คัมภีร์วิถีเซียน 1410-1412

ตอนที่ 1410

 

ฝึกฝนกระดูกทอง

 


 


 


เมื่อพิจารณาอย่างละเอียดก็เห็นได้ชัดว่ากระดิ่งเหล่านี้แผ่กลิ่นไอวิญญาณไม้ที่หนาแน่นออกมา คาดไม่ถึงว่าทุกดอกจะเป็นดอกไม้สีเหลืองทองที่มีรูปร่างเหมือนกระดิ่ง


 


 


ดูสมจริงราวกับกระดิ่งทองแดงก็ไม่ปาน


 


 


“มีดอกกระดิ่งพฤกษาจำนวนมากจริงๆ ด้วย แถมยังมีอายุพันปีขึ้นไป” เมื่อเห็นดอกเหล่านี้ วานรยักษ์พลันเปล่งเสียงหึ่งๆ อออกมา สีหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง


 


 


“ดอกกระดิ่งพฤกษา พวกเจ้าก็เห็นแล้ว แมลงผลึกกระดูกทองและทรายปะการังทองตัวเมียล่ะ?” หานลี่หัวเราะด้วยเสียงต่ำๆ ขณะเอ่ยถาม


 


 


“แค่นี้เกรงว่าคงไม่พอสินะ มีแต่ร้อยดอกเท่านั้น ตามสัญญาแล้วจะแลกกับแมลงแค่สิบคู่เท่านั้น” อสูรน้อยฉายแววตาดีใจอย่างบ้าคลั่ง แต่กลับเอ่ยด้วยความเยือกเย็นเป็นอย่างมาก


 


 


หานลี่ฉีกยิ้มน้อยๆ โยนกล่องหยกในมือไปเบื้องหน้า มันลอยอยู่กลางอากาศ อีกมือหนึ่งก็พลิกฝ่ามือ กล่องหยกยาวๆ อีกกล่องหนึ่งปรากฎขึ้น


 


 


ฝากล่องเปิดออก มีดอกกระดิ่งพฤกษาบรรจุอยู่เต็มไปหมดเช่นกัน


 


 


ชั่วขณะนั้นฉากนี้พลันทำให้ปีศาจเหล่านี้ตกตะลึงจนตาค้างจริงๆ


 


 


“คงพอแล้วสินะ นำแมลงผลึกและทรายปะการังมาเท่าไหร่ ก็เอาออกมาเถิด” หานลี่จ้องเขม็งไปยังเหล่าปีศาจเบื้องหน้าแล้วเอ่ยอย่างราบเรียบ


 


 


หลังจากตกตะลึงเสร็จแล้ว เหล่าอสูรปีศาจก็ปรึกษากันด้วยเสียงทุ้มต่ำ สุดท้ายอสูรน้อยก็ควักสิ่งที่เหมือนผลึกแร่วารีขนาดเท่ากำปั้นออกมา อสูรปีศาจตนอื่นๆ ก็หยิบน้ำเต้าสีดำสนิทขนาดเท่าฝ่ามือออกมา


 


 


ชั่วพริบตาในห้องโถงก็มีผลึกสิบห้าก้อนและน้ำเต้าสีดำสามผล


 


 


หานลี่ตาเป็นประกาย มือหนึ่งตะปบไปทางพื้นโดยไม่ปริปาก


 


 


ชั่วขณะนั้นผลึกก้อนหนึ่งพลันดีดออกมา ถูกดูดเข้ามาอยู่ในมือ


 


 


เขาก้มหน้าลงพิจารณาอย่างละเอียด


 


 


เห็นเพียงในความแวววาวของก้อนผลึกมีแมลงน้อยสีขาวนวลคู่หนึ่งแช่แข็งเอาไว้ ขนาดสองชุ่น นิ่งค้างราวกับว่ากลายเป็นหิน


 


 


ชั่วพริบตาจิตสัมผัสที่แข็งแกร่งก็กลายเป็นเส้นไหมจำนวนนับไม่ถ้วนทะลุผ่านก้อนผลึกไป ส่งผลถึงแมลงน้อยตัวหนึ่งที่อยู่ในนั้น


 


 


ชั่วขณะนั้นร่างของแมลงน้อยพลันเปล่งแสงสีขาวนวลชั้นหนึ่ง ขยับเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าจะพ่นของเหลวสีเหลืองทองออกมาจากปาก และผสมเข้าไปในผลึก


 


 


ผลึกทั้งก้อนพลันเปลี่ยนสี กลายเป็นสีทองเรืองรอง


 


 


หานลี่เห็นเช่นนั้นพลันหน้าเปลี่ยนสี นิ้วทั้งห้าที่กำผลึกอยู่พลันออกแรง ชั่วขณะนั้นพลังมหาศาลกลุ่มหนึ่งพลันถูกส่งไปที่ก้อนผลึก


 


 


แต่ผิวของผลึกแค่เปล่งแสงสีทองเรืองรอง ไร้ซึ่งความเสียหาย


 


 


“เป็นแมลงผลึกกระดูกทองจริงๆ!” หานลี่เอ่ยพึมพำ


 


 


“ท่านอาวุโสโปรดวางใจ ต่อให้พวกเราอาจหาญแค่ไหน ก็ไม่กล้าหลอกลวงท่านอาวุโส” อสูรน้อยหัววัวหัวเราะอย่างขมขื่นออกมา


 


 


“งั้นหรือ!” หานลี่ตอบกลับอย่างไม่คิดเช่นนั้น วางผลึกลง อีกมือหนึ่งขยับ คว้าน้ำเต้าสีดำมาผลหนึ่ง


 


 


ครานี้พลันเทเม็ดทรายสีม่วงเหลืองกลุ่มหนึ่งออกมาจากด้านใน ชั่วพริบตาก็กองสูงขึ้นจากพื้นดินสามฉื่อ


 


 


กำมืออย่างสบายๆ ในมือมีเม็ดทรายสีม่วงทองกำหนึ่งปรากฎขึ้น และหยิบขึ้นมาอยู่ตรงหน้า


 


 


เขาเพ่งมองอยู่นาน เททรายสีม่วงทองจากในน้ำเต้าสีดำอีกสองผลออกมา


 


 


“ไม่เลว ทรายปะการังทองตัวเมียเหล่านี้ล้วนเป็นของระดับสุดยอด จากน้ำหนักประกอบกับแมลงผลึกสิบห้าคู่แล้ว แม้นว่าจะยังไม่พอเมื่อเทียบกับดอกกระดิ่งพฤกษาสองกล่อง แต่ก็พอสมควร แลกกันเท่านี้ก็แล้วกัน” หานลี่กวาดสายตาไปบนพื้น แล้วเอ่ยอย่างราบเรียบ


 


 


ฟังจากคำพูดของหานลี่ ปีศาจทั้งสี่พลันเผยสีหน้ายินดีออกมา แล้วพยักหน้าเห็นด้วย


 


 


หานลี่โยนกล่องหยกสองใบไป อสูรน้อยและวานรยักษ์ขนสีทองแบ่งกันรับ ทันใดนั้นก็เก็บเข้าไปอย่างระมัดระวัง


 


 


แทบจะในเวลาเดียวกันหานลี่พลันสะบัดแขนเสื้อกวาดไปทางพื้น หลังจากที่ลำแสงสีเขียวม้วนวน ผลึกศิลาและน้ำเต้าต่างก็สลายหายไป


 


 


“การแลกเปลี่ยนครั้งนี้ข้าพึงพอใจมาก วันข้างหน้าหากมีแมลงผลึก ทรายปะการังหรือว่าของล้ำค่าอื่นๆ ก็เอามาแลกกับของที่ต้องการกับข้าได้ ผู้แซ่หานไม่ได้มีแค่ดอกกระดิ่งพฤกษา ไม่มีทางปล่อยให้พวกเจ้าเสียเปรียบแน่ พวกเจ้าไปได้แล้ว” หานลี่ไม่มีเจตนาจะให้ปีศาจเหล่านี้อยู่นานนัก หลังจากเอ่ยอย่างราบเรียบสองสามประโยค ก็ไล่แขกทันที


 


 


จากพลังแรงกดดันที่แข็งแกร่งของหานลี่ อสูรน้อยและเหล่าปีศาจก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก ทยอยกันถอยออกไปจากถ้ำพำนักของหานลี่อย่างนอบน้อม และขับเคลื่อนพายุปีศาจจากไป


 


 


หลังจากที่ทุกคนบินออกไปได้พันกว่าลี้ ถึงได้ผ่อนลมหายใจแล้วหยุดลง รวมตัวกันอยู่กลางอากาศอีกครั้ง


 


 


“ดีเกินไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้จะได้ดอกกระดิ่งพฤกษามามากมายถึงเพียงนี้ และยิ่งไปกว่านั้นล้วนมีอายุพันปีขึ้นไป หากเอาไปมอบทั้งหมด เกรงว่าคงไม่ต้องเอาของบวงสรวงอื่นๆ ไปแล้ว คนของเผ่าวิหคสวรรค์เหล่านั้นไม่มีทางลงโทษพวกเราแน่” หมูป่ายักษ์ตนนั้นแค่นเสียงหึๆ อย่างตื่นเต้นดีใจ


 


 


“อืม ข้าก็คิดไม่ถึงว่าคนผู้นี้จะเอาดอกวิญญาณจำนวนมากขนาดนี้ออกมาได้จริงๆ หากข้าจำไม่ผิดล่ะก็ จำนวนของดอกกระดิ่งพฤกษาที่เกิดขึ้นบนภูเขายักษ์ลูกนั้นจะไม่ได้มากถึงเพียงนี้ หรือว่าเมื่อก่อนตอนที่ตรวจสอบภูเขาลูกนี้มีสถานที่ลับอื่น ฟังจากคำพูดของอีกฝ่าย ดูเหมือนว่าเขายังมีอีกไม่น้อย” วานรยักษ์กลับขมวดคิ้วขณะเอ่ย


 


 


“คงเป็นเช่นนั้นกระมัง หากไม่ใช่เพราะคนผู้นั้นมีดอกกระดิ่งพฤกษาจำนวนมาก ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นไปไม่ได้ คนของเผ่าวิหคสวรรค์เหล่านั้นให้ความสำคัญกับดอกไม้ชนิดนี้ขนาดนี้ แค่คิดก็รู้แล้วว่ามันล้ำค่าขนาดไหน กว่าครึ่งดอกชนิดนี้คงมีต้นกำเนิดในภูเขาเฮยอิ่นของพวกเรากระมัง” งูเหลือมยักษ์สามหัวกลับกลอกตาไปมาขณะเอ่ย


 


 


“เอาล่ะไม่ว่าดอกกระดิ่งพฤกษาจะล้ำค่าขนาดไหน ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเรา ขอแค่พวกเราผ่านสภาพการณ์ร้อยปีนี้ได้ ก็สามารถกำจัดเครื่องหมายทาสแล้วไจปากที่นี่ได้แล้ว แต่ศิลาวิญญาณระดับสูงที่อรหันต์ผู้นั้นร้องขอ พวกเราจำเป็นต้องพยายามหามาให้ได้ มิเช่นนั้นหากเกิดข้อผิดพลาด การรอคอยนานขนาดนี้ก็จะเสียเปล่า” อสูรน้อยขบคิดชั่วครู่ก็เอ่ยเช่นนี้ออกมา


 


 


“มีดอกกระดิ่งพฤกษา เสียเวลาอีกร้อยปีก็ไม่มีปัญหา แต่สิ่งสำคัญคือ ศิลาวิญญาณในมือของพวกเราไม่มากนัก ศิลาวิญญาณระดับต่ำแม้แต่พวกเราก็ใช้การไม่ได้ ส่วนศิลาวิญญาณระดับกลางนั้นก็ไม่มีประโยชน์ต่ออรหันต์ผู้นั้น หากเป็นศิลาวิญญาณระดับสูงเหมืองแร่ศิลาวิญญาณก็ถูกขุดไปจนหมดแล้ว และยิ่งไปกว่านั้นครั้งนี้อรหันต์ผู้นั้นยังเสนอว่า หากพวกเรานำศิลาวิญญาณระดับสุดยอดที่มีธาตุแตกต่างกันสี่ก้อนไปให้ ศิลาวิญญาณระดับสุดยอดนี้ไม่ต้องพูดถึงว่าไม่เคยปรากฎขึ้นในภูเขาเฮยอิ่นของพวกเรา แม้แต่สหายร่วมวิถีที่ฝึกบำเพ็ญเพียรอยู่บนเกาะในละแวกนี้ก็มีแค่ศิลาวิญญาณธาตุน้ำเท่านั้น ต่อให้อยากแลก ก็ไม่อาจแลกได้” วานรยักษ์ขนสีเหลืองเอ่ยด้วยเสียงอู้อี้ๆ


 


 


“แต่จากคนผู้ของอรหันต์ผู้นั้น ศิลาวิญญาณระดับสุดยอดเหล่านี้จำเป็นต้องการทะลวงจุคคอขวดของเขา มิเช่นนั้นก็บรรลุได้ยาก” หมูป่ายักษ์เอ่ยพึมพำ


 


 


ครานั้นปีศาจทั้งสี่พลันเงียบกริบ


 


 


“หากเป็นก่อนหน้านี้ก็พูดยาก แต่ผู้ที่มีความสามารถเกรียงไกรที่พบเมื่อครู่ เขามาจากที่อื่น ไม่แน่ว่าอาจจะมีศิลาวิญญาณธาตุอื่นก็เป็นได้” งูเหลือมยักษ์สะบัดหัวทั้งสามไปมา หัวตรงกลางค่อยๆ เอ่ยปากขึ้น


 


 


“นั่นมันเป็นสิ่งที่พวกเราคิดได้อยู่แล้ว แต่จากพลังยุทธ์ของพวกเราหากนำศิลาวิญญาณระดับสุดยอดไปแลกกับของสิ่งนั้น เกรงว่าคงทำให้อีกฝ่ายสงสัย หาวิธีอื่นก่อนจะดีกว่า สุดท้ายหากไม่ได้จริงๆ ค่อยไปแลกกับคนผู้นั้นก็แล้วกัน” อสูรน้อยเอ่ยอย่างรอบคอบ


 


 


“มีเหตุผล รอพวกเรารับมือกับทูตของเผ่าวิหคสวรรค์ให้เสร็จก่อน แล้วค่อยปรึกษากันอีกทีก็แล้วกัน” วานรยักษ์เสนอขึ้น


 


 


อสูรตนอื่นๆ ก็ไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้ จึงทยอยกันพยักหน้าเห็นด้วย


 


 


ดังนั้นปีศาจทั้งสี่จึงกลายเป็นไอปีศาจสี่กลุ่มอีกครั้ง พุง่ตรงไปยังทิศทางที่แตกต่างกัน


 


 


ครานี้หานลี่อยู่ในห้องลับ มือหนึ่งเล่นผลึกวารีที่ห่อหุ้มแมลงผลึกเอาไว้ก้อนหนึ่ง แววตาเปล่งประกายพลางขบคิดอะไรสักอย่าง


 


 


แม้นว่าแมลงผลึกกระดูกทองจะมีชื่อเสียงยิ่งใหญ่ แพร่งพรายมานานในเผ่ามนุษย์และเผ่าปีศาจ แต่ผู้ที่พบและจับเป็นมันได้นั้นกลับมีน้อยจนน่าเสียดาย


 


 


แม้แต่บางครั้งบังเอิญพบเขาก็แค่สองสามคู่เท่านั้น และมูลค่าของทุกคู่ ก็เพียงพอจะทำให้ปราณแท้ของผู้บำเพ็ญเพียรระดับสูงได้รับบาดเจ็บ


 


 


ดังนั้นเมื่อหานลี่ได้ยินว่าอสูรปีศาจระดับหกเจ็ดสองสามตนนี้จะเอาแมลงผลึกไปถวาย ก็ตกตะลึงและดีใจอย่าบ้าคลั่งขนาดไหน ไม่ต้องคิดก็รู้แล้ว


 


 


แมลงผลึกมีสรรพคุณมากมาย ไม่เพียงสามารถนำมาเป็นวัตถุดิบหลักในการปรุงยาเพิ่มพลังยุทธ์ได้สองสามชนิด และยิ่งไปกว่านั้นยังมีผลต่อการฝึกตนด้วย


 


 


นำกระดูกทองที่แมลงเหล่านี้พ่นออกมามาทาบนเรือนร่าง ประกอบกับการเคยชำระกระดูก ก็ทำให้ร่างกายของผู้บำเพ็ญเพียรแข็งแกร่งขึ้นเท่าหนึ่ง แต่จากกายที่แข็งแกร่งของหานลี่ในตอนนี้ เดาว่าประสิทธิผลของมันคงลดลงเป็นอย่างมาก


 


 


เทียบกันทั้งสองชนิดแล้ว หานลี่จึงหวังว่าจะนำแมลงตัวนี้มาใช้คุณสมบัติที่สามในสถานที่ที่รกร้างที่สุด


 


 


นั่นก็คือนำแมลงตัวนี้มาหล่อวิชามารเที่ยงแท้พราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์ของตนเอง หลอมร่างกายที่แท้จริงของเขาออกมา


 


 


ความสามารถนี้ยิ่งใหญ่ขนาดไหน และยิ่งไปกว่านั้นประสานกับเคล็ดวิชามารเที่ยงแท้พราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์ ก็เพียงพอจะทำให้มีพลังพอจะพลิกภูเขาคว่ำทะเลแล้ว นับว่าเป็นวิธีการแปลงกายที่พิเศษที่สุด


 


 


แน่นอนว่าความสามารถของการหลอมวัชระที่คล้ายกับสำนักพุทธนั้นไม่ใช่เคล็ดวิชาที่ซับซ้อนอะไร เข้าอยู่ไม่น้อย แต่สมุนไพรเสริมที่ต้องการทั้งหมดนอกจากแมลงผลึกกระดูกทองแล้ว ยังต้องการสมุนไพรสองสามชนิดในตำนาน ความหายากของสมุนไพรเหล่านี้ล้วนไม่ด้อยไปกว่าแมลงผลึกกระดูกทอง หากอยากรวบรวมให้ครบก็ต้องเป็นปัญหาของวาสนาแล้ว ไม่มีทางสมหวังได้ในเวลาอันใกล้


 


 


หลังจากที่หานลี่จ้องเขม็งไปผลึกศิลาในมือ ก็ขบคิดอย่างเงียบๆ อยู่ชั่วครู่


 


 


ฉับพลันนั้นพลันสะบัดข้อมือ เบื้องหน้ามีผลึกศิลาอีกสี่ก้อนปรากฎขึ้น


 


 


การหลอมวิชามารเที่ยงแท้พราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์ มีแมลงผลึกสิบคู่ก็น่าจะเพียงพอ ส่วนอีกห้าคู่ที่เหลือ เขากลับนำมาเพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกายตนเองอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด และยิ่งไปกว่านั้นยังเตรียมจะอาศัยการนี้ทะลวงจุดคอขวดของระดับเทพแปลงขั้นกลางอีกครั้ง


 


 


เดาว่าแม้ว่าทุกอย่างจะราบรื่น ขั้นตอนนี้ก็ต้องดำเนินไปอย่างต่อเนื่องห้าถึงหกปี


 


 


เมื่อขบคิดเช่นนั้นหานลี่ก็ไม่ได้ลังเลเลยสักนิด หยิบผลึกก้อนหนึ่งออกมาอยู่ในมือทันที ในมือมีพลังสีเขียววบริสุทธิ์ปรากฎขึ้น หลับตาทั้งสองข้างลงในเวลาเดียวกัน


 


 


แมลงน้อยสองตัวในผลึกหินที่แต่เดิมไม่ขยับเขยื้อน ถูกพลังปราณกระตุ้น ก็สะบัดสะบัดหางพร้อมกัน อ้าปากออกพ่นของเหลวสีทองหยุดหนึ่งออกมา


 


 


ของเหลวสองหยดทำเหมือนไม่เห็นผลึกก้อนนั้น ซึมออกมาจากด้านในโดยไม่มีอะไรมาขวางกั้น แล้วตกลงสู่มือของหานลี่ ถูกไอวิญญาณสีเขียวห่อหุ้มเอาไว้


 


 


ครู่ต่อมาของเหลวสีทองในลำแสงสีเขียวก็ดูเหมือนว่าจะถูกทิ่มแทง ชั่วครู่ก็ระเบิดลำแสงสีทองเจิดจ้าออกมา


 


 


ทันใดนั้นลำแสงนี้และไอวิญญาณสีเขียวก็เปล่งประกายตัดสลับกัน ไล่ไปตามแขนของเขา ชั่วพริบตาแขนก็ถูกห่อหุ้มเอาไว้ด้วยลำแสงสีทอง


 


 


เมื่อลำแสงทั้งหมดหม่นแสงลง ผิวของแขนข้างนี้ก็ถูกย้อมไว้ด้วยสีทอง


 


 


หานลี่ใช้มือหนึ่งรองแขนสีทองเอาไว้ ปากพลันบริกรรมคาถา


 


 


ลำแสงสีทองบนแขนกระพริบระยิบระยับอีกครั้ง ในเวลาเดียวกันลำแสงสีขาวนวลชั้นหนึ่งก็ปรากฎขึ้นบนแขนสีทอง และไหลเวียนไปมาไม่หยุด


 


 


หานลี่ปรับลมหายใจให้มั่นคง สีหน้าราบเรียบ ใส่พลังลมปราณในร่างเข้าไปในวังวนมหัศจรรย์ยักษ์


 

 

 


ตอนที่ 1411

 

 คนของวิหคสวรรค์

 


 


 


เวลาห้าปีจะกล่าวว่ายาวนานก็ยาวนาน จะว่าแสนสั้นก็แสนสั้น


 


 


ช่วงเวลานี้หานลี่ไม่เพียงนำกระดูกทองที่แมลงผลึกห้าคู่พ่นออกมาทาบนเรือนร่าง ยังนำทรายปะการังทองตัวเมียบดกับสมุนไพรต่างๆ จนกลายเป็นน้ำ แล้วใส่เข้าไปในร่างกายระหว่างที่ฝึกฝนกายเนื้อ


 


 


ผลของการกระทำเช่นนี้แน่นอนว่าแมลงผลึกกระดูกทองห้าคู่ล้วนหายไป ทรายปะการังทองตัวเมียในน้ำเต้าทั้งสามก็หมดเกลี้ยง


 


 


วันหนึ่งครั้นเมื่อหานลี่ลืมตาครึ่งจากภวังค์อีกครั้ง ก็เงยหน้าขึ้นดูสองมือที่ดูเหมือนปกติแวบหนึ่ง ใบหน้าเผยสีหน้าแปลกประหลาดออกมา


 


 


“หลอมกระดูกทองและทรายปะการังทองตัวเมียไปในร่างไม่น้อยแล้วแท้ๆ กายเนื้อก็แข็งแกร่งขึ้นมา แต่ทำอย่างไรก็ไม่อาจทลายจุดคอขวดของระดับขั้นกลางที่เหลือเพียงนิดเดียวได้ หรือว่าจะวาสนาไม่ถึงจริงๆ”


 


 


หานลี่ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ปิดตาทั้งสองข้างลงอีกครั้งด้วยความกลัดกลุ้ม ฉับพลันนั้นกำแพงของห้องลับพลันเปล่งแสงสีเขียวสว่างวาบ ทารกวิญญาณที่สองกลายเป็นลำแสงสีดำกลุ่มหนึ่งบินเข้ามา มือเล็กๆ โบกสะบัดไปมาพลางพูดวนๆ ซ้ำๆ กับหานลี่


 


 


หานลี่พลันตะลึงงัน แต่ทันใดนั้นเมื่อได้ยินก็หัวเราะเบาๆ ออกมา


 


 


“เกือบลืมเลย คนของเผ่าวิหคสวรรค์เหล่านั้นใกล้จะมาถึงเกาะแล้ว ถือโอกาสไปชมความสามารถของเผ่าประหลาดเหล่านั้นสักหน่อย” เอ่ยกับตัวเอง หยัดกายขึ้นเดินออกจากประตูห้องลับ


 


 


แม้ว่าสองสามปีที่ผ่านมาเขาจะไม่ได้ออกจากห้องลับเลยแม้แต่ก้าวเดียว แต่กลับออกคำสั่งให้ทารกวิญญาณที่สองใช้เคล็ดวิชาหุ่นเชิด ตรวจสอบการเคลื่อนไหวของปีศาจทั้งสี่อยู่ตลอด ผลคือในที่่สุดก็ได้ยินว่าทูตของเผ่าวิหคสวรรค์จะมาที่เกาะนี้จากการพูดคุยของพวกมัน


 


 


ในที่สุดครานี้เผ่าประหลาดเหล่านั้นก็มาถึงแล้ว ปีศาจเหล่านั้นจึงส่งคนออกไปต้อนรับ


 


 


จะว่าไปแล้วครั้งที่แล้วที่เขาจับท่านเป่ากวงผู้นั้น ก็ใช้เพลิงกลืนวิญญาณทำลายจิตวิญญาณบริสุทธิ์ของเขา ทันใดนั้นก็รู้สึกเสียใจในภายหลังที่ลืมใช้เคล็ดวิชาค้นวิญญาณไป ถึงอย่างไรเสียก็เป็นอสูรปีศาจแปลงกายระดับแปดตนหนึ่ง น่าจะรู้จักในละแวกนี้ไม่น้อย


 


 


แม้นว่าก่อนหน้านี้จะใช้เคล็ดวิชาค้นวิญญาณกับปีศาจปลาทองตัวนั้นแล้ว แต่ปีศาจปลาตัวนั้นไม่เคยออกห่างจากน่านน้ำมากนัก จึงไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรมากนัก รู้แค่ว่าน่านน้ำผืนนี้ถูกเรียกว่าทะเลมารแดง ส่วนเกาะที่หานลี่พำนักอยู่นั้นถูกเรียกว่าเกาะเฮยอิ่น เป็นแค่เกาะครึ่งเกาะเท่านั้น


 


 


ส่วนเล็กๆ ของเกาะนี้ที่เขาอาศัยอยู่คือเทือกเขาเฮยอิ่น เก้าในสิบเกาะล้วนถูกหมอกสีดำปกคลุมเอาไว้ ทว่าโชคดีที่ครึ่งเกาะยังคงเชื่อมติดกับแผ่นดินเฟิงหยวน เขาไม่ได้ถูกส่งตัวไปยังแผ่นดินที่ไม่คุ้นเคยสองแห่งนั้น นี่จึงทำให้านลี่รู้สึกผ่อนคลายลงไปเฮือกหนึ่ง


 


 


ขอแค่ยังอยู่ในแผ่นดินเฟิงหยวน เขาก็มีวิธีกลับไปยังเผ่ามนุษย์


 


 


น่านน้ำรอบๆ ครึ่งเกาะรวมทั้งแผ่นดินที่ติดอยู่กับครึ่งเกาะ ดูเหมือนว่าจะเป็นแผ่นดินที่เผ่าประหลาดมีปิดของเป่าวิญญาณเหาะเหินควบคุมอยู่ ส่วนเผ่าวิหคสวรรค์นั้นเป็นแค่หนึ่งในสาขาของเผ่าวิญญาณเหาะเหินเท่านั้น และยังเป็นหนึ่งในสาขาที่ค่อนข้างอ่อนแอในบรรดายี่สิบสามสิบสาขา นี้ก็เพราะอสูรปีศาจจำนวนไม่น้อยที่อยู่ในละแวกของน่านน้ำนี้ต่างถูกคนของเผ่าวิญญาณเหาะหินขับไล่จากแผ่นดินใหญ่ให้มาอยู่ในมหาสมุทร มิเช่นนั้นปีศาจปลาตัวนี้คงไม่มีทางไม่รู้แม้แต่ข่าวนี้


 


 


นอกจากนี้ปีศาจปลาผู้นี้ก็ไม่ได้ข่าวอะไรที่แม่นยำอีก


 


 


ทว่าในความทรงจำที่ลางเลือนของปีศาจปลาผู้นี้ นอกจากปีกคู่หนึ่งที่แผ่นหลังของเผ่าวิหคสวรรค์แล้ว ก็สามารถยืมความสามารถแปลงกายเป็นวิหคยักษ์ชนิดต่างๆ ได้ระหว่างต่อสู้ ส่วนอื่นๆ ก็คล้ายคลึงกับเผ่ามนุษย์


 


 


เช่นนั้นหานลี่จึงรู้สึกสนใจทูตที่จะมารับเครื่องบรรณาการจากเผ่าวิหคสวรรค์เป็นอย่างมาก และอยากไปดูด้วยตาตัวเองสักครั้ง


 


 


หลังจากนั้นไม่นานหานลี่ก็กลายเป็นสายรุ้งสีเขียวสายหนึ่งปรากฎขึ้นกลางอากาศห่างออกไปสองสามร้อยลี้ ตรงหัวไหล่ของเขามีแมลงเกราะสีเหลืองความยาวครึ่งฉื่อตัวหนึ่งมอบอยู่


 


 


หานลี่ปล่อยให้ลำแสงหลีกหนีพุ่งไปข้างหน้าอย่างอิสระ มือหนึ่งลูบไปที่แมลงกลืนทองที่เพิ่งตื่นได้มานาน


 


 


ดูจากภายนอกแมลงเกราะนี้ไม่มีความเปลี่ยนแปลงจากแต่ก่อนเลยสักนิด แต่ทุกตัวกลับดูหนักขึ้น คาดไม่ถึงว่าจะหนักกว่าตอนที่กินหินประหลาดนั้นไปเข้าไปสองสามเท่า โชคดีที่หลังจากผ่านการทดสอบ แมลงกลืนทองแปลงกายเหล่านี้ก็ฟื้นฟูกลับมามีชีวิตชีวาเช่นเดิม และยิ่งไปกว่านั้นทุกตัวก็มีพลังมหาศาลไร้ขีดจำกัด


 


 


คิดไม่ถึงว่าแมลงกลืนทองตัวหนึ่งจะสามารถกินของหนักเกือบพันชั่งได้ นี่จึงทำให้หานลี่ทดสอบเสร็จแล้วในตอนนั้นตกตะลึงจนอ้าปากค้างอยู่นาน


 


 


นอกจากสองจุดนี้หานลี่ก็ไม่พบว่าแมลงกลืนทองนับพันตัวที่พัฒนาระดับขึ้นแล้วมีความพิเศษอะไรอีก ไม่รู้ว่าเป็นแค่การเปลี่ยนแปลง หรือมีการกลายพันธุ์อื่นๆ แค่เขายังไม่พบเท่านั้น


 


 


หานลี่รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าก้อนหินสามก้อนนี้มีความพิเศษอย่างไร


 


 


หนึ่งวันต่อมา สายรุ้งสีเขียวก็ปรากฎใกล้ๆ กับเทือกเขาเตี้ยๆ


 


 


หลังจากที่แววตาของเขาเปล่งแสงสว่างวาบ ฉับพลันนั้นสายรุ้งสีเขียวก็ทยอยกันลางเลือน สุดท้ายก็สลายหายไปท่ามกลางลำแสงหลีกหนี


 


 


คาดไม่ถึงว่าหานลี่จะสำแดงความสามารถอำพรางลำแสงหลีกหนีและตนเองไปพร้อมกัน ลำแสงหลีกหนีพลันลดความเร็วลงสองสามเท่า


 


 


หลังจากที่บินผ่านทะเลสาบไป เบื้องหน้าพลันมีภูเขาน้อยๆ สีเขียวมรกตที่มีต้นไม้สีเขียวสูงสองสามจั้งเรียงรายอยู่ลูกหนึ่ง ตรงตีนเขามีอสูรหัวเป็นวัวตัวเป็นสิงโตนับพันหมื่นตัววิ่งเล่นอยู่


 


 


หานลี่พิจารณาฝูงอสูร ทันใดนั้นก็มองไปที่เนินเขาเล็กๆ


 


 


ตรงนั้นมีหมอกสีขาวที่หนาแน่นปกคลุมอยู่


 


 


ดวงตาทั้งสองเปล่งแสงสีฟ้าสว่างวาบ ชั่วพริบตาเนตรวิญญาณวารีกระจ่างก็มองทะลุผ่านม่านหมอก มองเห็นประตูหินสีเขียวอ่อนบานหนึ่งในม่านหมอก


 


 


นี่คือถ้ำพำนักของอสูรน้อยหัววัวผู้นั้น


 


 


หานลี่หัวเราะน้อยๆ ออกมา ร่างกายพุ่งขึ้นไปยังที่สูง หลังจากอยู่สูงไปสองสามพันจั้ง ถึงได้หยุดลำแสงหลีกหนีลง


 


 


จากนั้นสองมือพลันร่ายอาคม อาคมหลากสีสันสองสามสายเปล่งแสงสว่างวาบพลางพุ่งออกไป


 


 


อากาศรอบๆ มีหมอกเป็นกลุ่มๆ ปรากฎขึ้น ชั่วพริบตาก็กลายเป็นเมฆสีเทาที่ดูธรรมดาๆ กลุ่มหนึ่ง ปกคลุมร่างกายของเขาเอาไว้


 


 


ครานี้หานลี่ถึงได้ยักไหล่ แมลงกลืนทองยักษ์ตัวนั้นเปล่งแสงสีทองเจิดจ้า ชั่วครู่ก็หดเล็กลงจนมีขนาดเท่าเมล็ดถั่ว สองปีกกระพือบินออกจากหมอกสีเทา ตรงไปยังภูเขาด้านล่าง


 


 


หานลี่มองแมลงตัวนั้น หลังจากรอให้มันหายวับไปในภูเขาแล้ว ก็ลอยอยู่กลางม่านหมอกด้วยสีหน้าราบเรียบ


 


 


ผลคือหลังจากผ่านไปหนึ่งเค่อ ที่ขอบฟ้าก็มีลำแสงสว่างวาบ วายุปีศาจสองกลุ่มบินเข้ามารวมทั้งวิหคยักษ์สีเงินสามตัว


 


 


รูม่านตาของหานลี่หดลงเล็กน้อย สองตาจ้องเขม็งไปยังวิหคยักษ์สามตัว


 


 


เห็นเพียงวิหคยักษ์สามตัวมีความยาวสามจั้งเศษ กายภายนอกคล้ายกับอินทรียักษ์ เรือนกายมีลำแสงสีเงินเรืองรอง ราวกับว่าขนทุกเส้นสร้างขึ้นจากเงินบริสุทธิ์อย่างไรอย่างนั้น ดวงตาสีม่วงเข้มคู่หนึ่งกลอกไปมา แหลมคมเป็นอย่างมาก


 


 


เห็นได้ชัดว่าวิหคยักษ์สามตัวลดความเร็วลง แต่หลังจากที่มองเห็นภูเขาน้อยที่งดงามไกลๆ วิหคทั้งสามก็กระพือปีกออกพร้อมกัน ชั่วขณะนั้นประจุไฟฟ้าสีขาวพลันปรากฎขึ้น จากนั้นก็กลายเป็นสายฟ้าสามสายพุ่งออกมา


 


 


เสียงฟ้าผ่าดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง!


 


 


ครู่ต่อมาวิหคยักษ์สามตัวที่มีประจุไฟฟ้าห่อหุ้มก็ปรากฎตัวเบื้องหน้าหมอกสีขาว


 


 


หลังจากเก็บปีกทั้งสองข้าง วิหคยักษ์สามตัวที่อยู่ท่ามกลางลำแสงสีเงินกลายเป็นบุรุษสองคนและสตรีหนึ่งคน คนประหลาดที่มีปีกสีเงินที่แผ่นหลังสามคน


 


 


“นี่คือคนของเผ่าวิหคสวรรค์?” หานลี่พิจารณาอย่างละเอียด ใบหน้าอดที่จะฉายแววประหลาดใจเล็กน้อยไม่ได้


 


 


หน้าตาของบุรุษช่างหล่อเหลาองอาจ สตรีหน้าตาหมดจนงดงาม นอกจากปีกที่แผ่นหลังแล้ว ก็แทบจะไม่ต่างอะไรกับบุรุษและสตรีเผ่ามนุษย์


 


 


และดูจากกลิ่นอายของทั้งสาม กลับเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีระดับเทียบเท่ากับระดับเทพแปลง


 


 


บุรุษเผ่าวิหคสวรรค์หนึ่งในนั้นดูแล้วมีอายุสามสิบกว่าปี น่าจะอยู่ในระดับเทพแปลงขั้นกลาง บุรุษและสตรีที่อ่อนเยาว์กว่าล้วนอยู่ในระดับเทพแปลงขั้นต้น


 


 


ทั้งสามต่างสวมชุดคลุมยาวสีขาวที่ดูเรียบง่าย บุรุษทั้งสองโพกผ้าสีเงินที่ศีรษะ สตรีผมยาวประบ่า


 


 


หลังจากรู้กำลังของคนของเผ่าวิหคสวรรค์ทั้งสาม หานลี่ก็รู้สึกผ่อนคลายลง ปากพลันบริกรรมคาถาอย่างเงียบๆ เก็บกลิ่นอายทั้งหมดเข้าไป พายุอ่อนๆ กลุ่มหนึ่งพุ่งตรงไปด้านล่าง


 


 


แน่นอนว่าทั้งสามคนไม่มีทางสัมผัสสิ่งที่เกิดขึ้นเหนือหัวได้ แค่ลอยอยู่หน้าภูเขาน้อย รออยู่ตรงนั้นเงียบๆ


 


 


ผลคือหลังจากที่ผ่านไปชั่วครู่ พายุปีศาจสองกลุ่มถึงได้บินมาถึงตรงนั้น


 


 


ไอปีศาจหม่นแสงลง เผยร่างหมูป่ายักษ์และงูเหลือมร่างหัวออกมา


 


 


“เชิญอรหันต์ทั้งสามเข้าไปข้างในขอรับ สหายมรกตและสหายทองกำลังตรวจสอบเครื่องบรรณาการและงานเลี้ยงอยู่ในถ้ำพำนัก เหล่าอรหันต์ทั้งสามโปรดให้เกียรติเยี่ยมชมด้วยเถิด!” เมื่องูเหลือมยักษ์ปรากฎตัว ก็เอ่ยพร้อมรอยยิ้มทันที


 


 


“ไม่ต้องวุ่นวายขนาดนี้ พวกเรารับเครื่องบรรณาการเสร็จก็จะกลับเลย” บุรุษอายุสามสิบกว่าปีเอ่ยอย่างราบเรียบ คนที่เหลือเองก็มีสีหน้าไร้ความรู้สึก


 


 


จะไปโทษว่าพวกเขามีสีหน้าเช่นนี้ได้อย่างไร จากพลังยุทธ์ของปีศาจสองตนนี้จะไปอยู่ในสายตาของคนของเผ่าวิหคสวรรค์ทั้งสามได้อย่างไร


 


 


หากไม่ใช่เพราะเครื่องบรรณาการของเหล่าปีศาจบนเกาะนั้นสำคัญ พวกเขาก็ไม่คิดจะเอ่ยปากพูดเลยสักนิด


 


 


ในตอนนั้นเองหมอกสีขาวเบื้องหน้าภูเขาก็สลายออก ประตูสีเขียวที่ซ่อนอยู่ด้านในค่อยๆ เปิดออก


 


 


ทันใดนั้นอสูรน้อยหัววัวและวานรยักษ์ขนทองก็เดินออกมาจากด้านใน เอ่ยเชิญคนของเผ่าวิหคสวรรค์ทั้งสามให้เข้าไปในถ้ำพำนักด้วยความรู้สึกผิด ปีศาจที่เหลือก็ไล่ตามมาติดๆ


 


 


ผู้ใดก็คิดไม่ถึงว่าชั่วพริบตาที่ประตูถ้ำพำนักปิดลงอีกครั้ง พายุจางๆ ที่มองไม่ค่อยเห็นสายหนึ่งจะพัดเข้าไปในประตู


 


 


ปีศาจทั้งสี่นำคนของวิหคสวรรค์ทั้งสามเข้าไปในห้องโถงที่วิจิตรงดงามห้องหนึ่งอย่างรวดเร็ว แม้นว่าปีศาจทั้งสี่จะยังไม่ได้แปลงกายเป็นคน แต่คาดไม่ถึงว่าจะมีเก้าอี้ตั้งอยู่ตรงนั้นสองสามตัว


 


 


คนของวิหคสวรรค์ทั้งสามเองก็ไม่เกรงใจนั่งลงตรงตำแหน่งหลัก สี่ปีศาจยืนประสานมืออยู่ด้านข้างอย่างนอบน้อม


 


 


“เอาล่ะ ไม่ต้องพูดพล่ามอะไรไร้สารแล้ว ขอแค่พวกเรามาว่าครั้งนี้เตรียมเครื่องบรรณาการมาเหมาะสมหรือไม่” บุรุษของเผ่าวิหคสวรรค์ที่ดูอายุยี่สิบกว่าปีเพิ่งจะนั่งลง ก็เอ่ยถามขึ้นอย่างไม่เกรงใจ


 


 


“รายงานเหล่าอรหันต์ เครื่องบรรณาการกว่าครึ่งถูกจัดเตรียมไว้อย่างครบครันแล้ว แต่มีบางอย่างที่หมดสิ้นไปจากเกาะของพวกเราแล้ว จึงไม่อาจตามหาได้” อสูรน้อยหัววัวใจหายวาบ พลางตอบกลับอย่างรีบร้อน


 


 


“รวบรวมไม่ครบ? หึ เครื่องบรรณาการไม่ครบ พวกเจ้าก็น่าจะรู้ผลที่จะตามมาสินะ ไม่มีเครื่องบรรณาการ พวกเจ้าจะมีค่าอะไรให้อยู่บนเกาะนี้ต่อ” บุรุษที่อายุมากหน่อยอีกคนหนึ่งได้ยิน ก็มีสีหน้าเคร่งขรึม


 


 


“ท่านอรหันต์โปรดระงับความโกรธด้วย! แม้ว่าเครื่องบรรณาการจะขาดไปหน่อย แต่ครั้งนี้พวกเรากลับเตรียมดอกกระดิ่งพฤกษาห้าสิบดอกมาเพิ่ม หวังว่าเหล่าอรหันต์จะให้อภัยสักครั้ง” อสูรน้อยใจเย็นวาบ รีบร้อนเอ่ยสิ่งที่ตนเองเตรียมเอาไว้ออกมา


 


 


“อะไรนะ เตรียมดอกกระดิ่งพฤกษเพิ่มห้าสิบดอก!” คนของวิหคสวรรค์สามคนมองสบตากันแวบหนึ่ง เผยสีหน้ายินดีออกมา


 


 


“พวกเจ้าคงคิดจะนำมาทดแทนสินะ คิดจะใช้ดอกกระดิ่งพฤกษาที่อายุไม่ถึงมาตบตาพวกเราสินะ” บุรุษของเผ่าวิหคสวรรค์ที่อายุสามสิบกว่าปีกลับคิดอะไรได้ แล้วเอ่ยเตือนอย่างเ**้ยมโหด


 

 

 


ตอนที่ 1412

 

“พวกเราจะกล้าทำอย่างนั้นได้อย่างไร ท่านอรหันต์ทั้งสามเชิญตรวจสอบอายุของสมุนไพรวิญญาณด้วยตัวเอง” อสูรน้อยตกตะลึง แล้วเอ่ยตอบอย่างรีบร้อน


 


 


แทบจะในเวลาเดียวกันนั้น วานรยักษ์ขนสีทองก็พลิกฝ่ามือที่มีขนปกคลุมทั้งสอง ลำแสงสีขาวเปล่งแสงสว่างวาบที่เบื้องหน้า กล่องหยกที่มีดอกกระดิ่งพฤกษาบรรจุอยู่เต็มกล่องสองกล่องปรากฎขึ้นตรงหน้า จากนั้นก็ส่งมาด้วยมือทั้งสองมือ


 


 


บุรุษที่อายุน้อยของเผ่าวิหคสวรรค์รับกล่องหยกทั้งสองใบมาดูด้วยความเชื่อครึ่งมิเชื่อครึ่ง และเปิดฝาพวกมันออก


 


 


ชั่วขณะนั้นลำแสงสีทองพลันเปล่งแสงเรืองรอง ในเวลาเดียวกันกลิ่นหอมกรุ่นก็โชยมาปะทะจมุก


 


 


คนของวิหคสวรรค์สามคนพลันตกตะลึง ทันใดนั้นก็รู้สึกปิติยินดี


 


 


“เป็นดอกกระดิ่งพฤกษาอายุมากกว่าพันปีจริงๆ คุณภาพชั้นหนึ่ง” สตรีวัยเยาว์ของเผ่าวิหคสวรรค์หยิบดอกกระดิ่งพฤกษาออกมาดอกหนึ่ง หลังจากพิจารณาอย่างละเอียดแล้ว ก็เอ่ยขึ้นด้วยความตื่นเต้นดีใจ


 


 


“ใช่แล้ว หรือว่าครั้งนี้พวกเจ้านำดอกไม้คุณภาพสูงเช่นนี้มาได้ เครื่องบรรณาการอื่นก็ลดลงหน่อย ลองพูดมาให้ข้าฟังซิ” คนของวิหคสวรรค์อายุสามสิบกว่าปีเก็บสีหน้าปิติยินดี แล้วเอ่ยถามด้วยสีหน้าที่ผ่อนคลายลง


 


 


ปีศาจทั้งสี่เห็นเช่นนั้นพลันผ่อนคลายลง รู้ว่าครั้งนี้คงจะผ่านไปได้ด้วยดีแล้ว


 


 


ทันใดนั้นพวกมันก็ควักเครื่องบรรณาการแต่ละชิ้นออกมา ให้คนของวิหคสวรรค์ทั้งสามตรวจสอบอย่างละเอียด


 


 


“อืม แมลงผลึกกระดูกทองและทรายปะการังทองตัวเมียขาดไปหน่อย จำนวนของไม้ลำแสงสีเขียวมีแค่ครึ่งหนึ่ง…” บุรุษเผ่าวิหคสวรรค์วัยเยาว์นับจำนวนเครื่องบรรณาการที่มีไม่ครบ


 


 


“ก็พอได้ ของที่ขาดไปไม่ถือว่ามากมายนัก ดอกกระดิ่งพฤกษาที่เพิ่มมาก็พอจะชดเชยส่วนที่ขาดได้ ครั้งนี้นับว่าพวกเจ้าส่งมอบเครื่องบรรณาการครบ นี่คือรางวัลยาสมุนไพรที่ช่วยสะกดเครื่องหมายทาสของพวกเจ้า ครั้งหน้าตอนที่พวกเรามาอีกครั้ง จำนวนของดอกกระดิ่งพฤกษายิ่งมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีมากเท่านั้น” บุรุษเผ่าวิหคสวรรค์อายุสามสิบปีพยักหน้า ในเวลาเดียวกันก็สะบัดแขนเสื้อ ขวดหยกสีเขียวสี่ขวดบินออกมา ตกลงในฝ่ามือของทั้งสี่คน


 


 


ปีศาจทั้งสี่ทยอยกันรับขวดนั้นไว้ ปากก็เอ่ยขอบคุณอย่างต่อเนื่อง


 


 


คนของวิหคสวรรค์ทั้งสามเก็บเครื่องบรรณาการไป ไม่ได้มีเจตนาจะรั้งรออยู่นานอีก หยัดกายลุกขึ้นแล้วออกจากถ้ำพำนักของอสูรน้อยทันที


 


 


ปีศาจทั้งสี่ไปส่งคนของวิหคสวรรค์ที่ประตุใหญ่อย่างนอบน้อม มองดูคนของวิหคสวรรค์ทั้งสามกลายเป็นวิหคยักษ์สามตัวบินจากไปแล้ว ถึงได้กลับมายังถ้ำพำนักด้วยความผ่อนคลาย แล้วปรึกษาเรื่องใหญ่กันต่อ


 


 


แน่นอนว่าปีศาจเหล่านี้ไม่รู้ว่ามุมหนึ่งของห้องโถง มีแมลงสีทองตัวหนึ่งหมอบอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ มันนิ่งงันไม่ขยับ ราวกับไม่มีชีวิตอย่างไรอย่างนั้น


 


 


ในเวลาเดียวกันหานลี่กลับอำพรางกายไล่ตามวิหคยักษ์สามตัวไป แววตาเปล่งประกายไม่หยุด


 


 


เมื่อครู่ในถ้ำพำนักของอสูรน้อย เขาเห็นสถานการณ์ที่คนของวิหคสวรรค์เก็บเครื่องบรรณนาการไปอย่างชัดเจน เดาว่าพวกเขาจะต้องกลับไปรวมตัวที่เผ่าวิหคสวรรค์แน่


 


 


สิ่งที่เขาต้องทำในครานี้ก็คือตามคนของวิหคสวรรค์ทั้งสามคนไปสักระยะหนึ่ง หาเส้นทางกลับไปยังแผ่นดินเทียนหยวนที่ปลอดภัย


 


 


ถึงอย่างไรเสียน่านน้ำผืนนี้ก็กว้างใหญ่ไพศาลขนาดนี้ ผู้ใดจะรู้ว่าจะมีอันตรายอะไรซ่อนอยู่หรือไม่ หานลี่ไม่อยากให้ตนเองพุ่งเข้าไปในอาณาเขตของสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งอะไรโดยที่ไม่รู้ตัว


 


 


และยิ่งไปกว่านั้นคนของเผ่าวิญญาณเหาะเหินเหล่านี้ดูแล้วก็คล้ายคลึงกับเผ่ามนุษย์ หาที่รวมตัวของคนของเผ่าวิหคสวรรค์พบ จากความสามารถของเขา การแฝงตัวเข้าไปรวบรวมข่าวสารและวัตถุดินสมุนไพรที่ต้องการ ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร


 


 


ไม่แน่ว่าเผ่าประหลาดเหล่านี้อาจจะมีสมบัติล้ำค่ายอย่างแมลงผลึกกระดูกทองอยู่ไม่น้อย


 


 


ถึงอย่างไรเสียเผ่าประหลาดวิญญาณเหาะเหินและเผ่ามนุษย์ก็ไม่เหมือนกัน ของที่เหมือนกัน อาจจะมีค่ากับเผ่ามนุษย์ แต่อาจจะเป็นแค่ของธรรมดาของเผ่าวิญญาณเหาะเหิน


 


 


เมื่อขบคิดเช่นนี้หานลี่ก็รู้สึกเร่าร้อน ยิ่งไล่ตามคนของวิหคสวรรค์ไปด้วยความระมัดระวังตัวยิ่งขึ้น


 


 


จากความสามารถของหานลี่ขอแค่ทั้งสามคนไม่ได้ออกนอกอาณาเขตจิตสัมผัสเขาเกินร้อยลี้ ก็ไม่อาจสลัดเขาทิ้งได้ง่ายๆ


 


 


ดังนั้นวิหคสามตนและคนหนึ่งคนก็บินลัดไปตามขอบของครึ่งเกาะไปเรื่อยๆ เวลาผ่านไปสองเดือนกว่า ในที่สุดหานลี่ก็มองเห็นเส้นสีดำสายหนึ่งที่ขอบฟ้า


 


 


ในที่สุดเขาก็มาถึงริมฝั่งของแผ่นดินใหญ่เทียนหยวน


 


 


ครานี้วิหคสวรรค์ทั้งสามคนที่อยู่เบื้องหน้าพลันบินเข้าไปในแผ่นดินใหญ่ตั้งนานแล้ว


 


 


ริมทะเลที่ติดกับแผ่นดินใหญ่มีเนินเขาน้อยใหญ่เชื่อมต่อกันอย่างสลับซับซ้อน


 


 


หานลี่ไม่กล้าดูแคลนรีบร้อนเร่งความเร็วตามไปสองสามส่วน เข้าไปใกล้มากกว่าครึ่ง


 


 


แต่ในตอนนั้นเองเบื้องหน้ากลับมีสิ่งแปลกประหลาดปรากฎขึ้น!


 


 


เบื้องหน้าคนของวิหคสวรรค์ทั้งสามพลันมีวิหคยักษ์สองหัวตัวหนึ่งและเผ่าประหลาดมีปีกที่แผ่นหลังเช่นกันอีกเจ็ดแปดคนปรากฎขึ้น


 


 


เมื่อพวกเขาปรากฎตัวก็ล้อมคนของวิหคสวรรค์ทั้งสามเอาไว้ทันที ท่าทางไม่เป็นมิตร


 


 


หานลี่พลันตกตะลึง แต่ร่างกายก็ไม่ได้หยุดยั้ง ชั่วครู่ก็บินออกมาจากที่เกิดเหตุกว่าสองร้อยจั้ง แล้วหยุดลำแสงหลีกหนีลงเงียบๆ


 


 


เห็นเพียงวิหคยักษ์สองหัวตัวนั้นโหดเ**้ยมเป็นอย่างยิ่ง ขนาดตัวสิบจั้ง หัวหนึ่งคล้ายกับหัวเสือ หัวกลับหนึ่งกลับคล้ายมังกรวารี ขนห้าสีสลับกันอย่างแพรวพราว เผยความงดงามออกมา ส่วนคนติดปีกเจ็ดแปดคนนั้นต่างก็มีหน้าโหดเ**้ยมเช่นกัน ปีกที่แผ่นหลังไม่เพียงใหญ่กว่าคนของวิหคสวรรค์ และยิ่งไปกว่านั้นขนยังเปล่งประกายสีแดงเพลิง


 


 


ชั่วพริบตาคนของวิหคสวรรค์สามคนก็คืนร่างเดิม ยืนเคียงบ่ากันด้วยสีหน้าเคร่งขรึม


 


 


“เทียนหมิง มีเจตนาใด? ที่นี่คืออาณาเขตของเผ่าวิหคสวรรค์ของพวกเรา เผ่าแดงสดอย่างพวกเจ้ามาปรากฎตัวที่นี่ด้วยเหตุอันใด และยังมาขวางทางพวกเราอีก หรือว่าไม่กลัวการลงทัณฑ์สิบประการ?” บุรุษของเผ่าวิหคสวรรค์อายุสามสิบปีเศษ เอ่ยตำหนิชายร่างใหญ่คนหนึ่งที่เข้ามาล้อมไว้


 


 


ชายร่างใหญ่ผู้นี้สวมชุดสีแดง ร่างกายสูงใหญ่ บนศีรษะไม่มีเส้นผมสักเส้น


 


 


“หึๆ ในเมื่อพวกเรามาปรากฎตัวที่นี่ แน่นอนว่าต้องไม่กลัวการลงทัณฑ์สิบประการอะไรนั้นอยู่แล้ว ส่งของมาซะดีๆ แล้วก็ยอมสยบให้แก่เผ่าแดงสดของพวกเรา ไม่แน่ว่าอาจจะยอมปล่อยพวกเจ้าไปสักครั้ง” ชายร่างใหญ่หัวเราะหึๆ ออกมา“ของอะไร?” เฟิงเสี้ยวหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย แต่ทันใดนั้นก็ฟื้นฟูสีหน้ากลับมาเป็นปกติ


 


 


“เหตุใดพี่เฟิงเสี้ยวต้องปิดบังด้วย แน่นอนว่าต้องเป็นดอกกระดิ่งพฤกษาอยู่แล้ว” ชายร่างใหญ่หัวโล้นเอ่ยอย่างเ**้ยมเกรียม


 


 


“ดอกกระดิ่งพฤกษามีค่าขนาดไหน พวกเราสามคนจะพกติดตัวได้อย่างไร เทียนหมิง หรือว่าสมองของเจ้าเลอะเลือน” คนของเผ่าวิหคสวรรค์เอ่ยปฏิเสธ


 


 


“ไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร อีกเดี๋ยวข้าก็จะไปค้นตัวของพวกเจ้าเอง ใช่แล้ว ลืมบอกพวกเจ้าไป ประมุขที่มีเลือดเนื้อของวิหคมัจฉาคนสุดท้ายของเผ่าวิหคสวรรค์ของพวกเจ้า เพลี้ยงพล้ำจากการฝ่าวงล้อมของอสูรเจิงหนิงที่แดนสามหัวเมื่อสี่เดือนก่อนแล้ว อีกไม่ช้าก็เร็วเผ่าวิหคสวรรค์ก็จะถูกลบทิ้งไปจากเผ่าวิญญาณเหาะเหิน” ชายร่างใหญ่ผู้นั้นเอ่ยพร้อมกับหัวเราะอย่างบ้าคลั่งออกมา


 


 


เมื่อได้ฟังคนของวิหคมัจฉาสามตนก็ตกตะลึง


 


 


“เหลวไหล ประมุขวิหคมัจฉามีความสามารถขนาดไหน ต่อให้ไม่สามารถสู้รบได้ แต่หากคิดหนีจะถูกอสูรเจิงหนิงสามตัวขวางไว้ได้อย่างไร” บุรุษเผ่าวิหคสวรรค์ที่อ่อนเยาว์มีท่าทีไม่เชื่อถือ


 


 


“หึๆ หากแค่อสูรเจิงหนิงนั้นไม่อาจขวางประมุขเผ่าวิหคมัจฉาได้ แต่หากร่างกายได้รับบาดเจ็บหนัก ปีกทั้งสองถูกทำลายอย่างหนัก ก็ไม่อาจแปลงกายบินหนีได้” ชายร่างใหญ่หัวโล้นสยายปีกสีเพลิงออก แล้วเอ่ยอย่างไม่เป็นมิตร


 


 


“เจ้าคิดว่ากล่าวเช่นนี้ พวกเราจะเชื่อหรือ เหลวไหว ต่อให้กล่าวว่าท้องฟ้าจะพังทลายลงมา ก็อย่าคิดว่าพวกเราสามคนจะมอบของให้เจ้า” บุรุษเผ่าวิหคสวรรค์อายุสามสิบปีเศษ กลับเคร่งขรึมขึ้น แล้วตอบกลับอย่างเย็นชา


 


 


บุรุษและสตรีวัยเยาว์อีกคู่หนึ่งเองก็มีลำแสงอัสนีเปล่งแสงสว่างวาบขึ้นบนร่าง ท่าทางไม่ยอมประนีประนอม


 


 


ชายร่างใหญ่หัวโล้นของเผ่าแดงสดเห็นเช่นนั้น พลันแค่นเสียงหึ แววตาเปล่งประกายโหดเ**้ยมไม่หยุด


 


 


เขาเองก็เป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับเทพแปลงขั้นกลาง คนอื่นๆ ล้วนมีกำลังในระดับเทพแปลงขั้นต้น ประกอบกับวิหคยักษ์สองหัวตนหนึ่ง มองอย่างไรกำลังก็เหนือกว่าคนของวิหคสวรรค์หลายเท่า ทว่าหากคนของวิหคสวรรค์คิดจะหนี พวกเขากลับไม่มั่นใจว่าจะจับอีกฝ่ายทั้งหมดได้


 


 


ถึงอย่างไรเสียเผ่าแดงสดก็ไม่ได้มีความสามารถด้านความเร็ว หากไล่ตามพวกที่อยู่ในระดับเดียวกัน กว่าครึ่งก็คงถูกอีกฝ่ายสลัดทิ้ง ทว่าในเมื่อชายร่างใหญ่นำกำลังมาซุ่มโจมตีที่นี่ แน่นอนว่าก็ต้องขบคิดถึงจุดนี้แล้ว


 


 


ใบหน้าโหดเ**้ยมฉายแววสว่างวาบ ชายร่างใหญ่โบกมือมือหนึ่ง


 


 


คนของเผ่าแดงสดที่เหลือพลิกฝ่ามือ ชั่วขณะนั้นในมือพลันมีกระบอกไม้ไผ่สั้นๆ สีฟ้าปรากฎขึ้นเล็งไปทางด้านหลังพร้อมกัน


 


 


หลังจากเสียงแหวกอากาสดัง “ฟิ้วๆ” ดังขึ้น ลูกบอลลำแสงสีฟ้าเป็นกลุ่มๆ ก็พุ่งออกมา


 


 


“แย่แล้ว นั่นคือกระบอกกักมาร รีบหนีเร็ว!” บุรุษเผ่าวิหคสวรรค์ที่อายุมากกว่าเห็นฉากนี้ก็ร้องอุทานออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง


 


 


สะบัดปีกทั้งสองอย่างไม่ต้องปริปากใดๆ ร่างทั้งร่างกลายเป็นประจุไฟฟ้าสีเงินสายหนึ่งพุง่ออกไป


 


 


คนที่เหลือทั้งสองได้ยินก็หน้าเปลี่ยนสี หลังจากนั้นก็มีเสียงฟ้าคำรามไล่ตามเขาไปติดๆ


 


 


แต่กลับสายไปเสียแล้ว


 


 


ลูกบอลลำแสงสีฟ้าสองสามลูกรอบด้านระเบิดออก กลายเป็นตาข่ายสีฟ้า ขยายใหญ่ขึ้นไม่หยุด


 


 


ชั่วพริบตาตาข่ายเส้นไหมทั้งหมดก็ผนึกต่อกัน กักทั้งหมดในรัศมีสองสามร้อยจั้งเอาไว้ กลายเป็นกรงขนาดยักษ์


 


 


เมื่อกรงยักษ์ปรากฎขึ้น ลำแสงไฟฟ้าสามสายกลับไม่ได้หนีออกมาจากตาข่าย


 


 


ลำแสงไฟฟ้าหม่นแสงลง ร่างของวิหคสวรรค์ทั้งสามปรากฎขึ้น แต่ทุกคนล้วนมีสีหน้าซีดขาว


 


 


แม้นว่าจะเป็นแค่ตาข่ายกักมารระดับต่ำที่สุด แต่ก็กักพวกเจ้าได้ระยะหนึ่งแน่ เฟิงเสี้ยวเจ้าคิดว่าจะมีเวลาฉีกตาข่ายกักมารโดยที่มีพวกเราล้อมไว้อีกหรือ ยอมให้จับเสียแต่โดยดี ข้าจะแนะนำเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย หากไม่ตกลง ก็อย่ามาโทษว่าข้าไร้ความปรานี” ชายร่างใหญ่หัวโล้นเห็นตาข่ายกักมารกักคนของวิหคสวรรค์ทั้งสามเอาไว้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ก็เอ่ยอย่างยินดีออกมา


 


 


“พวกเราร่วมมือกัน รีบทลายตาข่ายกักมารเร็วเข้า!” เฟิงเสี้ยวกลับไม่สนใจชายร่างใหญ่ กลับออกคำสั่งกับสหายร่วมทางอีกสองตนด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ทันใดนั้นพลันถูมือเข้าหากัน ชูขึ้นอีกครั้ง ประจุไฟฟ้าหนาๆ สองสายพุ่งออกมา โจมตีไปยังตาข่ายยักษ์สีฟ้าเบื้องหน้า


 


 


ส่วนบุรุษและสตรีเผ่าวิหคสวรรค์วัยเยาว์คู่นั้นก็อ้าปากออกโดยไม่ได้พูดอะไร พ่นประจุไฟฟ้าหนาเท่าปากชามสายหนึ่งออกมา เข้าร่วมการโจมตี


 


 


ชั่วขณะนั้นเสียงตูมๆ พลันดังสนั่นขึ้น ตาข่ายเส้นไหมลำแสงสีฟ้าลำแสงสีเงินพลันตัดสลับกัน ตาข่ายกักมารทั้งผืนพลันสั่นเทา


 


 


ชายร่างใหญ่หัวโล้นเทียนหมิงเห็นเช่นนี้ กลับตะโกนออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยวทันที


 


 


“ลงมือ อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว!”


 


 


ทันใดนั้นเขาพลันหมุนวนกลางอากาศ ชั่วครู่ก็กลายเป็นวิหคยักษ์สีแดงยาวสองสามจั้งตัวหนึ่ง กระพือปีกทั้งสองข้าง กลายเป็นเปลวเพลิง ตรงไปหาคนของวิหคสวรรค์สามคนที่อยู่กลางอากาศ


 


 


คนของเผ่าแดงสดที่เหลือก็ทำเช่นเดียวกัน กลายเป็นวิหคเพลิงล้อมโจมตีเอาไว้


 


 


เช่นนั้นคนของวิหคสวรรค์สามคนก็ไม่สนใจจะโจมตีตาข่ายกักมาอีก แค่แปลงกายเป็นวิหคสีเงินขนาดยักษ์ ปากก็พ่นอัสนีไปโจมตีกับศัตรู


 


 


ครานี้เปลวเพลิงที่อยู่กลางอากาศพลันหมุนวน เสียงฟ้าผ่าดังขึ้น บรรยากาศรอบๆ เปลี่ยนเป็นร้อนฉ่า


 


 


มีเพียงวิหคยักษ์ศองหัวตัวนั้น ที่หยุดการเคลื่อนไหวอยู่ที่เดิมอย่างทระนง


 


 


หานลี่ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ท่าทางหัวเราะก็ไม่ได้ ร้องไห้ก็ไม่ออก


 


 


เขาในครานี้ติดอยู่ในอาณาเขตของตาข่ายกักมารเสียแล้ว

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)