คัมภีร์วิถีเซียน 1413-1414

ตอนที่ 1413 เผยตัว

 

แน่นอนว่าหานลี่พลันรู้สึกกลัดกลุ้มเป็นอย่างมาก ภายใต้สถานการณ์ปกติ จากความสามารถของเขาก็สามารถหนีออกจากตาข่ายกักมารได้ในชั่วพริบตาที่มันกำลังก่อตัว


 


 


แต่ตอนนั้นเขากำลังอำพรางกาย หากต้องใช้ความสามารถนี้พุ่งออกจากตาข่ายอย่างฉุกละหุก ก็เกรงว่าจะเผยกลิ่นอายออกมาในทันที


 


 


ดังนั้นขณะที่ลังเลเล็กน้อย เขาก็ติดอยู่ในตาข่ายแล้ว


 


 


หางตาของหานลี่พลันกระตุก ทำได้เพียงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมอย่างจนปัญญาชั่วคราว แต่ในหัวกลับมีข่าวสารทั้งหมดที่เพิ่งได้มาวิ่งกลับไปกลับมา


 


 


เห็นได้ชัดว่าคนของเผ่าแดงสดเหล่านี้น่าจะเป็นหนึ่งในทั้งเจ็ดสิบสองสาขาของเผ่าวิญญาณเหาะเหิน ไม่รู้ว่าพวกเขาไปได้ข่าวว่าคนของเผ่าวิหคสวรรค์ทั้งสามจะพกดอกกระดิ่งพฤกษากลับมาจากที่ไหน ดังนั้นจึงมาหมอบซุ่มรอพวกเขากลับมา และสาเหตุที่คนของเผ่าแดงสดเหล่านี้กล้าทำเช่นนี้ ดูเหมือนว่าจะเป็นเพราะผู้ยิ่งใหญ่ในเผ่าวิหคสวรรค์ได้เพลี้ยงพล้ำไปแล้ว เผ่าวิหคสวรรค์ทั้งเผ่าก็ปกป้องชีวิตของตัวเองเอาไว้ได้ยาก


 


 


แต่เช่นนั้นเขา แผนเดินของเขาไม่เป็นการเสียเปล่าหรือ หรือว่าจะทิ้งเผ่าวิหคสวรรค์ไปปะปนอยู่กับเผ่าวิญญาณเหาะเหินเผ่าอื่นแทน


 


 


นี่ดูเหมือนจะไม่ปกติแล้ว!


 


 


ถึงอย่างไรเสียมองจากภายนอก นอกจากปีกคู่นั้นแล้ว คนของเผ่าวิหคสวรรค์และและเผ่ามนุษย์ก็แทบจะไม่ได้แตกต่างอะไรกัน สาขาอื่นของเผ่าวิญญาณเหาะเหินเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ แต่ดูจากท่าทางที่โหดเ**้ยมของคนเผ่าแดงสด เกรงว่าคงหาเผ่าอื่นๆ ที่ปะปนเข้าไปได้ง่ายๆ เหมือนเผ่าวิหคสวรรค์ได้ยากแล้ว


 


 


หานลี่ขบคิดอย่างรวดเร็วในใจ ในเวลาเดียวกันก็มองไปยังการต่อสู้ของวิหคสวรรค์และคนของเผ่าแดงสดที่แปลงกายแล้ว


 


 


ตรงนั้นเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้น ประจุไฟฟ้าหนาๆ ที่ดูเหมือนงูเหลือมสีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนพลันหมุนวนแผดเสียงคำรามอยู่ท่ามกลางทะเลเพลิง


 


 


วิหคสีเงินสามตัวแทบจะแปลงกายเป็นอัสนี ใช้ทั้งปากและกรงเล็บ ดูองอาจห้าวหาญเป็นอย่างมาก แต่ภายใต้การล้อมโจมตีของวิหคเพลิงจำนวนมากขนาดนี้ พวกเขาก็จำต้องตกเป็นรอง


 


 


วิหคเพลิงเหล่านี้ไม่เพียงจะมีเปลวเพลิงหมุนวนอยู่รอบร่างกาย ต่อให้บางครั้งถูกประจุไฟฟ้าสีเงินโจมตีทะลุร่างกาย เปลวเพลิงก็เปล่งแสงสว่างวาบ บาดแผลผสานกลับคืนเป็นดังเดิม ราวกับเป็นร่างอมตะอย่างไรอย่างนั้น และยิ่งไปกว่านั้นเมื่อวิหคสีเงินถูกเปลวเพลิงเหล่านี้ม้วนวนเข้าไป ร่างกายก็เปล่งแสงอัสนีสว่างวาบ ไร้ซึ่งอันตรายเช่นกัน แต่ลำแสงสีเงินที่แผ่ออกมาจากร่างกลับหม่นแสงลงส่วนหนึ่ง


 


 


ระหว่างที่พวกมันกำลังต่อสู้กันอยู่กลางอากาศ พลันมีไข่มุกกลมๆ สีแดงสดเม็ดหนึ่งปรากฎขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เปล่งแสงสีแดงเพลิงออกมา ปกคลุมด้านล่างในรัศมียี่สิบสามสิบจั้งเอาไว้


 


 


“เฟิงเสี้ยวถึงแม้ว่าเจ้าและข้าจะอยู่ในระดับเดียวกัน แต่่เมื่อมีไข่มุกมังกรเพลิงของข้าช่วยเสริม เจ้าจะเป็นคู่ต่อสู้ของข้าได้อย่างไร” ระหว่างการต่อสู้วิหคเพลิงยักษ์ที่มีขนาดใหญ่กว่าพวกเดียวกันหลายเท่าเปล่งเสียงหัวเราะประหลาดๆ ออกมา


 


 


แค่สียงเหอะอย่างเย็นชา กรงเล็บข้างหนึ่งของวิหคเงินพลันตะปบออก ชั่วขณะนั้นลำแสงสีขาวห้าสายพลันเปล่งแสงสว่างวาบพุ่งไปกลางอากาศด้วยความรวดเร็ว ครู่ต่อมาก็สับลงมาที่ไข่มุกสีแดงอย่างแรง


 


 


เสียง “ตูม” ดังสนั่นขึ้น ผิวของไข่มุกมังกรเพลิงมีลำแสงสีแดงชั้นหนึ่งปรากฎขึ้น คาดไม่ถึงว่าจะต้านทานกรงเล็บห้าสีเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย


 


 


“ฮ่าๆ พี่เฟิงเสี้ยว เจ้าอย่าคิดว่าจะโชคดีเลย ข้าได้เชิญให้อาวุโสในเผ่าร่ายเขตอาคมใส่ไข่มุกมังกรเพลิงแล้ว แค่ปรมาจารย์วิญญาณเหาะเหินระดับสูงคนหนึ่งอย่างเจ้า ไม่อาจทำให้ได้รับบาดเจ็บเลยสักนิด” วิหคเพลิงยักษ์หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สองปีกกระพือสองสามครั้ง ชั่วขณะนั้นพลันม้วนเปลวเพลิงเข้าไป


 


 


จากนั้นไม่ว่าวิหคสีเงินสามตัวจะขับเคลื่อนลำแสงอัสนีหมายจะหนีออกจากอาณาเขตของไข่มุกมังกรเพลิงอย่างไร ไข่มุกเม็ดนี้ก็จะไล่ตามติดไปราวกับตัวอ่อนแมลงวันที่ฝังติดกระดูก ไม่อาจสลัดออกได้เลยสักนิด และเป็นเพราะแบ่งความสนใจไป วิหคเงินทั้งสามจึงได้รับบาดเจ็บหนักอย่างต่อเนื่อง เปล่งแสงระยิบระยับ และเริ่มอ่อนแอลง


 


 


เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ วิหคเพลิงตัวนั้นก็โจมตีเข้ามาไม่หยุดอย่างบ้าคลั่ง


 


 


วิหคสีเงินสามตัวจึงทำได้เพียงต้านทานอยู่ในทะเลเพลิงอย่างยากลำบากเท่านั้น


 


 


ชายร่างใหญ่หัวโล้นที่กลายเป็นวิหคเพลิงเห็นเช่นนั้น แววตาพลันเปล่งประกายเผยรอยยิ้มเย็นชาออกมา ปากก็เปล่งเสียงร้องไพเราะออกมา


 


 


ในที่สุดวิหคยักษ์สองหัวก็เคลื่อนไหว


 


 


เห็นเพียงปีกของมันพลันสยายออก หัวทั้งสองเปล่งเสียงร้องคำรามต่ำๆ ออกมาพร้อมกัน ร่างกายอันใหญ่โตพลิ้วไหวกลายเป็นลำแสงหลากสี พุ่งตรงม้วนเข้าไปหาวิหคสีเงินสามตนที่อยู่ในทะเลเพลิง


 


 


เมื่อวิหคสีเงินสามตัวเห็นฉากนั้น ก็เกิดความวุ่นวายขึ้น หนึ่งในนั้นร้องตะโกนออกมาว่า


 


 


“รีบสำแดงเคล็ดวิลาอัสนีหลีกหนีหลบเร็ว! อย่าต้านทานกับวิหคแดงคำรามตัวนั้นตรงๆ”


 


 


เมื่อเอ่ยคำนี้ออกไปวิหคสีเงินสามตัวก็กลายเป็นประจุไฟฟ้าสีเงินสามสายพุ่งออกมาจากทะเลเพลิงอย่างบ้าคลั่ง ระหว่างทางร่างกายก็รับการโจมตีหนักๆ ไปอีกสองสามครั้ง


 


 


เมื่อพวกมันหนีออกจากทะเลเพลิงได้ ก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย


 


 


ลำแสงหลากสีม้วนไปกลางอากาศ ชั่วขณะนั้นลำแสงพลันหม่นแสงลง วิหคยักษ์สองหัวตัวนั้นปรากฎขึ้นอีกครั้ง หัวยักษ์สองหัวหันไปทางซ้ายทีขวาทีไม่หยุด


 


 


ไข่มุกมังกรเพลิงที่อยู่กลางอากาศเม็ดนั้นหมุนติ้วๆ อยู่กลางอากาศไม่หยุด ราวกับว่าขาดร่องรอยของวิหคเงินทั้งสามตัว


 


 


วิหคเพลิงสองสามตัวเห็นเช่นนั้นพลันตกตะลึง ตัวที่ใหญ่ที่สุดหนึ่งในนั้นพลันหุบปีก คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นมนุษย์ท่ามกลางเปลวเพลิงอีกครั้ง


 


 


นั่นก็คือชายร่างใหญ่หัวโล้นนามว่าเทียนหมิงผู้นั้น


 


 


หลังจากที่เขากวาดสายตาไปยังจุดที่ประจุไฟฟ้าสีเงินสามสายหายไป ก็เปล่งเสียงหัวเราะอย่างเย็นชาออกมา


 


 


“อย่าคิดว่าอาศัยการอำพรางตัวของพลังอัสนี แล้วข้าจะตามหาพวกเจ้าไม่พบ ครั้งนี้นอกจากอาศัยไข่มุกมังกรเพลิงแล้ว ข้าก็ยังนำต่อกายสิทธิ์มาด้วย ข้าเคยแยกแยะแกนผลึกของเผ่าวิหคสวรรค์ของพวกเจ้าแล้ว แม้นว่าพวกเจ้าจะฝึกฝนเคล็ดวิชาอัสนีหลีกหนีแล้ว ก็ไม่อาจหนีการไล่ล่าของพวกมันได้” เสียงพูดดังขึ้น ชายร่างใหญ่หัวโล้นอ้าปากออก พ่นน้ำเต้าสีแดงออกมา


 


 


ของสิ่งนี้หมุนติ้วๆ เทปากน้ำเต้าลง ฉับพลันนั้นเสียงฟู่ๆ พลันดังขึ้น พ่นต่อพิษสีเหลืองสองสามตัวออกมา ทุกตัวมีขนาดสองสามชุ่น เปล่งลำแสงเรืองๆ ออกมา


 


 


ชายร่างใหญ่เปล่งเสียงร้องประหลาดๆ ออกมา นิ้วชี้ไปทางที่วิหคสีเงินหายวับไป


 


 


ชั่วขณะนั้นเสียงหึ่งๆ ของต่อวิญญาณสองสามตัวพลันบินออกมา


 


 


ชายร่างใหญ่หัวเราะอย่างโหดเ**้ยม มือหนึ่งตะปบทางด้านหลัง


 


 


ชั่วขณะนั้นคนของเผ่าแดงสดตนอื่นที่กลายเป็นวิหคเพลิง พลันสยายปีกทั้งสองออกแล้วบินออกไป ไล่ตามหลังต่อวิญญาณทุกตัวไป


 


 


วิหคยักษ์สองหัวตัวนั้นก็เข้ามาใกล้อย่างช้าๆ เช่นกัน


 


 


ครู่ต่อมารอยยิ้มบนใบหน้าของชายร่างใหญ่พลันแข็งค้าง


 


 


หลังจากที่ต่อวิญญาณสองสามตัวบินวนรอบๆ แล้ว ก็รวมกันตัวที่แห่งหนึ่ง ล้อมที่เดียวกันเอาไว้ บินวนขึ้นลงไม่หยุด


 


 


จะพบคนของวิหคสวรรค์คนเดียวได้อย่างไร


 


 


คนของเผ่าแดงสดทั้งหมดต่างพากันงุนงง


 


 


แต่ชายร่างใหญ่หัวโล้นกลับเด็ดขาดมาก ครู่ต่อมาก็มีปฏิกิริยาตอบสนองในทันที ฉับพลันนั้นพลันอ้าปากออกพ่นคำว่า “ลงมือ” สองคำออกมา


 


 


แต่ไม่รอให้วิหคเพลิงสองสามตัวกระโจนเข้ามา จุดที่ตัวต่อวิญญาณเหล่านั้นล้อมอยู่พลันมีเสียงถอนหายใจของบุรุษดังขึ้น


 


 


ทันใดนั้นลำแสงสีเทาก็เปล่งแสงเจิดจ้า ลำแสงวิญญาณกวาดไปกลางอากาศ ตัวต่อวิญญาณสองสามตัวถูกกวาดเข้าไปข้างใน แล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย


 


 


วิหคเพลิงสองสตัวพลันตกตะลึง อ้าปากออกอย่างไม่ต้องคิด ชั่วขณะนั้นเสาเพลิงหนาๆ สองสามกลุ่มพลันเปล่งเสียงร้องคำราม ฉากที่แปลกประหลาดพลันปรากฎขึ้น!


 


 


เห็นเพียงลำแสงสีเทาเปล่งแสงสว่างวาบ เสาเพลิงเหล่านั้นทยอยกันสลายหายไปท่ามกลางม่านลำแสง ชั่วพริบตาก็หายไป


 


 


ครานี้วิหคเพลิงเหล่านี้พลันตกใจจนสะดุ้งโหยง ชั่วขณะนั้นร่างกายที่เดิมทีโถมเข้ามาอย่างโหดเ**้ยมพลันหยุดชะงัก ล้วนใช้สายตาตกตะลึงระคนสงสัยกวาดไปทางเงาร่างของบุรุษไม่คุ้นหน้าในลำแสงสีเทา


 


 


คนผู้นี้สวมชุดคลุมสีเขียว หน้าตาธรรมดาๆ ที่แผ่นหลังมีปีกสีขาวคู่หนึ่ง คาดไม่ถึงว่าจะเป็นคนของเผ่าวิญญาณคนหนึ่ง แต่ไม่ใช่หนึ่งในสามคนของเผ่าวิหคสวรรค์ก่อนหน้า


 


 


“นายท่านคือใคร?” ชายร่างใหญ่หัวโล้นพลันตกตะลึง ทันใดนั้นก็ร้องคำรามออกมา ร่างกายแผ่กลิ่นอายที่น่าตกตะลึงออกมา


 


 


“ใคร หรือว่าเจ้าดูไม่ออก?” ผู้ที่สวมชุดสีเขียวตอบกลับด้วยรอยยิ้มบางๆ นั่นก็คือหานลี่ที่ถูกเผยฐานะออกมาอย่างคาดไม่ถึง


 


 


เขามีสีหน้าเหมือนราบเรียบ แต่ในใจกลับวิจารณ์อยู่ในใจไม่หยุด


 


 


คนของเผ่าประหลาดเหล่านี้ต่อสู้กันก็ต่อสู้ไปสิ เหตุใดถึงดึงเขาเข้าไปเกี่ยว เขาไม่ใช่คนของวิหคสวรรค์ เหตุใดตัวต่อวิญญาณเหล่านั้นถึงได้มาหาเขา


 


 


หานลี่เอ่ยพึมพำ รู้สึกว่าแปดเก้าส่วนจะเกี่ยวข้องกับปีกวายุอัสนีที่ตนเองพัฒนาระดับขึ้นและขนของวิหคมัจฉา


 


 


โชคดีที่ในเวลาเดียวกันกับที่เขาปรากฎตัวนั้น ไม่เพียงจะทำให้ปีกวายุอัสนีเปลี่ยนสี แล้วยังสร้างภาพลวงตาเป็นปีกที่เหมือนกับปีกของวิหคสวรรค์ออกมา และไม่กลัวว่าจะถูกผู้ใดดูออก


 


 


“คนของวิหคสวรรค์?” ชายร่างใหญ่หัวโล้นกวาดสายตาไปที่ใบหน้าของหานลี่และปีกสีขาวที่แผ่นหลัง ชั่วขณะนั้นจิตสังหารพลันปรากฎขึ้น


 


 


หานลี่กลับฉีกยิ้มไม่ปริปากใดๆ


 


 


“ไม่ว่าเจ้าจะมาปรากฎตัวที่นี่ได้อย่างไร แต่ในเมื่อถูกข้าพบแล้ว ก็มีเพียงแต่ต้องตายเท่านั้น ฆ่ามัน” ชายร่างใหญ่หัวโล้นออกคำสั่งอย่างเย็นชา


 


 


ชั่วขณะนั้นวิหคเพลิงเหล่านั้นที่อยู่รอบๆ พลันกรูกันเข้ามา สองปีกและสองกรงเล็บโบกสะบัด กรงเล็บลำแสงสิบกว่าสายหมุนวนปะปนกันอยู่ในเปลวเพลิง ตรงเข้ามาหานลี่


 


 


และในตอนนั้นเองไข่มุกมังกรเพลิงพลันเปล่งแสงสว่างวาบ ชั่วครู่ก็เคลื่อนย้ายออกไปยี่สิบจั้งโดยไม่รู้เพราะเหตุใด มาปราฎเหนือหัวของหานลี่


 


 


ม่านลำแสงสีแดงชั้นหนึ่งห่อหุ้มลงมาในเวลาเดียวกัน


 


 


หานลี่พลันขมวดคิ้ว และไม่เห็นว่าเขาจะเคลื่อนไหวใดๆ แค่สะบัดมือสีดำข้างหนึ่ง ลำแสงสีเทาเบื้องหน้าขยายขนาดขึ้นหลายเท่า กรงเล็บลำแสงและเปลวเพลิงจมเข้าไปและแข็งค้าง ทันใดนั้นลำแสงก็เปล่งแสงสว่างวาบ แตกออกเป็นเสี่ยงๆ หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย


 


 


แทบจะในเวลาเดียวกันนั้นปีกที่แผ่นหลังของหานลี่พลันมีเสียงฟ้าร้องดังขึ้น ร่างกายเลือนลางหายวับไปท่ามกลางลำแสงอัสนีสีทอง ครู่ต่อมาเขากลับมาปรากฎตัวที่กลางอากาศด้านข้างไข่มุกกลมๆ สีแดง มือหนึ่งยื่นออกไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า คาดไม่ถึงว่าจะตะปบไข่มุกกลมๆ เอาไว้ในมือ


 


 


ไข่มุกมังกรเพลิงเปล่งเสียง “พรึ่บ” ออกมา ไม่เพียงจะมีลำแสงสีแดงชั้นหนึ่งทะลักออกมา ยังสร้างภาพลวงตางูเหลือมยักษ์สีแดงสดยาวสองสามจั้งตัวหนึ่งออกมา อ้าปากใหญ่ๆ ออกหมายจะงับแขนของหานลี่


 


 


เสียง “ปัง” ดังขึ้น!


 


 


แขนมีลำแสงสีทองสว่างวาบ ผิวมีเกล็ดสีทองเล็กๆ ปรากฎขึ้น ยังคงปล่อยให้งูเหลือมเพลิงงับมาที่เขา แต่กลับไม่ได้รับบาดเจ็บเลยสักนิดราวกับเหล็กกล้าบริสุทธิ์


 


 


ออกแรงที่นิ้วทั้งห้าที่คว้าไข่มุกเอาไว้ หลังจากแผ่นหลังมีเงาสีทองจางๆ สว่างวาบ ก็เปล่งเสียงประหลาดๆ ออกมา


 


 


ไม่เพียงผิวของไข่มุกมังกรเพลิงที่ถูกระเบิดออก แม้แต่ตัวของไข่มุกก็ยังแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ภายใต้พลังมหาศาลของหานลี่


 


 


สองมือถูเข้าด้วยกันอีกครั้ง ชูสิบนิ้วขึ้น ผงสีชมพูกลุ่มหนึ่งปลิวว่อนไปตามแรงลม


 


 


ตั้งแต่ที่หานลี่ทะลายการโจมตีอีกระลอกของพวกเขา จนถึงตอนที่เคลื่อนย้ายมากลางอากาศ อาศัยแค่พลังมหาศาลบีบไข่มุกมังกรเพลิงจนแตกละเอียด มันเกิดขึ้นแค่ชั่วพริบตาเท่านั้น


 


 


กลุ่มคนของเผ่าแดงสดที่อยู่ด้านล่างต่างมองกันอย่างตกตะลึง


 


 


“คาดไม่ถึงว่าเจ้าจะทำลายสมบัติของเผ่าแดงสดของพวกเรา!” แม้นว่าชายร่างใหญ่หัวโล้นจะรู้สึกตกตะลึงเช่นกัน แต่ทันใดนั้นก็นึกถึงผลจากการที่ไข่มุกมังกรเพลิงถูกทำลายขึ้นมา แล้วจึงอดที่จะตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยวไม่ได้


 


 


เขาเปล่งเสียงร้องแหลมๆ ออกมา ร่างกายพลิ้วไหว กลายเป็นวิหคเพลิงขนาดยักษ์ตัวหนึ่งพุ่งออกไปอีกครั้ง วิหคยักษ์สองหัวตัวนั้นกลายเป็นลำแสงหลากสีผืนหนึ่งม้วนวนไป


 

 

 


ตอนที่ 1414 แดงสดล่าถอย

 

หานลี่เห็นฉากนี้พลันมุมปากกระตุก ไม่เห็นว่าเขาจะใช้สมบัติใดๆ ปีกที่แผ่นหลังกลับคือกระพือออก กลายเป็นเส้นไหมผลึกสายหนึ่งพุ่งออกไป แต่ระหว่างทางผ่านพลันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป


 


 


ชายร่างใหญ่ที่กลายเป็นวิหคเพลิงพลันใจหายวาบ อ้าปากออกอย่างไม่ต้องคิด พ่นเปลวเพลิงสีม่วงออกมา ปกคลุมเบื้องหน้าห่างออกไปสิบจั้งเศษ


 


 


หากหานลี่แอบเข้ามาในบริเวณนี้ล่ะก็ จะต้องถูกเพลิงนี้ม้วนเข้าไปอย่างพอดิบพอดี


 


 


แต่เหนือกว่าที่ชายร่างใหญ่หัวโล้นคาดเอาไว้ หานลี่ไม่ได้สนใจเขาตั้งแต่แรกแล้ว หลังจากลำแสงสีขาวเปล่งแสงสว่างาบ คนก็มาปรากฎตัวเหนือสองหัวของวิหคยักษ์


 


 


อย่ามองว่าวิหคยักษ์มีร่างกายใหญ่โต แต่ปฏิกิริยากลับว่องไวอย่างหาที่เปรียบ


 


 


ชั่วพริบตาที่หานลี่มาปรากฎตัว หัวของมังกรวารีของวิหคตัวนี้ก็ชูขึ้น พ่นเสาลำแสงสีฟ้าออกมา


 


 


เสาลำแสงนี้ยังไม่ทันเข้ามาประชิดตัว อากาศรอบๆ ก็เปล่งเสียง “แกรก” ออกมา น้ำแข็งเย็นเยียบหนาบางไม่เท่ากั้นทอดตัวยาวมา


 


 


คาดไม่ถึงว่าเสาลำแสงนี้เย็นเยียบขนาดนี้ ไม่ด้อยไปกว่าเปลวเพลิงน้ำแข็งสวรรค์ของหานลี่ในตอนแรก ราวกับว่าแช่แข็งได้แม้กระทั่งอากาศ เปล่งแสงสว่างวาบแล้วมาอยู่ตรงหน้าของหานลี่


 


 


แววตาของหานลี่ฉายแววตกตะลึง แต่เมื่อเผชิญหน้ากับเสาลำแสงนี้แล้วก็ไม่มีทางหลบหลีกได้ สะบัดแขนเสื้อ ลำแสงสีเทาปรากฎขึ้นตรงหน้า


 


 


เมื่อเสาลำแสงสีฟ้าเข้ามา ก็แข็งตัวราวกับจมเข้าสู่น้ำ


 


 


และแค่พริบตาที่เสียไป ลำแสงห้าสีในแขนเสื้อก็เปล่งแสงสว่างวาบ ยื่นมือที่ขาวบริสุทธิ์ดุจหยกออกมาก


 


 


นิ้วทั้งห้าปัดไปที่หน้าอก หัวกะโหลกหน้าตาโหดเ**้ยมห้าหัวเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป ทันใดนั้นเปลวเพลิงห้าสีก็ทะลักออกมาจากฝ่ามือ ลำแสงเปล่งประกาย ดูเคร่งขรึมมาก


 


 


หลังจากผ่านการฝึกฝนมาหลายปี ในที่สุดแขนทั้งสองของหานลี่ก็ฝึกฝนคาถาร้อยชีพจรหลอมสมบัติสำเร็จแล้ว จากนั้นพลันสำแดงฝีมืออย่างสบายๆ ก็สามารถควบคุมภูเขาเทวะดูดปราณและห้ามารใจเดียวได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แม้กระทั่งหลังจากผนึกกำลังกับตัวเองแล้ว ก็ยังเพิ่มขึ้นหลายเท่า อานุภาพจะพัฒนาขึ้นตามการฝึกฝนของตนเช่นกัน


 


 


เสียงดังขึ้นเบาๆ ในที่สุดเสาลำแสงสีฟ้าก็ทำลายการขัดขวางงของลำแสงเทวะดูดปราณไป โจมตีไปยังฝ่ามือหยกขาว


 


 


แต่ผิวของฝ่ามือพลันมีเปลวเพลิงห้าสีไหลโคจรอยู่ เสาลำแสงเย็นเยียบเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายไปในทันที คาดไม่ถึงว่าจะไม่ได้รับบาดเจ็บเลยสักนิด


 


 


วิหคยักษ์เห็นเช่นนั้น หัวเสืออีกหัวก็ชูขึ้นอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด พ่นคลื่นเสียงกึ่งโปร่งใสออกมา ตรงมาหาหานลี่


 


 


“หึ”


 


 


หานลี่แค่นเสียงอย่างเย็นชา ร่างกายมีลำแสงสีทองสว่างจ้า จากนั้นพลันพลิ้วไหว ร่างทั้งร่างที่มีลำแสงวิญญาณปกคลุมทะลวงเข้าไปในคลื่นเสียง


 


 


เสียง “ตูมๆๆ” ดังขึ้น คลื่นเสียงและลำแสงสีทองปะทะกัน ระเบิดออกอย่างต่อเนื่อง


 


 


แต่หานลี่กลับทำเป็นมองไม่เห็นระเบิดเหล่านี้ หลังจากเปล่งแสงสว่างวาบสองสามครั้ง คนก็ทะลวงคลื่นเสียงมาอยู่หน้าวิหคยักษ์ ทุบกำปั้นทั้งสองลงไป


 


 


วิหคยักษ์เองก็นับว่าโหดเ**้ยมาก ร่างกายหลบไปอีกทาง กรงเล็บยักษ์ข้างหนึ่งเปล่งแสงเย็นเยียบออกมาตะปบออกไปกลางอากาศ


 


 


เสียงแหวกอากาศดังขึ้น ร่างของหานลี่ล้วนถูกกรงเล็บนี้ปกคลุมเอาไว้


 


 


หานลี่มีสีหน้าเคร่งขรึม กำปั้นทั้งสองข้างหนึ่งมีลำแสงสีสว่างวาบ อีกข้างหนึ่งมีเปลวเพลิงลำแสงห้าไหลวนโคจรไม่หยุด โจมตีไปยังกรงเล็บยักษ์อย่างไม่ลังเลเลยสักนิด


 


 


เสียงตูมๆ สองครั้งดังขึ้น!


 


 


วิหคยักษ์เปล่งเสียงร้องแสบแก้วหูออกมา กรงเล็บยักษ์ไม่ทันได้หุบกรงเล็บ ก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ท่ามกลางลำแสงประหลาด จากนั้นก็กลายเป็นหมอกสีโลหิต


 


 


จากนั้นเงาร่างคนพลันเปล่งประกาย หานลี่ทะลุออกมาจากหมอกโลหิตด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก


 


 


วิหคยักษ์สองหัวมีแววตาดุร้ายฉายแววสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าจะไม่สนกรงเล็บที่ถูกทำลายของตน ยืดทั้งสองออกมา อ้าปากที่เป็นบ่อโลหิตทั้งสอง งับลงมาที่หานลี่อย่างรุนแรง


 


 


กลิ่นคาวเลือดลอยมาปะทะใบหน้า


 


 


ชายร่างใหญ่หัวโล้นและคนของเผ่าแดงสดคนอื่นๆ ที่อยู่อีกด้านเองก็มีปฏิกิริยาตอบสนอง ชั่วขณะนั้นพลันโจมตีเข้ามาด้วยความตกตะลึงระคนโกรธแค้น


 


 


เปลวเพลิงสีม่วงกลุ่มหนึ่งและลูกบอลเพลิงจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาอย่างหนาแน่น แต่ก็ผนึกรวมกันระหว่างทาง กลายเป็นทะเลเพลิงสีแดงสดขนาดร้อยจั้ง


 


 


ร่างของวิหคเพลิงเหล่านั้นพลันเคลื่อนไหว ทยอยกันจมหายเข้าไปในเปลวเพลิงอย่างไร้ร่องรอย


 


 


ทะเลเพลิงพลันหมุนวน ชั่วครู่ก็ม้วนเอาคลื่นเพลิงขนาดยักษ์สูงสิบจั้งเศษ ตรงเข้ามาหาหานลี่


 


 


แต่หานลี่ในครานี้จะปล่อยโอกาสให้พวกเขาโจมตีได้อย่างไร มือทั้งสองที่ร่ายอาคมอยู่นานแล้ว แผ่นหลังมีรูปสามหัวหกแขนสีทองปรากฎขึ้น แขนทั้งสองลางเลือนเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าจะหายวับไป


 


 


แทบจะในเวลาเดียวกันวิหคยักษ์ที่อยู่ด้านบนก็เปล่งแสงสีทองสว่างวาบสองแห่ง ชั่วครู่กลางอากาศก็มีแขนยักษ์สองข้างปรากฎขึ้น ฝ่ามือขนาดสองสามจั้ง เป็นสีทองเรืองรอง กำหมัดแล้วทุบลงมาด้านล่าง


 


 


หลังจากที่เสียง “ปังๆ” ดังขึ้นสองครั้ง ภายใต้ความคาดไม่ถึงกำปั้นสีทองขนาดยักษ์ทุบลงมาบนร่างของวิหคยักษ์อย่างแน่นหนา คาดไม่ถึงว่าจะทุบปีศาจตนนี้จนเซถอยไป ไม่อาจยืนได้อย่างมั่นคงได้


 


 


จากนั้นหานลี่ก็ใช้มือหนึ่งกดทะเลเพลิงที่พัดเข้ามาอย่างรวดเร็ว


 


 


ภูเขายักษ์สีดำปรากฎขึ้นเบื้องหน้า มันหมุนติ้วๆ กลายเป็นม่านลำแสงขนาดยักษ์ชั้นหนึ่ง หมุนวนไปทางคลื่นเพลิงเบื้องหน้า


 


 


เสียงอึกทึกดังขึ้น เปลวเพลิงลำแสงสีเทาตัดสลับกัน ครานั้นต่างฝ่ายต่างยืนกรานอย่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน


 


 


แม้นว่าลำแสงเทวะดูดปราณจะทำให้พลังเบญจธาตุไร้รูปร่าง แต่แน่นอนว่าก็มีข้อจำกัด คนของเผ่าแดงสดจำนวนมากกระตุ้นพลังของเปลวเพลิงเข้ามาโจมตี ก็ทำได้เพียงต้านทานเอาไว้เท่านั้น


 


 


ทว่าเป้าหมายของหานลี่เดิมที่ก็ไม่ได้อยู่ที่นี่


 


 


เขาถือโอกาสงามๆ นี้ หัวไหล่สั่นเทา แขนที่เหลือทั้งสี่บนรูปที่แผ่นหลังเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายไปเช่นกัน


 


 


ในเวลาเดียวกันวิหคยักษ์ก็เปล่งแสงสว่างวาบขึ้นกลางอากาศ ยื่นแขนยักษ์สีทองอีกสี่แขนออกมา


 


 


แขนสีทองเหล่านี้ตะปบออกไปกลางอากาศราวกับฉีกขาดอากาศ มือที่เป็นดุจเงาบีบคอทั้งสองของวิหคยักษ์เอาไว้


 


 


และวิหคยักษ์ที่เพิ่งจะได้สติจากการถูกโจมตีเห็นสถานการณ์เช่นนี้พลันตกตะลึง ร่างกายอันใหญ่โตพยายามบิดตัวไปมาอย่างสุดชีวิต แต่ปีกของมันกลับหนักอึ้งไม่อาจขยับตัวได้ราวกับมีภูเขายักษ์ทับอยู่บนร่างก็ไม่ปาน


 


 


คาดไม่ถึงว่ามือยักษ์สีทองอีกสองข้างจะดึงปีกเอาไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ทำให้ครานั้นไม่อาจขยับกายได้เลยสักนิด


 


 


วิหคยักษ์สติกระเจิง ยังไม่รอให้ได้สำแดงวิชาอื่นเพื่อเอาตัวรอด มือยักษ์สีทองที่บีบคออยู่ก็ออกแรงพร้อมกัน พลังมหาศาลสี่กลุ่มทะลักออกมา


 


 


ร่างของวิหคยักษ์นับว่าค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่ภายใต้พลังมหาศาลนี้ คอก็เปล่งเสียง “ก๊อก” ราวกับกระดาษ ถูกบิดออกเป็นสองส่วน


 


 


ครานี้หานลี่ถึงได้คลายอาคมที่มือทั้งสอง รูปสีทองที่แผ่นหลังหายไป แขนหกแขนสีทองเองก็หายวับตามไป


 


 


จากนั้นหัวทั้งสองและร่างที่ไร้หัวพลันตกลงจากกลางอากาศ


 


 


หานลี่พลันหางตากระตุกสะบัดแขนเสื้อ ลูกบอลเพลิงสีเงินสามกลุ่มพุ่งออกมาในทันที เปล่งแสงสว่างวาบแล้วโจมตีไปยังร่างและหัวของวิหคยักษ์


 


 


หลังจากเสียง “ฟู่ๆ” ดังขึ้น


 


 


เปลวเพลิงสีเงินพลันขยายใหญ่ขึ้น ชั่วพริบตาก็เผาไหม้พวกมันจนเป็นเถ้าถ่าน จากนั้นก็ผนึกรวมตัวกันที่ใจกลาง กลายเป็นวิหคเพลิงสีเงินตัวหนึ่งบินกลับมา


 


 


“ไป!”


 


 


เห็นหานลี่ชูมือขึ้นก็สังหารวิหคยักษ์ที่มีกำลังแทบจะเทียบเท่ากับตัวเองได้ ชายร่างใหญ่หัวโล้นที่ส่งตัวออกมาจากทะเลเพลิงที่เดือดพล่านก็เอ่ยออกมาด้วยความตกตะลึง


 


 


ทันใดนั้นเสียงแหวกอากาศก็ดังขึ้น วิหคเพลิงแปดเก้าตัวเปล่งแสงสว่างวาบพุ่งออกมาจากเปลวเพลิง ล้วนบินออกไปกลางอากาศ


 


 


ดูแล้วในที่สุดชายร่างใหญ่ของเผ่าแดงสดก็เข้าใจแล้วว่าคนของตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหานลี่ ประกอบกับที่มีวิหคสวรรค์คนอื่นๆ คอยจับจ้องอยู่ด้านข้าง ทันใดนั้นก็เตรียมถอยอย่างไม่ลังเล


 


 


“เทียนหมิง จะไปตอนนี้ ไม่คิดว่าสายไปหน่อยหรือ!”


 


 


กลางอากาศมีเสียงของบุรุษอายุสามสิบกว่าปีของเผ่าวิหคสวรรค์ดังขึ้น จากนั้นประจุไฟฟ้าสีเงินก็เปล่งแสงสว่างวาบกลางอากาศ วิหคยักษ์สีเงินสามตัวปรากฎขึ้น มีทัพเสริมที่คาดไม่ถึง ในที่สุดคนของวิหคสวรรค์ที่ซ่อนตัวอยู่ด้านข้างก็ทนไม่ไหวเริ่มลงมือ


 


 


มันพ่นประจุไฟฟ้าสีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนออกมา ชั่งพริบตาก็กลายเป็นตาข่ายไฟฟ้าขนาดยักษ์ห่อหุ้มลงมา


 


 


ชายร่างใหญ่หัวโล้นที่กลายเป็นวิหคเพลิงเปล่งเสียงร้องยาวๆ ออกมา ชั่วขณะนั้นวิหคตนอื่นๆ พลันมารวมตัวกันโดยมีเขาเป็นใจกลาง คาดไม่ถึงว่าจะรวมตัวกันกลายเป็นวิหคเพลิงขนาดมหึมาความยาวยี่สิบจั้งตัวหนึ่ง


 


 


วิหคเพลิงตัวนี้เปล่งแสงสีม่วงออกมาจากร่าง หลังจากกระพือปีกทั้งสอง ก็ทะลวงผ่านตาข่ายไฟฟ้า


 


 


 วิหคเพลิงสีเงินสามตัวพลันตกตะลึง ไม่กล้าปะทะพลางหลบทางให้


 


 


เปลวเพลิงสีม่วงของวิหคเพลิงสีม่วงพลันขยายใหญ่ขึ้น กระพริบวาบสองสามครั้ง ก็หนีออกไปจากตาข่ายกักมา ปรากฎตัวห่างอกไปร้อยจั้งเศษ


 


 


ความเร็วของเขานับว่าทำให้ผู้คนที่ได้ยินล้วนตะลึงงัน


 


 


หานลี่มองฉากนั้นแววตาเปล่งประกายสว่างวาบ แต่กลับลอยนิ่งอยู่ที่เดิม ไม่มีท่าทีจะไล่ตามไปเลยสักนิด


 


 


วิหคเงินสามตัวลังเลเล็กน้อย แต่ก็ไม่กล้าตามไปเช่นกัน


 


 


กลับเป็นผิวของพวกมันที่มีประจุไฟฟ้าสีเงินเป็นประกาย กลายเป็นมนุษย์อีกครั้งท่ามกลางเสียงฟ้าร้อง


 


 


“ขอบพระคุณนายท่านที่ลงมือช่วยเหลือ หากไม่เช่นนั้นพวกเราคงยากที่รอดจากเคราะห์ครั้งนี้ แต่พี่หน้าตาไม่คุ้นเลย เป็นคนของเผ่าที่หลบซ่อนตัวอยู่นอกมหาสมุทรหรือ?” บุรุษที่เป็นผู้นำของเผ่าวิหคสวรรค์ เผชิญหน้ากับหานลี่ผู้ที่ใช้พลังของคนคนเดียวกดคนของเผ่าแดงสดกลุ่มหนึ่งก็ไม่กล้าดูแคลนเลยแม้แต่น้อย เอ่ยถามพร้อมประสานกำปั้นคารวะตั้งแต่ไกลๆ


 


 


“ใช่คนของเผ่าวิหคสวรรค์หรือไม่ ผู้แซ่หานเองก็ไม่แน่ใจ ข้ามีต้นกำเนิดค่อนข้างพิเศษ ฝึกฝนอยู่ที่นอกมหาสมุทรตามลำพังมาจนถึงทุกวันนี้ ครั้งนี้แค่กลับมายังแผ่นดินเฟิงหยวนครั้งแรกเท่านั้น ทว่าดูจากรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว ข้าคล้ายกับพวกเจ้ามาก มิเช่นนั้นคงไม่ลงมือไล่คนของเผ่าแดงสดไป” ความคิดของหานลี่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว แต่ปากกลับเอ่ยอย่างราบเรียบออกมา


 


 


“อ่าๆ นายท่านไม่จำเป็นต้องสงสัย ท่านคือชนรุ่นหลังของเผ่าวิหคสวรรค์ที่ถูกละเลยอย่างแน่นอน ไม่ต้องพูดถึงรูปลักษณ์ภายนอก แค่กลิ่นอายของวิหคสวรรค์ที่แผ่ออกมาก็เป็นของจริงอย่างแน่นอน และยิ่งไปกว่านั้นยังเข้มข้นขนาดนี้ พี่น่าจะเป็นชนรุ่นหลังสายตรงของเผ่าเรา มิเช่นนั้นตัวต่อวิญญาณเหล่านั้นไม่มีทางหานายท่าพบแน่” บุรุษของเผ่าวิหคสวรรค์นามว่าเฟิงเสี้ยวหัวเราะด้วยเสียงแหบแห้งขณะเอ่ย


 


 


“พี่ฝึกฝนความสามารถจากนอกมหาสมุทร ข้าก็ว่าเหตุใดถึงไม่ค่อยเหมือนพวกเรา” สตรีของเผ่าวิหคสวรรค์หน้าตางดงามผู้นั้นเอ่ยอย่างถึงบางอ้อ


 


 


“ใช่แล้ว อย่างอื่นยังหลอกลวงได้ แต่กลิ่นอายของวิหคสวรรค์ไม่มีทางผิดแน่ มิเช่นนั้นเผ่าเบญจธาตุต่างๆ ที่มีรูปลักษณ์ภายนอกเหมือนกับเราคงไม่อาจแยกแยะกันได้” บุรุษเผ่าวิหคสวรรค์วัยเยาว์เองก็เอ่ยออกมาพร้อมกลั้วหัวเราะ


 


 


หานลี่ได้ฟังคำพูดเหล่านี้จบ ก็รู้สึกผ่อนคลายลง ดูแล้วการหลอมขนของวิหคมัจฉาเส้นนั้นจะช่วยให้เขาปกปิดฐานะของตนเองได้ ครั้งนี้ถือว่าไม่ได้ลงมืออย่างเปล่าประโยชน์ เขาเอ่ยอย่างราบเรียบในทันที


 


 


“ในเมื่อเหล่าสหายมั่นใจขนาดนี้ ดูแล้วข้าก็น่าจะเป็นคนของเผ่าวิหคสวรรค์ไม่ผิดแน่ แต่เมื่อครู่ข้าได้ยินคำพูดของคนเผ่าแดงสด ดูเหมือนว่าสถานการณ์ของเผ่าวิหคสวรรค์ครานี้จะไม่ค่อยดีนัก”


 


 


“เรื่องนี้นั้นพูดยาก เทียนหมิงอาจจะแค่ขู่ให้ตกใจ และอาจจะเกิดอะไรขึ้นกับเผ่าจริงๆ มิเช่นนั้นแม้นว่าเผ่าวิหคสวรรค์ของพวกเราจะเป็นเผ่าที่ค่อนข้างอ่อนแอในบรรดาเจ็ดสิบสองสาขาของเผ่าวิญญาณเหาะเหิน พวกเขาเองก็ไม่กล้าแอบเข้ามาอย่างเปิดเผยและแย่งของไปเช่นนี้” เมื่อได้ยินคำพูดของหานลี่ เฟิงเสี้ยวพลันมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นอีกครั้ง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)