พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1417-1420
บทที่ 1417 กับดัก
Ink Stone_Fantasy
เขาเองก็เข้าใจเช่นกัน ตอนที่เดินออกจากงานขายประมูล เกรงว่าตอนนั้นคงจะถึงเวลาแห่งความยุ่งยากแล้ว
แต่ไม่นานก็สงบสติอารมณ์ได้ เพราะเห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้มีเงื่อนงำ ในเมื่อตำหนักสวรรค์ตั้งใจเตรียมการแบบนี้ ก็แสดงว่ามีแผนสำรองแน่นอน คงไม่ถึงขั้นปล่อยธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์หนึ่งแสนคันออกมาเพื่อให้คนอื่นเล่นงานพวกเขาจนตายหรอก ในเมื่อไม่ได้พุ่งเป้ามาที่พวกเขา ก็แสดงว่าพุ่งเป้าไปหาคนที่มาเพื่อซื้อธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์
แต่เขาเองก็คิดไม่ตก ว่าทำไมตำหนักสวรรค์ไม่ส่งยอดฝีมือสักหลายๆ คนมาจัดการเรื่องนี้ แต่ให้คนที่มีวรยุทธ์แบบพวกเขามาทรมาน? โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การส่งเรื่องนี้ให้จ้านหรูอี้ที่มาจากตระกูลอิ๋งเป็นคนออกหน้า ไม่ว่าจะดูจากความสามารถหรือจากด้านอื่นๆ จ้านหรูอี้ก็ไม่เหมาะจะทำเรื่องนี้เลย มีเจตนาอะไรกันแน่?
ขนาดเหยียนซิวที่อยู่ข้างกันยังถ่ายทอดเสียงถามเขาเลยว่า “นายท่าน นี่คงไม่ใช่กับดักที่ตำหนักสวรรค์วางไว้หรอกใช่มั้ย?”
เหมียวอี้ถอนหายใจแล้วตอบว่า “ไม่ว่าจะเป็นกับดักหรือไม่ แต่พอการขายประมูลจบลง พวกเราก็จะต้องประสบปัญหายุ่งยาก ไม่รู้เหมือนกันว่าตำหนักสวรรค์เตรียมการไว้มากแค่ไหน ไม่อย่างนั้นพวกเราต้องติดกับดักตายแน่”
ในตำหนักดาราจักร ประมุขชิงเดินเข้ามาในชั้นหนังสือที่มีม้วนหนังสือโบราณมากมายราวกับมหาสมุทร เกาก้วนที่เดินอยู่ข้างๆ เก็บระฆังดารา แล้วรายงานว่า “ฝ่าบาท ถึงเวลานำธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์หนึ่งแสนคันขึ้นเวทีขายประมูลแล้วขอรับ”
การที่ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์หนึ่งแสนคันนั้นไปโผล่อยู่ที่งานขายประมูลก็เป็นกับดักจริงๆ จากการตรวจสอบตลาดผีแบบรอบด้านของหน่วยตรวจการฝ่ายขวาในช่วงเวลานี้ พบว่าพวกเสือสิงห์กระทิงแรดที่จ้องอยากได้ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์เก้าล้านคันนั่นมีค่อนข้างเยอะ อำนาจอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลังของแต่ละคนก็มีปรากฏให้เห็นบ้างเช่นกัน
ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์เป็นอาวุธทรงประสิทธิภาพที่ตำหนักสวรรค์ใช้ควบคุมใต้หล้า! ประมุขชิงเดือดดาลมาก คนพวกนั้นจะอยากได้อาวุธชุดนี้ไปทำไมกัน? คิดอยากจะก่อกบฏกันหมดเลยเหรอ?
นี่เป็นการล้ำประมุขชิงแล้ว เขาจึงสั่งให้หน่วยตรวจการฝ่ายขวาตรวจสอบ เพราะอยากจะเห็นว่ามีคนในของตำหนักสวรรค์มากเท่าไรที่เข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้
ทว่าเกาก้วนบอกว่าเกี่ยวข้องกับวงกว้างมากเกินไป การสืบต่อไปแบบนี้ไม่ใช่แผนการที่ยั่งยืน ถ้าธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ชุดนั้นไม่โผล่ออกมาสักทีจะทำอย่างไร?
ประมุขชิงถามเขาว่ามีแผนรับมืออะไร?
เกาก้วนเสนอแผนการว่า ให้นำธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์มาเป็นเหยื่อล่อ วางกับดักล่องูออกจากถ้ำ จากนั้นก็ค่อยหว่านแหจับในรวดเดียว จับตัวคนมาสืบสวนอย่างช้าๆ ต่อให้จะไม่สามารถหว่านแหจับได้ทั้งหมดในรวดเดียว แต่ก็ต้องทำให้คนอื่นลูบหน้าปะจมูก ทำให้คนที่คิดอยากจะได้ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์อีกต้องชั่งน้ำหนัก ให้พวกเขาไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามเพราะเป็นกังวลว่าสิ่งนี้คือกับดักของตำหนักสวรรค์ ทำแบบนี้เพื่อถ่วงเวลาให้ตำหนักสวรรค์หาธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์เก้าล้านคันนั่นกลับมา
ที่สำคัญที่สุดก็คือ เป็นไปได้สูงว่าจะสามารถล่อผู้รอดชีวิตของหกลัทธิออกมาด้วย ขอเพียงจับตัวได้ ก็จะสามารถสืบหาเบาะแสได้ ไม่แน่ว่าอาจจะหว่านแหจับผู้รอดชีวิตหกลัทธิที่อยู่ข้างนอกได้หมดในรวดเดียวก็ได้
เป็นแผนที่ดีมาก! ประมุขชิงอนุมัติแล้ว ดังนั้นจึงมีกับดักนี้โผล่มา
ในตอนนี้ ประมุขชิงหยิบม้วนหนังสือออกมาม้วนหนึ่ง แล้วเปิดอ่านในมือพลางกล่าวอย่างเนิบนาบว่า “ต้องติดต่อกับฝั่งกองทัพองครักษ์เอาไว้เสมอ อย่าให้เกิดเรื่องกับจ้านหรูอี้”
“หน่วยองครักษ์ซ้ายขวาส่งผู้ตรวจการใหญ่หกคนไปด้วยตัวเอง ไม่น่าจะเกิดเรื่องขึ้นขอรับ” เกาก้วนตอบ
ประมุขชิงสั่งอีกว่า “ก่อนลงมือจะต้องเตรียมรักษาความลับให้ดี ข้าเฝ้ารอมากว่าเจ้าจะสามารถล่อผู้รอดชีวิตของหกลัทธิออกมาได้”
เกาก้วนตอบว่า “คนที่รู้เรื่องภารกิจครั้งนี้มีน้อยจนนับนิ้วได้ คนที่ปฏิบัติงภารกิจอยู่ตรงนั้นก็มีเพียงจ้านหรูอี้ที่รู้ แม้แต่หนิวโหย่วเต๋อที่ร่วมเดินทางไปด้วยก็ไม่รู้สถานการณ์เบื้องลึก ข้าน้อยเพียงกังวลฝั่งจ้านหรูอี้นิดหน่อย ไม่รู้ว่านางจะเผยความลับให้ตระกูลอิ๋งรู้หรือเปล่า?”
ประมุขชิงกล่าวกลั้วหัวเราะว่า “นี่ก็คือสาเหตุที่ข้าให้หนิวโหย่วเต๋อร่วมเดินทางไปด้วย นางหนูนั่นหยิ่งผยองรักศักดิ์ศรี ถ้ามีหนิวโหย่วเต๋ออยู่ด้วย นางจะอยากเอาชนะ ต่อให้นางจะเปิดเผยให้ตระกูลอิ๋งรู้ก็ไม่เป็นไร…” พอพูดถึงตรงนี้ก็เงียบแล้ว เพียงอมยิ้มพลางชำเลืองมองเกาก้วนแวบหนึ่ง ทำสีหน้าเหมือนกำลังบอกว่า ‘เจ้ารอดูละครสนุกๆ ได้เลย’
เกาก้วนงงไปชั่วขณะ แปลกใจนิดหน่อย ทั้งที่รู้อยู่แจ่มแจ้งว่าการให้จ้านหรูอี้ออกหน้าทำภารกิจนี้อาจจะมีความลับรั่วไหล แต่ทำไมประมุขชิงยังต้องให้จ้านหรูอี้แสดงความสามารถนี้ด้วยล่ะ?
เพียงแต่ประมุขชิงเหมือนจงใจจะปิดบัง เขาจึงไม่สะดวกจะถามอีก…
ในชั้นบนของตึกศาลาสัตยพรตที่อยู่เหนือน้ำ ในชั้นที่อยู่ตรงกลาง หน้าประตูห้องห้องหนึ่งที่ปิดสนิท ชายชราชุดเขียวเร่งฝีเท้าเดินเข้ามา แล้วเคาะประตูบานที่ปิดสนิทนั้น
“เข้ามา” ในห้องมีน้ำเสียงที่หนักแน่นดังออกมา
ในห้องกว้างขวางใหญ่โต ตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่แฝงความหรูหรา บนเตียงเตี้ยมีชายวัยกลางคนรูปร่างกำยำล่ำสันที่สวมชุดคลุมสีเทากำลังนั่งขัดสมาธิ ใบหน้าหยาบคายและดูผ่านโลกมาอย่างโชกโชน ดวงตาทั้งคู่เปิดลืมอย่างช้าๆ สายตาที่ล้ำลึกกำลังมองชายชราชุดเขียวผลักประตูเดินเข้ามา เมื่อเห็นอีกฝ่ายรีบร้อน เขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมถามว่า “ตาเฒ่าชี มีเรื่องอะไรรีบร้อนขนาดนี้?”
เขาไม่ใช่ใครที่ไหน เฉาหม่าน เถ้าแก่ของตึกศาลาสัตยพรตนั่นเอง และเป็นมือมืดที่ควบคุมอยู่เบื้องหลังตลาดผีด้วย
“เถ้าแก่…” ชายชราชุดเขียวรีบเดินมาข้างกายเขา แล้วเล่าเรื่องธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์โผล่มาที่งานขายประมูลให้ฟังรอบหนึ่ง
เฉาหม่านได้ยินแล้วตกใจทันที หย่อยเท้าสองข้างลงจากเตียง เดินวนพลางครุ่นคิดรอบหนึ่ง แล้วถามว่า “คนที่ปล่อยขายมีประวัติที่มาเป็นยังไง?”
“ยังไม่ทราบขอรับ สั่งให้คนไปตรวจสอบแล้ว คุณหนูเฟิ่งฉือกำลังถ่วงเวลาอยู่ นางบอกใบ้บ่าวชรามาถาม ว่าจะฮุบธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ชุดนี้ไว้หรือไม่ขอรับ!” บ่าวชราชุดเขียวตอบ
เฉาหม่านแทบจะตะคอกโดยไม่ต้องคิดอะไร “ของที่มีที่มาไม่ชัดเจน จะฮุบได้ยังไง? ใครก็แตะต้องของชุดนี้ได้ แต่มีแค่พวกเราเท่านั้นที่ห้ามแตะ เจ้าคิดว่าตำหนักสวรรค์ไม่รู้จักเบื้องหลังของพวกเราเหรอ? แล้วอีกอย่าง ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์หนึ่งแสนคันไม่มีประโยชน์ต่อพวกเราสักนิด ถ้าจะฮุบก็ต้องฮุบเก้าล้านคัน ไปบอกเฟิ่งฉือ ว่าอย่าอยากได้ ให้ขายประมูลตามปกติ!”
“ขอรับ!” บ่าวชราชุดเขียวรีบออกไป
และในงานขายประมูลในตอนนี้ พิธีกรหญิงที่อยู่บนเวทีรับธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์มาจากมือจ้านหรูอี้แล้ว ลูกธนูดาวตกสามดอกวางอยู่บนสาย พอร่ายอิทธิฤทธิ์ดึงสายธนูอย่างช้าๆ บนธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ก็มีลำแสงไหลเวียนทันที สายธนูเริ่มตึงขึ้นทีละนิดราวกับพระจันทร์เต็มดวง กำลังสะสมพลังเตรียมยิงไปบนเพดาน
ทุกคนในงานกำลังตั้งหน้าตั้งตารอ แต่ใครจะคิดว่าพิธีกรหญิงจะแค่ทดลองดึงเท่านั้น จากนั้นก็ถอนพลังอิทธิฤทธิ์กลับมาที่สายธนู แล้วพยักหน้าบอกใบ้ว่าเป็นธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์จริงๆ จากนั้นก็วางธนูไว้บนถาดของผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ แล้วยื่นมือเชิญให้จ้านหรูอี้กลับไปก่อน
หลังจากจ้านหรูอี้ลงเวทีมาแล้ว ก็กลับไปนั่งตรงที่นั่งของตัวเองท่ามกลางสายตาของทุกคน หางตานางรู้สึกได้ว่าพวกเหมียวอี้ที่อยู่สองฝั่งกำลังจ้องนางอยู่ นางรู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อย นึกไม่ถึงว่าเบื้องบนจะมอบภารกิจที่สำคัญขนาดนี้ให้นางทำได้ พอคิดว่าตัวเองได้สร้างผลงานใหญ่ขนาดนี้จนเหมียวอี้เหม่องงง นางก็แอบรู้สึกสะใจอยู่พักหนึ่ง เมื่อสร้างผลงานนี้แล้ว การเลื่อนขั้นก็เป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ ต่อให้ในภายหลังนางจะแต่งงานกับเขา แต่ตำแหน่งของนางก็สูงกว่าเขาอยู่ดี ไม่แน่ว่านางอาจจะกลายเป็นผู้บังคับบัญชาของเขาก็ได้ ชายเป็นใหญ่กว่าหญิงเสียที่ไหนล่ะ? เอาไว้ในภายหลังนางค่อยไปคิดบัญชีเรื่องผู้หญิงที่หอนางโลมกับเขา!
คังเต้าผิงที่นั่งอยู่ข้างๆ กันเรียกได้ว่ามีสีหน้าขื่นขม ก่อนจะมาที่นี่ จ้านหรูอี้เก็บระฆังดาราที่เขาจะใช้ติดต่อกับภายนอกเอาไว้แล้ว ตอนแรกเขายังไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่มาเข้าใจตอนนี้ก็สายไปแล้ว นึกไม่ถึงว่าคุณหนูใหญ่จะทำเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ ที่นางเก็บระฆังดาราของเขาก็เพราะไม่อยากให้เขาติดต่อกับทางตระกูลจ้าน!
“คุณหนู ตระกูลอิ๋งที่อยู่ที่ตลาดผีอาจจะได้ยินข่าวนี้แล้วก็ได้…” คังเต้าผิงจำเป็นต้องแอบถ่ายทอดเสียงเตือน
จ้านหรูอี้ไม่ได้สนใจเขา นางเองก็ไม่ใช่คนโง่ มีหรือที่จะปล่อยให้เรื่องแบบนี้มาทำให้ตระกูลอิ๋งลำบากไปด้วย สาเหตุที่เก็บยึดระฆังดาราของคังเต้าผิงเอาไว้ ก็เพื่อที่จะล่อให้ตระกูลอิ๋งกับตระกูลจ้านออกมา ไม่อย่างนั้นหลังจากจบเรื่องแล้ว ถ้ามีเพียงตระกูลของนางที่ไม่เป็นอะไร นางก็สงสัยว่าคังเต้าผิงจะทนรับการสืบสวนจากเบื้องบนได้หรือเปล่า เรื่องบางเรื่องนางไม่อาจให้คนนอกรู้ได้ นางย่อมแอบบอกครอบครัวตัวเองไว้แล้ว
เหมียวอี้ที่ข่มไฟโกรธไว้ในใจ ในที่สุดก็ทนไม่ไหวแล้วเช่นกัน “จ้านหรูอี้ เจ้ารู้ถึงผลที่จะตามมาหรือเปล่า?”
“ติดต่อให้คนของเจ้ามาที่นี่เดี๋ยวนี้” จ้านหรูอี้สั่ง
“ยังไม่รู้เลยว่าต่อไปจะมีใครมาหาถึงประตูที่พัก เจ้าแน่ใจนะว่าพวกเจาจะต้านทานไหว?” เหมียวอี้โมโห
“ไม่ได้เรียกให้มาต้านทานให้พวกเรา แต่ให้พวกเขาแต่งตัวแบบนี้ ลอกเลียนแบบเพื่อช่วยให้พวกเราออกไปจากที่นี่” จ้านหรูอี้กล่าว
เหมียวอี้เข้าใจแล้ว สงสัยจะเรียกทุกคนที่ว่างงานมาอยู่รอบๆ ก็เพราะสาเหตุนี้
หลังจากพิธีกรหญิงที่อยู่ด้านบนเตรียมตัวแล้ว ก็ประกาศอย่างเป็นทางการว่า “การขายประมูลรั้งท้ายรอบสุดท้าย ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ขั้นห้าหนึ่งแสนคัน ราคาเริ่มต้นสองหมื่นล้านล้านผลึกแดง ป้ายราคาหนึ่งพันล้านผลึกแดง ผู้ที่อยากได้กรุณาแสดงป้าย” พูดจบก็เขย่าเชือก “ติ๊ง” การขายประมูลรั้งท้ายเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ
ในงานมีคนจำนวนไม่น้อยที่สูดหายใจอย่างตกตะลึง เป็นธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์หนึ่งแสนคันจริงๆ ด้วย!
ด้านล่างมีคนชูป้ายทันที ระฆังที่เขย่าเพิ่มเพิ่มราคาก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เหมียวอี้มองดูเหตุการณ์รอบๆ แล้วถ่ายทอดเสียงถามจ้านหรูอี้อีก “ถ้าธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์หนึ่งแสนคันนี้ไปตกอยู่ในมือคนอื่นจะทำยังไง?”
“เจ้าวางใจเถอะ คนอื่นเอาไปไม่ได้หรอก เจ้ารีบเตรียมงานของเจ้าให้ดีเถอะ อย่าให้ตอนหลังพวกเราหนีไปไม่ได้” จ้านหรูอี้ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
สงสัยจะมีการเตรียมตัวไว้แล้ว! เหมียวอี้กลับตึงเครียดในใจ เขาสัมผัสได้แล้วว่าในงานมีคลื่นพลังอิทธิฤทธิ์เคลื่อนไหวไม่หยุด เห็นได้ชัดว่ามีคนกำลังเร่งติดต่อกับภายนอก เขาพลันนึกขึ้นได้ถึงเรื่องบางอย่าง อวิ๋นจือชิวบอกว่าที่ตลาดผีจะต้องมีคนของหกลัทธิแน่นอน ถ้าหกลัทธิอยากได้ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ มีหรือที่จะพลาดโอกาสนี้!
แดนอเวจี ดาวอู๋เลี่ยง ริมหน้าผานอกตำหนักอู๋เลี่ยง จินม่านที่สวมกระโปรงยาวสีทองทั้งตัวกำลังยืนอยู่ริมหน้าผา ทอดสายตามองทะเลสีเขียวมรกตอันกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต
อ๋าวเถี่ยกับกงซุนลี่เต้ายืนอยู่ข้างหลังนาง ในมือทั้งสองล้วนถือระฆังดารา ไม่รู้ว่ากำลังติดต่อไปที่ไหน ผ่านไปครู่เดียว อ๋าวเถี่ยก็หันมารายงานจินม่านที่กำลังหันหลังให้ “ประมุขขุนพล ไม่ผิดหรอกขอรับ เป็นธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์หนึ่งแสนคัน เป็นไปได้สูงว่าไป๋เฟิ่งหวงจะเป็นคนปล่อยออกมา”
จินม่านหันตัวมา แล้วกล่าวเสียงต่ำว่า “บอกพี่น้องที่อยู่ทางตลาดผีเดี๋ยวนี้ จะต้องหาเบาะแสที่สาวไปถึงตัวไป๋เฟิ่งหวงให้ได้”
กงซุนลี่เต้าคว้าระฆังดาราทันที “ประมุขขุนพล อีกห้าลัทธิล้วนจ้องอยากได้ของชุดนี้ ไม่ได้มีแค่พวกเรา ไม่รู้ว่ามีคนตั้งมากมายเท่าไรที่เข้าร่วม กลัวว่าพี่น้องลัทธิเราที่อยู่ทางนั้นจะหัวเดียวกระเทียมลีบ ขณะเดียวกันเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เข้าใจผิดพวกเดียวกัน ขอแนะนำให้หกลัทธิร่วมมือกัน แล้วของที่ได้มาก็เฉลี่ยแบ่งขอรับ”
“ตอบพวกเขาไป ตกลง!” จินม่านตอบอย่างไม่ลังเล
ในขณะนี้เอง นางก็อึ้งไปชั่วขณะ หยิบระฆังดาราที่ใช้ติดต่อกับเหมียวอี้ออกมาแล้ว ไม่รู้ว่าการที่เหมียวอี้ติดต่อมาอย่างกะทันหันหมายความว่าอย่างไร
ทว่าหลังจากติดต่อกันแล้ว นางก็สีหน้าเปลี่ยนไปมา ตกใจจนเหงื่อแทบแตก กระทืบเท้าพร้อมบอกว่า “มันน่านัก ทำไมลืมไปได้ว่า ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ไม่ได้อยู่ในมือไป๋เฟิ่งหวงคนเดียว! รีบแจ้งคนของพวกเราให้หยุดเคลื่อนไหวเดี๋ยวนี้ ที่คือกับดักของตำหนักสวรรค์!”
ขุนพลใหญ่ทั้งสองตกใจทันที “ทำไมคิดอย่างนั้น?”
จินม่านชูระฆังดาราในมือ พร้อมกล่าวอย่างกระวนกระวายว่า “ประมุขปราชญ์กำลังอยู่ในงานขายประมูล เขาเป็นผู้เข้าร่วมงานนี้ ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์หนึ่งแสนคันนั่นเป็นของที่ตำหนักสวรรค์นำออกมาขายประมูล ประมุขปราชญ์เป็นห่วงกลัวพวกเราจะเข้าไปเกี่ยวข้อง ให้อีกห้าลัทธิรีบถอนกำลังด้วยเหมือนกัน”
อ๋าวเถี่ยกับกงซุนลี่เต้ารีบรีบติดต่อคนของอีกห้าลัทธิทันที
หลังจากส่งข่าวไปขอบคุณเหมียวอี้แล้ว จินม่านก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แล้วกล่าวด้วยสีหน้าที่ยังหวาดกลัวไม่หายว่า “ประมุขปราชญ์ช่างมีปรีชาญาณ ช่วยหกลัทธิให้รอดพ้นจากความสูญเสียครั้งใหญ่!”
บทที่ 1418 การแข่งขันอยู่นอกงานประมูล
Ink Stone_Fantasy
ดาวหยกงาม จวนอ๋องสวรรค์โค่ว ประตูตำหนักของตระกูลโค่วพลันเปิดออก อ๋องสวรรค์โค่วหลิงซวีปรากฏตัวอยู่ตรงประตู แววตาเป็นประกายวูบไหว
ในประตูด้านข้าง ผู้เฒ่าถังเดินออกประตูตามมาติดๆ เร่งฝีเท้าเดินเข้ามาถามว่า “นายท่าน มีเรื่องอะไรขอรับ?”
“สั่งให้ทางตลาดผีหยุดการเคลื่อนไหวทุกอย่าง” โค่วหลิงซวีสั่ง
“ทำไมหรือขอรับ?” ผู้เฒ่าถังแปลกใจ
โค่วหลิงซวีเอียงหน้ามองมา “นี่คือกับดักของประมุขชิง หนิวโหย่วเต๋อรีบส่งข่าวมาเตือนเหวินหลานแล้ว เหวินหลานเลยรีบเตือนเจ้าสาม”
ผู้เฒ่าถังตกใจมาก ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว ว่าคุณชายสามจะต้องรีบเตือนบิดาของตัวเองแน่นอน เขารีบหยิบระฆังดาราออกมาส่งข่าวให้ลูกน้องเบื้องล่างวางมือ
โค่วหลิงซวีเอามือไขว้หลังพลางถอนหายใจเบาๆ “เลอะเลือนแล้ว ถูกภูมิหลังชาติกำเนิดของไป๋เฟิ่งหวงทำให้ดวงตาพร่าเลือน ไม่คิดด้วยว่าประมุขชิงจะฉีกหน้ากันได้ นึกไม่ถึงว่าประมุขชิงจะลงมือทำเรื่องแบบนี้…เกรงว่าคนที่หลงผิดคงจะไม่ได้มีแค่พวกเรา รีบเตือนอีกสามอ๋องด้วย”
ผู้เฒ่าถังเข้าใจแล้ว สี่อ๋องสวรรค์มีความสัมพันธ์กันแบบทั้งแข่งขันทั้งร่วมมือกัน เวลาสู้กับประมุขชิงก็มีแต่ต้องร่วมมือกันเท่านั้น ถ้าถูกประมุขชิงจับแยกออกจากกัน เหลืออยู่ฝ่ายเดียวโดดเดี่ยวก็จะไม่ได้มีจุดจบที่ดีเช่นกัน เขาย่อมต้องรีบจัดการอยู่แล้ว แต่ใครจะคิดว่าทางนี้ยังไม่ทันติดต่อไป ตระกูลอิ๋ง หนึ่งในสามอ๋องก็เป็นฝ่ายติดต่อเขามาก่อนแล้ว
หลังจากติดต่อแล้ว ผู้เฒ่าถังก็ถือระฆังดารารายงาน “นายท่าน ทางตระกูลอิ๋งทราบแล้วขอรับ ที่ตลาดผีเป็นกับดักของประมุขชิง ให้พวกเราระวังตัวไว้”
โค่วหลิงซวีงงทันที “พวกเขารู้ก่อนแล้วเหรอ?”
ผู้เฒ่าถังเตือนความจำว่า “นายท่านลืมแล้วหรือขอรับ? จ้านหรูอี้หลานสาวของอิ๋งจิ่วกวงกอยู่กับหนิวโหย่วเต๋อที่ตลาดผี เห็นได้ชัดว่าหลานสาวของเขาปล่อยข่าวให้เขารู้แล้ว และความคิดของอิ๋งจิ่วกวงกับนายท่านก็เหมือนกัน บอกกับอีกสามอ๋องในทันที”
“อ้อ…เอ๋?” โค่วหลิงซวีทำท่าครุ่นคิดพร้อมกล่าวว่า “ประมุขชิงรู้อยู่แจ่มแจ้งว่านางหนูนั่นอาจจะทำให้ข่าวหลุดได้ แต่กลับใช้งานนางแล้ว…”
ผู้เฒ่าถัง “เป็นอย่างที่นายท่านบอกไว้ก่อนหน้านี้ ประมุขชิงยังไม่อยากฉีกหน้าพวกนายท่านจนถึงที่สุด ถ้าฉีกหน้ากันจริงๆ อำนาจทางทหารแปดส่วนในใต้หล้าล้วนอยู่ในมืออ๋องสวรรค์ทั้งสี่ นอกเสียจากเขาจะอยากปล่อยให้ใต้หล้าวุ่นวายจนคนอื่นฉวยโอกาสเท่านั้นแหละขอรับ ไม่อย่างนั้นตอนนี้ก็ยังไม่ถึงเวลาที่เขาจะทำอะไรพวกนายท่านได้ ถึงตอนนั้นถ้าทำให้ใต้หล้าวุ่นวายจนหาทางจบไม่ได้ ก็กลับจะทำให้เขาเองกลืนไม่เข้าคายไม่ออกด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงจงใจเหลือเอาไว้สักช่องทางให้ข่าวหลุด เพียงแต่ว่า…ครั้งนี้เจตนาแสดงไมตรีของประมุขชิงอาจจะชัดเจนไปหน่อย ไม่น่าเชื่อว่าจะผลักดันหลานสาวของอิ๋งจิ่วกวงให้อยู่หน้าเวที”
โค่วหลิงซวีที่กำลังทอดสายตาเลื่อนลอยมองไปไกลฉายแววครุ่นคิด ก่อนจะถอยหายใจเบาๆ “ใช่แล้ว! เจตนาแสดงไมตรีชัดเจนเกินไป เขากำลังบอกพวกเรา ว่าเขายอมถอยให้หนึ่งก้าวแล้ว ต่อไปก็ถึงคราวที่พวกเราจะถอยบ้าง”
ผู้เฒ่าถังขมวดคิ้ว “เขาต้องการอะไร?”
“ยังจะต้องการอะไรได้ล่ะ? ก็ย่อมต้องการควบคุมใต้หล้าให้มากกว่าเดิมอยู่แล้ว!” โค่วหลิงซวีกล่าว
“เขาอยากได้อำนาจทางทหารในมือของพวกนายท่านหรือขอรับ?” ผู้เฒ่าถังตกใจ
โค่วหลิงซวีเหล่ตามองมาแวบหนึ่ง “เจ้าคิดว่าสาเหตุที่เขางัดข้อกับพวกเรา นอกจากสิ่งนี้แล้วยังจะมีสิ่งใดดึงดูดความสนใจของเขาอีกเหรอ? โอกาสดีขนาดนี้ ข้ออ้างดีๆ แบบนี้ส่งมาถึงมือเขาแล้ว มีหรือที่เขาจะไม่ฉวยโอกาสทำอะไรสักอย่าง?”
ผู้เฒ่าถังกล่าวเสียงต่ำว่า “พวกเรารู้สถานการณ์ล่วงหน้าแล้วจึงไม่ติดกับดัก ถ้าจับจุดอ่อนของพวกเราไม่ได้ แล้วจะทำอะไรพวกเราได้?”
โค่วหลิงซวีพ่นเสียงทางจมูก แล้วบอกว่า “จับจุดอ่อนของพวกเราไม่ได้งั้นเหรอ? เจ้าคงไม่คิดว่าเขาเพิ่งจะเริ่มลงมือกับพวกเราตอนนี้หรอกใช่มั้ย? พอมาดูตอนนี้แล้ว นี่เป็นแผนการที่เตรียมไว้ตั้งแต่แรกแล้ว เห็นได้ชัดว่าหน่วยตรวจการฝ่ายขวาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ จากข่าวที่หนิวโหย่วเต๋อเข้าพักในโรงเตี๊ยม หลุดรอดมา ก็สามารถมองเห็นภาพรวมได้แล้ว เพียงแต่ตอนแรกพวกเรานึกไม่ถึงว่าตอนหลังประมุขชิงยังมีแผนนี้รออยู่ พวกเราประมาทแล้ว ในเมื่อประมุขชิงกล้าอาศัยให้นางหนูตระกูลอิ๋งปล่อยข่าวในด่านสุดท้ายได้ ก็แสดงว่ากำลังเตือนพวกเราอยู่ เขาเตรียมตัวไว้รอบคอบมาก เจ้าเชื่อมั้ยว่าสมาชิกที่เกี่ยวข้องอยู่ในการควบคุมและสังเกตการณ์ของหน่วยตรวจการฝ่ายขวาหมดแล้ว?
เจ้าเชื่อมั้ยว่าประมุขชิงวางกำลังพลไว้เรียบร้อยแล้ว? ขอเพียงคนของฝ่ายไหนกล้ามีความเคลื่อนไหวผิดปกติ ก็จะลงมือจับคนทันที อีกฝ่ายจงใจวางแผนโดยที่พวกเราไม่ได้เตรียมป้องกัน เจ้าคิดว่ายังจะหนีทันอีกเหรอ? เรื่องดำเนินมาถึงตอนท้ายแล้วค่อยปะทุออกมา ตอนนี้ต่อให้พวกเราจะอยากจะตั้งกลุ่มไปช่วยชีวิตก็ยังไม่ทันเลย ดีไม่ดีอาจจะเอาตัวเข้าปติดกับดักเองด้วยซ้ำ ถ้าคนตกอยู่ในมือหน่วยตรวจการฝ่ายขวาแล้ว อาศัยวิธีการของไอ้สารเลวเกาก้วน เจ้าคิดว่าอ๋องสวรรค์อย่างพวกเราจะรอดพ้นจากความเกี่ยวข้องได้เหรอ? การคิดอยากได้ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ชุดนั้นไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ถ้าโดนข้อหา ‘ก่อกบฏ’ ขึ้นมา ไม่ว่าใครก็รับไม่ไหวทั้งนั้น!”
“เฮ้อ!” ผู้เฒ่าถังกล่าวอย่างค่อนข้างหงุดหงิดว่า “วางแผนพลาดแล้ว! ถ้าไม่ใช่เพราะธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ชุดนี้ดึงดูดให้ทุกคนออกมา เกรงว่าหน่วยตรวจการฝ่ายขวาอาจจะไม่เพ่งเล็งพวกเราก็ได้ นายท่าน ท่านคิดว่าประมุขชิงอยากได้ผลประโยชน์มากเท่าไร?”
โค่วหลิงซวีหรี่ตา “ตอนนี้ก็ต้องดูว่าเบื้องล่างมีคนติดกับดักเท่าไร”
“นายท่านหมายความว่า ไม่แจ้งเบื้องล่างเหรอ?” ผู้เฒ่าถังตกใจ
โค่วหลิงซวีตอบว่า “ไม่ใช่ไม่แจ้ง แต่ต้องแจ้งให้เหมาะสม ปกป้องระดับจอมพลไว้ ส่วนระดับเทพประจำดาว เกรงว่าจำเป็นจะต้องทำให้มีตำแหน่งว่าง พวกเราก็ยอมหลีกให้ได้เพียงเท่านี้เช่นกัน ประมุขชิงเลิกคิดที่จะได้คืบแล้วเอาศอกไปได้เลย!”
ณ จวนเทพประจำดาวฟ้าเถาะ หองามสง่าน้อย
เทพประจำดาวฟ้าเถาะผังก้วนกำลังเอามือไขว้หลังเดินไปเดินมาอยู่ในหอนั้น สีหน้าดูคร่ำเครียดจริงจัง บ่าวชราเฉินหวยจิ่วกำลังถือระฆังดารา หลังจากรีบติดต่อประสานงานเสร็จแล้วก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก พยักหน้าบอกผังก้วนที่กำลังเดินไปเดินมาว่า “นายท่าน คนทางฝั่งตลาดผีหยุดเคลื่อนไหวได้ทันเวลา”
ผังก้วนกำลังกังวลใจว่าจะไม่ทัน พอได้ยินแบบนี้ก็หยุดฝีเท้า ในที่สุดก็โล่งอกแล้วเช่นกัน เขาเอามือลูบหนวดพลางกล่าวพึมพำว่า “ไม่น่าเชื่อว่าเบื้องบนจะไม่ปล่อยข่าวลงมาข้างล่างสักนิด ไม่รู้ว่าพวกเขาไม่รู้จริงๆ หรือว่ากำลังทิ้งพลทหารเพื่อปกป้องแม่ทัพ หรือว่ามีเหตุผลอย่างอื่น ต้องแจ้งข่าวให้เบื้องบนรู้สักหน่อยมั้ย?”
เฉินหวยจิ่วโบกมือ “ไม่ว่าสถานการณ์ของเบื้องบนจะเป็นยังไง แต่มีอยู่จุดหนึ่งที่สามารถแน่ใจได้ นั่นก็คือด้วยแนวโน้มของสถานการณ์ในใต้หล้าตอนนี้ เป็นไปไม่ได้ที่ฝ่าบาทจะฉีกหน้าบุคคลระดับบนให้ถึงที่สุด เพราะแบบนี้ไม่เป็นผลดีต่อฝ่าบาทเลยสักนิด ดังนั้นนายท่านก็ไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับเบื้องบน การปกป้องตัวเองได้นั้นย่อมดีกว่าอะไรทั้งนั้น ถ้าทำอะไรมากไปอาจจะโดนสงสัยว่าทำเกินหน้าที่ด้วยซ้ำ แบบนั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องดีกับนายท่าน”
ผังก้วนพยักหน้าอย่างเห็นด้วยมากๆ จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นใบหน้ายิ้ม แล้วกล่าวกลั้วหัวเราะว่า “ดีนะที่หนิวโหย่วเต๋อส่งข่าวนี้มาทันเวลา”
เฉินหวยจิ่วก็ยิ้มเช่นกัน “สงสัยเรื่องแย่ๆ ระหว่างนายท่านกับหนิวโหย่วเต๋อจะกลายเป็นเรื่องดีแล้ว เจ้าเด็กนั่นปราดเปรื่องมาก ไม่ทำเรื่องที่เอาจุดอ่อนของนายท่านมาข่มขู่นายท่าน เท่ากับเป็นฝ่ายนำจุดอ่อนของตัวเองมาส่งให้ถึงมือพวกเราก่อน สามารถมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นต่อกันได้!”
ผังก้วนเอามือลูบหนวดพลางพยักหน้ายิ้ม ก่อนหน้านี้รู้สึกไม่พอใจนิดหน่อยกับเรื่องที่เหมียวอี้เอามาบีบ แต่พอผ่านเรื่องนี้แล้ว ความไม่พอใจเล็กน้อยนั่นก็สลายหายไปราวกับเมฆ เหมียวอี้ใช้ความจริงพิสูจน์แล้วว่าระหว่างพวกเขาเป็นความสัมพันธ์แบบทำงานร่วมกัน มีผลประโยชน์ร่วมกัน ไม่มีการขู่คุกคามอีก นี่เป็นเส้นทางที่จะคบหากันได้ยาวนาน…
ที่ด้านนอกงานประมูลในเวลานี้ บนเรือลำหนึ่งที่จอดอยู่ริมฝั่งที่เป็นถนน ภายใต้แสงของโคมไฟที่ขมุกขมัว คนขับเรือกำลังนั่งขัดสมาธิและเงยหน้ากรอกสุราเลิศรสลงปากอยู่บนหัวเรือ
คนชุดดำหลายคนเดินเข้ามาจากริมฝั่ง กระโดดขึ้นเรือทีละคน แล้วเดินเข้าไปในห้องโดยสารเรือโดยตรง ทำให้ม่านไข่มุกขยับเล็กน้อย
คนขับเรือหันน้ากลับมา ลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าไปในห้องโดยสารเรือแล้วเช่นกัน เขายิ้มพร้อมถามว่า “ทุกท่านจะไปไหนกันขอรับ?”
คนชุดดำที่นั่งอยู่เบื้องบนเผยป้ายคำสั่งแผ่นหนึ่ง รอยยิ้มบนใบหน้าของคนขับเรือชะงักทันที ดวงตาพลันเบิกกว้าง ตึกศาลาสัตยพรต!
คนชุดดำคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ เดินเข้ามา “ลูกค้าสี่คนที่พาไปส่งที่ตึกศาลาสัตยพรตก่อนหน้านี้เป็นใคร?”
“ข้าไม่รู้ เป็นลูกค้าที่เพิ่งมาขึ้นเรือ” คนขับเรือส่ายหน้าอย่างกังวลนิดหน่อย
“พวกเขาขึ้นเรือที่ไหน?” คนชุดดำถาม
“ตรงโค้งที่หกทางทิศเหนือขอรับ” คนขับเรือตอบ
“ถ้าได้เจอพวกเขาอีกครั้ง เจ้าจะจำพวกเขาได้รึเปล่า?” คนชุดดำถาม
คนขับเรือตอบว่า “ผู้น้อยไม่กล้าฟันธง พวกเขาล้วนปลอมตัว ถ้าหน้าตาไม่เปลี่ยนไป ผู้น้อยก็คงจะจำได้”
ดังนั้นคนขับเรือจึงถูกควบคุมทันที และคนขับเรือคนคนนี้ก็คือคนที่รับพวกเหมียวอี้ไปที่ตึกศาลาสัตยพรตก่อนหน้านี้ พวกเหมียวอี้แค่ต้องการให้เรือของเขาพาไป ไม่ได้ใช้เรือของเขาในขากลับ
เหมียวอี้ที่ตัวอยู่ในงานประมูลไม่สนใจอะไรสักอย่าง จ้านหรูอี้ให้เขารีบเตรียมการ เขาเตรียมการก็ส่วนเตรียมการ แต่ก็ไม่พลาดโอกาสที่จะแอบทำเรื่องส่วนตัวเช่นกัน เขาไม่คิดที่จะสละชีวิตเพื่อตำหนักสวรรค์โดยไร้ความหมาย อำนาจฝ่ายไหนที่เขาสามารถแจ้งข่าวได้ก็แจ้งข่าวไปแล้ว
ไม่ใช่เพราะเขาวางแผนรอบคอบคิดการณ์ไกลอะไรหรอก แต่เป็นเพราะเขาต้องคิดหาทางผ่านสถานการณ์อันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นตรงหน้าไปให้ได้ก่อน ที่เข้าบอกให้อำนาจแต่ละฝ่ายได้รู้ ประการแรกก็เพื่อลดแรงกดดัน ทำให้กำลังพลของผู้มีอำนาจพวกนั้นที่อาจจะโผเข้ามาถอนกำลังออกไป ถ้าทำแบบนั้นเขาย่อมลดความเสี่ยงลงได้ ไม่อย่างนั้นแล้วเมื่อถึงเวลาแล้ว คนอื่นจะไปรู้เหรอว่าเจ้าเป็นใคร มียอดฝีมือมากมายเข้ามาพร้อมกัน แบบนั้นจะทำให้เขา ‘ได้รับบาดเจ็บโดยประมาท’ ได้ง่ายมาก
ที่จริงเขาก็เสนอความต้องการไปเช่นกัน ขออะไรบางอย่างจากอำนาจทุกฝ่ายที่เขาแจ้งข่าวไป ว่าถ้าเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นกับเขา ก็หวังว่าจะพยายามยื่นมือช่วยให้เขาหลุดพ้นอันตราย แต่ละฝ่ายตอบตกลงแล้ว ส่วนจะทำได้หรือไม่นั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เหมียวอี้ไม่อาจฝากความหวังทุกอย่างไว้ที่มโนธรรมของตำหนักสวรรค์ได้ เขาได้บทเรียนเรื่องมโนธรรมของตำหนักสวรรค์มาแล้ว เคยโดนสุนัขแว้งกัดมาแล้ว เชื่อถือไม่ได้!
จ้านหรูอี้สังเกตได้ถึงความผิดปกติอะไรบางอย่างแล้ว ถ่ายทอดเสียงถามว่า “ทำไมเตรียมการนานขนาดนี้?”
“เรื่องที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของตัวเอง ข้าจะไม่ทำให้ละเอียดรอบคอบได้ยังไง” เหมียวอี้ตอบ
จ้านหรูอี้คิดไปคิดมาก็เห็นด้วย จึงไม่ได้ถามอะไรมากอีก ตอนนี้ความสนใจของนางอยู่ในงานประมูล
ราคาแข่งประมูลในงานค่อนข้างดุเดือด เสียงระฆังดังไม่หยุด ราคาแข่งประมูลสูงถึงสองล้านสามแสนล้านแล้ว ส่วนจ้านหรูอี้ที่เตรียมการทางด้านนี้เสร็จแล้วก็พยักหน้าไปยังทิศทางหนึ่งอย่างแนบเนียน
ผ่านไปไม่นาน ข้างหลังก็มีคนชู้ป้ายพร้อมตะโกนเสียงดัง “สามล้านล้านผลึกแดง!”
เสียงเดียวข่มความเคลื่อนไหวของทั้งงาน ทุกคนหันไปมองคนที่ชูแผ่นป้ายอยู่ข้างหลัง
หยุดนิ่งแล้ว ไม่มีใครแข่งเสนอราคาประมูลอีก อีกฝ่ายให้ราคาสูงขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่ามีเจตจำนงแน่วแน่ และราคานี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะจ่ายไหว ภูมิหลังจะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน มีกำลังความสามารถแบบนี้ ทั้งยังมีเจตจำนงแน่วแน่ ไม่ว่าใครก็ต้องชั่วน้ำหนักทั้งนั้น ว่าต่อให้ตัวเองแข่งประมูลจนได้มาแล้ว แต่จะสามารถนำธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์หนั่งแสนคันนี้กลับไปจากมืออีกฝ่ายอย่างราบรื่นได้หรือเปล่า
คนที่มีกำลังในการแข่งประมูลธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์หนึ่งแสนคันนี้ล้วนเข้าใจ ว่าถ้าอยากได้ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ชุดนี้ การแข่งขันไม่ได้อยู่ในงานประมูล แต่อยู่นอกงานประมูลต่างหาก
พิธีกรหญิงกวาดสายตามองไปด้านล่างเวที เมื่อไม่เห็นปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ ก็กล่าวเสียงดังว่า “มีคนเสนอราคาสามล้านล้านผลึกแดง ยังมีใครจะเพิ่มราคาอีกหรือไม่…” เมื่อถามต่อเนื่องกันสามครั้งแล้วไม่มีใครตอบ นางก็เขย่าเชือกในมือ “ติ๊งๆๆ” เสียงระฆังดังต่อเนื่องสามครั้ง “หมายเลขเก้าร้อยหาสิบเจ็ดเสนอสามล้านล้านผลึกแดงประมูลซื้อธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ขั้นห้าหนึ่งแสนคันไปในการประมูลรอบสุดท้าย”
จากนั้นนางก็เดินอ้อมออกจากเวที หันหน้าเข้าหาทุกคนพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “งานประมูลขายครั้งนี้จบลงแล้ว ผู้ซื้อผู้ขายสินค้าประมูลทั้งสิบรายการกรุณาไปจ่ายเงินและรับสินค้ากันข้างหลังเวที ส่วนการประเมินขายครั้งต่อไปจะเริ่มต้นพรุ่งนี้ ยินดีต้อนรับทุกท่านให้มาอุดหนุนอีกครั้ง!”
บทที่ 1419 งงกันเป็นแถบ
Ink Stone_Fantasy
หลังจากพูดจบ พิธีกรหญิงกุมหมัดคารวะต่อผู้ชม แล้วนำคนถอยเข้าไปหลังม่าน
เหมียวอี้หันกลับไปมองหมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ดที่ประมูลซื้อธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ได้ ก่อนหน้านี้จ้านหรูอี้พูดเอาไว้อย่างน่าเชื่อถือว่าธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ไม่มีทางไปตกอยู่ในมือคนนอก ถ้าหากตัวเองเดาไม่ผิด คนคนนี้น่าจะเป็นคนที่ตำหนักสวรรค์ส่งมา
จากนั้นก็ตามติดด้วยการประกาศจบงานประมูลขาย ทุกคนทยอยกันออกจากงาน มีคนไม่น้อยกวาดสายตามองมาทางจ้านหรูอี้
จ้านหรูอี้นั่งอยู่กับที่ชั่วคราวโดยไม่ขยับไปไหน จนกระทั่งทุกคนในงานออกไปหมดแล้ว นางถึงได้ลุกขึ้นยืน
เหมียวอี้ลุกขึ้นและเดินตามหลังนางไป ไปจัดการซื้อขายด้านหลังเวทีด้วยกัน แต่ใครจะคิดว่าจ้านหรูอี้จะบอกว่า “เพื่อเป็นการรักษาความลับ ร้านประมูลจะจัดเตรียมให้คนที่ประมูลของได้ออกจากตึกศาลาสัตยพรตผ่านอุโมงค์ใต้น้ำ ข้าเลือกจะออกไปทางทิศเหนือ ฉวยโอกาสตอนที่ไม่มีคนสังเกตเห็นเจ้า เจ้ารีบออกไปตรวจดูกำลังคนที่จะมารับข้าด้านนอก เตรียมตัวให้พวกเรารอดพ้นออกไปจากที่นี่”
“แล้วท้อเซียนที่ข้าประมูลได้จะทำยังไง?” เหมียวอี้งุนงง
จ้านหรูอี้ตอบว่า “ข้าบอกแล้วไงว่าไม่ให้เจ้าก่อความวุ่นวาย แต่เจ้าดึงดันจะทำซี้ซั้วแบบนั้นให้ได้ ถ้าทำให้งานข้าเสียเจ้าจะทำยังไง!” บางทีนางอาจจะตระหนักได้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาเถียงกัน น้ำเสียงค่อนข้างอ่อนลงแล้ว “ข้าจะช่วยจ่ายเงินให้เจ้า ท้อเซียนชุดนั้นข้ามอบให้เจ้าโดยไม่คิดเงินเลย ตกลงมั้ย?”
แบบนี้ก็ได้น่ะสิ! เหมียวอี้หยุดฝีเท้า เขาเองก็รู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาโต้เถียงกัน ทำตามที่จ้านหรูอี้วางหมากไว้จะปลอดภัยและเชื่อถือได้มากกว่า เรื่องนี้ตำหนักสวรรค์จะต้องมีแผนสำรองเพื่อจบงานแน่นอน ถ้าตัวเองทำซี้ซั้วอาจจะมีอันตรายด้วยซ้ำ แต่จะว่าไปแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะจ้านหรูอี้ปิดบังความเคลื่อนไหวในตอนแรก ถ้าบอกเบื้องลึกของภารกิจให้เขารู้ล่วงหน้า ให้เขารู้ว่ากำลังจะมีเรื่องใหญ่ขนาดนี้เกิดขึ้น เขาก็จะไม่บุ่มบ่ามประมูลซื้อท้อเซียนชุดนี้แน่นอน
หลังจากมองคล้องหลังจ้านหรูอี้กับคังเต้าผิงไปที่หลังเวทีแล้ว ตัวเองก็หันตัวนำเหยียนซิวออกไปเช่นกัน
ทั้งสองเดินออกจากงานประมูลที่กว้างโล่ง เดินขึ้นไปตามบันไดที่คดเคี้ยวยาวเหยียด ผ่านโถงใหญ่ด้านบน แล้วก็มาถึงทางน้ำที่ลงเรือก่อนหน้านี้ แล้วดำลงไปในน้ำโดยตรง
หลังเวทีงานประมูล ผู้ซื้อและผู้ขายกำลังจ่ายเงินและรับสินค้ากันอยู่ที่นี่ แต่ละคนจบการซื้อขายท่ามกลางประจักษ์พยาน ยังคงเป็นพิธีกรหญิงท่านนั้นมาคอยควบคุม
“หมายเลขสองร้อยยี่สิบสามกรุณามาจบการซื้อขายกับผู้ขาย” พิธีกรหญิงตะโกนเรียกมาทางนี้พร้อมยิ้มอย่างสนิทสนม แต่ไม่นานนางก็ยิ้มไม่ออกแล้ว เจอกับ ‘คนพังงาน’ อีกแล้ว
ท่านขุนนางเหมียวหมายเลขสองร้อยยี่สิบสามไปแล้ว มาไม่ได้แล้วแน่นอน จ้านหรูอี้เดินเข้ามาจ่ายเงินแล้ว
ถึงแม้จ้านหรูอี้จะสวมชุดดำ สวมหมวกมุ้งสีดำ แต่พิธีกรหญิงก็จดจำนางได้อย่างลึกซึ้ง บวกกับรูปร่างที่สูงเพรียวของจ้านหรูอี้ มีหรือที่จะไม่รู้จักนาง จึงยิ้มพร้อมบอกว่า “รอสักครู่ ครั้งนี้เป็นของหมายเลขสองร้อยยี่สิบสาม ยังไม่ถึงเวลาของเจ้า”
จ้านหรูอี้บอกว่า “เขาไปแล้ว ข้ามาจ่ายเงินแทนเขา”
ใบหน้ายิ้มของพิธีกรหญิงนิ่งชะงัก ถามว่า “เข้าได้ทิ้งป้ายลำดับไว้ให้เจ้ารึเปล่า?”
“ไม่มี แต่เจ้าก็น่าจะรู้ว่าข้ากับเขามาด้วยกัน” จ้านหรูอี้ตอบ
พิธีกรหญิงสีหน้าเคร่งขรึมลงเล็กน้อย “ข้าจะไปรู้ได้ยังไงว่าพวกเจ้ามาด้วยกัน เจ้าบอกว่ามาด้วยกันก็ไม่มีประโยชน์ ป้ายลำดับทุกงานประมูลขายล้วนทำขึ้นเป็นพิเศษ ทำแบบนี้เพื่อป้องกันไม่ให้คนปลอมแปลง ในภายหลังถ้ามีคนนำป้ายลำดับมาจบการซื้อขาย จะให้ตึกศาลาสัตยพรตทำยังไงล่ะ?” พูดจบก็รีบหันกลับไปบอกใบ้ส่งสัญญาณเล็กน้อย ข้างๆ มีคนนำระฆังดาราติดต่อกับภายนอกทันที
จ้านหรูอี้งงไปชั่วขณะ พวกเขาไม่เข้าใจกฎระเบียบของงานประมูลขายที่นี่อย่างชัดเจน แอบร้องในใจว่าแย่แล้ว อุตส่าห์วางแผนอย่างรอบคอบแต่ก็พลาดสิ่งนี้ไปได้ ในใจแอบด่าเหมียวอี้อย่างบ้าคลั่ง นางบอกไม่ให้เขาทำซี้ซั้ว แต่เขาก็จะทำให้ได้ ก่อเรื่องขึ้นมาแล้วจริงๆ
คนที่รอจบการซื้อขายอยู่ข้างหลังชำเลืองมองมาทางนี้ นึกไม่ถึงว่ามีคนกล้าล้อเล่นแบบนี้ที่ตึกศาลาสัตยพรตด้วย
หลังจากคนที่ถือระฆังดาราอยู่ข้างๆ คนนั้นติดต่อเสร็จแล้ว ก็บอกพิธีกรหญิงว่า “คนนั้นน่าจะไปแล้ว”
พิธีกรหญิงสีหน้าคร่ำเครียดอย่างถึงที่สุด จ้านหรูอี้จึงรีบเข้ามาพูดเสริมว่า “เอาอย่างนี้มั้ย! ข้าจะช่วยจ่ายเงินให้เขา ส่วนท้อเซียนนี้ข้าไม่เอาไปหรอก เดี๋ยวข้าค่อยให้เขาถือป้ายลำดับมาเอาของเอง แบบนี้ตึกศาลาสัตยพรตก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีคนถือป้ายลำดับมาสร้างความยุ่งยากแล้ว”
“ถ้าเจ้ามากับเขาจริงๆ ถ้าไม่อยากให้เกิดเรื่องขึ้นกับเขาจริงๆ ก็ติดต่อเขาเดี๋ยวนี้ ให้เขารีบกลับมาจบการซื้อขาย” พิธีกรหญิงกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ไม่มีใครกล้าล้อเล่นกับตึกศาลาสัตยพรตงั้นเหรอ? จ้านหรูอี้ได้ยินแล้วไม่สบอารมณ์ ตึกศาลาสัตยพรตเล็กๆ แห่งเดียวจะกล้าตั้งตัวเป็นศัตรูกับตำหนักสวรรค์เชียวเหรอ?
ที่สำคัญที่สุดก็คือ เป็นไปไม่ได้ที่นางจะเรียกเหมียวอี้กลับมาตอนนี้ นางจึงบอกว่า “ข้าไม่มีวิธีติดต่อกับเขาโดยตรง”
“เจ้าคงจะรู้ละมั้งว่าเขาพักที่ไหน? ข้าจะส่งคนไปเชิญ!” พิธีกรหญิงกล่าว
สำหรับสิ่งนี้ จ้านหรูอี้ก็ยิ่งไม่สะดวกจะเปิดเผย ส่ายหน้าบอกว่า “ไม่รู้ ข้าบอกแล้วไงว่าข้าจะจ่ายเงินแทนเขา แล้วข้าจะไม่เอาท้อเซียนพวกนี้ไป แบบนี้ก็ไม่ได้เหรอ?”
บนใบหน้าพิธีกรหญิงแสดงความเดือดดาลให้เห็นรางๆ “ไม่ต้องแล้ว! เงินก้อนนี้ตึกศาลาสัตยพรตจะออกเอง ไม่จำเป็นต้องให้คนนอกมาจ่าย หลายปีมานี้ ยังไม่มีใครกล้าล้อเล่นกับตึกศาลาสัตยพรตเลย บังอาจหลบหนี เขานึกว่าเขาจะหนีรอดเหรอ? เชิญผู้ประมูลครั้งที่สองหมายเลขหกร้อยสามสิบเก้ามาจบการซื้อขายกับผู้ขาย”
ที่บอกว่าหลบหนีนั้นช่างไม่ยุติธรรมต่อเหมียวอี้เลยจริงๆ เป็นตึกศาลาสัตยพรตที่อวดดีเองแท้ๆ เหมียวอี้เดินออกไปอย่างสง่าผ่าเผย ทำไมกลายเป็นหลบหนีไปได้ล่ะ?
จ้านหรูอี้ไม่ได้มีชาติกำเนิดที่ธรรมดา มีความหยิ่งยโสในกมลสันดานเช่นกัน นางไม่มีทางเห็นตึกศาลาสัตยพรตอะไรนี่อยู่ในสายตาหรอก ไม่ว่าบุคคลหรือกลุ่มองค์กรใดๆ ที่อยู่นอกตำหนักสวรรค์ ในสายตานางนั้นล้วนเป็นสิ่งที่นำขึ้นมายกย่องไม่ได้ แต่ตอนนี้นางยังมีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องทำ ไม่อย่างก่อเรื่องอย่างอื่น ทำได้เพียงข่มความโกรธเอาไว้แล้วถอยไปด้านข้าง
เมื่อจบการซื้อขายเสร็จไปกลุ่มหนึ่งแล้ว ทางตึกศาลาสัตยพรตก็จัดการส่งคนกลุ่มนี้ออกไปทันที
คนยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ แล้ว ไม่นานก็ถึงคราวของจ้านหรูอี้กับผู้ประมูลซื้อหมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ด อีกฝ่ายไม่ได้ใช้เงินสดจบการซื้อขาย แต่ใช้ตั๋วแลกเงินกองหนึ่งของตึกศาลาสัตยพรต
พิธีกรหญิงมาเป็นประจักษ์พยาน พอเห็นดังนั้นก็อึ้งนิดหน่อย นางไม่แสดงอาการทางสีหน้า แต่ที่จริงแอบตกใจเงียบๆ ใครกันที่สามารถนำตั๋วแลกเงินจำนวนสามล้านล้านของธนาคารสัตยพรตมาได้?
จ้านหรูอี้รับตั๋วแลกเงินกองนี้มา นางรู้สึกลังเลนิดหน่อย ถึงแม้นางจะรู้ว่าตั๋วแลกเงินของธนาคารสัตยพรตสามารถแลกเป็นเงินสดได้ทุกเมื่อ แต่ก็ยังเป็นครั้งแรกที่ได้สัมผัสมัน
หลังจากพิธีกรหญิงช่วยตรวจสอบแล้ว ก็บอกว่า “เป็นของจริง ลูกค้าหมายเลขสองร้อยยี่สิบสองสามารถใช้ตั๋วแลกเงินพวกนี้มาแลกเป็นเงินสดที่ธนาคารสัตยพรตได้ทุกเมื่อ”
ตอนนี้ไม่สนแล้วว่าจะเป็นของจริงหรือของปลอม จ้านหรูอี้ถ่วงเวลาต่อไปก็ไม่มีความหมาย นางไม่จำเป็นต้องสงสัยหมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ด เรื่องบางเรื่องเบื้องบนก็เตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว จึงส่งธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ในมือให้อีกฝ่ายตรวจสอบ
หมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ดหยิบธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ชุดหนึ่งจากในนั้นออกมาตรวจสอบด้วยความฉับไว หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีปัญหา ก็รีบดำเนินการจบการซื้อขายกับจ้านหรูอี้อย่างรวดเร็ว
ตอนที่ทั้งสองฝ่ายออกไป ก่อนหน้านี้ก็เตรียมลูกน้องเอาไว้ไปส่งแล้ว แต่ครั้งนี้พิธีกรหญิงกลับออกมาส่งทั้งสองด้วยตัวเอง
คนกลุ่มนี้มาถึงห้องลับห้องหนึ่ง ที่นี่มียอดฝีมือกำลังนั่งขัดสมาธิเฝ้าอยู่ในโพรงของผนังหิน ในห้องลับมีสระน้ำสิบทิศล้อมรอบเป็นหนึ่งวง พิธีกรหญิงยืนอยู่ริมสระน้ำพร้อมกล่าวแนะนำว่า “ที่นี่คือทางน้ำสำหรับผ่านไปด้านนอก สระน้ำสิบทิศสอดคล้องกับสิบทิศทางด้านนอก สาเหตุที่เตรียมให้ทุกท่านออกไปจากตรงนี้ก็เพื่อปกปิดเส้นทางการเคลื่อนไหวของลูกค้า อยากจะไปที่ทิศทางไหน กรุณาเลือกเองได้เลย”
หมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ดกระโจนตัวเข้าไปในสระน้ำทางทิศเหนืออย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย พิธีกรหญิงชำเลืองมองจ้านหรูอี้อย่างเย็นชา แต่ใครจะคิดว่าจ้านหรูอี้จะนำคังเต้าผิงกระโดดตามไปในสระน้ำทิศเหนือเหมือนกัน ทำให้นางตกใจแล้วจริงๆ
ผนังหินของอุโมงค์ใต้น้ำยังคงทำจากแร่ผสม แสงระยิบระยับใต้น้ำแพรวพราวราวกับภาพความฝัน ไม่จำเป็นต้องส่องให้สว่างจ้า สามคนที่อยู่ข้างหน้าและข้างหลังดำน้ำอย่างรวดเร็ว จ้านหรูอี้รีบติดต่อเหมียวอี้ขณะที่อยู่ในน้ำ
ทั้งสามมาถึงปากทางออกอย่างรวดเร็ว มีคนของตึกศาลาสัตยพรตเฝ้าอยู่ตรงนั้น เปิดใช้งานค่ายกลป้องกันให้แล้ว ปล่อยทั้งสามคนออกไป
พอทั้งสามออกมา ก็เห็นคนชุดดำสวมหมวกมุ้งสามพันกว่าคนมารวมตัวกันอยู่ในน้ำ คนที่ว่างงานของธงพยัคฆ์ดำและธงพยัคฆ์น้ำเงินล้วนอยู่ที่นี่ หลังจากทั้งสองฝ่ายส่งสัญญาณมือให้กันจนแน่ใจแล้วว่าเป็นพวกเดียวกัน ก็ไปรวมตัวอยู่ด้วยกันทันที เหมียวอี้ก็อยู่ในนั้นเช่นกัน
เมื่อเห็นว่ามีคนเพิ่มมาอีกคน เหมียวอี้ก็ถ่ายทอดเสียงถามจ้านหรูอี้อย่างแปลกใจว่า “เขาเป็นใคร?”
“พวกเดียวกัน! สถานการณ์ข้างอนกเป็นยังไงบ้าง?” จ้านหรูอี้ถาม
พวกเดียวกันเหรอ? เหมียวอี้ชะงักนิดหน่อย แล้วตอบว่า “ใต้น้ำมีคนมารออยู่ไม่น้อยเลย จับตาดูพวกเราไว้แล้ว เพียงแต่เห็นว่าพวกเรามีคนเยอะ ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของพวกเราชัดเจน ก็เลยไม่กล้าเข้าใกล้”
จ้านหรูอี้มองไปรอบๆ แวบหนึ่ง เห็นเงาคนเคลื่อนไหวจริงๆ ด้วย “ไม่สนใจแล้ว พวกเขาไม่กล้าก่อเรื่องที่ประตูตึกศาลาสัตยพรตหรอก ถอนกำลังตามแผน!”
เหมียวอี้ส่งสัญญาณมือออกคำสั่ง กำลังพลสามพันกว่าเข้ามาล้อมทันที ล้อมพวกเขาเอาไว้เป็นกลุ่มก้อน จากนั้นก็หมุนวนด้วยความเร็ว ราวกับในน้ำมีลูกกลมๆ ขนาดใหญ่ลูกหนึ่ง
คนที่เฝ้าจับตาดูอยู่ไกลๆ พากันสีหน้าเปลี่ยนทันที มีบางคนตะโกนบอกคนข้างๆ ว่า “ท่าไม่ดีแล้ว!”
เป็นอย่างที่คาดไว้ จู่ๆ กลุ่มคนที่กำลังหมุนวนด้วยความเร็วก็กระจายออกไปสี่ทิศ กำลังพลสามพันกว่าคนที่แต่งตัวเหมือนกันแบ่งออกเป็นกลุ่มเล็กๆ กระจายไปทั่วทุกที่ ทำให้กลุ่มคนฐานะไม่ชัดเจนจำนวนมากที่ดักรออยู่ในน้ำงงกันเป็นแถบ…
ในชั้นตรงกลางของตึกศาลาสัตยพรต ชายชราชุดเขียวนำพิธีกรหญิงผลักประตูเข้ามาในห้องของเถ้าแก่เฉาหม่านแล้ว จากนั้นก็ปิดประตู
ขณะที่ฟังพิธีกรหญิงบรรยายสถานการณ์ เฉาหม่านที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะก็พลิกดูตั๋วแลกเงินสีม่วงทองที่อยู่บนโต๊ะ พวกนี้ล้วนเป็นตั๋วแลกเงินที่ธนาคารสัตยพรตปล่อยออกไป แต่ละใบล้วนสร้างจากหนังสัตว์ปีศาจโดยวิธีการลับเฉพาะ ข้างในมีตราอิทธิฤทธิ์ของเฉาหม่าน ปลอมแปลงไม่ได้ แต่พวกที่อยู่บนโต๊ะนี้ก็เป็นตั๋วแลกเงินที่มีมูลค่ามากที่สุดของธนาคาร แต่ล่ะแผ่นแสดงถึงจำนวนหนึ่งร้อยล้านล้านผลึกแดง ตรงหน้านี้มีอยู่หนึ่งร้อยใบ หมายความว่ามีทั้งหมดหนึ่งหมื่นล้านล้าน เป็นส่วนแบ่งที่หักจากหนึ่งในสามส่วนของราคาธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์สามล้านล้านผลึกแดงนั่นเอง
ในการทำธุรกรรมเดียวก็ได้กำไรเยอะขนาดนี้แล้ว กำลังทรัพย์ของเฉาหม่านน่าตกใจจนทำให้คนหวาดระแวงนิดหน่อย
“อะไรนะ?” เฉาหม่านพลันเงยหน้า “เจ้าบอกว่าคนที่ขายธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์กับคนที่ซื้อธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ออกจากทางน้ำไปพร้อมกันเหรอ?”
พิธีกรหญิงพยักหน้า “ใช่ค่ะ ข้ารู้สึกแปลกกับเรื่องนี้ ตามหลักการแล้วทั้งสองล้วนต้องพยายามหลบเลี่ยงไม่ให้คนอื่นรู้เส้นทางการเคลื่อนไหว”
เฉาหม่านขมวดคิ้ว แววตาฉายแววร้อนรน แล้วจู่ๆ ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ ทำท่าทางหวาดหวั่นพรั่นพรึง ปั้ง! เขาตบโต๊ะแล้วยืนขึ้น “ท่าไม่ดีแล้ว! นี่เป็นกับดัก เฒ่าชี รีบให้คนของพวกเราที่กำลังจับตาดูถอยกลับมา!”
ชายชราชุดเขียวไม่ถามสาเหตุ รียหยิบระฆังดาราออกมาปฏิบัติตามทันที
พิธีกรหญิงเหม่องง ถามอย่างไม่เข้าใจว่า “ท่านปู่สาม กับดักอะไรเหรอ?”
เฉาหม่านยกมือขึ้นห้ามไม่ให้พูด จ้องเพียงปฏิกิริยาของชายชราชุดเขียว
หลังจากชายชราชุดเขียวแน่ใจว่าฝ่ายตัวเองถอนตัวออกมาแล้ว ถึงได้ตอบว่า “เถ้าแก่ คนของพวกเราถอนกำลังหมดแล้วขอรับ”
ตอนนี้เฉาหม่านถึงได้โล่งใจ นำตั๋วแลกเงินทั้งหมดบนโต๊ะเก็บรวมไว้ด้วยกัน แล้วยื่นให้ชายชราชุดเขียว พร้อมส่ายหน้ายิ้มอย่างขื่นขม “ได้แค่ดีใจเฉยๆ ที่จริงนี่เป็นเงินที่ซื้อชีวิตพวกเรา พวกเราฮุบไม่ได้แม้แต่ส่วนเดียว เป็นแค่เงินที่ผ่านมือเท่านั้น เฒ่าชี นำตั๋วแลกเงินพวกนี้ส่งไปให้ที่จวนแม่ทัพภาคเถอะ”
บทที่ 1420 กลายเป็นเชลยศึก
Ink Stone_Fantasy
ชายชราชุดเขียวรับตั๋วแลกเงินมาไว้ในมืออย่างประหลาดใจสงสัย
ส่วนพิธีกรหญิงก็ถามอย่างตกใจมากว่า “มอบให้จวนแม่ทัพภาคเหรอ? อย่าบอกนะว่าท่านปู่สามหมายถึงกับดักของตำหนักสวรรค์?”
“เจ้าก็เห็นกับตาตัวเองแล้ว ยังต้องสงสัยอีกเหรอ?” เฉาหม่านถามกลับ
พิธีกรหญิงนิ่งอึ้ง จากนั้นก็ทำสีหน้าครุ่นคิด แล้วพยักหน้าเบาๆ เหมือนเข้าใจบ้างแล้ว แต่ก็ยังมีจุดที่ไม่เข้าใจ “ต่อให้เป็นกับดักของตำหนักสวรรค์ แต่นี่ก็เป็นเงินที่ตำหนักสวรรค์ให้พวกเรามาเปล่าๆ ทำไมกลายเป็นเงินซื้อชีวิตไปพวกเราได้ล่ะ?”
“มอบให้เปล่าๆ เหรอ?” เฉาหม่านหัวเราะเย้ย “เงินก้อนใหญ่ขนาดนี้จะมอบให้เปล่าเหรอ? เจ้าไม่ลองคิดดูบ้างว่านี่คือเงินอะไร นี่คือเงินที่ได้มากจากการประมูลขายธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ ร้านประมูลขายของสัตยพรตบังอาจประมูลขายของสิ่งนี้ การลักลอบขายจำนวนมากขนาดนี้สามารถยัดข้อหาก่อกบฏให้เจ้าได้เลย!”
พิธีกรหญิงกล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ท่านปู่สาม งานประมูลขายของพวกเราก็ไม่ได้ประมูลขายสินค้าต้องห้ามเป็นครั้งแรก ครั้งนี้ทำไมไม่ได้แล้วล่ะ? แล้วอีกอย่างนะ นี่ก็เป็นกับดักที่ตำหนักสวรรค์วางไว้เองชัดๆ ตำหนักสวรรค์เป็นฝ่ายส่งให้ให้พวกเรามาประมูลขายเอง จะมาโทษพวกเราได้ยังไง? แต่ไหนแต่ไรมาพวกเราก็หาเงินแบบนี้มาตลอด ทำไมต้องคืนให้ตำหนักสวรรค์ด้วยล่ะ ถ้าไม่คืนให้ แล้วตำหนักสวรรค์จะทำอะไรพวกเราได้?”
“ตำหนักสวรรค์ปิดตาข้างเดียวและไม่กล้าฉีกหน้าพวกเรามาตลอดนั่นก็ใช่ แต่ทุกอย่างล้วนมีเส้นตาย มาถึงขั้นนี้แล้ว เจ้าเชื่อมั้ยว่าตำหนักสวรรค์วางกำลังพลกลุ่มใหญ่เอาไว้ด้านนอกหมดแล้ว สามารถโจมตีให้ถึงแก่ชีวิตได้ทุกเมื่อ! ครั้งนี้เปิดเผยให้พวกเรารู้แบบซึ่งๆ หน้าในด่านสุดท้าย ก็เพราะไม่อยากฉีกหน้าตระกูลเซี่ยโห้วไง ให้โอกาสพวกเราถอนกำลังพลที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้กลับออกมา ป้องกันไม่ให้เรื่องจวนตัวแล้วกลืนไม่เข้าคายไม่ออก อีกฝ่ายไว้หน้าตระกูลเซี่ยโห้วเต็มที่แล้ว ถ้าพวกเรายังอ่านสถานการณ์ไม่ออกอีก ไม่ใช่แค่ประมูลขายของที่จะก่อกบฏนะ ทั้งยังกล้าฮุบเงินก้อนใหญ่ของตำหนักสวรรค์อีก…
ตอนนี้ทุกคนก็รู้เรื่องที่ร้านประมูลขายสัตยพรตประมูลขายธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์กันหมดแล้ว พยานหลักฐานมีแบบสำเร็จรูป ทัพใหญ่ของตำหนักสวรรค์ก็รออยู่ข้างนอก ตำหนักสวรรค์ปิดตาข้างเดียวและไม่กล้าฉีกหน้าพวกเรามาตลอดนั่นก็ใช่ แต่ทุกอย่างล้วนมีเส้นตาย มาถึงขั้นนี้แล้ว เจ้าเชื่อมั้ยว่าตำหนักสวรรค์วางกำลังพลกลุ่มใหญ่เอาไว้ด้านนอกหมดแล้ว สามารถโจมตีให้ถึงแก่ชีวิตได้ทุกเมื่อ! ครั้งนี้เปิดเผยให้พวกเรารู้แบบซึ่งๆ หน้าในด่านสุดท้าย ก็เพราะไม่อยากฉีกหน้าตระกูลเซี่ยโห้วไง ให้โอกาสพวกเราถอนกำลังพลที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้กลับออกมา ป้องกันไม่ให้เรื่องจวนตัวแล้วกลืนไม่เข้าคายไม่ออก อีกฝ่ายไว้หน้าตระกูลเซี่ยโห้วเต็มที่แล้ว ถ้าพวกเรายังอ่านสถานการณ์ไม่ออกอีก ไม่ใช่แค่ประมูลขายของที่จะก่อกบฏนะ ทั้งยังกล้าฮุบเงินก้อนใหญ่ของตำหนักสวรรค์อีก…
ตอนนี้ทุกคนก็รู้เรื่องที่ร้านประมูลขายสัตยพรตประมูลขายธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์กันหมดแล้ว พยานหลักฐานมีแบบสำเร็จรูป ทัพใหญ่ของตำหนักสวรรค์ก็รออยู่ข้างนอก ถ้าพวกเราอ่านสถานการณ์ออก นี่ก็จะเป็นการวางกับดักที่ตำหนักสวรรค์ยืมมือพวกเรา อีกฝ่ายจะไม่เอาเรื่องถามหาความรับผิดชอบจากพวกเรา แต่ถ้าพวกเราอ่านสถานการณ์ไม่ออก ก็แปลว่าพวกเราบังอาจไม่สนกฎหมายประมูลขายสินค้าต้องห้ามช่วยเหลือวางแผนก่อกบฏอย่างลับๆ ถ้าโดนข้อหาก่อกบฏเมื่อไร ทัพใหญ่ของตำหนักสวรรค์ก็จะสามารถค้นและยึดทรัพย์ตึกศาลาสัตยพรตได้ทันที! พวกเขาเมตตาไว้หน้าเต็มที่ก่อนแล้ว ถ้าตอนหลังพวกเราอ่านสถานการณ์ไม่ออกและไม่ไว้หน้าพวกเขา ถึงตอนนั้นแม้แต่หัวหน้าตระกูลก็พูดอะไรไม่ได้ นี่ยังไม่ใช่เงินซื้อชีวิตอีกเหรอ?”
พิธีกรหญิงเข้าใจแล้วกัดฟันบอกว่า “ตำหนักสวรรค์วางแผนแยบยลนัก ไม่น่าเชื่อว่าจะใช้ผลประโยชน์พวกเราไปงานหนึ่งโดยไม่เสียอะไร”
เฉาหม่านถอนหายใจแล้วบอกว่า “ใช้ทั้งไม้อ่อนและไม้แข็ง นี่ก็คือจุดที่ร้ายกาจของประมุขชิง” เขาหันกลับมาโบกมือให้ชายชราชุดเขียว “เฒ่าชี รีบเอาไปส่งให้เถอะ ดาบมาคาอยู่ที่คอพวกเราแล้ว ถ้าแสดงท่าทีช้าไปจะกอบกู้สถานการณ์ไม่ได้แล้ว”
“ขอรับ!” ชายชราชุดเขียวเก็บตั๋วแลกเงินแล้วรีบออกไป ไม่กล้าชักช้าอีก
ส่วนเหมียวอี้ที่กำลังหลบหนีอยู่ในตอนนี้กลับแอบร้องอย่างขื่นขมใจ หลายคนที่กำลังตามหลังหมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ดโผล่ออกพ้นผิวน้ำแล้วดำหลบหนีเข้าไปในทาวใต้ดินที่มั่วเหมือนเขางกตอีก เมื่อครู่ได้รู้จากปากจ้านหรูอี้ว่าคนที่นำทางมาก็คือหมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ด เป็นคนที่ประมูลซื้อธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ชุดนั้นไปได้ ไม่ผิดหรอก เป็นคนที่ตำหนักสวรรค์จัดเตรียมมา
พวกเขาโผล่ออกมาจากผิวดิน แล้วรีบหลบไปยังแนวเทือกเขาที่อยู่ไกลๆ แต่พอหันกลับมามอง กลุ่มคนข้างหลังก็โผล่ออกมาจากถ้ำราวกับผึ้งแตกรัง หัวคนดำเป็นพืด กัดพวกเขาไม่ปล่อย แต่ก็ทำได้แค่ไล่ตามเท่านั้น ตามทันแล้วชัดๆแต่ก็ไม่รีบลงมือ เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของพวกเขา ต่างก็รอให้ฝ่ายอื่นลงมือหยั่งเชิงก่อนแล้วค่อยว่ากัน
ตอนแรกเหมียวอี้ก็ยังแอบชมตำหนักสวรรค์ว่าวางแผนแยบยลอยู่เลย คนหลายพันคนที่แต่งตัวเหมือนกันกระจายตัวออกไปพร้อมกันในครั้งเดียว จะต้องทำให้คนไม่รู้แน่นอนว่าจะไล่ตามกลุ่มไหนดี แต่ใครจะคิดว่าเสือสิงห์กระทิงแรดพวกนี้ตอบสนองไวมาก ไล่ตามพวกเขาไม่ปล่อยอย่างมีเป้าหมายชัดเจน
ก่อนหน้านี้เหมียวอี้ยังคิดไม่ตกว่าเป็นเพราะอะไร ตอนหลังเพิ่งจะค้นพบ ว่าการตามจ้านหรูอี้มาเป็นความผิดพลาดอย่างหนึ่ง รูปร่างสูงระหงทรงเพรียวของผู้หญิงคนนี้สะดุดตาเกินไป ผู้หญิงที่ตัวสูงระหงแบบนี้หาพบได้น้อยมาก จะไม่ให้คนมองเบาะแสออกก็คงยาก
หลังจากคิดได้แล้ว เหมียวอี้ก็อยากจะตบหน้าตัวเองสักฉาด รู้อยู่แท้ๆ ว่านี่เป็นกับดัก รู้อยู่แจ่มแจ้งว่าตำหนักสวรรค์อยากจะล่อให้กลุ่มคนมาติดกับดัก ตำหนักสวรรค์จะสร้างความสับสนจนปล่อยให้พวกเขาหนีรอดไปได้อย่างไร ถ้าให้พวกเขาหนีไปได้จริงๆ ก็เล่นแผนนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว สาเหตุที่ผลักจ้านหรูอี้ไว้หน้าเวที ก็เพราะรูปร่างของจ้านหรูอี้นั้นโดดเด่นมากจนล่อศัตรูได้ไม่ใช่เหรอ?
ดังนั้นการจงใจให้คนหลายพันคนสร้างความสับสนเป็นเพียงสถานการณ์ปลอม เป้าหมายก็คือทำให้ผู้ที่มีเจตนาแอบแฝงยิ่งเชื่ออย่างไร้ข้อกังขามากขึ้น
เหมียวอี้ไม่รู้ว่าไอ้เวรคนไหนของตำหนักสวรรค์มันคิดแผนที่แยบยลโหดร้ายแบบนี้ออกมาได้ ขนาดเริ่มปฏิบัติตามแผนการแล้วยังไม่เปิดเผยข่าวให้รู้สักนิดเลย ทำเอาเขาหนีตามจ้านหรูอี้ต่อไปเหมือนคนโง่เง่า ตอนนี้วิ่งเข้าไปหากับดักแล้วจริงๆ
เพื่อคำนึงถึงความปลอดภัย ตอนที่เขาหลบหนีอยู่ในเขาวงกตใต้ดิน เขากับเหยียนซิวก็สวมเกราะรบอยู่ในชุดคลุมสีดำแล้ว
แต่ในบรรดาคนพวกนี้ เหมียวอี้ก็มีวรยุทธ์ต่ำสุด เหยียนซิวกำลังช่วยดึงแขนเหมียวอี้หลบหนีอยู่
คนที่ไล่ตามอยู่ข้างหลังเหมือนจะเริ่มทนไม่ไหวแล้ว โผเข้ามาใส่ทั้งสองคนอย่างรวดเร็ว พอเริ่มทดสอบฝีมือ ศึกเดือดก็เปิดฉากแล้ว!
เสียงสะเทือนดังอึกทึกครึกโครม เหมียวอี้กับเหยียนซิวกำลังหลบหนีอยู่หลังสุด คนหนึ่งโบกทวน คนหนึ่งโบกขวาน ขณะที่หลบหนีก็สกัดการโจมตีของคนที่โผเข้ามาไปด้วย
ทั้งสองคนร่วมมือกัน เหยียนซิวรีบขวานต้านทาน เหมียวอี้ออกทวนสังหารราวกับมังกร ร่วมมือกันอย่างไร้ช่องโหว่ ถึงแม้ฝ่ายตรงข้ามจะวรยุทธ์สูงกว่าทั้งสอง แต่กลับโดนทั้งสองร่วมมือกันสังหารได้ภายในชั่วพริบตาเดียว
หมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ดหันกลับมามองแวบหนึ่ง ในดวงตาฉายแววชื่นชม
พรึ่บๆ! ข้างหลังมีคนอีกสิบกว่าคนโผเข้ามา มีพลังแข็งแกร่งกว่าคนก่อนหน้านี้ ประมือกันไม่กี่ครั้งก็ทำให้เหมียวอี้กับเหยียนซิวโดนโจมตีจนกระอักเลือดกระเด็นออกไปแล้ว ไม่ใช่คนที่ทั้งสองจะต้านทานไหวเลย พอทั้งสองพ่ายแพ้ จ้านหรูอี้กับคังเต้าผิงก็ประสบหายนะทันที ประมือเพียงไม่กี่ครั้งก็กระเด็นเช่นกัน
แสงสีฟ้าสายหนึ่งสังหารเข้ามา หมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ดถลันตัวมาดักอยู่หลังสุด ดาบใหญ่ปล่อยลำแสงสีฟ้าออกมาสายหนึ่ง ทำให้คนกลุ่มนั้นล่าถอยไปในชั่วพริบตาเดียว คุ้มกันพวกเหมียวอี้ที่สะบักสะบอมเกินทนให้หลบหนีไป
เหมียวอี้ที่กำลังเร่งหลบหนีโยน ‘ลูกกลมตีไม่พัง’ ให้เหยียนซิวลูกหนึ่ง แล้วรีบสอนวิธีการใช้งานให้เขา ถ้าสถานการณ์คับขันจนรับมือไม่ไหวจริงๆ ก็ให้หลบใน ‘ลูกกลมตีไม่พัง’ สามารถถ่วงเวลาได้สักหน่อยก็ยังดี คาดว่าตำหนักสวรรค์จะต้องมีแผนสำรองแน่นอน
ที่จริงเหมียวอี้ก็รู้เช่นกัน ว่าถ้าได้สู้กับยอดฝีมือที่แท้จริง ช่องโหว่ที่เชื่อมต่อกันระหว่าง ‘ลูกกลมตีไม่พัง’ นี้ก็เพียงพอที่จะคร่าชีวิตพวกเขาได้เลย ยังไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น อีกฝ่ายสามารถเก็บ ‘ลูกกลมตีไม่พัง’ นี้ไปพร้อมกับพวกเขาได้อย่างง่ายดาย
ของวิเศษในมือเขานั้นมีไม่น้อย แต่ของวิเศษพวกนั้นไม่มีประโยชน์อะไรเลยเมื่อเผชิญหน้ากับคนนับหมื่นที่อยู่ข้างหลังและสถานการณ์แบบนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเผชิญหน้ากับกลุ่มคนที่มีพลังเหนือเจ้า ถ้าโยนของวิเศษออกไป ก็เป็นไปได้สูงว่าจะเป็นการมอบของวิเศษให้คนอื่นเสียเปล่าๆ
เขาเองก็อยากจะปล่อยตั๊กแตนออกมา แต่ถ้าไม่ถึงช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน เขาก็ไม่อยากเปิดเผยตั๊กแตนออกมาเลย เมื่อไม่รู้แผนขั้นต่อไปของตำหนักสวรรค์ชัดเจน เขาก็ไม่กล้าเรียกรวมคนให้มาช่วยเหลือง่ายๆ เช่นกัน
ที่สำคัญก็คือ ตอนนี้จ้านหรูอี้ส่งต่ออำนาจบัญชาการแล้ว การเคลื่อนไหวทุกอย่างล้วนฟังการบัญชาการของหมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ด เนื่องจากเรื่องที่เหมียวอี้ประมูลซื้อท้อเซียน หมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ดกำชับเป็นพิเศษ ถ้าไม่ได้รับการอนุญาตจากเขา ก็ห้ามใครเคลื่อนไหวเองโดยพลการ
“รับไว้!” จู่ๆ หมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ดที่ดักหลังให้ก็โยนกำไลเก็บสมบัติหลายวงให้พวกเขา ขณะเดียวกันก็ถ่ายทอดเสียงบอกพวกเขาว่า “ใช้ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์โจมตี!”
พอดูในกำไลเก็บสมบัติพวกนั้น ก็พบว่าข้างในเป็นลูกธนูดาวตกที่วางเป็นกอง
“ทำไมไม่นำออกมาให้เร็วกว่านี้ ต้องให้พ่อบาดเจ็บก่อนรึไงถึงค่อยนำออกมา?” เหมียวอี้ด่าอย่างโมโห
หมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ดเหลือบมองเขาแวบหนึ่งด้วยแววตาล้ำลึก บอกไม่ถูกว่าในแงงตานั้นสื่อความรู้สึกอะไร สรุปก็คือไม่สนใจเขา
ยังไม่อะไรน่าพูดอีก พวกเหมียวอี้ช้อนธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ขึ้นมา วางลูกธนูดาวตกไว้บนสาย ลำแสงหลายแสงถูกยิงออกไป สังหารจนเกิดเสียงร้องระงมคาที่
ทว่าตอนที่ลูกธนูดาวตกหลายดอกที่ยิงออกไปเลี้ยวกลับมา กลับโดนคนที่บุกจู่โจมตามมาข้างหลังคว้าไว้ พยายามควบคุมเอาไว้แล้ว ถูกธนูที่ยิงออกไปกลับมาสักดอก
โชคดีที่หมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ดให้ลูกธนูดาวตกกับพวกเขาไว้เยอะ ไม่กลับมาก็ช่างมันสิ พวกเขาหนีไปด้วยยิงไปด้วย ง้างสายธนูตลอดทาง ชั่วพริบตาเดียวก็ยิงสังหารต่อเนื่องได้หลายสิบคน คนที่ตามสังหารอยู่ข้างหลังไม่กล้าเข้าใกล้ ทว่าท่ามกลางกลุ่มคนที่อยู่ข้างหลัง เหมือนจะมีบางคนมีประสบการณ์ในการรับมือกับลูกธนูดาวตก มีบางคนนำโล่ออกมาแองกัน เสียงต้านทานที่ดังโครมครามเข้ามาประชิดแล้ว
พวกเขาก็มีประสบการณ์ในการใช้งานลูกธนูดาวตกเช่นกัน แต่ละคนยิงลูกธนูจำนวนมากพร้อมกัน ใครที่ถือโล่อยู่ใกล้สุด พวกเขาก็จะยิงฆ่าคนนั้นพร้อมกัน ภายใต้การการชนกระแทกอย่างต่อเนื่องของพลังโจมตีที่แข็งแกร่ง โล่โดนกระแทกจนพลิก ชนกระแทกคนที่ถือโล่จนกระอักเลือด พอเกิดช่องโหว่ก็ยิงสังหารทิ้งทันที
แต่นี่ไม่ใช่วิธีการที่ยั่งยืน เหมียวอี้ถ่ายทอดเสียงคำรามว่า “หมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ด เบื้องบนเล่นบ้าอะไรอยู่ ตกลงว่ามีแผนสำรองมั้ย ถ้ามีก็รีบใช้เร็วๆ”
หมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ดบอกว่า “เจ้าไม่สังเกตเห็นหรือไง? ถึงแม้คนจะเยอะ แต่กลับเป็นปลาเล็กๆ กำลังหยั่งเชิง ปลาใหย่ระมัดระวังตัวมาก ยังหลบสังเกตการณ์อยู่ ถ้าปลาใหญ่ต้องการจะโผล่หน้าออกมาจริงๆ อาศัยลูกธนูดาวตกไม่กี่ดอกของพวกเราจะต้านทานไหวเหรอ” แต่สายตากลับวูบไหว เห็นเพียงลูกธนูดาวตกที่ใช้ควบคุมสถานการณ์โดนทำลายพังแล้ว เริ่มมีคนล้อมเข้ามาจากด้านข้างทั้งสองด้านแล้ว เห็นได้ชัดว่าเตรียมจะตีโอบล้อมพวกเขา
ดังนั้นจึงได้ยินหมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ดถอนหายใจอีก “ขนาดใช้เหยื่อล่อแล้วยังไม่ติดเบ็ดเลย สงสัยจะต้องใช้ยาแรงกดดันให้ปลาใหญ่ปรากฏตัวเสียแล้ว เพียงแต่การทำแบบนี้ จะต้องให้เหล่าพี่น้องเสียสละชีวิตโดยไร้ความหมายแล้ว…พวกเฒ่าสารพัดพิษ เดี๋ยวพอตกอยู่ในมือข้าพวกเจ้าได้ถึงคราวทรมานแน่!” พูดจบก็พลิกฝ่ามือหยิบระฆังดาราออกมา แล้วถือโดยใช้แขนเสื้อบัง ไม่รู้ว่ากำลังติดต่อไปที่ไหน
ตอนที่เก็บระฆังดาราแล้วง้างธนูไปทางคนที่ตีโอบมาข้างๆ อีกครั้ง ก็รีบบอกเรื่องที่ควรสนใจในขั้นต่อไปให้พวกเหมียวอี้รู้
หลังจากฟังแผนจบ เหมียวอี้ก็สีหน้าบูดเบี้ยวทันที พวกจ้านหรูอี้ก็พูดไม่ออกเช่นกัน พวกเขาจะต้องได้รับความลำบากอีกแล้ว!
มองออกเลยว่าตำหนักสวรรค์เตรียมตัวมาเต็มที่ หมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ดเพิ่งจะติดต่อกับภายนอกได้ไม่นาน ตรงทางข้างหน้าที่พวกเขาหลบหนีก็มีคนชุดดำนับร้อยโผล่ออกมาแล้ว ดักทางหนีของพวกเขาเอาไว้ แทบจะพุ่งออกมาโจมตีโดยไม่ลังเลเลย
พุ่งเข้ามาโจมตีอย่างรวดเร็วมาก จะเห็นได้ว่าพลังของแต่ละคนไม่ธรรมดา
พวกเหมียวอี้ตกตะลึงพรึงเพริด เปลี่ยนทิศทางง้างธนูยิงอย่างเกรี้ยวกราด
คนชุดดำร้อยคนรีบเอาโล่ออกมาสกัดขวาง ลูกธนูดาวตกไม่มีทางระงับการพุ่งเข้ามาของพวกเขาได้เลย เหาะเข้ามาสังหารอย่างรวดเร็ว สังหารจนพวกเหมียวอี้ไร้กำลังที่จะตอบโต้
โล่กระแทกเข้ามาหนึ่งฉาด
“อั้ก!” เหมียวอี้กระอักเลือดสดออกมาอย่างบ้าคลั่ง รู้สึกว่าแขนตัวเองหักแล้ว กระดูกซี่โครงก็หักหลายท่อนเช่นกัน ตัวเขาแทบจะสลบ แต่พยายามส่ายหน้าเบาๆ เรียกสติ แต่กลับพบว่าตัวเองกลายเป็นเชลยศึกในมือของคนชุดดำแล้ว
พอเอียงหน้ามองหมายเลขเก้าร้อยห้าสิบเจ็ดและคนอื่นๆ ก็พบว่าแต่ละคนไม่ได้ดีกว่ากันสักเท่าไร โดนจับเป็นเชลยศึกอย่างจนตรอกสะบักสะบอม
กลุ่มคนชุดดำมีพลังแข็งแกร่งมาก กำลังพลกลุ่มใหญ่ที่พุ่งมาข้างหลังโดนพวกเขาสังหารจนแพ้ยับเยินในชั่วพริบตาเดียว แต่พวกเขาก็ไม่ได้พัวพันทำศึกอีก คนที่เป็นหัวหน้าโบกมือตะโกนว่า “ไป!”
…………………………
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น