คัมภีร์วิถีเซียน 1441-1442

ตอนที่ 1441 แมงมุมตัวต่อทมิฬ

 

ว่ากันว่ายุทธภพของหุบเหวมีเจ็ดชั้น ชั้นท้ายๆ กว้างกว่าชั้นแรกเป็นอย่างมาก แต่แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ พื้นที่ของชั้นแรกก็ไม่เล็กเท่าใดนัก หากพวกของหานลี่ต้องการจะไปที่ทางเข้าชั้นสองตามแผนจริงๆ ก็ต้องใช้เวลาสี่ห้าวัน


 


 


วันก่อนทุกอย่างล้วนราบรื่น พวกเขาบินไปตามแนวป่าลับระหว่างทางนอกจากพบกับวิหคชั่วร้ายที่เป็นอมตะสองสามฝูงแล้ว ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น


 


 


แต่เช้าวันที่สองทั้งสามก็รู้สึกเพียงว่าท้องฟ้าเหนือศีรษะพลันหม่นหมอง รอบด้านเปลี่ยนเป็นสีเทาขมุกขมัว


 


 


หานลี่พลันเงยหน้าขึ้นมองด้วยความตกตะลึง


 


 


ผลคือพบว่าหมอกที่เปล่งแสงเรืองๆ อยู่กลางอากาศแต่เดิมนั้นหายไปแล้ว และกลางอากาศสูงขึ้นไปหมื่นจั้ง กลับมีกำแพงหินสีดำสนิทปรากฎขึ้น ด้านบนมีหินงอกออกมาราวกับหินงอกหินย้อย ทุกก้อนล้วนแขวนอยู่ด้านบน แม้กระทั่งหากมองไกลๆ บางจุดก็ยังมีวัชพืชและเถาวัลย์งอกออกมา


 


 


คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะบินออกมาจากเขตป้องกันของประตูหุบเหวแล้ว ในที่สุดก็เข้าสู่ยุทธภพใต้ดินชั้นที่หนึ่งอย่างเป็นทางการ


 


 


โชคดีที่บนพื้นดินมีต้นไม้จำนวนมากเปล่งแสงเรืองๆ อยู่โดยไม่รู้ว่าเป็นเพราะอยู่ในเขตทมิฬมาเนิ่นนานหรือไม่ ประกอบกับบนพื้นดินมีศิลาแร่ที่ไม่รู้จักชื่อกำลังเปล่งแสงเรืองๆ อยู่เช่นกัน


 


 


เช่นนั้นยุทธภพใต้ดินจึงไม่นับว่าตกอยู่ในอนธการไปจริงๆ ยังคงมองเห็นสิ่งของจำนวนไม่น้อยที่อยู่ไกลออกไป


 


 


แต่แค่ความรู้สึกไม่เหมือนกับก่อนหน้า รอบด้านนั้นหนาวเย็นและมืดมนอย่างเห็นได้ชัด


 


 


บางครั้งก็มีหมอกสีดำและวายุเย็นเยียบพัดเข้ามาเป็นระลอกๆ จึงยิ่งทำให้ผู้คนรู้สึกขนลุกชัน


 


 


แต่ก็ไม่นับว่าสำคัญที่สุดเมื่อบินเข้ามาในเขตมืดมนได้ไม่นาน หานลี่ก็รู้สึกว่าจิตสัมผัสของตนเองถูกกดเอาไว้ แผ่ออกไปนอกร่างกายได้เพียงยี่สิบสามสิบจั้งเท่านั้น


 


 


นี่คือผลจากที่เขาฝึกฝนคาถาขับเคลื่อน จิตสัมผัสจึงเหนือกว่าผู้บำเพ็ญเพียรระดับเทพแปลงทั่วๆ ไป คิดดูแล้วไป๋ปี้และเหลยหลันแผ่จิตสัมผัสออกมานอกร่างได้แค่สองสามจั้งก็นับว่าไม่เลวแล้ว


 


 


เมื่อขบคิดเช่นนั้นหานลี่ก็กวาดจิตสัมผัสไปที่ด้านหลัง และสัมผัสได้ว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองมีสีหน้าดูไม่ได้ดังคาด


 


 


ทว่าเรื่องนี้ทั้งสามคนก็ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจอะไร


 


 


สถานการณ์ที่จิตสัมผัสโดนกดเอาไว้ อาวุโสของเผ่าวิหคสวรรค์สองสามท่านได้เตือนพวกเขาตั้งแต่ก่อนออกเดินทางจากเมืองศักดิ์สิทธิ์แล้ว


 


 


ไม่ใช่แค่พวกเขาที่บุกเข้ามาจากภายนอก แม้จะเป็นปีศาจมืดมนที่อาศัยอยู่ในหุบเหวก็เป็นเหมือนกันหมด แต่แค่ปีศาจเหล่านั้นอาศัยอยู่ในหุบเหวมาเป็นเวลานาน จึงรู้สึกชินชากับสถานการณ์เช่นนี้ตั้งนานแล้ว ส่วนเผ่าวิญญาณเหาะเหินที่เพิ่งเข้ามาที่นี่ครั้งแรกแน่นอนว่าย่อมรู้สึกไม่คุ้นเคย เคล็ดวิชาต่างๆ จึงถูกลดประสิทธิภาพลงด้วยเหตุนี้


 


 


หานลี่กลับไม่สนใจสิ่งนี้เลยสักนิด สถานการณ์ที่ถูกกดจิตสัมผัสเอาไว้เช่นนี้ เขาไม่ได้เคยพบเป็นครั้งแรก การต่อสู้ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้นับว่ามีประสบการณ์มาก


 


 


หลังจากบินมาได้สองสามชั่วยาม หานลี่พลันขมวดคิ้วมุ่น จากนั้นพลันยกมือหนึ่งขึ้น ชี้นิ้วไปทางศิลาลำแสงจันทราสองสามก้อนที่หมุนวนโคจรอยู่เบื้องหน้า ชี้ไปกลางอากาศอย่างรวดเร็วสองสามครั้ง


 


 


เสียง “ปังๆ” ดังขึ้น ศิลาลำแสงจันทราระเบิดออกโดยอัตโนมัติทีละก้อนๆ จนหายวับไป


 


 


ลำแสงสีเขียวบนร่างของหานลี่หม่นแสงลง แล้วหยุดเคลื่อนไหว


 


 


รอบๆ เปลี่ยนเป็นเลือนราง ดูเหมือนว่าแม้แต่วายุทมิฬที่พัดเข้ามาก็ยังหนาวเหน็บขึ้นหลายส่วน


 


 


แม้ว่าไป๋ปี้และพวกทั้งสองจะหยุดลำแสงหลีกหนีลงตามความรู้สึก แต่ก็ยังรู้สึกงุนงง


 


 


เหลยหลันยิ่งเผยสีหน้าประหลาดใจออกมา ครั้นเมื่อคิดจะขยับริมฝีปากเอ่ยถามอะไรนั้น กลับมีเสียงหึ่งๆ ดังมาจากทั้งสี่ด้าน ทันใดนั้นเสียงก็ดังขึ้นเรื่อยๆ รอบด้านมีลำแสงสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฎขึ้น แล้วตรงไปเบื้องหน้าของทั้งสามอย่างรวดเร็ว


 


 


“แมงมุมตัวต่อทมิฬ” เหลยหลันพลันตกตะลึง แต่ทันใดนั้นก็ร้องอุทานชื่อออกมา


 


 


ไป๋ปี้ได้ยินพลันหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย


 


 


“ใช่แล้วน่าจะเป็นปีศาจตัวต่อระดับต่ำ และเป็นปีศาจระดับต่ำที่รับมือยากที่สุดในหุบเหว ปีศาจตัวต่อนี้ชอบโจมตีทุกอย่างที่เคลื่อนไหว” หานลี่กวาดสายตาไปรอบๆ แล้วเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าราบเรียบ


 


 


ความจริงแล้วไม่ต้องให้หานลี่อธิบาย เหลยหลันและไป๋ปี้ก็รู้จักโฉมหน้าที่แท้จริงของลำแสงสีเขียวเหล่านี้


 


 


ท่ามกลางลำแสงสีเขียว สิ่งที่กายท่อนบนเหมือนแมงมุมกายท่อนล่างเหมือนตัวต่อประหลาดมีพิษขนาดเท่าหัวแม่มือปรากฎขึ้น ร่างกายสีเขียวมรกต แต่มีลวดลายสีเหลืองเป็นขดๆ ดูแล้วดุร้ายเป็นอย่างมาก


 


 


ทอดสายตาไปลำแสงจำนวนนับไม่ถ้วนเรียงรายกันอยู่เต็มไปหมด ท่าทางมีมากกว่าหมื่นตัว


 


 


จำนวนน่าสะพรึงยิ่งนัก!


 


 


แม้ว่าไป๋ปี้และเหลยหลันจะเป็นแม่ทัพวิญญาณขั้นต้น ก็ยังมีสีหน้าเคร่งขรึม


 


 


นี่ไม่ได้หมายความว่าทั้งสองกลัวปีศาจตัวต่อจิ๊บจ๊อยเหล่านี้ แต่จำนวนมากขนาดนี้ต่อให้สังหารทั้งหมด เกรงว่าก็ต้องเสียพลังยุทธ์ไปส่วนหนึ่ง และในครานี้พวกเขาเพิ่งจะเข้ามาในชั้นแรกได้ไม่ถึงสองวัน แน่นอนว่าจึงไม่อยากปะทะในครั้งนี้


 


 


แต่ปีศาจตัวต่อเหล่านี้มีท่าทีโหดเ**้ยม ดูไม่เหมือนว่าจะจัดการง่ายเลยสักนิด


 


 


ภายใต้ความจนปัญญาของเหลยหลันและไป๋ปี้ จึงทำได้เพียงเตรียมลงมือเท่านั้น


 


 


คนหนึ่งสยายปีกที่แผ่นหลังออก ประจุไฟฟ้าสีเงินบางๆ เริ่มแล่นไปมาบนขนนกสีเงิน อีกคนกลับใช้สองมือร่ายอาคม รอบกายมีลำแสงสีทองอ่อนเป็นสายๆ ปรากฎขึ้น กระพริบเรืองๆ ไม่รู้ว่าคือความสามารถใด


 


 


หานลี่เหลือบตามองทั้งสองคนแวบหนึ่ง อ้าปากออกโดยไม่ได้กล่าวอะไร พ่นลูกบอลเพลิงสีเงินกลุ่มหนึ่งออกมา


 


 


หลังจากเปล่งแสงสว่างวาบ ลูกบอลเพลิงก็กลายเป็นวิหคเพลิงสีเงินขนาดเท่ากำปั้นตัวหนึ่ง


 


 


วิหคเพลิงตัวนี้แค่สยายปีกทั้งสองออก ก็เกิดเสียงระเบิดดัง “ปัง” ขึ้นกลางอากาศ กลายเป็นลูกไฟสีเงินนับร้อยดวงปลิวว่อนไปมา


 


 


ฉากที่น่าเหลือเชื่อพลันปรากฎขึ้น


 


 


ลูกไฟสีเงินจมหายเข้าไปในลำแสงสีเขียวที่อยู่ไกลออกไป ลูกไฟสีเงินทั้งหมดพลันหมุนคว้าง ชั่วครู่ก็กระพริบวาบๆ ราวกับภูตผี พวกที่เข้าใกล้ลำแสงสีเขียวถูกลูกไฟสีเงินเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไปในทันที


 


 


ลูกไฟสีเงินนับร้อยดวงพลันเริงระบำ ลำแสงสีเขียวจำนวนมากรอบด้านไม่อาจต้านทานได้ พลางเข้าใกล้หานลี่และพวกทั้งสามก้าวหนึ่ง


 


 


ไป๋ปี้และเหลยหลันเห็นแล้วพลันตกตะลึงไปเล็กน้อย


 


 


ในเมื่อแมงมุมตัวต่อทมิฬมีชื่อเสียงว่ารัดมือยากในบรรดาปีศาจของหุบเหว แน่นอนว่าย่อมไม่อาจกำจัดได้ง่ายๆ แมงมุมตัวต่อทมิฬเหล่านั้นมีต้นกำเนิดมาจากไอทมิฬที่รวมตัวกัน การโจมตีธรรมดาๆ จึงสังหารพวกมันได้ยาก ต่อให้ทะลวงร่างของมันหรือสับร่างของมันออก พวกมันก็สามารถอาศัยไอทมิฬฟื้นฟูร่างกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ในระยะเวลาอันสั้น นอกเสียจากกว่าสังหารพวกมันทีเดียวได้โดยไม่เหลือสักตัว


 


 


ยุ่งยากถึงเพียงนี้มิน่าล่ะปีศาจตัวต่อนี้ถึงได้มีชื่อเสียงถึงเพียงนี้ แน่นอนว่าตัวต่อตัวนี้จะมีความสามารถเช่นนี้ได้แค่ในสถานที่ที่มีไอทมิฬหนาแน่นเท่านั้น หากอยู่บนพื้นดินก็จะสูญเสียพลังนี้ไป


 


 


ความจริงแล้วไม่ใช่แค่แมงมุมตัวต่อทมิฬ ปีศาจหุบเหวจำนวนไม่น้อยส่วนใหญ่ก็แข็งแกร่งเมื่ออยู่ในหุบเหว แต่เมื่อออกจากหุบเหวก็จะอ่อนแอขึ้นในทันที


 


 


นี่เป็นสาเหตุหลักที่เผ่าวิญญาณเหาะเหินสามารถปิดผนึกทางเข้าของหุบเหวได้ มิเช่นนั้นหากไม่มีจุดอ่อนนี้ เผ่าวิญญาณเหาะเหินก็คงไม่สามารถกักพวกมันเอาไว้ได้อย่างง่ายดายแน่


 


 


เพลิงกลืนวิญญาณดูแล้วบางเบา ไม่เหมือนมีอานุภาพอะไร แต่ความจริงแล้วลูกไฟสีเงินทุกดวงที่สัมผัสกับแมงมุมตัวต่อทมิฬนั้น ล้วนทำให้ร่างของมันกลายเป็นผุยผง กลืนกินไอทมิฬในร่างของมันไปจนหมดเกลี้ยง


 


 


ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ปีศาจแมลงเหล่านี้จึงไม่อาจฟื้นฟูร่างกลับมาได้อีก


 


 


เพลิงกลืนวิญญาณเหล่านี้เดิมทีก็มีจิตวิญญาณอยู่แล้ว เขาจึงไม่จำเป็นต้องใช้จิตสัมผัสควบคุม ก็สามารถทำลายศัตรูได้โดยอัตโนมัติ


 


 


เช่นนั้นหานลี่แค่เอาสองมือไพล่หลังลอยตัวอยู่กลางอากาศอยู่ชั่วครู่ แมงมุมตัวต่อทมิฬนับหมื่นตัวก็ถูกเพลิงกลืนวิญญาณกำจัดไปจนเกลี้ยง


 


 


จากนั้นเขาพลันกวักมืออย่างส่งเดช ชั่วขณะนั้นลูกไฟสีเงินทั้งหมดพลันรวมตัวกันที่ตรงกลาง หลังจากเสียงฟู่ๆ ดังขึ้น ก็กลายเป็นวิหคเพลิงขนาดเท่ากำปั้นตัวหนึ่งอีกครั้ง เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในร่างของหานลี่


 


 


“ไปกันเถิด!” หานลี่เอ่ยอย่างราบเรียบแล้วกลายเป็นลำแสงสีเขียวกลุ่มหนึ่งพุ่งออกไป


 


 


เหลยหลันและไป๋ปี้ฝืนระงับความตื่นตะลึงเอาไว้ แล้วบินตามไปอย่างเงียบๆ เช่นกัน


 


 


ครานี้ไม่ว่าทั้งสองจะถือดีรวมทั้งคิดต่อหานลี่อย่างไร หลังจากที่หานลี่สำแดงความสามารถออกมา ก็มีท่าทีไม่กล้าขัดแย้งต่อคำสั่งของหานลี่มากแล้ว


 


 


เช่นนั้นหลังจากที่ทั้งสามบินผ่านป่ารกทึบไปได้หนึ่งวันหนึ่งคืน ในที่สุดก็ออกมาจากเขตผืนป่า


 


 


ทัศนียภาพเบื้องหน้าพลันเปลี่ยนไป คาดไม่ถึงว่าจะมีทะเลทรายประหลาดๆ สีเงินเทาปรากฎขึ้น


 


 


มองไกลๆ เม็ดทรายเหล่านั้นดูเหมือนว่าจะเปล่งแสงเรืองๆ ออกมา มองปราดเดียวก็รู้สึกอ้างว้างเป็นอย่างยิ่ง


 


 


“หรือว่าข้าจำผิดไป ตามแผนที่แล้วที่นี่น่าจะเป็นแม่น้ำใต้ดินถึงจะถูก เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้” หานลี่หยุดอยู่กลางอากาศ ตอนที่กำลังพลิกจานอาคมไปมาไม่หยุดนั้น ใบหน้าก็เผยสีหน้าประหลาดใจออกมา


 


 


“พี่หาน ท่านไม่ได้จำผิดหรอก ในแผนที่ของพวกเราก็บอกว่าที่นี่ควรจะเป็นแม่น้ำเช่นกัน” หลังจากที่ไป๋ปี้และเหลยหลันดูแผนที่ในเวลาเดียวกันแล้ว ก็เผยสีหน้าตกตะลึงระคนสงสัยออกมา


 


 


“หรือว่าที่ผ่านมาลำธารแห้งขอด วารีจึงไหลซึมไปที่ชั้นสองแล้ว” เหลยหลันแววตาเปล่งประกายขณะเอ่ย


 


 


“ดูจากร่องรอยแล้วไม่น่าจะใช่ ต่อให้วารีไหลไปหมด แล้วทรายจะมาปรากฎที่นี่ได้อย่างไร” หานลี่กลับสั่นศีรษะ เอ่ยอย่างไม่เห็นด้วย


 


 


“พี่หานคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับที่นี่?” ไป๋ปี้ลูบใต้คางพลางเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม


 


 


“ไม่รู้ และไม่จำเป็นต้องสืบหา พวกเราแค่ต้องรีบไป ไม่ได้มาศึกษาความเปลี่ยนแปลงของหุบเหว รีบไปกันเถิด แต่หลังจากที่เข้าไปในทะเลทรายต้องระวังหน่อย” หลังจากที่หานลี่เงียบขรึมไปชั่วครู่ ก็เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเป็นปกติ


 


 


“นั่นมันก็ใช่” ไป๋ปี้หัวเราะโดยเสียงแหบแห้งออกมา


 


 


ทันใดนั้นทั้งสามคนก็กายเป็นลำแสงสามกลุ่ม บินเข้าไปในทะเลทรายสีเงินเบื้องหน้า


 


 


แม้ว่าปากจะกล่าวอย่างสบายๆ หลังจากที่ทั้งสามคนเข้าไปในทะเลทรายแล้ว กลับเพิ่มความเร็วขึ้นสองสามส่วนพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย หมายอยากจะออกจากสถานที่ประหลาดนี้ให้เร็วที่สุด


 


 


ครั้งนี้ทั้งสามคนบินรวดเดียวไปสองสามหมื่นลี้ แต่ในครรลองสายตาก็ยังคงเป็นเม็ดทรายสีเงินเทา ไม่มีต้นไม้ใบหญ้าเลยสักนิด


 


 


“นั่นก็คืออะไร?” ฉับพลันนั้นหานลี่พลันหน้าเปลี่ยน หลังจากที่แววตาฉายแววสีฟ้าสว่างจ้า ฉับพลันนั้นก็หันไปมองด้านหนึ่ง


 


 


“พี่หาน เกิดเรื่องอะไรขึ้น!” ไป๋ปี้พลันตกตะลึง อดที่จะเอ่ยถามไม่ได้


 


 


“ทางนั้นเหมือนจะเป็นทวีปเขียว และยังมีกลิ่นอายโลหิตด้วย” หานลี่ตอบกลับอย่างเคร่งขรึม


 


 


“กลิ่นอายโลหิต ดูเหมือนว่าข้าจะได้กลิ่นแล้วเช่นกัน มาจากทางนั้นแน่!” จมูกของเหลนหลันขยับฟุตฟิตๆ แล้วเอ่ยปากอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก


 


 


“คือสิ่งที่อสูรป่าของหุบเหวทิ้งไว้หรือ?” ไป๋ปี้ลังเลเล็กน้อย


 


 


“ไม่น่าจะใช่ ไอวิญญาณฟ้าดินตรงนั้นวุ่นวายมาก น่าจะใช้ความสามารถอะไรดึงดูดมา พกวเราไปดูสักหน่อยแล้วค่อยว่ากันเถิด” เหลยหลันสั่นศีรษะ พลางเอ่ยเสนอแนะ 

 

 


ตอนที่ 1442 ร้อยเผ่าแดนวิญญาณ

 

“ดูหน่อยก็ดี ไม่แน่ว่าอาจจะพบอะไรก็เป็นได้” หานลี่เอ่ยเห็นด้วยอย่างราบเรียบ


 


 


เมื่อเห็นว่าหานลี่ไม่มีท่าทีปฏิเสธ แม้ว่าไป๋ปี้จะรู้สึกไม่ยินยอม แต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากแย้งอะไร


 


 


ดังนั้นทั้งสามคนจึงเปลี่ยนทิศ บินไปยังจุดที่มีกลิ่นอายโลหิตโชยมา


 


 


ผลคือบินไปได้สิบลี้เศษ เบื้องหน้าพลันมีสีประหลาดๆ ปรากฎขึ้น ทวีปสีเขียวขนาดสองสามลี้ปรากฎขึ้น


 


 


ชั่วพริบตาทั้งสามก็บินมาอยู่เหนือทวีปนั้น


 


 


ความจริงแล้วสีที่เรียกว่าทวีปสีเขียว ดูแล้วกลับเป็นสีดำเหลือง ในนั้นมีต้นไม้สูงใหญ่อยู่หร็อมแหร็ม ส่วนใหญ่ล้วนเป็นพุ่มไม้เตี้ยๆ ที่วัชพืชที่ไม่รู้จักชื่อ


 


 


ตรงใจกลางของทวีปสีเขียวมีบ่อน้ำขนาดสิบจั้งเศษอยู่บ่อหนึ่ง ด้านในกลับมีวารีโลหิตสีแดงสดลอยคออยู่ ข้างบึงน้ำมีซากอสูรจากหุบเหวขนาดเล็กใหญ่ไม่เท่ากันอยู่สิบกว่าร่าง กำลังนอนหมอบคลานอยู่บนพื้น และถูกกรวยหินเป็นแท่งๆ พุ่งทะลุผ่านร่างไป


 


 


โลหิตสดๆ ที่ไหลอกมาจากซากศพเหล่านั้น กำลังไหลลงไปสู่บึงน้ำโลหิต


 


 


ทั้งทวีปสีเขียวมีกลิ่นอายโลหิตลอยตลบอบอวล เหม็นคาวน่าสะอิดสะเอียน


 


 


“อสูรเหล่านี้มาปรากฎตัวที่ทะเลทรายได้อย่างไร น่าจะปรากฎในผืนป่าก่อนหน้าถึงจะถูก” หลังจากที่เหลยหลันพิจารณาอยู่กลางอากาศแล้ว พลันรู้สึกตกตะลึงขึ้นมา


 


 


“เพิ่งจะตายได้ไม่นานมิเช่นนั้นโลหิตคงจะแข็งตัวแล้ว” หลังจากที่ไป๋ปี้พิจารณาอย่างละเอียดสองสามแวบ ก็เอ่ยการคาดเดาของตนเองออกมา


 


 


หลังจากที่หานลี่พิจารณาสองสามแวบ ร่างกายพลันเคลื่อนไหว กลายเป็นลำแสงสีเขียวสายหนึ่งบินวนรอบทวีปสีเขียว


 


 


หลังจากผ่านไปชั่วครู่เขาถึงได้กลับมายังที่เดิมอีกครั้ง ดวงตาหรี่ลงขณะจ้องไปยังบึงน้ำโลหิตบึงนั้น


 


 


“อันใด พี่หานพบอะไรหรือ?” เหลยหลันเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ


 


 


“อืม พบอะไรนิดหน่อยจริงๆ” หานลี่ดูเหมือนจะรำพึงกับตัวเอง แล้วสะบัดแขนเสื้อไปบนพื้นดิน


 


 


ลำแสงสีทองสายหนึ่งพุ่งออกไป พลิ้วไหวแล้วกลายเป็นกระบี่ลำแสงเจ็ดแปดสาย ทยอยกันจมหายเข้าไปในพื้นดินใกล้ๆ บึงน้ำ


 


 


เหลยหลันและไป๋ปี้กลับตะลึงงัน ยังไม่ทันได้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ฉับพลันนั้นตรงจุดที่กระบี่ลำแสงทะลุผ่านไปก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้น จากนั้นวารีโลหิตสีดำก็ทะลักออกมาเป็นสายๆ ระเบิดออกที่พื้นดินรอบๆ ปีศาจที่ดูเหมือนวารรีสองสามตัวกระโดดออกมา


 


 


ทุกตัวมีความสูงประมาณสองสามฉื่อ มีสี่หู มือถือหอกหินหยาบๆ อยู่คนละด้าม แต่ปลายแหลมของมันกลับเปล่งแสงสีขาวจางๆ ออกมา


 


 


“เอ๋ อสูรวานรอาฆาต! แย่แล้ว ทวีปสีเขียวนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยดอกวิญญาณยักษ์” เมื่อมองเห็นรูปร่างของปีศาจเหล่านี้ชัดเจน ชั่วขณะนั้นไป๋ปี้กลับนึกอะไรขึ้นมาได้ พลางร้องอุทานออกมาด้วยเสียงอันดัง


 


 


“ดอกวิญญาณยักษ์!” หานลี่แววตาเปล่งประกาย เหลยหลันร้องอุทานออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา


 


 


ในตอนนั้นเองพื้นดินด้านล่างทั้งสามก็เกิดเสียงอึกทึกขึ้น ทันใดนั้นก็สั่นคลอนอย่างหนัก


 


 


และแทบจะในเวลาเดียวกัน วารีโลหิตในบึงน้ำของทวีปสีเขียวก็หมุนวนออกมาภายนอก เงาสีแดงสายหนึ่งบินออกมา


 


 


แค่เปล่งแสงสว่างวาบ ก็มาอยู่เบื้องหน้าของหานลี่ กระโจนเข้ามาอย่างโหดเ**้ยม


 


 


เหลยหลันและไป๋ปี้พลันตกตะลึง เงาสีแดงเหล่านั้นรวดเร็วเกินไปแล้ว ต่อให้เขาสองคนคิดจะช่วยเหลือ ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ทันการณ์


 


 


แต่เมื่อหานลี่เห็นเช่นนั้น พลันแค่นเสียงหึด้วยความเย็นชาออกมา แขนข้างหนึ่งพลันเลือนราง


 


 


“ปัง” เสียงดังขึ้น!


 


 


แขนหยกสีขาวบริสุทธิ์ข้างหนึ่งปรากฎขึ้นเบื้องหน้าอย่างแปลกประหลาด พลิกฝ่ามือตะปบออกไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า คว้าเงาสีแดงนั้นเอาไว้แน่น


 


 


บุตรศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ด้านข้างทั้งสองถึงได้มองเห็นอย่างชัดแจ้งว่าของสีแดงโลหิตรราวกับลิ้นยาวๆ หนาเท่าแขน ตรงส่วนหน้ามีติ่งเนื้อขนาดเท่ากำปั้นพร้อมกับหนามสีดำยาวสองสามชุ่นอยู่เต็มไปหมด กำลังเคลื่อนไหวไปมาไม่หยุด


 


 


แต่ฝ่ามือของหานลี่กลับดูเหมือนไม่ใช่หนวด นิ้วผลึกทั้งห้าตะปบบนติ่งเนื้อตรงๆ ราวกับมองไม่เห็นหนามแหลมๆ สีดำเหล่านั้น และไม่อาจทำอันตรายผิวกายของเขาได้เลยสักนิด


 


 


และในตอนนั้นเองผิวบนนิ้วของหานลี่พลันมีหัวกะโหลกสีขาวห้าหัวปรากฎขึ้น อ้าปากออกพ่นเปลวเพลิงห้าสีออกมาพร้อมกัน ไล่ตามลิ้นยาวๆ ไป


 


 


แทบจะชั่วพริบตานั้นลิ้นก็กลายเป็นแท่งน้ำแข้งห้าสียาวๆ แท่งหนึ่ง


 


 


หานลี่พลิกฝ่ามือตบไปที่ปลายแท่งน้ำแข็งอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด


 


 


ลำแสงสีเขียวแผ่ระลอกคลื่นออกมา เสียง “เพล้ง” ดังขึ้น ราวกับเสียงของเครื่องลายครามปริแตก ชั่วพริบแท่งน้ำแข็งก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ กลายเป็นผลึกลำแสงสลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย


 


 


เสียงคำรามดังสนั่นของปีศาจดังออกมาจากใต้ดิน ดูเหมือนว่าจะมีท่าทางเจ็บปวด ลำแสงสีโลหิตในบึงน้ำพลันหมุนวน พริบตาวารีโลหิตก็ไม่เหลือสักหยด ทันใดนั้นเสียง “ครืน” พลันดังขึ้น ทวีปสีเขียวทั้งทวีปแตกออกเป็นเสี่ยงๆ สิ่งมหึมาปรากฎขึ้นท่ามกลางรอยแยก


 


 


ด้านบนใหญ่โตอย่างหาที่เปรียบ ด้านล่างเล็กบาง คาดไม่ถึงว่าจะเป็นปีศาจดอกไม้ยักษ์ที่มีขนาดเท่ากับทวีปสีเขียว


 


 


กลีบของปีศาจดอกไม้นี้เป็นสีเงินอ่อนเหมือนกับทะเลทราย แต่ใจกลางของดอกกลับมีเป็นสีแดงสดราวกับโลหิตสดๆ คาดไม่ถึงว่าสร้างขึ้นจากบึงวารีโลหิต ส่วนลิ้นยาวๆ ที่พ่นออกมาโจมตีหานลี่เมื่อครู่ จะเป็นเกสรดอกไม้ใหญ่ๆ อันหนึ่งของดอกไม้ดอกนี้เท่านั้น


 


 


ไม่ใช่แค่นั้น กลีบยักษ์ของดอกปีศาจประหลาดนี้ยังมีสิ่งที่เรียกว่า ‘อสูรวานรอาฆาต’ ยืนอยู่ยี่สิบสามสิบตัว แต่ละตัวล้วนมีเขี้ยวแหลมๆ งอกออกมาจากปาก ในเวลาเดียวกันในมือยังถือหอกหินชูขึ้นไปบนท้องฟ้า จากนั้นกรวยหินยาวสองสามฉื่อยี่สิบสามสิบแท่งพลันปรากฎขึ้น พุ่งตรงเข้าไปหานลี่และพวกทั้งสาม


 


 


“นี่คือดอกวิญญาณยักษ์ น่าสนใจจริงๆ ดอกนี้น่าจะจะเป็นปีศาจระดับกลางสินะ ชั้นแรกไม่ได้มีปีศาจระดับกลางขึ้นไปอยู่น้อยมากมิใช่หรือ” เมื่อเห็นสถานการณ์นี้ หานลี่ไม่ตกตะลึงแต่กลับหัวเราะออกมา


 


 


ครั้งนี้ไม่ต้องให้เขาลงมือ เหลยหลันและไป็ปี้ที่อยู่ด้านข้างพลันชูมือทั้งสี่ขึ้นพร้อมกัน ประจุไฟฟ้าสีเงินและเส้นไหมสีทองตัดสลับพัวพันเข้าด้วยกัน แล้วโจมตีกรวยหินจนแตกละเอียด


 


 


“พี่หาน! ปรากฎตัวน้อยมาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ปรากฎ และยิ่งไปกว่านั้นเวลาในการทดสอบที่พวกเราเลือกนั้นก็ไม่ค่อยดีจริงๆ เป็นช่วงเวลาก่อนที่คลื่นปีศาจหุบเหวจะปะทุ ปีศาจระดับกลางมาปรากฎตัวที่ชั้นหนึ่ง ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร” เหลยหลันขมวดคิ้วตามความเคยชินแล้วเอ่ยอธิบาย


 


 


แม้ว่าครั้งนี้จะเผชิญหน้ากับปีศาจระดับกลาง แต่จากความยุ่งยากแล้วก็ไม่ได้ต่างจากแมงมุมตัวต่อทมิฬก่อนหน้านัก ดังนั้นหลังจากที่ตกตะลึงแล้วสตรีผู้นี้ก็มีสีหน้าราบเรียบ


 


 


“งั้นหรือ! ได้ยินว่าน้ำหวานของดอกไม้ชนิดนี้เป็นวัตถุดิบในการปรุงยาชั้นเยี่ยม ในเมื่อพบแล้ว พวกเราก็เก็บไปสักหน่อยเถิด” หานลี่ฉีกยิ้มอย่างเงียบๆ นิ้วทั้งสิบร่ายไปทางด้านล่าง


 


 


เสียง “ฟู่ๆ” ดังขึ้น กระบี่เล่มเล็กสีทองสิบเล่มดีดออกมาจากหว่างนิ้ว เปล่งแสงสว่างวาบแล้วกลายเป็นสายรุ้งสีทองสิบสายพุ่งลงไป


 


 


ใจกลางของดอกไม้ยักษ์มีเสียงร้องคำรามประหลาดๆ ดังขึ้น ทันใดนั้นเงาสีแดงจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งออกมาอย่างหนาแน่น หมายจะโจมตีกระบี่บินเหล่านี้


 


 


หากพบกับคนของเผ่าวิญญาณเหาะเหินธรรมดาๆ เผชิญหน้ากับการโจมตีที่รุนแรงเช่นนี้ ก็คงต้องปวดหัวยกใหญ่ แต่หานลี่แค่มีสีหน้าเคร่งขรึม มือหนึ่งชี้ไปที่กระบี่บินทั้งหมด


 


 


ชั่วขณะนั้นกระบี่บินสิบเล่มพลันเปล่งแสงสีทองสว่างวาบ เมื่อทั้งสองสัมผัสกัน ก็กลืนเงาสีแดงเหล่านั้นเข้าไปในกระบี่ลำแสงจนหมด แล้วกวนให้เข้ากันจนแตกเป็นเสี่ยงๆ


 


 


ทันใดนั้นลำแสงสีทองพลันพลิ้วไหวอีกครั้ง กลายเป็นกระบี่ลำแสงที่เหมือนกันทุกระเบียบนิ้วยี่สิบสามสิบเล่ม ร่อนลงมาเต็มท้องฟ้า


 


 


อสูรวานรอาฆาตเหล่านั้นเห็นสถานการณ์นี้ก็ดูเหมือนว่าจะรู้ว่าหายนะกำลังประชิดเข้ามาแล้ว ปากพลันเปล่งเสียงร้องแหลมๆ ออกมา ทยอยกันขว้างหอกหินในมือออกไป คิดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นกระบี่ลำแสงสีขาวยี่สิบสามสิบสาย


 


 


แม้ว่าหอกหินเหล่านี้จะผ่านการหลอมโดยปีศาจเหล่านี้มาอย่างตื้นเขิน แต่จะไปต้านทานความแหลมคมของกระบี่ไผ่เขียวตัวต่อเมฆาได้อย่างไร ทันใดนั้นก็กลายเป็นเศษฝุ่นหินระเบิดออกท่ามกลางลำแสงเย็นเยียบ


 


 


จากนั้นสายรุ้งสีทองสิบกว่าสายก็รัดพันฝูงอสูรวานรอาฆาตเอาไว้ ร่างของปีศาจเหล่านั้นทยอยกันแยกออกเป็นสองส่วนแล้วล้มลงกับพื้น


 


 


ในเวลาเดียวกันกระบี่ลำแสงที่เหลือกลับล้อมดอกปีศาจทั้งดอกแล้วสับลงไปอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด ชั่วพริบตาก็สับดอกไม้ดอกนั้นจนแหลกออกเป็นชิ้นๆ ร่อนลงสู่พื้น ของเหลวสีเขียวขนานใหญ่ไหลลงสู่พื้น


 


 


ดอกวิญญาณยักษ์ดอกนั้นและแม้กระทั่งสหายร่วมวิถีอย่างอสูรวานรอาฆาตเหล่านั้นต่างถูกหานลี่ใช้กระบี่บินสับขนสิ้นลมทั้งหมดแม้เพียงพบหน้า


 


 


เหลยหลันและไป๋ปี้ไม่เหลือที่ให้ลงมืออีก ทั้งสองอดที่จะรู้สึกมองสบตากันแวบหนึ่งแล้วหัวเราะอย่างขมขื่นออกมาไม่ได้


 


 


 “เอาล่ะ จากนี้ก็เก็บน้ำหวานเหล่านี้ไปกันเถิด” หานลี่ใช้มือหนึ่งกวักเรียก เก็บกระบี่ลำแสงทั้งหมดเข้าไปในแขนเสื้อ แล้วเอ่ยอย่างราบเรียบ


 


 


ทันใดนั้นร่างกายของเขาก็พลิ้วไหว ร่อนลงบนพื้นดินใกล้ๆ จากนั้นมือหนึ่งก็พลิกฝ่ามือ ในมือมีขวดเล็กๆ สีเขียวมรกตปรากฎขึ้น สะบัดไปทางใจกลางของดอกไม้ที่ไม่สมบูรณ์ดอกนั้น


 


 


ชั่วขณะนั้นลำสแงสีเขียวพลันพุ่งออกไป ม้วนไปทางใจกลางดอกไม้ ชั่วขณะนั้นพลันนำของเหลวสีชมพูออกมา จากนั้นก็ม้วนวนหดกลับมาบรรจุเข้าไปในขวดเล็กๆ


 


 


หานลี่แกว่งขวดเล็กๆ ไปมา กลิ่นหอมของน้ำหวานลอยมา เขาแย้มยิ้มน้อยๆ ลำแสงสีเขียวสว่างวาบ ขวดเล็กๆ หายไปอย่างไร้ร่องรอย


 


 


เหลยหลันและไป๋ปี้เองก็ร่อนลงมา และหยิบยุทธภัณฑ์ออกมาเช่นกัน พลางเก็บน้ำหวานที่เหลือกลับไป


 


 


“พวกเราไปกันเถิด” หานลี่เอ่ยอย่างราบเรียบ ทันใดนั้นสองปีกก็สยายออก หมุนตัวบินขึ้นไปกลางอากาศอีกครั้ง


 


 


ไป๋ปี้ไม่ได้ปริปากใดๆ กลายเป็นลำแสงสีทองไล่ตามไปติดๆ เช่นกัน เหลยหลันฉีกยิ้มครั้นเมื่อคิดจะบินขึ้นไปนั้น สายตาพลันกวาดไปที่ดอกวิญญาณยักษ์บนพื้น แล้วพลันใจเต้น ดีดนิ้วออกไปอย่างไม้รู้สึกตัว


 


 


หลังจากเสียงฟ้าฟาดดังขึ้น ประจุไฟฟ้าสีเงินสายหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบแล้วพุ่งออกไป โจมตีไปยังกิ่งไม้สีเหลืองที่ติดอยู่กับดอกปีศาจใกล้ๆ ชั่วขณะนั้นกิ่งไม้พลันหายวับไป


 


 


เหลยหลันลงมือเสร็จแล้ว สองปีกก็สยายออกพลางบินขึ้นไป พุ่งตรงไล่ตามหานลี่ไป


 


 


ชั่วพริบตาเงาร่างของหานลี่และพวกทั้งสามก็หายวับไปจากขอบฟ้า ที่นี่จึงไม่อาจมีเสียงใดๆ ดังขึ้นอีก


 


 


หลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งชั่วยามเต็มๆ ฉับพลันนั้นพื้นดินรอบๆ ก็สั่นไหว จากนั้นเสียงอึกทึกจากรอยแยกพลันดังขึ้น ใต้ดินมีหนวดสีดำราวกับเสายักษ์ค้ำฟ้าสองสามเส้นทะลุออกมา จากนั้นดอกไม้ปีศาจสีดำเข้มขนาดใหญ่กว่าดอกไม้วิญญาณยักษ์เดิมสองสามเท่าก็ปรากฎออกมาจากใต้ดิน


 


 


ดอกไม้นี้ดูเหมือนภูเขายักษ์ลูกหนึ่ง เมื่อหนวดสะบัดไปที่พื้นดิน ก็หยุดลงบนพื้นอย่างมั่นคง และในตอนนั้นเอง เสียงร้องอุทานเบาๆ ก็ดังออกมาจากในดอกไม้


 


 


“ผู้ใดช่างบังอาจนัก กล้าแตะต้องดอกไม้วิญญาณที่บวงสรวงอยู่ที่นี่ หรือว่าเป็นพวกหกขา!” เสียงของสตรีระเบิดออกมาด้วยความโมโห


 


 


มองตามเสียงขึ้นไปใจกลางของดอกไม้ยักษ์สีดำ ตรงใจกลางดอกไม้มีเก้าอี้ไม้สีเงินตัวหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ บนนั้นมีเงาร่างอรชนอ้อนแอ้น ใบหน้าลางเลือนมือถือแส้หนังสีเขียวมรกตสายหนึ่งนั่งอยู่


 


 


“นายท่านอย่าโกรธเกรี้ยวไปเลย ที่นี่เพิ่งขาดโลหิตไปได้ไม่นาน คนเหล่านั้นน่าจะจากไปได้ไม่นาน ให้ข้าไปตรวจสอบแล้วค่อยว่ากันเถิดขอรับ” ลำแสงสีเหลืองสว่างจ้า ฉับพลันนั้นเงาร่างเตี้ยๆ ที่มีขนปกคลุมพลันปรากฎขึ้นเบื้องหน้าเก้าอี้สีเงิน นั่งคุกเข่าเอ่ยกับสตรีที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ ดูเหมือนว่าจะนอบน้อมเป็นอย่างมาก


 


 


“อืม ข้าต้องดูแลการบวงสรวงต่อไป เรื่องนี้มอบให้เจ้าจัดการก็แล้วกัน ไม่ว่าจะเป็นใคร กล้าทำร้ายเรื่องดีๆ ของข้า ก็ห้ามปล่อยไปแม้แต่คนเดียว” หญิงสาวเอ่ยอย่างเยือกเย็น เฆี่ยนแส้ในมือไปกลางอากาศ


 


 


หลังจากเสียงร้องแหลมๆ ดังขึ้น รอยแยกสีขาวสายหนึ่งพลันสว่างวาบแล้วหายวับไปป อากาศรอบๆ เกิดระลอกคลื่นขึ้นระลอกหนึ่ง ทันใดนั้นหมอกสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนก็ทะลักออกมาจากรอยแยกสีขาว คาดไม่ถึงว่าจะฉีกห้วงเวลานี้ออกไปจริงๆ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)