ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1434-1441

 ตอนที่ 1434 บ้าอีกคนซะแล้ว


พอเหยียนหมิงซุ่นเห็นผู้หญิงอย่างโฮ่วเซิ่งหนานก็เกิดความรู้สึกรำคาญใจ แต่เขายังไม่สามารถเกลียดผู้หญิงคนนี้ได้ เพราะผู้หญิงคนนี้ได้ช่วยเขาเอาไว้ เขาติดค้างบุญคุณอันใหญ่หลวงต่อเธออยู่


ช่างน่าอึดอัดเสียจริง!


เหตุใดพ่อบุญธรรมถึงได้ส่งผู้หญิงแบบนี้ไปเป็นกำลังหนุนให้เขานะ?


ช่างเลอะเลือนเสียจริง!


“พี่หมิงซุ่นเป็นอะไรไป?” เหมยเหมยรับรู้ได้ว่าเหยียนหมิงซุ่นอารมณ์เสียขึ้นมาจึงถามเสียงเบา


เหยียนหมิงซุ่นหันกลับมาส่งยิ้มให้พร้อมกับส่ายหน้า “ไม่มีอะไร ก็แค่รู้จักผู้หญิงคนนั้น ต่อไปนี้ถ้าเหมยเหมยเจอเธอต้องระวังตัวหน่อย ผู้หญิงคนนี้สมองมีปัญหา!”


เหมยเหมยเบิกตากว้างตาแทบถลน “พวกโรคจิต?”


ผู้หญิงคนนี้ก็ดูปกติดีนี่นา ทำไมถึงเป็นโรคจิตไปได้ล่ะ?


แต่ผ่านไปไม่นานเหมยเหมยก็เข้าใจได้ โฮ่วเซิ่งหนานนั้นป่วยจริง ๆ ทั้งยังป่วยหนักเอาการเสียด้วย


เหยียนหมิงซุ่นป้อนเสี่ยวทังเปาเธอ พลางพยักหน้าตอบ “ใช่ พวกโรคจิต ถ้าเจอเธอเข้าก็เลี่ยงอยู่ให้ห่างหน่อย”


กันไว้ดีกว่าแก้!


จะไม่ยอมให้หญิงโรคจิตคนนี้เข้ามาทำร้ายภรรยาของตนได้หรอก!


เหมยเหมยพยักหน้ารับ เคี้ยวตุ้ย ๆเต็มสองแก้ม เธอจะต้องอยู่ให้ห่างจากยัยโรคจิตนี่


“เก่งมาก!”


เหยียนหมิงซุ่นหยิกแก้มของเธอไปที พร้อมทั้งกล่อมให้เธอกินเสี่ยวทังเปาต่อ นั่นจึงทำให้เธอยอมที่จะกินเสี่ยวทังเปาที่เหลือ


จูบอันร้อนแรงของโฮ่วเซิ่งหนานและเถียนมู่ได้สิ้นสุดลง ทั้งคู่ต่างก็เกิดความรู้สึกบางอย่าง เถียนมู่จึงได้กระซิบข้างหูเธอ “ไปโรงแรมกันไหม?”


แท้จริงแล้วเขาไม่ได้รักโฮ่วเซิ่งหนานหรอกเพียงแค่ต้องการจะเอาชนะผู้หญิงรักอิสระคนนี้ก็แค่นั้น ผู้ชายในแวดวงของเขา มีสัมพันธ์กับโฮ่วเซิ่งหนานจนเกือบหมดทุกคนแล้ว เนื่องจากในแวดวงของเขาเชื่อในเรื่องของการปลดปล่อยและอิสระทางเพศ โดยมองว่าการร่วมหลับนอนด้วยกันเป็นเรื่องธรรมดาเสียยิ่งกว่าการทานข้าว


โฮ่วเซิ่งหนานเป็นแบบนี้ เขาเองก็เป็นแบบนี้


แต่ที่เขาไม่ชอบใจนักเพราะมีเพียงเขาคนเดียวที่โฮ่วเซิ่งหนานไม่ยอมขึ้นเตียงด้วย นั่นจึงทำให้เถียนมู่รับไม่ได้ต่อความศรัทธาในตัวลูกผู้ชายของเขา แล้วก็เป็นเหตุผลที่เขาตามติดเธอมาตลอดสี่ปี


โฮ่วเซิ่งหนานยกยิ้มมุมปากอย่างได้ใจ สายตาพลันลอบมองต่ำลง พร้อมกับขยิบตาให้


เถียนมู่กดจูบโฮ่งเซิ่งหนานไปอีกครั้งอย่างหัวเสีย พร้อมเอ่ยพูดด้วยความรู้สึกขุ่นมัว “สักวันหนึ่ง ฉันจะทำให้เธอยินยอมพร้อมใจที่จะขึ้นเตียงกับฉัน!”


“ก็อาจจะมีวันนั้นมั้ง…เราไปทานข้าวกันเถอะ!”


โฮ่วเซิ่งหนานพูดออกไปอย่างไม่ใส่ใจ เอาแต่มองไปโดยรอบเพื่อหาที่ว่าง แต่กลับพบเข้ากับเหยียนหมิงซุ่นที่กำลังเช็ดริมฝีปากให้เหมยเหมยอยู่ แววตาจึงพลันเป็นประกายขึ้นมาอย่างปิดไม่มิด เลี่ยงตัวออกจากเถียนมู่แล้วเดินไปยังโต๊ะของเหมยเหมย


“บังเอิญจัง เราเจอกันอีกแล้วนะ!”


เหมยเหมยและเหยียนหมิงซุ่นหยัดกายเตรียมที่จะลุกออกไป แต่ทันใดนั้นกลับได้ยินเสียงเล็กแหลมติดแหบของสาวเจ้าตัว เหมยเหมยพลันเงยหน้าขึ้นอย่างแปลกใจจึงเจอเข้ากับยัยโรคจิตที่เหยียนหมิงซุ่นพูดถึงมายืนอยู่ตรงหน้าของพวกเธอ แต่พอได้เห็นท่าทีของยัยโรคจิตที่ทำทีราวกับมองไม่เห็นเธอก็ว่าได้ นั่นจึงทำให้เหมยเหมยอารมณ์ครุกรุ่น ไร้มารยาทเสียจริง!


แต่เพียงครู่เดียวเธอก็เป็นปกติได้ เธอจะมัวไปคิดเล็กคิดน้อยต่อพวกโรคจิตให้ได้อย่างไรเล่า?


โฮ่วเซิ่งหนานยื่นมือออกไปอย่างเปิดเผย พร้อมเผยรอยยิ้มอันสดใส และทำทีเมินเฉยต่อเหมยเหมยอย่างสิ้นเชิง


สำหรับตัวเธอแล้ว ผู้ชายคนไหนที่เธอชอบก็ไม่มีทางหลุดพ้นไปจากอุ้งมือเธอได้!


เหยียนหมิงซุ่นต้องเป็นของเธอ!


เว้นแต่เธอจะเบื่อเข้าสักวัน!


เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกตื่นตระหนกแต่ก็ยังยื่นมือออกไป แต่แค่แวบเดียวก็ดึงมือกลับ ท่าทีเปลี่ยนไปจนแข็งกระด้าง ทำเพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อย “สวัสดีครับ นี่คือจ้าวเหมยคู่หมั้นของผม เหมยเหมย นี่คือโฮ่วเซิ่งหนาน”


เขาเองก็ไม่พอใจมากต่อท่าทีราวคนตาบอดของโฮ่วเซิ่งหนาน จึงได้จงใจแนะนำเหมยเหมย ทั้งยังเน้นคำว่าคู่หมั้นอย่างชัดเจน ซึ่งนั่นหมายถึงเขามีภรรยาแล้ว พวกโรคจิตอย่างเธอมาทางไหนก็ไปทางนั้นเลย!


แต่หากว่าโฮ่วเชิ่งเป็นดั่งผู้หญิงที่มีทัศนคติสามประการ [1]ไม่อย่างนั้นคงไม่เรียกว่าโฮ่วเซิ่งหนานหรอก


เธอเหลือบมองเหมยเหมยอย่างภาคภูมิใจ ในสายตามีเพียงการดูถูกเหยียดหยาม หน้าตาก็พอใช้ได้ แต่น่าเสียดายที่ดูจะไร้ความสามารถไปหน่อยจะคู่ควรกับเหยียนหมิงซุ่นได้อย่างไรกัน?


………………………………………………….


ตอนที่ 1435 ปะทะกันเป็นครั้งแรก


โฮ่วเซิ่งหนานดูถูกเธออย่างเห็นได้ชัด เหมยเหมยจึงรับรู้ได้โดยสัญชาตญาณ แม้จะไม่อยากคิดเล็กคิดน้อยต่อพวกโรคจิตแต่เธอก็โกรธอยู่ดีจึงไม่อยากสนใจโฮ่วเซิ่งหนาน มารยาทก็ควรจะมีกันทั้งฝ่าย ในเมื่อหล่อนไม่มีมารยาทก็อย่าคิดว่าเธอจะรักษามารยาทด้วยเช่นกัน


เหยียนหมิงซุ่นจับไหล่ของเหมยเหมยไว้อย่างห้ามปราม พร้อมกับบอกโฮ่วเซิ่งหนาน “พวกเรามีธุระต่อ ขอตัวนะ”


ในขณะนั้นเองเถียนมู่ก็เดินตามมาสมทบ เขาตระหนักได้อย่างรวดเร็วต่อท่าทีของโฮ่วเซิ่งหนานที่ดูแปลกไปเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเหยียนหมิงซุ่น ในจังหวะที่จะเอ่ยถามตัวตนของเหยียนหมิงซุ่น กลับได้เห็นเหมยเหมยเข้า พลันเกิดอาการตกใจไปชั่วขณะนิ่งงันราวกับเป็นไก่ไม้


เหตุใดถึงได้มีหญิงสาวผู้งดงามถึงเพียงนี้?


สวยเสียยิ่งกว่าสนมหยางกุ้ยเฟยในตำนานหรือเปล่า?


เถียนมู่สายตามองตรงจับจ้องเหมยเหมยไม่วางตา ท่าทีอ่อนโยนและสง่างามในตอนแรกได้เปลี่ยนไปจนกลายเป็นความน่ารังเกียจ


เหมยเหมยขมวดคิ้วอย่างขยะแขยง พลางขยับเข้าไปหาเหยียนหมิงซุ่นมากขึ้น สายตาของชายที่สวมแว่นผู้นี้ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายตัวนัก ราวกับต้องการจะกระชากเสื้อผ้าของเธอออกจนหมดเกลี้ยงเสียให้ได้ แสดงท่าทีลวนลามอย่างหนัก


“คุณครับ กรุณารักษามารยาทด้วย!”


เหยียนหมิงซุ่นเขยิบเข้ามายืนบังอยู่ด้านหน้าเหมยเหมย จ้องเถียนมู่อย่างเย็นชา เขามองออกว่าเถียนมู่คือชายที่ยืนจูบกับโฮ่วเซิ่งหนานเมื่อครู่ นั่นจึงทำให้ยิ่งรู้สึกรังเกียจสองคนนี้มากขึ้น


จังหวะนั้นเถียนมู่ถึงได้สติพร้อมกับยิ้มเจื่อน เขาเองก็คาดไม่ถึงว่าตัวเองจะลืมตัวได้ถึงเพียงนี้ อันที่จริงเขาก็ผ่านผู้หญิงสวยมาแล้วนับไม่ถ้วน แต่ใครจะรู้ว่าพอได้เจอกับเหมยเหมยกลับยากที่จะควบคุมตัวเองไว้ได้ ช่างงดงามเสียจริง!


“ขอโทษครับ ผมเสียมารยาทเอง!”


เถียนมู่โค้งคำนับอย่างจริงใจ เอ่ยพูดด้วยภาษาฮวาเซี่ยที่ติดแข็งกระด้างไปบ้าง ซึ่งถือได้ว่าคล่องแคล่วพอควร แต่ยังคงไว้ด้วยสำเนียงของชาวต่างชาติ เหยียนหมิงซุ่นมองแวบเดียวก็รู้ได้ว่าเขาคือคนญี่ปุ่นจึงยิ่งไม่พอใจ


สำหรับคนญี่ปุ่น เขาเองก็เหมือนกับคนฮวาเซี่ยส่วนใหญ่ที่ไม่รู้สึกดีอะไรด้วยนัก!


เหมยเหมยก็เช่นเดียวกัน!


“เถียนมู่เขาแค่ชื่นชมต่อคุณหนูผู้นี้มากไปหน่อยจึงเผลอเสียมารยาท คุณหนูผู้นี้คงจะไม่ถือสาใช่ไหม?” โฮ่วเซิ่งหนานอมยิ้มระคนพูด แม้นท่าทีดูสบาย ๆแต่แววตากลับดูถูกเหยียดหยามและแสดงท่าทีไม่พอใจเผยออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน


ไฟโทสะของเหมยเหมยจึงปะทุขึ้นมาทันที พร้อมทั้งเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเย็นชา “ฉันถือมากค่ะ ไม่ใช่ทุกคนที่จะเหมือนคุณโฮ่วที่ชอบแสดงออกถึงงานอดิเรกของตัวเองในที่สาธารณะ!”


ไปชื่นชมปู่ของแกนู่น!


พวกสมองมีปัญหาเท่านั้นแหละถึงจะชอบให้ชายที่ตนเกลียดมายื่นจ้องอยู่ได้!


โฮ่วเซิ่งหนานมีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย นึกไม่ถึงเลยว่าหญิงสาวที่เธอคิดว่างดงามโดดเด่นประจำถิ่นแห่งนี้ ที่แท้ก็เป็นดั่งพริกขี้หนูเม็ดเล็ก?


ได้บารมีของใครมา?


เป็นเพียงแค่หลานสาวของตระกูลจ้าวที่หมดอำนาจไปแล้วมิใช่หรือ?


เธอได้ความกล้ามาจากใครกัน?


“คุณหนูจ้าวอารมณ์รุนแรงเหมือนกันนี่!” รอยยิ้มของโฮ่วเซิ่งหนานค่อย ๆจางหายไป นัยน์ตาฉายแววเย็นชามากขึ้น ไม่ได้กลับประเทศมาหลายปี ดูเหมือนว่าบรรดาสุภาพสตรีรุ่นใหม่ทั้งหลายต่างลืมนิสัยใจคอของคุณผู้หญิงโฮ่วอย่างเธอไปเสียแล้ว


“ฉันไม่ได้อารมณ์เสียไปทั่วค่ะ แล้วก็ไม่ได้จ้องคนอื่นอย่างเสียมารยาทด้วย วิสัยทัศน์ในการหาเพื่อนของคุณหนูโฮ่วควรได้รับการปรับปรุงนะ” เหมยเหมยเชิดคางเล็ก ๆของเธอขึ้นและอดไม่ได้ที่จะยืดเขย่งเท้าขึ้นด้วย ก็ใครใช้ให้เธอเตี้ยกว่าโฮ่วเซิ่งหนานกันล่ะ!


ดูจะให้ความรู้สึกอ่อนแอไปมาก!


เหยียนหมิงซุ่นมองไปที่ว่าที่ภรรยาของตนที่แผ่หนามออกมาอย่างขำขัน พร้อมหันไปพยักเพยิดหน้าให้กับโฮ่วเซิ่งหนาน “ขอตัวก่อนนะ!”


ลาก่อนไม่พูดจะดีกว่า เขาแทบหวังว่าจะไม่เจอกับผู้หญิงคนนี้อีก!


โฮ่วเซิ่งหนานหรี่ตามองตามแผ่นหลังของเหมยเหมยและเหยียนหมิงซุ่นที่เผยถึงความงดงาม แม้ว่าเธอไม่อยากจะยอมรับ แต่ความเป็นจริงเป็นเช่นนั้น สองคนนี้ดูแล้วเหมาะสมกันมากแต่ก็ขัดตา!


แต่แล้วจะทำไม?


เหยียนหมิงซุ่นต้องเป็นของเธอ!


“คือชายคนนี้หรือ?” เถียนมู่เอ่ยถามเงียบ ๆในแววตาเผยถึงความไม่ยินดี


ดูท่าจะสูงกว่าเขาไปแค่ไม่กี่เซนเองนี่!


โฮ่วเซิ่งหนานเผยถึงรอยยิ้มที่มุ่งมั่นจะเอาชนะ “ใช่ คือเขา ชายคนต่อไปที่ฉันจะต้องเอาชนะให้ได้!”


…………………………………………………………


[1] 三观 (ซานกวน) คือ ทัศนคติต่อโลก ทัศนคติต่อชีวิต และทัศนคติต่อคุณค่า


ตอนที่ 1436 มีบุญคุณต่อกัน


เหมยเหมยก้าวขึ้นรถไปอย่างรวดเร็ว สัญชาตญาณของผู้หญิงได้บอกกับเธอ ยัยโรคจิตโฮ่วเซิ่งหนานนั่นจะต้องคิดอะไรกับเหยียนหมิงซุ่นแน่!


“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครมาจากไหน?” เหมยเหมยถาม


เหยียนหมิงซุ่นก็รู้สึกปวดหัว จึงอธิบายออกไป “เป็นหลานสาวของนายใหญ่ ได้รับความรักจากนายใหญ่เป็นอย่างมาก เมื่อหกปีก่อนเป็นที่รู้จักกันมากในเมืองหลวง แต่หลายปีมานี้เธออยู่ต่างประเทศ ครั้งนี้ก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดถึงได้กลับประเทศมา?”


เมื่อพูดถึงตรงนี้เขาเกิดรู้สึกขมขื่น เหตุผลที่โฮ่วเซิ่งหนานกลับประเทศ เขารู้แน่ชัดเสียยิ่งกว่าอะไร


เหมยเหมยจ้องเหยียนหมิงซุ่นอย่างจับผิด ดวงตาดำขลับและตาขาวที่จ้องมาทำเอาเขายิ่งรู้สึกผิด จึงทำได้แค่ยิ้มกลบเกลื่อน


“โฮ่วเซิ่งหนานคงจะไม่ได้กลับมาเพราะพี่หรอกนะ?” เหมยเหมยถามขึ้นกะทันหัน เหยียนหมิงซุ่นใจเต้นระรัว ภรรยาของเขาฉลาดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?


ที่รัก นายไม่รู้หรือไงว่าความฉลาดและความรู้สึกของผู้หญิงว่องไวมากในด้านนี้ เทียบกับไอน์สไตส์ได้อย่างสมบูรณ์เลยล่ะ?


“จะเป็นไปได้ไง…ไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้แน่…ก็ได้…อาจจะมีส่วนที่เกี่ยวกับพี่…อืม อาจจะเป็นเพราะพี่เอง…”


ภายใต้ดวงตากลมโตอันสดใส เหยียนหมิงซุ่นที่เคยได้รับการฝึกฝนอย่างเข้มงวดนั้นไร้ประโยชน์เสียสิ้นดี น้ำเสียงค่อย ๆเบาลง รู้สึกใจฝ่อขึ้นเรื่อย ๆ สุดท้ายจึงต้องสารภาพออกไป


“ยัยโรคจิตนั่นช่วยชีวิตพี่ไว้?” เหมยเหมยแปลกใจเป็นอย่างมาก เธอรู้สึกว่านี่ไม่ใช่เรื่องดีอะไร แต่แค่แวบเดียวเธอก็กลับมาตะโกนพูดอย่างตื่นตัวอีกครั้ง “ต่อให้เธอช่วยชีวิตพี่ไว้ พี่ก็ไม่ควรจะเอาตัวเข้าแลกเพื่อตอบแทน!”


เหยียนหมิงซุ่นทำอะไรไม่ถูก คอยลูบปลอบโยนภรรยาตัวน้อยของตนอย่างเอาใจ “วางใจได้ พี่เกลียดแม่โรคจิตนั่นยังดูช้าไปเสียด้วยซ้ำ บุญคุณที่เธอเคยช่วยชีวิตไว้วันหน้าพี่ค่อยตอบแทนด้วยวิธีอื่น!”


นั่นถึงทำให้เหมยเหมยพึงพอใจ แต่เธอก็ยังคงกัดไปที่ปลายคางของเขาอย่างโมโห ออกไปปฏิบัติภารกิจยังเอาดอกท้อเน่า[1]กลับมาด้วยอีก กัดให้ตายเลย!


เหยียนหมิงซุ่นจงใจร้องโอดโอย เหมยเหมยที่ได้ยินก็รู้สึกสงสารจึงได้คายฟันที่กัดออก เปลี่ยนมาหยิกตรงช่วงเอวของเขาที่มีเนื้ออยู่แล้วแทน


“น่าแปลกจัง ยัยโรคจิตนี่ดูท่าจะไม่ใช่ผู้หญิงประเภทที่ขาดผู้ชาย แต่ทำไมเธอถึงมองแต่พี่ได้ล่ะ?” เหมยเหมยสงสัยเป็นอย่างมาก แม้ว่าเธอจะไม่ได้คุ้นเคยกับโฮ่วเซิ่งหนาน แต่ก็พอจะมองรสนิยมของโฮ่วเซิ่งหนานได้คร่าวๆ


ใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศตั้งหลายปี สันนิษฐานว่าความคิดและพฤติกรรมการใช้ชีวิตของเธอคงจะคล้ายคลึงกับหญิงสาวชาวต่างชาติไปแล้ว มิเช่นนั้นผู้หญิงคนนี้คงจะไม่กล้าจูบกับผู้ชายในที่สาธารณะได้หรอก?


เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกใจฝ่ออีกครั้ง บ่นโทษที่ตัวเองนั้นโชคร้ายเกินไป ที่เพิ่งได้เจอกับผู้หญิงโรคจิตพรรณนั้น!


แท้จริงแล้วโฮ่วเซิ่งหนานได้พาหน่วยสำรวจไปยังพื้นที่ทะเลทราย เถียนมู่ก็อยู่ในหน่วยนี้ด้วย เดิมทีประเทศ Y ปิดกั้นพื้นที่ทะเลทรายไปแล้ว แต่เนื่องด้วยเพื่อนของโฮ่วเซิ่งหนานคือเคน เป็นหนึ่งในทายาทบริษัทยักษ์ใหญ่ในยุโรป โดยบริษัทยักษ์ใหญ่มักคอยสนับสนุนประเทศกลุ่มเล็กอย่างลับ ๆ อยู่ ซึ่งประเทศ Y ก็เป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับการสนับสนุนจากตระกูลเคน ส่วนเคนได้บอกเอาไว้ว่าจะพาเพื่อน ๆ เข้าไปสำรวจในพื้นที่ทะเลทราย รัฐบาลของประเทศ Y จึงต้องยอมปล่อยไป


แน่นอนว่าเหล่ากองกำลังทหารได้ตรวจค้นโฮ่วเซิ่งหนานและผองพวก เมื่อยืนยันว่าไม่มีปัญหาใดถึงได้ยอมปล่อยให้พวกเขาเข้าไปในเขตพื้นที่ทะเลทราย โฮ่วเซิ่งหนานจึงติดต่อกับเหยียนหมิงซุ่นได้อย่างรวดเร็ว วิธีการของเธอคือการฆ่าไกด์ที่หน่วยสำรวจจ้างมา และให้เหยียนหมิงซุ่นปลอมตัวเป็นไกด์เพื่อหลบหนีออกไปจากทะเลทราย


ไกด์คนนี้เป็นคนที่โฮ่วเซิ่งหนานเลือกมาเอง ส่วนสูงและรูปร่างคล้ายคลึงกับเหยียนหมิงซุ่นมาก เพียงแค่แต่งเนื้อแต่งตัวเพิ่มเล็กน้อยก็ง่ายต่อการหลอกหน่วยสำรวจแล้ว


เหยียนหมิงซุ่นจึงทำเช่นนั้น แม้ว่าไกด์จะเป็นผู้บริสุทธิ์แต่ก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว เพื่อให้เขากลับบ้านได้อย่างราบรื่นเขาจึงต้องทำแบบนี้ ซึ่งหลังจากนั้นทุกอย่างก็ดำเนินไปอย่างราบรื่น เหยียนหมิงซุ่นหลอกพวกของเคนได้สำเร็จ และหนีออกมาจากทะเลทรายอย่างไร้ซึ่งอันตรายโดยไม่มีใครจับได้เลยสักคน


จากเดิมเหยียนหมิงซุ่นรู้สึกขอบคุณโฮ่วเซิ่งหนานมาก หากไม่ได้รับการช่วยเหลือจากเธอเขาคงไม่มีทางหนีออกมาจากทะเลทรายได้โดยไร้ซึ่งบาดแผลหรอก แต่ปัญหาคือโฮ่วเซิ่งหนานคอยแต่จะยั่วยวนเขาในช่วงที่อยู่ในทะเลทราย หลายครั้งที่มุดเข้ามาในเต็นท์นอนของเขา และยังถอดเสื้อผ้าต่อหน้าเขาอีก…


………………………………………………..


ตอนที่ 1437 ที่แท้ก็หลานสาวของเขา


เหมยเหมยฟังเหยียนหมิงซุ่นเล่าถึงเหตุการณ์ที่เขาได้ถูกช่วยชีวิตไว้คร่าว ๆ แน่นอนว่าเรื่องมุดเต็นท์ เหยียนหมิงซุ่นไม่มีทางเอ่ยถึงแน่ เขาไม่อยากจะระเบิดความหึงหวงของภรรยาให้ปะทุขึ้นหรอกนะ


แต่เซ้นท์ของผู้หญิงได้บอกกับเหมยเหมย ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นต้องมีอะไรมากกว่านี้


“เขารักพี่ตั้งแต่แรกพบ? เป็นไปไม่ได้ ฉันคิดว่าผู้หญิงอย่างโฮ่วเซิ่งหนาน ต้องชอบผู้ชายแนวตะวันตกหน่อยๆ ”


มีอีกหนึ่งประโยคที่เหมยเหมยไม่ได้พูดออกมา โฮ่วเชิ่งหนานดูเหมือนจะเป็นผู้หญิงที่ชื่นชอบคนแข็งแรงและมีขนาดใหญ่ล่ำ


แน่นอนว่าขนาดของเหยียนหมิงซุ่นก็ใหญ่ พอนึกถึงเหมยเหมยก็หน้าแดงก่ำ แต่ในหัวกลับพลันสว่างขึ้น นึกถึงความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่ง จึงได้เงยหน้าขึ้นทันที แต่กลับพบกับสีหน้าลำบากใจของเหยียนหมิงซุ่นที่ยังไม่จางหายไป ทันใดนั้นความสงสัยจึงบังเกิด


“เหยียนหมิงซุ่นพี่สารภาพมาเดี๋ยวนี้ แท้จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ไม่งั้นคืนนี้นายนอนที่พื้น!”


เหมยเหมยยกมือทั้งสองข้างเท้าสะเอว การคำรามของสิงโตได้เริ่มขึ้น


เหยียนหมิงซุ่นถอนหายใจเฮือกใหญ่ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อคืนนี้เขาสารภาพไปเสียดีกว่า!


แต่ความจริงเรื่องนี้ก็ดูน่าอายเล็กน้อย!


“พี่บอกว่าหล่อนเห็นพี่เปลี่ยนเสื้อผ้างั้นเหรอ?” เหมยเหมยกรีดร้องด้วยใบหน้าที่เหลือเชื่อ


แค่เห็นผู้ชายเปลี่ยนเสื้อผ้าก็ตกหลุมรัก?


ยัยโฮ่วเซิ่งหนานนี่คงจะป่วยเป็นโรคจิตจริง ๆ!


แถมยังป่วยไม่เบาด้วย!


แต่เพียงไม่นานเธอก็เข้าใจในทันที พลันเหลือบมองไปยังช่วงล่างของเหยียนหมิงซุ่นอย่างไม่ได้ตั้งใจ พร้อมกรีดร้องอย่างขมขื่น หน้าไม่อาย!


เมื่อครู่นั้นเธอคิดไม่ผิด โฮ่วเชิ่งหนานเห็นเจ้านั่นของเหยียนหมิงซุ่นเข้าถึงได้ใจเต้น


แม้ว่าเหมยเหมยจะไม่เคยเห็นของชายอื่นมาก่อน แต่ก็รู้ดีว่าขนาดของเหยียนหมิงซุ่นก็ไม่เล็กเลย ไม่ต้องพูดถึงว่าอยู่ในกลุ่มผู้ชายเอเชีย แม้แต่ในกลุ่มของผู้ชายยุโรปเขายังถือได้ว่าโดดเด่น ไม่แปลกเลยที่ยัยบ้าโฮ่วเซิ่งหนานจะวิ่งตามตอแยเหยียนหมิงซุ่นไม่ปล่อย


หน้าด้านหน้าทนเสียจริง!


“แต่ถึงอย่างไรพี่ก็ไม่มีสิทธิ์อยู่กับยัยบ้านั่น แม้แต่พูดก็ไม่ได้…”


เหมยเหมยโกรธเป็นที่สุด จากตอนแรกรู้สึกขอบคุณโฮ่วเซิ่งหนานแต่ตอนนี้กลับมลายหายไปหมดแล้ว!


จะแย่งผู้ชายของเธออยู่แล้ว จะให้ขอบคุณบ้าอะไรอีกล่ะ!


ความแค้นนี้มิอาจอยู่ใต้ฟ้าเดียวกันได้!


เหยียนหมิงซุ่นพยายามอยู่นานสองนานกว่าจะทำให้เหมยเหมยยอมใจเย็นลงได้ ทั้งยังท่องวินัยสามประการและคำสอนแปดประการ เหมยเหมยถึงได้อารมณ์ดีขึ้นมาได้ จากท้องฟ้าสว่างก็เปลี่ยนเป็นมีเมฆมาก แต่ไม่นานเธอก็กลับมากังวลอีกครั้ง


“พี่ว่าเธอจะให้นายใหญ่ช่วยออกหน้าไหม?”


เหยียนหมิงซุ่นกลับไม่ได้กังวลนัก “วางใจได้ นายใหญ่ไม่ได้โง่ขนาดนั้น อีกอย่างสามีของเธอก็ไม่ใช่คนที่จะถูกรังแกได้ง่าย ๆ นะ คนอื่นแย่งไปไม่ได้หรอก เธอทำใจให้สบายเตรียมตัวเป็นคุณนายเหยียนในอนาคตได้เลย!”


“เกลียดนัก…”


เหมยเหมยจ้องเขาตาเขม็ง แต่ในแววตากลับฉายแววดีใจ แค่นึกถึงช่วงที่คนอื่นเรียกเธอว่าคุณนายเหยียน เธอก็อดดีใจเสียไม่ได้


เหยียนหมิงซุ่นจึงถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในมหาวิทยลัย เหมยเหมยก็ไม่ได้ปิดบังเล่าเรื่องของถังม่านลี่ให้ฟัง เหยียนหมิงซุ่นหน้าขรึมขึ้นทันที ไม่พอใจต่อการกระทำของครูฝึกหน้านิ่งนั่นเป็นอย่างมาก ทำไมถึงปล่อยให้เกิดเรื่องราวฉาวโฉ่ได้?


จะปล่อยให้ทำเรื่องอื่นไม่ได้อีกต่อไป!


กลับไปต้องสั่งให้เสี่ยวเหมิงเพิ่มระยะฝึกเจ้านั่นอีก!


ครูฝึกหน้านิ่งที่กำลังทำการฝึกอยู่ในฟาร์ม รู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาทันที จึงได้ต่อยลูกต้มไปครั้งหนึ่งและรู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่างที่จะเกิด


ทั้งคู่ออกไปเดินเล่นรับลมข้างนอก พอตกเย็นถึงกลับเข้าบ้าน เจียงซินเหมยและคนอื่น ๆกลับไปนานแล้ว ซึ่งตรงใจเหยียนหมิงซุ่นมาก คืนนี้เขาจะนอนที่บ้าน แม้ว่าจะทำภารกิจนั้นไม่ได้แต่เขาก็ชอบที่จะนอนกอดรัดฟัดเหวี่ยงภรรยาตัวนุ่มนิ่มของเขา


แน่นอนว่าเขาไม่ได้ว่าง ส่งลุงเหลาเข้าไปสืบหาข้อมูลของคนในหอพักเหมยเหมย คนอื่นไม่มีอะไรน่าห่วง มีเพียงแค่เจิ้งเสวี่ยซานที่ทำให้เหมยเหมยนึกประหลาดใจ


“มิน่าล่ะผู้หญิงคนนี้แอบต่อต้านฉันอยู่ตลอด ที่แท้ก็เป็นหลานสาวของเจิ้งซื่อหลินนี่เอง!”


ปิดบังได้แนบเนียนพอสมควรนะเนี่ย!


………………………………………………………


[1] เปรียบเปรยหญิงสาวที่นิสัยไม่ดี ไม่มีความเป็นกุลสตรี ไร้มารยาท


ตอนที่ 1438 ไม่ไปไหนทั้งนั้น


เจิ้งซื่อหลินได้แต่งงานกับภรรยาถึงสองคนตามลำดับ ภรรยาคนแรกแต่งงานโดยการถูกพ่อแม่คลุมถุงชนเมื่อครั้งยังเด็ก อายุมากกว่าเขาถึงสามปี อีกทั้งยังเป็นสาวไร้การศึกษาเป็นเพียงหญิงสาวในชนบททั่วไป เจิ้งซื่อหลินไม่ชื่นชอบภรรยาคนเดิมเลย หลังแต่งงานได้สองเดือนเขาออกจากบ้านไปเรียนต่อต่างประเทศ


ภรรยาคนเดิมนั้นมีความภักดีและซื่อสัตย์ และไม่ได้เป็นคนเจ้าแผนการอะไร เนื่องด้วยเจิ้งซื่อหลินจะอยุ่ห่างกันเสียมากกว่าจึงมีลูกชายเพียงคนเดียว นั่นคือพ่อของเจิ้งเสวี่ยซาน


ช่วงที่พ่อของเจิ้งเสวี่ยซานอายุได้สามขวบ เจิ้งซื่อหลินจึงได้ส่งจดหมายสำคัญการหย่ากลับมาที่บ้าน โดยแจ้งว่าต้องการจะหย่ากับภรรยาของเขา คัดค้านต่อการแต่งงานคลุมถุงชนแบบระบบศักดินา ซึ่งเรื่องแบบนี้เป็นที่นิยมอย่างมากในยุคสาธารณรัฐจีน ไม่เพียงแต่ไม่มีใครคัดค้านมีแต่จะปรบมือสรรเสริญมากกว่า


โชคดีที่พ่อแม่ของเจิ้งซื่อหลินไม่ได้ใจดำเหมือนกับลูกชาย ต่างก็เป็นคนซื่อสัตย์ใจดี พวกเขาไม่ยินยอมให้เจิ้งซื่อหลินแต่งงานกับภรรยาคนที่สอง พูดเพียงแค่ว่าภรรยาคนแรกต่างหากที่เป็นลูกสะใภ้และได้ฉีกใบหย่าฉบับนั้นทิ้งไป


แต่ภรรยาคนแรกผู้น่าสงสารกลับเอาแต่ตรอมใจจนมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานนัก พ่อของเจิ้งเสวี่ยซานพึ่งจะบรรลุนิติภาวะ เธอก็จากไปเสียแล้ว ขนาดเธอตายเจิ้งซื่อหลินก็ไม่แม้แต่จะกลับมาหาเลย ทุกอย่างจบลงด้วยความเกลียดชัง


พ่อของเจิ้งเสวี่ยซานนั้นเหมือนกับแม่ของเขาที่เป็นคนซื่อสัตย์ภักดี ทั้งชีวิตเป็นเพียงแค่คนงานที่ขยันขันแข็ง ไม่แม้แต่จะหวังพึ่งบารมีจากพ่อผู้ให้กำเนิดเขาเลย


แต่ภรรยาและลูกสาวของเขากลับแตกต่างออกไป สองแม่ลูกคู่นี้ต่างหัวสูง พอได้รู้ว่าในตระกูลมีผู้อาวุโสที่เก่งกาจ จิตใจก็เกิดความทะเยอทะยานขึ้นมา ทั้ง ๆที่บ้านหลังนี้เป็นของหลานชายของลูกชายคนโต แล้วทำไมถึงสู้บ้านที่สองนั่นไม่ได้?


แต่ทางฝั่งเจิ้งซื่อหลินนั้นอาจจะด้วยอายุที่มากหรืออาจจะเพราะความใจดีบังเกิด ถึงได้ส่งคนไปติดต่อตามหาลูกชายคนโต และยังส่งเสียให้เงินพวกเขาด้วย


ด้านหนึ่งให้จากใจ แต่อีกด้านหนึ่งกลับมีเจตนาร้าย


เพราะแบบนี้แม่ของเจิ้งเสวี่ยซานถึงได้ติดต่อเจิ้งซื่อหลิน บ่อยครั้งที่แวะไปเยี่ยมญาติต่างๆ นาๆ และด้วยตัวเจิ้งเสวี่ยซานฉลาดปราดเปรื่องมาตั้งแต่เด็ก ทั้งยังเป็นคนกล้าแสดงออกจึงถือว่าเป็นคนโปรดของเจิ้งซื่อหลินพอควร


เหมยเหมยถึงได้นึกออก คืนนั้นที่เจิ้งเสวี่ยซานเพิ่งเปิดเรียนกลับไม่ได้นอนค้างที่หอพัก เขาบอกว่าต้องไปเยี่ยมญาติ คิดว่าต้องไปที่บ้านของเจิ้งซื่อหลินแน่!


“หรือว่าพี่จะส่งคนไปฆ่าเจิ้งซื่อหลินและพวกมันทั้งสามคนให้ตาย ๆไปเลยดี จะได้ลดความรำคาญใจของเธอและแม่ยายไปด้วย”


เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยพูดอย่างเอาใจ เมื่อคืนวานภรรยาตัวน้อยของเขาเอาแต่โกรธเคือง ประโยชน์ที่เขาควรจะได้รับก็ไม่มีแล้ว แต่คืนนี้จะต้องง้อเอากลับมาให้ได้


เหมยเหมยจ้องเขาตาเขม็ง “ใครคือแม่ยายของพี่? อย่าเรียกซี้ซั้วนะ!”


เหยียนหมิงซุ่นจึงโอบสาวงามเข้ามาไว้ในอ้อมกอด มือเริ่มปัดป่ายไปมา “พี่กอดใครอยู่ ก็แม่ของคนคนนั้นแหละที่เป็นแม่ยายของพี่!”


“เกลียดนัก…”


เหมยเหมยบิดตัวไปมาด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน แต่ยิ่งบิดก็ยิ่งปะทุไฟในกายของคนบางคน เหยียนหมิงซุ่นกดเธอไว้ใต้ร่าง บีบขย้ำเธอไปยกใหญ่ถึงได้ยอมปล่อยเธอไป


“ไม่ต้องให้พี่ช่วยหรอก แม่ของฉันจะจัดการทั้งสามคนด้วยตัวเอง ท่านจะมาจัดนิทรรศการภาพวาดที่เมืองหลวงเร็ว ๆ นี้ อาจจะมีคนก่อเรื่องวุ่นวาย ถึงเวลานั้นพี่แค่ส่งคนมาช่วยก็พอแล้ว ”


ความเสน่ห์หานัยน์ตาของเหมยเหมยแทบจะถูกดึงจนเป็นเส้นสายไหม เธออยากจะผลักเหยียนหมิงซุ่นที่อยู่บนร่างของเธอออก แต่คนบางคนกลับแน่นิ่งยิ่งกว่าภูเขาไท่ซานไม่ขยับเขยื้อนไปไหน


“แค่เรื่องเล็กน้อย บอกให้แม่ยายวางใจได้ รับรองว่าไม่มีใครกล้าก่อเรื่องวุ่นวายแน่”


มือของเหยียนหมิงซุ่นยังคงอยู่ไม่เป็นสุข ใครใช้ให้ภรรยาตัวน้อยของเขาน่าดึงดูดขนาดนี้เล่า!


ใต้ร่างมีหญิงงามพราวเสน่ห์ผู้หนึ่งนอนอยู่ หากว่าเขาไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองคงจะพิลึกน่าดู!


“…โธ่เอ๊ย พี่รีบลงไปเลย เราจะไปเดินชอปปิ้งกันอยู่ไหมเนี่ย?”


เหมยเหมยผลักเขาอีกครั้ง แต่เหยียนหมิงซุ่นก็ยังไม่ขยับ ทับอยู่บนตัวเธอเอาแต่ทำรอยคิสมาร์ก


“ไม่ไปแล้ว วันนี้จะไม่ไปไหนทั้งนั้น…จะอยู่บนเตียงแบบนี้แหละ…”


…………………………………………………….


ตอนที่ 1439 วันๆ เอาแต่อยู่เฉยก็เป็นแค่ทรราชไร้ความสามารถ


วันนี้ทั้งวันเหมยเหมยและเหยียนหมิงซุ่นไม่ได้ไปไหนจริง ๆทั้งคู่เอาแต่สวีทหวานกันอยู่ในห้องทั้งวัน เหยียนหมิงซุ่นมีพละกำลังที่ใช้ยังไงก็ไม่มีหมด ทั้งวันเอาแต่กอดรัดฟัดเหวี่ยงเหมยเหมยให้เธอทำเรื่องอย่างว่ากับเขาตามในหนังสือ…


ลุงเหลาป้าฟางต่างก็รู้งาน เมื่อถึงมื้ออาหรถึงจะนำข้าวปลามาส่งให้ที่หน้าประตู จากนั้นก็เคาะประตูเรียก ส่วนเวลาอื่นก็จะหายตัวไปอย่างอัตโนมัติ


“นี่พี่จะพอได้หรือยังเนี่ย…พี่จะกลายเป็นทรรราชไร้ความสามารถที่เอาแต่อยู่เฉยไปวัน ๆแล้วนะ…”


เหมยเหมยมองดูใครบางคนที่ไม่สะทกสะท้านต่อการทำรอยคิสมาร์กบนตัวเธออย่างจนใจ นี่ก็ดูดมาทั้งวันแล้วนะ หากดูดอีกเกรงว่าเนื้อตัวเธอจะไม่มีส่วนที่ดีหลงเหลืออยู่แล้ว!


“…ไม่พอ…ถ้าพี่เป็นทรราช เธอก็คือสนมคนโปรด…”


เหยียนหมิงซุ่นกล่าวอย่างยียวน และไม่ลืมที่จะเลียลูกเชอร์รี่แสนหวาน ต่อให้เขาต้องกินทุกวันเขาก็ไม่มีทางเบื่อหรอก


“…อืม…เกลียดนัก…พี่อย่าดูดคอฉันสิ…พรุ่งนี้ฉันยังต้องไปเรียนนะ”


เหมยเหมยยื่นมือออกไปลากตัวเหยียนหมิงซุ่นออกมา แค่ทำรอยคิสมาร์กบนตัวก็พอแล้ว ถ้ายังทำตรงช่วงลำคออีก พรุ่งนี้เธอจะยังมีหน้าไปเจอใครได้อีกล่ะ?


แต่เหยียนหมิงซุ่นนั้นถูกสเปิร์มขึ้นสมองไปแล้ว ไหนเล่าจะสนใจสิ่งอื่นใดอีก บัดนี้คิดเพียงแค่ว่าจะฉีกกินของอร่อยลงท้อง หลังจากนั้นไม่นานก็กลับมาจูบจนทำเอาเหมยเหมยร้อนลุ่มไปทั้งตัว ในสมองเกิดตีรวนตกอยู่ในภวังค์แห่งความลุ่มหลง…


ส่วนรอยคิสมาร์กบนคอ ใครจะสนใจอีกเล่า!


และสุดท้ายกลายเป็นอีกหนึ่งคืนแห่งฤดูใบไม้ผลิ!


แสงอรุณรุ่งของเช้าวันจันทร์สาดส่องเข้ามา ส่องกระทบสองร่างที่นอนหลับใหลอยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน เหยียนหมิงซุ่นกอดเหมยเหมยเอาไว้แน่น ในความเป็นจริงเขาเป็นผู้ชายที่มีนิสัยขี้หึงหวงเป็นพิเศษ ซึ่งเห็นได้จากลักษณะของการกอด แนบชิดแน่นไม่เหลือช่องว่างเลยแม้แต้นิดเดียว


เหมยเหมยตื่นขึ้นมาในอ้อมอกที่เต็มไปด้วยลมหายใจของชายหนุ่ม พอนึกถึงเรื่องราวไร้สาระที่ทำไปสองวันหนึ่งคืนขึ้นมา เหมยเหมยจึงเกิดอาการหน้าแดงซ่าน แต่ในใจกลับให้ความรู้สึกหวานชื่นเป็นที่สุด


เพราะไม่ว่าเหยียนหมิงซุ่นจะรู้สึกอึดอัดแค่ไหน ก็ไม่เคยคิดที่จะรุกรานเธอ ทั้ง ๆที่เธอบอกว่าเต็มใจแล้ว!


เหยียนซินหย่าเคยบอกว่า ผู้ชายคนหนึ่งถ้ารักผู้หญิงคนนี้จริงก็จะไตร่ตรองถึงทุกสิ่งแทนเธอ แต่ไม่ใช่ความสุขแค่ชั่วครู่ และทำให้ผู้หญิงคนนั้นตกเข้าไปสู่วังวนแห่งความวุ่นวาย


เหมยเหมยรู้ดี ว่าเหยียนหมิงซุ่นรักเธอจริง!


เพราะเขาอยากทำให้เธอเป็นเจ้าสาวที่สมบูรณ์พร้อมที่สุดในคืนเข้าหอ และไม่ต้องการให้เธอต้องเจ็บปวดแม้แต่น้อย!


แต่เธอกลับนึกถึงไอ้คนเลวที่เมื่อวานแกล้งทำทีเป็นน่าสงสาร เกลี้ยกล่อมให้เธอทำเรื่องน่าอายตั้งมากมาย เหมยเหมยเกิดรู้สึกโมโห เธอจึงยื่นมือออกไปสะกิดที่ยอดอกกำยำอย่างแรง พร้อมก่นด่าเสียงเบา ‘คนเลว’


แท้จริงเหยียนหมิงซุ่นตื่นนานแล้ว แต่เขายังโลภต่อตัวของสาวงามที่อยู่ในอ้อมกอด ดังนั้นจึงแกล้งหลับ และแน่นอนว่าได้ยินเข้ากับเสียงบ่นด่าอุบอิบจากเหมยเหมย มุมปากพลันกระตุกยิ้มขึ้นเล็กน้อย พร้อมหัวเราะขึ้นอย่างสดใส


“อรุณสวัสดิ์ ที่รัก” เหยียนหมิงซุ่นมองสบดวงตาของเหมยเหมยอย่างลึกซึ้ง มอนิ่งคิสที่หน้าผากของเหมยเหมยไปหนึ่งครั้ง


“อรุณสวัสดิ์ คุณสามี”


เหมยเหมยพูดอย่างเขิน ๆซึ่งเสียงเบามาก คำว่าคุณสามีเหยียนหมิงซุ่นเป็นคนขอให้เธอเรียก ทั้งยังบังคับว่าต้องเรียกด้วยมิฉะนั้นจะลงโทษเธออย่างหนัก ส่วนเรื่องการลงโทษอย่างหนักนั้น ทุกคนสามารถจินตนาการเอาเองได้เลย


เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้มที่มุมปาก เพิ่มจูบตอนเช้าให้ลึกซึ้งขึ้น แต่ครั้งนี้เขาแค่ชิมนิดหน่อยไม่กล้าสร้างเรื่องอีก


“เย็นนี้กลับมานอนที่นี่ ทางมหาทวิทยาลัยพี่จัดการเอง” เหยียนหมิงซุ่นใส่เสื้อผ้าให้แทนเธอ มองเห็นรอยแดงที่ปรากฏบนผิวดั่งหิมะของเธอแอบนึกตัดพ้อตัวเองที่ทำรุนแรงไปหน่อย ทุกครั้งที่ก่อเรื่องก็มักจะควบคุมตัวเองไม่ได้


เหมยเหมยเมื่อส่องกระจกก็เห็นกับรอยคิสมาร์กบนลำคอ จึงเข้าไปกัดนิ้วของคนร้ายอย่างนึกโมโห แต่ก็ทำได้แค่ใช้ผ้าพันคอพันปิดเอาไว้ โชคดีที่อากาศเย็นลงแล้ว หากว่าเป็นวันที่อากาศร้อนอบอ้าว เธอคงไม่ต้องออกจากบ้านแล้วล่ะ!


ตอนที่ 1440 เป็นเด็กดี


เหมยเหมยที่เจอกับลุงเหลาและป้าฟางจึงเกิดอาการขัดเขิน อายไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้า แต่ทั้งคู่ต่างทำเหมือนกับว่าไม่รู้อะไรเลย ท่าทีเป็นธรรมชาติเหมือนปกติทุกอย่าง เหมยเหมยถึงไม่ได้อึดอัดเท่าไหร


กลางคืนหนักเอาเรื่องไม่น้อย เหมยเหมยจึงดูเจริญอาหารมาก กินโจ๊กเข้าไปหนึ่งชาม และยังกินเสี่ยวหลงเปาอีกห้าลูก และภายใต้การเกลี้ยกล่อมของเหยียนหมิงซุ่นจึงกินเกี๊ยวนึ่งเข้าไปอีกสองชิ้น กินจนอิ่มแปร้เลย


“เดี๋ยวพี่ไปส่งเธอไปเรียนเอง เลิกเรียนถ้าพี่ไม่อยู่ ลุงเหลาจะไปรับเธอ” เหยียนหมิงซุ่นหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดคราบมันที่มุมปากให้เหมยเหมย ท่าทางดูคุ้นเคยมาก ทำให้เห็นได้ชัดว่าทำบ่อยจนเป็นกิจวัตรไปเสียแล้ว


แม้ว่าสีหน้าท่าทีของลุงเหลาและป้าฟางจะเหมือนคนปกติทั่วไป แต่ในใจกลับเลิ่กลั่ก หากไม่ใช่เพราะเห็นเข้ากับตาตัวเอง พวกเขาจะเชื่อได้หรือว่านายน้อยที่ปกติแล้วเย็นชาเข้มงวดขนาดนั้น จะมีด้านที่อ่อนโยนเอาใจใส่แบบนี้ด้วยเล่า?


อีกทั้งหลายวันมานี้นายน้อยหมิงเอาแต่กอดรัดฟัดเหวี่ยงคุณหนูจ้าว เหมือนกับหมาป่าที่ป้อนเท่าไหร่ก็ไม่ยอมอิ่ม ไหนเล่าจะเหลือเคล้าของนายน้อยหมิงผู้ฉลาดปราดเปรื่องอยู่อีก?


พูดง่าย ๆก็คือไม่ต่างไปจากทรราชหน้ามืดที่ทิ้งการงานเพื่อหญิงงามเลยจริง ๆ!


เหมยเหมยเอ่ยค้านเสียงเบา “ฉันปั่นจักรยานไปก็ได้ ระยะทางไม่เท่าไหร่เอง ไม่ถึงกับต้องไปรับ…”


ภายใต้สายตากดดันของเหยียนหมิงซุ่น น้ำเสียงของเธอจึงเริ่มเบาลงเรื่อย ๆ จนสุดท้ายเบาจนแทบไม่อาจจับใจความได้ และจากนั้น “…คือว่า…บ่ายนี้ฉันมีเรียนแค่คาบเดียว สองโมงครึ่งก็เลิกแล้ว…”


“เด็กดี!”


เหยียนหมิงซุ่นดึงแก้มเหมยเหมยอย่างพอใจ เขาไม่อยู่เมืองหลวงก็แล้วไป แต่ตอนนี้เขากลับมาแล้วจะยอมให้ภรรยาของตนปั่นจักรยานไปเรียนได้อย่างไรล่ะ?


และเขาจะต้องจัดการเคลียร์กับทางมหาวิทยาลัยเสียหน่อย พวกคนที่คิดไม่ซื่อพวกนั่นไม่ควรจะใจดีอ่อนข้อให้อีก ควรจะลงโทษอย่างไรก็ควรลงโทษตามสมควร เหตุใดถึงได้หลอกใช้ความใจดีของเหมยเหมยได้?


เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้ขับรถทหารคันนั้นไป รถยี่ห้อนั้นเป็นเป้าสายตาเกินไป เขาแค่ไปส่งภรรยาเข้าเรียน ไม่จำเป็นทำขนาดนั้น


และแน่นอนว่าไม่ควรที่จะขับรถที่ดูจะธรรมดาเกินไป แบบนั้นจะทำให้ภรรยาของตนขายขี้หน้าเอาได้ ซึ่งในท้ายที่สุดเหยียนหมิงซุ่นจึงเลือกขับรถโตโยต้าคราวน์ไป เครื่องยนต์อาจดูแย่กว่าของจ้าวเสวียเอ๋อร์ไปบ้าง แต่ในเวลานี้ถือได้ว่าเป็นรถระดับพรีเมียม


เหยียนหมิงซุ่นขับรถตรงเข้าไปในโรงเรียน ใบรับรองของเขาใช้ได้ทั่วประเทศ ไม่มีใครตาต่ำถึงขั้นกล้ามาขวางทางเขาหรอก!


เหมยเหมยแวะเข้าหอพักก่อน เพราะหนังสือยังอยู่ที่นั่น!


สีอันน่าตื่นแต่เช้าตรู่ หลังจากที่อาบน้ำอาบท่าเสร็จ จึงได้มายืนหวีผมด้วยหวีเขาวัวอยู่ตรงระเบียง เส้นผมของเธอทั้งดำทั้งหนา สีอันน่ารักเส้นผมพวกนี้มาก ทุก ๆวันจะต้องหวีผมเป็นพันครั้งด้วยหวีเขาวัว บอกว่าสามารถทำให้เส้นผมดำและเงางามขึ้นอีก


เหมยเหมยลงจากรถ แต่ก็ยื่นหน้าเขาไปหอมแก้มเหยียนหมิงซุ่นที่อยู่ในรถอีกครั้ง นั่นถึงทำให้เหยียนหมิงซุ่นพึงพอใจไม่น้อย และบอกเหมยเหมยว่าหลังเลิกเรียนให้เป็นเด็กดีรอเขา


สีอันน่าดวงตาว่องไวแค่แวบเดียวก็มองเห็นรถด้านล่าง เห็นว่าเหมยเหมยลงมาจากรถ ประสาทสัมผัสของเธอเด้งขึ้นในทันที เส้นผมอันเป็นที่รักก็ไม่ได้สนใจอีกต่อไป ดวงตาจับจ้องไปยังด้านล่างอย่างไม่ละสายตา


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนที่พึ่งจะอาบน้ำเสร็จก็เห็นท่าทีประหลาดเช่นนั้นจึงเดินเข้าไปหา สีอันน่าจึงใช้มือป้องปากทำเสียงชู่ ทั้งคู่ต่างแอบอยู่ตรงระเบียงอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ


“อื้อหือ จ้าวเหมยกับผู้ชายในรถนั่นจูบปากกัน…” สีอันน่าอุทานเสียงเบา ใบหน้าเผยถึงอาการตกใจ


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเองก็เบิกตากว้าง อย่ามองว่าปกติเธอพูดเหมือนรู้โลกมามาก ในความเป็นจริงแค่จูงมือกันยังไม่เคยเลย ไร้เดียงสาอย่างหาที่เปรียบไม่ได้!


บัดนี้ทั้งคู่จึงเกิดอาการขัดเขิน ทั้งอยากรู้อยากเห็น และที่มากกว่าคือความตื่นเต้น แอบมองจนออกรสออกชาติ โกรธก็แต่เวลาผ่านไปเร็วเหลือเกิน!


“ไปแล้ว…” น้ำเสียของสีอันน่าติดเสียดายอยู่บ้าง จู่ ๆก็ถามด้วยเสียงซุบซุบขึ้นมา “เธอว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใครเหรอ?  ดูเหมือนว่าจะเป็นคราวน์อีกคันนะ!”


ดวงตาของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนฉายแววเป็นประกาย และเอ่ยตอบอย่างตัดรำคาญ “เธอจะสนทำไมว่าคนอื่นเป็นใคร? เธอนี่เป็นดั่งหมาที่พยายามจับหนู เอาแต่ยุ่งเรื่องชาวบ้านไปทั่ว!”


เธอจึงหันกลับไปหวีผมอย่างรวดเร็ว อย่าคิดว่าเธอจะไม่รู้ว่าสีอันน่าคิดอะไรชั่ว ๆอยู่ เหอะ!


เธอไม่ได้โง่เหมือนถังม่านลี่นะ!


………………………………………………..


ตอนที่ 1441 ซึน


เหมยเหมยเดินขึ้นชั้นบนด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ ขณะนี้เพิ่งจะราวเจ็ดโมงครึ่ง ส่วนมากนักศึกษาเพิ่งจะตื่นนอนเลยทำให้บริเวณหน้าตึกหอพักเงียบเหงาอยู่ เหยียนหมิงซุ่นดึงดันจะให้เธอมอบจูบลาให้เขา พอคิดถึงเจ้าคนที่ยิ่งอยู่ยิ่งร้ายเหมยเหมยก็ทั้งโมโหทั้งรู้สึกหวานเจี๊ยบไปทั้งหัวใจ


ทั้งที่เมื่อก่อนเห็นเจ้าหมอนี่เย็นชาราวกับก้อนน้ำแข็ง แต่ใครจะรู้เล่าว่าภายใต้ก้อนน้ำแข็งที่ปิดทับอยู่กลับเป็นหัวใจที่ร้อนระอุยิ่งกว่าลาวาจากภูเขาไฟ!


หรือที่เรียกกันซึน[1]นั่นเอง!


เหมยเหมยบ่นอุบอิบเสียงเบาแล้ววิ่งเหยาะมาถึงห้องพักอย่างรวดเร็ว พวกฉีฉีเก๋อเริ่มทยอยตื่นนอนกันแล้ว สีอันน่ายังคงหวีผมสุดหวงแหนนั่นของเธอ พอเห็นเหมยเหมยพลันตาวาวเผลออ้าปากทีแต่ก็รีบหุบลงอย่างไว


เพิ่งโดนทำโทษวิ่งรอบสนามมาสิบรอบเพราะพูดมากเองนะ!


จะไม่เข็ดหลาบไม่ได้!


แต่หากไม่ถามเธอก็อัดอั้นเหลือเกิน ถามหน่อยคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง?


ความคิดของสีอันน่าตบกันอยู่ในหัวอยู่นาน ในที่สุดก็อดถามไม่ได้เลยเลือกใช้คำอย่างระมัดระวัง “จ้าวเหมย คนที่มาส่งเธอเมื่อกี้คือแฟนหนุ่มของเธอเหรอ?”


เหมยเหมยหยิบหนังสือที่ต้องใช้เรียนในวันนี้ออกมาจากตู้หนังสือ แล้วมองมาทางเธอแวบหนึ่งถึงค่อยยิ้มพยักหน้าเบา ๆ  “อืม คู่หมั้นของฉัน”


‘แกร๊ง’


คนที่ถือหวี ส่องกระจก ถือถ้วยชาม…ล้วนมืออ่อนทำตกพื้นกันระนาว…ตาโตอ้าปากค้าง มีเพียงฉีฉีเก๋อกับเจิ้งเสวี่ยซานที่นิ่งเฉยราวกับภูเขา


“จ้าวเหมยเธอหมั้นแล้วเหรอ? เรื่องจริงหรือโกหกเนี่ย?” สีอันน่าเอ่ยถามเสียงสูงกว่าเดิมหลายเท่าทำให้ฟังแล้วเสียดหูอยู่บ้าง


“ก็ต้องเป็นเรื่องจริงอยู่แล้วสิ เรื่องแบบนี้มีความจำเป็นต้องโกหกด้วยเหรอ?” เหมยเหมยกลอกตาใส่เธอทีหนึ่งอย่างไม่สบอารมณ์แล้วเอ่ยกับเจิ้งเสวี่ยซานเสียงเรียบ “ช่วงนี้ฉันไม่กลับมานอนหอนะ”


ในเมื่อรู้พื้นหลังครอบครัวของเจิ้งเสวี่ยซาน อีกทั้งผู้หญิงคนนี้ยังมีเจตนาร้ายต่อกัน ดังนั้นเหมยเหมยย่อมไม่มีทางเกรงใจเธออีกต่อไปถึงได้ทำสีหน้าเย็นชาใส่


เจิ้งเสวี่ยซานชะงักไปทีเผยให้เห็นสีหน้าลำบากใจ กำลังจะบอกอีกฝ่ายว่าตามกฎมหาวิทยาลัยแล้วห้ามค้างข้างนอกเหมยเหมยก็พูดเสริมมาอีกประโยคหนึ่ง “ทางมหาลัยอนุญาตแล้ว”


“อนุญาตแล้วก็ดี แต่จ้าวเหมยเธอพักข้างนอกก็ต้องรักษาความปลอดภัยด้วยนะ ระมัดระวังหน่อย”


เจิ้งเสวี่ยซานพูดแฝงนัยยะไว้ เพิ่งบอกไปหยก ๆว่ามีคู่หมั้น ไม่ว่าใครจะได้ยินถ้อยคำของเธอก็ต้องตีความหมายได้ทันที ทุกคนต่างแสดงสีหน้ากระอักกระอ่วนใจ


เจิ้งเสวี่ยซานจงใจพูดเช่นนี้อยู่แล้ว เธอรู้สึกอึดอัดใจเหลือเกิน จะว่าไปเธอก็อยากย้ายไปอยู่บ้านของคุณปู่เหมือนกัน แต่คุณปู่ไม่ยอมขอทางมหาวิทยาลัยให้ หนำซ้ำผู้หญิงคนนั้นก็คงไม่มีทางตอบตกลงด้วย


สุดท้ายแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับคุณปู่ก็ยังคงเป็นลูกของผู้หญิงคนนั้น เธอกับคุณพ่อเป็นเพียงคนที่เขานึกขึ้นได้บางครั้งบางคราวก็เท่านั้น


เหมยเหมยหลุดขำทีแสร้งพูดกลั้วหัวเราะ “ฉันพักที่บ้านฉันต้องระวังอะไรเหรอ? หัวหน้าห้องเจิ้งหัวโบราณเกินไปแล้ว ถึงเธอจะอายุไม่น้อยแต่เธอพูดจาเหมือนแม่ยิ่งกว่าแม่แท้ ๆของฉันสียอีก”


“อุ๊บ”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับฉีฉีเก๋อเอามือปิดปากหลุดขำสองไหล่สั่นระริก พวกสีอันน่าเองทำหน้าขบขัน ความจริงพวกเธอก็รู้สึกเช่นเดียวกัน เจิ้งเสวี่ยซานพูดแล้วให้ความรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ ฟังแล้วเหมือนผู้อาวุโสกำลังตำหนิเด็ก ให้คนฟังรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย


เจิ้งเสวี่ยซานตีหน้าขรึมเอ่ยอย่างไม่พอใจ “ฉันแค่เตือนด้วยความหวังดี จ้าวเหมยเธอไม่จำเป็นต้องแซะฉันขนาดนี้ก็ได้มั้ง?”


เหมยเหมยเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจแล้วพูดตอบด้วยท่าทีเกินจริง “ฉันแค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง หัวหน้าห้องเจิ้งคงไม่ใจแคบขนาดนั้นหรอกนะ? ก็ได้ก็ได้ ฉันขอโทษ เมื่อกี้ฉันพูดผิดเอง ไม่ควรบอกว่าเธอแก่กว่าแม่ของฉัน ขอโทษนะ!”


เธอขยิบตาอย่างซุกซนแล้วกล่าวคำขอโทษที่ไร้ความจริงใจสิ้นดี เจิ้งเสวี่ยซานสีหน้าแย่กว่าเดิมพร้อมสายตาที่ฉายแววเย็นยะเยือก


คนร่วมห้องอื่น ๆก็จับสังเกตถึงความผิดปกติระหว่างจ้าวเหมยกับเจิ้งเสวี่ยซาน พลันนึกแปลกใจว่านี่เพิ่งผ่านวันหยุดสุดสัปดาห์ไปเพียงหนึ่งสัปดาห์เอง ทำไมจ้าวเหมยถึงเจาะจงเล่นงานเจิ้งเสวี่ยซานแล้วล่ะ?


………………………….


[1] ซึน มาจากซึนเดเระ หมายถึงคนที่มีบุคลิกแรกเริ่มเย็นชา ไม่เป็นมิตร แต่ลึก ๆแล้วเป็นคนอ่อนหวาน

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)