ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1418-1433
ตอนที่ 1418 คบหากับครูฝึก
โจวซื่อซินมองไปที่ถังม่านลี่ที่รู้สึกอับอายและโกรธแค้น ถึงแม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะหายาก แต่ใครให้สาวบ้านนอกคนนี้โง่กันล่ะ!
พูดถึงคนไหนไม่พูด ดันรั้นจะลากจ้าวเหมยเข้ามาเกี่ยวข้องให้ได้?
เจตนาที่จะทำร้ายคุณชายโจวอย่างเขาใช่ไหม!
งั้นจะให้แม่สาวบ้านนอกคนนี้ได้รู้ซึ้งว่าอะไรที่เรียกว่าการรังแกที่แท้จริง!
สีหน้าของถังม่านลี่ดูซีดเซียว ถึงแม้ว่าบ้านเธอจะจนแต่เพราะว่าเธอสวยและตั้งใจเรียน อีกทั้งเธอยังปากหวาน แม้กระทั่งภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านก็ยังรับเธอเป็นลูกบุญธรรม ใคร ๆก็โปรดปรานเธอและยอมเธอบ้าง? ไหนเลยจะเคยได้รับความอับอายขายหน้าแบบนี้มาก่อน?
แถมยังอยู่ต่อหน้าเพื่อนนักเรียนมากมายขนาดนี้!
ถังม่านลี่คิดแค่เพียงว่าอยากจะหาพื้นมุดลงไป แต่เธอรู้สึกเกลียดจ้าวเหมยขึ้นมากกว่าเดิม
เธอมองออกว่าพวกคุณชายเสเพลพวกนี้ไม่ยินดีให้เอ่ยถึงจ้าวเหมย เธอไม่เข้าว่าเกิดอะไรขึ้น ยังคิดไปว่าพวกคุณชายเสเพลพวกนี้ชอบและหลงใหลหน้าตาสวย ๆของจ้าวเหมย ดังนั้นถึงได้รักหยกถนอมบุปผา ไม่เอาคำพูดสกปรกพวกนี้ไปทำให้จ้าวเหมยแปดเปื้อนเป็นมลทิน
นี่ทำให้ถังม่านลี่ยิ่งเกลียดและริษยามากว่าเดิม!
นอกจากพ่อแม่สู้จ้าวเหมยไม่ได้แล้ว อย่างอื่นมีตรงไหนกันที่แย่กว่าจ้าวเหมยงั้นเหรอ?
“พวกแกถูกใจจ้าวเหมยใช่ไหมล่ะ? พวกแกอย่าฝันกลางวันไปหน่อยเลย จ้าวเหมยคบหากับครูฝึกเฉานานแล้ว เขาจะไปเห็นพวกนายอยู่ในสายตาได้อย่างไรกัน?”
คนที่อยู่ภายใต้ความโกรธ มักจะพูดคำพูดที่ไม่เหมาะสมออกมาอยู่เสมอ ถังม่านลี่ตอนนี้เสียสติไปแล้ว เธอแค่ต้องการหาคนที่จะมาลำบากใจด้วยกันกับตัวเธอเท่านั้น และคนที่เหมาะสมที่สุดคือจ้าวเหมยอย่างไม่ต้องสงสัย
เธออยากจะให้เพื่อนนักเรียนชายทุกคนได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของจ้าวเหมยที่ชอบหว่านเสน่ห์ไปทั่ว!
หน้าของเหมยเหมยบึ้งตึง รู้สึกความจริงแล้วถังม่านลี่คิดเพ้อเจ้อมาก คาดไม่ถึงว่าจะคิดไปถึงขั้นว่าเธอกับครูฝึกจะมีความสัมพันธ์กันได้?
แต่ที่มากยิ่งกว่าก็คือความโมโห ยั่วโมโหเธอครั้งแล้วครั้งเล่า คิดว่าเธอเป็นคนดีนักหรือไง?
โจวซื่อซินและคนอื่น ๆต่างก็ตกตะลึงกับข่าวร้อนนี้กันยกใหญ่ คู่หมั้นของจ้าวเหมยไม่ใช่คุณชายหมิงหรอกเหรอ?
เอาเวลาที่ไหนคบกับครูฝึก?
นี่คืหมายความว่าจ้าวเหมยเหยียบเรือสองแคม?
คนทั้งหมดรวมถึงนักเรียนจากห้องอื่น ๆต่างมองมาที่จ้าวเหมยเป็นตาเดียว ในแววตาต่างตื่นเต้นและกระหายความอยากรู้
ไม่ว่าจะยุคไหน ข่าวเชิงชู้สาวมักจะเป็นอะไรที่ได้รับความสนใจอยู่เสมอ โดยเฉพาะคนสำคัญในข่าวที่เป็นดาวมหาวิทยาลัยกับครูฝึก คิด ๆแล้วก็ตั้งหน้าตั้งตารอฟังอย่างจดจ่อเลยทีเดียว
เหมยเหมยดึงฉีฉีเก๋อที่คิดอยากจะด่าคนเอาไว้ ยืนขึ้นมาแล้วเดินไปทางถังม่านลี่ สีหน้าท่าทางเย็นชามาก หากมีเข็มหล่นลงกลางสนามกีฬาก็คงได้ยิน ทุกคนต่างกลั้นหายใจและถ่างดวงตาเบิกกว้าง
จ้าวเหมยจะทำอะไร?
ถังม่านลี่รู้สึกใจฝ่อขึ้นมา แต่พอเห็นหน้าตางดงามขาวผ่องของเหมยเหมย ก็ยึดหลังตรงขึ้นมา
เธอก็ไม่ได้พูดผิด จะกลัวไปทำไม?
“เธอบอกว่าฉันกับครูฝึกแอบคบหากัน?” เหมยเหมยเตี้ยกว่าถังม่านลี่แต่ครึ่งหัว แต่พลังกลับไม่น้อยหน้าเลยแม้แต่นิดเดียว
“ใช่!” ถังม่านลี่มีเหตุผลเต็มที่ที่จะพูดได้เต็มปาก
“เธอมีสิทธิ์อะไรมาพูดแบบนี้? มีหลักฐานพิสูจน์ไหม?” เหมยเหมยถามเสียงเย็น ใบหน้าไร้อารมณ์
ถังม่านลี่นิ่งตะลึงไปก่อน แล้วตะโกนว่า “นี่ยังต้องการมีหลักฐานอีกเหรอ? ครูฝึกตามไปดูแลเธอทุกที่ ทั้งยังทำกับข้าวแยกให้เธอเป็นพิเศษอีก พวกเธอไม่คบหากันแล้วจะเป็นอะไรกันได้ล่ะ? อย่าคิดว่าฉันโง่นะ!”
เหมยเหมยแอบยิ้มเยาะในใจ ไม่ได้โง่จริง ๆ แม้แต่ทำกับข้าวแยกให้ยังมองออก
“ฉันขอถามเธออีกครั้ง ที่เธอพูดเรื่องพวกนี้มีหลักฐานพิสูจน์ไหม? เธอเห็นว่าครูฝึกทำกับข้าวแยกไว้ให้ฉันเป็นพิเศษเหรอ?” เหมยเหมยย้ำถามทีละคำ
ถังม่านลี่มองเห็นท่าทางเย็นชาของเหมยเหมย ก็เหมือนสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่าง แต่เธอก็ยังรวบรวมความกล้าขึ้นมา ชี้ไปที่สีอันน่าและพูดว่า “สีอันน่าเขาเห็นว่าเนื้อในจานทั้งหมดไม่ติดมัน ไม่เหมือนกับอาหารของพวกเรา”
สีอันน่าตัวสั่น รีบปฏิเสธอย่างรวดเร็ว “ฉันไม่เคยพูด ถังม่านลี่เธออย่าโทษคนอื่นสุ่มสี่สุ่มห้าสิ”
“เห็นอยู่ชัด ๆว่าเธอพูด พวกเธอก็ได้ยินกันหมด ฉันไม่ได้โกหก……” ถังม่านลี่หวังว่าพวกเจิ้งเสวี่ยซานจะลุกขึ้นมาช่วยเธอพูด แต่พวกเจิ้งเสวี่ยซานต่างก็ก้มหัว ทำเหมือนไม่ได้ยิน
เหมยเหมยส่งเสียงยิ้มเยาะ “ดังนั้นถังม่านลี่เธอแค่ได้ยินคนอื่นพูดจาเหลวไหลมา จากนั้นก็จงใจใส่ร้ายป้ายสีฉันอย่างนั้นเหรอ? หรือว่าพ่อแม่ของเธอไม่เคยสั่งสอนว่าเรื่องที่ไม่ได้เห็นมากับตาอย่าเอาไปพูดซี้ซั้วใช่ไหม? วันนี้ฉันจะสั่งสอนเธอเอง!”
……………………………………………
ตอนที่ 1419 ตั้งใจเรียนจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นทุกวัน ๆ
ถังม่านลี่ยังฟังไม่เข้าใจว่าเหมยเหมยหมายความว่าอะไร แต่เธอก็เข้าใจอย่างรวดเร็ว ปิดหน้าครึ่งหนึ่งที่แสบร้อนเอาไว้ มองเหมยเหมยอย่างเชื่อสายตา
“เธอ…ไม่นึกเลยว่าเธอจะตบฉัน…”
ถึงแม้ว่าพ่อแม่ของเธอจะให้ความสำคัญกับผู้ชายมากกว่าผู้หญิง แต่เพราะว่าเธอคือลูกสาวบุญธรรมของภรรยาหัวหน้าหมู่บ้าน ดังนั้นถึงแม้ว่าเธอก็ต้องทำงานเหมือนกัน แต่การกินอยู่ที่บ้านก็ดีกว่าพวกพี่สาวน้องสาวเยอะ ตอนเด็กจึงไม่เคยโดนตีสักเท่าไร พอโตแล้วยิ่งไม่มีเข้าไปใหญ่
ไว้หน้ากันบ้างสิ!
จ้าวเหมยตบหน้าเธอต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ ถังม่านลี่ที่หยิ่งในศักดิ์ศรีของตัวเองไหนเลยจะรับไหว? ตบกลับไปโดยไม่ต้องคิด จ้าวเหมยขนาดตัวเท่า ๆกับน้องหลินยังไง แค่มือเดียวเธอก็สามารถจัดการได้แล้ว
แต่ทว่า——
มือของถังม่านลี่ยังไม่ทันจะถึงหน้าจ้าวเหมย ส่วนท้องก็ถูกถีบเข้าให้ทีหนึ่ง เจ็บจนหน้ายู่แล้วเอามือกุมท้องงอตัว
ความโกรธในใจของเหมยเหมยยังไม่หาย หนึ่งเดือนแล้วที่ไม่สามารถติดต่อเหยียนหมิงซุ่นได้ คนน่ารังเกียจแต่ละคนเหล่านี้ยังคงก่อกวนเธอไม่เลิก ถึงขนาดประเคนตัวมาให้ระบายถึงที่!
เดิมทีฉีฉีเก๋อยังกังวลเป็นห่วงว่าเหมยเหมยจะเสียเปรียบ แต่พอเห็นเธอซัดถังม่านลี่จนล้มลงอย่างสบาย ๆ ก็วางใจนั่งลงที่เดิม
ดูละคร
“ตอนนี้รู้หรือยังว่าควรพูดจาอย่างไร?” เหมยเหมยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ถังม่านลี่เจ็บจนต้องสูดลมหายใจอย่างไม่ยอมแพ้ พูดอย่างโกรธแค้นว่า “จ้าวเหมยเธอกลัวใช่ไหมล่ะ? ถ้าเธอไม่ได้คบหากับครูฝึกจริง ๆ ทำไมต้องลงไม้ลงมือด้วย? เธอกลัวใช่ไหมล่ะ!”
ความรำคาญใจพุ่งปรี๊ดขึ้นมาอีกครั้ง เหมยเหมยขมวดคิ้วแน่น หมดคำพูดกับความโง่ของถังม่านลี่จริง ๆ
ไอคิวแบบนี้ทำไมถึงสอบเข้ามหาวิทยาลัยเมืองหลวงได้นะ?
“ถังม่านลี่หัวสมองเธอคงโดนหมาแทะไปหมดแล้วมั้ง? ฉันไม่ใช่พระเจ้านะ ที่มีคนตบฉัน ฉันยังจะหันหน้าอีกข้างให้ตบน่ะ? เธอใส่ร้ายฉันต่อหน้าผู้คนมากมาย ฉันไม่ตบตีเธอสิถึงจะเรียกว่าโง่!”
เหมยเหมยส่งเสียงยิ้มเยาะอย่างเย็นชา อยู่ดี ๆก็ไม่อยากจะลงมือแล้ว คนโง่แบบนี้ไม่คู่ควรให้เธอมาเสียเวลาด้วย
“ถังม่านลี่ ในฐานะเพื่อนนักเรียนห้องเดียวกัน คราวนี้ฉันจะไม่เอาความเธอ แต่ถ้าฉันได้ยินเธอหรือคนอื่นพ่นเรื่องไร้สาระอีกล่ะก็ อย่าโทษฉันที่ไม่เห็นแก่ความเป็นเพื่อนร่วมชั้น รอหมายศาลได้เลย!”
เหมยเหมยหันไปมองสีอันน่าอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง ผู้หญิงคนนี้ถือว่าฉลาด ยุยงถังม่านลี่ผู้หญิงโง่คนนี้ให้ออกหน้า ส่วนตัวเองกลับยุยงอยู่ด้านหลัง
สีอันน่าก้มหัวลงอย่างหวาดผวา เธอคาดไม่ถึงว่าจ้าวเหมยจะโหดเหี้ยมขนาดนี้ บทจะลงมือก็ลงมือเลย ไม่ประนีประนอมกันเลยสักนิด
เจิ้งเสวี่ยซานตาเป็นประกาย เมื่อครู่เธอพลันนึกเรื่องบางอย่างขึ้นได้ แต่กลับโดนคำพูดของจ้าวเหมยดับฝันไป ถ้าหากจ้าวเหมยสืบหาได้ว่าคนที่ปล่อยข่าวลือคือเธอ ก็คงจะ…
“ทุกคนสงบสติอารมณ์หน่อย เวลาที่คนเรากำลังโมโห มักจะพูดอะไรที่ไม่เหมาะสม จ้าวเหมยเธอก็อย่าเอาเรื่องหมายศาลมาทำให้ถังม่านลี่ตกใจสิ จะคิดเอาได้ว่าเธอพูดจริงจังเสียอีก!”
เจิ้งเสวี่ยซานนึกขึ้นได้จึงพูดโน้มน้าวอย่างอ่อนหวาน
เหมยเหมยยังคงมีท่าทีเย็นชาเหมือนเดิม พูดเสียงต่ำว่า “ใครบอกว่าฉันล้อเล่น สำหรับคนที่สร้างข่าวลือ ไม่ว่าจะเป็นใครฉันก็ไม่เกรงใจทั้งนั้น รอศาลออกหมายเรียกได้เลย!”
เธอชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วพูดอีกครั้ง “ความผิดฐานหมิ่นประมาทจะถูกตัดสินจำคุกหลายปี ฉันจำได้ว่าหนึ่งถึงสามปี นี่แหละ แน่นอนว่าเมื่อถูกตัดสินจำคุก มหาวิทยาลัยคงไม่ให้เรียนต่อแน่นอน ใบประกาศนียบัตรก็จะไม่มีอีกต่อไป ดังนั้นฉันขอแนะนำใครบางคนเสียหน่อยว่า ตั้งใจเรียนจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นทุกวัน ๆ อย่าดีแต่ทำตัวก่อกวนเป็นสัมภเวสีเช้าจรดเย็น!”
คนที่มีเจตนาร้ายต่างก็หัวใจเต้นเร็ว พวกเธอไม่รู้ว่าที่จ้าวเหมยพูดจริงหรือเท็จ
จะไม่กลัวไว้ก่อนก็ไม่ได้ ถ้าหากว่าเป็นจริงขึ้นมาล่ะ พวกเธอลำบากลำบนแทบตายกว่าจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยเมืองหลวงได้ สุดท้ายจะกลายเป็นเรื่องตลกไปได้!
ยังจะมีหน้าอะไรกลับบ้านไปเจอหน้าพ่อแม่อีกล่ะ?
ตอนที่ 1420 ทำได้แค่เพียงให้เธอเห็นความจริง
พวกโจวซื่อซินมองเหมยเหมยอย่างชื่นชม ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นคุณชายครอบครัวร่ำรวยแต่สายตาว่องไวเฉียบแหลม เมื่อครู่มองแค่แวบเดียวก็มองออกว่าจ้าวเหมยมีฝีมือในการต่อสู้ ดูวิธีจัดการกับถังม่านลี่อย่างสวยงามนั่นสิ!
สมแล้วที่เป็นผู้หญิงของคุณชายหมิง!
ช่างมีพลังเสียจริง!
“ฉันต้องเปลี่ยน ดอกเหมยที่มีเสน่ห์ต้องเป็นจ้าวเหมย” จู่ ๆโจวซื่อซินก็พูดเสียงเบา
เพื่อนนิสัยเจ้าเล่ห์คนอื่นได้ยินก็เข้าใจทันที ในใจพลันรู้สึกเศร้าขึ้นมา เมื่อก่อนยังนึกว่าจ้าวเหมยเป็นสาวแรงน้อยอย่างต้นหลิวที่โอเอนไปตามลม แต่ใครจะคิดว่าเขากลับเป็นผู้หญิงโหดเหี้ยม เหมาะกับรสนิยมของพวกเขาเลย!
แต่ว่า——
“เฮ้อ…ไม่อีกไม่ได้แล้ว…ระวังหน้าต่างมีหูประตูมีช่อง!” มีคนพูดเตือนเสียงเบา
คนอื่น ๆต่างก็เงียบไม่พูดไม่จา ไม่ส่งเสียง
คำพูดของเหมยเหมยถือว่าทรงพลังพอจะสยบเจิ้งเสวี่ยซานและสีอันน่าลงได้ อย่างน้อยก็มีความรู้ทางกฎหมายอยู่บ้าง รู้ว่าเหมยเหมยไม่ได้เจตนาพูดข่มขวัญแต่อย่างใด อีกทั้งเส้นสายของเหมยเหมย ถ้าหากกระทำการลับๆ สามถึงห้าปีก็เป็นไปได้
แบบนั้นพวกเธอก็ไม่มีวันที่จะได้มีวันชูหน้าชูตาหลุดจากสภาพเลวร้ายได้แน่!
ถึงแม้ว่าถังม่านลี่จะถือเป็นนักเรียนที่มีพรสวรรค์สูง แต่เธอเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่จำกัด ถือได้ว่าไม่มีความรู้ด้านกฎหมายเลย คิดไปว่าเหมยเหมยจงใจทำให้เธอกลัว ไม่ได้จะใช้มันอย่างจริงจัง
แค่พูดจาซี้ซั้วไม่กี่คำก็ติดคุก งั้นย่าของเธอด่าสามวันหลังอาหารก็เห็นใช้ชีวิตปกติสุขดี ไม่เห็นเธอเข้าคุกเข้าตารางเลย!
อย่าคิดว่าเธอหลอกง่ายขนาดนั้นสิ!
“จ้าวเหมยเธอคิดว่าผู้ชายของเธอเป็นทั้งหัวหน้าตำรวจและอาจารย์ใหญ่หรือไง คิดจะจับใครก็ได้อย่างที่เธอต้องการ ไม่อยากให้เรียนจบก็จะไม่ให้เรียนจบ ถ้าเก่งขนาดนั้นทำไมเธอไม่เหินขึ้นฟ้าไปเลยล่ะ?” ถังม่านลี่ยิ้มเยาะด้วยท่าทางใบหน้าเยาะเย้ย
เดิมทีเหมยเหมยไม่อยากจะโต้เถียงกับคนโง่นี่อีก เพิ่งจะหันหลังกลับไปก็ได้ยินคนโง่พูดจาพล่อย ๆอีกครั้ง จึงบิดตัวและถีบหน้าของถังม่านลี่อย่างสวยงาม
เสียงถังม่านลี่ล้มลงไปกองกับพื้น เสียงดังตึงสนั่นหวั่นไหว!
ทุกคนต่างตะลึงค้าง……
เหมยเหมยเหยียบไปที่ถังม่านลี่ที่คิดอยากจะลุกขึ้นมา มองลงไปที่เธอ
“ถังม่านลี่ แนะนำเธอครั้งแล้วครั้งเล่าทำไมเธอไม่รู้จักเปลี่ยนตัวเอง? ในเมื่อเธอยังไม่เชื่อ งั้นก็จะทำให้เธอเรียนรู้ว่าสิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น!” เหมยเหมยมองเธอด้วยสายตาดูแคลนแวบหนึ่ง เก็บเท้ากลับมาแล้วก็หันตัวเดินไป
ถังม่านลี่เป็นฝ่ายเสียเปรียบไหนเลยจะยินยอม ร้องตะโกนหมายจะตบตีเหมยเหมย โจวซื่อซินและคนอื่น ๆต่างแอบส่ายหัว
”โง่…ผู้หญิงประเภทนี้พวกนายอยากจะเล่นด้วยหน่อยไหม? เหมาะมือมากเลยนะ” โจวซื่อซินถามเสียงเบา
คุณชายเสเพลคนอื่น ๆสายตาเป็นประกาย ต่างก็พยักหน้า
ผู้หญิงที่หน้าอกใหญ่แต่ไม่มีสมองพวกเขาชอบนักล่ะ หลอกง่ายขายออกสบาย ๆ
ในเวลานี้คำพูดของพวกสารเลวสองสามคนนี้เป็นการตัดสินชะตากรรมของถังม่านลี่แล้ว ไปจนถึงขั้นจะเรียงลำดับหนึ่งสองและสาม เพื่อนนักเรียนชายคนอื่นไม่ได้ยินสิ่งที่พวกเขากำลังพูดถึง แต่พวกเขาก็รู้ว่าพวกนั้นต้องคิดเรื่องอะไรไม่ดีอยู่แน่ ทั้งอิจฉาและขยะแขยง
เหมยเหมยได้ยินการเคลื่อนไหวจากข้างหลัง รู้สึกเหนื่อยใจและเบื่อถังม่านลี่เอามาก ๆจึงเพิ่มแรงที่ขา ถีบเข้าไปอีกครั้ง ครั้งนี้ถังม่านลี่ไม่ได้ลุกขึ้นมา แต่ส่งเสียงโอดครวญแทน
ครูฝึกคนอื่นเห็นมานานแล้ว แต่พวกเขาทั้งหมดกลับเอามือไพล่หลังดูความสนุก ไม่มีใครมาห้ามปราม
แต่พอพวกเขาได้เห็นฝีมือที่คล่องแคล่วว่องไวแล้วกลับรู้สึกตกใจอยู่บ้าง ถึงแม้ว่าฝีมือการต่อสู้ของเหมยเหมยสำหรับพวกเขาแล้วจะไม่ได้โดดเด่นอะไรมาก ดีกว่าท่ามวยฉาบฉวยหน่อย แต่ฝีมือดีขนาดนี้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว
ดังนั้นพวกครูฝึกพวกนี้คร้านจะสนใจเรื่องไร้สาระพวกนี้ ถึงขนาดพูดคุยกันด้วยเสียงต่ำ ดูฉากทะเลาะกันอย่างสนุกสนานจริงๆ
“ครูฝึกมาแล้ว…..”
ไม่รู้ว่าใครตะโกนขึ้นมา พวกนักเรียนต่างก็เงียบลงมา เหมยเหมยก็กลับไปที่ขบวนนั่งลงยืดหลังตรง มีแต่เพียงถังม่านลี่ที่ยังนอนอยู่บนพื้นด้วยสภาพดูไม่ได้เลย
……………………………………………
ตอนที่ 1421 ลงโทษทั้งหมด
“เกิดอะไรขึ้น?”
ครูฝึกหน้านิ่งถามถังม่านลี่ การซ้อมเดินมันซ้อมที่พื้นได้ด้วยเหรอ?
สมองโดนหมาขยำทิ้งไปแล้วหรือไง?
“ครูฝึกค่ะ จ้าวเหมยตบตีฉันค่ะ!” ถังม่านลี่รีบฟ้อง ในใจกระวนกระวายเป็นอย่างมาก ถึงอย่างไรท้ายที่สุดแล้วครูฝึกก็คือ ‘ชายชู้’ ของจ้าวเหมย ถ้าหากว่าเกิดขัดแข้งขัดขาเธอขึ้นมาจะทำอย่างไร?
แต่เธอก็คิดได้ว่าต่อหน้าผู้คนมากมายแบบนี้ ครูฝึกคงไม่กล้าปกป้องจ้าวเหมยอย่างออกนอกหน้าต่อหน้าสาธารณชนหรอกใช่ไหม?
แต่ว่า——
นายทหารครูฝึกพูดด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดว่า “ขาขาดไหม?”
“ไม่ค่ะ!” ถังม่านลี่งงงวย ทำไมถึงได้ถามถึงขาของเธอกันล่ะ?
“ไม่ขาดก็ลุกขึ้นมา ทำเหมือนที่นี่เป็นเตียงบ้านตัวเองไปได้ นอนสบายมากใช่ไหมล่ะ?” นายทหารครูฝึกไม่สนใจความหยิ่งในศักดิ์ศรีในตัวเองของถังม่านลี่เลยสักนิด ทำตัวเหมือนนายทหารยศใหญ่ที่ด่านายทหารใหม่ยังไงอย่างนั้น
แอบก่นด่าบุพการีอยู่ในใจ วัน ๆเอาแต่หาเรื่องว่าที่พี่สะใภ้ของเขา เพิ่มความยากในการทำงานของเขา สร้างงานให้จริง ๆ!
“ฮ่า ๆ!”
พวกนักเรียนทั้งหมดหัวเราะกันยกใหญ่
ถังม่านลี่รู้สึกอับอายและโกรธมาก ลุกขึ้นยืนไม่กล้าปัดฝุ่นบนเสื้อผ้าด้วยซ้ำ ดูแล้วท่าทางจะจนตรอกน่าดู
ครูฝึกเรียกชื่อหัวหน้าห้องทั้งสองห้องออกมา หัวหน้าห้องของสาขาออกแบบโฆษณาคือนักเรียนชายที่ดูสุขุมเป็นพิเศษ เขาพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนว่าเป็นมาอย่างไร ถือว่ายังมีความเป็นธรรม ไม่โกหกใคร เจิ้งเสวี่ยซานที่อยู่ท่ามกลางคนมากมายแน่นอนว่าไม่กล้าพูดปดแน่นอน จึงเล่าเรื่องทุกอย่างตามเขา
พอครูฝึกได้ยินว่าถังม่านลี่พูดว่าเขามีความสัมพันธ์กับพี่สะใภ้ในอนาคต จู่ ๆหน้าก็ดำเหมือนก้นหม้อ ดวงตาคมกริบหันไปจ้องถังม่านลี่
นี่ถ้าหากให้คุณชายหมิงรู้เข้า เขาจะยังสามารถมีชีวิตต่อได้อีกหรือ?
นักเรียนหญิงสมองหมูคนนี้มีเจตนาที่จะฆ่าเขา!
ช่างเป็นการหาเรื่องอันตรายให้เขาเสียจริง!
ทำไมพี่สะใภ้ในอนาคตไม่เตะให้หนักกว่านี้?
หากเปลี่ยนเป็นเขาคงจัดการบี้กระดูกซี่โครงของนังโง่นี้ให้เละเป็นโจ๊กแน่นอน แล้วก็ฉีกปากเหม็น ๆนั่นด้วย!
“เธอรู้หรือไม่ว่าการทำให้ชื่อเสียงของทหารเสื่อมเสียต้องขึ้นศาลทหาร” น้ำเสียงของนายทหารครูฝึกเย็นชายิ่งกว่าลมหนาวของวันเพ็ญเดือนสิบสองเสียอีก ถึงแม้ว่าถังม่านลี่จะยืนอยู่ใต้แสงแดดที่แผดจ้า แต่ก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น
จ้าวเหมยพูดว่าศาลอะไรเธอไม่เชื่อทั้งนั้น แต่พอครูฝึกพูดเท่าเธอกลับไม่ข้องใจอะไรเลยสักนิด
เธอรู้จักศาลทหาร แค่ได้ยินก็รู้ว่าไม่ใช่สถานที่ที่ดีนัก ถังม่านลี่ตัวสั่นด้วยความตกใจ ปากซีด เหงื่อเย็นไหลลงบนหน้าผากซึมไหลลงไปในเท้าที่เปื้อนดินทราย
“ฉั…ฉัน…”
ถังม่านลี่อยากจะอธิบายว่าเธอพูดเรื่องไร้สาระ แต่ลิ้นไม่ให้ความร่วมมือ ‘ฉัน’ อยู่นานก็ยังพูดไม่จบประโยคเสียที น้ำตาไหลพราก ดูน่าสงสารเป็นอย่างมาก
เหมยเหมยกลับไม่เห็นใจเธอเลยสักนิด ครั้งสองครั้งยังพอทนแต่ผู้หญิงคนนี้กลับได้คืบจะเอาศอก ถ้าหากไม่ให้บทเรียนที่น่าจดจำแก่เธอ กลัวว่าจะไม่ได้ใช้ชีวิตแสนสงบสุขตลอดเวลาสี่ปีในมหาวิทยาลัย
ครูฝึกก็ไม่ได้จัดการกับถังม่านลี่เช่นกัน เขาเข้าไปหาผู้บริหารมหาวิทยาลัยแล้วเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง ทั้งยังบอกอีกว่าถ้าผู้บริหารไม่จัดการ งั้นฝ่ายกองทัพของพวกเขาจะช่วยจัดการเอง
ผู้บริหารโรงเรียนไหนเลยจะกล้ารบกวนทางกองทัพ สัญญาว่าจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง ครูฝึกจะต้องพอใจอย่างแน่นอน!
จนปัญญา ขยับปากกาเขียนง่ายกว่าขยับปากกระบอกปืน!
หลังจากครูฝึกกลับมาเขาก็ลงโทษกลุ่มคุณชายพวกนั้นโดยให้วิ่งยี่สิบรอบสนามกีฬา วิ่งเสร็จถึงจะกินข้าวได้ ใครให้พวกเขาปากพล่อยกันล่ะ!
หัวหน้าห้องก็ต้องวิ่งยี่สิบรอบ เป็นถึงหัวหน้าห้องแต่ไม่ยอมห้ามเพื่อน ต้องลงโทษ!
สีอันน่าสิบรอบ ข้อหาปากพล่อย ต้องโดนลงโทษเช่นกัน!
ส่วนเรื่องที่จ้าวเหมยตบตีนั้นครูฝึกไม่พูดถึงเลยสักนิด เพื่อนร่วมชั้นคนอื่นต่างก็รู้แก่ใจดีแต่ไม่มีใครกล้าพูดถึง พวกเขาไม่ใช่ถังม่านลี่ผู้โง่เขลา ไม่ได้รีบรนหาที่ตายสักหน่อย!
การลงโทษของถังม่านลี่ยังไม่ได้ตัดสินลงมา เจียงจื้อหรู่ก็เข้ามาเอาตัวถังม่านลี่ไปพูดคุย วันนั้นถังม่านลี่กล่าวความผิดของตัวเองต่อหน้านักเรียนใหม่ พร้อมทั้งขอโทษครูฝึกและจ้าวเหมย
แต่การลงโทษนี้ยังไม่ถือว่าจบสิ้น การลงโทษจะดำเนินการหลังจากการฝึกทหารสิ้นสุดลง ในใจของถังม่านลี่อยู่ไม่สุข ไหนเลยยังจะมีจิตใจจัดการเหมยเหมย ได้แต่อกสั่นขวัญผวากลัวไปหมด
ตอนที่ 1422 การลงโทษของทางโรงเรียน
เจียงจื้อหรู่เรียกหาจ้าวเหมยเพื่อพูดคุยด้วยเช่นกันเกี่ยวกับเรื่องถังม่านลี่ ความหมายของเจียงจื้อหรู่ก็คือว่าเหมยเหมยไม่ควรให้ผ่านช่องทางทางกฎหมาย ถึงอย่างไรนอกจากถังม่านลี่จะขายขี้หน้า ทางโรงเรียนก็เสียหน้าด้วยเช่นกัน
“ความขัดแย้งภายในของพวกเราก็แก้ไขกันภายใน อย่าสร้างเรื่องจนทำให้คนอื่นหัวเราะเยาะเอาได้เลย เธอคิดอย่างไร?” เจียงจื้อหรู่พูดยิ้ม ๆ
เหมยเหมยไม่เห็นด้วยทันที พูดอย่างใจเย็นว่า “งั้นมันก็ขึ้นอยู่กับว่าทางโรงเรียนจะแก้ไขอย่างไร หากอาจารย์เอาแต่ตักเตือนและต่อว่าไม่ถูกจุด ถ้าอย่างนั้นหนูก็คงต้องรบกวนศาล เพื่อสั่งสอนถังม่านลี่ว่าควรทำตัวอย่างไรแล้วล่ค่ะ”
เจียงจื้อหรู่เข้าใจความหมายของเธอ พูดขึ้นมาแล้วคนอย่างถังม่านลี่ช่างทำให้คนเอือมระอาเสียจริง
แต่ใครให้นักเรียนหญิงน่ารังเกียจคนนี้เป็นนักเรียนของเขากันล่ะ!
ในฐานะที่เป็นอาจารย์ก็หวังเสมอว่านักเรียนของตัวเองเรียนจบอย่างราบรื่น มีอนาคตที่ดี
“วางใจได้ ครั้งนี้ทางโรงเรียนจะลงโทษถังม่านลี่อย่างหนัก ลงบันทึกความผิดร้ายแรงครั้งที่หนึ่ง และตัดสิทธิ์ทุนการศึกษาเป็นเวลาสองปี เธอเห็นสมควรอย่างไรบ้าง?” เจียงจื้อหรู่เสียดายแทนถังม่านลี่
เขาเคยอ่านข้อมูลของถังม่านลี่ รู้ว่าเธอมาจากหมู่บ้านที่ยากจนที่สุดในจ่าวจวง สถานภาพการเงินของครอบครัวไม่ค่อยดี หากไม่สามารถได้รับทุนการศึกษา แรงกดดันของเธอคงไม่น้อย
แต่เขาพยายามเต็มที่แล้ว ไม่อย่างนั้นทางโรงเรียนคงตัดสิทธิ์ถังม่านลี่ที่จะได้ทุนการศึกษาตลอดไป
เห็นท่าทีเหมือนเหมยเหมยจะยังไม่พอใจ เจียงจื้อหรู่จึงอธิบายต่อว่า “นักเรียนของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงมีโอกาสแค่สามครั้งในการโดนลงทัณฑ์ หากเกินสามครั้งก็จะไม่สามารถรับประกาศนียบัตรจบได้ ถังม่านลี่เหลือโอกาสอีกแค่สองครั้ง การลงโทษนี้ก็ถือว่าหนักพอสมควรแล้ว”
“ก็ได้ เห็นแก่ทางโรงเรียน หนูจะไม่เอาผิดทางกฎหมายกับถังม่านลี่ก็ได้ค่ะ แต่ว่า……”
เหมยเหมยหยุดไปครู่หนึ่ง พูดเน้นเสียงหนักว่า “อาจารย์เจียง หนูขอพูดในทางที่ไม่ดีไว้ก่อนนะคะ หากในอนาคตถังม่านลี่ยังไม่ยอมรามือ จงใจแพร่ข่าวลือของฉันออกไปแบบนั้นอีก ถึงตอนนั้นหนูคงต้องใช้มาตรการทางกฎหมายจริง ๆแล้ว”
เจียงจื้อหรู่หัวเราะอย่างจนปัญญาและเห็นด้วย
เพียงแต่หวังว่าถังม่านลี่จะสามารถเรียนรู้จากบทเรียนนี้ได้จริง ๆ เลิกทำอะไรโง่ ๆอีก!
พวกเจิ้งเสวี่ยซานรับรู้เรื่องการลงโทษถังม่านลี่ของทางมหาวิทยาลัยก็แอบตกใจอยู่บ้าง เดิมทียังรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมที่วิ่งสิบรอบแต่ตอนนี้ไม่รู้สึกอีกแล้ว เมื่อเทียบกับการลงบันทึกความผิดและการยกเลิกทุนการศึกษา วิ่งสิบรอบนับว่าเป็นการลงโทษที่ไม่รุนแรงเลยสักนิด
แต่พวกเธอหวาดกลัวเหมยเหมยมากขึ้นเช่นกัน ไม่คาดคิดว่าจ้าวเหมยจะไม่เห็นอกเห็นใจกันบ้างเลย บทจะโมโหขึ้นมาก็เอาไม่อยู่เลย
วันนี้หลังจากที่ถังม่านลี่สารภาพผิดต่อหน้าสาธารณชนเรียบร้อยแล้ว ก็กลับไปฟุบตัวร้องไห้บนเตียงที่หอพัก เจิ้งเสวี่ยซานกำลังปลอบใจเธอ คนอื่นกลับไม่ได้ส่งเสียงพูดอะไร แต่ก็เห็นใจถังม่านลี่อยู่เหมือนกัน
ยกเว้นก็แต่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนและฉีฉีเก๋อ
พวกเธอต่างก็รู้สึกว่าถังม่านลี่สมควรโดนแล้ว กรรมใดใครก่อกรรมนั้นคืนสนอง!
เหมยเหมยขอตัวกลับหอพักกับเจียงจื่อหรู่ กลับเจอครูฝึกหน้านิ่งอยู่ระหว่าทางพลันนึกอดดีใจไม่ได้ กำลังคิดจะไปหาเขาอยู่พอดี!
ครูฝึกหันมาพยักหน้าให้เธอเบา ๆ ใบหน้าไม่แสดงความรู้สึกอะไร
ในใจกลับเต้นตุบ ๆ เขาต้องรักษาระยะห่างกับว่าที่พี่สะใภ้ในอนาคต ไม่งั้นถ้าหากมีคนโง่พูดจาไร้สาระแบบถังมานลี่อีก เขาคงไม่มีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกแล้ว!
“ครูฝึกเฉา ฉันหาคุณเพราะมีธุระนิดหน่อยค่ะ”
ครูฝึกกำลังคิดว่าจะบ่ายเบี่ยงหลบหน้าไป พอได้ยินเสียงของพี่สะใภ้ใหญ่ก็ต้องหยุดลงอย่างไม่มีทางเลือก ทำหน้าขรึมถามว่า “เรื่องอะไร?”
เหมยเหมยยิ้มอย่างเกรงใจ ตั้งใจหยั่งเชิงถามดูว่า “ฉันอยากจะโทรศัพท์หาเมิ่งจางชิง”
จริง ๆด้วย ครูฝึกกระพริบตาเพียงแวบหนึ่ง เหมยเหมยก็ยืนยันได้เลยว่าเขารู้จักเสี่ยวเมิ่งด้วย
“ตามผมมาเถอะ!”
ครูฝึกไม่ถามเยอะ เพียงแค่โทรศัพท์เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เอง ว่าที่พี่สะใภ้อยากโทรแน่นอนว่าเขาต้องทำให้พอใจสิ!
……………………………………………
ตอนที่ 1423 นายท่านของคุณสมองกลวง
ครูฝึกหน้านิ่งพาเหมยเหมยไปห้องทำงานห้องหนึ่ง ให้เธอเขาห้องไปใช้โทรศัพท์ ส่วนตัวเองก็เฝ้าอยู่หน้าประตูข้างนอกแต่กลับตั้งใจเงียหูฟัง
เหมยเหมยกดเบอร์โทรศัพท์ของฟาร์มอย่างคล่องแคล่ว และโชดดีไม่น้อยเพราะคนที่รับโทรศัพท์ก็คือเสี่ยวเมิ่ง พอได้ยินเสียงของเหมยเหมย คิ้วของเขาก็ขมวดแน่น กลัวอะไรมักจะเจอจริง ๆ
“อาเมิ่งคะ ฉันคือจ้าวเหมย พี่หมิงซุ่นกลับมาหรือยังคะ?” เหมยเหมยถามทันทีอย่างไม่อ้อมค้อม
“ไม่เร็วขนาดนั้นหรอก? อย่างน้อยก็ยังต้องอีกสิบกว่าวันครึ่งเดือนนู่น เธอฝึกทหารอย่างวางใจเถอะ รอฝึกทหารเสร็จก็จะได้เจอหน้าหมิงซุ่นแล้ว” เสี่ยวเมิ่งพูดกล่อมเธอ
ตอนนี้มีการยืนยันแล้วว่าเหยียนหมิงซุ่นอยู่ในทะเลทราย แต่กองทัพของประเทศ Y คุ้มกันทางเข้าออกหลายแห่งของทะเลทรายอย่างแน่นหนา คนที่เขาส่งไปแฝงตัวเข้าไปไม่ได้เลย จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่พบตำแหน่งของเหยียนหมิงซุ่น ยิ่งล่าช้านานเท่าไรพวกเขาก็ยิ่งกังวลมากขึ้นเท่านั้น
เรื่องพวกนี้แน่นอนว่าไม่สามารถบอกเหมยเหมยได้ เดี๋ยวจะคิดมาก กังวลเป็นห่วงไปเสียเปล่า ๆ
เหมยเหมยได้ยินก็แปลกใจขึ้นมาทันที เมื่อก่อนเหยียนหมิงซุ่นทำงานเสร็จก็จะกลับมาพักผ่อนระยะหนึ่งก่อน จากนั้นถึงจะไปทำงานต่อ ไม่เคยทำงานต่อเนื่องเช่นนี้ ทำไมถึงรู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลอยู่นะ
“ลุงเมิ่ง พี่หมิงซุ่นเกิดอะไรขึ้นใช่ไหมคะ?” เหมยเหมยถามอย่างร้อนใจ
“จะเป็นไปได้ยังไง เธอคิดอะไรเนี่ย หมิงซุ่นจะเป็นอะไรไปได้อย่างไรกันเล่า? ไม่มีเรื่องอะไรทั้งนั้นแหละ อีกไม่กี่วันก็กลับมาแล้ว” เสี่ยวเมิ่งพูดกล่อมด้วยน้ำเสียงน่าฟัง ในใจหวาดกลัวอย่างไม่มีสาเหตุ
เหมยเหมยเชื่อครึ่งหนึ่งสงสัยครึ่งหนึ่ง แต่ว่าเธอก็ไม่ได้มีความรู้สึกที่ไม่ดีอะไร เมื่อก่อนหากเหยียนหมิงซุ่นได้รับบาดเจ็บ เธอจะต้องมีลางสังหรณ์แล้ว ในใจจะว้าวุ่นไม่สบายใจมาก แต่ครั้งนี้ความรู้สึกไม่สบายใจกลับไม่มีปรากฎขึ้นมาเลย คิด ๆแล้วเหยียนหมิงซุ่นน่าจะปลอดภัย ก็เลยไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อ
เสี่ยวเมิ่งถอนหายใจอย่างโล่งอก ถือได้ว่าเป็นการโน้มน้าวพี่สะใภ้ได้สำเร็จแล้ว เขาพูดอีกครั้งว่า “รอการฝึกทหารสิ้นสุดลง เธอก็มาที่ฟาร์มกินข้าวกับนายท่านหน่อยสิ ฉันจะให้ห้องครัวทำจานโปรดของเธอ”
“ไม่ไปหรอก หนูไม่อยากทะเลาะกับเขาเสียหน่อย ยิ่งมีชีวิตอยู่ต่อก็ยิ่งมีชีวิตถอยหลัง ฉันวางแล้วนะคะ ถ้าพี่หมิงซุ่นกลับมาก็ให้เขาโทรศัพท์หาฉันด้วยนะคะ!”
เหมยเหมยปฏิเสธเสียงแข็ง เธอกินอิ่มสบายอยู่แล้วคงไม่ดันทุรังหาเรื่องไปกินข้าวกับตาแก่โรคจิตนั่นหรอก ไม่ใช่มาโซคิสต์เสียหน่อย
ครูฝึกหน้านิ่งที่อยู่หน้าประตูเพียงแค่ได้ยินคำว่า “เขา” จากปากของเหมยเหมยที่ว่ายิ่งมีชีวิตอยู่ต่อก็ยิ่งมีชีวิตถอยหลัง เขาก็รู้ทันทีเลยว่าคือเฮ่อเหลียนชิงที่เขากลัวจนหัวหดก็แอบตกใจ พี่สะใภ้ในอนาคตค่อนข้างใจกล้าเลยทีเดียว กล้าที่จะเถียงกับนายท่านด้วย?
ไม่เหมือนกับเขาที่ยืนอยู่หน้านายท่าน กลับทำได้แค่เพียงหายใจเงียบ ๆ……
เหมยเหมยเดินออกมา หันไปยิ้มให้ครูฝึก พูดเสียงเบาว่า “ขอบคุณนะค่ะครูฝึก”
“ไม่เป็นไร วันหลังคิดอยากจะโทรศัพท์ก็ตรงมาที่นี่เลยก็ได้” ครูฝึกอำนวยความสะดวกให้
เหมยเหมยรีบส่ายหัว “ไม่ต้องค่ะ ๆ ไม่มีเรื่องเร่งด่วนอะไรแล้ว ขอบคุณค่ะครูฝึก”
เธอไม่อยากจะให้คนอื่นเข้าใจผิดอีกแล้ว แล้วก็ไม่อยากจะนำปัญหามาให้ครูฝึกด้วย
ครูฝึกก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ถึงอย่างไรการฝึกทหารก็จะจบลงในอีกสิบกว่าวันแล้ว!
พอเดินออกมาจากอาคาร เหมยเหมยก็ขอตัวลากับครูฝึก เพิ่งจะเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ครูฝึกก็เรียกเธอไว้ ท่าทางดูเขินอาย ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะถามออกมา “เอ่อ…นายท่านเขาชอบอะไรบ้างเหรอ?”
รอการฝึกทหารที่นี่จบลง เขาต้องไปฝึกพิเศษที่ฟาร์ม แต่ก็ต้องถามให้รู้ก่อนว่านายท่านโปรดปรานอะไร
เหมยเหมยไม่แปลกใจเท่าไร เธอรู้มาว่าเจ้าหน้าที่ของฟาร์มผ่านไปช่วงหนึ่งก็จะเปลี่ยนกลุ่ม เหยียนหมิงซุ่นบอกว่าเฮ่อเหลียนชิงต้องการทดสอบนิสัยใจคอของคนเหล่านั้นด้วยตนเอง ดูท่าครูฝึกก็คงโดนด้วยเช่นกัน
เธอเอียงหัวคิด พูดว่า “ผู้ชายคนนั้นชอบเล่นกับแมว รักที่จะทะเลาะกับคนอื่น ชอบกินอาหารอร่อยๆ แล้วก็… ใช่แล้ว เขาชอบทำงานตรงข้ามกับคนอื่น สมองกลวง……”
ครูฝึกมองแผ่นหลังของพี่สะใภ้ในอนาคตท่ามกลางสายลมพัดผ่านที่ยุ่งเหยิง
นี่ใช่นายท่านที่เป็นยอดฝีมือผู้ชาญฉลาดที่เขาได้ยินจากรองกัปตันหรือ?
เขาต้องเชื่อใครกันแน่นะ?
ตอนที่ 1424 โดนปิดล้อมทะเลทราย
เสี่ยวเมิ่งวางสายก็ไปหาเฮ่อเหลียนชิงเล่าเรื่องที่เหมยเหมยโทรมาให้ฟัง เฮ่อเหลียนชิงลูบต้าหวงแมวอ้วนที่ฟุบอยู่ในอ้อมแขนเขาอย่างท่าทีไม่สบอารมณ์ไม่หยุด ต้าหวงร้องเหมียว ๆคิดแต่อยากจะวิ่งหนีออกไป
เพิ่งเกี่ยวดองกับแมวตัวเมียสีขาวตัวเล็กสวย ๆ ไม่มีทันได้ไปหยอดหว่านเสน่ห์เลย!
เจ้านาย ถ้ามาขัดขวางการมีลูกหลานจะไม่ตายดีเอาได้นะ!
เฮ่อเหลียนชิงตบสัตว์เลี้ยงตัวโปรดที่กระสับกระส่ายไปมาพลางตำหนิว่า “ถ้าออกไปข้างนอกหว่านเสน่ห์มั่วซั่วอีก จะตัดตอนแกให้สิ้นซากเลย”
เดิมทีฟาร์มมีเพียงแค่แมวตัวเดียงก็คือต้าหวง แต่ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่จู่ ๆก็มีแมวอีกหลายสิบตัวเข้ามาเป็นพรวน ทุกตัวต่างมีขนเรียงสวย สวยน่าหลงใหล สิ่งที่สำคัญที่สุดคือพวกนี้เป็นตัวเมียทั้งหมด!
อีกทั้งยังท้องทั้งหมดด้วย!
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือพวกมันยังคลอดลูกได้เก่งกันมาก มีตัวที่เก่งที่สุดตัวหนึ่งที่คลอดลูกได้มากที่สุดถึงสิบสองตัว นับทั้งตัวใหญ่และตัวเล็กแล้ว ตอนนี้ฟาร์มมีแมวถึงห้าสิบหรือหกสิบตัวได้ ทั้งหมดต่างก็เป็นเมียและลูก ๆของต้าหวง!
แน่นอนว่าเฮ่อเหลียนชิงไม่ได้ใส่ใจอาหารแมวเพียงน้อยนิดแค่นั้น แต่นี่ก็จะมากไปหน่อยไหม?
ที่สำคัญที่สุดก็คือ วัน ๆได้แต่มองบรรดาเมียและลูก ๆของต้าหวง ลูกชายลูกสาวมีกันเป็นกลุ่ม ช่างเป็นครอบครัวที่มีความสุขเสียจริง แล้วก็มองตัวเองที่ตัวคนเดียว หัวใจของเขาก็…
มักจะรู้สึกปวดใจอยู่นิด ๆ
และความอิจฉาริษยาด้วย!
เฮ่อเหลียนชิงก็รู้สึกว่าตัวเองน่าเหลือเชื่อ เขาผู้ที่สง่างามและมีความสามารถอย่างเขาต้องมาอิจฉาแมวตัวหนึ่ง?
ต้าหวงพอได้ยินว่าอาจจะถูกตัดไข่ก็เสียวไปถึงตรงนั้น ประพฤติตัวดีขึ้นมาทันที นอนลงในอ้อมแขนของเจ้าของอย่างว่าง่าย ร้องเหมียวเหมียวอย่างประจบ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะแอบก่นด่าในใจ
สมน้ำหน้าที่โดนคุณหนูจ้าวด่าอยู่ทุกวัน!
เฮ่อเหลียนชิงลูบต้าหวงอย่างพึงพอใจ ถามเสี่ยวเมิ่งว่า “ทางด้านหมิงซุ่นยังส่งคนเข้าไปไม่ได้หรือ?”
“ทะเลทรายมีการคุ้มกันแน่นหนา แม้แต่นักท่องเที่ยวก็ห้ามเข้าออก คนของเราเข้าไปไม่ได้เลยครับท่าน” เสี่ยวเมิ่งมีความกังวลอยู่บ้าง
ถึงแม้ว่าเหยียนหมิงซุ่นจะได้รับการฝึกฝนการเอาชีวิตรอดมาอย่างเข้มงวด แต่ติดอยู่ในทะเลทรายเป็นเวลาสิบวันแล้ว ไม่ต้องพูดถึงอาหารและน้ำ สิ่งที่อันตรายที่สุดก็คือกองทัพของประเทศ Y ในกรณีที่มีโดนพบเข้า ต่อให้เหยียนหมิงซุ่นจะมีพลังเหนือกว่า ก็กลัวว่าจะหนีออกมาไม่ได้
ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนเหยียนหมิงซุ่นจะถูกใช้เป็นเครื่องมือในการแก้แค้นของนายท่าน แต่เมื่ออยู่ด้วยกันมาตั้งหลายปี จะไม่มีความรู้สึกได้อย่างไร?
เสี่ยวเมิ่งไม่อยากให้เกิดเรื่องกับเหยียนหมิงซุ่น
นิ้วขาวยาวของเฮ่อเหลียนชิง เคาะหลังผนักเก้าอี้เสียงเบา มีเสียงจังหวะดังลอยมาเป็นระยะ ๆ
เสี่ยวเมิ่งไม่ได้ส่งเสียงพูดอะไรออกไป เขารู้ว่าตอนนี้นายท่านกำลังครุ่นคิดถึงปัญหาต้องรักษาความสงบ
“ประเทศ Y……” เฮ่อเหลียนชิงพูดพึมพำกับตัวเอง จู่ ๆก็ดวงตาเป็นประกาย พูดว่า “เตรียมรถ ฉันจะไป**ไห่เสียหน่อย”
หลังจากสองชั่วโมงผ่านไป เฮ่อเหลียนชิงกลับจาก**ไห่ สีหน้าท่าทางก็ดูผ่อนคลายลงมาก มองดูแล้วอารมณ์ดีไม่เลว
“บอกคนของเรา หลังจากนี้สามวันเตรียมตัวไปเป็นกองหนุนให้หมิงซุ่น” เฮ่อเหลียนชิงพูด
เสี่ยวเมิ่งทั้งแปลกใจทั้งเหลือเชื่อ ใครจะมีฝีมือขนาดนั้น?
เฮ่อเหลียนชิงอธิบายด้วยตัวเองว่า “นายจำเด็กคนนั้นที่ชื่อโฮ่วเซิ่งหนานได้ไหม? เด็กคนนี้อยู่ต่างประเทศมาตลอด และเธอค่อนข้างคุ้นเคยกับประเทศ Y เป็นอย่างดี เครือข่ายกว้างขวางมาก”
จู่ๆเสี่ยวเมิ่งตบหน้าผากพลางนึกขึ้นได้ “ทำไมผมถึงลืมคุณหนูใหญ่คนนี้ไปได้นะ? เธอเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดแล้ว แต่ว่าโฮ่วเซิ่งหนานรับปากแล้ว?”
เขาจำได้ว่าคุณหนูใหญ่คนนี้ไม่ได้ว่าง่ายเสียเมื่อไร!
เฮ่อเหลียนชิงแค่นเสียง “นายใหญ่ออกคำสั่งแล้ว เธอจะกล้าไม่รับปากหรือ?”
ไม่ว่าจะบ้าแค่ไหน จะหยิ่งจองหองแค่ไหน แต่หากทำให้นายใหญ่ไม่พอใจ ก็จะทำให้คุณตกจากก้อนเมฆลงไปในโคลนตมได้ทันที
โฮ่วเซิ่งหนานไม่ได้โง่ขนาดนั้น!
เธอฉลาดกว่าใครต่างหาก!
…………………………………………
ตอนที่ 1425 ผู้หญิงที่ล่องลอยเหมือนลม
เสี่ยวเมิ่งดีใจเป็นอย่างมาก คิดอยากจะโทรบอกข่าวดีจ้าวเหมย เพื่อช่วยคลายความกังวลใจของเจ้าเด็กนี่หน่อย
ถ้าให้พูดว่าบนโลกใบนี้ใครเป็นห่วงเหยียนหมิงซุ่นที่สุด กลัวว่าจะเป็นสาวน้อยคนนี้นี่แหละ
“จะโทรหาทำไม? ผ่านไปไม่กี่วันเหยียนหมิงซุ่นก็กลับมาแล้ว” เฮ่อเหลียนชิงดูท่าทีไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก จึงให้เสี่ยวเมิ่งรินชาถ้วยใหญ่ แล้วกรอกเข้าปากไปครึ่งแก้วใหญ่ถึงจะถอนหายใจออกมาอย่างพอใจได้
เมื่อครู่ตอนที่อยู่กับนายใหญ่ เขาทำตัวเวทนาน่าสงสารไร้ที่พึ่งทุกวิถีทาง ไม่อย่างนั้นไหนเลยนายใหญ่จะตัดใจให้หลานสาวตัวเองตกอยู่ในอันตรายได้?
เขาทำงานหนักมากเพื่อช่วยคนรักของยัยเด็กอัปลักษณ์นั้น ยัยเด็กอัปลักษณ์คนนี้กลับไม่มากินข้าวเป็นเพื่อนเขาสักมื้อ เชอะ…ไร้น้ำใจไม่รู้จักบุญคุณเอาเสียเลย
ให้เธอร้อนใจตายไปนั่นแหละ!
“ฉันบอกนายไว้เลยนะ อย่าแอบโทรหาเป็นการส่วนตัวเด็ดขาด ไม่งั้นฉันหักเงินเดือนนายแน่!” เฮ่อเหลียนชิงพูดอย่างร้ายกาจ เสี่ยวเมิ่งแม้กระทั่งพูดยังไม่กล้า หยุดความคิดที่จะโทรหาเหมยเหมยในทันที
ไม่ใช่ว่าปวดใจเรื่องเงินเดือน แต่เป็นแค่เรื่องเล็กเท่านั้น ให้นายท่านได้ใจไปสักสองสามวันแล้วกัน!
สู้จ้าวเหมยไม่ได้สักครั้ง น่าสงสารจะแย่!
เสี่ยวเมิ่งมั่นใจมากว่าเหยียนหมิงซุ่นจะต้องปลอดภัย เพราะเขาเชื่อในความสามารถของโฮ่วเซิ่งหนานคุณหนูใหญ่คนนี้ พูดขึ้นมาก็นึกถึงตอนที่เฮ่อเหลียนชิงจะเลือกภรรยาให้เหยียนหมิงซุ่น เขายังเคยพิจารณาคุณหนูใหญ่คนนี้เลย!
แต่ว่าคุณหนูใหญ่คนนี้ฐานะสูงส่ง ตัวเขาเองก็ฝีมือโดดเด่น อีกทั้งแต่ไหนแต่ไรมาก็ตาสูงเทียมฟ้า แม้กระทั่งเฮ่อเหลียนชิงยังไม่เห็นอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ ตอนนั้นเหยียนหมิงซุ่นเพิ่งจะได้รู้จักนายท่าน รากฐานยังไม่มั่นคง อีกทั้งก็ยังเป็นแค่ลูกบุญธรรม ภูมิหลังครอบครัวยังห่างชั้นกันเกินไป
ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าพูดถึงเรื่องนี้
ณ สนามบินประเทศ Y
มีหญิงสาวสวยชาวตะวันออกในวัยยี่สิบต้น ๆเดินออกมาพร้อมกระเป๋าเป้ รูปร่างสูงบางราวหนึ่งร้อยเจ็ดสิบ ผมสั้นเรียบร้อย ใบหน้ารูปไข่ คิ้วหนาและตาโต จมูกโด่ง ริมฝีปากหนาเล็กน้อย ดูแค่สัดส่วนใบหน้าทองคำห้าส่วนเพียงอย่างเดียวกลับไม่ได้ดูดีเท่าไรนัก แต่พอมองรวม ๆกันแล้วกลับมีความรู้สึกพิเศษบางอย่าง
โดยเฉพาะปากของเธอ จากมุมมองความงามของคนตะวันออก ปากน้อยเชอร์รี่อย่างจ้าวเหมยนั้นสวยที่สุด ริมฝีปากที่ใหญ่และหนาน่าเกลียดจะตาย แต่ปากของผู้หญิงคนนี้กลับมีเสน่ห์เย้ายวนนัก
ใช้คำพูดสมัยใหม่มาเรียก ก็คือเซ็กซี่
ใช่แล้ว นี่คือผู้หญิงเซ็กซี่ที่สอดคล้องกับมุมมองความงามแบบตะวันตกโดยเฉพาะ มองไปที่ดวงตาอันร้อนแรงของผู้ชายผิวขาวรอบตัวเธอ จะเห็นได้ว่าเธอเป็นที่นิยมของผู้ชายฝรั่งแค่ไหน
และมองไปที่ฝีเท้าที่แข็งแรงของเธอในขณะที่เดิน หมายความว่าเธอเป็นผู้หญิงที่กล้าแสดงออก ดูที่แขนและขาของเธอที่มีกล้ามเนื้อแน่นก็แสดงให้เห็นว่าเธอชอบเล่นกีฬาอยู่เสมอ นี่คือสิ่งที่ผู้ชายตะวันตกชอบนักแล
“ฮัลโหล…เถียนมู่จวินหรอ? ฉันถึงแล้ว ติดต่อกับฝ่ายความมั่นคงของประเทศ Y เสร็จเรียบร้อยหรือยัง?”
ผู้หญิงคนนี้คือโฮ่วเซิ่งหนานที่มีชื่อเสียงก้องฟ้า เดิมทีเธอและเพื่อน ๆกำลังศึกษาปริศนาแห่งความตายในปิรามิดที่อียิปต์ แต่กลับได้รับโทรศัพท์จากคุณอา ให้เธอมาที่นี่เพื่อช่วยชายคนหนึ่ง
ว่ากันว่าเป็นลูกบุญธรรมของเฮ่อเหลียนชิง ติดอยู่ในทะเลทรายระหว่างปฏิบัติภารกิจ
โฮ่วเซิ่งหนานไม่อยากมีส่วนร่วมเรื่องพวกนี้เลยแม้แต่นิดเดียว เธอแค่อยากจะล่องลอยไปอย่างอิสระ ทำความรู้จักกับผู้ชายทุกประเภท
ดื่มเหล้าที่ดีที่สุด ขี่ม้าที่พยศที่สุด นอนกับผู้ชายที่เซ็กซี่ที่สุด…
นี่ถึงจะเป็นชีวิตที่เธอโฮ่วเซิ่งหนานอยากเสพสุข!
เธอดูแคลนผู้ชายเมืองหลวงพวกนั้นจะตายไปชิงดีชิงเด่นให้ตายกันไปข้างหนึ่ง แต่งงานแล้วก็ไม่มั่นคงปลอดภัย ผู้หญิงต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ เพียงแค่ให้กำเนิดลูกชายมาเอาใจฝ่ายชาย ถูกผูกติดอยู่กับบ้านไปชั่วชีวิต ทำเหมือนสามีเป็นพระเจ้า
อย่างเช่นแม่แท้ ๆและน้าสะใภ้ของเธอ!
เธอโฮ่วเซิ่งหนานไม่อยากจะเป็นผู้หญิงที่ใช้ชีวิตดักดานแบบนั้นหรอกนะ เพราะเธอคือโฮ่วเซิ่งหนาน!
โฮ่วเซิ่งหนานที่มักจะอยู่เหนือกว่าผู้ชายตลอดไป!
ตอนที่ 1426 กองหนุน
อันที่จริงโฮ่วเซิ่งหนานเดิมมีชื่อว่าโฮ่วฮุ่ยหลาน ปู่ของเธอตั้งชื่อให้ด้วยตัวเอง มันหมายถึงจิตวิญญาณแห่งความปรารถนา แต่เมื่อคุณหนูใหญ่โฮ่วอายุได้สิบหกปีเธอก็แอบหนีไปเปลี่ยนมันด้วยตัวเอง ทำให้ปู่ของเธอโกรธแทบตายแต่ก็ทำอะไรเธอไม่ได้อยู่ดี
ใครให้หลานสาวที่ชอบแหกกฎคนนี้มีนายใหญ่หนุนหลังกันล่ะ!
นับตั้งแต่นั้นมา คุณปู่โฮ่วก็เพลา ๆอารมณ์กับหลานสาวคนนี้ลงบ้างแล้วเพราะเห็นแก่นายใหญ่ แน่นอนว่าอำนาจฝีมือก็ไม่แย่มาก แต่กลับไม่เคร่งวินัยกับหลานสาวคนนี้เท่าไรนัก และด้วยนิสัยของเขาเองแล้วโฮ่วเซิ่งหนานจึงถูกเลี้ยงดูมาให้กลายเป็นคนทำอะไรตามอำเภอใจ
พูดให้น่าฟังก็คือชอบเสาะหาอิสระ พูดให้ไม่น่าฟังก็คือชอบทำอะไรตามอำเภอใจ!
อย่างไรก็ตามคู่นอนของโฮ่วเซิ่งหนานส่วนใหญ่เป็นพวกคนผิวขาว เธอไม่ชอบผู้ชายในประเทศ รู้สึกว่าผอมเกินไป ขนาดความยาวไม่ค่อยได้ ไม่สามารถทำให้เธอพอใจได้ ดังนั้นชื่อเสียงของเธอในจีนก็นับว่าดีใช้ได้
โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์และนิตยสารในประเทศหลายฉบับ เขียนว่าเธอเป็นผู้หญิงยุคใหม่ที่รักอิสระและพึ่งพาตนเองได้ โฮ่วเซิ่งหนานสามารถกล่าวได้ว่าเป็นไอดอลของผู้หญิงหลายคน รู้สึกว่าคลอดลูกสาวต้องให้ได้อย่างโฮ่วเซิ่งหนาน ไม่งั้นก็ไม่คู่ควรเกิดมาบนโลกใบนี้!
โฮ่วเซิ่งหนานคุยกับเพื่อนผ่านโทรศัพท์ อารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไร รู้สึกรังเกียจเหยียนหมิงซุ่นตั้งแต่ยังไม่ได้พบหน้ากันด้วยซ้ำ
อ่อนแอชะมัด!
แต่ต่อให้เธอไม่อยากมาที่นี่ก็ต้องมาสักครั้ง โฮ่วเซิ่งหนานไม่สนใจคำพูดของคุณปู่และพ่อได้ แต่คำพูดของคุณอาจำเป็นต้องฟัง อย่ามองว่าการแสดงออกของเธอจะเหมือนไม่สนใจอำนาจของครอบครัวเธอเลย อีกทั้งหนังสือพิมพ์และนิตยสารต่างบอกว่าเธอพึ่งพาการทำงานหนักของตัวเอง ออกไปเผชิญโลกกว้างที่ต่างประเทศ
เหอๆ…
คำพูดพวกนี้ก็แค่คำหลอกเด็กเท่านั้นแหละ!
หากว่าเธอไม่ใช่หลานสาวที่นายใหญ่ให้ความสำคัญ ใครหน้าไหนจะรู้จักโฮ่วเซิ่งหนานอย่างเธอเล่า?
เธอจะได้รู้จักพวกผู้ชายที่ทรงอิทธิพลชนชั้นสูงพวกนั้นได้อย่างไร?
ต้องรู้ไว้ก่อนเลยว่า แวดวงเหล่านั้นไม่มีทางเปิดประตูต้อนรับคนยากจนต่ำต้อยชั่วนิจนิรันดร์!
เหยียนหมิงซุ่นมุดตัวออกมาจากหลุมทราย เครื่องบินของประเทศ Y ผ่านไปเมื่อครู่ เขามุดเข้าไปในทรายและหนีการติดตาม หลายวันมานี้การสืบหาของประเทศ Y ถี่ขึ้นเรื่อย ๆ เครื่องบิน รถหุ้มเกราะไม่มีที่สิ้นสุด เกือบจะเจออยู่หลายครั้ง
เขาต้องหาทางหนีให้เร็วที่สุด สีตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง เขาไม่กล้ารับประกันว่าจะถูกศัตรูเจอเข้าหรือไม่!
แต่จะหนีอย่างไรนี่สิเป็นปัญหาใหญ่!
เหยียนหมิงซุ่นมองไปที่ฉิวฉิวที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาอย่างกลุ้มใจ เขาพยายามตีฝ่าวงล้อมอยู่หลายครั้ง แต่ก็ถอยกลางคัน กระสุนของศัตรูแข็งแกร่งเกินไป เขาบุกเดี่ยวโดยไม่มีคนช่วยเหลือคงไม่มีทางสู้ได้
นอกจากจะมีคนมาเป็นกองหนุนให้เขา!
แต่ก็เป็นไปไม่ได้เช่นกัน เท่าที่เขารู้ก็คือ หลายวันมานี้ทะเลทรายไม่มีใครอยู่สักคน แม้แต่ปลายเงาก็ยังไม่มีให้เห็น คิด ๆดูแล้วประเทศ Y คงปิดทะเลทรายแล้ว คนของเขาไม่สามารถแฝงตัวเข้ามาได้แม้ว่าพวกเขาอยากจะมาสบทบช่วยก็ตาม
ดังนั้นเขาจำเป็นต้องคิดหาวิธีออกไปด้วยตัวเอง!
เหยียนหมิงซุ่นอดไม่ได้ที่จะยิ้มเจื่อน ปฏิบัติภารกิจมานับไม่ถ้วน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาทำอะไรไม่ถูก
แต่เขาก็ปลุกจิตวิญญาณขึ้นมาอีกครั้ง เหมยเหมยยังรอเขาอยู่ที่บ้าน เขาต้องกลับบ้าน!
“ฉิวฉิว ฉาฉา พวกเราจะต้องสามารถออกไปได้อย่างแน่นอน” เหยียนหมิงซุ่นตบสองตัวเบาๆ แล้วก็สร้างกำลังใจให้ตัวเองไปด้วยในเวลาเดียวกัน
ฉิวฉิวกรอกตามองบน ปืนมากมายขนาดนี้ นอกจากว่าเจ้านายจะรู้วิธีขุดโพรง ไม่อย่างนั้นต่อให้บินได้ก็บินออกไปไม่ได้
เพียงแต่เสียดายที่มิติของมันไม่สามารถกักเก็บสิ่งมีชีวิตได้ ไม่อย่างนั้นจะใส่เจ้านายเข้าไป คุณชายฉิวอย่างมันสามารถหลบออกไปได้สบายๆ ไหนเลยจะต้องใช้เปลืองแรงมากขนาดนี้!
เหยียนหมิงซุ่นคิดแผนการตีฝ่าวงล้อมที่รัดกุมมานับไม่ถ้วนแต่ก็โดนเขาปัดทิ้งไปทีละอัน สามวันผ่านไปแล้ว เขาตัดสินใจดันทุรังฝ่าไปข้างหน้า มีแต่ทางนี้ทางเดียวเท่านั้นแล้วล่ะ!
พอตกกลางดึก เหยียนหมิงซุ่นเตรียมตัวพร้อมแล้วแอบซ่อนอยู่ในความมืดเหมือนเสือชีต้า เตรียมแย่งรถหุ้มเกราะมาให้ได้ก่อน
“กริ้งๆ…”
เสียงกระดิ่งอูฐดังขึ้น ดังชัดเจนเป็นพิเศษในคืนที่เงียบงัน เหยียนหมิงซุ่นหดตัวกลับอย่างกะทันหัน แต่พอเห็นอูฐฝูงใหญ่เดินเข้ามาอย่างช้า ๆ ก็อดดีใจไม่ได้
…………………………………………..
ตอนที่ 1427 ได้ที่หนึ่งมาแล้ว
การฝึกทหารของเหมยเหมยกำลังจะสิ้นสุดลงในอีกไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ วันสุดท้ายคือวันสวนสนามดังนั้นทุกกลุ่มจะมีการฝึกซ้อมเยอะหน่อย ทุกวันถ้าไม่ใช่ฝึกเดินเท้าของทหารก็จะเป็นการเดินขบวน พื้นยางรองเท้าแทบจะสึกหรอหมดแล้ว
หลังจากถังม่านลี่ซวยเพราะเหมยเหมย นิสัยก็สำรวมขึ้นเยอะ เห็นเหมยเหมยก็อดก้มหัวลงไม่ได้ แม้กระทั่งมองยังไม่กล้ามอง
เจียงจื้อหรู่มาพูดกับเธอเกี่ยวกับการลงโทษของทางมหาวิทยาลัยแล้ว ลงบันทึกความผิดยังพอช่างมันได้ ถึงอย่างไรก็ตามยังมีโอกาสอีกสองครั้ง แต่ที่กระทบหนักที่สุดสำหรับถังม่านลี่ก็คือสิทธิ์ในการรับทุนการศึกษาสองปี เธอได้สอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว ทุนการศึกษาของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงมีจำนวนไม่มาก สำหรับเธอแล้วมันคือค่าครองชีพอย่างน้อยหลายเดือน
แต่ตอนนี้กลับไม่เห็นแม้แต่เงา ถังม่านลี่ใจจะสลายอยู่แล้ว!
เธอยิ่งไม่รู้ว่าหลังจากวันนี้ควรจะทำอย่างไรต่อไปดี?
ไหนเลยที่บ้านจะมีเงินมากมายขนาดนั้นส่งเธอเรียนเล่า?
ค่าเทอมปีนี้คง…
ใจของถังม่านลี่ตกลงถึงตาตุ่ม ความจริงที่โหดร้ายทำให้เธอนึกถึงปัญหาใหญ่ที่บ้าน แล้วก็จำได้ว่าหลังจากที่เธอมาถึงเมืองหลวง ไม่เคยเขียนจดหมายถึงบ้านเก่าเลย นี่ก็เกือบจะหนึ่งเดือนแล้ว เกรงว่าจะมีปัญหา
แต่เดิมยังคิดจะแก้ไขปัญหาให้ได้โดยเร็วที่สุด ขอเพียงแค่เธอได้รับทุนการศึกษา แล้วค่อยคิดหาวิธีหาเงินเพิ่มเติม ก็น่าจะไม่มีปัญหา
แต่ตอนนี้ทุนการศึกษาก็หมดหวังแล้ว การหาเงินก็เป็นอนาคตที่ไม่แน่นอน ถังม่านลี่ตัดสินใจคงต้องง้อทางบ้านไปก่อน ค่าใช้จ่ายของเทอมหน้ายังหาหนทางไม่ได้เลย!
ถังม่านลี่ยังเอาตัวเองไม่รอด จึงไม่มีความคิดที่จะจัดการกับเหมยเหมย และเธอก็กลัวเช่นกัน
ต่อให้เธอโง่มากแค่ไหนก็ค้นพบแล้วว่าทางโรงเรียนดูแลจ้าวเหมยเป็นอย่างดี ต่อให้เหมยเหมยทุบตีเธอจนเกือบตาย แต่กลับไม่เป็นอะไรสักอย่าง แต่เธอกลับต้องขอโทษต่อหน้าสาธารณชนและยังต้องลงบันทึกความผิดอีก อีกทั้งถูกถอดออกจากทุนการศึกษาอีก
การปฏิบัติที่แตกต่างกันเช่นนี้ทำให้ถังม่านลี่ยิ่งเกลียดจ้าวเหมยเข้าไปใหญ่ แต่เธอก็ตระหนักได้ถึงความต่ำต้อยของตัวเธอเองดีเช่นกัน
รอเธอได้พบกับผู้ชายที่มีความสามารถ ค่อยคิดหาวิธีจัดการกับนังจ้าวเหมยนังแสนอัปลักษณ์นี่!
ไม่เพียงแค่นิสัยทัศนคติของถังม่านลี่เท่านั้นที่เปลี่ยนไป สีอันน่าและเจิ้งเสวี่ยซานก็เหมือนกัน พูดและทำสิ่งต่าง ๆด้วยความระมัดระวัง มีเพียงฉีฉีเก๋อเท่านั้นที่ยังคงเหมือนเดิม นิสัยสบาย ๆ ไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น
เวลาผ่านไปช้า ๆและในที่สุดก็มาถึงวันสวนสนาม เหมยเหมยและฉีฉีเก๋อโดนครูฝึกเลือกให้เป็นหัวหน้าทีม เดิมทีครูฝึกยังคิดว่าจะเลือกถังม่านลี่และฉีฉีเก๋อ ทั้งสองมีขนาดความสูงพอ ๆกัน อีกทั้งการเคลื่อนไหวก็ได้มาตรฐานเป็นอย่างมาก แต่ใครให้ถังม่านลี่รนหาที่ตายเองล่ะ!
ครูฝึกยอมเลือกนักเรียนชายที่เดินผิดจังหวะนั่นยังจะดีกว่า เลยถือโอกาสเลือกว่าที่พี่สะใภ้ใหญ่ในอนาคตเสียเลย!
เรื่องได้หน้าแน่นอนว่าต้องเป็นคนของตัวเองสิ!
เมื่อก่อนหัวสมองของเขาคงโดนหมาแทะ ถึงได้คิดที่จะเลือกนังโง่อย่างถังม่านลี่นั่น!
การสวนสนามเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ ฟังเสียงดนตรีอันยิ่งใหญ่ ในใจของเหมยเหมยก็เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นทหารที่แสนสง่า การเคลื่อนไหวทุกขั้นตอนไม่กล้าที่จะทำผิดเลยสักนิด ก้าวขาด้วยท่วงท่าทรงพลังมากขึ้นกว่าเดิม
ที่เหมยเหมยไม่รู้ก็คือ ณ ตอนนี้ เธอกลายเป็นทิวทัศน์ที่สวยงามที่สุดในสายตาของทุกคนแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นผู้นำกองทัพ อีทั้งอาจารย์มหาวิทยาลัย ทุกคนต่างหันมองเธอกันอย่างพร้อมเพรียง ในตอนแรกเป็นเพราะความงามของเธอถึงทำให้ต้องมองเธออีกสองสามครั้ง แต่ในท้ายที่สุดถึงได้ค้นพบว่านักเรียนใหม่คนนี้ทำได้ดีจริง ๆ ไม่น้อยหน้าไปกว่านายทหารฝึกใหม่เหล่านั้นเลย!
ดังนั้นขบวนของเหมยเหมยจึงได้รับรางวัลที่หนึ่งไปอย่างไม่ต้องสงสัย!
ตอนที่ประธานในพิธีประกาศอันดับ เธอและฉีฉีเก๋อก็กอดกันโห่ร้องดีใจเสียงดังลั่น นักเรียนคนอื่นก็เหมือนกัน เวลานี้ไม่มีใครปัดแข้งปัดขากันอีกเหมือนในยามปกติ แล้วแสดงความจริงใจออกมาจริงๆ
เมื่อการสวนสนามสิ้นสุดลง ครูฝึกหน้านิ่งก็จากไป ไม่แม้กระทั่งบอกลาเหล่านักเรียนด้วยซ้ำ นักเรียนส่วนใหญ่จึงผิดหวังอยู่บ้าง ถึงแม้ว่าเดือนหนึ่งจะเป็นระยะเวลาที่ไม่นานแต่มันก็ไม่สั้น จากกันก็ยังอาลัยอาวรณ์กันอยู่บ้าง
เหมยเหมยไม่อาลัยอาวรณ์เลยสักนิด เพราะเธอรู้ว่าวันหลังต้องได้เจอครูฝึกหน้านิ่งที่ฟาร์มอีกแน่นอน!
ตอนที่ 1428 มีข่าวคราวแล้ว
วันรุ่งขึ้นหลังจากการสวนสนามสิ้นสุดลง พวกเหมยเหมยก็กลับไปยังมหาวิทยาลัย ถอดชุดทหารออกเปลี่ยนเป็นชุดลำลอง ทิวทัศน์ในมหาวิทยาลัยสวยงามขึ้นมากทีเดียว
เวลานี้คือต้นเดือนตุลาคม อากาศในเมืองหลวงเย็นลงต้องใส่เสื้อคลุมบาง ๆแล้ว ทันทีที่เหมยเหมยกลับมาก็ได้รับโทรศัพท์จากลุงเหลา บอกว่ามีข่าวจากทางเหยียนหมิงซุ่นแล้ว อีกไม่กี่วันก็จะกลับมาแล้ว
อีกไม่นานก็จะถึงวันหยุดสุดสัปดาห์ อู่เชาและเจียงซินเหมยก็จะมาหาเธอเช่นกัน ท่าทางอารมณ์ดีของเหมยเหมยไม่สามารถซ่อนไว้ได้เลย ปรากฏรอยยิ้มเต็มทั้งใบหน้า สดใสเหมือนดอกไม้ฤดูใบไม้ผลิ
“ฉีฉีเก๋อ ตอนเย็นไปกินข้าวบ้านฉันไหม? ฉันจะแนะนำเพื่อนใหม่คนหนึ่งให้รู้จัก” เหมยเหมยถามอย่างดีใจ
“เอาสิ!”
ฉีฉีเก๋อดวงตาเป็นประกายวิบวับ อาหารที่ค่ายฝึกทหารไม่อร่อยเลยสักนิด จะต้องไปให้ป้าฟางบำรุงหน่อยเสียแล้ว
อู่เชายังคงจ้ำม้ำเหมือนเคย มีเพียงความสูงที่เปลี่ยนไปสูงถึง172 เซนติเมตรแล้ว สูงกว่าชาติที่แล้วอย่างน้อยก็ห้าเซนติเมตร มองข้ามไขมันของเขาไป ในความเป็นจริงก็ถือว่าหน้าตาดีเลยทีเดียว
เจียงซินเหมยสูงกว่าเหมยเหมยนิดหน่อย พอใส่รองเท้าส้นสูงยังสูงกว่าอู่เชาอีก หุ่นดีมาก รูปลักษณ์เตะตาเป็นพิเศษ เป็นคนสวยที่สดใสมาก พ่อเจียงและแม่เจียงเดิมทีต้องการให้เธอไปเรียนที่คณะศิลปะของกองทัพซึ่งหาเส้นสายไว้แล้ว
แต่เจียงซินเหมยไม่เห็นด้วย เธออยากจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยเมืองหลวง ไม่อยากจะแยกจากเพื่อน ๆ
พ่อเจียงแม่เจียงสู้ความดื้อรั้นของเธอไม่ไหวจึงทำได้แค่เพียงเห็นด้วย
เหมยเหมยช่วยออกความเห็นให้เธอลองสอบเข้าเรียนที่วิทยาลัยภาพยนตร์ แน่นอนว่าตัวเจียงซินเหมยเองก็รักที่จะเป็นนักแสดงมาก
อีกทั้งจากเงื่อนไขของเจียงซินเหมยแล้ว สามารถเป็นนักแสดงที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่งได้เลย ออร่าเปล่งประกาย ไม่เหมือนชีวิตชาติที่แล้วที่ถึงแม้ว่าจะแต่งงานกับนายทหาร แต่หลังจากนั้นก็เป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาที่คลอดลูกและเลี้ยงลูกอยู่บ้าน
สำหรับเรื่องการจะเข้าวงการพวกนั้น เหมยเหมยยิ่งรู้สึกว่าไม่ต้องกังวลไปเลย ส่วนเรื่องงานขอเพียงเพื่อนของเธอยืนหยัดมุ่งมั่นในปณิธาน ก็ไม่จำเป็นต้องขายตัวเองเพื่อหางานหรอก
“ฉันขอแนะนำหน่อยนะ นี่คือฉีฉีเก๋อเพื่อที่อยู่หอเดียวกันกับฉัน นี่คืออู่เชาและเจียงซินเหมย เป็นเพื่อนสมัยประถมมัธยมต้นมัธยมปลายและเป็นเพื่อนสนิทอีกด้วย”มาก
ฉีฉีเก๋อและเจียงซินเหมยเป็นคนนิสัยเถรตรงและพวกเธอยังเป็นคนชอบพูดเรื่องสัพเพเหระ หลังจากนั้นไม่นานก็พูดคุยกันถูกคอ น้ำลายแตกฝอยเหมือนรู้จักกันมานานเสียอย่างนั้น
“วันหลังพวกเธอก็มาเที่ยวเล่นบ้านฉันนะ ฉันจะให้ลูกม้าพวกเธอคนละตัว” ฉีฉีเก๋อตบอกตัวเองอย่างกล้าได้กล้าเสีย
เหมยเหมยมุมปากกระตุก ปวดใจแทนพ่อแม่ของฉีฉีเก๋อจริง ๆที่เลี้ยงลูกสาวที่ล้างผลาญครอบครัวขนาดนี้มาตั้งคนหนึ่ง!
กองเงินกองทองที่มีคงถูกล้างผลาญเสียจนหมดแน่!
เจียงซินเหมยและอู่เชาต่างพากันปฏิเสธ เรื่องลูกม้าแน่นอนว่าประทับใจมาก แต่พวกเขาไหนเลยจะมีที่เก็บเล่า?
เอากลับมามีแต่จะสร้างความวุ่นวายมากกว่า!
ฉีฉีเก๋อปวดหัวไม่หยุด ทำได้แค่เปลี่ยนจากลูกม้าเป็นเนื้อแท่งตากแห้ง ทุกคนจึงพอใจกันอย่างถ้วนหน้า
“เหมยเหมย เธอลงชื่อสมัครชมรมไหนไป?” เจียงซินเหมยถามอย่างอยากรู้
“ชมรม? ฉันยังไม่ทันได้สมัครเข้าชมรมไหนเลย ฉันขอคิดดูก่อน” เหมยเหมยไม่ค่อยมีความสนใจในเรื่องนี้เท่าไร เธอต้องวาดรูปทุกวันและต้องมีเวลาพลอดรักกับพี่หมิงซุ่นอีก ไหนเลยจะมีเวลามากมายขนาดนั้น
ฉีฉีเก๋อพูดอย่างดีใจหน้าบานว่า “อันที่จริงฉันอยากเข้าชมรมขี่ม้ามากที่สุด แต่โรงเรียนของเราไม่มี ฉันเลยเตรียมตัวจะสมัครเข้าชมรมมวยปล้ำ ได้ยินมาว่าหัวหน้าชมรมเล่นมวยปล้ำเก่งมาก วันไหนสักวันฉันต้องลองไปแข่งกับเขาดูหน่อยแล้ว”
เหมยเหมยกระตุกยิ้มที่มุมปาก มวยปล้ำ?
ที่แท้สไตล์ของฉีฉีเก๋อก็คือสาวห้าวนี่เอง!
พวกเขาพูดคุยกันย่างสนุกสนานจนถึงตอนค่ำ นัดกันว่าวันพรุ่งนี้จะไปดูใบไม้เปลี่ยนสีที่ภูเขาเซียงซาน แต่ว่า——
เสียงโทรศัพท์ตอนเช้าแผดเสียงดังจนน่ารำคาญ เหมยเหมยสะลึมสะลือรับโทรศัพท์ แต่เพียงครู่เดียวก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที
“ฉันจะรอพี่ที่บ้านนะ!”
…………………………………………..
ตอนที่ 1429 พวกเธอตามสบาย ฉันอยากไปกับผู้ชาย
เหมยเหมยวางโทรศัพท์ พุ่งตัวเข้าห้องนอนราวกับสายลมเลือกชุดมาอยู่หลายตัว เปลี่ยนชุดไหนก็ยังไม่พอใจ แล้วก็อุ้มเสื้อผ้าหนึ่งกองไปห้องนอนของพวกเจียงซินเหมย เอาเท้าถีบทีละคนให้ตื่น
“รีบดูให้ฉันหน่อย ฉันใส่ตัวไหนแล้วดูดี?”
เหมยเหมยเอาเสื้อผ้ามาทาบตัวพลางเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
เจียงซินเหมยและฉีฉีเก๋อลูบก้นปอย ๆอย่างน่าสงสาร กล้าโมโหแต่ไม่กล้าพูด
“ดูดีหมดแหละ…” ฉีฉีเก๋อพูดอย่างงงงวย พูดจากใจจริงเธอรู้สึกจริง ๆว่าเหมยเหมยใส่อะไรก็ดูดี ต่อให้ใส่ชุดเหมือนกระสอบทรายก็ยังดูดี
เหมยเหมยถลึงตาใส่เธอและไม่คาดหวังอะไรจากเธออีกต่อไป
หันไปจ้องมหน้าเจียงซินเหมย “ซินเหมยคิดว่าฉันใส่ชุดไหนแล้วดูดี?”
เจียงซินเหมยชี้ไปที่กระโปรงยาวสีเขียวอ่อนอย่างมั่ว ๆ หรี่ตาพูดไปเรื่อยว่า “ตัวนี้ดูดี”
“งั้นก็ตัวนี้”
อันที่จริงเสื้อผ้าที่เหมยเหมยเลือกก็ดูดีหมดแหละ เพียงแต่เธอเป็นคนช่างเลือก มีคนช่วยเธอเลือกก็พอแล้ว เธออุ้มเสื้อผ้าเดินกลับไปที่ห้องนอน เดินไปที่ประตูแล้วหันกลับมาพูดอย่างมีความสุขว่า “ฉันไม่ไปดูใบไม้เปลี่ยนสีกับพวกเธอแล้วนะ พวกเธอไปกันตามสบาย ฉันอยากไปกับพี่หมิงซุ่น”
สายเมื่อกี้เป็นเหยียนหมิงซุ่นโทรมา บอกว่าจะมาที่นี่ในอีกครึ่งชั่วโมง เหมยเหมยตื่นเต้นลิงโลดราวกับลิง ปรารถนาที่อยากจะแต่งตัวให้เหมือนนางฟ้าจนเหยียนหมิงซุ่นไม่สามารถละสายตาไปไหนได้เลย!
ส่วนเพื่อนบนเตียงสามคน…
อยากไปที่ไหนก็ไปเถอะ ไม่มีเวลาสนใจหรอก!
ฉีฉีเก๋อกระพริบตาปริบ ๆ “พี่หมิงซุ่นคือใคร?”
ฟังแล้วเหมือนจะเป็นคนสำคัญ!
เจียงซินเหมยกลับมาบนเตียง ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันตอบไปว่า “ผู้ชายของเขาน่ะ!”
เมื่อวานเห็นชัด ๆว่าเหมยเหมยเป็นคนเสนอเองว่าจะไปปีนภูเขาเซียงซาน แล้วยังบอกอีกว่าจะไปปีนแก้เหงา อันที่จริงเธออยากจะนอนอยู่บ้านตื่นสายมากกว่า แต่ตอนนี้บทจะสลัดเขาทิ้งก็ทิ้งไปเสียอย่างนั้น
เห็นผู้ชายดีกว่าเพื่อน!
ฉีฉีเก๋อกระพริบตาปริบ ๆอีกครั้ง พูดเสียงสูงปรี๊ด “เหมยเหมยแต่งงานแล้ว?”
“ยัง เป็นคู่หมั้นของเธอ คู่รักที่รักกันมาตั้งแต่เด็ก ๆน่ะ”
เสียงของเจียงซินเหมยค่อย ๆเบาลงในไม่ช้าก็ผล็อยหลับไปอีกครั้ง ในเมื่อคนขี้เหงาก็มีคนรักอยู่เป็นเพื่อนแล้ว เธอควรจะหลับต่อดีกว่า
ไม่มีที่ไหนสบายไปกว่าเตียงนอนอีกแล้ว!
เหมยเหมยแต่งตัวอย่างพิถีพิถัน กระโปรงยาวสีเขียวอ่อนหุ้มข้อเท้า จากนั้นก็ใส่เสื้อคลุมสีขาว ผมมัดรวบเป็นจุก สวมสร้อยคอและกำไล เหยียนหมิงซุ่นที่นั่งอยู่บนโซฟาเห็นแค่เพียงดอกชบาที่สวยงามลอยเข้ามาหาเขา จึงอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปจับมัน
“คิดถึงพี่ไหม?”
เหยียนหมิงซุ่นถามเสียงต่ำข้างหูเธอ อมยิ้มที่มุมปาก
เหมยเหมยพยักหน้าระรัว คิดถึงจนปวดใจไปหมดแล้ว เธอลูบคลำไปทั่วร่างกายของเหยียนหมิงซุ่น พอเห็นว่าไม่มีบาดแผลถึงวางใจลได้ อดไม่ได้ที่จะฉีกยิ้มที่มุมปากขึ้น “หนึ่งเดือนกว่า ๆที่ไม่ได้ข่าวคราวเลย ฉันเป็นห่วงจะตายอยู่แล้ว”
เหยียนหมิงซุ่นดึงเหมยเหมยนั่งลงบนตักของเขา กระชับกอดแน่น ดมกลิ่นหอมจากตัวของหญิงสาว
เขาคิดถึงจับใจเหลือเกิน!
“ของฉันไม่ใช่เหรอ ฉาฉาคืนให้เธอก่อน ส่วนฉิวฉิวพ่อบุญธรรมให้อยู่ก่อน อีกสองสามวันถึงจะกลับมา”
เหยียนหมิงซุ่นเอาฉาฉาที่น่ารักว่าง่ายสวมคืนบนมือของเหมยเหมย อดไม่ได้ที่จูบ ความรักของหนุ่มสาวที่กำลังร้อนแรง พอห่างกันช่วงสั้น ๆจะยิ่งรักกันมากกว่าตอนเพิ่งแต่งงานอีก ราวกับไฟโหมที่ต่อให้สาดน้ำแล้วก็ยังจุดติดได้
ทั้งสองคนจูบกันอย่างดูดดื่มสะเทือนฟ้าดิน
มือใหญ่ของเหยียนหมิงซุ่นซุกซนลูบไล้ไปตามตัวของเหมยเหมยไม่หยุด เพียงแต่เสียดายวันนี้เหมยเหมยใส่กระโปรงยาว ไม่มีทางให้เข้าไปได้เลย…
“อืม…”
เหมยเหมยส่งเสียงครางเบา ๆ เธอรู้สึกถึงความรีบร้อนของเหยียนหมิงซุ่น แม้ว่าจะลุ่มหลงจนพร่าเบลอแต่ก็แอบชอบใจไม่น้อย เธอเจตนาสวมชุดกระโปรงยาวมา ใครใช้ให้คนเลวคนนี้ไม่ส่งข่าวคราวมามากกว่าหนึ่งเดือนกันล่ะ!
เชอะ!
ให้เขาร้อนใจตายไปเลย!
ตอนที่ 1430 ห่างกันช่วงสั้นๆ จะยิ่งรักกันมากกว่าเพิ่งแต่งงาน
เหยียนหมิงซุ่นแค่แวบเดียวก็รู้แล้วว่าภรรยาตัวน้อยของเขาคิดอะไรอยู่พลันนึกขบขันอยู่ในใจ ขบกัดริมฝีปากล่างที่แสนนุ่มเบา ๆ พูดด้วยเสียงแหบแห้งว่า “ยัยตัวแสบ…”
“…เจ็บ…”
เหมยเหมยครางเบา ๆอยู่หลายครั้ง ดวงตาพร่าเบลอ มองค้อนเขาอย่างตำหนิ
เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกว่าหน้าท้องขมวดแน่น มันร้อนราวกับว่ายังอยู่ในทะเลทราย ดวงตาเคร่งขรึม เขากดนางฟ้าตัวน้อยไว้ในอ้อมแขนแล้วประกบปากจูบอย่างร้อนแรง
“…คนไม่ดีชอบทำให้หงุดหงิด…”
เหยียนหมิงซุ่นใช้แรงกัดติ่งหูขาวเนียนของเธอแล้วย้ายไปที่ตำแหน่งปากเล็กนั้นอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากบดขยี้แลกกันไปมา ทั้งสองคนต่างลืมทุกอย่างจนสิ้น คิดแค่อยากขย้ำอีกฝ่ายเข้าไปในร่างกาย เหยียนหมิงซุ่นแทบรอไม่ไหวที่จะฉีกกระโปรงที่เกะกะนั่นทิ้งเสีย
เขาคิดอย่างนี้ และวางแผนจะทำแบบนี้……
ลุงเหลาและป้าฟางออกไปนานแล้ว ในบ้างมีแค่เขาและเหมยเหมย คิดอยากจะทำอะไรก็ทำได้เลย
เหมยเหมยจับท่าทีของเขาได้ก็รีบหยุดมือที่ปัดป่ายนั้นไว้ กำลังจะพูดว่าในบ้านยังมีคนอื่นอยู่อีก แต่จู่ ๆเหยียนหมิงซุ่นก็ชะงักลงรีบหันไปอย่างรวดเร็ว สายตาเย็นชามาก
ฉีฉีเก๋อที่ยืนอยู่ข้างตู้เย็นตกใจจนขวัญกระเจิง มีชั่วขณะหนึ่งที่เธอคิดว่าผู้ชายคนนี้จะฆ่าเธอจริง ๆ!
สายตาน่ากลัวมาก!
ไม่นานเธอก็หันหน้ากลับไปด้วยความเขินอาย รู้สึกรำคาญตัวเองที่ออกมาผิดเวลาจริง ๆ หิวแล้วมันจะทำไงได้ มันไม่สามารถต้านทานไหวนี่นา!
“เธอคือฉีฉีเก๋อ เป็นเพื่อนร่วมชั้นที่จะส่งลูกม้าให้ฉันคนนั้นแหละ” เหมยเหมยอธิบายหน้าแดง ต้องการออกจากอ้อมแขนของเหยียนหมิงซุ่น แต่พอเห็นกระโปรงยับยู่ยี่เหมือนผักดองแห้งก็หดตัวกลับเข้าไปอีกครั้ง
ออกไปแบบนี้ คนที่ตาดีคงดูออกแน่ว่าเมื่อครู่เธอทำอะไรกันอยู่ น่าอายชะมัด!
โธ่ เธอนั่งบนตักผู้ชายแบบนี้ คนตาบอดยังมองออกเลยว่าเธอทำเรื่องอะไรกันอยู่!
ร่างของเหยียนหมิงซุ่นผ่อนคลายลง หันไปพยักหน้าเบา ๆให้ฉีฉีเก๋อ ไฟแห่งความกระหายถูกระงับลง แล้วก็โทษว่าเขาใจร้อนเกินไป ไม่ถามเหมยเหมยให้ชัดเจนก่อนถึงค่อยลงมือ
ฉีฉีเก๋อพูดเสียงเบาว่า “ฉันมาหาของกิน…ไม่เห็นอะไรทั้งนั้นแหละ พวกเธอต่อเถอะ…ต่อเลย…”
มือเธอยื่นไปเร็วมาก หยิบเอาอาหารออกมาจากตู้เย็นแล้วร่างก็พุ่งหายวาบไปอีกครั้งราวกับสายลม
ผู้ชายของเหมยเหมยน่ากลัวมาก!
เธอไม่กล้าแม้แต่จะอยู่ในห้องนี้ เหมยเหมยกลับกล้าจูบผู้ชายคนนี้ ช่างใจกล้าเสียจริง!
เหยียนหมิงซุ่นพูดกับเหมยเหมยเสียงเบาว่า “พวกเราไปเที่ยวข้างนอกกันเถอะ”
เหมยเหมยพยักหน้าแล้วก้มลงมองกระโปรงที่ยับหยั่งกับผักดองแห้ง ก็ถลึงตาใส่เขาอย่างหัวเสีย “ฉันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”
“อย่าเปลี่ยนเป็นเดรสนะ….” เหยียนหมิงซุ่นสั่งเสียงเข้ม นัยน์ตาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เหมยเหมยหน้าแดงก่ำถลึงตาใส่เขาทีหนึ่งแล้วก็วิ่งกลับห้อง ตอนเปลี่ยนเสื้อผ้าคำพูดของเหยียนหมิงซุ่นเหมือนดังอยู่ข้างหูเธออีกครั้ง มือก็คว้าเสื้อและกางเกงมาเปลี่ยนโดยไม่รู้ตัว แอบก่นด่าตัวเองว่าไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย
เหยียนหมิงซุ่นมองเหมยเหมยที่เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วอย่างพอใจ จูงมือเธอเดินออกไป เขาไม่บอกว่าไปไหน เหมยเหมยก็ไม่ถาม
เพราะว่าพวกเขารู้ ตอนนี้จะไปที่ไหนเป็นเรื่องรองไม่สำคัญสำหรับพวกเขา ตราบใดที่ไม่มีใครมารบกวนพวกเขาก็พอ
เหยียนหมิงซุ่นที่ทุรนทุรายจนแทบทนไม่ไหวอยู่แล้วก็ขับรถไปที่ภูเขาร้างไร้ผู้คน ไหนเลยจะอดกลั้นได้อีก เขาหยุดรถและดึงเหมยเหมยเข้ามาในอ้อมกอด จูบอย่างเอาแต่ใจ ไม่มีความกังวลใดอีกแล้ว
……
เวลาแห่งความเขินอายผ่านไปอย่างรวดเร็ว!
เหมยเหมยนอนอยู่ในอ้อมแขนของเหยียนหมิงซุ่นอย่างกระดากอาย เสื้อผ้ายับยู่ยี่แต่เหยียนหมิงซุ่นกลับมีใบหน้าที่พึงพอใจ เขาบีบแขนของสาวน้อยไม่หยุดแฝงท่าทีเอาใจเล็กน้อย ก้มหัวลงแล้วถามว่า “ไม่เมื่อยแล้วใช่ไหม?”
“เมื่อย…”
เหมยเหมยพูดเสียงอู้อี้ จงใจใช้น้ำเสียงออดอ้อนลากเสียงยาว
ใครบางคนปวดใจแทบแย่แล้วก็นวดต่อไป ไม่น่าแปลกใจที่ภรรยาตัวน้อยของเขาจะเมื่อย ใครใช้ให้เขามีแรงอึดถึกได้ยาวนานขนาดนั้นกันล่ะ!
พอนึกถึงตรงนี้ เหยียนหมิงซุ่นก็รู้สึกลำพองใจขึ้นมาอีกครั้ง
…………………………………………..
ตอนที่ 1431 ประหลาดใจ
ทั้งสองคนจู๋จี๋กันอีกสักพักเหมยเหมยก็ลุกขึ้นมาจัดระเบียบเสื้อผ้า เดิมทีคิดจะกลับไปยังที่นั่งของตนเองแต่เหยียนหมิงซุ่นไม่ให้ไปและยังคงให้เธอนั่งอยู่บนตักตนเช่นนั้น แล้วกระชับอ้อมกอดไว้แน่น
เขาชอบกอดภรรยาตัวน้อยของเขาแบบนี้เหลือ ทั้งหอมทั้งนุ่มราวกับกอดโลกใบนี้ไว้เลย
“ครั้งนี้ฉิวฉิวและฉาฉาช่วยพี่ได้มากทีเดียว กลับไปพี่จะซื้อช็อกโกแลตให้พวกมันกินหนึ่งคันรถเลย พี่รับปากพวกมันไว้แล้ว” เหยียนหมิงซุ่นพูดพลางอมยิ้มพร้อมเล่นมือเหมยเหมยเป็นครั้งคราว นุ่มราวกับไร้กระดูก ทั้งหอมทั้งเนียนลื่นมือ สวยกว่าหยกขาวเสียอีก
“ถ้ากินอีกก็กลายเป็นก้อนไขมันแล้ว แต่ในเมื่อพี่รับปากมันไปแล้วก็ให้มันกินไปเถอะ” วันหลังค่อยให้ฉิวฉิวลดน้ำหนักแล้วกัน
เหมยเหมยแค่นเสียงเบาแล้วกระทุ้งศอกใส่ใครบางคนอย่างไม่พอใจ เหยียนหมิงซุ่นคว้ามือของเธอไว้แล้วจับยัดเข้าปากกัดเบา ๆ ทั้งเด้งดึ๋งทั้งเล่นลิ้น อร่อยยิ่งกว่าขนมโมจิใส่ไส้เสียอีก
เขากัดเบา ๆ ทั้งนุ่มทั้งน่าหมั่นเขี้ยว เหมยเหมยอดไม่ได้ที่จะยิ้มแล้วจงใจพูดว่า “ฉันไม่ได้ล้างมือมาจากบ้านนะ”
“มิน่ากินเข้าไปถึงเค็ม ๆ พี่ลองชิมสิว่าเธออาบน้ำมาหรือยัง”
เหยียนหมิงซุ่นจงใจซุกไซ้ซอกคอเหมยเหมย ทั้งเลียทั้งกัด หยอกเย้าจักจี้จนเหมยเหมยหัวเราะไม่หยุด
พอเห็นเช่นนั้นก็เกือบเกิดไฟราคะลุกโชนขึ้นมา เหยียนหมิงซุ่นรีบชะงักทันที ภรรยาตัวน้อยของเขาเหมือนฝิ่นเคลือบน้ำตาลที่ลิ้มรสเท่าไรก็ไม่เคยพอ ทั้งยังคิดจะหยุดก็หยุดไม่ได้อีกต่างหาก
เหมยเหมยรับรู้ได้ถึงวัตถุแข็งโด่เบื้องล่างจึงรู้ว่าเหยียนหมิงซุ่นเกิดอารมณ์ขึ้นแล้ว เธอลุกขึ้นแล้วแลบลิ้นน้อย ๆเลียลูกกระเดือกของเขาอย่างซุกซน ถึงอย่างไรมากสุดเจ้าหมอนี่ก็คงทำให้เธอปวดมือแค่นั้น
เหยียนหมิงซุ่นตัวแข็งชะงักไปทันที ดวงตาหม่นลง พลิกตัวแล้วจับเหมยเหมยกดไว้ใต้ร่าง เสียงทุ้มต่ำแต่ช่างเร่าร้อนเหลือเกิน
“…ยัยตัวแสบ…เธอกำลังจุดไฟอยู่นะ”
ในเมื่อยัยตัวเล็กของเขาเป็นฝ่ายยั่วยวนก่อน เขาจะหยุดได้อย่างไรเล่า?
เหมยเหมยลอบบ่นในใจว่าแย่แล้ว เธอมองเหยียนหมิงซุ่นอย่างไร้เดียงสา “…พี่หมิงซุ่น…ฉันหิวแล้ว”
“ทำให้พี่อิ่มท้องก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
เหยียนหมิงซุ่นยิ้มอย่างชั่วร้ายแล้วปรับเบาะเอนลง เมื่อครู่เขายังไม่หนำใจเลย!
“คนเลว…อย่ากระชากเสื้อผ้าฉันนะ…คนอันธพาล…กางเกงของฉัน…”
เหมยเหมยร้องเสียงหลง แต่เพียงครู่เดียวเรือนร่างก็ถูกเปลือยเปล่าราวกับแพะตัวน้อย จากนั้นทั้งสองก็เปลือยกายประชันหน้ากัน เหมยเหมยขวยเขินมุดหน้าซบอกเหยียนหมิงซุ่น ทั้งสองมือกระชับกอดเอวผอมได้รูปแน่นกำยำไว้ เธอไม่รู้สึกหนาวสักนิดเพราะร่างของเหยียนหมิงซุ่นร้อนราวกับไฟจนจะแผดเผาเธอจนละลายอยู่แล้ว
…..ฉากนี้จินตนาการเองนะคะ
นัวเนียกันอยู่เกือบครึ่งชั่วโมงทั้งสองก็ยอมผละออกจากกัน มีความสุขราวกับไม่ได้อยู่ในโลกมนุษย์
เหยียนหมิงซุ่นโอบสาวน้อยผิวสีชมพูระเรื่ออย่างรักใคร่ มือลูบไล้แผ่นหลังที่เนียนสัมผัสนุ่มไม่หยุด เหมยเหมยในวันนี้ทำให้เขาประหลาดใจเหลือเกิน
“เหมยเหมย เธอไปเรียนรู้มาจากไหนเนี่ย?” เหยียนหมิงซุ่นอดไม่ได้ที่จะขยับเข้าไปถามข้างหูเสียงเบา
เหมยเหมยตัวสั่นเล็กน้อย งุดหน้าต่ำลงกว่าเดิม เธอจะพูดอะไรไม่ได้ทั้งนั้น
เมื่อกี้เธอต้องโดนสุนัขแทะสมองไปแล้วแน่เลย ทำไมถึงเป็นฝ่ายทำเรื่องแบบนั้นก่อนเองนะ?
น่าอายชะมัดเลย…
แต่พอเห็นท่าทางพอใจมีความสุขของเหยียนหมิงซุ่น เธอเองก็พลอยมีความสุขตามไปด้วย ยามเห็นท่าทางอัดอั้นทรมานของเหยียนหมิงซุ่น เธอก็พลอยปวดใจไปด้วย ฉะนั้นเธอจึงอยากทำอะไรเพื่อเขาบ้าง
เหยียนหมิงซุ่นประทับรอยจูบสาวน้อยอย่างทะนุถนอม แล้วก็ไม่ได้ถามอะไรอีก แต่ในใจกลับอ่อนยวบกลายเป็นน้ำคิด แค่อยากจะกอดสาวน้อยของเขาเอาไว้เช่นนี้สักหมื่นปี…
“โครกคราก…”
เสียงทำลายความเงียบในรถ เหมยเหมยอายอย่างถึงที่สุดแล้วแอบก่นด่าว่าไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย ทำไมต้องมาร้องในช่วงเวลาดี ๆเช่นนี้ด้วยนะ?
เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะเสียงเบาแล้วประทับจูบลงบนฝีปากของเหมยเหมย “ไปกินข้าวกัน จะปล่อยให้ภรรยาของพี่หิวตายไม่ได้หรอกนะ”
“ใครเป็นภรรยาของพี่กัน…หน้าหนาจริง ๆ…พี่รีบหันหน้าไปเลยนะ…
เหมยเหมยมองค้อนใส่ สองมือโอบกอดเบื้องหน้า ใบหน้าแดงขวยเขิน เหยียนหมิงซุ่นขยิบตาให้ด้วยท่าทียียวนแล้วหมุนตัวอย่างว่าง่าย จากนั้นก็ชื่นชมเรือนร่างงดงามผ่านกระจกหน้ารถอย่างโจ่งแจ้ง
ตอนที่ 1432 อ้วนขึ้นสามจิน
เหยียนหมิงซุ่นพาเหมยเหมยไปที่ถนนคนเดินอาหารที่ขึ้นชื่อมากในเมืองหลวง พลางเอ่ยถามอย่างยียวนว่า “อยากดื่มน้ำถั่วไหม?”
เหมยเหมยส่ายหน้าเป็นพันละวันเหมือนกลองลูกคลื่น “ไม่เอา ฉันอยากดื่มน้ำเต้าหูกินทังเปา[1]”
เพราะน้ำถั่วแม้แต่หลายคนในพื้นที่เองยังไม่คุ้นชินรสชาติเลย เธอเองคงจะไม่หาเรื่องใส่ตัวหรอก ดื่มน้ำเต้าหู้ดีกว่า รวมถึงหลูจู่หั่วเชา[2]อะไรพวกนั้นด้วยซึ่งเธอก็ยังรู้สึกไม่คุ้นชินในรสชาติเช่นกัน ไม่ใช่ว่าไม่อร่อยเพียงแต่ด้วยรสชาติที่แตกต่างกันก็เท่านั้น
เช่นเดียวกับที่คนทางเหนือไม่คุ้นชินรสชาติจืดชืดและหวานเลี่ยนของคนทางใต้
เหยียนหมิงซุ่นดึงจมูกเล็ก ๆปลายเชิดของเหมยเหมยเบาๆ พร้อมพูดอย่างเอาใจ “ได้ วันนี้เอาตามเธอว่าเลย”
เหมยเหมยเหลือบมองเขาอย่างได้ใจ ท่าทีออดอ้อนของเธอนั้นแทบจะทำให้อดใจกัดเข้าที่ใบหน้าเล็ก ๆนั่นไม่อยู่แล้ว จนเหยียนหมิงซุ่นคันไม่คันมืออย่างอดไม่ได้จึงดึงแก้มไปหลายครั้ง กระทั่งได้รับสายตามองแรงจากเหมยเหมย นั่นถึงได้จอดรถ แล้วเดินจูงมือภรรยาตัวน้อยของเขาไปทานอาหารเช้า
ถนนคนเดินอาหารยังพอมีของว่างของคนทางใต้อยู่บ้าง อีกทั้งยังมีร้านสาขาย่อยของภัตตาคารเฟิ่งหลายแห่งเมืองจินมาเปิดสาขาขยายธุรกิจถึงเมืองหลวงแล้ว ตอนนี้เลยเวลาอาหารเช้ามาแล้วแต่ภายในห้องโถงใหญ่ยังแออัดไปด้วยผู้คนจำนวนมาก
พวกเขาไม่ได้เข้าไปที่ห้องไพรเวท ทานมื้อเช้าก็ต้องทานที่ห้องโถงใหญ่ บรรยากาศครึกครื้นหน่อยถึงจะได้อรรถรส เหยียนหมิงซุ่นให้เหมยเหมยนั่งรอ ส่วนตัวเขาไปต่อคิว ผ่านไปห้าหกนาทีก็ยกเอาเข่งสี่เข่งเข้ามา โดยมีเข่งใหญ่สองเข่ง เข่งเล็กสองเข่ง พร้อมกับหลอดดูดสองอัน
เมื่อได้เห็นของว่างที่คุ้นเคย เหมยเหมยก็ดวงตาเป็นประกายอย่างห้ามไม่ได้ เหยียนหมิงซุ่นตบมือเล็ก ๆของเธอที่ใจร้อนจนรอไม่ไหวไปหนึ่งที พลันเอ่ยดุ “ระวังลวก รอให้เย็นก่อนค่อยกิน พี่สั่งเกี๊ยวนึ่งมาด้วย เรากินเกี๊ยวกันก่อน”
ไม่นานก็มีพนักงานยกเอาเกี๊ยวนึ่งสองเข่งมาเสิร์ฟ เหยียนหมิงซุ่นคีบเกี๊ยวขึ้นมาหนึ่งชิ้น พร้อมกันยื่นไปที่ปากของเหมยเหมย “อ้าม…”
เหมยเหมยอ้าปากอย่างเชื่อฟัง กัดไปครึ่งชิ้น พลันแววตาก็เป็นประกายเพราะเป็นไส้หมูผักจี่ไฉ่ที่เธอชอบกินที่สุด หอมอร่อยที่สุด อร่อยจนลิ้นแทบหลุดได้เลย
“พี่ตั้งใจสั่งไส้ผักจี่ไฉ่ เพราะรู้ว่าเธอชอบกินอันนี้”
เหยียนหมิงซุ่นจึงเอาครึ่งชิ้นที่เหลือนั้นกินเสียเอง ใบหน้าแลดูอ่อนโยนมากขึ้นและเผยให้เห็นถึงความอบอุ่น เหมือนกับทุกครั้งที่อยู่กันตามลำพัง
เหมยเหมยกลืนเกี๊ยวเข้าไป จึงเอื้อมไปคีบขึ้นมาอีกชิ้น พร้อมทั้งยื่นไปที่ปากของคนบางคนอย่างเอาใจ ต้องประจบประแจงเสียหน่อย
เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้มไปกินเกี๊ยวไป ทั้งคู่ต่างผลัดกันเธอป้อนฉัน ฉันป้อนเธอไปมาเช่นนี้ ความรักแผ่อบอวลเข้มข้นซึ่งแลจะเข้มเสียยิ่งกว่ากลิ่นหอมในร้านอาหารเสียอีก ลูกค้าคนอื่นต่างพากันยิ้มอย่างเห็นได้ชัด แอบอวยพรให้คู่รักวัยรุ่นคู่นี้ที่สมกันดั่งกิ่งทองใบหยกนี้มีความสุข
เหมยเหมยกระเพาะเล็ก กินเข้าไปแค่สามชิ้นก็ไม่กินแล้ว เอาแต่จับจ้องซาลาเปาไข่ปูไม่วางตา เธอจะต้องเก็บท้องไว้กินต่อสิ
เหยียนหมิงซุ่นนำหลอดสองอันยัดเข้าไปในซาลาเปา ทั้งคู่ต่างดูดกันคนละหลอด ดูดเอาความอร่อยและกลิ่นหอมกรุ่นของน้ำซุปเข้าปาก สาดกระจายทั่วทั้งซอกมุมปาก แทรกซึมไปตามปลายประสาทสัมผัสต่าง ๆของร่างกาย…
“อร่อยมาก…”
ทั้งคู่ดูดกินทังเปาลูกใหญ่จนแห้ง พลางถอนหายใจออกมาพร้อมกัน ซาลาเปาไข่ปูของภัตตาคารเฟิ่งหลายยังคงเป็นทีเด็ดของฮวาเซี่ย ฝีมือร้านอื่นทำออกมามักจะขาดรสชาติไปหน่อย
เหมยเหมยรู้สึกอิ่มบ้างแล้วจึงไม่อยากทานอะไรต่อ เหยียนหมิงซุ่นกลับให้เธอกินทังเปาลูกเล็กอีกสามชิ้น เหมยเหมยออดอ้อนอย่างไม่ยอม
“ไม่เอาสิ…ฉันอ้วนขึ้นตั้งสามจิน[3] พี่ดูสิว่าเหนียงฉันขึ้นแล้วนะ…”
เมื่อนึกถึงจุดนี้เหมยเหมยจึงรู้สึกขมขื่น คนอื่นไปฝึกทหารต่างก็พากันน้ำหนักลด เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็ลดลงไปตั้งหกจิน แม้แต่ฉีฉีเก๋อก็ลดไปสามจิน มีแต่เธอที่น้ำหนักเพิ่มขึ้นมาเต็ม ๆสามจิน
เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกได้ตั้งแต่แรก จึงหันไปกระซิบเสียงเบาที่ข้างหูเธอ “เนื้อหนังเพิ่มขึ้นมาหน่อยยิ่งดี…เมื่อกี้พี่ลองทาบดูแล้ว…ใหญ่ขึ้นมาหน่อย…”
ใบหน้าของเหมยเหมยร้อนเสียยิ่งกว่าน้ำซุปที่อยู่ในทังเปาอีก อดไม่ได้ที่จะได้ออกแรงกัดถึงจะช่วยระบายอารมณ์ออกมาได้บ้าง เชิดปากขึ้นสูง ต่อให้พูดอย่างไรก็จะไม่ยอมกินแล้ว
โฮ่วเชิ่งหนานได้พาชายวัยรุ่นผู้หนึ่งที่ท่าทางสุภาพอ่อนโยนสวมใส่แว่นตากรอบทองเดินเข้ามา โดยสื่อสารกันด้วยภาษาอังกฤษ “คุณเถียนมู่ ซาลาเปาไข่ปูร้านนี้อร่อยมาก เมื่อสองปีก่อนพึ่งจะย้ายมาเปิดสาขาย่อย ถ้าไม่งั้นพวกเราคงต้องไปกินถึงเมืองจินเลยนะ”
……………………………………………………………….
ตอนที่ 1433 ฉันต้องเอาชนะชายผู้นี้ให้ได้
ชายหนุ่มวัยรุ่นคนนั้นก็คือเพื่อนของโฮ่วเซิ่งหนาน เจ้าชายตระกูลใหญ่ในญี่ปุ่น ทั้งคู่เป็นเพื่อนร่วมชั้นและเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ชายหนุ่มมีชื่อว่าเถียนมู่ฉื่อหลาง อย่ามองเพียงว่าเขาแลดูสุภาพอ่อนโยนเพราะเขาเป็นถึงปรมาจารย์ยูโดเชียวนะ
เถียนมู่เลื่อมใสในวัฒนธรรมของฮวาเซี่ยเป็นอย่างมาก น้ำเสียงที่เปล่งออกมาดูมีความสุขไม่น้อย “งั้นเดี๋ยวฉันต้องกินให้เยอะ ๆหน่อยล่ะ เชิ่งหนาน เธอวางแผนจะกลับประเทศมาทำงานจริงหรือ?”
เขารู้สึกแปลกใจมาก ผู้หญิงรักอิสระอย่างโฮ่วเซิ่งหนาน จู่ ๆก็โทรมาบอกเขาว่าตนตกหลุมรักผู้ชายคนหนึ่งจะไปพิชิตใจคนนั้นมาให้ได้ อีกอย่างผู้หญิงคนนี้บทจะไปก็ไป แม้แต่คำร่ำลาก็ยังไม่คิดจะเอ่ยกับพวกเขาเลยสักคำ
เถียนมู่ตามโฮ่วเซิ่งหนานกลับมาที่ฮวาเซี่ย ก็เพื่อต้องการจะพิสูจน์ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่
โฮ่วเซิ่งหนานฉีกยิ้มราวกับโบยบินได้อย่างตามอำเภอใจ เดิมทีรูปลักษณ์หน้าตาของเธอก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรมาก แต่ตอนนี้กลับดูมีประกายความงามแผ่ออกมา ดึงดูดความสนใจจากลูกค้าในร้านเป็นจำนวนมาก แต่ก็แค่เหลือบมองเพียงครู่เดียวซึ่งไม่ได้ให้ความสนใจโฮ่วเชิ้งหนานมากนัก
โฮ่วเซิ่งหนานนึกประหลาดใจ พูดถึงเสน่ห์ก็ยังนับว่ามีอยู่บ้างเพราะตัวเธอเองมีความมั่นใจอย่างเปี่ยมล้นที่ผู้หญิงในฮวาเซี่ยขาดไป อีกทั้งเธอมีรูปร่างดี ทั้งยังรู้จักการแต่งตัว ดังนั้นไม่ว่าจะไปที่ไหนก็จะเป็นดั่งไข่มุกที่ส่องประกายวาววับ ดึงดูดสายตาจากผู้ชายจำนวนนับไม่ถ้วน
ทั้ง ๆที่วันนี้เธอตั้งใจแต่งหน้าแต่งตัว ด้วยเดรสพิมพ์ลายดอกสีสันแปลกตา ต่างหูสีเงินที่มีขนาดหนากว่ากำไลข้อมือ เสื้อไหมพรมสีขาวตัวยาวพร้อมห้อยโซ่กระดูกแบบอินเดียนด้วย อีกทั้งอายแชโดว์สีดำกับลิปสติกสีแดงเพลิง ดูสวยไปเสียทุกส่วน
แค่แฟชั่นการแต่งตัวของเธอในวันนี้ก็เพียงพอจะเตะตาใครได้ง่าย ๆแล้ว!
คนพวกนั้นตาบอดกันหรือไง?
“ใช่ค่ะ ฉันติดต่อทางที่ทำงานไว้แล้ว อาจารย์สอนภาษอังกฤษที่มหาวิทยาลัยในเมืองหลวง” โฮ่วเซิ่หนานหันกลับมาเพื่อตอบเถียนมู่ เพราะความได้ใจและดีใจที่เถียนมู่ตามเธอมาตอนเช้าขณะนี้ได้เลือนหายไปมากแล้ว รู้สึกเพียงแค่ปราบปลื้มเล็กน้อย
บรรดาลูกค่า: คู่นี้ไม่ได้โดดเด่นสะดุดตาเท่ากับคู่ที่กินเกี๊ยวเมื่อกี้เลย เบื่อที่จะดู!
ในใจของเถียนมู่รู้สึกไม่ดีนัก เขาตามจีบโฮ่วเซิ่งหนานมาสี่ปี แต่ผู้หญิงคนนี้ก็เป็นดั่งสายลมคว้าไว้ไม่เคยได้ แม้แต่จะยอมสนุกกับเขาเพียงชั่วข้ามคืนก็ไม่ยินยอม
เหตุผลก็เพราะเธอไม่ชอบผู้ชายเอเชีย!
เอาเถอะ เขายอมรับว่าส่วนสูงของเขาเทียบไม่ติดกับบรรดาคนรักของโฮ่วเซิ่งหนาน ถือเป็นความบกพร่องแต่กำเนิด เถียนมู่จึงต้องยอมจำนนต่อโชคชะตา เขาคงไม่อาจทำการตัดชิ้นส่วนมาประกอบกันได้
แต่ตอนนี้…
โฮ่วเซิ่งหนานกลับบอกว่าเธอตกหลุมรักชายหนุ่มชาวฮวาเซี่ย?
เถียนมู่ถามออกไปอย่างตัดพ้อ “เซิ่งหนานเธอบอกว่าไม่มีทางตกหลุมรักผู้ชายเอเชียไม่ใช่เหรอ?”
โฮ่วเซิ่งหนานหันกลับมาประทับรอยจูบที่แก้มจนขึ้นรอยปากสีแดง พูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่าแต่กลับเพียงพอให้หลงเสน่ห์ “เพราะว่าเจ้านั่นของเขาใหญ่กว่าของคนอื่น แล้วยังเซ็กซี่ด้วย…”
เถียนมู่เกรงหน้าท้องไว้แน่น อดไม่ได้ที่จะโอบเอวของโฮ่วเซิ่งหนานไว้และดึงเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด พร้อมกับกดจูบอย่างเร้าร้อน โฮ่วเซิ่งหนานก็ไม่ได้คัดค้านอะไร ตอบรับจูบอันลึกซึ้งแบบฉบับฝรั่งเศสของเขากลางห้องโถงใหญ่ในภัตตาคารเฟิ่งหลาย
แม้ว่าเธอและเถียนมู่จะยังไม่เคยร่วมหลับนอนด้วยกันมาก่อน แต่อย่างอื่นที่ควรทำก็ทำไปหมดแล้ว การจูบสำหรับเธอแล้วถือเป็นเรื่องธรรมดาเสียยิ่งกว่าการทานข้าวอีก
ฮวาเซี่ยในยุคเก้าศูนย์นั้น ต่อให้เป็นเมืองหลวง ประเพณีและวัฒนธรรมยังคงเป็นแบบอนุรักษ์นิยม แม้ว่าจะเป็นการกอดกันในที่สาธารณะก็นับว่ากล่าวเป็นที่โจษจันแล้ว ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงการจูบอันเร่าร้อนในที่สาธารณะของโฮ่วเซิ่งหนานหรอก คงจะเป็นภาพอุจาดตาที่ใครต่างก็รับไม่ได้
ทุกคนต่างตกตะลึงอ้าปากค้างอย่างทำอะไรไม่ถูก!
บางคนหน้าบางหน่อย ก็จะยกมือขึ้นมาปิดหน้าไว้ ไม่กล้าดู!
เหมยเหมยก็หันมาเห็นคู่นี้เข้า พลันตาเบิกกว้างอย่างตกใจ พร้อมหันไปสะกิดเหยียนหมิงซุ่นระคนเอ่ยเสียงเบา “ดูทางนั้น…ช่างร้อนแรงเหลือเกิน…”
จึ๊ ๆ ๆ คู่นี้นี่ช่างเปิดเผยเสียจริง ต่อให้เป็นวัยรุ่นในอีกยี่สิบปีข้างหน้าก็ไม่ได้ทำอะไรประเจิดประเจ้อถึงขนาดจูบกันต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้!
เหยียนหมิงซุ่นหันไปมอง เพียงแวบแรกก็เห็นโฮ่วเซิ่งหนานที่เพิ่งผละตัวออกจากเถียนมู่ ซึ่งมือของเถียนมู่ยังคงวางอยู่ที่สะโพกของโฮ่วเซิ่งหนาน เหยียนหมิงซุ่นขมวดคิ้วแน่น ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้กลับประเทศมาเหมือนกันล่ะ?
…………………………………………………………………….
[1] ซาลาเปาที่ด้านในจุน้ำซุปเอาไว้ ส่วนมากจะใช้หลอดเจาะแล้วดูดกินน้ำซุปด้านในก่อน
[2] เครื่องในตุ๋น โดยนำเอาลำไส้และปอดมาต้มรวมกัน และใช้เวลาตุ๋นให้เกิดความนุ่มแต่ไม่เละ
[3] 斤เป็นหน่วยวัดน้ำหนักของจีนที่นิยมใช้ มีน้ำหนักเท่ากับ 500 กรัม
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น