมาสิว่าจุดไหนของเธอสู้ฉันได้บ้าง? เธอสวยกว่าฉันหรือมีพื้นหลังครอบครัวดีไปกว่าฉันเหรอ?”


เธอเว้นช่วงอึดใจหนึ่ง ไม่รอโฮ่วเซิ่งหนานปริเสียงก็พูดใส่ระรัวดั่งปืนกล “เธอดูหน้าทรงเหลี่ยมตาเล็กจมูกแบนปากใหญ่ของเธอสิ ถ้าใช้สายตามืออาชีพของเราพูด อย่างเธอน่ะอยู่ในประเภทที่ไม่ได้สัดส่วนอย่างแรง…เลือกเพื่อนผู้หญิงคนใดคนหนึ่งในห้องนี้มาจับแต่งตัวดี ๆก็ดูดีกว่าเธอทั้งนั้น ฉันไม่รู้ว่าโฮ่วเซิ่งหนานอย่างเธอเอาความมั่นใจมาจากไหนกล้าบอกว่าตัวเองเป็นสาวงามที่ไม่มีใครสู้ได้?


เธอคิดว่าหนุ่มตะวันตกกับหนุ่มฮวาเซี่ยโง่เหมือนกันหรือไง


ผู้หญิงอย่างเธอไปเดินถนนหวังฝูจิ่งเอาก้อนอิฐโยนไปเรื่อยก็โดนแปดคนสิบคนแล้ว!”


โฮ่วเซิ่งหนานหน้าเปลี่ยนไปฉับพลัน สายตาเย็นยะเยือกกว่าเดิมดูเหมือนใจเย็นเหลือเกิน แต่ทว่าเล็บมือที่ทาสีเล็บมาจิกเข้าฝ่ามืออย่างแรง


หากเถียนมู่อยู่ล่ะก็ต้องรู้ได้ว่าโฮ่วเซิ่งหนานเคยมือเปื้อนเลือดมาแล้ว!


เหมยเหมยย่อมสัมผัสได้ว่ามือของโฮ่วเซิ่งหนานต้องเคยเปื้อนเลือดมาก่อน แต่แล้วอย่างไรล่ะ?


ใช่ว่าเธอจะไม่เคยฆ่าคนสักหน่อย?


เหมยเหมยไม่เกรงกลัวสักนิดและเปิดโหมดปากกรรไกรต่อ “ถ้าพูดถึงตระกูล ตระกูลโฮ่วของเธอเทียบตระกูลจ้าวได้จากจุดไหนบ้าง? อีกอย่างฉันจำได้ว่าพ่อแม่ของเธอเป็นแค่ข้าราชการทั่วไปสินะ? เทียบกับพ่อแม่ฉันได้ไหมล่ะ?”


โฮ่วเซิ่งหนานโดนพูดแทงใจดำเข้า อาชีพของพ่อแม่คือบาดแผลที่ใหญ่กว่าสำหรับเธอ!


ความจริงไม่มีทางสู้จ้าวเหมยที่มีพ่อเป็นข้าราชการตำแหน่งใหญ่โตและแม่ที่เป็นศิลปินผู้โด่งดังได้อยู่แล้ว


แต่แล้วอย่างไรล่ะ?


เธอยังมีคุณลุง!


เหมยเหมยรู้ทันเธอเลยซักไซ้กลับ “โฮ่วเซิ่งหนาน หน้าตาและครอบครัวเธอสู้ฉันไม่ได้สักอย่าง ไม่ทราบว่าเธอมีจุดไหนที่โดดเด่นกว่าฉันเหรอ?”


โฮ่วเซิ่งหนานผ่านเรื่องราวหนักหนามามากจริง ๆจึงยังคงสีหน้าเรียบนิ่งตอบกลับด้วยเสียงเย็นชา “จ้าวเหมยเธอเป็นคนที่ตื้นเขินจริง ๆ เอาแต่มองเรื่องพื้นหลังครอบครัวกับภาพลักษณ์ภายนอก สิ่งที่ฉันให้ความสำคัญไม่เหมือนกับเธอหรอกนะ!”


……………………………….


ตอนที่ 1449 สาวงามอันดับหนึ่งของประเทศจีน?


โฮ่วเซิ่งหนานมองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเหยียดหยามยิ่งกว่า เธอรู้อยู่แล้วว่าผู้หญิงจิตใจคับแคบอย่างจ้าวเหมยมองแต่เรื่องตื้นเขินพวกนี้!


ผู้ชายอย่างเหยียนหมิงซุ่นชอบผู้หญิงแบบนี้ไปได้อย่างไรกัน?


“จ้าวเหมยเธอตั้งใจเรียนหนังสือให้มาก ๆดีกว่านะ ผู้ชายเก่งจริง ๆจะมองที่ภายในของผู้หญิงเป็นสำคัญกว่า แต่ไม่ใช่สิ่งตื้นเขินอย่างหน้าตาหรือพื้นหลังครอบครัวหรอกนะ!” โฮ่วเซิ่งหนานจงใจพูดใส่


แน่นอนว่าเธอรู้อยู่แล้วว่ายิ่งเป็นผู้ชายจากตระกูลใหญ่โตบางทีอาจไม่ให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายนอกมาก แต่เรื่องพื้นหลังครอบครัวจะไม่ให้ความสำคัญไม่ได้เด็ดขาด!


ไม่ว่าจะภายในประเทศหรือต่างประเทศ ความเหมาะสมคู่ควรกันเป็นเรื่องสำคัญที่สุดเสมอมา!


เหมยเหมยไม่โกรธแต่กลับหลุดขำแทน “โฮ่วเซิ่งหนานน้ำไม่ได้เข้าสมองเธอใช่ไหม? นี่ให้นักเขียนที่เขียนหนังสือขายดีสองเล่มอย่างฉันอ่านหนังสือเยอะ ๆหน่อยน่ะ? ถึงฉันจะอ่านหนังสือมาไม่เยอะ หรืออาจจะน้อยกว่าผู้ชายที่คุณหนูโฮ่วอย่างเธอเคยนอนด้วยก็เถอะ…”


“อุ๊บ!”


มีคนหลุดขำแล้วนั่นก็คือโจวซื่อซินนั่นเอง!


เขาฟุบหน้าลงโต๊ะ ไหล่ทั้งสองข้างสั่นไม่หยุด จ้าวเหมยช่างกล้าพูดเสียจริง!


แต่หล่อนก็ไม่ได้พูดผิดแต่อย่างใด คนภายนอกอาจไม่รู้แต่คนในแวดวงสังคมของพวกเขากลับรู้ดีว่าชีวิตที่ต่างประเทศของโฮ่วเซิ่งหนานแหลกเหลวเพียงใด!


หากพูดให้น่าเกลียดหน่อยประสบการณ์คงพอ ๆกับหญิงบริการตามสโมสรอันดับหนึ่งแน่!


“จ้าวเหมยเธอระวังคำพูดตัวเองด้วย ไม่อย่างนั้นฉันสามารถให้ทนายของฉันฟ้องเธอได้!” โฮ่วเซิ่งหนานเริ่มหน้าเสีย ประเทศจีนเป็นประเทศที่เคร่งเรื่องศีลธรรม หากให้คนอื่นรู้วิถีชีวิตที่แท้จริงในต่างประเทศของเธอเข้าล่ะก็ชื่อเสียงของเธอต้องจบเห่แน่


สิ่งสำคัญที่สุดคือคุณลุงของเธอจะไม่พอใจอย่างมาก!


เหมยเหมยยักไหล่ “โฮ่วเซิ่งหนานเธอกล้านอนไปทั่วไม่กล้ายอมรับเหรอ? เสียแรงที่นิตยสารพวกนั้นบอกว่าเธอเป็นสาวยุคใหม่ เหอะ ก็เท่านั้นแหละ!”


เธอคร้านจะเสียเวลากับผู้หญิงคนนี้ไปมากกว่านี้เลยบอกกลับไปว่า “ช่างเถอะ ฉันไม่สนใจหรอกว่าโฮ่วเซิ่งหนานอย่างเธอเคยนอนกับผู้ชายมากี่คน แต่ฉันขอเตือนเธอไว้ว่าเหยียนหมิงซุ่นคือคู่หมั้นของฉัน ถ้าเธอขาดผู้ชายมากก็ไปเร่หาคู่นอนพวกนั้นของเธอ อย่ามารังควานผู้ชายของฉัน!”


เธอหยุดเว้นช่วงด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความอาฆาต ยื่นมือออกมาทำท่าตะปบพลางเอ่ยด้วยเสียงเย็นยะเยือก “ไม่อย่างนั้น…อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ!”


ฉีฉีเก๋อที่นั่งอยู่ข้าง ๆตัวสั่นระริก รู้สึกเพียงว่าจ้าวเหมยในขณะนี้น่ากลัวเหลือเกิน!


เหมือนผู้ชายในบ้านของเธอวันนั้นไม่มีผิด ทำท่าเหมือนจะฆ่าคน!


โฮ่วเซิ่งหนานระเบิดเสียงหัวเราะ “จ้าวเหมยเธอนี่มันเข้าข้างตัวเองเก่งจริง ๆ ยังคิดจะไม่เกรงใจฉัน? แค่เธอน่ะเหรอ?”


“แน่นอน ถ้าพูดถึงเรื่องนอนกับผู้ชายฉันไม่มีรู้ลึกอย่างเธอ แต่เรื่องฆ่าคนโฮ่วเซิ่งหนานอย่างเธอใช่ว่าจะสู้ฉันได้”


โจวซื่อซินไหล่สั่นอีกครั้งโดยที่คนอื่น ๆต่างก็มีสีหน้าสับสนเหลือเกิน อยากหัวเราะแต่ไม่กล้าหัวเราะ กลั้นไว้ก็ลำบากจะแย่


แต่วันนี้ดาวมหาลัยได้สร้างความตะลึงแก่พวกเขาจริง ๆ!


ทั้งเรื่องนอนกับผู้ชายทั้งเรื่องฆ่าคน ดาวมหาลัยไม่ใช่สาวอ่อนหวานเหมือนภาพลักษณ์ภายนอกสินะ!


เหมยเหมยพูดเตือนเป็นครั้งสุดท้าย “สรุปเธออยู่ให้ห่างจากผู้ชายของฉันหน่อย แน่นอนว่าต่อให้เธอเปลื้องผ้ามาตามตอแยผู้ชายของฉัน เขาก็ไม่แม้แต่จะชายตามองเธอหรอก เพราะในสายตาของเขาเธอขี้เหร่ยิ่งกว่าหมูตัวเมียอีก!”


พูดจบเธอก็นั่งลงไม่มองโฮ่วเซิ่งหนานที่สีหน้าย่ำแย่อีกต่อไป


“จ้าวเหมย ใครอนุญาตให้เธอนั่งลง?”


โฮ่วเซิ่งหนานโกรธแทบแย่ จากเดิมใบหน้าที่ถือว่าสวยพอตัวกลับบิดเบี้ยวจนดูไม่ได้ ทำเอาโจวซื่อซินรีบก้มหน้าลง ขี้เหร่จริง ๆ สงสัยเหลือเกินว่าผู้ชายต่างประเทศพวกนั้นทำไมถึงรู้สึกว่าโฮ่วเซิ่งหนานสวยกันนักนะ?


แล้วยังยกย่องว่าโฮ่วเซิ่งหนานเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของประเทศจีนอีก?


ให้ตายสิ พวกฝรั่งต้องจงใจกุเรื่องใส่ร้ายผู้หญิงชาวจีนแน่ ๆ!


หากผู้หญิงชาวจีนหน้าตาเหมือนโฮ่วเซิ่งหนานไปหมด คุณชายอย่างพวกเขาจะไปหาความสนุกได้จากที่ไหนล่ะ?


เหมยเหมยเหลือบมองโฮ่วเซิ่งหนานที่กำลังคำรามอยู่บนเวทีอย่างเฉยเมยก่อนจะยิ้มออกมา ราวกับดอกไม้บานสะพรั่งที่กลายเป็นตัวอย่างตรงกันข้ามกับโฮ่วเซิ่งหนานที่หน้าบูดบึ้งอย่างชัดเจน


“อาจารย์โฮ่วคะ ทางมหาวิทยาลัยไม่ได้กำหนดไว้ว่านักศึกษาต้องยืนเรียนหรือเปล่า?”


ตอนที่ 1450 ความแค้นที่อยู่ร่วมใต้ผืนฟ้าเดียวกันไม่ได้


เพื่อนคนอื่น ๆต่างพากันเงียบกริบ!


แม้พวกเขาจะไม่เข้าใจภาษาต่างประเทศที่คุยกันเสียงเจื้อยแจ้วแต่พอจะดูออกว่าดาวมหาวิทยาลัยกับอาจารย์ภาษาอังกฤษต้องมีความบาดหมางกัน อีกทั้งยังมีความแค้นที่แสนจะอ่อนไหวและพร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ เด็กๆอย่างพวกเขาเงียบเข้าไว้จะดีกว่า


ไม่ว่าฝั่งไหนก็อย่าได้ไปมีเรื่องด้วยเด็ดขาด!


โฮ่วเซิ่งหนานเห็นใบหน้ายิ้มแย้มของเหมยเหมยไม่นานก็สงบจิตสงบใจลงได้ เธอรู้ตัวว่าเมื่อสักครู่ตนกลับพลาดท่าไปจึงนึกโชคดีที่ตรงนี้ไม่มีนักข่าว ไม่อย่างนั้นชื่อเสียงของเธอคง…


เธอปรับอารมณ์ได้อย่างรวดเร็วก่อนจะใช้ภาษาจีนตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “เมื่อกี้ฉันคุยกับจ้าวเหมยออกรสไปหน่อยเลยตื่นเต้นไปสักนิด ทุกคนอย่าถือสานะ แต่ทักษะการพูดของจ้าวเหมยไม่เลวเลยจริง ๆ ฉันต้องชื่นชมจ้าวเหมย พัฒนาต่อไปเรื่อยๆ นะ!”


“ขอบคุณสำหรับกำลังใจของอาจารย์ค่ะ!”


เหมยเหมยตอบกลับด้วยใบหน้ายิ้มแต่ดวงตาเย็นชา


“เรามาเริ่มเรียนกันเถอะ…”


ไม่นานโฮ่วเซิ่งหนานก็ปรับตัวเข้าสู่สถานะอาจารย์ผู้สอน พอมีความสามารถอยู่บ้างทักษะการสอนไม่เลวเลย ถ้อยคำการสื่อสารที่ติดตลกบวกกับเป็นอาจารย์ผู้หญิงวัยสาวหน้าตาสวยทำให้เหล่านักศึกษาค่อย ๆลืมเลือนเรื่องไม่น่าจดจำที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้อย่างช้า ๆ


รวมถึงเธอเคยเดินทางไปมาหลายที่เลยพอจะมีความรู้ที่กว้างขวางจึงคอยเล่าเรื่องในชีวิตประจำวันของชาวต่างประเทศให้ฟังเป็นระยะ ๆ ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของนักศึกษาเหล่านี้ที่ส่วนมากเพิ่งจะเคยเดินทางไกลเป็นครั้งแรก บรรยากาศภายในห้องเรียนดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาไม่น้อย


ฉีฉีเก๋อใช้ปากกาเขียนบนกระดาษ “อาจารย์ภาษาอังกฤษมีความแค้นส่วนตัวกับเธอเหรอ?”


“ใช่!”


เหมยเหมยกัดฟันเขียนตอบกลับ ความแค้นที่ไม่น่าให้อภัยอย่างเรื่องแย่งผู้ชาย ไม่ตายก็ไม่มีวันเลิกลาหรอก!


ฉีฉีเก๋อหมดซึ่งความประทับใจที่มีต่อโฮ่วเซิ่งหนานในทันทีเลยเขียนอีกว่า “เหมยเหมย ฉันเชียร์เธอนะ แม่นี่แค่ดูก็รู้ว่าเป็นผู้หญิงสำส่อนคนหนึ่ง”


เดิมทีเหมยเหมยยังโมโหพอสมควรแต่กลับหลุดขำเพราะประโยคนี้ของฉีฉีเก๋อเลยพยักหน้าแรง ๆ ผู้หญิงสติไม่ดีคนนี้ก็คือนางสำส่อนดี ๆ นี่เองไม่ใช่หรือไง!


ไม่ได้ เธอจะต้องให้เซียวเซ่อช่วยสืบเบื้องลึกเบื้องหลังของผู้หญิงคนนี้ในต่างประเทศให้หน่อยแล้ว รู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง!


คาบภาษาอังกฤษหนึ่งคาบจบลงอย่างรวดเร็วจนทำเอานักศึกษามากมายยังไม่อยากเลิกเรียนสักเท่าไรเลย มุมมองที่มีต่อโฮ่วเซิ่งหนานเปลี่ยนไปจากเดิมมากถึงขั้นคิดว่าก่อนหน้านี้เป็นความผิดของจ้าวเหมย ไม่อย่างนั้นคนที่เป็นมิตรอย่างอาจารย์โฮ่วจะโมโหได้อย่างไร?


ซึ่งนี่เป็นเสน่ห์ส่วนตัวของผู้หญิงอย่างโฮ่วเซิ่งหนานล่ะ!


หากให้พูดถึงเรื่องที่เธอใช้ชีวิตในต่างประเทศได้ดีขนาดนี้แน่นอนไม่ได้พึ่งพาเพียงคุณลุงของเธอคนเดียว บอกได้เพียงว่าเธออาศัยชื่อเสียงของคุณลุงเข้าไปในวงการนั้น ส่วนเรื่องราวที่ดำเนินต่อจากนั้นล้วนแต่อาศัยความสามารถของเธอล้วน ๆ


ฉะนั้นโฮ่วเซิ่งหนานเป็นคนที่มีความสามารถคนหนึ่ง และอุปนิสัยของเธออาจจะดูเป็นคนเอาแต่ใจไม่ชอบการผูกมัดในสายตาคนตะวันออก แต่คนต่างประเทศเขาต้องการคนแบบนี้!


ไม่อย่างนั้นโฮ่วเซิ่งหนานจะได้ชื่อว่าเป็นสาวงามอันดับหนึ่งของประเทศได้อย่างไรกันล่ะ อีกทั้งยังติดลำดับรายชื่อร้อยอันดับสาวงามทั่วโลกด้วยนะ


ต้องรู้ว่าร้อยละแปดถึงเก้าสิบของรายชื่อร้อยอันดับสาวงามทั่วโลกนี้เป็นสาวงามจากตะวันตก ชาวตะวันออกมีน้อยเสียจนน่าสงสาร ยิ่งไปกว่านั้นหญิงชาวจีนมีเพียงโฮ่วเซิ่งหนานคนเดียวที่ติดลำดับไปด้วย


เพราะผู้สร้างลำดับรายชื่อนี้เป็นประเทศตะวันตก สาวงามที่พวกเขาเลือกย่อมเลือกจากมุมมองความงามของชาวตะวันตก คนอย่างโฮ่วเซิ่งหนานเป็นรสนิยมของพวกเขาพอดีจึงเป็นเหตุผลที่เธอสามารถใช้ชีวิตในประเทศตะวันตกได้ราบรื่นถึงเพียงนี้


เหมยเหมยเก็บหนังสืออย่างดีแล้วเดินออกจากห้องเรียนพร้อมฉีฉีเก๋อ โฮ่วเซิ่งหนานเองก็เดินลงจากเวทีเช่นกันก่อนจะมาปะทะหน้ากับเหมยเหมย เพราะเธอสวมรองเท้าส้นสูงเลยสูงกว่าเหมยเหมยไปคืบกว่า พอมายืนประจันหน้ากันแล้วทำให้โฮ่วเซิ่งหนานที่ดูมีความน่าเกรงขามเป็นทุนเดิมอยู่แล้วดูน่าเกรงขามยิ่งกว่าเดิม


“จ้าวเหมย ขอคุยด้วยหน่อย!” เธอใช้น้ำเสียงบอกเล่าที่แฝงด้วยความถือตัวอยู่สูงกว่าว่าห้ามปฏิเสธ เหมยเหมยขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้ ไม่อยากทนผู้หญิงหลงตัวเองคนนี้แล้วจริง ๆ


“โฮ่วเซิ่งหนาน ไปอยู่ต่างประเทศมาไม่กี่ปีแม้แต่มารยาทพื้นฐานในประเทศนี้ก็ลืมไปแล้วเหรอ?”


จ้าวเหมยโต้กลับไปประโยคหนึ่งด้วยเสียงเย็นชา ไม่อยากฟังคำพูดบ้าบอพวกนั้น แล้วมีสิทธิ์อะไรมาสั่งเธอกัน?


…………………………


ตอนที่ 1451 ผู้ชายของฉันไม่สนใจเธอ


เหมยเหมยทำมือเป็นสัญญาณบอกให้ฉีฉีเก๋อที่สะดุ้งตัวโยนออกไปก่อนเพื่อไม่ให้เข้ามาพัวพันกับความขัดแย้งระหว่างเธอกับโฮ่วเซิ่งหนาน หากคนสติไม่ดีอย่างโฮ่วเซิ่งหนานเกิดไปลงที่ฉีฉีเก๋อขึ้นมา มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นผลเสียต่อฉีฉีเก๋อแน่นอน


ขณะนี้โฮ่วเซิ่งหนานปรับอารมณ์ดีแล้ว ซึ่งต่อให้ยังโกรธอยู่แต่กลับไม่เผยออกทางสีหน้าแม้แต่น้อย ยังคงแสดงสีหน้าที่ราวกับอยู่สูงกว่าเหมือนเดิม


“จ้าวเหมยเธอเก่งแค่ปากไม่มีประโยชน์หรอกนะ แบบนั้นมีแต่จะแสดงให้เห็นเธอเป็นคนตื้นเขินไม่มีความรู้” โฮ่วเซิ่งหนานพูดเสียงเรียบที่ยังใช้ภาษาอังกฤษเช่นเดิมเพราะเริ่มมีเหล่านักศึกษาที่เข้ามุงอยู่รอบตัวไม่น้อย


เหมยเหมยแค่นหัวเราะ ยังไม่ทันเอ่ยปากโฮ่วเซิ่งหนานก็เอ่ยอีกว่า “เธอคิดจะทะเลาะกับฉันต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้จริง ๆเหรอ?”


“โฮ่วเซิ่งหนานเธอจะใช้ภาษาอังกฤษทำไม? หรือเธอเองก็รู้สึกว่าเรื่องที่เธอแย่งคู่หมั้นฉันเป็นเรื่องน่าอับอายขายหน้า? จะว่าไปเธอไม่มีแม้แต่สิทธิ์จะแย่งด้วยซ้ำเพราะคู่หมั้นของฉันหลบผู้หญิงอย่างเธอแทบแย่ เขาฝากฉันมาบอกเธอว่ารบกวนหลังจากนี้ช่วยรักษาระยะห่างกับเขาด้วย เพราะการตามรังควานของเธอทำให้คู่หมั้นฉันลำบากใจจะตายอยู่แล้ว”


เหมยเหมยไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษพูดแต่ใช้ภาษาจีนกลางที่ถูกต้องเสียยิ่งกว่าถูกต้องอีก


ทีนี้ทำเอาทุกคนนิ่งชะงักไปทันที!


ผู้หญิงสองคนแย่งผู้ชายคนเดียวกันในชีวิตจริง!


อีกทั้งยังเป็นอาจารย์คนสวยแย่งผู้ชายของดาวมหาวิทยาลัยอีกด้วย!


ให้ตายเถอะ ดุเดือดมากเลยใช่ไหมล่ะ!


เพื่อนทุกคนเริ่มมีชีวิตชีวาขึ้นมา และทั้งสองเท้าเหมือนโดนตะปูตอกอยู่กับที่ไม่ว่าอย่างไรก็ก้าวขาไม่ออก


โฮ่วเซิ่งหนานอับอายปนโกรธอย่างถึงที่สุด เธอย่อมรู้ดีถึงท่าทีห่างเหินที่เหยียนหมิงซุ่นมีต่อตน แต่เพราะเหตุนี้ถึงกระตุ้นความต้องการที่จะกำราบผู้ชายคนนี้ของเธอ เดิมทีเธอเพียงแค่อยากสนุกชั่วคราวเท่านั้นเอง!


“จ้าวเหมย ความรักเป็นอิสระ เธอพูดแบบนี้มีแต่จะแสดงให้เห็นว่าเธอเป็นคนใจคับแคบมาก”


โฮ่วเซิ่งหนานทำหน้าจริงจังซึ่งเธอคิดเช่นนั้นจริง ๆ เพราะนั่นคือกฎกติกาของเกมที่เธอเล่นอยู่ในวงการนั้น


เหมยเหมยเหมือนได้ยินเรื่องตลกขบขันเลยหลุดขำไปทีหนึ่งแล้วกล่าว “โฮ่วเซิ่งหนาน ต่อให้เป็นประเทศตะวันตกก็เป็นสังคมผัวเดียวเมียเดียว ความรักที่เป็นมือที่สามทำลายครอบครัวคนอื่นไม่ว่าจะด้านกฎหมายหรือศีลธรรมล้วนต้องเป็นฝ่ายที่ถูกลงโทษ เธออย่าเอาความรักบ้าบออะไรนั่นมาปกปิดความเอาแต่ใจและความไร้ความรับผิดชอบของเธอเลย”


โฮ่วเซิ่งหนานสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยพลันโต้กลับไปอย่างรวดเร็ว “จ้าวเหมยเธอยังไม่ได้แต่งงานกับเหยียนหมิงซุ่นเธอมีสิทธิ์อะไรใช้คำพูดของคนเป็นเมียหลวง? ที่ฉันพูดหมายถึงความรักก่อนแต่งงาน ถ้าแต่งงานแล้วยังไงก็ต้องซื่อสัตย์ต่อชีวิตคู่อยู่แล้ว”


เหมยเหมยนึกขุ่นใจ ยัยผู้หญิงสติไม่ดีคนนี้ปฏิกิริยารวดเร็วดีนี่นา


“ฉันกับเหยียนหมิงซุ่นเป็นคู่สามีภรรยาที่หมั้นแล้วแต่ยังไม่ได้แต่งงาน ในใจของเราทั้งคู่ต่างซื่อสัตย์ต่อกัน ฉะนั้นโฮ่วเซิ่งหนานเธออย่าเสียแรงไปเลย กลับไปหาเหล่าคนรักของเธอที่ต่างประเทศเถอะ!”


ความจริงเหมยเหมยไม่รู้ว่าโฮ่วเซิ่งหนานใช้ชีวิตในต่างประเทศอย่างไร ทั้งหมดนี้เธอแค่เดาจากลักษณะการแต่งตัวและวาจาคำพูดของผู้หญิงคนนี้แต่กลับเดาไม่พลาดเลย โฮ่วเซิ่งหนานมีคนรักที่มากจนนับไม่หวาดไม่ไหวจริงด้วยสิ!


พูดจบเธอหันหลังเดินจากไป อีกประเดี๋ยวยังมีคาบเรียนต่อ ซึ่งไม่เป็นการดีนักหากเข้าเรียนสาย


เมื่อสักครู่โฮ่วเซิ่งหนานกับเหมยเหมยคนหนึ่งพูดภาษาอังกฤษส่วนอีกคนพูดภาษาจีนกลาง ทุกคนพอจะฟังรู้เรื่องบ้างแต่ก็ไม่ทั้งหมด


แต่หนึ่งสิ่งที่พวกเขามั่นใจได้คือดาวมหาวิทยาลัยมีเจ้าของแล้ว


อีกทั้งยังรักกันมากเสียด้วย!


เหล่าชายหนุ่มไม่ได้เศร้าเสียใจกับเรื่องนี้มากนักเพราะพวกเขารู้ดีอยู่แก่ใจว่าตนไม่มีสิทธิ์เด็ดดอกฟ้าที่สูงส่งนี้ได้ เมื่อเทียบกันแล้วพวกเขาอยากรู้มากกว่าว่าคู่หมั้นแสนลึกลับของดาวมหาวิทยาลัยที่ว่านั่นเป็นใครมาจากไหน!


ที่ทำให้ผู้หญิงยอดเยี่ยมทั้งสองคนนี้เล่นละครแย่งสามีกันต่อหน้าผู้คนได้!


Ink Stone_Romance

ตอนที่ 1452 จะแสดงรายการในงานเลี้ยงตอนกลางคืนไหม?


ช่วงเช้ามีเรียนเพียงสองคาบซึ่งยังห่างจากเวลาพักทานอาหารกลางวันอีกหนึ่งชั่วโมงเหมยเหมยจึงตัดสินใจจะกลับไปพักผ่อนที่หอพักก่อน ถังม่านลี่กลับถูกเจียงจื้อหรู่เรียกตัวไป ฉีฉีเก๋อกลับลากเหมยเหมยไปสมัครชมรมมวยปล้ำอย่างตื่นเต้น


“เธอคิดจะเข้าชมรมมวยปล้ำจริงเหรอ?” เหมยเหมยถาม


“แน่นอน ฉันเล่นมวยปล้ำเก่งมากเลยนะ ที่บ้านฉันผู้ชายที่แข็งแรงกว่าฉันไม่มีใครล้มฉันได้เลย” ฉีฉีเก๋อดูได้ใจเสียเหลือเกิน


เหมยเหมยยิ้มไม่พูดอะไรอีก ดูออกว่าฉีฉีเก๋อชื่นชอบการเล่นมวยปล้ำจริง ๆ การได้ทำในสิ่งที่ตนชอบต่อให้ในสายตาคนอื่นจะดูไม่เหมาะสมเท่าไรแต่แล้วจะทำไมล่ะ!


คนเรามีชีวิตอยู่ก็เพื่อสร้างความสุขให้ตัวเองไม่ใช่หรือ?


ห้องชมรมมวยปล้ำไม่ใหญ่มากออกจะดูโทรมไปสักหน่อย มีการต้อนรับอย่างอบอุ่นต่อการเข้าร่วมชมรมของฉีฉีเก๋อ รองประธานชมรมยังเป็นคนที่คุ้นเคยเสียด้วยซึ่งก็คือฉางชิงซงที่พาเหมยเหมยไปรายงานตัวในวันเปิดเทอมวันแรกนั่นเอง เมื่อเขาเห็นเหมยเหมยก็ดีใจเป็นอย่างมากก่อนจะรับปากว่าจะช่วยดูแลฉีฉีเก๋อให้เป็นอย่างดี


“จ้าวเหมยจะลองสมัครชมรมมวยปล้ำของเราบ้างมั้ย?”


ประธานชมรมเป็นหนุ่มตัวโตผู้ใสซื่อที่ดูจะซื่อจริง ๆ แตกต่างจากฉางชิงซงที่ภายนอกดูเป็นคนซื่อแต่เป็นคนหัวแหลมโดยสิ้นเชิง


ฉางชิงซงยกเท้าถีบก้นไปทีหนึ่งให้เจ้าคนตัวโตไปอยู่ด้านหลังแทนแล้วยิ้มเอ่ย “เธอคิดเสียว่าเขากำลังละเมออยู่ก็พอ”


ให้ดาวมหาวิทยาลัยร่างอ้อนแอ้นมาเล่นมวยปล้ำ?


นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการลงมือทำร้ายผู้หญิงเสียอีก!


เหมยเหมยเองก็หัวเราะไปด้วยและไม่ได้เก็บมาคิดมาก เธอไม่มีทางเรียนมวยปล้ำอยู่แล้ว ลำพังหุ่นร่างเล็กอย่างเธอแค่มือเดียวของฉีฉีเก๋อก็สามารถหิ้วตัวเธอขึ้นได้แล้ว


ฉีฉีเก๋อกรอกใบสมัครเสร็จทั้งคู่เลยเตรียมขอตัวลากลับ แต่ฉางชิงซงกลับเรียกพวกเธอไว้ถามยิ้มตาหยี “งานเลี้ยงต้อนรับกับงานไหว้พระจันทร์จัดพร้อมกัน จ้าวเหมยจะแสดงสักรายการไหม?”


ฉางชิงซงเป็นหนึ่งในสมาชิกผู้รับผิดชอบงานกิจกรรมของฝ่ายสโมสรนักศึกษาทางมหาวิทยาลัย ซึ่งจะปล่อยให้นักศึกษาเป็นคนดำเนินการเองทุกอย่างมาโดยตลอด อย่างประเภทงานเลี้ยงตอนกลางคืนแบบนี้ปกติแล้วอาจารย์จะไม่เข้าร่วมจึงให้นักศึกษารับผิดชอบกันเอง ซึ่งฉางชิงซงก็เป็นหนึ่งในผู้รับผิดชอบ


เขากำลังเครียดเรื่องรายการของงานเลี้ยงอยู่แล้วจ้าวเหมยก็ปรากฏตัวขึ้นราวกับถูกฟ้าประทานมาให้พอดี!


อาศัยหน้าตาของดาวมหาวิทยาลัยต่อให้ทำอะไรไม่เป็น แค่ไปยืนอยู่บนเวทีก็เป็นทัศนียภาพที่แสนงดงามเหมือนกันนี่นา!


หากไม่ไหวจริงๆ ก็ให้ดาวมหาวิทยาลัยท่องกลอน ‘อำลาเคมบริดจ์’ แล้วค่อยหาเครื่องดนตรีสักอย่างมาบรรเลง


รับรองว่าต้องแสงประกายเฉิดฉายจนทิ่มแทงคนพวกนั่นแน่!


เหมยเหมยเตรียมปฏิเสธอย่างไม่ต้องคิดเพราะเธอไม่สนใจเรื่องการแสดงจริง ๆ ฉางชิงซงสังเกตเห็นสีหน้าก่อนจึงชิงพูดก่อนเธอจะอ้าปาก “จ้าวเหมยเธอลองไปคิดทบทวนให้ดีก่อน ไม่จำเป็นต้องรีบให้คำตอบพี่หรอก ลองไปคิดดูดี ๆก่อนเถอะนะ!”


“ก็ได้ สามวันหลังจากนี้ฉันจะให้คำตอบรุ่นพี่นะคะ”


เหมยเหมยเก็บคำปฏิเสธกลับไป ฉางชิงซงนับว่าเป็นคนดีคนหนึ่ง หากปฏิเสธตั้งแต่ตอนนี้คงเป็นการหักหน้ากันเกินไปไว้ค่อยปฏิเสธในอีกสามวันหลังจากนี้แล้วกัน!


“เหมยเหมย เธอเตรียมจะแสดงอะไรเหรอ?” หลังเดินออกจากห้องชมรมฉีฉีเก๋อถามด้วยความตื่นเต้น


“ฉันไม่คิดจะแสดงอะไร สามวันหลังจากนี้รบกวนเธอช่วยบอกปฏิเสธฉางชิงซงแทนฉันที” เหมยเหมยตอบกลับ


“ทำไมล่ะ?”


ฉีฉีเก๋อไม่เข้าใจเลย เธอเห็นว่าที่บ้านของจ้าวเหมยมีเครื่องดนตรีไม่น้อยซึ่งบ่งบอกได้ว่าเธอต้องชำนาญเครื่องดนตรีเหล่านี้แน่ ทั้งที่มีความสามารถด้านการเล่นดนตรีแล้วทำไมถึงไม่แสดงออกมาล่ะ?


เหมยเหมยไม่อธิบายเพียงแค่ยิ้มรับ


ฉีฉีเก๋อถอนหายใจเฮือกหนึ่งอย่างนึกเสียดาย น่าเสียดายจริง ๆ!


พอกลับไปถึงหอพักกลับเห็นถังม่านลี่ฟุบร้องไห้อยู่บนเตียง อีกทั้งสายตาคนอื่นที่แฝงไปด้วยการตำหนิและกล่าวโทษทิ่มแทงเหมยเหมยราวกับเธอได้ทำเรื่องเลวร้ายไม่น่าให้อภัยเสียอย่างนั้น


………………………


ตอนที่ 1453 ฉันปรานีแล้ว


ถังม่านลี่ร้องไห้ด้วยความเสียใจอย่างมาก ไม่สิ ควรบอกว่าน่าสงสารมากกว่า


เธอน่าจะเดินร้องไห้กลับมาตลอดทางทำให้บริเวณหน้าประตูห้องพักจนคนห้องอื่นต่างมามุงอยู่ไม่น้อย แต่ละคนคอยยื่นคอสอดส่องพลางกระซิบกระซาบไปด้วย


“…ฮือ…ต่อให้ฉันพูดผิดจริง ๆก็เตือนฉันก็ได้นี่นา ถอนทุนการศึกษาสองปีไปแล้วยังไม่พออีกเหรอ? ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าเฝ้าสังเกตพฤติกรรมจากทางมหาวิทยาลัย…ทุนการศึกษาทั้งสี่ปีก็หมดลงแล้ว…ฮือ…”


ถังม่านลี่ร้องไห้ไปพลางพูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น แต่สุดท้ายก็เล่าสาเหตุที่เธอร้องไห้ได้สักที ทุกคนต่างหายใจสะอึกไปทีหนึ่ง


มิน่าเมื่อกี้เจียงจื้อหรู่ถึงเรียกตัวถังม่านลี่ไป สงสัยจะคุยเรื่องนี้สินะ!


เฝ้าสังเกตพฤติกรรมจากทางมหาวิทยาลัย?


แล้วยังถอนสิทธิ์ทุนการศึกษาทั้งสี่ปี?


บทลงโทษนี้นับว่าหนักหนาสาหัสจริง ๆ!


ทุกคนล้วนมองไปทางเหมยเหมยอย่างพร้อมเพรียงและนึกหวั่นใจอย่างน่าแปลก เพียงแค่พูดผิดไปไม่กี่ประโยคก็ต้องโดนลงโทษแบบนี้เลยหรือ หากทำผิดอีกเกรงว่าคงอยู่ในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ต่อไปไม่ได้แล้วสินะ?


หรือว่าจ้าวเหมยก็คือคนที่อยู่ในชนชั้นอำนาจในตำนานเหล่านั้น?


ไม่อย่างนั้นทางมหาวิทยาลัยจะลงโทษถังม่านลี่รุนแรงขนาดนี้ได้อย่างไร?


เหมยเหมยเองก็คาดไม่ถึงเหมือนกันแต่ไม่นานเธอก็เข้าใจทันที ต้องเป็นฝีมือของเหยียนหมิงซุ่นที่กดดันทางมหาวิทยาลัยแหง ๆ พลันรู้สึกอบอุ่นไปทั้งหัวใจ


เธอไม่รู้สึกว่าเหยียนหมิงซุ่นจะคุมเข้มเกินไปแต่อย่างใด เธอชอบถูกคนคุมแบบนี้ คอยคุมตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยสิดี!


“จ้าวเหมย…ทำไมเธอถึงใจร้ายขนาดนี้? ฉันกล่าวขอโทษไปแล้ว อีกอย่างทางมหาลัยก็ลงโทษฉันไปแล้ว เธอยังไม่พอใจเหรอ? ต้องไล่ต้อนให้ฉันตายเธอถึงพอใจใช่ไหม?” ถังม่านลี่มองเหมยเหมยอย่างแค้นเคืองด้วยสองตาบวมเป่ง


นักศึกษาที่ถูกเฝ้าสังเกตพฤติกรรมจากทางมหาวิทยาลัย หากทำความผิดเพียงนิดเดียวก็จะถูกไล่ออก ทุนการศึกษาสี่ปีก็หมดสิทธิ์ไปแล้ว สี่ปีนี้เธอจะผ่านมันไปได้อย่างไร?


จ้าวเหมยกำลังไล่ต้อนเธอให้จนตรอกอยู่นะ!


เหมยเหมยทำหน้านิ่งตอบกลับเสียงเย็นชา “ขณะที่เธอพูดใส่ร้ายคนอื่น เธอก็ควรนึกถึงผลที่อาจจะเกิดขึ้นภายหลังนี่นา เธอมาร้องไห้เอาตอนนี้มีประโยชน์อะไร?”


“ฉันแค่พูดผิดไปแต่เธอไม่ได้เสียหายอะไรนี่นา ทำไมเธอต้องไล่บี้กันขนาดนี้ด้วย?” ถังม่านลี่ร้องไห้ปล่อยโฮ ตอนนี้เธอเสียใจจริง ๆ หากรู้แต่แรกว่าจะเกิดผลพวงที่รุนแรงขนาดนี้ วันนั้นต่อให้เธอโกรธแค่ไหนก็ไม่มีทางพูดคำพวกนั้นไปเด็ดขาด


เหมยเหมยแค่นหัวเราะแล้วตอบกลับทีละคำ “ถังม่านลี่ เธอต้องทำความเข้าใจหน่อยนะ นี่ฉันปรานีเธอแล้ว ไม่อย่างนั้นตอนนี้เธอคงต้องหอบผ้าไสหัวออกไปแล้ว!”


แม้ผลลัพธ์นี้ไม่ใช่ความตั้งใจแรกของเธอแต่เหยียนหมิงซุ่นออกหน้าเพื่อเธอ แต่ถ้าเธอจะรับไว้แล้วอย่างไรล่ะ?


ถังม่านลี่ตัวสั่นระริก รู้สึกเสียวสันหลังวาบ


สวีจื่อเซวียนมุ่นคิ้ว เธอไม่ชอบท่าทางอยู่เหนือกว่าของจ้าวเหมยแบบนี้เอาเสียเลย มีสิทธิ์อะไรไปกำหนดชะตาชีวิตคนอื่นแบบนี้?


“เป็นความผิดของถังม่านลี่ที่พูดผิดไปก็จริง แต่จ้าวเหมยเธอต้องให้โอกาสเขาแก้ตัวหน่อยหรือเปล่า?” สวีจื่อเซวียนอดพูดขึ้นไม่ได้พร้อมสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ


เหมยเหมยหมดซึ่งความอดทนแล้ว เมื่อสักครู่เพิ่งทะเลาะกับโฮ่วเซิ่งหนานมาก็ทำเธอไม่สบอารมณ์มากพอแล้วและเธอเองก็คร้านจะพูดมากไปกว่านี้ สีหน้าเย็นชาลง “ทำไมฉันต้องให้โอกาสถังม่านลี่? ฉันไม่ใช่พ่อแม่ของเธอสักหน่อยที่จะให้อภัยกับความโง่เขลาและใสซื่อของเธออย่างไม่มีข้อแม้ สำหรับคนที่จงใจทำลายชื่อเสียงฉัน บทลงโทษนี้นับว่าเบาแล้ว ถ้ายังไม่พอใจงั้นก็กลับไปทำสวนที่บ้านเถอะ อย่ามาสร้างความอับอายขายขี้หน้าที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้!”


ถังม่านลี่สีหน้านิ่งงันไม่กล้าพูดอะไรแม้แต่คำเดียว ไม่รู้ทำไมตอนนี้เธอกลับนึกรู้สึกโชคดีแล้ว


โชคดีที่เธอยังได้ร่ำเรียนในมหาวิทยาลัยนี้ต่อ ไม่ต้องหอบผ้าหอบผ่อนหนีกลับบ้านเกิด!


ไม่อย่างนั้นเธอจะเอาหน้าไหนกลับไปเล่า?


สวีจื่อเซวียนหน้าเจื่อนลงเล็กน้อยแต่ส่วนมากคือความคุกรุ่นในใจ โกรธจ้าวเหมยที่มีอำนาจในการตัดสินชะตากรรมชีวิตคนอื่นได้ง่ายขนาดนี้ และยิ่งโกรธจ้าวเหมยที่ทำท่าไม่สบอารมณ์ใส่เธอ!


เพียงแค่โชคดีกว่าตอนเธอเกิดหน่อยเท่านั้นแหละ!


สวีจื่อเซวียนแอบโมโหคนเดียวและตัดสินใจว่าจะต้องเฉิดฉายในงานเลี้ยงต้อนรับให้คนทั้งมหาวิทยาลัยทึ่งให้ได้!

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)