กระบี่จงมา 144.1-144.2

บทที่ 144.1 คนหนึ่งนั่งบ่อ คนหนึ่งมองฟ้า

โดย

ProjectZyphon

โรงเตี๊ยมชิวหลู บ่อน้ำโบราณที่ห่างจากศาลาลมไปไม่ไกล


มีเด็กหนุ่มสวมรองเท้าแตะคนหนึ่งนั่งเงียบๆ อยู่ตรงนั้นคล้ายกำลังรอใครอยู่


ในห้องของเขา เด็กชายหลี่ไหวนอนหลับสนิทส่งเสียงกรนดังสนั่น ตะเกียงบนโต๊ะดับลงนานแล้ว


ก่อนหน้านี้เด็กหนุ่มเก็บแผนที่หลายแผ่นลงไป มีทั้งแผ่นที่ของเมืองทางทิศใต้ต้าหลี แล้วก็มีแผนที่ของต้าสุย ล้วนเป็นของที่หร่วนซิ่วมอบให้เขา


หลังจากที่เขาเก็บแผนที่เหล่านี้ลงไปในตะกร้าไม้ไผ่ เขาก็นั่งอยู่ข้างโต๊ะแล้วเริ่มใคร่ครวญปัญหาข้อเดียวกัน


ไม่ต้องสงสัยแม่นางหร่วนเลย


แต่เด็กหนุ่มที่มีไฝแดงกลางหว่างคิ้ว นายอำเภออู๋ยวน ต่างก็เคยปรากฎตัวที่ร้านตีเหล็กพร้อมกัน


พวกของตนเดินทางลงใต้ ได้มาพบกับอีกฝ่ายที่นอกด่านเหย่ฟู คนสองกลุ่มจึงรวมตัวกันเดินทางเข้ามาในแคว้นหวงถิง สิ่งที่ได้พบได้เจอล้วนแปลกประหลาด


สุดท้ายเฉินผิงอันจึงเดินไปทางศาลาลมอีกครั้ง แล้วนั่งอยู่ตรงปากบ่อน้ำรอคน


……


จวนมหาวารี เลือดสดไหลนองเต็มพื้นห้องโถงใหญ่ บรรยากาศอึมครึมกดดัน


ห้องโถงใหญ่ที่เดิมทีเต็มไปด้วยเสียงเพลงบรรเลงเสียงพูดคุยอย่างสำราญ ตอนนี้กลับเหลือคนที่มีชีวิตรอดแค่ไม่กี่คน


เด็กหนุ่มชุดขาวยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ยกขาวในตำแหน่งสูง จิตใจล่องลอยไปไกลหมื่นลี้


ชายชุดดำยืนอยู่ในห้องโถง กำลังใช้อาคมวารีขับไล่คราบเลือดและกลิ่นคาวที่ติดอยู่เต็มร่าง สาวใช้รุ่นเยาว์ของจวนมหาวารี ไม่ว่าจะเป็นผีที่ตกน้ำแม่น้ำหันสือหรือคนเป็นๆ ก็ล้วนถูกชายชุดดำจัดการจนเกลี้ยง กษัตริย์ตรัสไม่ระวัง ขุนนางเสียความเชื่อมั่น ขุนนางกระทำการไม่ระวังย่อมนำภัยมาสู่ตัว หลักการเล็กๆ น้อยๆ ข้อนี้ ชายชุดดำที่วางอำนาจสยบแม่น้ำสิบแปดสายทางทิศเหนือของแคว้นหวงถิง ควบคุมแผ่นดินผืนน้อยนี้ให้แข็งแกร่งแน่นหนาดุจถังเหล็ก แน่นอนว่าย่อมต้องเข้าใจอย่างลึกซึ้ง


ในบรรดาคนรู้ใจสองคน ปัญญาชนสวมชุดขงจื๊อผู้เป็นกุนซือของจวนมหาวารีกำลังนั่งอย่างสำรวม ทั้งไม่ดื่มเหล้าและไม่กินอาหาร คล้ายพระโพธิสัตว์ไร้ชีวิตองค์หนึ่ง ส่วนคางคกขวางนทีที่เรือนกายฉุบวมนั่งอย่างว่าง่ายอยู่ที่เดิม สีหน้าอ่อนระโหยโรยแรงคล้ายตกใจกับโศกนาฎกรรมในครั้งนี้


ถังเจียงหน่วยกล้าตายของศาลาไผ่เขียวต้าหลีนั่งอยู่ตำแหน่งเดิม มือข้างหนึ่งจับตะเกียบ อีกมือหนึ่งจับแก้ว กำลังกินอาหารรสเลิศที่เริ่มเย็นชืดอย่างเอร็ดอร่อย


กี่ปีแล้วที่ไม่เคยสาแก่ใจเช่นนี้?


ร่างกายที่หยัดตรงนี้ของเขา หากต้องค้อมตัวไปอีกสักสองสามปี เกรงว่าคงเคยชินที่จะทำตัวเป็นลูกหลาน เป็นสุนัขรับใช้คนอื่นแล้วจริงๆ และคาดว่าเมื่อถึงเวลานั้นต่อให้กองทัพม้าเหล็กของต้าหลีบดขยี้แผ่นดินของหวงถิงแล้ว เขาก็คงไม่รู้ว่าควรจะเป็นคนที่สง่าผ่าเผยอย่างไรแล้วกระมัง?


แม้ว่านักพรตที่ทรยศต่อพรรคทำนองศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้นจะไม่ตาย แต่ก็เหงื่อแตกท่วมร่างราวกับตากฝน


นอกจากนี้ยังมีผู้โชคดีอีกสองคนที่รอดชีวิต


ซึ่งก็คือผู้ฝึกกระบี่หนุ่มที่มีชาติกำเนิดไม่ธรรมดาสองคนนั้น ก่อนหน้านี้เด็กหนุ่มชุดขาวมอบโอกาสรอดชีวิตให้กับพวกเขา ในห้องโถงใหญ่ยังมีสัตว์เดรัจฉานอีกสองตัวที่นักพรตพรรคทำนองศักดิ์สิทธิ์ทิ้งไว้ ผู้ฝึกกระบี่ที่ยังไม่เลื่อนสู่ห้าขอบเขตกลาง หากสามารถใช้แค่กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตโดยไม่ต้องใช้กระบี่ที่พกจริงๆ สังหารสัตว์เดรัจฉานตัวหนึ่งได้ด้วยตัวเอง ก็จะได้กลายเป็นแขกผู้ทรงเกียรติที่แท้จริงของจวนมหาวารี


เด็กหนุ่มชุดขาวยังถึงขั้นรับปากว่าพวกเขาสามารถเรียกพี่เรียกร้องกับเทพวารีแม่น้ำหันสือได้ ความมีเกียรติเช่นนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะช่วยให้คนทั้งสองเป็นดั่งปลาหลีกระโดดข้ามประตูมังกร เพียงกระโดดทีเดียวก็กลายมาเป็นบุคคลทรงอำนาจที่ยิ่งใหญ่ของทางเหนือแคว้นหวงถิง โดยเฉพาะผู้ฝึกลมปราณที่มาจากศาลมังกรซุ่มที่ก่อนหน้านี้เป็นเพียงแค่หนึ่งในศิษย์รักของเจินเหรินเจ้าประมุขเท่านั้น แต่นับจากวันนี้ไปมีความเป็นได้ว่าจะถูกเลือกให้เป็นเจ้าประมุขคนต่อไป ไม่มีใครกล้าแก่งแย่งชิงดีด้วยอีก


ผู้ฝึกกระบี่ทั้งสองต่างก็เป็นขอบเขตสามขั้นสูงสุด พลานุภาพของกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตยังอ่อนแออยู่มาก เข่นฆ่ากับสัตว์เดรัจฉานสองตัวจึงเสี่ยงอันตรายรอดมาได้อย่างหวุดหวิดอยู่เป็นระยะ สุดท้ายได้แค่ถือว่าชนะอย่างกระท่อนกระแท่น บาดเจ็บหนักไม่น้อย ยังดีที่กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตไม่เสียหายมากนัก


เด็กหนุ่มชุดขาวกำลังเหม่อลอย ไม่มีใครกล้ารบกวนเขา


แต่จะปล่อยให้บรรยากาศดำเนินไปอย่างเงียบงันเช่นนี้ก็ไม่ใช่เรื่อง ชายชุดดำจึงได้แต่ถามเบาๆ ว่า “ท่านเซียน?”


ชุยฉานคืนสติ กวาดตามองไปรอบด้านแล้วกล่าวกับผู้ฝึกกระบี่สองคนว่า “ในเมื่อชนะแล้วก็หมายความว่าพวกเจ้ามีคุณสมบัติที่จะเดินไปบนมหามรรคาต่อ ไปรักษาตัวเสียก่อน จวนมหาวารีจะมอบโอสถที่ดีที่สุด รวมไปถึงวัตถุทุกอย่างที่จำเป็นสำหรับการหลอมกระบี่ให้แก่พวกเจ้า ผู้ฝึกกระบี่อิสระ หลังจากนี้เจ้าคอยเป็นผู้ปรนนิบัติรับใช้จวนมหาวารีระดับล่างแล้วกัน ส่วนผู้ฝึกกระบี่ของศาลมังกรซุ่ม เมื่อกลับไปแล้วเจ้าจงไปบอกกับอาจารย์ผู้โลภมากบ้าตัณหาของเจ้าว่า เรื่องการเลื่อนขั้นเป็นตำหนักของศาลมังกรซุ่ม ตั้งแต่ขุนนางสองระดับของเขตการปกครองไปจนถึงจวนแม่น้ำหันสือ รวมถึงเก๋อเหล่าในราชสำนักอีกหลายคนจะคอยให้ความช่วยเหลือ แค่รอฟังข่าวดีอยู่ที่บ้านก็พอ”


คนทั้งสองปิติยินดีเจียนคลั่ง กล่าวขอบพระคุณแล้วจึงบอกลาจากไป


ชุยฉานหันไปพูดกับถังเจียง “หลังกลับไปแล้วก็ไม่ต้องสิ่งที่เกินความจำเป็น เจ้ากับหน่วยกล้าตายคนอื่นๆ จงกบดานกันต่อไป”


ถังเจียงรีบลุกขึ้นรับคำสั่งอย่างรวดเร็ว


ขณะที่เขากำลังจะจากไปกลับได้ยินน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ของเด็กหนุ่มชุดขาว “ไม่รู้จักฉกฉวยของติดมือเสียเลย ทำไมไม่เอาสุราหยกทองของจวนมหาวารีกลับไปด้วย?”


ถังเจียงลังเลเล็กน้อย


ชุยฉานจึงกล่าวอีกอย่างหงุดหงิด “ถือซะว่าต้าหลีติดค้างเจ้า ไม่เอาไปก็เสียเปล่า”


บนใบหน้าที่ไม่มีความโดดเด่นของถังเจียงเปล่งประกายสดใสแปลกตาอย่างไร้สาเหตุ กุมมือคารวะแล้วหมุนตัวก้าวยาวๆ จากไป หลังจากข้ามประตูธรณีประตูออก หันหลังให้กับเด็กหนุ่มชุดขาวที่นั่งอยู่บนตำแหน่งประธาน ชายผู้นี้กุมมือชูขึ้นสูงเหนือไหล่ของตัวเอง แต่กระนั้นก็ยังไม่กล้าหันกลับมา ดวงตาที่แดงก่ำของเขามองไปยังทิศไกล เอ่ยเสียงดังกังวาน “ใต้เท้าท่านนี้ ต้าหลีไม่เคยติดค้างข้าถังเจียงแม้แต่น้อย! ต่อให้ข้าทำได้แค่มองต้าหลีของพวกเราเจริญรุ่งเรืองดุจดวงตะวันลอยสูงกลางนภาทุกวัน จุ๊ๆ รสชาตินี้ยอดเยี่ยมกว่ารสชาติของสุราหยกทองเกินพันเท่าหมื่นเท่า!”


เด็กหนุ่มสบถด่าด้วยรอยยิ้ม “โอ๊ะโอ ความสามารถในการประจบสอพลอนี่เชี่ยวชาญอย่างถึงแก่นแท้จริงๆ น่าเสียดายที่ข้าผู้อาวุโสไม่หลงกลเจ้า ไปๆๆ ไสหัวไป”


นอกธรณีประตู บุรุษแห่งต้าหลีผู้พลัดจากถิ่นฐานบ้านเกิดที่ไม่ใช่เด็กหนุ่มอีกต่อไปหัวเราะเสียงดังกังวาน วิ่งแผล็วไปรวดเร็วดุจใต้ฝ่าเท้ามีลม


ชุยฉานมองไปยังห้องโถงใหญ่ที่ว่างเปล่าแล้วเอ่ยว่า “ข้าแซ่ชุย มาจากเมืองหลวงต้าหลี”


สีหน้าของเจ้าอ้วนที่ร่างจริงคือคางคกขวางนทีมึนงง


ชายชุดดำอึ้งงันเล็กน้อย


ปัญญาชนสวมชุดขงจื๊อที่มีชาติกำเนิดเป็นภูตผีรีบลุกขึ้นว่องไว กุมมือค้อมตัวคารวะอย่างนอบน้อม “คารวะใต้เท้าราชครู!”


ชายชุดดำเต็มไปด้วยความตกตะลึง แต่แล้วก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงการยอมศิโรราบจากใจจริง “ที่แท้ก็เป็นท่านราชครูต้าหลีที่มาเยือนบ้านอันซ่อมซ่อของข้าน้อย”


คางคกขวางนทีที่ความรู้สึกช้ากว่าใครก้มตัวหมอบกรานอยู่กับพื้นอีกครั้ง เอาแต่โขกศีรษะเสียงดังตึงๆ แสดงถึงความจริงใจเต็มเปี่ยม


ชุยฉานเอ่ยถาม “ผู้พิทักษ์เมืองแซ่เว่ยคนนั้นมีเบื้องหลังที่ถูกอำพรางไว้หรือไม่? มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่อนาคตจะกลายมาเป็นหินขวางทาง?”


ชายชุดดำส่ายหน้า “เว่ยหลี่ผู้นั้นมีชาติกำเนิดมาจากเผ่าหันทางทิศใต้ของแคว้นหวงถิง ไม่มีที่พึ่งในวงการขุนนาง หาไม่แล้วก็คงไม่ถึงขั้นที่ต้องแสร้งแสดงความนอบน้อมและคล้อยตามข้าทั้งที่อยู่ในเขตการปกครองของตนเอง ได้แต่อาศัยปณิธานแห่งบัณฑิตของตัวเองมาปรนนิบัติรับใช้จวนมหาวารี”


ชุยฉานเอามือข้างหนึ่งเท้าคาง อีกข้างหนึ่งใช้ปลายนิ้วเคาะที่เท้าแขนของเก้าอี้ เอ่ยเนิบช้า “การฮุบกลืนแคว้นต่างๆ ทางทิศเหนือของต้าหลีในอดีต เน้นย้ำในเรื่องการบุกราบเป็นหน้ากลอง ใครที่ไม่ยอมสวามิภักดิ์ล้วนถูกฆ่าหมดไม่มีละเว้น ซ่งจ่างจิ้งนำทัพฆ่าล้างเมือง เรื่องอย่างขุดหลุมหมื่นศพก็ทำมาแล้วไม่น้อย นี่คือการแสดงพระเดช แต่การบุกลงใต้หลังจากนี้ย่อมไม่สามารถดำเนินการอย่างรวดเร็วสาสมใจเหมือนเมื่อก่อนได้อีก แคว้นหวงถิงคือหินขวางทางที่ค่อนข้างใหญ่ก้อนแรก ดังนั้นจึงไม่อาจทำให้เละเทะเกินไปนัก เพราะอย่างไรซะแว่นแคว้นและราชวงศ์ต่างๆ ทั่วแจกันสมบัติทวีปที่ตั้งอยู่ทางเหนือของสำนักศึกษากวานหู ทางใต้ของด่านเหย่ฟูต้าหลีต่างก็จับตามองแนวโน้มการพัฒนาของเหตุการณ์นี้อยู่ ขุนนางซื่อสัตย์บุตรกตัญญูอย่างเว่ยหลี่จะต้องมีมากขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต ประเด็นคือต้องดูว่าคนอย่างเว่ยหลี่นี้จะได้ยึดครองพื้นที่ในราชวงศ์ของแคว้นหนึ่งมากกว่า หรือจะเป็นคนอย่างขุนนางยกกระบัตรผู้นั้นที่มีมากกว่า สถานการณ์ที่แตกต่างกันจะทำให้การบุกโจมตีของกองทัพชายแดนต้าหลีมีความหนักเบา ช้าด่วนต่างกัน”


ปัญญาชนสวมชุดขงจื๊อที่อยู่ในห้องโถงพยักหน้าเล็กน้อย


ชุยฉานพลันหันมองไปทางบัณฑิตผู้นั้น “เจ้าลองวิจารณ์เว่ยหลีหน่อยสิ”


บัณฑิตตอบยิ้มๆ “เว่ยหลี่ฉลาดมาก แต่ก็ยังฉลาดไม่พอ หากเขาฉลาดมากพอจริงๆ ก่อนเกิดมรสุมในครั้งนี้ เขาจะไม่มีทางเหยียบเรือสองแคม พยายามแสดงเจตนาดีต่อทั้งสองฝ่าย เขาทั้งคิดจะให้มโนธรรมในใจสงบ แล้วก็อยากให้อนาคตในวงการขุนนางรุ่งโรจน์ ใต้หล้าไหนเลยจะมีเรื่องดีแบบนี้ อย่างน้อยก็ไม่มีในพื้นที่การปกครองของจวนมหาวารีของพวกเรา”


เขาชี้ไปยังศิษย์ทรยศของพรรคทำนองศักดิ์สิทธิ์ที่ตัวสั่นงันงกด้วยความหวาดกลัวผู้นั้น “คนผู้นี้ถูกข้าใช้อำนาจบีบบังคับใช้ผลประโยชน์หลอกล่อเล็กน้อย…”


ชุยฉานตัดบทคำพูดของปัญญาชนท่านนี้ด้วยรอยยิ้ม “เล็กน้อย? พูดง่ายซะจริง จะอย่างไรซะข้าวแบบเดียวกันก็เลี้ยงคนได้เป็นร้อยแบบ ไม่มีใครที่จะเป็นเหมือนเจ้าสุยปินที่ยังคงจงรักภักดีต่อแคว้นเดิม กล้าหาญชาญชัย ยอมกระโจนเข้าหาความตายเมื่ออยู่ต่อหน้าคุณธรรมยิ่งใหญ่ ไม่เพียงแต่ตัวเองตาย ยังต้องลากให้คนอื่นตายไปพร้อมกันด้วย”


บัณฑิตสีหน้าเป็นปกติ กุมมือคารวะ “ใต้เท้าราชครูชมเกินไปแล้ว”


ชุยฉานยกมือบอกเป็นนัยให้บัณฑิตพูดเรื่องก่อนหน้านี้ต่ออีกครั้ง


—–




บทที่ 144.2 คนหนึ่งนั่งบ่อ คนหนึ่งมองฟ้า

โดย

ProjectZyphon

บัณฑิตพูดจ้อเป็นน้ำไหลไฟดับ “ในฐานะรังเดิมของจวนมหาวารี ตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมา เขตการปกครองแห่งนี้ ยกตัวอย่างเช่นพวกเราแอบทำให้แม่น้ำใหญ่ทลายเขื่อน เป็นเหตุให้เมืองบางแห่งเกิดภัยแล้งและน้ำท่วม เป็นต้น ไม่เพียงแต่คนแซ่เว่ยผู้นั้นที่รู้ดี ผู้ว่าการมณฑลและผู้พิทักษ์เมืองทั้งหลายในอดีตก็ใช่ว่าจะไม่เคยสงสัยมาก่อน เพียงแค่ไม่มีหลักฐานที่แน่นหนามั่นคงดุจภูผามายืนยันเท่านั้น บวกกับที่หวาดเกรงในพลังอำนาจของนายท่านผู้เฒ่าเทพวารี ถึงได้อยู่อย่างสงบเสงี่ยมกันมาโดยตลอด กล่าวถึงแค่คลังเอกสารคดีของที่ว่าการผู้พิทักษ์เมือง เมื่อเกิดไฟไหม้หลายครั้ง เอกสารที่ถูกไฟไหม้ไปเขียนเนื้อหาอะไรไว้บ้าง จวนมหาวารีของเราไม่มีทางป่าวประกาศแก่โลกภายนอกแน่นอน ไม่ใช่กลัวว่าจะถูกทางการล้อมจับหรืออะไร ก็แค่หากแพร่ออกไปแล้วชื่อเสียงจะไม่ดีเท่านั้น”


กล่าวมาถึงตรงนี้ บัณฑิตก็เงยหน้ามองไปยังบุรุษชุดดำแล้วคลี่ยิ้มน้อยๆ “นายท่านผู้เฒ่าของเรายังคงรักชื่อเสียงของตัวเอง”


เทพวารีแม่น้ำหันสือยิ้มกล่าวฉุนๆ “เจ้าสุยปินคนนี้ พูดจาถากถางผู้มีพระคุณของตัวเองอย่างนี้เลยหรือ? ปีนั้นเศษซากวิญญาณของเจ้าล่องลอยอยู่เหนือแม่น้ำ หากข้าไม่เก็บวิญญาณของเจ้ามาไว้ สร้างร่างให้เจ้าใหม่ ป่านนี้ก็ไม่รู้ว่าเจ้าได้ไปเกิดกี่รอบแล้ว”


บัณฑิตแค่คลี่ยิ้มประจบเอาใจเท่านั้น ไม่มีความหวาดกลัวต่อฤทธานุภาพเทียมฟ้าของเทพวารีท่านนี้แม้แต่น้อย


ปัญญาชนที่สีหน้าเป็นสีเขียวเข้มค้อมตัวหยิบจอกเหล้าขึ้นมาดื่มใต้เปลือกตาของเด็กหนุ่มชุดขาว แล้วจึงพูดต่ออีกครั้งว่า “เว่ยหลี่ผู้นั้นมีใจทะเยอทะยานและมีความสามารถ พาตัวเองเดินขึ้นสู่ตำแหน่งของหนึ่งเขตการปกครอง แต่กระนั้นก็ยังยินดีก้มหัวอดทนยอมให้ผู้อื่น หากคนแบบนี้หลุดออกจากการควบคุมกลายไปเป็นผู้ว่าการมณฑลเมื่อไหร่ วันหน้าได้เข้าเมืองหลวงแล้วเลื่อนขั้นเป็นขุนนางหลัก โดยเฉพาะขุนนางในกรมพิธีการ กลายมาเป็นคนสนิทของเชื้อพระวงศ์สายตรงของฮ่องเต้แคว้นหวงถิง บวกกับที่ในอดีตสั่งสมความไม่เป็นธรรมไว้เต็มท้อง ไม่กลัวหรือว่าเขาที่เคียดแค้นจะไม่คำนึงถึงสิ่งใด หันหันหอกกลับมาแทงใส่จวนมหาวารีของพวกเรา? ดังนั้นข้าจึงบอกกับนายท่านผู้เฒ่าเทพวารีว่า ขุนนางประเภทนี้เอามาใช้งานได้ แต่ขอแค่ในใจของคนผู้นี้ยังมี…ความเที่ยงธรรม ก็ห้ามเอามาใช้เด็ดขาด”


เด็กหนุ่มชุดขาวปรายตามองปัญญาชนสวมชุดขงจื๊อ “เจ้าแผนการนักนะ หากปีนั้นเจ้าไม่ได้เป็นขุนนาง แต่ขึ้นเขาไปฝึกตน ไม่แน่ว่าอาจมีหวังได้เลื่อนสู่ขอบเขตสิบแล้ว”


ปัญญาชนพ่อเฒ่าลำคลองยิ้มอย่างสง่างาม “บนโลกไหนเลยจะมียาแก้ไขความเสียใจภายหลัง””


ชุยฉานลุกขึ้นยืน สลัดชายแขนเสื้อก็มีธูปครึ่งก้านกลิ้งออกมา


นี่ทำให้คนเทพภูตผีในห้องโถงต่างก็ฉงนสนเท่ห์ ราชครูต้าหลีทีเผยกายด้วยรูปลักษณ์ของเด็กหนุ่มผู้นี้กำลังคิดจะทำอะไร?


เด็กหนุ่มปักธูปที่ถูกเผาไปเกินครึ่งก้านไว้กลางอากาศ พอก้านธูปลอยนิ่งอยู่ตรงหน้า เขาก็ดีดนิ้วหนึ่งครั้ง


ธูปพลันติดไฟ ควันลอยขโมง


ควันเหล่านั้นไม่ได้สลายหายไปท่ามกลางอากาศว่างเปล่า แต่รวมตัวกันกลายเป็นเรือนกายอ้อนแอ้นของหญิงสาวคนหนึ่ง


สีหน้าของปัญญาชนพ่อเฒ่าลำคลองเปลี่ยนแปลงไปอย่างรุนแรง ในที่สุดก็ไม่อาจรักษาจิตใจสงบนิ่งดั่งก่อนหน้านี้ไว้ได้อีก “จะเป็นไปได้อย่างไร?!”


บุรุษชุดดำหรี่ตาลง ปลายหางตามองประเมินกุนซือคนสนิท แม้จะตกตะลึงวิชาอภินิหารที่ลี้ลับของราชครูหนุ่ม แต่ที่มากกว่านั้นกลับเป็นความรู้สึกผ่อนคลายเหมือนคนนั่งดูไฟชายฝั่ง


เรือนกายของหญิงสาวเริ่มมั่นคงมากขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าก็เริ่มชัดเจน สุดท้ายเมื่อพลิ้วกายลงบนห้องโถงก็เห็นว่านางคือสตรีที่ผู้คนกราบไหว้ในวัดเจ้าแม่ชิงบนภูเขาเหิงซาน คนที่เคยเล่นหมากล้อมกับหลินโส่วอี ซึ่งสุดท้ายเด็กหนุ่มบอกให้อวี๋ลู่จุดธูปไหว้แสดงความเคารพหนึ่งดอก


ต้องรู้ว่าขนาดหยางเหล่าโถวของเมืองเล็กก็ยังเคยชมราชครูหนุ่มจากใจจริงว่า “เชี่ยวชาญเวทแห่งจิตวิญญาณ” ด้วยเหตุนี้ย่อมต้องเป็นชุยฉานที่ใช้เวทลับเฉพาะ “ขโมย” ตัวหญิงสาวออกมาจากวัดแห่งนั้น


องค์เทพที่ไม่ได้รับการยอมรับจากราชสำนักประเภทนี้ โดยเฉพาะตำแหน่งขององค์เทพเพศหญิงยังต่ำต้อยมาก ด้วยตบะที่ตื้นเขินเบาบาง ภายใต้สถานการณ์ทั่วไปแล้วไม่มีทางออกมาจากขอบเขตของตนเองโดยพลการได้เด็ดขาด


ปัญญาชนที่ก่อนตายนามว่าสุยปินพลันเดือดดาลอย่างหนัก สีหน้ายิ่งเป็นสีเขียวคล้ำ ชี้นิ้วสั่นระริกไปยังสตรีผู้นั้น สีหน้าของสุภาพชนลัทธิขงจื๊อเปลี่ยนมาเป็นดุร้ายสุดขีด “นังลูกเวรหน้าด้าน เจ้ายังกล้ามีหน้าออกมาจากภูเขาเหิงซานอีกหรือ? ลืมคำสาบานของเจ้าไปแล้วหรือไร? เวรกรรม เจ้ามันคนทรยศบ้านเมือง เนรคุณบิดามารดา อกตัญญูไม่รู้สำนึกบุญคุณจริงๆ!”


พอหญิงสาวเห็นบัณฑิตผู้นี้ สีหน้าของนางก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงหวาดผวา เอ่ยอย่างขลาดกลัว “ท่านพ่อ…”


หลังเอ่ยคำนี้ออกไป หญิงสาวก็รู้สึกละอายใจเกินจะทน นางจึงยกมือปิดหน้าร่ำไห้ มองดูไร้ที่พึ่งน่าสงสาร


เด็กหนุ่มชุดขาวนั่งขัดสมาธิอยู่บนเก้าอี้ กล่าวอย่างมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น “แปลกใจหรือไม่?”


จากนั้นเขาก็หันหน้าไปมองบุรุษชุดดำแล้วหัวเราะร่าเสียงดัง “ข้าเคยอ่าน ‘เกร็ดเรื่องเล่าแคว้นสู่’ ในนั้นบันทึกเรื่องเล่าพิสดารไว้มากมาย หนึ่งในนั้นเขียนถึงวัดเจ้าแม่ชิงบนภูเขาเหิงซาน บอกว่าขุนนางใหญ่ของราชวงศ์ก่อนคนหนึ่งนำพาลูกเมียฆ่าตัวตายพลีชีพเพื่อชาติอยู่ที่ต้นไป่โบราณบนภูเขาเหิงซาน ลูกเมียของเขาไม่ยินยอมตายด้วยจึงหนีไป มีเพียงบุตรสาวคนเล็กเท่านั้นที่ถือกระบี่ฆ่าตัวตายพร้อมกับบิดา เลือดสดสาดกระเซ็นไปบนต้นไป่โบราณ จิตวิญญาณจึงไปสิงอยู่ในนั้น สุดท้ายจึงกลายมาเป็นเจ้าแม่ชิงของภูเขาเหิงซาน เรื่องราวนี้น่าชื่นชมสรรเสริญ น่าชื่นชมสรรเสริญจริงๆ”


บุรุษชุดดำหาเก้าอี้ว่างมาหนึ่งตัว นั่งลงแล้วกล่าวยิ้มๆ “ลือกันไปส่งเดช เรื่องจริงตรงข้ามกับเรื่องเล่าลือพอดี หลังจากสุยปินตัดสินใจแล้วว่าจะไม่หนีอีกต่อไป และเลือกที่จะใช้ความตายพิสูจน์ความบริสุทธิ์อยู่ที่วัดแห่งนั้น คนทั้งครอบครัวของเขาก็ฆ่าตัวตายตามซือหลางแห่งแคว้นที่ล่มสลายผู้นี้ สตรีส่วนใหญ่เลือกแขวนคอตาย คนอื่นๆ บ้างก็เอาหัวพุ่งชนกำแพง บ้างก็กลืนทอง มีเพียงบุตรสาวคนเล็กคนเดียวที่ไม่ยอมตาย พอนางวิ่งออกไปนอกวัด สุยปินก็ไล่ตามไปใช้กระบี่แทงนางตายด้วยกระบี่เดียวใต้ต้นไป่โบราณ นางจึงกลายเป็นวิญญาณอาฆาต ทว่าแสงแห่งดวงวิญญาณกลับไม่สลายไปแม้แต่นิดเดียว ตายไปแล้วนับว่าสร้างกรรมดี คอยให้การปกป้องพวกชาวบ้าน นี่ถึงทำให้มีชื่อเสียงที่ดีงามอยู่ใน ‘เกร็ดเรื่องเล่า’”


บุรุษชุดดำดื่มเหล้าหนึ่งอึก “ภายหลังบิดาของนางกลายมาเป็นวิญญาณใต้บังคับบัญชาของข้า และเมื่อได้รับการผลักดันจากข้าก็ได้เป็นพ่อเฒ่าลำคลองของลำคลองสายหนึ่งใกล้กับภูเขาเหิงซาน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะในใจสุยปินมีความละอายหรือเพราะอะไร วิญญาณอาฆาตที่เดิมทีจะถูกพายุและแสงแดดแผดจ้าชะล้างให้แหลกสลายกลับถูกสุยปินให้การช่วยเหลืออย่างลับๆ หาคนมาสร้างรูปปั้นดินเผาร่างทองให้ ถึงได้มีชีวิตอยู่มาจนทุกวันนี้”


เด็กหนุ่มชุดขาวจุ๊ปากด้วยความประหลาดใจไม่หยุด


ทว่าสุยปินพ่อเฒ่าลำคลองกลับยิ่งโมโหโทโส “เทียบไม่ได้แม้แต่สัตว์เดรัจฉาน! ข้าสุยปินใช้ชีวิตอย่างเปิดเผยสง่างาม ตระกูลสุยของข้าก่อตั้งมาสามร้อยปี ทำไมสุดท้ายถึงมีตัวเวรกรรมอกตัญญูอย่างเจ้าผุดขึ้นมาได้!”


เด็กหนุ่มชุดขาวกลับมาทำท่าเกียจคร้าน เอนร่างเอามือเท้าค้างดังเดิม เขามองภาพเหตุการณ์น่าเศร้าที่บิดาและบุตรสาวต้องกลายมาเป็นศัตรูกัน แล้วจู่ๆ ก็เอ่ยขึ้นว่า “สุยปิน พอสมควรแล้วล่ะ”


ด้วยความเกรี้ยวกราด ไหนเลยสุยปินจะยังมัวมาสนใจว่าเด็กหนุ่มจะเป็นราชครูหรือไม่เป็นราชครู เขาโต้กลับทันที “ข้าสุยปินสั่งสอนบุตรสาว มีอะไรไม่เหมาะสม?!”


เด็กหนุ่มกล่าวเรียบเรื่อย “เพราะข้ารู้สึกว่าควรพอได้แล้ว เหตุผลนี้เป็นอย่างไร?”


“สุยปิน ห้ามไร้มารยาท! หากเจ้ายังกล้าพูดอีกคำเดียว ข้าจะซัดเจ้าให้ฟันร่วง!”


นี่เป็นครั้งแรกของค่ำคืนที่ชายชุดดำเป็นฝ่ายเอ่ยขอร้องแทนลูกน้องของตัวเอง เขาลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ก้มหน้าอ้อนวอนเด็กหนุ่มชุดขาว “ขอใต้เท้าราชครูโปรดอย่าถือสาสุยปิน”


เด็กหนุ่มชุดขาวกระโดดลงจากเก้าอี้ ยืดแขนบิดขี้เกียจ “ไปแล้วๆ หากยังไม่กลับไปอีกคนอื่นอาจสงสัยเอาได้”


เขาเดินอ้อมโต๊ะใหญ่ ลงบันไดมาแล้ว เด็กหนุ่มที่สอดมือสองข้างกุมกันไว้ในชายแขนเสื้อก็หัวเราะหึหึให้กับสตรีที่ไม่กล้าเงยหน้า “อย่าไปฟังคำพูดเหลวไหลของบิดาเจ้า สตรีอ่อนแออายุเท่าเจ้ามีใครบ้างที่ไม่เล่าเรียนพิณ ภาพวาด หมากล้อม เอาแต่หลบซ่อนตัวอยู่ในหอสูง แอบมองบุรุษคนรักเล่า แบบนี้แหละถูกจะถูก ภูเขาแม่น้ำพังภินท์ แผ่นดินแว่นแคว้นล่มสลายอะไรนั่น เดิมทีก็ล้วนเป็นเพราะบุรุษอย่างบิดาเจ้าไร้ประโยชน์ ดังนั้นเป็นเขาสุยปินที่ไร้ยางอาย แต่กลับยังมีหน้ามาลากเจ้าไปตายด้วยกัน เจ้าต้องอับอายอะไร เป็นบิดาเจ้าต่างหากที่สมควรแขวนคอตายหนีอายไปซะ วางใจเถอะ วันหน้ามีนายท่านผู้เฒ่าเทพวารีปกป้องเจ้า หากบิดาเจ้าด่าเจ้าหนึ่งคำ เจ้าก็ให้เขาตบบิดาเจ้าหนึ่งที”


พ่อเฒ่าลำคลองยืนอึ้งเป็นไก่ไม้


บุรุษชุดดำรู้สึกหัวโตขึ้นมาทันใด


หญิงสาวปลุกความกล้าให้ตัวเองแล้วเงยหน้ามองสีหน้าของบุรุษชุดขงจื๊ออย่างรวดเร็ว จากนั้นก็รีบก้มหน้าลงต่ำ พูดเสียงสะอื้นแผ่วเบา “ท่านพ่อ บุตรสาวอกตัญญู”


เด็กหนุ่มชุดขาวโมโหจึงเดินเร็วๆ ไปตบศีรษะหญิงสาวหนึ่งที สบถด่ายิ้มๆ “เจ้ามันไม่เอาไหน”


บุรุษชุดดำเห็นว่าราชครูต้าหลีกำลังจะจากไปแล้ว จึงรีบเดินตามไปด้านหลัง ถามเสียงเบา “คืนนี้ใต้เท้าราชครูไม่พักที่นี่หรือ?”


เด็กหนุ่มชุดขาวตอบ “ปราณสังหารเข้มข้นขนาดนี้ ข้ากลัว”


บุรุษชุดดำร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก


ตอนที่เดินไปถึงธรณีประตู เด็กหนุ่มชุดขาวหันไปมองพ่อลูกที่ได้แต่จ้องตากันไร้คำพูดก่อน จากนั้นถึงพูดกับเทพวารีแม่น้ำหันสือว่า “เจ้าโชคดีกว่านางมากนักที่ไม่มีบิดาคร่ำครึเข้มงวดแบบนี้”


ชายชุดดำยิ่งก้มหน้าลงต่ำ “ใต้เท้าราชครูเคยพบบิดาของข้าแล้วหรือ?”


เด็กหนุ่มชุดขาวพยักหน้ารับ “ตอนอยู่ในป่า เขาผู้อาวุโสยังเลี้ยงอาหารรสพวกเราหลายมื้อ บอกตามตรงว่าดีกว่าอาหารพื้นๆ ไร้รสนิยมอย่างปลาและเนื้อชิ้นโตของเจ้ามากนัก”


ชายชุดดำคลี่ยิ้ม “ข้าจะเอาตัวไปเปรียบเทียบกับท่านบิดาได้อย่างไร”


เด็กหนุ่มชุดขาวหยุดเดิน ตบไหล่เทพวารีท่านนี้ “มือเท้าสองข้างที่สูญเสียไปของเจ้า รอให้ต้าหลีฮุบกลืนแคว้นหวงถิงได้แล้ว ข้าจะต้องชดเชยให้เจ้ามากกว่าเดิม เก้าอี้หยกขาวตัวนั้นถือว่าพอมีประโยชน์ต่อเผ่าพันธุ์ของพวกเจ้าอยู่บ้าง ยกให้เจ้าแล้วกัน”


บุรุษชุดดำที่ค้อมเอวก้มหน้าเอ่ยเสียงหนัก “ข้ายินดีอุทิศตนให้แก่ใต้เท้าราชครู!”


เห็นได้ชัดว่าราชครูต้าหลีท่านนี้ไม่เห็นเป็นจริงเป็นจัง หลังจากบอกชายชุดดำว่าไม่ต้องส่งก็เดินออกมาจากจวนมหาวารีเพียงลำพัง ครั้นจึงกระโดดหายเข้าไปในแม่น้ำหันสือ


เด็กหนุ่มชุดขาวที่อยู่ในแม่น้ำ ไม่เห็นว่ามือและเท้าของเขาขยับเคลื่อนไหวก็สามารถว่ายไปในสายน้ำได้อย่างปราดเปรียว เรือนกายล่องลอยคล้ายเจียวหลงสีขาวตัวหนึ่งที่เคยทะยานอยู่เหนือดินแดนแคว้นสู่ในสมัยอดีตกาล


สุดท้ายเขาล่องไปตามกระแสน้ำจนมาถึงด้านใต้ก้นบ่อน้ำอันเป็นที่ตั้งเดิมของศาลเทพอภิบาลเมือง เขาไม่ได้มุ่งหน้าตรงไปยังโรงเตี๊ยมชิวหลูที่อยู่ใกล้ในระยะประชิดทันที แต่หยุดร่างไม่ขยับเป็นนาน


เด็กหนุ่มชุดขาวเอาสองมือไพล่หลัง ยืนอยู่กลางบ่อเงยหน้ามองท้องฟ้า


……


ตรงปากบ่อพลันมีเสียงเอ่ยถามของคนผู้หนึ่งดังขึ้น “ทำไมเจ้าถึงไม่ขึ้นมาล่ะ?”


เด็กหนุ่มชุดขาวตอบยิ้มๆ “ข้าไม่กล้า”


—–

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)