พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1421-1422

 บทที่ 1421 ล้อมปราบ

Ink Stone_Fantasy

คนชุดดำนับร้อยรีบถอนกำลังออกไปทางเดิมอย่างรวดเร็ว กำลังพลกลุ่มใหญ่เร่งไล่ล่าอยู่ข้างหลัง ยอดฝีมือที่เริ่มปะปนอยู่กับคนข้างหลังเริ่มถลันตัวมาตามติดอยู่ข้างหน้า


เมื่อเห็นพวกเหมียวอี้กำลังจะโดนคนที่โผล่ออกมาโจมตีอย่างกะทันหันชิงตัวไป ในที่สุดก็กดดันให้คนบางกลุ่มจำเป็นต้องปรากฏตัวออกมาแล้ว


คนที่แอบเฝ้าดูสถานการณ์อยู่ไกลๆ อดทนไม่ไหวแล้วเช่นกัน ทำให้มีเงาคนจำนวนหลายร้อยทยอยโผล่ออกมาอย่างรวดเร็ว เร่งเหาะไล่ตามมาอย่างบ้าคลั่ง เห็นได้ชัดว่าความเร็วเหนือกว่าทุกคนที่อยู่ที่นี่ ไม่นานก็ตามกลุ่มคนชุดดำทันแล้ว พวกเขาสังหารเข้ามาอย่างรวดเร็วดุดัน


เสียงดังอึกทึกครึกโครม การสังหารเพียงชั่วขณะทำให้ฟ้าถล่มดินทลาย พวกภูตผีที่โผล่หน้าขึ้นมาดูประสบเคราะห์กับโดยไม่คาดคิดทันที เสียงกรีดร้องดังเป็นแถบๆ


คนชุดดำหลายสิบคนที่ดักทางอยู่ข้างหลังโดนโจมตีจนล้มคว่ำ คนสิบกว่าคนตายอนาถคาที่ ท่ามกลางผู้ที่รุกโจมตีมีชายชราสามคนที่แข็งแกร่งที่สุด ลงมือครั้งเดียวก็ตีฝ่าคนที่ขวางทางได้ พวกเขาโผเข้าไปหาพวกเหมียวอี้ที่กำลังโดนจับโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น มีเจตนาที่จะชิงตัวคน


คนชุดดำที่ชิงตัวพวกเหมียวอี้หลบหนีแบ่งคนออกเป็นหลายสิบกลุ่มมาขวางทางไว้ แต่กลับโดนโจมตีจนพ่ายแพ้ยับเยิน ต้านทานไม่ไหวเลย ส่วนคนที่เหลือก็หิ้วพวกเหมียวอี้หลบหนีอย่างสุดชีวิต


ส่วนคนชุดดำที่โดนพุ่งโจมตีจนเชื่องช้าลงก็โดนกำลังพลกลุ่มใหญ่ที่ตามมาทีหลังล้อมโจมตีจนทยอยตายอย่างน่าอนาถ คนชุดดำนับร้อยที่ก่อนหน้านี้ยังโจมตีเข้ามาอย่างดุดันเป็นพิเศษ ผ่านไปชั่วพริบตาเดียวก็ตายอนาถไปแล้วนับสิบคน


พวกเหมียวอี้ที่กำลังโดนหิ้วร่างเห็นแล้วอกสั่นขวัญผวา


หมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ดที่โดนหนึ่งในชายคนชุดดำหิ้วร่างมองดูฉากข้างหลังด้วยสายตาเย็นเยียบ ได้แต่มองดูคนชุดดำตายไปทีละคน แต่เขาเองก็ทำได้เพียงมองดู


จนกระทั่งรอบข้างที่อยู่ไกลๆ มีเงาคนกลุ่มใหญ่ปรากฏให้เห็นรางๆ ในที่สุดหมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ดที่มีดวงตาเย็นชามาตลอดก็ฉายแววดุร้ายแล้ว


เมื่อเห็นชายชราคนหนึ่งโจมตีต่อเนื่องจนคนชุดดำหลายคนบาดเจ็บและพุ่งนำมาก่อน จู่ๆ คนชุดดำที่หิ้วร่างของหมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ดก็ผ่อนความเร็วลงเล็กน้อย พอร่นมาอยู่ข้างหลังพวกเหมียวอี้แล้ว คนชุดดำคนนั้นก็มาเป็นหนังหน้าไฟทันที ชายชราที่พุ่งเข้ามาแทงทวนเข้ามาที่หน้าอกอย่างรวดเร็วดุดัน


แกร๊ง! ดาบในมือของคนชุดดำสะเทือนจนกระเด็นออกไป เมื่อเห็นคมทวนกำลังจะทะลุหน้าอกของเขา มือข้างหนึ่งที่ยื่นออกมาจากด้านล่างก็โผล่ออกมาอย่างกะทันหันราวกับเงาผี คว้าด้ามทวนที่แทงเข้ามาเอาไว้ ทำให้ทวนที่แทงเข้ามาด้วยความเร็วค้างอยู่กลางอากาศ ขยับมาข้างหน้าไม่ได้อีก


ชายชราที่พุ่งสังหารเข้ามาตกใจทันที พลันมองไปยังหมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ดที่หลุดออกมาจากเงื้อมมือของคนชุดดำแล้ว


หมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ดใช้ฝ่ามืออีกข้างกดผลักหน้าอกคนชุดดำ ทำให้คนชุดดำกระเด็นถอยหลังออกไปทันที ให้ออกจากสนามไปแล้ว


ชายชราดันทวนอย่างเกรี้ยวกราด พอหมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ดคลายนิ้วทั้งห้า ทั้งสองก็พุ่งเข้าใส่หน้ากันทันที ชายชราฉวยโอกาสตบออกมาหนึ่งฉาด แต่หมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ดก็ตบกลับไปสู้อย่างเหี้ยมหาญเช่นกัน


ชั่วพริบตาที่ฝ่ามือทั้งสองชนปะทะกัน บนนิ้วทั้งห้าของฝ่ามือที่หมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ดตบออกไปก็ปรากฏลายดอกไม้สีทองดอกหนึ่ง


บึ้ม! เกิดการชนปะทะของพลังอิทธิฤทธิ์ที่แข็งแกร่งราวกับจะฉีกทำลายฟ้าดิน แผ่นดินอันกว้างใหญ่เบื้องล่างที่ห่างจากท้องฟ้าหลายร้อยจั้งระเบิดแยกราวกับพลิกแม่น้ำคว่ำทะเล อานุภาพที่หลงเหลือจากพลังอิทธิฤทธิ์ที่ทั้งสองปล่อยออกมานั้นอยู่ในระดับอาวุธจริงแล้ว คลื่นพลังอิทธิฤทธิ์ทุกสายราวกับจะฉีกทำลายความว่างเปล่า สามารถทำให้นักพรตบงกชทองกลายเป็นฝุ่นผงได้อย่างง่ายดาย การต่อสู้ระดับนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะเข้าใกล้ได้เลย ถ้าไม่ใช่เพราะมีคนชุดดำปกป้องพวกเหมียวอี้อยู่ ก็ไม่มีทางทนรับสิ่งนี้ไหวเลย


ชายชราถลึงตาอย่างเกรี้ยวกราดขณะสำลักเลือด หมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ดก็สบตาอย่างดุร้ายเช่นกัน


ไม่น่าเชื่อว่าสองมือที่ทั้งสองคนตบออกไปจะแนบติดอยู่ด้วยกัน ดอกไม้สีทองระยิบระยับกลุ่มหนึ่งที่เหมือนดอกโบตั๋นผนึกฝ่ามือของทั้งสองคนเอาไว้ แล้วก็เห็นดอกไม้สีทองอีกหลายดอกกลืนเข้าคายออกจากฝ่ามือของคนหมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ด เลื้อยขึ้นมาตามแขนของชายชราราวกับลำแสง ชนไปที่หน้าอกของชายชราอย่างรุนแรงครั้งแล้วครั้งแล้ว


ปากของชายชราสำลักเลือดสดออกมาคำแล้วคำเล่า แต่ฝ่ามืออีกข้างหนึ่งยังตบออกมาอย่างบ้าคลั่ง หมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ดจึงใช้ฝ่ามือรับอีกครั้ง เกาะติดมืออีกข้างของชายชราเอาไว้แล้ว


ภายใต้ความวิตกกังวล ทันใดนั้นชายชราก็เตะออกมาหนึ่งที แต่ใครจะคิดว่าเท้าของหมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ดจะเร็วกว่า เขาใช้เท้าเขี่ยออกไปแล้ว พอดอกไม้สีทองบนฝ่ามือคลายออก โบกแขนที่เขาเกาะติดไว้ออกไป จู่ๆ หมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ดก็พุ่งตัวไปข้างหน้า แล้วใช้สองนิ้วปล่อยดอกไม้สีทองระยิบระยับขนาดเท่าแท่นโม่ดอกหนึ่งออกมาด้วยความเร็วปานสายฟ้าแลบ ประดับดอกไม้ลงบนหน้าอกของชายชราอย่างเหี้ยมหาญ


อั้ก! ชายชราเงยหน้าขึ้นฟ้าพลางกระอักเลือดสดออกมา


ชั่วพริบตาที่คนหมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ดเฉียดผ่านเขาไป ก็ใช้ศอกโจมตีไปข้างหลังหนึ่งที กระแทกโดนแผ่นหลังของชายชราอย่างแรง ร่างของชายชราสูญเสียการควบคุมทันที กลิ้งกระเด็นไปทางคนชุดดำที่อยู่ข้างหลัง


ด้านหลังมีคนชุดดำสองคนพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว จับตัวชายชราที่โดนโจมตีจนสาหัสเอาไว้คาที่แล้ว


เป็นการประมือที่รวดเร็วมาก นี่เป็นฉากที่เกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น แต่กลับทำให้พวกเหมียวอี้มองจนเหม่อค้าง นึกไม่ถึงว่าหมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ดจะเป็นยอดฝีมือเหนือยอดฝีมือที่เป็นเสือปลอมตัวมาเป็นหมู


ตอนนี้พวกเหมียวอี้พอจะเข้าใจแล้วนิดหน่อย เข้าใจแล้วว่าทำไมฝ่ายนี้จับพวกเขาได้แล้วไม่เก็บเข้ากระเป๋าสัตว์ ทำแบบนี้ก็เพื่อที่จะให้หมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ดโจมตีกลับได้สะดวกยามหน้าสิ่วหน้าขวาน


หมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ดกับชายชราอีกสองคนที่พุ่งสังหารเข้ามากำลังต่อสู้กันแล้ว เขาใช้มือเปล่ารับศึกกับชายชราสองคนที่ถืออาวุธอยู่ในมือ


ทั้งดาบทั้งทวนโจมตีเข้ามา ดอกไม้สีทองระเบิดออกจากร่างของหมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ดกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า  ระเบิดออกจากหลายมุมบนร่างกายเพื่อต้านทานไว้ มันสามารถถ่วงการโจมตีของคมดาบและคมทวนให้ช้าลงได้


ทันใดนั้น ดาบและทวนในมือของชายชราสองคนก็เปล่งแสงสีฟ้าและเขียว ปราดเปรียวมีพลังราวกับมังกร โจมตีอย่างบ้าบิ่น


สิ่งที่ทำให้คนตกใจก็คือ หมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ดโบกดอกไม้สีทองที่มีแสงแวววาวออกมามากกว่าเดิม ไม่น่าเชื่อว่าจะสามารถต้านทานลำแสงสีฟ้าและเขียวไม่ให้ลอดผ่านได้ ในทางกลับกัน ไม่ว่าจะเป็นอาวุธหรือร่างกายของชายชราสองคนนั้น ขอเพียงสัมผัสกับหมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ดเพียงนิดเดียว ก็จะมีดอกไม้สีทองที่หลบอยู่ในร่างกายพุ่งมาโจมตีจุดสำคัญ พวกเขาโดนหมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ดโจมตีจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว


คนชุดดำที่กำลังจับตัวพวกเหมียวอี้เอาไว้แน่นหยุดหลบหนีแล้ว ปล่อยพวกเหมียวอี้แล้วเช่นกัน คนชุดดำที่เหลืออยู่ไม่กี่สิบคนหยิบธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ออกมาแล้ว พอง้างสายธนู ก็มีแสงสีรุ้งเปล่งออกมา ทั้งหมดล้วนเป็นธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ขั้นหก ตอนนี้กำลังเฝ้าระแวดระวังรอบด้าน


ชายชราสองคนที่กำลังสู้กับหมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ดตกใจมาก ตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่างแล้ว หนึ่งในนั้นตะโกนเสียงดัง “หนี! นี่เป็นกับดัก”


หมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ดโบกแขนสองข้าง ดอกไม้สีทองสองกลุ่มจมหายเข้าไปในร่างกาย จากนั้นเอามือไขว้หลังยืนอยู่กลางอากาศ ไม่ได้ไล่ตามอีกต่อไป ปล่อยให้คนพวกนั้นหนีเตลิดเปิดเปิงไป


แต่ก็สายไปเสียแล้ว รอบข้างปรากฏสมาชิกกลุ่มใหญ่ที่ปิดบังฐานะตัวตน วางกำลังบนฟ้าและใต้ดินอย่างรวดเร็ว เดาว่าถ้าไม่ใช่กำลังพลสิบล้านก็ต้องเป็นกำลังพลแปดเก้าล้าน โอบล้อมท้องฟ้าผืนนี้เอาไว้แบบสามมิติ กลิ่นอายสังหารอบอวลท้องฟ้า!


คนหลายหมื่นที่โดนขังอยู่ตรงกลางหยุดแล้ว หันมองรอบๆ อย่างระแวงสงสัย


“เตรียมตัว!” มีคนตะโกนออกคำสั่งอย่างเกรี้ยวกราด


คนรอบๆ ที่สวมเสื้อผ้าหลากหลายปนกันพลันเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย ชั่วพริบตาเดียวก็มีเกราะทอง เกราะม่วง เกราะแดงเยอะเป็นแถบๆ เป็นเกราะรบเครื่องแบบของตำหนักสวรรค์


มีแม่ทัพใหญ่สี่คนที่สวมเกราะรบผลึกแดงที่มีความบริสุทธิ์สูงกระจายตัวอยู่สี่ด้าน ยืนอยู่หน้าสุดของทัพใหญ่ ทั้งหมดล้วนมียศแม่ทัพใหญ่ห้าแถบ สัญลักษณ์อิทธิฤทธิ์ตรงหว่างคิ้วเป็นของจริง ทั้งสี่คนเป็นยอดฝีมือระดับสำแดงฤทธิ์


ด้านหลังของทั้งสี่คนมีธงผืนใหญ่ตั้งอยู่ บนธงปักลายอักษรจำพวก ‘เจี่ย อี่’


เมื่อเห็นธงผืนใหญ่เหล่านี้ปรากฏออกมา เหมียวอี้ก็ตกใจมาก คนอื่นอาจจะไม่รู้ แต่ในฐานะที่เป็นคนของกองทัพองครักษ์ จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะไม่รู้ ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นธงใหญ่ของแต่ละหน่วย เหมียวอี้อดไม่ได้ที่จะมองแม่ทัพใหญ่ทั้งสี่ที่ยืนอยู่ใต้ธงผืนใหญ่ อย่าบอกนะว่าผู้ตรวจการใหญ่ใต้สังกัดหน่วยองครักษ์ซ้ายขวาออกศึกด้วยตัวเอง?


สายตาเหมียวอี้มองไปยังตัวอักษร ‘อี่’ บนธงใหญ่ที่ปักแถบสีดำ วิธีแบ่งแยกธงของหน่วยองครักษ์ซ้ายขวาก็อยู่บนช่องแถบ แถบสีดำเป็นหน่วยองครักษ์ซ้าย แถบสีขาวเป็นหน่วยองครักษ์ขวา และเหมียวอี้ก็อยู่ใต้สังกัดของหน่วยองครักษ์เจิ้นอี่ หน่วยองครักษ์ซ้าย


นึกไม่ถึงว่าแม้แต่ผู้ตรวจการใหญ่ของหน่วยองครักษ์เจิ้นอี่ก็มาแล้วเช่นกัน เพียงแต่ไม่เห็นแม่ทัพที่อยู่ใต้ธงผืนที่ห้า เหมียวอี้ยังอยากจะเห็นว่าผู้ตรวจการใหญ่ของหน่วยองครักษ์เจิ้นอี่หน้าตาเป็นอย่างไร แต่กลับไม่รู้ว่าแม่ทัพอยู่ตรงไหน แต่เขาก็ได้เห็นคนรู้จักอีกคนที่อยู่ใต้ธงผืนนี้แล้ว หัวหน้าภาคอวี่จ้งเจินของทัพเป่ยโต้ว


“ตำหนักสวรรค์ กองทัพองครักษ์!” ท่ามกลางกำลังพลที่โดนล้อม มีบางคนรู้จักธงรบของกองทัพองครักษ์ จึงอุทานออกมาอย่างตกใจ


คนหลายหมื่นที่กำลังโดนล้อมพากันลุกลี้ลุกลน


“วางค่ายกล!” มีคนตะโกนอีก


ท่ามกลางทัพใหญ่มีคนหลายล้านเคลื่อนไหวติดต่อกัน จู่ๆ เหมียวอี้ก็รู้สึกว่าแก้วหูของตัวเองกำลังจะแตกแล้ว พยายามร่ายอิทธิฤทธิ์ต้านทานเอาไว้ ความรู้สึกไม่สบายตัวพลันหายไปอีกครั้ง วัตถุรูปทรงกลมสีเงินอ่อนขนาดใหญ่ครอบทุกคนตรงนั้นเอาไว้


ทัพใหญ่หลายล้านที่เหลือที่ไม่ได้เข้าร่วมวางค่ายกลพลันเผยธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ ลูกธนูดาวตกหลายดอกตั้งอยู่บนสายธนู หัวลูกธนูที่แหลมคมเล็งไปทางคนหลายหมื่นที่วุ่นวายยุ่งเหยิงอยู่ด้านล่าง กลิ่นอายสังหารนี้ พลังอำนาจนี้ ได้ทำให้คนไม่น้อยที่กำลังโดนขังเหงื่อกาฬแตกด้วยความกลัว ขอเพียงออกคำสั่งคำเดียว ทุกคนก็จะกลายเป็นรังต่อแล้ว


อวี่จ้งเจินพลันโบกมือนำคนหลายหมื่นเหาะออกมา ให้พวกเขาง้างธนูเตรียมป้องกันอยู่ข้างหน้าพวกเหมียวอี้


แม่ทัพที่อยู่ใต้ธงอักษรเจี่ยของหน่วยองครักษ์ขวามองฝูงสัตว์ที่โดนล้อมอย่างเย็นชา พร้อมกล่าวอย่างเย็นเยียบว่า “วางอาวุธยอมแพ้เดี๋ยวนี้ คนที่ยอมแพ้จะไม่โดนฆ่า ไม่อย่างนั้นจะมาเสียใจทีหลังก็สายไปแล้ว!”


เพียงไม่นาน ก็มีคนทนรับแรงกดดันไม่ไหว ทิ้งอาวุธแล้วตะโกนเสียงดังว่า “ยอม” ยกมือสองข้างวิ่งออกมา


เมื่อมีหนึ่งคนนำ ก็มีกลุ่มคนทำตามทันที ส่วนทางนี้ก็โยนเชือกมัดเซียนออกมามัดไว้ทีละคน ควบคุมได้อย่างรวดเร็ว


ทว่าคนที่ไม่ยอมมีจำนวนมากกว่า


“ทุกคนรวมกลุ่มกันโจมตีจุดเดียว ตามข้าสังหารฝ่าออกไป!”


เป็นชายชราคนที่ที่หมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ดประมือด้วยก่อนหน้านี้ หลังจากวางแผนลับกับคนอื่นๆ พักหนึ่ง จู่ๆ ก็สวมเกราะรบและกางแขนสองข้าง คนกลุ่มใหญ่สวมเกราะตามไป โจมตีฝ่าไปยังจุดเดียวอย่างบ้าคลั่ง เป็นการต่อสู้ของสัตว์มี่จนตรอก


“ยิง!” แม่ทัพที่อยู่ใต้ธงอักษรเจี่ยโบกมือไปข้างหน้าอย่างเยือกเย็น


ลำแสงจำนวนนับไม่ถ้วนวิบวับราวกับดาวตก ยิงไปทางคนกลุ่มนั้น กลุ่มคนที่กำลังวุ่นวายต้านทานทางซ้ายทีทางขวาที ตกใจจนร้องออกมา เสียงกรีดร้องดังเป็นแถบ


ผู้ฝ่าวงล้อมร้อยคนที่มีพลังแข็งแกร่งที่สุดจากจำนวนหลายหมื่นพุ่งอยู่ข้างหน้าสุด กำลังถือโล่พุ่งโจมตี แต่กลับโดนลำแสงหลายแสนสายยิงรวมมาที่จุดเดียว ไม่กลัวว่าเจ้าจะมีวรยุทธ์ที่แข็งแกร่ง แค่ชั่วพบหน้ากันโจมตีกลุ่มคนที่พุ่งอยู่ข้างหน้าจนพ่ายแพ้ยับเยิน


มีคนไม่น้อยโยนของวิเศษออกมาสกัดขวางตรงหน้า แต่กลับโดนลูกธนูดาวตกจำนวนนับไม่ถ้วนทำลายพัง ทำให้บนฟ้าเกิดรอยแตกผืนใหญ่ราวกับใยแมงมุม


พวกเหมียวอี้เบิกตากว้าง ตัวสั่นทั้งที่ไม่ได้หนาว เกรงว่าทั้งชีวิตนี้คงจะลืมฉากอันสะเทือนเลือนลั่นขนาดนี้ไม่ลง ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าทำไมอำนาจแต่ละฝ่ายต่างก็ร้อนใจอยากได้ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์เก้าล้านคันนั่น ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าทำไมการใช้ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์เป็นเหยื่อล่อถึงตกพวกเสือสิงห์กระทิงแรดได้เยอะขนาดนี้


แค่การโจมตีระลอกเดียว ก็ทำให้กลุ่มคนหลายหมื่นคนที่ไม่เปิดเผยตัวตนยับเยินแล้ว


“โจมตี!” แม่ทัพที่อยู่ใต้ธงอักษรเจี่ยโบกมืออีกครั้ง


ทัพใหญ่หนึ่งล้านจากทั่วสารทิศล้อมโจมตีเข้ามาทันที


นี่คือการเข่นฆ่าที่ไม่ได้พะวงอะไรเลยสักนิด ทัพใหญ่หนึ่งล้านที่พุ่งเข้าไปแทบจะจับตัวคนโดยตรง เห็นได้ชัดว่าฝั่งนี้ทำไปเพื่อจับเป็น ขนาดตอนยิงโจมตีก็ยังไม่ได้เล็งจุดสำคัญของเป้าหมาย อาศัยประสิทธิภาพการไล่ยิงของลูกธนูดาวตก คนที่โดนฆ่าผิดตัวมีไม่น้อย


“อา…” ชายชราคนที่ประมือกับหมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ดก่อนหน้านี้มีเลือดสดเต็มหน้า ตอนนี้กำลังเงยหน้าร้องอย่างเศร้าโศกพลางกระอักเลือดสด แขนขาทั้งสี่โดนยิงจนเละหมดแล้ว ตรงปากแผลที่ฉีกขาดมีเลือดสดไหลออกมา ที่ท้องโดนธนูยิงหลายดอก เกราะรบโดนยิงจนพังแล้ว บาดเจ็บสาหัสจนไม่มีแม้แต่แรงจะโต้ตอบ


มีเพียงความสามารถประจำตัวที่สะท้านฟ้าสะเทือนดิน แต่กลับไม่มีที่ว่างเหลือให้ใช้ความสามารถนั้นแล้ว พ่ายแพ้อย่างยับเยินขนาดนี้ ฟังจากเสียงร้องอันเศร้าโศกของเขาก็รู้ว่าเขารู้สึกไม่ยอมขนาดไหน


แต่ไม่นานก็ร้องไม่ออกแล้ว ทหารสวรรค์หลายคนที่พุ่งเข้ามาอย่างดุร้ายราวกับเสือควบคุมพวกเขาทันที ย่อมต้องทำให้พวกเขาหุบปากอยู่แล้ว


บทที่ 1422 จับตัวมาให้ข้า

Ink Stone_Fantasy

ผ่านไปไม่นาน สถานที่ล้อมปราบก็ถูกเก็บกวาดจนโล่ง แม้แต่ศพก็ไม่เหลือทิ้งไว้ เก็บรวบรวมทั้งหมดเอาไว้รอเป็นหลักฐาน


ค่ายกลใหญ่ที่คนหลายล้านร่วมมือกันวางไว้ถูกกำจัดออกไป กำลังพลกลุ่มใหญ่เก็บกวาดทำความสะอาดพื้นดิน


หมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ดหันตัวมาถ่ายทอดเสียงบอกพวกเหมียวอี้ว่า “ก่อนที่ภารกิจลับของพวกเจ้าจะจบลง พวกเจ้ากลับไปรวมตัวที่หน่วยตรวจการฝ่ายขวาก่อน อย่าเปิดเผยตัวตนต่อคนอื่นๆ ในหน่วยงานภายใน”


“รับทราบ!” เหมียวอี้และคนอื่นๆ เอ่ยรับ ขณะกำลังครุ่นคิดถึงฐานะตัวตนของเขา หัวหน้าภาคอวี่จ้งเจินของทัพเป่ยโต้วก็นำคนเข้ามากุมหมัดคารวะแล้ว “ผู้ตรวจการใหญ่ ท่านไม่เป็นอะไรใช่มั้ย?”


“ไม่เป็นอะไร! เรื่องครอบครัวที่สละชีวิตพี่น้องไป สอบสวนแล้วรายงานขึ้นไปสักหน่อย ต้องเตรียมจัดการปัญหาที่จะเกิดตามมาให้ดี อย่าให้เหล่าพี่น้องตายตาไม่หลับ” หมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ดหันตัวมาสั่ง


พวกเหมียวอี้งงเป็นไก่ตาแตก คนที่สามารถทำให้หน้าภาคอวี่จ้งเจินของทัพเป่ยโต้วหัววิ่งมาเรียกด้วยควาเคารพว่าผู้ตรวจการใหญ่ได้ นอกจากผู้ตรวจการใหญ่ฮวาอี้เทียนหน่วยองครักษ์เจิ้นอี่ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของผู้บัญชาการองครักษ์ซ้าย ก็ไม่มีคนอื่นแล้ว


เหมียวอี้ค่อยๆ หันหน้าไปมองที่ธงใหญ่ของหน่วยองครักษ์เจิ้นอี่ ก่อนหน้านี้ยังคิดอยู่เลยว่าผู้ตรวจการใหญ่ของหน่วยองครักษ์เจิ้นอี่ไปไหนแล้ว นึกไม่ถึงว่าผู้ตรวจการใหญ่ฮวาอี้เทียนจะเป็นคนหมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ดที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับตน ไม่น่าเชื่อว่าฮวาอี้เทียนจะแฝงตัวเข้ามาในงานประมูลขายได้ง่ายๆ นี่มัน…


แต่พอคิดไปคิดมาเขาก็สามารถเข้าใจได้ ถ้าไม่ใช่เพราะส่งคนที่มีกำลังแข็งแกร่งอย่างฮวาอี้เทียนมา พวกเขาก็จะต้องตกอยู่ในมือของคนที่ไม่ตัวตนไม่ชัดเจนพวกนั้นแน่นอน เป็นฮวาอี้เทียนที่ลงมือยามหน้าสิ่วหน้าขวาน ถึงได้ปกป้องให้พวกเขาปลอดภัยได้


เพียงแต่การรวมกลุ่มทำงานกับคนที่มีศักยภาพต่างกันขนาดนี้ก็ทำให้รู้สึกอึ้งมาก แต่เหมียวอี้ก็สามารถเข้าใจได้เช่นกัน พวกเขาเป็นเหยื่อล่อ ภายใต้สถานการณ์บางอย่างนั้นจำเป็นต้องใช้เหยื่อล่อระดับต่ำอย่างพวกเขา


แต่สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่สำคัญ ที่สำคัญคือก่อนหน้านี้ผู้บัญชาการใหญ่หนิวขึ้นเสียงตะโกนเรียกผู้ตรวจการใหญ่มาก่อน ทั้งยังเรียกแทนตัวเองกับผู้ตรวจการใหญ่ว่าพ่อด้วย…


พอนึกถึงตรงนี้ เหมียวอี้ก็อกสั่นขวัญแขวนเล็กน้อย


ผู้ตรวจการใหญ่ฮวาที่จนกระทั่งตอนนี้ยังไม่เผยโฉมหน้าที่แท้จริงไปแล้ว เอามือไขว้หลังนำพวกอวี่จ้งเจินเดินไปแล้ว และอวี่จ้งเจินก็จำเหมียวอี้ไม่ได้ เหมียวอี้ในตอนนี้ไม่ใช่แค่ปลอมตัวอยู่ ทั้งยังสวมหมวกมุ้งอีกด้วย แยกแยะให้ออกได้ยาก


บางทีอาจจะเป็นเพราะในใจมีความรู้สึกอะไรบางอย่าง จู่ๆ ผู้ตรวจการใหญ่ฮวาก็หันกลับมามองแวบหนึ่ง มองเหมียวอี้ด้วยสายตาเรียบเฉย ทำเอาเหมียวอี้หวาดระแวงกลัว


ผู้ตรวจการใหญ่ฮวาก็ไม่ได้ทิ้งพวกเขาเอาไว้โดยไม่สนใจ ให้คนไปส่งพวกเขาออกจากดาราจักรผืนนี้ หลังจากส่งไปยังสถานที่ที่แน่ใจว่าไม่มีใครสังเกตเห็นแล้ว ถึงได้ปล่อยพวกเขาเอาไว้ พวกเขาจะได้หลบสายตาคนกลับไปที่ตลาดผีได้สะดวก ถึงแม้ภารกิจแบบขั้นตอนของตำหนักสวรรค์จะเสร็จสิ้นแล้ว หว่านแหจับกลุ่มคนที่มีความคิดไม่ซื่อได้แล้ว แต่การค้นหาที่อยู่ของธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์เก้าล้านคันนั่นยังต้องดำเนินต่อไป


กำลังพลกลุ่มใหญ่ไปเมื่อไร ไปที่ไหนแล้ว พวกเหมียวอี้นั้นไม่รู้ ได้แต่กลับมาที่ตลาดผีอย่างเงียบๆ กลับมาที่โรงเตี๊ยมพระจันทร์เสี้ยวแล้ว


ตำหนักสวรรค์มีการเคลื่อนไหวใหญ่โตขนาดนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะปิดบังไหว เกิดเป็นข่าวครึกโครมที่ตลาดผีแล้ว ไม่ว่าจะเป็นบนตรอกซอกซอนหรือบนเรือ ทุกที่ล้วนเห็นคนพูดคุยกันเกี่ยวกับสิ่งนี้


ในชั้นกลางของตึกศาลาสัตยพรต ชายชราชุดเขียวกำลังรายงานสถานการณ์ข้างนอก


เฉาหม่านกับพิธีกรหญิงที่เป็นหลานสาวกำลังยืนอยู่ริมหน้าต่าง ทอดสายตามองตลาดผีอันเจริญรุ่งเรืองจากที่ไกลๆ หลังจากฟังจบแล้ว เฉาหม่านก็เอียงหน้าพลางกล่าวอย่างทอดถอนใจ “เฟิ่งฉือ ข้าคาดการณ์เอาไว้ไม่ผิดใช่มั้ย ได้ยินหมดแล้วสินะ เจ้าเป็นเด็กที่สุขุมเยือกเย็น ไม่อย่างนั้นตระกูลคงไม่ส่งเจ้ามาอยู่ที่นี่หรอก ข้ารู้ว่าคนที่ฆ่าหลงเฉิงพี่ชายเจ้าไปซ่อนตัวที่ทะเลดาวสับสนแล้ว มือสังหารอาจจะเกี่ยวข้องกับไป๋เฟิ่งหวง แต่เจ้าจะใช้อารมณ์ทำงานไม่ได้ ที่ตระกูลจัดให้พวกเรามาอยู่ที่นี่ก็เพราะเชื่อใจพวกเรา ไม่ว่าเจอเรื่องอะไรก็ต้องสุขุมเยือกเย็นเข้าไว้”


พิธีกรหญิงชื่อว่าเฉาเฟิ่งฉือ ชื่อจริงคือเซี่ยโห้วเฟิ่งฉือ เป็นน้องสาวท้องเดียวกันกับเซี่ยโห้วหลงเฉิง เป็นพี่สาวท้องเดียวกันกับเซี่ยโห้วหู่เฉิง ลูกหลานที่เป็นยอดอัจฉริยะที่แท้จริงของตระกูลเซี่ยโห้วล้วนถูกส่งมาอยู่ในสถานที่ที่เป็นความลับเพื่อบริหารอำนาจใต้ดินหมดแล้ว เป็นเพราะอำนาจใต้ดินต่างหากที่เป็นรากฐานในการรักษาตระกูลเซี่ยโห้วไม่ให้ล้มลง ลูกหลานตระกูลเซี่ยโห้วที่อยู่ฉากหน้า ถึงแม้จะไม่เรียกว่าเป็นพวกพื้นๆ ธรรมดา แต่ก็ไม่ได้เก่งกาจสักเท่าไร ถึงได้จัดเอาไว้อยู่ฉากหน้าเพื่อให้ทำงานตามกฎระเบียบ ให้รักษาความสงบเสงี่ยมของตระกูลเซี่ยโห้วเอาไว้


ภายใต้สถานการณ์ปกติทั่วไป ลูกหลานของตระกูลเซี่ยโห้วที่หลบอยู่ใต้ดินและที่อยู่ฉากหน้าจะไม่แสดงความเกี่ยวข้องอะไรกัน นี่เป็นการปกป้องกันและกันแบบหนึ่ง


นี่ก็เป็นความสัมพันธ์แบบพึ่งพากันและกันแบบหนึ่ง อำนาจใต้ดินสามารถรับประกันเกียรติยศความร่ำรวยของตระกูลเซี่ยโห้วได้ ส่วนอำนาจในฉากหน้าที่มีเกียรติก็สามารถใช้ฐานะขุนนางข้างกายราชันสวรรค์เพื่อถือหางปกป้องอำนาจใต้ดินได้ในระดับหนึ่ง


เฉาเฟิ่งฉือได้ฟังแล้วก็นึกกลัวทีหลังเหมือนกัน นึกไม่ถึงว่าตำหนักสวรรค์จะแอบวางกำลังพลเอาไว้ที่นี่มากมายขนาดนี้ นางก้มหน้าพลางกล่าวว่า “ท่านปู่สาม ข้าผิดไปแล้ว ข้าแค่รู้สึกว่าประมุขชิงมองพวกเราเหมือนเป็นของเล่น เลยรู้สึกไม่ยอมนิดหน่อย” แล้วก็เงยหน้าถามอีกว่า “ท่านปู่สาม แล้วจะยอมละทิ้งธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ชุดนั้นจริงๆ เหรอคะ?”


เฉาหม่านตอบเสียงเรียบว่า “ใครบอกว่าข้าจะยอมแพ้ล่ะ? ถ้าได้ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ชุดนั้นมา ก็จะสามารถแสดงประโยชน์ได้มหาศาล จุดประสงค์ที่พวกเราอยู่ที่นี่ก็เพื่อแอบเตรียมสะสมสิ่งต่างๆ ไว้ให้ตระกูล บางครั้งอาจจำเป็นต้องใช้งานก็ได้ ต้องมีการเตรียมตัวอย่างเพียงพอ ถึงจะทำให้ตระกูลรับมือกับความเสี่ยงต่างๆ ได้อย่างไม่สะกสะท้าน เพียงแต่จะใจร้อนเกินไปไม่ได้ ถ้าอยากได้มาไว้ในมือก็ต้องอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่จะไม่มีใครจับได้ ต่อให้จะเป็นคนคนเดียวรู้ก็ตาม ต่อให้พวกเราจะได้มาไว้ในมือ แต่ก็จะแตะต้องพวกมันไม่ได้เช่นกัน”


“เพราะอะไรคะ?” เฉาเฟิ่งฉือประหลาดใจ


เฉาหม่านถอนหายใจแล้วบอกว่า “นางหนูเอ๊ย เจ้าจำไว้นะ สำหรับในตอนนี้ ราชันสวรรค์จำเป็นต้องมีอำนาจใต้ดินอย่างพวกเราอยู่ เพราะตระกูลของพวกเราไม่มีทางอนุญาตให้ขุนนางคนอื่นๆ มายุ่งกับอาณาเขตพวกเรา ไม่อย่างนั้นก็จะทำให้ตระกูลพวกเราอ่อนแอลง ถ้ามีตระกูลของพวกเราอยู่ ผู้มีอำนาจคนอื่นๆ ของตำหนักสวรรค์ก็จะไม่สามารถขยายอำนาจใต้ดินได้ ไม่อย่างนั้นแล้วถ้าภายนอกกุมอำนาจทางทหารมากมายเอาไว้ แล้วใต้ดินก็มีอำนาจที่แข็งแกร่งอีก แบบนั้นก็จะเป็นเรื่องที่อันตรายต่อประมุขชิงมาก จะสูญเสียการควบคุมได้ง่าย เช่นเดียวกัน ประมุขชิงไม่มีทางอนุญาตให้พวกเรากุมอำนาจทางทหารมากมายเอาไว้ในฉากหน้า ถึงแม้ตระกูลจะพยายามช่วงชิงมาตลอด แต่ประมุขชิงก็ไม่เคยผ่อนปรนเลย นี่เป็นความสมดุลอย่างหนึ่ง เป็นความสมดุลที่ประมุขชิงจำเป็นต้องมี ไม่อย่างนั้นแล้ว ประมุขชิงก็จะยอมแลกทุกอย่างเพื่อสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อตระกูลของพวกเราแน่นอน เข้าใจแล้วใช่มั้ย?”


เฉาเฟิ่งฉือทำท่าครุ่นคิดพลางพยักหน้า “หลานเข้าใจแล้วค่ะ”


แต่ใครจะคิดว่าจู่ๆ เฉาหม่านจะแสยะยิ้มอีก ใบหน้าแสดงความดุร้าย ดวงตาเผยแววดุดัน “ประมุขชิงชอบใช้วิธีการเจรจาก่อนแล้วค่อยใช้กำลัง เช่นนั้นพวกเราคอยเล่นไปตามน้ำก็พอ พอเขาเล่นเสร็จแล้ว พวกเราก็ต้องคืนเงินให้เขา แต่พวกเราก็ไม่ได้เล่นด้วยได้ง่ายขนาดนั้น ตอนนี้คงยังไม่ถึงคราวที่พวกเราจะลงมือ ให้กลุ่มคนคอยจับตาดูที่ตลาดผีเอาไว้ คิดว่าพวกเราไม่รู้งั้นเหรอ? พวกเราอยู่ที่นี่มานานขนาดนี้แล้ว อย่าบอกนะว่าเห็นพวกเราเป็นคนตาบอดไปแล้วจริงๆ? เฒ่าชี คิดหาทางบีบพวกผีซ่อนของตำหนักสวรรค์แอบที่ปะปนอยู่ในตลาดผีออกมา กำจัดให้ข้าให้หมด!”


“ขอรับ!” ชายชราชุดเขียวเอ่ยรับ แล้วถามอีกว่า “เถ้าแก่ สายลับของตำหนักสวรรค์ ไม่ว่าจะเก่าหรือใหม่ กำจัดให้หมดเกลี้ยงเลยใช่มั้ยขอรับ?”


เฉาหม่านโบกมือ “พวกที่มาใหม่ ถ้ากำจัดได้ก็กำจัดให้หมด ส่วนพวกคนเก่าๆ ก็เก็บกวาดให้เหมาะสมหน่อย อย่าทำแบบสุดโต่งเกินไป ถ้ากำจัดจนสะอาดเกินไป แล้วในภายหลังตำหนักสวรรค์จับคนแทรกเข้ามาอีก ก็จะสร้างความยุ่งยากในการจัดการเบาะแสของพวกเรา จะกำจัดให้หมดไม่ได้ และไม่กำจัดไม่ได้เช่นกัน ไม่อย่างนั้นจะทำให้ตำหนักสวรรค์สงสัยและเปลี่ยนตัวสายลับทั้งหมด แล้วอีกอย่าง คนที่ประมูลซื้อแล้วหนี ไปตรวจสอบมาหน่อย ดูว่ายังอยู่ที่นี่หรือเปล่า ถ้ายังอยู่ก็บีบออกมาให้ข้า แล้วกำจัดทิ้งต่อหน้าฝูงชนข้อหาทิ้งสินค้าประมูล ทำให้ทุกคนได้เห็น ว่านี่คือจุดจบของการทิ้งสินค้าประมูล!”


เฉาเฟิ่งฉือจึงกล่าวอย่างตกใจว่า “ท่านปู่สาม แบบนี้ไม่ดีกระมัง ตอนนี้ทุกคนต่างก็รู้ว่าคนที่ทิ้งสินค้าประมูลเป็นคนของตำหนักสวรรค์แน่นอน ถ้าพวกเรากำจัดต่อหน้าฝูงชน จะไม่เป็นการตบหน้าประมุขชิงหรอกหรือคะ? ตอ่ไปประมุขชิงจะต้องให้ท้ายโพ่จวินมาลงมือกับหัวหน้าตระกูลแน่ จงใจทำให้หัวหน้าตระกูลกับท่านอาอับอายเพื่อล้างแค้น”


เฉาหม่านบอกว่า “เจ้าไม่ต้องห่วง ครั้งนี้ประมุขชิงไม่กล้าทำแบบนี้หรอก นอกเสียจากเขาจะไม่อยากได้ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ชุดนั้นแล้ว ถ้ายังอยากจะหาธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ชุดนั้นอยู่ เขาจะต้องส่งคนมาสืบข่าวที่ตลาดผีอีกแน่ เจ้าว่าเขาจะกังวลว่าพวกเราจะลงมือกับคนของเขาอีกมั้ยล่ะ? ดังนั้นครั้งนี้เขาจะอดทนไว้”


เฉาเฟิ่งฉือรู้สึกว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับส่วนรวม จึงเกลี้ยกล่อมว่า “ท่านปู่สาม จะปรึกษากับหัวหน้าตระกูลก่อนสักหน่อยมั้ยคะ?”


เฉาหม่านพลันหันตัวมา แล้วกล่าวอย่างไม่ใส่ใจว่า “นี่ก็คือประสงค์ของหัวหน้าตระกูล! หัวหน้าตระกูลบอกไว้แล้ว ว่าต้องแสดงความแข็งกร้าวเท่าที่จำเป็น ไม่อย่างนั้นอยู่ดีๆ ก็จะมีคนมาทำแบบนี้ที่อาณาเขตของพวกเราอีก จะให้ผ่อนปรนเรื่องนี้ไม่ได้ เส้นตายบางอย่างพวกเราต้องรักษาไว้ และจำเป็นต้องทำให้ประมุขชิงเข้าใจด้วย จะให้ประมุขชิงมองพวกเราเป็นลูกพลับอ่อนที่บีบง่ายไม่ได้! เฒ่าชี ถ้าคนมาแล้วก็ให้เฟิ่งฉือลงมือด้วยตัวเอง คนที่พังงานมาอยู่ในมือของนางแล้ว ให้นางเรียกอำนาจบารมีกลับคืนมาต่อหน้าทุกคน!” พูดจบก็โบกมือให้ชายชราชุดเขียว


“บ่าวระไปเตรียมการขอรับ!” ชายชราชุดเขียวกล่าวขอตัว


พอกลับมาถึงโรงเตี๊ยมพระจันทร์เสี้ยว เรื่องแรกที่เหมียวอี้ทำก็คือรักษาอาการบาดเจ็บ


ทางตำหนักสวรรค์ใช้กลยุทธ์ทุกข์กาย เขาก็เลยดวงซวย ไม่มีทางเลือก ในฐานะที่เป็นคนของตำหนักสวรรค์ เขาได้แต่มองดูคนของตำหนักสวรรค์โดนโจมตีจนสาหัสโดยทำอะไรไม่ได้ แต่เมื่อเทียบกันแล้วเขาก็ยังนับว่าโชคดี ไม่เหมือนกับคนชุดดำพวกนั้น ผู้ตรวจการใหญ่ฮวาอี้เทียนมีความสามารถที่จะช่วยชีวิตพวกเขาได้แท้ๆ แต่กลับไม่ช่วยเหลือ ทำแบบนี้ก็เพื่อจะรอให้ทัพใหญ่มาล้อม เลยทำได้แต่มองกลุ่มลูกน้องเอาชีวิตไปทิ้ง เหมียวอี้นึกย้อนไปแล้วก็ยังรู้สึกกลัวไม่หาย


ทว่าการเยียวยาบาดแผลไม่ราบรื่น เหยียนซิวก็ได้รับบาดเจ็บและกำลังรักษาตัวเช่นกัน คนที่เฝ้าอยู่ข้างนอกมีเพียงหยางเจาชิง หยางเจาชิงรายงานอยู่นอกประตูว่า “คุณชายเหมียว แม่นางฮว๋ามาขอพบขอรับ”


“ให้นางเข้ามา” ในน้ำเสียของเหมียวอี้เจือความเดือดดาลเล็กน้อย ครั้งนี้เกือบจะโดนผู้หญิงคนนั้นเอาชีวิตไปล้อเล่นแล้ว


จ้านหรูอี้ผลักประตูเข้ามา นางก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน เพียงแต่นางนึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องหนึ่งที่ต้องมาอธิบาย


พอเหมียวอี้เห็นนางก็หงุดหงิดแล้ว ถามแดกดันว่า “มีเรื่องอะไร? คงไม่ได้มีภารกิจอะไรอีกหรอกใช่มั้ย?”


จ้านหรูอี้เองก็หวาดผวาเช่นกัน เข้าใจสาเหตุที่เหมียวอี้โมโห แต่นางก็ไม่ได้ถูกเขายั่วให้โมโห ถามเสียงเรียบว่า “ท้อเซียนชุดนั้นที่เจ้าประมูลซื้อได้ในงานขายประมูล เจ้าคงยังไม่ลืมใช่มั้ย?”


ท้อเซียน? เหมียวอี้ที่กำลังนั่งขัดสมาธิยื่นมือ “เอามาให้ข้า!”


“ไม่มี ของยังอยู่ที่ตึกศาลาสัตยพรต” จ้านหรูอี้ตอบ


เหมียวอี้ถลึงตาทันที “เจ้าบอกว่าจะจ่ายเงินให้ข้าไม่ใช่เหรอ? อย่าบอกนะว่าเจ้าล้อข้าเล่น?”


จ้านหรูอี้ตอบว่า “ข้าพูดคำไหนคำนั้น แต่ว่าเจ้าเอาป้ายลำดับไปแล้ว งานประมูลขายไม่เห็นป้ายลำดับก็เลยไม่ยอมจบการซื้อขาย เพราะพวกเขากลัวว่าในภายหลังจะมีคนนำป้ายลำดับของเจ้าไปก่อความวุ่นวาย” พูดจบก็ดีดกำไลเก็บสมบัติวงหนึ่งเข้ามาให้ “เงินนี้ข้าให้เจ้าแล้ว จะไปเอาของที่ตึกศาลาสัตยพรตหรือไม่ก็แล้วแต่เจ้า แต่ข้าต้องเตือนเจ้าไว้ก่อนนะ ว่าตึกศาลาสัตยพรตบอกว่าเจ้าหนีการประมูล ดูเหมือนจะโกรธมาก เจ้าระวังตัวเอาไว้หน่อยเถอะ อย่าสร้างปัญหาให้พวกเรา” พูดจบก็หันตัวเดินออกไป


…………………………

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)