เทพปีศาจหวนคืน 1421-1427
บทที่ 1421 หมื่นมังกร
ฟงจิวเก้อได้รับการสนับสนุนจากวังสวรรค์ เขาไม่ขาดแคลนข้อมูล
นอกจากฟางหยวนยังมีไป่หนิงปิง ไห่ลั่วหลัน อิงอู๋เซี่ย นางเสือดำ และเทพธิดาเมี่ยวหยิน
ไป่หนิงปิงเป็นเทพธิดามังกรที่งดงาม นางมีอารมณ์รุนแรงที่สุดและน่าจะเป็นผู้สืบทอดมรดกที่แท้จริงไป่เซียง
ไห่ลั่วหลันมีดวงตาที่เฉียบคม แม้นางจะเป็นหญิง แต่นางเต็มไปด้วยความกล้าหาญ นางมีสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงแต่ใช้วิธีการโจมตีบนเส้นทางแห่งไฟ
ตอนนี้อิงอู๋เซี่ยอยู่ในร่างของเทพธิดาซุ้ยป๋อ เขาสวมชุดสีเขียวและมีดวงตาที่เย้ายวน วิธีการต่อสู้ของเขาถูกปกปิดเอาไว้ ดังนั้นฟงจิวเก้อจึงไม่สามารถจดจำเขาและยังสงสัยเล็กน้อย
นางเสือดำแสดงออกอย่างไร้ปรานี อาการบาดเจ็บส่วนใหญ่ของนางหายเป็นปกติแล้ว นางบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งความมืด นางดูเหมือนนักฆ่าที่เคลื่อนไหวไปรอบๆและรอโอกาสแก้แค้น
สำหรับเทพธิดาเมี่ยวหยิน นางแสดงทักษะเฉพาะตัวของนางออกมาแล้ว นางบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเสียงเช่นเดียวกับฟงจิวเก้อ
ฟงจิวเก้อใช้เพลงทางผ่านแสงหลบฟางหยวน ในเวลาเดียวกันเขากำลังประเมินฝ่ายตรงข้าม
เกราะหวนคืนของฟางหยวนไม่สามารถตอบโต้ แต่มีข้อดีก็มีข้อเสีย หากฟางหยวนต้องการรักษามันไว้ เขาจะไม่สามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะอื่นๆ
กล่าวได้ว่าในเวลานี้พลังโจมตีของฟางหยวนค่อนข้างอ่อนแอขณะที่การป้องกันแข็งแกร่งมาก หากฟงจิวเก้อต้องการต่อสู้กับนิกายเงา เขาต้องกำจัดคนอื่นๆก่อน
นี่เป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุด
แต่ผู้ใดที่ฟงจิวเก้อจะเลือกเป็นเป้าหมาย?
คำถามนี้อยู่ในใจของฟางหยวนและทุกคน
ฟงจิวเก้อไม่โง่แต่กลุ่มของฟางหยวนก็เช่นกัน พวกเขาสามารถคาดเดากลยุทธ์ของฝ่ายตรงข้าม
เกราะหวนคืนทรงพลังเกินไป เป็นไปไม่ได้ที่วังสวรรค์จะคิดวิธีต่อต้านมันได้ในระยะเวลาสั้นๆ
มันเป็นเรื่องยากที่จะคิดวิธีทำลายท่าไม้ตายอมตะ
แต่การต่อต้านหรือบรรเทาเป็นเรื่องง่าย
อย่างไรก็ตามแม่น้ำหวนคืนเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพ มันมีพลังอำนาจเทียบเท่ากับวิญญาณอมตะระดับเก้า แล้วมันจะถูกทำลายหรือต่อต้านอย่างง่ายดายได้อย่างไร?
‘การบ่มเพาะของไห่ลั่วหลันต่ำที่สุด นางจะเป็นเป้าหมายของฟงจิวเก้อหรือไม่?’
‘ฟางหยวนไม่มีปัญหา แต่ศัตรูอาจกำหนดเป้าหมายไปที่เทพธิดาเมี่ยวหยิน ท้ายที่สุดทั้งสองก็บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเสียงเช่นเดียวกัน ด้วยรากฐานอันลึกล้ำของฟงจิวเก้อ เขาต้องมีวิธีที่น่าเหลือเชื่อในการต่อสู้กับเทพธิดาเมี่ยวหยิน’
‘ก่อนหน้านี้เขาโจมตีเทพธิดากระต่ายขาว ตอนนี้เขาอาจโจมตีนางเสือดำในขณะที่นางยังบาดเจ็บอยู่’
‘แล้วไป่หนิงปิง? พลังการต่อสู้ของนางสูงที่สุด นางเป็นหอกที่แหลมคมและแข็งแกร่งที่สุด หากนางถูกโค้นล้ม ความได้เปรียบของฟงจิวเก้อจะเพิ่มขึ้นอีกมาก’
‘อิงอู๋เซี่ยอาจเป็นเป้าหมายได้เช่นกัน เขาใช้ร่างของเทพธิดาซุ้ยป๋อ ฟงจิวเก้อไม่คุ้นเคยกับเขามากที่สุด เขาอาจโจมตีเพื่อตรวจสอบ’
ความคิดทุกประเภทปะทุขึ้นในใจของฟางหยวนและคนอื่นๆ
หากพวกเขาสามารถคาดเดาเป้าหมายของฟงจิวเก้อ พวกเขาจะสามารถเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น
แต่ฟงจิวเก้อจะเลือกผู้ใด?
ในเวลาต่อมาพวกเขาก็ได้รับคำตอบ
ฟงจิวเก้อใช้เพลงทางผ่านแสงเคลื่อนที่ไปยังใจกลางสนามรบ
ท่าไม้ตายอมตะเพลงทางผ่านแสงยังไม่หายไปแต่กลิ่นอายของมันเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน
ฟงจิวเก้อตะโกน “เหตุใดพวกเจ้าไม่ฟังเพลงหยกเขียวของข้า?”
ได้ยินเช่นนี้ทุกคนเร่งล่าถอย มีเพียงฟางหยวนที่หัวเราะและก้าวออกไปข้างหน้า “ฟงจิวเก้อ ในที่สุดเจ้าก็ใช้วิธีที่เหมาะสม”
“ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง…”
เสียงดนตรีที่ฟังดูเหมือนไข่มุกตกลงบนจานหยกดังขึ้น
ฟางหยวนเพิกเฉยต่อมันและใช้เกราะหวนคืนสะท้อนพลังอำนาจของเพลงหยกเขียวส่วนหนึ่งกลับไปที่ฟงจิวเก้อ
แต่โดยไม่คาดคิด เพลงหยกเขียวของฟงจิวเก้อกลับอยู่ไม่นาน
ทุกคนรู้สึกประหลาดใจ
ในเวลาต่อมาร่างที่คลุมเครือก็โผล่ออกมาจากร่างของฟงจิวเก้อ มันดูเหมือนฟงจิวเก้อที่สร้างขึ้นจากหยกเขียว
‘มันคือท่าไม้ตายใด?’ สมาชิกนิกายเงารู้สึกถึงภัยคุกคาม
‘นักรบเพลง!’ หัวใจของฟางหยวนจมดิ่งลง เขาจำข้อมูลจากชีวิตแรกได้
นี่เป็นท่าไม้ตายที่ทรงพลังของฟงจิวเก้อ มันเป็นการใช้บทเพลงทั้งเก้าของเขาเพื่อสร้างร่างแยกและโจมตีศัตรู
ในชีวิตแรกของฟางหยวน ฟงจิวเก้อใช้เพลงทั้งเก้าของเขาสร้างชื่อเสียง จุดอ่อนเดียวคือเขาสามารถใช้งานมันได้ครั้งละเพลงเท่านั้น พวกมันจะคงอยู่ได้เพียงช่วงเวลาสั้นๆ
หลังผ่านการต่อสู้นับครั้งไม่ถ้วน ฟงจิวเก้อตระหนักถึงจุดอ่อนนี้ เขาปิดประตูฝึกตนและสามารถสร้างท่าไม้ตายนักรบเพลง ท่าไม้ตายนี้จะสร้างร่างแยกออกจากบทเพลงของเขาเพื่อต่อสู้กับศัตรู
‘มันคล้ายท่าไม้ตายหมื่นตัวตนและกำปั้นยักษ์หมื่นตัวตนของข้า’
‘ในชีวิตแรกของข้า เขาสามารถสร้างนักรบเพลงได้หลังจากห้าร้อยปี แต่เหตุใดตอนนี้เขาถึงสามารถใช้งานมัน?’
‘ไม่ ในชีวิตแรกของข้า นิกายเงาประสบความสำเร็จ ยุคที่ยิ่งใหญ่ถูกผลักออกไป บางทีฟงจิวเก้ออาจได้รับผลกระทบจากสิ่งนี้?’
‘หรือบางทีเขาอาจสร้างนักรบเพลงได้เพราะความช่วยเหลือจากวังสวรรค์?’
ความคิดนับไม่ถ้วนปะทุขึ้นในหัวของฟางหยวน
นักรบเพลงหยกเขียวไม่ได้โจมตีฟางหยวนแต่มันพุ่งไปที่อิงอู๋เซี่ย
เปลือกตาของอิงอู๋เซี่ยกระตุก เขารีบล่าถอย เขาไม่ต้องการต่อสู้
ฟงจิวเก้อใช้เพลงทางผ่านแสงอีกครั้งเพื่อถอยห่างจากฟางหยวน
เพลงสวรรค์พิภพ!
นักรบเพลงสวรรค์พิภพพุ่งเข้าโจมตีไป่หนิงปิง
ไป่หนิงปิงตะโกน “เข้ามา!”
นางเผชิญหน้ากับนักรบเพลงสวรรค์พิภพขณะที่หิมะโปรยปรายลงมา
‘บัดซบ! สถานการณ์นี้ไม่สามารถดำเนินต่อไป!’
‘ไป่หนิงปิงและอิงอู๋เซี่ยถูกพัวพัน เราไม่สามารถปราบปรามฟงจิวเก้อ’
‘ดังนั้นเป้าหมายของฟงจิวเก้อจึงไม่ใช่คนใดคนหนึ่งแต่เป็นทุกคนยกเว้นฟางหยวน!’
หลังจากเข้าใจกลยุทธ์ของฟงจิวเก้อ สมาชิกนิกายเงาจึงตระหนักถึงอันตรายที่ยิ่งใหญ่
สถานการณ์เอนเอียงไปทางฟงจิวเก้อแต่พวกเขาไม่สามารถทำสิ่งใด
นี่เป็นเพราะฟงจิวเก้อสามารถใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสม
ในความเป็นจริงนักรบเพลงมีจุดแข็งและจุดอ่อน พวกมันอาจมีพลังที่ยิ่งใหญ่ แต่การโจมตีระยะไกลอาจทำให้พลังของนักรบเพลงอ่อนแอลง
แต่ในการต่อสู้ครั้งนี้ ฟงจิวเก้อไม่กังวล
ประการแรก ฝ่ายตรงข้ามไม่มีคฤหาสน์วิญญาณอมตะ
ประการที่สอง ฟงจิวเก้อไม่ต้องเผชิญหน้ากับสายธารแห่งกาลเวลา
ขณะไล่ล่ากลุ่มของฟางหยวน ฟงจิวเก้อพยายามทำให้แน่ใจว่าสมาชิกนิกายเงาจะไม่มีเวลาจัดตั้งค่ายกลวิญญาณอมตะ
แม้เขาจะไม่สามารถใช้นักรบเพลงเอาชนะศัตรูทั้งหมด เขาก็ยังสามารถแยกกลุ่มฝ่ายตรงข้ามและป้องกันไม่ให้พวกเขาร่วมมือกัน
นี่คือการตัดสินใจด้วยประสบการณ์การต่อสู้ของทหารผ่านศึก
ฟงจิวเก้อมีประสบการณ์มากมายจากการต่อสู้
รวมกับความสามารถอันยิ่งใหญ่ของเขา การต่อสู้ครั้งนี้จึงเป็นเรื่องที่ยากลำบากสำหรับสมาชิกนิกายเงา
นอกจากเพลงหยกเขียวและเพลงสวรรค์พิภพ เขายังใช้นักรบเพลงยอมจำนนและเพลงแยก
“สารเลว!” ไห่ลั่วหลันกัดฟันแน่น นางถอยกลับและโจมตีจากระยะไกล แต่เมื่อวิหคเพลิงพิโรธเข้าใกล้นักรบเพลงหยกเขียว มันก็กลายเป็นวิหคหยกเขียวก่อนจะตกลงบนพื้นและแตกสลายไป
“ดาบน้ำแข็ง” ไป่หนิงปิงพึมพำและใช้ดาบน้ำแข็งขนาดใหญ่โจมตีนักรบเพลงยอมจำนน แต่ในช่วงเวลาสำคัญ นักรบเพลงแยกกลับพุ่งเข้ารับการโจมตีนี้
ดาบน้ำแข็งแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เพลงแยกสามารถแยกทุกสิ่งรวมถึงท่าไม้ตายอมตะ
นักรบเพลงสวรรค์พิภพสามารถปราบปรามอิงอู๋เซี่ยและเทพธิดาเมี่ยวหยิน
ฟางหยวนรู้สึกหนักใจ
‘ฟงจิวเก้อต้องการสร้างเก้าบทเพลงเพื่ออธิบายถึงตัวตนของเขา ชีวิต และสวรรค์พิภพ เขาสร้างเพลงแยกสำเร็จแล้ว ตามข้อมูลในชีวิตแรกของข้า ตอนนี้เขามีเพลงอยู่เจ็ดเพลง’
ฟางหยวนได้สัมผัสกับพลังอำนาจของเพลงหยกเขียว เพลงสวรรค์พิภพ เพลงยอมจำนน และเพลงแยกแล้ว
อีกสองเพลงคือเพลงรับสมบัติและเพลงสู่สวรรค์ ทั้งสองใช้สนับสนุนการบ่มเพาะ
สิ่งที่น่ากังวลที่สุดคือเพลงสุดท้าย
‘เพลงนั้นไม่ง่ายที่จะควบคุม หากเขาล้มเหลว มันอาจถึงตาย แต่หากฟงจิวเก้อสามารถใช้มัน ความสูญเสียของเราจะรุนแรงมาก…’
ฟางหยวนกังวลแต่เขาไม่สามารถทำสิ่งใด พลังโจมตีของเขาต่ำมาก เขาไม่สามารถกดดันฟงจิวเก้อ
ฟงจิวเก้อมีพลังการต่อสู้สูงมาก เขายังสามารถสร้างร่างแยกสี่ร่าง นี่แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จบนเส้นทางแห่งทาสของเขาที่ไม่ด้อยกว่าฟางหยวน
หลังจากทั้งหมดเขาเป็นผู้อมตะมาหลายปีแล้ว
‘และนี่ยังเป็นการต่อสู้ในทะลทรายไร้เสียง พลังอำนาจของฟงจิวเก้อลดลงไปมากแล้ว แน่นอนว่าเทพธิดาเมี่ยวหยินก็เช่นกัน’
‘ข้าต้องเสี่ยง มิฉะนั้นหากเราพลาดโอกาสนี้ เราจะไม่มีโอกาสอีกในอนาคต’
ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น
เขาหยุดใช้เกราะหวนคืน!
ท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นมังกรดาบบรรพกาล!
ฟางหยวนกลายเป็นมังกรดาบบรรพกาล แต่ยังไม่จบเพียงเท่านี้
ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งทาสและความแข็งแกร่ง หมื่นตัวตน!
นี่เป็นการหลอมรวมสองท่าไม้ตายให้เป็นหนึ่ง
หมื่นมังกร!
ทันใดนั้นมังกรดาบบรรพกาลจำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏตัวขึ้น พวกมันคำรามและปลดปล่อยกลิ่นอายที่ยิ่งใหญ่ออกมา
‘ท่าไม้ตายนี้…มันคือท่าไม้ตายที่เขาใช้ทำลายค่ายกลวิญญาณอมตะของเราในทะเลตะวันออก!’ หัวใจของอิงอู๋เซี่ยสั่นสะท้านขึ้น
“ฟางหยวน” ไป่หนิงปิงพึมพำ ความรู้สึกพึ่งพาได้ปรากฏขึ้นในใจของนาง
“น่าประทับใจ” กระทั่งฟงจิวเก้อยังรู้สึกทึ่ง
วิสัยทัศน์ของเขาถูกปกคลุมไปด้วยมังกรดาบบรรพกาล นักรบเพลงทั้งสี่รวมถึงตัวฟงจิวเก้อเองราวกับจมอยู่ในมหาสมุทรแห่งมังกรดาบ
บทที่ 1422 ผลการต่อสู้
ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของฟางหยวนอยู่บนจุดสูงสุดของระดับเจ็ด ดังนั้นพลังอำนาจของท่าไม้ตายอมตะหมื่นมังกรจึงพุ่งขึ้นสู่จุดสูงของท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ดเช่นกัน
มังกรดาบบรรพกาลโจมตีนักรบเพลงทั้งสี่อย่างดุเดือด
นักรบเพลงหยกเขียวเปลี่ยนมังกรดาบบรรพกาลให้เป็นมังกรหยกเขียวแต่มันยังจมน้ำตายในทะลมังกร
นักรบเพลงสวรรค์พิภพโจมตีศัตรูด้วยแรงกดดันมหาศาลแต่มังกรดาบบรรพกาลมีมากเกินไป ในที่สุดมันก็ถูกกัดกินโดยหนึ่งในนั้น
นักรบเพลงยอมจำนนอยู่นานที่สุด มันสามารถทำให้มังกรดาบบรรพกาลบางตัวยอมแพ้แต่มันยังไม่สามารถพลิกสถานการณ์
นักรบเพลงแยกพยายามแยกร่างมังกรดาบบรรพกาลแต่มันไม่สามารถต่อต้านคลื่นมังกรที่ไม่มีที่สิ้นสุด
ในอดีตท่าไม้ตายหมื่นตัวตนของฟางหยวนมีปริมาณและคุณภาพต่ำ เมื่อเผชิญหน้ากับผู้อมตะที่ทรงพลัง ฟางหยวนสามารถใช้มันเพื่ออำพรางตัวและหลบหนีเท่านั้น
แต่หลังจากผสานท่าไม้ตายอมตะทั้งสองเข้าด้วยกัน ท่าไม้ตายหมื่นมังกรสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงในเชิงคุณภาพ
ภูตมนุษย์ที่เกิดจากท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนไม่สามารถเปรียบเทียบได้เลยกับร่างมังกรดาบบรรพกาลที่เกิดจากท่าไม้ตายอมตะหมื่นมังกร
นี่เป็นวิธีโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดในปัจจุบันของฟางหยวน
มังกรดาบบรรพกาลทำลายนักรบเพลงทั้งสี่ก่อนจะปิดล้อมฟงจิวเก้อไว้อย่างแน่นหนา
ฟางหยวนระดมกองกำลังมังกรโจมตีฟงจิวเก้อจากทุกทิศทางโดยปราศจากความลังเล
ความชื่นชมในสายตาของฟงจิวเก้อหายไปขณะที่เขาชกหมัดขวาออกไปข้างหน้า
“ปัง”
เสียงกลองดังราวกับเสียงฟ้าร้อง มังกรดาบบรรพกาลห้าตัวถูกทำลาย
เกือบในเวลาเดียวกัน ฝ่ามือข้างซ้ายของฟงจิวเก้อก็ตบไปด้านข้าง
“เคร้ง”
เสียงระฆังทำให้มังกรดาบบรรพกาลหลายตัวหยุดเคลื่อนไหวก่อนที่พวกมันจะสลายกลายเป็นความว่างเปล่า
หมัดกลอง!
ฝ่ามือระฆัง!
ฟงจิวเก้อยังโจมตีต่อไป
มังกรดาบบรรพกาลจำนวนนับไม่ถ้วนอาจทำให้ผู้อมตะระดับเจ็ดทั่วไปตกสู่สถานการณ์อันตราย แต่สำหรับฟงจิวเก้อ มันยังไม่เพียงพอ
รากฐานบนเส้นทางแห่งเสียงของฟงจิวเก้อลึกล้ำเกินไป กระทั่งทะเลทรายไร้เสียงยังไม่สามารถสะกดข่มเขาได้อย่างเต็มที่
แต่ฟางหยวนรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นสิ่งนี้
‘มันค่อนข้างแปลก’
‘เหตุใดฟงจิวเก้อไม่ใช้เพลงทางผ่านแสง?’
‘นักรบเพลงถูกทำลายไปแล้ว ฟงจิวเก้อสามารถหลี่กเลี่ยงการโจมตีของข้า นั่นจะทำให้เขาประหยัดพลังงานอมตะ’
‘เว้นเพียงเขากำลังเตรียมท่าไม้ตายอมตะบางอย่าง…’
‘แต่เขาใช้หมัดกลองและฝ่ามือระฆังอยู่แล้ว มีความเป็นไปได้น้อยมากที่เขาจะใช้ท่าไม้ตายอื่น แต่เขาจะไม่ใช้ท่าไม้ตายอมตะที่ทรงพลังในสถานการณ์อันตรายเช่นนี้งั้น?’
‘ดูเหมือนเขาจะมีเหตุผลบางประการ แต่จากข้อมูลในชีวิตแรกของข้า มันดูไม่สมเหตุสมผลเลย’
ความคิดจำนวนมากพุ่งชนกันอยู่ในใจของฟางหยวน
เขาลอบแจ้งเตือนสมาชิกนิกายเงา “เราจะถอย!”
เมื่อค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศถูกใช้งานอีกครั้ง ฟงจิวเก้อทำได้เพียงเผยรอยยิ้มขมขื่นและมองกลุ่มของฟางหยวนจากไปโดยไม่ไล่ล่า
ปรากฏว่าแม้ท่าไม้ตายอมตะเพลงทางผ่านแสงของเขาจะยอดเยี่ยม มันก็ยังมีจุดอ่อนเช่นท่าไม้ตายอื่น
นั่นคือเวลาที่จำกัด
ท่าไม้ตายอมตะเพลงทางผ่านแสงมีเวลาจำกัด
เมื่อมันจบลง ฟงจิวเก้อต้องรออีกสิบสี่ชั่วโมงก่อนจะสามารถใช้งานมันได้อีกครั้ง
กล่าวได้ว่าท่าไม้ตายนี้มีค่ามาก เขาจะไม่ใช้มันในการต่อสู้ปกติ
เพราะเมื่อเขาใช้มัน เขาต้องเผชิญหน้ากับข้อจำกัดของเวลา
หากเขาไม่สามารถจบการต่อสู้ภายในเวลาที่กำหนด ฟงจิวเก้อจะไม่มีวิธีการเคลื่อนไหวที่ดีเพื่อออกจากสนามรบ
ในการต่อสู้กับวูหยงก่อนหน้านี้ บ้านไม้ไผ่สายลมเร็วเกินไป แม้ฟงจิวเก้อจะใช้เพลงทางผ่านแสง เขาก็หนีไม่พ้น
ก่อนหน้านี้เมื่อฟางหยวนใช้ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศ ฟงจิวเก้อต้องใช้เพลงทางผ่านแสงเพื่อไล่ล่า
เมื่อฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอมตะหมื่นมังกร เวลาของเพลงทางผ่านแสงก็หมดลงในที่สุด ฟงจิวเก้อทำได้เพียงเผยรอยยิ้มขมขื่นขณะที่เขาต้องใช้หมัดกลองและฝ่ามือระฆังเพื่อป้องกันตัว
หลังจากฟางหยวนและคนอื่นๆจากไป มังกรดาบบรรพกาลจำนวนนับไม่ถ้วนก็ค่อยๆจางหาย
ในสนามรบเหลือเพียงฟงจิวเก้อเท่านั้น
เขาไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย เขายังคงสง่างามราวกับการต่อสู้ก่อนหน้าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
อย่างไรก็ตามแม้ฟางหยวนจะประสบความสำเร็จในการหลบหนีแต่ฟงจิวเก้อไม่รู้สึกหดหู่ใจ เขายังเผยรอยยิ้มบาง
“ต่อสู้กับฟางหยวนจะจบลงในครั้งเดียวได้อย่างไร?”
“มันต้องมีการตรวจสอบมากมาย หลังจากค้นพบไพ่ตายทั้งหมดของเขา ข้าจะสามารถฆ่าเขา แต่ก่อนหน้านั้น มีภารกิจของวังสวรรค์ที่บังคับให้ฟางหยวนค้นหามรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง”
“ดูเหมือนฟางหยวนจะรู้จักข้าค่อนข้างดี มันเป็นเพราะวิญญาณกาลเวลางั้นหรือ?”
“ผู้อมตะหญิงคนใหม่ดูเหมือนจะเป็นเทพธิดาซุ้ยป๋อของทะเลทรายตะวันตก แต่นางใช้วิธีบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ นี่ค่อนข้างแปลก”
ผลการตรวจสอบของเขาดีมาก
โดยเฉพาะเรื่องของอิงอู๋เซี่ย
ในการต่อสู้ครั้งก่อน เนื่องจากฟางหยวนเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี ฟงจิวเก้อจึงไม่สังเกตเห็นเทพธิดาซุ้ยป๋อ
แต่ตอนนี้แตกต่างออกไป
“อิงอู๋เซี่ยมีท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝัน เขาเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ฟางหยวนอาจมีแผนการบางอย่างและมันอาจเกี่ยวข้องกับอิงอู๋เซี่ย”
“ในการต่อสู้ครั้งนี้ไม่มีอิงอู๋เซี่ยแต่มีสมาชิกใหม่เป็นเทพธิดาซุ้ยป๋อ”
“หากข้าจำไม่ผิด เทพธิดาซุ้ยป๋อเป็นนางสนมของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง เหตุใดนางถึงไปอยู่กับฟางหยวน?”
“เทพธิดาซุ้ยป๋อเป็นสมาชิกของนิกายเงาหรือนาง…ถูกอิงอู๋เซี่ยเข้าสิง?”
แม้ฟงจิวเก้อจะไม่ใช่ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาแต่เขาฉลากมากและแทบจะสามารถเปิดเผยความจริงได้ในระยะเวลาสั้นๆ
อีกด้านหนึ่ง
“ฟงจิวเก้อไม่ได้ไล่ล่าพวกเรา” ฟางหยวนมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและตระหนักถึงความจริงที่ว่าเพลงทางผ่านแสงมีเวลาจำกัด
หลังจากเรียนรู้เรื่องนี้ สมาชิกนิกายเงาทั้งหมดจึงสามารถถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ฟงจิวเก้อแข็งแกร่งสมกับชื่อเสียงของเขาจริงๆ”
“ข้ารู้สึกว่าเขายังไม่ได้ใช้ไพ่ทั้งหมดในมือ”
“โดยรวมแล้วนี่เป็นเพียงการทดสอบ เราต่างไม่ได้ใช้ไพ่ตายทั้งหมด”
กลุ่มผู้อมตะพูดคุยกัน
มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ
ไม่ว่าจะเป็นท่าไม้ตายอมตะเลียของเสือดำ ท่าไม้ตายอมตะไป่เซียงของไป่หนิงปิง หรือท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝันของอิงอู๋เซี่ย พวกมันยังไม่ถูกใช้งาน
ในการต่อสู้ครั้งนี้ทั้งสองฝ่ายยังสงวนความแข็งแกร่งเอาไว้แต่พวกเขายังใช้วิธีการมากมาย
ตัวอย่างเช่นท่าไม้ตายอมตะเพลงทางผ่านแสงหรือนักรบเพลงของฟงจิวเก้อและท่าไม้ตายอมตะหมื่นมังกรของฟางหยวน
เมื่อพวกเขาต่อสู้กันอีกครั้ง ท่าไม้ตายเหล่านี้จะถูกตอบโต้หรืออย่างน้อยพวกเขาก็จะสามารถป้องกันตัว
หลายวันต่อมา บนเนินทรายธรรมดาแห่งหนึ่ง
ลมทะเลทรายพัดมาขณะที่ดวงอาทิตย์กำลังจะตกดิน
ไกลออกไปมีขบวนสินค้าของผู้ใช้วิญญาณมนุษย์ค้างแรมอยู่ที่นั่น
คนเหล่านี้ไม่สามารถตรวจสอบการคงอยู่ของฟางหยวนและคนอื่นๆ
ในเวลานี้ฟางหยวนกำลังเพ่งจิตเข้าไปในมิติช่องว่างของเขา
ค่ายกลวิญญาณถูกสร้างขึ้นที่ภาคกลางน้อย
มันก็คือค่ายกลวิญญาณชำระล้างตัวเอง!
โดยใช้วิญญาณอมตะรักตัวเองระดับเจ็ดเป็นแกนกลางและวิญญาณอมตะธงค่ายกลระดับเจ็ดเป็นส่วนสนับสนุน ค่ายกลวิญญาณอมตะนี้จะชำระล้างร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่เป็นอันตรายทั้งหมดอย่างต่อเนื่อง และด้วยการคงอยู่ของวิญญาณอมตะธงค่ายกล ค่ายกลวิญญาณนี้จึงสามารถเคลื่อนย้ายได้ดังใจปรารถนา
กล่าวคือเมื่อฟางหยวนต้องการ เขาสามารถนำมันออกมาและใช้งานมัน
หากเขาไม่จำเป็นต้องใช้งานมัน เขาสามารถเก็บมันไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ มันสะดวกมาก
“ค่ายกลวิญญาณนี้ยังสามารถพัฒนาไปได้อีกมาก ตัวอย่างเช่น ข้าสามารถเพิ่มวิญญาณบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเพื่อเร่งความเร็ว น่าเสียดายที่ระดับความสำเร็จบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของข้าต่ำเกินไป ข้าไม่สามารถอนุมานมันได้”
ฟางหยวนรู้สึกเสียดาย
“แต่อย่างน้อยข้าก็สามารถย้ายจิตวิญญาณค่ายกลมาไว้ในค่ายกลวิญญาณนี้”
นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก
ฟางหยวนรวมค่ายกลวิญญาณที่ไม่สมบูรณ์ของเจิ้งหยวนซือเข้ากับค่ายกลวิญญาณชำระล้างตัวเอง
มันเป็นทักษะการผสมผสานบนเส้นทางแห่งค่ายกล
แน่นอนว่ามันเป็นเพราะความสำเร็จระดับปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งค่ายกลของฟางหยวน
เขามั่นใจมากในเรื่องนี้ เขาต้องการเวลาขึ้น
“ด้วยการคงอยู่ของจิตวิญญาณค่ายกล ข้าไม่จำเป็นต้องใช้ค่ายกลวิญญาณด้วยตนเอง ข้าสามารถใช้เวลาและพลังงานของข้ากับเรื่องอื่น”
“แต่ก่อนหน้านั้นข้าต้องยกระดับท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนขึ้นอีกระดับหนึ่ง!”
หลังจากต่อสู้กับฟงจิวเก้อ ฟางหยวนได้รับแรงบันดาลใจมากมาย
สิ่งสำคัญที่สุดคือเขาต้องพัฒนาท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตน!
ในเวลาเดียวกัน
“มันคืออาณาจักรแห่งความฝันจริงๆ”
“แต่เจตจำนงของสามี วิญญาณอมตะระดับแปด และหงหยุนยังอยู่ข้างในหรือไม่?”
กลางอากาศ ผู้อมตะหญิงระดับเจ็ดสองคนมองหน้ากัน
พวกนางเป็นนางสนมของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง หนึ่งคือนางบำเรอรัตติกาล อีกหนึ่งคือนางกำนัลชิงเหลียน
ไม่นานมานี้บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงได้รับข้อมูลว่าฟางหยวนและคนอื่นๆวางแผนต่อต้านเขาและกระทั่งจับตัวเทพธิดาซุ้ยป๋อ แน่นอนว่าเขายังรู้ว่านางรำหงหยุนและเจตจำนงของเขาติดอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน
บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงโกรธมาก แต่เพราะอาการบาดเจ็บของเขายังไม่หาย ดังนั้นเขาจึงต้องส่งนางสนมสองคนนี้ออกมาตรวจสอบเรื่องนี้
ไม่ว่าจะเป็นนางบำเรอรัตติกาลหรือนางกำนัลชิงเหลียน พวกนางต่างเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด แต่ต่อหน้าอาณาจักรแห่งความฝัน พวกนางยังไม่สามารถทำสิ่งใด
เมื่อพวกนางหมดหนทาง มีเสียงลึกลับดังขึ้นในใจของทั้งสอง “หากพวกเจ้าไม่สามารถสำรวจอาณาจักรแห่งความฝัน เหตุใดพวกเจ้าไม่ไปหาผู้ก่อการร้าย เทพธิดาซุ้ยป๋ออยู่กับพวกเขา”
“ผู้ใด?”
“ออกมา!”
ผู้อมตะหญิงทั้งสองตะโกน พวกนางใช้วิธีตรวจสอบทั้งหมดที่มีแต่ยังไม่พบแหล่งที่มาของเสียง
“เป็นวิธีบนเส้นทางแห่งเสียงที่น่าประทับใจ” การแสดงออกของนางบำเรอรัตติกาลและนางกำนัลชิงเหลียนเปลี่ยนไป
บทที่ 1423 ยกระดับหมื่นตัวตน
ทะเลทรายตะวันตก
บนท้องฟ้าที่สดใส ดวงอาทิตย์กำลังส่องแสง
อาณาจักรแห่งความฝันสีแดงลอยอยู่กลางอากาศ
นางรำหงหยุนและเจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงถูกขังอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝันและไม่สามารถหลบหนี
นางบำเรอรัตติกาลและนางกำนัลชิงเหลียนบินไปรอบๆอาณาจักรแห่งความฝัน
วิญญาณหลายดวงบินออกมาจากมือของพวกนางและถูกจัดตั้งไว้รอบๆอาณาจักรแห่งความฝัน
พวกนางกำลังสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะเพื่อปิดผนึกอาณากจักรแห่งความฝันนี้
เหตุผลก็คือทุกกองกำลังบนโลกใบนี้กำลังค้นคว้าเกี่ยวกับอาณาจักรแห่งความฝัน
ในยุคนี้มีผู้อมตะเพียงไม่กี่คนที่มีวิธีการต่อต้านอาณาจักรแห่งความฝัน
แม้บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงจะเป็นผู้อมตะระดับแปดและได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกใดๆต่อหน้าอาณาจักรแห่งความฝัน
แต่เขาไม่สามารถละทิ้งนางรำหงหยุนและวิญญาณอมตะระดับแปด
หลังจากไตร่ตรอง บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงจึงตัดสินใจผนึกอาณาจักรแห่งความฝันเอาไว้
“มันเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น”
“ข้าจะดูแลความปลอดภัย เจ้าจงทำขั้นตอนสุดท้ายให้สำเร็จ”
นางบำเรอรัตติกาลเฝ้าระวังขณะที่นางกำนัลชิงเหลียนกำลังจัดตั้งค่ายกลวิญญาณอมตะ
ท่ามกลางนางสนมของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง นางบำเรอรัตติกาลมีพลังการต่อสู้สูงที่สุด นางกำนัลชิงเหลียนยังด้อยกว่านาง
ก่อนหน้านี้เมื่อทั้งสองได้ยินเสียงลึกลับบอกตำแหน่งของเทพธิดาซุ้ยป๋อ พวกนางตื่นตัวอย่างมาก
นางกำนัลชิงเหลียนนำวิญญาณอมตะระดับเจ็ดออกมาเพื่อจัดตั้งค่ายกลวิญญาณ
‘วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกฎส่งผ่าน?’ เมื่อเห็นวิญญาณอมตะดวงนี้ ดวงตาของฟงจิวเก้อที่ซ่อนตัวอยู่ส่องประกายขึ้น
‘หากข้ามีวิญญาณอมตะส่งผ่าน ข้าจะสามารถขยายระยะเวลาของท่าไม้ตายอมตะเพลงทางผ่านแสง นอกจากนั้นข้ายังสามารถลดจำนวนวิญญาณระดับมนุษย์และความความยุ่งยากในการกระตุ้นใช้งานมันได้อีกด้วย’
‘ผู้ใดจะคิดว่าบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงจะมีวิญญาณอมตะดวงนี้’
ฟงจิวเก้อถอนหายใจ
‘แม้ข้าจะมีท่าไม้ตายอมตะเพลงรับสมบัติที่ช่วยให้ข้าสามารถปรับแต่งวิญญาณอมตะป่า แต่ในสถานการณ์นี้ โอกาสประสบความสำเร็จมีน้อยเกินไป’
นางบำเรอรัตติกาลและนางกำนัลชิงเหลียนระวังตัวมาก เป็นเรื่องยากที่บางคนจะคว้าวิญญาณอมตะไปจากพวกนาง อาจมีเพียงเทพปีศาจปล้นสวรรค์เท่านั้นที่ทำได้
วิญญาณอมตะส่งผ่านเป็นแกนกลางของค่ายกลวิญญาณอมตะของพวกนาง
หลังจากจัดตั้งค่ายกลวิญญาณสำเร็จ นางบำเรอรัตติกาลและนางกำนัลชิงเหลียนจึงสามารถถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“เอาล่ะ เราสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะสำเร็จแล้ว”
“ด้วยค่ายกลวิญญาณนี้ เราสามารถมาที่นี่ได้เกือบทันที มาดูกันว่าผู้ใดจะกล้าล้อเล่นกับพวกเรา!”
ผู้อมตะหญิงทั้งสองเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร
แต่ฟงจิวเก้อไม่ปรากฏตัวตั้งแต่ต้นจนจบ
เมื่อไม่เห็นผู้ใด ผู้อมตะหญิงทั้งสองรู้สึกโล่งใจแต่ก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
จากนั้นพวกนางก็จากไป
ฟงจิวเก้อติดตามพวกนางไปชั่วครู่ก่อนจะตระหนักว่าจุดหมายของพวกนางก็คือทะเลทรายหมื่นรูปปั้น
‘แปลก เหตุใดพวกนางไม่ไปหาเทพธิดาซุ้ยป๋อ? ตามบุคลิกของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง เขาจะไม่ทำสิ่งใดเลยได้อย่างไร? อย่าบอกว่าเกิดบางสิ่งขึ้นกับบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง?’
ฟงจิวเก้อได้รับข้อมูลมากมายจากวังสวรรค์ เขาเข้าใจความคิดของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง คนผู้นี้เป็นคนเอาแต่ใจและเจ้าคิดเจ้าแค้น ดังนั้นฟงจิวเก้อจึงใช้แผนการนี้ แต่บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงกลับไม่หลงกล เขาเพิกเฉยต่อเทพธิดาซุ้ยป๋ออย่างสิ้นเชิง
นี่เป็นเรื่องแปลก
แผนการของฟงจิวเก้อที่จะใช้บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงกดดันฟางหยวนล้มเหลวอย่างสมบูรณ์
เป็นเพียงเวลานี้ที่ฟงจิวเก้อได้รับการติดต่อ
เขาจากมาอย่างลับๆและพบกับผู้อมตะระดับแปดของวังสวรรค์สองคนหลังเนินทราย
พวกเขาก็คือผู้อมตะสองคนที่ช่วยหยุดวูหยงในภาคใต้
ขณะที่ฟงจิวเก้อออกไล่ล่าฟางหยวน พวกเขาไล่ล่าอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด แต่น่าเสียดายที่อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดมีโชคที่เชื่อมต่อกับฟางฟยวน
ย้อนกลับไปเพื่อรักษาพลังการต่อสู้ระดับแปด ฟางหยวนใช้วิญญาณอมตะเชื่อมโยงโชคกับมันเพื่อที่เขาจะสามารถค้นหาตำแหน่งที่อยู่ของมัน
แม้ฟางหยวนจะมีวิธีตรวจสอบมากมาย แต่พิจารณาถึงความสามารถของผู้อมตะจากวังสวรรค์ ฟางหยวนจึงตัดสินใจใช้วิธีบนเส้นทางแห่งโชค
ท้ายที่สุดแล้วกองกำลังเดียวที่เป็นเลิศด้านโชคมีเพียงถ้ำสวรรค์นิรันดร
แม้เทพอมตะตะวันเดือดจะเป็นเทพอมตะแต่เขาไม่เคยเข้าร่วมกับวังสวรรค์หรือส่งมอบมรดกบนเส้นทางแห่งโชคให้วังสวรรค์
ดังนั้นหลังจากฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอมตะผลาญวิญญาณระเบิดโชค โชคของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดจึงพุ่งสูงขึ้นและสามารถหลบหนี หลังจากนั้นลั่วเว่ยหยินได้ช่วยชีวิตมันเอาไว้และยังลบร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งข้อมูลทั้งหมดของวังสวรรค์ออกจากร่างของมันอีกด้วย
นี่ทำให้ผู้อมตะจากวังสวรรค์ไม่สามารถไล่ล่าอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดได้อีกต่อไป
พวกเขาล้มเหลวและถูกตำหนิโดยเทพธิดาจื่อเว่ย
หลังจากนั้นเทพธิดาจื่อเว่ยจึงส่งพวกเขามาเป็นกำลังเสริมให้กับฟงจิวเก้อ
“เรารู้เรื่องอาณาจักรแห่งความฝันแล้ว ทัศนคติของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงแปลกจริงๆ เราได้รับคำสั่งจากท่านหญิงจื่อเว่ย เราจะไปสืบข่าวเกี่ยวกับบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง” สองผู้อมตะจากวังสวรรค์กล่าว
การตอบสนองของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงต่างไปจากปกติ
ฟงจิวเก้อสามารถสัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติบางอย่าง ดังนั้นเทพธิดาจื่อเว่ยที่เป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาย่อมสามารถอนุมานได้มากกว่า
นางอนุมานว่ามีโอกาสสูงมากที่ตอนนี้บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงกำลังได้รับบาดเจ็บและอ่อนแอมาก
หากพวกเขาตรวจสอบ บางทีพวกเขาอาจสามารถฉกชิงมรดกที่แท้จริงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง หรือแม้จะไม่ได้รับประโยชน์ใด มันก็ยังสามารถสร้างความปั่นป่วนให้กับทะเลทรายตะวันตกและการกำจัดผู้อมตะระดับแปดของทะเลทรายตะวันตกก็จะเป็นประโยชน์ต่อวังสวรรค์ในอนาคต
ท้ายที่สุดแล้วสงครามห้าภูมิภาคก็กำลังจะมาถึง
ภาคกลางต้องเผชิญหน้ากับสี่ภูมิภาค พวกเขาต้องเตรียมตัวและทำให้ภูมิภาคอื่นอ่อนแอลง
ฟางหยวนบินขึ้นไปบนท้องฟ้า
ไม่กี่วันที่ผ่านมาฟงจิวเก้อไม่ได้ไล่ล่าพวกเขา ดังนั้นฟางหยวนจึงหยุดใช้ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศ
หลังจากทั้งหมดค่าใช้จ่ายของมันก็สูงเกินไป
ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศมีไว้สำหรับกรณีฉุกเฉินเท่านั้น
สำหรับคนอื่นๆ พวกเขาเข้าไปในมิติช่องว่างของฟางหยวน
เป็นเพียงเวลานี้ที่ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น เขาบินลงไปด้านล่างอย่างช้าๆ
เมื่อเขาลงถึงพื้น เขาเปิดทางให้สมาชิกนิกายเงาออกมา
“ปกป้องข้า ข้าจะจัดตั้งค่ายกลวิญญาณอมตะชำระล้างตัวเองที่นี่” ฟางหยวนกล่าว
เขานั่งอยู่ตรงกลาง
ความจริงก็คือค่ายกลวิญญาณอมตะชำระล้างตัวเองได้ถูกจัดตั้งขึ้นแล้วในภาคกลางน้อย
แต่ค่ายกลวิญญาณอมตะนี้ยังไม่เป็นไปตามความคาดหวังของเขาอย่างสมบูรณ์
ตอนนี้ฟางหยวนกำลังหลอมรวมค่ายกลวิญญาณอมตะที่ได้รับมาจากนางรำหงหยุนเข้ากับค่ายกลวิญญาณอมตะชำระล้างตัวเอง
สองชั่วโมงต่อมา ใบหน้าของฟางหยวนก็ปกคลุมไปด้วยเหงื่อ เขาเปิดเปลือกตาขึ้นและปล่อยลมหายใจออกมา
สองค่ายกลวิญญาณอมตะรวมเป็นหนึ่ง
สิ่งสำคัญก็คือจิตวิญญาณค่ายกล
หลังจากหลอมรวมสองค่ายกลวิญญาณอมตะ จิตวิญญาณค่ายกลก็ถูกย้ายไปอยู่ในค่ายกลวิญญาณใหม่
เมื่อถึงจุดนี้ค่ายกลวิญญาณอมตะชำระล้างตัวเองก็เสร็จสมบูรณ์ มันสามารถกำจัดร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่ไม่พึงประสงค์ทั้งหมด
อย่างไรก็ตามฟางหยวนไม่รีบร้อนดำเนินการ เขานำวิญญาณอมตะรักตัวเองออกจากค่ายกลวิญญาณ
วิญญาณอมตะรักตัวเองเป็นแกนกลางของค่ายกลวิญญาณอมตะชำระล้างตัวเอง เมื่อมันถูกนำออกมา ค่ายกลวิญญาณอมตะจะพังทลายลง อย่างไรก็ตามค่ายกลวิญญาณนี้กลับไม่บุบสลาย
เหตุผลก็คือจิตวิญญาณค่ายกลสามารถกู้คืนมันด้วยการเพิ่มวิญญาณรักตัวเองระดับมนุษย์จำนวนมากเข้าไป
แต่วิธีนี้ใช้ได้เฉพาะกรณีฉุกเฉินเท่านั้น วิญญาณอมตะรักตัวเองยังเป็นแกนกลางที่เหมือนเสาหลักของอาคาร วิญญาณรักตัวเองระดับมนุษย์เป็นเพียงการค้ำยันอาคารหลังนี้ไว้เพียงชั่วคราวเท่านั้น
เมื่อเวลาผ่านไป ค่ายกลวิญญาณนี้จะพังทลายลงในที่สุด
ฟางหยวนคาดว่ามันจะคงอยู่ได้ประมาณสิบสี่ชั่วโมง
หากเขานำวิญญาณอมตะรักตัวเองกลับเข้าไปในเวลาที่กำหนด ค่ายกลวิญญาณจะไม่แตกสลาย
ฟางหยวนนำวิญญาณอมตะรักตัวเองออกเพื่อทดสอบความสามารถของจิตวิญญาณค่ายกล
อย่างไรก็ตามเขายังมีวัตถุประสงค์อื่น
วิญญาณอมตะรักตัวเองและวิญญาณอมตะความใคร่บินอยู่กลางอากาศในมิติช่องว่างจักรพรรดิขณะที่ฟางหยวนส่งพลังงานอมตะให้พวกมันและใช้งานวิญญาณระดับมนุษย์อีกมากมาย
ในเวลาต่อมาฟางหยวนได้สร้างเจตจำนงของตนเองจำนวนมหาศาลขึ้นรางกับคลื่นยักษ์
หลังจากนั้นเจตจำนงก็หลอมรวมกันจนกลายเป็นยักษ์ที่สูงสามสิบเมตร มันอยู่ในรูปลักษณ์ของฟางหยวน
“ต่อไป…” ฟางหยวนสูดหายใจลึกและกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตน
ในเวลาต่อมาร่างยักษ์ก็หายไปและเปลี่ยนเป็นภูตมนุษย์จำนวนนับไม่ถ้วนอยู่ในภาคกลางน้อย
“สำเร็จ! ท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนก้าวเข้าสู่ระดับใหม่แล้ว มันจะทำให้พลังการต่อสู้ของข้าเพิ่มสูงขึ้นอีกมาก!” ฟางหยวนรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง
บทที่ 1424 หลอมรวมวิญญาณอมตะล้างใจอีก...
ภาคเหนือ แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา
ทำงานแม้ในเวลากลางคืน อยู่ในห้องหลอมรวมเป็นเวลาหลายเดือน แสงจากกองไฟส่องสะท้อนบนใบหน้าของผมที่หก
ดวงตาของเขาแดงก่ำขณะจ้องมองเปลวเพลิงที่ลุกโชนขึ้นอย่างรุนแรง
ผมที่หกกำลังถูกความร้อนแผดเผาแต่เขาไม่สนใจ เขายังตั้งสมาธิอยู่ที่งานของตนเท่านั้น
การหลอมรวมวิญญาณมาถึงขั้นตอนสุดท้ายที่สำคัญที่สุด
‘โชคมีประโยชน์จริงๆ ข้ามาถึงขั้นตอนนี้อีกครั้งและครั้งนี้ข้าต้องทำสำเร็จ!’
ผมที่หกกัดฟันแน่น
แต่ในเวลานี้…
“โอ้ ไม่ ร่างกายของข้าถึงขีดจำกัดแล้วงั้นหรือ? ไม่ เคลื่อนความคิด อสรพิษแดงโบยบิน!’ ผมที่หกคิดขณะที่รอยสักรูปอสรพิษสีแดงปรากฏขึ้นบนร่างกายของเขาและเคลื่อนตัวจากเอวไปที่หน้าอก
ในเวลาเดียวกันพลังงานลึกลับก็พุ่งพล่านออกมาจากร่างของผมที่หกราวกับบอลลูนที่พองตัวขึ้น
ผมที่หกกลับมามีพละกำลังอีกครั้ง
‘ข้าต้องใช้ท่าไม้ตายนี้อีกครั้ง เมื่ออสรพิษแดงขึ้นมาถึงศีรษะของข้า ข้าจะตาย’
‘แต่แล้วอย่างไร? ทั้งหมดที่ข้าต้องทำก็คือหลอมรวมวิญญาณอมตะดวงนี้เพื่อช่วยนิกายเงา!’
“เอาล่ะ ดำเนินการต่อ ด้ายวิญญาณพันลี้!”
ผมที่หกให้กำลังใจตัวเองขณะที่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนอีกคนที่อยู่ด้านหลังเร่งส่งทรัพยากรอมตะให้เขา
ด้ายวิญญาณพันลี้เป็นทรัพยากรอมตะที่มาจากร่างกายของอสูรวิญญาณบรรพกาล
สิ่งนี้เป็นสมบัติล้ำค่าที่มาจากนิกายหลางหยา
มันเป็นทรัพยากรอมตะกึ่งระดับแปดที่หายากแม้แต่ในสวรรค์สีเหลือง ดังนั้นมูลค่าของมันจึงเทียบเท่ากับทรัพยากรอมตะระดับแปด
แผนการหลอมรวมวิญญาณของฟางหยวนไม่ได้มีเพียงผมที่หก กระทั่งจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาก็ยังช่วย อาจกลาวได้ว่าทั้งนิกายหลางหยากำลังหลอมรวมวิญญาณให้ฟางหยวน
หลังจากได้รับมรดกของราชันภูเขาม่วง ฟางหยวนใช้ประสบการณ์การบ่มเพาะ ท่าไม้ตายอมตะ และเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะบางส่วนเพื่อแลกกับแต้มผลงานของนิกายหลางหยา
ต่อมาเขาจึงใช้แต้มผลงานเหล่านี้เพื่อขอให้นิกายหลางหยาหลอมรวมวิญญาณให้เขา
หลังจากวิญญาณอมตะรักตัวเอง เป้าหมายต่อไปของเขาก็คือวิญญาณอมตะล้างใจ
ผมที่หกกำลังหลอมรวมมันและมาถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้ว
เขารับด้ายวิญญาณพันลี้มาอย่างระมัดระวัง
สิ่งนี้ดูเหมือนขนนก เขาต้องใช้วิธีการพิเศษบางอย่างเพื่อตัดมันออกมาบางส่วน
การหลอมรวมวิญญาณอมตะล้างใจต้องการมันเพียงเล็กน้อย ในความเป็นจริงเพียงด้ายวิญญาณร้อยลี้ก็เพียงพอแล้ว
แต่เพื่อเพิ่มอัตราความสำเร็จและเพื่อประหยัดเวลา ฟางหยวนจึงจ่ายด้วยราคามหาศาลเพื่อมัน
ด้ายวิญญาณพันลี้ถูกโยนเข้าไปในกองไฟ
ในเสี้ยวพริบตา
เปลวไฟลุกโชติช่วงขึ้นและส่งเสียงกรีดร้องที่น่าขนลุกออกมา
ผมที่หกสูดหายใจลึกและพยายามควบคุมอุณหภูมิของกองไฟ
หนึ่งชั่วโมงต่อมาในทะเลทรายตะวันตก
ค่ายกลวิญญาณอมตะขนาดใหญ่กำลังส่งเสียงดัง
เมื่อมันถูกกระตุ้นใช้งาน มันสร้างภาพลวงตาสีเขียวเข้มขนาดใหญ่ขึ้นในทะเลทรายสีเหลือง กล่าวได้ว่ามันดูโดดเด่นมาก
ไป่หนิงปิงและคนอื่นๆเฝ้าระวังอยู่รอบๆ
ฟางหยวนที่อยู่ในค่ายกลวิญญาณกำลังอนุมานบางสิ่ง
‘ความเร็วนี้ อีกสี่ชั่วโมงข้าจะประสบความสำเร็จในการกำจัดร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่ไม่พึงประสงค์ทั้งหมด’
‘ผู้อมตะจากวังสวรรค์จะมาในช่วงเวลานี้หรือไม่? ข้ากำลังกำจัดท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบของพวกเขา ไม่มีทางที่พวกเขาจะสัมผัสไม่ได้’
‘หือ ล้มเหลวอีกแล้วงั้นหรือ?’
ฟางหยวนขมวดคิ้วขณะที่เขาได้รับข้อความจากผมที่หกเกี่ยวกับความล้มเหลวในการหลอมรวมวิญญาณอมตะล้างใจ
และครั้งนี้ผมที่หกได้รับบาดเจ็บจากผลกระทบย้อนกลับและต้องพักรักษาตัวระยะหนึ่ง
ผมที่หกเชื่อถือได้มากกว่าจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา เรื่องที่เขาต้องพักถือเป็นข่าวร้ายสำหรับฟางหยวน
‘รวมครั้งนี้ การหลอมรวมวิญญาณอมตะล้างใจก็ล้มเหลวมาแล้วถึงสิบครั้ง’
‘การหลอมรวมวิญญาณอมตะเหมือนหลุมลึก ขณะที่ข้าต้องใช้วิธีหลอมรวมวิญญาณของมนุษย์เท่านั้น’
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่การหลอมรวมวิญญาณอมตะล้างใจจะล้มเหลว มันไม่สามารถสั่นคลอนความมุ่งมั่นอันแรงกล้าของฟางหยวน
เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ ฟางหยวนเคยมีวิญญาณอมตะล้างใจมาแล้วในอดีต แต่เขาสูญเสียมันไป
ย้อนกลับไปวิญญาณอมตะล้างใจเป็นแกนกลางของท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตน แต่ตอนนี้ฟางหยวนไม่ได้พยายามหลอมรวมมันมาเพื่อท่าไม้ตายนี้
เป้าหมายที่แท้จริงของเขาคือร่างผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งของเขา
ร่างผีดิบอมตะของเขามีกับดักบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณที่ถูกทิ้งไว้โดยอิงอู๋เซี่ย
ตอนนี้ฟางหยวนกลายเป็นผู้นำของนิกายเงา เขามีวิธีกำจัดกับดักนี้ แต่วิธีนี้ต้องการวิญญาณอมตะล้างใจระดับเจ็ดเป็นแกนกลาง
ตราบเท่าที่เขามีวิญญาณอมตะดวงนี้ ฟางหยวนจะสามารถใช้ร่างผีดิบอมตะของเขาและจะสามารถใช้แสงแห่งปัญญาได้อีกครั้ง
“ทิศตะวันตกเฉียงใต้ มีศัตรู!” เป็นเพียงเวลานี้ที่เทพธิดาเมี่ยวหยินถ่ายทอดเสียงมาหาฟางหยวน
“โอ้ พวกเขาปรากฏตัวในที่สุด” ฟางหยวนไม่แปลกใจ เขายืนขึ้น
ค่ายกลวิญญาณอมตะยังทำงานอยู่ มันถูกควบคุมโดยจิตวิญญาณค่ายกล
มันค่อนข้างสะดวก ข้อบกพร่องเดียวของมันคือค่ายกลวิญญาณอมตะชำระล้างตัวเองต้องใช้พลังงานอมตะจำนวนมาก ฟางหยวนแทบไม่สามารถดูแลมัน ระหว่างการต่อสู้และหลบหนี พลังงานอมตะของฟางหยวนลดลงอย่างมาก โชคดีที่เขามีหินวิญญาณอมตะหนึ่งแสนก้อนที่ได้มาจากตระกูลวู
แต่ตอนนี้กระทั่งหินวิญญาณอมตะก็กำลังลดน้อยลงเรื่อยๆ
ครู่ต่อมา ผู้อมตะจากวังสวรรค์ก็มาถึง
มันคือฟงจิวเก้อ
“เหตุใดถึงมาเพียงผู้เดียว?” ฟางหยวนยิ้มขณะมองไปที่ฟงจิวเก้อ
ฟงจิวเก้อมองไปรอบๆแต่ไม่เห็นสมาชิกนิกายเงา เขายิ้ม “ไม่ใช่ว่าเจ้าก็อยู่เพียงผู้เดียวงั้นหรือ?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า นั่นเป็นเพราะข้าเพียงผู้เดียวก็สามารถจัดการเจ้า ฟงจิวเก้อ เจ้าจะต้องเสียใจที่มาที่นี่” ฟางหยวนหัวเราะเสียงดัง
ฟงจิวเก้อขมวดคิ้วเล็กน้อย
นี่อยู่นอกเหนือจากความคาดหมายของเขา
ฟางหยวนมั่นใจเกินไป
‘แปลก เขาเอาความมั่นใจนี้มาจากที่ใด? เขามีแผนการบางอย่างใช่หรือไม่?’
บทที่ 1425 กระอักเลือด
ฟางหยวนพุ่งเข้าไปหาฟงจิวเก้อ
แน่นอนว่าเขาอยู่ในชุดคลุมที่ส่องแสงระยิบระยับ
เกราะหวนคืน!
‘ท่าไม้ตายนี้อีกครั้ง’ ฟงจิวเก้อลอบถอนหายใจ เขาไม่สามารถทำลายท่าไม้ตายนี้
ดังนั้นฟงจิวเก้อจึงเลือกที่จะล่าถอย
เขาสร้างระยะห่างออกจากฟางหยวน
‘เกราะหวนคืนใช้พลังจิตมากเกินไป ระหว่างนี้ฟางหยวนไม่สามารถใช้ท่าไม้ตายอื่น แม้เขาจะมีท่าไม้ตายสายเคลื่อนไหว แต่เขาก็ไม่สามารถใช้งานมัน นั่นหมายความว่านอกจากการป้องกัน ในแง่มุมอื่น เขาธรรมดามาก’
ฟงจิวเก้อคิดและเผยรอยยิ้มมั่นใจ
ฟางหยวนไม่สามารถไล่ตามฟงจิวเก้อ
ขณะเดียวกันฟงจิวเก้อก็ยังไม่หยุดคิด ‘เหตุใดฟางหยวนถึงอยู่เพียงลำพัง?’
ตอนนี้ไป่หนิงปิงและคนอื่นๆไม่อยู่ ดังนั้นฟงจิวเก้อจึงไม่สามารถใช้กลยุทธ์เดิม
‘แต่ถึงกระนั้นฟางหยวนก็ไม่มีความหวังที่จะชนะ แม้เขาจะมีการป้องกันที่ดี เขาก็เป็นเพียงกระสอบทรายเคลื่อนที่ ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีหรือการเคลื่อนไหว เขายังด้อยกว่าข้า การต่อสู้อยู่ในการควบคุมของข้าทั้งหมด’
‘ไม่ ฟางหยวนไม่ได้โง่เขลา เขาต้องมีแผนอื่น’
ฟงจิวเก้อไม่ประมาท เขาเริ่มระวังตัวมากขึ้น
เมื่อฟางหยวนเข้ามาใกล้ ฟงจิวเก้อจะถอยออกไป
“ฟงจิวเก้อ เจ้าไล่ล่าข้ามาถึงที่นี่เพื่อที่จะหลบหนีงั้นหรือ?” ฟางหยวนเย้ยหยัน
รอยยิ้มของฟงจิวเก้อจางหายไป ‘มีประเด็นในการเย้ยหยันข้าหรือไม่? ฟางหยวน มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะใช้เกราะหวนคืน เมื่อเวลาผ่านไป พลังจิตและพลังงานอมตะของเจ้าจะหมดลง วิธีการที่ทรงพลังย่อมมีค่าใช้จ่ายมหาศาล’
ฟงจิวเก้อเหนือกว่าฟางหยวนทั้งด้านความเร็วและกลยุทธ์ในการต่อสู้
การต่อสู้ครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อนมาก
ในการต่อสู้ครั้งก่อน พวกเขาต่อสู้กันอย่างดุเดือด แต่คราวนี้มันกลายเป็นการไล่ล่าและหลบหนี นอกเหนือจากนั้นคือความเงียบ
ฟางหยวนก่นเสียงเย็น เขามีวิธีตอบโต้กลยุทธ์ของฟงจิวเก้อ
หลังจากทั้งหมดประสบการณ์ห้าร้อยปีไม่ใช่เรื่องตลก ในแง่ของประสบการณ์ เขาไม่ด้อยกว่าฟงจิวเก้ออย่างแน่นอน
ฟางหยวนพุ่งลงไปบนพื้น
ฟงจิวเก้ไม่ได้ไล่ตามแต่ลอยอยู่บนท้องฟ้าและสังเกตทะเลทรายแห่งนี้
ครั้งก่อนที่ทะเลทรายไร้เสียง ฟงจิวเก้อเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
เขาจำบทเรียนนี้ได้และทำการบ้านมาล่วงหน้า ทะเลทรายแห่งนี้ไม่มีสิ่งใดพิเศษ
ฟางหยวนทะลวงลงไปใต้ทะเลทราย
ฟงจิวเก้อใช้วิธีตรวจสอบ เมื่อไม่พบสิ่งผิดปกติ เขาจึงใช้หมัดกลองและฝ่ามือระฆัง
“ปัง ปัง ปัง…”
“เคร้ง เคร้ง เคร้ง…”
หมัดกลองและฝ่ามือระฆังสร้างรูขนาดใหญ่ขึ้นบนพื้นทราย
แต่ฟางหยวนไม่สนใจ เขายังขุดลึกลงไปเรื่อยๆ
ฟงจิวเก้อขมวดคิ้วเล็กน้อย
ยิ่งลึกลงไปเท่าใด ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปฐพีก็ยิ่งหนาแน่น นั่นจะทำให้ฟงจิวเก้อกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
ในเวลาเดียวกันเขาก็สงสัย ‘ครั้งนี้ฟางหยวนมั่นใจมาก เขาเตรียมบางสิ่งไว้ที่นี่งั้นหรือ? เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขารู้ลักษณะพิเศษบางอย่างของสถานที่แห่งนี้และต้องการใช้ประโยชน์จากมัน?’
ฟงจิวเก้อคิดหลายสิ่งขณะที่บินลงไป
เขาไล่ตามฟางหยวนลงไปใต้พื้นทราย
เขาต้องทำ
เนื่องจากฟางหยวนสามารถอยู่ใต้ดินและใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะเพื่อต่อต้านฟงจิวเก้อ ดังนั้นฟงจิวเก้อจึงต้องไล่ตามฟางหยวน
หากเขาไม่ทำ ฟางหยวนจะมีเวลาเตรียมการบางอย่างและอาจทำให้ฟงจิวเก้อตกอยู่ในอันตราย
นอกจากนั้นเขายังต้องบังคับให้ฟางหยวนเปิดไพ่ออกมาให้มากที่สุดและทำลายมัน
หมัดกลอง ฝ่ามือระฆัง!
เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ใบหน้าของฟางหยวนกลายเป็นมืดครึ้ม
ปราศจากความช่วยเหลือจากทะเลทรายไร้เสียง ฟงจิวเก้อสามารถปลดปล่อยพลังโจมตีอันน่าสะพรึงกลัวออกมาได้อย่างเต็มที่
แม้แต่ใต้ดินที่มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปฐพีที่อุดมสมบูรณ์ ท่าไม้ตายของฟงจิวเก้อก็ยังทรงพลัง
นี่คือข้อได้เปรียบของเส้นทางแห่งเสียง
ทุกเส้นทางมีข้อดีและข้อเสีย
เส้นทางแห่งเสียงเป็นเส้นทางสายเล็กๆแต่มันก็มีข้อได้เปรียบบางอย่าง
ข้อดีของมันคือเสียงสามารถเดินทางได้อย่างอิสระและมีพลังงานแห่งเต๋าที่ขัดแย้งกับมันไม่มาก ตัวอย่างเช่นในสถานที่ที่เต็มไปด้วยน้ำ พลังอำนาจของท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งปฐพีจะลดลงห้าสิบส่วนขณะที่พลังอำนาจของท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งเสียงจะลดลงเพียงยี่สิบถึงสามสิบส่วน
‘หากไม่มีเกราะหวนคืน ข้าคงทนอยู่ไม่ได้จนถึงตอนนี้’
‘ฟงจิวเก้อฝึกฝนมาอย่างไร? รากฐานของเขาเทียบเท่ากับผู้อมตะระดับแปดได้อย่างไร?’
‘ลืมเรื่องนี้ไปซะ ถึงเวลาแก้แค้นแล้ว!’
ท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นมังกรดาบบรรพกาล!
แสงสีเงินส่องสว่างขึ้นบนร่างของฟางหยวน แต่แสงไม่ได้กระจายตัวออกไปมากนักในชั้นใต้ดิน
‘หือ?’ ฟงจิวเก้อรู้สึกถึงบางสิ่งที่ผิดปกติ
ต่อมาดินด้านหน้าฟงจิวเก้อก็ระเบิดขึ้นขณะที่ศีรษะมังกรขนาดใหญ่โผล่ออกมา
ฟงจิวเก้อเหมือนหนูที่อยู่ต่อหน้าช้าง
‘มังกรดาบบรรพกาล! ฟางหยวน!’ รูม่านตาของฟงจิวเก้อหดเล็กลง
การโต้กลับของฟางหยวนฉับพลันและทรงพลังมาก
มังกรดาบบรรพกาลอ้าปากและยิงคลื่นแสงสีเงินออกมา
ลมหายใจมังกรดาบ!
แสงสีเงินพุ่งออกมาราวกับลูกศรจำนวนนับไม่ถ้วน
ลมหายใจมังกรที่แหลมคมอยู่ห่างออกไปแต่ฟงจิวเก้อยังรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงราวกับเข็มหลายร้อยเข็มแทงมาที่ใบหน้าของเขา
“บึม!”
ลมหายใจมังกรดาบปะทะร่างของฟงจิวเก้อและทำทำลายการป้องกันของเขา
ลมหายใจมังกรดาบธรรมดาสามารถอยู่ได้เพียงชั่วครู่ แต่ฟางหยวนใช้วิญญาณอมตะความพยายามทำให้ลมหายใจมังกรดาบโจมตีได้อย่างต่อเนื่องราวกับลำแสง
ฟงจิวเก้อถูกบังคับให้ถอยกลับ ภายใต้การโจมตีของลมหายใจมังกรดาบ ฟงจิวเก้อบินขึ้นสู่ท้องฟ้า
แต่ฟางหยวนยังเงยหน้าขึ้น
ลมหายใจมังกรดาบพุ่งขึ้นราวกับเสาแสงสีเงิน มันเหมือนดาบที่แทงทะลุสวรรค์
“มันกำลังมา!” ฟงจิวเก้อไม่สามารถยิ้มอีกต่อไป
เขาถอยกลับอีกครั้ง
ท่าไม้ตายอมตะเพลงทางผ่านแสง!
เขาหายตัวไปจากจุดนั้นก่อนที่จะปรากฏตัวห่างออกไปนับพันก้าว
ฟางหยวนหยุดลมหายใจมังกรและทะยานร่างขึ้นสู่ท้องฟ้า
มังกรดาบบรรพกาลสะบัดหางส่งตัวมันเองพุ่งออกไปด้วยความเร็วสูง ในเวลาเดียวกันเขาก็ใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ
ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งดาบช่วยเพิ่มความเร็วให้เขาอย่างไม่น่าเชื่อ
เขาทะลวงผ่านอากาศไปด้วยความเร็วเหนือเสียงและปรากฏตัวขึ้นด้านหน้าฟงจิวเก้อทันที
มังกรดาบบรรพกาลอ้าปากอีกครั้งแต่คราวนี้ฟงจิวเก้อเตรียมตัวพร้อมแล้ว
เขาตะโกน “ไป!”
เขาไม่สามารถหลบ ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะโจมตี
“บึม!”
ด้วยเสียงระเบิดที่ดังสนั่น ฟงจิวเก้อพุ่งกลับหลังราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่
เป็นครั้งแรกที่ใบหน้าของฟงจิวเก้อเผยให้เห็นถึงความตกตะลึง ‘เป็นไปได้อย่างไร? เกราะหวนคืนยังทำงานอยู่งั้นหรือ?’
ในการต่อสู้ครั้งก่อน เมื่อฟางหยวนเปลี่ยนเป็นมังกรดาบบรรพกาล เขาไม่สามารถรักษาเกราะหวนคืนเอาไว้
แต่เวลานี้เกราะหวนคืนกลับสะท้อนการโจมตีทั้งหมดของเขากลับไป
“พรวด!”
ฟงจิวเก้อกระอักเลือดออกมาจากปากและพยายามปรับสมดุลร่างกายกลางอากาศ
การโจมตีที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากพลังโจมตีของฟางหยวนเท่านั้นแต่มันยังสะท้อนพลังโจมตีของฟงจิวเก้อกลับมา พลังโจมตีทั้งสองทำให้เขากระอักเลือดคำโต
ฟางหยวนกลายเป็นฝ่ายได้เปรียบ เขาคำรามและพุ่งออกไปข้างหน้า
ก่อนหน้านี้ฟางหยวนเร็วเกินไป แต่ตอนนี้ฟงจิวเก้อสามารถมองเห็นชั้นแสงบางๆที่ปกคลุมอยู่บนร่างของมังกรดาบบรรพกาลได้อย่างชัดเจน
‘มันคือเกราะหวนคืนจริงๆ!?’
‘เขาสามารถรักษาเกราะหวนคืนเอาไว้ เขาทำได้อย่างไร?’
เพลงทางผ่านแสง!
ฟางหยวนพลาดเป้าขณะที่ฟงจิวเก้อปรากฏตัวขึ้นอีกตำแหน่ง
มังกรดาบบรรพกาลไม่สามารถเดินทางผ่านห้วงมิติ มันทำได้เพียงเคลื่อนที่ไปข้างหน้าเป็นเส้นตรงเท่านั้น
ในทางกลับกันเพลงทางผ่านแสงอนุญาตให้ฟงจิวเก้อเคลื่อนย้ายสถานที่ได้อย่างอิสระ
พิจารณาในแง่มุมนี้แม้ฟางหยวนจะอยู่ในร่างมังกรดาบบรรพกาลและมีวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติแต่เขายังไม่สามารถแข่งขันกับเพลงทางผ่านแสงของฟงจิวเก้อ
เว้นเพียงฟางหยวนจะใช้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งดาบของโป้ชิง
แต่แล้วอย่างไร?
เพลงทางผ่านแสงมีเวลาจำกัด
เมื่อหมดเวลา ฟงจิวเก้อจะกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบในแง่ของการเคลื่อนไหว
‘ข้าต้องหาวิธีแก้ไขสถานการณ์ขณะที่เพลงทางผ่านแสงยังทำงานอยู่’ เมื่อเห็นฟางหยวนโจมตีอีกครั้ง หัวใจของฟงจิวเก้อก็จมดิ่งลง
บทที่ 1426 การล่าถอยของฟงจิวเก้อ
“โฮก…”
ฟางหยวนเปิดปากและยิงลมหายใจมังกรดาบออกไป
ลมหายใจมังกรดาบเหมือนคลื่นแสงสีเงินที่พุ่งเข้าหาฟงจิวเก้อด้วยความเร็วสูง
ฟงจิวเก้อต้องหลบด้วยเพลงทางผ่านแสง
โดยปกติเมื่อฟงจิวเก้อใช้เพลงทางผ่านแสง นั่นก็หมายความว่าท่าไม้ตายต่อไปที่เขาจะใช้ก็คือนักรบเพลง
ท่าไม้ตายอมตะนักรบหยกเขียว!
ฟงจิวเก้อเรียกร่างแยกออกมา
ร่างแยกหยกเขียวพุ่งเข้าไปหามังกรดาบบรรพกาล
ฟงจิวเก้อพึ่งพาเพลงทางผ่านแสงเพื่อสร้างความได้เปรียบในการเคลื่อนไหวและด้วยประสบการณ์ในการต่อสู้อันยาวนานรวมกับจิตใจที่สามารถวิเคราะห์สิ่งต่างๆได้อย่างสงบ เขาจึงไม่ล้มเหลวในกระบวนการกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตาย
แม้ลมหายใจมังกรดาบจะพุ่งเข้ามา ฟงจิวเก้อก็ยังไม่ตื่นตระหนก
ฟงจิวเก้อรู้ว่านักรบหยกเขียวไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฟางหยวน มันไม่สามารถทำลายเกราะหวนคืน
ฟงจิวเก้อใช้นักรบเพลงหยกเขียวเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของฟางหยวนเท่านั้น
นักรบเพลงหยกเขียวราวกับแมลงวันที่บินไปรอบๆฟางหยวนและขัดขวางเส้นทางการเคลื่อนไหวของเขา
หลังจากไม่นานฟางหยวนก็ต้องหันไปจัดการนักรบเพลงหยกเขียวอย่างจริงจัง
รูม่านตาของฟงจิวเก้อหดเล็กลง ฟางหยวนเปลี่ยนเป้าหมายเร็วเกินไป แต่ฟงจิวเก้อสามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน
ฟางหยวนเข้าประชิดตัวนักรบเพลงหยกเขียว
เขาใช้กรงเล็บมังกรดาบฟาดไปที่เป้าหมาย
รอยแตกร้าวปรากฏขึ้นบนร่างของนักรบเพลงหยกเขียวขณะที่มันบินกลับหลังราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่
แต่นักรบเพลงหยกเขียวยังไม่พังทลาย มันยังสามารถต่อสู้
“ช่างทนทานนัก” ฟางหยวนก่นเสียงเย็นชา
ในการต่อสู้ครั้งก่อน นักรบเพลงหยกเขียวไม่ได้โจมตี ดังนั้นเกราะหวนคืนจึงไม่สะท้อนสิ่งใดกลับไป เพียงกรงเล็บมังกรดาบยังไม่เพียงพอที่จะทำลายนักรบเพลงหยกเขียว
ท้ายที่สุดฟงจิวเก้อก็มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าเทียบเท่ากับผู้อมตะระดับแปดขณะที่การป้องกันของนักรบเพลงหยกเขียวแข็งแกร่งกว่านักรบเพลงอื่นๆของเขา
หลังจากส่งนักรบเพลงหยกเขียวบินห่างออกไป ฟางหยวนก็หันกลับมาหาฟงจิวเก้อ
แต่ในเวลานี้ฟงจิวเก้อได้ปล่อยนักรบเพลงร่างที่สองออกมาแล้ว
นักรบเพลงสวรรค์พิภพ!
หลังจากผ่านไปหลายสิบรอบ ฟงจิวเก้อยังคงหลบการโจมตีของฟางหยวนด้วยเพลงทางผ่านแสงขณะที่เขาเรียกนักรบเพลงออกมาต่อสู้กับฟางหยวน
ฟางหยวนต่อสู้กับศัตรูห้าคนพร้อมกันแต่พลังการต่อสู้ของเขายังเต็มเปี่ยม ฟงจิวเก้อไม่สามารถทำสิ่งใดนอกจากล่าถอยอย่างต่อเนื่อง
‘เกิดสิ่งใดขึ้น?’
‘ฟางหยวนมีขีดจำกัดเมื่อเขาใช้งานเกราะหวนคืนครั้งก่อน’
‘แต่ตอนนี้เขาสามารถรักษาเกราะหวนคืนเอาไว้ขณะแปลงร่างเป็นมังกรดาบบรรพกาลและยังสามารถต่อสู้ได้อย่างยาวนานถึงเพียงนี้ เขาไม่มีขีดจำกัดเลยงั้นหรือ?’
ฟงจิวเก้อขมวดคิ้ว เขาจงใจใช้นักรบเพลงสร้างสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนเพื่อให้ฟางหยวนคิดวิธีการแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง
มันเป็นไปได้ยากที่ฟางหยวนจะคิดและตอบสนองได้อย่างมีประสิทธิภาพในขณะที่เขาใช้ท่าไม้ตายที่ทรงพลังเช่นนี้
‘นี่หมายความว่าเขามีพัฒนาการที่น่าทึ่งในแง่ของการใช้ท่าไม้ตายต่อเนื่อง?’ ฟงจิวเก้อคาดเดา
เป็นเพียงเวลานี้ที่ร่างกายของฟางหยวนสั่นสะท้านขึ้น
ฟงจิวเก้อเห็นสิ่งนี้และรู้สึกมีความสุข ‘อย่าบอกว่าเขาถึงขีดจำกัดแล้ว’
แต่ในเวลาต่อมาฟงจิวเก้อกลับต้องโยนความคิดนี้ลงถังขยะ
เพราะฟางหยวนไม่ได้ถึงขีดจำกัดแต่เขากระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะหมื่นมังกร!
มังกรดาบบรรพกาลจำนวนนับไม่ถ้วนราวกับมหาสมุทรสีเงินปรากฏขึ้นและสร้างเป็นฉากที่ยิ่งใหญ่
นักรบเพลงทั้งสี่ถูกปิดล้อมและโจมตีจากทุกทิศทางก่อนจะถูกทำลายลงอย่างรวดเร็ว
ฟงจิวเก้อไม่สนใจพวกมัน เขายังใช้เพลงทางผ่านแสงเพื่อหลบหนีจากระยะโจมตีของฝูงมังกรดาบบรรพกาล
เวลาของเพลงทางผ่านแสงยังไม่หมด ฟงจิวเก้อยังมีเวลาสำหรับการต่อสู้
“เช่นนั้นลองรับท่านี้” ฟงจิวเก้อมองไปที่ฝูงมังกรดาบบรรพกาล
เขาวางฝ่ามือข้างขวาไว้บนหน้าอกข้างซ้าย จากนั้นนิ้วของเขาก็กดลงบนหน้าอกทำให้เกิดเสียงกลองอันแผ่วเบา
“ตุบ ตุบ ตุบ…”
เสียงกลองยังดำเนินต่อไปและกระจายไปทั่วสนามรบ
ฟงจิวเก้อไม่พบร่างจริงของฟางหยวนแต่เขาไม่จำเป็นต้องค้นหาเนื่องจากนี่เป็นท่าไม้ตายที่สามารถโจมตีเป็นวงกว้าง
ฟางหยวนอยู่ในระยะโจมตี เขาได้รับผลกระทบทันที หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นอย่างไม่สามารถควบคุม
ฟางหยวนตกตะลึง
แม้จะมีเกราะหวนคืนแต่มันกลับไม่สามารถป้องกันท่าไม้ตายนี้
‘ไม่ ผลกระทบส่วนใหญ่สะท้อนกลับไปแล้ว มีเพียงบางส่วนที่สามารถเจาะเกราะหวนคืนเข้ามาหาข้า ดูเหมือนวังสวรรค์จะสามารถถอดรหัสเกราะหวนคืนของข้าได้บางส่วน’
ฟางหยวนลอบถอนหายใจ
นี่เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เขาใช้เกราะหวนคืนไปหลายครั้งแล้ว วังสวรรค์มีผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาชั้นยอดเช่นเทพธิดาจื่อเว่ย รวมกับกระดานหมากรุกกลุ่มดาว ไม่แปลกที่นางจะมีความก้าวหน้าเช่นนี้
“บึม บึม บึม…”
มังกรดาบบรรพกาลเริ่มระเบิดตัวเองทีละตัว
‘ท่าไม้ตายเสียงกลองหัวใจถูกมอบให้ข้าโดยวังสวรรค์ มันเป็นวิธีบนเส้นทางแห่งปัญญา เมื่อถูกโจมตี ความคิดของผู้อมตะจะถูกก่อกวน ท่าไม้ตายของฟางหยวนค่อนข้างซับซ้อน แล้วเขาจะทนได้นานเท่าใด?’ ฟงจิวเก้อรอคอยอย่างมีความหวัง
‘เป็นท่าไม้ตายที่น่าประทับใจ มันถูกออกแบบมาเพื่อโจมตีข้าโดยเฉพาะ’ ฟางหยวนพิจารณาถึงผลกระทบของท่าไม้ตายที่น่าเหลือเชื่อนี้
ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ ร่างแยกหมื่นตัวตนที่เกิดจากเจตจำนงของฟางหยวนถูกทำลายไปอย่างต่อเนื่อง
ร่างแยกเหล่านี้เป็นต้นกำเนิดของมังกรดาบบรรพกาลที่เขาใช้อยู่
‘ร่างแยกหมื่นตัวตนเหล่านี้เกิดจากวิญญาณบนเส้นทางแห่งปัญญาแต่นั่นก็ทำให้พวกมันอ่อนไหวต่อการโจมตีของฟงจิวเก้อ’
ฟางหยวนเฝ้ามองการสูญเสียของเขา
เกือบทุกลมหายใจ ร่างแยกของเขาจะแตกสลายไปหลายสิบร่าง
‘อย่างไรก็ตามร่างแยกส่วนใหญ่แตกสลายไปเพราะการรักษาเกราะหวนคืนและภูตมังกรดาบบรรพกาลของข้า ตั้งแต่ข้ากระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายอมตะหมื่นมังกร ร่างแยกเหล่านี้ก็เริ่มตายไปแล้ว’
ถูกต้อง
เหตุผลที่ฟางหยวนสามารถใช้เกราะหวนคืนและท่าไม้ตายอื่นๆพร้อมกันเป็นเพราะร่างแยกหมื่นตัวตนที่อยู่ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ
ตลอดเวลาที่ผ่านมาฟางหยวนประสบปัญหานี้ แม้เขาจะมีเกราะหวนคืนที่ทรงพลังแต่เขาไม่สามารถแบ่งจิตเป็นหลายทางมากเกินไป
ในการต่อสู้กับฟงจิวเก้อครั้งก่อน เขาได้รับแรงบันดาลในมาจากนักรบเพลง ดังนั้นเขาจึงสามารถคิดวิธีนี้
‘ด้วยการคงอยู่ของร่างแยกหมื่นตัวตน พลังการต่อสู้ของข้าเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก’
มีปัญหาสองประการในการบรรลุเป้าหมายนี้
ปัญหาแรกคือร่างแยกหมื่นตัวตนไม่สามารถคิดได้เอง เขาต้องใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาแก้ไข
ปัญหาที่สองคือแม้ร่างแยกจะสามารถคิด มันก็ยังไม่สามารถรวมเป็นความคิดเดียวกันกับเขา
ดังนั้นฟางหยวนจึงแก้ปัญหาโดยใช้วิญญาณอมตะรักตัวเองและวิญญาณอมตะความใคร่เพื่อใช้ท่าไม้ตายอมตะที่สามารถสร้างเจตจำนงของตนเองจำนวนมหาศาล
ทั้งสองปัญหาได้รับการแก้ไขโดยวิธีการบางอย่างจากมรดกของราชันภูเขาม่วง มันเรียกว่าท่าไม้ตายอมตะรวบรวมความคิด!
แน่นอนว่าแม้ทั้งสองปัญญาจะได้รับการแก้ไขแต่ฟางหยวนยังต้องพึ่งพาความสำเร็จระดับปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งปัญญาเพื่อดัดแปลงท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนขึ้นสู่ระดับใหม่ทั้งหมด
‘ฟงจิวเก้อ ท่าไม้ตายของเจ้ายังไม่เพียงพอ’ ฟางหยวนหัวเราะเย้ยหยันอยู่ภายในใจ
เพราะเขาเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี
เขาเตรียมร่างแยกนับล้านร่างเอาไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ
การตายของร่างแยกเพียงไม่กี่ร่างไร้นัยสำคัญอย่างสิ้นเชิง
ท่าไม้ตายอมตะภาพอนาคตสามลมหายใจ!
ท่าไม้ตายอมตะหมื่นมังกร!
ท่าไม้ตายอมตะดาบประหารชีวิต!
กลิ่นอายของวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนปะทุออกมาจากร่างของฟางหยวน
มันเป็นการแสดงที่ยิ่งใหญ่
“เป็นไปได้อย่างไร?” ฟงจิวเก้อตกใจมาก “ฟางหยวนสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะมากมายในเวลาเดียวกันได้อย่างไร!?”
เขาตกตะลึงไปอย่างสมบูรณ์
มันเป็นไปไม่ได้!
เขาเคยคิดว่าฟางหยวนไม่สามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะได้เกินสองหรือสามท่า แต่สิ่งที่ฟงจิวเก้อเห็นทำให้เขาตระหนักได้ในที่สุดว่าฟางหยวนมีพัฒนาการที่เกินกว่าจินตนาการของเขาไปไกลมาก
จุดอ่อนที่ฟางหยวนเคยมีไม่มีอยู่อีกต่อไป ตอนนี้เขามีเพียงความแข็งแกร่งเท่านั้น
คลื่นมังกรดาบบรรพกาลยังอยู่
ภาพอนาคตสามลมหายใจทำให้ฟางหยวนมีความรู้สึกที่เฉียบแหลม ขณะเดียวกันดาบประหารชีวิตที่ได้รับการสนับสนุนจากร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งดาบก็เป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ต่อฟงจิวเก้อ
ฟงจิวเก้อกัดฟันแน่น เขาไม่ได้ถอยกลับแต่ก้าวไปข้างหน้าและพุ่งเข้าไปหาฝูงมังกรดาบบรรพกาล
“บึม บึม บึม…”
เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ฟงจิวเก้ออาละวาดอยู่ในฝูงมังกรดาบบรรพกาลจำนวนนับไม่ถ้วน
แต่เขากลับตกใจมากขึ้นเรื่อยๆ
‘นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ฟางหยวนควบคุมพวกมันได้อย่างสมบูรณ์ ตอนนี้เขายังไม่ได้ใช้ความสามารถทั้งหมด ข้าอยู่ที่นี่ต่อไม่ได้ ข้าต้องไปเดี๋ยวนี้!’ ขณะที่เพลงทางผ่านแสงยังทำงานอยู่ ฟงจิวเก้อตัดสินใจล่าถอย
เขาถูกบังคับให้ถอยโดยฟางหยวนเพียงผู้เดียว!
บทที่ 1427 ความหมายที่แท้จริงของเทพปี...
แสงสีทองส่องประกายขึ้นขณะที่ฟงจิวเก้อหายไปจากจุดนั้นทันที
นี่หมายความว่าท่าไม้ตายอมตะเพลงทางผ่านแสงของฟงจิวเก้อถึงขีดจำกัดแล้ว หลังจากนี้เขาต้องรออีกสิบสี่ชั่วโมงก่อนที่จะสามารถใช้งานมันได้อีกครั้ง
แต่นั่นไม่สำคัญ
ฟงจิวเก้อออกจากสนามรบแล้ว ข้อจำกัดด้านเวลาของเพลงทางผ่านแสงไม่สำคัญอีกต่อไป
อัจฉริยะในรอบพันปีของภาคกลางบินลงบนพื้นอย่างช้าๆ เขายังมีใบหน้าที่สง่างามแต่ตอนนี้เขากลับขมวดคิ้วลึกก่อนจะถอนหายใจยาว
“เป็นคนที่น่าอัศจรรย์นัก”
เขาไม่ได้กล่าวถึงตัวเองแต่หมายถึงฟางหยวน
ในอดีตฟางหยวนยังเป็นเพียงมดตัวน้อยในสายตาของฟงจิวเก้อ แต่ผ่านมาไม่นานเขากลับสามารถบังคับให้ฟงจิวเก้อล่าถอย
การเปลี่ยนแปลงนี้รวดเร็วเกินไป ฟงจิวเก้อรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ
“ฟางหยวนมีรากฐานที่ลึกล้ำตั้งแต่แรก เขาย้อนเวลากลับมาด้วยวิญญาณกาลเวลา เขายังได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะตะวันเดือด ตอนนี้เขาเป็นผู้นำนิกายเงาของเทพปีศาจจิตวิญญาณ เขาเหมือนภูเขาไฟที่สงบนิ่ง หากมีเวลามากพอ มันจะปะทุขึ้นสู่ท้องฟ้า”
“การพุ่งทะยานขึ้นในครั้งนี้ของเขาไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่มันเกิดขึ้นด้วยความสามารถของเขาจริงๆ”
“คนเช่นนี้ต้องถูกกำจัดเพื่อปกป้องอนาคตของพวกเรา แต่วังสวรรค์ต้องการใช้เขาเพื่อค้นหามรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง นี่ไม่ใช่เรื่องฉลาด…”
นี่เป็นครั้งแรกที่ฟงจิวเก้อรู้สึกสงสัยและไม่เห็นด้วยกับแผนการของวังสวรรค์
ในวังสวรรค์ เทพธิดาจื่อเวยกำลังครุ่นคิด
นางเห็นการต่อสู้ของฟงจิวเก้อกับฟางหยวนก่อนหน้านี้
ความแข็งแกร่งที่เพิ่มสูงขึ้นของฟางหยวนไม่ได้ทำให้ฟงจิวเก้อตกใจเท่านั้น แต่กระทั่งผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ยิ่งใหญ่เช่นเทพธิดาจื่อเว่ยยังตกใจเช่นกัน
รากฐานของฟางหยวนลึกมาก เขามีความได้เปรียบจากการกำเนิดใหม่ เขาใช้เวลาเพียงไม่กี่ปีก้าวข้าวขอบเขตมนุษย์มาสู่ขอบเขตอมตะ หลังจากผ่านการต่อสู้มาหลายครั้ง เขาสามารถต่อสู้กับฟงจิวเก้อได้อย่างเท่าเทียม เขาเป็นคนที่กระทั่งผู้อมตะระดับแปดยังไม่สามารถมองข้าม
พัฒนาการของเขารวดเร็วเกินไป
หากเขามีเพียงโชคเช่นหม่าหงหยุน มันจะไม่น่ากังวล
แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดของฟางหยวนคือบุคลิกของเขา!
ผู้บ่มเพาะบนเส้นทางสายปีศาจมีความทะเยอทะยานสูงและไม่แยแสต่อศีลธรรม พวกเขาสามารถอดทนต่อการทำงานหนักหรือความยากลำบาก พวกเขาจะซ่อนความแข็งแกร่งและระเบิดออกมาในจังหวะที่เหมาะสมเพื่อบรรลุเป้าหมายโดยไม่คำนึงถึงการเสียสละหรือเรื่องไร้ยางอายใดๆ
เป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการได้ว่าฟางหยวนผ่านประสบการณ์ใดมาบ้างจึงทำให้เขากลายเป็นคนเช่นนี้
‘ตั้งแต่กำเนิดใหม่ ฟางหยวนอยู่ภายใต้การควบคุมของเจตจำนงสวรรค์ หลังการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน เขาพยายามซ่อนตัวจากเจตจำนงสวรรค์ แต่เขาได้เปิดเผยตัวเองในอาณาจักรแห่งความฝัน เส้นทางการบ่มเพาะของเขาเต็มไปด้วยความยากลำบากและอุปสรรค หากเขาสามารถบ่มเพาะได้อย่างสงบ ความก้าวหน้าของเขาจะไม่สามารถจินตนาการถึง’
ความรู้สึกังวลเริ่มปรากฏขึ้นในใจของเทพธิดาจื่อเว่ย
ตอนนี้การดำรงอยู่ของฟางหยวนกลายเป็นภัยคุกคามต่อนางแล้ว
นางต้องการกำจัดเขาอย่างรวดเร็วที่สุด!
เมื่อคิดได้เช่นนี้เจตนาสังหารจึงปะทุขึ้นในใจของนาง
“จื่อเว่ย อย่าประหม่า” เป็นเพียงเวลานี้ที่เสียงทุ้มต่ำดังเข้าหูของเทพธิดาจื่อเว่ย
นางคุ้นเคยกับเสียงสายนี้
นางหันหลังกลับเพื่อพบกับราชันมังกร
“ท่านราชันมังกร ท่านอยู่ที่นี่!” เทพธิดาจื่อเว่ยประหลาดใจและดีใจมาก
ราชันมังกรยิ้ม “ใช่”
“นั่นหมายความว่าเทพปีศาจจิตวิญญาณ…”
“ถูกต้อง ข้ากำหราบเขาอย่างสมบูรณ์แล้ว แต่มันยังเป็นเรื่องยากที่จะค้นวิญญาณของเขา ข้าต้องการเวลาอีกระยะหนึ่ง” ราชันมังกรเผยรอยยิ้มบาง
“อา…” เทพธิดาจื่อเว่ยมีความสุขมาก
นี่เป็นข่าวดีที่ทำให้อารมณ์ของนางดีขึ้น
ราชันมังกรกล่าวต่อ “เปรียบเทียบกับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง ฟางหยวนไม่ถือเป็นสิ่งใด”
“แต่เขาเป็นปีศาจต่างโลกที่สมบูรณ์…” เทพธิดาจื่อเว่ยลังเล
“นั่นเป็นเพราะเจ้ายังไม่เข้าใจเทพปีศาจบัวแดง” ราชันมังกรถอนหายใจ
“มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงมีเจ็ดส่วน แต่วังสวรรค์ของเราไม่เคยพบแม้แต่ส่วนเดียว เทพปีศาจจิตวิญญาณได้รับหนึ่งในนั้น ตราบเท่าที่พวกเราได้รับเบาะแสนี้ พวกเราจะสามารถตามหามรดกที่แท้จริงทั้งหมดของเขาและทำลายทิ้ง”
“ข้าเข้าใจแล้ว” เทพธิดาจื่อเว่ยกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ตอนนี้เรามีผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งกาลเวลา ฟงจิวเก้อ และผู้อมตะระดับแปดอีกสองคนสำหรับภารกิจนี้ ท่านคิดเห็นอย่างไร?”
ราชันมังกรยิ้ม “เจ้าเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งปัญญา ไม่ใช่ข้า ข้ามั่นใจว่าเจ้าจัดการได้ หลังจากนี้ข้าจะเป็นที่ปรึกษาให้กับเทพอมตะแห่งความฝัน โอ้ ถูกต้อง ประกาศให้โลกรู้ว่าเราสามารถจับตัวเทพปีศาจจิตวิญญาณได้แล้ว”
“วังสวรรค์นิ่งเงียบมานานเกินไป ถึงเวลาแล้วที่โลกจะได้รับรู้ว่าวังสวรรค์คือกองกำลังอันดับหนึ่งของโลกใบนี้เสมอ!”
“ทราบแล้ว” เทพธิดาจื่อเว่ยตอบรับและมองราชันมังกรจากไป
…..
ทะเลทรายตะวันตก
ภายในค่ายกลวิญญาณอมตะชำระล้างตัวเอง ฟางหยวนเพ่งจิตเข้าไปในมิติช่องว่างจักรพรรดิ
ในมิติช่องว่างของเขายังมีค่ายกลวิญญาณอมตะอีกหนึ่ง แต่เปรียบเทียบกับค่ายกลวิญญาณอมตะชำระล้างตัวเอง ค่ายกลนี้เล็กกว่ามาก อย่างไรก็ตามมันยังมีวิญญาณอมตะสองดวงเป็นแกนกลาง
หนึ่งคือวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของราชันภูเขาม่วง อีกหนึ่งคือวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดของตระกูลวู
ด้วยการสนับสนุนจากวิญญาณระดับมนุษย์อีกนับพันดวง มันกลายเป็นค่ายกลวิญญาณอมตะแก่นแท้สีแดงเลือด
หินวิญญาณอมตะจำนวนมากถูกโยนเข้าไปในค่ายกลนี้และถูกเปลี่ยนเป็นลูกพลัมแดงอมตะ
ฟางหยวนกำลังเติมเต็มคลังเก็บพลังงานอมตะของเขา
ในการต่อสู้ครั้งก่อน แม้เขาจะสามารถบังคับให้ฟงจิวเก้อล่าถอย แต่เขาก็ใช้พลังงานอมตะไปมากมาย ค่าใช้จ่ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือเกราะหวนคืน ตามมาด้วยหมื่นมังกร ท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนรูปแบบใหม่ของเขาก็ยังมีค่าใช้จ่ายไม่น้อยเพราะเขาใช้วิญญาณอมตะรักตัวเองและวิญญาณอมตะความใคร่เป็นแกนกลางเพื่อสร้างเจตจำนงของตนเอง
นี่ไม่ใช่ข้อเสีย ท่าไม้ตายอมตะที่ทรงพลังล้วนมีค่าใช้จ่ายสูงเสมอ มันเป็นเรื่องปกติ
แต่นี่คือจุดอ่อนของฟางหยวน
ฟางหยวนพึ่งก้าวเข้าสู่ระดับเจ็ดเมื่อไม่นานมานี้ เขายังสะสมทรัพยากรได้ไม่มาก เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภัยพิบัติ เขาจึงชะลอเวลาในมิติช่องว่างจักรพรรดิและทำให้ผลผลิตทั้งหมดของเขาลดลง
ค่ายกลวิญญาณอมตะแก่นแท้สีแดงเลือดมีประสิทธิภาพมาก ในไม่ช้าฟางหยวนก็เปลี่ยนหินวิญญาณอมตะทั้งหมดที่ได้รับมาจากตระกูลวูเป็นพลังงานอมตะของตนเอง
นี่ทำให้เขาสามารถเก็บสะสมลูกพลัมแดงอมตะได้เป็นจำนวนมาก
‘ตอนนี้พลังการต่อสู้ของข้าเทียบเท่าฟงจิวเก้อแล้ว’
‘ข้อบกพร่องเพียงอย่างเดียวคือหมื่นตัวตนจำเป็นต้องเตรียมการล่วงหน้า หากข้าถูกซุ่มโจมตี มันอาจมีปัญหา’
หากฟางหยวนต้องเผชิญหน้ากับผู้อมตะระดับแปด เขาต้องใช้เกราะหวนคืนทันที
หากใช้เกราะหวนคืนโดยไม่ได้รับความช่วยเหลือจากหมื่นตัวเอง เขาจะไม่สามารถใช้ท่าไม้ตายอื่นๆ
‘เมื่อร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งข้อมูลถูกกำจัดไปอย่างสมบูรณ์แล้ว ข้าควรไปที่สายธารแห่งกาลเวลาและรับมรดกของเทพปีศาจบัวแดง แม้เทพปีศาจจิตวิญญาณจะได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงไปแล้ว แต่ความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงไม่มีที่สิ้นสุด หากข้าได้รับมัน ข้าจะสามารถยกระดับความสำเร็จบนเส้นทางแห่งกาลเวล อย่างน้อยก็ระดับปรมาจารย์!’
ตามข้อมูลของนิกายเงา ทะเลทรายตะวันตกมีสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาในการควบคุมของพวกเขาอยู่สองแห่ง
แต่ก่อนหน้านี้ฟางหยวนใช้ไปแล้วหนึ่งแห่งเพื่อวางกับดักผู้อมตะจากวังสวรรค์ ดังนั้นมันจึงเหลือเพียงแห่งเดียว
และที่นั่นก็คือเป้าหมายต่อไปของฟางหยวน
เวลานี้ภาคกลางคือสถานที่ที่ฟางหยวนไม่สามารถเข้าไป สำหรับภาคใต้ เขาจะถูกไล่ล่าโดยกองกำลังฝ่ายธรรมะทั้งหมด ภาคเหนือยังมีถ้ำสวรรค์นิรันดรและกองกำลังตระกูลฮวงจิน
มีเพียงทะเลทรายตะวันตกและทะเลตะวันออกเท่านั้นที่ฟางหยวนสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ
เขาสามารถไปที่ทะเลตะวันออก แต่เพื่อไปที่นั่น เขาต้องผ่านภาคกลาง ภาคเหนือ หรือภาคใต้
ทะเลตะวันออกมีสาขาของสายธารแห่งกาลเวลา แต่เปรียบเทียบกับการเดินทางไปที่นั่น ฟางหยวนจะทดลองไปยังสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาในทะเลทรายตะวันตกเป็นอันดับแรก
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น