ลำนำบุปผาพิษ 1424-1429

 บทที่ 1424 เล่นงานคนตายโดยไม่ชดใช้ชีวิต


กู้ซีจิ่วเกียจคร้านแล้ว แม้แต่นิ้วก็คร้านจะกระดิก เพียงแต่เธอยังไม่ลืมหัวข้อก่อนหน้านี้ “ท่านมีแผนอะไร? ว่ามาให้ฟังหน่อย ท่านได้พบสานุศิษย์สวรรค์คนอื่นๆ หรือยัง? พวกเขามีปฏิกิริยาอย่างไรบ้าง? ถูกควบคุมหรือไม่?”


“เจ้าเดาได้ไม่ผิดเลย พวกเขาถูกควบคุมไว้เช่นเดียวกับสี่ทูตจริงๆ เพียงแต่เทียนจี้เยวี่ยพลังยุทธ์สูง เขาก็เหมือนกันมู่เฟิง ถูกควบคุมไว้แค่สามวัน เพียงแต่เขานึกว่ามาตลอดว่าจู่ๆ ข้าก็มีใจมักใหญ่ใฝ่สูง อีกทั้งหยุดยั้งข้าไม่ได้ จึงกักตัวอยู่ในวังของเขาไม่ถามไถ่เรื่องทางโลกเสียเลย เชียนเยวี่ยหร่านกับฮวาอู๋เหยียนถูกควบคุมไว้ค่อนข้างหนัก สั่งให้พวกเขาทำเรื่องไร้มโนธรรมบางอย่าง ยาของเจ้ามีประสิทธิภาพมาก กู่พิษในร่างของพวกเขาถูกกำจัดไปหมดแล้ว…”


ตี้ฝูอีเล่าสิ่งที่เขาพบเจอมาในหนึ่งวันนี้ กู้ซีจิ่วถอนหายใจอย่างโล่งอก “เช่นนั้นในที่สุดพวกเขาก็ทราบแล้วใช่ไหมว่าผู้ใดคือทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวจริง?”


ตี้ฝูอีลูบกระหม่อมเธอ “ข้ากับพวกเขาเป็นสหายกับมานับร้อยปี พวกเขาย่อมรู้จักข้าดี…เพียงแต่ยามที่ถูกควบคุมไว้ทำอะไรไม่ได้ เมื่อข้าคลายการควบคุมให้พวกเขา ยามนั้นพวกเขาแทบจะวิ่งไปสู้ตายกับไอ้ตัวปลอมนั่น…”


กู้ซีจิ่วส่ายหน้า “ตอนนี้มิใช่เวลาไปสู้ตายกับไอ้ตัวปลอมนั่น ประชาชนเกลียดชังทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายจนเข้ากระดูกแล้ว มิใช่แค่คนไม่กี่คนกระโจนออกมาสังหารตัวปลอม ต่อมาท่านก็ออกมาสงบความขุ่นเคืองของฝูงชนแล้วจะจบ จะต้องหาโอกาสที่เหมาะสม ทำให้ประชาชนได้รู้แจ้งอย่างแท้จริงว่าผู้ที่ทำชั่วคือตัวปลอมถึงจะดี แถมไอ้ตัวปลอมผู้นั้นก็อยู่กับนางเวียนผู้นั้นด้วย ทั้งคู่บรรลุพลังวิญญาณขั้นสิบขึ้นไป มีลูกน้องในสังกัดมากมาย ต่อให้พวกเชียนเยวี่ยหร่านไปสู้ ก็มีแต่จะสูญเสียหลายชีวิตไปอย่างเปล่าประโยชน์เท่านั้น”


ตี้ฝูอีจุมพิตริมฝีปากเธอ “ฉลาดมาก! ดังนั้นยามนี้ยังเป็นช่วงเวลาหว่านแหอยู่ มิใช่เวลารวบแห”


กู้ซีจิ่วขมวดคิ้ว “เมื่อก่อนพวกเราหว่านแหอยู่ในที่ลับ แต่ตอนนี้หลงฟั่นทราบแล้วว่าพวกเขาปรากฏตัวแล้ว ต่อให้เขาไม่ทราบแผนการของพวกเรา แต่ถึงอย่างไรก็ระแวดระวังแล้ว จะต้องเล่นลวดลายเป็นแน่…”


ตี้ฝูอียิ้มนิดๆ “ก็รอให้เขาเล่นลวดลายออกมาสิ”


“หมายความว่ายังไง?”


“แผนการในครั้งนี้ของหลงฟั่น มีตัวปลอมผู้นั้นอยู่ในแผนการด้วยเช่นกัน ต้องมีบางเรื่องที่เขาไม่สะดวกจะพูดกับตัวปลอมผู้นั้นเป็นแน่ มากสุดก็แค่ตักเตือนเรื่องที่ตัวปลอมผู้นั้นต้องระวัง บอกว่าพวกเราออกมาแล้ว ให้เขาดูแลตัวเองดีๆ อีกทั้งเขาไม่อาจใช้ฐานะของหลงซือเย่ไปเตือนเรื่องนี้ได้ เลี่ยงไม่ให้ไฟลามมาถึงตัว เขาจะต้องหาคนกลางมาทำเรื่องนี้แทน ตัวปลอมผู้นั้นก็อยู่สูงส่งเหนือผู้คนมาสองปีแล้ว ความละโมบแผ่ขยาย พอได้ข่าวว่าข้ากลับมาแล้วจะต้องหาทางพิสูจน์ยืนยัน หาวิธีกำจัดข้าทิ้ง ส่งคนทั้งแผ่นดินมาจับกุมพวกเราแน่นอน เขาไม่อาจจับกุมอย่างโจ่งแจ้งได้ จะต้องหาข้ออ้างที่น่าเชื่อถือมาตรวจค้นทั้งแผ่นดิน เมื่อถึงเวลานั้นจะเกิดความวุ่นวายไปทั่ว หากว่าเขาหาตัวพวกเราไม่พบ ก็จะหาทางล่องูออกจากโพรง เขาจะสร้างเรื่องใหญ่โตที่สวรรค์ขุ่นมนุษย์เคืองขึ้น ล่อให้ข้าเผยตัวออกมาเอง และในยามนั้นพวกเราก็ใช้แผนซ้อนแผนได้พอดี พลิกสถานการณ์อย่างงดงาม!”


กู้ซีจิ่วก็เฉลียวฉลาดเช่นกัน แต่ถึงอย่างไรเธอก็ไม่เชี่ยวชาญเรื่องการเมืองเท่าไหร่ ยามนี้เมื่อตี้ฝูอีแจกแจงให้เธอเช่นนี้ ในที่สุดเธอก็เข้าใจแล้ว มองดูตี้ฝูอี “ท่านช่างเจ้าเล่ห์โดยแท้! เป็นผู้คร่ำหวอดด้านการเมือง! คาดว่าเมื่อถึงเวลาที่พวกเขาถูกเล่นงานเข้าอยากร้องไห้ก็สายไปแล้ว…”


ตี้ฝูอียิ้มนิดๆ นัยน์ตามีประกายเฉียบคมพาดผ่านแวบหนึ่ง “คนที่กล้าวางแผนเล่นงานข้าต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างสาสม พวกเขาต้องชดใช้กับการกระทำของตน!”


กู้ซีจิ่วยืดตัวขึ้นกึ่งหนึ่งมองเขาโดยไม่พูดอะไร


ตี้ฝูอีสบตากับเธออยู่ครู่หนึ่ง “เด็กน้อย เป็นอะไรไป?”


กู้ซีจิ่วถอนหายใจกล่าว “ข้าพบว่าคนที่เป็นศัตรูกับท่านน่าเวทนาเหลือเกิน ไม่อาจเล็ดรอดจากการคำนวณของท่านไปได้เลย โชคดีที่ข้ากับท่านเป็นสามีภรรยากัน มิใช่ศัตรู…”


————————————————————————————-


บทที่ 1425 อย่างอื่นก็ดีมากเช่นกัน


ตี้ฝูอีดึงเธอมานอนในอ้อมแขนตน “ดังนั้นยังคงเป็นเจ้าที่ฉลาดที่สุด ออกเรือนกับข้าเป็นเรื่องที่ปราดเปรื่องที่สุด”


กู้ซีจิ่วร้องชิคราหนึ่ง “ท่านแต่งข้าก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องที่สุดของท่านแล้วเช่นกัน ถึงแม้จะการวางแผนของข้าจะสู้ท่านไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรข้าก็ยังอายุน้อย ย่อมเทียบกับปาท่องโก๋แก่ที่ใช้ชีวิตมาหลายพันปีอย่างท่านไม่ติด รอจนข้าใช้ชีวิตจนอายุเท่าท่านก็ยังไม่แน่ว่าจะสู้ท่านได้…“


“แน่นอน” ตี้ฝูอีจุมพิตเธอ “เรื่องน่ายินดีที่สุดในชีวิตนี้ของข้าก็คือการแต่งกับเจ้า เป็นสามีภรรยากับเจ้า” และพลันเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไป “ส่วนที่ว่าปาท่องโก๋แก่…นี่เจ้าหลอกด่าว่าข้าแก่หรือ?”


กู้ซีจิ่วหยิกแผ่นอกแกร่งของเขา แล้วลูบกล้ามหน้าท้องเรียบแน่นที่คล้ายจะเปี่ยมด้วยพละกำลังมหาศาลของเขา รูปร่างตี้ฝูอีดีอย่างยิ่ง เป็นประเภทที่สวมเสื้อผ้าแล้วดูผอมบาง ถอดเสื้อผ้าแล้วมีเนื้อหนัง “ไม่แก่หรอก ดูแลร่างกายได้ไม่เลวเลยนี่”


ตี้ฝูอียิ้มแล้ว เป็นรอยยิ้มที่อันตราย “ไม่ใช่แค่รูปร่างที่ดีนะ…” แล้วพลิกตัวทับเธอไว้ใต้ร่าง “อย่างอื่นก็ดีมากเช่นกัน!”


จุดประสงค์ของเขาชัดเจนยิ่งนัก กู้ซีจิ่วขอความปรานี “นี่ ข้าไม่เอาแล้ว…”


“เด็กน้อย เพลิงนี้เจ้าเป็นผู้จุดขึ้น ต้องรับผิดชอบดับไฟ” น้ำเสียงตี้ฝูอีแผ่วหวิว จุมพิตลงมา สกัดกั้นการประท้วงทั้งหมดของเธอ…


ม่านมุ้งกระเพื่อมไหว เพลิงรักโหมไปทั่วห้อง…


….


หลงฟั่นนั่งอยู่บนเตียงในห้องพักตน นิ้วมือเคาะไม้กระดานเตียงเบาๆ ขบคิดอยู่เงียบๆ


แผนการของเขาเป็นเช่นเดียวกับที่ตี้ฝูอีคาดการณ์ไว้ ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมผู้นั้นได้รับการสนับสนุนจากเขาอย่างลับๆ เขามักจะเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์แล้วไปเข้าฝันทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมคนนั้นเพื่อชี้แนะเขา ให้ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมผู้นั้นดำเนินการตามที่เขาวาดไว้


แผนการของเขาก็คือให้ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมกระทำเรื่องชั่วช้าไร้คุณธรรมปลุกปั่นให้สวรรค์ขุ่นมนุษย์เคือง ทำลายชื่อเสียง จากนั้นหลังจากเขายึดกุมร่างของหลงซือเย่ได้เบ็ดเสร็จแล้ว จะใช้ฐานะของเจ้าสำนักถามสวรรค์ชูแขนป่าวร้องปลดแอก รวบรวมผู้กล้ามากมายในใต้หล้าที่ถูกกดขี่ให้ลุกขึ้นต่อต้าน จากนั้นเขาก็จะต่อสู้ตัดสินกับทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมอย่างยิ่งใหญ่ต่อหน้าสาธารณะชน ประหารทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอม ถึงเวลานั้นหลงซือเย่เจ้าสำนักถามสวรรค์ก็จะกลายเป็นโพธิ์สัตว์ผู้กอบกู้โลก ได้ใจปวงประชา กลายเป็นผู้ปกครองโลกใบนี้อย่างชอบด้วยเหตุผล


แผนการของเขายอดเยี่ยมนัก ถึงขั้นที่ตระเตรียมหนทางถอยเอาไว้มากมายด้วย เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่เกิดความผิดพลาดขึ้น ที่เขานึกไม่ถึงก็คือตี้ฝูอีกับกู้ซีจิ่วจะกลับมาในเวลานี้


เมื่อทั้งสองกลับมา จะต้องหาทางเปิดโปงโฉมหน้าที่แท้จริงของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมเป็นแน่ เมื่อถึงเวลานั้นความจริงก็จะเปิดเผยต่อใต้หล้า เช่นนั้นแผนการนี้ของตัวเขาหลงฟั่นก็จะพังทลายลงอย่างสิ้นเชิง


การปรากฏตัวของพวกตี้ฝูอีทั้งสองทำให้เขาตั้งตัวไม่ทันอยู่บ้าง เขาหลุบตาใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆ มุมปากเผยรอยยิ้มเยียบเย็นออกมา


ตอนนี้ตี้ฝูอีจะต้องหาทางกอบกู้ชื่อเสียงของตัวเขาอย่างแน่นอน ตัวจริงอย่างเขาจะต้องหาวิธีเผชิญหน้ากับทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมต่อหน้าสาธารณชน เมื่อประชาชนได้เห็นตัวจริงกับตัวปลอมเผชิญหน้ากัน ย่อมต้องเชื่อถือตัวจริง


แต่ว่า ถ้าหากทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมสิ้นชีพไปในยามนี้เล่า?!


ยามนี้ชื่อเสียงตี้ฝูอีเลวร้ายไปแล้ว หากว่าจู่ๆ ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมตายไป ประชาชนจะรู้สึกเพียงว่าเขาถูกฟ้าดินลงทัณฑ์ ชีวิตสมควรเป็นเช่นนี้ เมื่อถึงเวลานั้นต่อให้ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวจริงออกมาแก้ข่าวลือ ประชาชนก็คงไม่เชื่อถืออีก ชื่อเสียงที่ย่อยยับไปแล้วก็ไม่อาจกอบกู้กลับมาได้…


แทนที่จะปล่อยให้ตี้ฝูอีใช้โอกาสนี้พลิกสถานการณ์ มิสู้ชิงลงมือก่อนเขา สังหารตัวปลอมเสีย ทำให้ตี้ฝูอีพลิกสถานการณ์ไม่ได้ ภายหน้าทำได้เพีบงใช้ชีวิตเยี่ยงหนูเฒ่าข้ามถนน เอถึงเวลานั้นเขาค่อยรอโอกาสเพื่อเคลื่อนไหวอีกครั้ง ก็จะมีโอกาสให้พลิกสถานการณ์!


เขาสูดหายใจเบาๆ ในใจตัดสินใจได้แล้ว เริ่มจัดการเรื่องบางอย่าง…


เขาลอบจัดวางหน่วยกล้าตายไว้ข้างกายทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอม…


บทที่ 1426 นายท่านคาดการณ์แม่นยำดั่งเทพเซียนโดยแท้!


เขาลอบจัดวางหน่วยกล้าตายไว้ข้างกายทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอม ปะปนจนได้รับความไว้ใจจากทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมแล้ว ขอเพียงเขาสั่งการคนเหล่านี้ก็จะลงมือเลย


ในเมื่อทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้ได้รับการอบรมบ่มเพาะจากเขา ย่อมทราบดีว่าจุดอ่อนของเขาอยู่ตรงไหน คิดจะสังหารเขาก็มิใช่เรื่องยากเย็นจนเกินไป…


เมื่อจัดการทุกอย่างแล้ว เขานอนลงบนเตียงอีกครั้ง เงี่ยหูฟังความเคลื่อนไหวจากห้องพักของพวกตี้ฝูอี แน่นอนว่าเขาย่อมไม่ได้ยินเสียงใดๆ เลย ตี้ฝูอีคงกลัวผู้อื่นจะรบกวนการอภิรมย์ของพวกเขาทั้งคู่ จึงติดตั้งเขตแดนไว้…


ตอนนี้พวกเขาจะประกอบกิจกันอยู่หรือเปล่านะ?


หลงฟั่นกำมือแน่น แววตามืดดำล้ำลึก คล้ายมีเลือดลมพลุ่งพล่านอยู่ในทรวง เขาหลับตาลงเล็กน้อยสะกดความพลุ่งพล่านในทรวงลงไป


ให้เขาได้ใจไปสักพักแล้วกัน เขาจะต้องมีช่วงเวลาที่ร่ำไห้ ต้องมีช่วงเวลาที่ถูกตัวเขาหลงฟั่นเหยียบไว้ใต้ฝ่าเท้า!


เป็นเขาที่สร้างซีจิ่วขึ้นมา สตรีที่เลิศล้ำที่สุดในโลกนี้ สมควรต้องเป็นของเขา…


….


ไม่ทราบเช่นกันว่าผ่านไปนานเพียงใด กู้ซีจิ่วนอนอยู่ในอ้อมแขนของตี้ฝูอี แทบจะลืมตาไม่ขึ้นแล้ว ยังไม่ลืมจะเอ่ยออกมาประโยคหนึ่ง “ท่านขยันขันแข็งถึงเพียงนี้ ข้าจะท้องหรือเปล่านะ?”


ขณะที่เธอสะลึมสะลืออยู่คล้ายจะรู้สึกว่าตี้ฝูอีจุมพิตเธอคราหนึ่ง ดูเหมือนจะตอบอะไรมาสักประโยคหนึ่ง แต่เธอเหน็ดเหนื่อยและง่วงงุนเกินไป ได้ยินไม่ชัดก็ผล็อบหลับไปแล้ว


ตี้ฝูอีหลุบตามองดวงหน้ายามหลับใหลของนาง นางนอนหลับอย่างสงบยิ่งนักอยู่ในอ้อมขนเขา แขนข้างหนึ่งโอบเอวเขาไว้กึ่งหนึ่ง นี่เป็นท่าทางที่ต้องการพึ่งพายิ่งนัก ราวกับขอเพียงมีเขาอยู่ข้างกาย ต่อให้พายุฝนโหมกระหน่ำหนักหนาเพียงใดนางก็ไม่หวั่น


ตี้ฝูอียื่นมือทัดเส้นผมที่ยุ่งเหยิงตรงหน้าผากไปไว้หลังหูให้นาง หลับตาทำสมาธิอยู่ครู่หนึ่ง นิ้วมือเคลื่อนไหวเล็กน้อย คล้ายทำมุทราอันใดอยู่


ผ่านไปประมาณครึ่งเค่อ เขาก็ยืดกายขึ้น ล้วงป้ายหยกสื่อสารออกมาติดต่อกับมู่เฟิงแล้วสั่งการทันที “ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมผู้นั้นมีภัย พวกเจ้าสี่คนไปคุ้มกันหน่อย”


มู่เฟิงยังงัวเงียจากการนอนอยู่ แต่ยามที่ได้รับการติดต่อจากตี้ฝูอีก็มีสติแจ่มใสขึ้นมาทันที ประสบการณ์ที่ติดตามบากบั่นมาหลายปีทำให้เขาเคยชินกับการตอบรับคำสั่งทันที “ขอรับ!”


“มีไหวพริบหน่อย อย่าทำให้ตัวปลอมผู้นั้นคลางแคลงว่าพวกเจ้าถอนพิษได้แล้ว”


“รับทราบ!”


“นายท่านขอรับ ผู้ที่ลอบสังหารไอ้ตัวปลอมต้องจับเป็นเพื่อไต่สวนไหมขอรับ?”


“ไม่ต้อง สังหารที่จุดเกิดเหตุได้เลย”


“ขอรับ”


ความจริงแล้วมู่เฟิงฉงนยิ่งนัก หากไม่มีถ้อยคำเหล่านี้ของตี้ฝูอีในยามนี้ หากพบเห็นมือสังหารเข้ามาปลิดชีพไอ้ตัวปลอม เขาคงนึกว่าเป็นการลงมือของนายท่านไปแล้ว!


วรยุทธ์ของตัวปลอมผู้นี้สูงส่งเกินไป หลายปีมานี้ถึงแม้จะมีคนมาลอบสังหารเขาเนกัน แต่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาทั้งสิ้น บ้างก็ถูกจับบ้างก้ถูกสังหาร ถูกสังหารยังดีเสียกว่า สิ้นเรื่องสิ้นราว ถ้าหากถูกจับจะถูกไอ้ตัวปลอมบีบคั้นให้สารภาพด้วยสารพัดวิธี ถูกเคี่ยวกรำจนคนก็ไม่ใช่ผีก็ไม่เชิง อยากตายก็ยากเย็นเหลือแสน เมื่อสาวตัวถึงผู้บงการได้ เจ้าตัวปลอมสั่งการให้ไปฆ่าล้างตระกูลผู้บงการรายนั้น ปีนั้นตระกูลไป๋หลี่ก็ถูกสังหารล้างตระกูลแบบนี้เช่นกัน…


วิธีที่ไอ้ตัวปลอมปฏิบัติต่อมือสังหารโหดเหี้ยมยิ่งนัก หลังจากสังหารคนแล้วยังนำร่างคนไปแขวนประจานด้วย ย่อมข่มขวัญฝูงชนเป็นธรรมดา เกือบปีแล้วที่ไม่เห็นมือสังหารบุกเข้ามา และส่วนใหญ่มือสังหารจะเลือกลงมือในยามที่ไอ้ตัวปลอมผู้นี้ออกไปข้างนอก ไม่มีมือสังหารรายไหนสามารถเข้ามาในคฤหาสน์นี้ได้…


ครั้งนี้เป็นผู้ที่มาคือใคร? แล้วนายท่านรู้ได้อย่างไร?


มู่เฟิงคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ แต่ยังคงเรียกพี่น้องทั้งสามมา เฝ้ารออยู่ในละแวกเรือนนอนของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอม


ผ่านไปสักครู่ ภายในเรือนนอนก็มีเสียงต่อสู้วุ่นวายแว่วออกมาจริงๆ…


พวกมู่เฟิงทั้งสี่สบตากันแวบหนึ่ง อดไม่ได้ที่จะลอบถอนหายใจ นายท่านคาดการณ์แม่นยำดั่งเทพเซียนโดยแท้!


———————————————————————-


บทที่ 1427 ติดตามข้ารุ่งเรืองขัดขืนข้าต้องตาย


พวกมู่เฟิงทั้งสี่สบตากันแวบหนึ่ง อดไม่ได้ที่จะลอบถอนหายใจ นายท่านคาดการณ์แม่นยำดั่งเทพเซียนโดยแท้!


จากนั้นก็รอต่อไปอย่างอดทน…


คืนนี้ถูกลิขิตให้เป็นคืนที่ไม่อาจข่มตานอนได้ และคืนนี้ก็เป็นคืนแรกในประวัติการณ์ที่ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมค่อนข้างหลับไม่ลง


ในอดีตเขาสมควรจะเป็นคนที่เลิศล้ำยิ่งนักผู้หนึ่ง เพียงแต่สิ้นชีพมาเนิ่นนานเกินไปเขาลืมเลือนอดีตของตนไปหมดแล้ว ท่องอยู่ในปรโลกทุกเมื่อเชื่อวัน ไม่ทราบเลยว่ามาสิงสู่ร่างนี้เข้าตั้งแต่ยามไหน จากนั้นมีคนบอกเขาว่า นี่คือสังขารของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตี้ฝูอี เขากลายเป็นทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตี้ฝูอีแล้ว!


นี่เปรียบเสมือนขนมเปี๊ยะท้องคำที่หล่นลงมาจากฟ้า ฟาดใส่เขาอย่างจัง


จากนั้นชีวิตของเขาก็ราวกับเปิดสูตรโกง มีคนมาถ่ายทอดวรยุทธ์ให้เขาในความฝัน บอกกล่าวอากัปกริยาในยามปกติของตี้ฝูอี เขาฉลาดเฉลียวยิ่งนัก เรียนรู้ได้ว่องไวยิ่ง อีกทั้งร่างกายนี้ก็แข็งแกร่งนัก พลังวิญญาณดั้งเดิมคือขั้นเก้าขึ้นไป และดวงวิญญาณของเขาก็แข็งแกร่งเช่นกัน สามารถควบคุมร่างนี้ได้ดั่งใจนึก ต่อมาเซียนหญิงลี่หวางก็มาอยู่ข้างกายเขา บอกเคล็ดลับการฝึกฝนมากที่ไม่มีในโลกใบนี้แก่เขา ยกตัวอย่างเช่นการฝึกฝนด้วยไอของวิญญาณอาฆาต…


เซียนหญิงลี่หวางควบคุมผู้คุ้มกันทั้งสี่ของทูตสวรรค์ฝ่ายให้เขา ให้พวกเขารับใช้เขา มีสี่ผู้คุ้มกันอยู่ข้างกาย ก็ไม่มีผู้ใดคิดว่าเขาเป็นตัวปลอมแล้ว และเขาก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองคือตัวปลอมเช่นกัน…


เขาคิดว่าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวจริงตายไปแล้ว และสวรรค์ก็เลือกให้เขาครอบครองสังขารนี้ ให้เขากลายเป็นตี้ฝูอี


ช่วงเวลาสองปีที่อยู่สูงส่งเหนือปวงชน ทำให้ความละโมบโลภมากของเขาขยายตัวสุดขีด คนในฝันเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์อยู่เสมอ แถมยังซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มหมอกด้วยทำให้เขามองไม่เห็นรูปร่างของอีกฝ่าย แต่คนผู้นั้นดีต่อเขายิ่งนักจริงๆ ให้เขาไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามแนวทางของตี้ฝูอี เพียงให้กระทำการไปตามวิสัยของตนก็พอ ให้เขาได้ใช้ชีวิตตามอำเภอใจ…


ด้วยเหตุนี้เขาจึงหลงระเริงขึ้นเรื่อยๆ พฤติกรรมก็วิปริตขึ้นเรื่อยๆ นอกคอกขึ้นเรื่อยๆ แต่เนื่องจากเขามีอำนาจเด็ดขาด ประชาชนรากหญ้าเหล่านั้นจึงทำได้เพียงศิโรราบให้ เขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่าติดตามข้ารุ่งเรืองขัดขืนข้าต้องตาย จนมาถึงวันนี้…


เขาได้ดั่งใจทุกอย่าง อย่างเดียวที่ไม่ค่อยได้ดั่งใจคือ คนในฝันเคยบอกเขาไว้ หากว่าเขาต้องการพลังยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุด จะต้องฝึกฝนด้วยการครองตัวเป็นพรหมจรรย์ กล่าวก็คือเขาไม่อาจชิดเชื้อนารีได้


เขารู้สึกว่าข้อนี้ค่อนข้างฝืนนิสัยตามธรรมชาติของเขา แต่เพื่อให้ตนแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เขาจะอดทนข่มกลั้นสัญชาตญาณบุรุษของตนไว้


เพียงแต่คนในฝันก็เคยบอกไว้เช่นกัน ถ้าเขาบรรลุขั้นสิบแล้ว หากว่าไม่อยากทะลวงขั้นอย่างรวดเร็วต่อไปอีก ก็สามารถชิดเชื้อกับสตรีได้ ถึงขั้นที่สามารถอภิรมย์กับสตรีแปดนางได้ในหนึ่งคืน…


เขาเพิ่งบรรลุขั้นสิบเมื่อสองเดือนก่อน ครุ่นคิดอยู่หลายตลบ รู้สึกว่าเป็นช่วงที่ตนจะหาสตรีมาผ่อนคลายได้แล้ว


เมื่อทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายต้องการสตรีย่อมสะดวกง่ายดายยิ่งนัก ขอเพียงเขาเอ่ยออกไปเล็กน้อย คนมากมายก็จะแห่แหนกันมาเสนอตัวอุ่นเตียงให้


อันที่จริงเขากระหายกามายิ่งนัก แต่เซียนหญิงลี่หวางผู้นั้นกลับไม่อนุญาต บอกว่ายังไม่ถึงเวลา นี่ทำให้เขาหงุดหงิดยิ่ง


แต่เนื่องจากเรื่องมากมายยังต้องอาศัยเซียนหญิงลี่หวางผู้นี้อยู่ อีกทั้งเขาไม่อาจบ่ายหน้าหนีอีกฝ่ายอย่างแท้จริงได้ แต่ในใจก็ไม่ไคร่พอใจนัก


ส่วนคืนนี้เดิมทีเขาพักผ่อนไปแล้ว คนลึกลับที่ไม่ได้เข้าฝันเขามาหลายวันผู้นั้นได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง


หนนี้เขานำข่าวอันประเสริฐมามอบให้เขาด้วย บอกว่าเขาสามารถกินเนื้อได้แล้ว! แถมคนผู้นั้นยังถ่ายทอดเคล็ดวิชาอย่างหนึ่งให้เขาด้วย บอกว่าขอเพียงใช้เคล็ดนนี้ยามประกอบกิจกับสตรี ไม่เพียงแต่จะไม่ทำให้พลังยุทธ์ถดถอยลงเท่านั้น ยังจะทำให้ก้าวหน้าขึ้นอย่างมากด้วย! บอกว่าเคล็ดบำเพ็ญคู่นี้เป็นความลับสุดยอด


บทที่ 1428 นึกไม่ถึงว่านางจะส่งตัวมาให้ถึงประตูล่วงหน้า!


เขายังคงควบคุมตัวเองไว้ได้ คิดจะรอให้ถึงคืนพรุ่งนี้ ค่อยหาหญิงงดงามที่สุดโดดเด่นที่สุดมาทำประกอบกิจนี้


มนุษย์ก็เป็นเช่นนี้ หากอดกลั้นไว้ตลอดไม่กระทำเลยยังพออดทนไว้ได้ แต่ถ้ามีความคิดเช่นนี้แล้ว เมื่อไม่อาจคลี่คลายได้ในบัดนั้นก็จะค่อนข้างทุกข์ทรมาน เดิมทีเขาคิดจะนอนต่อ นึกไม่ถึงว่าเป็นตายอย่างไรก็หลับไม่ลง ทั้งหัวเต็มไปด้วยเรือนร่างขาวลออของอิสตรี…


ขณะที่กำลังทรมานคับข้องอยู่ ด้านนอกพลันมีเสียงสาวใช้เคาะประตูเบาๆ “นายท่าน บ่าวมีเรื่องจะรายงานเจ้าค่ะ…”


เสียงหวานหยาดเยิ้ม เป็นเมิ่งเถียนเอ๋อร์สาวใช้ประจำตัวเขา


เมิ่งเถียนเอ๋อร์เป็นหญิงงามนิสัยดี ปกติแล้วขี้เกรงใจยิ่งนัก ปรนนิบัติรับใช้เขาอย่างเหมาะสม ที่สำคัญกว่านั้นคือ นางเกิดมาพร้อมกับเสน่ห์เย้ายวนที่แฝงอยู่ในกระดูก ทุกอากัปกริยาล่อลวงจิตใจคนได้ ยามปกติทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมค่อนข้างสนใจนาง เพียงข่มกลั้นเอาไว้เสมอมา เขาถึงขั้นขบคิดไว้แล้วว่าสตรีที่ต้องการในคืนพรุ่งนี้ก็คือนาง…


นึกไม่ถึงว่านางจะส่งตัวมาให้ถึงประตูล่วงหน้า!


ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมปรีดานัก โบกมือคราหนึ่ง ให้ประตูเปิดออกด้วยตัวเอง “เข้ามา”


ด้วยเหตุนี้ เมิ่งเถียนเอ๋อร์จึงเดินเข้ามาอย่างชดช้อย…


“เจ้ามีเรื่องใดมารายงาน?” ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมเรียกนางมาที่หน้าเตียง เขาซักถามเสียงเนิบ


เมิ่งเถียนเอ๋อร์ขบริมฝีปากนิดๆ ใบหน้าพริ้มเพราแดงระเรื่อเสียสามส่วน “นายท่าน บ่าวฝันประหลาดเจ้าค่ะ ฝันว่า…ฝันว่านายท่านเรียกตัวบ่าวเป็นการด่วน…เมื่อบ่าวตื่นยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าฝันนี้ค่อนข้างมีเงื่อนงำ ดังนั้นจึงมา…”


ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมมองนางโดยไม่พูดอะไร เมิ่งเถียนเอ๋อร์ถูกเขามองจนค่อนข้างอึดอัดขวยอาย กระแอมเบาๆ ทีหนึ่ง “ในเมื่อนายท่านไม่มีธุระสั่งการ เช่นนั้นบ่าวขอตัวลาแล้ว”


“เจ้าเข้ามาสิ” ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมเอ่ยขึ้น


เมิ่งเถียนเอ๋อร์คล้ายจะอึดอัด ทว่ายังคงก้าวเข้าไปตามคำสั่ง ค้อมกายคุกเข่าลง “นายท่านมีเรื่องใดจะสั่ง…”


ประโยคนี้ของนางยังกล่าวไม่จบ ก็แปรเปลี่ยนเป็นเสียงหวีดร้อง เนื่องจากแขนของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมเหินม้วนเข้ามา พันตัวนางแล้วลากขึ้นไปบนเตียง…


เรื่องราวหลังจากนั้นก็พัฒนาไปตามลำดับ ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมใช้กำลังเข้าหักหาญ เมิ่งเถียนเอ๋อร์ก็กึ่งขัดขืนกึ่งคล้อยตาม ทั้งคู่เปลือยเปล่าอย่างรวดเร็ว…


ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมในที่สุดก็ได้ลิ้มรสอิสตรีแล้ว เขาโหมควบทะยาน ใช้เคล็ดร่วมคู่ที่คนในฝันถ่ายทอดให้อย่างอดใจไว้ไม่อยู่


รสชาตินั้นล้ำเลิศยิ่งนัก ทำให้วิญญาณเขาแทบหลุดจากร่าง ขณะที่กำลังดื่มด่ำเปรมปรีดิ์อยู่ ทันใดนั้นเขารู้สึกว่าตัวเองใกล้จะหลั่ง พุ่งกระฉูดปานสายธาร เบื้องหน้าพลันมืดมิด…


ร่างกายโคลงเคลงอย่างไม่อาจควบคุมได้ และในยามนี้เอง เมิ่งเถียนเอ๋อร์ที่อยู่ใต้ร่างเขาพลันเคลื่อนไหว วางกรงเล็บไว้บนแผ่นหลังเขาแล้วตะปบกระดูกส่วนเอวของเขาในทันใด!


ตรงกระดูกช่วงบั้นเอวของมนุษย์มีกระดูกสันหลังชิ้นหนึ่งอยู่ ถ้าใช้วิธีพิเศษจะสามารถตะปบให้หักได้ ทำให้คนเสียชีวิตได้ทันที


เรื่องนี้เกิดขึ้นกะทันหัน ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมเพียงรู้สึกว่าบั้นเอวตนปวดแปลบขึ้นมาอย่างฉับพลัน


เขาตอบสนองอย่างว่องไว เรือนกายพลันวูบไหว ถึงแม้เล็บแหลมคมของเมิ่งเถียนเอ๋อร์จะแทงเข้าไปในเนื้อเขาแล้ว ทว่าตะปบไม่ถูกกระดูกสันหลังช่วงเอว…


จะอย่างไรเขาก็คาดไม่ถึงว่าเมิ่งเถียนเอ๋อร์จะลอบทำร้ายตน ย่อมเดือดดาลขึ้นมา ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรโผเข้าซัดทันที เมิ่งเถียนเอ๋อร์ก็ต่อต้านอย่างสุดกำลัง


ไม่ง่ายเลยกว่าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมจะได้ลิ้มรสกามา เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ความพิโรธจึงแทบพุ่งทะลุฟ้า


ยามนี้เขาไม่มีเวลาทันใส่เสื้อผ้า ย่อมไม่คิดร้องเรียกคน ฝืนข่มเพลิงโทสะไว้แล้วต่อสู้กับเมิ่งเถียนเอ๋อร์ ตัดสินใจจะจับกุมอีกฝ่ายมาไต่สวนอย่างเข้มงวด


พลังวิญญาณของเมิ่งเถียนเอ๋อร์บรรลุขั้นแปดแล้ว เป็นแขนเป็นขาให้เขา แต่ถึงอย่างไรก็ยังสู้เขาไม่ได้


หลังจากต่อสู้กันอยู่ครู่หนึ่ง เมิ่งเถียนเอ๋อร์ก็มีแนวโน้มว่าจะพ่ายแพ้


ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมเร่งโจมตี ขณะที่คิดอยู่ว่าอีกไม่ถึงหนึ่งเค่อก็สามารถโค่นอีกฝ่ายลงได้แล้ว พลันมีเงาร่างสามสายพุ่งเข้ามาจากนอกประตู…


—————————————————————-


บทที่ 1429 ล่อนจ้อน 1


เรือนร่างของเงาสามสายนี้เพรียวบาง เป็นเหล่าสาวใช้ที่ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายไว้ใจที่สุด สามคนนี้ไม่รอให้ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมเอ่ยซักถาม ก็เข้าร่วมการต่อสู้ทันที จู่โจมเขาอย่างไร้สุ้มเสียง!


ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตกตะลึง


นัยน์ตาเขาฉายแววเหี้ยมเกรียม จะอย่างไรก็นึกไม่ถึงว่าคนใกล้จะก่อกบฏ เห็นได้ชัดว่ามีการสมคบวางแผน มีคนวางกับดัก ต้องการเอาชีวิตเขา!


สมองของเขาคนนี้ยังคงปราดเปรื่องยิ่ง แทบจะนึกถึงสาระสำคัญได้ในทันที สูดหายใจลึกๆ คราหนึ่ง เขาจะต้องจับสาวใช้ตัวแสบสี่คนนี้ ไต่สวนให้ถึงที่สุด เขาต้องควานตัวมือมืดที่บงการอยู่เบื้องหลังออกมาให้ได้!


เขาสำแดงกระบวนท่าออกไปอย่างเต็มกำลัง ยามนี้เขาบรรลุพลังวิญญาณขั้นสิบแล้ว เมื่อแสดงพลังออกมาย่อมดุดันยิ่งนัก เขารู้สึกว่าด้วยวรยุทธ์ของเขา ต่อให้สี่คนนี้เข้ามาพร้อมกันก็ทำอะไรเขาไม่ได้!


แต่หลังจากต่อสู้ไปได้ครู่หนึ่งเขาก็พบว่าตนคิดผิดแล้ว!


วรยุทธ์ที่เขาภาคภูมิใจถดถอยลงไม่น้อยเลย พลังยุทธ์ดั้งเดิมที่มีอยู่สิบส่วนสำแดงออกมาได้ไม่ถึงหกส่วนด้วยซ้ำ


และสาวใช้ทั้งสี่ปกติแล้วเห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเงอะงะงุ่มง่าม ยามนี้กลับสำแดงพลังยุทธ์ออกมาอย่างเต็มที่ โจมตีเขาอย่างดุเดือดปานลมฝนโหมกระหน่ำ ทำให้เขาแทบไม่ได้พักหายใจ


ระหว่างการต่อสู้ที่ชุลมุนเขาตะโกนออกมาด้วยความโกรธ “พวกเจ้าเป็นคนที่ผู้ใดส่งมากันแน่?!”


สามใช้ทั้งสามยังคงเงียบงัน ส่วนเมิ่งเถียนเอ๋อร์กลับหัวเราะหยันคราหนึ่ง “เมื่อเจ้าตายก็จะรู้เอง!”


ยามปกติสาวใช้ทั้งสี่ดูงามหยาดเยิ้มไร้พิษสงอย่างสิ้นเชิงนึกไม่ถึงว่าพอลงมือขึ้นมากลับโหดเหี้ยมไร้ปรานีดุจมือสังหาร ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมถูกพวกนางต้อนให้ถอยหลังไปเรื่อยๆ ดังเรือลำน้อยที่ลอยเคว้งอยู่ในทะเลที่มีพายุถาโถม พร้อมจะอับปางลงได้ทุกเมื่อ…


เขาก็หวาดกลัวแล้วเช่นกัน หมายจะพุ่งออกไปอยู่หลายครั้ง แต่สาวใช้ทั้งสี่กลับเตรียมการกันมาแล้ว อีกทั้งคุ้นเคยกับผังการตกแต่งของเรือนนี้ยิ่งนัก เมื่อพวกนางเข้ามาก็ทำลายกลไกเรียกคนเมื่อตกอยู่ในอันตรายทิ้งเสีย อีกทั้งห้องนี้เป็นห้องเก็บเสียง หลังจากปิดประตูแล้ว ต่อให้คนในห้องตะโกนจนคอแตก คนด้านนอกก็จะได้ยินความเคลื่อนไหวเพียงน้อยนิดเท่านั้น


ยิ่งไปกว่านั้นคือเรือนนี้ของเขาอยู่ห่างไกลจากเรือนรอบข้างยิ่งนัก ไม่มีทางที่จะมีคนผ่านมาในยามดึกดื่นเพลากะสามเช่นนี้ ไม่ทราบเรื่องกันเลย


ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมหัวเดียวกระเทียมลีบอย่างสมบูรณ์ ยามที่เขาเบี่ยงซ้ายป่ายขวาอย่างไรก็พุ่งออกไปไม่ได้ จึงอดไม่ได้ที่จะสิ้นหวังขึ้นมา


….


พวกมู่เฟิงทั้งสามฟังเสียงเคลื่อนไหวด้านในอย่างมีน้ำอดน้ำทนอยู่ตลอด พลังยุทธ์ของมู่เฟิงสูงที่สุด เขาจึงโคจรพลังวิญญาณดักฟังโดยตรง เช่นนี้จะได้ยินกระจ่างยิ่ง แม้แต่ทุกการเคลื่อนไหวของคนในห้องก็ได้ยินอย่างชัดเจนทั้งสิ้น


ผ่านไปครู่หนึ่ง มู่อวิ๋นที่ถูกมู่เฟิงส่งออกไปก็กลับมา ส่งสัญญาณมือให้มู่เฟิง หมายความว่าทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว


มุมปากของมู่เฟิงยกขึ้นบางๆ แล้วถึงก้าวเข้าไปเคาะประตูอย่างอนาทรร้อนใจ น้ำเสียงแฝงความฉงนสนเท่ห์ “นายท่าน? นายท่านขอรับ? ประสบอันตรายหรือไม่ขอรับ?”


ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมปรีดายิ่งนัก ระหว่างที่ยุ่งจนเป็นระวิงก็พยายามเข้าไปที่บานประตูซึ่งปิดสนิทอยู่อย่างสุดชีวิต ประตูใหญ่ที่ติดตั้งเขตหวงห้ามไว้พลันเปิดออก “เข้ามา! มาช่วยข้า!”


ด้วยเหตุนี้ มู่เฟิงกับมู่เตี่ยนจึงพุ่งเข้าไป…


เมื่อมีการปกป้องคุ้มครองจากผู้คุ้มกันสองคนนี้ ในที่สุดทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมก็ได้พักหายใจแล้ว เขาเอ่ยอย่างกระหืดกระหอบ “จับเป็นซะ!”


มู่เฟิงและมู่เตี่ยนขานรับพร้อมกัน เข้าโจมตีสาวใช้ทั้งสี่


จนยามนี้ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมก็ยังไม่มีเวลาสวมเสื้อผ้าเลย สภาพจนตรอกเป็นอย่างยิ่ง มีมู่เฟิงกับมู่เตี่ยนมารับช่วงต่อแล้ว ในที่สุดเขาก็มีเวลาค้นหาเสื้อผ้าแล้ว เขาเพิ่งจะหยิบเสื้อคลุมตัวหนึ่งขึ้นมา ยังไม่ได้ทันได้สวม ด้านนอกพลันมีลมกรรโชกเล็กน้อย สตรีชุดขาวนางหนึ่งแวบเข้ามาทันที “อะไรกะ…ว้าย เจ้า!”


ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายถือเสื้อคลุมไว้ เขาทึ่มทื่อไปแล้ว แม้แต่ส่วนสงวนก็ไม่ได้ปกปิดไว้เลย

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)